นิเทศภายใน คำนำ คู่มือนิเทศภายในโรงเรียนฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้ศึกษานิเทศก์ บุคลากรทางการศึกษาและโรงเรียน ในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 ได้นำไปใช้เป็นแนวทางในการนิเทศภายในโรงเรียน เพื่อสร้างรูปแบบและกระบวนการนิเทศติดตามและประเมินผลภายในโรงเรียนตามบริบทของแต่ละโรงเรียน ให้ดำเนินการได้อย่างเป็นระบบ เข้มแข็ง และเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เพื่อพัฒนาครูให้มีความรู้ทัน ต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ใช้ทักษะในการปฏิบัติการและมีเจตคติที่ดีต่อการปฏิบัติงาน อีกทั้งยังเป็นการสร้าง ขวัญกำลังใจ สร้างความมั่นใจในการปฏิบัติงานให้ครูซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนของครูให้มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้สูงขึ้น และคุณภาพของนักเรียน ได้ตามมาตรฐานที่โรงเรียนกำหนด คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษา ประกอบด้วยส่วนสำคัญ ได้แก่ บทที่ 1 บทนำ บทที่ 2 การนิเทศภายในโรงเรียน บทที่ 3 แนวทางการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน บทที่ 4 แนวทางการประเมินผลการนิเทศ บทที่ 5 การรายงานผลการนิเทศ บทที่ 6 บทสรุป ทั้ง 6 บท ที่กล่าวข้างต้น ล้วนมีความสำคัญในการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเป็นอย่างยิ่ง โรงเรียนทุกโรงเรียนสามารถนำไปปรับใช้ โดยการสร้างรูปแบบกระบวนการ และกิจกรรมการนิเทศของตนเอง ได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า “คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน” จะช่วยเติมเต็มความรู้ความเข้าใจ ที่จะเป็น ประโยชน์สำหรับการนิเทศภายในโรงเรียนได้เป็นอย่างดีขอขอบคุณผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา คณะผู้เชี่ยวชาญ และคณะทำงานทุกท่านที่ได้ให้กรอบแนวคิด ทฤษฎีในการจัดทำคู่มือการนิเทศภายในโรงเรียนฉบับนี้ สำเร็จเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์ด้วยดีตลอดจน ขอขอบคุณเจ้าของเอกสารสื่อต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการประกอบการค้นคว้าอ้างอิง หรือใช้เป็นส่วนหนึ่งของ เนื้อหาสาระในคู่มือฉบับนี้ กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา กลุ่มนิเทศ ติตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1
นิเทศภายใน สารบัญ หน้า คำนำ ก สารบัญ ข บทที่ 1 บทนำ 1 ความเป็นมาและความสำคัญ 1 หลักการและแนวคิดในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 4 วัตถุประสงค์ 4 เป้าหมาย 4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 5 บทที่ 2 การนิเทศภายในโรงเรียน 6 ความหมายของการนิเทศ 6 การนิเทศภายในโรงเรียน 7 ความหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน 8 จุดมุ่งหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน 9 หลักการนิเทศภายในโรงเรียน 11 ยุทธศาสตร์การนิเทศ 12 ขอบข่ายของการนิเทศภายในโรงเรียน 15 บทบาทของบุคลากรในการนิเทศ 16 บทบาทของผู้รับการนิเทศ 18 บทที่ 3 แนวทางการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน 19 กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน 19 เทคนิควิธีการนิเทศภายในโรงเรียน 31 บทบ าทของผู้เกี่ยวข้องกับก ารนิเทศภ ายในสถ านศึกษ า 40 คว ามสำเร็จของก ารนิเทศภ ายในสถ านศึกษ า 41 กิจกรรมและการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน 41การประชุมก่อนเปิดภาคเรียน 43การปฐมนิเทศ 44 การเยี่ยมนิเทศชั้นเรียน 45 การสังเกตการสอนในชั้นเรียน 50 การให้คำปรึกษาแนะนำ 61 การสนทนาทางวิชาการ 65 การประชุม 68 การศึกษาดูงาน 85 การจัดนิทรรศการ 89 มาตรฐานการนิเทศภายในโรงเรียน 90
นิเทศภายใน สารบัญ หน้า บทที่ 4 แนวทางการประเมินผลการนิเทศ 9 5 การประเมินผลการนิเทศภายในโรงเรียน 96 การประเมินผลการนิเทศตามมาตรฐานการนเทศภายในโรงเรียน 115 บทที่ 5 การรายงานผลการนิเทศ 119 การรายงานการนิเทศ 119 การรายงานการประเมินผลโครงการ 123 บทที่ 6 บทสรุป 127 บรรณานุกรม 130 ภาคผนวก 133 คณะผู้จัดทำ 135
1 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน บทที่ 1 บทนำ ๑. ความเป็นมาและความสำคัญ การพัฒนาคุณภาพศึกษาให้เกิดคุณภาพนั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นคุณภาพของผู้เรียน ที่เชื่อมั่นว่าคุณภาพ ผู้เรียนจะเกิดได้และบรรลุหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และมาตรฐาน การเรียนรู้และตัวชี้วัด (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 นั้น จะต้องมีกระบวนการสู่ความสำเร็จ มีองค์ประกอบและปัจจัยคือ คุณภาพของผู้เรียน ที่โรงเรียนต้องประกัน คุณภาพต่อผู้ปกครองและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียว่า ผู้เรียนจะต้องมีคุณภาพและมาตรฐานตามหลักสูตร มีทักษะ ที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 การพัฒนาคุณภาพการศึกษาจะสำเร็จได้ตามเป้าหมาย จำเป็นต้องมีองค์ประกอบ สำคัญในการพัฒนา คือ กระบวนการบริหาร กระบวนการจัดการเรียนรู้ และกระบวนการนิเทศ ที่ต้องร่วมกัน สนับสนุนส่งเสริมไปด้วยกันในลักษณะของ “เกลียวเชือก” กระบวนการนิเทศการศึกษา เป็นกระบวนการ ที่ทำให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุง กระบวนการเรียนการสอนของครู โดยมุ่งให้เกิดการจัดการเรียนรู้ ที่มีประสิทธิภาพส่งผลถึงคุณภาพของผู้เรียน กระบวนการนิเทศการศึกษาช่วยทำให้เกิดการพัฒนาคน พัฒนางาน สร้างการประสานสัมพันธ์และขวัญกำลังใจ ซึ่งต้องดำเนินงานให้ประสานสัมพันธ์กับกระบวนการ อื่นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้บรรลุตามเป้าหมาย ทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนถาวร ดังที่ สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน , 2549) กล่าวว่า “การจัดการที่ดีเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร การนิเทศที่ดีนำไปสู่การจัดการที่ดี” จะเห็นได้ว่า กระบวนการนิเทศการศึกษาในระดับสถานศึกษา คือ การนิเทศภายในโรงเรียน ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญ ในการ สนับสนุนการเรียนการสอนภายในโรงเรียน ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพของผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งเป็นหน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้บริหารสถานศึกษาต้องดำเนินการให้เกิดขึ้นภายในโรงเรียนและครู ได้ปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนภายในชั้นเรียนและโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้ง เป็นกระบวนการประกันคุณภาพของโรงเรียนว่า โรงเรียนสามารถบริการจัดการภายในโรงเรียนจนถึงเป้าหมาย สุดท้ายคือ คุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานหลักสูตรและเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนจะต้องมีกระบวนการสู่ความสำเร็จในการพัฒนา 3 กระบวนการ คือ กระบวนการบริหาร กระบวนการเรียนการสอนและกระบวนการนิเทศการศึกษา ซึ่งกระบวนการนิเทศการศึกษา เป็นภารกิจจำเป็นต่อการจัดการศึกษาที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคคล หลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน บุคลากรที่เกี่ยวข้องในหน่วยงาน จัดการศึกษา จำเป็นต้องพัฒนาและปรับปรุงตนเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การปฏิบัติงาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือ ชี้แนะ และพัฒนางานให้ประสบผลสำเร็จ ทันต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อีกทั้งเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ช่วยเหลือสนับสนุนให้กระบวนการบริหารและกระบวนการเรียนการสอนมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา ของประเทศ ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมระบบประกันคุณภาพการศึกษาที่ต้องพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ให้มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เพื่อเข้าสู่การปฏิรูปการศึกษาและการจัดการศึกษาในยุคประเทศไทย 4.0 ตลอด ทั้งมาตรฐานการศึกษาของชาติ ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีคุณภาพ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีทักษะ วิชาการทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต ทักษะการเป็นผู้นำและทักษะการนำไปสู่การสร้างนวัตกร กระบวนการ
2 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ขับเคลื่อน การพัฒนาคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน การนิเทศการศึกษาจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนา ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการการศึกษาในสถานศึกษา เพื่อให้ผู้บริหารและครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจในด้านการบริหารจัดการ ด้านหลักสูตร การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้ง การปฏิบัติงานอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ประกอบกับสภาพปัจจุบันของการจัดการศึกษาของแต่ละสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และรายงาน ผลการนิเทศของหน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า กระบวนการนิเทศ ภายในโรงเรียนมีความแตกต่างกัน มีทั้งปัจจัยที่เอื้อและปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการนิเทศ การนิเทศยังขาด ความต่อเนื่องและความเป็นเอกภาพที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุค ประเทศไทย 4.0 และการพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะและคุณลักษณะพื้นฐานของพลเมืองไทย มีทักษะและ คุณลักษณะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 นอกจากนั้น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายังมีความต้องการให้มี การพัฒนาระบบนิเทศภายในสถานศึกษาให้เข้มแข็งและต่อเนื่อง เพื่อเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ ทรัพยากรมนุษย์ ที่ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนโฉมบทบาท “ครู” ให้เป็นครูยุคใหม่ โดยปรับบทบาท จาก “ครูสอน” เป็น “โค้ช” หรือ “ผู้อำนวยการเรียนรู้” ทำหน้าที่กระตุ้น สร้างแรงบันดาลใจ แนะวิธีเรียนรู้ และวิธีการจัดระเบียบการสร้างความรู้ ออกแบบกิจกรรมและสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียน และมีบทบาทเป็นนักวิจัยพัฒนากระบวนการเรียนรู้เพื่อผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน และในแผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา ได้มุ่งเน้นกิจกรรมปฏิรูปที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภาคการศึกษาที่จะก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อผู้เรียนและประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rocks) ด้านการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน สู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ให้ความสำคัญกับการให้ครู/ อาจารย์มีสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ โดยสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้กำหนดให้มีการจัดทำข้อตกลง ในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่งและวิทยฐานะ ในส่วนของผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องมีสมรรถนะ ในการปฏิบัติงานระดับวิทยฐานะ และต้องสามารถพัฒนาครูให้มีสมรรถนะเต็มตามศักยภาพ เพื่อร่วม ขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา มีการสร้างความเข้มแข็งให้กับวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา พัฒนาให้มี ภาวะผู้นำทางวิชาการ บริหาร การเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนการสอน คุณภาพครู คุณภาพผู้เรียนและคุณภาพการศึกษา ผู้บริหารเข้าถึงครูและห้องเรียนมากขึ้น และกำหนดให้มี ระบบการประเมินตำแหน่งและ วิทยฐานะ ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา โดยการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนา งาน (PA) มีการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลงในแต่ละปี ซึ่งการจัดทำ PA ในสถานศึกษา ผู้บริหาร สถานศึกษาจะได้ทราบถึงจุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนาของครูและบุคลากรในสถานศึกษา ทาให้มีแนวทางในการ พัฒนาตนเอง พัฒนาครู เพื่อให้นาผลการพัฒนามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับการจัดการเรียนรู้และการพัฒนา ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ต่อไป ดังนั้น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 ตระหนักถึงความสำคัญของการนิเทศ ภายในจึงได้ดำเนินการพัฒนารูปแบบและระบบการนิเทศภายในโรงเรียน เพื่อเป็นการสร้างความรู้ให้แก่ ผู้บริหารและผู้นิเทศภายในโรงเรียน โดยการระดมความคิดจากศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารโรงเรียน ผู้บริหาร การศึกษาจัดทำเอกสารคู่มือการนิเทศภายในโรงเรียนฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้โรงเรียนนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทาง ดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน ทำให้โรงเรียนมีรูปแบบและกระบวนการนิเทศภายในที่เป็นระบบชัดเจน เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทั้งด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติงาน ให้ครูสามารถ จัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น
3 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน แผนภาพที่ 1 แนวคิด INNOVATION ในการพัฒนางานนิเทศการศึกษา แนวคิด INNOVATION ในการพัฒนางานนิเทศการศึกษา I : Integrated บูรณาการงานนิเทศการศึกษาร่วมกัน N : Network การทางานร่วมกันเป็นเครือข่าย N : Next normal ปรับการนิเทศวิถีใหม่ในชีวิตวิถีปกติต่อไป O : Operation by coaching การนิเทศการศึกษาด้วยการชี้แนะ/โค้ช V : Value เพิ่มคุณค่าด้วยนวัตกรรมสู่มาตรฐานวิชาชีพครู ผู้บริหาร และ ศึกษานิเทศก์ A : Area Based การบริหารจัดการโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน T : Technology/ นาเทคโนโลยีมาใช้ในการส่งเสริมการบริหารและการนิเทศ I : Information ใช้ข้อมูลสารสนเทศเป็นฐานในการนิเทศการศึกษา O : Organization การมีส่วนร่วมขององค์กรภาครัฐและเอกชน หน่วยงานภายนอก สถานประกอบการและแหล่งเรียนรู้ในพื้นที่ ที่มีส่วนร่วมในการจัด การศึกษา N : Novel and Adaptive Thinking ประยุกต์แนวความคิดใหม่สู่การสร้างนวัตกรรมการนิเทศการศึกษา
4 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ๒. หลักการและแนวคิดในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา แผนภาพที่ 2 หลักการและแนวคิดในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา การพัฒนาคุณภาพการศึกษาจะสำเร็จได้ตามเป้าหมาย จำเป็นต้องมีองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนา คือ กระบวนการบริหาร กระบวนการจัดการเรียนรู้และกระบวนการนิเทศ ที่ต้องรวมกันสนับสนุนส่งเสริม ไปด้วยกันในลักษณะของ “เกลียวเชือก” กระบวนการนิเทศการศึกษา (supervision) เป็นกระบวนการ ที่ทำให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุง กระบวนการเรียนการสอนของครู โดยมุ่งให้เกิดการจัดการเรียนรู้ ที่มีประสิทธิภาพส่งผลถึงคุณภาพของผู้เรียน กระบวนการนิเทศการศึกษาช่วยทำให้เกิดการพัฒนาคน พัฒนางาน สร้างการประสานสัมพันธ์และขวัญกำลังใจ ซึ่งต้องดำเนินงานให้ประสานสัมพันธ์กับกระบวนการ อื่นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้บรรลุตามเป้าหมายทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนถาวร ดังที่สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ๒๕๔๙ : ๕๒) กล่าวว่า “การจัดการที่ดีเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร การนิเทศที่ดีนำไปสู่การจัดการที่ดี” ๒.๑ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้โรงเรียนพัฒนารูปแบบและจัดกระบวนการนิเทศ ติดตามและประเมินผลภายในโรงเรียน ได้อย่างเป็นระบบ มีความเข้มแข็ง และเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น 2. เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของครูให้มีคุณภาพ 3. เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนให้สูงขึ้น ๒.๒ เป้าหมาย 1. โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 มีรูปแบบ กระบวนการ นิเทศ ติดตามและประเมินผลภายในโรงเรียนอย่างเป็นระบบ 2. ครูทุกคนในโรงเรียนได้รับการนิเทศภายใน 3. ปีการศึกษา 2556 ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ร้อยละ 5
