The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มที่ 9 คู่มือการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์สำหรับระบบนิเวศป่าพรุ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Forestry Research Center, 2021-11-12 01:20:02

เล่มที่ 9 คู่มือการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์สำหรับระบบนิเวศป่าพรุ

เล่มที่ 9 คู่มือการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์สำหรับระบบนิเวศป่าพรุ

คู่มือการประเมนิ มลู ค่า
ทางเศรษฐศาสตร์ส�ำหรับ

ระบบนเิ วศปา่ พรุ

คู่มือการประเมินมูลค่า

ทางเศรษฐศาสตรส์ �ำหรับ

ระบบนเิ วศปา่ พรุ

สารบัญ 5
6
ส่วนท่ี 1 ความรู้เบอื้ งต้นก่อนการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ 6
1.1 ความน�ำ 7
1.2 ป่าพรจุ ากมมุ มองด้านเศรษฐศาสตร์ 8
1.3 ทำ� ไมต้องประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ 10
1.4 การใชป้ ระโยชน์จากมูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์ 10
1.5 นยิ ามที่ส�ำคญั 11
1.5.1 คณุ ประโยชน์ระบบนเิ วศ 13
1.5.2 มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์โดยรวม 14
1.5.3 ความเชื่อมโยงระหว่างบริการทางนเิ วศและมลู ค่าทางเศรษฐศาสตร์ 15
17
สว่ นที่ 2 ความรูเ้ บ้อื งตน้ ดา้ นการประเมนิ มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ 18
2.1 มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ 19
2.1.1 มูลค่าในรปู ตา่ ง ๆ 20
2.1.2 ความยนิ ดจี ่ายและความยนิ ดรี ับการชดเชย 21
2.2 ขั้นตอนในการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ 22
2.2.1 การประเมนิ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์ของคณุ ประโยชนท์ ไี่ ดจ้ ากป่าพรุ 30
2.2.2 การประเมนิ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์เพ่อื ทราบผลกระทบจากการเปลีย่ นแปลง 32
2.3 การวเิ คราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ 33
2.4 วิธีการประเมินมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ 34
34
สว่ นท่ี 3 เทคนิคการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ของระบบนิเวศป่าพรุ 37
3.1 ความนำ� 38
3.2 วิธีการประเมินมลู คา่ โดยใชข้ อ้ มลู จากตลาดโดยตรง 38
3.2.1 วิธกี ารประเมินโดยใชร้ าคาตลาดโดยตรง 40
3.2.2 วิธีการประเมินโดยราคาตลาดของสินคา้ ท่เี กยี่ วขอ้ ง 45
3.3 วธิ กี ารประเมนิ มลู คา่ ดว้ ยตลาดตวั แทน 45
3.3.1 วธิ ีการต้นทนุ ในการเดนิ ทาง 47
3.3 2 วธิ กี ารแบบจ�ำลองราคาแฝง 52
3.4. วิธีการประเมินมูลคา่ ด้วยตลาดสมมติ 52
3.4.1 วิธีสมมตเิ หตกุ ารณ์ให้ประเมนิ ค่า 55
3.4.2 วิธกี ารทดลองทางเลอื ก 56
3.5 วิธีการประเมนิ ค่าด้วยการโอนยา้ ยผลประโยชน์ 56
3.5.1 ประเภทของวิธีการโอนย้ายผลประโยชน์ 59
60
ส่วนที่ 4 บทสรปุ การประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ของระบบนเิ วศปา่ พรุ
4.1 ความนำ�
4.2 การประเมนิ มูลค่าทางเศรษฐศาสตรส์ ำ� หรบั ระบบนเิ วศป่าพรุ
4.3 สรุปทา้ ยเล่ม

เอกสารอ้างอิง

สารบญั ตาราง 9
13
ตารางท่ี 1 กรอบประเดน็ เชิงนโยบายและแนวทางการประเมินมลู ค่าทางเศรษฐศาสตร์ 24
ตารางที่ 2 ความเชือ่ มโยงระหว่างบรกิ ารทางนเิ วศและมูลค่าทางเศรษฐศาสตรป์ ระเภทตา่ ง ๆ 25
ตารางท่ี 3 ตวั วดั และเกณฑใ์ นการพจิ ารณาส�ำหรับการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ 28
ตารางท่ี 4 รายการขอ้ มลู ในการวเิ คราะห์โครงการปลูกปาลม์ นำ้� มันในปา่ พรุ 29
ตารางที่ 5 รายการขอ้ มลู ในการวเิ คราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์จากโครงการสรา้ งฝายชะลอน้ำ� ในปา่ พรุ 35
ตารางท่ี 6 ผลการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตรข์ องโครงการสรา้ งฝายชะลอน้ำ� ในป่าพรุ 35
ตารางท่ี 7 การประเมนิ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์ของบรกิ ารทางนเิ วศทช่ี ุมชนใช้ประโยชน์ 36
ตารางที่ 8 การประเมินมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์จากการเปน็ แหล่งหากระจูดของปา่ พรุ 37
ตารางที่ 9 การประเมินมูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์จากการเปน็ แหลง่ หาปลาของป่าพรุ 42
ตารางท่ี 10 เทคนิคการประเมินมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรส์ ำ� หรับบรกิ ารทางนิเวศจากปา่ พรุ 43
ตารางที่ 11 ปัจจยั ด้านคุณภาพของปา่ พรุท่ีสง่ ผลต่อราคาบา้ น 56
ตารางท่ี 12 ปัจจยั ด้านความเสย่ี งเกดิ ไฟของปา่ พรทุ สี่ ง่ ผลตอ่ ราคาบา้ น 58
ตารางท่ี 13 วธิ ีการประเมนิ มูลค่า เทคนิค แนวทางการประยุกต์ และขอ้ จำ� กัด
ตารางที่ 14 การประเมินมูลคา่ ทางเศรษฐศาสตรเ์ ก่ียวกับระบบนเิ วศปา่ พรุ

สารบัญภาพ 6
7
ภาพท่ี 1 ป่าพรจุ ากมุมมองดา้ นเศรษฐศาสตร์ 8
ภาพที่ 2 ความเช่ือมโยงของค่มู ือการประเมินคา่ ทางเศรษฐศาสตร์กับโครงการฯ 10
ภาพที่ 3 การใช้ประโยชน์จากมลู ค่าทางเศรษฐศาสตร์ 11
ภาพที่ 4 การจำ� แนกบริการทางนิเวศของป่าพรุ 15
ภาพท่ี 5 มลู ค่าทางเศรษฐศาสตรข์ องบริการทางนิเวศจากป่าพรุ 16
ภาพท่ี 6 มลู ค่าของสนิ ค้าและบรกิ ารกรณมี รี าคาและไม่มรี าคาในตลาด 17
ภาพที่ 7 ความเชอ่ื มโยงจากตน้ ทางของระบบนิเวศไปจนถึงปลายทางของการประเมนิ มลู ค่าบริการทางนิเวศ 19
ภาพท่ี 8 มลู ค่ารวม มลู คา่ เฉลีย่ และมูลค่าสว่ นเพิ่ม 20
ภาพที่ 9 ขนั้ ตอนในการประเมนิ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์ 21
ภาพท่ี 10 เส้นทางการประเมนิ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์เมื่อบรกิ ารทางนิเวศมกี ารเปล่ยี นแปลง 22
ภาพท่ี 11 ข้ันตอนการประเมินมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์เมือ่ มกี ารเปลี่ยนแปลงบรกิ ารทางนิเวศ 26
ภาพที่ 12 ข้นั ตอนของการวเิ คราะหต์ ้นทนุ และผลประโยชน์ 27
ภาพที่ 13 ผลการวิเคราะห์ทางการเงนิ ของโครงการปลกู ปาล์มนำ้� มัน 30
ภาพท่ี 14 ผลการวิเคราะหท์ างเศรษฐศาสตร์ของโครงการปลูกปาลม์ น�้ำมัน 38
ภาพท่ี 15 วิธกี ารตา่ ง ๆ ของการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ 40
ภาพท่ี 16 การประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรด์ ้วยวิธีการตน้ ทนุ ในการเดนิ ทาง 48
ภาพที่ 17 เปรยี บเทยี บมลู ค่าบา้ นและท่ดี นิ ที่มคี ุณลักษณะตา่ งกนั 49
ภาพท่ี 18 ทางเลือกทกี่ �ำหนดจาก fractional factorial design 51
ภาพที่ 19 ตัวอยา่ งชุดทางเลอื กในวิธกี าร CE 53
ภาพที่ 20 ความเชอ่ื มโยงระหว่างระดับ คณุ ลกั ษณะ ทางเลอื ก และชดุ ทางเลือก
ภาพที่ 21 วิธีการประเมนิ มูลค่าด้วยวธิ ีการโอนยา้ ยผลประโยชน์

สว่ นท่ี 1
ความรเู้ บือ้ งตน้ ก่อนการประเมนิ มลู ค่า
ทางเศรษฐศาสตร์

|5

1.1 ความน�ำ

ระบบนเิ วศพรจุ ดั เปน็ พนื้ ทชี่ มุ่ นำ้� ประเภทหนง่ึ ทมี่ อี งคป์ ระกอบสำ� คญั คอื ดนิ พรซุ งึ่ เกดิ จากการทบั ถมสะสมสลายตวั ของอนิ ทรยี วตั ถใุ นสภาพ
นำ�้ ทว่ มขงั และดนิ ขาดการระบายนำ�้ ทดี่ ี ทำ� ใหม้ คี ณุ สมบตั ใิ นการกกั เกบ็ คารบ์ อนตามธรรมชาตใิ นระยะยาว จงึ มบี ทบาทสำ� คญั ในดา้ นการ
ควบคุมสภาพภมู อิ ากาศ Crump, et al, (2017) และ Juraninski, et al, (2020) รายงานวา่ ระบบนิเวศพรใุ นโลกแมว้ ่าจะมพี นื้ ทีเ่ พยี ง
ร้อยละ 3 แต่มีความสามารถในการสะสมคาร์บอนมากกว่าผืนป่าทั้งโลกอย่างน้อยสองเท่า และในบรรดาระบบนิเวศป่าพรุด้วยกัน
ปา่ พรเุ ขตร้อนสามารถสะสมคารบ์ อนได้เรว็ กวา่ ปา่ พรุในเขตอ่นื ๆ ประมาณ 4.5 เทา่
ประเทศไทยมีพ้ืนท่ีป่าพรุประมาณ 400,000 ไร่ ซ่ึงเป็นป่าพรุเขตร้อน พบโดยส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ ปัจจุบันป่าพรุกว่า
ร้อยละ 80 ของประเทศหรือราว 344,000 ไร่ จัดเป็นป่าพรุเสื่อมโทรม มีเพียงประมาณ 56,000 ไร่ ท่ียังคงสภาพเป็นป่าพรุดั้งเดิม
(Nuyim, 2003) การสญู เสยี สภาพของปา่ พรมุ สี าเหตหุ ลกั จากการไมไ่ ดร้ บั การตระหนกั ถงึ คณุ คา่ และความสำ� คญั จงึ ทำ� ใหป้ า่ พรสุ ว่ นใหญ่
ถกู ท�ำลายทัง้ จากไฟไหม้และเปลยี่ นสภาพด้วยการระบายน�ำ้ ออกเพอื่ ใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งอื่น
นอกจากบทบาทท่โี ดดเด่นในด้านการควบคมุ สภาพภมู อิ ากาศ ระบบนิเวศป่าพรยุ งั สร้างคณุ ประโยชน์ต่อมวลมนษุ ยไ์ ม่น้อยไปกว่าระบบ
นเิ วศอนื่ ๆ โดยเปน็ แหลง่ กกั เกบ็ นำ้� จดื ชว่ ยบรรเทาปญั หาจากภยั แลง้ และนำ้� ทว่ ม แหลง่ ดำ� รงความหลากหลายทางชวี ภาพทง้ั พนั ธพ์ุ ชื และ
พันธ์สุ ัตว์ เปน็ แหลง่ อาหารและแหล่งท�ำกินสรา้ งอาชพี ตา่ ง ๆ ใหก้ บั ชมุ ชน การสญู เสยี ระบบนิเวศป่าพรจุ ึงถอื ไดว้ า่ เปน็ การสญู เสยี ดา้ น
เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม และส่ิงแวดล้อมท่ีส�ำคัญของโลก การประเมินคุณประโยชน์ของป่าพรุให้อยู่ในรูปตัวเงินจึงมีส่วนส�ำคัญท่ีจะ
ช่วยให้สังคมได้รับทราบถึงมูลค่าของบริการทางนิเวศของป่าพรุทั้งที่ผ่านและไม่ผ่านระบบตลาด เพื่อช่วยให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่าง
ชาญฉลาดและยั่งยนื ต่อไป

1.2 ป่าพรจุ ากมุมมองดา้ นเศรษฐศาสตร์

ภาพที่ 1 ปา่ พรจุ ากมมุ มองดา้ นเศรษฐศาสตร์

“ป่าพร”ุ ระบบสาธารณูปโภคทางธรรมชาติ – เปน็ โรงงานก่อเกดิ
มุมมองด้าน ผลผลิตป้อนสังคม โรงงานกรองน้�ำ เติมน�้ำใต้ดิน ดูดซับ
เศรษฐศาสตร์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เปน็ ต้น
ทุนทางธรรมชาติ – สั่งสมและสร้างความม่ังคั่งให้สังคม
เป็นคลังอาหาร วัตถุดิบ และแหล่งน�้ำ แหล่งศึกษาวิจัย
พกั ผอ่ นหย่อนใจ แหล่งสะสมคาร์บอน เปน็ ตน้

ระบบนิเวศป่าพรุจัดเป็นพ้ืนท่ีชุ่มน�้ำประเภทหน่ึงท่ีมีความส�ำคัญอย่างยิ่ง มีบทบาทส�ำคัญต่อสังคมในการควบคุมสภาพภูมิอากาศและมี
คุณประโยชน์เชิงนิเวศหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นแหล่งด�ำรงความหลากหลายทางชีวภาพ ช่วยควบคุมด้านอุทกวิทยา
เป็นแหล่งเก็บกักน�้ำจืดบรรเทาปัญหาจากภัยน้�ำท่วมและน้�ำแล้ง การท่วมขังของน�้ำตลอดหรือเกือบตลอดปีในพ้ืนที่พรุและการทับถม
สะสมสลายตัวของอินทรียวัตถุเป็นคุณสมบัติส�ำคัญที่ท�ำให้ระบบนิเวศป่าพรุเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนตามธรรมชาติในระยะยาว

6|

การอนุรักษ์คุ้มครองระบบนิเวศป่าพรุจึงเป็นภารกิจหลักของท่ัวโลก และเง่ือนไขท่ีส�ำคัญในการบริหารจัดการเพ่ือการอนุรักษ์คุ้มครอง
ระบบนิเวศป่าพรุก็คือการมีองค์ความรู้เก่ียวกับระบบนิเวศป่าพรุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ความเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของพ้ืนที่พรุ
ทเ่ี กิดขนึ้ ในระดบั ทอ้ งถิน่ ประเทศ และระดับโลก
ในมุมมองทางเศรษฐศาสตร์ ระบบนิเวศป่าพรุ ถือว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานซ่ึงธรรมชาติมอบให้แก่สังคม (natural infrastructure)
เปรยี บเสมือนโรงงานทางธรรมชาติทีม่ กี ระบวนการผลิตและกอ่ เกิดผลผลติ และให้บริการแกม่ วลมนุษย์ มีกลไกทางธรรมชาติในด้านการ
ควบคมุ สภาพภมู อิ ากาศ ลดความเสยี่ งเรอื่ งภยั แลง้ นำ�้ ทว่ ม ในขณะเดยี วกนั การทปี่ ระเทศไทยมปี า่ พรเุ ทา่ กบั มที นุ ทางธรรมชาติ (natural
capital) เปน็ ทรพั ยส์ นิ สาธารณะทส่ี ำ� คญั เพราะเปน็ แหลง่ กำ� เนดิ ของปจั จยั สเี่ พอ่ื การดำ� รงชพี และกอ่ ใหเ้ กดิ รายได้ สรา้ งความมง่ั คงั่ ใหก้ บั
สงั คม ดว้ ยเหตนุ ีใ้ นมุมมองทางเศรษฐศาสตรน์ ัน้ การหยุดยั้งการสญู เสียปา่ พรุ โดยมกี ารอนุรกั ษแ์ ละฟนื้ ฟจู งึ นา่ จะเปน็ แนวทางที่มีความ
คมุ้ ค่าทางเศรษฐศาสตร์
คมู่ อื สำ� หรบั การประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรส์ ำ� หรบั ระบบนเิ วศปา่ พรฉุ บบั นี้ ไมไ่ ดต้ อ้ งการนำ� เสนอเพอื่ อธบิ ายวธิ กี ารตคี า่ หรอื ราคาให้
กบั ทรพั ยากรธรรมชาตทิ อี่ ยใู่ นระบบนเิ วศปา่ พรุ แตเ่ ปน็ การแสดงการใชว้ ธิ กี ารทางเศรษฐศาสตรเ์ พอ่ื การวเิ คราะหห์ ามลู คา่ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกับ
การจัดการระบบนิเวศป่าพรุ เพื่อน�ำข้อมูลด้านมูลค่ามาใช้ประกอบการตัดสินใจเพื่อการจัดการระบบนิเวศป่าพรุอย่างย่ังยืน นอกเหนอื
จากการหาคำ� ตอบ สำ� หรบั คำ� ถามสำ� คญั ทว่ี า่ “ระบบนเิ วศปา่ พรมุ คี วามสำ� คญั อยา่ งไร ทำ� ไมตอ้ งประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรข์ องระบบ
นิเวศป่าพรุ”

1.3 ทำ� ไมตอ้ งประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์

ภาพที่ 2 ความเชอ่ื มโยงของคมู่ อื การประเมนิ คา่ ทางเศรษฐศาสตรก์ บั โครงการฯ

เพ่ิมศักยภาพ เปน็ แหลง่ ทีอ่ ยอู่ าศัย เป็นระบบนิเวศ
ในการกักเก็บ สาํ หรบั พันธุพ์ ืชและสตั ว์ ท่ีให้บริการและปรับปรุง
ที่มคี วามสําคัญระดับโลก วถิ ีชีวิตชุมชนทอ้ งถนิ่
คารบ์ อน

การใหค้ วามสำ� คญั ตอ่ การอนรุ กั ษร์ ะบบนเิ วศปา่ พรเุ พอ่ื เปน็ แหลง่ เพม่ิ ศกั ยภาพในการกกั เกบ็ คารบ์ อน เปน็ แหลง่ ทอ่ี ยอู่ าศยั สาํ หรบั พนั ธพ์ุ ชื
และสตั วท์ ม่ี คี วามสาํ คญั ระดบั โลก และเปน็ ระบบนเิ วศทใี่ หบ้ รกิ ารและปรบั ปรงุ วถิ ชี วี ติ ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ ถอื วา่ เปน็ เปา้ หมายหลกั ของ “โครงการ
เสรมิ ศักยภาพการจดั การระบบนิเวศปา่ พรุ เพ่ือเพ่ิมความสามารถในการกักเก็บคารบ์ อนและอนุรกั ษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพอย่าง
ยัง่ ยืน (Maximizing carbon sink capacity and conserving biodiversity through sustainable conservation, restoration
and management of peat swamp ecosystems)”

|7

คู่มือเล่มน้ีเป็นผลงานส่วนหนึ่งของโครงการฯ เพ่ือช้ีให้เห็นว่าการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์มีส่วนส�ำคัญอย่างมากท่ีจะก่อให้เกิด
การด�ำเนินงานในการจัดการพื้นที่ป่าพรุเพ่ือการใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาดและย่ังยืน โดยยังสามารถเป็นรากฐานเศรษฐกิจแก่ชุมชน
ทอ้ งถน่ิ เพอ่ื การดำ� รงชพี และสรา้ งรายได้ ในขณะเดยี วกนั ยงั คงคณุ สมบตั ทิ างนเิ วศเพอ่ื ดำ� รงความหลากหลายทางชวี ภาพและความสามารถ
ในการกักเก็บคาร์บอน เน้ือหาท่นี ำ� เสนอในคมู่ ือการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตรข์ องระบบนิเวศป่าพรเุ ลม่ นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ

• แสดงให้เหน็ ว่ามลู ค่าทางเศรษฐศาสตร์สามารถน�ำไปใช้แสดงความสำ� คัญของระบบนเิ วศ เพอ่ื สรา้ งการตระหนัก และใช้ในการ
พัฒนาเคร่อื งมอื เชิงนโยบายทจี่ ะหยดุ ย้ังการทำ� ลายระบบนิเวศปา่ พรุ

• สร้างความรู้ความเข้าใจถึงแนวทางการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ที่เกิดข้ึนจากทางเลือกในการใช้ประโยชน์พ้ืนท่ีป่าพรุ
นำ� ไปสกู่ ารตดั สินใจว่าควรจะมีการจดั สรรหรือจดั การการใช้ประโยชน์ปา่ พรอุ ย่างไร

1.4 การใชป้ ระโยชนจ์ ากมูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์

ภาพที่ 3 การใชป้ ระโยชนจ์ ากมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์

การตัดสนิ ใจ การออกแบบ
เลอื กหรือจดั ล�ำดับ เครอ่ื งมือที่ใช้
ความส�ำคญั ในการด�ำเนนิ นโยบาย

การสร้างจติ ส�ำนึก
ความร้คู วามเขา้ ใจ


มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรม์ บี ทบาทสำ� คญั ในการตอบคำ� ถามถงึ คณุ ประโยชนข์ องปา่ พรใุ นดา้ นตา่ ง ๆ ในรปู ตวั เงนิ ทำ� ใหท้ ราบถงึ มลู คา่ ของ
ผลกระทบทเ่ี กดิ จากกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทที่ ำ� ใหป้ า่ พรเุ ปลย่ี นแปลง และเปน็ ขอ้ มลู สำ� คญั ในการออกแบบเครอื่ งมอื เชงิ นโยบายเพอื่ ขบั เคลอื่ น
กจิ กรรมการอนรุ กั ษข์ องระบบนเิ วศปา่ พรุ อาทิ คา่ ธรรมเนยี มในการใชป้ ระโยชน์ คา่ ชดเชยจากการสรา้ งความเสยี หายแกป่ า่ พรุ หรอื การ
สร้างมูลคา่ เพ่มิ ส�ำหรับผลิตภณั ฑ์จากป่าพรุ เปน็ ตน้
การประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ของบริการจากระบบนิเวศป่าพรุจะมีความหมายมากขึ้น เม่ือผู้วางแผนหรือมีส่วนเก่ียวข้องในการ
จดั การโครงการสามารถกำ� หนดเปา้ หมายและวตั ถปุ ระสงคข์ องการนำ� ผลการศกึ ษาไปใชป้ ระโยชนเ์ ชงิ นโยบายอยา่ งชดั เจนและเปน็ รปู ธรรม
โดยก�ำหนดเปน็ กรอบประเด็นเพ่อื เชือ่ มโยงไปสแู่ นวค�ำถามเชิงนโยบายตา่ ง ๆ ตัวอยา่ งเช่นผกู้ ำ� หนดนโยบายอาจมคี วามสนใจในประเดน็
ต่อไปน้ี

8|

ตารางท่ี 1 กรอบประเด็นเชงิ นโยบายและแนวทางการประเมนิ มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์

