The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระปลัดระพิน พุทธิสาโร. (2561). การล้อมปราบจากรัฐสู่ศาสนา : จับพระพิมลธรรมสึก มายาคติว่าด้วยความเป็นลาว ความก้าวหน้า และคอมมิวนิสต์ Crackdown from the state to religion: catch to unfrock Ven. Phrapimoladhamma mythology in Lao, progressive and communist. การประชุมวิชาการระดับชาติ พื้นถิ่นโขง ชี มูล ราชภัฏอุดรธานี ครั้งที่ 3 ศูนย์การเรียนรู้พุทธศิลป์ถิ่นอีสาน สำนักวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏอดรธานี 64 ถ.ทหาร ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ระหว่าง 25-26 ตุลาคม 2561 [อ้างอิง http://ntbac2018.udru.ac.th/]

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by raphind, 2022-02-05 05:36:03

Crackdown from the state to religion: catch to unfrock Ven. Phrapimoladhamma mythology in Lao, progressive and communist.

พระปลัดระพิน พุทธิสาโร. (2561). การล้อมปราบจากรัฐสู่ศาสนา : จับพระพิมลธรรมสึก มายาคติว่าด้วยความเป็นลาว ความก้าวหน้า และคอมมิวนิสต์ Crackdown from the state to religion: catch to unfrock Ven. Phrapimoladhamma mythology in Lao, progressive and communist. การประชุมวิชาการระดับชาติ พื้นถิ่นโขง ชี มูล ราชภัฏอุดรธานี ครั้งที่ 3 ศูนย์การเรียนรู้พุทธศิลป์ถิ่นอีสาน สำนักวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏอดรธานี 64 ถ.ทหาร ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ระหว่าง 25-26 ตุลาคม 2561 [อ้างอิง http://ntbac2018.udru.ac.th/]

พ ร ะ ป ลั ด ร ะ พิ น พุ ท ธิ ส า โ ร

การลจ้ัอบมพปรระาพบิมจลาธกรรัรฐมสู่สศึกาสนา
มายาคติ ว่าด้วยความเป็นลาว ความ
ก้าวหน้าและคอมมิวนิสต์





เอกสารประกอบการประชมุ วิชาการระดับชาติ
พืน้ ถ่ิน โขง ชี มูล ราชภัฏอดุ รธานี ครง้ั ท่ี 3

ทปี่ รึกษา อธิการบดีมหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุดรธานี
ผอู้ านวยการสานักวิชาศึกษาทัว่ ไป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์จรูญ ถาวรจักร์ ประธานศนู ยก์ ารเรยี นรู้พทุ ธศลิ ปถ์ ่ินอสี าน
อาจารย์สตั ยิ ะพันธ์ คชมิตร
รองศาสตราจารย์ ดร.ชวลติ อธปิ ตั ยกุล

ผทู้ รงคุณวุฒิพิจารณาบทความ

รองศาสตราจารย์ ดร.ชวลติ อธิปตั ยกลุ
รองศาสตราจารย์ ดร.ธรี ะภัทรา เอกผาชยั สวสั ด์ิ

รองศาสตราจารย์ ดร.บวั พันธ์ พรหมพักพิง
รองศาสตราจารย์ ดร.ทวีสิน สบื วัฒนะ
รองศาสตราจารย์ พจนม์ าลย์ สมรรคบตุ ร
ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ณฏั ฐนนั ธ์ สุวรรณวงก์
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ราชนั ย์ นลิ วรรณาภา
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ศภุ กฤต ปิตพิ ฒั น์
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พนา ดลุ ยพัชร์
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ไกรฤกษ์ ศลิ าคม
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สภุ ีร์ สมอนา
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กรี ติพร จูตะวริ ยิ ะ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วนิชย์ ไชยแสง
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์พัชฎาภรณ์ แสงทามาตย์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์เขมณัฐ ภกู องไชย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์เชิดชาย บตุ ดี
ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารยส์ ราวดี ณ หนองคาย
ผู้ช่วยศาสตราจารยศ์ ศิพงษ์ ศรสี วสั ดิ์
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยว์ ุฒิพงษ์ บษุ ราคัม
อาจารย์ ดร.กุลจิต เสง็ นา
อาจารย์ ดร.ณัชปภา วาสิงหน

อาจารย์ ดร.รักชนก ชานาญมาก
อาจารย์ ดร.วณชิ ชา ณรงค์ชัย
อาจารย์ ดร.อมร มะลาศรี
อาจารย์ ดร.แกว้ ตา จนั ทรานุสรณ์
อาจารย์ ดร.เบญจวรรณ นาราสัจจ์
อาจารย์กิติมา ขนุ ทอง
อาจารยส์ ัติยะพันธ์ คชมิตร
อาจารยภ์ ชั ราภรณ์ สาคา
อาจารย์ปยิ ะพร แผว้ ชานาญ
อาจารยฐ์ ากรู สรวงศ์สริ ิ
อาจารย์ชุติพงษ์ คงสันเทียะ
อาจารย์นนทชา ชยั ทวิชธานนั ท์

บรรณาธิการ

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยส์ ราวดี ณ หนองคาย

ผ้ชู ่วยบรรณาธิการ

อาจารย์ ดร.ทพิ ยอ์ ุบล ทพิ เลศิ
อาจารย์ฐากูร สรวงศส์ ริ ิ
อาจารย์สนุ ิตย์ เหมนลิ

ตรวจสอบบทคัดยอ่ ภาษาองั กฤษ

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์สราวดี ณ หนองคาย
อาจารยก์ ิตตพิ งษ์ ทองสมบตั ิ
อาจารย์ธรี ัชพล คาสะอาด

พิสูจน์อกั ษร อาจารย์ธัชวรรธน์ หนูแก้ว
อาจารย์ชนาฏ สระกาศ
ผูช้ ว่ ยศาสตราจารยศ์ ศพิ งษ์ ศรสี วัสด์ิ
อาจารย์สิรริ ัตน์ จนั ทร์มาลา
อาจารย์ปารฉิ ตั ร พรมสอน

เสวนานอกสถานที่

อาจารย์ฐากรู สรวงศส์ ิริ

ประชาสมั พนั ธแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศ

อาจารย์ ดร.กลุ จติ เส็งนา
อาจารย์ ดร.มงคล ทะกอง
อาจารย์ณฐั วชั ร เดชมาลา
อาจารย์วราวุฒิ ทิวะสงิ ห์

ประสานงานและจัดการ

อาจารยอ์ รอนงค์ ทองหล่อ ทะกอง
อาจารยด์ รุณี มณีทัศน์

เจ้าของและผูจ้ ัดพมิ พ์

ศนู ยก์ ารเรยี นร้พู ทุ ธศิลป์ถิ่นอีสาน สานกั วชิ าศกึ ษาท่ัวไป มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุดรธานี

พิมพ์จานวน : 300 เลม่

ปีทพ่ี มิ พ์ : 2561

พิมพท์ ี่ : โรงพิมพบ์ ้านเหล่าการพิมพ์ บ้านเหล่า อาเภอเมอื ง จงั หวัดอุดรธานี โทร. 042-325-398

คานา

การจัดการประชุมทางวิชาการระดับชาติพื้นถิ่น โขง ชี มูล ราชภัฏอุดรธานี คร้ังท่ี 3 เรื่อง “ถอด
รื้อพรมแดนความรู้: ความท้าทายของสหวิทยาการในการพัฒนาท้องถ่ิน โขง ชี มูล” โดยศูนย์การเรียนรู้
พุทธศิลป์ถ่ินอีสาน สานักวิชาศึกษาท่ัวไป มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ในระหว่างวันท่ี 25 - 26 ตุลาคม
2561 มีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมให้เกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้ทางด้านวิชาการ และเผยแพร่บทความ
วิชาการ วิจัย สาหรับนกั วิจยั นักวชิ าการ นกั ศกึ ษา และประชาชนทัว่ ไป

บทความท่ีถูกนาเสนอในการประชุมวิชาการคร้ังน้ี ได้นาเสนอในประเด็นสหวิทยาการเพ่ือ
การพัฒนา แสดงการพัฒนาท่ีเกี่ยวข้องกับศาสตร์ในหลายมิติ สะท้อนแนวทางการพัฒนาท้องถิ่น
จากมมุ มองนักวชิ าการ ซง่ึ จะนาไปสกู่ ารพัฒนาและตอ่ ยอดองคค์ วามรู้ใหม่ๆ ในทางวิชาการในโอกาสต่อไป