5 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ๒.๓ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. โรงเรียนมีระบบการนิเทศภายในที่เข้มแข็ง 3. ครูได้รับการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ 4. ประโยชน์ต่อผู้บริหารในด้านการวางแผนพัฒนาหลักสูตร วิธีสอน สื่อ การวัดผลประเมินผล การพัฒนาบุคลากรของสถานศึกษา และการบริหารสถานศึกษาด้านอื่น ๆ 5. ประโยชน์ต่อครูและบุคลากรในสถานศึกษาในการพัฒนาความรู้ ความสามารถและพัฒนา พฤติกรรมการสอนของตนเองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 6. ประโยชน์ต่อนักเรียน ให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
6 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน บทที่ 2 การนิเทศภายในโรงเรียน ๑. ความหมายของการนิเทศ การนิเทศ (Supervision) คือ การช่วยเหลือ แนะนำ ปรับปรุง บริการ ให้ความร่วมมือ ประสานงาน ให้บุคคลที่ปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงานทำงานได้ดีขึ้น การนิเทศสามารถนำไปใช้กับงานที่ต้องอาศัยผู้ดูแล ตรวจตรา ให้คำแนะนำ คอยช่วยเหลือ บริการ และบริหารงาน เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ หากมองตามรูปศัพท์ SUPERVISION ชารี มณีศรี (2538: 14 – 15) สรุปจากศัพท์ภาษาอังกฤษไว้น่าสนใจว่า Support การสนับสนุน S Share การมีส่วนร่วม Service การบริการ Unity ความสามัคคี U Understanding ความเข้าใจ Upgrade การยกฐานะ Planning การวางแผน P Promotion การเลื่อนขั้น Problem - Solving การแก้ปัญหา Education การศึกษาหาความรู้ E Experiment การทดลอง Evaluation การวัดผล Research การวิจัย R Report การรายงาน Record การบันทึก Visiting การเยี่ยมเยียน V Value การรู้คุณค่า Virtue การมีคุณธรรม Improvement การปรับปรุง I Information การให้ข่าวสาร In-service - training การฝึกอบรม
7 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน Objective จุดประสงค์ O Observation การสังเกต Organization การจัดรูปงาน Needs ความต้องการ N Negotiation การประนีประนอม Necessity ความจำเป็น จากความหมายที่ใช้คำภาษาอังกฤษเรียบเรียงคำศัพท์และมีความหมายคล้ายคลึงใกล้เคียงกันลักษณะ งานการนิเทศที่ใช้ทั่ว ๆ ไป ผู้ทำหน้าที่นิเทศต้องมีความรู้ ประสบการณ์และเข้าใจงานของตนเองดีจึงจะทำ หน้าที่นิเทศผู้อื่นได้ คำศัพท์ดังกล่าวข้างต้นนั้นจึงบอกถึงลักษณะงานของการนิเทศได้เป็นอย่างดีชารี มณีศรี (2538: 15) ได้สรุปความหมายตามที่ Plundelt ได้ให้ไว้ดังนี้ Supervise แนะนำการใช้ทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด Utilize ใช้มวลทรัพยากรทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตโดยประหยัด Plan วางแผนการทำงานโดยตั้งวัตถุประสงค์และการสื่อความหมายที่มีประสิทธิภาพ Enforce ควบคุมนโยบาย กฎระเบียบและมาตรฐานการทำงาน Relate สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานทั้งกลุ่มและบุคคล Validate ดูแลให้ความเป็นธรรมต่อผู้ใต้บังคับบัญชา Instruct สอนกลวิธีและทักษะ ประสบการณ์ Show แสดงลักษณะความเป็นผู้นำ Organize จัดระบบงานและประสานการทำงาน Regulate วางหลักปฏิบัติในการทำงาน ๒. การนิเทศภายในโรงเรียน การนิเทศภายในโรงเรียน เป็นกิจกรรมสำคัญที่สุดในการสนับสนุนการเรียนการสอนภายในโรงเรียน ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่สำคัญของผู้บริหารสถานศึกษาต้องดำเนินการให้เกิดขึ้น ภายในโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และครูได้ปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนภายในชั้นเรียน รวมทั้งเป็นกระบวนการประกันคุณภาพของโรงเรียนว่า โรงเรียนสามารถบริการจัดการภายในโรงเรียน จนถึงเป้าหมายสุดท้าย คือ คุณภาพผู้เรียนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานหลักสูตรและเป้าหมายที่ตั้งไว้รวมทั้ง โรงเรียนและบุคลากรในโรงเรียนเป็นที่ยอมรับจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งไทลาฮัน (Tilahun, 1998 : 2168 : A) ได้ทำการวิจัยเรื่อง การจัดกิจกรรมการนิเทศภายในที่พึงประสงค์ของประเทศเอธิโอเปีย กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ครู ศึกษานิเทศก์นักวิชาการ ผลการวิจัย พบว่า การจัดกิจกรรมการนิเทศภายในสถานศึกษาเรียงลำดับ จากมากไปหาน้อย คือ การฝึกอบรม แนะนำ การฝึกปฏิบัติการสาธิตการสอนโดยศึกษานิเทศก์การประชุม กลุ่มย่อยของครู การเยี่ยม ชั้นเรียน การสังเกตการสอน ครู ศึกษานิเทศก์นักวิชาการมีความเห็นสอดคล้องกัน ว่า การจัดกิจกรรมการนิเทศภายในสถานศึกษาจัดอยู่ในระดับปานกลาง บัลลิส (Bullis, 1980 : 35) ได้วิจัยเรื่อง การรับรู้บทบาทการนิเทศของครูใหญ่ในโรงเรียน ประถมศึกษา โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาบทบาทของการนิเทศ วิธีการนิเทศโดยใช้แบบสอบถาม พบว่า ผู้รับผิดชอบมาก คือ ครูใหญ่และผู้ช่วยครูใหญ่ ครูผู้สอนทำหน้าที่ส่วนนี้น้อย ส่วนเทคนิคที่ได้ผล ได้แก่ วิธีเยี่ยมชั้นเรียน การประชุมร่วมกับคณะครู
8 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน เชสเตอร์(Chester, 1996 : 284 - 288) ได้ศึกษา การบริหารงานวิชาการของผู้บริหารการศึกษา ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า พฤติกรรมที่ทำให้การบริหารงานวิชาการของผู้บริหารมีสมรรถนะสูง เนื่องมาจากการส่งเสริมให้ครูมีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น ได้แก่ การส่งเสริมให้ครูใช้เทคนิคการสอน หลากหลายวิธี อภิปรายปัญหาการปรับปรุงการสอนในที่ประชุม จัดปฐมนิเทศเพื่อช่วยครูใหม่ จัดให้มีการ อบรมความรู้เกี่ยวกับวิชาการศึกษาเพิ่มเติมแก่ครู เพื่อปรับปรุงเทคนิคการสอน เชมัว และลี (Seymour and Lee, 1999 : บทคัดย่อ) ศึกษาเกี่ยวกับคู่มือนิเทศการสอนในชั้นเรียน ของครูใหญ่ พบว่า ครูใหญ่หรือผู้บริหารควรนิเทศการสอน และควรเพิ่มทักษะเกี่ยวกับการใช้หลักสูตรให้กับ ครูผู้สอน รวมใช้กลยุทธในการร่วมมือกันในการนิเทศการสอน การนิเทศภายในโรงเรียน ศึกษานิเทศก์จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้ระบบการนิเทศภายใน โรงเรียนเกิดขึ้นด้วยภารกิจบทบาทหน้าที่ของศึกษานิเทศก์และจำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถและทักษะ ในการสร้างระบบนิเทศภายในโรงเรียน ในเรื่อง ๑) ความหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน ๒) จุดมุ่งหมาย ของการนิเทศภายในโรงเรียน ๓) หลักการของการนิเทศภายในโรงเรียน ๔) ขอบข่ายของการนิเทศภายใน โรงเรียน ๕) กระบวนการและขั้นตอนการนิเทศภายในโรงเรียน ๖) เทคนิค/วิธีการนิเทศภายในโรงเรียน และ ๗) กิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียน ๓. ความหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน การนิเทศการศึกษาภายในโรงเรียน เป็นกิจกรรมสำคัญที่สุดในการสนับสนุนการเรียนการสอนภายใน โรงเรียนให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการยั่วยุให้ผู้บริหารสถานศึกษาซึ่งเป็นหน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่ง ของผู้บริหารสถานศึกษาต้องดำเนินการให้เกิดขึ้นภายในโรงเรียนและครูปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน ภายในชั้นเรียนและโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คำว่า “การนิเทศ” มาจากภาษาอังกฤษว่า “Supervision” ความหมายตามพจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ หมายถึง ชี้แจงแสดง จำแนก (ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๔๒ : ๔๔๑) ดุสิต ทิวถนอม (2540: 4) กล่าวไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียน ประกอบด้วย กิจกรรมการบริหาร และวิธีการต่าง ๆ ที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนและการทำงานของครูให้มีประสิทธิภาพ สุเทพ เมฆ (2540: 47) กล่าวว่า การนิเทศการศึกษาหมายถึง การช่วยเหลือแนะนำ ให้การ สนับสนุนให้ความร่วมมือในการดำเนินการนิเทศและสนับสนุนภาคปฏิบัติ ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดการศึกษาดำเนิน ไปอย่างมีคุณภาพ กิตติมา ปรีดิลก (2541: 262) กล่าวไว้ว่า การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการให้คำชี้แนะ แนะนำ ให้ความร่วมมือต่อกิจกรรมของครูในการปรับปรุงการเรียนการสอนให้บรรลุผลตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2541: 51) ได้ให้ความหมายของการนิเทศ ภายในโรงเรียนว่าหมายถึง การส่งเสริม สนับสนุน ให้ความช่วยเหลือครูในโรงเรียนให้ประสบความสำเร็จ ในการปฏิบัติงานตามภารกิจ คือ การสอน หรือการสร้างเสริมพัฒนาการของนักเรียนทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมให้เต็มตามวัยและตามศักยภาพโดยความร่วมมือของบุคลากรในโรงเรียน ชารี มณีศรี (2542: 22) ได้กล่าวไว้ว่า การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาการเรียนการสอน ให้ดีขึ้น และเป็นความร่วมมือกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ
9 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน นริศรา อุปกรณ์ศิริการ (2542: 16) กล่าวว่า การนิเทศการศึกษาเป็นความร่วมมือและประสานงาน ของบุคลากรทางการศึกษาในการพัฒนา เพื่อปรับปรุงคุณภาพการจัดการเรียนการสอนของครู อันจะทำให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ เยาวพา เดชะคุปต์ (2542: 86) กล่าวว่า การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการ เป็นการปฏิบัติงาน ร่วมกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้รับการนิเทศเกิดการพัฒนา มีผลให้ผู้เรียน เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น วัชรา เล่าเรียนดี (2550: 120) กล่าวถึงการนิเทศภายในโรงเรียนว่า เป็นกระบวนการนิเทศ การศึกษาและกิจกรรมต่าง ๆ ที่มุ่งพัฒนาการเรียนการสอนที่ดำเนินการในโรงเรียน โดยบุคลากรในโรงเรียน เป็นหลักซึ่งประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน คณะครู และบุคลากรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา ของโรงเรียนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนโดยตรง ฉวีวรรณ พันวัน (2552: 9) สรุปว่า การนิเทศการศึกษาหมายถึง กระบวนการร่วมกันทางการศึกษา ของผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด แก่ผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ ตามจุดประสงค์ของหลักสูตร จากความหมายของการนิเทศภายในโรงเรียนดังกล่าว สรุปได้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง กระบวนการดำเนินงานร่วมกันระหว่างบุคลากรทุกคนในโรงเรียน เพื่อการแก้ไข ปรับปรุงและพัฒนางาน ในวิชาชีพครูให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ส่งผลให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพตามเป้าหมาย การศึกษาที่กำหนดและมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น ๔. จุดมุ่งหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน ในการดำเนินงานนิเทศภายในโรงเรียนจำเป็นต้องมีจุดมุ่งหมายในการดำเนินงาน เพราะจุดมุ่งหมาย ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถมองเห็นแนวทางในการทำงาน ซึ่งจะช่วยให้การนิเทศบรรลุผล มีนักการศึกษา ได้กำหนดจุดมุ่งหมายของการนิเทศภายในโรงเรียนไว้ดังนี้ จำรัส นองมาก (2532: 8) กล่าวว่า การนิเทศภายในโรงเรียนมีความมุ่งหมายเพื่อให้ประสิทธิภาพ การสอนของครูเพิ่มขึ้น ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนซึ่งเป็นผลจากการสั่งสอนของครูในโรงเรียนก็จะสูงขึ้นด้วยครู มีทัศนคติที่ดีต่อหน่วยงาน มีความพึงพอใจที่จะกระทำหน้าที่ของตนให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2534: 9) ได้กำหนดจุดมุ่งหมายของการนิเทศ ภายในโรงเรียนไว้ดังนี้ 1. เป็นการช่วยให้ครูผู้สอนสามารถปรับปรุงตนเองและกิจกรรมการเรียนการสอน 2. สามารถพัฒนาพฤติกรรม บุคลิกภาพการสอนของครูให้ดีขึ้น 3. สนับสนุนความรู้ความสามารถของครูในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 4. กำกับ ควบคุม ติดตามผลการปฏิบัติงานของครูในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง 5. ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการทำงานร่วมกันเป็นคณะ ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2535: 264 - 265) กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาไว้ดังนี้ 1. เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการบริหารและงานวิชาการของสถานศึกษา 2. เพื่อการบริหารงานวิชาการในสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 3. เพื่อสำรวจ วิเคราะห์ วิจัยและประเมินผล เพื่อปรับปรุงคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา 4. เพื่อพัฒนาหลักการและสื่อการเรียนการสอนให้ได้มาตรฐาน และทำเอกสารทางวิชาการ ให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของสถานศึกษาและครู
10 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 5. เพื่อพัฒนาบุคลากรโดยเฉพาะครูผู้สอนให้มีความรู้ มีทักษะและประสบการณ์อันจำเป็น ที่จะนำไปใช้ในการเรียนการสอน การจัดการศึกษา อีกทั้งให้ครูสามารถแก้ปัญหาได้ วไลรัตน์ บุญสวัสดิ์ (2538: 64) ได้กำหนดความมุ่งหมายของการนิเทศภายในโรงเรียนไว้ดังนี้ 1. เพื่อช่วยเหลือครูในการพัฒนาและปรับปรุงตนเอง 2. เพื่อส่งเสริมให้มีการปรับปรุงหลักสูตร 3. เพื่อช่วยเหลือครูในการปรับปรุงการสอนของตนให้ดีขึ้น 4. เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่มีอยู่ในโรงเรียนได้ช่วยเหลือเพื่อนครู 5. เพื่อส่งเสริมให้คณะครูมีความสนใจในวัสดุอุปกรณ์การสอน 6. เพื่อส่งเสริมให้คณะครูมีความเข้าใจเกี่ยวกับเด็กนักเรียนให้ดีขึ้น 7. เพื่อช่วยเหลือครูในการประเมินผลนักเรียน 8. เพื่อส่งเสริมยั่วยุให้ครูรู้จักการประเมินผลโครงการ ผลการปฏิบัติงาน และความก้าวหน้า ในวิชาชีพของตน 9. เพื่อช่วยให้ครูประสบความสำเร็จและรู้สึกมั่นคง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กำหนดจุดมุ่งหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน ไว้ดังนี้(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ๒๕๔๗ : ๑๘๐-๑๘๑ ก) ๑. เพื่อให้การศึกษามีศักยภาพในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน หลักสูตรและให้เป็นไปตามแนวทางของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ๒. เพื่อให้สถานศึกษาสามารถบริหารและจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีคุณภาพ ๓. เพื่อพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความต้องการ ของชุมชนสังคม ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทุกด้าน ๔. เพื่อให้บุคลากรในสถานศึกษาได้เพิ่มพูนความรู้ทักษะและประสบการณ์ในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้และการปฏิบัติงาน ตลอดจนความต้องการในวิชาชีพ ๕. เพื่อส่งเสริมให้สถานศึกษาปฏิรูประบบบริหาร โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจและร่วมรับผิดชอบ ชื่นชมในผลงาน สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (๒๕๔๑ : ๕๕) ได้กำหนดจุดหมายการนิเทศ ภายในไว้ว่า ๑. เป็นการช่วยให้ครูผู้สอนสามารถปรับปรุงตนเอง และกิจกรรมการเรียนการสอน ๒. สามารถพัฒนาพฤติกรรม บุคลิกภาพการสอนของครูให้ดีขึ้น ๓. สนับสนุนความรู้ความสามารถของครูในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ๔. กำกับ ควบคุม ติดตามผลการปฏิบัติของครูในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง ๕. ส่งเสริมความสร้างสรรค์และการทำงานร่วมกันเป็นคณะ สรุปได้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียนมีจุดมุ่งหมายให้ช่วยเหลือ ประสานงานให้บุคลากรในโรงเรียน ได้ปรับปรุงตนเอง ทั้งด้านการสอน บุคลิกภาพ สร้างขวัญและกำลังใจ ตลอดจนความพึงพอใจในการทำงาน ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนและการรักษาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ตลอดจนการพัฒนาวิชาชีพครูให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
