สามัคคีเภทคําฉั นท์
จัดทำโดย
นางสาวมิญช์ณิสา รัศมีวงศ์ โสภา เลขที่ ๑๕
นางสาวธนั ญญา แสนทะญะ เลขที่ ๒๖
นางสาวธัญญาภรณ์ ฝอยกลาง เลขที่ ๒๗
นางสาวนฤมล พรหมเรือง เลขที่ ๒๘
นางสาวอาทิตยา แสงตะวัน เลขที่ ๓๗
ชั้นมัธยมศึ กษาปี ที่ ๖ ห้อง ๒
เสนอ
คุณครู ณัฐยา อาจมังกร
รายงานเล่มนี้ เป็ นส่วนหนึ่ งของวิชา ภาษาไทย
ภาคเรียนที่ ๑ ปี การศึ กษา ๒๕๖๕
โีรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม
สามัคคีเภทคําฉั นท์
จัดทำโดย
นางสาวมิญช์ณิสา รัศมีวงศ์ โสภา เลขที่ ๑๕
นางสาวธนั ญญา แสนทะญะ เลขที่ ๒๖
นางสาวธัญญาภรณ์ ฝอยกลาง เลขที่ ๒๗
นางสาวนฤมล พรหมเรือง เลขที่ ๒๘
นางสาวอาทิตยา แสงตะวัน เลขที่ ๓๗
ชั้นมัธยมศึ กษาปี ที่ ๖ ห้อง ๒
เสนอ
คุณครู ณัฐยา อาจมังกร
รายงานเล่มนี้ เป็ นส่วนหนึ่ งของวิชา ภาษาไทย
ภาคเรียนที่ ๑ ปี การศึ กษา ๒๕๖๕
โีรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม
ก
คำนำ
รายงาน เรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์ เล่มนี้ จัดทำขึ้นเพื่อรายงาน
ผลการศึ กษาค้นคว้า ประกอบการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา
ท ๓๓๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปี การศึ กษา ๒๕๖๕ ชั้นมัธยมศึ กษาปี ที่ ๖
ซึ่งประกอบด้วยเนื้ อหาเกี่ยวกับวรรณคดีไทย เรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์
ทางด้านประวัติผู้แต่ง จุดประสงค์ในการแต่ง ที่มาของเรื่อง การพิจารณา
เนื้ อหาและกลวิธีในการแต่ง ลักษณะคำประพันธ์ การอธิบายคำศั พท์
และคุณค่าของวรรณคดีทั้งด้านวรรณศิ ลป์ ด้านเนื้ อหา ด้านสังคม
และด้านการนำไปใช้
ข
คำนำ
คณะผู้จัดทำหวังเป็ นอย่างยิ่งว่ารายงาน เรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์
เล่มนี้ จะเป็ นประโยชน์ ต่อผู้ที่สนใจศึ กษา เรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์
ไม่มากก็น้ อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขออภัย
มา ณ ที่นี้ ด้วย
คณะผู้จัดทำขอขอบคุณคุณครู ผู้สอนที่ให้คำปรึกษาในการจัดทำ
รายงานเล่มนี้ ตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่ทำให้รายงานเล่มนี้
ประสบผลสำเร็จทุกประการ
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ ค
เรื่อง หน้ า เรื่อง หน้า
คำนำ ก-ข เรื่องย่อก่อนบทเรียน ๘-๑๐
สารบัญ ค
ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ ๑๑-๒๔
จุดประสงค์ ๑-๔
ที่มาของเรื่อง ๕ ถอดคำประพันธ์ ๒๕-๖๖
๖-๗ คำศั พท์ยาก ๖๗-๖๙
คุณค่าวรรณคดี ๗๐-๗๕
บรรณานุกรม ๗๖
ประวัติผู้แต่ง ๑
นายชิต บุรทัต มีนามสกุลเดิมว่า “ ชวางกูร ”
เป็ นบุตรของนายชูและนางปริก นายชิตเป็ นผู้ที่มีทักษะ
โดดเด่นในเรื่องการแต่งร้อยกรอง โดยเฉพาะเรื่องฉันท์
นอกจากนี้ พ่อของนายชิตยังเป็ นครู สอนภาษาบาลีอีกด้วย
ทำให้นายชิตมีความชำนาญในวิชาภาษาไทยเป็ นอย่างมาก
เมื่อนายชิตมีอายุ ๑๘ ปี เขาได้ไปบวชเป็ นสามเณร
เขาได้สร้างงานประพันธ์เป็ นครั้งแรก โดยใช้นามปากกา
ชื่อว่า “ เอกชน ” จนมีชื่อเสียง
ประวัติผู้แต่ง ๒
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๔ เขาได้รับเชิญจากองค์สภานายกหอสมุดวชิรญาณ
