The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 3 การเปลี่ยนแปลงของธรณีภาค

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tramgang, 2022-09-12 00:57:45

หน่วยที่ 3 การเปลี่ยนแปลงของธรณีภาค

หน่วยที่ 3 การเปลี่ยนแปลงของธรณีภาค

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 วิวฒั นาการของเอกภพและระบบสุริยะ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เทคโนโลยอี วกาศ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การเปล่ียนแปลงของธรณีภาค
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ธรณีพิบตั ิภยั
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 บรรยากาศและสมดุลพลงั งานของโลก
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 การหมนุ เวยี นของน้าและอากาศบนโลก

โครงสร้างโลก (ว 3.2 ม.6/1, 2) โครงสร้างภายในของโลกมีลกั ษณะเป็ นช้นั ๆ
การเคลื่อนท่ีของแผน่ เปลือกโลก ถ้าแบ่งโครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมี
(ว 3.2 ม.6/3) จะแบ่งออกเป็ น 3 ส่วน ไดแ้ ก่ เปลือกโลก เน้ือโลก
คาถามทา้ ยหน่วยการเรียนรู้ และแก่นโลก แต่ถ้าแบ่งโครงสร้างโลกตามสมบตั ิ
เชิงกลของคล่ืนไหวสะเทือน จะแบง่ ออกเป็น 5 ส่วน
โครงสร้างภายใน ไดแ้ ก่ ธรณีภาค ฐานธรณีภาค มชั ฌิมภาค แก่นโลก
ของโลกเป็นอยา่ งไร ช้นั นอก และแก่นโลกช้นั ใน

1/77

- โลกประกอบด้วยส่วนที่เป็ นของแข็ง (พ้ืนดิน)
ของเหลว (พ้นื น้า) และแกส๊ (อากาศ)

- เมื่อพิจารณาองค์ประกอบด้านสิ่ งแวดล้อมแล้ว
จะแบ่งโลกออกเป็ น4 ส่วน ได้แก่ บรรยากาศภาค ชีวภาค
อุทกภาค และธรณีภาค

- ทุกส่วนมีความเช่ือมโยงและสัมพนั ธ์กนั หากส่วนใด
ส่วนหน่ึงเกิดการเปลี่ยนแปลงกจ็ ะส่งผลกระทบต่อส่วนอน่ื ๆ

2/77

ส่วนต่าง ๆ ของโลก 2413. บชธอรีวุทรภณยกาีภาภคกาาค(คศbi(ภo(liาshtคphyhod(esarrptoemhs)peoหrhsepม)rhาeหeย)rมถหeาึง)มยหสถาม่วึยงานถยสึขงถ่วึองนสงส่ขวผ่วอนิวนงโทขเลี่ปอเกปงล็แอนือลากนกะ้โาบลศทรทก้ังร่ีทอหย้ยังามรู่กหอดามบศบด บนๆทรโ่ีเิโปวล็ ณนก
ใขซตก้่งึอั ลแคงผต้ แรวิ่ผขอโวิ ็งบลพกคเ้นื ปลซด็ นุ่ึมิงนเสสปไ่ว็ปนานมจทนทใ่ีอนถ่ีมยึงขู่สีครอ่ีสวะง่าดวสมบนั่ิงสมสขาีูชงอคกีวงัญตวิ ผา่ตทิวา่8ี่โสง0ลุ0ดๆกทกบิโาไนลงดโเด้มแล้าตกน่รแธบมรรณ่นร้ีวายิาทลกยาาคศปลเนรอื่อะงกงทอจบาะกเไลมปสีกดาว้ บรย
1 บรรยากาศภาค เแมปกหล๊สา่ียสตนม่าแุทงป รๆลแงลทขะี่มอแีนงหเ้ าปลห่งลนือ้าักตจโา่ ึลงทกๆากใาหร้เกิดชค้ันวาหมินกแดลอะาดกินาศซ่ึงซม่ึงีอบิทรธิเิวพณลตผ่ิอวโสลิ่งมกีจชีะวิมตี
บคา่นคโวลากมกดอากาศประมาณ 101,325 นิวตนั ต่อตารางเมตร หรือ 1 บรรยากาศ

2 ชีวภาค

3 อทุ กภาค 4 ธรณีภาค

**คลิกท่ี 1 - 4 เพ่ือใหข้ อ้ ความปรากฏหรือเปลี่ยนขอ้ ความ 3/77

1.1 การแบ่งโครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมี

- ในช่วงแรกที่โลกก่อกาเนิดข้ึน โลกยงั คงมีอุณหภูมิสูง
จนทาใหธ้ าตุหนกั เกิดการหลอมละลาย
- เม่ือพ้ืนผิวโลกเร่ิ มเย็นตัวลง ธาตุหนักต่าง ๆ ท่ีมี
ค ว า ม ห น า แ น่ น สู ง ก็ จ ะ จ ม ตัว ล ง สู่ ใ จ ก ล า ง โ ล ก ด้ว ย
อิทธิพลของแรงโนม้ ถว่ ง
- การจมตวั ของธาตทุ ี่มีความหนาแน่นแตกต่างกนั ทาให้
เกิดการแยกส่วน โครงสร้างโลกจึงมีลกั ษณะเป็ นช้นั ๆ
- โครงสร้างโลกแต่ละช้ันจะประกอบด้วยธาตุชนิด
ต่างกันตามความหนาแน่ นของธาตุ ซ่ึ งธาตุที่ มี
ความหนาแน่นมากจะยงิ่ อยลู่ ึกจากผิวโลกมาก