11 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ๕. หลักการนิเทศภายในโรงเรียน หลักการและแนวคิดที่สำคัญของการนิเทศภายในโรงเรียน มีนักวิชาการและนักการศึกษาหลายท่าน ได้ทำการศึกษาไว้ดังนี้ สงัด อุทรานันท์ (2538: 23 - 24) ได้กล่าวถึงหลักการนิเทศภายในโรงเรียนว่า การนิเทศการศึกษา เป็นงานในความรับผิดชอบของผู้บริหารโดยตรง ทั้งนี้ ผู้บริหารอาจจะดำเนินการด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้ ผู้อื่นดำเนินการแทน ซึ่งการนิเทศภายในโรงเรียนจะสำเร็จลงได้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจาก 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิเทศ และฝ่ายรับการนิเทศ แต่ถ้าหากขาดความร่วมมือจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้ว การนิเทศ จะไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จ บุคลากรในโรงเรียนต้องตระหนักและเข้าใจว่า การนิเทศภายในโรงเรียน เป็นการทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยพัฒนาเพื่อนร่วมงานให้มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานสูงขึ้น ทั้งนี้ต้องยอมรับและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ในสภาพความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครมีความเชี่ยวชาญในทุก ๆ ด้าน ดังนั้น จึงควรจะได้แลกเปลี่ยนและถ่ายเทความเชี่ยวชาญให้แก่ผู้ร่วมงานให้มีความรู้สูงขึ้น จะต้องเกิดจาก ความจำเป็นในการแก้ปัญหา หรือสนองความต้องการในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน รวมทั้ง การสร้างขวัญและกำลังใจของผู้บริหารจะมีผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ปฏิบัติงาน สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2541: 52 - 53) ได้กล่าวถึงหลักของการนิเทศ ไว้คล้ายกัน แต่เพิ่มเติมก็คือ การนิเทศภายในโรงเรียน ผู้นิเทศประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน ผู้ช่วยผู้บริหาร หัวหน้าหมวดวิชา ครูผู้ร่วมนิเทศ ครูแกนนำ ดำเนินการโดยใช้ภาวะผู้นำ ทำให้เกิดความร่วมมือ ผู้ถูกนิเทศ ให้ความไว้วางใจ เต็มใจในการพัฒนาหรือการเปลี่ยนแปลง ลงมือปฏิบัติจริง ทดลองใช้เครื่องมือและวิธีการ ที่ร่วมกันคิด ทั้งนี้ การดำเนินการต้องเป็นไปอย่างมีระบบ คือ ต้องกำหนดเป้าหมาย จุดมุ่งหมาย การวางแผน การลงมือปฏิบัติตามแผน และการประเมินผล กระบวนการนิเทศจะต้องยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และใช้หลักการปฏิบัติเน้นการปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ มีการควบคุม กำกับ ติดตามผลการดำเนินงาน อย่างใกล้ชิด เยาวพา เดชะคุปต์ (2542: 134 - 135) ได้กล่าวสรุปไว้ถึงหลักการนิเทศภายในโรงเรียน ที่ผู้เกี่ยวข้องน่าจะต้องยึดเป็นแนวปฏิบัติ ซึ่งสรุปได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้ 1. การนิเทศภายในโรงเรียนนั้นเป็นภารกิจที่ผู้บริหารจะต้องรับผิดชอบและมีส่วนร่วมรับรู้ ต่อความก้าวหน้าของครูในโรงเรียนที่มีผลสืบเนื่องมาจากโรงเรียน 2. โรงเรียนต้องปฏิบัติงานร่วมกันและใช้วิถีของประชาธิปไตยในการดำเนินงาน กล่าวคือ มีความเคารพในเหตุผลซึ่งกันและกัน เป็นความร่วมมือร่วมใจและใช้วิธีการแก้ปัญหา แบบวิทยาศาสตร์ 3. โรงเรียนต้องเริ่มต้นด้วยการรับรู้ถึงสภาพปัญหาที่แท้จริงเสียก่อน แล้วจึงกำหนดแผน หรือแนวทางในการแก้ปัญหานั้น ๆ 4. โรงเรียนต้องมุ่งเพื่อปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนที่ไม่ใช่การจับผิด จึงต้องพยายาม ให้บุคลากรทุกฝ่ายเข้าใจและดำเนินงานให้เป็นไปตามอุดมการณ์ 5. บุคลากรในโรงเรียนต้องยอมรับถึงความจริงว่าไม่มีใครที่มีความสามารถหรือเชี่ยวชาญ ไปทุกเรื่อง 6. โรงเรียนจะต้องมุ่งเน้นการสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีต่อกัน ทำให้งานบรรลุวัตถุประสงค์ มงคล สุภกรรม (2546: 13) สรุปหลักการนิเทศภายในโรงเรียนว่า ต้องมีวิธีการดำเนินการที่ชัดเจน และเป็นขั้นตอน โดยวิธีการดำเนินการนั้นต้องสามารถสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อพัฒนา
12 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ยุทธศาสตร์การนิเทศ ความก้าวหน้าและเป็นการส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รวมทั้งความเป็นประชาธิปไตย เพื่อให้โรงเรียน มีคุณภาพอย่างชัดเจน ธีรศักดิ์ เลื่อยไธสง (2546: 2) ได้เสนอหลักการของการนิเทศภายในโรงเรียนไว้ดังนี้ 1. ดำเนินการตามกระบวนการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง 2. ส่งเสริมให้ครูทุกคนมีส่วนร่วมและรับผิดชอบ 3. กิจกรรมการนิเทศตรงกับความต้องการจำเป็นในการพัฒนาครู 4. จัดสภาพแวดล้อมและแหล่งวิทยาการให้เอื้อต่อการดำเนินงาน 5. สร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีและเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่ครู ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า หลักการนิเทศภายในโรงเรียนก็คือ ผู้นิเทศต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักการ และกระบวนการนิเทศอย่างถูกต้อง ตรงประเด็น มีระบบ และเป็นขั้นตอนที่ชัดเจน ทั้งนี้ กระบวนการนิเทศ ที่เกิดขึ้นจะต้องเกิดจากความร่วมมือของคณะครูทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียน เป็นไปเพื่อการส่งเสริม พัฒนากระบวนการเรียนการสอนของครู การนิเทศการศึกษานั้นควรมีการบริหารเป็นกระบวนการเชิงระบบ มีการวางแผนการดำเนินงาน มีขั้นตอนในการปฏิบัติงานชัดเจน ยึดถือหลักของการมีส่วนร่วมในการทำงาน มีความเป็นประชาธิปไตย ดำเนินงานเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ มีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเรียนการสอน สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดีขึ้น สร้างความผูกพันและความมั่นคงต่องานอาชีพ รวมทั้งส่งเสริมพัฒนา วิชาชีพครูของตนเอง พร้อมที่จะรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ๖. ยุทธศาสตร์การนิเทศ การจัดการศึกษาในโรงเรียน มุ่งพัฒนาเพื่อให้นักเรียนเป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ทำประโยชน์ ให้ส่วนรวม มีคุณภาพตามเป้าหมายการจัดการศึกษาของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพและบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนจะเกิดขึ้นได้นั้นสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาจำเป็นต้องมีการนิเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งในกระบวนการดำเนินงาน โดยมี ยุทธศาสตร์ที่สำคัญเป็นหลักการในการดำเนินงานการนิเทศ คือ การมีส่วนร่วมและทำงานอย่างเป็นระบบ รายละเอียดดังต่อไปนี้ ยุทธศาสตร์การนิเทศ แผนภาพที่ 3 ยุทธศาสตร์การนิเทศ การมีส่วนร่วม การทำงานอย่างเป็นระบบ
13 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน การมีส่วนร่วม ลักษณะการนิเทศแบบมีส่วนร่วม 1. การมีส่วนร่วม การนิเทศเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศที่มีทั้งผู้ร่วมคิด ร่วมทำ ช่วยเหลือพึ่งพาด้วยปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกัน ให้เกียรติและจริงใจต่อกัน ซึ่งการทำงานด้วยหลักการมีส่วนร่วม มีคุณลักษณะสำคัญ 5 ประการ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการนิเทศการศึกษา ซึ่งมีแนวทางดังต่อไปนี้ แนวทางการนิเทศแบบมีส่วนร่วม 1. การสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้นิเทศ 2. การสร้างภาพพจน์การทำงาน กับผู้รับการนิเทศ ที่ดีเลิศ การสร้างเจตคติที่ดีต่อการนิเทศ 3. การสร้างปัจจัยแห่งความสำเร็จ การกำหนดเป้าหมาย/ผลสำเร็จ ในการทำงานร่วมกัน การพิจารณาบุคลากร/คณะบุคลากร 4. การสร้างศูนย์รวมการป้องกัน ร่วมรับผิดชอบ การแก้ไขและการพัฒนางาน การพิจารณา/หาวิธีการดำเนินงาน 5. การสร้างเครือข่ายการร่วมคิด การกำหนดแนวทาง การร่วมกันทำงาน ร่วมทำ รับผลประโยชน์ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่ต้องการ และร่วมเผยแพร่การทำงาน การหาวิธีการเสริมแรงจูงใจ ให้รางวัล แก่ผู้ทำงาน การกำหนดแนวทางการนิเทศภายใน ติดตาม ประเมินผลการทำงานร่วมกัน แผนภาพที่ 4 แนวทางการนิเทศแบบมีส่วนร่วม 2. การทำงานอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนการทำงานที่สำคัญ 5 ขั้นตอน คือ 2.1 วิเคราะห์ปัญหาตามความต้องการจำเป็น 2.2 วิเคราะห์ทางเลือกในการแก้ปัญหาและพัฒนา 2.3 เลือกทางเลือกที่เหมาะสมและวางแผน 2.4 ดำเนินการตามแผน 2.5 ประเมินผลการดำเนินงาน
14 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 ขั้นตอนการทำงานเชิงระบบ การนิเทศภายในเชิงระบบ นิเทศภายใน 1. วิเคราะห์ปัญหา ตามความต้องการจำเป็น 2. วิเคราะห์ทางเลือกในการ แก้ปัญหา/พัฒนา 3. เลือกทางเลือก ที่เหมาะสมและวางแผน 4. ดำเนินการตามแผน 5. ประเมินผลการ ดำเนินงาน แนวทางการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบ 1. การสร้างความเข้าใจระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ 7. การรายงานการนิเทศ แผนภาพที่ 5 แนวทางการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบ ยุทธศาสตร์การนิเทศภายในโรงเรียน การนิเทศภายในโรงเรียน มียุทธศาสตร์ในการดำเนินงานดังนี้ 1. สร้างภาพปลายทางให้ชัดเจน ภาพปลายทาง หมายถึง ภาพความสำเร็จที่ต้องการให้เกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งต้องกำหนดไว้ ให้ชัดเจน ตลอดจนให้ครูทุกคนมองภาพความสำเร็จนี้ให้ตรงกัน เข้าใจตรงกัน เพื่อร่วมมือกันพัฒนามุ่งไปสู่ สภาพความสำเร็จที่กำหนดนั้น 2. สร้างภาพงานที่ชัดเจนตลอดแนว ภาพงาน หมายถึง การกำหนดภาระงานที่จะต้องวางแผนการดำเนินการร่วมกันให้มุ่งสู่ สภาพความสำเร็จที่กำหนดไว้ว่าจะต้องพัฒนาใคร ในเรื่องใด และพัฒนาอย่างไร 3. การวางแผนการนิเทศ 2. การหาความต้องการจำเป็นของการนิเทศภายใน 4. การเตรียมการนิเทศ 5. การปฏิบัติการนิเทศ 6. การประเมินและปรับปรุงการนิเทศ
15 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ๗. ขอบข่ายของการนิเทศภายในโรงเรียน การนิเทศภายในโรงเรียนเป็นการนิเทศกระบวนการปฏิบัติงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามขอบข่ายและภารกิจของการบริหารจัดการโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้บริหารโรงเรียน เพื่อให้บรรลุผลตามภารกิจของโรงเรียนอย่างมี ประสิทธิภาพ ประกอบด้วยงาน 4 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านวิชาการ งานด้านวิชาการ เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการนำหลักสูตรไปใช้ให้บรรลุผลตามจุดมุ่งหมาย ของหลักสูตรสถานศึกษา ตลอดจนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ได้แก่ 1.1 การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา 1.2 การนำหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้และการออกแบบการจัดการเรียนรู้ 1.3 การส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูจัดทำและใช้แผนการจัดการเรียนรู้ 1.4 การจัดการเรียนการสอนตามแนวปฏิรูปการเรียนรู้แบบบูรณาการและเน้นทักษะการคิด 1.5 การจัดหา พัฒนาสื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา 1.6 การสนับสนุนให้ครูผลิตและใช้สื่อการเรียนรู้ 1.7 การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร 1.8 การจัดมุมหนังสือ ห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน 1.9 การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง 1.10 การสอนซ่อมเสริม 1.11 การวิจัยเพื่อพัฒนาการศึกษา 1.12 การประกันคุณภาพการศึกษา 1.13 การส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูจัดทำแฟ้มข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคล 1.14 การประเมินคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน 1.15 การจัดศูนย์โสตทัศนูปกรณ์ 1.16 การจัดบริการแนะแนว 2. ด้านบริหารบุคคล งานด้านบริหารบุคคลนั้นเป็นการจัดดำเนินการเพื่อให้บุคลากรในโรงเรียนได้รู้และเข้าใจ หน้าที่และความรับผิดชอบของตน กำกับ ติดตาม ตรวจสอบ ดูแลช่วยเหลือให้ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย ให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างบรรยากาศการทำงานให้ผู้ร่วมงานทุกคนเกิดความสำนึก ในหน้าที่ที่รับผิดชอบ สร้างความร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติงาน ส่งเสริมให้บุคลากรในโรงเรียนพัฒนาตนเอง ให้มีความสามารถในการปฏิบัติงานสูงขึ้น ได้แก่ 2.1 การวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่ง 2.2 การกำหนดความต้องการ หน้าที่และความรับผิดชอบของบุคลากร 2.3 การมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบ 2.4 การปฐมนิเทศบุคลากรใหม่ 2.5 การจัดสวัสดิการ 2.6 การนิเทศ ติดตามการปฏิบัติงาน 2.7 การพัฒนาบุคลากร 2.8 การส่งเสริมให้นักเรียนได้ศึกษาต่อ
16 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 2.9 การประเมินผลการปฏิบัติงาน 2.10 การพิจารณาความดีความชอบ 2.11 การกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานของบุคลากร 2.12 งานวินัยและนิติกร 3. ด้านบริหารทั่วไป งานด้านบริหารทั่วไปเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับระบบสำนักงาน ซึ่งต้องมีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ และวิธีการที่แน่นอน ได้แก่ 3.1 งานธุรการและสารบรรณ 3.2 งานทะเบียนและรายงาน 3.3 งานข้อมูลและสารสนเทศ 3.4 งานจัดทำแผนปฏิบัติการและการจัดระบบการศึกษา 3.5 งานอาคารสถานที่ สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย 3.6 งานประชาสัมพันธ์ 3.7 งานสวัสดิการ 3.8 งานพระราชบัญญัติการศึกษา 3.9 งานระเบียบ กฎหมาย กฎกระทรวงและข้อปฏิบัติต่าง ๆ 3.10 กิจกรรม 5 ส. 4. ด้านงบประมาณ งานด้านงบประมาณเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับระบบการเงินและพัสดุ ได้แก่ 4.1 งานงบประมาณ 4.2 งานจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี 4.3 งานจัดตั้งและการของบประมาณประจำปี 4.4 งานเบิกจ่ายงบประมาณ 4.5 งานรายงานการใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปี 4.6 การตรวจสอบ ติดตามและประเมินประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณ 4.7 การบริหารงานการเงิน 4.8 การบริหารงานการบัญชี 4.9 การบริหารงานพัสดุ 4.10 ระบบทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา ๘. บทบาทของบุคลากรในการนิเทศ การส่งเสริมให้กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียนดำเนินไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ บทบาทของบุคลากรในการนิเทศนับว่ามีความสำคัญในการใช้บทบาทที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการนิเทศ แบบใด มีวิธีการนิเทศตามขั้นตอนของแต่ละกิจกรรมอย่างไรที่จะนิเทศ บุคลากรการนิเทศ บุคลากรการนิเทศ หมายถึง ผู้บริหาร และคณะกรรมการการนิเทศของโรงเรียนแต่ละแห่ง มีบทบาทและภารกิจสำคัญ ดังนี้
17 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 1. บทบาทในการส่งเสริมและจัดให้มีการนิเทศภายในโรงเรียน เพื่อให้เกิดการพัฒนาตนเอง สามารถดำเนินงานตามนโยบายได้ถูกต้อง ทำหน้าที่นิเทศภายในโรงเรียนได้อย่างสมบูรณ์ 2. บทบาทในการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อพัฒนาศักยภาพครู โดยเฉพาะ การจัดการเรียนรู้ให้ดีขึ้น ส่งเสริมให้ใช้นวัตกรรม/เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ นำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับครู ในโรงเรียน 3. บทบาทในการจัดประชุมอบรมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การประชุมปฏิบัติการ การสัมมนา อภิปรายกลุ่ม เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมให้ครูมีโอกาสเข้ารับการอบรมพัฒนาวิชาชีพ นำทักษะความรู้ มาปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. บทบาทในการติดตามประเมินผล ซึ่งจะช่วยให้ครูพัฒนาศักยภาพได้ดีขึ้น การประเมิน เพื่อนำผลที่ได้มาปรับปรุงแก้ไขให้เกิดการพัฒนาเชิงสร้างสรรค์ 5. บทบาทในการใช้กลุ่มโรงเรียน สมาคมวิชาชีพ เครือข่ายเป็นแนวทาง ให้เกิดประโยชน์ แก่ครูในโรงเรียน โดยใช้กลุ่มโรงเรียน เครือข่ายช่วยเหลือด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การจัดประชุมทางวิชาการ การศึกษาเอกสาร การศึกษาดูงาน เป็นต้น 6. บทบาทในการสร้างครูต้นแบบในสาขาวิชาต่าง ๆ ซึ่งก่อให้เกิดการพัฒนาเป็นแบบอย่าง แก่ครูทั่วไปได้ คณะกรรมการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน คณะกรรมการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง บุคลากรที่อยู่ในโรงเรียน ได้แก่ ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน ครูหัวหน้ากลุ่มงานต่าง ๆ ครูหัวหน้าระดับชั้น หรือหัวหน้า กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมไปถึงครูที่มีความรู้ความสามารถ มีความชำนาญ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ด้านวิชาการ มีความรับผิดชอบสูง มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เป็นที่ยอมรับของเพื่อนครู คณะกรรมการดำเนินการ นิเทศภายในโรงเรียนควรประกอบด้วย 1. โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ ขนาดใหญ่และขนาดกลาง 1.1 ผู้อำนวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ 1.2 รองผู้อำนวยการโรงเรียน รองประธานกรรมการ 1.3 ครูหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ กรรมการ 1.4 ครูหัวหน้าระดับชั้น กรรมการ 1.5 ครูที่ได้รับคัดเลือกจากเพื่อนครู กรรมการ 2. โรงเรียนขนาดเล็ก 2.1 ผู้อำนวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ 2.2 หัวหน้างานวิชาการ รองประธานกรรมการ 2.3 ครูที่ได้รับคัดเลือกจากเพื่อนครู กรรมการ บทบาทของผู้นิเทศ บทบาทของผู้นิเทศ ประกอบด้วย ผู้บริหารหรือผู้ได้รับมอบหมาย ต้องมีบทบาทหน้าที่ แตกต่างกัน เพื่อให้การนิเทศภายในโรงเรียนบรรลุวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. กำหนดนโยบายของการนิเทศภายในโรงเรียน เช่น ส่งเสริมให้มีการใช้กระบวนการกลุ่ม ในการทำงาน เพื่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ เป็นต้น