กรอบประเดน็ เชิงนโยบาย ตัวอย่างแนวค�ำถามเชงิ นโยบาย แนวทางการประเมินมลู คา่ ฯ

สร้างความตระหนักถึงความส�ำคัญของ • ชุมชนที่อาศัยโดยรอบพ้ืนท่ีป่าพรุได้รับ • กำ� หนดกลุ่มเปา้ หมาย (ผ้มู ีส่วน ไดเ้ สยี )
ระบบนิเวศ ป่าพรุที่มีต่อกลุ่มเป้าหมาย ประโยชน์จากการเก็บหากระจูด การ และแจกแจงรายละเอียดของบริการ
เพ่ือสร้างแรงจูงใจในการอนุรักษ์ หรือ ประมงและการเป็นแหล่งน้�ำด่ืม น้�ำใช้ ทางนิเวศที่ได้รบั ประโยชน์
หยุดยง้ั การท�ำลายระบบนิเวศป่าพรุ เป็นมลู ค่าเทา่ ไร?
• จัดล�ำดับความส�ำคัญร่วมกับผู้มีส่วน
• พื้นที่ชุ่มน�้ำให้ประโยชน์เชิงนันทนาการ ได้เสีย เพ่ือคัดเลือกบริการทางนิเวศ
คิดเป็นมูลค่าเท่าไร มีผลประโยชน์ตก ทเ่ี ปน็ ประเดน็ สนใจ
แกใ่ ครบา้ ง?
• เลือกวิธกี ารประเมนิ มลู ค่าทีเ่ หมาะสม
• การคมุ้ ครองพนื้ ทปี่ า่ พรุ สรา้ งผลประโยชน์
ในระดบั ประเทศเปน็ มลู คา่ เทา่ ไร? เปน็ ตน้

ตดั สนิ ใจลงทนุ ในโครงการฟน้ื ฟหู รอื อนรุ กั ษ์ • เมื่อมีโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น • ก�ำหนดขอบเขตของโครงการและระบุ
ปา่ พรุ การทำ� ทำ� นบปลา ผลประโยชนท์ เ่ี กดิ ขน้ึ การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพเศรษฐกจิ
ภายใต้งบประมาณและทรัพยากรที่มี เป็นมูลค่าเท่าไร? และคุ้มค่ากับการ และสงั คมของบรกิ ารทางนเิ วศ สบื เนอ่ื ง
จ�ำกัด ควรจะฟื้นฟูป่าพรุอย่างไรเพื่อให้ ลงทุนหรอื ไม่? จากการมโี ครงการฯ
เกดิ ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนในเชงิ เศรษฐศาสตร์
สงู สุด • การวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ • ประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์เพ่ือให้
ที่เกิดขึ้นจากทางเลือกต่าง ๆ ในการ ทราบถึงต้นทุนและผลประโยชน์ที่
ฟื้นฟูป่าพรุเพื่อน�ำไปสู่การตัดสินใจว่า เกดิ ขน้ึ จากทางเลอื กในการใชป้ ระโยชน์
ควรจะมีการจัดสรรหรือจัดการการใช้ พ้ืนท่ีป่าพรุ น�ำไปสู่การตัดสินใจว่าควร
ประโยชน์ป่าพรุอยา่ งไร? จะมีการจัดการการใช้ประโยชน์ป่าพรุ
อย่างไร

ต้องการทราบมูลค่าความเสียหายจาก • ต้นทุนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของ • ประเมินการเปลี่ยนแปลงของบริการ
กิจกรรมท่ีมีผลต่อการเปล่ียนแปลง บริการทางนิเวศที่สูญเสียไปคิดเป็น ทางนิเวศแต่ละประเภทท่ีเกิดข้ึนในเชิง
สถานภาพป่าพรุ การท�ำลายป่าพรุ มลู คา่ ความเสียหายเทา่ ไร? ปริมาณ โดยเปรียบเทียบกับกรณีฐาน
เพอ่ื หาแนวทางกำ� หนดคา่ ปรบั (ก่อนการเปล่ียนแปลง)
• ความเสยี หายจากการสญู เสยี ป่าพรคุ วร
ตั้งเปน็ อัตราค่าปรบั ไร่ละกบี่ าท? • คูณด้วยมูลค่าส่วนเพ่ิมของบริการทาง
นิเวศแตล่ ะประเภท

ตอ้ งการหาแหลง่ ทนุ เพอื่ การอนรุ กั ษป์ า่ พรุ • จะจัดหาแหล่งทุนและสร้างความม่ันคง • ระบุกลุ่มผู้ได้รับประโยชน์จากบริการ
ทางการเงินเพ่ือการอนุรักษ์ป่าพรุได้ ทางนิเวศท่ียังไม่ได้มีส่วนร่วมในการ
อยา่ งไร? อนุรกั ษ์ป่าพรุ

• ประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์เพ่ือ
สะท้อนคุณประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับ

• หาแนวทางสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มจากกลมุ่
ดงั กลา่ วในการอดุ หนนุ โครงการอนรุ กั ษ์
อย่างตอ่ เนอื่ ง

|9

ลำ� ดบั ขนั้ ตอนหลกั ๆ ของการใชป้ ระโยชนจ์ ากผลการศกึ ษาดา้ นการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรใ์ นดา้ นนโยบาย มดี งั น้ี (TEEB, 2010)

1) ทำ� ความเขา้ ใจกับคณุ ประโยชนร์ ะบบนิเวศ (recognizing value) ทงั้ หมดทเ่ี กิดขนึ้ จากป่าพรุ ทัง้ ดา้ นชีวภาพกายภาพ สังคม
และวฒั นธรรม เพอ่ื ให้ทกุ ฝา่ ยท่เี กย่ี วข้องตระหนักรู้และจดั ลำ� ดบั ความส�ำคญั รว่ มกนั

2) ประเมนิ ในรปู มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ (demonstrating value) ของบรกิ ารทางนเิ วศทมี่ คี วามสำ� คญั ลำ� ดบั ตน้ ๆ ตอ่ ผเู้ กย่ี วขอ้ ง
โดยเลอื กเทคนิคการประเมินมูลคา่ ทเี่ หมาะสมกับวัตถุประสงคก์ ารใชป้ ระโยชนด์ ้านนโยบายต่อไป

3) ใชป้ ระโยชนจ์ ากมลู คา่ ทป่ี ระเมนิ ได้ (capturing value) เพอื่ นำ� ไปออกแบบเครอ่ื งมอื หรอื กลไกในเชงิ นโยบาย เพอื่ นำ� ไปสกู่ าร
จัดการระบบนิเวศอย่างยั่งยืน ในข้ันตอนของการออกแบบนโยบาย อยู่ภายใต้หลักการทางเศรษฐศาสตร์ท่ีส�ำคัญ ได้แก่
หลกั ผู้ก่อมลพษิ หรอื ผสู้ รา้ งความเสียหายเป็นผ้จู ่าย (polluter or damager pay principle) หลักผู้ใชห้ รอื ได้รบั ประโยชน์
เป็นผู้จ่าย (user or beneficiary pay principle) และหลักผใู้ ห้บริการเปน็ ผ้รู ับ (provider receive principle)

กลา่ วโดยสรปุ เปา้ หมายของการใชป้ ระโยชนจ์ ากการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรท์ แี่ ตกตา่ งกนั ตอ้ งการขอ้ มลู และเทคนคิ ทแ่ี ตกตา่ งกนั
จึงเป็นเร่ืองค่อนข้างยากท่ีจะน�ำเสนอวิธีการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ในรูปแบบท่ีมีรายละเอียดเฉพาะทาง คู่มือเล่มน้ีจึงมีการ
นำ� เสนอรูปแบบการประเมินมลู ค่าทางเศรษฐศาสตรท์ ใี่ ชโ้ ดยท่วั ไปเพ่ือตอบคำ� ถามประเดน็ ท่รี ะบขุ ้างตน้



1.5 นยิ ามทส่ี ำ� คญั


1.5.1 คณุ ประโยชนร์ ะบบนเิ วศ

ภาพที่ 4 การจ�ำแนกบริการทางนเิ วศของปา่ พรุ

แหล่งเสบยี งหรอื ผลผลติ แหลง่ ควบคุมสภาพแวดล้อม แหล่งด�ำรงวัฒนธรรม
(provisioning services) (regulating services) (cultural services)

ผลผลติ ทไ่ี ดจ้ ากปา่ พรุ เพอื่ บรโิ ภค อปุ โภค คณุ ประโยชน์ทไ่ี ด้จากกระบวนการของระบบ คุณประโยชน์ที่เกิดขนึ้ เชงิ นามธรรม
วตั ถุดิบเพ่อื สรา้ งผลผลติ (ยงั ชพี การคา้ ) นิเวศท่มี กี ารควบคุมกลไกตามธรรมชาติ • แหลง่ ศึกษา วจิ ยั สร้างองคค์ วามรู้
• แหลง่ เก็บหากระจูด • แหล่งนนั ทนาการ พักผอ่ นหย่อนใจ
• แหลง่ หาปลา กบ เขียด ผกั พื้นบา้ น น้ำ� ผงึ้ • แหลง่ สะสมและดดู ซับกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ • แหลง่ ด�ำรงวัฒนธรรม ประเพณี อตั ลักษณ์
รงั ตอ่ • แหลง่ เตมิ น้ำ� ใต้ดนิ และแหลง่ กรองนำ�้
• แหล่งไมเ้ ชอื้ เพลงิ เผาถ่าน • แหลง่ กกั เกบ็ และระบายนำ้� ลดความเสย่ี งภยั แลง้
• แหล่งนำ�้ อปุ โภค บริโภค ทำ� เกษตร น้�ำดบิ นำ้� ทว่ ม
เพ่ือทำ� ประปา • แหลง่ ท่ีอยูแ่ ละอาหารของสตั ว์ป่าและพืชพรรณ
• ท่ีดินเพือ่ การเกษตร และปศุสตั ว์ ธรรมชาติ
• แหลง่ ชว่ ยเพม่ิ ผลผลติ จากการผสมเกสรของนก
ผงึ้ แมลง

แหลง่ คำ�้ จนุ ระบบ (supporting services)

ซง่ึ จ�ำเปน็ ส�ำหรับการเกิดก่อของบริการ
ทั้งสามดา้ นข้างต้น

• แหลง่ ดำ� รงความหลากหลายทางชีวภาพ
• แหล่งก�ำเนดิ พชื สตั ว์เฉพาะถิ่น
• การสะสมอินทรยี ์และกอ่ เกดิ เป็นดินพรุ


 10 |

บรกิ ารทางนิเวศ (ecosystem services) เป็นคุณประโยชนข์ องระบบนเิ วศทม่ี นษุ ย์ได้รบั ทัง้ ทางตรงและทางออ้ ม แมเ้ รียกว่า “บริการ
ทางนเิ วศ” หรอื “นเิ วศบรกิ าร” แตก่ ห็ มายรวมถงึ ผลผลติ หรอื ผลติ ภณั ฑข์ องปา่ พรทุ ส่ี ามารถอปุ โภคหรอื บรโิ ภคไดโ้ ดยตรงหรอื เปน็ วตั ถดุ บิ
ทน่ี ำ� มาใชป้ ระโยชนใ์ นการผลติ อยใู่ นกลมุ่ บรกิ ารดา้ นการเปน็ แหลง่ เสบยี งหรอื ผลผลติ (provisioning services) สำ� หรบั บรกิ ารทางนเิ วศ
ในส่วนท่ีมีความเป็นนามธรรม มีท้ังในรูปที่มนุษย์ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการเข้าใช้ประโยชน์ อาทิ ด้านนันทนาการหรอื ศกึ ษาวจิ ยั
รวมทง้ั การเปน็ แหลง่ สรา้ งอตั ลกั ษณข์ องทอ้ งถนิ่ อยใู่ นกลมุ่ บรกิ ารดา้ นการเปน็ แหลง่ ดำ� รงวฒั นธรรม (cultural services) บรกิ ารทางนเิ วศ
หลายประการท่ีมนษุ ย์ได้รบั ประโยชน์โดยอ้อม ซึ่งเกิดจากกลไกทางธรรมชาตทิ ่ีเอื้อประโยชนต์ ่อมนษุ ย์ อาทิ เป็นแหล่งรกั ษาสมดุลของ
นำ้� ใตด้ ิน สะสมและดดู ซับกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ เพ่ิมการผสมเกสรของผงึ้ และแมลง สำ� หรบั บริการทางนเิ วศอกี ประเภทคือ การเปน็
แหล่งค้�ำจุนระบบ (supporting services) ซึ่งเป็นบริการที่ก่อให้เกิดบริการทางนิเวศ 3 ประเภทข้างต้น อาทิ การสะสมอินทรีย์และ
ก่อเกดิ เป็นดนิ พรุ การเปน็ แหล่งดำ� รงความหลากหลายทางชีวภาพ และการเป็นแหลง่ ก�ำเนดิ พชื และสัตว์เฉพาะถน่ิ
สำ� หรบั คมู่ อื น้ี คำ� วา่ “บรกิ ารทางนเิ วศ” หรอื “นเิ วศบรกิ าร” หรอื “คณุ ประโยชนร์ ะบบนเิ วศ” นำ� มาใชใ้ นความหมายเดยี วกนั ซง่ึ หมายถงึ
“ecosystem services”
1.5.2 มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตรโ์ ดยรวม

ภาพท่ี 5 มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตรข์ องบริการทางนเิ วศจากป่าพรุ

มูลค่าทางเศรษฐศาสตรโ์ ดยรวม

มลู ค่าที่เกดิ จากการใชป้ ระโยชน์ มูลคา่ ทเ่ี กิดจากการไมไ่ ดใ้ ชป้ ระโยชน์

มลู คา่ เผอ่ื จะใช้ประโยชน์

มลู ค่าทเี่ กิดจาก มูลคา่ ทีเ่ กิดจาก มูลค่า มูลคา่
การใช้โดยตรง การใชโ้ ดยอ้อม เพือ่ การคงอยู่ เพ่อื ลกู หลาน

••• เกบ็ กระจูด • แหล่งเติมนำ้� ใต้ดนิ กรองนำ้� • แหลง่ ด�ำรงความหลากหลาย
หาปลาและสัตวน์ ำ�้ ระบายน้�ำ ทางชวี ภาพ
ของปา่ เช่น ผกั พน้ื บา้ น น�้ำผึ้ง • แหล่งลดความเสี่ยงภยั แลง้ • แหลง่ ทีอ่ ย่แู ละอาหารของสตั ว์
รงั ต่อ น�ำ้ ทว่ ม และพชื
•••• แหล่งไม้เชอ้ื เพลิง เผาถา่ น • แหล่งผสมเกสรของผง้ึ •• แหลง่ กําเนดิ พชื สตั ว์เฉพาะถนิ่
ใชพ้ ื้นท่เี พ่อื การเกษตร ปศุสัตว์ แมลง นก มรดกทางธรรมชาติเพ่อื
แหลง่ ศกึ ษาวจิ ยั พกั ผอ่ นหยอ่ นใจ • แหลง่ สะสมและดดู ซบั กา๊ ซ CO2 ลูกหลาน
แหลง่ น้ำ� ใช้ น้�ำเพอ่ื การเกษตร
และแหล่งนำ�้ ดิบเพ่อื ทาํ ประปา

| 11

มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรโ์ ดยรวม (total economic value) จ�ำแนกไดเ้ ปน็ สามกลุ่มหลกั ไดแ้ ก่
• มลู ค่าทเ่ี กิดจากการใช้ประโยชน์ (use value) สามารถจ�ำแนกได้เปน็ สองประเภทคือ
+ มูลคา่ จากการใชโ้ ดยตรง (direct use value) มนุษย์ใชป้ ระโยชนจ์ ากระบบนิเวศโดยตรง ไมว่ ่าจะเปน็ ในรูปผลผลติ
หรือสินคา้ เพอ่ื การอปุ โภคและบรโิ ภค วัตถุดิบเพ่ือนำ� ไปสร้างผลผลิต หรือบรกิ ารที่สรา้ งความพงึ พอใจโดยตรง มูลค่า
จากการใช้ประโยชน์โดยตรงจ�ำแนกเป็นมูลค่าท่ีเกิดจากการบริโภค (consumptive use) และมูลค่าท่ีไม่ได้เกิดจาก
การบรโิ ภค (non-consumptive use)
+ มลู ค่าท่เี กิดจากการใชโ้ ดยอ้อม (indirect use value) มนุษย์ไมไ่ ด้ใช้ประโยชนจ์ ากระบบนเิ วศโดยตรง แต่ไดร้ ับการ
เกือ้ หนุนจากกระบวนการทางนิเวศทีเ่ กิดขึ้น
• มูลค่าเผ่ือจะใช้ประโยชน์ (option value) เป็นมูลค่าท่ีมนุษย์ให้กับระบบนิเวศเพราะเล็งเห็นความส�ำคัญของโอกาสท่ีจะสร้าง
ประโยชน์แก่ตนเองในอนาคตจึงไม่ใช้ประโยชน์ในปัจจุบัน สะท้อนผ่านค่าความยินดีที่จะจ่ายเพื่อให้แน่ใจได้ว่าบริการทาง
นิเวศนน้ั ๆ ยงั คงอยู่เผื่อวา่ จะมโี อกาสใชป้ ระโยชนใ์ นอนาคต ถงึ แม้วา่ จะมีความไมแ่ นน่ อนเกิดขึน้
• มูลค่าจากการไม่ได้ใช้ประโยชน์ (non-use value) เป็นมูลค่าท่ีมนุษย์เห็นความส�ำคัญของระบบนิเวศและต้องการอนุรักษ์
โดยไม่ใช้ประโยชน์ จ�ำแนกไดส้ องประเภท คอื
+ มูลค่าเพื่อการคงอยู่ (existence value) เป็นมูลค่าท่ีเกิดจากการไม่ได้ใช้ประโยชน์ ด้วยเหตุผลที่มนุษย์ต้องการเห็น
ระบบนิเวศและองค์ประกอบตา่ ง ๆ ดำ� รงอยู่ต่อไป
+ มูลค่าเพ่ือลูกหลาน (bequest value) เป็นมูลค่าที่เกิดจากการไม่ได้ใช้ประโยชน์ด้วยเหตุผลที่มนุษย์ต้องการให้เก็บ
ระบบนิเวศไว้เพ่ือใหก้ บั ลกู หลานรนุ่ ตอ่ ๆ ไป

สำ� หรบั ระบบนเิ วศปา่ พรขุ องประเทศไทย คณุ ประโยชนข์ องระบบนเิ วศปา่ พรทุ เ่ี กดิ ขนึ้ ในสงั คมมหี ลากหลายและแตกตา่ งกนั ไปดงั ขา้ งตน้
แตค่ ณุ ประโยชน์ดา้ นใดจะมมี ากน้อยข้นึ อยกู่ บั คุณลกั ษณะดา้ นชวี ภาพและกายภาพ ตลอดจนเงอื่ นไขด้านสถาบัน สงั คมและวัฒนธรรม
ที่ระบบนิเวศป่าพรุต้ังอยู่ ก่อนจะประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์จากบริการเชิงนิเวศของป่าพรุจึงมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจ
ในบรบิ ทดังกลา่ ว

12 |

1.5.3 ความเช่ือมโยงระหวา่ งบรกิ ารทางนเิ วศและมูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์

ตารางท่ี 2 ความเชอื่ มโยงระหวา่ งบรกิ ารทางนเิ วศและมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรป์ ระเภทตา่ ง ๆ

บรกิ ารทางนเิ วศ มลู ค่าจากการใช้ มลู คา่ จากการใช้ มลู ค่าเผ่ือจะใช้ มูลค่าจากการไมไ่ ด้
แหลง่ เสบียงหรือผลผลิต ประโยชน์โดยตรง ประโยชน์โดยออ้ ม ใชป้ ระโยชน์

แหลง่ ควบคุมสภาพแวดลอ้ ม

แหลง่ ดำ� รงวฒั นธรรม มลู คา่ ที่เกดิ ขน้ึ ตามบรกิ ารทางนิเวศขา้ งตน้
แหลง่ ค้ำ� จนุ ระบบ

หมายเหตุ จ�ำนวนหรอื รายการของบริการทางนิเวศในดา้ นนน้ั = ปานกลาง = น้อยหรอื ไมห่ ลากหลาย

= มากหรือหลากหลาย
ทีม่ า TEEB (www.teebweb.org)

งานศึกษาด้านการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ของบริการทางนิเวศส่วนใหญ่มักจะจ�ำแนกตามประเภทของมูลค่าทาง
เศรษฐศาสตร์มากกว่าจะเป็นการจ�ำแนกตามประเภทของบริการทางนิเวศ ตารางข้างต้นช่วยแสดงให้เห็นความเช่ือมโยงระหว่างมูลค่า
ทางเศรษฐศาสตรป์ ระเภทต่าง ๆ และบริการทางนเิ วศแต่ละดา้ น

| 13

สว่ นท่ี 2
ความรูเ้ บื้องตน้ ดา้ นการประเมนิ มลู ค่า
ทางเศรษฐศาสตร์

14 |

เนอื้ หาในสว่ นนม้ี เี ปา้ หมายเพอ่ื อธบิ ายประเดน็ ทางเศรษฐศาสตรพ์ นื้ ฐานทจ่ี ำ� เปน็ สำ� หรบั การประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ ประกอบดว้ ย
นยิ ามและความหมายของมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ ความแตกต่างระหวา่ งมลู ค่ารวม มูลค่าเฉลี่ย และมลู คา่ ส่วนเพิม่ แนวคิดเร่อื งมลู ค่า
ปจั จบุ นั รวมทงั้ แนวคดิ เรอื่ งความยนิ ดจี า่ ยและความยนิ ดรี บั (การชดเชย) ตลอดจนเกณฑท์ างเศรษฐศาสตรท์ ใี่ ชเ้ พอื่ ประกอบการตดั สนิ ใจ
เชิงนโยบาย

2.1 มลู ค่าทางเศรษฐศาสตร์

ภาพท่ี 6 มลู ค่าของสินค้าและบรกิ ารกรณีมีราคาและไม่มรี าคาในตลาด

ราคาปลา (บาท/กโิ ลกรัม) ความยินดจี ่ายสว่ นเพมิ่
หรอื มลู คา่ ส่วนเพิม่ (บาท/ไร)่

อุปทาน อุปสงคข์ องการอนรุ ักษป์ า่ พรุ
เพ่ือคณุ ประโยชน์โดยอ้อม เชน่
แหลง่ ผสมเกสรของผ้งึ และแมลง
100 เพาะพนั ธุส์ ตั วน์ ้ำ� และด�ำรงความ
หลากหลายทางชวี ภาพ
ในตรลาคาดา
80

ปริมาณในตลาด อุปสงค์ ปลา (กโิ ลกรมั ) 10 พ้นื ทป่ี า่ พรุ (ไร)่
200 800 1,500
เมอ่ื สนิ คา้ และบรกิ ารมรี าคาในตลาด
เมือ่ (สนิ ค้าและ) บรกิ ารไม่มรี าคาในตลาด

