แผนการจัดการเรยี นรู้
รายวิชา ว30282 วิทยาการคอมพิวเตอรป์ ระยกุ ต์ จานวน 1.5 หนว่ ยกติ
ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
นายฐปนวัฒน์ ชกู ลนิ่ และ นางสาวกุศลนิ ทพิ ยม์ โนสิงห์
ครผู ู้สอน
โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวทิ ยาลยั นครศรีธรรมราช
สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษานครศรีธรรมราช
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง ปฐมนิเทศรายวชิ า
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เรียนรู้วิทยาการคอมพวิ เตอร์
รายวิชา วิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ รหัสวิชา ว30282 เวลา 1 ชวั่ โมง
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565
___________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
นักเรียนสามารถอธิบายกิจกรรมการเรยี นการสอน ขอบข่ายเนื้อหาวชิ า ผลการเรยี นรู้ กฎเกณฑใ์ น
ช้นั เรยี น เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล ศกึ ษาตวั อย่างการทางานของรุ่นพใ่ี นรายวชิ า ว30282 วทิ ยาการ
คอมพิวเตอรป์ ระยกุ ต์
2. ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้
เน้นการสง่ เสรมิ การประดษิ ฐ์คิดคน้ ความคิดริเร่มิ สร้างสรรค์ และการทาโครงงาน
3.จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
- นักเรยี นมคี วามเข้าใจตรงกัน เกี่ยวกับกจิ กรรมการเรยี นการสอน ขอบขา่ ยเนื้อหาวชิ า
ผลการเรียนรู้ กฎเกณฑ์ในชัน้ เรียน เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล
- นักเรยี นอธบิ ายข้อค้นพบจากการศึกษางานของรุ่นพไ่ี ด้
3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
- นักเรยี นมปี ฏสิ มั พนั ธ์ท่ีดี ทาความรจู้ ักและสร้างความคุ้นเคยระหวา่ งครูกับนักเรยี น
3.3 ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
- เหน็ คณุ ค่าของเน้ือหาวชิ าวทิ ยาการคอมพิวเตอรป์ ระยกุ ต์
4. สมรรถนะท่ีสาคญั คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
1. ความสามารถในการส่ือสาร 3. ม่งุ มัน่ ในการทางาน
2. ความสามารถในการคิด
1) ทกั ษะการสื่อสาร
2) ทักษะการทางานร่วมกัน
3) ทักษะกระบวนการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ
4) ทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. สาระการเรยี นรู้
1. การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เช่น การปกปอ้ งความเป็นส่วนตวั และอตั ลักษณ์
2. การจัดการอัตลักษณ์ เชน่ การตั้งรหสั ผา่ น
3. การพิจารณาความเหมะสมของเนื้อหา เชน่ ละเมิดความเปน็ สว่ นตวั ของผอู้ นื่ อนาจาร วจิ ารณผ์ ู้อ่นื
อยา่ งหยาบคาย
4. ข้อตกลง ข้อกาหนดในการส่อื หรือแหลง่ ข้อมูลต่างๆ เช่น creative common
- คาอธิบายรายวิชาและผลการเรียนรู้
- ลักษณะเนอ้ื หาวชิ า
- วธิ ีการเรยี นการสอน
- กิจกรรมทบทวนความรู้เดมิ และกระตุ้นการเรยี นรู้
- การวัดผลและประเมินผล
- ตัวอย่างผลงานจากรนุ่ พี่
สาระที่บูรณาการ (ถ้ามี)
-
6. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
อธบิ ายกจิ กรรมการเรยี นการสอน ขอบขา่ ยเน้ือหาวชิ า ผลการเรียนรู้ กฎเกณฑ์ในชัน้ เรยี น เกณฑ์
การวดั และประเมินผล ศึกษาตวั อยา่ งการทางานของร่นุ พี่ในรายวชิ า ว30282 วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ประยุกต์
7. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชวั่ โมงที่ 1
ขัน้ ท่ี 1 นาเขา้ สบู่ ทเรยี น (10 นาท)ี กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
สร้างความสนใจ (นาเข้าสูบ่ ทเรียน)
1. ครชู ีแ้ จงจดุ ประสงค์การเรียนรู้และเกริ่นนา เกี่ยวกับวิชา วิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ ครูได้ทา
ความรจู้ ักนักเรยี นเป็นรายบุคคลโดยการเรียกชอื่ ตามลาดบั
2. ครแู นะนาตัวเอง โดยบอกชื่อ นามสกลุ ภมู ิลาเนา สถาบันที่จบการศกึ ษา และประสบการณ์ใน
การสอนพรอ้ มท้ังเปดิ สไลดป์ ระวตั สิ ่วนตัวใหก้ บั นกั เรยี นดูพรอ้ มๆ กบั การบรรยาย
3. ครกู ระตุ้นคาถามเพื่อให้นักเรียนร่วมกันสนทนาแสดงความคิดเหน็ โตต้ อบเพ่ือสร้างความคุ้นเคย
4. มอบหมายให้นักเรียนเปิด google classroom รายวิชา ว30282 วิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์
จากน้ันไปที่เมนู งานชั้นเรียน และให้นักเรียนเลือกลิงค์หัวข้อแนะนาตัวเอง จากนั้นให้นักเรียนเขียนประวัติ
ส่วนตัวลงบนลิงค์โปรแกรม Padlet โดยให้ป้อนข้อมูลตามท่ีครูกาหนดดังตัวอย่างให้เหมาะสมพร้อมแนบ
รปู ภาพที่เปน็ ปจั จบุ ัน
ขน้ั สอน
ขนั้ ที่ 2 การจัดการเรยี นรู้ (35 นาที) สารวจค้นหา (Explore)
5. นักเรยี นดาวน์โหลดแผนการเรยี นรูฉ้ บบั ย่อใน google classroom รายวชิ า ว30282 วทิ ยาการ
คอมพวิ เตอร์ประยกุ ต์ และศึกษารายละเอยี ด ครูเสรมิ เกยี่ วกับหนว่ ยการเรยี นรู้ตา่ งๆ ดังนี้
หนว่ ยการเรยี นรวู้ ิชา วิทยาการคอมพิวเตอร์ประยกุ ต์ ที่จะเรยี นในภาคเรียนที่ 1 มี 4 หนว่ ย ดงั น้ี
หน่วยท่ี 1 เรือ่ ง เรยี นรู้วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ (6 ชว่ั โมง) ซึง่ มีสาระการเรยี นรู้ยอ่ ย ดังนี้
- ศกึ ษาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีใหมๆ่
- ศกึ ษาตัวอย่างการสรา้ งช้ินงานจากร่นุ พ่ี
- การแลกเปลีย่ นเรียนรูว้ ทิ ยาการคอมพวิ เตอร์
หน่วยที่ 2 เรอ่ื ง การออกแบบชน้ิ งานดา้ นคอมพิวเตอร์ (6 ช่วั โมง) ซงึ่ มีสาระการเรยี นร้ยู ่อย ดังน้ี
- สร้างสรรคช์ น้ิ งานดว้ ย DESING THINKING
- ศึกษาและวเิ คราะหว์ ิทยาการคอมพวิ เตอรเ์ พ่ือแก้ปัญหา
- การเขยี นหัวข้อนาเสนอ/การเขียน Flowchart/การเขยี น story board
- การนาเสนอหัวข้อชิ้นงาน
หน่วยที่ 3 เร่ือง การสรา้ งสรรค์ช้ินงานด้านคอมพิวเตอร์ (25ช่ัวโมง) ซง่ึ มสี าระการเรียนรู้ย่อย ดังน้ี
- การสรา้ ง Logbook ดว้ ย google site
- ศกึ ษาเครือ่ งมือทใี่ ช้ในการแก้ปัญหาเพ่ือสรา้ งชิน้ งาน
- ประยุกตใ์ ช้หลกั การ/ทฤษฎใี นการสร้างชน้ิ งานด้านคอมพวิ เตอร์ระยะที่ 1
- รายงานความก้าวหนา้ ครั้งท่ี 1
- สร้างสรรค์ชิ้นงานดา้ นคอมพิวเตอรร์ ะยะที่ 2 (กลางภาค)
- รายงานความก้าวหน้าคร้ังท่ี 2
- สร้างสรรคช์ ิ้นงานด้านคอมพิวเตอร์ระยะท่ี 3 (ปลายภาค)
- รายงานความก้าวหน้าครั้งที่ 3
หนว่ ยที่ 4 เรือ่ ง นาเสนอแลกเปล่ียนเรียนรู้ (9 ชว่ั โมง) ซง่ึ มสี าระการเรียนร้ยู อ่ ย ดงั น้ี
- ศึกษาเครอื่ งมือสร้างสรรคผ์ ลงานนาเสนอ
- แลกเปลย่ี นเรียนรู้เผยแพร่ผลงาน
- สรปุ /อภิปรายผล กจิ กรรมการพัฒนาโปรแกรม/ช้นิ งาน
6. ครูถามคาถามกระตุน้ เพ่ือเป็นการนาเข้าสเู่ นอ้ื หาทจ่ี ะเรียน จากเอกสารประกอบการเรียน รายวิชา
รายวชิ า ว30282 วิทยาการคอมพวิ เตอร์ประยุกต์ คาถามปลายเปดิ ถามว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยี
สารสนเทศใหม่ๆ อะไรบ้าง
7. นักเรียนแตล่ ะคนรว่ มกนั พูดคยุ และอภปิ ราย จากข้อมูลทไี่ ด้ศึกษา แลว้ ชว่ ยกันเขียนสรปุ ลงใน
กระดาษฟลิปชาร์ต (Flip chart) โดยครูสังเกตการทากิจกรรมจากการให้ความร่วมมือของนักเรียนแต่ละ
คนอย่างใกล้ชิด พร้อมให้คาแนะนากับนักเรียนทม่ี ีขอ้ สงสัยระหวา่ งการทากจิ กรรม
ขนั้ สรปุ
ขนั้ สรปุ และนาหลักการไปประยกุ ตใ์ ช้ (5 นาที) ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
อธิบายและลงข้อสรุป (ขน้ั สอนนักเรยี นอธิบาย สรุป)
8. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนในส่วนต่างๆ ร่วมกัน โดยศึกษาจาก
แผนการประเมินผลการเรียนรแู้ ละการมอบหมายงาน โดยแบ่งคะแนนออกเปน็
1.1 ประเมินจากงานหรือการบ้านท่ีมอบหมาย 30 คะแนน
1.2 ประเมนิ จากความกา้ วหน้าของชน้ิ งานระยะที่ 1 10 คะแนน
1.3 ประเมนิ จากความก้าวหนา้ ของช้นิ งานระยะที่ 2 (กลางภาค) 20 คะแนน
1.4 ประเมินจากความกา้ วหนา้ ของชน้ิ งานระยะท่ี 3 20 คะแนน
1.5 ประเมินจากการนาเสนอผลงาน (ปลายภาค) 20 คะแนน
รวม 100 คะแนน
9. ขอ้ ตกลงเก่ียวกับหลักการ ขอ้ ปฏบิ ัติและกฎระเบียบในการเรยี นการสอนในห้องเรียน ดังนี้
- นักเรียนต้องเขา้ เรยี นไมต่ ่ากวา่ 80 เปอร์เซ็นต์ ของเวลาเรียนทัง้ หมด
- ไมห่ ยอกลอ้ พูดคุยเสยี งดงั หรอื สง่ เสยี งรบกวนเพื่อนนกั เรยี นในเวลาเรยี น
- นักเรยี นตอ้ งเขา้ เรยี นใหต้ รงเวลา
- หากมคี วามจาเป็นตอ้ งออกจากห้องเรียน ต้องขออนญุ าตครูผสู้ อนกอ่ นทุกครง้ั
- ไมน่ าอาหารมารบั ประทานในห้องเรยี นขณะครสู อน
- หากมีข้อสงสัยขณะเรียน ใหส้ อบถามครไู ด้ทนั ที
ขยายความรู้ (ขั้นสอนครูเพ่ิมเติม ขยายความรู้)
10. นกั เรียนเปิด google classroom แล้วไปทเ่ี มนูงานชั้นเรียน เลือกหัวขอ้ รู้จักกับรายวิชา ว30282
เลอื กเร่ือง ศึกษางานจากรุ่นพ่ี
11. นกั เรียนเลือกศกึ ษางานจากรุ่นพี่อยา่ งน้อยคนละ 1 เรื่อง โดยเม่อื ศกึ ษางานจากร่นุ พีจ่ นเข้าใจแล้ว
ให้นกั เรยี นบนั ทึกข้อค้นพบจากงานของร่นุ พ่ีลงในใบงานท่ี 1 เรอื่ ง บันทึกข้อค้นพบจากงานของรุน่ พี่
การประเมินผล (ข้นั สรปุ ปดิ บทเรยี น สะท้อนความคดิ โดยครแู ละนกั เรยี น )
12. ตวั แทนนกั เรยี นออกมานาเสนอเรื่องที่ ตนเองไปศกึ ษาและรว่ มกนั สรุปข้อคน้ พบเก่ยี วกบั งานของร่นุ
พ่วี ่าส่วนใหญ่ผลงานเป็นผลงานแนวไหน ใชโ้ ปรแกรมอะไรในการพัฒนางาน
8. ส่อื นวัตกรรม เทคโนโลยีการจดั การเรียนรู้ และแหล่งการเรยี นรู้
- แผนการจดั การเรยี นรูแ้ ละแผนการประเมินผลการเรยี นรู้ฉบับยอ่
- PowerPoint เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั
- กระดาษฟลปิ ชารต์ (Flip chart)
- แบบฟอร์มจากลิงค์ Padlet และ google Form แนะนาตนเอง
- ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง บันทึกข้อคน้ พบจากงานของร่นุ พ่ี
แหล่งการเรียนรู้
- หอ้ งเรยี น - หอ้ งสมุด - แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ
- เวบ็ ไซต์รายวชิ า และ คลาสรูมรายวชิ า - ลงิ กไ์ ดร์ฟของครู้ผู้สอน
กิจกรรมเสนอแนะ
ชมวิดโี อเพ่ิมเติมเกยี่ วกบั สถานการณแ์ ละข่าวสารต่างๆ ผา่ นระบบออนไลน์
9. การวัดและประเมินผล น้าหนักคะแนน วธิ ีวัด เครอ่ื งมอื วดั
KPA
จุดประสงค์ น้าหนัก
การเรยี นรู้ คะแนนรวม
รวม
เกณฑก์ ารให้คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ดั เจนและสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ชิ ดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั บิ างคร้ัง ให้ 1 คะแนน
พฤติกรรมที่ไม่ปฏบิ ัติ ให้ 0 คะแนน
10. ความเหน็ ของผู้บริหาร / ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
................................................................................................................... ...........................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................... ..........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงช่ือ.............................................................................