18 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 2. ส่งเสริมให้ครูมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศภายในและหลักสูตร หรือเรื่องสั้น ๆ ที่ครูส่วนใหญ่มีความต้องการในการพัฒนา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการปฏิบัติงานในหน้าที่ครู ตลอดจนมีเจตคติที่ดีต่อการนิเทศภายในโรงเรียน 3. ร่วมประชุมวางแผนกับคณะครูในโรงเรียนเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน 4. สนับสนุนด้านงบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ ตลอดจนขวัญและกำลังใจ 5. กระตุ้นให้ครูเกิดการตื่นตัวอยู่เสมอในด้านวิชาการ 6. ปฏิบัติการนิเทศภายในโรงเรียนตามแผนการนิเทศของโรงเรียน 7. เปิดโอกาสให้คณะครูมีส่วนร่วมในการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน และกำหนดให้มี การประเมินตนเอง 8. สร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ยกย่อง ชมเชยในที่ประชุม นำผลสำเร็จของการปฏิบัติงานมาแสดงให้ปรากฏแก่บุคคลอื่น แต่งตั้งคณะทำงานตามความถนัด เปิดโอกาสให้ แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ 9. ติดตาม ประเมินผล และพัฒนาการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน แนวคิดในการปฏิบัติงานของผู้นิเทศ ผู้บริหารโรงเรียนและคณะกรรมการนิเทศภายในโรงเรียนควรเข้าใจและตระหนักเกี่ยวกับ การนิเทศภายในโรงเรียนดังนี้ 1. การเริ่มต้นจัดกิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียน ช่วงระยะแรก ๆ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรม ที่ต้องเผชิญหน้ากัน เช่น การสังเกตการสอน เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและอาจเกิดความขัดแย้งได้ง่าย ควรเลือกกิจกรรมที่สร้างความคุ้นเคย เช่น การให้คำปรึกษาหารือ การศึกษาเอกสารทางวิชาการ ศึกษาดูงาน เมื่อครูคุ้นเคยกับการนิเทศภายในโรงเรียนและมีความพร้อมแล้ว จึงใช้กิจกรรมสังเกตการสอน 2. ความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การนิเทศภายในโรงเรียน ประสบความสำเร็จ การใช้กระบวนการกลุ่มดำเนินงานจะทำให้ได้ผลดีเป็นอย่างมาก 3. กิจกรรมที่ใช้ในการนิเทศควรตอบสนองต่อปัญหา ต้องร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยผลที่เกิดจากการแก้ปัญหา ให้เน้นการพัฒนาบุคลากรและพัฒนางาน 4. คณะกรรมการนิเทศควรศึกษาหาความรู้และประสบการณ์ เพื่อนำมาใช้ในการนิเทศครู ในโรงเรียน 5. สร้างศรัทธาและความเข้าใจอันดีกับผู้รับการนิเทศ ๙. บทบาทของผู้รับการนิเทศ การนิเทศภายในโรงเรียนนั้นจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้รับการนิเทศจะต้องให้ความร่วมมือ ในการดำเนินการนิเทศดังนี้ 1. ร่วมกิจกรรมในการเก็บรวบรวมข้อมูลและการจัดทำแผนการนิเทศภายในโรงเรียน 2. นำแนวทางที่ได้รับจากการนิเทศไปแก้ไขปัญหาหรือพัฒนางาน 3. เสนอปัญหาต่อผู้นิเทศเมื่อพบปัญหาระหว่างการปฏิบัติงานเพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไข 4. ให้ความร่วมมือในการประเมินผลการนิเทศ
19 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน บทที่ 3 แนวทางการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน การนิเทศภายในโรงเรียนเป็นงานที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาครูในด้านต่าง ๆ เพื่อจะใช้ประโยชน์สูงสุด จากทรัพยากรบุคลากรภายในโรงเรียน รวมทั้งการสร้างความร่วมมือและการแก้ไขปัญหาการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านวิชาการเกี่ยวกับการเรียนการสอน เพื่อให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของการศึกษาบุคลากร ภายในโรงเรียนที่สามารถนิเทศได้นอกเหนือจากผู้บริหารแล้วก็คือครูที่มีประสบการณ์ ความรู้ความชำนาญ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมาย จำนวนผู้รับการนิเทศ เวลา และทรัพยากรอื่น ๆ ที่จำเป็น การจัดทำโครงการนิเทศ นั้น ควรจะได้ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการในการนิเทศ จัดทำแผนการนิเทศแล้วจึงนำแผน ไปสู่การปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ และควรมีการประเมินผลการนิเทศเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาการเรียน การสอน การดำเนินงานนิเทศภายในโรงเรียนเพื่อให้เกิดผลสำเร็จขึ้นได้นั้นจะต้องอาศัยกระบวนการนิเทศ และการนิเทศการศึกษา รวมถึงกิจกรรมการนิเทศ หรือเทคนิควิธีการในการนิเทศ ซึ่งได้สรุปและรวบรวมไว้ เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้นิเทศ 4 เรื่อง ดังนี้ 1. กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน 2. เทคนิควิธีการนิเทศภายในโรงเรียน 3. บทบาทของผู้เกี่ยวข้องกับการนิเทศภายในสถานศึกษา 4. ความสำเร็จของการนิเทศภายในสถานศึกษา ๕. กิจกรรมและการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน ๖. มาตรฐานการนิเทศภายในโรงเรียน ๑. กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน กระบวนการนิเทศมีความเชื่อมโยงและเป็นกระบวนการที่เกี่ยวพันกันกับกระบวนการนิเทศการศึกษา ซึ่งการดำเนินการในการนิเทศให้ได้รับความสำเร็จ สิ่งที่สำคัญในการจัดการนิเทศการศึกษาก็คือจะดำเนินการ อย่างไรจึงจะประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ขั้นตอนการปฏิบัติงานนิเทศการศึกษาเรียกได้อีกอย่าง หนึ่งว่า “กระบวนการนิเทศ” เนื่องจากกระบวนการเป็นเทคนิควิธีในการทำงาน ดังนั้นกระบวนการทำงาน ของแต่ละบุคคลย่อมจะมีความแตกต่างกันไปบ้าง นักการศึกษาได้กำหนดกระบวนการนิเทศการศึกษาไว้หลายรูปแบบ ให้ยึดเป็นหลักปฏิบัติ เช่น 1. กระบวนการนิเทศของแฮริส (Harris) แฮริส ได้กำหนดขั้นตอนของกระบวนการนิเทศการศึกษาไว้ 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1.1 ขั้นวางแผน (Planning) ได้แก่ การคิด การตั้งวัตถุประสงค์ คาดการณ์ล่วงหน้า กำหนด ตารางงาน การค้นหาวิธีปฏิบัติงานและการวางโปรแกรมงาน 1.2 ขั้นการจัดโครงการ (Organizing) ได้แก่ การตั้งเกณฑ์มาตรฐาน การรวบรวมทรัพยากร ที่มีอยู่ทั้งคนและวัสดุอุปกรณ์ ความสัมพันธ์แต่ละชั้น การมอบหมายงาน การประสานงาน การกระจายอำนาจ ตามหน้าที่ โครงสร้างขององค์การและการพัฒนานโยบาย 1.3 ขั้นนำเข้าสู่การปฏิบัติ (Leading) ได้แก่ การตัดสินใจ การเลือกสรรบุคคล การเร้าจูงใจ ให้มีกำลังใจคิดริเริ่มอะไรใหม่ ๆ การสาธิต การจูงใจและให้คำแนะนำ การสื่อสาร การกระตุ้นส่งเสริมกำลังใจ การแนะนำนวัตกรรมใหม่ ๆ และให้ความสะดวกในการทำงาน
20 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 1.4 ขั้นการควบคุม (Controlling) ได้แก่ การสั่งการ การให้รางวัล การลงโทษ การตำหนิ การให้โอกาส การไล่ออกและการบังคับให้กระทำตาม 1.5 ขั้นประเมินผล (Appraising) ได้แก่ การตัดสินผลการปฏิบัติงาน การวิจัยและการวัดผล การปฏิบัติงาน กิจกรรมที่สำคัญคือ การพิจารณาผลงานในเชิงปฏิบัติว่าจะได้ผลมากน้อยเพียงใด และวัดผล ด้วยการประเมินอย่างมีแบบแผน มีความเที่ยงตรง ทั้งนี้ ควรจะมีการวิจัยด้วย ต่อมาแฮริสได้พัฒนาให้มีความสมบูรณ์ เหมาะกับการนิเทศมากขึ้น โดยเน้นการวางแผน ปฏิบัติงานมากกว่าการควบคุมงาน ทำให้มีขั้นตอนเพิ่มขึ้นเป็น 6 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 ประเมินสภาพในการทำงาน (Assessing) เป็นกระบวนการศึกษาสถานภาพต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลที่จำเป็นเพื่อจะได้นำมาเป็นตัวกำหนดถึงความต้องการจำเป็น เพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ซึ่งประกอบด้วยงานต่อไปนี้ 1.1 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการศึกษาหรือพิจารณาธรรมชาติ และสร้างความสัมพันธ์ ของสิ่งต่าง ๆ 1.2 สังเกตสิ่งต่าง ๆ ด้วยความรอบคอบถี่ถ้วน 1.3 ทบทวนและตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ ด้วยความระมัดระวัง 1.4 วัดพฤติกรรมการทำงาน 1.5 เปรียบเทียบพฤติกรรมการทำงาน ขั้นที่ 2 จัดลำดับความสำคัญของงาน (Prioritizing) เป็นกระบวนการกำหนดเป้าหมาย จุดประสงค์และกิจกรรมต่าง ๆ ตามลำดับความสำคัญ จะประกอบด้วยงานต่อไปนี้ 2.1 กำหนดเป้าหมาย 2.2 ระบุจุดประสงค์ในการทำงาน 2.3 กำหนดทางเลือก 2.4 จัดลำดับความสำคัญ ขั้นที่ 3 ออกแบบการทำงาน (Designing) เป็นกระบวนการวางแผนหรือกำหนดโครงการ ต่าง ๆ เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยประกอบด้วยงานต่อไปนี้ 3.1 จัดสายงานให้ส่วนประกอบต่าง ๆ มีความสัมพันธ์กัน 3.2 หาวิธีการนำเอาทฤษฎีหรือแนวคิดไปสู่การปฏิบัติ 3.3 เตรียมการต่าง ๆ ให้พร้อมที่จะทำงาน 3.4 จัดระบบการทำงาน 3.5 กำหนดแผนในการทำงาน ขั้นที่ 4 จัดสรรทรัพยากร (Allocating) เป็นกระบวนการในกำหนดทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้ เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำงาน ซึ่งประกอบด้วยงานต่อไปนี้ 4.1 กำหนดทรัพยากรที่ต้องใช้ตามความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ 4.2 จัดสรรทรัพยากรไปให้หน่วยงานต่าง ๆ 4.3 กำหนดทรัพยากรที่จำเป็นจะต้องใช้สำหรับจุดมุ่งหมายบางประการ 4.4 มอบหมายบุคลากรให้ทำงานในแต่ละโครงการหรือแต่ละเป้าหมาย ขั้นที่ 5 ประสานงาน (Coordinating) เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับคน เวลา วัสดุ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกทุก ๆ อย่าง เพื่อจะให้การเปลี่ยนแปลงบรรลุผลสำเร็จ งานในกระบวนการ ประสานงาน ได้แก่
21 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 5.1 ประสานการปฏิบัติงานในฝ่ายต่าง ๆ ให้ดำเนินไปด้วยกันด้วยความราบรื่น 5.2 สร้างความกลมกลืนและความพร้อมเพรียงกัน 5.3 ปรับการทำงานในส่วนต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพให้มากที่สุด 5.4 กำหนดเวลาในการทำงานในแต่ละช่วง 5.5 สร้างความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้น ขั้นที่ 6 นำการทำงาน (Directing) เป็นกระบวนการที่มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิด สภาพที่เหมาะสม อันจะสามารถบรรลุผลแห่งการเปลี่ยนแปลงให้มากที่สุด ได้แก่ 6.1 การแต่งตั้งบุคลากร 6.2 กำหนดแนวทางหรือกฎเกณฑ์ในการทำงาน 6.3 กำหนดระเบียบแบบแผนเกี่ยวกับเวลา ปริมาณหรืออัตราเร่งในการทำงาน 6.4 แนะนำและปฏิบัติงาน 6.5 ชี้แจงกระบวนการทำงาน 6.6 ตัดสินทางเลือกในการปฏิบัติงาน (ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. 2548: 41-43) 2. กระบวนการนิเทศการศึกษาของแอลเลน (Allen) (อ้างถึงใน สงัด อุทรานันท์. 2530: 76-79) กระบวนการนิเทศการศึกษาของแอลเลนที่ประกอบด้วยกระบวนการหลัก 5 กระบวนการ ซึ่งเรียกว่า “POLCA” คือ 2.1 กระบวนการวางแผน (Planning Processes) เป็นกระบวนการในการวางแผนงาน ต่าง ๆ โดยคำนึงถึงสิ่งที่จะทำว่ามีอะไรบ้าง กำหนดแผนงานว่าจะทำสิ่งใด เมื่อไร กำหนดจุดประสงค์ในการ ทำงานคาดคะเนผลที่จะเกิดจากการทำงาน การพัฒนากระบวนการทำงานและการวางแผนในการทำงาน 2.2 กระบวนการจัดสายงาน (Organizing Processes) เป็นกระบวนการในการจัดสายงาน หรือจัดบุคลากรต่าง ๆ เพื่อทำงานตามแผนงานที่วางไว้โดยกำหนดเกณฑ์มาตรฐานในการทำงานประสานงาน กับบุคลากรอื่น ๆ ที่ปฏิบัติงาน จัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ สำหรับการดำเนินงาน มอบหมายงานให้บุคลากร ฝ่ายต่าง ๆ จัดให้มีการประสานสัมพันธ์กันระหว่างผู้ทำงาน จัดทำโครงสร้างในการปฏิบัติงานจัดทำภาระหน้าที่ ของบุคลากร และพัฒนานโยบายในการทำงาน 2.3 กระบวนการนำ (Leading Processes) เป็นกระบวนการนำบุคลากรทุกฝ่ายให้ทำงาน นั้น ประกอบด้วย การตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ให้คำปรึกษาแนะนำ สร้างนวัตกรรมการทำงาน ทำการ สื่อสารเพื่อความเข้าใจในคณะทำงาน การสร้างแรงจูงใจ การเร้าความสนใจในการทำงาน การอำนวย ความสะดวกในการทำงาน ริเริ่มการทำงาน แนะนำการทำงาน แสดงตัวอย่างในการทำงาน บอกขั้นตอน ในการทำงานและสาธิตการทำงาน 2.4 กระบวนการควบคุม (Controlling Processes) เป็นกระบวนการในการควบคุม ประกอบด้วย การช่วยแก้ไขการทำงานที่ไม่ถูกต้อง ว่ากล่าวตักเตือนในสิ่งที่ผิดพลาด การกระตุ้นให้ทำงาน การปลดคนที่ไม่มีคุณภาพให้ออกจากงาน การสร้างกฎเกณฑ์ในการทำงาน และการลงโทษผู้กระทำผิด 2.5 กระบวนการประเมินผลการทำงาน (Assessing Processes) ประกอบด้วยการพิจารณา ตัดสินใจเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน การวัดและประเมินพฤติกรรมในการทำงาน และการวิจัยผลการปฏิบัติงาน 3. กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE ของสงัด อุทรานันท์(อ้างใน วัชรา เล่าเรียนดี. 2550 : 25-26) สงัด อุทรานันท์ ได้สรุปไว้ว่า กระบวนการนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการดำเนินงาน อย่างเป็นขั้นตอนและต่อเนื่องกัน มี 5 ขั้นตอน ดังนี้
22 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ขั้นที่ 1 วางแผนการนิเทศ (Planning – P) เป็นขั้นตอนที่ผู้บริหาร ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ จะทำการประชุมปรึกษาหารือเพื่อให้ได้มาซึ่งปัญหาและความต้องการจำเป็นที่จะต้องมีการนิเทศ รวมทั้ง วางแผนถึงขั้นตอนการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการนิเทศที่จะจัดขึ้นอีกด้วย ขั้นที่ 2 ให้ความรู้ ความเข้าใจในการทำงาน (Informing – I) เป็นขั้นตอนของการให้ความรู้ ความเข้าใจถึงสิ่งที่จะดำเนินงานว่าจะต้องอาศัยความรู้ความสามารถอย่างไรบ้าง จะมีขั้นตอนการดำเนินการ อย่างไร และจะทำอย่างไรจึงจะได้ผลงานออกมาอย่างมีคุณภาพ ขั้นนี้จำเป็นทุกครั้งสำหรับการเริ่มการนิเทศ ที่จัดขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ดังนั้น ขั้นตอนนี้จึงมีความจำเป็นสำหรับงานการนิเทศที่ยังไม่ได้ผล หรือได้ผลไม่ถึงขั้นที่พอใจ ซึ่งจำเป็นจะต้องทำการทบทวนให้ความรู้ในการปฏิบัติงานที่ถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติงาน (Doing – D) ประกอบด้วยงานใน 3 ลักษณะ คือ 3.1 การปฏิบัติงานของผู้รับการนิเทศ ขั้นนี้เป็นขั้นที่ผู้รับการนิเทศลงมือปฏิบัติงาน ตามความรู้ความสามารถที่ได้รับมาจากการดำเนินการในขั้นที่ 2 3.2 การปฏิบัติงานของผู้ให้การนิเทศ ขั้นนี้เป็นขั้นที่ผู้ให้การนิเทศจะทำการนิเทศ และควบคุมคุณภาพให้งานสำเร็จออกมาทันตามกำหนดเวลาและมีคุณภาพสูง 3.3 การปฏิบัติงานของผู้สนับสนุนในการนิเทศ ผู้บริหารก็จะให้บริการ สนับสนุนใน เรื่องวัสดุอุปกรณ์ ตลอดจนเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างได้ผล ขั้นที่ 4 สร้างเสริมกำลังใจ (Reinforcing – R) ซึ่งเป็นขั้นของการเสริมกำลังใจของผู้บริหาร เพื่อให้ผู้รับการนิเทศมีความมั่นใจและเกิดความพึงพอใจในการทำงาน ขั้นนี้อาจดำเนินการไปพร้อม ๆ กันกับผู้ ที่รับการนิเทศกำลังปฏิบัติงานหรือการปฏิบัติงานได้เสร็จสิ้นลงไปแล้วก็ได้ ขั้นที่ 5 ประเมินการนิเทศ (Evaluating – E) ขั้นนี้เป็นขั้นที่ผู้นิเทศดำเนินการประเมินผล การดำเนินงานซึ่งผ่านไปแล้วว่าเป็นอย่างไร หลังจากทำการการประเมินผลการนิเทศ หากพบว่ามีปัญหาหรือ อุปสรรคอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทำให้การดำเนินงานนั้นไม่ได้ผล ก็สมควรจะต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งการ ปรับปรุงแก้ไขอาจทำได้โดยการให้ความรู้ในสิ่งที่ทำใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในกรณีที่การดำเนินงานไม่ได้ผล และเมื่อ ทำการประเมินผลแล้วพบว่าประสบผลสำเร็จตามที่ได้ตั้งไว้ หากจะดำเนินการนิเทศต่อไปก็สามารถทำไปได้ เลยโดยไม่ต้องให้ความรู้ในเรื่องนั้นอีก
23 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน รูปแบบกระบวนการนิเทศการศึกษา ในกรณีที่ทำแล้วได้ผลดี (ขั้น 3.2) ให้การนิเทศ และควบคุม คุณภาพ (ขั้น 1) (ขั้น 2) (ขั้น 3.1) (ขั้น 4) (ขั้น 5) วางแผน ให้ความรู้ ดำเนินการ ทะนุบำรุง ประเมินผล การนิเทศ ในสิ่งที่จะทำ ปฏิบัติงาน ขวัญกำลังใจ P I D R E บริการ สนับสนุน (ขั้น 3.3) ในกรณีที่ทำยังมีคุณภาพไม่ถึงขั้น ปรับปรุงแก้ไข ในกรณีที่ทำยังไม่ได้ผล แผนภาพที่ 6 รูปแบบกระบวนการนิเทศการศึกษา รูปแบบการดำเนินการนิเทศตามวัฏจักรนี้จะเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดนิ่งจนกว่าจะบรรลุผล ตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ หรือพัฒนาผู้รับการนิเทศตามความต้องการ หากบรรลุผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมายแล้ว ต้องการจะหยุดกระบวนการทำงาน ก็ให้ถือว่าการนิเทศนั้นได้สิ้นสุดลง หากต้องการเริ่มนิเทศในสิ่งใหม่หรือ ตั้งเป้าหมายใหม่ก็จะต้องดำเนินการตั้งแต่เริ่มแรกอีก ดังแสดงให้เห็นความต่อเนื่องของกระบวนการนิเทศ การศึกษาในภาพดังต่อไปนี้
