หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 อะตอม หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ตารางธาตุ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ธาตุกบั สารประกอบ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 พนั ธะเคมี
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ธาตกุ มั มนั ตรังสี หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 พนั ธะไอออนิก
หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ปฏิกิริยาเคมี
หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 สารประกอบอินทรีย์
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 9 พอลิเมอร์
ความหมายและการเกิดพอลิเมอร์ (ว 2.1 ม.5/15)
ประเภทของพอลิเมอร์ (ว 2.1 ม.5/15)
โครงสร้างและสมบตั ิของพอลิเมอร์ (ว 2.1 ม.5/18)
ประโยชนข์ องพอลิเมอร์ (ว 2.1 ม.5/18)
ผลกระทบจากการใชพ้ อลิเมอร์และการป้องกนั (ว 2.1 ม.5/19)
คาถามทา้ ยหน่วยการเรียนรู้ ส่ิงของเครื่องใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ของเรา
แนวคาตอบ การใช้ผลิตภณั ฑ์พอลิเมอร์ในปริมาณมาก จานวนมากทามาจากพอลิเมอร์ การใชผ้ ลิตภณั ฑ์
อาจก่อให้เกิดมลพิษต่อส่ิงแวดลอ้ ม จึงควรตระหนักถึงการ พอลิเมอร์มีผลกระทบตอ่ สิ่งแวดลอ้ มอยา่ งไร
ลดปริมาณการใช้ การใชซ้ ้า และการนากลบั มาใชใ้ หม่
และจะมีแนวทางป้องกนั หรือแกไ้ ขอยา่ งไร
1/67
พอลเิ มอร์ (polymer) เป็ นสารที่มีโมเลกลุ ขนาดใหญ่ พนั ธะโคเวเลนซ์
ซ่ึงประกอบด้วยโมเลกุลเล็ก ๆ ที่เรียกว่า มอนอเมอร์
(monomer) จานวนมาก เกิดปฏิกิริยาการเชื่อมต่อกัน n
ด้วยพันธะโคเวเลนซ์ พอลิเมอร์ที่นามาใช้ประโยชน์
โดยทวั่ ไปมีมวลโมเลกลุ ต้งั แต่ 10,000 ข้ึนไป พอลิเมอร์
... n การเกิดพอลิเมอร์
2/67
การเกดิ พอลเิ มอร์ (polymerization) คือ กระบวนการที่สารโมเลกลุ เลก็ หลาย ๆ โมเลกลุ มารวมกนั เป็ นโมเลกลุ ใหญ่
มอนอเมอร์ มอนอเมอร์ มอนอเมอร์ ... การเกิดพอลิเมอร์ พอลิเมอร์
มอนอเมอร์ 2 ตวั รวมกนั ไดไ้ ดเมอร์
มอนอเมอร์ 3 ตวั รวมกนั ไดไ้ ตรเมอร์
มอนอเมอร์หลายตวั รวมกนั ไดพ้ อลิเมอร์
3/67
การเกิดปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์มี 2 แบบ ดงั น้ี
การเกดิ พอลเิ มอร์ ตวั อย่าง
แบบเตมิ
การเกิดพอลิเมอร์แบบเติมของพอลิไวนิลคลอไรด์
(addition polymerization) มีมอนอเมอร์ คือ ไวนิลคลอไรด์ (CH2=CHCl)
เกิดจากมอนอเมอร์ที่เป็ น
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน n(CH2=CHCl) การเกิดพอลิเมอร์ –CพHอ2ล–ิไCวHนCิลl–n
ไมอ่ ่ิมตวั หรือมีพนั ธะคู่ ไวนิลคลอไรด์ คลอไรด์ (PVC)
ในโมเลกลุ
4/67
การเกดิ พอลเิ มอร์ เกิดจากมอนอเมอร์ท่ีมีหมู่ทาหนา้ ที่อยา่ งนอ้ ย 2 หมู่
แบบควบแน่น ใน 1 โมเลกลุ ทาปฏิกิริยากนั ไดโ้ มเลกลุ ขนาดใหญ่ และ
(condensation มีสารโมเลกุลเล็กที่ เกิ ดจากปฏิ กิ ริ ยาตรงหมู่ทาหน้าที่
polymerization) เกิดข้ึนดว้ ย เช่น H2O HCl NH3 และ CH3OH
ตวั อย่าง
การเกิดพอลิเมอร์แบบควบแน่นของพอลิเอสเทอร์ มีมอนอเมอร์ คือ เอทิลีนไกลคอลและกรดเทเรฟทาลิก
O OO O
n HO – C C – OH + n H – O – CH2 – CH2 – O – H → –– O – CH2 – CH2 – O – C C –– + nH2O
=
= n
=
=
กรดเทเรฟทาลิก เอทิลีนไกลคอล พอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต
5/67
(หนงั สือเรียนหนา้ 256)
6/67
3. กาหนดมอนอเมอร์ใหด้ งั น้ี
1. ถ้าน าพอลิ เมอร์ มาแยกออกเป็ น ก. CH2=CCH–C3 H3– ข. CH3–CH3
โมเลกลุ เลก็ จะไดส้ ารอะไร ค. CH2–CH–NH2
จ. CH3–CH2–OH ง. HO–CH2–CH2–NH2
2. ถ้า มี ม อ น อ เ ม อ ร์ 4 โ ม เ ล กุ ล CH=CH2
ทาปฏิกิริ ยากันจะได้พอลิเมอร์
หรือไม่เพราะเหตใุ ด ฉ.