4/77

**คลิกท่ี เพ่ือให้ขอ้ ความปรากฏหรือเปลี่ยนขอ้ ความ แเนปกื้อ่ลนโือลโลกกโ(ลm(กacon(rtcleer))uเเsปt็)นเชป้ัน็ นทใชี่อน้ันยสู่รนุ ดะอหขกวอส่างงุ โดเปลขลกอืองมกโีคโคลวรกางกมสบัหรแน้ากาง่นแโโนล่นก
แมลีคะวคามวหามนดานัปสรูะงมากณป24ร-,97ะ0ก0กอกิโบิโลดลเว้มเมยตธตรารตแแบุเหบง่ ลง่อกอ็ อแอกลกเปะเป็น็นิก2เ2กชิสลน่เวิปดน็นคคสือือ่วนใหญ่
มีรัศ1ม.ีปรเปนะมืล้อืาอโณกลโก3ล,ส5ก่ 0วท0นวกบีปิโนล(cเมo(uตnptรipnแeบrnง่tmaอlaอcnกrtเulปes็)นt)ม2เีคปช็วน้นั าสมค่วือหนนขาอปงพร้ืนะมทาวณีป
3แ0ล-ะ11ไ0.ห0ลแก่ทกิโ่นวลีปโเมลมตกีครชว้ันมามีนสห่วอนกาปป(รoระuะtกeมอrาบณcoหr2ลe5)กั-7อเป0ย็ นู่กทิแโี่คลมวเกมานมตีเลรซึกีปยจมราะแกกลผอะิวบเหโดลว้ ็กย
ม2แ,รีส9่ซ0ถิล0าิ-กน5า,ะ0(เ0sปi0็lนicกขaิโ)อลแงเลมแะตขอร็งะมลสีคูม่ววินาาชม้(ันถa่วluฐงmาจiนาnเaธพ)ราเณปะ็ปนีภรสาะ่ควมนา(ใaณหstญ1h2e่ nจแoึงกsเรp่นีhยโeกลrวeก่า)
ชท้ันี่คไนวซา้ีเปมอ็ นลั ึกโ(SลปIหรAะLมเห)าลณวท70่ีป-ร2ะ6ก0อกบิโดลว้เมยธตารตมุเหีหลิน็กบแาลงะสน่วิกนเกหิลลซอ่ึงมไลหะลลวานย
ไจปึงเใป2น็.นทหิศเปทินลาเงืนอเด้ืกอียโอวล่อกกนั มทแหาราใ่บสหามน้ งุทกัสว่รวิทน(ยหoาcศลeาaอสnมตicลระc์ตrล้งั uสาsยtม)เมปเตป็ นิ็ฐนหาเนินปวหล่ากืนอาืดกรหโไหลรืลอก
ขสแมอ่วกงนโมทลาห่ีอ(mะยเู่aใหgตลm้มวaทห)าเาคใสหลมื่อเ้ กุทนิดทรส่ีหนมมาีคมุนวแวามนม่เดหหว้ลนยก็ กาโาปลรกรพะาคมวาาณมร4้อ-น11 กิโลเมตร
ประ2ก. อแเบนกดื้่อนว้ โยโลลแกรก่สซช่ ิ้วัลนินกใานล่(าs(งiilnic(naleo)rwแceลorะrmeส)aาอnรtปยlู่eทร)ะี่คเกปวอ็ านบมชขล้ันอึกงทจแ่ีอามกยกู่ผในิตวีเ้โฐซลีายนมก
ปเธปร็นณะสมีภ่วานณคใหม5ีสญ,0ภ่0จา0ึงพเกรเีปิยโ็กนลวเขมา่ อตชง้รันแไขมซ็งีคมวอาาย(มทู่Sหี่IคMนวาAมป)ลรึกะจมาากณผิว1โ,2ล1ก63ก5ิโ0ล-2เม,9ต0ร0
มกิีอโ ุลณเหมภตูมริสสู ง่ วถนึง ใ7ห,5ญ0่0ป รอะงศกาอเบซลดเ้วซยี ยเสห ลม็กีคซวิ าลมิ เ กถต่วงแจลาะเพแามะกมนาี เกซกี ยวม่า
1ซ7ิลอิเกยตใู่ นมสีอภณุ าหพภขูมอิปงแระขมง็ าณ 3,000 องศาเซลเซียส

5/77

1.2 การแบ่งโครงสร้างโลกตามลกั ษณะของคล่ืนไหวสะเทือน P wave
S wave
- เน่ืองจากสร้างภายในโลกมีลกั ษณะทางกายภาพ
ที่แตกต่างกนั ในแตล่ ะช้นั
- เม่ือเกิดแผน่ ดินไหว คลื่นแผน่ ดินไหวจะเคลื่อนที่
ผ่านโครงสร้างโลกแต่ละช้ันด้วยอัตราเร็ วที่
แตกต่างกนั
- คลื่นไหวสะเทือน (seismic wave) คือ คลื่น
แผ่นดินไหว แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท ได้แก่
คลื่นในตวั กลางและคล่ืนพ้นื ผวิ

6/77

คลื่นในตัวกลาง (body wave) เป็ นคลื่นที่เดินทางอยู่ภายในเน้ือโลกซ่ึงเป็ นตวั กลางของคลื่นที่มเี น้ือเดียวกนั ตลอด

แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด ดงั น้ี ช่วงอดั

ช่วงขยาย

1. คล่ืนปฐมภูมิ (primary wave : P wave) เป็ นคลื่น

อดั ขยายหรือคลื่นตามยาวเนื่องจากอนุภาคของตวั กลาง ทิศการเคลื่อนท่ี
เคล่ือนที่ในแนวเดียวกนั กบั การเคลื่อนที่ของคล่ืน เดินทาง ของคล่ืน
จากจุดกาเนิดคล่ืนถึงเครื่องตรวจวดั คลื่นไดเ้ ป็ นอนั ดบั แรก

2. คล่ืนทุติยภูมิ (secondary wave : S wave) เป็ นคล่ืน ทิศการเคล่ือนท่ี
ของคลื่น
เฉือนหรื อคล่ืนตามขวาง อนุภาคของตัวกลางเคล่ือนท่ี
7/77
ต้งั ฉากกบั ทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่น ทาให้รูปร่างของ
ตัวกลางเปลี่ยนแปลงไป เดินทางจากจุดกาเนิดคลื่นถึง

เครื่องตรวจวดั คล่ืนไดห้ ลงั คล่ืนปฐมภมู ิ

คลื่นพืน้ ผวิ (surface wave) เป็ นคล่ืนท่ีเคลื่อนท่ีไปตามพ้ืนผิวของโลก แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด ดงั น้ี ทิศการเคลื่อนที่
ของคลื่น
1. คล่ืนเลิฟ (love wave) เป็ นคล่ืนตามขวาง อนุภาค
ของตวั กลางเกิดการสน่ั ในแนวระดบั โดยไม่เกิดการกระจดั ทิศการเคลื่อนท่ี
ในแนวด่ิง มีลกั ษณะคลา้ ยกบั งูเล้ือยไปตามผิวโลก ขณะท่ี ของคลื่น
คล่ืนเลิฟมีความเร็ วสู งจะมีความถ่ีต่ าและจะเคล่ื อนท่ี ลงสู่ 8/77
ใตผ้ วิ โลกไดม้ ากข้ึน

2. คล่ืนเรย์ ลี (rayleigh wave) เป็ นคล่ืนตามขวาง
อนุภาคของตวั กลางเกิดการส่ันในแนวด่ิง พ้ืนผิวโลกจะ
เคลื่อนไหวเป็ นวงรีโดยมีแกนหลกั ในแนวแกนด่ิง ความเร็ว
ของคลื่นจะลดลงตามความลึกอยา่ งรวดเร็ว

จดุ ศนู ยก์ ลางแผน่ ดินไหว

คลื่นปฐมภูมิ
คลื่นทตุ ิยภูมิ

คลื่นปฐมภมู ิ คล่ืนทุตยิ ภูมิ

104º 104º ตรวจพบท้งั คลื่นปฐมภูมิ คล่ืนในตวั กลางสามารถเคล่ือนที่
เขตอบั คล่ืน 143º และคลื่นทุตยิ ภูมิ ผา่ นเขา้ ไปในโครงสร้างโลกได้ แต่จะมี
ปฐมภมู ิ 143º บางบริเวณที่ไม่สามารถตรวจพบคล่ืน
ตรวจไม่พบท้งั คลื่นปฐมภมู ิ แผ่นดินไหว เรี ยกว่า เขตอับคล่ืน
และคลื่นทตุ ิยภมู ิ
(shadow zone)