24 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ความต่อเนื่องของกระบวนการนิเทศการศึกษาในเรื่องต่าง ๆ เรื่องที่ 1 เรื่องที่ 2 เรื่องที่ 3 P I D R E P I D R E P 4. กระบวนการนิเทศแบบ PDCA กระบวนการนิเทศการศึกษาของหน่วยศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา (หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา จังหวัดสุราษฎร์ธานี. 2545: 15 – 16) ได้ใช้กระบวนการ PDCA ในการดำเนินการ มีขั้นตอนของการวางแผนการนิเทศที่สำคัญดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ดำเนินการวางแผน เป็นขั้นเตรียมการนิเทศโดยศึกษาข้อมูลสารสนเทศประมวล สภาพปัญหาและความต้องการพัฒนาการศึกษา กำหนดจุดมุ่งหมายการนิเทศ จัดทำแผนการนิเทศกำหนด เนื้อหาการนิเทศ ออกแบบการนิเทศ สื่อนิเทศ จัดเตรียมเครื่องมือนิเทศ กำหนดกรอบการประเมินวิธีการ ติดตามและการรายงานผลการนิเทศ และขออนุมัติโครงการ งบประมาณ ขั้นตอนที่ 2 ดำเนินการตามแผนนิเทศ ประชุมเพื่อทบทวนจุดมุ่งหมายการนิเทศแบ่งหน้าที่ ภาระงานในการนิเทศ ประสานงานบุคคลที่เกี่ยวข้อง นิเทศตามแผนด้วยรูปแบบ เทคนิค วิธีการที่กำหนด ขั้นตอนที่ 3 ดำเนินการตรวจสอบ และประเมินผล เพื่อประเมินเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงาน ว่าเป็นไปตามจุดมุ่งหมายหรือไม่ มีสภาพการจัดการเรียนการสอนที่ครูปฏิบัติจริง ตลอดจนปัญหาอุปสรรค ที่เป็นข้อมูลสารสนเทศที่ต้องตรวจสอบดูใหม่ แล้วปรับปรุงการนิเทศต่อไป ขั้นตอนที่ 4 นำผลการประเมินมาปรับปรุงเมื่อสิ้นสุดการนิเทศในแต่ละครั้ง ควรรายงานผล ให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยทำเป็นบันทึกข้อความหรือแบบรายงานที่กำหนดไว้ในหัวข้อต่าง ๆ เช่น ผู้นิเทศ ผู้รับการนิเทศ วัน/เดือน/ปีที่นิเทศ กิจกรรมที่นิเทศ เนื้อหาสาระที่นิเทศ การประเมินผลของผู้รับการนิเทศ และข้อควรพัฒนา กระบวนการนิเทศการศึกษาได้ใช้กระบวนการ PDCA ในการดำเนินการเป็นกรอบแนวคิด ในการวางแผนการนิเทศการศึกษา กำหนดไว้เป็นขั้นตอนที่นำไปใช้ในการดำเนินงานนิเทศภายในโรงเรียนซึ่งมี ขั้นตอนของการวางแผนการนิเทศเป็นส่วนสำคัญดังนี้
25 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ผลการประเมินคุณภาพการศึกษา จัดระบบข้อมูลสารสนเทศ ปัญหาการดำเนินการนิเทศ กำหนดจุดพัฒนาการนิเทศ ความต้องการในการพัฒนา จัดทำแผนการนิเทศ นโยบายจากหน่วยงานต้นสังกัด จัดทำโครงการนิเทศ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ จัดทำรายงานผลการนิเทศ วิเคราะห์ข้อมูล เสนอผลการนิเทศและเผยแพร่ เสนอผลงาน พัฒนาต่อเนื่อง แผนภาพที่ 7 กระบวนการนิเทศแบบ PDCA 5. กระบวนการนิเทศเชิงระบบ (System Approach) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (2555: 6 - 17) ได้ศึกษาเพื่อใช้กระบวนการนิเทศเชิงระบบที่ทำให้การนิเทศบรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและ เกิดประสิทธิผลต่อผลลัพธ์ที่กำหนดบนพื้นฐานของหลักการ ความต้องการ เป็นรูปแบบหนึ่งในการแก้ปัญหา เชิงตรรกวิทยาซึ่งประกอบด้วย สิ่งที่ป้อนเข้าไป (Input) กระบวนการหรือขั้นตอนการดำเนินงาน (Process) และผลผลิตหรือการประเมินผล (Output) ในการดำเนินงานนิเทศภายใน ดังนี้ 5.1 สิ่งที่ป้อนเข้าไป (Input) เป็นขั้นตอนในการการเตรียมการสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้ ในกระบวนการนิเทศภายใน ดังนี้ 5.1.1 กำหนดเกณฑ์ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โดยวิเคราะห์ตีความ ตามนโยบายของหน่วยงานต้นสังกัดตามลำดับ กำหนดกฎเกณฑ์ (ระดับ) ของพฤติกรรมขั้นต่ำที่บรรลุ เป้าหมาย 5.1.2 สภาพปัจจุบัน อาจสรุปจากข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่ เช่น ผลการเรียนของผู้เรียน โดยสร้างเครื่องมือวัดตามประเด็น แล้วนำผลมากำหนดเป็นเกณฑ์ หรือเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ต่าง ๆ ที่เหมาะสม เป็นต้น การวางแผน (Plan) การปฏิบัติงาน ตามแผน (Do) การนำผลการประเมิน มาปรับปรุง (Act) การตรวจสอบและ ประเมินผล (Check) กระบวนการนิเทศภายใน โรงเรียน
26 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 5.1.3 ประเมินสภาพความต้องการจำเป็นของโรงเรียน โดยเปรียบเทียบข้อมูล โรงเรียนกับเกณฑ์จัดลำดับความสำคัญของปัญหา และวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา 5.1.4 กำหนดเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหา โดยศึกษาจากแหล่งวิทยาการต่าง ๆ ศึกษา ข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมาย (นโยบายระดับโรงเรียน) ทั้งด้านคุณภาพและด้านปริมาณ 5.1.5 วางแผนการแก้ปัญหา (หาทางเลือก) ศึกษาสภาพปัญหาและศึกษาวิธีการ แก้ปัญหาจากแหล่งต่าง ๆ เช่น จากเอกสารตำรา จัดให้มีการศึกษาดูงาน การเชิญวิทยากร การเชิญ ผู้เชี่ยวชาญหรือการระดมพลังสมองเพื่อหาทางเลือกและประเมินทางเลือก โดยพิจารณาจากทรัพยากร ตลอดจนข้อจำกัดต่าง ๆ และเลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เช่น การวิจัย การผลิตสื่อ การจัดอบรม การกำหนดกิจกรรมและทำแผนปฏิบัติการ (เขียนโครงการ) เป็นต้น 5.2 กระบวนการหรือการดำเนินงาน (Process) เป็นการนำเอาสิ่งที่ป้อนเข้าไปมาจัดกระทำ เพื่อให้เกิดผลบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการและดำเนินการตามแผน โดยการประชุมคณะทำงานดำเนินการ นิเทศตามแผน ติดตามและประเมินตามแผนที่ได้ดำเนินการ 5.3 ผลผลิตหรือการประเมินผล (Output) ขั้นนี้เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำในขั้นที่ 2 เป็นสภาพการดำเนินงานของโรงเรียน ทั้งเชิงปริมาณ เชิงคุณภาพ สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนา ปรับปรุงให้มีคุณภาพ ทั้งนี้ การติดตามและประเมินผลได้กำหนดเครื่องมือในการติดตามและประเมินผลตาม เกณฑ์เครื่องมือติดตามและประเมินผลกระบวนการ การกำหนดกระบวนการติดตามและประเมินผล นอกจากนี้ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (2555) ได้แบ่งการนิเทศ เป็น 2 ลักษณ ะ คือ การนิเทศภายนอก (External Supervision) และการนิเทศภายใน (Internal Supervision) ซึ่งเป็นการนิเทศโดยบุคลากรที่อยู่ในหน่วยงานเดียวกัน เป็นการมองงานและพัฒนางานโดยผู้ ร่วมปฏิบัติงานด้วยกัน ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที และสามารถพัฒนางานให้ดีขึ้น เพราะได้รับความช่วยเหลือจากผู้บริหาร ลดช่องว่างระหว่างผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานได้ กระบวนการนิเทศ มีขั้นตอนที่สำคัญดังนี้ 1. การศึกษาสภาพปัญหาหรือศึกษาหาความจำเป็นของการนิเทศ ผู้บริหารหรือผู้นิเทศภายในมักจะถามตนเองเสมอว่า ทำไมจึงต้องนิเทศงานนั้น ๆ เรามักจะได้คำตอบว่า เพราะงานนั้นอาจยังมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน หรือการจัดการเรียนการสอน ยังเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ผู้นิเทศอาจศึกษาจากรายงานผลการปฏิบัติงาน ผลการเรียนของนักเรียน หรือจากการสำรวจ ติดตาม สัมภาษณ์ ทำให้เราสามารถทราบว่าจะวางแผนในการแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน ได้อย่างไร 2. การวางแผนการนิเทศ ผลจากการศึกษาปัญหาข้างต้น ทำให้เราต้องวางแผนแก้ปัญหาหรือพัฒนางานนั้น โดยวางแผนการนิเทศร่วมกับผู้บริหารและผู้นิเทศภายใน โดยมีจุดประสงค์ของการกำหนดแผนการทำงาน วิธีการ เครื่องมือ สื่อ ประสานงานบุคคลที่เกี่ยวข้อง จัดสรรงบประมาณ และการประเมินผล การวางแผนการนิเทศนั้นเป็นการเตรียมการเพื่อปฏิบัติการนิเทศอย่างมีระบบ แผนการนิเทศเป็นแผนพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะแผนนิเทศด้านการเรียนการสอน ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนา คุณภาพการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย แผนนิเทศที่ดีต้องประกอบด้วย 2.1 การสำรวจสภาพปัญหาและความต้องการของการนิเทศ 2.2 การวางแผนการนิเทศ 2.3 การสร้าง การเลือกเครื่องมือและเทคนิคการนิเทศ
27 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 2.4 การปฏิบัติงานตามแผน 2.5 การสรุปรายงานผลการนิเทศ 3. การเตรียมการนิเทศ การเตรียมการนิเทศเพื่อสามารถปฏิบัติการนิเทศให้บรรลุเป้าหมาย โดยเตรียมการ อนุมัติโครงการ งบประมาณ การประสานงานบุคคลที่เกี่ยวข้อง กำหนดเนื้อหาในการนิเทศ จัดเตรียมเครื่องมือ จัดเตรียมสื่อนิเทศ วิธีการนิเทศ วิธีการติดตามผลและการรายงานผลการนิเทศ 4. การปฏิบัติการนิเทศ ในการนิเทศเราสามารถใช้หลาย ๆ วิธีตามความเหมาะสม แต่เราก็คงวางแผน วิธีการนิเทศให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่วางไว้ 5. การประเมินผลและปรับปรุงการนิเทศ เมื่อปฏิบัติการนิเทศแล้วควรจะมีการประเมินผลการปฏิบัติงานว่าเป็นไปตาม วัตถุประสงค์หรือไม่ ผลการนิเทศเป็นอย่างไร หากมีปัญหาคงต้องตรวจสอบดูใหม่ แล้วปรับปรุงการนิเทศและ ประเมินผลอีกครั้ง เมื่อพอใจแล้วจึงถือว่าการนิเทศนั้นประสบผลสำเร็จ 6. การรายงานผลการนิเทศ เมื่อสิ้นสุดการนิเทศในแต่ละครั้ง ควรจะรายงานผลให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบโดย ทำเป็นบันทึกข้อความ หรือตามแบบรายงานที่กำหนดไว้ในหัวข้อต่าง ๆ เช่น ผู้นิเทศ (ใครคือผู้นิเทศ)ผู้รับการ นิเทศ วัน/เดือน/ปีที่นิเทศ กิจกรรมที่นิเทศ เนื้อหาสาระที่นิเทศ การประเมินผลของผู้รับการนิเทศ 6. กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียนของวัชรา เล่าเรียนดี วัชรา เล่าเรียนดี (2550: 27 - 28) ได้เสนอกระบวนการนิเทศภายในโรงเรียนเพื่อนำมาใช้ ในการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนโดยตรงดังนี้ 6.1 วางแผนร่วมกันระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ (ครูหรือคณะครู) 6.2 เลือกประเด็นหรือเรื่องที่สนใจจะปรับปรุงพัฒนา 6.3 นำเสนอโครงการพัฒนา ตลอดจนขั้นตอนการปฏิบัติให้ผู้บริหารโรงเรียนเพื่อทราบ และขออนุมัติการดำเนินการ 6.4 ให้ความรู้หรือแสวงหาความรู้จากเอกสารต่าง ๆ และจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับ เทคนิคการสังเกตการสอนในชั้นเรียน ความรู้เกี่ยวกับวิธีสอนและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ 6.5 จัดทำแผนการนิเทศ โดยกำหนดวันเวลาที่ทำการสังเกตการสอน ประชุมปรึกษาหารือ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ 6.6 ดำเนินการตามแผนโดยครูและผู้นิเทศ (แผนการจัดการเรียนรู้และแผนการนิเทศ) 6.7 สรุปและประเมินผลการปรับปรุงและพัฒนา รายงานผลสำเร็จ 7. ขั้นตอนการดำเนินการนิเทศภายในสถานศึกษาของหน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หน่วยศึกษานิเทศก์ (2566 : 7 - 9) การนิเทศภายในสถานศึกษา เป็นการปฏิบัติงาน ร่วมกันระหว่างผู้บริหารกับครูในสถานศึกษา ในการที่จะแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาการทางานของครูให้มี ประสิทธิภาพและส่งผลต่อคุณภาพของนักเรียน ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 1. ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการ สภาพปัจจุบัน หมายถึง สภาพที่เป็นจริงตามตัวบ่งชี้ด้านต่าง ๆ ของสถานศึกษา ในขณะนั้น
28 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ปัญหา หมายถึง ความแตกต่างระหว่างสภาพที่เป็นจริงกับสภาพที่คาดหวังหรือ เป้าหมาย ความต้องการ หมายถึง ความคาดหวังที่จะพัฒนางานให้ดีขึ้น ในขณะที่งานนั้น มีสภาพปัจจุบัน ปัญหาอยู่ในระดับที่ไม่เป็นปัญหา ในการศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการ คณะกรรมการนิเทศภายในสถานศึกษา ทุกฝ่าย ทุกงานในสถานศึกษา ดำเนินงานในขั้นตอนนี้ ตามขอบข่ายของงานที่รับผิดชอบโดยมีขั้นตอน ดังนี้ 1.1 ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล ตัวบ่งชี้คุณภาพด้านต่าง ๆ ของงาน เช่น - ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ - อัตราการซ้ำชั้นทุกชั้น - มาตรฐานสถานศึกษาด้านปัจจัย ผลผลิต และกระบวนการ - การประเมินการใช้หลักสูตรด้วยตนเองของสถานศึกษาด้านต่าง ๆ - มาตรฐานของงานต่าง ๆ - เป้าหมาย หรือนโยบาย ทั้งของสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัด 1.2 สำรวจและประเมินความต้องการของครู หรือคณะกรรมการในกลุ่มงานนั้น ๆ 1.3 จัดลาดับความสำคัญของปัญหาและความต้องการ 1.4 วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา และจัดลำดับความสำคัญของสาเหตุ กำหนดประเด็น การนิเทศ และการดำเนินการตามความต้องการ ดังตัวอย่าง ตัวอย่างการศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ตัวบ่งชี้คุณภาพ ตัวบ่งชี้คุณภาพ ปัญหา สาเหตุของปัญหา ที่เลือกมาแก้ไขตามลำดับ ประเด็นการนิเทศ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียน ลดลงอย่าง ต่อเนื่อง (ให้ระบุสาเหตุ โดยพิจารณาจากครู วิธีการ สื่อ นักเรียนฯลฯ แล้วจัดลำดับความสำคัญ) (ให้กำหนดประเด็น ที่ใช้ในการนิเทศ เพื่อการแก้ปัญหา แต่ละสาเหตุ) ในการวิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุของปัญหา ควรใช้การระดมสมองจากคณะกรรมการ ของกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งวิธีการวิเคราะห์อาจจะใช้แบบตารางดังกล่าวแล้ว หรือใช้แผนภูมิ หรือสารสนเทศอื่นใด ที่สถานศึกษามีเพื่อให้สะท้อนภาพของปัญหาที่มีความชัดเจนมากที่สุด 2. การวางแผนการนิเทศภายใน หลังจากที่ได้วิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา ความต้องการ วิเคราะห์สาเหตุ และกำหนดประเด็นการนิเทศแล้ว โดยนำประเด็นการนิเทศไปกำหนดวิธีการดำเนินการ และจัดทำ เป็นโครงการ ดังนี้ 2.1 การกำหนดวิธีดำเนินการ เป็นการนำผลจากการวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา ความต้องการ สาเหตุ และประเด็นการนิเทศ มาแจกแจงรายละเอียดที่ประกอบด้วยวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และกิจกรรมการนิเทศ
29 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ตัวอย่างการกำหนดวิธีดำเนินการ ประเด็นการนิเทศ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย กิจกรรมการนิเทศ การวิเคราะห์หลักสูตร และการออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ 1. เพื่อให้ครูผู้สอนวิเคราะห์ หลักสูตรได้อย่างถูกต้อง 2. เพื่อให้ครูผู้สอนออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ได้ สอดคล้องกับจุดประสงค์ ของการจัดการเรียนรู้ 3. เพื่ อให้ ครูผู้สอนจัดท ำ แผนการจัดการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพ 1. ครูผู้สอนทุกคน 1. ประชุมปฏิบัติการ วิเคราะห์มาตรฐาน การเรียนรู้และ ตัวชี้วัด สู่การ ออกแบบกิจกรรม การจัดการเรียนรู้ 2. ตรวจแผนการ จัดการเรียนรู้ 3. สะท้อนผลการตรวจ แผนการจัดการ เรียนรู้ 2.2 การจัดทำโครงการ เมื่อกำหนดรายละเอียดในข้อ 2.1 แล้ว นำกิจกรรมดังกล่าวไปกำหนด เป็นโครงการ ซึ่งรูปแบบการเขียนโครงการจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม ขอให้ครอบคลุมหัวข้อ ดังต่อไปนี้ 1. ชื่อโครงการ 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบ 3. ปีงบประมาณ (ปีการศึกษา) 4. หลักการและเหตุผล 5. จุดประสงค์ 6. เป้าหมายของโครงการ (ด้านปริมาณ, คุณภาพ) 7. ลักษณะของโครงการ 8. แนวทางดำเนินงาน 9. งบประมาณ 10. ปัญหาและอุปสรรค 11. ผลประโยชน์ของโครงการ 12. การติดตามและประเมินผลโครงการ อย่างไรก็ตาม บางกิจกรรมซึ่งเป็นกิจกรรมย่อย ก็ไม่จำเป็นต้องเขียนเป็น โครงการ หรืออาจจะรวมกิจกรรมที่มีลักษณะคล้ายกัน มารวมเป็น 1 โครงการก็ได้ 3. ปฏิบัติการนิเทศภายใน เมื่อคณะกรรมการนิเทศภายในสถานศึกษาได้ร่วมกันวางแผนและจัดทำโครงการ แล้ว ผู้บริหารสถานศึกษาควรนัดหมายคณะกรรมการประชุมมอบหมายงาน จัดเตรียมเครื่องมือ และสื่อ การนิเทศ
30 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ในการปฏิบัติการนิเทศ เป็นการปฏิบัติตามปฏิทินที่กำหนดไว้ตามโครงการหรือ กิจกรรม และเพื่อเป็นการเน้นให้มีการปฏิบัติอย่างจริงจัง ควรทำปฏิทินปฏิบัติงานให้มีขนาดใหญ่น่าสนใจ เห็นได้ชัดเจน ตัวอย่าง ปฏิทินปฏิบัติงานนิเทศภายในสถานศึกษา ที่ กิจกรรมที่ปฏิบัติ ระยะเวลาการดำเนินงาน ผู้รับผิดชอบ เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. 1 ประชุมระดม ความคิด กำหนด แนวการดำเนินงาน คณะกรรมการ วิชาการ 2 จัดทำรายละเอียด โครงการเสนอ ผู้บริหารเพื่อขอ อนุมัติ หัวหน้า งานนิเทศ ภายใน 3 ประชุมปฏิบัติการ วิเคราะห์มาตรฐาน การเรียนรู้และ ตัวชี้วัดสู่การ ออกแบบกิจกรรม การจัดการเรียนรู้ งานพัฒนา บุคลากร 4 สร้างเครื่องมือ ตรวจแผนการ จัดการเรียนรู้ หัวหน้า งานวิชาการ 5 ตรวจแผนการ จัดการเรียนรู้ของ ครูและสะท้อนผล การตรวจ หัวหน้า งานวิชาการ 6 ประเมินผลการ นิเทศ หัวหน้างาน นิเทศภายใน 7 สรุปและรายงาน ผล หัวหน้างาน นิเทศภายใน 4. การประเมินผล การประเมินกระบวนการนิเทศภายในสถานศึกษาซึ่งประเมินโดยคณะกรรมการ นิเทศภายในสถานศึกษา มีขอบข่ายของการประเมิน ดังนี้ 4.1 ประเมินการดำเนินงานทุกขั้นตอน 4.2 นำผลการประเมินโครงการในขั้นที่ 3 มาเป็นข้อมูลในการประเมิน กระบวนการ 4.3 ประเมินความพึงพอของครู ในการมีส่วนร่วมในกระบวนการนิเทศ สรุปได้ว่า กระบวนการนิเทศภายในต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนการดำเนินการชัดเจน และต่อเนื่องสัมพันธ์กัน โดยมีขั้นตอนที่สำคัญอยู่ 4 ขั้นตอน คือ
