รายงานผลโครงงาน เรื่อง ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด Mushroom Kimchi จัดทำโดย นางสาวปาริชาต จองรัตน์มณี นางสาววารีรักษ์ กล้าณรงค์การ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 30404-8501 โครงงาน (Project) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 1 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
รายงานผลโครงงาน เรื่อง ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด Mushroom Kimchi จัดทำโดย 64304040163 นางสาวปาริชาต จองรัตน์มณี 64304040169 นางสาววารีรักษ์ กล้าณรงค์การ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 30404-8501 โครงงาน (Project) ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2565 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 1 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
ก กิตติกรรมประกาศ รายงานผลโครงงานเรื่อง ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด ฉบับนี้ ผู้จัดทำได้รับความอนุเคราะห์จากนางภาชณุมาศ ทองคำ ครูที่ปรึกษาผลงานให้คำแนะนำ ชี้แนะแนวทางในการดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ และการเขียน รายงานมีความสมบูรณ์ การจัดทำโครงงานครั้งนี้ สำเร็จได้ด้วยความร่วมมือของเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นนักเรียน นักศึกษาระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ส่งเสริมสนับสนุนให้การดำเนินงานบรรลุผลสำเร็จ ผู้จัดทำขอขอบคุณ ไว้ ณ โอกาสนี้ ผู้จัดทำ นางสาวปาริชาต จองรัตนมณี นางสาววารีรักษ์ กล้าณรงค์การ
ข ชื่อโครงงาน ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด ประเภทโครงงาน โครงงานสิ่งประดิษฐ์ ผู้จัดทำ นางสาวปาริชาต จองรัตน์มณี 64304040163ระดับชั้น ปวส.2 สาขาอาหารและโภชนาการ นางสาววารีรักษ์ กล้าณรงค์การ 64304040169 ระดับชั้น ปวส.2 สาขาอาหารและโภชนาการ ครูที่ปรึกษาผลงงาน นางภาชณุมาศ ทองคำ ปีการศึกษา 2565 บทคัดย่อ การจัดทำโครงงาน เรื่อง ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด วัตถุประสงค์เพื่อศึกษา สูตรมาตรฐานของกิมจิเห็ด เพื่อ ศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด และเพื่อเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด โดย ดำเนินงาน ศึกษาหาสูตรมาตรฐาน 3 สูตร ประเมินความพึงพอใจต่อผู้บริโภคต่อสูตร 3 สูตร เพื่อให้ ได้สูตร มาตรฐาน และนำมาประเมินจากกลุ่มผู้บริโภคเพื่อยอมรับผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด ผลของการศึกษาและการจัดทำ โครงงานพบว่า ผลการศึกษาสูตรมาตรฐานของกิมจิเห็ด 3 สูตรมีความต่างกันที่รสชาติและปริมาณของโคชูจัง สูตรที่ 1 ใช้โคชูจังร้อยละ 0.42 สูตรที่ 2 ใช้โคชูจังร้อยละ 0.60 สูตรที่ 3 ใช้โคชูจังร้อยละ 0.90 ผลการศึกษา ความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด คัดเลือกสูตร มาตรฐานผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด ด้วยการทดสอบ การยอมรับทางประสาทสัมผัส (9 Point Hedonic Scale Test) โดยใช้ผู้ทดสอบ จำนวน 100 คน พบว่า ผู้บริโภคให้การยอมรับ ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด สูตรที่ 1 ใช้โคชูจังร้อยละ 0.42 ผลการพัฒนา ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด โดยสอบถามการบริโภคกิมจิเห็ดในชีวิตประจำวันของ ผู้บริโภค 100 คน พบว่าผู้บริโภคเสริมการทำงานระบบ ย่อยอาหารร้อยละ 44 รับประทานมากกว่าสามรสชาติต่อ 1 มื้อร้อยละ 78.5 และ ยอมรับผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด ร้อยละ 98
ค Project name Mushroom Kimchi Project type Invention Project Developers MissParichad jongeratmanee64304040163 Dip.2 Food and Nutritions faculty Miss Waiirak Klanarongkan 64304040169Dip.2 Food and Nutritions faculty Project mentor teacher Mrs. Pachanumas Tongkam Academic year 2022 Abstract Preparation of a project on mushroom kimchi products Objectives to study Standard Recipe for Mushroom Kimchi To study consumer satisfaction towards mushroom kimchi products and to develop mushroom kimchi products by conducting a study to find 3 standard formulas, evaluating consumer satisfaction towards 3 formulas in order to obtain a standard formula. And evaluated by consumers for acceptance of mushroom kimchi products.The results of the study and project preparation found that The study results of 3 standard formulas of mushroom kimchi differed in taste and amount of gochujang. Formula 1 used 0.42% Gochujang, formula 2 used 0.60% Gochujang and formula 3 used Gochujang. Jang 0.90 percent. The results of the study of consumer satisfaction towards mushroom kimchi products, selected formulas, standardized mushroom kimchi products. With a sensory acceptance test (9 Point Hedonic Scale Test) using 100 testers, it was found that consumer acceptance Mushroom kimchi product formula 1 uses Kochujang 0 . 4 2 % . Development results of mushroom kimchi product By asking about the daily consumption of mushroom kimchi of 100 consumers, it was found that 44% of consumers supplemented the digestive system, 78.5% ate more than three flavors per meal, and 98% accepted mushroom kimchi products.
ง สารบัญ เรื่อง หน้า กิตติกรรมประกาศ ก บทคัดย่อ ข บท 1 บทนำ 1 - ที่มาและความสำคัญของโครงงาน 1 -วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1 -ขอบเขตการดำเนินการ 1 -เป้าหมายการดำเนินการ 2 - การบูรณาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2 บทที่ 2 เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 3 -ความรู้เกี่ยวกับเห็ด 3 -ความรู้เกี่ยวกับกิมจิเห็ด 3 -ความรู้เกี่ยวกับผงขิง - บรรจุภัณฑ์ของกิมจิเห็ด 4 13 -งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 14 -หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 17 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการ 18 -ระยะเวลาดำเนินงาน 18 -สถานที่ดำเนินงาน 18 -งบประมาณ 18 - ขั้นตอนการดำเนินงาน 18 -รายละเอียดวิธีการการดำเนินการโครงงาน 19 - การประเมินผลการดำเนินการ 20 บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน/ ผลการศึกษา 34 -ผลการศึกษาสูตรมาตรฐานของกิมจิเห็ด 34 - ผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด 34 - ผลการพัฒนาผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด 35
จ สารบัญ (ต่อ) เรื่อง บทที่ 5 สรุปผลและอภิปรายผลการดำเนินงาน หน้า 41 -สรุปผลการดำเนินงาน 41 -ปัญหาและอุปสรรค 41 - ประโยชน์ที่ได้รับ - ข้อเสนอแนะ 41 41 บรรณานุกรม ภาคผนวก -ภาคผนวก ก -ภาคผนวก ข -ภาคผนวก ค
ฉ สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า ตารางที่ 3.1 ขั้นตอนการดำเนินงาน 18 ตารตางที่ 3.2 แสดงปริมาณส่วนผสมของกิมจิเห็ด 20 ตารางที่ 3.3. แบบสอบถามความถพึงพอใจผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด 22 ตารางที่ 3.4 แบบสำรวจเพศ 23 ตารางที่ 3.5 แบบสำรวจอายุ 24 ตารางที่ 3.6 ท่านเคยรับประทานผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกิมจิเห็ดหรือไม่ 24 ตารางที่ 3.7 ท่านมีอาการแพ้น้ำปลาหรือไม่ 25 ตารางที่ 3.8 ท่านมีอาการแพ้(เห็ดหูหนูดำ เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนูขาว)หรือไม่ 25 ตารางที่ 3.9ท่านรับประทานกิมจิเห็ดในช่วงเวลาใดบ้าง 26 ตารางที่ 3.10 ท่านเคยพบเห็นกิมจิเห็ดจัดจำหน่ายในสถานที่ใดบ้าง 26 ตารางที่ 3.11 ท่านเคยรับประทานกิมจิเห็ดที่ทำมาจาก(ผัก)ชนิดใดบ้าง 27 ตารางที่ 3.12 ท่านเคยรับประทานกิมจิมีกลิ่นของ(กระเทียม ขิง โคชูจัง)หรือไม่เคย 27 ตารางที่ 3.13 .ท่านเคยรับประทานกิมจิมีรสชาติอย่างไรบ้าง 28 ตารางที่ 3.14.ท่านรับประทานกิมจิกี่มื้อต่อวัน 28 ตารางที่ 3.15 ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดที่ท่านเลือกซื้อใส่บรรจุภัณฑ์แบบใด 29 ตารางที่ 3.16 ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดที่ท่านเลือกซื้ออยู่ในราคาประมาณเท่าใด 29 ตารางที่ 3.17 .ท่านคิดว่าผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดเหมาะกับวัยใดบ้าง 30 ตารางที่ 3.18ท่านทราบประโยชน์ของกิมจิเห็ดหรือไม่ 30 ตารางที่ 3.19 ท่านนิยมรับประทานกิมจิเห็ดกับเนื้อย่างชนิดใดบ้าง 31