ให้เข้าร่วมแต่งฉันท์สมโภชพระมหาเศวตฉัตรในงานพระราชพิธีฉัตรมงคล
ร่วมกับกวีเอกคนอื่น ๆ คือ พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นกวีพจน์ สุปรีชา,
พระราชวรวงศ์ เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ และหลวงธรรมาภิมณฑ์
ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ นายชิตได้ส่งบทประพันธ์กาพย์ปลุกใจลงใน
หนั งสือสมุทสาร รัชกาลที่ ๖ ได้ทอดพระเนตร ท่านพอพระราชหฤทัย
เป็ นอย่างมาก จึงทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้ าที่ถ่ายภาพเจ้าของ
บทประพันธ์นั้ นมาด้วย เขาได้สร้างผลงานที่มีชื่อเสียงขึ้นมาอีกหลายชิ้น
ประวัติผู้แต่ง ๓
เช่น กำเนิ ดแห่งสตรีคำโคลงความรักของแม่ ลิลิตพระเจ้ากรุ งธนบุรี
ฉันท์เฉลิมพระเกียรติงานพระเมรุ ทองท้องสนามหลวง นิ ราศนครราชสีมา
กกุฎวานิ ชคำโคลง เวทัพพชาดกคำฉันท์ และสามัคคีเภทคำฉันท์ เป็ นต้น
ต่อมาเขาได้ตั้งนามปากกาขึ้นมาในตอนที่แต่งบทละครร้องให้กับ
คณะละครปราโมทัยของพระโสภณอักษรกิจ โดยใช้ชื่อว่า “ เจ้าเงาะ ”
หลังจากนั้ น เขาได้ลาสิกขาออกมาทำงานที่หนั งสือพิมพ์ศรีกรุ ง และ
ได้ตั้งนามปากกาขึ้นมาใหม่ขึ้นอีกชื่อว่า “ แมวคราว ”
ประวัติผู้แต่ง ๔
นอกจากนี้ นายชิตยังมีชื่อเสียงในเรื่อง
การแต่งร้อยแก้วที่สามารถอ่านแบบร้อยกรอง
ไว้ในบทเดียวกันได้อีกด้วย
ซึ่งเป็ นทักษะที่หาตัวจับได้ยาก เขาจึงได้รับ
การยกย่องให้เป็ นหนึ่ งในนั กแต่งฉันท์ฝี มือชั้นครู
คนหนึ่ งของประเทศไทย
๕
จุดประสงค์
มุ่งชี้ถึงความสำคัญของความเป็ นน้ำหนึ่ งใจเดียวกัน
การรวมเป็ นหมู่คณะ เพื่อป้ องกันและรักษาบ้านเมืองให้เป็ น
ปึ กแผ่น และมีการอาศั ยเค้าคําแปลของเรื่อง สามัคคีเภท
มาแต่งเป็ นคําฉันท์ เพื่อแสดงความสามารถในเชิงกวีให้เป็ น
ที่ปรากฏและเป็ นพิทยาภรณ์ประดับบ้านเมือง
ที่มาของเรื่อง ๖
สมัยรัชกาลที่ ๖ เกิดวิกฤตการณ์ทั้งภายใน สงครามโลกครั้งที่ ๑
และภายนอกประเทศ เช่น สงครามโลก
ครั้งที่ ๑, กบฏ ร.ศ. ๑๓๐ ประกอบกับ กบฏ ร.ศ. ๑๓๐
คนไทยในสมัยนั้ น ได้รับการศึ กษามากขึ้น
ทำให้เกิดแนวความคิด เกี่ยวกับกิจการ
บ้านเมืองที่หลากหลาย จึงส่งผลกระทบ
ต่อความมั่นคงของบ้านเมือง
ที่มาของเรื่อง ๗
ทำให้ในช่วงดังกล่าวมักเกิดความนิ ยม
แต่งวรรณคดีที่ ปลุกใจให้รักชาติ
นายชิต บุรทัต จึงแต่งเรื่องนี้ ขึ้นในปี
พ.ศ. ๒๔๗๕ เพื่อมุ่งชี้ให้เห็นความสำคัญ
ของความสามัคคี การเป็ นหมู่คณะ
และเป็ นน้ำหนึ่ งใจเดียวกัน
เรื่องย่อก่อนบทเรียน ๘
ตัวละคร ๒๓
๑
พระเจ้าอชาตศั ตรู วัสสการพราหมณ์ กษัตริย์ลิจฉวี
แห่งแคว้นมคธ ปุโรหิตแห่งแคว้นมคธ แห่งแคว้นวัชชี
เรื่องย่อก่อนบทเรียน ๙
พระเจ้าอชาตศั ตรู กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นมคธ เจ้าว่าควรทำอย่างไร
ต้องการที่จะโจมตีแล้วยึดแคว้นวัชชี พระองค์ได้
หม่อมฉันมีแผนดี ๆ
ปรึกษาปุโรหิต (พราหมณ์ในราชสำนั ก) นามว่า
วัสสการพราหมณ์ ว่าจะทำอย่างไรจึงจะหาอุบาย
ทำลายเหตุแห่งความพร้อมเพรียงของพวกกษัตริย์
ลิจฉวีได้ เนื่ องจากกษัตริย์ลิจฉวีแห่งแคว้นวัชชี
ทุกพระองค์ล้วนตั้งอยู่ใน อปริหานิ ยธรรม
หากจะต่อสู้โดยใช้กำลังอย่างเดียวคงไม่เป็ นผล