31 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 1. การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการในการนิเทศ รวมทั้งสภาพที่เป็นจริงตามตัวบ่งชี้ ด้านต่าง ๆ ของโรงเรียนขณะนั้น โดยศึกษาวิเคราะห์ข้อมูล ตัวบ่งชี้คุณภาพต่าง ๆ ตามเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด มีการสำรวจและประเมินความต้องการของครู จัดลำดับความสำคัญของปัญหาและความต้องการ ตลอดจนวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาและจัดลำดับ ความสำคัญของสาเหตุ กำหนดทางเลือกในการแก้ปัญหา และดำเนินการตามความต้องการ 2. การวางแผนการนิเทศ เป็นการนำข้อมูลผลการวิเคราะห์สภาพปัจจุบันปัญหา สาเหตุของปัญหา และความต้องการมากำหนดกิจกรรมและแนวทางการปฏิบัติการนิเทศ การวางแผนนิเทศภายในโรงเรียน เป็นขั้นตอนที่นำเอาทางเลือกที่จะดำเนินการมารวมกัน กำหนดรายละเอียดกิจกรรมและจัดลำดับขั้นตอน การปฏิบัติ เขียนเป็นโครงการนิเทศภายในโรงเรียน 3. การปฏิบัติการนิเทศ เป็นการดำเนินการนิเทศตามกิจกรรมที่กำหนดในโครงการนิเทศภายใน โรงเรียน ในการปฏิบัติการนิเทศภายในโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียนหรือผู้นิเทศจะต้องนำหลักการนิเทศเทคนิค ทักษะ สื่อ กิจกรรม และเครื่องมือนิเทศไปใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และบุคลากรผู้รับการนิเทศเพื่อให้การ ปฏิบัติกิจกรรมการนิเทศภายในของโรงเรียนดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย ผู้บริหารโรงเรียนและผู้นิเทศ ควรเตรียมความพร้อมก่อนการนิเทศ แล้วจึงปฏิบัติการนิเทศเพื่อเสริมแรงให้กำลังใจ รับทราบปัญหาและ ความต้องการของผู้รับการนิเทศ แล้วนำปัญหาและความต้องการนั้นมาพิจารณาหาทางช่วยเหลือสนับสนุน 4. การประเมินผล เป็นการตรวจสอบความสำเร็จของโครงการ วัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่วางไว้ มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ประเมินความคิดเพื่อทราบความพึงพอใจของผู้รับการนิเทศ ประเมิน กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน และสรุปผลการประเมินเพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับปรับปรุงการปฏิบัติงาน ในโอกาสต่อไป ดังนั้น กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียนจะต้องประกอบด้วย การวางแผนร่วมกัน การจัดทำโครงการ ตามประเด็นปัญหาและความสนใจที่จะพัฒนา การดำเนินการตามแผน การติดตามผลหรือแนะนำ การตรวจสอบประเมินผลการนิเทศนั้นไม่มุ่งเน้นการประเมินผลที่เกิดกับผู้เรียนโดยตรง แต่ให้ความสำคัญ ต่อผลการนิเทศที่เกิดขึ้นกับครูเป็นสำคัญ แต่ในการนิเทศการสอนในโรงเรียนที่เป็นการนิเทศที่มีเป้าหมาย เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอนในชั้นเรียนนั้นมีความซับซ้อนมากกว่า เพราะต้องมีการวิเคราะห์ การสอนของครูและการเรียนของนักเรียน มีการสังเกตการสอนในชั้นเรียน เพื่อมุ่งปรับปรุงพัฒนา ประสิทธิภาพด้านการจัดการเรียนการสอนของครูและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเป็นสำคัญด้วย จึงควรมีการประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียน เพราะถือว่าเป็นตัวบ่งชี้หนึ่งของสมรรถภาพด้านการสอน ของครูที่มีการพัฒนาขึ้น ๒. เทคนิควิธีการนิเทศภายในโรงเรียน เทคนิคและวิธีการนิเทศเป็นแบบแผนของการดำเนินงาน ซึ่งมีหลายรูปแบบที่สามารถนำไปปรับใช้ ในโรงเรียน ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 1. การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research – PAR) การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม เป็นรูปแบบหนึ่งของการวิจัยแบบใหม่ที่ประยุกต์และ เป็นการรวมเอาแนวความคิดของการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) กับการวิจัยแบบมีส่วนร่วม (Participatory Research) มาผสมผสานเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาโดยผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องมีส่วนร่วม ในการพัฒนาทุกขั้นตอน (นิตยา เงินประเสริฐศรี. 2544 : 61)
32 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ทวีทอง หงส์วิวัฒน์ (2527: 8) ได้สรุปรูปแบบของการมีส่วนร่วมต่อการดำเนินกิจกรรม หรือโครงการพัฒนา สามารถจำแนกออกได้เป็นมิติต่าง ๆ ประกอบด้วย มิติแรก ร่วมศึกษาและวิเคราะห์ปัญหา โดยประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการศึกษาชุมชน วิเคราะห์ชุมชน ค้นหาปัญหาและสาเหตุของปัญหาภายในชุมชนร่วมกัน และมีส่วนร่วมในการจัดลำดับ ความสำคัญของความต้องการด้วย เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนได้เรียนรู้สภาพของชุมชน วิถีชีวิต สังคม ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการจัดทำและประกอบการพิจารณาวางแผนงานวิจัย มิติที่สอง ร่วมวางแผน เป็นการวางแผนพัฒนาหลังจากได้ข้อมูลเบื้องต้นของชุมชนแล้วและ นำข้อมูลมาศึกษาวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อค้นหาปัญหา สาเหตุของปัญหา เรียบร้อยแล้วก็นำมาอภิปรายแสดง ความคิดเห็นร่วมกัน เพื่อกำหนดเป็นนโยบายและวัตถุประสงค์ของโครงการ ตลอดจนกำหนดวิธีการและแนะ แนวทางการดำเนินงาน ตลอดจนกำหนดทรัพยากรและแหล่งทรัพยากรที่จะใช้เพื่อการวิจัย มิติที่สาม ร่วมกันดำเนินการ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินการพัฒนาหรือ เป็นขั้นตอนปฏิบัติการตามแผนการวิจัยที่ได้วางไว้ เป็นขั้นตอนการมีส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน โดยการสนับสนุนด้านเงินทุน วัสดุอุปกรณ์และแรงงาน รวมทั้งการเข้าร่วมในการบริหารงานการประสานขอ ความช่วยเหลือจากภายนอกในกรณีที่มีความจำเป็น มิติที่สี่ ร่วมรับผลประโยชน์ โดยประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการกำหนด การแจกจ่าย ผลประโยชน์จากกิจกรรมการวิจัยในชุมชนบนพื้นฐานที่เท่าเทียมเสมอภาคกัน มิติที่ห้า เป็นการมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานวิจัยและผลการพัฒนา จากที่ดำเนินการไปแล้วว่าสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือไม่ มีปัญหาอุปสรรคและข้อจำกัดอย่างไร เพื่อแก้ไข ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงทีเพื่อนำข้อผิดพลาดไปเป็นบทเรียนในการดำเนินการต่อไป การเปิดโอกาสให้ ประชาชนหรือชาวบ้านที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสเข้าร่วมกระบวนการวิจัยนั้น นับได้ว่าเป็นคุณค่าโดยแท้ของการ วิจัยเชิงปฏิบัติการแบบนี้ ซึ่งก่อให้เกิดรากฐานแห่งความยั่งยืนของการพัฒนา สุภางค์ จันทวานิช (2531: 24) กล่าวว่า การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมนี้เป็นการ วิจัยที่นำแนวคิด 2 ประการมาผสมผสานกัน คือ การปฏิบัติการ (Action Research) กับการวิจัยแบบมีส่วน ร่วม(Participation) ซึ่งหมายถึง กิจกรรมที่โครงการวิจัยต้องดำเนินการ และคำว่าการมีส่วนร่วม (Participation) อันเป็นการมีส่วนเกี่ยวข้องของทุกฝ่ายที่เข้าร่วมกิจกรรมการวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ อันใดอันหนึ่งแล้วร่วมในกระบวนการตัดสินใจและดำเนินการจนสิ้นสุดการวิจัย โดยมีความหมายถึงวิธีที่ใช้ใน การวิจัยหรือชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการวิจัย ซึ่งเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง โดยอาศัยการมีส่วน ร่วมอย่างแข็งขันจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการวิจัย โดยเริ่มตั้งแต่ระบุสภาพปัญหาของการดำเนินการ การช่วยให้ข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนช่วยหาวิธีแก้ไขปัญหาหรือส่งเสริมกิจกรรมนั้น ๆ กมล สุดประเสริฐ (2537: 36) ได้ให้ความหมายการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมไว้ว่า เป็นการวิจัยที่จัดทำโดยผู้ปฏิบัติการเพื่อนำผลการวิจัยมาใช้แก้ปัญหาโดยทันที และต้องทำเป็นหมู่คณะร่วมกัน การใช้เทคนิคการนิเทศโดยการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมในการปรับปรุงพัฒนาการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยมีส่วนร่วมพัฒนาทุกขั้นตอนในกิจกรรมการวิจัย ตั้งแต่การวิเคราะห์สภาพปัญหา ร่วมตัดสินใจในการดำเนินงาน จนสิ้นสุดการวิจัย จากแนวคิดเกี่ยวกับการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ซึ่งจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับการแก้ไขปัญหาและพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยให้ครูผู้สอน มีส่วนร่วมในการพัฒนา ดังนี้ 1. ร่วมศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาการนิเทศ 2. ร่วมวางแผนการนิเทศ
33 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 3. ร่วมดำเนินการนิเทศ 4. ร่วมรับผลประโยชน์ 5. ร่วมติดตามและประเมินผลการนิเทศ 2. Coaching Technique Coaching ให้ความหมายเป็นภาษาไทยได้หลายคำ บางคนใช้ทับศัพท์ไปเลย ก็มีแต่คำที่ง่าย คือ “การชี้แนะ” เพราะการชี้เป็นการบอกทิศทางให้ การแนะก็เป็นการเสนอแนวทางให้เดินไปสู่ทิศทางนั้น ส่วนจะเดินไปทิศใดหรือเลือกเดินอย่างไรขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกของผู้รับการชี้แนะเป็นหลักการชี้แนะ คือ วิธีการพัฒนาสมรรถภาพการทำงานของบุคคล โดยเน้นไปที่การทำงานให้ได้ตามเป้าหมายของงานนั้น หรือการช่วยให้สามารถนำความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่ และ/หรือได้รับการฝึกอบรมมาให้ไปสู่การปฏิบัติได้ 2.1 ความหมายของการชี้แนะ สรุปได้ 5 องค์ประกอบ ดังนี้ 2.1.1 มีลักษณะเป็นกระบวนการ ประกอบด้วยวิธีการหรือเทคนิคต่าง ๆ ที่วางแผน ไว้อย่างดี ดำเนินการตามขั้นตอน จนกระทั่งบรรลุเป้าหมาย 2.1.2 มีเป้าหมายที่ต้องการไปให้ถึง 3 ประการ คือ การแก้ปัญหาในการทำงาน พัฒนาความรู้ ทักษะหรือความสามารถในการทำงาน และการประยุกต์ใช้ทักษะหรือความรู้ในการทำงาน 2.1.3 มีลักษณะปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้ชี้แนะกับผู้รับการชี้แนะ คือ เป็นกลุ่มเล็ก หรือรายบุคคล (one - on - one relationship and personal support) และใช้เวลาในการพัฒนา อย่างต่อเนื่อง 2.1.4 มีหลักการพื้นฐานในการทำงาน ได้แก่ 2.1.4.1 การเรียนรู้ร่วมกัน (Co – construction) คือ ไม่มีใครรู้มากกว่า ใครจึงต้องเรียนไปพร้อมกัน 2.1.4.2 การให้ค้นพบวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเอง 2.1.4.3 การเสริมพลังอำนาจ (Empowerment) เป็นการช่วยค้นหา ถึงพลังในตัวบุคคล เมื่อค้นเจอก็คืนพลังนั้นให้เขาไป 2.1.5 เป็นกระบวนการที่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการพัฒนาวิชาชีพ กล่าวคือ ในการพัฒนาวิชาชีพต้องมีความสัมพันธ์กับวิธีการพัฒนาอื่น ๆ ลำพังการชี้แนะอย่างเดียวนั้นไม่อาจทำให้การ ดำเนินงานสำเร็จได้ 2.2 ความสำคัญของการชี้แนะ (Coaching Significant) กระบวนการและวิธีการในการพัฒนาครู ศึกษานิเทศก์ผู้เข้ารับการฝึกประจำการ นั้นมีหลากหลายมาก ซึ่งต่างมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงการสอนของผู้เข้ารับการฝึกแตกต่างกันไปวิธีการ ที่ถือว่ามีประสิทธิภาพและช่วยให้ผู้เข้ารับการฝึกได้พัฒนาการสอนอย่างยั่งยืนวิธีหนึ่งคือ การชี้แนะเนื่องจาก จะทำให้ผู้รับการฝึกเกิดความตระหนัก มีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะและสามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดผล ในทางปฏิบัติได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายปลายทางที่มุ่งหวังให้เกิดจากการชี้แนะ 2.3 หลักการของการชี้แนะ (Coaching Principles) มีขั้นตอนดำเนินการ 8 ประการ ดังนี้ 2.3.1 การสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ (Trust and rapport) การชี้แนะเป็นเรื่องของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ชี้แนะกับผู้เข้ารับการฝึก รายบุคคลหรือกลุ่มผู้รับการฝึก ความเชื่อถือและความไว้วางใจของผู้รับการฝึกที่มีต่อผู้ชี้แนะ จึงมีส่วนสำคัญ ที่ทำให้การดำเนินการชี้แนะเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ 2.3.2 การเสริมพลังอำนาจ (Empowerment)
34 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน การชี้แนะนั้นเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้เข้ารับการฝึกได้ค้นพบถึงพลัง หรือวิธีการทำงานของตนเอง เป็นวิธีการที่ทำให้เกิดความยั่งยืนและผู้เข้ารับการฝึกสามารถพึ่งพาความสามารถ ของตนเองได้ เป้าหมายปลายทางของการชี้แนะ คือ การทำให้ผู้เข้ารับการฝึกสามารถพัฒนาการเรียนการสอน ได้ด้วยตนเอง (Self – director) ในขณะที่ระยะแรก ๆ ที่ผู้เข้ารับการฝึกยังไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เนื่องจากยังขาดเครื่องมือ วิธีการคิดและกระบวนการทำงาน ผู้ชี้แนะจึงจะเข้าไปช่วยเหลือ จนกระทั่งผู้เข้ารับ การฝึกได้พบว่าตนเองสามารถทำได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการช่วยค้นหาพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวผู้เข้ารับการฝึกออกมา แล้วผู้ชี้แนะก็คืนพลังนั้นให้กับผู้เข้ารับการฝึก เพื่อนำพลังนั้นไปใช้ในการพัฒนางานของตนเองต่อไป 2.3.3 การทำงานอย่างเป็นระบบ (Systematic approach) การดำเนินการชี้แนะอย่างเป็นระบบมีขั้นตอนของกระบวนการที่ชัดเจน ช่วยให้ผู้เข้ารับการฝึกได้จัดระบบการคิด การทำงาน สามารถเรียนรู้และพัฒนางานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการชี้แนะ เป็นกระบวนการพัฒนาวิชาชีพที่ต่อเนื่อง ในระยะแรก ผู้เข้ารับการฝึกอาจไม่คุ้นเคยกับวิธีการเหล่านี้มากนัก ทำให้ผู้ชี้แนะจำเป็นต้องออกแบบกระบวนการอย่างเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้เข้ารับการฝึกได้เรียนรู้ด้วยตนเอง 2.3.4 การพัฒนาที่ต่อเนื่อง (On – going development) การชี้แนะเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาการเรียนการสอนใช้เวลานาน ในการทำความเข้าใจและการฝึกปฏิบัติให้เกิดผลตามเป้าหมาย ดังนั้น การดำเนินการชี้แนะจึงเป็นการพัฒนา ที่มีความต่อเนื่อง ยาวนาน ตราบเท่าที่มีความรู้ใหม่ทางการสอนเกิดขึ้นมากมาย และมีประเด็นทางการสอน ที่ต้องทำความเข้าใจและนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน การดำเนินการชี้แนะก็ยังคงดำเนินการคู่ขนานไป กับการจัดการเรียนการสอน จนดูเหมือนกับว่าเป็นงานที่ไม่อาจเร่งร้อนให้เกิดผลในระยะเวลาอันสั้นได้จึงเป็น งานที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป 2.3.5 การชี้แนะแบบมีเป้าหมายหรือจุดเน้นร่วมกัน (Focusing) การพัฒนาบุคลากรผู้เข้ารับการฝึกให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้นั้น มีเรื่องราวที่ต้องปรับปรุงและพัฒนาอยู่มากมายหลายจุด ดังนั้น วิทยากรพี่เลี้ยงจึงต้องทำความตกลงร่วมกัน กับผู้เข้ารับการฝึกว่าเป้าหมายสุดท้ายที่ต้องการให้เกิดนั้นคืออะไร แล้วร่วมกันวางแผน วางเป้าหมายย่อย ๆ เพื่อไปสู่จุดหมายนั้น กล่าวคือ การกำหนดประเด็นชี้แนะร่วมกัน การกำหนดบทบาทว่าใครคือผู้ชี้แนะใคร 2.3.6 การชี้แนะในบริบทของโรงเรียน (Onsite coaching) การปฏิบัติการชี้แนะนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้เข้ารับการฝึกสามารถ นำความรู้ ทักษะการสอนที่มีอยู่ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน การประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะที่ดีเกิดขึ้น ในสภาพของการทำงานจริง การดำเนินการชี้แนะจึงควรเกิดขึ้นในการทำงานตามบริบทของโรงเรียนการ ดำเนินการชี้แนะเป็นการทำงานเชิงลึก เข้มข้น เป็นการช่วยให้ผู้รับการฝึกเคลื่อนจากความรู้ความเข้าใจในการ สอนแบบผิวเผิน (Surface approach) เป็นความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้น (Deep approach) (Moon, 2004) โดยอาศัยกระบวนการลงมือปฏิบัติ ลงมือทำงาน การชี้แนะจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องเข้าไปทำงานร่วมกับ ผู้เข้ารับการฝึกในโรงเรียน 2.3.7 การชี้แนะที่นำไปใช้ได้จริง (Work on real content) การชี้แนะในประเด็นหรือมีเนื้อหาสาระที่เป็นรูปธรรม (being concrete) มีลักษณะเป็นพฤติกรรมที่สามารถสังเกตได้ ปฏิบัติได้จริง ช่วยให้ผู้เข้ารับการฝึกสามารถปรับปรุงพัฒนาการ เรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การที่ผู้ชี้แนะเป็นบุคคลภายนอกโรงเรียนจึงมีข้อจำกัดตรงที่ไม่ สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการฝึกได้ตลอดเวลา การพบปะผู้เข้ารับการฝึกในแต่ละครั้ง จึงมีคุณค่ามากดังนั้น จึงควรใช้เวลาที่มีจำกัดนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด การชี้แนะแต่ละครั้งจึงมุ่งเน้นไปที่การนำความรู้หรือทักษะ