3.1 มอนอเมอร์ใดเกิดปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์แบบเติม
3.2 มอนอเมอร์ใดเกิดปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์แบบควบแน่น
7/67
4. พจิ ารณาแผนภาพแสดงการเกิดปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ กาหนดให้ คือ มอนอเมอร์
... n การเกิดพอลิเมอร์ n ก
nH2O
จากแผนภาพเป็ นการเกิดพอลิเมอร์แบบใด และ ก เป็ นพนั ธะชนิดใด
8/67
ตวั อย่างพอตลวั เิอมยอ่ารง์ธพรอรลมเิ มชอาตร์ิสังเคราะห์
สธพังรอเรคลมรเิ มชาะอาตหร์ิ์ มอนเกอิดเมจาอกร์การนาผลิตภณั ฑท์ พ่ีไอดลจ้ เิ ามกอกรา์ รกลน่ั น้ามนั ดิบมาใชเ้ ป็ น
((snyantuhreatilcppoolylymmeerr)) สการลตูโ้คังสต้นในการผลิตมอนอแเมปอ้งร์ และนามอนอเมอร์ไปผลิต
พกอลโูิเมคอสร์ต่อไป เช่น พลาสติก ใเซยสลลงั เูโคลรสาะห์ เมลามีน และเบกาไลต์
เกิดขม้ึนนเุษอยงต์ าม
ประเภท สงั ธเรครมาะชหาต์ขิ้ึน ผลกติรดภอณั ะฑม์จิโานกหนลา้ ามยนัชดนบิด มอนโอปเรมตอีนร์ พอลเิ มอร์
พอลเิ มอร์แบ่งตาม
ลกั ษณะการเกดิ อีเกทรนดอ(Cะ2มHโ6น) หลายชนิด เอทิลกีนรด(นCิว2Hคล4)ีอิก พอลิเอทิลีน (PE)
โพไอรเโพซนพ(รCีน3H8) โพรยพาิลงพีนา(รCา3H6) พอลิโพรพลิ ีน (PP)
12
**คลิกท่ี 1 - 2 เพ่อื ใหข้ อ้ ความปรากฏหรือซ่อนขอ้ ความ 9/67
ตวั อย่างพอลเิ มอร์ร่วม ...
ตวั อย่างฮอมอพอลเิ มอร์
ประเภทพอลเิ มอร์ หรเเกกือ(ฮhิิดดพพอต(oจจcออ้มงัmoาาลแลอกก1poตเิเิพมมoมมชp่lออ2อoอนyอนนlmลรรชิดy์์รเิเออmนeมอ่วเเrิดกมมอeม)rพรออ)์ รรนั ์์ ธ์ุ
แบ่งตามจานวนชนดิ ...... ...
ของมอนอเมอร์ –––C–HCC2HH–C3–CHH=C2–H–C–CCHHH3–2C–H–C2–H–C–CCHHH3–2C–H–C2–H–2C–HC–HCC=HHC32H–––CH2––CH–CH2––
12 พอลิโพรพิลีน
พอลิสไตรีนบิวทาไดอีน
–
–
–
–
**คลิกที่ 1 - 2 เพอื่ ใหข้ อ้ ความปรากฏหรือซ่อนขอ้ ความ 10/67
(หนงั สือเรียนหนา้ 258)
11/67
1. กาหนดแผนภาพใหด้ งั น้ี 2. โปรตีนจัดเป็ นฮอมอพอลิเมอร์หรือพอลิ-
เมอร์ร่วม เพราะเหตใุ ด
... การเกิดพอลิเมอร์ แป้ง น้า
4. การระบุประเภทของพอลิเมอร์ว่าเป็ น
จากแผนภาพ เรียกวา่ อะไร และเป็ นสารชนิดใด ฮอมอพอลิ เ มอร์ ห รื อพอลิ เมอร์ ร่ วม
มีหลกั การอยา่ งไร
3. กาหนดให้ ...