เรื่องย่อก่อนบทเรียน ๑๐
วัสสการพราหมณ์จึงเสนอไปว่าตนจะปลอมเป็ น ปลอมตัวดีหรือไม่
ไส้ศึ กเข้าไปในแคว้นวัชชี โดยที่พระเจ้าอชาตศั ตรู เป็ นแผนการที่ดี
ต้องแสร้งพิโรธและไล่ตนออกจากเมืองก่อน
ตนจึงจะเข้าไปในแคว้นวัชชี เพื่อใกล้ชิดเหล่า
กษัตริย์ลิจฉวีและสร้างกลอุบายบ่อนทำลาย
ให้แตกคอกันเอง ถึงเวลานั้ นพระองค์ค่อยยกทัพ
เข้าไปโจมตีแคว้นวัชชี พระเจ้าอชาตศั ตรู จึงตอบ
ตกลง เป็ นจุดเริ่มต้นของแผนการ
๑๑
ลักษณะคำประพันธ์
บทร้อยกรอง โดยนำฉันท์ชนิ ดต่าง ๆ
มาใช้สลับกันอย่างเหมาะสม
กับเนื้ อหาแต่ละตอน
ฉันท์ ๑๘ ชนิ ด และกาพย์ ๒ ชนิ ด
๑. สัททุลวิกกีฬิ ตฉันท์ ๑๙ ๑๒
จึงนิ ยมใช้แต่งบทประณามพจน์
เป็ นการไหว้ครู หรือกล่าวยอพระ
เกียรติ พระเกียรติหรือสรรเสริญ
พระมหากษัตริย์ หรือสิ่ งศั กดิ์สิทธิ์
๑๓
๒. วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
ใช้สำหรับพรรณนาสิ่ งที่สวยงาม เช่น
ชมบ้านเมือง ชมธรรมชาติ ชมความงาม
ของสตรี เป็ นต้น ทำให้ผู้ฟั งรู้สึก
ไพเราะและซาบซึ้งกับความงามนั้ น ๆ
๓. อุปชาติฉันท์ ๑๑ ชื่อฉันท์มีความหมายว่า ฉันท์ที่แต่งด้วย ๑๔
อินทรวิเชี ยรฉั นท์และอุ เปนทรวิชี ยรฉั นท์ปนกัน
นิ ยมแต่งเพื่อบรรยายความในบทเจรจาของตัวละคร
๔. วังสัฏฐฉันท์ ๑๒ เป็ นฉันท์ที่มีสำเนี ยงไพเราะประดุจเสียงปี่
มีลักษณะคล้ายอินทรวงศ์ ฉันท์ ใช้บรรยาย
ความเช่นเดียวกับอินทรวงศ์ ฉันท์
๕. จิตรปทาฉันท์ ๘ เป็ นฉันท์ที่เหมาะสำหรับบทที่น่ ากลัว เอะอะ
เกรี้ยวกราด ตื่นเต้นตกใจ มีทำนองเสียงกระชับ
คล้ายมาณวกฉันท์ เพราะมีเสียงลหุใกล้ชิดกัน
ให้รู้สึกคึกคะนอง ตื่นเต้น
๖. อีทิสังฉันท์ ๒๐ ๑๕
เป็ นฉันท์ที่มีทำนองสะบัดสะบิ้ง กระโชกกระชั้น
เพราะใช้เสียงครุ และเสียงลหุสลับกัน ทำให้เสียง
กระแทกกระทั้น
เหมาะสำหรับใช้พรรณนาความรู้สึกที่รุ นแรง เช่น พรรณนา
ความโกรธ ความรัก ความตื่นเต้นที่แสดงออกถึงอารมณ์
๗. อินทรวงศ์ ฉันท์ ๑๒ ๑๖
ตอนลงจบคล้ายท่วงทำนองขลุ่ยหรือปี่ จึงมีผู้แปลชื่อฉันท์ชนิ ดนี้ ว่าขลุ่ยหรือปี่
ของพระอินทร์อีกชื่อหนึ่ ง นิ ยมใช้ในการพรรณนาความรู้สึกอันไม่ราบรื่นของตัวละคร
หรือบรรยายความ
๘. มาณวกฉันท์ ๘
๙. มาลินี ฉันท์ ๑๕ ๑๗
๑๐. ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒
๑๑. อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ๑๘
๑๒. สัทธราฉันท์ ๒๑
๑๓. สาลินี ฉันท์ ๑๑
๑๔. อุปั ฏฐิตาฉันท์ ๑๑ ๑๙
๑๕. โตฏกฉันท์ ๑๒
๑๖. กมลฉันท์ ๑๒
๒๐
๑. บทหนึ่ งมี ๒ บาท บาทหนึ่ งมี ๒ วรรค
วรรคหน้ ามี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ
รวมบาทหนึ่ งมี ๑๑ คำ จึงเรียกว่า ฉันท์ ๑๑
๒. ครุ -ลหุ : คำที่ ๓ ของวรรคหน้ ากับคำที่ ๑
ที่ ๒ และที่ ๔ ของวรรคหลังเป็ นลหุ นอกนั้ นเป็ นครุ
๓. ส่งสัมผัสแบบกาพย์ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ สัมผัสกับคำที่สามของวรรคที่ ๒
(เป็ นสัมผัสไม่บังคับ แต่ถ้ามีจะทำให้ฉันท์บทนั้ นไพเราะยิ่งขึ้น) และ คำสุดท้าย
ของวรรคที่ ๒ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ สัมผัสระหว่างบท คือคำสุดท้าย
ของวรรคที่ ๔ ของบทแรก จะต้องสัมผัสกับ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ในบทถัดไป