35 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน (On – going development) หลักการของการชี้แนะ (Coaching Principles) 8 ประการสำคัญ ไปใช้ได้จริง รวมทั้งได้แนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและเป็นขั้นตอน ไม่เสียเวลาไปกับการอภิปรายหรือพูดคุยกัน เชิงทฤษฎี (Knight. 2004) 2.3.8 การทบทวน/สะท้อนผลการดำเนินงาน (After action review and reflection) การสะท้อนผลการทำงาน (Reflection) เป็นวิธีการที่จะช่วยให้ผู้รับการฝึก ได้คิดทบทวนการทำงานที่ผ่านมา แล้วสรุปเป็นแนวปฏิบัติในการจัดการเรียนการสอนครั้งต่อไป การชี้แนะจึง ใช้รูปแบบของการสะท้อนผลการทำงานเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ จนได้อีกชื่อหนึ่งว่า “การชี้แนะแบบ มองย้อนสะท้อนผลการทำงาน (Reflective coaching)” การชี้แนะช่วยให้บุคคลได้สะท้อนความสามารถของ ตนเพื่อหาจุดที่ต้องการความช่วยเหลือ เป็นการช่วยเหลือรายบุคคลในการนำความรู้ไปใช้ในการทำงานและ การพัฒนาความสามารถของตน ซึ่งไม่ใช่การสอนสิ่งใหม่ ดังนั้นจุดพื้นฐานของการชี้แนะจึงอยู่บนพื้นฐานของ ความรู้หรือทักษะที่มีอยู่แล้ว (เฉลิมชัย พันธุ์เลิศ. 2550, มนตรี ภู่มี. 2549, Moon. 2004) 1 การสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ (Trust and rapport) 8 2 การทบทวนและสะท้อนผล การเสริมพลังอำนาจ การทำงาน (Empowerment) (After action review and reflection) Coaching 3 Supervision การทำงานอย่างเป็นระบบ 7 Technique (Systematic approach) การชี้แนะที่นำไปใช้ได้จริง (Work on real content) 4 การพัฒนาที่ต่อเนื่อง 6 การชี้แนะในบริบท 5 ของโรงเรียน การชี้แนะแบบมีเป้าหมายหรือจุดเน้นร่วมกัน (Onsite coaching) (Focusing) ที่มา : Coaching Principles (เฉลิมชัย พันธุ์เลิศ. 2550, มนตรี ภู่มี. 2549, Moon. 2004)
36 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 2.4 กระบวนการชี้แนะ (Coaching process) กระบวนการชี้แนะเป็นกระบวนการที่ช่วยให้บุคคลได้รู้จักช่วยเหลือตนเอง (Coaching is a process of help themselves) มีนักการศึกษานำเสนอกระบวนการชี้แนะที่หลากหลาย เนื่องจากการชี้แนะมีกระบวนการเฉพาะ คือ การชี้แนะทางปัญญา (Cognitive coaching) การชี้แนะการสอน (Instructional coaching) เพื่อนชี้แนะ (Peer coaching) กระบวนการชี้แนะต่าง ๆ มีรายละเอียด ค่อนข้างมากไม่อาจนำเสนอในที่นี้ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามกระบวนการชี้แนะโดยทั่วไปมีขั้นตอน ของกระบวนการ ดังนี้ 2.4.1 ขั้นก่อนการชี้แนะ (Pre - coaching) ก่อนที่จะดำเนินการชี้แนะมีการตกลงร่วมกันเกี่ยวกับประเด็นหรือจุดเน้น ที่ต้องการชี้แนะร่วมกัน เนื่องจากการดำเนินการชี้แนะนั้นมุ่งเน้นที่การเชื่อมโยงความรู้สู่ไปการปฏิบัติจริง เป็นการทำงานเชิงลึก (Deep Approach) ดังนั้น ประเด็นที่ชี้แนะจึงเป็นจุดเล็ก ๆ แต่เข้มข้น ช่วยให้เข้าใจ อย่างลึกซึ้ง แจ่มแจ้ง ช่วยคลี่ปมบางประการให้เกิดผลในการปฏิบัติได้จริง ในกรณีการสอนกระบวนการคิด มีประเด็นมากมายที่ต้องช่วยกันขยับขับเคลื่อนไปทีละประเด็น เช่น การใช้คำถามกระตุ้นคิด การใช้กิจกรรม ที่ช่วยให้คิดได้อย่างหลากหลาย การใช้ผังกราฟิก (Graphic Organizer) การใช้ผังมโนทัศน์ (Mind Mapping) มาใช้ในการนำเสนอความคิด ช่วยให้นักเรียนอธิบายกระบวนการคิด กระบวนการทำงานของตน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ยังมีประเด็นย่อย ๆ ที่ยังซ่อนอยู่มากมาย ดังนั้น ทั้งตัวผู้ชี้แนะและผู้เข้ารับการฝึกแต่ละคน ก็ต้องวางแผนร่วมกันว่าในแต่ละครั้งที่ดำเนินการชี้แนะ จะชี้แนะลงลึกเฉพาะในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ 2.4.2 ขั้นการชี้แนะ (Coaching) ในขั้นของการชี้แนะ ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย 3 ขั้นตอน คือ 2.4.2.1 การศึกษาต้นทุนเดิม เป็นขั้นที่ผู้ชี้แนะพยายามทำความเข้าใจวิธี คิดวิธีการทำงานและผลที่เกิดขึ้นจากการทำงานของผู้รับการฝึกว่าอยู่ในระดับใด เพื่อเป็นข้อมูลในการต่อยอด ประสบการณ์ในระดับที่เหมาะสมกับผู้รับการฝึกแต่ละคน ในขั้นนี้อาจใช้วิธีการต่างกันไปตามสถานการณ์ ได้แก่ 2.4.2.1.1 การให้ผู้เข้ารับการฝึกได้บอกเล่า อธิบายวิธีการทำงาน และผลที่เกิดขึ้น 2.4.2.1.2 พิจารณาร่องรอยการทำงานร่วมกัน เช่น แผนการ สอนชิ้นงานของนักเรียน เป็นต้น 2.4.2.1.3 การสังเกตการสอนในชั้นเรียน 2.4.2.2 การให้ผู้เข้ารับการฝึกประเมินการทำงานของตน เป็นขั้นที่ช่วยให้ ผู้เข้ารับการฝึกได้คิดทบทวนถึงการทำงานที่ผ่านมาของตนเองโดยใช้ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การสอน ที่เพิ่งจบไปแล้ว ชิ้นงานที่นักเรียนเพิ่งทำเสร็จเมื่อสักครู่มาใช้ประกอบการประเมิน ในขั้นตอนนี้เป็นขั้นหนึ่ง ที่พบว่าผู้เข้ารับการฝึกยังไม่ได้ตระหนักรู้ในสิ่งที่ตนเองสอนหรือกระทำลงไปนัก แต่การที่จัดให้มีโอกาสได้ “นึกย้อนและสะท้อนผลการทำงานตนเอง” ช่วยให้ผู้เข้ารับการฝึกได้ทบทวนและคิดไตร่ตรองว่าตนเองได้ใช้ ความรู้ความเข้าใจไปสู่การปฏิบัติอย่างไร จะมีอุปสรรคปัญหาใดเกิดขึ้นบ้าง คำถามที่มักใช้กันในขั้นนี้มีคำถาม หลัก คือ อะไรที่ทำได้ดี มีวิธีการอื่นอีกหรือไม่ กระทำอย่างเต็มที่หรือยัง จะให้ดีกว่านี้ถ้า มีจุดอ่อนอะไรที่พบ เห็น ครอบคลุมเนื้อหาและวัตถุประสงค์การสอนหรือไม่ เพียงใด มีมิติอื่นอีกหรือไม่ เป็นต้น 2.4.2.3 ขั้นต่อยอดประสบการณ์ เป็นขั้นที่ผู้ชี้แนะมีข้อมูลจากการสังเกต การปฏิบัติงานและรับฟังการอธิบายความคิดของตนเอง ผู้เข้ารับการฝึก แล้วจึงลงมือต่อยอดประสบการณ์
37 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ในเรื่องเฉพาะนั้นเพิ่มเติม ซึ่งผู้ชี้แนะจะต้องอาศัยปฏิภาณในการวินิจฉัยให้ได้ว่าผู้เข้ารับการฝึกต้องการ ความช่วยเหลือในเรื่องใด หากไม่แน่ใจก็อาจใช้วิธีการสอบถาม หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม ในขั้นต่อยอด ประสบการณ์มักมีการดำเนินการใน 2 ลักษณะ คือ 2.4.2.3.1 เมื่ อพ บ ว่าผู้เข้ารับ การฝึกมี ค วาม เข้าใจที่ ผิ ด บางประการหรือมีปัญหาที่จำเป็นต้องแก้ไข ปรับความรู้ความเข้าใจให้ถูกต้องและช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหา 2.4.2.3.2 เมื่อพบว่าผู้เข้ารับการฝึกมีความเข้าใจหลักการสอนดี แต่ยังขาดประสบการณ์ในการออกแบบการเรียนการสอน ก็จำเป็นต้องเพิ่มเติมความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ 2.4.3 ขั้นสรุปผลการชี้แนะ (Post – coaching) เป็นขั้นตอนที่ผู้ชี้แนะได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับการฝึกได้สรุปผล การชี้แนะ เพื่อให้ได้หลักการสำคัญนำไปปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนของตนเองต่อไป โดยมีการวางแผน ที่จะกลับมาชี้แนะร่วมกันอีกครั้งว่าความรู้ความเข้าใจอันใหม่ที่ได้รับการชี้แนะครั้งนี้จะเกิดผลในทางปฏิบัติ เพียงใด รวมไปถึงการตกลงร่วมกันในเรื่องให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ เช่น หาเอกสารมาให้ศึกษา ประสานงาน กับบุคคลอื่น ๆ แนะนำแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม เป็นต้น การใช้เครื่องมือหรือรูปแบบการใช้ภาษาในการชี้แนะมี 2 มิติ คือ มิติของการผลักดัน (Push) และมิติของการฉุดดึง (Pull) สำหรับการมีระดับของการผลักดันอย่างสุดขั้ว คือ การบอกความรู้ (Telling) ไปจนถึงระดับของการฉุดดึงสูงสุด คือ การรับฟัง (Listening) ซึ่งวิธีการเหล่านี้ เป็นการช่วยให้ผู้เข้ารับการฝึกได้พัฒนาการจัดการเรียนการสอนของตนเองได้ทั้งสิ้น หากแต่มีจุดเด่นจุดด้อย ของแต่ละวิธีแตกต่างกันไป ศึกษานิเทศก์ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทและภารกิจเป็นผู้ชี้แนะ จึงเลือกใช้ให้เหมาะสม กับสถานการณ์ต่าง ๆ และผู้เข้ารับการฝึกแต่ละคนมีข้อเตือนใจว่า หากใช้มิติของการผลักดัน ได้แก่ การบอก การอธิบาย การสอน การสาธิต การแนะนำเพียงด้านเดียวไม่ถือว่าเป็นการชี้แนะที่แท้จริง เครื่องมือ การรับฟัง การท้าทายให้ทำงาน การถามคำถามปลายเปิด การให้ข้อมูลป้อนกลับ ผู้ชี้แนะ ฉุดดึงครู ผลักดัน การแนะนำ การสอน การบอก ที่มา : เครื่องมือ/วิธีการชี้แนะ (Costa & Garrmston. 2002) 2.5 กลวิธีการชี้แนะ (Coaching Techniques) กลวิธีการชี้แนะเป็นความรู้เชิงปฏิบัติ (Practical knowledge) ที่ผู้ชี้แนะได้ค้นพบ การลงมือปฏิบัติการชี้แนะกับผู้รับการฝึกในสถานการณ์การทำงานจริง แล้วเก็บไปเป็นกลวิธีเฉพาะของตน ไว้ใช้ในการดำเนินการชี้แนะของตนเอง หากผู้ชี้แนะมีเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้กลวิธีการชี้แนะ
38 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยขยายประสบการณ์การชี้แนะให้กว้างขวางเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถสรุปกลวิธีการ ชี้แนะได้ดังนี้ 2.5.1 กลวิธีจับถูก ไม่จับผิด การชี้แนะเน้นไปที่การช่วย ผู้เข้ารับการฝึกมองหาว่าทำสิ่งใดได้ดี ถูกต้อง เหมาะสมแล้ว แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม เป็นวิธีการที่ช่วยให้ผู้เข้ารับการฝึกไม่รู้สึกอึดอัด เวลามีผู้ชี้แนะ มาทำงานด้วยการจับถูก ทำให้ผู้เข้ารับการฝึกได้เล็งเห็นคุณค่าในตนเอง และเกิดความฮึกเหิมที่จะพัฒนางาน การเรียนการสอนของตนเองต่อไป 2.5.2 กลวิธีปัญหาของใคร คนนั้นก็ต้องแก้ กรณีที่ผู้เข้ารับการฝึกมีแนวโน้มที่อยากพึ่งพาผู้ชี้แนะเพื่อแก้ไขปัญหา ให้หากผู้ชี้แนะตกหลุมพรางนี้ก็จะต้องคอยแก้ปัญหาให้ผู้เข้ารับการฝึกอยู่ร่ำไป การชี้แนะที่ดีจึงไม่รับปัญหา ของผู้เข้ารับการฝึกมาแก้ไขเสียเอง แต่พยายามช่วยเหลือให้ผู้เข้ารับการฝึกค้นพบวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเอง 2.5.3 กลวิธีชมสองอย่าง ชี้จุดบกพร่องหนึ่งอย่าง หากจำเป็นต้องชี้ให้เห็นจุดบกพร่องในการทำงาน ก็ต้องใช้ต่อเมื่อผู้เข้ารับ การฝึกและผู้ชี้แนะคุ้นเคย ไว้วางใจกันพอสมควร ทั้งผู้เข้ารับการฝึกยินดีรับฟังข้อบกพร่องของตนเองอย่างไร ก็ดี ผู้ชี้แนะต้องยึดหลักไม่ “ติ” มากกว่า “ชม” ยึดหลักว่า ให้ชมในเรื่องที่ทำได้ดีอย่างน้อย 2 เรื่องและ ชี้ข้อบกพร่องเพื่อให้ปรับปรุงเพียงประเด็นเดียวเท่านั้น 2.5.4 กลวิธีการถามไม่ต้องหวังคำตอบ การถามคำถามของผู้ชี้แนะ ช่วยให้ผู้รับการฝึกพิจารณาได้อย่างรอบด้าน มากขึ้น แบบอย่างของคำถามเหล่านี้ช่วยให้ผู้รับการฝึกเก็บไว้ถามตนเองได้ ดังนั้น ในบางคำถามต้องอาศัย เวลาในการคิดพิจารณา ก็อาจเป็น “คำถามฝากให้คิด” ไม่จำเป็นต้องบังคับให้ต้องตอบให้ได้ในขณะนั้น 2.5.5 กลวิธีให้การบ้าน ต้องตามมาตรวจ หลังจากเสร็จสิ้นการชี้แนะในแต่ละครั้ง จำเป็นที่จะต้องวางแผนร่วมกัน สำหรับการชี้แนะในครั้งต่อไป ผู้เข้ารับการฝึกต้องนำบทเรียนที่ได้จากครั้งนี้ไปปรับปรุงการสอนของตนเอง เป็นเหมือนการให้การบ้านไว้ แล้วก็กลับมาตรวจดูว่าสามารถปรับปรุงได้ดีเพียงใด เพื่อหาทางชี้แนะต่อไป ไม่ได้ให้การบ้านแต่ให้การทำงานในชั้นเรียน ในโรงเรียน (Seatwork/Authentic Performance) ที่ผู้รับ การฝึกมีโอกาสพบเห็นพฤติกรรมการทำงาน ความตั้งใจ มุ่งมั่น (AQ) ตามศักยภาพ และการบริหารจัดการ อารมณ์ของนักเรียน (EQ) 2.5.6 กลวิธีถ้าจะบอก ต้องมีทางเลือก การบอกวิธีการแก้ปัญหาให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกเพื่อนำมาใช้ในสถานการณ์ ที่มีเวลาจำกัด หรือในกรณีที่ผู้เข้ารับการฝึกมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนบางประการ ผู้ชี้แนะอาจเลือกใช้วิธีการ บอกหรือสั่งให้ทำ อย่างไรก็ตามในวิธีที่บอกหรือสั่งนั้น ควรมีอย่างน้อย 2 ทางเลือก เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึก สามารถตัดสินใจเลือกปฏิบัติให้เหมาะสมกับสภาพที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด 2.5.7 กลวิธีแกล้งทำเป็นไม่รู้ ผู้ชี้แนะอาจทำบทบาทของผู้ที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ให้ผู้เข้ารับการฝึกช่วยอธิบาย หรือให้คำแนะนำ ก็จะช่วยพัฒนาความสามารถของผู้เข้ารับการฝึกได้ดีทีเดียว
39 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 2.5.8 กลวิธีอดทนฟังให้ถึงที่สุด บางกรณีที่ผู้เข้ารับการฝึกอาจมีเรื่องมากมายที่อยากบอกเล่าให้ผู้ชี้แนะฟัง หลายเรื่องอาจไม่เข้าท่า หากแต่ผู้ชี้แนะสามารถอดทนฟังโดยไม่ตัดบทหรือแทรกแซงก็จะได้เข้าใจความคิด ของผู้เข้ารับการฝึกมากขึ้น บางทีผู้เข้ารับการฝึกก็อาจได้คิดทบทวนในสิ่งที่ตนเองพูดมาได้บ้าง 2.5.9 กลวิธีเราเรียนรู้ร่วมกัน ผู้ชี้แนะไม่จำเป็นจะต้องรู้ไปทุกเรื่อง ไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าผู้เข้ารับการฝึก แต่ก็ให้ถือว่าทั้งผู้ชี้แนะและผู้รับการฝึกสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้เสมอ ปัญหาบางเรื่องที่ต่างไม่เข้าใจ ก็ต้องมาช่วยกันหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน 3. เทคนิคการนิเทศการสอน 4 แบบ การนิเทศการสอนมีหลายอยู่วิธีการและมีการพัฒนาวิธีการนิเทศเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพ ของโรงเรียน ซึ่งวิธีการ 4 แบบ มีดังต่อไปนี้ 3.1 การนิเทศแบบตรวจสอบ (Inspection Supervision) การนิเทศแบบนี้เป็นการนิเทศแบบเก่าแก่ที่มีใช้มานาน ผู้นิเทศจะตรวจสอบเพื่อให้ ครูได้แก้ไข ปรับปรุง หรือพัฒนางาน เป็นการตรวจสอบเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ ของหลักสูตรที่กำหนดไว้ เช่น 3.1.1 การตรวจแผนการสอน จะตรวจสอบหรือตรวจตั้งแต่การวิเคราะห์หลักสูตร การวิเคราะห์ผู้เรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การใช้สื่อนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้ การวัดผลประเมินผล 3.1.2 การตรวจสอบการเข้าชั้นเรียน 3.1.3 การตรวจสอบการเข้าร่วมกิจกรรม เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วต้องชี้แจงให้ครู แก้ไขข้อบกพร่อง 3.2 การนิเทศแบบเน้นผลผลิต (Supervision as Production) การนิเทศแบบนี้จะมุ่งดูที่ผลงานของโรงเรียนว่าสามารถผลิตผู้เรียนออกสู่สังคม อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ มากน้อยเพียงใด บางคนเรียกการนิเทศแบบวิทยาศาสตร์ เพราะมีการวางแผน การทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ ตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างเป็นขั้นตอนที่ชัดเจน เป็นการวิเคราะห์ข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียน วิจัยและพัฒนาเพื่อให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน เช่น วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คะแนน NT คะแนน O – NET มาตรฐานด้านผู้เรียน เป็นต้น 3.3 การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision) การนิเทศแบบคลินิก หมายถึง กระบวนการสำหรับการสังเกตการสอนในชั้นเรียน ที่มีการดำเนินการอย่างมีระเบียบ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการเรียนการสอนของครู โดยครูและผู้นิเทศ จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อวางแผนการสอน การสังเกตการสอนและประเมินผลการจัดการเรียนการสอน เพื่อหาทางพัฒนา ปรับปรุง แก้ไขร่วมกัน ขณะเดียวกันก็จะต้องพยายามส่งเสริมให้ครูสามารถนิเทศตนเองได้ ในที่สุด และในการดำเนินงานนั้น ครูและผู้นิเทศจะร่วมกันสร้างความสัมพันธ์ ความเชื่อมั่น ความจริงใจ ไว้วางใจกันและกัน การนิเทศแบบนี้ยังมีลักษณะเป็นประชาธิปไตย และเป็นการนิเทศที่ยึดครูเป็นศูนย์กลาง แต่ในขณะเดียวกันก็จะประสานผลประโยชน์ของครูและโรงเรียนเข้าด้วยกัน หมายความว่า ขณะที่การนิเทศ นอกจากจะมุ่งพัฒนาในวิชาชีพของครูเป็นรายบุคคลแล้ว การนิเทศยังจะต้องมีความสอดคล้องกับเป้าหมาย และความต้องการของโรงเรียนด้วย การนิเทศแบบนี้จะเน้นที่การปรับปรุงกระบวนการเรียนรู้ในลักษณะที่จะพิจารณา และปรับปรุงแก้ไขตามความเหมาะสมของผู้รับการนิเทศ จึงคล้าย ๆ กับการรักษาอาการเจ็บป่วยของคนไข้