ในทางเศรษฐศาสตร์ “มูลค่าของส่ิงของหรือสินค้าและบริการ” คือมาตรวัดทางการเงินเพื่อระบุหรือแสดงความส�ำคัญของสิ่งดังกล่าว
ที่มีต่อมนุษย์ ซ่ึงการท่ีมนุษย์ให้ค่า “ความส�ำคัญ” ต่อสินค้าและบริการนั้น ๆ อาจมาจากเหตุผลใดเหตุผลหน่ึงหรือหลายเหตุผล อาทิ
เพราะมีความส�ำคัญต่อจิตใจ หรือเพราะมีเป็นจ�ำนวนน้อยซึ่งสะท้อนความหายากท่ีเกิดข้ึน เพราะมีต้นทุนในการผลิตที่สูง ซึ่งสะท้อน
ความยากง่ายของการเกิดหรือได้สิ่งน้ัน หรือเพราะมนุษย์มีความจ�ำเป็นต้องน�ำมาใช้ประโยชน์ หรือจ�ำเป็นต้องมีอยู่หากไม่มีจะท�ำให้
ระบบนิเวศเสียสมดลุ สร้างความเดือดรอ้ นต่อมนษุ ย์ เปน็ ต้น
โดยทั่วไปมูลค่ามักแสดงถึงข้อตกลงที่สะท้อนความพึงพอใจของท้ังฝ่ายผู้ให้บริการหรือผู้ขายสินค้า (ด้านอุปทาน) และฝ่ายผู้รับบริการ
หรือผู้ซื้อสินค้า (ด้านอุปสงค์) ซ่ึงมักปรากฏให้เห็นผ่าน “ราคาท่ีซื้อขายในท้องตลาด’’ แต่ถ้าเป็นสิ่งของ (ซ่ึงอาจอยู่ในรูปวัตถุดิบหรือ
ผลิตภัณฑ์) และบริการท่ีสังคมได้รับประโยชน์จากระบบนิเวศทางธรรมชาติ มักจะไม่ปรากฏมูลค่าหรือราคาท่ีซื้อขายในท้องตลาด
แตก่ ไ็ มไ่ ดห้ มายความวา่ ไมม่ รี าคา หากแต่ “มลู คา่ ” ทเี่ กดิ ขนึ้ สะทอ้ นความพงึ พอใจของสงั คมซง่ึ เปน็ ฝา่ ยผทู้ ไ่ี ดร้ บั ประโยชนจ์ ากระบบนเิ วศ
ในรปู ของ “ความยนิ ดีจ่าย (willingness to pay)” ในแต่ละหน่วยที่ได้รบั ของสินคา้ และบริการนั้น ๆ หรืออยู่ในรูป “ความยนิ ดรี บั การ
ชดเชย (willingness to accept compensation)” เมอ่ื ตอ้ งสญู เสยี สทิ ธจิ ากการใชป้ ระโยชนจ์ ากสง่ิ ของหรอื บรกิ ารจากธรรมชาตทิ เ่ี คย
ได้รบั ประโยชน์ดงั กล่าว

| 15

หากระบบนเิ วศปา่ พรเุ ปรยี บเสมอื นโรงงานหรอื ระบบสาธารณปู โภคทางธรรมชาตขิ องสงั คม (natural infrastructure) ซง่ึ มอี งคป์ ระกอบ
ตา่ ง ๆ ตามสภาพ เงอ่ื นไข บทบาทหนา้ ทแ่ี ละกระบวนการทำ� งานตามธรรมชาตอิ นั เปน็ คณุ ลกั ษณะเฉพาะของระบบนเิ วศนน้ั ๆ ทมี่ าจาก
ทุนทางธรรมชาติ (natural capital) ท่ีมีอยู่ซึ่งเปรียบเสมือนวัตถุดิบหรือองค์ประกอบหลักในการผลิตหรือก่อให้เกิดผลงานซึ่งเรียกว่า
“บริการทางนิเวศ” ทั้งท่ีเป็นรูปธรรมจับต้องได้หรือนามธรรมสังเกตได้ สร้างประโยชน์ต่อสังคมให้เกิดความอยู่ดีมีสุข และเป็นมูลค่าท่ี
เกิดขึ้นต่อมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าทางจิตใจ มูลค่าทางนิเวศ เป็นต้น และส่วนหนึ่งก็คือมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ของบริการทางนิเวศ
ในดา้ นต่าง ๆ ที่เกดิ กับผไู้ ดร้ ับประโยชน์กลุ่มต่าง ๆ

ภาพท่ี 7 ความเชื่อมโยงจากต้นทางของระบบนเิ วศไปจนถงึ ปลายทางของการประเมินมลู ค่าบริการทางนิเวศ

โครงสร้าง องคป์ ระกอบ บรกิ าร ประโยชน์ มูลคา่ ของ
สถานภาพและ ต่าง ๆ ทางนเิ วศ ท่ีเกิดข้ึน บรกิ ารทางนิเวศ
ลักษณะทาง จากป่าพรุ ตอ่ สงั คม
ชีวกายภาพ กระบวนการ สรา้ งความ ทเี่ กิดขึน้ กับ
และการ อยดู่ มี สี ุข มนษุ ย์
ของป่าพรุ ท�ำหนา้ ท่ี

ตามธรรมชาติ

มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ของบริการจากป่าพรุเปรียบเสมือนเป็นผลงานจากธรรมชาติในข้ันตอนสุดท้ายท่ีมีความเช่ือมโยงต่อมนุษย์ในรูป
คุณประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยเหตุนี้ ในการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์จากระบบนิเวศป่าพรุจึงประเมินจากมนุษย์
ซง่ึ อยู่ในฐานะเปน็ ผ้ไู ด้รับประโยชน์ และประเมินจากผลงานข้นั สดุ ท้ายของธรรมชาติที่สร้างประโยชนต์ ่อมนษุ ย์ จะไม่ประเมินมูลค่าทาง
เศรษฐศาสตรจ์ ากการทำ� หนา้ ทตี่ ามกระบวนการทางธรรมชาตขิ องระบบนเิ วศ ซง่ึ เปน็ ผลงานขนั้ กลาง มฉิ ะนน้ั จะเปน็ การประเมนิ ซำ้� ซอ้ น
หรอื ที่เรยี กวา่ การนับซำ้� (double counting) ซึง่ เป็นขอ้ ท่คี วรระวังในงานด้านการประเมนิ มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์
เพอ่ื หลกี เลย่ี งการประเมนิ ซำ�้ ซอ้ นหรอื นบั ซำ้� เชน่ บรกิ ารทางนเิ วศของปา่ พรจุ ากการเปน็ แหลง่ กกั เกบ็ นำ�้ ของปา่ พรุ ควรจะประเมนิ มลู คา่
ทางเศรษฐศาสตร์ด้านการใช้ประโยชน์โดยตรงจากน�้ำในป่าพรุและมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ด้านการใช้ประโยชน์โดยอ้อมจากบริการ
ดา้ นการชว่ ยลดความเสยี่ งเรอื่ งนำ�้ ทว่ มและภยั แลง้ กลา่ วคอื ควรจะประเมนิ จากผลงานขนั้ สดุ ทา้ ยเพอ่ื หลกี เลย่ี งความซำ�้ ซอ้ น ซงึ่ หมายถงึ
การประเมินมูลค่าจากรายการสองส่วนหลังซึ่งอยู่ในรูปสินค้าและบริการที่มนุษย์ได้รับประโยชน์ อีกตัวอย่างของการประเมินซ�้ำซ้อน
หรอื การนบั ซำ้� กค็ อื ไมค่ วรประเมนิ มลู คา่ จากการเปน็ แหลง่ สะสมทบั ถมของอนิ ทรยี วตั ถหุ รอื แหลง่ กกั เกบ็ คารบ์ อนของปา่ พรุ แตป่ ระเมนิ
มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์จากการดูดซับหรือการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพ่ือหลีกเลี่ยงการประเมินซ้�ำซ้อนหรือการนับซ�้ำ
กลา่ วคอื ควรประเมนิ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์จากบริการทางนิเวศในรปู การเปล่ยี นแปลงต่อหนว่ ยเวลา (ในรปู ของ flow) ไมใ่ ช่ประเมนิ
จากบรกิ ารทางนเิ วศทม่ี อี ยู่ (ในรูปของ stock) เปน็ ตน้

16 |

2.1.1 มลู ค่าในรูปต่าง ๆ

ภาพท่ี 8 มูลคา่ รวม มลู คา่ เฉลี่ย และมลู ค่าสว่ นเพ่มิ

การผสมเกสรของแมลง อากาศบริสุทธิ์ มลู คา่ รวม (บาท)
แหลงรายได • ปา่ พรคุ วนเครง็ สรา้ งคณุ ประโยชนเ์ พอื่ รายไดแ้ ละการดำ� รงชพี
ตอ่ ชมุ ชนคดิ เปน็ มลู คา่ รวมปลี ะกบี่ าท
แหลงเรยี นรูวัฒนธรรม ความหลากหลาย • การจดั การระบบนำ้� เพอื่ ฟน้ื ฟปู า่ พรจุ ำ� นวน 200 ไร่ กอ่ ใหเ้ กดิ
ภูมิปญ ญา และทองเทย่ี ว ทางชวี ภาพ มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์โดยรวมเป็นมูลค่ากี่บาทมูลค่าเฉลี่ย
(บาทตอ่ หนว่ ย)
แหลงรายได แหลงอาหาร ความหลากหลาย •กลมุ่ เกบ็ หากระจดู สามารถสรา้ งรายไดจ้ ากพรเุ ฉลยี่ ปลี ะกบี่ าท
ของชุมชน ของชุมชน ทางชีวภาพ ตอ่ ครวั เรอื น
แหลงรายได • การจัดการระบบน�้ำเพ่ือฟื้นฟูป่าพรุ ก่อให้เกิดมูลค่าทาง
จากการเล้ียงสัตว การควบคุมสภาพแวดลอม เศรษฐศาสตร์เพมิ่ ขนึ้ เปน็ มลู คา่ เฉลย่ี กบี่ าทตอ่ ไรม่ ลู คา่ สว่ นเพมิ่
แหลง อาหารและวตั ถุดบิ (บาทตอ่ หนว่ ย)
แหลง สะสมคารบอน แหลง รกั ษาสมดุล • การจัดการระบบน้�ำเพื่อฟื้นฟูป่าพรุ ก่อให้เกิดมูลค่าทาง
เพอื่ ลดภาวะโลกรอ น แหลงเรยี นรูและวัฒนธรรม เศรษฐศาสตรเ์ พมิ่ ขนึ้ กบ่ี าทตอ่ เซนตเิ มตรของระดบั นำ้� ทเี่ พมิ่ ขน้ึ
• ระดับน�้ำแต่ละเซนติเมตรท�ำให้ป่าพรุกักเก็บคาร์บอนได้เป็น
แหลง น้ำดมื่ น้ำใช มลู คา่ กบี่ าทตอ่ เซนตเิ มตร
รักษาระดับนำ้ ใตด นิ

ในทางเศรษฐศาสตร์ ค�ำว่ามูลค่าโดยรวม (total value) มูลค่าเฉล่ีย (average value) หรือมูลค่าส่วนเพิ่ม (marginal value) น้ัน
มคี วามหมายแตกตา่ งกันซึง่ นำ� ไปสู่แนวทางในการใช้ประโยชน์เชงิ วิชาการและนโยบายท่ีแตกตา่ งกนั
มลู ค่าโดยรวม (total value) ของบริการจากระบบนิเวศหมายถงึ คุณประโยชน์ทไี่ ด้รับโดยรวมจากบริการทางนิเวศนั้น ๆ การอธบิ ายถงึ
มูลค่าโดยรวมโดยยังไมไ่ ดห้ กั ต้นทนุ ทเี่ กดิ จากการใช้ประโยชน์ หรือทเ่ี รียกว่ามูลค่ารวม (total value หรือ gross value) นน้ั ถอื วา่ ยงั
ไมถ่ กู ตอ้ งสำ� หรบั การประเมนิ “มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร”์ จำ� เปน็ ตอ้ งคำ� นวณในรปู มลู คา่ สทุ ธิ (net value) กลา่ วคอื ตอ้ งหกั ตน้ ทนุ ในการใช้
ประโยชน์เสมอหน่วยวดั ที่นยิ มใชค้ ือบาทต่อปี
ตวั อยา่ งการอธบิ ายถงึ คณุ ประโยชนข์ องบรกิ ารทางนเิ วศจากปา่ พรดุ า้ นการเปน็ แหลง่ จบั สตั วน์ ำ้� ของชมุ ชน ทพี่ บเหน็ โดยทวั่ ไปมกั คำ� นวณ
ในรูปงา่ ย ๆ ทีเ่ รียกวา่ มลู คา่ รวม หรือ gross value ซึง่ หาจากมูลคา่ ของสัตวน์ �้ำท้งั หมดท่ชี มุ ชนจบั ได้ตอ่ ปี โดยน�ำปริมาณการจับสัตว์นำ้�
มาคูณกบั ราคาของสตั ว์นำ้� เพ่อื แสดงมลู ค่ารวม แมว้ า่ จะมปี ระโยชนใ์ นระดับหนึ่งเพอื่ ชีใ้ หเ้ ห็นถึงความส�ำคัญของระบบนิเวศ แตก่ ย็ งั ไมใ่ ช่
การประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ เพราะเป็นมูลค่ารวมท่ียังไม่ได้หักต้นทุนที่ใช้ในการจับสัตว์น้�ำ ทั้งที่เป็นตัวเงิน เช่น ค่าน�้ำมัน
ค่าอุปกรณ์ เป็นต้น และไม่เปน็ ตัวเงินเชน่ ค่าแรงงานของตัวเอง เป็นต้น แต่จะถอื วา่ เปน็ มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ กต็ อ่ เมือ่

• คำ� นวณอยใู่ นรปู มูลค่าโดยรวมสทุ ธิ (net value or total value net of cost) โดยหักต้นทนุ ที่ใชใ้ นการจบั สัตว์น�ำ้
• ค�ำนวณจากราคาคูณด้วยปริมาณสัตว์น�้ำท่ีจับได้ของแต่ละชนิด ไม่ใช่มูลค่าเฉพาะท่ีจ�ำหน่ายได้เท่านั้น กล่าวได้ว่าไม่ใช่รายได้

จากการจ�ำหนา่ ย
• หากไมม่ รี าคาตลาดเพอ่ื การประเมนิ การใชป้ ระโยชนด์ งั กลา่ ว มลู คา่ รวมกค็ อื คา่ ความยนิ ดจี า่ ยโดยรวมของผไู้ ดร้ บั ประโยชนท์ มี่ ี

ตอ่ บริการทางนเิ วศดังกล่าว

| 17

มลู คา่ เฉลยี่ (average value) ของบรกิ ารทางนเิ วศสามารถคำ� นวณไดจ้ ากมลู คา่ รวมหารดว้ ยจำ� นวนหรอื ปรมิ าณบรกิ ารทผี่ ลติ ได้ หรอื จำ� นวน
ผู้ไดร้ บั ประโยชน์ หน่วยวดั ทีน่ ยิ มใช้คอื บาทต่อครวั เรอื น บาทตอ่ ลูกบาศก์เมตร หรอื บาทต่อไร่
มลู คา่ สว่ นเพมิ่ (marginal value) ของบรกิ ารทางนเิ วศ เปน็ มลู คา่ ทเ่ี พมิ่ ขน้ึ เมอ่ื จำ� นวนหรอื ปรมิ าณของบรกิ ารเพม่ิ ขนึ้ แตล่ ะหนว่ ย หากการ
ท�ำงานของระบบตลาดเป็นไปอย่างสมบูรณ์ไม่บิดเบือน มูลค่าส่วนเพิ่มของผลผลิตจากป่าพรุก็คือราคาของผลผลิตนั่นเอง เช่น ในช่วง
น้�ำหลากสามารถจับปลาได้มาก มูลค่าส่วนเพิ่มของปลาหรือราคาก็จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงท่ีสามารถจับปลาได้น้อย แม้ว่ามูลค่าเฉลี่ย
และมูลค่าส่วนเพิ่มจะมีหน่วยวัดท่ีคล้ายคลึงกัน เช่น บาทต่อไร่ หรือบาทต่อลูกบาศก์เมตร แต่ก็มีความหมายไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
อยา่ งไรกต็ าม หากการวเิ คราะหใ์ นรปู ผลประโยชนห์ รอื มลู คา่ สว่ นเพม่ิ ไมส่ ามารถกระทำ� ได้ กส็ ามารถนำ� ผลประโยชนเ์ ฉลยี่ หรอื มลู คา่ เฉลย่ี
ตอ่ หนว่ ยมาใชเ้ พอื่ ประมาณการไดเ้ ชน่ กนั ผลประโยชนเ์ ฉลยี่ จะอยใู่ นรปู ผลประโยชนท์ ห่ี กั ตน้ ทนุ เฉลย่ี ตอ่ หนว่ ยแลว้ หรอื เรยี กวา่ ผลประโยชน์
สทุ ธิเฉลยี่
มูลค่าปัจจุบัน (present value) นักเศรษฐศาสตร์พิจารณาผลได้และผลเสีย (gain and loss) จากการด�ำเนินโครงการหรือกิจกรรม
ซ่ึงมักเกิดขึ้นพร้อมกันหรือต่างช่วงเวลากัน ให้เป็นหน่วยวัดเดียวกันในรูปตัวเงินหรือมูลค่าผลประโยชน์ (benefit) และต้นทุน (cost)
ตามลำ� ดบั โดยปรบั คา่ ใหอ้ ยใู่ นฐานของเวลาเดยี วกนั ซง่ึ เปน็ เวลาเรมิ่ ตน้ เพอ่ื สามารถนำ� มาเปรยี บเทยี บกนั ได้ โดยใชก้ ารคดิ ลด (discounting)
เปน็ ตวั ปรบั คา่ เพอ่ื ใหอ้ ยใู่ นรปู ของมลู คา่ ปจั จบุ นั (present value, PV) สมมตวิ า่ ผปู้ ระเมนิ สามารถคาดคะเนหรอื ทราบถงึ มลู คา่ ในอนาคต
(future value, FV) ของผลไดห้ รอื ผลเสยี ท่เี กดิ ขนึ้ ในอนาคต (เช่นในเวลาท่ี t) สามารถคำ� นวณมูลค่าปจั จุบนั ตามสตู ร ดังนี้

โดย r คอื อตั ราคดิ ลด (discount rate) ซง่ึ เปน็ อตั ราทส่ี ะทอ้ นการลดลงของมลู คา่ เงนิ ในอนาคตทจี่ ะไดร้ บั โดยเปน็ อตั ราทใ่ี ชค้ ดิ ลดรายได้
ในอนาคต ให้กลับมาอยูใ่ นรปู มูลคา่ ปจั จบุ นั (present value) อัตราคิดลดสะท้อนต้นทนุ คา่ เสยี โอกาส (opportunity cost) ของเงิน
ถ้าจะต้องให้แลกว่าจะรับเงินตอนนี้หรือรับในอนาคตอีก 1 ปีข้างหน้า ค่า r ท่ีเป็นบวกแสดงถึงการให้ความส�ำคัญกับมูลค่าที่เกิดข้ึน
ในปัจจุบนั มากกวา่ อนาคต และค่า r = 0 แสดงถงึ การให้ความส�ำคญั กบั อนาคตและปัจจุบันเท่ากนั
2.1.2 ความยินดีจ่ายและความยินดีรับการชดเชย
บริการของระบบนิเวศทางธรรมชาติหรือคุณภาพส่ิงแวดล้อมซึ่งเป็นที่ทราบดีว่ามีความเป็นนามธรรม บางคร้ังไม่สามารถมองเห็นหรือ
จบั ตอ้ งได้ ไมม่ รี าคาหรอื มลู คา่ ซอื้ ขายปรากฏในตลาด ตา่ งจากสนิ คา้ อปุ โภคบรโิ ภคทว่ั ไป ตวั วดั มลู คา่ ของสง่ิ ดงั กลา่ วทมี่ กั ไดย้ นิ โดยทว่ั ไป
คอื ความยินดีจ่าย (willingness to pay) และความยินดรี ับการชดเชย (willingness to accept compensation) ซึง่ สะทอ้ นมูลค่าท่ี
ระบุหรือกำ� หนดโดยผ้ทู ่ไี ดร้ บั ประโยชนจ์ ากบรกิ ารของระบบนิเวศ ซึ่งมปี ระเดน็ ในการอธิบายมลู คา่ ไดแ้ ก่

• ความยนิ ดีจา่ ยเพ่ือประกันวา่ เราจะไดค้ ุณภาพสิง่ แวดลอ้ มทดี่ ีข้นึ
• ความยินดจี า่ ยเพอ่ื หลีกเลี่ยงการสูญเสยี คณุ ภาพสิ่งแวดลอ้ มทดี่ ขี ึ้น
• ความยนิ ดีรับการชดเชยเพ่ือสละการที่จะได้คุณภาพสง่ิ แวดล้อมท่ีดีข้นึ
• ความยินดรี บั การชดเชยเพือ่ ยินยอมอยู่ในสภาพของสิ่งแวดลอ้ มเดิมท่ีไม่ดี
แนวคดิ ดา้ นการประเมนิ คา่ “ความยนิ ดจี า่ ย” หรอื “ความยนิ ดรี บั การชดเชย” สำ� หรบั มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรม์ หี ลกั การเพอื่ นำ� ไปใชง้ า่ ย ๆ
คือ เมื่อคุณประโยชน์หรือผลกระทบท่ีเกิดขึ้นมีความเป็นนามธรรมและคุณลักษณะของความเป็นสาธารณะ (เม่ือคนหน่ึงได้รับผลจาก
การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมแล้วไม่เป็นเหตุให้คนอื่น ๆ จะได้รับผลมากข้ึนหรือน้อยลง) และไม่มีมูลค่าปรากฎในตลาด หรือแม้ว่าจะมี
ราคาปรากฎแต่ก็ไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง แต่ถ้าหากว่าคุณประโยชน์ที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในรูปส่ิงของ ซึ่งสามารถจับต้องได้และมีราคา
ปรากฏในตลาด มีข้อแนะน�ำว่าควรใช้ “ราคาตลาด” เป็นฐานค�ำนวณในการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์

18 |

โดยท่ัวไปแนวค�ำถามด้านความยินดีรับการชดเชยมักไม่เป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายเท่ากับแนวค�ำถามด้านความยินดีจ่าย สาเหตุหน่ึง
เปน็ เพราะคา่ ทไ่ี ดร้ บั คำ� ตอบอาจสงู จนประเมนิ ไมไ่ ด้ แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม การจะเลอื กใชแ้ นวคำ� ถามความยนิ ดจี า่ ยหรอื ความยนิ ดรี บั การชดเชย
เปน็ ประเดน็ เรอ่ื ง “สทิ ธ”ิ หากคณุ ประโยชนห์ รอื ผลกระทบทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการกระทำ� ตามสทิ ธสิ ว่ นบคุ คลและเปน็ เรอ่ื งถกู กฎหมาย กค็ วรใช้
แนวคำ� ถามความยนิ ดรี บั การชดเชยนา่ จะเหมาะสม ตวั อยา่ งเชน่ การปลดปลอ่ ยคารบ์ อนในทด่ี นิ สว่ นบคุ คลทมี่ สี ภาพเป็นดินพรุด้วยการ
ระบายนำ้� ออกปจั จบุ นั ยงั ไมม่ ขี อ้ หา้ มตามกฎหมาย ผปู้ ระเมนิ สามารถสรา้ งแนวคำ� ถามทส่ี ะทอ้ นคา่ ความยนิ ดรี บั การชดเชยเพอื่ ลดกจิ กรรม
การปลดปล่อยคาร์บอน ส�ำหรับใช้ในการประเมินมูลค่าผลประโยชน์จากการอนุรักษ์ดินพรุ น่าจะเหมาะสมกว่าแนวค�ำถามท่ีสะท้อน
คา่ ความยนิ ดจี า่ ยแตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ผปู้ ระเมนิ อาจจะเผชญิ ปญั หาการตอบปฏเิ สธการรบั การชดเชย หรอื ปญั หาการใหค้ า่ ความยนิ ดรี บั การ
ชดเชยที่สงู เกนิ ไป ซงึ่ เป็นเหตุผลหนึ่งทท่ี �ำใหก้ ารใชแ้ นวคำ� ถามความยินดีรบั การชดเชยไมค่ ่อยได้รับความนิยม