๒๑
ฉันท์นี้ แปลว่า เพชรของพระอินทร์ ซึ่งมีลักษณะแสงระยิบระยับ
เป็ นฉันท์ที่มีลีลา จังหวะสละสลวยอีกแบบหนึ่ ง ลีลาสวยงามดุจสายฟ้ าพระอินทร์
ใช้บรรยายความหรือพรรณนาเพื่อโน้ มน้ าวใจให้อ่อนโยน
๒๒
วิชชุมมาลาฉันท์ ๑ บท มี ๔ บาท บาทละ ๒ วรรค
วรรคละ ๔ คำ ๑ บาท นั บจำนวนคำได้ ๘ คำ/พยางค์
ดังนั้ น จึงเขียนเลข ๘ หลังชื่อ วิชชุมมาลาฉันท์นี่ เอง
ทั้งบทมีจำนวนคำทั้งสิ้น ๓๒ คำ
พบว่า สัมผัสวิชชุมมาลาฉันท์ มีสัมผัสนอก
(ที่เป็ นสัมผัสภายในบท) บท จำนวน ๕ แห่ง ได้แก่
๑. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ ส่งสัมผัสกับคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๒
๒. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒
๓. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสกับคำสุดท้าย ของวรรคที่ ๓
๔. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๕
๕. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๖ ส่งสัมผัสกับคำสุดท้าย ของวรรคที่ ๖
ส่งสัมผัสกับคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๖
ส่งสัมผัสกับคำสุดท้าย ของวรรคที่ ๗
๒๓
พบว่าคำสุดท้ายของบท ส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรค วรรคที่ ๔ ในบทต่อไป
คำครุ ลหุ วิชชุมมาลาฉันท์ ๑ บท มีคำครุ ทั้งหมด ๓๒ คำ ปราศจากการใช้คำลหุ
ชื่อฉันท์แปลว่า ระเบียบแห่งสายฟ้ า เป็ นฉันท์ที่มีเสียงหนั กหรือคำครุ ล้วน
เสียงอ่านจึงสั้น กระชับ รวดเร็ว ใช้บรรยายความที่แสดงความรู้สึกในทางวุ่นวายใจ
๒๔
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ กาพย์ฉบัง๑๖
คล้ายกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ เป็ นกาพย์ที่มีลีลาสง่างาม
แต่ต่างกันที่มีข้อบังคับ ครุ ลหุ ใช้สำหรับบรรยายความงาม
เพิ่มขึ้นมา ทำให้เกิดความไพเราะ หรือดำเนิ นเรื่องอย่างรวดเร็ว
มากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับข้อความ และกาพย์ฉบัง จัดในหมวด
ที่คึกคักสนุกสนาน โลดโผน ของฉันท์ได้ โดยจะกำหนด
และตื่นเต้น เป็ นคำครุ ทั้งหมด
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๒๕
ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ คะเนกลคะนึ งการ
ทิชงค์ชาติฉลาดยล ระวังเหือดระแวงหาย
กษัตริย์ลิจฉวีวาร ปวัตน์ วัญจโนบาย
สมัครสนธิ์สโมสร
เหมาะแก่การณ์จะเสกสรร
มล้างเหตุพิเฉทสาย ล ศึ กษาพิชากร
ณ วันหนึ่ งลุถึงกา เสด็ จพร้อมประชุ มกัน
กุมารลิจฉวีวร
สถานราชเรียนพลัน
ตระบัดวัสสการมา สนิ ทหนึ่ งพระองค์ไป
ธแกล้งเชิ ญกุมารฉั น
ก็ถามการณ์ ณ ทันใด
ลุห้องหับรโหฐาน กถาเช่นธปุจฉา
มิลี้ลับอะไรใน
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๒๖
จะถูกผิดกระไรอยู่ มนุษย์ผู้กระทำนา
ประเทียบไถมิใช่หรือ
และคู่โคก็จูงมา ก็รับอรรถอออือ
ประดุจคำพระอาจารย์
กุมารลิจฉวีขัตติย์ นิ วัตในมิช้านาน
กสิ กเขากระทำคือ สมัยเลิกลุเวลา
พชวนกันเสด็จมา
ก็เท่านั้ นธเชิญให้ ช องค์นั้ นจะเอาความ
ประสิทธิ์ศิ ลป์ ประศาสน์ สาร ณ ข้างใน ธ ไต่ถาม
วจีสั ตย์กะส่ำเรา
อุรสลิจฉวีสรร รวากย์วาทตามเลา