ช สารบัญตาราง(ต่อ) ตารางที่ หน้า ตารางที่ 3.20 ท่านคิดว่าขนาดรับประทานของผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดควรมีปริมาณต่อ1บรรจุภัณฑ์ เท่าใด 31 ตารางที่ 3.21ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด 32 ตารางที่ 3.22หากมีผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดบรรจุพร้อมรับประทาน ในราคา 40 บาท ท่านยอมรับ หรือไม่ 32 ตารางที่ 3.23หากมีผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดวางขาย ท่านสนใจซื้อหรือไม่ 33 ตารางที่4.1 ผลการสำรวจความผึงพอใจของผู้บริโภคต่อสูตรมาตรฐาน 3 สูตร 35 ตารางที่4.2แสดงจำนวนและร้อยละ ของผู้ตอบแบบสอบถาม 35 ตารางที่ 4.3 ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมของผู้ตอบแบบสอบถาม 36 ตารางที่ 4.4ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมขอผู้ตอบแบบสอบถาม (ต่อ) 37 ตารางที่ 4.5ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมขอผู้ตอบแบบสอบถาม (ต่อ) 37 ตารางที่ 4.6ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมขอผู้ตอบแบบสอบถาม (ต่อ) 38 ตารางที่ 4.7ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมขอผู้ตอบแบบสอบถาม (ต่อ) 39 ตารางที่ 4.8ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมขอผู้ตอบแบบสอบถาม (ต่อ) 40
ซ สารบัญภาพ รูปภาพที่ หน้า รูปภาพที่ 2.3.1 เห็ดหูหนูขาว 5 รูปภาพที่ 2.3.2 เห็ดหูหนูดำ 5 รูปภาพที่ 2.3.3 เห็ดเข็มทอง 6 รูปภาพที่ 2.3.4 ผักกาดขาว 6 รูปภาพที่ 2.3.5 หัวไชเท้า 7 รูปภาพที่ 2.3.6 แครอท 7 รูปภาพที่ 2.3.7 ต้นหอม 8 รูปภาพที่ 2.3.8 หอมหัวใหญ่ 8 รูปภาพที่ 2.3.9 กระเทียม 9 รูปภาพที่ 2.3.10 ขิงสด 9 รูปภาพที่ 2.3.11 ผงขิง 10 รูปภาพที่ 2.3.12 โคชูจัง 10 รูปภาพที่ 2.3.13 แป้งข้าวเจ้า 11 รูปภาพที่ 2.3.14 น้ำตาลทรายขาว 1 1 รูปภาพที่ 2.3.15 เกลือ 12 รูปภาพที่ 2.3.16 น้ำปลาทิพรส 12
บทที่1 บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญ ในปัจจุบันสังคมไทยได้มีความนิยมรับประทานอาหารเกาหลีเพิ่มมากขึ้นจะนิยมรับประทานในวัยรุ่น ถึงวัยทำงานจึงได้คิดค้นผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดตามท้องตลาดนั้นมีแต่กิมจิผักที่มีรสชาติเผ็ด เปรี้ยว นำกิมจิผักมา พัฒนาเปลี่ยนเป็นกิมจิเห็ดและยังคงมีความกรอบของเห็ดมีรสชาติความเป็นเห็ดยังคงอยู่ กิมจิ (Kimchi) เป็น หนึ่งในอาหารที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศเกาหลี และยังเป็นที่นิยมในคนไทยรุ่นใหม่อีกด้วยเพราะนอกจาก รสชาติเผ็ด เปรี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว กิมจิยังขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยโพรไบโอ ติกส์ซึ่งการศึกษาหลายชิ้นชี้ว่ากิมจิอาจช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและระบบย่อยอาหารได้กิมจิเป็นคำที่ใช้เรียกผักดอง ในภาษาเกาหลี มักทำจากกะหล่ำปลีเป็นส่วนใหญ่ แต่ผักชนิดอื่นก็สามารถนำมาทำกิมจิได้เหมือนกัน เช่น หัว ไชเท้า แตงกวา หัวบีท หรือผักอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม การบริโภคอาหารหมักดอง อย่างกิมจิก็อาจมีความเสี่ยง บางอย่างที่ควรทราบก่อนรับประทานจุดเริ่มต้นของกิมจิ เป็นที่เชื่อกันว่าการทำกิมจิเป็นการดองผักที่ถือกำเนิด ขึ้นในศตวรรษที่ 7 ในยุคนั้นช่วงฤดูหนาวในประเทศเกาหลี จะมีอากาศหนาวจัดไม่เหมาะกับการเพาะปลูก ชาวเกาหลีจึงคิดวิธีการถนอมอาหารขึ้น เพื่อมาทดแทนผักสดที่หาได้ยาก หนึ่งในนั้นคือการทำผักดองเค็มด้วย เกลือหมักในไหแล้วนำไปฝังดิน จึงเป็นจุดกำเนิดของกิมจิในยุคสมัยต่อมา ที่มา [1] 1.2 วัตถุประสงค์ 1.2.1 เพื่อศึกษาสูตรมาตรฐานของกิมจิเห็ด 1.2.2 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด 1.2.3 เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด 1.3 ขอบเขตโครงงาน 1.3.1 เริ่มโครงงานวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2565 สิ้นสุดวันที่14 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2566 1.3.2 สินค้านี้สามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย 1.3.3 การใช้กลุ่มเป้าหมายในการทดสอบชิมนักศึกษาและบุคคลากรวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่
2 1.4 เป้าหมายการกำเนินการ ศึกษาเกี่ยวกับ เรื่อง ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด มีรายละเอียดที่ศึกษาประกอบด้วย ศึกษาหาข้อมูลจากแหล่ง ต่าง ๆ หรือท้องถิ่นเพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะในการทำกิมจิเห็ด เพื่อให้ได้กิมจิเห็ดคุณภาพดีตรงตาม มาตรฐาน 1.4.1 เชิงปริมาณ 1.4.1.1 ทำผลิตภัณฑ์ออกมาให้ได้ 3 รสชาติเพื่อเปรียบเทียบ 1.4.1.2 ผู้ทดลองชิมประเมินคุณภาพและรสชาติ 100 คน 1.4.2 เชิงคุณภาพ 1.4.2.1 ทำให้มีคุณภาพเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดที่มีจำหน่ายในท้องตลาด 1.4.2.2 ทำให้คุณภาพคงที่ทุกครั้งที่มีการผลิตเพื่อจำหน่าย 1.5 การบูรณาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฎิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ และยังนำมาปรับใช้ในโครงงานได้อีกด้วย โดยการใช้3ห่วง2 เงื่อนไข ดังนี้ 1.5.1 หลักการใช้ 3 ห่วง เพื่อบูรณาการกับโครงงานอาชีพ 1.5.1.1 ความพอประมาณการใช้อุปกรณ์ที่มีต้นทุนอยู่แล้วและเหมาะสมกับฐานะตนเองไม่ เบียดเบียนตนเองโดยใช้จ่ายในเรื่องที่ไม่เหมาะสมหรือฟุ่มเฟือยและวัตถุดิบที่ใช้ต้นทุนน้อยแต่สามารถพัฒนา ต่อยอดไปได้อีกไกล เช่น เห็ด ที่สามารถหาได้ง่ายและมีต้นทุนที่ถูกเพื่อนำไปต่อยอดให้ได้ในราคาสูงขึ้น 1.5.1.2 ความมีเหตุผลตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผลและรอบคอบและคำนึงถึง ผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างรอบคอบเช่นมีเหตุผลในการซื้อวัตถุดิบเปรียบเทียบราคาให้ รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ 1.5.1.3 ภูมิคุ้มกันการเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์และการเปลี่ยนแปลงใน ด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นและพร้อมรับมือกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงนั้นเพื่อรับมือได้ทันท่วงทีโดยไม่ประมาท เช่น สถานการณ์โควิดที่กำลังระบาดในปัจจุบันต้องรับมือในการปรับเปลี่ยนการซื้อขายของออนไลน์ 1.5.2 หลักการใช้ 2 เงื่อนไขเพื่อบูรณาการกับโครงงานอาชีพ 1.5.2.1 เงื่อนไขความรู้ต้องมีความรู้รอบคอเพื่อนำมาพัฒนาในตัวผลิตภัณฑ์และนำความรู้ เหล่านั้นมาปรับใช้ในผลิตภัณฑ์ต่อไป เช่นนำความรู้จากการเล่าเรียนมาปรับใช้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ 1.5.2.2 เงื่อนไขคุณธรรมการซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภคโดยไม่บิดเบือนความจริงมีเจตคติที่ดีต่อ อาชีพ และสามัคคีกับผู้ร่วมจัดทำโครงงานอาชีพ ที่มา[2]
บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การจัดทำโครงงานผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด ผู้จัดทำได้ค้นคว้ารวบรวมแนวคิดทฤษฎีหลักการต่าง ๆ จาก เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังนี้ 2.1 ความรู้เกี่ยวกับเห็ด 2.2 ความรู้เกี่ยวกับผงขิง 2.3 บรรจุภัณฑ์ 2.4 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.5 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2.1 ความรู้เกี่ยวกับเห็ด เห็ดมีความหมายได้หลายอย่างขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์ ถ้าใช้เป็นอาหารเห็ดจะอยู่ใน กลุ่มพืชผัก เห็ดเป็นพวกที่มีโปรตีนสูง อุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญหลายชนิด โดยเฉพาะ วิตา มิน บี 1 และบี 2 และมีแคลอรี่ต่ำ เห็ดถูกจัดเป็นพืชชั้นต่ำกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากเห็ดไม่มีคลอโรฟิล สังเคราะห์แสงไม่ได้ ปรุงอาหาร ไม่ได้ ต้องอาศัยอาหารจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ โดยการเป็นปรสิต (Parasite) หรือขึ้นบนรากพืชที่ตายแล้ว (Saprophyte) หรืออาศัยอาหารจากรากพืชอื่นๆ (Mycorrhiza)โดยทั่วไปเห็ดเป็นชื่อใช้เรียกราชั้นสูงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีวิวัฒนาการสูง สูงกว่าราอื่นๆมี วงจรชีวิตที่สลับซับซ้อนกว่าเชื้อราทั่วไป เริ่มจากสปอร์ซึ่งเป็นอวัยวะหรือ ส่วนที่สร้างเซลขยายพันธุ์ เพื่อ ตกไปในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะงอกเป็นใย และกลุ่มใยรา (Mycelium) เจริญพัฒนาเป็นกลุ่มก้อน เกิดเป็นดอกเห็ด อยู่เหนือพื้นดินบนต้นไม้ ขอนไม้ ซากพืช มูลสัตว์ ฯลฯ เมื่อดอก เห็ดเจริญจะสร้าง สปอร์ ซึ่งจะปลิวไปงอกเป็นใยรา และเป็นดอกเห็ดได้อีก หมุนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป ที่มา: [1]