รองศาสตราจารย์ ดร.ชวลติ อธิปัตยกลุ
ประธานศนู ยก์ ารเรยี นรู้พุทธศิลป์ถ่นิ อสี าน
สานกั วชิ าศกึ ษาท่ัวไป มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี



กำหนดกำร
โครงกำรประชุม/เสวนำวิชำกำรระดับชำติ พ้นื ถิ่นโขง ชี มลู รำชภฏั อดุ รธำนี ครงั้ ท่ี 3
“ถอดรื้อพรมแดนควำมรู้: ควำมท้ำทำยของสหวทิ ยำกำรในกำรพัฒนำท้องถ่นิ โขง ชี มลู ”

ระหว่ำงวันที่ 25 – 26 ตุลำคม 2561
ณ อำคำรเฉลิมพระเกียรตฯิ และอำคำรหอประวัติ มหำวิทยำลยั รำชภฏั อุดรธำนี

------------------------------------------------------
วันพฤหสั บดที ่ี 25 ตลุ ำคม 2561

08.00 – 08.40 น. ลงทะเบียน
08.40 – 08.55 น. วงดนตรอี อเคสตร้าบรรเลงบทเพลง
09.00 – 09.15 น. อธกิ ารบดกี ล่าวเปดิ การประชุมฯ และมอบโลเ่ กยี รตคิ ณุ ใหเ้ ครือขา่ ยร่วมจดั งานประชุมฯ

ภำคเชำ้ – เสวนำวชิ ำกำร ณ อำคำรเฉลิมพระเกียรติฯ มหำวิทยำลยั รำชภัฏอุดรธำนี

09.15 – 10.00 น. รองศำสตรำจำรย์ ดร.ไชยันต์ รัชชกลู
10.00 – 10.45 น. บรรยายประเดน็ เรอ่ื ง “ประวัติศำสตรอ์ สี ำนในประวตั ศิ ำสตร์ชำต:ิ
10.00 – 11.30 น. ควำมรู้ ควำมหมำย และควำมสัมพันธ์เชงิ อำนำจ”
12.00 – 13.00 น. ศำสตรำจำรย์ ดร.อำนันท์ กำญจนพันธุ์
บรรยายประเด็นเรื่อง “ข้ำมพรมแดนควำมรู้ สกู่ ำรสรำ้ งสหควำมรู้ในสังคม”
รองศำสตรำจำรย์ ดร.กนกวรรณ มะโนรมย์
บรรยายประเดน็ เรื่อง “ข้ำมพรมแดน เพศสภำวะกับกำรพฒั นำท้องถน่ิ ”
อาจารยช์ ัยพงษ์ สาเนยี ง (ผดู้ าเนินการเสวนา)
พักรบั ประทานอาหารกลางวนั

ภำคบ่ำย – กำรนำเสนอผลงำนวชิ ำกำร ณ อำคำรเฉลมิ พระเกยี รตฯิ และอำคำรหอประวัติ
มหำวิทยำลยั รำชภฏั อดุ รธำนี

13.00 – 17.00 น. นาเสนอผลงานวิชาการ(ห้องประชมุ ยอ่ ย) จานวน 11 ห้อง

วันศุกร์ท่ี 26 ตุลำคม 2561

06.30 – 07.00 น. ลงทะเบยี น
07.00 – 09.00 น. เดนิ ทางศกึ ษาดงู าน ภูมิทศั นท์ างสงั คมและวัฒนธรรม “ทะเลบัวแดงหนองหาน”
ณ ทา่ เรือบ้านเดยี ม อาเภอกุมภวาปี จงั หวัดอุดรธานี
12.00 – 13.00 น. โดยวทิ ยากร ศาสตราจารย์ ดร.อานนั ท์ กาญจนพนั ธ์ุ
13.00 – 14.00 น. รองศาสตราจารย์ ดร.ไชยยนั ต์ รชั ชกลู
14.00 – 16.00 น. รองศาสตราจารย์ ดร.กนกวรรณ มะโนรมย์
และผเู้ กยี่ วขอ้ งจากหลากหลายภาคสว่ น
พักรับประทานอาหารกลางวนั
เดนิ ทางศกึ ษาดงู าน ภมู ิทศั น์ทางสงั คมและวัฒนธรรม “คาชะโนดวังนาคินทร์”
ณ วดั ศิรสิ ุทโธ คาชะโนด อาเภอบ้านดุง จงั หวัดอุดรธานี
วงเสวนา:
“คาชะโนด: การประกอบสรา้ งพืน้ ท่ีศกั ดิ์สทิ ธ์ิในกระแสเสรีนิยมใหม่”
ณ วดั ศริ สิ ทุ โธ คาชะโนด อาเภอบา้ นดงุ จงั หวดั อดุ รธานี
โดยวิทยากร ศาสตราจารย์ ดร.อานันท์ กาญจนพันธ์ุ
รองศาสตราจารย์ ดร.ไชยยนั ต์ รชั ชกูล
รองศาสตราจารย์ ดร.กนกวรรณ มะโนรมย์

หมายเหต:ุ พกั รับประทานอาหารว่าง รอบเช้าเวลา 10.45 น. รอบบา่ ย 14.45 น.

ตำรำงกำรนำเสนอบทควำมประชมุ วชิ ำก
วนั พฤหสั บดี ท่ี 2

Room 1 : อีสำน ลุม่ นำ้ โขง รฐั ชำติ ในกระบวนกำรชว่ งชิงควำมหมำย

ลำดบั ชว่ งเวลำ ช่ือบทควำม

1 13.00-13.25 น. “ไทบา้ นเดอะซรี สี ์”: “ผบู้ ่าวไทบ้าน”

และทางเลือกความเป็นชายในอสี าน

2 13.25-13.50 น. “เมือง” กบั “ชนบท” และ “ความรูส้ ึกของคนใชแ้ รงง

รว่ มสมยั : กรณีศกึ ษาผลงานเพลงของ ไมค์ ภิรมยพ์ ร

3 13.50-14.15 น. ภาษาไทยกบั การครอบงาของอาณานิคมสยามเหนอื มณ

ในสมัยสมบรู ณาญาสิทธิราชย์

4 14.15-14.40 น. การล้อมปราบจากรัฐสศู่ าสนา: จบั พระพมิ ลธรรมสกึ

มายาคตวิ ่าดว้ ยความเป็นลาว ความกา้ วหนา้ และคอมม

5 14.50-15.15 น. ชุมชนจนิ ตกรรมในประเพณีประดษิ ฐ์และรัฐนาฏกรรม:

6 15.15-15.40 น. โส้ราลึก: การฉวยใชอ้ ตั ลักษณ์ทางชาตพิ นั ธขุ์ องหนว่ ยง

7 15.40-16.05 น. ความหลากหลายทไ่ี ม่หลากหลายของวาทกรรมการพัฒ
สกลนคร

8 16.05-16.30 น. พญานาค: เร่อื งเลา่ พื้นถนิ่ จากลมุ่ น้าโขงสู่ลุ่มนา้ มลู และ

กำรพ้นื ถน่ิ โขง ชี มลู รำชภฏั อุดรธำนี ครง้ั ที่ 3
25 ตุลำคม พ.ศ.2561

ผู้นำเสนอ ผู้วิจำรณ์บทควำม
สุเมธ รักษจ์ ันทร์
รศ.ดร.ไชยนั ต์ รชั ชกูล
งาน”: ในเพลงลูกทุ่งอสี าน สมพงศ์ อาษากจิ อ.ดร.แก้วตา จนั ทรานุสรณ์

ณฑลพายพั ภญิ ญพนั ธ์ุ
พจนะลาวัณย์
มวิ นสิ ต์
: การพัฒนากรอบความคดิ พระปลดั ระพิน
งานรฐั ในงานประเพณี พุทธิสาโร
ฒนาพน้ื ท่หี นองหาร
มนตรา พงษน์ ิล
ะลุม่ น้าสาขา
ภูรภิ มู ิ ชมพนู ุช
พสุธา โกมลมาลย์