เขตอบั คล่ืนทุติยภมู ิ ตรวจพบเฉพาะคลื่นปฐมภมู ิ

9/77

จดุ ศนู ยก์ ลางแผน่ ดินไหว คลื่นปฐมภมู ิ จากรูป คลื่นปฐมภูมิจะไม่ปรากฏ
เขตอบั คลื่นทตุ ิยภูมิ คล่ืนทตุ ิยภูมิ ที่มุม 104-143 องศา ซ่ึงอยูต่ รงขา้ มกับ
จุดศูนยก์ ลางแผน่ ดินไหว เรียกบริเวณน้ี
คลื่นปฐมภูมิ คลื่นทุติยภมู ิ ว่า เข ต อับ ค ล่ื น ป ฐ ม ภู มิ ( P-wave
shadow zone)
104º 104º ตรวจพบท้งั คล่ืนปฐมภมู ิ
เขตอบั คล่ืน 143º และคล่ืนทตุ ิยภมู ิ เ มื่ อ ค ลื่ น ป ฐ ม ภู มิ เ ดิ น ท า ง ม า
ปฐมภูมิ 143º ต ก ก ร ะ ท บ ร อ ย ต่ อ ข อ ง เ น้ื อ โ ล ก แ ล ะ
ตรวจไม่พบท้งั คล่ืนปฐมภมู ิ แก่นโลกช้นั นอกท่ีมุม 104 องศา แลว้
และคลื่นทตุ ิยภูมิ จ ะ หั ก เ ห เ ข ้า ม า ย ัง แ ก่ น โ ล ก ช้ ั น น อ ก
จากน้ันเดินทางผ่านแก่นโลกช้ันนอก
ตรวจพบเฉพาะคลื่นปฐมภมู ิ จนถึงรอยต่อระหว่างแก่นโลกช้นั นอก
กบั เน้ือโลกก็จะเกิดการหักเหอีกคร้ังท่ี
มมุ 143 องศา

10/77

คลื่นทุติยภูมิจะไม่สามารถเคล่ือนท่ีผ่านแก่นโลก การศึกษาเขตอบั คลื่นเป็ นอีกหลกั ฐานหน่ึงท่ีทาให้
ช้นั นอกที่เป็ นของเหลวได้ คล่ืนทุติยภูมิจึงไม่ปรากฏที่มุม ทราบวา่ โครงสร้างภายในของโลกน้นั มีลกั ษณะเป็ นช้นั ๆ
ต้งั แต่ 104 องศาเป็ นตน้ ไป เรียกบริเวณน้ีว่า เขตอับคลื่น ไมไ่ ดเ้ ป็ นเน้ือเดียวกนั ตลอด
ทุตยิ ภูมิ (S-wave shadow zone)

เมื่ อศึ กษาการเคลื่ อนที่ และอัตราเร็ วของคลื่ น

ไหวสะเทือนที่ระดบั ความลึกต่าง ๆ ภายในโครงสร้างโลก

จะแบ่งโครงสร้างโลกเป็ น 5 ช้ัน ได้แก่ ธรณี ภาค
ฐานธรณีภาค มชั ฌิมภาค แก่นโลกช้นั นอก และแก่นโลก
ช้นั ใน

11/77

ธรณีภาค แก่นโลก ธมแฐากรั ชน่ณนฌธีโภริลมาณกคภีภชา(้ันlคคitในh(นaoอ(smก(tphinhee(sneoreouserspt)pehcเrhoeปerc็ rนeoe)rส)eอเ่ว)ปยนเ็ู่ทนปนข็ี่สรนอส่ะวส่งนวด่เวทัปบนน่ีอลคทบยือวี่ ถู่อนกาดั มยโขจู่ลใอาึกตง้
ฐาน ช้นั นอก ทจแธฐาร้กงั กณนห่นผีธภมิโวารดโลคณลรกอีวกภยมปอาทู่ กครยี่รับะู่ทะมชรี่ดริา้ัเนบะณวคบดณว5าับเา,งน0มค ้0ืๆอลว0ึโกาขกลจมอิาโกลกงลึเผกอเนมิวจย้ือตโู่ทาโลรกี่รลกจผะกปนิดวสรถับโะ่วึงลมคนจากวุบดณาปศนมูน1รลค0ะยึ0กลก์ม-่ืจนล7าา0าณกP0ง
ธรณีภาค แก่นโลก ผแก2ขลิอ,โว8ะงลโโ0คลเลม0กกื่ตน-ป5รหSร,ร1หะเือค0ิมนปล0าใร่ือณนะนกมชิทโ7้าัน่ีดล0ณนว0้ เย้6มี-2ค,ี3ตค,ว78วรา00มา0กมปเริโอ็รกวล่อเิะโเพมนลกมิ่ ตตเอมรวั าบตอแกดณุรลข้วนึะหเปมยจภ็ นีขสูมถิอมบึงาบงรรจิเัตอสวหิเยูงณปลตถ็ นท่อวึง่ี
มชั ฌิมภาค ช้นั ใน คพท7,ลี่5เมรื่0นาี ธี ย0สไากตอหติวกงวุเ่ศาหสกาะแเลาซรเ็นกทลเควแืเอซลแลนียื่อบะมสน่ งีนออทเิัตกขย่ีขรู่ใเตอกานโงเิ ลสรมค็วเภลโปสาื่ฮน็ พนมโไข่ารสหเอว่สวงิซมสนแิขกอะป็งเทเร(นปMืะอื่อรนกoะงhแอกจoบอาrก่บงoหอvเดปiลอs้ว็ iันกยc
ธเdชปม้iนาั s็ื่นตอcขoุเคอหn2งลtลแiเ่ืนnข็กuตไง็ ธiทtหyาคี่มต)วือีเุนแสเลิ้ืกอะข้วเตดกทจียิทละือว่ีเคแคกนลลนั เ่ืนคื่ะอเไธชลนห่าืนอทตวน่ีชเุทหส้าท่ีมละี่มค็กเงทวาซรือาถิลอมึนงิเยกถชมต่ว้ัีนค่องแวนจมา้ีเกปมเคพ็นเนลราีเ่ืแ็ซะนวนีสยตมูPว่งา
**คลิกที่ เพื่อให้ขอ้ ความปรากฏหรือเปล่ยี นขอ้ ความ เซ(แจมlะบิoลื่อwมิเ่งกคเีอขตvลัตe่ืนlรoาะPcเiหtรเyค็วลา่zลoงื่อดเnนปeล)ลทงืทอ่ีจฉกี่ารับกโะพแลดลกับ่ันชค้นัโวแลนาลกมอ้วชลกจ้ันึกึงนปบั เพเอรปิ่มะกลมขือ้ึานกณยอโงั ยลแ1่าก0ง่ช0นช้-ันโ4้าลใ0 นๆก0
กแซช้่ิโึตันงล่ไนใเมินย่ปตาจรมะาคผจกล่าฏ่ืนนกคPกรลอาแื่นรยลเตะSปค่อเลนทื่ีนย่ืีอเรนSงี ยจแมกาปีอกวตัลบ่ารงราเิอเขรวัต็วณลรไนดาม้ีเล่ ตปรง่็อวนแเขลนอะ่ือเงขงเคหตขลทลอ่ื น่ีมวงี
ซไเกล่หึางรคหวเล์สปแื่นละมี่เยSทนืไอแนมนป์่สเล(หางมLนาe(ือhรtrถmรanอเaคsยniลtnตiื่อo่อnนdแaiทlsลcี่ผzะo่าnในteตiไ)n้รดuออ้iยกtยyู่บาต)ร่อิเตปว้ัองณลยชี่ยเู่ทน่ื อ่ี้รือแตะโปดาลับมกง
คอสิ่วงตั เนารกมาบเลนรลึก็วทหจขี่ร์แาอะกมดงผนคบั ิวลนคโ่ืนว์ ล(าไIกมnหปลgวeึกรสะปLะมeรเhะาทmณมือาaนณn1n0ท)40่ีร0คอก0ล-ิยโื่7นตล0่อเ0Pมนกตจ้ีิโะรเลรมีตยเีมค้กงั ตวชวราื่าอมซตเเข่ึงารม็ตวี
ไนอเพมณุกั ิ่มตวหข่ทิอภ้ึนยเูมนาอิแศื่อยลา่างสะงขคตรอวร์างชดมกาเดวรูเต็สนวั นลเจพาเาฟมิ่บกขิรนเ้์อึนก้ัน.ตโ(จามGมะโuมรฮtะีคโeดรnวบวัbาซิมeคrิกวเgราซ็วมd่ึงคiลsเ่อปึกc็นoนทnขผtา้าiูคใnงหน้uค้หiพงtyินบท)ี่
ซเหมน่ึงร่ือืเอปงพแจ็ น.ารศรก่ใ.อเน2ปย4็ชนต5้ันช่อ2้นัร้ีะทเกหี่มิดวีสก่าถงาารชนเ้ันปะเลนปี่ย็้ือนนโขแลอปกงแลขลงง็โะเคแนรก้ือง่นเดสโียรลว้ากงชค้ันลนื่นอกP
ตแ้ลงั ชะื่คอลตื่นามSนมกั ีอแตัผร่นาเดริน็วเไพหิม่ วขว้ึนิทอยยาา่ งเบไมโน่สมก่าูเตสนมอเบิร์ก (Beno
Gutenberg)