12/67
พอลิเมอร์ A ยอ่ ย
พอลิเมอร์ A เป็ นพอลิเมอร์ประเภทใด เพราะเหตุใด
สมบตั ิของพอลิเมอร์ข้ึนอย่กู บั
โครงสร้างของพอลิ เมอร์ และ
โครงสร้างของพอลิเมอร์ข้ึนอยู่กบั
ชนิดของมอนอเมอร์ โครงสร้างของ
พอลิเมอร์มี 3 แบบ คือ โครงสร้าง
แบบโซ่ตรง โครงสร้างแบบโซ่ก่ิง
และโครงสร้างแบบร่างแห
13/67
ฮอมอพอลิเมอร์ พอลิเมอร์ร่วม
พอลเิ มอร์แบบโซ่ตรง ตวั อย่าง พอลเิ อทลิ นี
(linear polymer) พอลเิ มอร์ –CH2–CH2–CH2–CH2–CH2–CH2–CH2–n
เกิดจากมอนอเมอร์สร้างพนั ธะ แบบโซ่ตรง พอลสิ ไตรีน
โคเวเลนซต์ อ่ กนั เป็ นสายยาว ไมม่ ี
กิ่งแยก คลา้ ยกบั การร้อยสร้อยลกู ปัด ––CH–CH2–CH–CH2–CH–CH2–CH–CH2–CH–CH2––
จะเป็ นฮอมอพอลิเมอร์หรือ พอลเิ อทลิ นี เทเรฟทาเลต n
พอลิเมอร์ร่วมกไ็ ด้
OO O O
––O–C C–O(CH2)2O–C C–O(CH2)2O–n–
=
=
=
=
14/67
สมบัติ หากโซ่ของพอลิเมอร์ยาว ไมม่ ีก่ิง ในสถานะของแขง็
สายของพอลิเมอร์อาจจะเรียงตวั ชิดกนั มากแรงยึดเหน่ียวจึงสูง
ความหนาแน่นสูง เช่น พอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (high
density polyethylene หรื อ HDPE) เน้ือขุ่น จึงนิยมใช้ทาขวด
ใส่เครื่องสาอาง มีความเหนียว ดึงให้ยืดตวั ได้ อ่อนตัวเม่ือถูก
ความร้อน สามารถหลอมนากลับมาใช้ใหม่ได้ พอลิสไตรีน
มีวงแหวนเบนซีนทา ให้สายโซ่พอลิเมอร์ห่างกนั และมีความใส
มากกวา่ พอลิเอทิลีน
15/67
พอลเิ มอร์แบบโซ่กง่ิ ก ข
(branched polymer) พอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่า โครงสร้าง ข ความหนาแน่นต่ากวา่
มีโครงสร้างของพอลิเมอร์แยก (low density polyethylene : LDPE) โครงสร้าง ก เนื่องจากมีก่ิงยาวกวา่
ออกไปจากโซ่หลกั อาจเป็ นก่ิงส้นั ลกั ษณะใส ใชท้ าฟิ ลม์ ห่ออาหาร
หรือกิ่งยาว ทาใหส้ ายของพอลิเมอร์
อยหู่ ่างกนั จึงมีความหนาแน่นต่า สมบัติ มีความหนาแน่นต่า ใส มีความยืดหยนุ่ และจุดหลอมเหลวต่ากวา่
ยง่ิ กิ่งมีความยาวมาก พอลิเมอร์ท่ีมีโครงสร้างเป็ นโซ่ยาว อ่อนตวั เมื่อถูกความร้อน และนากลบั มา
ความหนาแน่นจะยง่ิ ต่า หลอมใชใ้ หมไ่ ด้ (recycle)
16/67
ตวั อย่าง – N–CNCNH2–
พอลเิ มอร์ –CH2N–C N C–NCH2–
พอลเิ มอร์ร่างแห แบบร่างแห =
(network polymer) ––พอลิเมลามีนฟอร์แมลดีไฮด์
เป็ นพอลิเมอร์ท่ีมีการสร้างพนั ธะ (เมลามีน)
เช่ือมระหวา่ งโซ่หลกั เป็ นจานวนมาก OH –