4 2.2 ความรู้เกี่ยวกับผงขิง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มปลูกขิงมาประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว แต่ชาวจีนที่เรียกขิงว่า ‘เจียง’ น่าจะ เป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่ใช้ขิงในการปรุงอาหาร มีบันทึกไว้ว่า ขิงปรากฎในประเทศจีนตั้งแต่ 2,500 ปีมาแล้ว หลักฐานที่เก่าที่สุดเขียนขึ้นโดย ‘เสินหนง’ เทพเจ้าแห่งชาวนา เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งยาจีน พื้นบ้าน เพราะบันทึกสมุนไพรต่างๆ ไว้ จนกลายเป็นตำรา เขาบันทึกถึงขิงไว้ว่า มีสรรพคุณที่ทำให้ร่างกาย แข็งแรงและสุขภาพดีสำนวนของชาวจีนที่ว่า “อาหารและยามีรากเดียวกัน” จึงใช้ได้กับขิง ยังมีบันทึกไว้ว่า อาหารทุกมื้อของขงจื๊อไม่เคยขาดขิงเลยขิงเดินทางออกจากทางเมืองกวางโจวที่อยู่ตอนใต้ของจีนมายังเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ จนไปถึงศรีลังกา ตำราอายุรเวทของอินเดียซึ่งเขียนขึ้นประมาณ 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช บรรยายถึงการใช้ขิงเป็นรักษาโรค โดยเฉพาะระบบย่อยอาหาร ขิงจัดเป็นหนึ่งในสามของเครื่องเทศที่สำคัญ ถึง ขั้นมีคำกล่าวว่า ทุกคนควรกินขิงสดก่อนกินข้าวกลางวันและข้าวเย็นเพื่อช่วยย่อยอาหาร มหากาพย์สำคัญของ ศาสนาฮินดูอย่างมหาภารตะก็กล่าวถึงอาหารจานหนึ่งที่ทำจากเนื้อ ผสมขิงและเครื่องเทศอื่นๆ ลงไปด้วยขิง เริ่มแพร่หลายในอินเดียในช่วงศตวรรษที่ 13 มีการใส่ขิงบดลงไปในอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น ในอินเดียใต้ ขิงเชื่อมของชาวทมิฬเป็นที่นิยมมาก เรียกว่าอินจิมุรัปปะ จะมีแผงขายขิงเชื่อมตั้งอยู่ตามป้ายรถเมล์และในร้าน น้ำชาของท้องถิ่น ในทมิฬ นาดู ขิงที่เผ็ดน้อยเอามาใช้ดองกับน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู เกลือ และพริกเขียว เก็บไว้ได้ 5 วัน รสขิงจะเข้มขึ้นหลังจาก 24 ชั่วโมงแรกชาวเมดิเตอเรเนียนรู้จักขิงเมื่อก่อนศตวรรษที่ 1 ไม่นาน นัก อาจจะผ่านพ่อค้าชาวอาหรับที่เดินทางด้วยเส้นทางสายไหม มีเรื่องเล่าว่า ในบรรดาเครื่องเทศที่พ่อค้าขน กลับมา ขิงเป็นเครื่องเทศที่เน่าเสียน้อยกว่าเครื่องเทศชนิดอื่นๆ และอยู่ได้นานด้วย ราวศตวรรษที่ 13 เรือของ ชาวอาหรับที่บรรทุกขิงหรือกระถางที่ปลูกขิงมาจอดที่ชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกา ทำให้ขิงได้รับความนิยม ในโมร็อคโกและอันดาลูเซียในศตวรรษที่ 6 ในยุคกลาง ชาวยุโรปใช้ขิงที่แปรรูปแล้วใส่ในขนมหวานในกามสูตร กล่าวถึงขิงว่าใช้เพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ เช่นเดียวกับชาวเมลานีเซียที่อยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกที่ ใช้ขิงเพื่อให้ผู้หญิงรัก ตรงข้ามกับชาวฟิลิปปินส์ที่เคี้ยวขิงเพื่อขับไล่วิญญาณร้าย ที่มา[2]
5 2.3 ส่วนผสมของกิมจิเห็ด 2.3.1 เห็ดหูหนูขาว รูปภาพที่ 2.3.1 ที่มา [3] การรับประทานเห็ดหูหนูขาวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น อิ่มน้ำให้กับผิวพรรณ เนื่องจากเห็ดหูหนูขาว สามารถซับ และอุ้มน้ำได้มาก ถือเป็นไฟโต ไฮยาลูโรเนด (Hyaluronate) ตามธรรมชาติ ที่ช่วยจัดการกับ อนุมูลอิสระภายในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยฟื้นคืนความอ่อนเยาว์ ผิวเรียบเนียน คืนความเต่งตึง ให้กับผิวและใบหน้าได้ 2.3.2 เห็ดหูหนูดำ รูปภาพที่ 2.3.2 ที่มา [4] เห็ดหูหนูดำจึงมีคุณสมบัติในการป้องกัน บรรเทา และรักษาโรคดังกล่าวมาทั้งหมด แล้วยังสามารถ รักษาอาการนิ่วในถุงน้ำดี นิ่วในไต วัณโรค ไอแห้งๆ ปากแห้งขม ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร ดังนั้น เห็ดหู หนูจึงเป็นพญาแห่งยาอายุวัฒนะ ที่สามารถป้องกันมะเร็งได้อีกด้วย เพราะช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี
6 2.3.3 เห็ดเข็มทอง รูปภาพที่ 2.3.3 ที่มา [5] เห็ดเข็มทอง มีสีขาวนวล รูปร่างเป็นหมวกทรงกลม ก้านเรียวยาว เกิดรวมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งเป็นเห็ดที่ นิยมนำไปประกอบอาหารหลายชนิด เช่น สุกี้ เห็ดทอด เห็ดพันเบคอน ยำวุ้นเส้น เห็ดเข็มทองอุดมไปด้วยใย อาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านการอักเสบ ต้านเนื้องอก ต้านมะเร็ง ลดความดันโลหิต ลด คอเลสเตอรอล ปรับปรุงการทำงานของสมองและช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย 2.3.4 ผักกาดขาว รูปภาพที่ 2.3.4 ที่มา [6] ผักกาดขาว ยังมีสารอาหาร อาทิ แคลเซียม โพแทสเซียม ใยอาหาร คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินเอ และวิตามินเค รวมถึงสารอาหารอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย โดยในปัจจุบันมีงานวิจัยบางส่วน ค้นคว้าเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของผักกาดขาวต่อสุขภาพร่างกายในด้านต่าง ๆ
7 2.3.5 หัวไชเท้า รูปภาพที่ 2.3.5 ที่มา [7] หัวไชเท้าเป็นผักแคลอรีต่ำ แถมยังมีไฟเบอร์อยู่มาก เมื่อกินหัวไชเท้าจึงทำให้อิ่มไว ส่วนไฟเบอร์ก็มี ส่วนช่วยในกระบวนการขับถ่าย ช่วยดีท็อกซ์ผนังกระเพาะอาหารและลำไส้ ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมสารอาหาร ต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น 2.3.6 แครอท รูปภาพที่ 2.3.6 ที่มา [8] แครอทมีชื่อไทยว่าหัวผักกาดแดง มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียกลางและเอเชียตะวันตก และถูกนำไปปลูก ในจีนและยุโรปภายหลัง แท้จริงแล้วแครอทมีหลายสี เช่น สีส้ม สีแดง สีเหลือง ซึ่งล้วนแต่เกิดจากเม็ดสีที่ชื่อว่า แคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ใช้สำหรับสังเคราะห์วิตามินเอ แครอทจึงมีสรรพคุณในการบำรุงสายตา ป้องกันโรคต้อกระจก และป้องกันเบื่อบุตาอักเสบได้
8 2.3.7 ต้นหอม รูปภาพที่ 2.3.7 ที่มา [9] ต้นหอม (Spring Onion) เป็นพืชผักสมุนไพร ที่เป็นที่รู้จักกันดี เป็นพืชล้มลุก มีหัวใต้ดิน มีสีเขียวมี กลิ่นฉุนเฉพาะตัว อยู่ในสกุลเดียวกับกระเทียม ต้นหอมกินได้ทั้งใบ ดอกและหัว มีกลิ่นฉุน มีรสชาติเผ็ดร้อน มี ถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียกลาง เป็นที่นิยมปลูกกันทั่วไป ในหลายประเทศทั่วโลก เป็นพืชสมุนไพรไทยที่มาแต่ โบราณ มีประโยชน์สรรพคุณ ทางยาหลายอย่าง นำมาประกอบอาหารเมนูต่างๆ ได้หลายเมนู จะรับประทาน เป็นผักสด นำมาเป็นเครื่องเคียงและโรยหน้าอาหารได้ 2.3.8 หอมหัวใหญ่ รูปภาพที่ 2.3.8 ที่มา [10] หัวหอม ไม่ใช่เป็นแค่ผักธรรมดาทั่วไปที่นำมาใช้ในการประกอบอาหารหรือเพื่อเพิ่มรสชาติให้อาหาร และก็ไม่ได้ใหญ่แต่ชื่อและขนาด เนื่องจากมีสรรพคุณที่ใหญ่มากเพราะช่วยป้องกันและรักษาโรคสำคัญต่าง ๆ ได้หลายชนิด โดยพบว่าหัวหอมใหญ่นั้นอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ของเรามากกว่า 300 ชนิด
9 2.3.9 กระเทียม รูปภาพที่ 2.3.9 ที่มา [11] กระเทียม (Garlic)เป็นพืชสมุนไพรและเครื่องเทศชนิดที่นิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารไทย ซึ่งอุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มออร์แกโนซัลเฟอร์ โดยสารที่ พบในกระเทียมมากที่สุดคือ สารอัลลิอิน ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นสารอัลลิซิน เมื่อกระเทียมถูกทุบหรือสับให้แตก โดยสารนี้อยู่ในน้ำมันหอมระเหยของกระเทียมที่มีสรรพคุณช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลในเลือดและลดความ เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ 2.3.10 ขิงสด รูปภาพที่ 2.3.10 ที่มา [12] ขิงจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายของเรา เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน
10 2.3.11 ผงขิง รูปภาพที่ 2.3.11 ที่มา [13] การรับประทานขิงตอนที่อาการไมเกรนใกล้กำเริบนั้น จะช่วยทำให้ความเจ็บปวดจากอาการไมเกรน ลดลงได้ เพราะขิงจะไปช่วยสกัดฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาอื่น แสดงให้เห็นอีกว่า ขิงสามารถช่วยรักษาอาการไขข้ออักเสบ โดยพบว่าผู้ที่มีอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมหรือโรครูมาตอยด์มีอาการ ลดลงเมื่อบริโภคขิงผงเป็นประจำทุกวัน 2.3.12 โคชูจัง รูปภาพที่ 2.3.12 ที่มา [14] โคชูจัง นั้น เป็นที่รวมสารอาหารมากมาย มีทั้งโปรตีน ไขมัน วิตามินบี 2 วิตามินซี แคโรทีน และ สารอาหารอื่น ๆ ส่วนใหญ่คนเกาหลีจะใช้ โคชูจัง เป็นส่วนผสมในการหมักอาหารและใช้เป็นเครื่องปรุงรส นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง ช่วยในการไหลเวียนของเลือด และกระตุ้นเซลล์ผิวหนัง
11 2.3.13 แป้งข้าวเจ้า รูปภาพที่ 2.3.13 ที่มา [15] แป้งข้าวเจ้าเป็นส่วนประกอบที่เป็นประโยชน์หลัก ไฟเบอร์จะช่วยบำรุงและให้สารอาหารได้ดีที่สุด ผลิตภัณฑ์นี้ไม่มีกลูเตนและซึ่งไม่สำคัญจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ด้วยเหตุนี้แป้งมักถูกใช้ในอาหารเด็กจึงไม่ ก่อให้เกิดอาการแพ้ 2.3.14 น้ำตาลทรายขาว รูปภาพที่ 2.3.14 ที่มา [16] น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และ ไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียก อาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่า น้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาล
12 2.3.15 เกลือ รูปภาพที่มา 2.3.15 ที่มา [17] เกลือ ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการทำอาหาร ไม่ว่าจะใช้เพื่อเพิ่มรสชาติเค็มให้กับเมนูอาหาร ตลอดจนใช้ในการหมักบ่ม สำหรับถนอมอาหาร จึงเป็นของคู่ครัวที่จะขาดไปไม่ได้เลย แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจาก รสชาติที่เค็มแล้ว เกลือ ยังให้ประโยชน์ต่าง ๆ ต่อร่างกายอย่างอเนกอนันต์ รวมถึงยังสามารถนำมาใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างหลากหลาย 2.3.16 น้ำปลาทิพรส รูปภาพที่ 2.3.16 ที่มา [18] น้ำปลาทิพรส ได้คัดสรรปลากะตักสายพันธุ์ดี หมักเป็นเวลา 1 ปี โดยวิธีธรรมชาติ เพื่อให้ได้น้ำปลา รสชาติชั้นยอดที่มีคุณค่าโปรตีนสูงเพิ่มรสชาติความอร่อยถูกปากให้ทุกจานโปรดของคนไทย ผลิตภัณฑ์อาจเกิด ผลึกเกลือ เมื่อเก็บในอุณภูมิต่ำไม่เป็นอันตรายต่อการบริโภค
13 2.3 บรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ คือ สิ่งที่ผลิตขึ้นมาเพื่อจะนำมาห่อหุ้มสิ่งของหรือสินค้าชนิดต่างๆ เพื่อทำการปกป้องหรือ ป้องกันสินค้าเหล่านั้นจากการขนส่ง และยังเป็นการช่วยเก็บรักษาสินค้าจากปัจจัยภายนอกที่อาจทำให้เกิด ความเสียหาย ทั้งยังสามารถยืดอายุสินค้าเหล่านั้นได้นอกเหนือจากนั้นบรรจุภัณฑ์ยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมาก ทั้งยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย เพราะฉะนั้นการใช้งานจึงอยู่ที่ความต้องการของแต่ละบุคคล นั่นเอง 2.3.1 กระปุกใสฝาเกลียว เป็นขวดโหลพลาสติกใสที่ผลิตมาจากพลาสติก PET หรือ Polyethylene terephthalate ซึ่งเป็นพลาสติกที่ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ โดยที่พลาสติกแบบ PET นั้น มีคุณสมบัติโดดเด่นมากมาย เมื่อนำมาผลิตเป็นกระปุกพลาสติกฝาเกลียว จะทำให้ได้บรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้ 2.3.1.1 พลาสติก PET มีความทนทาน ทนต่อแรงกระแทกได้ ไม่เปราะแตกง่าย ทำให้ได้ กระปุกพลาสติกที่แข็งแรง ไม่บุบหรือแตกหักง่าย 2.3.1.2 พลาสติก PET สามารถนำมาขึ้นรูปทรงและขนาดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ทรงกระบอก ทรงสี่เหลี่ยม หรือทรงอื่น ๆ ทำให้คุณสามารถผลิตบรรจุภัณฑ์ได้เหมาะกับรูปทรง ขนาดและ ปริมาณของสินค้า 2.3.1.3 การผลิตกระปุกด้วยพลาสติกแบบ PET สามารถผลิตให้มีความใส และมองเห็นข้าง ในได้อย่างชัดเจน เพราะพลาสติกแบบ PET นั้นเป็นพลาสติกตัวแรกที่กลั่นออกมาจากน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ จึงทำให้มีสีใส 2.3.1.4 พลาสติก PET มีน้ำหนักเบา เมื่อนำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ ทำให้กระปุกพลาสติกนั้น มีน้ำหนักเบา ทำให้ง่ายต่อการขนส่งพลาสติก PET เป็นพลาสติกที่สะอาด Food Grade จึงสามารถนำมาใช้ เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหารได้ ตรงตามมาตรฐาน GMP และ HACCP 2.3.2 ขวดโหลแก้ว เป็นวัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ชนิดหนึ่ง และนิยมใช้กันอย่างกว้างขวางใน อุตสาหกรรมอาหารเนื่องมีความเฉื่อยต่อการทำปฏิกิริยากับสารเคมีชีวภาพต่าง ๆ เมื่อเปรีบยเทียบกับวัสดุ บรรจุภัณฑ์อื่น ๆ และรักษาคุณภาพสินค้าได้ดีมาก ข้อดีของแก้วคือมีความใสและทำเป็นสีต่าง ๆ ได้ สามารถ ทนต่อแรงกรดได้สูงแต่เปราะแตกง่าย ในด้านสิ่งแวดล้อมแก้วสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ สิ่งที่พึงระวังในเรื่อง การบรรจุ คือ ฝาขวดแก้วจะต้องเลือกใช้ฝาที่ได้ขนาดเหมาะสมกัน และต้องสามารถปิดได้สนิทแน่น เพื่อช่วย รักษาคุณภาพและยืดอายุการ ที่มา [ 19],[20],[21]
14 2.4 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดร.วรพร ภู่พงศ์พันธ (2503:บทคัดย่อ) “กิมจิ : คุณค่าทางวัฒนธรรมและมูลค่าทางเศรษฐกิจ ทศวรรษที่ 1960-ปัจจุบัน” มีวัตถุประสงค์2 ประการ ประการแรก คือ เพื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้กิมจิมีคุณค่า ทางวัฒนธรรมต่อประเทศเกาหลีทศวรรษที่ 1960-ปัจจุบัน และประการที่ 2 คือ เพื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้กิมจิ เป็นสินค้าที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศเกาหลีทศวรรษที่ 1960-ปัจจุบัน โดยมีวิธีการศึกษา จากการใช้ระเบียบวิจัยทางประวัติศาสตร์ โดยศึกษาข้อมูลจากเอกสารชั้นรองประกอบด้วยเอกสารที่เป็น ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ในรูปแบบหนังสือ บทความ รวมถึงการรวบรวมข้อมูลจากสื่อออนไลน์และ นำเสนอในลักษณะพรรณนาวิเคราะห์ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่ทำให้กิมจิมีคุณค่าทางวัฒนธรรมต่อประเทศ เกาหลี คือ กิมจิเป็นอาหารที่คนเกาหลีบริโภคเพื่อเอาชีวิตรอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นวิถีชีวิตที่มีมา อย่างยาวนานและเป็นแหล่งพลังงานที่ขาดไม่ได้ของคนเกาหลี ไม่ว่าจะรับประทานอาหารมื้อใดหรืออยู่ที่ใดคน เกาหลีจะต้องมีการบริโภคกิมจิอยู่เสมอนอกจากนั้น กิมจิยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความมีน้ำใจของคนเกาหลีอีก ด้วย ส่วนปัจจัยที่ทำให้กิมจิกลายเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เกาหลี คือ กิมจิมีรสชาติเป็น เอกลักษณ์ และมีคุณประโยชน์ด้านโภชนาการสูง รวมถึงกระแส Korean Wave จากอุตสาหกรรมบันเทิงต่าง ๆ ทำให้ผู้คนอยากลิ้มลองรสชาติของกิมจิมากขึ้น และนโยบายของรัฐบาลที่มีการสนับสนุนให้กิมจิเป็นอาหาร เป็นอาหารประจำชาติเกาหลี และการพยายามพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตกิมจิให้ดียิ่งขึ้น ที่มา [22] ดร. ชนิพรรณ บุตรยี่ (2560:บทคัดย่อ)การรับประทาน “กิมจิ” นั้นมีผลต่อการช่วยชะลอวัยให้กับ สาว ๆ ไม่เพียงเป็นเครื่องเคียงช่วยให้เจริญอาหาร แต่ยังช่วยร่างกายแข็งแรงอ่อนกว่าวัยอีกด้วย เมื่อวันที่ (3 ธ.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาหารชนิดนี้เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่นำผักหลากหลายชนิด เช่น ผักกาดขาว หัวหอม ต้นหอม แตงกวา กระเทียม ขิง พริกแดงมาแช่ในน้ำเกลือ ก่อนคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง หมักไว้กินแทน ผักสดในฤดูหนาว ถนอมอาหารเพื่อให้มีผักกินตลอดปีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ชนิพรรณ บุตรยี่ สถาบัน โภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า กระบวนการหมักกิมจิทำให้ได้แลคโตบาซิลลัสซึ่งเป็น แบคทีเรียชนิดเดียวกับที่พบในนมเปรี้ยว ซึ่งให้ผลดีต่อสุขภาพลำไส้ และช่วยสร้างวิตามินบี 12 ในลำไส้ใหญ่ ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง นอกจากให้พลังงานต่ำ และมีใยอาหารสูงสารพฤกษเคมีในกิมจิ เช่น แคปไซ ซิน (Capsaicin) ในพริกแดง ยังช่วยเผาผลาญไขมันส่วนสารอัลลิซิน (Allicin) ในหัวหอม และ กระเทียมช่วย ละลายลิ่มเลือดอุดตันทั้งช่วยลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ที่มา [23]