(นายสทิ ธิชยั แสงนิล)
ตาแหนง่ รองผ้อู านวยการสถานศึกษา กลมุ่ บริหารวิชาการ
วนั ที่..................เดอื น................................พ.ศ.............
11. บนั ทึกผลหลังสอน
11.1 ผลการสอน
สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก…………………………………….
11.2 ผลที่เกิดกบั ผูเ้ รียน
1) การประเมินผลความรหู้ ลังการเรยี น (K) โดยใช้....................พบว่านักเรยี นผา่ นการ
ประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไมผ่ า่ นเกณฑ์ข้ันตา่ ท่ีกาหนดไว้คดิ เปน็ รอ้ ยละ............ได้แก.่ ....................
2) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรียน (S) โดยใช้................
พบว่านกั เรยี นผา่ นการประเมินคิดเป็นร้อยละ.................ไม่ผ่านเกณฑ์ขนั้ ตา่ ท่ีกาหนดไว้คิดเป็นร้อยละ
...................ไดแ้ ก.่ ..........................................
3) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรยี น (A) โดยใช้...................พบว่านักเรียนผา่ นการ
ประเมนิ คิดเปน็ รอ้ ยละ..............ไมผ่ า่ นเกณฑ์ขั้นตา่ ที่กาหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ.............ไดแ้ ก.่ .............
11.3 ปญั หาและอุปสรรค
กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
มนี ักเรียนทาใบงาน / ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกาหนดเวลา
มนี กั เรยี นทีไ่ มส่ นใจเรียน
อื่นๆ....................................................................................................................
11.4 ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
ควรนาแผนไปปรบั ปรุงเรื่อง...............................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ีไม่ผ่านการประเมิน
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ .....................
ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ
ลงช่อื ...............................................ผสู้ อน
(นายฐปนวัฒน์ ชูกลน่ิ )
วนั ที่........../................/................
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เร่อื ง วิทยาการคอมพิวเตอร์
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ เรยี นรูว้ ทิ ยาการคอมพิวเตอร์
รายวชิ า วิทยาการคอมพิวเตอรป์ ระยุกต์ รหสั วิชา ว30282 เวลา 2 ช่วั โมง
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
___________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
นักเรียนได้เรียนรู้วิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันและใน
ศาสตร์ท่เี ก่ียวกับคอมพิวเตอร์ ทง้ั ดา้ นโครงสร้างของคอมพิวเตอร์การทางานภายในคอมพิวเตอร์และรวมไปถึง
การนาคอมพวิ เตอรไ์ ปประยกุ ตใ์ ช้งาน
2. ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้
เน้นการสง่ เสรมิ การประดษิ ฐ์คดิ คน้ ความคดิ ริเริ่มสรา้ งสรรค์ และการทาโครงงาน
3.จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
- นกั เรียนสามารถยกตวั อย่าง โปรแกรมทส่ี ามารถนามาพฒั นานวตั กรรมวิทยาการคอมพิวเตอร์ หรอื
เทคโนโลยใี หมๆ่ ได้
3.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
- สืบค้นขอ้ มูลวทิ ยาการคอมพิวเตอร์ปัจจบุ นั
- สรา้ งสไลดก์ ารนาเสนอขอ้ มูลวิทยาการคอมพวิ เตอร์ปจั จุบนั ได้
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
- มีความมงุ่ มัน่ ในการทางาน
- ใฝเ่ รียน ใฝ่รู้
- มจี ิตใจเปิดกว้างเชอ่ื ในเหตผุ ล
4. สมรรถนะที่สาคญั
สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
1) ทักษะการส่อื สาร 3. มุง่ มัน่ ในการทางาน
2) ทกั ษะการทางานร่วมกัน
3) ทกั ษะกระบวนการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ
4) ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. สาระการเรียนรู้
- ความหมายของวิทยาการคอมพวิ เตอร์
- ศาสตร์ทีเ่ ก่ยี วข้องกับวิทยาการคอมพวิ เตอร์
1. การเขยี นโปรแกรมหรือซอฟตแ์ วร์
2. การควบคมุ ไมโครคอนโทรลเลอร์
3. การสอื่ สารระหวา่ งคอมพวิ เตอร์หรอื อุปกรณส์ ื่อสาร
4. การนาคอมพิวเตอรไ์ ปใช้ในงานกราฟิก มลั ตมิ เี ดยี (ดา้ นเกมคอมพิวเตอร์)
5. การนาคอมพิวเตอรไ์ ปใชใ้ นงานกราฟิก มัลตมิ ีเดยี (ด้านสอ่ื การสอน/การต์ นู แอนิเมชั่น/Motion
infographic)
6. การนาคอมพิวเตอร์ไปใช้ในงานกราฟิก มลั ตมิ เี ดีย (ดา้ นสื่อการสอนภาพน่ิง/การต์ นู Comic)
7. การนาคอมพิวเตอรไ์ ปใชใ้ นงานการสรา้ งแอพลิเคช่ัน
สาระทบ่ี ูรณาการ (ถา้ มี)
บรู ณาการกบั กล่มุ สาระภาษาอังกฤษ ภาษาไทย หรอื กลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
6. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
วิทยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยใี หมๆ่ ดา้ นคอมพิวเตอร์ในปจั จุบนั และใน ศาสตรท์ เ่ี กี่ยวกบั
คอมพิวเตอร์ทั้งด้านโครงสรา้ งของคอมพวิ เตอรก์ ารทางานภายในคอมพิวเตอร์และรวมไปถงึ การนา
คอมพิวเตอร์ไป ประยุกต์ใชง้ าน
7. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชัว่ โมงท่ี 1
ข้ันที่ 1 นาเขา้ ส่บู ทเรียน (30 นาที) กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
สรา้ งความสนใจ (นาเข้าสบู่ ทเรยี น)
1. ครูใหน้ กั เรยี นสืบคน้ หาขอ้ มูลทางอนิ เตอร์เนต็ เกีย่ วกบั คาว่า “วิทยาการคอมพิวเตอร์” วา่ มี
ความหมายวา่ อย่างไร เกี่ยวข้องกับงานดา้ นใดบ้าง นกั เรยี นช่วยกนั อธิบายเก่ียวกับคาวา่
“วิทยาการคอมพวิ เตอร์”
2. ครูเปดิ โปรแกรมส่มุ ผ่านทางเวบ็ ไซต์ https://wheeldecide.com/ เพือ่ สมุ่ นักเรยี นออกมา
นาเสนอหวั ข้อต่อไปนี้หวั ขอ้ ละ 1 คน
1. ความหมายของวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์
2. วิทยาการคอมพวิ เตอร์เก่ยี วข้องกับศาสตรใ์ ดบ้าง
ขั้นสอน
ข้นั ท่ี 2 การจัดการเรียนรู้ (50 นาที) สารวจค้นหา (Explore)
สารวจและคน้ หา (ขน้ั สอน ข้ันนกั เรียนทากจิ กรรม)
1. นักเรียนเปิดสไลด์ประกอบการเรียนเพอื่ ศกึ ษาข้อมูลเร่อื ง เรยี นรวู้ ิทยาการคอมพิวเตอร์
(computer Science) จาก google classroom รายวิชา ว30282 วทิ ยาการคอมพิวเตอร์
ประยกุ ต์ ในหวั ข้อเรยี นรู้วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์
2. ครูอธิบายเพม่ิ เติมเก่ยี วกับวทิ ยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละศาสตร์ต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วกบั วิทยาการคอมพิวเตอร์
3. นกั เรยี นจับกลมุ่ กล่มุ ละ 4 คน เพือ่ สบื ค้นโปรแกรมท่ีใช้สาหรับงานดา้ นตา่ ง ๆ ตามหัวขอ้ ทแี่ ต่ละกลมุ่
ไดร้ บั มอบหมายโดยหัวขอ้ ให้ตวั แทนแตล่ ะกลมุ่ ออกมาจับฉลากหน้าชน้ั เรียน โดยหวั ขอ้ ประกอบไปด้วย
1. การเขียนโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์และการควบคุมไมโครคอนโทรลเลอร์
2. การสอ่ื สารระหว่างคอมพิวเตอรห์ รอื อปุ กรณ์ส่อื สาร