มีลกั ษณะคลา้ ยตาขา่ ย มีความแขง็ CH2 C=O
แตเ่ ปราะหกั ง่าย และไม่ยดื หยนุ่ CH2 OH CH2 –––NC–=COH2–N–CH2–NC–=O
เช่น เบกาไลต์ เมลามีนที่ใชท้ า CH2 CH2 CH2 –– –––N–CH2–NC–=COH2–N–
ถว้ ยชาม OH
CH2 OH ––พอลิยเู รียฟอร์แมลดีไฮด์
OพHอลCิฟีHนอ2ลฟอร์แมCลHดีไ2ฮดC์ H2 CH2 17/67
(เบกาไลต)์
สมบัติ แข็ง ทนความร้อน
ถูกความร้อนจะแตกร้าว มีรอย
ไหมเ้ กรียม ไมต่ ิดไฟ ไม่ยืดหยนุ่
ถา้ มีพนั ธะเชื่อมระหวา่ งโซ่หลกั
มากยิ่งแข็งแรงและไม่ยืดหยุ่น
ถา้ มีพนั ธะเช่ือมระหวา่ งโซ่หลกั
น้อยจะอ่อนตัวได้ เม่ือข้ึนรูป
แลว้ จะไม่อ่อนตวั นากลบั มาใช้
ใหม่อีกไม่ได้
18/67
(หนงั สือเรียนหนา้ 261)
กจิ กรรมท่ี 9.1 การเตรียมเรซินจากยเู รียฟอร์แมลดีไฮด์
การทดลอง ผลการทดลองทส่ี ังเกตได้
1. ยเู รีย+ฟอร์มาลิน ไดส้ ารละลายใสไมม่ ีสี
ตารางบันทึก 2. ยเู รีย+ฟอร์มาลิน+สารละลายกรด เกิดสารสีขาวข่นุ จบั ตวั กนั เป็ นกอ้ น
ผลการทดลอง ซลั ฟิ วริก
3. เมื่อนาพอลิเมอร์ไปเผาดว้ ยตะเกียง ไม่หลอมเหลวและไม่ติดไฟ
แอลกอฮอล์
19/67
กจิ กรรมที่ 9.1 การเตรียมเรซินจากยเู รียฟอร์แมลดีไฮด์
สรุปผลการเรียนรู้
เม่ือผสมยเู รียกบั ฟอร์มาลินหรือฟอร์มาลดีไฮดจ์ ะไดเ้ ป็ นมอนอเมอร์
ยเู รียฟอร์แมลดีไฮด์ จากน้นั เติมสารละลายกรดซลั ฟิ วริกซ่ึงทาหนา้ ท่ี
เป็ นตวั เร่งปฏิกิริยา ทาให้เกิดปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์แบบควบแน่น
ได้ผลิตภัณฑ์เป็ นพอลิยูเรี ยฟอร์แมลดีไฮด์ ซ่ึงเป็ นพอลิเมอร์ท่ีมี
โครงสร้างแบบร่างแหเพราะไมห่ ลอมเหลวและไม่ติดไฟ
20/67
คาถามท้ายกจิ กรรม 3. เม่ือรินสารท่ีเกิดจากปฏิกิริยาลงในแม่พิมพ์จะเกิดการเปล่ียนแปลง
1. เมื่อผสมยูเรี ยกับฟอร์ มาลดีไฮด์ อยา่ งไร
เกิดปฏิกิริยาเคมีหรือไม่
4. เมื่อนาสารออกจากแม่พิมพแ์ ลว้ นาไปเผาดว้ ยตะเกียงแอลกอฮอล์
2. เมื่อเติมกรดซลั ฟิ วริกลงในสารผสม จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และจัดเป็ นพอลิเมอร์ท่ีมี
ระหว่างยูเรี ยกับฟอร์ มาลดี ไฮด์เกิ ด โครงสร้างแบบใด เพราะเหตุใด
การเปล่ียนแปลงอยา่ งไร
21/67
คาถามท้ายกจิ กรรม
6. เรียงลาดบั ข้นั ตอนการเกิดปฏิกิริยาท่ีเกิดข้ึน
5. กรดซัลฟิ วริกทาหน้าท่ีอะไร
ในปฏิกิริยา
22/67
จากการทากิจกรรมท่ี 9.1 พบวา่
1. ยเู รียกบั ฟอร์มาลดีไฮดเ์ ป็ นสารต้งั ตน้ ในการเตรียมมอนอเมอร์ยเู รียฟอร์แมลดีไฮด์