12/77

อตั ราเร็วของคลื่นไหวสะเทือนทีร่ ะดบั ความลกึ ต่าง ๆ

แนวแบง่ เขตโมโฮโรวิซิก
0 ฐานธรณีภาค

P wave

เน้ือโลก S wave เน้ือโลก ธรณีภาค
2,000

ความ ึลก ( ิกโลเมตร) 4,000 เขตไม่ตอ่ เน่ือง แก่นโลกช้นั นอก
แก่นโลกช้นั นอก ของกูเตนเบิร์ก แก่นโลกช้นั ใน

เขตไม่ต่อเน่ือง
ของเลห์แมนน์

แก่นโลกช้นั ใน 14 13/77
6,000

2 4 6 8 10 12
อตั ราเร็ว (กิโลเมตร/วินาที)

จะเห็นไดว้ า่ ส่วนประกอบภายในช้นั ต่าง ๆ ของโลก
มี ลั ก ษ ณ ะ แ ล ะ ส ม บั ติ ต่ า ง กั น ท้ ั ง ด้ า น ก า ย ภ า พ แ ล ะ
องคป์ ระกอบทางเคมี

หินหนืดในช้ันเน้ือโลกมีอิทธิพลต่อการเคล่ือนที่
ข อ ง แ ผ่น ท วีป ที่ ผิ ว โ ล ก แ ล ะ ส่ ง ผ ล ใ ห้เ กิ ด ธ ร ณี พิ บัติ ภัย
เช่น แผน่ ดินไหว ภูเขาไฟระเบิด

การไหลของโลหะเหลวบริ เวณแก่นโลกช้ันนอก
ยงั ส่งผลต่อการเกิดสนามแม่เหล็กโลกที่ช่วยปกป้องโลก
และสิ่งมีชีวติ จากลมสุริยะและรังสีตา่ ง ๆ ท่ีมาจากนอกโลก

14/77

(หนงั สือเรียนหนา้ 78)

15/77

1. ส่ิงมีชีวติ ส่วนใหญอ่ าศยั อยใู่ นบริเวณใด เพราะเหตใุ ด
2. บรรยากาศภาคมีอิทธิพลตอ่ ชีวภาคอยา่ งไร

16/77

3. หากธรณีภาคเกิดการเปล่ียนแปลง เช่น เกิดแผ่นดินไหว
ภูเขาไฟระเบิด จะมีผลต่อบรรยากาศภาค ชีวภาค และ
อุทกภาคอยา่ งไร

4. เมื่อแบ่งโครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมีจะแบ่ง
ไดก้ ี่ช้นั อะไรบา้ ง

17/77

5. นกั วทิ ยาศาสตร์ใชว้ ธิ ีการอยา่ งไรเพอ่ื ศึกษาโครงสร้างช้นั ต่าง ๆ ของโลก
6. เปลือกโลกและธรณีภาคแตกต่างกนั อยา่ งไร

18/77

7. เขตไมต่ อ่ เน่ืองโมโฮโรวซิ ิกอยสู่ ่วนใดของโครงสร้างโลก
8. ช้นั ของหินหนืดหรือแมกมาท่ีสะสมความร้อนอยใู่ ตโ้ ลกมีความสมั พนั ธก์ บั เปลือกโลกหรือไม่ อยา่ งไร

19/77

พิจารณารูปต่อไปน้ี แลว้ ตอบคาถามขอ้ 9-10

0 2 อตั ราเร็วข4องคลื่นไหวสะ6เทือน (กิโลเม8ตร/วนิ าที) 10 12
0 เปลือกโลก
ธรณีภาค

ความ ึลก ( ิกโลเมตร) 200 ฐานธรณีภาค

400 เน้ือโลก คลื่น S คล่ืน P
600

อตั ราเร็วของคล่ืน P และ S ในช้นั เปลือกโลกและเน้ือโลก

9. อตั ราเร็วของคลื่น P และคลื่น S แตกตา่ งกนั อยา่ งไรในช้นั ธรณีภาค

20/77

10. อตั ราเร็วของคล่ืน P และคล่ืน S มีการเปล่ียนแปลงในช้นั ใด
11. คล่ืนไหวสะเทือนปฐมภมู ิสามารถเคลื่อนท่ีผา่ นแก่นโลกช้นั นอกไดห้ รือไม่ อยา่ งไร