และต่างซักกุมารรา วภาพโดยคดีมา
พระอาจารย์สิ เรียกไป
อะไรเธอเสนอตาม
กุมารนั้ นสนองสา
เฉลยพจน์ กะครู เสา
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๒๗
กุมารอื่นก็สงสั ย มิเชื่อในพระวาจา
สหายราชธพรรณนา และต่างองค์ก็พาที
จะพูดเปล่าประโยชน์ มี
ไฉนเลยพระครู เรา รผลเห็นบเป็ นไป
เลอะเหลวนั กละล้วนนี ธ พูดแท้ก็ทำไม
จะถามนอกบยากเย็น
เถอะถึงถ้าจะจริงแม้ ธ คิดอ่านกะท่านเป็ น
แนะชวนเข้า ณ ข้างใน
ละแน่ ชัดถนั ดความ
ชะรอยว่าทิชาจารย์ มิกล้าอาจจะบอกตา
รหัสเหตุประเภทเห็น ไถลแสร้งแถลงสาร
ก็สอดคล้องและแคลงดาล
และท่านมามุสาวาท อุบัติขึ้นเพราะขุ่นเคือง
พจีจริงพยายาม ประดามีนิ รันดร์เนื อง
มลายปลาตพินาศปลงฯ
กุมารราชมิตรผอง
พิโรธกาจวิวาทการณ์
พิพิธพันธไมตรี
กะองค์นั้ นก็พลันเปลือง
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๒๘
ถอดความได้ว่า
พราหมณ์ผู้ฉลาดคาดคะเนว่ากษัตริย์ลิจฉวีวางใจคลายความหวาดระแวง เป็ นโอกาสเหมาะที่จะเริ่ม
ดำเนิ นการตามกลอุบายทำลายความสามัคคี วันหนึ่ งเมื่อถึงโอกาสที่จะสอนวิชา กุมารลิจฉวีก็เสด็จมาโดย
พร้อมเพรียงกัน ทันใดนั้ นวัสสการพราหมณ์ก็มาถึงและแกล้งเชิญพระกุมารพระองค์ที่สนิ ทสนมเข้าไปพบ
ในห้องส่วนตัว แล้วก็ทูลถามเรื่องที่ไม่ใช่ความลับแต่ประการใด ดังเช่นถามว่า ชาวนาจูงโคมาคู่หนึ่ งเพื่อ
เทียมไถใช่หรือไม่ พระกุมารลิจฉวีก็รับสั่ งเห็นด้วยว่าชาวนาก็คงจะกระทำดังคำของพระอาจารย์
ถามเพียงเท่านั้ นพราหมณ์ก็เชิญให้เสด็จกลับออกไป ครั้นถึงเวลาเลิกเรียน เหล่าโอรสลิจฉวีก็พากันมา
ซักไซ้พระกุมารว่าพระอาจารย์เรียกเข้าไปข้างใน ได้ไต่ถามอะไรบ้าง ขอให้บอกมาตามความจริง
พระกุมารพระองค์นั้ นก็เล่าเรื่องราวที่พระอาจารย์เรียกไปถาม แต่เหล่ากุมารสงสัยไม่เชื่อคำพูดของ
พระสหาย ต่างองค์ก็วิจารณ์ว่าพระอาจารย์จะพูดเรื่องเหลวไหลไร้สาระเช่นนี้ เป็ นไปไม่ได้ และหากว่า
จะพูดจริงเหตุใดจะต้องเรียกเข้าไปถามข้างในห้อง ถามข้างนอกห้องก็ได้ สงสัยว่าท่านอาจารย์กับ
พระกุมารต้องมีความลับอย่างแน่ นอน แล้วก็มาพูดโกหก ไม่กล้าบอกตามความเป็ นจริง แกล้งพูดไป
ต่าง ๆนานา กุมารลิจฉวีทั้งหลายเห็นสอดคล้องกันก็เกิดความโกรธเคือง การทะเลาะวิวาทก็เกิดขึ้น
เพราะความขุ่นเคืองใจ ความสัมพันธ์อันดีที่เคยมีมาตลอดก็ถูกทำลายย่อยยับลง
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๒๙
มาณวกฉันท์ ๘ กาลอนุกรม
ท่านทวิชงค์
วิทยะยง
เอกกุมาร
ล่วงลุประมาณ พราหมณไป
หนึ่ งณนิ ยม ห้องรหุฐาน
ความพิสดา
เมื่อจะประสิ ทธิ์ โทษะและไข
ครู จะเฉลย
เชิญวรองค์ ภัตกะอะไร
เธอจรตาม
โดยเฉพาะใน
จึ่งพฤฒิถาม
ขอธประทาน
อย่าติและหลู่
เธอน่ ะเสวย
๓๐
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์
ในทินนี่ ดี ฤ ไฉน
พอหฤทัย ยิ่งละกระมัง
ราชธก็เล่า เค้าณประโยค
ตนบริโภค แล้วขณะหลัง
เรื่องสิ ประทัง
วาทะประเทือง สิ กขสภา
อาคมยัง
ราชอุรส
เสร็จอนุศาสน์
ลิจฉวิหมด ต่างธก็มา
ท่านพฤฒิอา
ถามนยมาน รภกระไร
จารยปรา
แจ้งระบุมวล
เธอก็แถลง
ความเฉพาะล้วน จริงหฤทัย
๓๑
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์
ต่างบมิเชื่อ เมื่อตริไฉน
จึ่งผลใน
เหตุบมิสม