3. การนาคอมพวิ เตอร์ไปใช้ในงานกราฟิก มัลติมเี ดยี (ด้านเกมคอมพวิ เตอร์)
4. การนาคอมพวิ เตอรไ์ ปใช้ในงานกราฟิก มลั ตมิ เี ดีย (ดา้ นสื่อการสอน/การต์ นู แอนิเมชน่ั /
Motion infographic)
5. การนาคอมพิวเตอรไ์ ปใชใ้ นงานกราฟิก มัลติมีเดีย (ด้านส่อื การสอนภาพน่งิ /การต์ นู Comic)
6. การนาคอมพวิ เตอรไ์ ปใช้ในงานการสร้างแอพลิเคชนั่
4. เม่อื นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มจับฉลากหวั ข้อทต่ี นเองรับผดิ ชอบได้แลว้ ให้นักเรยี นสร้างงานนาเสนอโดยมีหัวขอ้
ดงั ต่อไปนี้
- ช่อื โปรแกรม
- รปู ภาพโปรแกรม
- ลกั ษณะการใชง้ าน
- ตัวอย่างงานทส่ี ร้างด้วยโปรแกรมท่ีนักเรยี นสบื คน้ มา
5. ใหเ้ ขา้ ไปที่ google classroom รายวชิ า ว30282 วทิ ยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ เลือกหวั ข้อเรยี นรู้
วทิ ยาการคอมพิวเตอรป์ ระยุกต์ เรื่อง สมาชิกกลุ่ม บันทึกข้อมูลรายชอื่ สมาชิกและโปรแกรมท่ีกลุ่มตอ้ งการ
สบื คน้ ลงบน google sheet เพ่อื ตรวจสอบว่าเร่ืองของตนไมซ่ ้ากับกลมุ่ อนื่
6. เม่ือนักเรียนเลือกหวั ข้อทตี่ ้องการศกึ ษาได้แล้วลงมือปฏบิ ตั กิ ารสืบคน้ และสร้างสไลดใ์ น โปรแกรมท่ี
นักเรยี นถนดั และส่งงานนาเสนอที่ Google classroom รายวชิ า ว30282 วิทยาการคอมพวิ เตอร์ประยกุ ต์
หวั ข้อ ส่งงานกล่มุ และเตรียมนาเสนอในชั่วโมงถัดไป
ขนั้ สรปุ
ขน้ั สรุปและนาหลักการไปประยุกตใ์ ช้ (20 นาที) ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
อธิบายและลงข้อสรปุ (ข้ันสอนนกั เรียนอธิบาย สรปุ )
7. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปผลหวั ข้อการสบื ค้นวิทยาการคอมพิวเตอรท์ น่ี ักเรียนแต่ละกลุม่ สนใจโดยเปดิ
ตารางสรปุ ผลบนเวบ็ ไซต์รายวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ประยุกต์ เมนูสมาชิกกลุม่ ในตาราง google sheet และให้
ตวั แทนกล่มุ ออกมานาเสนอเหตุผลทเ่ี ลือกโปรแกรมทลี่ งข้อมลู ไว้
ขยายความรู้(ขนั้ สอน ครูเพ่มิ เติม ขยายความรู้)
8. ครูขยายความร้ไู ปส่งู านต่างๆ ท่นี ักเรียนสามารถนามาเป็นตวั อย่างในการพฒั นางานของกลุ่มตนเองใน
อนาคต ทีเ่ กย่ี วข้องกับศาสตร์วิทยาการคอมพวิ เตอร์ เพื่อให้นักเรียนมีแนวทางในการสืบค้นขอ้ มูลมากขน้ึ ซง่ึ
อธิบายให้นักเรียนฟังว่าควรจะทาการสืบคน้ เร่ืองทีส่ ามารถนามาพฒั นางานในรายวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
ประยุกตน์ ้ีได้
การประเมนิ ผล (ข้นั สรปุ ปดิ บทเรียน สะท้อนความคดิ โดยครแู ละนกั เรยี น )
9. ครูตรวจผลการสบื ค้นข้อมลู และตรวจประเมินให้คะแนนสไลด์งานนาเสนอของนักเรียนที่จะนาเสนอ
ในสัปดาห์ถดั ไป และรว่ มกันปรบั แกใ้ ห้เปน็ ไปแนวทางเดียวกนั
8. สอื่ นวตั กรรม เทคโนโลยีการจดั การเรยี นรู้ และแหลง่ การเรยี นรู้
- สไลด์ประกอบการเรียน เร่ือง เรยี นรูว้ ทิ ยาการคอมพิวเตอร์ (computer science)
- แบบฟอร์ม google sheet ลงขอ้ มลู สมาชิกกลมุ่ และหวั ข้อการนาเสนอ
- ใบงานที่ 2 เร่อื ง สืบค้นโปรแกรมสาหรบั งานด้านต่างๆ
แหล่งการเรียนรู้
- อนิ เตอรเ์ นต็ และเวบ็ ไซต์ต่างๆ - ห้องเรียน - ห้องสมุด - แหล่งข้อมลู สารสนเทศ
- เวบ็ ไซต์รายวชิ า และ คลาสรมู รายวชิ า - ลิงกไ์ ดรฟ์ ของครผู้ ูส้ อน
กจิ กรรมเสนอแนะ
ชมวดิ โี อเพิ่มเติมเกยี่ วกบั สถานการณแ์ ละข่าวสารตา่ งๆ ผ่านระบบออนไลน์
9. การวัดและประเมนิ ผล
ภาระงาน / ชนิ้ งาน วธิ ีการวัด เครอื่ งมอื วัด เกณฑ์ที่ใช้ ผปู้ ระเมิน
ประเมิน ครู
ใบงานท่ี 2 เรือ่ ง -ตรวจผลงานใบงานท่ี 2 -แบบประเมินใบงานที่ 2 ผ่านเกณฑ์
เร่อื ง สืบคน้ โปรแกรม ร้อยละ 75
สบื ค้นโปรแกรม เร่อื ง สบื ค้นโปรแกรม สาหรบั งานดา้ นต่าง ๆ
สาหรับงานด้านต่าง ๆ สาหรบั งานด้านต่าง ๆ
ทักษะ/กระบวนการ วิธกี ารวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์ท่ใี ช้ ผู้ประเมนิ
ประเมนิ ครู
ภาระงาน / ช้ินงาน -ตรวจผลการ -แบบประเมินการ ผา่ นเกณฑ์
สบื ค้นข้อมูล สืบค้นข้อมูล รอ้ ยละ 75 คร/ู นักเรยี น
1. การสืบคน้ ขอ้ มลู วทิ ยาการ
คอมพวิ เตอร์ปัจจุบัน -ตรวจผลงาน -แบบประเมินผลงาน ผ่านเกณฑ์
2. การสร้างสไลด์การนาเสนอ สไลดก์ าร สไลด์การนาเสนอ รอ้ ยละ 75
ข้อมูลวิทยาการคอมพวิ เตอร์ นาเสนอ
ปจั จบุ ัน
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
ภาระงาน/ช้ินงาน/ วิธกี ารวดั เครอื่ งมือวัด เกณฑท์ ใี่ ช้ ผูป้ ระเมนิ
พฤตกิ รรม ประเมนิ ครู
-แบบสงั เกต กาหนดมาตราประมาณคา่
1. มีความมุง่ ม่ันใน สังเกตพฤติกรรม พฤติกรรม (Rating scale) 5 ระดบั
การทางาน ตามท่กี าหนดไว้
2. ใฝเ่ รยี น ใฝ่รู้
3. มจี ติ ใจเปิดกว้าง
เชือ่ ในเหตผุ ล
10. ความเหน็ ของผู้บริหาร / ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ.............................................................................
(นายสทิ ธิชัย แสงนลิ )
ตาแหน่ง รองผ้อู านวยการสถานศึกษา กล่มุ บริหารวชิ าการ
วันท่ี..................เดอื น................................พ.ศ.............
11. บนั ทึกผลหลังสอน
11.1 ผลการสอน
สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก…………………………………….
11.2 ผลที่เกิดกบั ผูเ้ รียน
1) การประเมินผลความรหู้ ลังการเรยี น (K) โดยใช้....................พบว่านักเรยี นผา่ นการ
ประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไมผ่ า่ นเกณฑ์ข้ันตา่ ท่ีกาหนดไว้คดิ เปน็ รอ้ ยละ............ได้แก.่ ....................
2) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรียน (S) โดยใช้................
พบว่านกั เรยี นผา่ นการประเมินคิดเป็นร้อยละ.................ไม่ผ่านเกณฑ์ขนั้ ตา่ ท่ีกาหนดไว้คิดเป็นร้อยละ
...................ไดแ้ ก.่ ..........................................
3) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรยี น (A) โดยใช้...................พบว่านักเรียนผา่ นการ
ประเมนิ คิดเปน็ รอ้ ยละ..............ไมผ่ า่ นเกณฑ์ขั้นตา่ ที่กาหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ.............ไดแ้ ก.่ .............
11.3 ปญั หาและอุปสรรค
กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
มนี ักเรียนทาใบงาน / ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกาหนดเวลา
มนี กั เรยี นทีไ่ มส่ นใจเรียน
อื่นๆ....................................................................................................................
11.4 ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
ควรนาแผนไปปรบั ปรุงเรื่อง...............................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ีไม่ผ่านการประเมิน
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ .....................
ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ
ลงช่อื ...............................................ผสู้ อน
(นายฐปนวัฒน์ ชูกลน่ิ )
วนั ที่........../................/................