21/77

12. ตามสมมติฐานของนกั วทิ ยาศาสตร์ สนามแมเ่ หลก็ โลกที่หุม้ ห่อโลกอยเู่ กิดข้ึนไดอ้ ยา่ งไร และมีผลตอ่ โลกอยา่ งไร
13. หากโลหะเหลวในแก่นโลกช้นั นอกหยดุ การไหลวน นกั เรียนคิดวา่ จะส่งผลตอ่ โลกอยา่ งไรบา้ ง

22/77

ทฤษฎีธรณีแป รสั ณฐาน ( plate
tectonics theory) คือ ทฤษฎีที่ใชอ้ ธิบาย
การเคล่ือนที่ของแผน่ เปลือกโลก

โลกประกอบด้วยแผ่นเปลือกโลก
ประมาณ 15 แผ่น ซ่ึงมีการเคล่ือนท่ี
อย่างชา้ ๆ และต่อเนื่อง ซ่ึงปัจจุบนั แผ่น
เปลือกโลกมีลกั ษณะดงั รูป

23/77

อัลเฟรด เวเกเนอร์ (Alfred Wegener) นักธรณีฟิ สิกส์และ
นักอุตุนิยมวิทยาชาวเยอรมันได้เสนอ สมมติฐานทวีปเลื่อน
(continental drift hypothesis) เม่ือ พ.ศ. 2455 มีใจความว่า
“เมื่อ 225 ล้านปี ก่อน ผืนแผ่นดินทั้งหมดบนโลกอยู่ติ ดเปน
แผ่นเดียวกัน เรี ยกว่า พันเจีย (Pangea) หลังจากน้ันแผ่นดิน
แต่ละส่วนค่อย ๆ เคลื่อนท่ีออกจากกันจนมีลักษณะดังปัจจุบัน”
พนั เจียประกอบด้วยแผ่นดินใหญ่ 2 ส่วน คือ แผ่นทวีปลอเรเซีย
(laurasia plate) อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรและแผ่นทวีปกอนด์วานา
(gondwana plate) อยใู่ ตเ้ สน้ ศูนยส์ ูตร

24/77

การเคล่ือนตวั ของแผ่นทวปี

225 ล้านปี ก่อน 150 ล้านปี ก่อน 100 ล้านปี ก่อน ปัจจุบนั

แผน่ ดินท้งั หมดบนโลก แผน่ ลอเรเซียและกอนดว์ านา แผน่ กอนดว์ านาแยกออกเป็น แผน่ ลอเรเซียแยกออกเป็น
อยตู่ ิดเป็นแผน่ เดียวกนั เคลื่อนที่แยกออกจากกนั
แผน่ อเมริกาใต้ แอฟริกา แผน่ อเมริกาเหนือและยเู รเซีย
เรียกวา่ พนั เจีย
และอินเดีย ส่วนแผน่ ออสเตรเลีย แผน่ แอฟริกาเคล่ือนออกจาก

และแอนตาร์กติกายงั คงอยตู่ ิดกนั อเมริกาใต้ แผน่ อินเดียปะทะ

กบั แผน่ ยเู รเซีย แผน่ ออสเตรเลีย

และแอนตาร์กติกาเคล่ือนออกจากกนั

25/77

2.1 หลกั ฐานทส่ี นับสนุนสมมตฐิ านทวปี เล่ือน

แอฟริกา จากสมมติฐานทวีปเลื่อนของอัลเฟรด เวเกเนอร์ มีหลักฐาน

อเมริกาใต้ หลายประการท่ีสนับสนุนว่า ในอดีตแผ่นทวีปต่าง ๆ เคยอยู่ติด
เป็ นแผ่นเดียวกันมาก่อน ข้อสังเกตประการหน่ึงคือรู ปร่ างของ

ทวีปต่าง ๆ สามารถเช่ือมต่อเป็ นแผ่นเดียวกนั ไดเ้ หมือนจ๊ิกซอว์ เช่น
ทวปี อเมริกาใตแ้ ละทวปี แอฟริกามีลกั ษณะของขอบทวปี ที่คอดเวา้ และ
ย่ืนออกมา เม่ือนามาประกอบกนั จะพบว่า แผ่นทวีปท้งั สองสามารถ
เช่ือมตอ่ กนั ไดพ้ อดี ดงั รูป

26/77

ซากดกึ ดาบรรพ์ของ 2 ทวปี อเมริกาใต้ แอฟริกา
27/77
อลั เฟรด เวเกเนอร์ ไดพ้ บบทความเก่ียวกบั
ก า ร ค้น พ บ ซ า ก ดึ ก ด า บ ร ร พ์ข อ ง มี โ ซ ซ อ รั ส
(Mesosaurus) ซ่ึงเป็ นสัตวเ์ ล้ือยคลานชนิดหน่ึง
ท่ีอาศยั อยู่ตามลุ่มน้าจืด โดยพบอยู่ในตอนล่าง
ของทวีปอเมริ กาใต้และทวีปแอฟริ กาท่ีอยู่
ห่างกันเป็ นระยะทางหลายพนั กิโลเมตรและมี
มหาสมุทรขวางก้นั อยู่ สิ่งน้ีจึงอาจเป็ นหลกั ฐาน
หน่ึงท่ียืนยนั ได้ว่าแผ่นทวีปท้ังสองน่าจะเคย
อยตู่ ิดกนั มาก่อน

นอกจากน้ียงั มีการค้นพบซากดึกดาบรรพ์ แอฟริกา ไลสโทรซอรัส
ของพืชชนิ ดหน่ึ ง คือ เฟิ นกลอสซอพเทริ ส อินเดีย
อเมริกาใต้ แอนตาร์กติกา ออสเตรเลีย
( Glossopteris) แ ล ะ สัต ว์เ ล้ื อ ย ค ล า น จ า พ ว ก
ไลสโทรซอรัส (Lystrosaurus) และไซโนก์นาทสั ไซโนกน์ าทสั มีโซซอรัส เฟิ นกลอสซอพเทริส

(Cynognathus) ที่ ทวีปต่าง ๆ ซ่ึ งในปั จจุ บัน
แ ต่ ล ะ ท วี ป อ ยู่ ห่ า ง ไ ก ล กัน ม า ก แ ล ะ มี ลัก ษ ณ ะ
ภูมิอากาศท่ี แตกต่างกัน ดังน้ัน การค้นพบ
ซากดึกดาบรรพ์ของส่ิ งมีชีวิตชนิดเดียวกัน
บนทวปี ที่ห่างไกลกนั จึงเป็ นหลกั ฐานท่ีสนบั สนุน