15 สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(2562:บทคัดย่อ)ประเทศแถบตะวันตกมี ผักดองประเภทผักดองเปรี้ยว (sauerkraut) ผักดองเกลือ (pickle) ส่วนในประเทศเกาหลี ก็มีผักดองที่คล้าย ๆ กับผักดองเปรี้ยวคือ กิมจิ (kimchi) ซึ่งถือว่าเป็นอาหารประจำชาติเกาหลีกิมจิ เป็นชื่ออาหารหมักดองชนิด หนึ่งของเกาหลีซึ่งเรียกโดยทั่วไปสำหรับผักดองประเภทที่มีกรด แต่ก็มีที่เรียกเฉพาะแตกต่างกันออกไปอีก โดย ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาใช้ฤดูกาลที่ทำการผลิต และสถานที่ผลิต เช่น Tongbaechu-kimchi และ Bossamkimchi ทำจากผักกาดหรือผักกะหล่ำ (cabbage) Kakduggi Dongchimi Chonggak-kimchi Seokbakji และ Mootsanji ทำจากหัวผักกาด (radish) ส่วน Oisobaegi และ Oiji ทำจากแตงกวากิมจิ ส่วนมากมักจะทำ รับประทานกันในระดับครัวเรือนแต่ก็มีการผลิตกิมจิบรรจุกระป๋อง โดยทำมาจากผักกาดในระดับโรงงานแล้ว นำไปวางจำหน่ายในตลาด ปริมาณการรับประทานกิมจิในประเทศเกาหลีนั้นแตกต่างกันขึ้นอยู่กับฤดูกาล สถานที่และอายุของผู้บริโภคคือผู้ใหญ่รับประทานกิมจิ 50 - 100 กรัมต่อวันในฤดูร้อนและ150 -200 กรัมต่อ วัน ในฤดูหนาว โดยเฉลี่ยแล้วการรับประทานกิมจิในแต่ละวันของชาวเมืองเกาหลีในฤดูร้อนประมาณ 93.9 กรัม และ ชาวชนบทประมาณ 94.5 กรัมกิมจิมีรับประทานตลอดปี และชาวเกาหลีจะรับประทานกิมจิทั้ง 3 มื้อตลอดปี นับเป็นอาหารหมักที่สำคัญซึ่งใช้รับประทานกับข้าวโดยตรงหรือใช้เป็นเครื่องเคียงก็ได้มีกลิ่นเฉพาะ และมีรสเปรี้ยว หวาน เผ็ด รวมทั้งมีคาร์บอเนตจากการหมักของเชื้อจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ กิมจิ แตกต่างจาก sauerkraut คือ มีกรดน้อยกว่า และมีคาร์บอเนตการทำกิมจิจะใช้ผัก เช่น ผักกาด กะหล่ำหรือ หัวผักกาดนำมาหั่นให้เป็นชิ้นแล้วนำไปคลุกเกลือทิ้งไว้นาน 12 ชั่วโมงหรือนำไปแช่ในน้ำเกลือนาน 3 - 7 ชั่วโมงและเทน้ำทิ้งแล้วนำไปผึ่งให้สะเด็ดน้ำออกแล้วนำไปบรรจุในภาชนะโดยผสมกับกระเทียม ต้นหอม ขิง พริกป่น และ เกลือในระหว่างการหมักระยะเวลาของการหมักนั้นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ดังนี้ 1 วันที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส 2 - 3 วัน ถ้าเปอร์เซ็นต์สูงกว่านี้จะเป็นกิมจิที่ไม่ได้รับความนิยมนำมารับประทานจุลินทรีย์ที่ เกี่ยวข้องในการหมักกิมจิ ในระหว่างการหมักส่วนความเข้มข้นเกลือสูงจะทำให้ได้ปริมาณกรด acetic ต่ำ กิมจิ เมื่อสิ้นสุดการหมักจะมีวิตามิน B1,B2, B12 และไนอะซินเพิ่มมากขึ้นเป็น 2 เท่า จากเมื่อเริ่มต้นการหมักที่มา [24]
16 ฌอง บูสเกต(2563:บทคัดย่อ)นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสค้นพบความเกี่ยวกับทางสถิติ ระหว่างกลุ่มประเทศที่กินผักมากโดยเฉพาะผักแบบหมักหรือดองทำให้มีความเป็นไปได้ว่าผักดองอย่างกิมจิ (Kimchi) หรือซาวเออร์เคราต์ (Sauerkraut) อาจจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้กะหล่ำปลีดองมีฤทธิ์ ช่วยให้ลดระดับของ ACE2 ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ในเยื่อบุเซลล์ที่มักจะอยู่ในปอดตัวเอนไซม์นี้เองเป็นสิ่งที่เชื้อโคโรนา ไวรัสที่มักจะใช้เป็นช่องทางเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ เมื่อคนเรารับประทานกะหล่ำปลีดองเข้าไปแล้วจะลดจำนวน เอนไซม์ ACE2 ทำให้ไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ยากขึ้นมีงานวิจัยจากทีมที่นำโดย ฌอง บูสเกต ศาสตราจารย์เกียรติ คุณด้านแพทย์ศาสตร์ทางปอดมหาวิทยาลัยมงเปลลิเยร์ ประเทศฝรั่งเศสนำเสนองานวิจัยระบุว่ามีความเป็นไป ได้ที่ประเทศที่มีการกินอาหารหมักดองเช่นผักดองอย่างกิมจิอาจจะมีส่วนช่วยให้ประเทศเหล่านั้นมีอัตราการ เสียชีวิตน้อยนักวิจัยจากฝรั่งเศสอาศัยวิธีการตรวจสอบเปรียบเทียบอัตราการบริโภคอาหารหมักดองหลาย ประเภทของแต่ละประเทศต่าง ๆ พวกเขาพบว่าประเทศที่มีการบริโภคอาหารหมักดองจำนวนมากโดยเฉพาะ ผักดองมักจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกว่า เมื่อเทียบกับประเทศที่บริโภคอาหารจำนวนนี้น้อยสื่อดองอาอิลโบ ของเกาหลีใต้ ระบุว่ากะหล่ำปลีดองมีฤทธิ์ช่วยให้ลดระดับของ ACE2 ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ในเยื่อบุเซลล์ที่มักจะอยู่ ในปอดตัวเอนไซม์นี้เองเป็นสิ่งที่เชื้อโคโรนาไวรัสเป็นช่องทางเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ เมื่อคนเรารับประทาน กะหล่ำปลีดองเข้าไปแล้วจะลดจำนวนเอนไซม์ ACE2 ทำให้ไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ยากขึ้นนอกจากนี้สื่อนิวส์เมดิ คอลยังตั้งข้อสังเกตว่าการหมักดองอาหารทำให้เกิดสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ขึ้นในอาหารเหล่านั้น ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระมีบทบาทสำคัญในการชะลอหรือยับยั้งสารพิษในร่างกายทำให้ลดความเสี่ยงการเกิดโรค ต่าง ๆ ทีมของบูสเกตตั้งสมมุติฐานว่าการบริโภคอาหารอาจจะเป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมในหลายประเทศแถว ยุโรปถึงต่างกันในสื่อสัญชาติเกาหลีใต้มีการยกตัวอย่างกรณีของเกาหลีใต้ และเยอรมนีที่ต่างก็มีอาหารจำพวก กะหล่ำปลีดองคือกิมจิ แต่การเปลี่ยนแปลงเรื่องอาหารการกินก็อาจจะส่งผลดีอย่างมากได้"บูสเกตเป็น ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นประธานสหพันธ์โลกเพื่อหยุดยั้งโรคทางเดินหายใจซึ่งเป็นองค์กรด้านการวิจัยที่อยู่ภายใต้การ ดูแลขององค์การอนามัยโลกที่มา [25]
17 2.5 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไป ในทางสายกลาง ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่ จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัว ที่ดีพอสมควร จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความ ระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการ ทุกขั้นตอน และ ขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคน ในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความ รอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อ การรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และ วัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี 2.5.1 หลักการใช้ 3 ห่วง เพื่อบูรณาการกับโครงงานอาชีพ 1.5.1.1 ความพอประมาณ การใช้อุปกรณ์ที่มีต้นทุนอยู่แล้ว ไม่เบียดเบียนตนเอง โดยใช้จ่าย ในเรื่องที่ไม่เหมาะสมหรือฟุ่มเฟือย และวัตถุดิบที่ใช้ต้นทุนน้อยแต่สามารถพัฒนา ต่อยอดไปได้อีกไกล ความ พอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ใน ระดับพอประมาณ 1.5.1.2 ความมีเหตุผล ตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผลและรอบคอบ และคำนึงถึง ผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างรอบคอบ 1.5.1.3 ภูมิคุ้มกัน การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์และการ เปลี่ยนแปลงใน ด้านต่าง ๆที่จะเกิดขึ้น และพร้อมรับมือกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงนั้นเพื่อ รับมือได้ทันท่วงทีโดยไม่ประมาท 2.5.2 หลักการใช้ 2 เงื่อนไข เพื่อบูรณาการกับโครงงานอาชีพ 1.5.2.1 เงื่อนไขความรู้ ต้องมีความรู้รอบคอบเพื่อนำความรู้มาพัฒนาในตัว ผลิตภัณฑ์ และ นำความรู้เหล่านั้นมาปรับใช้ในผลิตภัณฑ์ต่อไป ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการ ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความ รอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังใน การปฏิบัติ 1.5.2.2 เงื่อนไขคุณธรรม การซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค โดยไม่บิดเบือนความจริงมีเจตคติ ที่ดีต่อ อาชีพ และสามัคคีกับผู้ร่วมจัดทำโครงงานอาชีพ และจะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้ สติปัญญาในการดำเนินชีวิต ที่มา [26]