40 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ให้ฟื้นฟูสภาพเร็วขึ้น แต่การนิเทศการศึกษาจะมุ่งให้ผู้รับการนิเทศเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนการสอน ให้มีความเหมาะสม เป็นการนิเทศที่ได้ข้อมูลโดยตรง และเป็นความร่วมมือของครูกับผู้นิเทศ โดยทั้งผู้นิเทศ และผู้รับการนิเทศมีได้พบปะเผชิญหน้ากัน รับคำแนะนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสมและความจำเป็น เช่น การสังเกตการสอนตามสภาพจริง เพื่อนำไปปรับปรุงการสอน เป็นต้น 3.4 การนิเทศเพื่อการพัฒนา (Developmental Supervision) การนิเทศแบบนี้จะเน้นที่การพัฒนาให้ผู้ได้รับการนิเทศให้มีความรู้ความสามารถ ในการแก้ไขปัญหาของตนเองได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากวิธีการนิเทศข้างต้น พบว่า การนิเทศต้องเปิดใจกว้างและเรียนรู้ร่วมกันทุกคนทุกฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหาในห้องเรียนและโรงเรียนให้อยู่ในระดับมาตรฐานที่สังคมยอมรับได้ การมีปฏิสัมพันธ์อันดี ก่อให้เกิดมิตรภาพที่งดงาม เป็นการสานต่อการนิเทศครั้งถัดไปด้วย จึงควรใช้ถ้อยคำและท่าทางที่เป็นมิตร ในการให้คำแนะนำช่วยเหลือผู้รับการนิเทศ ดังนั้น การนิเทศภายในโรงเรียนจึงสามารถทำได้หลายรูปแบบ และสามารถผสมผสานแต่ละรูปแบบเข้าด้วยกัน ซึ่งจะใช้รูปแบบใด เมื่อใดนั้น ควรคำนึงถึงความเหมาะสมกับ สภาพของโรงเรียนเป็นสำคัญ ๓. บทบาทของผู้เกี่ยวข้องกับการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อให้การนิเทศภายในสถานศึกษามีประสิทธิภาพ ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ผู้มีส่วน เกี่ยวข้องจึงควรทราบและตระหนักถึงบทบาทของตนเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป ดังนี้ ผู้บริหารสถานศึกษา 1. สร้างความตระหนักและความเข้าใจร่วมกันให้กับบุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย 2. ดำเนินการวางแผนร่วมกับบุคลกรที่เป็นคณะทำงานหลัก 3. ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้นิเทศในทุกโอกาสที่เอื้ออำนวย 4. กำหนดบทบาทหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องกับการนิเทศภายในสถานศึกษา ซึ่งจะมีทั้งผู้นิเทศ ผู้รับการนิเทศ และผู้สนับสนุนการนิเทศ 5. สนับสนุนและสร้างขวัญกำลังใจในการดำเนินการนิเทศการศึกษาในทุกด้าน 6. ประสานงานกับศึกษานิเทศก์ เพิ่มเติมในประเด็นการนิเทศที่ต้องการความชัดเจน 7. ติดตามประเมินผล เพื่อปรับปรุงการนิเทศการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ครูผู้นิเทศ 1. ร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมการนิเทศภายในสถานศึกษาในทุกกิจกรรม ทั้งการ วางแผนการนิเทศ กำหนดกิจกรรมการนิเทศ วิธีดำเนินการ หรือปฏิทินปฏิบัติการนิเทศ เป็นต้น 2. ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทและหน้าที่ ตามที่ได้รับมอบหมายในการนิเทศภายใน เช่น เป็นวิทยากรให้ความรู้ในส่วนที่จะปฏิบัติ หรือเสนอวิทยากรจากแหล่งวิชาการอื่นมาช่วยให้ความรู้แก่ผู้รับ การนิเทศ เป็นต้น 3. ดำเนินการนิเทศการปฏิบัติงาน โดยการมีส่วนร่วมในการทำงาน ให้คำแนะนำ ปรึกษา ให้การช่วยเหลือ ช่วยแก้ไขจุดบกพร่อง และชี้แนะให้ผู้รับการนิเทศได้พัฒนาตนเอง 4. สร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้รับการนิเทศ เพื่อกระตุ้นและสนับสนุนให้ผู้รับการนิเทศ ได้พัฒนาตนเองด้วยความมั่นใจ 5. ดำเนินการประเมินผลการจัดการนิเทศการศึกษา เพื่อหาแนวทางปรับปรุงแก้ไข จุดบกพร่องต่าง ๆ และเพื่อหาทางยกระดับคุณภาพของการปฏิบัติงานให้สูงขึ้น
41 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ศึกษานิเทศก์ 1. ส่งเสริม สนับสนุน ให้มีการขับเคลื่อนการนิเทศภายในสถานศึกษามีความเข้มแข็งและ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 2. ดำเนินการติดตามและประเมินผลการดาเนินการนิเทศภายในสถานศึกษาเป็นระยะ เพื่อร่วมกับปรับปรุง พัฒนา การดำเนินงานของสถานศึกษา 3. สร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับสถานศึกษาที่ดำเนินการนิเทศภายในสถานศึกษาให้เป็น ต้นแบบของสถานศึกษาในเขตพื้นที่ 4. ถอดบทเรียนของสถานศึกษาที่มีการดำเนินงานนิเทศภายในสถานศึกษาที่เป็นแบบอย่าง เพื่อใช้เป็นแนวทางให้กับสถานศึกษาอื่น ๆ ต่อไป ๔. ความสำเร็จของการนิเทศภายในสถานศึกษา การประเมินสภาพความสำเร็จหรือความล้มเหลว ของการนิเทศภายในสถานศึกษา มีความจำเป็น และสำคัญมาก เพราะเป็นการสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายปลายทาง อย่างแท้จริงหรือไม่เพียงใด โดยการตรวจสอบ ดังนี้ 1. สถานศึกษาได้จัดการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามเกณฑ์มาตรฐานนิเทศภายใน ได้อย่างมีระบบ และต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพตามความต้องการหรือไม่เพียงใด 2. บุคลากรมีความพึงพอใจและได้พัฒนาความรู้ ความคิด ความสามารถในการปรับปรุงพฤติกรรม การสอน และพัฒนาวิชาชีพของตนหรือไม่เพียงใด 3. นักเรียนมีการพัฒนาตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรหรือไม่เพียงใด 4. สถานศึกษามีการพัฒนาคุณภาพได้ระดับตามเกณฑ์มาตรฐานเพียงใด ๕. กิจกรรมและการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน การนิเทศภายในสถานศึกษาเป็นกิจกรรมสำคัญในการสนับสนุนการเรียนการสอนภายในสถานศึกษา ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพของผู้บริหารสถานศึกษาซึ่งเป็นหน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้บริหาร สถานศึกษาต้องดำเนินการให้เกิดขึ้น ภายในสถานศึกษาและครูได้ปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนภายใน ชั้นเรียนและสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเป็นกระบวนการประกันคุณภาพของสถานศึกษา ว่าสถานศึกษาสามารถบริการจัดการภายในสถานศึกษาจนถึงเป้าหมายสุดท้ายคือ คุณภาพผู้เรียน ตามมาตรฐานหลักสูตรและเป้าหมายที่ตั้งไว้ หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้กำหนดวิธีดำเนินการในการนิเทศการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยได้ ศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎี ของการนิเทศเป็น 5 ขั้นตอน (หน่วยศึกษานิเทศก์, 2562) ดังนี้ ขั้นที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาและความต้องการ เป็นการกาหนดปัญหาและความต้องการในแก้ปัญหาหรือพัฒนา ดังนี้ 1.1 การจัดทำข้อมูลสารสนเทศพื้นฐาน เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาวางแผน การดำเนินงาน 1.2 การแลกเปลี่ยนระดมความคิด วิเคราะห์เพื่อหาสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นและ ความต้องการในการพัฒนาตามบริบทของหน่วยงาน 1.3 การจัดลำดับปัญหาและเลือกปัญหาที่เป็นความจำเป็นหรือต้องการในลำดับ เร่งด่วน หรือลำดับที่เห็นว่าสำคัญที่สุด
42 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 1.4 การสร้างการรับรู้ระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การประชุม การสัมมนา ฯลฯ เพื่อสร้างวิสัยทัศน์หรือสร้างเป้าหมายร่วมกันในการดำเนินงาน ขั้นที่ 2 การวางแผนการนิเทศ เป็นการนำปัญหาและความต้องการ กำหนดรายละเอียดของกิจกรรมในการจัดทำแผนนิเทศ ดังนี้ 2.1 กำหนดแนวทาง/วิธีการการพัฒนาที่หลากหลายตามปัญหาที่เกิดขึ้น ตามความ ต้องการและจำเป็นมีการใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้วิชาทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) และการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาวิชาชีพครู และการพัฒนาผู้เรียนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง 2.2 เลือกแนวทาง/วิธีการในการพัฒนาโดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 2.3 วางแผนการดำเนินงานพัฒนา 1) การประชุมเตรียมการนิเทศ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกัน 2) สร้างคณะนิเทศ เป็นทีมงานในการนิเทศร่วมกัน 3) กำหนดประเด็นการนิเทศ เป็นการกำหนดเนื้อหาที่จะนิเทศ 4) กำหนดระยะเวลาในการนิเทศ โดยกำหนดระยะเวลาในการนิเทศ ที่เหมาะสมกับการแก้ปัญหาและการพัฒนา 5) กำหนดวิธีการนิเทศและกิจกรรมการนิเทศที่เหมาะสมตามสภาพปัญหา และความต้องการ เช่น การประชุมสัมมนา การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสังเกตชั้นเรียน การสาธิต การบันทึก วิดีโอและการถ่ายภาพ การสัมภาษณ์ การ Coaching & Mentoring ฯลฯ โดยเน้นการใช้ ICT ในรูปแบบ ต่าง ๆ เช่น การใช้เป็นต้น 2.4 จัดทำแผนนิเทศ ประกอบด้วย หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ เป้าหมาย แผนการดำเนินการ กิจกรรมสำคัญ ปฏิทินการปฏิบัติงาน ทรัพยากรที่ต้องการ เครื่องมือนิเทศ ผลที่คาดว่า จะได้รับ ขั้นที่ 3 การสร้างสื่อและเครื่องมือนิเทศ สื่อและเครื่องมือนิเทศเป็นสิ่งที่จะช่วยให้การนิเทศมีประสิทธิภาพ บรรลุวัตถุประสงค์ และเป็นสิ่งที่จะช่วยเก็บรายละเอียดที่ผู้รับการนิเทศไม่สามารถแสดงออกมาได้ และสามารถเก็บข้อมูลนำมา เปรียบเทียบผลที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา และสิ่งที่ทาให้มีความเข้าใจตรงกันระหว่างผู้นิเทศ และผู้รับการนิเทศ 3.1 สร้างสื่อการนิเทศที่ทำให้การนิเทศบรรลุวัตถุประสงค์ เช่น วิธีการนิเทศ ทักษะ การนิเทศ เทคนิคการนิเทศ โดยเป็นสื่อที่สอดคล้องคล้องในยุคศตวรรษที่ ๒๑ เน้นการใช้ ICT ในรูปแบบต่างๆ เช่น การใช้ Line Application การใช้ Clip Video การ Conference การใช้ Video Line You Tube Facebook Live เป็นต้น 3.2 สร้างเครื่องมือการนิเทศเพื่อเก็บข้อมูลเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและพัฒนา ตรวจสอบ ติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงาน และการประเมินผลการดำเนินงาน ซึ่งเป็นเครื่องมือ ที่มีคุณภาพ ใช้ง่าย สามารถเก็บข้อมูลที่ตอบประเด็นปัญหาความต้องการ และเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหา ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ขั้นที่ 4 การปฏิบัติการนิเทศ ดำเนินการนิเทศตามวิธีการการนิเทศและกิจกรรมการนิเทศที่กำหนด
43 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน 4.1 ประชุมเตรียมการก่อนการนิเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจของผู้นิเทศ ให้การนิเทศ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 4.2 นิเทศตามขั้นตอน ระยะเวลา และใช้เครื่องมือตามที่กำหนด 4.3 การสะท้อนผลการนิเทศ 4.4 ปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงาน ขั้นที่ 5 การประเมินผลและรายงานผล 5.1 ประเมินความก้าวหน้าของการดำเนินงาน เช่น การดำเนินงานของผู้รับ การนิเทศ เพื่อนำผลไปปรับปรุงแนวทางการดำเนินงาน 5.2 ประเมินผลการนิเทศเมื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติการนิเทศตามระยะเวลาที่ต้องการ ในการนำผลไปใช้ในการพัฒนา หรือในแต่ละปีการศึกษา 5.3 รายงานผลการนิเทศต่อผู้เกี่ยวข้อง 5.4 นำผลการนิเทศที่เป็นปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะไปพัฒนาการนิเทศ ในครั้งต่อไปหรือในปีการศึกษาต่อไป กิจกรรมในการนิเทศภายในสถานศึกษา กิจกรรมการนิเทศที่จะเสนอต่อไปนี้ เป็นกิจกรรมที่สามารถนามำใช้ในการนิเทศภายในสถานศึกษา โดยแต่ละกิจกรรมจะประกอบด้วยสรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับความหมาย วัตถุประสงค์และขั้นตอนในการดำเนิน กิจกรรม เพื่อให้ผู้นิเทศได้นำไปใช้โดยสะดวก ดังนี้ 1. การประชุมก่อนเปิดภาคเรียน ความหมาย การประชุมก่อนเปิดเรียน หมายถึง การนัดหมายบุคลากรในสถานศึกษา หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษามาร่วมประชุมปรึกษาหารือ ชี้แจง สั่งการ หรือแลกเปลี่ยน ความคิดเห็น ในการปฏิบัติงานร่วมกัน วัตถุประสงค์ เพื่อเตรียมการด้านต่าง ๆ และปรับความคิดเห็นของบุคลากรให้ได้ข้อสรุป ในการปฏิบัติงานเป็นแนวทางเดียวกัน ซึ่งสามารถปฏิบัติงานได้ทันทีในวันเปิดเรียน กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับ ผู้รับการนิเทศกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ ขั้นตอนการประชุม ขั้นที่ 1 ขั้นตอนการประชุม 1.1 การประชุม - จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม - สถานที่จัดประชุม - วิธีการประชุมที่จะให้ได้สาระสำคัญที่สุด - วิทยากร - แผนดำเนินการ หรือตารางปฏิบัติการ 1.2 จัดสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก - ทรัพยากรที่เอื้อต่อความมุ่งหมายของการประชุม - สิ่งอานวยความสะดวกต่อการประชุมเพียงพอ - สถานที่ปลอดภัยและบรรยากาศร่มรื่น 1.3 การเตรียมเอกสาร
44 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน - เตรียมเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ ให้พร้อม - จัดระเบียบวาระการประชุม ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ระเบียบวาระที่ 2 เรื่องรับรองรายงานการประชุมครั้งที่แล้ว ระเบียบวาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง ระเบียบวาระที่ 4 เรื่องเสนอเพื่อทราบ ระเบียบวาระที่ 5 เรื่องเสนอเพื่อพิจารณา ระเบียบวาระที่ 6 เรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี) หัวข้อประชุมอย่างน้อยควรประกอบด้วย - การประเมินผลงานในปี/ภาคเรียนที่แล้วมา - ปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานในปี/ภาคเรียนที่แล้ว - แผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการในปี/ภาคเรียนต่อไป - การจัดครูเข้าชั้นเรียน - งานเตรียมการเกี่ยวกับการจัดทาแผนการสอน การผลิต สื่อการเรียนการสอน - งานเร่งด่วนที่ต้องจัดทา 1.4 เตรียมบุคลากร - ประสานงานวิทยากร (เรื่องที่พูด วัน เวลา สถานที่ วัตถุประสงค์ ของการประชุม) - แจ้งให้คณะครูหรือผู้เข้าร่วมประชุมทราบล่วงหน้า (วัน เวลา สถานที่ วัตถุประสงค์ของการประชุม) - แจ้งให้ประธานในพิธีเปิด-ปิดการประชุมทราบ ขั้นที่ 2 จัดประชุม 2.1 ดำเนินการประชุมให้เป็นไปตามระเบียบวาระ 2.2 สมาชิกอภิปรายตามข้อเสนอในที่ประชุม 2.3 สรุปมติให้ชัดเจน เมื่อจบการอภิปราย 2.4 ให้เลขานุการอ่านมติหรือข้อตกลงให้ที่ประชุมทราบ และให้สมาชิก ลงชื่อรับทราบรายงานการประชุมทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการประชุมในระบบหรือนอกระบบ ขั้นที่ 3 การประเมินผล 3.1 ประเมินผลสำเร็จของการประชุม 3.2 ตรวจสอบผลการดาเนินงานจากข้อตกลงในการประชุม 2. การปฐมนิเทศ ความหมาย การปฐมนิเทศ คือ การแนะนำ เสนอเรื่องต่าง ๆ ให้บุคลากรในหน่วยงาน รับทราบ และนำไปปฏิบัติได้ในทิศทางเดียวกัน การปฐมนิเทศอาจใช้กับบุคคลใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยที่สถานที่ และบุคคลในหน่วยงาน วัตถุประสงค์ เพื่อช่วยบุคลากรทุกคนปฏิบัติงานบรรลุตามวัตถุประสงค์ หากมีการ ปรับเปลี่ยนหน้าที่ผู้เข้ามาดำเนินงานจะได้เตรียมตัวศึกษาและหาวิธีทำงานเป็นของตนเอง ส่วนบุคคลเข้ามา ใหม่จะได้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ บุคคล บทบาทและหน้าที่ในการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
45 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ขั้นที่ 1 วางแผนการปฐมนิเทศ 1.1 กำหนดวัน เวลา และสถานที่ 1.2 กำหนดหัวข้อเรื่องที่จะปฐมนิเทศ 1.3 กำหนดวิทยากร 1.4 จัดทำเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ 1.5 จัดเตรียมเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ขั้นที่ 2 ปฐมนิเทศ/เรื่องที่ควรปฐมนิเทศ ได้แก่ 2.1 แนะนำอาคารสถานที่ 2.2 อธิบายถึงกฎและระเบียบต่างๆ ของสถานศึกษา 2.3 แนะนำให้รู้จักผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน 2.4 อธิบายการจัดการเรียนการสอน และการปฏิบัติงานในสถานศึกษา 2.5 แนะนำวิธีปฏิบัติตนเมื่อเกิดปัญหา ต้องการความร่วมมือหรือความช่วยเหลือ 2.6 อธิบายถึงลักษณะงานในหน้าที่ที่จะได้รับมอบหมาย 2.7 อธิบายถึงคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา และนโยบายของสถานศึกษา ขั้นที่ 3 ประเมินผลการปฐมนิเทศ 3.1 สอบถามความพึงพอใจจากผู้รับการปฐมนิเทศ 3.2 สังเกตการณ์ปฏิบัติงานของผู้รับการนิเทศ ๓. การเยี่ยมนิเทศชั้นเรียน การเยี่ยมนิเทศชั้นเรียน หมายถึง การที่ผู้นิเทศไปพบ สังเกตการทำงานของครูในชั้นเรียน เพื่อร่วมกันพัฒนาการทำงานให้มีคุณภาพ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 1.1 เพื่อสำรวจความต้องการของครู 1.2 เพื่อศึกษาปัญหาของครูในโรงเรียน 1.3 เพื่อประเมินผลการสอนของครู 1.4 เพื่อกระตุ้นให้ครูปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ 1.5 เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำแก่ครู ขั้นตอนในการนิเทศแบบเยี่ยมนิเทศชั้นเรียน ขั้นที่ 1 สร้างข้อตกลงในการนิเทศเยี่ยมชั้นเรียน มีขั้นตอนดังนี้ 1.1 พบปะสนทนา สร้างความคุ้นเคยและสร้างเจตคติที่ดีในการนิเทศแก่ครู 1.2 วางแผนการเยี่ยมนิเทศชั้นเรียนร่วมกับครูในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ 1.2.1 กำหนดการเยี่ยมนิเทศชั้นเรียน 1.2.2 กำหนดจุดมุ่งหมายในการเยี่ยมนิเทศชั้นเรียน 1.2.3 กำหนดเรื่องที่จะนิเทศตามความต้องการจำเป็น เช่น จัดทำเอกสาร และงานธุรการประจำห้องเรียน จัดห้องเรียนและบรรยากาศในห้องเรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นต้น 1.2.4 กำหนดวิธีการนิเทศ เช่น สำรวจปัญหาและความต้องการของครู สอบถามการปฏิบัติงานของครู ให้คำปรึกษาแนะนำ สังเกตการสอน เป็นต้น ขั้นที่ 2 ปฏิบัติการเยี่ยมนิเทศชั้นเรียนตามข้อตกลงที่กำหนดร่วมกันกับครู ดังนี้ 2.1 เข้าเยี่ยมนิเทศชั้นเรียนตรงตามเวลาที่กำหนด 2.2 ให้ความเป็นกันเองเพื่อสร้างเจตคติที่ดีแก่ครู
46 คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน กลุ่มงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 นิเทศภายใน ขั้นที่ 3 วิเคราะห์ผลการเยี่ยมนิเทศชั้นเรียน มีขั้นตอนดังนี้ 3.1 วิเคราะห์ผลการเยี่ยมนิเทศชั้นเรียนร่วมกับครู 3.2 สรุปผลการเยี่ยมนิเทศชั้นเรียน 3.3 ให้คำปรึกษาแนะนำ ขั้นที่ 4 ปรับปรุงการทำงาน ครูนำผลการเยี่ยมนิเทศชั้นเรียนมาปรับปรุงแก้ไข