ขุ่นมนเคือง เรื่องนฤสาร
เช่นกะกุมาร
ก่อนก็ระ
เลิกสละแยก
เกลียวบนิ ยม แตกคณะกล
คบดุจเดิม
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๓๒
ถอดความได้ว่า
เวลาผ่านไปตามลำดับ เมื่อถึงคราวที่จะสอนวิชาก็จะเชิญพระกุมารพระองค์หนึ่ ง พระกุมาร
ก็ตามพราหมณ์เข้าไปในห้องเฉพาะ พราหมณ์จึงถามเนื้ อความแปลกๆว่า ขออภัย ช่วยตอบ
ด้วย อย่าหาว่าตำหนิ หรือลบหลู่ ครู ขอถามว่าวันนี้ พระกุมารเสวยพระกระยาหารอะไร
รสชาติดีหรือไม่ พอพระทัยมากหรือไม่ พระกุมารก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับพระกระยาหารที่เสวย
หลังจากนั้ นก็สนทนาเรื่องทั่วไป แล้วก็เสด็จกลับออกมายังห้องเรียน เมื่อเสร็จสิ้นการสอน
ราชกุมารลิจฉวีทั้งหมดก็มาถามเรื่องราวที่มีมาว่าท่านอาจารย์ได้พูดเรื่องอะไรบ้าง พระกุมาร
ก็ตอบตามความจริง แต่เหล่ากุมารต่างไม่เชื่อ เพราะคิดแล้วไม่สมเหตุสมผล ต่างขุ่นเคืองใจ
ด้วยเรื่องไร้สาระเช่นเดียวกับพระกุมารพระองค์ก่อน และเกิดความแตกแยกไม่คบกัน
อย่างกลมเกลียวเหมือนเดิม
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๓๓
อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ กลห์เหตุยุยงเสริม
นฤพัทธก่อการณ์
ทินวารนานนาน
ธ ก็เชิญเสด็จไป
ทิชงค์เจาะจงเจตน์ ฤ หาประโยชน์ ไร
เสาะแสดงธแสร้งถาม
กระหน่ำและซ้ำเติม น่ ะแน่ ะข้าสดับตาม
ละครั้งระหว่างครา พจแจ้งกระจายมา
ก็เพราะท่านสิ แสนสา
เหมาะท่าทิชาจารย์ และสุ ดจะขัดสน
บ ห่อนจะมีสาร
กระนั้ นเสมอนั ย
และบ้างก็พูดว่า
ยุบลระบิลความ
ละเมิดติเตียนท่าน
รพัดทลิทภาว
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๓๔
จะแน่ มิแน่ เหลือ พิเคราะห์เชื่อเพราะยากยล
ณ ที่ บ มีคน ธ ก็ควรขยายความ
น่ ะแน่ ะข้าจะขอถาม
และบ้างก็กล่าวว่า วจลือระบือมา
เพราะทราบคดีตาม ก็เพราะท่านสิ แสนสา
พิลึกประหลาดเป็ น
ติฉิ นเยาะหมิ่นท่าน มนเชื่อเพราะไป่ เห็น
ธ ก็ควรขยายความ
รพันพิกลกาย วนเค้าคดีตาม
นยสุ ดจะสงสั ย
จะจริงมิจริงเหลือ คุรุ ท่านจะถามไย
ระบุแจ้งกะอาจารย์
ผิข้อบลำเค็ญ
กุมารองค์เสา
กระทู้พระครู ถาม
ก็คำมิควรการณ์
ธ ซักเสาะสืบใคร
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๓๕
กุมารพระองค์นั้ น ธ มิทันจะไตร่ตรอง
ก็เชื่อณคำของ พฤฒิครู และวู่วาม
เหมาะเจาะจงพยายาม
พิโรธกุมารองค์ บ มิดีประเดตน
ยุครู เพราะเอาความ ทุรทิฐิมานจน
ธิพิพาทเสมอมา
ก็พ้อและต่อพิษ ทิชครู มิเรียกหา
ลุโทสะสื บสน ชกุมารทิชงค์เชิญ
ฉวิมิตรจิตเมิน
และฝ่ ายกุมารผู้ คณะห่างก็ต่างถือ
ก็แหนงประดารา พลล้นเถลิงลือ
มนฮึกบนึ กขามฯ
พระราชบุตรลิจ
ณกันและกันเหิน
ทะนงชนกตน
ก็หาญกระเหิ มฮื อ
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๓๖
ถอดความได้ว่า
พราหมณ์เจตนาหาเหตุยุแหย่ซ้ำเติมอยู่เสมอ ๆ แต่ละครั้ง แต่ละวัน นานนานครั้ง เห็นโอกาสเหมาะก็จะเชิญ
พระกุมารเสด็จไปโดยไม่มีสารประโยชน์ อันใด แล้วก็แกล้งทูลถามบางครั้งก็พูดว่า นี่ แน่ ะข้าพระองค์ได้ยินข่าว
เล่าลือกันทั่วไป เขานิ นทาพระกุมารว่าพระองค์แสนจะยากจนและขัดสน จะเป็ นเช่นนั้ นแน่ หรือ พิเคราะห์แล้ว