2.2 ขั้นตอนในการประเมินมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์

ภาพท่ี 9 ข้นั ตอนในการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์

Monetary ประเมนิ เปน็ ตัวเงินได้: นกั วจิ ัยสามารถ
valuation ประเมินมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรไ์ ด้
Quantitative
assessment ชั่งตวงวดั ได:้ ผู้ได้รับประโยชน์สามารถ
Qualitative ระบขุ นาดหรือปริมาณของผลผลติ
review หรือบริการทางนเิ วศได้
สงั เกตได้: ผู้ได้รบั ประโยชน์สามารถ

สังเกตได้วา่ ไดร้ ับประโยชนจ์ ากผลผลติ
หรือบรกิ ารทางนิเวศในรปู แบบใด

ระบุได:้ แจกแจงรายการคุณประโยชน์
ที่นา่ จะเกดิ ขึน้ จากระบบนเิ วศ
และผู้ทีอ่ าจไดร้ บั ประโยชน์

| 19

ถา้ จำ� แนกการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ปา่ พรเุ พอ่ื การใชป้ ระโยชนใ์ นเชงิ นโยบาย สามารถอธบิ ายไดส้ องบรบิ ท กลา่ วคอื
บรบิ ทของมูลคา่ ท่ไี ด้จากการเป็นปา่ พรุ และบรบิ ทของมลู ค่าท่ีเกดิ จากการเปลี่ยนแปลงคุณสมบตั ิของป่าพรุ ซึ่งจ�ำแนกได้เป็น

• การประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรเ์ พอ่ื ทราบคณุ ประโยชนท์ ไ่ี ดจ้ ากปา่ พรุ ซง่ึ จะประเมนิ มลู คา่ ในภาพรวมจากการมอี ยขู่ องปา่ พรุ
หรือมูลค่าท่ีสังคมต้องสูญเสียป่าพรุท้ังผืน ซ่ึงมักจะเป็นตัวเลขมูลค่าท่ีมหาศาล ซึ่งผู้ศึกษามักระบุหน่วยวัดในรูปบาทต่อปี
กรณีเช่นนีผ้ ู้ศกึ ษาจำ� เป็นต้องมคี วามระมดั ระวงั หากตอ้ งการจะน�ำมาใชป้ ระโยชนใ์ นรปู บาทต่อไรต่ ่อปี
• การประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์เพื่อทราบผลกระทบจากกิจกรรมที่ท�ำให้ป่าพรุเส่ือมโทรมหรือผลประโยชน์จากการฟื้นฟู
ป่าพรุ โดยประเมนิ มลู ค่าของบรกิ ารทางนเิ วศส่วนท่เี ปล่ียนแปลงเพือ่ เช่อื มโยงกับนโยบาย ซง่ึ มคี วามชัดเจนในการใช้ประโยชน์
เชิงนโยบายมากกวา่ แนวทางแรก โดยมเี ส้นทางการเปล่ียนแปลง ดังนี้

ภาพที่ 10 เส้นทางการประเมนิ มลู ค่าทางเศรษฐศาสตรเ์ ม่ือบริการทางนเิ วศมกี ารเปล่ยี นแปลง

ผลของนโยบาย การเปลี่ยนแปลง ผลต่อความ มูลค่าทาง
ที่มตี ่อระบบนเิ วศ ในบรกิ าร อยู่ดมี ีสุข เศรษฐศาสตร์
ทางนิเวศ ของมนษุ ย์ ของบรกิ ารทางนเิ วศ
ป่าพรุ ที่เปลี่ยนแปลง

2.2.1 การประเมินมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ของคุณประโยชนท์ ่ไี ด้จากปา่ พรุ
คมู่ อื เลม่ นอ้ี า้ งองิ ขน้ั ตอนในการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรข์ องคณุ ประโยชนร์ ะบบนเิ วศจาก TEEB initiative (The Economics of
Ecosystems and Biodiversity; www.teebweb.org) สรปุ ขั้นตอนของการประเมนิ มลู คา่ ของคณุ ประโยชนท์ างนเิ วศทไ่ี ดจ้ ากป่าพรุ
ประกอบดว้ ย

1. กำ� หนดประเดน็ เชิงนโยบายร่วมกับผมู้ ีส่วนไดเ้ สยี ว่าต้องการประเมนิ มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์เพือ่ วัตถปุ ระสงคใ์ ด โดยคำ� นงึ ว่า
ถ้าวัตถุประสงค์ในการใชป้ ระโยชนต์ า่ งกัน ตอ้ งการวิธีการประเมนิ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตรต์ ่างกัน

2. ส�ำรวจและระบุบริการของระบบนิเวศที่ต้องการประเมินมูลค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย แม้ว่าบริการทางนิเวศของป่าพรุจะมี
หลากหลายประการ แตเ่ ปน็ ไปไมไ่ ดท้ จี่ ะสามารถหามลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรไ์ ดท้ งั้ หมด จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งมกี ารจดั ลำ� ดบั ความสำ� คญั
ร่วมกับผ้มู สี ่วนได้เสยี และเลือกประเมนิ มูลค่าทางเศรษฐศาสตรส์ ำ� หรบั บริการทางนิเวศทมี่ คี วามส�ำคัญในล�ำดับตน้ ๆ

3. ระบขุ อ้ มลู ทต่ี อ้ งการใชใ้ นการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ และเลอื กวธิ กี ารประเมนิ ซงึ่ อยา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ ผปู้ ระเมนิ ตอ้ งทราบวา่
ระบบนเิ วศมบี รกิ ารทางนเิ วศหลกั ๆ ในดา้ นใดบา้ ง หากมกี ารเปลย่ี นแปลงหรอื มแี นวโนม้ ทจี่ ะเปลยี่ นแปลง จะมกี ารเปลยี่ นแปลง
ของบรกิ ารระบบนเิ วศอยา่ งไร ในดา้ นใดเปน็ หลกั และผลทเี่ กดิ ขนึ้ ตกอยกู่ บั ใคร กอ่ ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงในดา้ นมลู คา่ อยา่ งไร
จากนน้ั จึงเลอื กวิธกี ารประเมนิ มลู ค่าทางเศรษฐศาสตร์ที่เหมาะสม

20 |

2.2.2 การประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์เพอ่ื ทราบผลกระทบจากการเปลีย่ นแปลง

ภาพท่ี 11 ข้นั ตอนการประเมนิ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตรเ์ มอ่ื มีการเปล่ียนแปลงบรกิ ารทางนิเวศ

1 2 3 4 5

ก�ำหนดขอบเขต กลัน่ กรอง ประเมนิ มูลค่า วิเคราะหแ์ ละ ก�ำหนด
ของโครงการ ผลกระทบ ทางเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ นัยเชิงนโยบาย
(scoping) (screening) (analysis and
(economic prediction) (policy
valuation) implication)

การเปล่ียนแปลงของระบบนิเวศมสี าเหตุท้งั โดยอ้อมและโดยตรง (Millennium Ecosystem Assessment, 2005) ดงั น้ี
1. สาเหตโุ ดยออ้ ม (indirect drivers) มี 5 ประการหลักประกอบดว้ ย การเปล่ียนแปลงดา้ นประชากร (population change)
ด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (change in economic activity) ดา้ นเศรษฐกิจสังคมและการเมอื ง (sociopolitical factors)
ด้านประเพณวี ัฒนธรรม (cultural factors) และดา้ นเทคโนโลยี (technological factors)
2. สาเหตโุ ดยตรง (direct drivers) สำ� หรับระบบนิเวศบนบก (terrestrial ecosystem) คอื การเปลย่ี นแปลงการใชป้ ระโยชน์
ท่ดี ิน สำ� หรบั ระบบนเิ วศทางทะเล (marine ecosystem) คอื การจับสัตวน์ ้�ำทีเ่ กนิ ก�ำลังของธรรมชาติ (over-fishing) และ
สำ� หรบั ระบบนเิ วศนำ�้ จดื (fresh water ecosystem) คอื การเปลยี่ นแปลงเสน้ ทางของนำ้� การขยายตวั ของชนดิ พนั ธท์ุ รี่ กุ ราน
และมลพิษ โดยเฉพาะอย่างย่ิงสาเหตุจากการโหลดของสารอาหาร (nutrient loading) ท่ีเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับที่เป็นโทษ
ตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม

การสญู เสียและความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศปา่ พรุส�ำหรบั ประเทศไทย มสี าเหตุตา่ ง ๆ ดงั กลา่ วมาข้างต้น แตส่ าเหตหุ ลัก ๆ ซง่ึ เป็น
ปัญหาคล้ายคลึงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน ดังเช่น ประเทศอินโดนีเซีย หรือมาเลเซีย ซ่ึงเป็นแหล่งท่ีตั้งของระบบนิเวศ
ปา่ พรเุ ขตรอ้ น กค็ อื เกดิ จากการเปลย่ี นแปลงการใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิ ซง่ึ มกั เปน็ เรอื่ งการนำ� พน้ื ทปี่ า่ พรไุ ปใชป้ ระโยชนเ์ พอื่ ปลกู พชื เศรษฐกจิ เช่น
ยางพาราและปาล์มน�้ำมนั เป็นต้น
การประเมินมูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์เพ่ือทราบผลกระทบจากกิจกรรมที่ทำ� ใหป้ ่าพรุเส่ือมโทรมและผลประโยชนจ์ ากกิจกรรมการอนุรักษ์
ปา่ พรุ ประกอบด้วยขัน้ ตอนสำ� คญั ดังน้ี

1. อธบิ ายรายละเอยี ดหรอื จดั ทำ� ขอ้ มลู พน้ื ฐาน (baseline data) ของระบบนเิ วศปา่ พรกุ อ่ นมกี ารเปลยี่ นแปลง ทง้ั ในดา้ นกายภาพ
ชวี ภาพ คุณสมบตั ิของระบบนิเวศ ตลอดจนข้อมลู ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คมของผ้มู ีสว่ นได้เสียในพื้นที่

2. ระบแุ ละประเมนิ ผลกระทบดา้ นตา่ ง ๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ระบบนเิ วศ และพจิ ารณาวา่ บรกิ ารทางนเิ วศดา้ นใดทไี่ ดร้ บั การเปลย่ี นแปลง
อย่างไรบ้าง สร้างผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในด้านใดอย่างไร ท�ำให้เกิดการเปล่ียนด้านเศรษฐกิจสังคมอย่างไร ซ่ึงเป็นการ
ระบุขนาดของผลกระทบในเชิงปรมิ าณและคณุ ภาพ

| 21

3. ประเมนิ มลู คา่ ผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงบรกิ ารนเิ วศทส่ี ำ� คญั ทมี่ ตี อ่ ผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี ซงึ่ เปน็ การประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์
ของบริการระบบนเิ วศดังกล่าว

4. วิเคราะห์ทางเลอื กตา่ ง ๆ โดยนำ� ผลการประเมินมลู ค่าดา้ นส่งิ แวดลอ้ มไปรวมกับมูลค่าทางเศรษฐกิจและการเงนิ อ่นื ๆ เพ่ือให้
เกิดความครบถ้วนในการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ของแต่ละทางเลือก และคาดการณ์ความไม่แน่นอนท่ีจะเกิดข้ึน
เพ่ือวเิ คราะหค์ วามอ่อนไหว

5. ก�ำหนดนัยเชิงนโยบายโดยการเปรียบเทียบมูลค่าปัจจุบันสุทธิระหว่างทางเลือกต่าง ๆ เพ่ือเลือกทางเลือกที่มีมูลค่าปัจจุบัน
ของผลประโยชน์สุทธสิ งู สุดถือวา่ มคี วามเหมาะสมในทางเศรษฐศาสตร์


สำ� หรบั ในหวั ขอ้ ตอ่ ไปเปน็ เรอื่ งการวเิ คราะหต์ น้ ทนุ และผลประโยชน์ ซงึ่ เปน็ การอธบิ ายวธิ กี ารหามลู คา่ ปจั จบุ นั ของผลประโยชนส์ ทุ ธิ

2.3 การวิเคราะหต์ น้ ทุนและผลประโยชน์

ภาพท่ี 12 ขน้ั ตอนของการวิเคราะห์ต้นทนุ และผลประโยชน์

ก�ำหนด ระบรุ ายละเอียด ปรบั การ คิดลด - ปรับ ประเมนิ วิเคราะหค์ ่า
ขอบเขต โครงการ - เปลยี่ นแปลง คา่ เงินตาม มลู ค่าสุทธิ ความอ่อนไหว
โครงการ - พน้ื ที่ ทางกายภาพ ความตา่ ง ปจั จุบัน
เวลาและ การเปลย่ี นแปลง เป็นรูปตัวเงิน ของเวลา
ประชากร ด้านบวกและลบ

นักเศรษฐศาสตร์ใช้หลกั เกณฑใ์ นการตดั สินใจเลอื กกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ โดยอาศยั การวเิ คราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ (cost-
benefit analysis) ซงึ่ มีขน้ั ตอนสำ� คญั ประกอบด้วย

1. กำ� หนดขอบเขตของโครงการ ได้แก่ ขอบเขตดา้ นพ้นื ท่ศี กึ ษา เวลา และประชาชนเป้าหมายหรอื ผู้ได้รับผลจากโครงการ
2. ระบุรายละเอียดของโครงการ เพ่ือให้ได้ข้อมูลว่าโครงการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางชีวกายภาพ (ไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือ

ดา้ นลบ) ของระบบนเิ วศอยา่ งไร มผี ลตอ่ บรกิ ารทางนเิ วศในดา้ นใดและอยา่ งไร สง่ ผลตอ่ ประชาชนเปา้ หมายอยา่ งไร มชี ว่ งเวลา
ในการด�ำเนนิ งานอยา่ งไร เป็นตน้
3. ปรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนทางชีวกายภาพเนื่องจากการมีโครงการให้เป็นรูปตัวเงิน โดยเลือกวิธีการประเมินมูลค่าทาง
เศรษฐศาสตรข์ องผลทางดา้ นบวก (ผลประโยชน)์ และลบ (ตน้ ทนุ )ใหเ้ หมาะสม ซงึ่ ทงั้ นตี้ อ้ งคำ� นงึ ถงึ ความไมแ่ นน่ อนในดา้ นตา่ ง ๆ
ที่อาจสง่ ผลตอ่ การประเมนิ มูลค่าผลประโยชน์และตน้ ทุนของโครงการ
4. ปรบั มลู คา่ ดว้ ยอตั ราคดิ ลด เนอ่ื งจากการเกดิ ขน้ึ และการกระจายของผลประโยชนแ์ ละตน้ ทนุ มกั จะเกดิ ขนึ้ ตา่ งเวลากนั จงึ จำ� เปน็
ตอ้ งมีการปรบั ค่าเงนิ ตามความตา่ งของเวลา ใหอ้ ยใู่ นรูปมลู ค่าปัจจุบนั โดยใชอ้ ัตราคิดลดทเ่ี หมาะสม
5. ประเมินมูลค่าสุทธิปัจจุบัน เป็นข้ันตอนหลักของการวิเคราะห์ด้วยการหักมูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์ด้วยมูลค่าปัจจุบัน
ของต้นทนุ
6. วิเคราะห์ค่าความอ่อนไหว โดยพิจารณาจากข้อมูลที่พบว่าอาจมีความไม่แน่นอน ตามท่ีระบุไว้ในข้อ 3 เช่น ความไม่แน่นอน
ของอตั ราคดิ ลด เปน็ ต้น

22 |

เปา้ หมายของการวเิ คราะหต์ น้ ทนุ และผลประโยชนเ์ พอื่ นำ� ไปใชป้ ระโยชนม์ สี องแนวทางคอื การนำ� ไปใชส้ ำ� หรบั ภาคเอกชนซงึ่ เปน็ การวเิ คราะห์
ทางการเงนิ และการน�ำไปใชใ้ นมุมมองของสงั คมซงึ่ เป็นการวเิ คราะหท์ างเศรษฐศาสตร์

• การวเิ คราะหท์ างการเงิน (financial analysis) มีวัตถุประสงคเ์ พื่อนำ� ผลการวิเคราะหไ์ ปใชพ้ ิจารณาความคุม้ ค่าของการลงทุน
ในโครงการทางบัญชี ว่าการลงทุนคร้ังนี้จะมีผลก�ำไรหรือไม่ โดยผลประโยชน์และต้นทุนนั้นพิจารณาจากตัวเลขทางบัญชีที่มี
ราคาตลาดเทา่ นั้นซ่ึงเป็นมมุ มองของภาคเอกชน
• การวเิ คราะหท์ างเศรษฐศาสตร์ (economic analysis) มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื พจิ ารณาความคมุ้ คา่ ของการลงทนุ ในโครงการทส่ี รา้ ง
ผลประโยชน์หรือผลกระทบในเชิงสาธารณะหรือในมุมมองของสังคม โดยวิเคราะห์ผลประโยชน์และต้นทุนที่มีต่อสังคม
(social benefit and cost) ซ่ึงมีความแตกตา่ งจากการวิเคราะหท์ างการเงิน ดงั น้ี

+ รวมผลประโยชนแ์ ละตน้ ทนุ ทไ่ี มม่ มี ลู คา่ ในตลาด (non-market benefit and cost) ซงึ่ มกั อยใู่ นรปู ผลกระทบภายนอก
(externality) ทางบวกและลบตามล�ำดับ

+ รวมต้นทุนค่าเสยี โอกาสของโครงการ (opportunity cost)
+ ใช้ราคาท่ีแทจ้ รงิ ซึง่ ไม่รวมภาษีและเงินอุดหนุน (real price)
+ ใช้อัตราคิดลดของสงั คม (social discount rate) ซึ่งจะต�ำ่ กว่าอตั ราคิดลดของภาคเอกชน
เมื่อทราบอายขุ องโครงการ มูลค่าของผลประโยชน์ (benefit, B) และต้นทนุ (cost, C) ท่เี กดิ ขนึ้ ตลอดชว่ งอายขุ องโครงการตงั้ แตเ่ วลา
เรม่ิ ตน้ จนถงึ ระยะเวลาสน้ิ สดุ (t = 0, 1, 2, …., T) และทราบอตั ราคดิ ลด (discount rate, r) กส็ ามารถคำ� นวณมลู คา่ ปจั จบุ นั ของ
ผลประโยชน์สุทธิ (present value of net benefit, PVNB) หรือบางครั้งเรียกว่ามูลค่าปัจจุบันสุทธิ (net present value, NPV)
ตามสตู รดังนี้

มูลค่าปัจจุบันสุทธิ ถือว่าเป็นตัววัดส�ำคัญส�ำหรับการวิเคราะห์ทางการเงินและทางเศรษฐศาสตร์ นอกจากน้ียังมีตัววัดอ่ืน ๆ ได้แก่
อัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน (benefit-cost ratio, BCR) และอัตราผลตอบแทนภายใน (internal rate of return, IRR)
มกี ารคำ� นวณและหลกั การพจิ ารณาดงั น้ี

| 23

ตารางท่ี 3 ตวั วดั และเกณฑใ์ นการพจิ ารณาสำ� หรบั การวเิ คราะหต์ น้ ทนุ และผลประโยชน์

ตัววัด ค�ำอธิบาย เกณฑ์พจิ ารณา การค�ำนวณ

มูลค่าปัจจบุ ันสุทธิ มลู คา่ ปจั จบุ นั ของผลประโยชน์ ค่า NPV > 0
(net present value, NPV) ลบด้วยมูลค่าปัจจุบันของ
ต้นทุน

อตั ราสว่ นผลประโยชนต์ อ่ ตน้ ทนุ อตั ราสว่ นระหวา่ งมลู คา่ ปจั จบุ นั คา่ BCR ≥ 1
(benefit-cost ratio, BCR) ของผลประโยชน์ต่อมูลค่า (แต่ถ้ามีโครงการต่าง ๆ เป็น
ปัจจบุ นั ของต้นทุน ตัวเลือกให้พิจารณาค่า BCR
สูงสุด)

อตั ราผลตอบแทนภายใน อตั ราทท่ี ำ� ให้ค่า NPV = 0 ค่า IRR ≥ อตั ราคดิ ลดทใ่ี ชอ้ ยู่ IRR = k, ซ่งึ เปน็ ค่าที่ท�ำให้
(internal rate of ratio, IRR)

หลักเกณฑอ์ ย่างงา่ ยเพ่ือการใช้ประโยชน์ในเชงิ นโยบายกค็ อื
• หากเปน็ การพจิ ารณาโครงการหรอื กจิ กรรมทม่ี เี พยี งทางเลอื กเดยี ว โครงการจะถกู เลอื กกต็ อ่ เมอื่ มลู คา่ ปจั จบุ นั ของผลประโยชน์
สุทธิเปน็ บวก
• หากเปน็ การพจิ ารณาโครงการหรอื กจิ กรรมทมี่ ที างเลอื กมากกวา่ 1 โครงการ และจำ� เปน็ ตอ้ งเลอื กเพยี งโครงการเดยี ว ใหเ้ ลอื ก
โครงการที่มมี ูลค่าปัจจบุ นั ของผลประโยชนส์ ทุ ธิสูงสดุ
• หากเปน็ โครงการทีป่ ระกอบดว้ ยโครงการหรือกจิ กรรมย่อยตา่ ง ๆ ภายใตง้ บประมาณที่มอี ยู่ใหเ้ ลือกเฉพาะโครงการต่าง ๆ ทม่ี ี
อตั ราสว่ นผลประโยชนต์ อ่ ตน้ ทนุ มากกวา่ 1 และพจิ ารณาโครงการทมี่ อี ตั ราผลตอบแทนภายในสงู กวา่ อตั ราดอกเบย้ี เพอื่ จดั ลำ� ดบั
โครงการย่อยนั้น ๆโดยเลอื กโครงการตา่ ง ๆ เท่าทีม่ ีงบประมาณอยู่

โดยทวั่ ไปในการประเมนิ ผลโครงการทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั สง่ิ แวดลอ้ ม (project appraisals) มกั จะมกี ารวเิ คราะหต์ น้ ทนุ และผลประโยชนเ์ พ่ือ
พิจารณาความเป็นไปได้ก่อนท่ีจะด�ำเนินโครงการ ซี่งจะช่วยเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจแก่ผู้ด�ำเนินนโยบายว่าควรหรือไม่ควร
ด�ำเนินโครงการ หรือว่าควรด�ำเนินโครงการอะไรท่ีก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างย่ังยืน ซ่ึงในการ
ประเมินผลโครงการจ�ำเป็นต้องพิจารณาความเหมาะสมของการใช้อัตราคิดลด และระยะเวลาของโครงการ ความไม่แน่นอนท่ีอาจจะ
เกดิ ขึน้ รวมถึงความเปน็ ไปไดแ้ ละความยัง่ ยนื ในเชงิ นเิ วศด้วย

24 |

การวิเคราะห์โครงการปลูกปาล์มน�้ำมันในปา่ พรุ
ตวั อยา่ งขา้ งลา่ งคอื ขอ้ มลู สำ� หรบั การวเิ คราะหต์ น้ ทนุ และผลประโยชนจ์ ากการใชท้ ดี่ นิ ปา่ พรเุ พอ่ื นำ� ไปปลกู ปาลม์ นำ้� มนั มรี ายละเอยี ดขอ้ มลู
ดา้ นตน้ ทนุ และผลประโยชน์ (ตวั เลขสมมต)ิ ในรปู มลู คา่ ตอ่ ไร่ ดงั ตารางขา้ งลา่ ง ซงึ่ เปน็ ตวั เลขทด่ี ดั แปลงมาจากขอ้ มลู ของ Noormahayu,
et al (2009) ส�ำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2515) และ http://www.cpiagrotech.com/knowledge-047/ จากตารางข้างล่าง
ได้จำ� แนกเปน็ ขอ้ มูลเพ่ือการวเิ คราะหท์ างการเงนิ และข้อมูลเพม่ิ เติมเพ่ือการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์

ตารางท่ี 4 รายการขอ้ มลู ในการวเิ คราะหโ์ ครงการปลกู ปาลม์ นำ้� มนั ในปา่ พรุ

การวเิ คราะห์ รายการ รายละเอยี ด ประมาณการ (บาท/ไร่)

ดา้ นการเงิน ต้นทุนคงท่ี คา่ เชา่ /ใชท้ ด่ี นิ คา่ ภาษที ด่ี นิ คา่ เสอ่ื มราคา 3,000-5,000 บาท
ดา้ นเศรษฐศาสตร์ ตน้ ทุนผนั แปร อปุ กรณ์ เชน่ เครอ่ื งตดั หญา้ เคร่อื งสูบน�้ำ
เครอ่ื งพ่นยา (ตลอดอายุ ใช้งาน)
รายได้
ตน้ ทุนด้านสงิ่ แวดลอ้ ม ค่าแรงงาน (เตรยี มพ้ืนที่ปลกู ปลูก ให้น�้ำ ปีแรก 29,000 บาท ปตี อ่ ๆ ไป
ตน้ ทนุ ค่าเสียโอกาส ใหป้ ยุ๋ ก�ำจัดวชั พืช เก็บเกย่ี วผลผลิต) 3,000-5,000 บาท

ค่าวัสดุปัจจัยการผลิต (พันธุ์ปลูก ปุ๋ย ปีแรก 20,000 บาท และปี
สารป้องกันก�ำจัดศัตรูพืช/วัชพืช น�้ำมัน ต่อ ๆ ไป 8,000-14,000 บาท
เชือ้ เพลิง)

ค่าซ่อมแซมอปุ กรณก์ ารเกษตร ปลี ะ 2,000 บาท

ผลผลติ คณู ดว้ ยราคา เรม่ิ จากปที ่ี 4 จนถงึ ผลผลิต 1,500–4000 กก./ไร่
ปีที่ 25 ราคา 2.50–5.00 บาท/กก.