2. กรดซลั ฟิ วริกทาหนา้ ท่ีเร่งปฏิกิริยาเคมี ทาให้เกิดปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์แบบควบแน่นเร็วข้ึน ไดส้ ารพอลิยูเรีย
ฟอร์แมลดีไฮด์ ซ่ึงเป็ นพอลิเมอร์ท่ีมีโครงสร้างแบบร่างแหเพราะไม่หลอมเหลวและไม่ติดไฟ
3. ปฏิกิริยาน้ีเป็ นปฏิกิริยาคายความร้อน เพราะขณะเกิดปฏิกิริยาอณุ หภูมิของระบบจะสูงข้ึน
4. ข้นั ตอนการเกิดปฏิกิริยา มีดงั น้ี
ยเู รีย ฟอร์มาลดีไฮด์ H2SO4 มอนอเมอร์ยเู รีย พอลิยเู รีย
ฟอร์แมลดีไฮด์ ฟอร์แมลดีไฮด์
หรือเรซิน
23/67
แบบโซ่ตรง ตารางเปรียบเทยี บสมบตั ขิ องพอลเิ มอร์ทมี่ โี ครงสร้างต่างกนั แบบร่างแห
แบบโซ่กง่ิ
1. สายพอลิเมอร์ชิดกนั ไดม้ าก ทาให้แรงแวนเดอร์- 1. สายพอลิเมอร์อยู่ห่างกัน เนื่องจากโซ่กิ่งมีแรง 1. มีความแข็งแรงมาก เน่ืองจากมีพนั ธะเช่ือมโยง
วาลส์มาก จุดหลอมเหลวสูงกวา่ แบบโซ่ก่ิง แวนเดอร์วาลส์นอ้ ยกว่าโซ่ตรง จุดหลอมเหลว ระหว่างโซ่หลักเป็ นจานวนมาก ลักษณะคล้าย
2. ความหนาแน่นสูง ต่ากวา่ ตาข่าย
3. เน้ือขนุ่ ขดู เป็นรอยลึก 2. ความหนาแน่นต่า 2. ความหนาแน่นสูง
3. เน้ือใส ยิ่งมีกิ่งยาวและมากยิ่งใสขูดเป็ นรอย 3. มีท้งั เน้ือข่นุ และเน้ือใส ขดู ไม่เป็นรอย
4. ยืดตามยาวไดด้ ี เลก็ นอ้ ย
5. ถูกความร้อนจะหลอมเหลว สามารถนากลบั มาใช้ 4. มีความยืดหยุน่ มาก (ตามแนวนอนและแนวดิ่ง) 4. เน้ือแขง็ ไมย่ ดื หยนุ่
ใหมไ่ ด้ ติดไฟ 5. ถูกความร้อนจะหลอมเหลว สามารถนากลบั มา 5. ถูกความร้อนจะแตกร้าว เกรียมไม่ติดไฟ เม่ือทา
ใชใ้ หมไ่ ด้ ติดไฟ ให้มีรู ปร่างต่าง ๆ แล้วไม่สามารถหลอมนา
กลบั มาใชไ้ ดอ้ ีก
24/67
พลาสตกิ (plastic) เป็ นสารประกอบอินทรียป์ ระเภทพอลิเมอร์
เกิดจากการนาพอลิเมอร์มาข้ึนรูปโดยการหล่อหรืออดั ให้มีรูปทรง
ตามท่ีตอ้ งการ แบ่งตามลกั ษณะการออ่ นตวั
เมื่อถกู ความร้อนออกเป็ น 2 ประเภท
25/67
เทอร์มอพลาสตกิ เป็ นพลาสติก พลาสตกิ
(thermoplastic) ที่ออ่ นตวั เม่ือถูกความร้อน เทอร์มอเซต เป็ นพลาสติก
(thermoset ท่ีคงรูปไดด้ ี ไมอ่ อ่ นตวั
และเมื่อทาใหเ้ ยน็ ลงจะแขง็ ตวั เมื่อถกู ความร้อน ถา้ ถกู ไฟ
plastic)
จะไหมเ้ กรียมแตกเป็ นรอย
ติดไฟได้ มีโครงสร้างแบบโซ่ตรง หลอมนากลบั มาใชใ้ หมไ่ มไ่ ด้
โครงสร้างเป็ นแบบร่างแห
หรือแบบโซ่กิ่ง เม่ือใชแ้ ลว้ สามารถ
นากลบั มาหลอมแลว้ ข้ึนรูปเป็ น
ผลิตภณั ฑน์ ามาใชใ้ หม่ได้