ชาครติ ชาญชิตปรีชา
จติ ติ กิตเิ ลศิ ไพศาล
พสธุ า โกมลมาลย์
ชัยมงคล โชติวฒั นตระกลู

พงษ์เทพ บญุ กล้า

Room 2 : ประวตั ศิ ำสตร์ และโบรำณคดีลมุ่ น้ำโขง

ลำดบั ช่วงเวลำ ชอ่ื บทควำม

1 13.00-13.25 น. การเขยี นประวัตศิ าสตร์ท้องถน่ิ ชาติพนั ธ์ุ ในพื้นท่ชี มุ ชน

แบบมสี ่วนรวม

2 13.25-13.50 น. ความสาคญั ของช่องขา้ วสารในประวตั ศิ าสตรล์ า้ นช้าง

3 13.50-14.15 น. โลกทศั นว์ า่ ด้วยความเชือ่ เหนือธรรมชาติด้งั เดมิ ของชาว

ใน “พระกรณุ าพระบาทสมเดจ็ พระสสี ุวตั ถพ์ิ ระเจา้ กรงุ

พระราชดาเนนิ ไปกรงุ ฝรัง่ เศสปีมะเมียอัฐศก ตรงกับปีค

4 14.15-14.40 น. เอกสารใบลานวัดกลางม่งิ เมือง อาเภอเมืองรอ้ ยเอด็ จงั

การสารวจและศึกษาขอ้ มูลเบือ้ งตน้

5 14.50-15.15 น. ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพุทธ และการเปลยี่ นศาสนาท

เขมรโบราณ

6 15.15-15.40 น. พระครูข้หี อม ใยวา่ หอมแตฝ่ ่ังขวา: ว่าด้วยการเมอื งในป

7 15.40-16.05 น. “ความรกั ของชนช้ันกลางไทย” ในบทเพลงสนุ ทราภรณ

นภาคเหนือตอนลา่ ง ผนู้ ำเสนอ ผ้วู จิ ำรณ์บทควำม
วศนิ ปัญญาวุธตระกลู
วเขมร รศ.ดร.ทวีศลิ ป์ สบื วัฒนะ
งกัมพูชาธิบดี ธรี ะวัฒน์ แสนคา รศ.ดร.ชวลติ อธปิ ัตยกลุ
ครสิ ตศกั ราช 1906” กัณฐาภรณ์ ทองขาว
งหวัดรอ้ ยเอด็ :
บุญชู ภศู รี
ทปี่ รากฏในจารึก
ทรงธรรม ปานสกุณ
ประวัตศิ าสตรล์ าว-ไทย
ณ์ พ.ศ.2482-2515 สมฤทธิ์ ลอื ชยั
บุญพทิ กั ษ์
เสนบี ุรพทศิ

Room 3 : ทุนนิยม แรงงำนข้ำมแดน ในโลกเสรีนยิ มใหม่

ลำดบั ชว่ งเวลำ ชอื่ บทควำม

1 13.00-13.25 น. อทิ ธพิ ลจีนในอนุภมู ิภาคลุ่มแม่นา้ โขง: ผลต่อภาคอีส

2 13.25-13.50 น. พัฒนาการและลกั ษณะชุมชนชายแดนรัฐจัดตั้งบนพ

3 13.50-14.15 น. ผปู้ ระกอบการไทยข้ามแดนในยคุ เสรีนิยมใหม่

4 14.15-14.40 น. การเคล่ือนย้ายแรงงานข้ามชาติสญั ชาตลิ าวและผล
เศรษฐกิจ ในบรเิ วณพนื้ ทอ่ี าเภอบา้ นโคก จังหวัดอตุ

5 14.50-15.15 น. แรงงานก่อสรา้ งขา้ มชาติกับความเปน็ ชายขอบในอตุ

6 15.15-15.40 น. การเปรยี บเทยี บอัตราการขดู รดี ระหว่าง “แรงงานเ
ของแรงงานข้ามชาตลิ าว

7 15.40-16.05 น. การเตรยี มพรอ้ มขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ ใน
ตอ่ สภาวะโลกาภิวัตนท์ อ้ งถิน่ ขา้ มท้องถน่ิ

สาน ผู้นำเสนอ ผวู้ ิจำรณบ์ ทควำม
พ้ืนที่ชายแดนไทย-กมั พูชา พภิ ู บษุ บก
จตพุ ร ดอนโสม ศ.ดร.อานันท์ กาญจนพนั ธุ์
ลกระทบตอ่ สภาพสงั คม พชั รนิ ทร์ ลาภานนั ท์ อ.ชัยพงษ์ สาเนยี ง
ตรดติ ถ์ รักชนก ชานาญมาก
ตสาหกรรมกอ่ สรา้ งไทย สุภกาญจน์ แสนคา
เสรี” และ “แรงงานทาส” รักชนก ชานาญมาก
นจังหวดั เพชรบรู ณ์ พัชรินทร์ ลาภานันท์
พทุ ธินนั ทน์ บญุ เรอื ง

เบญจพร โคกแปะ
พัชรนิ ทร์ ลาภานนั
ศภุ กฤต ปิตพิ ฒั น์
สุพจน์ สกุลแกว้
ธนั ยมยั รังสกิ รรพุม
พชั ยา เลอื ดชัยพฤกษ์
พสิ ิษฐกิ ลุ แก้วงาม

Room 4 : ควำมขดั แย้ง ควำมรุนแรง และกำรแยง่ ชิงทรัพยำกร

ลำดบั ช่วงเวลำ ช่ือบทควำม

1 13.00-13.25 น. เพศวถิ ีกบั การค้ามนุษย์

2 13.25-13.50 น. อุปสรรคในการเขา้ ถงึ ความชว่ ยเหลอื ของผทู้ ถ่ี ูกกร

3 13.50-14.15 น. การเมอื งภาคพลเมือง สง่ิ แวดล้อมและการพฒั นา:

เรอ่ื งราวการมสี ว่ นร่วมของสตรีอสี าน

4 14.25-14.50 น. บทกลอนขับลากบั การจัดการความขดั แย้งในชุมชน

ของกลุม่ ชาติพันธุ์ ผู้ไทยในภาคตะวนั ออกเฉียงเหน

5 14.50-15.15 น. การทอ่ งเท่ยี วนเิ วศวัฒนธรรมชุมชน: แนวคิดการจ

ดา้ นทรัพยากรนา้ แบบบรู ณาการ กรณีศึกษาพนื้ ทชี่

จงั หวัดขอนแกน่

6 15.15-15.40 น. ปฏิบัติการในชีวิตประจาวันของ "แม่ญงิ " ประมงพ

ราษไี ศล

7 15.40-16.05 น. การบริหารจัดการภยั พิบัติในพื้นที่ชุมชนภยั พบิ ัติ

อาเภอท่งุ เขาหลวง จงั หวดั ร้อยเอด็

ระทารุนแรงในครอบครวั ผู้นำเสนอ ผ้วู จิ ำรณ์บทควำม
: ปิยลักษณ์ โพธวิ รรณ์
ยศวดี นริ ารมย์ อ.ดร.พัชรินทร์ ลาภานันท์
นผา่ นพิธกี รรมการเหยา ฐติ ิพร ศริ พิ นั ธ์ ผศ.ดร.สภุ รี ์ สมอนา
นือ ประเทศไทย พันธเสน
จัดการความขดั แยง้ เกรยี งไกร ผาสุตะ
ชมุ่ น้าแก่งละว้า
ชยั ณรงค์ ศรรี ักษ์
พืน้ บา้ นหลังการสรา้ งเข่อื น เขวิกา สขุ เอี่ยม
ปัทถาพร สขุ ใจ
วรรณภา วงษ์พินจิ