การสญู เสยี คาร์บอนจากการถมถางและ สูญเสียคารบ์ อนเฉลีย่ 5.3 ตนั
เผาในชว่ งเตรยี มพนื้ ท่ปี ลูก CO2e/ไร่/ปี (หรือ 33 ตัน
การสูญเสยี บรกิ ารทางนิเวศดา้ นต่าง ๆ CO2e/ha/year จากป่าพรุ
ทม่ี รี ะดบั นำ�้ ใตด้ นิ 40-60 ซ.ม.
• บริการทางนิเวศท่ีไม่เกี่ยวกับก๊าซ มีความหนาแน่นของคาร์บอน
เรอื นกระจก เชน่ การเกบ็ หากระจดู ในพรุ 25-50 กก/ลบม.)*
การผสมเกษรของผ้ึงแมลง การเปน็ สู ญ เ สี ย บ ริ ก า ร ท า ง นิ เ ว ศ
แหล่งลดความเส่ียงเร่ืองน�้ำท่วม จากการเป็นแหล่งด�ำรงชีพ
ภัยแล้ง ความหลากหลายทาง และรายได้ของชุมชนราว
ชวี ภาพ 15,000 บาท/ไร่/ปี
• บริการทางนิเวศท่ีเก่ียวกับความ
สามารถในการกักเก็บคาร์บอนของ
ปา่ พรุ

ท่มี า * Yew, et al (2010); Hashim, et al (2010)


| 25

อยา่ งไรกต็ าม เนอ่ื งจากตน้ ทนุ และผลประโยชนจ์ ากการปลกู ปาลม์ นำ้� มนั เกดิ ขนึ้ ตา่ งชว่ งเวลากนั จำ� เปน็ ตอ้ งปรบั ยา้ ยมลู คา่ ทเี่ กดิ ขน้ึ ตา่ งเวลา
ให้อยู่ในเวลาเดียวกันหรือในเวลาเริ่มต้น (ปรับให้อยู่ในรูปมูลค่าปัจจุบัน) ภาพข้างล่างด้านซ้ายเป็นการค�ำนวณที่ไม่ถูกต้องเพราะไม่มี
การปรับมูลค่าที่เกิดข้ึนต่างช่วงเวลา ส�ำหรับภาพด้านขวาแสดงการค�ำนวณที่ถูกต้อง โดยแสดงผลการวิเคราะห์ทางการเงินในรูปมูลค่า
สุทธปิ จั จุบัน ระยะเวลา 25 ปี อัตราคิดลดรอ้ ยละ 7 การปลูกปาล์มน�้ำมันเกิดผลกำ� ไรหรือรายได้สุทธเิ ป็นเงนิ ไรล่ ะ 38,165 บาท ในรปู
มลู ค่าปจั จุบัน
ภาพท่ี 13 ผลการวเิ คราะหท์ างการเงนิ ของโครงการปลกู ปาลม์ นำ�้ มนั


ปาล์มน�้ำมันชว่ งอายุ 25 ปี ปาล์มน�้ำมันชว่ งอายุ 25 ปี
• รายได้รวม 195,300 บาท อตั ราคิดลด 7% มลู คา่ ปัจจบุ ันของ
• ต้นทุนรวม 90,748 บาท รายได้รวม 85,719 บาท ตน้ ทนุ รวม
• รายไดส้ ทุ ธิ 104,552 บาท 47,553 บาท มลู คา่ ปจั จบุ ันของ
รายได้สุทธิ 38,165 บาท

สำ� หรบั การวเิ คราะหท์ างเศรษฐศาสตรน์ น้ั จะตอ้ งหกั ตน้ ทนุ ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มและคา่ เสยี โอกาสเพมิ่ เตมิ โดยยงั คงสมมตใิ หอ้ ายขุ องโครงการ
เท่ากับ 25 ปี และใชอ้ ตั ราคดิ ลดรอ้ ยละ 7 เทา่ เดมิ

• ตน้ ทุนดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มและค่าเสียโอกาสจากการสญู เสยี บรกิ ารทางนิเวศในสว่ นทไี่ ม่เกยี่ วกับกา๊ ซเรือนกระจก ซง่ึ ประมาณการ
ปีละ 15,000 บาท/ไร่ ตลอดอายุ 25 ปี คิดเป็นมูลค่าปจั จุบันเทา่ กบั 174,804 บาท
• ตน้ ทนุ ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มและคา่ เสยี โอกาสจากการสญู เสยี ความสามารถในการกกั เกบ็ คารบ์ อน ประมาณการปลี ะ 6,360 บาท/ไร่
(คำ� นวณจากราคาของคารบ์ อนซงึ่ ปจั จบุ นั อยทู่ ป่ี ระมาณ US$40-80/tCO2e จากขอ้ มลู ของ Wold Bank Group, 2019 โดยใช้
ราคาขน้ั ตำ่� 40 เหรยี ญดอลลารส์ หรฐั ตอ่ ตนั CO2e หรอื ประมาณ 1,200 บาท/tCO2e) ตลอดอายุ 25 ปี คดิ เปน็ มลู คา่ ปจั จบุ นั
เท่ากับ 74,117 บาท

26 |

เมอื่ มีการวเิ คราะห์ทางเศรษฐศาสตร์โดยพจิ ารณาตน้ ทนุ ดา้ นสังคมและสง่ิ แวดลอ้ ม พบวา่ การปลกู ปาล์มนำ�้ มันในปา่ พรุนน้ั ขาดทนุ ในรูป
มูลค่าปัจจุบันเป็นเงินทัง้ สิ้นไรล่ ะ 213,252 บาท โดยมมี ูลค่าปจั จุบนั ของรายได้รวมเทา่ กับ 80,111 บาท และมลู คา่ ปัจจบุ นั ของตน้ ทุน
เท่ากบั 293,363 บาท
ภาพท่ี 14 ผลการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ของโครงการปลูกปาลม์ น�ำ้ มัน

| 27

การวเิ คราะหโ์ ครงการสร้างฝายชะลอน�้ำในป่าพรุ
ในท่ีน้ีแสดงตัวอย่างการวิเคราะห์ทางเลือกของโครงการฟื้นฟูป่าพรุจ�ำนวน 100 ไร่ ทั้งน้ีสมมติให้โครงการเลือกวิธีการฟื้นฟูด้วยการ
ก่อสร้างฝายขนาดเล็กจ�ำนวน 10 ฝาย เพื่อกักเก็บน้�ำในป่าพรุให้อยู่ในระดับประมาณ 20 – 40 ซม. โดยเฉล่ีย ซ่ึงฝายมีอายุใช้งาน
ประมาณ 10 ปี ทำ� ให้ปา่ พรุที่ไดร้ บั การฟ้ืนฟกู อ่ ใหเ้ กดิ ผลประโยชน์ต่อชมุ ชนและสงั คมจากการเปน็ แหลง่ ด�ำรงชพี และรายได้ของชมุ ชน
เปน็ มลู คา่ ประมาณไรล่ ะ 15,000 บาท และเพมิ่ ความสามารถในการกกั เกบ็ คารบ์ อน คดิ เปน็ มลู คา่ ประมาณปลี ะ 6,360 บาท/ไร่ ในขณะท่ี
โครงการมคี า่ ใชจ้ า่ ยซง่ึ เปน็ ตน้ ทนุ ในการกอ่ สรา้ งเกดิ ขนึ้ ในปแี รกเทา่ กบั 1,200,000 บาท และคา่ ใชจ้ า่ ยประจำ� ตกปลี ะ 20,000 บาทตอ่ ฝาย
(ตัวเลขในตวั อยา่ งน้เี ปน็ ตัวเลขที่สมมตขิ ึน้ )

ตารางท่ี 5 รายการขอ้ มลู ในการวเิ คราะหต์ น้ ทนุ และผลประโยชนจ์ ากโครงการสรา้ งฝายชะลอนำ�้ ในปา่ พรุ

ตน้ ทนุ (-) ผลประโยชน์ (+)

ช่วงพัฒนาและกอ่ สร้าง • ค่าเสียโอกาสจากการใช้ท่ีดิน (การสละ • ไมม่ ี
โครงการ (1 ปี) ผลประโยชน์สุทธิที่ได้จากการปลูกปาล์ม
ช่วงด�ำเนินโครงการ น�้ำมันจ�ำนวน 100 ไร่ เป็นเวลา 20-25 ปี
(20 ป)ี จากการวิเคราะห์ทางการเงินคิดเป็นมูลค่า
ปจั จุบัน 3,475,023 บาท

• ต้นทุนในการพัฒนาก่อสร้างฝายพวงเกิดขึ้น • (ก่อให้เกิดการสรา้ งงานแกช่ มุ ชน)
ในปแี รก จ�ำนวน 1,200,000 บาท (อยู่ในรปู
มูลคา่ ปจั จบุ นั แล้ว)

• ตน้ ทนุ การด�ำเนนิ งาน ดูแล รกั ษา ซ่อมแซม • ผลประโยชนท์ ่ไี มใ่ ชค่ าร์บอน
ฝายพวงและระบบกักเก็บน�้ำ ปีละ 20,000 + แหล่งด�ำรงชีพและรายได้ของชุมชนจาก
บาท/ฝาย จ�ำนวน 10 ฝาย ในเวลา 20 ปี กระจูด ปลา ผึ้ง น�้ำดื่มน�้ำใช้ และอ่ืน ๆ
คดิ เปน็ มลู คา่ ปจั จบุ นั เทา่ กบั 2,118,803 บาท (มูลค่าจากการใช้ประโยชน์โดยตรงและ
โดยอ้อม) จ�ำนวน 100 ไร่ เป็นมูลค่า
ขน้ั ตำ�่ ไร่ละ 15,000 บาทต่อปี เป็นเวลา
20 ปี คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันเท่ากับ
17,391,021 บาท
+ แหล่งด�ำรงความหลากหลายทางชีวภาพ:
มูลค่าจากการไม่ได้ใช้ประโยชน์ (ไม่ได้
ค�ำนวณให้)

• ผลประโยชน์จากการดูดซับคาร์บอน (มูลค่า
จากการใช้ประโยชน์โดยอ้อม) จ�ำนวน
100 ไร่ เป็นมูลค่าข้ันต�่ำไร่ละ 6,360 บาท
เปน็ เวลา 20 ปี คิดเป็นมูลค่าปัจจุบนั เทา่ กับ
7,373,793 บาท

28 |

เม่ือน�ำข้อมูลไปวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ของโครงการฟื้นฟูป่าพรุตามเงื่อนไขข้างต้น ณ อัตราคิดลดร้อยละ 7 พบว่าโครงการ
ฟน้ื ฟปู า่ พรจุ ากการสรา้ งฝายขนาดเลก็ เพอ่ื รกั ษาระดบั นำ�้ ในปา่ พรุ สรา้ งผลประโยชนส์ ทุ ธใิ นรปู มลู คา่ ปจั จบุ นั เทา่ กบั 17.97 ลา้ นบาท และมี
อตั ราสว่ นผลประโยชนต์ อ่ ตน้ ทนุ เทา่ กบั 3.67 ถอื วา่ การลงทนุ ในโครงการมคี วามคมุ้ คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ อยา่ งไรกต็ ามเนอื่ งจากเปน็ การ
ลงทนุ เพอื่ ประโยชนแ์ กส่ งั คม ผปู้ ระเมนิ อาจใชอ้ ตั ราคดิ ลดอยรู่ ะหวา่ งรอ้ ยละ 3 – 5 (ONEP, 2015) จากผลการวเิ คราะหด์ ว้ ยอตั ราคดิ ลด
รอ้ ยละ 5 โครงการฯ เกดิ ผลประโยชนส์ ทุ ธใิ นรปู มลู คา่ ปจั จบุ นั เทา่ กบั 20.52 ลา้ นบาท โดยมอี ตั ราสว่ นผลประโยชนต์ อ่ ตน้ ทนุ เทา่ กบั 3.49
ซ่ึงเป็นการลงทุนท่ีมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ถึงแม้ว่ายังไม่ได้รวมรายการผลประโยชน์ด้านการจ้างงานในชุมชน และการอนรุ กั ษ์
ความหลากหลายทางชวี ภาพ และยงั ไมไ่ ดป้ รบั ตวั เลขราคาใหอ้ ยใู่ นรปู ราคาทแี่ ทจ้ รงิ สำ� หรบั แนวทางการวเิ คราะหโ์ ดยละเอยี ด สามารถหา
อา่ นเพิ่มเตมิ ไดใ้ น Glenk, et al (2014)

ตารางที่ 6 ผลการวเิ คราะห์ทางเศรษฐศาสตรข์ องโครงการสร้างฝายชะลอน�ำ้ ในปา่ พรุ

รายการ บาท บาท
(อตั ราคิดลดร้อยละ 7) (อตั ราคดิ ลดรอ้ ยละ 5)
ผลประโยชน์
PV แหล่งดำ� รงชีพและสรา้ งรายได้ 17,391,021 20,193,316
PV แหล่งดดู ซบั คารบ์ อน 7,373,793 8,561,966
PV แหล่งอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพ - -
PV แหลง่ สรา้ งการจา้ งงาน - -
มลู คา่ ปัจจบุ ันของผลประโยชน์ 24,764,814 28,755,281
ตน้ ทนุ
PV คา่ ก่อสรา้ ง 1,200,000 1,200,000
PV คา่ ซ่อมแซมและบำ� รงุ รกั ษา 2,118,803 2,492,442
PV ค่าเสียโอกาสจากการใช้ทีด่ ินเพือ่ ปลูกปาล์มนำ�้ มัน 3,475,023 4,547,605
มลู ค่าปจั จุบนั ของตน้ ทุน 6,793,826 8,240,047
มูลค่าปจั จุบนั สุทธิ 17,970,988 20,515,234
อตั ราสว่ นผลประโยชนต์ อ่ ตน้ ทุน 3.65 3.49

| 29

2.4 วธิ ีการประเมินมูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์

ภาพท่ี 15 วธิ กี ารตา่ ง ๆ ของการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์

มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์โดยรวม

มลู คา่ ท่ีเกดิ จากการใชป้ ระโยชน์ มลู ค่าทเ่ี กิดจากการไมไ่ ด้ใช้ประโยชน์

มูลค่าทเ่ี กดิ จาก มูลค่าท่เี กิดจาก มูลคา่ เผื่อจะ มลู ค่า มลู ค่า
การใชโ้ ดยตรง การใชโ้ ดยอ้อม ใชป้ ระโยชน์ เพ่อื การคงอยู่ เพอื่ ลูกหลาน

วธิ ีการตลาดที่เกดิ ขึ้นจรงิ วิธกี ารตลาดตัวแทน วธิ ีการตลาดสมมติ

วิธรี าคาตลาดของตวั เอง วิธีต้นทนุ วิธรี าคา วธิ ีสมมติ วธิ ีทดลอง
วธิ ีราคาตลาดของสนิ ค้า ในการเดนิ ทาง ตวั แทน เหตุการณ์ ทางเลอื ก

ท่ีเกย่ี วข้อง

วธิ ถี ่ายโอนผลประโยชน์

30 |

วิธีการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน จ�ำแนกได้ 3 กลุ่มหลัก คือวิธีการตลาดที่เกิดขึ้นจริง วิธีการตลาดตัวแทน
และวธิ กี ารตลาดสมมติ และนอกจากนย้ี งั มวี ธิ กี ารถา่ ยโอนผลประโยชน์ ซง่ี วธิ กี ารเหลา่ นถ้ี กู นำ� ไปใชใ้ นการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์
ได้บางประเภทหรือครอบคลุมทุกประเภท ดังนี้
วธิ กี ารตลาดทเ่ี กดิ ขนึ้ จรงิ ประกอบดว้ ยวธิ รี าคาตลาดของตวั เอง และราคาตลาดของสนิ คา้ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งใชส้ ำ� หรบั กรณที มี่ ขี อ้ มลู ราคาตลาด
ส�ำหรบั บรกิ ารทางนเิ วศ หรอื สง่ิ ทใ่ี ช้ทดแทนบริการนเิ วศ
วิธีการตลาดตัวแทน ซ่ึงประกอบด้วยวิธีต้นทุนในการเดินทางและวิธีราคาตัวแทน ใช้ส�ำหรับกรณีที่สามารถเชื่อมโยงสินค้าเอกชนที่มี
ราคาตลาดกับคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือบริการทางนิเวศ โดยอาศัยข้อมูลด้านตลาดของสินค้าเอกชนในการประเมินมูลค่าสิ่งแวดล้อม
ทั้งวิธีการตลาดที่เกิดขึ้นจริงและวิธีการตลาดตัวแทนสามารถประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ประเภทมูลค่าท่ีเกิดจากการใช้ประโยชน์
เท่าน้นั
วธิ กี ารตลาดสมมติ ประกอบด้วยวธิ ีสมมตเิ หตุการณใ์ ห้ประเมนิ คา่ และวิธีทดลองทางเลอื ก วธิ ีการในกลมุ่ น้ีใชส้ �ำหรับกรณีทบี่ รกิ ารทาง
นเิ วศนนั้ ๆ ไมม่ คี วามเชอ่ื มโยงกบั สนิ คา้ เอกชนใด ๆ กลา่ วคอื เปน็ กลมุ่ วธิ กี ารเดยี วทส่ี ามารถประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรป์ ระเภทมลู คา่
ที่เกิดจากการไม่ได้ใช้ประโยชน์
ส�ำหรับวิธีการถ่ายโอนประโยชน์เป็นวิธีการพัฒนาในระยะหลัง ใช้ในกรณีที่มีงานศึกษาด้านการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ที่มี
ความใกล้เคียงกันกบั พ้ืนท่โี ครงการทตี่ อ้ งการทราบมลู คา่

| 31

สว่ นท่ี 3
บทสรปุ การประเมนิ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์
ของระบบนเิ วศปา่ พรุ

32 |

3.1 ความน�ำ

การแบ่งประเภทของวิธีการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์จากส่วนท่ีแล้ว จ�ำแนกตามประเภทของที่มาข้อมูลและลักษณะของตลาด
ซึ่งเป็นการง่ายต่อการท�ำความเข้าใจส�ำหรับผู้ไม่มีพื้นฐานทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ และมีความสอดคล้องกับการจัดประเภทวิธีการ
ประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ในรายงานเรอ่ื ง The Economics of Ecosystems and Biodiversity for Water and Wetlands,
2013 (Russi, et al, 2013) ซ่ึงริเริ่มโดย the Ramsar Convention Secretariat สามารถแบ่งประเภทไดด้ งั นี้

1. การประเมนิ มูลคา่ ที่อาศัยตลาดทเ่ี กดิ ขนึ้ จรงิ (conventional market)
1.1 ราคาตลาดของตัวเองโดยตรง (direct market-based value or actual value)
1.2 ราคาตลาดของสนิ ค้าท่ีเกี่ยวขอ้ ง (price/value of other goods with related type of services)

2. การประเมินมลู คา่ ท่อี าศยั ตลาดตัวแทน (surrogate market)
2.1 วธิ ีแบบจ�ำลองต้นทุนในการเดินทาง (travel cost model)
2.2 วธิ ีแบบจำ� ลองราคาตามปจั จัยแฝง (hedonic price model)

3. การประเมนิ มลู ค่าที่อาศยั ตลาดสมมติ (hypothetical market)
3.1 วิธสี มมติเหตกุ ารณ์ (contingent valuation)
3.2 วิธีการทดลองทางเลือก (attribute-based or choice experiment)

4. การประเมินมูลคา่ ดว้ ยเทคนิคอื่น ๆ
4.1 วิธโี อนผลประโยชน์ (benefit transfer)
4.2 วิธปี ระเมนิ มลู คา่ แบบมีสว่ นร่วม (participatory environmental valuation)

เทคนิคการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ที่น�ำเสนอในคู่มือน้ี จะอธิบายถึงกรอบแนวคิดและข้ันตอนอย่างง่าย ๆ เพ่ือให้ผู้อ่านท่ีไม่มี
พ้ืนฐานด้านทฤษฎีและแบบจ�ำลองทางเศรษฐศาสตร์ท�ำความเข้าใจได้ แต่ส�ำหรับผู้ที่มีความสนใจในรายละเอียดของกรอบแนวคิดเชิง
ทฤษฎีและการสร้างแบบจ�ำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ สามารถหาอ่านได้ในต�ำราทางเศรษฐศาสตร์
ดา้ นการประเมินมลู ค่าทางเศรษฐศาสตร์ หรือค้นควา้ เพ่ิมเติมจากเอกสารอ้างองิ ทา้ ยเล่ม

| 33

3.2 วธิ ีการประเมินมลู ค่าโดยใชข้ อ้ มลู จากตลาดโดยตรง

วธิ กี ารจากตลาดโดยตรง ใชข้ อ้ มลู ดา้ นตลาดและราคาของสนิ คา้ และบรกิ ารทไี่ ดร้ บั จากหรอื มคี วามเชอื่ มโยง
กับระบบนเิ วศป่าพรุ