ไม่น่ าเชื่อ ณ ที่นี้ ไม่มีผู้ใด ขอให้ทรงเล่ามาเถิด บางครั้งก็พูดว่าข้าพระองค์ขอทูลถามพระกุมาร เพราะได้ยิน
เขาเล่าลือกันทั่วไปเยาะเย้ยดูหมิ่นท่าน ว่าท่านนี้ มีร่างกายผิดประหลาดต่าง ๆ นานาจะเป็ นจริงหรือไม่
ใจไม่อยากเชื่อเลยเพราะไม่เห็น ถ้าหากมีสิ่ งใดที่ลำบากยากแค้นก็ตรัสมาเถิด พระกุมารได้ทรงฟั งเรื่องที่พระ
อาจารย์ถามก็ตรัสถามกลับว่า สงสัยเหลือเกินเรื่องไม่สมควรเช่นนี้ ท่านอาจารย์จะถามทำไม แล้วก็ซักไซ้ว่า
ใครเป็ นผู้มาบอกกับอาจารย์ พราหมณ์ก็ตอบว่า พระกุมารพระองค์โน้ นตรัสบอกเมื่ออยู่กันเพียงสองต่อสอง
กุมารพระองค์นั้ นไม่ทันได้ไตร่ตรอง ก็ทรงเชื่อในคำพูดของอาจารย์ ด้วยความวู่วามก็กริ้วพระกุมารที่ยุ
พระอาจารย์ใส่ความตนจึงตัดพ้อต่อว่ากันขึ้น เกิดความโกรธเคืองทะเลาะวิวาทกันอยู่เสมอฝ่ ายพระกุมาร
ที่พราหมณ์ไม่เคยเรียกเข้าไปหาก็ไม่พอพระทัยพระกุมารที่พราหมณ์เชิญไปพบพระกุมารลิจฉวีหมางใจและ
เหินห่างกัน ต่างองค์ทะนงว่าพระบิดาของตนมีอำนาจล้นเหลือจึงมีใจกำเริบไม่เกรงกลัวกัน
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๓๗
สัทธราฉันท์ ๒๑ ธก็ยุศิ ษยตาม
ฉงนงำ
ริณวิรุ ธก็สำ
ลำดับนั้ นวัสสการพราหมณ์ ธ เสกสรร
แต่งอุบายงาม มิละปิ ยะสหฉันท์
ก็อาดูร
ปวงโอรสลิจฉวีดำ พระชนกอดิศูร
คัญประดุจคำ ปวัตติ์ความ
ลุวรบิดรลาม
ไป่ เหลือเลยสักพระองค์อัน ณ เหตุผล
ขาดสมัครพันธ์
ต่างองค์นำความมิงามทูล
แห่งธโดยมูล
แตกร้าวก้าวร้ายก็ป้ ายปาม
ทีละน้ อยตาม
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๓๘
ฟั่ นเฝื อเชื่อนั ยดนั ยตน นฤวิเคราะหเสาะสน
สื บจะหมองมล เพราะหมายใด
กษณะตริเหมาะไฉน
แท้ท่านวัสสการใน สะดวกดาย
เสริมเสมอไป
พจนยุปริยาย
หลายอย่างต่างกลธขวนขวาย บ เว้นครา
วัญจโนบาย มาสหกรณประดา
ช ทั้งหลาย
ครั้นล่วงสามปี ประมาณ มิตรภิทนะกระจาย
ลิจฉวีรา ก็เป็ นไป
พระราชหฤทยวิสั ย
สามัคคีธรรมทำลาย ระวังกันฯ
สรรพเสื่ อมหายน์
ต่างองค์ทรงแคลงระแวงใน
ผู้พิโรธใจ
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๓๙
ถอดความได้ว่า
ในขณะนั้ นวัสสการพราหมณ์ก็คอยยุลูกศิ ษย์ แต่งกลอุบายให้เกิดความแคลงใจ พระโอรส
กษัตริย์ลิจฉวีทั้งหลายไตร่ตรองในอาการน่ าสงสัยก็เข้าใจว่าเป็ นจริงดังถ้อยคำที่อาจารย์
ปั้ นเรื่องขึ้น ไม่มีเหลือเลยสักพระองค์เดียวที่จะมีความรักใคร่กลมเกลียว ต่างขาดความสัมพันธ์
เกิดความเดือดร้อนใจ แต่ละองค์นำเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นไปทูลพระบิดาของตน ความแตกแยก
ก็ค่อย ๆ ลุกลามไปสู่พระบิดา เนื่ องจากความหลงเชื่อโอรสของตน ปราศจากการใคร่ครวญ
เกิดความผิดพ้องหมองใจกันขึ้น ฝ่ ายวัสสการพราหมณ์ครั้นเห็นโอกาสเหมาะสมก็คอยยุแหย่
อย่างง่ายดาย ทำกลอุบายต่าง ๆ พูดยุยงตามกลอุบายตลอดเวลา เวลาผ่านไปประมาณ ๓ ปี
ความร่วมมือกันระหว่างกษัตริย์ลิจฉวีทั้งหลายและความสามัคคีถูกทำลายลงสิ้น ความเป็ นมิตร
แตกแยก ความเสื่ อม ความหายนะก็บังเกิดขึ้น กษัตริย์ต่างองค์ระแวงแคลงใจมีความขุ่นเคืองใจ
ซึ่ งกันและกัน
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๔๐
สาลินี ฉันท์ ๑๑ ตระหนั กเหตุถนั ดครัน
จักสู่ พินาศสม
จะสั มฤทธิ์มนารมณ์
พราหมณ์ครู รู้สังเกต