ณฐั พงษ์ ราชมี
จกั รพนั ธ์ ผาพรม

Room 5 : กำรเมอื ง นโยบำย ธรรมำภิบำล

ลำดบั ชว่ งเวลำ ชอ่ื บทควำม

1 13.00-13.25 น. การประเมนิ ความต้องการจาเป็นในการสรา้ งเครอื ข

ของประชาชน หมบู่ ้านดงไม้แดง ตาบลท่าลอ้ อาเภ

จังหวดั กาญจนบรุ ี

2 13.25-13.50 น. อดุ มการณท์ างการเมืองของสงั คมไทย: การทดลอง

3 13.50-14.15 น. การเมอื งนอกระบบรฐั สภาไทย ชว่ งปี พ.ศ.2540-2
4 14.25-14.50 น. การสื่อสารทางการเมืองผา่ นหน้าปกนิตยสารรายส

วิกฤตการณท์ างการเมือง: ศึกษาในชว่ งเวลาปี พ.ศ
5 14.50-15.15 น. กรอบแนวคิดการศกึ ษาการวิเคราะห์นโยบายสาธา
6 15.15-15.40 น. บทบาทของคณะกรรมการหมู่บ้านในการสรา้ งสงั ค

7 15.40-16.05 น. ผลของการจดั ตง้ั ศนู ย์ประสานงานเครอื ข่ายภาคปร
(ศนู ย์นาร่อง) ในการตอ่ ตา้ นการทุจริต สานกั งานป
การทจุ รติ ในภาครัฐ เขต 4 (ปปท.เขต 4)

ข่ายประชารัฐ ผูน้ ำเสนอ ผวู้ จิ ำรณบ์ ทควำม
ภอท่ามว่ ง
สมสมัย ไวถนอมสัตว์ ผศ.ดร.กฤษฎา ณ หนองคาย
ประทปี มากมติ ร อ.ดร.เกรียงไกร ธรุ ะพันธ์

งวิเคราะห์จากหอ้ งเรียน พิสิษฐกิ ลุ แก้วงาม
ณัฐวฒุ ิ สทุ ธิประภา
2556 อภินนั ท์ ทะสนุ ทร
สปั ดาห์ในชว่ ง พุทธสุดา หนดุ หละ
ศ.2557 สเุ นตร ม้าทอง
ารณะ
คมท่ไี ม่ทนต่อการทุจริต พระทานนุวตั ร หสั ดร
ขวัญชยั อตั โณ
ระชาสังคม เจนรบ พละเดช
ปอ้ งกนั และปราบปราม เจนรบ พละเดช
ขวัญชยั อตั โณ

Room 6 : กำรบรหิ ำรจัดกำรองค์กรและทรพั ยำกรมนษุ ย์

ลำดับ ชว่ งเวลำ ชือ่ บทควำม

1 13.00-13.25 น. การพฒั นาทรัพยากรมนษุ ย์ในยคุ Thailand 4.0

2 13.25-13.50 น. การบริหารทรัพยากรมนษุ ย์เชงิ กลยทุ ธ์

3 13.50-14.15 น. กลยทุ ธก์ ารบรหิ ารผลงานสมยั ใหม่

4 14.25-14.50 น. การจัดสวัสดิการและสวสั ดภิ าพของบคุ ลากรทาง
อาเภอเบตง จงั หวดั ยะลา

5 14.50-15.15 น. ความสมั พันธ์เชิงสาเหตขุ องวัฒนธรรมคณุ ธรรมใ
คณุ ธรรมการทางานในหน่วยงาน ทสี่ ง่ ผลตอ่ ควา
ในการดาเนินงานของหนว่ ยงานภาครฐั ในเขตจัง

6 15.15-15.40 น. การประยุกตใ์ ชห้ ลกั ธรรมสังคหวตั ถุ 4 ในการพฒั
สาขาวชิ าการบรหิ ารทรัพยากรมนษุ ย์ คณะวทิ ยา
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ภูเกต็

7 15.40-16.05 น. ความผกู พันตอ่ องคก์ ารของพนกั งานในสถานปร
การผลิต ในเขตจังหวดั นครราชสมี า

8 16.05-16.30 น. ความผูกพันของพนกั งานทีม่ ีต่อโรงแรมในระดับ
กรณีศึกษาโรงแรมในยา่ นอโศกกรงุ เทพมหานคร

0 ผ้นู ำเสนอ ผวู้ ิจำรณ์บทควำม
บุญช่วย กติ ติวิชญกลุ
งการศกึ ษา พระทานนุวตั ร หสั ดร ผศ.ดร.พนา ดุลยพชั ร์
ยุวเรศ หลดุ พา อ.ดร.ณชั ปภา วาสงิ หน
ในองคก์ ร ภูกจิ ยลชญาวงศ์
ามโปร่งใส พล เหลอื งรงั ษี
งหวดั อตุ รดติ ถ์
ฒนานกั ศกึ ษา บทม.593 อิราวัฒน์ ชมระกา
าการจดั การ กิง่ ดาว จนิ ดาเทวิน
ภาศริ ิ เขตปิยรัตน์
ระกอบการอตุ สาหกรรม จิรวัฒน์ ทิพยรส

5 ดาว ภกู ิจ ยลชญาวงศ์
ร เขวกิ า สุขเอ่ียมและคณะ

Room 7: เศรษฐกิจเพือ่ กำรดำรงชีพ

ลำดับ ชว่ งเวลำ ชอื่ บทควำม

1 13.00-13.25 น. เศรษฐกิจชุมชน: การสะสมทนุ ชุมชนด้วยวิถแี หง่ ทนุ

เพ่ือความอยู่รอดในศตวรรษท่ี 21

2 13.25-13.50 น. ปจั จยั ทีม่ ีผลตอ่ พฤติกรรมการซือ้ ทุเรียนหลงลับแลข

ในจังหวดั อุตรดติ ถ์

3 13.50-14.15 น. การทางานกบั ความมน่ั คงดา้ นรายได้ของผู้สงู อายไุ ท

4 14.25-14.50 น. อทิ ธิพลขององค์การสีเขยี วที่มีต่อผลการดาเนนิ งาน
ในประเทศไทย

5 14.50-15.15 น. วิเคราะหผ์ ลกระทบของประกาศคณะกรรมการวา่ ด
เร่อื ง ให้ธรุ กิจการให้เชา่ อาคารเพอื่ อยอู่ าศัยเป็นธุรก
พ.ศ.2561 ทีม่ ตี ่อผ้เู ช่าและผู้ให้เช่า

6 15.15-15.40 น. การสรา้ งชุมชนการเรยี นรู้ด้านอาชพี บนฐานเครือขา่
สาหรับผสู้ ูงอายพุ กิ ารรว่ ม

7 15.40-16.05 น. ตน้ ทนุ และผลตอบแทนจาการปลกู ทุเรียนหลงลบั แล
อาเภอลบั แล จังหวัดอตุ รดิตถ์

8 16.05-16.30 น. พนื้ ที่สาธารณะของกลุม่ สะสมทุนตลาดเขียวในจังห

นสงั คม ผ้นู ำเสนอ ผ้วู ิจำรณบ์ ทควำม
ของผู้บรโิ ภค ทศพร แกว้ ขวญั ไกร
รศ.ดร.ธีระภัทรา เอกผาชัยสวัสด์ิ
สมเกยี รติ จริ ะวงศเ์ สถยี ร ผศ.ดร.สังคม ศภุ รัตนกลุ

ทย รกั ชนก คชานุบาล
นของธุรกจิ โรงแรม สภุ จกั ษ์ แสงประจกั ษ์สกลุ

ศิรกิ านดา แหยมคง

ด้วยสญั ญา ธรรมเนยี บ แก้วหอมคา

กจิ ท่ีควบคมุ สญั ญา

ายชมุ ชนการเรียนรู้ ประภสั สร ปรีเอยี่ ม

ล ตาบลแม่พูล วิไลวรรณ ศรีหาตา

หวัดมหาสารคาม ชลิดา แยม้ ศรีสุข

Room 8: วฒั นธรรมพนื้ ถ่ินขำ้ มพรมแดน

ลำดับ ช่วงเวลำ ชื่อบทควำม

1 13.00-13.25 น. ประเพณชี นควาย: เกาะสมยุ

2 13.25-13.50 น. ความร้อู าหารพ้นื บ้านของชมุ ชนท้ายลาด
อาเภอท่าวุ้ง จังหวดั ลพบรุ ี

3 13.50-14.15 น. เยาวชนลมุ่ น้าโขงใสใ่ จวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน

4 14.25-14.50 น. ความเป็นชายและความเป็นหญิงในวรรณกรรมพ
เรื่อง พระสุธน – มโนราห์

5 14.50-15.15 น. บุญประเพณญี ้อชายแดน: มติ ิทางวัฒนธรรมและ
สองฝั่งโขง ไทย-ลาว

6 15.15-15.40 น. การประกอบสรา้ งอตั ลักษณ์ความเป็น “สกลนค
“ละเบอ๋ ”

7 15.40-16.05 น. การศกึ ษาเปรยี บเทยี บบรบิ ททางดา้ นวถิ ีชุมชนแล
โดยใชข้ อ้ มูลระบบภมู สิ ารสนเทศ กรณีศึกษา บ้า
จังหวดั หนองคายและบ้านลาดเจรญิ อาเภอเขมร

8 16.05-16.30 น. กระบวนการสง่ เสริมวฒั นธรรมท้องถนิ่
เพือ่ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนไทยวน
อาเภอเสาไห้ จงั หวดั สระบุรี

ผู้นำเสนอ ผ้วู ิจำรณบ์ ทควำม

ณัฐดนยั พยฆั พนั ธ์ อ.กติ ต์ธิ นัตถ์ ญาณพิสิษฐ์
พิสฐิ นลิ เอก อ.ใจสคราญ จารกึ สมาน

คมกริช บญุ เขยี ว

กัลยา ยศคาลือ

พ้นื บ้าน ภานุวัฒน์ วรจนิ ต์

ะความสัมพันธอ์ ยา่ งยงั่ ยนื อภริ ดี แข้โส
คร” ผ่านคาลงทา้ ย อธริ าชย์ นนั ขนั ตี
สุวิมล คาน้อย

กันยารัตน์ มะแสงสม

ละวฒั นธรรมรมิ แมน่ า้ โขง วชิ ญ์ จอมวญิ ญาณ์
านปากโสม อาเภอสงั คม ชฎล นาคใหม่
ราฐ จงั หวดั อบุ ลราชธานี อรณุ ศรี อ้ือศรีวงศ์

คมกรชิ บญุ เขยี ว

Room 9: สถำนกำรณ์สขุ ภำพกบั งำนสำธำรณสขุ เชงิ รกุ

ลำดบั ชว่ งเวลำ ช่ือบทควำม

1 13.00-13.25 น. ลกั ษณะอาหารที่รับประทานและความเสยี่ งต่อการเกดิ

ในผตู้ ิดเชอ้ื เอชไอวที มี่ ีปัญหาทางช่องปาก

2 13.25-13.50 น. สถานการณ์ความปลอดภัยเบื้องต้นด้านจลุ นิ ทรยี ์และม
ของร้านกาแฟ ท่จี าหน่ายในเขตเทศบาลนครแหลมฉบ

3 13.50-14.15 น. ความสมั พันธร์ ะหว่างสุขภาพกาย สุขภาพจิต และควา
ความแข็งแกรง่ ในชีวติ ของผสู้ งู อายใุ นสถานสงเคราะห์ค

4 14.25-14.50 น. สถานการณ์ และความตอ้ งการรปู แบบการปฏิบัตกิ ารฉ
ของพนกั งานฉกุ เฉินการแพทย์ จังหวัดชายแดนภาคใต

5 14.50-15.15 น. ความสัมพันธร์ ะหว่างจิตสาธารณะดา้ นความรู้คดิ และด
กบั พฤตกิ รรมจิตสาธารณะของนักศึกษา วิทยาลยั การส
จังหวัดตรัง

6 15.15-15.40 น. รูปแบบการสง่ เสรมิ คณุ ภาพชวี ิตของผู้สูงอายโุ ดยชุมชน
7 15.40-16.05 น. ประสิทธผิ ลของการนวดไทยราชสานักตอ่ ความร้สู ึกปว

โรคไหล่ติดเร้อื รัง

ดภาวะทุพโภชนาการ ผนู้ ำเสนอ ผ้วู จิ ำรณ์บทควำม

มาตรฐานสขุ าภิบาล อลงกต สงิ ห์โต ผศ.ดร.อัจฉรา จินวงษ์
บัง จังหวัดชลบรุ ี อไุ รภรณ์ บูรณสุขสกุล อ.ดร.ปยิ พร แผ้วชานาญ
นรศิ า เรอื งศรี
ามสมั พันธ์ทางสงั คมกับ
คนชราในพืน้ ที่ภาคใต้ ณัฐวดี ไพบูลย์
ณัฏฐ์พชิ า ดวงพระทยั
ฉกุ เฉนิ สาลินี ศรีวงษช์ ยั
ต้
ด้านเจตคติ กรรณกิ า เรืองเดช ชาวสวนศรี
สาธารณสขุ สิรนิ ธร เจรญิ
ไพบูลย์ ชาวสวนศรเี จรญิ
นในจังหวัดมหาสารคาม เสาวลกั ษณ์ คงสนทิ
วดของผ้ปู ่วย
ภัคณัฐ วีรขจร

ไพบูลย์ ชาวสวนศรีเจรญิ กรรณิกา
เรอื งเดช ชาวสวนศรีเจริญ
วชิ าญ สายวารี
ธนนันท์ อคั รวีรวัฒน์

ยภุ าพร ยภุ าส

อวริ ทุ ธ์ สงิ ห์กลุ
นัสรุลเลาะห์ เจ๊ะยะหลี
ไฟศอล มาหะมะ
กสั มนั ยะมาแล

Room 10: กำรบริหำรจดั กำรท่องเท่ียวชุมชน

ลำดับ ชว่ งเวลำ ช่อื บทควำม

1 13.00-13.25 น. แนวทางการจดั การทอ่ งเทยี่ วชมุ ชนกลุม่ ชาตพิ นั ธไุ์ ทด

อาเภอเชียงคาน จังหวดั เลย: การเรียนรู้วถิ ีชีวิต วัฒน

และพืน้ ท่ีทางจิตวญิ ญาณ

2 13.25-13.50 น. การศึกษาเชิงพื้นท่ีเพ่ือพฒั นาการท่องเท่ียวโดยชมุ ชน

อาเภอหนองวัวซอ จงั หวัดอดุ รธานี

3 13.50-14.15 น. การศึกษาการมสี ่วนรว่ มในโครงการจดั ทาระบบภเู ขา
วดั ทิพยส์ คุ นธาราม ตาบลดอนแสลบ อาเภอหว้ ยกระ
ใหเ้ ปน็ สถานทท่ี อ่ งเที่ยวอยา่ งยงั่ ยนื

4 14.25-14.50 น. รูปแบบและกระบวนการบรหิ ารตอ่ การขบั เคลอื่ นกา
เชงิ วัฒนธรรมในจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา

5 14.50-15.15 น. แนวทางการจัดการท่องเที่ยวเชงิ วถิ ชี วี ิตและวฒั นธรร
อาเภอภูกระดงึ จังหวัดเลย

6 15.15-15.40 น. การศึกษาต้นทุนผลิตภณั ฑ์ของที่ระลกึ สาหรับการจา
ท่องเทย่ี ว: กระปกุ ออมสนิ ไม้ไผ่เขยี นลวดลายวิถีชีวิต
จังหวดั เลย

7 15.40-16.05 น. ความสัมพันธร์ ะหวา่ งคลงั คาศพั ท์ กลวธิ ีการอา่ น แล
เพ่ือความเข้าใจ ของนักศึกษา EFL มหาวทิ ยาลัยราช

ดา บ้านนาป่าหนาด ผูน้ ำเสนอ ผูว้ ิจำรณ์บทควำม
นธรรม
อิสริยาภรณ์ ชยั กุหลาบ ผศ.ดร.วนชิ ย์ ไชยแสง
ไทยโรจน์ พวงมณี อ.ดร.รักชนก ชานาญมาก

น ตาบลกดุ หมากไฟ ไกรวฒุ ิ ชูวิลัย
อรณุ ศรี อ้อื ศรวี งศ์
าเปียก คชา เชษฐบตุ ร
ะเจา จงั หวดั กาญจนบุรี
เขวกิ า สขุ เอ่ียมและคณะ