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง การแลกเปล่ียนเรียนรู้วทิ ยาการคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เรียนรวู้ ทิ ยาการคอมพิวเตอร์
รายวชิ า วิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ รหสั วิชา ว30282 เวลา 3 ชัว่ โมง
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
___________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
นักเรียนสามารถนาเสนอวิทยาการคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านคอมพวิ เตอรใ์ นปัจจุบันท่ี
นกั เรยี นสามารถนามาพฒั นางานด้านคอมพวิ เตอร์ได้
2. ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู้
เน้นการส่งเสรมิ การประดษิ ฐ์คิดค้น ความคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ และการทาโครงงาน
3.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
- นกั เรียนมีความเข้าใจเกยี่ วกับหลักการ ทฤษฎี และเทคโนโลยีทนี่ กั เรียนนาเสนอ
3.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
- นาเสนอ และอภปิ รายตัวอย่างวิทยาการคอมพวิ เตอร์ปัจจุบนั ได้
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
- มคี วามมงุ่ มัน่ ในการทางาน
- ใฝ่เรยี น ใฝ่รู้
- มจี ติ ใจเปดิ กว้างเชอ่ื ในเหตผุ ล
4. สมรรถนะท่ีสาคัญ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. มีวินยั
2. ใฝ่เรียนรู้
1. ความสามารถในการส่ือสาร 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน
2. ความสามารถในการคดิ
1) ทกั ษะการส่อื สาร
2) ทักษะการทางานร่วมกนั
3) ทกั ษะกระบวนการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ
4) ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. สาระการเรียนรู้
ตวั อยา่ งโปรแกรมในศาสตรท์ เี่ กีย่ วขอ้ งกับวทิ ยาการคอมพิวเตอร์
1. ตัวอย่างโปรแกรมการเขยี นโปรแกรมหรอื ซอฟตแ์ วร์โปรแกรมการควบคมุ ไมโครคอนโทรลเลอร์
2. ตวั อยา่ งโปรแกรมการสอ่ื สารระหวา่ งคอมพวิ เตอร์หรอื อุปกรณส์ อ่ื สาร
3.ตวั อยา่ งโปรแกรมการนาคอมพิวเตอร์ไปใช้ในงานกราฟกิ มลั ตมิ ีเดยี (ดา้ นเกมคอมพิวเตอร์)
4. ตัวอย่างโปรแกรมการนาคอมพิวเตอรไ์ ปใชใ้ นงานกราฟิก มลั ติมเี ดยี (ดา้ นส่ือการสอน/การ์ตนู แอ
นิเมชั่น/Motion infographic)
5. ตวั อยา่ งโปรแกรมการนาคอมพิวเตอร์ไปใช้ในงานกราฟิก มลั ตมิ ีเดยี (ด้านสอ่ื การสอนภาพน่งิ /
การต์ ูน Comic)
6. ตัวอย่างโปรแกรมการนาคอมพิวเตอร์ไปใชใ้ นงานการสร้างแอพลิเคช่ัน
สาระทีบ่ รู ณาการ (ถ้ามี)
บูรณาการกบั กลุ่มสาระภาษาองั กฤษ ภาษาไทย หรือกลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
6. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
วทิ ยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยีใหมๆ่ ด้านคอมพิวเตอรใ์ นปจั จบุ นั และใน ศาสตรท์ ่ีเกย่ี วกับ
คอมพวิ เตอร์ทง้ั ดา้ นโครงสรา้ งของคอมพิวเตอรก์ ารทางานภายในคอมพิวเตอรแ์ ละรวมไปถงึ การนา
คอมพวิ เตอร์ไป ประยุกตใ์ ช้งาน
7. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงที่ 1
ขนั้ ท่ี 1 นาเขา้ สูบ่ ทเรียน (10 นาที) กระตุ้นความสนใจ (Engage)
สร้างความสนใจ (นาเขา้ สบู่ ทเรียน)
1. ครูต้งั คาถามนักเรยี นว่ามีวิธีการนาเสนองานอย่างไรใหผ้ ชู้ มเกิดความสนใจและตง้ั ใจฟังใน
เรือ่ งทเ่ี รานาเสนอ
2. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายถงึ การนาเสนองานในปจั จบุ นั ว่าสว่ นใหญม่ กั ใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศเข้ามาชว่ ยในการนาเสนอเพ่ือความสะดวก สวยงาม และดงึ ดูดความสนใจของ
ผู้รบั สาร
3. ครูให้นักเรยี นชว่ ยกันบอกถึงวัตถปุ ระสงค์ของการนาเสนองานในวันนี้ว่านาเสนอเพ่ืออะไร
4. ครสู อบถามความพรอ้ มในการเตรยี มงานนาเสนอของแต่ละกลมุ่ และช้ีแจงกตกิ าและเกณฑ์
การประเมนิ การนาเสนองานหนา้ ชั้นเรียน
ขนั้ สอน
ขน้ั ที่ 2 การจัดการเรียนรู้ (130 นาที) สารวจค้นหา (Explore)
สารวจและคน้ หา (ข้ันสอน ขน้ั นักเรียนทากิจกรรม)
5. ครเู ปดิ โปรแกรมสุ่มผ่านทางเวบ็ ไซต์ https://wheeldecide.com/ กลุ่มนักเรยี นออกมานาเสนอ
วิทยาการคอมพวิ เตอรห์ รือเทคโนโลยีใหม่ๆ หน้าช้ันเรยี น
6. นักเรยี นออกมานาเสนอโปรแกรมต่าง ๆ ทเ่ี กี่ยวข้องกบั วิทยาการคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยใี หมๆ่ ท่ี
กลมุ่ ของตนสบื คน้ มา ซ่ึงใหเ้ วลาแต่ละกลมุ่ ทนี่ าเสนอไมเ่ กินกลุ่มละ 10 นาที
7. หลังจากท่ีกลมุ่ ท่ีถูกสุม่ ข้ึนมานาเสนอเสรจ็ แล้วกล่มุ ท่ีน่ังฟงั อย่ตู อ้ งตั้งคาถามถามกลุ่มท่ีนาเสนอในเรื่องท่ี
เพ่ือออกมานาเสนอกลมุ่ ละอย่างนอ้ ย 1 คาถาม เพ่ือเป็นการซกั ถามทาความเขา้ ใจในงานท่เี พ่ือนสืบคน้ มา
8. เม่อื ตอบคาถามครบแล้วให้กล่มุ ทีน่ าเสนอเปน็ ผ้สู มุ่ กล่มุ ถัดไปออกมานาเสนอและดาเนนิ การเหมือนกบั
กล่มุ แรกท่ีถกู สุ่มข้ึนมาจนครบทุกกลมุ่
ข้ันสรุป
ข้ันสรปุ และนาหลักการไปประยุกตใ์ ช้ (10 นาท)ี ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
อธิบายและลงข้อสรปุ (ขั้นสอนนกั เรยี นอธบิ าย สรปุ )
9. นักเรยี นสรปุ ความรู้ เรอื่ ง โปรแกรมตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกบั วิทยาการคอมพิวเตอรห์ รือเทคโนโลยีใหม่ๆ ท่ี
แต่ละกลมุ่ นาเสนอลงในสมุดของตนเอง
ขยายความรู้(ขน้ั สอน ครเู พิ่มเติม ขยายความรู้)
10. ครูขยายความรู้ไปสู่การสร้างสรรคช์ ิ้นงานด้านคอมพวิ เตอรเ์ พม่ิ เติมจากท่นี ักเรยี นแต่ละกล่มุ นาเสนอ
มาเพ่ือให้นักเรยี นสามารถนามาเป็นตวั อยา่ งในการพัฒนางานของกลุม่ ตนเองในอนาคต ทเ่ี กยี่ วข้องกับศาสตร์
วทิ ยาการคอมพิวเตอรท์ ี่แต่ละกลมุ่ นาเสนอมาใหน้ กั เรียนเพม่ิ เตมิ เพื่อให้นกั เรียนมแี นวทางในการพฒั นาผลงาน
ตอ่ ไป
การประเมินผล (ขนั้ สรปุ ปิดบทเรยี น สะท้อนความคิดโดยครแู ละนักเรียน )
11. ครแู ละนักเรียนร่วมกันประเมินให้คะแนนการนาเสนองาน เรอ่ื ง โปรแกรมตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วข้องกับ
วิทยาการคอมพิวเตอรห์ รือเทคโนโลยีใหมๆ่ โดยให้นักเรยี นใหค้ ะแนนเพ่ือนกลมุ่ ทนี่ าเสนอตามแบบประเมนิ ที่
ครแู จกให้แต่ละกลุ่ม
8. ส่ือ นวตั กรรม เทคโนโลยีการจดั การเรยี นรู้ และแหล่งการเรยี นรู้
- โปรแกรมสุ่มผ่านทางเวบ็ ไซต์ https://wheeldecide.com/
- สไลดน์ าเสนอของนักเรยี นแตล่ ะกลมุ่
แหลง่ การเรียนรู้
- อนิ เตอร์เน็ตและเวบ็ ไซต์ตา่ งๆ - ห้องเรียน - หอ้ งสมดุ - แหล่งข้อมูลสารสนเทศ
- เว็บไซต์รายวิชา และ คลาสรมู รายวิชา - ลิงกไ์ ดรฟ์ ของครผู้ ้สู อน
กจิ กรรมเสนอแนะ
ชมผลงานของผทู้ เี่ คยสร้างชิ้นงานแนวเดียวกันกบั ทน่ี กั เรียนสนใจ ผา่ นอนิ เทอร์เน็ต
9. การวดั และประเมนิ ผล
ภาระงาน / ชนิ้ งาน วิธีการวัด เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์ทีใ่ ช้ ผปู้ ระเมิน
ประเมิน
ขอ้ มูลในสไลด์การสืบคน้ - แบบประเมนิ การ -แบบประเมนิ การ ผ่านเกณฑ์ร้อย คร/ู
โปรแกรมสาหรบั งานด้านต่าง ๆ การนาเสนอ การนาเสนอ ละ 75 นักเรยี น
ทกั ษะ/กระบวนการ
ภาระงาน / ช้นิ งาน วธิ กี ารวัด เครอื่ งมือวัด เกณฑ์ทใี่ ช้ ผปู้ ระเมิน
ประเมิน
การการนาเสนอผลงานการสืบค้น ประเมนิ การการ แบบประเมนิ การ ผ่านเกณฑร์ ้อย ครู/
โปรแกรมสาหรบั งานด้านตา่ ง ๆ นาเสนอ การนาเสนอ ละ 75 นกั เรยี น
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ภาระงาน/ช้นิ งาน/ วิธีการวดั เครือ่ งมือวดั เกณฑ์ทีใ่ ช้ ผู้
ประเมนิ ประเมนิ
พฤตกิ รรม -แบบสงั เกต กาหนดมาตราประมาณคา่
พฤติกรรม (Rating scale) 5 ระดับ ครู
1. มคี วามมงุ่ มัน่ ใน สงั เกตพฤตกิ รรม
การทางาน ตามทก่ี าหนดไว้
2. ใฝเ่ รียน ใฝ่รู้
3. มีจิตใจเปิดกวา้ ง
เชื่อในเหตุผล
10. ความเห็นของผูบ้ ริหาร / ผ้ทู ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ.............................................................................
(นายสทิ ธิชัย แสงนลิ )
ตาแหนง่ รองผู้อานวยการสถานศึกษา กล่มุ บรหิ ารวชิ าการ
วนั ท่ี..................เดือน................................พ.ศ.............
11. บนั ทึกผลหลังสอน
11.1 ผลการสอน
สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก…………………………………….
11.2 ผลที่เกิดกบั ผูเ้ รียน
1) การประเมินผลความรหู้ ลังการเรยี น (K) โดยใช้....................พบว่านักเรยี นผา่ นการ
ประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไมผ่ า่ นเกณฑ์ข้ันตา่ ท่ีกาหนดไว้คดิ เปน็ รอ้ ยละ............ได้แก.่ ....................
2) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรียน (S) โดยใช้................
พบว่านกั เรยี นผา่ นการประเมินคิดเป็นร้อยละ.................ไม่ผ่านเกณฑ์ขนั้ ตา่ ท่ีกาหนดไว้คิดเป็นร้อยละ
...................ไดแ้ ก.่ ..........................................
3) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรยี น (A) โดยใช้...................พบว่านักเรียนผา่ นการ
ประเมนิ คิดเปน็ รอ้ ยละ..............ไมผ่ า่ นเกณฑ์ขั้นตา่ ที่กาหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ.............ไดแ้ ก.่ .............
11.3 ปญั หาและอุปสรรค
กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
มนี ักเรียนทาใบงาน / ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกาหนดเวลา
มนี กั เรยี นทีไ่ มส่ นใจเรียน
อื่นๆ....................................................................................................................
11.4 ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
ควรนาแผนไปปรบั ปรุงเรื่อง...............................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ีไม่ผ่านการประเมิน
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ .....................
ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ
ลงช่อื ...............................................ผสู้ อน
(นายฐปนวัฒน์ ชูกลน่ิ )
วนั ที่........../................/................