• วธิ กี ารใชร้ าคาตลาดของตวั เองโดยตรง (direct market price) ใช้ราคาซอื้ ขายในตลาดของ
สินคา้ หรือผลผลติ ทไี่ ด้จากระบบนิเวศ

• วิธีการใช้ราคาตลาดของสินค้าที่เก่ียวข้อง (related market price) ใช้ราคาหรือต้นทุนของ
สนิ คา้ อน่ื ๆ ทตี่ อ้ งจา่ ยไปเพอ่ื การลงทนุ เพอื่ ปอ้ งกนั คณุ ประโยชนข์ องระบบนเิ วศทอ่ี าจจะสญู เสยี
หรือเพือ่ ทดแทนคุณประโยชน์ของระบบนิเวศทสี่ ูญเสีย

แนวคิดการประเมิน ใช้แนวคิดการค�ำนวณรายได้จากปัจจัยการผลิต (factor income approach)
โดยพิจารณาว่ามูลค่าหรือรายได้รวมของผลผลิตมาจากผลรวมของมูลค่าปัจจัยการผลิตทุกรายการท่ี
ก่อให้เกดิ เปน็ ผลผลิต
หลักการประเมนิ ผลผลติ หรือบริการท่ไี ด้จากระบบนเิ วศเกิดจากปัจจยั การผลติ สองกลุ่มคือ กลุ่มปจั จัยท่ี
มนษุ ยส์ รา้ งขึ้น เชน่ แรงงานและเครอ่ื งมืออปุ กรณ์ และกลุ่มปัจจัยทางธรรมชาติซงี่ ก็คอื บริการทางนเิ วศ
เมอ่ื น�ำมูลค่าผลผลติ มาหกั ด้วยตน้ ทนุ จากปจั จัยทีม่ นษุ ยส์ รา้ งขึ้น สว่ นทเ่ี หลอื ก็คือมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์
ของบริการทางนเิ วศ

3.2.1 วิธกี ารประเมินโดยใชร้ าคาตลาดโดยตรง
การใช้วิธีการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์โดยใช้ราคาตลาด (direct market price) ส�ำหรับผลผลิตหรือบริการท่ีประชาชนไดร้ บั
โดยตรงจากระบบนิเวศป่าพรุซ่ึงเป็นการประเมินมูลค่าการใช้ประโยชน์โดยตรง (direct use value) ซ่ึงมาจากบริการด้านการเป็น
แหล่งผลิต (provisioning services) เกิดจากแนวคิดที่ว่าเมื่อน�ำบริการทางนิเวศมาใช้ประโยชน์ ในรูปมูลค่าท่ีเป็นตัวเงิน เช่น ขายไป
เพอ่ื ใหเ้ กดิ รายได้ และมลู คา่ ทไี่ มเ่ กดิ เปน็ ตวั เงนิ เชน่ นำ� มาบรโิ ภคหรอื เลย้ี งสตั ว์ ซงึ่ ชว่ ยประหยดั รายจา่ ยการใชป้ ระโยชนด์ งั กลา่ วมตี น้ ทนุ
เกิดขึ้น 2 ส่วน คือต้นทุนของการใช้แรงงานและวัสดุอุปกรณ์ และต้นทุนของการใช้ธรรมชาติ ดังน้ันมูลค่าทั้งหมดท่ีเกิดข้ึนจากการใช้
ประโยชนบ์ ริการทางนเิ วศ เมือ่ หักต้นทุนทเ่ี กี่ยวข้องกับการใช้แรงงานและวสั ดุอุปกรณ์แล้ว สว่ นทีเ่ หลือกค็ ือ ต้นทนุ ของการใช้ประโยชน์
จากธรรมชาติ ซึ่งเปรียบได้กับผลตอบแทนที่ต้องจ่ายคืนให้กับธรรมชาติเม่ือน�ำธรรมชาติมาใช้ ซึ่งเป็นหลักการค�ำนวณ “net factor
income”
วิธีการค�ำนวณข้างต้น คือการค�ำนวณตามหลักเศรษฐศาสตร์เพื่อหา “มูลค่าสุทธิ (net value)” ตัวอย่างการประเมินมูลค่าทาง
เศรษฐศาสตร์ของบริการทางนิเวศจากป่าพรุด้านการใช้ประโยชน์โดยตรงเพื่อการด�ำรงชีพและรายได้ เริ่มจากน�ำมูลค่าของผลผลิตจาก
การเก็บหาหรือใช้ประโยชน์ (ขาย+บริโภค) หักด้วย ต้นทุนทางตรงจากการใช้ประโยชน์ (แรงงานและวัสดุอุปกรณ์) ส่วนท่ีเหลือก็คือ
“มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์จากการใช้ประโยชนบ์ รกิ ารทางนเิ วศ”

34 |

ตารางที่ 7 การประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรข์ องบรกิ ารทางนเิ วศที่ชมุ ชนใชป้ ระโยชน์

ตัวอย่างการใชป้ ระโยชน์ มลู คา่ หรอื รายไดร้ วม ต้นทุนทางตรงจากการใชป้ ระโยชน์

ผลิตภณั ฑจ์ ากป่าพรุ เช่น เปน็ เงนิ สด ไม่เปน็ เงนิ สด เป็นเงินสด ไมเ่ ป็นเงินสด
พืชอาหาร สมนุ ไพร ไม้ฟืน รายได้จากการขาย บริโภค คา่ ใช้จา่ ยดา้ นวสั ดุ แรงงานไปเกบ็ หา
กระจดู สตั วน์ ำ้� รงั ตอ่ และ อปุ กรณ์ ค่านำ�้ มนั คา่ ใช้วัสดอุ ุปกรณ์
นำ้� ผงึ้ เป็นต้น ผลผลิต หรือใชใ้ นครัวเรือน
เก็บไมเ้ พอ่ื ใชท้ ำ� ฟืน รถ/เรอื ทท่ี ำ� ขน้ึ เอง

รายได้จากการขาย ใช้ในครัวเรือน -ไมม่ ี- แรงงานไปเกบ็ หา
(หากน�ำไปขาย) คา่ ใช้อุปกรณ์

สมมตวิ า่ ผปู้ ระเมนิ ตอ้ งการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรข์ องบรกิ ารนเิ วศดา้ นการเปน็ แหลง่ อาหารและผลผลติ เพอ่ื การดำ� รงชพี และ/หรอื
การค้า (บริการด้านการเป็นแหล่งผลิต) ของชุมชนที่อาศัยรอบป่าพรุ ข้อมูลท่ีใช้ประกอบด้วย ปริมาณผลผลิตที่เก็บหา ราคาท่ีได้รับ
ตน้ ทนุ ของเครอื่ งมอื อปุ กรณ์ และต้นทุนการใชแ้ รงงาน ท้ังท่เี ปน็ ตัวเงนิ และไมเ่ ป็นตวั เงนิ มีรายละเอยี ดในการค�ำนวณดังน้ี
ตวั อย่างส�ำหรบั การเก็บหากระจูด
การคำ� นวณมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรจ์ ากการเปน็ แหลง่ เกบ็ หากระจดู ของชมุ ชน โดยขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการเพม่ิ เตมิ คอื จำ� นวนครวั เรอื นในชมุ ชน
ท่ีเป็นผู้เก็บหากระจูด ในที่น้ีจะเริ่มต้นการค�ำนวณในรูปบาทต่อครัวเรือนต่อปี และค�ำนวณในรูปบาทต่อชุมชนต่อปีในภายหลัง
หรอื บาทต่อปีของพืน้ ทป่ี ่าพรุ

ตารางท่ี 8 การประเมินมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตร์จากการเปน็ แหลง่ หากระจดู ของป่าพรุ

มูลค่ารวมของกระจดู ท่เี กบ็ ไดต้ อ่ ครวั เรือน (บาท/ปี) = ผลผลิตทเ่ี กบ็ ไดต้ อ่ ปี x ราคาทไ่ี ดร้ ับ
ต้นทุนท่ใี ชใ้ นการเกบ็ หา (บาท/ป)ี (ผลรวมของมลู ค่าแต่ละขนาด)

(1) ตน้ ทุนแรงงาน (ตัวเอง) = ตน้ ทุนแรงงานตวั เอง + ต้นทนุ การใชว้ ัสดุอุปกรณ์
(2) ต้นทนุ การใช้วสั ดอุ ุปกรณ์ (โดยพิจารณาเปน็ ตน้ ทนุ ตอ่ ป)ี
มูลคา่ สทุ ธิของกระจูดทเี่ ก็บได้ตอ่ ครวั เรอื น (บาท/ปี)
ผลประโยชน์สุทธติ อ่ ชมุ ชน (บาท/ปี) = คา่ แรงข้ันต่ำ� (บาท/วนั ) x [จ�ำนวนช่วั โมงทีเ่ กบ็ ทง้ั หมด
ในปนี นั้ ÷ 8 ชั่วโมง1]
1 เน่ืองจากจ�ำนวน 1 วันท�ำงาน เทา่ กับ 8 ชว่ั โมง
= (สมมตอิ ุปกรณเ์ คยี วเกีย่ วกระจดู มีอายใุ ชง้ าน 2 ปี
ใชม้ ูลค่าทซี่ อื้ หารสอง แทนมูลคา่ ต่อป)ี

= มลู คา่ รวมของกระจดู ทเี่ กบ็ ได้ – ตน้ ทนุ ทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ หากระจดู

= มูลค่าสทุ ธขิ องกระจดู ตอ่ ครวั เรือน (บาท/ปี/ครัวเรือน) x
จ�ำนวนครวั เรอื นทใี่ ชป้ ระโยชน์

| 35

ตัวอยา่ งส�ำหรับการจบั สัตวน์ ้ำ� (หาปลา)
มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรจ์ ากการเปน็ แหลง่ จบั สตั วน์ ำ้� ของครวั เรอื น คำ� นวณจากสตู ร มลู คา่ สทุ ธิ = (ปรมิ าณสตั วน์ ำ้� ทจี่ บั ได้ x ราคาสัตว์นำ�้ )
– (ต้นทุนในการจับสตั วน์ ำ้� )

ตารางท่ี 9 การประเมินมลู ค่าทางเศรษฐศาสตรจ์ ากการเปน็ แหล่งหาปลาของป่าพรุ

มูลคา่ รวมของปลาทีจ่ บั ได้ตอ่ ปี = (ผลผลติ ปลาชนดิ ท่ี 1 x ราคา) +…+ (ผลผลติ ปลาชนดิ ที่ n x ราคา)
ตน้ ทุนทใี่ ช้ในการหาปลา = แรงงานตัวเอง + วสั ดุอปุ กรณ์ (โดยพจิ ารณาเปน็ ตน้ ทุนต่อปี)
= ค่าแรงขั้นต�่ำ (บาท/วัน) x [จ�ำนวนชั่วโมงท่ีออกไปหาปลาท้ังหมด
(1) ตน้ ทนุ แรงงาน (ตวั เอง)
ในปีนั้น ÷ 8 ชว่ั โมง2]
(2) ต้นทุนการใชว้ ัสดุอุปกรณ์ = (สมมติอปุ กรณห์ าปลามีอายุใช้งาน 2 ปี ใชม้ ูลค่าทซี่ ือ้ หารสอง แทน

มูลคา่ สุทธิของปลาที่จับไดต้ อ่ ปี (บาท/ปี) มูลค่าต่อป)ี
ผลประโยชนส์ ุทธติ ่อชุมชน (บาท/ป)ี = มูลค่ารวมของปลาท่จี บั ไดท้ ้ังหมด – ตน้ ทุนรวมท่ใี ช้ในการหาปลา
= มลู คา่ สทุ ธขิ องปลาทจี่ บั ไดต้ อ่ ครวั เรอื น (บาท/ป/ี ครวั เรอื น x จำ� นวน
2 เนื่องจากจ�ำนวน 1 วันทำ� งาน เท่ากบั 8 ชัว่ โมง
ครัวเรอื นที่หาปลา)

36 |

3.2.2 วธิ ีการประเมินโดยราคาตลาดของสนิ คา้ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง
วิธีการประเมินมลู ค่าทางเศรษฐศาสตรโ์ ดยราคาตลาดของสินค้าทเ่ี กีย่ วข้อง (related market price) มักใชฐ้ านการค�ำนวณด้านตน้ ทุน
(cost-based approach)การผลิตหรือสร้างสิ่งท่ีอาจใช้ทดแทนบริการทางนิเวศของระบบนิเวศป่าพรุ ซ่ึงอยู่ในรูปต้นทุนในการป้องกัน
หรอื หลกี เลย่ี งความเสยี หาย หรอื ตน้ ทนุ ในการทดแทน เปน็ ตน้ สำ� หรบั วธิ กี ารนสี้ ามารถใชเ้ พอ่ื ประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรท์ เี่ กดิ จาก
การใช้ประโยชนโ์ ดยตรงหรอื โดยอ้อม (direct or indirect use value) โดยส่วนใหญน่ �ำมาใชเ้ พือ่ ประเมินคุณประโยชนท์ ี่เกิดจากการ
ควบคุมสภาพแวดลอ้ ม (regulating services) ของระบบนเิ วศ
เทคนิคต่าง ๆ ของการประเมินมูลคา่ ทางเศรษฐศาสตรด์ ้วยราคาตลาดของสินคา้ ที่เกย่ี วข้อง ส�ำหรบั กรณีของระบบนเิ วศปา่ พรุ มีดังนี้

ตารางที่ 10 เทคนคิ การประเมินมลู ค่าทางเศรษฐศาสตร์สำ� หรบั บริการทางนเิ วศจากปา่ พรุ

เทคนคิ การประเมิน ตัวอย่างของบรกิ ารทางนเิ วศจากปา่ พรุ ประเภทของมูลค่า
ทางเศรษฐศาสตร์

1) ตน้ ทนุ ในการปอ้ งกนั หรอื หลกี เลยี่ ง • การเป็นแหล่งลดความเส่ียงด้านภัยน�้ำหลาก มูลค่าจากการใช้ประโยชน์โดยอ้อม
ความเสียหาย (damage cost สะท้อนมาจากค่าใช้จ่ายท่ีลงทุนเพ่ือลดหรือ (indirect use value)
avoided, avoided cost, หลีกเลี่ยงความเสียหายจากภัยน�้ำท่วมหากมี มูลค่าจากการไม่ได้ใช้ประโยชน์
preventive expenditure) นำ�้ หลากเกิดขน้ึ (non-use value)
• การเปน็ แหลง่ อนรุ กั ษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพ
สะท้อนมาจากงบประมาณในการดูแลปกป้อง
คุ้มครองระบบนเิ วศป่าพรุ

2) ต้นทุนในการทดแทน • การเป็นแหล่งน้�ำดื่มน้�ำใช้ ค�ำนวณจากค่าใช้จ่าย มลู ค่าจากการใช้ประโยชนโ์ ดยตรง
(replacement cost) ท่ีตอ้ งจดั หาน�ำ้ ดมื่ น�ำ้ ใช้หากไมม่ แี หล่งนำ้� จากพรุ (direct use value)
• การเป็นแหล่งอาหารและน�้ำให้กับวัวควายของ มูลค่าจากการใชป้ ระโยชน์โดยตรง
ผู้เลี้ยงสัตว์ ค�ำนวณจากค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสัตว์ (direct use value)
ที่อาจเกิดข้ึนหากไม่มีป่าพรุเป็นแหล่งอาหารและ
น�ำ้ ให้กบั สตั วเ์ ลี้ยง

3) ตน้ ทนุ ในการผลติ หรอื เมื่อบริการนิเวศเป็นปัจจัยการผลิตในกระบวนการ มูลค่าจากการใช้ประโยชน์โดยตรง
การเปล่ียนแปลงผลติ ภาพ ผลิตสินค้าท่ีมีการซื้อขายในตลาด เช่น การเป็น (direct use value)
(change in productivity) แหล่งน้�ำเกษตรในหน้าแล้งให้กับการผลิตทางการ
เกษตร ค�ำนวณจากรายได้ท่ีเพิ่มขึ้นเน่ืองจาก
ผลผลติ เพิม่ ขนึ้

| 37

3.3 วิธีการประเมินมูลค่าด้วยตลาดตวั แทน

วธิ กี ารตลาดตวั แทน (surrogate market method) เมอ่ื การเปลย่ี นแปลงคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม สง่ ผลตอ่
อุปสงคห์ รืออปุ ทานของสนิ คา้ ท่มี ีอยูใ่ นตลาดหรอื สง่ ผลต่อราคาของสนิ คา้ นน้ั ๆ

• วธิ กี ารแบบจ�ำลองตน้ ทนุ ในการเดนิ ทาง (travel cost model) ประมาณการอปุ สงคเ์ ชงิ นนั ทนาการ
ของระบบนิเวศ เพ่อื แสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งตน้ ทนุ ในการเดนิ ทางมาเย่ยี มชมกบั จ�ำนวนคร้งั
ของการมาเย่ียมชม เมื่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมของระบบนิเวศดีขึ้น ความต้องการของประชาชน
เพือ่ ใชป้ ระโยชน์เชิงนนั ทนาการกเ็ พ่ิมข้ึน

• วิธีการแบบจ�ำลองราคาตามปัจจัยแฝง (hedonic price model) ประมาณการฟงั กช์ ันราคา
ของทด่ี นิ หรอื ทอ่ี ยอู่ าศยั ซง่ึ มคี ณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ มเปน็ ปจั จยั แฝง มอี ทิ ธพิ ลหรอื มสี ว่ นรว่ มในการ
ก�ำหนดราคาดังกล่าว

วธิ ีการนี้อาศัยความเชื่อมโยงระหว่างบริการทางนเิ วศ (ecosystem services) กับสินคา้ และบรกิ ารทมี่ ีราคาในตลาด (market goods
and services) ตัวอย่างความเชื่อมโยงในทางบวก อาทิ คุณภาพสิ่งแวดล้อมของทะเลน้อยท่ีดีขึ้นส่งผลให้มีผู้เดินทางมาเยี่ยมชมพ้ืนที่
มากขน้ึ หรอื คณุ ภาพนำ้� ในพรทุ เ่ี สอ่ื มถอยทำ� ใหช้ มุ ชนตอ้ งซอื้ นำ�้ มาใชอ้ ปุ โภคบรโิ ภค ดงั นน้ั ขอ้ มลู จากการวเิ คราะหอ์ ปุ สงคข์ องการทอ่ งเทย่ี ว
ทะเลนอ้ ยทเี่ พม่ิ ขนึ้ หรอื การซอื้ นำ�้ อปุ โภคบรโิ ภคเพอื่ ทดแทนการใชน้ ำ�้ จากพรุ สามารถนำ� มาใชป้ ระเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรข์ องการ
เป็นแหล่งทอ่ งเท่ยี วหรอื แหล่งน้�ำอปุ โภคบริโภคของระบบนิเวศป่าพรุ
3.3.1 วธิ กี ารต้นทุนในการเดินทาง

ภาพที่ 16 การประเมนิ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์ดว้ ยวิธีการตน้ ทุนในการเดินทาง

ต้นทนุ การเดินทาง (บาท/เทีย่ วไป-กลบั ) มลู ค่าเชงิ นันทนาการ
ตน้ ทนุ สงู สดุ ทไี่ ด้รบั จากการ
เข้าพนื้ ท่ี
ตอ่ ครง้ั

ตน้ ทุนเฉล่ยี จ�ำนวนครงั้ ต่อปี
ต่อคร้ัง

เส้นทางใกลก้ ว่า มตี ้นทนุ
ในการเดนิ ทางทีต่ �่ำกว่า
สามารถมาได้บอ่ ยกว่า

38 |

วธิ กี ารตน้ ทนุ ในการเดนิ ทาง (travel cost method – TC) เปน็ วธิ กี ารประเมนิ มลู คา่ การใชป้ ระโยชนโ์ ดยตรง (direct use value) จาก
ระบบนิเวศโดยใช้ค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางเพ่ือนันทนาการหรือศึกษาวิจัยเป็นตัวแทนเพ่ือประเมินคุณภาพสิ่งแวดล้อมของ
ระบบนิเวศ วิธีการ TC นิยมใช้ในการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์จากการใช้พ้ืนที่ด้านนันทนาการ (recreational use value)
โดยมแี นวคดิ วา่ บคุ คลยอมเดนิ ทางโดยเสยี ทงั้ เงนิ และเวลาเพอ่ื เยย่ี มชมทะเลนอ้ ยเพราะคาดหวงั จะไดค้ ณุ ประโยชนเ์ ชงิ นนั ทนาการจากพนื้ ที่
จำ� นวนครงั้ ของการมาเยี่ยมชมจะเพม่ิ ข้ึนหากคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มของพื้นทด่ี ีขึ้น ความสมั พันธร์ ะหวา่ งจ�ำนวนครั้งของการมาเย่ียมชมกบั
ต้นทุนในการเดินทางอยู่ในรูปเส้นอุปสงค์เพ่ือนันทนาการ โดยเงินและเวลาที่สละไปก็คือต้นทุนด้านนันทนาการ (พ้ืนท่ีสี่เหล่ียมในภาพ
ทอ่ี ยใู่ ตก้ ราฟเสน้ อปุ สงค)์ ความยนิ ดจี า่ ยโดยรวมสะทอ้ นผา่ นพน้ื ทใ่ี ตเ้ สน้ อปุ สงค์ และนกั ทอ่ งเทย่ี วไดร้ บั มลู คา่ เชงิ นนั ทนาการจากทะเลนอ้ ย
ในรปู ความสขุ หรอื กำ� ไรในใจ (พนื้ ทสี่ ามเหลยี่ มในภาพ) ซง่ึ เปน็ มลู คา่ ทไี่ มไ่ ดผ้ า่ นตลาดและมองไมเ่ หน็ เปน็ ตวั เงนิ นน่ั เอง คำ� นวณจากมลู คา่
ความยินดีจา่ ยโดยรวมหกั ออกดว้ ยต้นทนุ ดา้ นนนั ทนาการ
วิธีการต้นทุนในการเดินทาง แบ่งเปน็ 2 วิธหี ลกั ตามการสรา้ งแบบจำ� ลอง คือ