(รีไซเคิล)
26/67
(หนงั สือเรียนหนา้ 263)
27/67
พจิ ารณาข้อมูลต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามข้อ 1-5
นาพอลิเมอร์ A B C และ D ไปทดสอบสมบตั ิของพอลิเมอร์ ไดข้ อ้ มูลดงั ตาราง
ชนิดของ การเปลย่ี นแปลงทสี่ ังเกตได้
พอลเิ มอร์ ลกั ษณะเนื้อของพอลิเมอร์ ดงึ ให้ยืดออก เผาด้วยตะเกยี งแอลกอฮอล์
A ขนุ่ ขาว ก หลอมเหลวติดไฟได้
B ใส โปร่งแสง ยดื ออกเลก็ นอ้ ย หลอมเหลวติดไฟได้
C ทึบแสง ข ไมห่ ลอม แตแ่ ตกร้าว มีรอยไหมเ้ กรียม ไมต่ ดิ ไฟ
D ใส โปร่งแสง ค หลอมเหลวติดไฟได้
28/67
1. พอลิเมอร์ชนิดใดมีโครงสร้างแบบโซ่ก่ิง เพราะเหตุใด 4. พอลิเมอร์ชนิดใดมีโครงสร้างแบบโซ่ตรง เพราะ
เหตใุ ด
2. พอลิเมอร์ชนิดใดสามารถนามาเปล่ียนรูปร่างเพ่ือนา
กลบั มาใชใ้ หม่ได้ เพราะเหตใุ ด 5. ผลการทดลอง ก ควรเป็ นอยา่ งไร
3. พอลิเมอร์ชนิดใดมีโครงสร้างแบบร่างแห เพราะเหตใุ ด 6. เทอร์มอพลาสติกมีโครงสร้างแบบใด
29/67
30/67
1. –CH2–CH2–n
มอนอเมอร์ :
พอลเิ อทลิ นี
(PE) เอทิลีน CH2=CH2
สมบตั ิ :
เหนียว ขนุ่ ทนสารเคมีกรดและเบส น้าผา่ น
ไม่ได้ อากาศผา่ นไดเ้ ลก็ นอ้ ย และไมท่ นความรอ้ น
การใช้ประโยชน์ :
ถงุ ใส่ของเยน็ ถุงขยะ แผน่ พลาสติกบาง ๆ
ท่ีใชห้ ่อหุม้ อาหาร เคลือบกลอ่ งน้าผลไม้
และน้านม ของเล่น ขวด และเคลือบ
สายไฟฟ้า
31/67
2. –CH2–CHCl–n
มอนอเมอร์ :
พอลไิ วนลิ คลอไรด์
(PVC) ไวนิลคลอไรด์ CH2=CHCl
สมบัติ :
มีท้งั ชนิดแขง็ และนิ่ม คงรูป ทนความช้ืน
ทนต่อสารเคมี และไมท่ นความร้อนและแสง
การใช้ประโยชน์ :
หุม้ สายไฟฟ้า กระเบ้ืองยาง บตั รเครดิต
หนงั เทียม ท่อน้า เส้ือกนั ฝน
และแผน่ เสียง
32/67
3. –CF2–CF2–n
มอนอเมอร์ :
พอลเิ ตตระฟลูออโร เตตระฟลูออโรเอทิลีน CF2=CF2
เอทลิ นี (เทฟรอน)
สมบัติ :
เหนียว ทนสารเคมีและความร้อน ผิวล่ืน
ไม่ยดึ ติดอาหาร และทนแรงกระแทก
การใช้ประโยชน์ :
เคลือบภาชนะดา้ นในป้องกนั อาหารติด
ภาชนะ ฉนวนไฟฟ้า ปะเก็น แหวนลูกสูบ
ลูกปื นในเครื่องยนต์ และเคลือบสาย
เคเบิลและสายไฟฟ้า
33/67
4. ––CCHH3–CH2–n––
มอนอเมอร์ :
พอลโิ พรพลิ นี
(PP)
โพรพิลีน CH3–CH=CH2
สมบัติ :
แขง็ กวา่ พอลิเอทิลีน ใส ผิวเป็ นมนั วาว
และทนตอ่ การขีดขว่ น สารเคมี และน้า
การใช้ประโยชน์ :
ถุงใส่ของร้อน ไมบ้ รรทดั หลอดฉีดยา
พรม เชือก และภาชนะบรรจุ
สารเคมี
34/67
––CH–CH2–– 5.