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 4 เร่ือง รูจ้ กั กับวทิ ยาการขอ้ มลู (Data Science)
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ วิทยาการข้อมูลเบอ้ื งตน้ (Data Science)
รายวชิ า วิทยาการคอมพิวเตอรป์ ระยุกต์ รหสั วชิ า ว30282 เวลา 3 ชั่วโมง
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
___________________________________________________________________________
1. ผลการเรียนรู้
ขอ้ 1 อธิบายหลักการและทฤษฎที ี่เกี่ยวข้องได้
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.1 ดา้ นความรู้ (K)
อธิบายกระบวนการวิทยาการข้อมูล
2.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
ประยุกต์การคดิ เชงิ ออกแบบกับวิทยาการข้อมลู ในการแก้ปัญหา
2.3 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มั่นในการทางาน
3. สมรรถนะท่ีสาคญั
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4. สาระการเรยี นรู้
1. ยุคของข้อมลู และสารสนเทศ
2. วทิ ยาการขอ้ มูล
3. กระบวยการวิทยาการข้อมูล
4. การคดิ เชงิ ออกแบบสาหรับวทิ ยาการข้อมูล
5. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
วิทยาการข้อมูล หรือ Data Science คือ ศาสตร์ที่เกี่ยวกับการจัดการ จัดเก็บ รวบรวม ตรวจสอบ
วิเคราะห์ วิจัย และนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนาไปสู่ความรู้ท่ีสามารถนาไปใช้งานได้จริง
(Actionable knowledge) อยา่ ง เช่น การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ กระบวนการดาเนินงาน ประกอบการตัดสินใจ
ทางธุรกจิ การวางแผนการตลาด และทิศทางขององคก์ รในอนาคต
6. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
6.1 การจดั เตรยี ม
6.1.1 ใบความรทู้ ี่ 2.1 เรอ่ื ง วิทยาการข้อมูลเบ้ืองตน้ (Data Science)
6.1.2 ใบงานที่ 2.1 เร่อื ง วทิ ยาการข้อมูลเบ้ืองตน้ (Data Science)
6.2 ขน้ั ตอนการดาเนนิ การ
6.2.1 ผู้สอนนาเข้าสู่บทเรียนโดยให้ผู้เรียนพิจารณาภาพจากคาถามชวนคิด “รายได้เฉล่ีย
ต่อครัว เรือน” ในใบความรู้ แล้วถามนักเรียนว่า “นักเรียนดูภาพน้ีแล้วสามารถอธิบายสภาพเศรษฐกิจ
ของประเทศไทยได้อย่างไรบ้าง และหากเป็นผู้บริหารประเทศจะวางนโยบายในการพัฒนาประเทศอย่างไร”
และชีใ้ ห้นกั เรียนเห็นประโยชน์ของผลลัพธ์ข้อมูล (data product)
6.2.2 ผเู้ รียนศึกษายุคของข้อมูลและสารสนเทศ ในใบความรู้แล้วครูต้ังคาถามเพ่ือตรวจสอบ
ความเข้าใจ เช่น
- เหตุใดข้อมลู จงึ มีคา่ ด่ังนา้ มันดิบ
- การทเี่ ราแชรข์ ้อมลู ของตนเอง เชน่ ภาพส่วนตัว อเี มล การโพสต์ข้อความ จะมีผู้นา
ข้อมลู ของเราไปใช้ประโยชน์ต่ออย่างไรได้บา้ ง
6.2.3 ครูให้นักเรียนทาแบบสอบถามออนไลน์เพ่ือตรวจสอบคุณลักษณะการเป็น
นักวทิ ยาศาสตรข์ อ้ มูลของตนเอง
6.2.4 แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน ศึกษาใบความรู้ที่ 2.1 เร่ือง วิทยาการ
ข้อมูลเบ้อื งต้น (Data Science) และใหน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ ช่วยกนั ทาใบงานที่ 2.1
6.2.5 ใหน้ กั เรียนออกมานาเสนอกิจกรรมกรม และสรุปกระบวนการวิทยาการข้อมูลร่วมกับ
นักเรยี น
8. ส่อื นวัตกรรม เทคโนโลยีการจัดการเรียนรู้ และแหล่งการเรยี นรู้
8.1 ใบความร้ทู ่ี 2.1 เรือ่ ง วิทยาการข้อมลู เบ้ืองต้น (Data Science)
8.2 ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง วิทยาการข้อมลู เบอ้ื งต้น (Data Science)
8.3 แบบสอบถามออนไลน์
9. การวัดและประเมนิ ผล น้าหนัก นา้ หนักคะแนน วิธีวัด เครือ่ งมอื วัด
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ คะแนนรวม KSA ใบงาน 2.1
2 ประเมนิ จากใบ
อธบิ ายกระบวนการ 2 งาน
วิทยาการข้อมลู
ประยกุ ต์การคดิ เชงิ ออกแบบ 2 2 สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต
กบั วิทยาการข้อมูลในการ การทางานกลุ่ม พฤติกรรมการ
แกป้ ญั หา 1 ทางานกลมุ่
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 5
1 สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต
รวม พฤติกรรม
221
10. ความเหน็ ของผูบ้ ริหาร / ผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ.............................................................................
(นายสิทธิชยั แสงนิล)
ตาแหนง่ รองผอู้ านวยการสถานศึกษา กล่มุ บริหารวชิ าการ
วนั ท.่ี .................เดือน................................พ.ศ.............
11. บนั ทึกผลหลังสอน
11.1 ผลการสอน
สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก…………………………………….
11.2 ผลที่เกิดกบั ผูเ้ รียน
1) การประเมินผลความรหู้ ลังการเรยี น (K) โดยใช้....................พบว่านักเรยี นผา่ นการ
ประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไมผ่ า่ นเกณฑ์ข้ันตา่ ท่ีกาหนดไว้คดิ เปน็ รอ้ ยละ............ได้แก.่ ....................
2) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรียน (S) โดยใช้................
พบว่านกั เรยี นผา่ นการประเมินคิดเป็นร้อยละ.................ไม่ผ่านเกณฑ์ขนั้ ตา่ ท่ีกาหนดไว้คิดเป็นร้อยละ
...................ไดแ้ ก.่ ..........................................
3) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรยี น (A) โดยใช้...................พบว่านักเรียนผา่ นการ
ประเมนิ คิดเปน็ รอ้ ยละ..............ไมผ่ า่ นเกณฑ์ขั้นตา่ ที่กาหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ.............ไดแ้ ก.่ .............
11.3 ปญั หาและอุปสรรค
กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
มนี ักเรียนทาใบงาน / ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกาหนดเวลา
มนี กั เรยี นทีไ่ มส่ นใจเรียน
อื่นๆ....................................................................................................................
11.4 ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
ควรนาแผนไปปรบั ปรุงเรื่อง...............................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ีไม่ผ่านการประเมิน
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ .....................
ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ
ลงช่อื ...............................................ผสู้ อน
(นายฐปนวัฒน์ ชูกลน่ิ )
วนั ที่........../................/................
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 5 เร่อื ง การวิเคราะห์ข้อมลู
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ วิทยาการข้อมูลเบือ้ งตน้ (Data Science)
รายวิชา วิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ รหัสวิชา ว30282 เวลา 3 ชั่วโมง
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
___________________________________________________________________________
1. ผลการเรียนรู้
ขอ้ 1 อธิบายหลักการและทฤษฎที เ่ี กย่ี วข้องได้
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
2.1 ด้านความรู้ (K)
อธิบายประเภทของการวเิ คราะห์ข้อมลู ได้
2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
ประมวลผลข้อมูลและวเิ คราะหข์ อ้ มลู ได้
2.3 ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
1. มวี ินัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งม่นั ในการทางาน
3. สมรรถนะท่ีสาคญั
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
4. สาระการเรียนรู้
การวเิ คราะห์ขอ้ มลู
5. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
วิทยาการข้อมูล หรือ Data Science คือ ศาสตร์ท่ีเก่ียวกับการจัดการ จัดเก็บ รวบรวม ตรวจสอบ
วิเคราะห์ วิจัย และนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนาไปสู่ความรู้ท่ีสามารถนาไปใช้งานได้จริง
(Actionable knowledge) อยา่ ง เช่น การปรบั ปรุงผลิตภัณฑ์ กระบวนการดาเนินงาน ประกอบการตัดสินใจ
ทางธุรกิจ การวางแผนการตลาด และทศิ ทางขององค์กรในอนาคต
6. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
6.1 การจัดเตรียม
6.1.1 ใบความรู้ เรื่อง การวเิ คราะหข์ ้อมูล
6.1.2 ใบงานที่ 2.3 เรอ่ื ง การวิเคราะห์ข้อมูล
6.2 ขน้ั ตอนการดาเนินการ
6.2.1 นาเข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนเร่ืองการเก็บรวบรวมข้อมูลและสารวจข้อมูล และช้ีแจง
การเรียน ในสัปดาหน์ ี้
6.2.2 แบ่งกลมุ่ นกั เรยี นกลุม่ ละ 3 คน ศึกษาใบความรเู้ ร่ืองการวิเคราะหข์ ้อมลู
6.2.3 ครูอธิบายประเภทของการวิเคราะห์ข้อมูล ซ่ึงแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. การวิเคราะห์เชิงพรรณนา (descriptive analytics) 2. การวิเคราะห์เชิงทานาย (predictive analytics)
3. การวเิ คราะห์เชงิ แนะนา (prescriptive analytics)
6.2.4 ครูอธิบายหลักการและวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลแต่ละประเภท ครูสาธิตวิธิการ
ประมวลผล และให้นักเรียนฝึกปฏิบัติตาม โดยให้นักเรียนดาวน์โหลดไฟล์ Excel ใน Google Classroom มา
ฝึกปฏบิ ตั ิ
6.2.5 ครูสมุ่ นกั เรียนออกมาอธิบายผลและวิเคราะหข์ อ้ มลู แตล่ ะประเภท
6.2.6 ครูสรปุ สาระสาคญั ร่วมกบั นักเรียน
การวิเคราะห์เชิงพรรณนา (descriptive analytics) เป็นการวิเคราะห์ขั้นพ้ืนฐานท่ี
ทาใหเ้ หน็ ภาพรวมของขอ้ มูล และความสมั พันธ์ระหว่างข้อมูล ช่วยอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงเวลาที่ผ่าน
มา และอาจนามาช่วยในการตัดสินใจ โดยอาจใช้สถิติ เช่น การหาค่าสัดส่วนหรือร้อยละ การวัดค่ากลางของ
ขอ้ มลู การหาความสัมพันธข์ องขอ้ มลู
การวิเคราะห์เชงิ ทานาย (predictive analytics) เป็นการวิเคราะห์ที่ช่วยคาดการณ์
หรือทานายส่ิงท่ีน่าจะเกิดข้ึนในอนาคต โดยใช้ข้อมูลในอดีตมาช่วยในการทานาย การทราบถึงความเป็นไปได้
ของเหตุการณ์ท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต ทาให้บุคคลหรือองค์กรสามารถวางแผนการดาเนินงานที่มีประสิทธิภาพ
ได้ เช่น การคาดการณ์ยอดขายในเทศกาลต่าง ๆ ทาให้ร้านค้าทราบถึงปริมาณสินค้าท่ีควรจะส่ังซ้ือ หรือ
จัดเก็บใหเ้ พยี งพอต่อความต้องการของลูกค้า
6.2.7 ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทาใบงาน 2.3 การวิเคราะห์ข้อมูล และสุ่มนักเรียน
ออกมาตอบคาถามในแตล่ ะขอ้
7. สอ่ื นวัตกรรม เทคโนโลยีการจัดการเรยี นรู้ และแหลง่ การเรยี นรู้
7.1 ใบความรู้ เรอ่ื ง การวิเคราะห์ข้อมูล
7.2 ใบงานที่ 2.3 เรอ่ื ง การวเิ คราะห์ข้อมลู
แหล่งการเรียนรู้
- ห้องเรียน
- หอ้ งสมดุ
- แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
- เวบ็ ไซต์รายวชิ า และคลาสรูมรายวิชา
- ลงิ ก์ไดรฟ์ ของครูผ้ ูส้ อน
8. การวัดและประเมินผล น้าหนกั นา้ หนกั คะแนน วธิ ีวดั เครือ่ งมอื วดั
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ คะแนนรวม KPA
2 ประเมนิ จากใบ ใบงาน 2.1
อธิบายประเภทของการ 2 งาน
วิเคราะหข์ ้อมลู ได้ 2 สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต
ประมวลผลขอ้ มูลและ 2 การทางานกลมุ่ พฤติกรรมการ
วเิ คราะห์ข้อมลู ได้ 1 ทางานกลุม่
1 สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 221 พฤติกรรม
5
รวม
9. ความเหน็ ของผู้บริหาร / ผ้ทู ไี่ ด้รบั มอบหมาย
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ.............................................................................