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย ในการศึกษาโครงงานเรื่อง กิมจิเห็ด มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสูตรมาตรฐานของกิมจิเห็ด เพื่อศึกษา ความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ของกิมจิเห็ดและเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดโดยผู้ทำโครงงานมี ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงานดังต่อไปนี้ 3.1 ระยะเวลาในการดำเนินงาน วันที่ 17 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 3.2 สถานที่ดำเนินงาน ณ ห้อง K3/2 แผนกอาหารและโภชนาการ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ 3.3 งบประมาณ เป็นเงิน 800 บาท วัสดุ อุปกรณ์ 1) ค่าใช้จ่ายในการทำผลิตภัณฑ์ 600 บาท 2) ค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงาน 200 บาท 3.4 ขั้นตอนการดำเนินงาน ตารางที่ 3.1 ตารางขั้นตอนการดำเนินงาน ครั้งที่ วัน เดือน ปี กิจกรรม/รายการปฏิบัติงาน หมายเหตุ 1 18 ตุลาคม 2565 เสนอหัวข้อโครงงาน 2 25 ตุลาคม 2565 ทำร่างโครงงาน 3 1 พฤศจิกายน 2565 ทำร่างโครงงาน 4 8 พฤศจิกายน 2565 ส่งโครงร่างโครงงาน 5 15 พฤศจิกายน 2565 แก้ไขโครงร่างโครงงาน 6 22 พฤศจิกายน 2565 ตรวจความเรียบร้อยโครงร่าง 7 29 พฤศจิกายน 2565 ส่งโครงร่างโครงงาน 8 13 ธันวาคม 2565 ออกแบบโลโก้ และฉลากสินค้า 9 20 ธันวาคม 2565 เริ่มทำรูปเล่มรายงาน 10 27 ธันวาคม 2565 ทำรูปเล่มรายงาน 11 3 มกราคม 2566 ทำรูปเล่มรายงาน
19 ครั้งที่ วัน เดือน ปี กิจกรรม/รายงานการปฎิบัติ หมายเหตุ 12 10 มกราคม 2566 ทำรูปเล่มรายงาน 13 17มกราคม 2566 ทำรูปเล่มรายงาน 14 24 มกราคม 2566 ตรวจความถูกต้องของรายงาน 15 31 มกราคม 2566 ทำผลิตภัณฑ์และเตรียมบรรจุภัณฑ์ 16 14 กุมภาพันธ์ 2566 นำเสนอโครงงาน 3.5 รายละเอียดวิธีการการดำเนินการโครางงาน 3.5.1 วัตถุดิบ 3.5.1.1 ผักกาดขาว 3.5.1.2 เห็ดหูหนูขาว 3.5.1.3 เห็ดหูหนูดำ 3.5.1.4 เห็ดเข็มทอง 3.5.1.5 แครอท 3.5.1.6 หัวไซเท้า 3.5.1.7 ต้นหอม 3.5.1.8 หอมหัวใหญ่ 3.5.1.9 ขิงเส้น 3.5.1.10 ผงขิง 3.5.1.11 กระเทียม 3.5.1.12 โคชูจัง 3.5.1.13 แป้งข้าวเจ้า 3.5.1.14 เกลือ 3.5.1.15 น้ำปลา 3.5.1.16 น้ำตาล 3.5.2 อุปกรณ์ 3.5.2.1 อ่างผสม 3.5.2.2 มีด 3.5.2.3 เขียง 3.5.2.4 ช้อนตวง 3.5.2.5 บรรจุภัณฑ์
20 3.6 การประเมินผลการดำเนินการ 3.6.1 เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลการดำเนินการ 3.6.1.1 ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด 3.6.1.2 แบบทดสอบการให้คะแนนทางประสารทสัมผัส 3.6.1.3 อุปกรณ์สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ 3.6.2 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลการประเมินผลการดำเนินการ 3.6.2.1 สร้างสูตรมาตรฐานกิมจิเห็ด ตารางที่3.2 แสดงปริมาณส่วนผสมของกิมจิเห็ด วัตถุดิบ สูตรที่ 1(ร้อยละ) สูตรที่ 2(ร้อยละ) สูตรที่ 3(ร้อยละ) ผักกาดขาว 21.7 22 21.4 เห็ดหูหนูขาว 13 12.9 12.8 เห็ดหูหนูดำ 13 12.9 12.8 เห็ดเข็มทอง 13 12.9 12.8 แครอท 10.8 10.7 10.7 หัวไซเท้า 10.8 10.7 10.7 ต้นหอม 7 6.4 6.4 หอมหัวใหญ่ 8.6 8.6 8.5 ขิงเส้น 0.21 0.21 0.65 ผงขิง 0.21 0.42 0.25 กระเทียม 0.21 0.41 0.46 โคชูจัง 0.42 0.60 0.90 แป้งข้าวเจ้า 0.21 0.21 0.27 เกลือ 0.42 0.42 0.45 น้ำปลา 0.21 0.21 0.2 น้ำตาล 0.21 0.42 0.67 ดังตารางที่ 2 จะได้กิมจิเห็ด 3สูตรเพื่อนำไปใช้ในการทดสอบความชอบของผู้บริโภคและวิเคราะห์ คุณภาพทางกายภาย สี กลิ่น รสและเนี้อสัมผัสของกิมจิเห็ด
21 วิธีทำกิมจิเห็ด ภาพที่3.1 ภาพแสดงกระบวนการผลิตกิมจิเห็ด 4. จากนั้นเทลงไปในชามผสม ปรุงรส ด้วยโคชูจัง น้้าปลา และน้้าตาลทราย คน ผสมจนเข้ากัน พักทิ้งไว้จนเย็น 1เติมเกลือลงในน้้าเปล่า 2ช้อนโต๊ะ ใส่ ผักกาดขาวหั่นชิ้นลงไปแช่ประมาณ 3 ชั่วโมง หรือจนนิ่ม น้าขึ้นมาใส่อ่างผสม แล้วพักไว้ 2. น้าเห็ดหูหนูขาว เห็ดหูหนูด้า และเห็ด เข็มทองเอาไปลวกจากนั้นบีบน้้าออก จากเห็ด 3. ใส่น้้าเปล่า 1 ถ้วยลงในหม้อใบเล็ก ใส่ แป้งข้าวเจ้าลงไป คนไปเรื่อย ๆ ด้วยไฟ กลางประมาณ นาที หรือจนข้น วิธีท้ากิมจิเห็ด 5. จากนั้นเอาหอมหัวใหญ่ กระเทียมและ ขิงสับเอาไปปั่นให้ละเอียดจากนั้นเทลง ในอ่างผสม และก็ ใส่ผงขิงลงไป แล้วก็คนให้เข้ากัน 6. จากนั้นใส่ต้นหอม แครอท หัวไชเท้า ผักกาดขาว เห็ดหูหนูขาว เห็ดหูหนูด้า เห็ดเข็มทองแล้วก็คลุกผสมจนเข้ากัน 7. ขั้นตอนสุดท้ายตักใส่ขวดโหล หรือตัก ใส่ในกล่องแล้วปิดฝาให้สนิท
22 3.6.2.2สร้างแบบประเมินผลผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด ตารางที่ 3.3 แบบสอบถามความพึงพอใจผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด จากการทดลองกิมจิเห็ด โดยการทดลองชิมและจัดเก็บผลิตภัณฑ์สูตรที่ทอลองแล้วได้ผลตอบรับดีที่สุด คือ สูตรที่1 กิมจิเห็ด มีรสชาติที่หวานพอดี สีสวยกลิ่นไม่แรงจนเกินไป น่ารับประทาน มีความกรอบ และนุ่ม ทำ ให้เป็นสูตรที่ดีที่สุด เนี่องจากได้รับความพึงพอใจมากที่สุด จากนักเรียน นักศึกษา ครูและบุคลากรทั่วไปในการ ประเมินคุณภาพและรสชาติ จำนวณ 100 คน 3.6.2.3สร้างแบบประเมินผลความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อการพัฒนากิมจิเห็ดจากการสอบถาม ผู้บริโภค100คน โดยใช้การสอบถามผ่าน Google form ตาม QR code 3.6.2.4 เก็บรวบรวมแบบประเมินผลความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด นำ ผลมาวิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการประเมินผล โดยการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยเป้นร้อยละ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ความพึงพอใจสูตรมารฐาร 3 สูตร สูตรที่ 1 สูตรที่ 2 สูตรที่ 3
23 3.6.3 การวิเคราะห์ผลการประเมินการดำเนินการ 3.6.3.1 ตรวจสอบความสมบูรณ์ และความถูกต้องของแบบประเมินผล 3.6.3.2 วิเคราะห์ผลการประเมินโดยใช้วิธีการค่าร้อยละ และนำเสนอเป็นตารางความเรียง ตารางที่3.4 แบบสำรวจเพศ จากแบบสำรวจจำนวณร้อยละ 50 เป็นเพศชาย และผู้ตอบแบบสำรวจจำนวณร้อยละ 50 เป็นเพศ หญิง 0 10 20 30 40 50 60 70 หญิง ชาย เพศ หญิง ชาย
24 ตารางที่ 3.5 แบบสำรวจอายุ ผู้ตอบแทนสำรวจจำนวณร้อยละ 60 มีอายุ 19 – 22 ปี และผู้ตอบแบบสำรวจจำนวณร้อยละ 8 มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ตารางที่ 3.6 ท่านเคยรับประทานผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกิมจิเห็ดหรือไม่ จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 80 คน เคย รับประทานผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกิมจิเห็ด ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 20 คน ไม่เคยรับประทาน ผลิตภัณฑ์ ใกล้เคียงกิมจิเห็ด 0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 เคย ไม่เคย ท่านเคยรับประทานผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกิมจิเห็ดหรือไม่ 0 10 20 30 40 50 60 16 -18 ปี 19-22 ปี 23-25 ปี 25 ปีขึ้นไป อายุ
25 ตารางที่ 3.7 ท่านมีอาการแพ้น้ำปลาหรือไม่ จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 100 คน ไม่มีอาการแพ้น้ำปลา 0 คน ตารางที่ 3.8 ท่านมีอาการแพ้(เห็ดหูหนูดำ เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนูขาว)หรือไม่ จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 99 คน ไม่มี อาการแพ้(เห็ดหูหนูดำ เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนูขาว)ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 1คนที่มีอาการแพ้ 0 20 40 60 80 100 120 มีอาการ ไม่มีอาการ ท่านมีอาการแพ้(เห็ดหูหนูด้า เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนูขาว)หรือไม่ 0 20 40 60 80 100 120 แพ้ ไม่แพ้ ท่านมีอาการแพ้น้้าปลาหรือไม่