และอุตสาหแห่งตน
ราชาวัชชีสรรพ
ยินดีบัดนี้ กิจ ประชุ มขัตติย์มณฑล
เริ่มมาด้วยปรากรม กษั ตริย์สู่ สภาคาร
ให้ลองตีกลองนั ด สดับกลองกระหึมขาน
เชิ ญซึ่ งส่ำสากล ณ กิจเพื่อเสด็จไป
วัชชีภูมีผอง
ทุกไท้ไป่ เอาภาร
๔๑
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์
ต่างทรงรับสั่ งว่า จะเรียกหาประชุ มไย
ก็ขลาดกลัวบกล้าหาญ
เราใช่เป็ นใหญ่ใจ และกล้าใครมิเปรียบปาน
ท่านใดที่เป็ นใหญ่ ประชุ มชอบก็เชิ ญเขา
ไฉนนั้ นก็ทำเนา
พอใจใคร่ในการ บ แลเห็นประโยชน์ เลย
และทุกองค์ธเพิกเฉย
ปรึกษาหารือกัน สมัครเข้าสมาคมฯ
จักเรียกประชุ มเรา
รับสั่ งผลักไสส่ง
ไป่ ได้ไปดั่งเคย
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๔๒
ถอดความได้ว่า
พราหมณ์ผู้เป็ นครู สังเกตเห็นดังนั้ น ก็รู้ว่าเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีกำลังจะประสบความพินาศ จึงยินดี
มากที่ภารกิจประสบผลสำเร็จสมดังใจ หลังจากเริ่มต้นด้วยความบากบั่นและความอดทนของตน
จึงให้ลองตีกลองนั ดประชุมกษัตริย์ฉวี เชิญทุกพระองค์เสด็จมายังที่ประชุม ฝ่ ายกษัตริย์วัชชี
ทั้งหลายทรงสดับเสียงกลองดังกึกก้อง ทุกพระองค์ไม่ทรงเป็ นธุ ระในการเสด็จไป ต่างองค์
รับสั่ งว่าจะเรียกประชุมด้วยเหตุใด เราไม่ได้เป็ นใหญ่ ใจก็ขลาด ไม่กล้าหาญ ผู้ใดเป็ นใหญ่
มีความกล้าหาญไม่มีผู้ใดเปรียบได้ พอใจจะเสด็จไปร่วมประชุมก็เชิญเขาเถิด จะปรึกษาหารือ
กันประการใดก็ช่างเถิด จะเรียกเราไปประชุมมองไม่เห็นประโยชน์ ประการใดเลย รับสั่ งให้
พ้นตัวไป และทุกพระองค์ก็ทรงเพิกเฉยไม่เสด็จไปเข้าร่วมการประชุมเหมือนเคย
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๔๓
อุปั ฏฐิตาฉันท์ ๑๑ ชนะคล่องประสบสม
ธ ก็ลอบแถลงการณ์
คมดลประเทศฐาน
ภิเผ้ามคธไกร
เห็นเชิงพิเคราะห์ช่อง สนว่ากษัตริย์ใน
วลหล้าตลอดกัน
พราหมณ์เวทอุดม คณะแผกและแยกพรรค์
ท เสมือนเสมอมา
ให้วัลลภชน ขณะไหนประหนึ่ งครา
กราบทูลนฤบาล ก็ บ ได้สะดวกดี
พยุห์ยาตรเสด็จกรี
แจ้งลักษณสา ริยยุทธโดยไวฯ
วัชชีบุรไกร
บัดนี้ สิก็แตก
ไป่ เป็ นสหฉัน
โอกาสเหมาะสมัย
นี้ หากผิจะหา
ขอเชิญวรบาท
ธาทัพพลพี
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๔๔
ถอดความได้ว่า
เมื่อพิจารณาเห็นช่องทางที่จะได้ชัยชนะอย่างง่ายดาย พราหมณ์ผู้รอบรู้
พระเวทก็ลอบส่งข่าว ให้คนสนิ ทเดินทางกลับไปยังบ้านเมือง กราบทูล
กษัตริย์แห่งแคว้นมคธอันยิ่งใหญ่ ในสาสน์ แจ้งว่ากษัตริย์วัชชีทุกพระองค์
ขณะนี้ เกิดความแตกแยก แบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่สามัคคีกันเหมือนแต่เดิม
จะหาโอกาสอันเหมาะสมครั้งใดเหมือนดังครั้งนี้ คงจะไม่มีอีกแล้ว ขอทูลเชิญ
พระองค์ยกกองทัพอันยิ่งใหญ่มาทำสงครามโดยเร็วเถิด
ถอดความ สามัคคีเภทคำฉันท์ ๔๕
วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ ทราบถึงบัดดล
ชาวเวสาลี
ข่าวเศิ กเอิกอึง ชนบทบูรี
หวาดกลัวทั่วไป
ในหมู่ผู้คน หมดเลือดสั่ นกาย
แทบทุกถิ่นหมด วุ่นหวั่นพรั่นใจ
อกสั่ นขวัญหนี ซ่อนตัวแตกภัย
ตื่นตาหน้ าเผือด ทิ้งย่านบ้านตน
หลบลี้หนี ตาย ชาวคามล่าลาด
ซุ กครอกซอกครัว ขุนด่านตำบล
เข้าดงพงไพร
เหลือจักห้ามปราม
พันหัวหน้ าราษฎร์