(นายสทิ ธชิ ัย แสงนิล)
ตาแหนง่ รองผู้อานวยการสถานศึกษา กล่มุ บรหิ ารวชิ าการ
วนั ท.ี่ .................เดอื น................................พ.ศ.............
10. บนั ทึกผลหลังสอน
10.1 ผลการสอน
สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก…………………………………….
10.2 ผลที่เกิดกบั ผูเ้ รียน
1) การประเมินผลความรหู้ ลังการเรยี น (K) โดยใช้....................พบว่านักเรยี นผา่ นการ
ประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไมผ่ า่ นเกณฑ์ข้ันตา่ ท่ีกาหนดไว้คดิ เปน็ รอ้ ยละ............ได้แก.่ ....................
2) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรียน (S) โดยใช้................
พบว่านกั เรยี นผา่ นการประเมินคิดเป็นร้อยละ.................ไม่ผ่านเกณฑ์ขนั้ ตา่ ท่ีกาหนดไว้คิดเป็นร้อยละ
...................ไดแ้ ก.่ ..........................................
3) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรยี น (A) โดยใช้...................พบว่านักเรียนผา่ นการ
ประเมนิ คิดเปน็ รอ้ ยละ..............ไมผ่ า่ นเกณฑ์ขั้นตา่ ที่กาหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ.............ไดแ้ ก.่ .............
10.3 ปญั หาและอุปสรรค
กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
มนี ักเรียนทาใบงาน / ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกาหนดเวลา
มนี กั เรยี นทีไ่ มส่ นใจเรียน
อื่นๆ....................................................................................................................
10.4 ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
ควรนาแผนไปปรบั ปรุงเรื่อง...............................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ีไม่ผ่านการประเมิน
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ .....................
ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ
ลงช่อื ...............................................ผสู้ อน
(นายฐปนวัฒน์ ชูกลน่ิ )
วนั ที่........../................/................
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 6 เรอ่ื ง การเขียนหวั ข้อเสนอชน้ิ งานด้านคอมพวิ เตอร์
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ การออกแบบชิ้นงานด้านคอมพิวเตอร์
รายวิชา วิทยาการคอมพวิ เตอรป์ ระยุกต์ รหัสวชิ า ว30282 เวลา 3 ชั่วโมง
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
___________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รเู้ ท่าทัน และมีจรยิ ธรรม
2. ผลการเรยี นรู้
1. อธิบายหลักการและทฤษฎีทเี่ กยี่ วข้องได้
2. วิเคราะหป์ ญั หาโดยใช้หลักการและทฤษฎีทเี่ กี่ยวข้องได้
3. ประยกุ ตใ์ ชห้ ลักการหรอื ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องเพื่อแกป้ ัญหาได้
3.จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
3.1.1 นักเรยี นสามารถระบปุ ัญหา แนวทาง วธิ ีการแก้ไขปัญหา วิเคราะห์ปัญหาได้
3.1.2 นักเรียนสามารถวางแผน ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยใช้หลักการและทฤษฎีที่เกี่ยว
ข้องได้
3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (S)
3.2.1 เขียนหัวขอ้ นาเสนอ Flowchart และ story board ได้
3.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
3.3.1 มีความมุ่งมน่ั ในการทางาน
3.3.2 ใฝเ่ รยี น ใฝ่รู้
3.3.3 มจี ิตใจเปดิ กว้างเชื่อในเหตผุ ล
4. สมรรถนะทสี่ าคัญ
4.1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. สาระการเรียนรู้
5.1 ศกึ ษาและวเิ คราะห์วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ หลกั การและทฤษฎีทส่ี ามารถนามาใชแ้ กป้ ญั หา/สร้างชิน้ งาน
ของกลมุ่
5.2 การนาเสนอหวั ข้อช้นิ งาน
6. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การวิเคราะห์ปัญหาท่นี ักเรียนสนใจและใช้องค์ความรู้ทม่ี ีอยู่นาไปแก้ปญั หา สร้างสรรค์ชน้ิ งานด้วย
DESING THINKING เพอื่ ให้ได้มาซง่ึ หัวข้อการสร้างช้ินงาน การเขียน Flowchart และ Storyboard การ
ทางานของชิ้นงาน
7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
สรา้ งความสนใจ (นาเขา้ สบู่ ทเรียน)
1. ครสู อบถามนักเรยี นเกย่ี วกับโปรแกรมต่างๆ ทเ่ี กี่ยวข้องกบั วิทยาการคอมพิวเตอร์ทนี่ ักเรียนแต่ละ
กลุ่มนาเสนอไปเมื่อสปั ดาห์ท่ีแล้วว่าโปรแกรมทีเ่ พื่อนนาเสนอมาพอเป็นแนวทางหรือจดุ ประกายให้นักเรยี นเกิด
ความคดิ ในการนาโปรแกรมเหล่าน้นั มาพฒั นาสร้างสรรคช์ ิ้นงานของกลุ่มตนเองบ้างหรือไม่
2. ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนว่านักเรยี นทกุ กลมุ่ จะต้องได้หัวขอ้ ของช้นิ งานโดยการได้มาซึง่ หัวข้อ
ของชิ้นงานน้นั จะต้องดาเนินตามขนั้ ตอนแนวคดิ เชงิ ออกแบบ DESING THINKING
3. นกั เรียนเปิดสไลดป์ ระกอบการเรยี นเพื่อศึกษา เร่ือง แนวคิดเชิงออกแบบ DESING THINKING ใน
google classroom รายวิชาวทิ ยาการคอมพวิ เตอรป์ ระยกุ ต์ แล้วไปท่หี วั ขอ้ การเขยี นแบบนาเสนอหัวข้อ
ชน้ิ งาน เรือ่ ง แนวคดิ เชงิ ออกแบบ DESING THINKING
4. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ เร่ืองแนวคิดเชิงออกแบบ DESIGN THINKING เพ่ือให้นักเรียนเขา้ ใจข้นั ตอนใน
การกาหนดหรือหัวขอ้ ในการสรา้ งสรรค์ชนิ้ งานดา้ นคอมพวิ เตอร์
สารวจและคน้ หา (ข้ันสอน ขน้ั นักเรียนทากจิ กรรม)
5. นกั เรยี นจบั กลุ่มกลุม่ ละ 3 คน (กล่มุ เดิมคร้งั ทีแ่ ลว้ และจะเปน็ กลมุ่ ท่สี ร้างสรรคช์ ้ินงานดา้ น
คอมพวิ เตอร์ไปตลอดทงั้ ภาคเรียนน)ี้
6. นกั เรียนแต่ละกลุ่มระดมความคดิ วเิ คราะห์ปัญหาทีน่ ักเรียนสนใจ ใช้องค์ความรทู้ ม่ี ีอยู่นาไป
แก้ปญั หาหรือปญั หาทเี่ กดิ ขึ้นจะใช้องค์ความรู้อะไรในการแกไ้ ขปัญหา ตัวอยา่ งประเดน็ ปัญหา เชน่ การ
สง่ เสรมิ การเรยี นรู้, ปญั หาสังคม, ปญั หาคนพิการ, ปัญหาดา้ นสุขภาพ, สงิ่ แวดล้อม, ความบนั เทิง
7. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มเขา้ ไปที่ google classroom ส่งงานหวั ข้อชิน้ งานตามแบบ Design Thinking
ทาใบกจิ กรรมที่ 3.1 การคดิ หัวข้อตามรูปแบบ Design Thinking ตามที่ไดร้ ะดมความคิดร่วมกันมา
อธิบายและลงข้อสรุป (ขั้นสอน นกั เรยี นอธิบาย สรุป)
8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเข้าไปท่ี google classroom หัวขอ้ การเขยี นแบบนาเสนอหวั ข้อชิน้ งาน
เปดิ สไลดป์ ระกอบการเรยี นเรื่อง การเขยี นแบบนาเสนอหวั ขอ้ การสร้างช้ินงานดา้ นคอมพิวเตอร์ จากนัน้ ครู
อธิบายการเขียนหวั ขอ้ การนาเสนอชิ้นงานแตล่ ะหวั ข้อให้กับนักเรยี นฟัง โดยในการเขียนแบบนาเสนอหวั ข้อ
ชนิ้ งานจะประกอบไปดว้ ยหวั ขอ้ ดงั ต่อไปนี้
- ชื่อชิ้นงาน (ภาษาไทย)
- ช่อื ช้นิ งาน (ภาษาอังกฤษ)
1. สมาชกิ ในกลมุ่
2. สาระสาคัญของโครงการ คาสาคัญ (Key Words)
3. หลกั การและเหตผุ ล
4. วัตถปุ ระสงค์
5. ปัญหาหรือประโยชน์ทีเ่ ปน็ เหตุผลใหค้ วรพัฒนาโปรแกรม
6. เป้าหมายและขอบเขตการพฒั นาชน้ิ งาน
7. รายละเอียดของการพัฒนา
7.1 เนอ้ื เรอ่ื งย่อ (Story Board) ภาพประกอบ แบบจาลอง หรือ ทฤษฎีที่เกีย่ วข้อง ตวั อยา่ ง
โปรแกรม หรือ ผลงานท่ีสื่อให้เห็นผลงานทจี่ ะพัฒนาขนึ้
7.2 flowchart การทางานของโปรแกรม
7.3 เทคนคิ หรือเทคโนโลยีทใ่ี ช้ เช่น เทคโนโลยดี ้านปัญญาประดิษฐ์ Algorithms ทใ่ี ช้ โครงสรา้ ง
ข้อมูล เปน็ ต้น โดยผพู้ ัฒนาต้องใหร้ ายละเอยี ดทีเ่ ก่ียวข้องประกอบด้วย
7.4 เคร่ืองมือที่ใช้ในการพฒั นา ไดแ้ ก่ ภาษาท่ีใชเ้ ขยี น Tools อน่ื ๆ ทใี่ ช้ช่วยในการพฒั นา
โปรแกรม และอื่นๆ
7.5 รายละเอียดโปรแกรมทจี่ ะพัฒนา (Software Specification) ไดแ้ ก่
7.4.1 Input/Output Specification
7.4.2 Functional Specification
7.4.3 โครงสร้างของซอฟต์แวร์ (Design)
7.4.4 อืน่ ๆ
7.6 ขอบเขตและขอ้ จากัดของโปรแกรมที่พฒั นา
8. เอกสารอา้ งอิง
9. ครูอธบิ ายการเขียน Flow chart และ Story board ใหก้ บั นกั เรียนฟังอย่างละเอยี ด โดยการเปดิ
ตวั อย่าง Story board ในเวบ็ ไซต์ google ให้กับนักเรยี นเหน็ แนวตวั อย่างการเขียน Story board
ขยายความรู้(ขั้นสอน ครเู พมิ่ เติม ขยายความรู้)
10. ครใู หน้ ักเรียนเปดิ หัวข้อ การเขียนผังงาน (Flowchart) ใน google classroom รายวิชา ว
30282 วทิ ยาการคอมพิวเตอรป์ ระยกุ ต์ และเปิดสไลด์ประกอบการเรียน เรือ่ ง การเขยี นอลั กอริทมึ
11. ครูอธบิ ายหลักการเขยี นอัลกอริทึม่ และการเขยี นผังงาน (Flowchart) ใหน้ กั เรยี นฟังอย่างละเอียด
เพื่อให้นักเรียนสามารถเขยี น Flowchart ลงในแบบนาเสนอหวั ข้อการสรา้ งชิ้นงานดา้ นคอมพวิ เตอร์ได้อยา่ ง
ถูกต้อง
12. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ลงมือทา ใบกิจกรรมท่ี 3.2 แบบนาเสนอหวั ข้อชน้ิ งานดา้ นคอมพิวเตอร์ โดย
ศกึ ษาตวั อยา่ งการเขียนแบบนาเสนอหัวขอ้ ช้ินงานด้านคอมพิวเตอร์ของร่นุ พี่ และศึกษาเทคนคิ วธิ กี ารนาเสนอ
ผลงาน รวมถึงโปรแกรมที่ใชใ้ นการทาสไลดน์ าเสนอข้อมูลเพอื่ เตรยี มนาเสนองานของกลุ่มตนเองในสปั ดาห์
ถดั ไป
การประเมนิ ผล (ขัน้ สรุป ปดิ บทเรยี น สะท้อนความคิดโดยครแู ละนกั เรยี น )
13. ครปู ระเมินผลงานการเขียนหวั ขอ้ นาเสนอ ให้ขอ้ เสนอแนะ และประเมินใหค้ ะแนนการเขียน
หัวข้อนาเสนอตามแบบประเมนิ
8. สือ่ นวตั กรรม เทคโนโลยีการจัดการเรยี นรู้ และแหล่งการเรยี นรู้
- สไลดป์ ระกอบการเรียน เรือ่ ง แนวคิดเชิงออกแบบ DESING THINKING
- ใบกิจกรรมท่ี 3.1 การคิดหวั ขอ้ ตามรปู แบบ Design Thinking
- สไลด์ประกอบการเรยี นเร่ือง การเขยี นแบบนาเสนอหัวข้อการสรา้ งช้นิ งานด้านคอมพวิ เตอร์
- สไลดป์ ระกอบการเรียน เร่ือง การเขียนอัลกอริทมึ
- ใบกิจกรรมท่ี 3.2 แบบนาเสนอหวั ข้อช้ินงานด้านคอมพวิ เตอร์
- ตวั อย่างการเขียนแบบนาเสนอหัวขอ้ ชิ้นงานด้านคอมพิวเตอร์ของรุ่นพ่ี
- google classroom รายวชิ า ว30282 วิทยาการคอมพวิ เตอร์ประยุกต์
- เว็บไซต์ www.google.com
9. การวัดและประเมินผล
นา้ หนัก น้าหนักคะแนน
KSA
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ คะแนน 1.5 วธิ ีวดั เครอ่ื งมือวดั
2 ตรวจใบกิจกรรม ใบกจิ กรรมที่ 3.1
รวม ตรวจใบกจิ กรรม ใบกิจกรรมท่ี 3.2
5
3.1.1 สามารถระบปุ ัญหา แนวทาง วิธกี าร 1.5 ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรมท่ี 3.2
แกไ้ ขปญั หา วเิ คราะหป์ ญั หาได้
3.1.2 สามารถวางแผน ออกแบบวธิ กี าร 2
แก้ปญั หา โดยใชห้ ลกั การและทฤษฎีท่ี
เกย่ี วขอ้ งได้
3.2.1 สามารถเขียนหัวข้อนาเสนอ 5
Flowchart และ story board ได้
3.3.1 มคี วามมงุ่ ม่ันในการทางาน 0.5 0.5 สงั เกตพฤติกรรม -แบบสงั เกต
3.3.2 ใฝ่เรียน ใฝร่ ู้ 0.5 0.5 ตามทีก่ าหนดไว้ พฤติกรรม
3.3.3 มีจิตใจเปดิ กวา้ งเชื่อในเหตผุ ล 0.5 0.5
10
รวม
10. ความเหน็ ของผบู้ ริหาร / ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงช่ือ.............................................................................