n พอลสิ ไตรีน
มอนอเมอร์ : สไตรีน CH=CH2
(PS)
สมบตั ิ :
แขง็ แตเ่ ปราะ ไม่ทนต่อตวั ทาละลายอินทรียแ์ ละความร้อน
ทนกรดและเบส ใส และไม่นาไฟฟ้า
การใช้ประโยชน์ :
บรรจุภณั ฑต์ ่าง ๆ กลอ่ งใส่อาหารร้อน กลอ่ งใส่ขนม วตั ถลุ อยน้า
โดยการผา่ นฟองอากาศเขา้ ไปในพอลิเมอร์ ทาใหเ้ น้ือเบาและข่นุ
ใชท้ าบอร์ด เป็ นฉนวนสาหรับภาชนะใส่ของเยน็ และร้อน
35/67
–6.เมทิล–เมCมทHอาส2นค–CมอCรOบิเเHลมตั2Cต–อิ :–HรC–์ 3:–Hn–2=CCHO2CHพ3อลเิ ม(PทMลิ เMมทAา)คริเลต
–
ใส โปร่งแสง ทนแรงกระแทก การขีดขว่ น
และการเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิ
การใช้ประโยชน์ :
กระจกครอบไฟรถยนต์ เลนส์แวน่ ตา
เลนส์สมั ผสั ไมบ้ รรทดั ชนิดใส
และวสั ดุทนั ตกรรม
36/67
7. ––CH2–CCNH––n
–
พอลอิ ะคริโลไนไตรล์ –
(PAN) มอนอเมอร์ :
อะคริโลไนไตรล์ CH2=CCNH
สมบัติ :
แขง็ เหนียว ทนต่อความช้ืนและสารเคมี
การใช้ประโยชน์ :
ผา้ โอรอน ดา้ ยสาหรับถกั พรม ถุงเทา้
และเส้ือผา้ เด็ก
37/67
1.พอลเิ อทลิ นี OO
––C C–O–CH2–CH2–O–n–
เทเรฟทาเลต =
(PET) ==
=
O O
มอนอเมอร์ : ไดเมทิลเทเรฟทาเลต HO–C C–OH
กบั เอทิลีนไกลคอล HO–CH2–CH2–OH
สมบัติ : แขง็ ง่ายต่อการยอ้ มสี ทนตอ่ ความช้ืนและการขดั ถู และเหนียว
การใช้ประโยชน์ : เสน้ ใย เอน็ แห อวน เชือก ดา้ ย ขวดน้าอดั ลมและขวดน้าดื่ม
ชนิดแขง็ และใส สารเคลือบรูปภาพ หินอ่อนเทียม และแกว้ เทียม
38/67
2. OO
––C–(CH2)4–C–NH–(CH2)6–NH–n–
พอลเิ อไมด์ =
(PA หรือ =
ไนลอน 6, 6)
=
=
มอนอเมอร์ : เฮกซะเอทิลีนไดเอมีนOH2N–(CHO2)6–NH2
กบั กรดอะคริลิก HO–C–(CH2)4–C–OH
สมบตั ิ : เหนียว ผวิ เรียบ ทาความสะอาดง่ายและแหง้ เร็ว ยดื หดได้ ทนต่อการขดั ถู
และไม่ทนต่อการใชง้ านนอกอาคาร
การใช้ประโยชน์ : เชือก เสน้ ดา้ ย ถุงน่อง ชุดช้นั ใน ชิ้นส่วนเคร่ืองจกั รกล เช่น เกียร์
เฟื อง และปลอกหุม้ สายไฟฟ้า
39/67
3.พอลคิ าร์บอเนต ––O CCH3 O
(PC) O–C––
=CH3 n
=
––CCH3
––
มอนอเมอร์ : บิส-ฟี นอลเอ HO CH3 O
OH กบั ฟอสจีน Cl–C–Cl
สมบัติ : เหนียว ใส ทนความร้อนและแรงกระแทก ไม่ช้ืนง่าย และติดไฟ
แลว้ ดบั เอง
การใช้ประโยชน์ : กล่องบรรจุเครื่องมือ กล่องเคร่ืองโทรศพั ท์ ขวดบรรจุ
น้าด่ืมขนาดใหญ่ ขวดนมเด็ก และภาชนะใสที่ใชท้ ดแทนเครื่องแกว้ 40/67
4. ––CH2N N NCH2–
– NN
พอลเิ มลามนี NCH2–
ฟอร์แมลดไี ฮด์ (MF –
H2N N NH2
หรือเมลามนี ) มอนอเมอร์ : เมลามีน N N
NH2
กบั ฟอร์มาลดีไฮด์ CH2=O