ได้ว่า ทวีปต่าง ๆ เคยอยู่ติดกันเป็ นแผ่นเดียว
มาก่อน

ไลสโทรซอรัส 28/77

ช้ันหนิ และแนวเทือกเขาบน 2 ทวปี

หลักฐานอีกประการหน่ึงที่แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมต่อของทวีปท้ังสอง คือ ช้ันหินและแนวเทือกเขา หากทวีป
เคยอยตู่ ิดกนั ในอดีตควรมีแนวเทือกเขาที่เชื่อมต่อกนั และหินที่พบในบริเวณท่ีน่าจะเป็ นจุดเชื่อมตอ่ น้นั ควรมีอายใุ กลเ้ คียงกนั
และมีช้นั หินท่ีสอดคลอ้ งกนั ซ่ึงพบวา่ มีลกั ษณะของแนวเทือกเขาและช้นั หินดงั กลา่ วอยจู่ ริง

อเมริกาเหนือ สแกนดิเนเวีย กรีนแลนด์ ยโุ รป

แอฟริกา อเมริกาเหนือ แอฟริกา
อเมริกาใต้
อเมริกาใต้
ปัจจุบนั เม่ือ 200 ลา้ นปี ก่อน 29/77

ภาวะแม่เหลก็ โลกบรรพกาล

ข้วั แม่เหลก็ เหนือ แกนหมุน โลกมีสนามแม่เหลก็ โลก (earth
เส้นศูนยส์ ูตร ของโลก ข้วั โลกเหนือ
magnetic field) ห่อหุ้มอยู่ โดยข้ัวใต้
เสน้ สนามแม่เหล็ก ของแม่เหล็กอยูใ่ กลก้ ับข้วั โลกเหนือ
และข้วั เหนือของแม่เหล็กอยใู่ กลก้ ับ
ข้ัวโลกใต้ เส้นแรงแม่เหล็กจะมี
ทิศทางพุ่งออกจากข้ัวเหนื อของ
แ ม่ เ ห ล็ ก ไ ป ย ัง ข้ ัว ใ ต้ข อ ง แ ม่ เ ห ล็ ก
ส่งผลให้เกิดสนามแม่เหล็กโลกที่ช้ี

จากข้วั โลกใตไ้ ปยงั ข้วั โลกเหนือ

เสน้ สนามแมเ่ หลก็ ข้วั แมเ่ หล็กใต้ 30/77
ข้วั โลกใต้

จากการสารวจพ้ืนมหาสมุทรของนักธรณีวิทยาในช่วง พ.ศ. 2493 มีการค้นพบหลักฐานที่บ่งช้ีว่าในอดีต

สนามแม่เหล็กโลกมีการพลิกกลบั ไปมาในช่วงแสนปี ถึงหลายลา้ นปี ต่อคร้ัง ลกั ษณะการวางตวั ของสนามแม่เหล็กโลก
ในอดีต เรียกวา่ ภาวะแม่เหลก็ โลกบรรพกาล (paleomagnetism)

ในหินหลอมเหลวจะมีแร่ โลหะท่ีตอบสนองต่อทิศทางของสนามแม่เหล็กโลก ขณะท่ีลาวามีอุณหภูมิสูง

แร่ในหินหลอมเหลวจะยงั ไม่แสดงสมบัติแม่เหล็ก แต่เมื่อลาวาเริ่ มเย็นตัวลงจนถึงจุดคูรี (curie point) แร่ โลหะ

จะตอบสนองต่อทิศทางของสนามแม่เหล็กโลก เม่ือลาวาแข็งตัวเป็ นหินก็จะบันทึกทิศทางของสนามแม่เหล็กโลก

ในช่วงเวลาน้นั ไว้ จดุ จุด
หลอมเหลว หลอมเหลว

สนามแมเ่ หลก็ โลก

ลาวา หินลาวา สนามแม่เหลก็ โลก

ขณะที่ลาวามีอณุ หภมู ิสูง ขณะท่ีลาวาแขง็ ตวั เป็นหิน 31/77

การตรวจสอบทิศทางของสนามแม่เหลก็ โลกบรรพกาลทาไดห้ ลายวธิ ี ดงั น้ี
- วเิ คราะห์จากการเรียงตวั ของช้นั หินอคั นีบริเวณที่มีการแทรกตวั ของหินหลอมเหลวข้ึนมาบนพ้ืนผวิ โลก ดงั รูป

สนามแม่เหล็กโลกปัจจบุ นั

สนามแมเ่ หล็ก
ในอดีต

32/77

- วเิ คราะห์จากการเรียงตวั ของแถบหินอคั นีท่ีเกิดจากการแผข่ ยายพ้ืนมหาสมทุ ร (seafloor spreading)

0 ลา้ นปี 1 ลา้ นปี 2 ลา้ นปี

การแผข่ ยายพ้ืนมหาสมทุ รเริ่มตน้ ข้ึน ส น า ม แ ม่ เ ห ล็ ก โ ล ก พ ลิ ก ก ลับ ท า ใ ห้ สนามแม่เหล็กโลกพลิกกลับอีกคร้ัง
ข้วั แม่เหล็กของพ้นื มหาสมทุ รกลบั ดา้ น ทาให้ข้ัวแม่เหล็กของพ้ืนมหาสมุทร
กลบั สู่ปกติ
ข้วั แม่เหลก็ ปกติ ข้วั แมเ่ หล็กกลบั ดา้ น
33/77

2.2 ทฤษฎที ใี่ ช้อธิบายการเคลื่อนทขี่ องแผ่นเปลือกโลก

เทือกเขา มหาสมทุ ร ในช้นั เน้ือโลกประกอบดว้ ยหินหนืด ซ่ึงความร้อน
ร่องลึก กลางมหาสมทุ ร แนวมุดตวั จากแก่นโลกส่งผลให้หิ นหนืดเคล่ือนที่ได้ด้วย
กน้ มหาสมุทร
แผน่ เปลือกโลก การพาความร้อน เน้ือโลกส่วนล่างที่ไดร้ ับความร้อน
ทวปี จะมีความหนาแน่นน้อยจึงลอยตัวสูงข้ึน และเมื่อ
เ ย็น ตัว ล ง ก็ จ ะ มี ค ว า ม ห น า แ น่ น ม า ก ข้ ึ น จึ ง จ ม ล ง สู่
กระแสการพา แรงดนั เยน็ ด้านล่างอีกคร้ังหมุนเวียนเป็ นกระแส ซ่ึงสามารถ
ความร้อน ร้อน ขบั เคล่ือนแผน่ เปลือกโลกให้เคล่ือนท่ีได้ เรียกแนวคิด

น้ีว่า ทฤษฎีการพาความร้ อน( convection current
theory) ดงั รูป

แก่นโลกช้นั นอก เน้ือโลก แผน่ เปลือกโลก
มหาสมุทร

แก่นโลกช้นั ใน 34/77

ทฤษฎกี ารแผ่ขยายพื้นสมุทร (seafloor spreading theory) 35/77

- ในช่วงแรก สมมติฐานทวีปเลื่อนของเวเกเนอร์
ยังไม่เป็ นที่ยอมรับ เนื่องจากไม่สามารถอธิบายได้ว่า
แผ่นเปลือกโลกเกิดการเคล่ือนท่ีได้อย่างไร ซ่ึงทฤษฎี
การแผ่ขยายพ้ืนสมุทรสามารถใช้อธิ บายสมมติฐาน
ทวีปเล่ือนได้