(นายสทิ ธชิ ัย แสงนิล)
ตาแหน่ง รองผูอ้ านวยการสถานศึกษา กลมุ่ บริหารวิชาการ
วันท่.ี .................เดือน................................พ.ศ.............
11. บนั ทึกผลหลังสอน
11.1 ผลการสอน
สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก…………………………………….
11.2 ผลที่เกิดกบั ผูเ้ รียน
1) การประเมินผลความรหู้ ลังการเรยี น (K) โดยใช้....................พบว่านักเรยี นผา่ นการ
ประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไมผ่ า่ นเกณฑ์ข้ันตา่ ท่ีกาหนดไว้คดิ เปน็ รอ้ ยละ............ได้แก.่ ....................
2) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรียน (S) โดยใช้................
พบว่านกั เรยี นผา่ นการประเมินคิดเป็นร้อยละ.................ไม่ผ่านเกณฑ์ขนั้ ตา่ ท่ีกาหนดไว้คิดเป็นร้อยละ
...................ไดแ้ ก.่ ..........................................
3) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรยี น (A) โดยใช้...................พบว่านักเรียนผา่ นการ
ประเมนิ คิดเปน็ รอ้ ยละ..............ไมผ่ า่ นเกณฑ์ขั้นตา่ ที่กาหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ.............ไดแ้ ก.่ .............
11.3 ปญั หาและอุปสรรค
กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
มนี ักเรียนทาใบงาน / ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกาหนดเวลา
มนี กั เรยี นทีไ่ มส่ นใจเรียน
อื่นๆ....................................................................................................................
11.4 ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
ควรนาแผนไปปรบั ปรุงเรื่อง...............................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ีไม่ผ่านการประเมิน
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ .....................
ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ
ลงช่อื ...............................................ผสู้ อน
(นายฐปนวัฒน์ ชูกลน่ิ )
วนั ที่........../................/................
ใบกิจกรรมท่ี 3.1 เรอ่ื ง การคดิ หัวข้อตามรปู แบบ Design Thinking
ชอ่ื สมาชิก กลุ่มที่ ………………………
1 …………………………………………………………..……………………………………………………………………………….
2 .............................................................................................................................................................
3 .............................................................................................................................................................
Empathize
Define
Ideate
Prototype
Test
ใบกิจกรรมที่ 3.2 แบบนาเสนอหวั ข้อชนิ้ งานดา้ นคอมพวิ เตอร์
ชอ่ื ชิน้ งาน (ภาษาไทย)……………………………………………………………………………………………………….…………………
ชอ่ื ช้ินงาน (ภาษาอังกฤษ)....................................................................................................................................
1. สมาชิกในกลมุ่ ที่ ...........
ชอื่ -นามสกลุ …………………………………………...............................................หอ้ ง ............ เลขที.่ .........
ชือ่ -นามสกุล…………………………………………...............................................ห้อง ............ เลขที.่ .........
ชอ่ื -นามสกุล…………………………………………...............................................หอ้ ง ............ เลขท.่ี .........
2. สาระสาคญั ของโครงการ คาสาคญั (Key Words)
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ...............................................
3. หลกั การและเหตุผล
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................................
4. วตั ถุประสงค์
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ...............................................
5. ปัญหาหรือประโยชนท์ เ่ี ป็นเหตผุ ลใหค้ วรพัฒนาโปรแกรม
............................................................................................................................... ...............................................
............................................................................................................................................................................
6. เปา้ หมายและขอบเขตการพฒั นาช้นิ งาน
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ...............................................
7. รายละเอียดของการพัฒนา
7.1 เน้ือเร่อื งย่อ (Story Board) ภาพประกอบ แบบจาลอง หรอื ทฤษฎีท่ีเก่ยี วข้อง ตวั อย่างโปรแกรม หรือ
ผลงานท่สี ือ่ ให้เหน็ ผลงานท่จี ะพฒั นาข้ึน
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ...............................................
เนอื้ เรือ่ งย่อ (Storyboard)
เทคนคิ หรอื เทคโนโลยที ี่ใช้
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................................
เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการพัฒนา
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. ...............................................
ขอบเขตและข้อจากดั ของโปรแกรมทพ่ี ัฒนา
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................................
7.2 flowchart การทางานของโปรแกรม
7.3 เทคนิคหรอื เทคโนโลยที ีใ่ ช้ เช่น เทคโนโลยดี ้านปญั ญาประดษิ ฐ์ Algorithms ทีใ่ ช้ โครงสร้างขอ้ มูล
เปน็ ต้น โดยผู้พัฒนาต้องให้รายละเอยี ดที่เกยี่ วข้องประกอบด้วย
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................. ..........................................
7.4 เครื่องมือท่ีใช้ในการพฒั นา ได้แก่ ภาษาท่ีใชเ้ ขียน Tools อ่นื ๆ ทใี่ ชช้ ว่ ยในการพฒั นาโปรแกรม และ
อืน่ ๆ
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................................................... ...
7.5 รายละเอียดโปรแกรมท่ีจะพฒั นา (Software Specification) ได้แก่
7.4.1 Input/Output Specification
............................................................................................................................................. .................................
................................................................................................. ...........................................................................
7.4.2 Functional Specification
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ...............................................
7.4.3 โครงสร้างของซอฟต์แวร์ (Design)
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................................
7.4.4 อนื่ ๆ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ...............................................
7.5 ขอบเขตและข้อจากัดของโปรแกรมที่พัฒนา
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................................
8. เอกสารอ้างอิง
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ...............................................
แบบประเมนิ หัวข้อชิ้นงานด้านคอมพิวเตอร์
กลมุ่ ท.่ี ..............
ช่อื -นามสกลุ …………………………………………...............................................ห้อง ............ เลขท่ี..........
ชอ่ื -นามสกลุ …………………………………………...............................................ห้อง ............ เลขที.่ .........
ชอ่ื -นามสกลุ …………………………………………...............................................ห้อง ............ เลขท.ี่ .........
หัวข้อชนิ้ งาน ...............................................................................................................................................
รายการประเมิน คะแนน ระดบั คะแนน
1. การวิเคราะห์และ 4…เขา้ ใจปัญหา วเิ คราะห์และกาหนดรายละเอียดของปญั หาได้
กาหนดรายละเอยี ดของ 3…เข้าใจปญั หา วเิ คราะหแ์ ละกาหนดรายละเอยี ดของปัญหาได้
ปญั หา บางส่วน
2…เขา้ ใจปญั หา แต่ไมส่ ามารถวเิ คราะห์และกาหนดรายละเอียด
ของปญั หาได้
1…ไม่เข้าปญั หา ไมส่ ามารถวิเคราะห์และกาหนดรายละเอียดของ
ปัญหาได้
2. วธิ ีการดาเนินงาน 4… ใชเ้ ทคนิค วิเคราะหอ์ อกแบบ พฒั นาต้นแบบอยา่ งเหมาะสม
พัฒนาต่อยอดได้
3… ใช้เทคนคิ ออกแบบยังไม่เหมาะสม พัฒนาตอ่ ยอดได้
2… ขาดเทคนิคชว่ ยในการออกแบบ พฒั นาต่อยอดไมไ่ ด้
1… ขาดเทคนิค ออกแบบและพัฒนาต่อยอดไมไ่ ด้
3. วิธีการศกึ ษาคน้ คว้า 4… เขยี นจุดประสงคต์ รงประเด็น ชัดเจน รดั กุม ถูกต้อง ครบถว้ น
สอดคลอ้ งกบั ชื่อเร่ือง
3… เขยี นจดุ ประสงค์ตรงประเด็น ชดั เจนแต่ไม่รัดกุม สอดคลอ้ ง
กบั ช่อื เรอ่ื ง
2… เปน็ เรอื่ งใหม/่ วิธีใหม/่ แต่ไม่นา่ สนใจ
1… ไม่ใชเ่ รื่องใหม/่ ไม่ใชว่ ิธใี หม่
4. การทางานอยา่ งมี 4… มกี ารวางแผน จดั ลาดบั การทางาน การแบ่งงานอยา่ งชัดเจน
ขัน้ ตอน (Flowchart) 3… มกี ารวางแผน จัดลาดบั การทางาน การแบง่ งานไมช่ ดั เจน
2… มกี ารวางแผน ไม่มกี ารจัดลาดบั การทางาน การแบง่ งานอยา่ ง
รายการประเมนิ คะแนน ระดับคะแนน
5. Story board
ชัดเจน
1… ไมม่ ีการวางแผน การจัดลาดับการทางาน การแบ่งงานอยา่ ง
ชดั เจน
4… มีการวางแผน จดั ลาดบั การทางาน การแบง่ งานอย่างชัดเจน
3… มีการวางแผน จัดลาดบั การทางาน การแบง่ งานไม่ชัดเจน
2… มกี ารวางแผน ไมม่ กี ารจัดลาดบั การทางาน การแบ่งงานอยา่ ง
ชดั เจน
1… ไม่มีการวางแผน การจดั ลาดบั การทางาน การแบ่งงานอยา่ ง
ชัดเจน
ลงชื่อ...............................................................