สมบัติ : ทนความร้อน น้า และสารเคมี
การใช้ประโยชน์ : ทาแผงวงจรไฟฟ้า หูหมอ้
และหูกระทะ
41/67
5. OO
–NH–C–NH–CH2–NH–C –NH–CH2–n
พอลยิ ูเรีย =
ฟอร์แมลดไี ฮด์ =
(UF) =
O 42/67
มอนอเมอร์ : ยเู รีย H2N–C–NH2
กบั ฟอร์มาลดีไฮด์ CH2=O
สมบัติ : แขง็ แตเ่ ปราะ ทนสารเคมีและความร้อน
ท่ีอุณหภมู ิสูง
การใช้ประโยชน์ : ของท่ีระลึก พวงกญุ แจ อปุ กรณ์ไฟฟ้า
กาว และโฟม
6. –CH2 OH CH2 OH CH2–
CH2 CH2
พอลฟิ ี นอล
ฟอร์แมลดไี ฮด์ (PF
หรือเบกาไลต์)
OH
มอนอเมอร์ : ฟี นอล กบั ฟอร์มาลดีไฮด์ CH2=O
สมบตั ิ : แขง็ แต่เปราะ ทนสารเคมีและความร้อนท่ีอณุ หภมู ิสูง และเป็ นฉนวนไฟฟ้า
การใช้ประโยชน์ : หูหม้อ หูกระทะ ด้ามมีด ลูกบิลเลียด กาว แผงวงจรไฟฟ้า
โครงวทิ ยุ โทรทศั น์ และแผน่ กนั ความร้อน
43/67
7. OO
––O(CH2)4–C–NH(CH2)6–NH–C–O––n
พอลยิ ูรีเทน =
(PU) =
มอนอเมอร์ : 1, 4-บิวเทนไดออล HO(CH2)4OH 44/67
กบั เฮกซะเมทิลีนไดไอโซไซยาเนต O=C=N– (CH2)6–N=C=O
สมบัติ : ยดื หยนุ่ ทนการขีดขว่ น ตวั ทาละลาย และแรงกระแทก
การใช้ประโยชน์ : เสน้ ใยชุดวา่ ยน้า ลอ้ รถเขน็ น้ายาเคลือบผวิ พ้นื หอ้ ง และโฟมบุเกา้ อ้ี
(หนงั สือเรียนหนา้ 270)
45/67
1. พลาสติกที่ใชท้ าภาชนะบรรจุอาหาร ถุงใส่ของเยน็ 2. พลาสติกท่ีใช้หุ้มสายไฟฟ้า ทาท่อน้ า และทา
หลอดกาแฟ และขวดใส่น้ าผลิตจากพอลิเมอร์ เส้ือกนั ฝนผลิตจากพอลิเมอร์ชนิดใด
ชนิดใด
3. ของขวญั สังเกตว่าท่ีผิวด้านในของกระทะมีสีดา
เคลือบอยู่ สารดงั กล่าวคืออะไร และใชเ้ คลือบผิว
ดา้ นในของภาชนะเพ่ืออะไร
46/67
4. พิจารณาพอลิเมอร์ต่อไปน้ี
ก. ไนลอน ข. เมลามีน ค. เบกาไลต์ ง. ยางสงั เคราะห์ (SBR)
ซ. พอลิเอทิลีน
จ. พอลิเอสเทอร์ ฉ. พอลิสไตรีน ช. เทฟลอน
ขอ้ ใดคือพอลิเมอร์ท่ีนาไปใชป้ ระโยชน์ในแตล่ ะขอ้
4.1 ทายางรถยนต์
4.2 เส้ือผา้ เคร่ืองนุ่งห่ม
4.3 ภาชนะใส่อาหาร
4.4 ปิ ดผิวเคาน์เตอร์ใชก้ นั ความร้อน
4.5 ทาฟิ ลม์ บางสาหรับห่อวสั ดุหรือห่ออาหารใหส้ ด
47/67
48/67
1. ขวดบรรจุน้าด่ืม ควรเป็ น 2. พลาสติกประเภท
พลาสติกใสไม่มีสี เพื่อให้มองเห็น เทอร์มอพลาสติกไม่ควร
ลกั ษณะของน้าไดช้ ดั เจน นาไปไวใ้ กลเ้ ปลวไฟ
ความร้อน หรือแสงแดด
เพราะอาจทาใหอ้ อ่ นตวั
เปลี่ยนรูป และถา้ ถูกเปลวไฟ
อาจลกุ ไหมไ้ ด้ เน่ืองจากพลาสติก
ทามาจากสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ส่วนพลาสติก
ประเภทเทอร์มอเซตเม่ือถูกความร้อนหรื อวางไว้
กลางแดดอาจเกิดการแตกร้าวเส่ือมคุณภาพ
49/67