26 ตารางที่3.9ท่านรับประทานกิมจิเห็ดในช่วงเวลาใดบ้า จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 45 คน รับประทานกิมจิเห็ดได้ทุกช่วงเวลา ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 25 คน รับประทานกิมจิช่วงเย็น ผู้ตอบแบบ สำรวจจำนวน20 รับประทานกิมจิช่วงบ่าย ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 5 คน รับประทานช่วงเช้า ตารางที่3.10 ท่านเคยพบเห็นกิมจิเห็ดจัดจำหน่ายในสถานที่ใดบ้าง จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 40 คน เคยพบ เห็นกิมจิตามท้องตลาด ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 32 คนพบเห็นกิมจิตามร้านสะดวกซื้อ ผู้ตอบแบบสำรวจ จำนวน 25 คน พบเห็นกิมจิตามห้างพรรสินค้า 0 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50 ช่วงเช้า ช่วงบ่าย ช่วงเย็น ได้ทุกช่วงเวลา ท่านรับประทานกิมจิเห็ดในช่วงเวลาใดบ้าง 0 5 10 15 20 25 30 35 40 45 ตลาด ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ท่านเคยพบเห็นกิมจิจัดจ้าหน่ายในสถานที่ใดบ้าง
27 ตารางที่ 3.11 ท่านเคยรับประทานกิมจิเห็ดที่ทำมาจาก(ผัก)ชนิดใดบ้าง จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 60 คนเคย รับประทานกิมจิเห็ดที่ทำมาจากผักกาดขาว ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 15 คน เคยรับประทานกิมจิที่ทำมาจาก เห็ดผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 14 คนเคยรับประทานกิมจิที่ทำมาจากรากชูผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน5คนเคย รับประทานกิมจิที่ทำมาจากหัวไซเท้า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน4 คน เคยรับประทานกิมจิที่ทำมาจากกระหลำ ตารางที่ 3.12 ท่านเคยรับประทานกิมจิมีกลิ่นของ(กระเทียม ขิง โคชูจัง)หรือไม่เคย จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 80 คน เคย รับประทานกิมจิเห็ดกลิ่นของกระเทียม/โคชูจัง/ขิง ผู้ตอบแบบสำรวจจำรวน 20 ไม่เคยรับประทานกิมจิกลิ่น กระเทียม/โคชูจัง/ขิง 0 10 20 30 40 50 60 70 เห็ด รากชู หัวไซเท้า ผักกาดขาว กะหล่้า ท่านเคยรับประทานกิมจิเห็ดที่ท้ามาจาก (ผัก)ชนิดใดบ้าง 0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 เคย ไม่เคย ท่านเคยรับประทานกิมจิเห็ดมีกลิ่นของ (กระเทียม ขิง โคชูจัง) หรือไม่เคย
28 ตารางที่ 3.13 .ท่านเคยรับประทานกิมจิมีรสชาติอย่างไรบ้าง จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 80 คน เคย รับประทานกิมจิเห็ดกลิ่นของกระเทียม/โคชูจัง/ขิง ผู้ตอบแบบสำรวจจำรวน 20 ไม่เคยรับประทานกิมจิกลิ่น กระเทียม/โคชูจัง/ขิง ตารางที่ 3.14.ท่านรับประทานกิมจิกี่มื้อต่อวัน จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 60 คนท่าน รับประทานกิมจิ1 มื้อต่อวัน ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 20 คนทานรับประทานกิมจิ2 มื้อต่อวัน ผู้ตอบแบบ สำรวจจำนวน5คน ทานรับประทานกิมจิ3 มื้อต่อวัน ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 18 คนทานรับประทานกิมจิมาก กว่า3มื้อ 0 5 10 15 20 เค็ม หวาน เปรี้ยว มากกว่า 3รส ท่านเคยรับประทานกิมจิมีรสชาติอย่างบ้าง 0 10 20 30 40 50 60 1มื้อ 2มื้อ 3มื้อ มากกว่า3มื้อ ท่านรับประทานกิมจิกี่มื้อต่อวัน
29 ตารางที่ 3.15 ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดที่ท่านเลือกซื้อใส่บรรจุภัณฑ์แบบใด จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 50 คน เลือกซื้อ ใส่บรรจุภัณฑ์แบบกระปุกพลาสติก ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 35 คนเ ลือกซื้อใส่บรรจุภัณฑ์แบบขวดโหล ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 13 คน เลือกซื้อใส่บรรจุภัณฑ์แบบกล่องพลาสติก ตารางที่ 3.16 ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดที่ท่านเลือกซื้ออยู่ในราคาประมาณเท่าใด จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 5 คน เลือกซื้ออยู่ ในราคาประมาณ 20 บาท ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 43 คน เลือกซื้ออยู่ในราคาประมาณ 35 ผู้ตอบแบบ สำรวจจำนวน 33 คน เลือกซื้ออยู่ในราคาประมาณ 40 บาท ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 16 คนเลือกซื้ออยู่ใน ราคาประมาณ 50 บาทขึ้นไป 0 10 20 30 40 50 60 กระปุกพลาดสติก ขวดโหล กล่องพลาสติก ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดที่ท่านเลือกซื้อใส่บรรจุภัณฑ์แบบใด 0 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50 20 35 40 50บาทขึ้นไป ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดที่ท่านเลือกซ้ออยู่ในราคาประมาณเท่าใด
30 ตารางที่ 3.17 .ท่านคิดว่าผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดเหมาะกับวัยใดบ้าง จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 3 คน ผลิตภัณฑ์ กิมจิเห็ดเหมาะกับวัยเด็ก ผู้สำรวจจำนวน 30 คน ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดเหมาะกับวัยรุ่น ผู้สำรวจจำนวน 45 คน ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดเหมาะกับวัยผู้ใหญ่ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 3 คน ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดเหมาะกับวัยผู้สูงอายุ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 20 คน ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดเหมาะกับทุกวัย ตารางที่ 3.18ท่านทราบประโยชน์ของกิมจิเห็ดหรือไม่ จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 36 คน ทราบ ประโยชน์ของกิมจิ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 45 คน ทราบประโยชน์ของกิมจิผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 5 คน ทราบประโยชน์ของกิมจิ 0 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50 อร่อย สะอาด ปลอดภัยต่อผู้บริดภค เสริมการท้างานในระบบย่อยอาหาร ช่วยลดคอเสลเตอรอล ท่านทราบประโยชน์ของกิมจิเห้ดหรือไม่ 0 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50 วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยผู้สูงอายุ เหมาะกับทุกเพศ ท่านคิดว่าผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดเหมาะกับวัยใดบ้าง
31 ตารางที่ 3.19 ท่านนิยมรับประทานกิมจิเห็ดกับเนื้อย่างชนิดใดบ้าง จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน68คนนิยม รับประทานกิมจิกับเนื้อหมู ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน7คน นิยมรับประทานกิมจิกับเนื้อไก่ ผู้ตอบแบบสำรวจ จำนวน20คน นิยมรับประทานกิมจิกับเนื้อวัว ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน3คน นิยมรับประทานกิมจิกับเนื้อแกะ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน5คน นิยมรับประทานกิมจิกับเนื้อควาย ตารางที่3.20 ท่านคิดว่าขนาดรับประทานของผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดควรมีปริมาณต่อ1บรรจุภัณฑ์เท่าใด จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน5คนมีปริมาณต่อ1 บรรจุภัณฑ์1 5กรัม ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 46 มีปริมาณต่อ1บรรจุภัณฑ์25กรัม ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 34คนมีปริมาณต่อ1บรรจุภัณฑ์35กรัม ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 5คนมีปริมาณต่อ1บรรจุภัณฑ์45 กรัม 0 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50 15กรัม 25กรัม 35กรัม 45กรัม ท่านคิดว่าขนาดรับประทานของผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดควรมีปริมาณต่อ1บรรจุภัณฑ์เท่าใด 0 10 20 30 40 50 60 70 80 เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อควาย ท่านนิยมรับประทานกิมจิเห้ดกับเนื้ออย่างชนิดใดบ้าง
32 ตารางที่3.21 ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน38 คนรูปแบบ ใหม่น่าทดลอง ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 25คน มีประโยชน์ต่อสุขถาพ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน25คน สะดวกสบายในการรับประทาน ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 13คน จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อ ผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวนผลิตภัณฑ์น่าลอง ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 3 คน เพิ่มโปรตีนให้ ร่างกาย ตารางที่ 3.22หากมีผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดบรรจุพร้อมรับประทาน ในราคา 40 บาท ท่านยอมรับหรือไม่ จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 98 คน ยอมรับ ในราคา 40 บาท ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 2 คน ไม่ยอมรับในราคา 0 5 10 15 20 25 30 35 40 45 ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด 0 20 40 60 80 100 120 ยอมรับ ไม่ยอมรับ หากมีผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดบรรจุพร้อมรับประทาน ในราคา 40 บาท ท่านยอมรับหรือไม่