(................................................)
ผูส้ อน
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 7 เรอื่ ง การนาเสนอหัวข้อชน้ิ งานด้านคอมพวิ เตอร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ การออกแบบชิ้นงานด้านคอมพิวเตอร์
รายวิชา วทิ ยาการคอมพิวเตอรป์ ระยุกต์ รหสั วิชา ว30282 เวลา 3 ช่วั โมง
ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
___________________________________________________________________________
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวติ จริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาไดอ้ ย่างมี
ประสิทธภิ าพ รู้เทา่ ทัน และมีจริยธรรม
2. ผลการเรียนรู้
1. อธิบายหลักการและทฤษฎที ่ีเก่ียวข้องได้
2. วเิ คราะห์ปญั หาโดยใช้หลักการและทฤษฎที ่เี กย่ี วข้องได้
3. ประยกุ ต์ใชห้ ลกั การหรือทฤษฎีทเ่ี กย่ี วข้องเพื่อแก้ปัญหาได้
3.จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
3.1.1 มีความรเู้ ก่ยี วกบั การนาเสนอผลงานและการใชง้ านโปรแกรมนาเสนอข้อมูล
3.2 ด้านทักษะกระบวนการ (S)
3.2.1 สร้างสไลดก์ ารนาเสนอหัวขอ้ การสรา้ งชนิ้ งานได้
3.2.2 สามารถนาเสนอชนิ้ งานตรงประเด็นและนา่ สนใจ
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
3.3.1 มคี วามมุ่งมน่ั ในการทางาน
3.3.2 ใฝเ่ รยี น ใฝ่รู้
3.3.3 มีจติ ใจเปดิ กวา้ งเช่ือในเหตุผล
4. สมรรถนะทีส่ าคญั
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. สาระการเรียนรู้
การนาเสนอผลงานและการใชง้ านโปรแกรมนาเสนอข้อมูล
6. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การนาเสนอผลงานโดยใชโ้ ปรแกรมนาเสนอข้อมลู นาเสนอหวั ขอ้ ชิ้นงานไดต้ รงประเดน็ และน่าสนใจ
7. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
สรา้ งความสนใจ (นาเข้าสู่บทเรียน)
1. ครูตั้งคาถามนกั เรียนว่ามีวิธนี าเสนองานอย่างไรใหผ้ ชู้ มเกดิ ความสนใจในเร่ืองทนี่ าเสนอ
2. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายถงึ การนาเสนองานในปัจจุบันว่าสว่ นใหญม่ ักใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศรวมถึงโปรแกรมนาเสนอข้อมลู ตา่ งๆ เข้ามาช่วยในการนาเสนอเพ่ือความสะดวก สวยงาม และ
ดงึ ดูดความสนใจของผรู้ ับสาร
3. ครถู ามนกั เรียนวา่ จะออกแบบและนาเสนอ หวั ขอ้ ชิ้นงานของแตล่ ะกลุ่มอย่างไรจงึ จะน่าสนใจ
สารวจและค้นหา (ข้นั สอน ขั้นนักเรียนทากจิ กรรม)
4. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันออกแบบและสร้างสไลด์นาเสนอข้อมูลหวั ข้อช้นิ งานด้าน
คอมพวิ เตอร์ของแต่ละกลุ่ม ใหเ้ วลา 1 ชั่วโมง ตามใบกจิ กรรมท่ี 3.3 การออกแบบและสรา้ งสไลด์นาเสนอ
หัวขอ้ ชิ้นงานด้านคอมพิวเตอร์
5. ครเู ปดิ โปรแกรมสุม่ ผา่ นทางเวบ็ ไซต์ https://wheeldecide.com/ กลุ่มนกั เรียนออกมา
นาเสนอหัวขอ้ ชิ้นงานด้านคอมพวิ เตอร์ หน้าชั้นเรียน
6. นกั เรยี นออกมานาเสนอหวั ข้อการสร้างสรรค์ชน้ิ งานดา้ นคอมพวิ เตอร์ของกลมุ่ ตนเอง ซง่ึ ให้
เวลาแตล่ ะกลุม่ ที่นาเสนอไม่เกินกลุ่มละ 10 นาที
7. หลงั จากที่กลุ่มที่ถกู สุ่มขนึ้ มานาเสนอเสร็จแลว้ กล่มุ ท่ีนัง่ ฟงั อยู่ตอ้ งต้ังคาถามถามกลุ่มทนี่ าเสนอ
ในเร่ืองที่เพ่ือออกมานาเสนอกลุม่ ละอยา่ งน้อย 1 คาถาม เพ่อื เป็นการซักถามทาความเข้าใจและให้
ขอ้ เสนอแนะเพ่ือนในงานของเพือ่ นทเี่ พ่ือนกาลังจะพัฒนา
8. เม่ือตอบคาถามและให้ข้อเสนอแนะครบทุกกลมุ่ แลว้ ให้กลุ่มท่นี าเสนอเปน็ ผู้สมุ่ กล่มุ ถดั ไป
ออกมานาเสนอและดาเนนิ การเหมือนกับกลุม่ แรกทีถ่ ูกสมุ่ ข้ึนมาจนครบทุกกลมุ่
อธิบายและลงข้อสรปุ (ขนั้ สอน นกั เรียนอธบิ าย สรุป)
9. ครูและนักเรียนสรุปสรุปรว่ มกนั ว่าแต่ละกลมุ่ วางแผนจะสร้างสรรคผ์ ลงานด้านคอมพวิ เตอร์
เร่อื งอะไรบ้าง ใช้โปรแกรมอะไรบ้างในการพัฒนาชิน้ งาน ของแต่ละกลมุ่ และรว่ มกนั ปรับแก้ เตมิ เต็ม
รายละเอยี ดใหก้ ับนักเรยี นกลุ่มท่ีมีรายละเอียดของงานยังไมค่ รอบคลมุ
ขยายความรู(้ ขน้ั สอน ครเู พ่ิมเตมิ ขยายความรู้)
10. ครขู ยายความรู้ไปสู่การสรา้ งสรรคช์ ้นิ งานด้านคอมพวิ เตอรเ์ พิ่มเติมจากทนี่ ักเรียนแต่ละกลมุ่
นาเสนอมาเพอื่ ใหน้ กั เรยี นสามารถนามาเปน็ ตวั อย่างในการพฒั นางานของกลุ่มตนเองอธิบายโปรแกรมเพ่ิมเตมิ
ใหก้ ับนักเรียน ยกตวั อยา่ งโปรแกรมต่างๆ ท่ีทางานใกล้เคยี งกับเรื่องท่นี กั เรียนแตล่ ะกลุ่มจะพฒั นาเพื่อให้
นกั เรยี นได้เหน็ มุมมองและเลือกใช้ซอฟตแ์ วรไ์ ด้อยา่ งหลากหลายและเหมาะสมกับงานที่จะพฒั นาต่อไป
การประเมินผล (ข้นั สรปุ ปดิ บทเรยี น สะท้อนความคิดโดยครแู ละนักเรียน )
11. ครูและนักเรยี นร่วมกันประเมินให้คะแนนการนาเสนองาน เร่อื ง การนาเสนอหวั ขอ้ ช้ินดา้ น
คอมพวิ เตอร์ โดยให้นักเรยี นให้คะแนนเพอื่ นกลมุ่ ทีน่ าเสนอตามแบบประเมินที่ครแู จกให้แตล่ ะกลุ่ม
8. สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีการจัดการเรียนรู้ และแหล่งการเรยี นรู้
8.1 ใบกิจกรรมที่ 3.3 การออกแบบและสรา้ งสไลด์นาเสนอหัวขอ้ ชิน้ งานดา้ นคอมพวิ เตอร์
8.2 โปรแกรมส่มุ ผ่านทางเว็บไซต์ https://wheeldecide.com/
8.3 สไลด์นาเสนอของนักเรียนแต่ละกล่มุ
8.4 google classroom รายวิชา ว30282 วิทยาการคอมพวิ เตอร์ประยุกต์
9. การวดั และประเมินผล
จุดประสงค์การเรยี นรู้ นา้ หนกั นา้ หนักคะแนน วิธีวดั เครื่องมือวัด
คะแนน KSA
3.1.1 มีความรูเ้ กีย่ วกบั การนาเสนอ รวม 1.5 แบบประเมนิ การนาเสนอ
ผลงานและการใชง้ านโปรแกรม การนาเสนอ หวั ขอ้ ชน้ิ งาน
นาเสนอข้อมลู 1.5 ดา้ น
3.2.1 สรา้ งสไลด์การนาเสนอหัวข้อ คอมพวิ เตอร์
การสร้างช้นิ งานได้ 44
3.2.2 สามารถนาเสนอชิ้นงานตรง
ประเดน็ และน่าสนใจ 33
3.3.1 มคี วามมุ่งม่นั ในการทางาน
3.3.2 ใฝเ่ รยี น ใฝ่รู้ 0.5 0.5 สังเกต -แบบสังเกต
3.3.3 มีจิตใจเปิดกวา้ งเชื่อในเหตุผล
0.5 0.5 พฤติกรรม พฤติกรรม
รวม
0.5 0.5 ตามทก่ี าหนดไว้
10
10. ความเห็นของผูบ้ ริหาร / ผ้ทู ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ.............................................................................
(นายสทิ ธิชัย แสงนลิ )
ตาแหนง่ รองผู้อานวยการสถานศึกษา กล่มุ บรหิ ารวชิ าการ
วนั ท่ี..................เดือน................................พ.ศ.............
11. บนั ทึกผลหลังสอน
11.1 ผลการสอน
สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก…………………………………….
11.2 ผลที่เกิดกบั ผูเ้ รียน
1) การประเมินผลความรหู้ ลังการเรยี น (K) โดยใช้....................พบว่านักเรยี นผา่ นการ
ประเมินคิดเป็นร้อยละ...........ไมผ่ า่ นเกณฑ์ข้ันตา่ ท่ีกาหนดไว้คดิ เปน็ รอ้ ยละ............ได้แก.่ ....................
2) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรียน (S) โดยใช้................
พบว่านกั เรยี นผา่ นการประเมินคิดเป็นร้อยละ.................ไม่ผ่านเกณฑ์ขนั้ ตา่ ท่ีกาหนดไว้คิดเป็นร้อยละ
...................ไดแ้ ก.่ ..........................................
3) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรยี น (A) โดยใช้...................พบว่านักเรียนผา่ นการ
ประเมนิ คิดเปน็ รอ้ ยละ..............ไมผ่ า่ นเกณฑ์ขั้นตา่ ที่กาหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ.............ไดแ้ ก.่ .............
11.3 ปญั หาและอุปสรรค
กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
มนี ักเรียนทาใบงาน / ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกาหนดเวลา
มนี กั เรยี นทีไ่ มส่ นใจเรียน
อื่นๆ....................................................................................................................
11.4 ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
ควรนาแผนไปปรบั ปรุงเรื่อง...............................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ีไม่ผ่านการประเมิน
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ .....................
ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ
ลงช่อื ...............................................ผสู้ อน
(นายฐปนวัฒน์ ชูกลน่ิ )
วนั ที่........../................/................