ารท่องเทย่ี ว จตุพล ดวงจติ ร

รมของบ้านพองหนบี ณศริ ิ ศริ พิ ิมา
ศรีจติ รา นวรตั นาภรณ์
าหน่ายในพน้ื ทก่ี าร ไทยโรจน์ พวงมณี
ตและศิลปวฒั นธรรม
อไุ รวรรณ บษุ ทิพย์
ไทยโรจน์ พวงมณี

ละการอ่าน วศิ รุต ไหลหาโคตร
ชภัฏอุดรธานี

Room 11: ศิลปะ ดนตรี กำรแสดงร่วมสมยั

ลำดับ ชว่ งเวลำ ช่ือบทควำม

1 13.00-13.25 น. กระบวนการผลติ ซา้ เชงิ พาณชิ ยป์ ระตมิ ากรรมพระ

2 13.25-13.50 น. ต้นปาง: วิถีชีวิต วฒั นธรรม ความเชอ่ื และสนุ ทรยี

ทางการทอ่ งเทีย่ วของกล่มุ ชาติพันธ์ไุ ทดาบา้ นนาป

อาเภอเชยี งคาน จงั หวัดเลย

3 13.50-14.15 น. นาฏมวยไทย การประยุกตศ์ ิลปะป้องกันตัวต่อสู้แบ

ศลิ ปะการแสดงรว่ มสมัย

4 14.25-14.50 น. ดนตรสี รา้ งสรรค์ในระดบั ปริญญาตรี มหาวิทยาลัย

5 14.50-15.15 น. การศกึ ษาหมอนขวานหตั ถกรรมพนื้ บา้ นชาวอีสาน

อเนกประสงค์

6 15.15-15.40 น. การยศาสตรส์ มาธสิ ู่การออกแบบสมถกรรมฐาอาส

7 15.40-16.05 น. เฉลวสกู่ ารออกแบบทีน่ ง่ั ในพื้นทสี่ าธารณะ

ะดินเผากรนุ าดูน ผนู้ ำเสนอ ผู้วจิ ำรณ์บทควำม
กิตติกรณ์ บารุงบุญ
ยภาพกบั การกลายเป็นสินค้า ไทยโรจน์ พวงมณี รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษค์ า
ปา่ หนาด อ.ดร.กลุ จิต เสง็ นา

บบไทยผสมกับ ตรีธวฒั น์ มสี มศักด์ิ

ยราชภฏั อดุ รธานี ศภุ ชัย สุริยุทธ

นสูก่ ารออกแบบเบาะรองน่งั ฐิติรัตน์ หมื่นอนนั ต์

สนะ อานนท์ พรหมศิริ

ณัฐวุฒิ กิ่งตระการ

การประชมุ วิชาการระดับชาตพิ ้นื ถน่ิ โขง ชี มูล ราชภฏั อุดรธานี ครงั้ ท่ี 3 ก

สารบัญ

หนา้

“ไทบ้านเดอะซรี สี ์”: “ผู้บา่ วไทบา้ น” และทางเลือกความเป็นชายในอีสาน ........................1-18
สเุ มธ รกั ษ์จันทร์

“เมอื ง” กับ “ชนบท” และ “ความรู้สกึ ของคนใช้แรงงาน”: ในเพลงลูกทงุ่ อีสานรว่ มสมยั :
กรณศี กึ ษาผลงานเพลงของ ไมค์ ภิรมยพ์ ร....................................................................... 19-42

สมพงศ์ อาษากิจ

ภาษาไทยกับการครอบงาของอาณานคิ มสยามเหนอื มณฑลพายัพ
ในสมยั สมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์.......................................................................................... 43-68

ภิญญพันธุ์ พจนะลาวณั ย์

การลอ้ มปราบจากรฐั สูศ่ าสนา: จบั พระพมิ ลธรรมสึก มายาคตวิ า่ ดว้ ยความเป็นลาว
ความกา้ วหนา้ และคอมมิวนสิ ต์........................................................................................ 69-90

พระปลดั ระพนิ พทุ ธสิ าโร

โสร้ าลกึ : การฉวยใชอ้ ัตลักษณ์ทางชาตพิ ันธข์ุ องหนว่ ยงานรฐั ในงานประเพณี................ 91-108
ภรู ภิ ูมิ ชมพนู ุช / พสธุ า โกมลมาลย์

ความหลากหลายทีไ่ ม่หลากหลายของวาทกรรมการพฒั นาพ้ืนทห่ี นองหารสกลนคร ....109-130
ชาครติ ชาญชติ ปรชี า / จติ ติ กิตเิ ลศิ ไพศาล / พสุธา โกมลมาลย์ / ชัยมงคล โชติวัฒนตระกูล

พญานาค: เรอื่ งเลา่ พ้ืนถ่นิ จากลมุ่ น้าโขงสลู่ มุ่ น้ามลู และลมุ่ น้าสาขา..............................131-148
พงษ์เทพ บญุ กล้า

การเขยี นประวตั ิศาสตรท์ ้องถิน่ ชาตพิ ันธุ์ ในพืน้ ท่ีชมุ ชนภาคเหนือตอนล่าง
แบบมีส่วนรวม............................................................................................................. 149-178

วศนิ ปัญญาวธุ ตระกูล

ความสาคัญของช่องขา้ วสารในประวตั ิศาสตรล์ า้ นชา้ ง ................................................179-194
ธรี ะวฒั น์ แสนคา

ข ศนู ยก์ ารเรยี นรู้พุทธศลิ ปถ์ น่ิ อีสาน สานกั วิชาศกึ ษาทว่ั ไป มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี

สารบัญ

หนา้

โลกทศั น์วา่ ดว้ ยความเชือ่ เหนอื ธรรมชาตดิ ้ังเดมิ ของชาวเขมร
ใน “พระกรณุ าพระบาทสมเด็จพระสสี วุ ตั ถิ์พระเจา้ กรุงกัมพชู าธบิ ดี
พระราชดาเนนิ ไปกรงุ ฝร่ังเศสปีมะเมียอัฐศก ตรงกบั ปีครสิ ตศักราช 1906”.................195-214

กณั ฐาภรณ์ ทองขาว

เอกสารใบลานวัดกลางมง่ิ เมือง อาเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดรอ้ ยเอด็ :
การสารวจและศึกษาขอ้ มลู เบ้ืองต้น.............................................................................215-244

บุญชู ภศู รี

ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพทุ ธ และการเปลีย่ นศาสนาทป่ี รากฏในจารกึ เขมรโบราณ ....245-256
ทรงธรรม ปานสกณุ

พระครขู ห้ี อม ใยวา่ หอมแต่ฝ่ังขวา: วา่ ด้วยการเมืองในประวตั ศิ าสตรล์ าว-ไทย............257-266
สมฤทธิ์ ลือชยั

“ความรกั ของชนชนั้ กลางไทย” ในบทเพลงสุนทราภรณ์ พ.ศ.2482-2515 ..................267-292
บุญพทิ ักษ์ เสนบี รุ พทิศ

อทิ ธิพลจีนในอนภุ มู ิภาคลมุ่ แมน่ า้ โขง: ผลต่อภาคอสี าน ...............................................293-310
พิภู บุษบก

พฒั นาการและลกั ษณะชุมชนชายแดนรฐั จดั ต้งั บนพนื้ ทช่ี ายแดนไทย-กัมพชู า .............311-342
จตุพร ดอนโสม / พัชรนิ ทร์ ลาภานันท์ / รักชนก ชานาญมาก

ผู้ประกอบการไทยข้ามแดนในยคุ เสรนี ิยมใหม่..............................................................343-362
สภุ กาญจน์ แสนคา / รกั ชนก ชานาญมาก / พชั รนิ ทร์ ลาภานนั ท์

การเคล่อื นยา้ ยแรงงานข้ามชาตสิ ญั ชาติลาวและผลกระทบต่อสภาพสังคม
เศรษฐกิจ ในบรเิ วณพืน้ ท่ีอาเภอบา้ นโคก จงั หวัดอตุ รดิตถ์...........................................363-378

พุทธนิ ันทน์ บุญเรอื ง / เยาวเรศ แตงจวง

แรงงานกอ่ สรา้ งข้ามชาติกบั ความเปน็ ชายขอบในอุตสาหกรรมกอ่ สร้างไทย ................379-400
เบญจพร โคกแปะ / พัชรินทร์ ลาภานนั