• แบบจ�ำลองส�ำหรับพื้นท่ีเดียว (single-site model) เพื่อประเมินมูลค่าการใช้ประโยชน์ด้านนันทนาการในการเข้าพ้ืนที่ของ
นักทอ่ งเทยี่ วหรือผเู้ ยีย่ มชม สามารถสรา้ งแบบจ�ำลองได้ 2 ประเภทคือ แบบจ�ำลองต้นทนุ ในการเดินทางแบบแบ่งเขต (zonal
travel cost model) และแบบจำ� ลองตน้ ทนุ ในการเดนิ ทางแบบส่วนบุคคล (individual travel cost model)
• แบบจ�ำลองส�ำหรับการเลือกพื้นท่ี (site-choice model) เพ่ือประเมินมูลค่าการใช้ประโยชน์เชิงนันทนาการโดยวัดจากความ
พึงพอใจของผู้ใชป้ ระโยชน์ทเี่ กิดจากการตัดสินใจเลอื กใชพ้ ้นื ทซ่ี งึ่ ขน้ึ กับคุณลกั ษณะต่าง ๆ ของสถานท่นี ั้น ๆ
เม่ือเปรียบเทียบระหวา่ งกลมุ่ วธิ กี ารท้ังสอง วิธีการแบบจำ� ลองส�ำหรบั พื้นท่ีเดียวจะมีความง่ายกว่า ตอ้ งการข้อมลู น้อยกวา่ และใชว้ ธิ กี าร
วเิ คราะหท์ ซี่ บั ซอ้ นนอ้ ยกวา่ วธิ กี ารแบบจำ� ลองสำ� หรบั การเลอื กพนื้ ท่ี คมู่ อื นจ้ี งึ เลอื กนำ� เสนอวธิ กี ารแบบจำ� ลองสำ� หรบั พน้ื ทเ่ี ดยี ว
ข้อสมมติของวิธกี าร TC
เน่ืองจากวิธีการ TC เป็นการสร้างแบบจ�ำลองท่ีอาศัยพื้นฐานของฟังก์ชันอุปสงค์เพ่ือนันทนาการ ซึ่งวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง
ตวั แปรหลัก ๆ คือจำ� นวนครัง้ ในการเข้าเยยี่ มชมพ้นื ที่ (ครง้ั ต่อป)ี และตน้ ทุนในการเดินทาง (บาทตอ่ เที่ยวไป-กลบั ) รายได้และลักษณะ
ทางประชากรศาสตรข์ องผูเ้ ข้าเย่ียมชมพนื้ ที่ เปน็ ตน้ จงึ มีข้อสมมติดังนี้
1. จำ� นวนครงั้ ในการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจหรอื เขา้ เยยี่ มชมพนื้ ท่ี ซง่ึ แทน “ปรมิ าณอปุ สงค”์ ของแตล่ ะครงั้ แตล่ ะคน และแตล่ ะแหลง่
สมมติให้มีช่วงเวลาของการเยี่ยมชมแต่ละครั้งเท่ากัน คือ “จ�ำนวนคร้ังต่อคนต่อปี” ซ่ึงโดยปรกติแล้วจะไม่เท่ากัน เช่น
การเยยี่ มชมแบบคา้ งคนื ยอ่ มจำ� นวนครง้ั ของแตล่ ะคนจะมจี ำ� นวนชวั่ โมงหรอื จำ� นวนวนั เยย่ี มชมไมเ่ ทา่ กนั หรอื แมเ้ ปน็ การเยย่ี มชม
แบบไป-กลบั ในวันเดยี วกัน ในแตล่ ะครง้ั ก็ยังมจี �ำนวนชัว่ โมงไม่เท่ากนั
2. ตน้ ทนุ ของการเดนิ ทางซงึ่ ประกอบดว้ ยตน้ ทนุ ทเ่ี ปน็ ตวั เงนิ และไมเ่ ปน็ ตวั เงนิ สมมตใิ หเ้ ปน็ ตวั แทนของ “ราคา” ตอ่ ครงั้ ของการ
เข้าเย่ียมชม ต้นทุนท่ีเป็นตัวเงิน ได้แก่ ค่ายานพาหนะและค่าใช้จ่ายท่ีเกี่ยวข้อง และค่าเข้าชมพื้นท่ี เป็นต้น ส�ำหรับต้นทุน
ท่ีไม่เป็นตัวเงินก็คือค่าเสียเวลาตลอดช่วงตั้งแต่เดินทางออกจากภูมิล�ำเนาจนกลับถึงภูมิล�ำเนา โดยทั่วไปมักนับเป็นจ�ำนวน
ช่ัวโมงหรือวนั ทำ� งาน
3. จำ� นวนครงั้ ของการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจหรอื เขา้ เยยี่ มชมสถานทแ่ี ละคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม ถอื เปน็ “สงิ่ ประกอบกนั (complement)”
เมือ่ คุณภาพสิ่งแวดล้อมดขี น้ึ กค็ าดหวังว่าจะมีการเยีย่ มชมสถานทม่ี ากข้ึน

| 39

ขนั้ ตอนในการประเมนิ คา่ ดว้ ยวธิ ีการ TC
1. เก็บข้อมลู จากผู้เย่ียมชมพนื้ ท่ี ประกอบด้วย จ�ำนวนการเข้าใชพ้ น้ื ท่ใี นรอบปีท่ผี า่ นมา ตน้ ทุนในการเดนิ ทางคร้งั น้ซี ึง่ ประกอบ
ดว้ ยคา่ ใชจ้ ่ายตา่ ง ๆ และเวลาท่ใี ชใ้ นการเดนิ ทางและพักผ่อนหยอ่ นใจ ตลอดจนขอ้ มูลเชงิ ประชากรศาสตร์ของผเู้ ขา้ เยย่ี มชม
2. สร้างฟังก์ชันอุปสงค์ด้านนันทนาการ โดยก�ำหนดให้จ�ำนวนการเข้าพ้ืนที่ต่อปี (visit) ขึ้นอยู่กับต้นทุนในการเดินทาง (cost)
วิธกี ารเดินทาง (mode) รายได้ (income) และลกั ษณะทางประชากรศาสตรข์ องผู้เย่ียมชมพ้นื ที่ อาทิ เพศ (gender) อายุ
(age) และการศกึ ษา (educ) เปน็ ต้น และสร้างแบบจำ� ลองจากฟังกช์ นั
visit = f(cost, mode, income, gender, age, educ)
จากนั้นหาวิธีการทางสถิติท่ีเหมาะสมโดยใช้แบบจ�ำลองข้อมูลจ�ำนวนนับ (count data model) เพราะลักษณะของข้อมูล
จ�ำนวนการเขา้ พน้ื ที่ เปน็ ตัวเลขเต็มและมีคา่ ไมต่ �ำ่ กวา่ 1 เน่อื งมาจากการสอบถามผเู้ ขา้ ใชพ้ นื้ ที่
3. คำ� นวณสว่ นเกนิ ผบู้ รโิ ภคจากฟงั กช์ นั อปุ สงคข์ องตวั อยา่ งแตล่ ะราย เพอ่ื นำ� มาคณู กบั จำ� นวนผเู้ ขา้ ใชพ้ นื้ ทท่ี ง้ั หมดในปนี นั้ กจ็ ะได้
มูลค่าจากการใชป้ ระโยชนด์ า้ นนนั ทนาการของผูเ้ ขา้ ใช้พน้ื ที่


3.3 2 วธิ ีการแบบจ�ำลองราคาแฝง

ภาพที่ 17 เปรียบเทยี บมลู ค่าบ้านและที่ดนิ ท่มี ีคุณลักษณะตา่ งกนั

บ้านและทีด่ ินราคา 200,000 บาท บา้ นและท่ีดนิ ราคา 2,500,000 บาท บ้านและทด่ี นิ ราคา 800,000 บาท
• บา้ นชั้นเดยี วอายุ 2 ปี • บ้าน 2 ชัน้ อายุ 10 ปี • บา้ นชน้ั เดยี วอายุ 5 ปี
• 2 ห้องนอน 2 หอ้ งน�้ำ • 5 หอ้ งนอน 3 ห้องนำ�้ • 2 หอ้ งนอน 2 ห้องน�้ำ
• อยใู่ กล้ป่าพรทุ ่มี ปี ระวัติไฟไหม้ • อยใู่ กลป้ า่ พรทุ ี่มคี วามอดุ ม • อย่ใู กล้ปา่ พรทุ มี่ ีความอดุ ม
เกอื บทกุ ปี สมบูรณ์ สมบูรณ์

40 |

วิธีการแบบจำ� ลองราคาแฝง (hedonic price model - HP) เปน็ วธิ ีการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรข์ องคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ มหรือ
ระบบนิเวศในฐานะทเ่ี ปน็ องคป์ ระกอบแฝงอยใู่ นราคาซื้อขายของที่ดนิ หรอื บ้านท่อี ย่อู าศยั (พรอ้ มทดี่ นิ ) วิธีการ HP อาศยั แนวคดิ ทว่ี า่
คุณลักษณะด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณลักษณะที่แฝงอยู่กับที่ดินหรือท่ีอยู่อาศัย เช่นปัจจัยด้านโครงสร้างของบ้าน (ขนาดพ้ืนท่ีใช้สอย
จ�ำนวนห้องนอน อายุบ้าน วัสดุท่ีใชส้ ร้างบา้ น เป็นต้น) ด้านสภาพแวดล้อม (ระยะทางสูถ่ นนใหญ่ รถไฟฟา้ การใกลไ้ กลศูนยก์ ลางเมือง
เปน็ ตน้ ) ตลอดจนดา้ นคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม (การมวี วิ ทะเล การใกลไ้ กลแหลง่ นำ�้ พนื้ ทส่ี เี ขยี ว แหลง่ กำ� จดั ขยะ หรอื การมรี ะบบชลประทาน
เป็นต้น) องค์ประกอบเหล่านี้ล้วนมีส่วนในการก�ำหนดมูลค่าตลาดของบ้านและ/หรือที่ดินส่ิงปลูกสร้างทั้งสิ้น วิธีการ HP จึงสร้างแบบ
จ�ำลองราคาบ้านหรือท่ีดินซ่ึงมีคุณลักษณะด้านต่าง ๆ เป็นปัจจัยท่ีมีส่วนในการก�ำหนดราคา เม่ือวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ดังกล่าวได้
นกั วจิ ยั กส็ ามารถทราบอิทธิพลด้านส่งิ แวดล้อมในรูปมูลค่าสว่ นเพิ่มที่แฝงอย่กู ับราคาบา้ น
กรณีของระบบนิเวศป่าพรุ มีข้อสันนิษฐานว่าบ้าน (พร้อมที่ดิน) หรือท่ีท�ำกินที่ตั้งอยู่ใกล้ป่าพรุที่อุดมสมบูรณ์ ย่อมมีราคาหรือมูลค่า
สูงกว่าบ้านหรือท่ีท�ำกินท่ีตั้งอยู่ไกลออกไป หรืออาจมีความเป็นไปได้ว่ามูลค่าของบ้าน (พร้อมที่ดิน) หรือที่ท�ำกินย่อมลดลงหากมีท�ำเล
ทีต่ งั้ ใกลป้ า่ พรุที่มีความเสีย่ งเร่ืองไฟไหม้ อยา่ งไรกต็ ามปจั จุบันยังไม่ปรากฎงานศึกษาด้านการใชแ้ บบจ�ำลองราคาแฝงกบั กรณขี องป่าพรุ
ในทน่ี ีส้ มมติวา่ ปจั จัยด้านสิ่งแวดลอ้ มของป่าพรุ ประเมินดว้ ยคณุ ภาพของปา่ พรุ หรือความเส่ียงของปา่ พรุเร่อื งไฟไหม้ ส�ำหรบั ขอ้ มูลด้าน
คุณภาพเชิงนิเวศของป่าพรุอาจจะประเมินอยู่ในรูปคะแนนก็ได้ ผู้ประเมินสามารถศึกษาแนวทางจากการประเมินคุณภาพเชิงนิเวศของ
พนื้ ทชี่ ุม่ น้ำ� จาก Mei, et al (2018) ซ่ึงสร้างจากตวั ช้วี ัดต่าง ๆ ในรปู คะแนนทีแ่ สดงคณุ ภาพเชิงนเิ วศของพื้นที่ชุม่ น้�ำ หรอื อีกตัวอยา่ งคอื
แนวทางการพฒั นาตัวชว้ี ัดท่ีแสดงมาตรฐานการฟ้ืนฟูป่าพรุของสหราชอาณาจกั รเรยี กว่า “peatland code” โดยออกประกาศนยี บตั ร
รบั รองการลดลงของกา๊ ซเรอื นกระจก สำ� หรบั การจดั ทำ� คารบ์ อนเครดติ จากโครงการฟน้ื ฟปู า่ พรุ (https://www.iucn-uk-peatlandpro-
gramme.org/funding-finance/peatland-code)
นกั วจิ ยั อาจสรา้ งแบบจำ� ลองราคาของบา้ นทอี่ ยอู่ าศยั หรอื ทที่ ำ� กนิ ซงึ่ คาดวา่ มอี ทิ ธพิ ลปจั จยั ตา่ ง ๆ อาทิ ปจั จยั ดา้ นคณุ ภาพเชงิ นเิ วศของ
ป่าพรุท่ีอยู่ใกล้ท่ีต้ังของบ้านหรือท่ีท�ำกินที่สุด ปัจจัยด้านคุณลักษณะหรือโครงสร้างของตัวบ้าน และปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมอื่น ๆ
เหลา่ นี้อาจมสี ว่ นทำ� ใหร้ าคาบา้ นทอ่ี ยู่อาศยั หรอื ทท่ี �ำกนิ แตกต่างกนั ไป

| 41

กรณีคณุ ลกั ษณะป่าพรุแสดงด้วยค่าดัชนีคณุ ภาพปา่ พรุ
ในทน่ี ี้สมมตใิ หร้ าคาบา้ นพร้อมท่ดี นิ (price) ซึง่ จะเรียกสั้น ๆ ว่า “ราคาบ้าน” ขึ้นอยู่กับปัจจยั ตา่ ง ๆ ทค่ี าดว่ามีผลตอ่ ราคาบา้ น อาทิ
ระดบั คณุ ภาพหรอื ความอดุ มสมบรู ณข์ องปา่ พรใุ กลบ้ า้ น (quality) ระยะทางจากบา้ นถงึ ถนนใหญ่ (distance) มลู คา่ ของสง่ิ กอ่ สรา้ งทอี่ ยู่
ในทด่ี นิ (value) อายุของบา้ น (age) จ�ำนวนห้อง (room) เป็นต้น

ตารางที่ 11 ปัจจยั ดา้ นคณุ ภาพของปา่ พรทุ ่ีส่งผลตอ่ ราคาบ้าน

ปัจจัย หนว่ ยวัด ความสมั พันธต์ อ่ ราคาบา้ นพรอ้ มที่ดิน
คณุ ภาพของปา่ พรทุ อ่ี ยใู่ กลบ้ า้ นที่สดุ ส่งผลเชิงบวกต่อราคาบา้ น
คุณภาพป่าพรุ (quality) คะแนน บา้ นท่ตี งั้ อย่ใู กลถ้ นนใหญย่ ่อมมรี าคาสงู กว่า

ระยะทางจากบ้านถงึ ถนนใหญ่ กิโลเมตร มูลค่าของสิ่งก่อสร้างในท่ีดิน เช่น โรงรถ สระว่ายน้�ำส่งผลเชิงบวก
(distance) ต่อราคาบา้ น
บา้ นที่เหมอื นกนั ทุกประการ บา้ นใหมก่ วา่ ยอ่ มมีราคาสงู กว่า
มลู คา่ สิง่ ก่อสร้าง (value) บาท บ้านทมี่ จี �ำนวนหอ้ งมากกวา่ มีแนวโนม้ จะมีราคาสงู กวา่

อายุของบ้าน (age) ปี
จ�ำนวนห้อง (room) ห้อง

แบบจำ� ลองราคาบ้าน (พร้อมทด่ี นิ ) ตามปจั จยั แฝงต่าง ๆ ท่ีระบุไวใ้ นตารางข้างต้น สามารถเขียนในรปู ทั่วไป ดงั นี้
price = f (quality, distance, value, age, room)

รปู แบบของสมการขา้ งตน้ ซง่ึ กะประมาณดว้ ยวธิ กี ารทางเศรษฐมติ อิ าจจะเปน็ เสน้ ตรงหรอื ไมเ่ ปน็ เสน้ ตรงกไ็ ด้ ตวั อยา่ งกรณสี มการเสน้ ตรง
ได้แก่

price = a0 + a1quality + a3distance + a3value + a4age + a5room
คา่ a0 คือคา่ คงที่ และคา่ ai คอื คา่ สัมประสทิ ธ์ขิ องตวั แปรต่าง ๆ

คา่ สมั ประสทิ ธข์ิ องตวั แปรคณุ ภาพปา่ พรคุ อื a1 อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคณุ ภาพปา่ พรทุ ม่ี ตี อ่ ราคาบา้ น ซงึ่ คาดวา่ มคี า่ เปน็ บวก กลา่ วคอื
ราคาบา้ น (พรอ้ มทด่ี นิ ) จะเพม่ิ ขน้ึ เมอื่ อยใู่ กลป้ า่ พรทุ มี่ คี ณุ ภาพสงู กวา่ ซงึ่ กค็ อื มลู คา่ สว่ นเพม่ิ ของคณุ ภาพปา่ พรุ หรอื คา่ marginal effect
แสดงถึงมูลค่าความอุดมสมบรู ณข์ องปา่ พรใุ กล้บา้ น (บาทตอ่ คะแนน)

42 |

กรณคี ณุ ลกั ษณะปา่ พรุแสดงดว้ ยความเสย่ี งทปี่ า่ พรเุ กดิ ไฟไหม้
ท�ำนองเดียวกับตัวอย่างข้างต้น สมมติให้ราคาบ้านพร้อมท่ีดิน (price) ซ่ึงจะเรียกสั้น ๆ ว่า “ราคาบ้าน” ข้ึนอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ อาทิ
ความเสย่ี งการเกดิ ไฟ (fire = 0,1) ของปา่ พรใุ กลบ้ า้ น ระยะทางจากบา้ นถงึ ถนนใหญ่ (distance) มลู คา่ ของสง่ิ กอ่ สรา้ งทอี่ ยใู่ นทดี่ นิ (value)
อายขุ องบ้าน (age) จำ� นวนห้อง (room) เป็นต้น


ตารางที่ 12 ปจั จัยดา้ นความเสยี่ งเกดิ ไฟของปา่ พรุที่ส่งผลตอ่ ราคาบ้าน

ปัจจัย หนว่ ยวัด ความสัมพนั ธต์ อ่ ราคาบ้านพร้อมท่ีดิน
ราคาที่ดนิ จะลดลงถ้าอยใู่ กลพ้ ื้นทีเ่ สี่ยงต่อการเกดิ ไฟ
ท�ำเลที่ต้ังของบ้านอยู่ใกล้พื้นที่ 0=ไม่เสี่ยง
ปา่ พรุทเ่ี ส่ยี งต่อการเกดิ ไฟ (fire) 1=เส่ยี ง บา้ นทีต่ งั้ อย่ใู กล้ถนนใหญ่ย่อมมีราคาสูงกว่า

ระยะทางจากบ้านถึงถนนใหญ่ กิโลเมตร มูลค่าของสิ่งก่อสร้างในท่ีดิน เช่น โรงรถ สระว่ายน้�ำ ส่งผลเชิงบวก
(distance) ตอ่ ราคาบ้าน
บา้ นท่ีเหมอื นกนั ทุกประการ บา้ นใหม่กว่าย่อมมีราคาสงู กว่า
มลู คา่ สง่ิ กอ่ สรา้ ง (value) บาท บา้ นทม่ี ีจ�ำนวนห้องมากกว่ามแี นวโนม้ จะมรี าคาสงู กวา่

อายขุ องบ้าน (age) ปี
จำ� นวนหอ้ ง (room) หอ้ ง

สมมติให้ฟังกช์ นั ราคาบ้านตามปจั จยั แฝงมีรปู แบบของสมการเส้นตรง
price = a0 + a1fire + a2distance + a3value + a4age + a5room
ค่า a0 คือคา่ คงที่ และค่า ai คือค่าสัมประสิทธ์ิของตัวแปรต่าง ๆ

ค่าสัมประสิทธ์ิของตัวแปรความเส่ียงในการเกิดไฟไหม้ของป่าพรุใกล้บ้านคือ a1 ซ่ึงน่าจะเป็นค่าติดลบ ซึ่งเป็นค่า marginal effect
อธบิ ายไดว้ า่ ราคาบา้ น (พรอ้ มทดี่ นิ ) จะลดลงถา้ อยใู่ กลป้ า่ พรทุ ม่ี คี วามเสย่ี งในการเกดิ ไฟไหม้ หรอื กลา่ วไดว้ า่ เปน็ มลู คา่ ผลกระทบของปา่ พรุ
ที่มคี วามเสย่ี ง (บาท)

| 43

นอกจากน้ี วธิ กี ารประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรด์ ว้ ยแบบจำ� ลองราคาตวั แทนสามารถนำ� ไปใชก้ บั กรณผี ลติ ภณั ฑท์ เ่ี กบ็ หาจากระบบนเิ วศ
ป่าพรซุ ่ึงมีลกั ษณะเฉพาะ เพอื่ วเิ คราะห์หาความยนิ ดีจ่ายส่วนเพิ่มหรือมูลค่าส่วนเพิม่ ของคณุ ลกั ษณะเดน่ ๆ ในตัวสนิ คา้ และบรกิ ารทไี่ ด้
จากปา่ พรุ ไมว่ า่ จะเปน็ นำ�้ ผง้ึ ปา่ จากเสมด็ ขาว หรอื ปลาดกุ ทจ่ี บั ไดจ้ ากปา่ พรุ เปน็ ตน้ ดงั ตวั อยา่ งฟงั กช์ นั ราคาตวั แทนเพอ่ื อธบิ ายปจั จยั ทม่ี ผี ล
ตอ่ ราคาผลติ ภณั ฑ์ดังกล่าว

กรณปี ลาดกุ :
ราคาปลาดุก = f (แหลง่ จบั หา, ขนาดปลา, ความสด, วธิ ีการเก็บรกั ษา, สถานท่วี างจำ� หนา่ ย)
กรณนี �้ำผ้ึง:
ราคาน้�ำผึ้ง = f (ท่ีมาของนำ้� ผึ้ง, วิธกี ารบรรจ,ุ ปรมิ าณ, การเก็บรกั ษา, สถานที่จำ� หน่าย)
ท้ังน้ีมีสมมติฐานว่า ปลาดุกท่ีจับจากป่าพรุย่อมมีราคาสูงกว่าปลาดุกที่จับจากแหล่งอ่ืนหรือปลาดุกเล้ียง และน้�ำผ้ึงท่ีได้มาจากป่าเสม็ด
ในป่าพรยุ อ่ มมีราคาสูงกวา่ น้�ำผ้ึงจากแหลง่ อื่น ๆ
ขนั้ ตอนในการประเมินคา่ ดว้ ยวิธีการ HP

1. ก�ำหนด “คุณภาพหรือคุณลักษณะด้านส่ิงแวดล้อม” ท่ีต้องการประเมินมูลค่า โดยระบุถึงตัวช้ีวัดหรือหน่วยวัด เพื่อให้ทราบ
ระดับของคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อม จากตัวอยา่ งข้างต้น สมมตวิ า่ “คุณภาพปา่ พร”ุ ของประเทศไทยสามารถก�ำหนดเปน็ คะแนน
จากจากกลุ่มตวั ชี้วัดแสดงคณุ ภาพของป่าพรุ

2. รวบรวมขอ้ มลู ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ราคาทด่ี นิ และทรพั ยส์ นิ ทมี่ คี วามเกย่ี วขอ้ งกบั คณุ ภาพปา่ พรุ และขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ งตา่ ง ๆ ดงั ตวั อยา่ ง
ข้างต้น อาทิ ราคาทด่ี นิ บ้าน และสิง่ กอ่ สรา้ ง ระยะทางจากบา้ นไปยงั ปา่ พรุทม่ี ีความเสยี่ งเร่อื งไฟปา่ เปน็ ต้น ซงึ่ สามารถหา
หรือรวบรวมไดจ้ ากฐานข้อมูลทมี่ อี ยแู่ ล้วหรอื สำ� รวจเพมิ่ เติม

3. น�ำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อสร้างฟังก์ชันราคาตามปัจจัยแฝง โดยหารูปแบบสมการท่ีมีความเหมาะสมทางสถิติท่ีสุด และหาค่า
สมั ประสทิ ธิ์ (coefficient) ของตัวแปรที่แสดงคุณภาพปา่ พรุ