33 ตารางที่ 3.23หากมีผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดวางขาย ท่านสนใจซื้อหรือไม่ จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 8 คน ซื้อ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน3คนไม่ซื้อ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 15 คน ได้พิจารณา 3.6.4 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ผลประเมินการดำเนินการ 3.6.4.1 ค่าร้อยละ สูตรการหาค่าร้อยละ x 100 X= จำนวนเต็ม 3.6.4.2 ค่าเฉลี่ย สูตรการหาค่าเฉลี่ย = ข้อมูลทั้งหมด จำนวนของข้อมูล 0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 ซื้อ ไม่ซื้อ พิจารณา หากมีผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดวางขาย ท่านสนซื้อหรือไม่
บทที่4 ผลการดำเนินการ/ผลการศึกษา จากการศึกษาโครงงานเรื่อง ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสูตรมาตรฐานของกิมจิเห็ด เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดและเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดโดยผู้จัดท ำ โครงงานมีผลการดำเนินการและวิเคราะห์ข้อมูลต่อไปนี้ 4.1 ผลการศึกษาสูตรมาตรฐานของกิมจิเห็ด ผลการศึกษาสูตรมาตรฐานของกิมจิเห็ด ผักกาดขาวร้อยละ 21.7 เห็ดหูหนูขาวร้อยละ 13 เห็ดหูหนูดำ ร้อยละ 13 เห็ดเข็มทองร้อยละ 13 แครอทร้อยละ 10.8 หัวไซเท้าร้อยละ 10.8 ต้นหอมร้อยละ 7 หอมหัวใหญ่ ร้อยละ 8.6 ขิงสับร้อยละ 0.21 ผงขิงร้อยละ 0.21 กระเทียมร้อยละ 0.21 โคชูจังร้อยละ 0.42 เกลือร้อยละ 0.21 น้ำปลาร้อยละ 0.21 น้ำตาลร้อยละ 0.21 คือสูตรมารตฐานที่ 1 ที่ได้รับสูตรที่มีความพึงพอใจมากที่สุด 4.2 ผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด คัดเลือกสูตรมาตรฐานของกระบวนการผลิตเหมาะสมจำนวน3สูตร โดยใช้สูตรที่มีปริมาณของโคชูจังที่ แตกต่างกัน สูตรที่1 ใช้โคชูจังร้อยละ 0.42 สูตรที่2ใช้โคชูจังร้อยละ 0.60 และสูตรที่3ใช้โคชูจังร้อยละ0.90 ผล การประเมินความพึงพอใจของผู้บริโภคกิมจิเห็ดจำนวน3สูตร ด้วยการทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผัส ทั้ง (9 Point Hedonic Scale Test) ทางด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ ความกรอบ ความนุ่ม โดยใช้ผู้ ทดสอบ จำนวน 100 คน พบว่า ผู้บริโภคให้การยอมรับผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดสูตรที่1ใช้โคชูจังร้อยละ 0.42 รายงานผลดังตารางที่ 4.1
35 ตารางที่4.1ผลการสำรวจความผึงพอใจของผู้บริโภคต่อสูตรมาตรฐาน 3 สูตร รายการ สูตรที่1 สูตรที่2 สูตรที่3 1 สีของกิมจิเข็ม 8.01 7 6 2 สีของกิมจิอ่อน 7.84 5.11 5.61 3 กลิ่น 7.89 4 5.60 4 เห็ดมีความนุ่ม 7.63 5 3 5เห็ดมีความกรอบ 7.9 5.53 3.55 6รสชาติเค็ม 8.14 5.52 3.73 7รสชาติหวาน 8.36 5.3 4.25 8 รสชาติเปรี้ยว 8.11 4.72 4.3 4.3 ผลการพัฒนาผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด ผลการพัฒนาผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดจากผู้บริโภค 100 คน ส่วนที่1 แบบสำรวจข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของผุ้ตอบแบบสอบถาม คือกลุ่มนักเรียน นักศึกษา บุคคลทั่วไป จำนวน100คน เป็น แบบสอบถามประเภทเลือกตอบ โดยการหาค่าร้อยละและนำเสนอในรูปตารางประกอบความเรียง ได้ เพศ และอายุ รายงานผลดังแสดงในตารางที่4.2 ตารางที่4.2แสดงจำนวนและร้อยละ ของผู้ตอบแบบสอบถาม รายงาน จำนวน(คน) ร้อยละ 1เพศ หญิง 64 64.00 ชาย 36 36.00 รวม 100 100 รวม 64.15 42.18 36.04
36 2 อายุ 16 -18 ปี 19 19.00 19-22 ปี 50 50.00 23-25 ปี 24 24.00 25 ปีขึ้นไป 7 7.00 รวม 100 100 ส่วนที่2 ข้อมูลเชิงพฤติกรรมของผู้บริโภคผู้ตอบแบบสอบถาม ข้อมูลเชิงพฤติกรรมของ ผู้บริโภคที่ตอบแบบสอบถาม เป็นข้อมูลที่ดำเนินการสำรวจเพื่อนำไปใช้เกี่ยวกับการพัฒนา ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด รายงานสำรวจได้แสดงที่ตารางที่ 4.3 ตารางที่ 4.3 ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมของผู้ตอบแบบสอบถาม ข้อมูลเชิงพฤติกรรมผู้ตอบแบบสอบถาม ความถี่ ร้อยละ 3ท่านเคยรับประทานผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกิมจิเห็ดหรือไม่ เคย 88 88.00 ไม่เคย 12 12.00 รวม 100 100 4 ท่านมีอาการแพ้น้ำปลาหรือไม่ แพ้ 0 0 ไม่แพ้ 100 100 รวม 100 100 5 ท่านมีอาการแพ้(เห็ดหูหนูดำ เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนูขาว)หรือไม่ แพ้ 1 1.0 ไม่แพ้ 99 99.00 รวม 100 100
37 6 ท่านรับประทานกิมจิเห็ดในช่วงเวลาใดบ้าง ช่วงเช้า 3 3.00 ช่วงบ่าย 23 23.00 ช่วงเย็น 28 28.00 ได้ทุกช่วงเวลา 46 46.00 รวม 100 100 ตารางที่ 4.4ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมขอผู้ตอบแบบสอบถาม (ต่อ) แบบสำรวจความพึงพอใจ สูตรที่ 1 100 100 รวม 100 100 ตารางที่ 4.5ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมขอผู้ตอบแบบสอบถาม (ต่อ) ข้อมูลเชิงพฤติกรรมผู้ตอบแบบสอบ ความถี่ ร้อยละ 10.ท่านเคยรับประทานกิมจิมีรสชาติอย่างไรบ้าง เค็ม 2.5 2.50 หวาน 1.3 1.30 เปรี้ยว 17.7 17.70 มากกว่า 3 รสชาติ 78.5 78.50 11.ท่านรับประทานกิมจิกี่มื้อต่อวัน 1 มื้อ 56 56.00 2 มื้อ 21 21.00 3 มื้อ 6 6.00 มากกว่า 3 มื้อ 17 17.00 รวม 100 100 รวม 100 100
38 12.ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดที่ท่านเลือกซื้อใส่บรรจุภัณฑ์แบบใด กระปุกพลาสติก 51 51.00 ขวดโหล 36 36.00 กล่องพลาสติก 13 13.00 รวม 100 100 13.ผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดที่ท่านเลือกซื้ออยู่ในราคาประมาณเท่าใด 20 6 6.00 35 43 43.00 40 33 33.00 50 บาทขึ้นไป 18 18.00 รวม 100 100 ตารางที่ 4.6ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมขอผู้ตอบแบบสอบถาม (ต่อ) ข้อมูลเชิงพฤติกรรมผู้ตอบแบบสอบ ความถี่ ร้อยละ 14.ท่านคิดว่าผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดเหมาะกับวัยใดบ้าง วัยเด็ก 1 1.00 วัยรุ่น 31 31.00 วัยผู้ใหญ่ 46 46.00 วัยผู้สูงอายุ 1 1.00 เหมาะกับทุกเพศทุกวัย 21 21.00 รวม 100 100 15. ท่านทราบประโยชน์ของกิมจิเห็ดหรือไม่ อร่อย สะอาด ปลอดภัยต่อผู้บริโภค 38 38.00 เสริมการทำงานระบบย่อยอาหาร 44 44.00 ช่วยลดคอเลสเตอรอล 18 18.00 รวม 100 100
39 ตารางที่ 4.7ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมขอผู้ตอบแบบสอบถาม (ต่อ) ข้อมูลเชิงพฤติกรรมผู้ตอบแบบสอบ ความถี่ ร้อยละ 16. ท่านนิยมรับประทานกิมจิเห็ดกับเนื้อย่างชนิดใดบ้าง เนื้อหมู 68 68.00 เนื้อไก่ 6 6.00 เนื้อวัว 21 21.00 เนื้อแกะ 1 1.00 เนื้อควาย 4 4.00 17.ท่านคิดว่าขนาดรับประทานของผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดควรมีปริมาณต่อ1บรรจุภัณฑ์เท่าใด 15 กรัม 6 6.00 25 กรัม 47 47.00 35 กรัม 34 34.00 45 กรัม 13 13.00 รวม 100 100 18.ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ด ผลิตภัณฑ์การแปรรูปแบบใหม่ที่น่าทดลอง 39 39.00 ผลิตภัณฑ์การแปรรูปแบบใหม่ที่น่าทดลอง 25 25.00 ผลิตภัณฑ์สะดวกสบายในการรับประทานอาหารได้ทุกที่ทุกเวลา 22 22.00 ผลิตภัณฑ์ใหม่น่าทดลอง 12 12.00 ผลิตภัณฑ์เพิ่มโปรตีนให้กับร่างกายและดีต่อสุขภาพ 2 2.00 รวม 100 100 19.หากมีผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดบรรจุพร้อมรับประทาน ในราคา 40 บาท ท่านยอมรับหรือไม่ ยอมรับ 98 98.00 ไม่ยอมรับ 2 2.00 รวม 100 100 รวม 100 100
40 ตารางที่ 4.8 ผลการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมขอผู้ตอบแบบสอบถาม (ต่อ) ข้อมูลเชิงพฤติกรรมผู้ตอบแบบสอบ ความถี่ ร้อยละ 20.หากมีผลิตภัณฑ์กิมจิเห็ดวางขาย ท่านสนใจซื้อหรือไม่ ซื้อ 84 84.00 ไม่ซื้อ 2 2.00 พิจารณา 14 14.00 รวม 100 100