การประชุมวิชาการระดับชาตพิ ืน้ ถน่ิ โขง ชี มูล ราชภฏั อดุ รธานี คร้ังท่ี 3 ค

สารบัญ

หน้า

การเปรียบเทียบอตั ราการขดู รีดระหว่าง “แรงงานเสรี” และ “แรงงานทาส”
ของแรงงานขา้ มชาติลาว.............................................................................................401-420

ศุภกฤต ปติ พิ ัฒน์ / สพุ จน์ สกุลแก้ว

การเตรยี มพรอ้ มขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินในจงั หวดั เพชรบรู ณ์
ตอ่ สภาวะโลกาภิวตั นท์ อ้ งถนิ่ ขา้ มท้องถ่ิน.....................................................................421-434

ธันยมยั รังสกิ รรพมุ / พชั ยา เลอื ดชัยพฤกษ์ / พสิ ษิ ฐกิ ลุ แก้วงาม

เพศวิถกี บั การคา้ มนุษย์................................................................................................435-446
ปยิ ลกั ษณ์ โพธวิ รรณ์

อปุ สรรคในการเข้าถงึ ความชว่ ยเหลือของผ้ทู ่ถี ูกกระทารุนแรงในครอบครวั .................447-464
ยศวดี นริ ารมย์

การเมอื งภาคพลเมือง สิ่งแวดล้อมและการพฒั นา: เร่ืองราวการมสี ่วนรว่ ม
ของสตรอี สี าน..............................................................................................................465-492

ฐิตพิ ร ศิริพันธ์ พนั ธเสน

บทกลอนขบั ลากบั การจัดการความขดั แยง้ ในชมุ ชนผา่ นพธิ กี รรมการเหยา
ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ ผไู้ ทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ประเทศไทย...............................493-512

เกรียงไกร ผาสุตะ

การประชุมวชิ าการระดบั ชาตพิ ื้นถิน่ โขง ชี มลู ราชภฏั อดุ รธานี ครง้ั ท่ี 3

การล้อมปราบจากรัฐส่ศู าสนา“ถ:อดจรอื้ับพพรมรแดะนพควมิามลรู้”ธ: ครวรามมท้าสทกึายขมองาสหยวาทิ ยคากตาริวในา่ กดาร้วพัฒยนคาทวอ้ างถมนิ่ เโขปง น็ชี มลูลาว
ความกา้ วหน้า และคอมมิวนิสต์

A State Crackdown on Religions: Arresting Ven. Phrapimoladhamma
to Defrock, Mythology of Lao Status, Progress and Communism

พระปลดั ระพนิ พุทธสิ าโร1 / Phra Palad Raphin Buddhisaro

บทคดั ยอ่

บทความนี้มีวตั ถุประสงค์ ศึกษาเหตกุ ารณ์และแนวคิดสู่การล้อมปราบจากรัฐสศู่ าสนาในการ
จับพระพิมลธรรมสึก: มายาคติว่าด้วยความเป็นลาว ก้าวหน้า และคอมมิวนิสต์ ใช้วิธีการศึกษาจาก
เอกสารและงานวจิ ยั พรอ้ มวิเคราะหเ์ รียบเรยี งเป็นบทความทางวิชาการ

ผลการศกึ ษาพบวา่ การจบั พระพมิ ลธรรม (อาจ อาสภเถร) สกึ เมือ่ 22 เมษายน 2505 ด้วยข้อ
กล่าวหาอันเป็นคอมมิวนิสต์ และจับสึกด้วยข้อกล่าวหาพฤติกรรมทางเพศ “เสพเมถุนทางเวจมรรค”
พรอ้ มจองจาเปน็ เวลากวา่ 5 ปี ซ่ึงในขอ้ เท็จจริงทั้งหมดเป็นเพียงขอ้ กลา่ วหา และการลอ้ มปราบโดยรฐั
จนกระทงั่ ศาลยกฟอ้ ง ปลอ่ ยตวั โดยไม่มีความผดิ เมอื่ พ.ศ.2509 กลบั คืนความเปน็ พระ พร้อมเรียกรอ้ ง
สมณศักด์อิ ันไม่พึงสญู เสียรวมเวลา 21 ปี (พ.ศ.2505 - 2524) มายาคติวา่ ด้วยเร่ืองความเปน็ ลาว ความ
ทันสมัย คอมมิวนิสต์ และวิสัยทัศน์ในศาสนา เป็นเหตุนาไปสู่การกล่าวหา พร้อมล้อมปราบจากรัฐสู่
ศาสนาด้วยกลไกทางกฎหมาย และอานาจแห่งรฐั ในรปู แบบการเมืองพิเศษในช่วงเวลาดงั กลา่ ว

คาสาคญั : พระพิมลธรรม, มายาคติ, รัฐกบั ศาสนา, คอมมิวนสิ ต์

1 อาจารย์ประจาคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั [69]

ศนู ยก์ ารเรียนรพู้ ทุ ธศิลป์ถ่ินอีสาน สานกั วชิ าศึกษาทว่ั ไป มหาวิทยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี

การล้อมปราบจากรฐั สศู่ าสนา:
จบั พระพมิ ลธรรมสกึ มายาคติวา่ ดว้ ยความเปน็ ลาว ความก้าวหน้า และคอมมิวนสิ ต์

Abstract

This article aimed to study incidents and notions of state crackdowns on religions,
arresting Ven. Phrapimoladhamma to defrock, mythology of Lao status, progress and
communism. Reviewing related document and literature was used for data collection. Data
acquired were analyzed and compiled as academic article.

The findings found that Ven. Phrapimoladhamma (Ajarn Arsaphathera) was
disfrocked on 22nd April 1962 with allegations of communism and having anal sexual
intercourse. This caused him to be imprisoned for five years. However, when the allegations
had been proved, he was found innocent, resulting in the court’s dismissing and freeing him
in 1966. After freeing, he returned to a status of monks and claimed for his 21 years-lost
monk rank. Mythology of Lao status, modernity, communism, and religious vision gave rise
to allegations, a state crackdown on religions via legal mechanisms and also state power
through a special political form at that time.
Keywords: Ven. Phrapimoladhamma, Mythology, State and Religions, Communism

[70] พระปลดั ระพนิ พุทธิสาโร

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติพื้นถ่นิ โขง ชี มูล ราชภัฏอุดรธานี ครง้ั ที่ 3
“ถอดร้อื พรมแดนความรู้”: ความท้าทายของสหวทิ ยาการในการพฒั นาท้องถิน่ โขง ชี มูล

บทนา
ประเด็นการจับพระสึก ถอดสมณศักด์ิกลายเป็นประเด็นทางศาสนา และการเมืองในชว่ งการ