4. ในกรณที ไี่ มใ่ ชฟ่ งั กช์ นั เสน้ ตรง ใหค้ ำ� นวณหาคา่ มลู คา่ ผลกระทบสว่ นเพมิ่ (marginal effect) ของตวั แปรคณุ ภาพปา่ พรุ สำ� หรบั
ทกุ ตวั อยา่ งในฐานขอ้ มลู เพอื่ ใชเ้ ปน็ ตวั แปรตามในสมการมลู คา่ สว่ นเพมิ่ ของคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม ในขน้ั ตอนตอ่ ไป ตวั แปรมลู คา่
ผลกระทบส่วนเพม่ิ ของคุณภาพป่าพรนุ ี้จะมหี นว่ ยบาทต่อคะแนน เปรยี บเสมือนมูลคา่ หรอื ราคาของคณุ ภาพปา่ พรุ ทแ่ี ฝงอยู่
ในราคาท่อี ยู่อาศัยหรอื ทดี่ นิ นั่นเอง

5. ประมาณการฟงั กช์ นั อปุ สงคส์ ว่ นกลบั ของคณุ ภาพปา่ พรุ โดยกำ� หนดใหต้ วั แปรตามคอื ราคาแฝงของคณุ ภาพปา่ พรุ และตวั แปร
ท่ใี ช้อธิบายคา่ ได้แก่ ตวั แปรทเ่ี ก่ียวข้องกับคณุ ลกั ษณะดา้ นสิง่ แวดล้อม และสภาพเศรษฐกจิ สงั คมของผู้บรโิ ภค

6. ค�ำนวณมูลค่าผลประโยชน์หรือสวัสดิการที่เปลี่ยนแปลงเม่ือคุณภาพป่าพรุเปล่ียนแปลง จากพื้นท่ีใต้เส้นอุปสงค์ หรือการหา
สว่ นเกินผูบ้ รโิ ภคของน่ันเอง

44 |

3.4 วธิ กี ารประเมนิ มูลค่าดว้ ยตลาดสมมติ

วธิ กี ารตลาดสมมติ ใช้แบบสอบถามท่ีมกี ารก�ำหนดสถานการณ์หรอื เงอ่ื นไขสมมติ เพอื่ การส�ำรวจผูไ้ ด้รบั
ประโยชน์จากระบบนเิ วศ

• วธิ กี ารสมมตเิ หตกุ ารณใ์ หป้ ระเมนิ คา่ จะก�ำหนดสถานการณใ์ นอนาคตเมอื่ มกี ารเปลย่ี นแปลงดา้ น
สง่ิ แวดลอ้ มเทยี บกบั สถานการณเ์ ดมิ เพอื่ สอบถามถงึ การยอมรบั ในสถานการณใ์ หม่ และส�ำรวจ
ความยินดีจา่ ยหรือความยินดีรับการชดเชยเม่อื มกี ารเปลย่ี นแปลงส่งิ แวดล้อม

• วิธีการทดลองทางเลอื ก จะก�ำหนดรูปแบบทางเลือกต่าง ๆ โดยมีองค์ประกอบดา้ นเงอ่ื นไขหรอื
เปา้ หมายในการจดั การระบบนเิ วศ และใหป้ ระชาชนเปา้ หมายตดั สนิ ใจเลอื กจากทางเลอื กทมี่ อี ยู่

วธิ กี ารตลาดสมมตเิ พอ่ื การประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรท์ นี่ ยิ มกนั คอื การสมมตเิ หตกุ ารณใ์ หป้ ระเมนิ คา่ (contingent valuation – CV)
และการทดลองทางเลอื ก (choice experiment – CE) มีรายละเอยี ดดงั ขา้ งล่าง

3.4.1 วิธสี มมตเิ หตุการณ์ใหป้ ระเมินคา่

ทา่ นตอ้ งการใหม้ ีการฟ้ืนฟูป่าพรุกลบั มาอุดมสมบูรณใ์ น 3 ปหี รือไม่
ต้องการ ไมต่ อ้ งการ

โครงการฟน้ื ฟปู า่ พรจุ ะใชเ้ วลา 3-5 ปี จ�ำเปน็ ตอ้ งมกี ารลงทนุ และรฐั บาลจ�ำเปน็ ตอ้ งระดมทนุ สว่ นหนงึ่
จากท่านมาเสริมค่าใช้จ่าย ซ่ึงโครงการจะไม่สามารถเกิดข้ึนหากการระดมทุนคร้ังน้ีไม่เพียงพอต่อ
ค่าใช้จา่ ย เรามคี �ำถามดังน:้ี
“ท่านยินดจี ะสละเงินเพื่อให้เกดิ โครงการฟนื้ ฟูป่าพรเุ ป็นจ�ำนวนเงนิ สูงสุด ปลี ะ ……..........…. บาท”
โดยท่านทราบดีว่าจ�ำนวนเงินที่ต้ังใจสละออกไปจะท�ำให้มีเงินเหลือเพ่ือใช้จ่ายส่ิงอื่น ๆ น้อยลง
หรือถามว่า “ท่านยินดีจะสละเวลาเพ่ือให้ช่วยในโครงการฟื้นฟูป่าพรุเป็นจ�ำนวน …………….. วัน
ต่อปีหรือไม่”

ยินดี ไม่ยนิ ดี
โดยท่านทราบดีว่าการสละเวลาเพ่ือช่วยโครงการฯ จะท�ำให้มีเวลาเพ่ือการพักผ่อนหรือท�ำกิจกรรม
อ่นื ๆ น้อยลง

| 45

วธิ กี ารสมมตเิ หตกุ ารณใ์ หป้ ระเมินค่า (contingent valuation – CV) เปน็ วิธกี ารประเมนิ มูลคา่ ทางเศรษฐศาสตร์ของบรกิ ารทางนิเวศ
ที่มีความเป็นสินค้าสาธารณะ ไม่มีราคาปรากฎในตลาด และมีความเป็นนามธรรมยากท่ีจะชั่งตวงวัดได้ และคุณประโยชน์บางประการ
ไมส่ ามารถจ�ำแนกออกจากกันไดอ้ ยา่ งชัดเจน มีความเปน็ กลุม่ กอ้ น (bundle of benefits) ยากที่จะจ�ำแนกใหช้ ดั เจนว่าเป็นมลู ค่าทาง
เศรษฐศาสตรจ์ ากบริการดา้ นใดบา้ ง และเปน็ มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์อะไรบา้ ง
ตวั อยา่ งของโครงการฟ้ืนฟรู ะบบนิเวศปา่ พรุ โดยกอ่ สร้างฝายขนาดเล็กจำ� นวนหนึ่งเพ่อื ควบคมุ ระดบั น้�ำใหป้ า่ พรุไว้ให้คงระดบั 20 – 40
เซนตเิ มตร ซง่ึ สง่ ผลทำ� ใหป้ า่ พรมุ สี ภาพทสี่ มบรู ณม์ ากขนึ้ สามารถเพม่ิ พนู บรกิ ารเชงิ นเิ วศในดา้ นการเปน็ แหลง่ จบั สตั วน์ ำ้� และเกบ็ หากระจดู
ช่วยลดความเสี่ยงด้านภัยแล้งน้�ำท่วมและไฟป่า ขณะเดียวกันก็เพ่ิมพูนคุณประโยชน์ด้านการเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน และเปน็ แหลง่
ดำ� รงความหลากหลายทางชวี ภาพ ซงึ่ บรกิ ารทางนเิ วศเหลา่ นอี้ าจมที งั้ มลู คา่ ทเี่ กดิ จากการใชป้ ระโยชนโ์ ดยตรงและโดยออ้ ม (direct and
indirect use value) และมลู คา่ ทเี่ กดิ จากการไมไ่ ดใ้ ชป้ ระโยชน์ (non-use value) ดว้ ยเหตนุ ว้ี ธิ กี าร CV จงึ เหมาะกบั การประเมนิ มลู คา่
ทางเศรษฐศาสตร์ของบรกิ ารทางนิเวศที่ไม่สามารถจ�ำแนกออกจากกันได้อยา่ งชัดเจน แตเ่ หมาะสมกบั การประเมินมลู ทางเศรษฐศาสตร์
ทปี่ ระชาชนได้รบั จากโครงการฟน้ื ฟรู ะบบนิเวศ หรือกลา่ วได้ว่าเปน็ การประเมินผลประโยชนข์ องโครงการดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม
วิธีการ CV เปน็ วิธกี ารทีใ่ ห้บคุ คลแสดงมลู ค่าเพอ่ื สะทอ้ นความพงึ พอใจตอ่ ส่งิ นนั้ ๆ โดยตรง (stated preference method) โดยสรา้ ง
หรอื กำ� หนดสถานการณข์ น้ึ มาเพอ่ื ประเมนิ คา่ ความยนิ ดจี า่ ยหรอื ความยนิ ดรี บั การชดเชย ดว้ ยเหตทุ ค่ี วามหลากหลายทางชวี ภาพไมส่ ามารถ
ระบุขนาด จ�ำนวนหรือปริมาณที่สามารถช่ังตวงวัดได้อย่างเป็นรูปธรรม ถึงแม้ว่านักนิเวศจะสามารถค�ำนวณค่าดัชนีความหลากชนิด
(diversity index) เพอ่ื สะทอ้ นความหลากหลายทางชวี ภาพ แตเ่ ปน็ ความรเู้ ชงิ วชิ าการทย่ี ากตอ่ การทำ� ความเขา้ ใจของบคุ คลท่ัวไป ดังน้ัน
นักวิจัยมักจะใช้วิธีการ CV ประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ของโครงการที่เกี่ยวข้องกับงานอนุรักษ์ซ่ึงสร้างคุณประโยชน์ต่อสาธารณะ
ในภาพรวมโดยไม่จ�ำเป็นตอ้ งทราบมลู คา่ ของคุณประโยชน์แตล่ ะด้าน
ขน้ั ตอนในการประเมินคา่ ดว้ ยวธิ ีการ CV
วธิ กี าร CV มีขนั้ ตอนในการประเมินค่าหลกั ๆ ไดแ้ ก่

1. ระบรุ ายละเอยี ดของโครงการและการเปล่ยี นแปลงของระบบนเิ วศทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ตลอดจนผลทีเ่ กิดข้นึ กบั บริการทางนิเวศ
2. ระบุผู้ที่จะได้รับประโยชน์หรือได้รับผลกระทบจากโครงการซ่ึงก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงระบบนิเวศ โดยทราบถึงจ�ำนวน

ประชากรหรอื ครวั เรือนท่เี กยี่ วขอ้ งเพราะจะเปน็ ฐานในการคำ� นวณจ�ำนวนตวั อย่างท่ตี ้องการสำ� รวจ
3. เลือกวิธีการรวบรวมข้อมูล โดยทั่วไปมักจะเป็นการสัมภาษณ์โดยตรงซ่ึงใช้งบประมาณสูง ในปัจจุบันเนื่องจากการเข้าถึง

อินเทอเน็ตสะดวกมากข้นึ จงึ เรมิ่ นิยมเกบ็ ขอ้ มูลด้วยระบบออนไลน์ ซงึ่ ใชง้ บประมาณท่ีตำ่� กว่า
4. ออกแบบเคร่ืองมือในการส�ำรวจและสร้างแบบสอบถามเพ่ือการประเมินค่า ซึ่งในการออกแบบค�ำถามของสถานการณ์สมมติ

(CV questions) นกั วจิ ยั จำ� เปน็ ตอ้ งประชมุ กลมุ่ เปา้ หมายหลาย ๆ ครง้ั ซง่ึ อาจใชก้ ระบวนการสนทนากลมุ่ โดยใหร้ ายละเอยี ด
เกย่ี วกบั โครงการและทรพั ยากรทตี่ อ้ งการประเมนิ คา่ แนวทางในการจดั การ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเหมาะสมของคำ� ถามทเี่ กย่ี วขอ้ ง
กบั การเลอื กวธิ กี ารจา่ ยเงนิ (หรอื สละแรงกาย) และการเลอื กรปู แบบของคำ� ถามวา่ เปน็ แบบคำ� ถามเปดิ หรอื ใหเ้ ลอื ก นอกจากน้ี
จำ� เปน็ ตอ้ งสรา้ งแนวคำ� ถามทส่ี ามารถแยกผทู้ ไ่ี มต่ อ้ งการพจิ ารณาสถานการณ์ (protest) หรอื ผทู้ เี่ ขา้ ใจไขวเ้ ขวไปจากสถานการณ์
ทกี่ ำ� หนดได้ นกั วจิ ยั ควรมคี ำ� ถามเพมิ่ เตมิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ตวั แปรทอี่ าจนำ� มาใชอ้ ธบิ ายสาเหตขุ องการทตี่ วั อยา่ งใหม้ ลู คา่ ทต่ี า่ งกนั
ออกไป และค�ำถามท่นี ักวิจัยสามารถน�ำไปใช้เพอ่ื ทดสอบความนา่ เช่ือถอื ของการใหม้ ลู คา่ ของกลุ่มตวั อย่าง
5. ทดสอบแบบสอบถามจนมน่ั ใจวา่ มขี อ้ ผดิ พลาดนอ้ ยทส่ี ดุ และนำ� ไปใชใ้ นการสำ� รวจภาคสนามกบั กลมุ่ ตวั อยา่ งทรี่ ะบไุ วใ้ นขอ้ 1
6. เลอื กวธิ ีการวิเคราะหท์ างสถติ ทิ เี่ หมาะสม เพอื่ ประมาณการคา่ สัมประสิทธิ์ของฟงั กช์ นั ความยินดีจ่าย
7. นำ� ผลการวิเคราะห์มาคำ� นวณมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์


46 |

3.4.2 วิธกี ารทดลองทางเลอื ก

ทางเลือกในการจดั การป่าพรุจากความเหน็ ของชุมชน

ปา่ พรุ 50,000 ไร่ ปัจจบุ ันมกี ารระบายน�้ำออกเพ่ือ คุณลกั ษณะ ระดบั
เปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินปีละ 20% (10,000 ไร่) ควบคุมการเกิดไฟไหม้ เกดิ ไฟปลี ะ 5,000 ไร่
มกี ารเกิดไฟปลี ะ 10% (5,000 ไร)่ (เดมิ )
ทางเลือกในการจัดการฟื้นฟูป่าพรุท่ีชุมชนให้ความ สง่ เสรมิ การปลกู พชื ดงั้ เดมิ เกิดไฟปีละ 1,000 ไร่
สำ� คัญในอันดับต้น ๆ ได้แก่ สรา้ งความชุ่มชน้ื ในพื้นที่ เกดิ ไฟปลี ะ 500 ไร่
แหง้ แล้ง ส่งเสริมปลี ะ 0 ไร่ (เดิม)
• ปอ้ งกันและควบคุมการเกิดไฟป่า เกดิ ค่าใช้จ่ายตอ่ ครวั เรอื น ส่งเสริมปลี ะ 50 ไร่
• ควบคุมการตัดต้นไมจ้ ากปา่ พรุ (หรือการสละแรงงาน) ส่งเสรมิ ปลี ะ 100 ไร่
• ส่งเสริมการปลกู พชื ดั้งเดมิ เช่น กระจูด สาคู ปีละ 0 ไร่ (เดิม)
• ฟืน้ ฟปู ่าพรุที่แห้งแล้งใหก้ ลบั มาชุ่มช้ืน และ ปลี ะ 50 ไร่
• จัดตง้ั กองทุนเพื่ออนรุ กั ษป์ ่าพรุเปน็ ต้น ปีละ 100 ไร่
ปลี ะ 0 บาท (เดิม)
ปลี ะ 1,500 บาท
(ปีละไม่เกนิ 5 วัน)
ปีละ 3,000 บาท
(ปลี ะไม่เกนิ 10 วัน)

การประเมินมลู คา่ ทางเศรษฐศาสตรด์ ้วยวิธกี ารทดลองทางเลอื ก (choice experiment – CE) ส�ำหรบั ระบบนเิ วศป่าพรใุ นปจั จบุ นั ยงั มี
ไมม่ ากนกั เมอื่ เทยี บกบั ระบบนเิ วศพน้ื ทช่ี มุ่ นำ�้ ประเภทอน่ื ๆ วธิ กี าร CE มกั นำ� มาใชส้ ำ� หรบั หาแนวทางในการจดั การปา่ พรทุ สี่ งั คมหรอื
ชมุ ชนใหค้ วามสำ� คญั (สรา้ งความพงึ พอใจสงู สดุ ) ในทนี่ ข้ี อยกตวั อยา่ งแบบงา่ ย ๆ โดยอาศยั ขอ้ มลู จากผลการสำ� รวจความคดิ เหน็ ของชมุ ชน
ในต�ำบลเครง็ อ�ำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ทีม่ ีต่อแนวทางการจัดการป่าพรใุ นอีก 3 – 5 ปขี า้ งหนา้ ในทน่ี ้ไี ดเ้ ลือกแนวทาง
การจัดการป่าพรุควนเคร็งท่ีชุมชนให้ความส�ำคัญสามอันดับแรก ได้แก่ การป้องกันและควบคุมการเกิดไฟป่า การส่งเสริมการปลูกพืช
ดั้งเดมิ ในปา่ พรุ และการฟน้ื ฟปู ่าพรุทแ่ี หง้ แลง้ ให้กลับมาชุ่มชืน้ แนวทางการจัดการป่าพรดุ งั กล่าวจะนำ� มาใช้กำ� หนดเป็น “คณุ ลกั ษณะ”
ของทางเลอื กในการจดั การปา่ พรุ ซงึ่ แตล่ ะคณุ ลกั ษณะจะมรี ะดบั ตา่ ง ๆ กนั สามารถระบรุ ะดบั ทเ่ี ปน็ ไปได้ โดยการกำ� หนดรว่ มกนั ของชมุ ชน
และหนว่ ยงานรบั ผดิ ชอบ

| 47

จากตัวอยา่ งขา้ งตน้ สามารถนำ� มาสรา้ งเปน็ ทางเลอื ก (choice) ซง่ึ มีองคป์ ระกอบเป็นคณุ ลกั ษณะของการจดั การปา่ พรทุ ง้ั หมด 4 ดา้ น
ประกอบดว้ ยการควบคุมการเกดิ ไฟไหม้ (forest fire) การสง่ เสรมิ การปลูกพืชดั้งเดิมในป่าพรุ (paludiculture) การสรา้ งความชุม่ ชืน้
ในพืน้ ท่ีแห้งแลง้ (re-wetting) และเกดิ ค่าใชจ้ า่ ยตอ่ ครัวเรอื นหรอื การสละแรงงาน (household cost) ซง่ึ แตล่ ะด้านมี 2 ระดับ ดังภาพ
ข้างต้น หากไม่นับรวมระดับที่บ่งช้ีถึงสถานการณ์ปัจจุบันหรือสถานการณ์เดิม (status quo) สามารถสร้างเป็นทางเลือกได้ทั้งหมด
24 = 16 ทางเลอื ก เมื่อสร้างตัวแบบการทดลอง fractional factorial design ซึง่ เป็นเทคนิคสุ่มเลือกตัวแบบท่ีครอบคลมุ คุณลักษณะ
ตา่ ง ๆ ในงานศึกษา โดยแต่ละทางเลือกมคี ณุ สมบัติทเ่ี ป็นอสิ ระต่อกันท�ำใหไ้ ด้ 8 ตัวแบบหรอื ทางเลือก ดงั นี้

ภาพท่ี 18 ทางเลอื กทก่ี ำ� หนดจาก fractional factorial design

48 |

เม่ือน�ำมาเขา้ ค่แู ละรวมกบั ทางเลือกซ่ึงเปน็ สถานการณ์เดมิ สามารถสรา้ งเป็นชุดทางเลอื กตา่ ง ๆ ได้ 4 ชดุ ทางเลอื ก โดยกำ� หนดให้แต่ละ
ชุดทางเลอื กมี 3 ทางเลือก ตวั อยา่ งตอ่ ไปนี้แสดงชุดทางเลอื กหนึ่งทอ่ี าจเกิดขึ้น เพอื่ นำ� ไปใชส้ ัมภาษณค์ รวั เรอื นในพ้ืนท่ี

ภาพท่ี 19 ตวั อยา่ งชดุ ทางเลอื ก ในวธิ กี าร CE

ขอให้ทา่ นเลอื กแนวทางในการจัดการปา่ พรทุ ่ีตรงความต้องการของท่านมากท่ีสุด
โดยใส่เคร่อื งหมาย

ประเด็นพจิ ารณา สถานการณ์เดมิ ทางเลือก A ทางเลือก B

ควบคมุ การเกดิ ไฟ เกิดไฟไหมป้ ลี ะ 5,000 ไร่ เกดิ ไฟไหม้ปลี ะ 500 ไร่ เกิดไฟไหม้ปีละ1,000 ไร่

สง่ เสริมการปลูกพืชดั้งเดิม ไมม่ กี ารสง่ เสรมิ ดำ� เนินการปลี ะ 50 ไร่ ด�ำเนนิ การปีละ 100 ไร่

สร้างความชมุ่ ช้ืนในพน้ื ท่ี ไมม่ กี ารด�ำเนินการ ดำ� เนนิ การปลี ะ 100 ไร่ ด�ำเนนิ การปีละ 100 ไร่
แห้งแล้ง

เกดิ คา่ ใช้จ่ายต่อครวั เรอื น ไมม่ ีค่าใช้จา่ ย ปีละ 3,000 บาท ปลี ะ 1,500 บาท
(หรอื การสละแรงงาน) หรอื การสละแรงงาน (ประมาณปลี ะ 10 วัน) (ประมาณปลี ะ 5 วนั )

ท่านเลือกทางเลอื กใด? เลอื ก เลอื ก เลอื ก

ในแบบสัมภาษณ์ส�ำหรับวธิ ีการ CE ผ้ปู ระเมินอาจจดั ทำ� ชดุ ทางเลือกไวห้ ลายชดุ เพือ่ ใหผ้ ู้ถกู สัมภาษณ์เลอื กตดั สินใจในแต่ละชดุ
ด้วยเหตุผลท�ำนองเดียวกับวิธีการ CV วิธีการ CE มีความเหมาะสมกับการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ของโครงการที่เกี่ยวข้องกับ
บริการทางนิเวศท่ีไม่สามารถจ�ำแนกออกจากกันได้อย่างชัดเจน ในขณะที่วิธีการ CV น�ำมาใช้ในการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์
เพื่อต้องการทราบผลจากการด�ำเนินนโยบายในภาพรวม เช่น เมื่อมีโครงการเกิดข้ึน ขณะท่ีวิธีการ CE สามารถประเมินมูลค่าทาง
เศรษฐศาสตร์ของแนวทางในการจัดการระบบนิเวศแต่ละด้าน ซึ่งผลการศึกษาสามารถน�ำไปใช้ในการก�ำหนดรูปแบบของการจัดการได้
หรอื กำ� หนดผลของการดำ� เนนิ นโยบายทเี่ กดิ ขน้ึ ในแตล่ ะดา้ น และในภาพรวม วธิ กี าร CE นา่ จะมคี วามเหมาะสมกบั การนำ� ไปใชว้ เิ คราะห์
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบทางเลือกในการก�ำหนดนโยบายอนุรักษ์ป่าพรุ อย่างไรก็ตาม งานศึกษาด้วยวิธีการทดลองทางเลือก (choice
experiment) ของระบบนิเวศป่าพรุ ยังมีไม่แพร่หลายมากนักเม่ือเทียบกับระบบนิเวศพ้ืนที่ชุ่มน้�ำประเภทอื่น ๆ ทั้งน้ีอาจเป็นเพราะ
ขอ้ มูลดา้ นคุณลกั ษณะทบี่ ง่ บอกถงึ เป้าหมายการจัดการหรือระดบั คุณภาพปา่ พรใุ นเชิงนิเวศหรอื กายภาพยงั มีไมเ่ พียงพอ

| 49


Click to View FlipBook Version