- เนื่ องจากหิ นหนื ดภายใต้โลกมีความร้ อนและ
ค ว า ม ดัน สู ง จ ะ ดัน เ ป ลื อ ก โ ล ก ม ห า ส มุ ทร ใ ห้โ ก่ ง ตัว แล ะ
แตกออกจากกนั

- หินหนืดจะแทรกตวั ข้ึนมาบนเปลือกโลกแลว้ แข็งตวั
เป็ นหินตามรอยแยกน้ัน และจะดันแผ่นเปลือกโลกให้
ขยายตวั ออกไปดา้ นขา้ ง

- เมื่อเกิดกระบวนการเช่นน้ีซ้าหลาย ๆ คร้ัง จะทาให้เกิด
เทอื กเขากลางสมุทรตามแนวของรอยแยก

- พ้ืนมหาสมุทรจะแผข่ ยายออกไปเร่ือย ๆ ส่งผลให้ทวีป
ต่าง ๆ เคล่ือนที่ห่างออกจากกนั โดยหินท่ีอยู่ใกลก้ บั รอยแยก
จะมีอายนุ อ้ ยกวา่ หินทีอ่ ยหู่ ่างออกไป

(หนงั สือเรียนหนา้ 86)

กจิ กรรมที่ 3.1 พ้ืนมหาสมุทรขยายตวั ไดอ้ ยา่ งไร

สรุปผลการทดลอง

กระดาษสีแดงเปรียบเทียบไดก้ บั หินหนืดใตโ้ ลก ส่วนกระดาษสีเขียวและสีน้าเงินจะเปรียบเทียบไดก้ บั
หินบะซอลต์ เม่ือดนั กระดาษสีแดงข้ึนดา้ นบน หมายถึง หินหนืดใตโ้ ลกดนั ตวั ข้ึนมาตามรอยแยก เม่ือหินหนืด
สมั ผสั กบั น้าทะเลจะเยน็ ลงและแขง็ ตวั กลายเป็ นหินบะซอลต์ ส่วนกระดาษสีเขียวและสีน้าเงินจะถูกดนั ให้ออก
ห่างจากรอยแยก หมายถึง หินหนืดท่ีดนั ออกมาตามรอยแยกและแข็งตวั อยา่ งต่อเน่ืองก็จะดนั ให้พ้ืนมหาสมุทร
ขยายตวั ออกไปมากข้ึน โดยหินบะซอลตท์ ี่อยหู่ ่างจากรอยแยกออกไปจะมีอายมุ ากและอยใู่ กลฝ้ ง่ั ทวีปมากกวา่
หินท่ีอยใู่ กลก้ บั รอยแยก

**คลิกที่ เพื่อให้ขอ้ ความปรากฏหรือซ่อนขอ้ ความ 36/77

คาถามท้ายกจิ กรรม
1. กระดาษส่วนท่ีเป็ นสีแดง สีเขียว สีน้าเงิน และแผน่ พลาสติกแขง็ เปรียบเทียบไดก้ บั อะไร

2. ขณะที่นกั เรียนดนั กระดาษสีแดงจากดา้ นล่างของแผ่นพลาสติกแข็งข้ึนดา้ นบน จนปลายกระดาษสีน้าเงินลอดลงไป
ยงั ปลายท้งั สองขา้ งของแผน่ พลาสติกแขง็ เปรียบเทียบไดก้ บั อะไร

37/77

คาถามท้ายกจิ กรรม
3. ช่องระหวา่ งแผน่ กระดาษสีแดงเปรียบเทียบไดก้ บั อะไร

4. แรงที่กระทากระดาษข้ึนดา้ นบนเปรียบเทียบไดก้ บั อะไร และมีผลต่อการเคลื่อนตวั ของแผน่ กระดาษหรือไม่

5. จากกิจกรรมน้ี นกั เรียนจะอธิบายวา่ พ้ืนมหาสมุทรมีการขยายตวั ไดอ้ ยา่ งไร

38/77

2.3 ลกั ษณะการเคล่ือนทขี่ องแผ่นเปลือกโลก

การเคล่ือนท่ีของเปลือกโลกจะแบ่งออกเป็ น 3 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ แผ่นเปลือกโลกเคล่ือนท่ีแยกจากกัน แผ่นเปลือกโลก
เคล่ือนท่ีเขา้ หากนั และแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่เฉือนกนั ส่งผลใหเ้ กิดลกั ษณะทางธรณีวทิ ยาที่ต่างกนั เช่น แนวเทือกเขา
กลางมหาสมุทร ร่องลึกกน้ มหาสมทุ ร แนวภเู ขาไฟ

รอยเลื่อน เทือกเขากลางมหาสมทุ ร ภูเขาไฟ

พ้นื มหาสมุทรขยายตวั พ้ืนมหาสมุทรขยายตวั แผน่ เปลือกโลกทวีป
แผน่ เปลือกโลกมหาสมุทร ร่องลึกกน้ มหาสมุทร

ธรณีภาค หินหนืด ธรณีภาค
ดนั ตวั ฐานธรณีภาค

ฐานธรณีภาค 39/77

(หนงั สือเรียนหนา้ 87) 40/77

กจิ กรรมท่ี 3.2 แผน่ เปลือกโลกมีการเคลื่อนที่อยา่ งไร

สรุปผลการทดลอง

เมื่อน้าไดร้ ับความร้อนจะเกิดการพาความร้อนซ่ึงเปรียบเทียบ
ได้กับการเคล่ือนที่ของหินหนืดใตโ้ ลก ส่งผลให้แผ่นกระดาษ
เล็ก ๆ บนผิวน้าซ่ึงเปรียบเทียบไดก้ บั แผ่นเปลือกโลกแต่ละแผ่น
มีการเคล่ือนท่ีได้หลายลักษณะ โดยอาจเคลื่อนท่ีออกจากกัน
เคล่ือนท่ีเขา้ หากนั หรือเคลื่อนที่ผา่ นกนั ไป

**คลิกที่ เพ่ือใหข้ อ้ ความปรากฏหรือซ่อนขอ้ ความ

คาถามท้ายกจิ กรรม
1. ในการทดลองน้ี แผน่ กระดาษ น้า และตะเกียงแอลกอฮอลเ์ ปรียบเทียบไดก้ บั อะไร
2. เมื่อน้าไดร้ ับความร้อนมีทิศทางการเคล่ือนท่ีอยา่ งไร

41/77

คาถามท้ายกจิ กรรม
3. แผน่ กระดาษเลก็ ๆ ที่วางติดกนั ในคร้ังแรกมีการเคล่ือนที่อยา่ งไรบา้ ง

4. อะไรที่ทาใหแ้ ผน่ กระดาษมีการเคลื่อนที่

42/77

1. แผ่นเปลือกโลกเคล่ือนที่แยกจากกัน (divergent plate)
เกิดได้ท้ังกลางมหาสมุทรและกลางผืนทวีป เกิดจากการปะทุ
ของแมกมาท่ีรอยแยกออกมาหลาย ๆ คร้ัง บริเวณตรงกลางร่องลึก
ที่มีแมกมาที่เยน็ ตวั แลว้ จะถูกแทรกดว้ ยแมกมาใหม่ที่กาลงั แข็งตวั
และติดอยบู่ ริเวณขอบของเปลือกโลกแตล่ ะแผน่ ท่ีแยกออกจากกนั

การแยกตวั ของแผ่นเปลือกโลกมหาสมุทรทาให้เกิดเทือกเขา
กลางมหาสมุทร (mid-oceanic ridge) เช่น เทือกเขากลางมหาสมุทร
แอตแลนติก (mid-Atlantic ridge)

43/77

การแยกตวั ของแผน่ เปลือกโลกทวปี น้นั 44/77
เกิ ดจากความร้ อน ภายใต้โลกดันแผ่น
เปลือกโลกให้โก่งตวั ข้ึน เปลือกโลกจะยดื ตวั
และบางลงจนแตกและทรุ ดตัวเกิดเป็ น
หุบเขาทรุด (rift valley) ซ่ึงอาจขยายตวั กวา้ ง
และลึกข้ึนเรื่อย ๆ ทาใหเ้ กิดแอง่ น้าขนาดใหญ่
เช่น ทะเลสาบมาลาวีทางตะวันออกของ
ทวปี แอฟริกา ทะเลแดงที่เกิดจากรอยแยกของ
แผน่ ทวปี แอฟริกากบั แผน่ ทวปี อาหรับ

หุบเขาทรุดทางตะวนั ออก
ของทวีปแอฟริกา

กระบวนการเกดิ หุบเขาทรุด 2 หุบเขาทรุด

1 เปลือกโลกบางลงจนแตกหกั และยบุ ตวั เกิดเป็ นหุบเขาทรุด

แโผลน่ กเปทลวือีปก 4 เทมือหกาเขสามกุทลราง

ความร้อนภายใตโ้ ลกดนั เปลือกโลกใหโ้ ก่งตวั ข้ึน แโผลน่ กเปทลวือีปก แผมน่ หเปาลสือมกุทโรลก

3 หากกระบวนการน้ียงั คงเกิดข้ึนอยา่ งตอ่ เน่ือง
เป็ นระยะเวลายาวนาน แมกมาท่ีดนั ตวั ข้ึนมา
น้าจากแมน่ ้าหรือทะเลไหลเขา้ มา ยงั หุบเขาทรุด บริเวณรอยแยกจะเยน็ ตวั ลงและเกิดเป็ นเทือกเขากลางมหาสมุทร
หากบริเวณน้ีขยายตวั กวา้ งและลึกข้ึนเรื่อย ๆ

จะทาใหเ้ กิดแอง่ มหาสมทุ รข้ึนใหม่

45/77

2. แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนทเ่ี ข้าหากนั (convergent plate) แบ่งออกเป็ น 3 กรณี ดงั น้ี

ภเู ขาไฟ

- แ ผ่ น เป ลื อ กโ ลก มห าส มุท รแ ละ แผ่ น ร่องลึกกน้ มหาสมุทร
แผน่ เปลือกโลกมหาสมทุ ร
เปลื อกโลกทวีปเคล่ื อนท่ีเข้ าหากัน (oceanic-
continental convergence) แผ่นเปลือกโลกทวีป แผน่ เปลือกโลก
ท่ีมีความหนาแน่นน้อยกว่าจะลอยตัวอยู่ด้านบน ทวปี
ส่วนแผ่นเปลือกโลกมหาสมุทรที่มีความหนาแน่น
มากกว่าจะมุดตัวลงไปในช้ันฐานธรณี ภาค แผน่ เปลือกโลกมดุ ตวั
ทาใหเ้ กิดแนวภูเขาไฟและร่องลึกกน้ มหาสมุทร ฐานธรณีภาค

46/77

- แผ่นเปลือกโลกมหาสมุทรเคล่ือนท่เี ข้าหากนั ร่องลึกกน้ มหาสมุทร หมเู่ กาะภเู ขาไฟ
(oceanic-oceanic convergence) แผ่นเปลือกโลก รูปโคง้
ม ห า ส มุ ท ร ท่ี มี อ า ยุม า ก ก ว่า จ ะ มุ ด ตัว ล ง ใ ต้แ ผ่ น แผน่ เปลือกโลกมุดตวั
เปลือกโลกมหาสมุทรที่มีอายุน้อยกว่า ทาให้เกิด ฐานธรณีภาค ฐานธรณีภาค
ร่ องลึกก้นมหาสมุทรและหมู่เกาะภูเขาไฟรู ปโค้ง 47/77
เช่น หมเู่ กาะฟิ ลิปปิ นส์ หมูเ่ กาะญี่ป่ ุน

- แผ่นเปลือกโลกทวีปเคลื่อนที่เข้ าหากัน เทือกเขา
ฐานธรณีภาค
(continental-continental convergence) จะไม่เกิด
การมุดตัวเนื่องจากมีความหนาแน่นเท่ากัน แผ่น
เปลือกโลกจะเกยกนั และยกตวั ข้ึนเป็ นแนวเทือกเขา
เช่น แผ่นทวีปอินเดียชนกบั แผ่นทวีปยูเรเซียทาให้
เกิดเทือกเขาหิมาลยั

48/77

3. แผ่นเปลือกโลกเคล่ือนท่ีเฉื อนกัน 49/77
( transform plate) เ กิ ด ข้ึ น เ มื่ อ อัต ร า ก า ร
ถ่ายเทความร้อนของหิ นหนื ดมายังแผ่น
เปลือกโลกแต่ละบริเวณไม่เท่ากัน ส่งผลให้
แ ผ่ น เ ป ลื อ ก โ ล ก เ กิ ด ก า ร ข ย า ย ตัว ไ ม่ เ ท่ า กัน
จึงเกิดแรงเค้นเฉือนท่ีทาให้แผ่นเปลือกโลก
เล่ือนไถลผ่านกัน การเคล่ือนท่ีลักษณะน้ี
ทาใ ห้เกิ ดรอ ยเลื่ อนต ามแ นวร ะดับ แล ะ
เป็ นสาเหตุหลักของการเกิดแผ่นดินไหว
ระดับต้ืน ตัวอย่างรอยเลื่อนขนาดใหญ่ท่ีพบ
บนแผ่นเปลือกโลกทวีป เช่น รอยเล่ือน
ซานแอนเดรียส ประเทศสหรัฐอเมริกา

รอยเล่ือนซานแอนเดรียส


Click to View FlipBook Version