เปลี่ยนผ่านและการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาอีกครั้งหนึ่งในพุทธศักราช 2561 แต่ก่อนหน้าน้ีก็มี
ประเด็นเรื่องพระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ) เป็นกรณีตัวอย่างในเหตุการณ์ล้อมปราบจากกลไกของรัฐสู่
ศาสนา ที่มีนัยยะของการควบคุม ผสมรวมกับเหตุการณ์ทางการเมือง แนวคิดความเป็นอ่ืน
(Otherness) ความเปน็ ลาวอีสานแม้ประเด็นนจี้ ะไมม่ ีหลักฐานยนื ยันโดยตรง แต่สานกึ ทางชาติพันธุ์พื้น
ถิ่น ก็เป็นประเด็นหน่ึงต่อการให้ปกครองและไม่ยอมถูกปกครอง การไม่ยอมถูกปกครองของคณะสงฆ์
ด้วยกันเองในเชิงชาติพันธุ์และนิกาย รวมไปถึงความโดดเด่นของพระพิมลธรรม ในบทบาทพระสงฆ์
นักพัฒนา พระสงฆ์หัวก้าวหน้าท่ีสนับสนุนการจัดการศึกษาในแบบสมัยใหม่ และส่งพระภิกษุสงฆ์ไป
ยังนานาประเทศเพื่อศึกษาประหนึ่งเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการศึกษาคณะสงฆ์ รวมไปถึงการนา
กรรมฐานและอภิธรรมแบบพม่ามาเผยแผ่ในประเทศไทย เหล่าน้ีนับเป็นความก้าวหน้าทางการบริหาร
และการจัดการ รวมไปถึงการอนุญาตให้ผู้ฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ได้บวช นับเป็นจุดแตกหักร่วมใน
ประเด็นความขัดกันทางการบริหารกิจการคณะสงฆ์ ที่ในขณะนั้นมีสถานะความขัดกันภายใต้อารมณ์
ของความ “อิจฉา” จนกระทั่งนาไปสู่การใช้กลไกพิเศษทางการเมืองและรัฐทหาร ในยุคจอมพลสฤษดิ์
ธนะรัชต์ (พ.ศ.2502 - 2506) มาเป็นเคร่ืองมือในการล้อมปราบ จนส่งผลให้มีการจับพระและบังคบั ให้
สึกภายใต้ความผิดอันเป็นอาบัติหนักในทางพระพุทธศาสนา อาจเรียกว่าต้องโทษประหารชีวิตใน
สถานะนกั บวชตามพระธรรมวนิ ยั การจับกุมคุมขังในฐานะนักโทษคดีอาญา การถอดยศสมณศักด์ิด้วย
แนวคดิ วา่ “พระพิมลธรรม” มีพฤติกรรมอนั เป็นภยั ต่อแผน่ ดนิ รวมทง้ั ให้มีการยกเลิกสมณศกั ดท์ิ ี่พระ
พิมลธรรม ดว้ ยเหตุผลวา่ เป็นสมณศักดน์ิ ท้ี ่เี คยคิดรา้ ยตอ่ แผน่ ดินนบั แต่ครง้ั กรงุ ศรีอยธุ ยา การถอดจาก
ตาแหน่งเจ้าอาวาส ท้ังหมดเกิดข้ึนภายใต้การจัดวางให้เป็นไปตามกลไกที่กาหนดไว้ โดยสาระเกิดขึ้น
ภายใตแ้ นวคิดความเป็นอื่น ความเปน็ ลาว ความกา้ วหนา้ สู่ความทันสมัย ย่อมเป็นนยั ยะประเด็นหลัก
ของกลุ่มอนรุ กั ษน์ ยิ มทางคณะสงฆแ์ ละเป็นเหตุนาไปสูก่ ารต่อต้านท้งั ทางลบั และเปดิ เผย การยอมไมไ่ ด้
จึงเกิดข้ึน การทาให้เป็นคอมมิวนิสต์ ที่เป็นกระแสทางการเมืองโลกในเวลาน้ัน จึงเป็นทางออกและ
วิธีการ สู่การล้อมปราบและจับสึกพระพิมลธรรมในช่วงเวลาต่อมา พร้อมจับกุมคุมขังกว่า 5 ปีใน
“สันติปาลาราม” ซ่ึงในบทความนี้จะได้นาแนวคิดรัฐกับศาสนา รวมไปถึงแนวคิดความเป็นอ่ืน ความ
ทันสมัย และคอมมิวนิสต์มาเป็นกรอบในการวิพากษ์สะท้อนภาพในอดีตร่วมกับภาพในปัจจุบันต่อ
ประเดน็ ของรัฐและศาสนาในสงั คมไทย

ศนู ย์การเรยี นรู้พทุ ธศิลปถ์ ิน่ อีสาน สานกั วชิ าศกึ ษาทว่ั ไป มหาวิทยาลัยราชภฏั อดุ รธานี [71]

การลอ้ มปราบจากรฐั ส่ศู าสนา:
จับพระพิมลธรรมสึก มายาคตวิ ่าด้วยความเปน็ ลาว ความกา้ วหนา้ และคอมมิวนิสต์

รฐั กับศาสนากลไกร่วมในเชงิ รัฐกบั ศาสนาปรากฏเป็นกลไกรว่ มระหว่างกนั
ดังปรากฏในงาน “รัฐกับศาสนา: ศีลธรรม อานาจ และอิสรภาพ” (2561) ของสุรพศ

ทวีศักด์ิ พิมพ์เผยแผ่ในช่วงต้นปี 2561 งานของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เรื่อง “รัฐกับ
พระพุทธศาสนาถึงเวลาชาระล้างหรือยัง” (2525) หรือในงาน “รัฐกับศาสนา: บทความว่าด้วย
อาณาจักร ศาสนจักร และเสรีภาพ” ของพิพัฒน์ พสุธารชาติ (2010) หรือนักคิดอย่างท่านพุทธทาส
(พ.ศ.2449 - 2536) ที่ถูกตีความว่า “เป็นความคิดแบบประเพณีนิยมที่สนับสนุนคติการปกครองของ
ไทย” (วันพัฒน์ ยงั มีวิทยา, 2017: 181 - 224) รวมถึง นธิ ิ เอียวศรวี งศ์ รฐั ควบคุมศาสนา “การที่รัฐไป
สร้างให้คณะสงฆ์กลายเป็นองคก์ รอันหน่ึงอันเดียวกันน้ี ทาให้รัฐเองก็ระแวงภยั อานาจขององคก์ ร
คณะสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นรัฐสมบรู ณาญาสิทธริ าชย์หรือหลังจากนน้ั รฐั จงึ ตอ้ งกากบั องค์กรสงฆ์อย่าง
ใกล้ชิด เพราะพระสงฆไ์ ด้รบั ความเคารพศรัทธาอย่างสูงจากประชาชนทั่วไป เมื่อกลายเป็นองคก์ ร
ขน้ึ มา หากเปน็ อสิ ระกอ็ าจขัดขวางอานาจรัฐได้มาก” (นิธิ เอยี วศรวี งศ์, Online: 9 มถิ นุ ายน 2018)
ดังนน้ั สาระโดยรวม จงึ เป็นเร่อื งว่าดว้ ยรัฐกบั ศาสนาในมิตทิ ่ีหลากหลาย เป็นความสัมพนั ธ์ต่อกนั ภายใต้
กลไก และการจัดการอยา่ งเปน็ ระบบ

ดังแนวคิดของ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ในเรื่อง “รัฐกับพระพุทธศาสนาถงึ เวลาชาระ
ล้างหรือยัง” โดยท่านยกหลักฐานในพระพุทธศาสนามาอธิบายไวว้ ่า "อปริหานิยธรรม...ข้อท่ี 7 พูดถึง
หน้าที่ของรฐั ว่า จัดให้ความอารักขาค้มุ ครองป้องกนั อนั ชอบธรรมแก่พระอรหนั ต์ท้ังหลาย โดยตัง้ ใจว่า
ขอพระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังมิได้มาพึงมาสู่แว่นแคว้นที่มาแล้วพึงอยู่ในแว่นแคว้นโดยผาสุก" อันเป็น
หลักที่พระพุทธเจา้ ตรัสแสดงแก่เจ้าลิจฉวีแห่งแควน้ วัชชี....หรือในจักรวรรดิวัตรก็จะมีข้อธรรมทแี่ สดง
ถึงหน้าที่ของผู้ครองแผ่นดินที่จะพึงปฏิบัติเกี่ยวกับทางศาสนา คือ การจัดการรักษาคุ้มครองป้องกัน
โดยชอบธรรมแก่สมณพราหมณ์ทั้งหลาย และในข้อสุดท้ายก็จะมีว่า "สมณพราหมณ์ปริปุจฉา"
หมายถึง การไปปรกึ ษาสอบถามปัญหาสมณพราหมณ์ที่ประพฤตดิ ีปฏิบตั ิชอบ...แล้วประพฤติปฏบิ ัตใิ ห้
ถูกต้อง..." (พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโฺ ต), 2525: 2 - 3) ซ่ึงท่านกเ็ สนอทศั นะว่าโดยความสมั พันธข์ องรัฐ
จาแนกเป็น 2 อย่าง คือรัฐจะพึงปฏิบัติใน 2 ส่วน คือ การอุปถัมภ์บารุงคุ้มครอง หรือปรึกษาสดับฟัง
ธรรมนาเอาธรรมมาใชป้ ฏิบัติ (พระธรรมปฎิ ก (ป.อ.ปยุตโฺ ต), 2525: 3) ในความหมายคอื ใหก้ ารอุปถัมภ์
สนับสนุนภายใต้รัฐท่ีต้องดูแลองค์รวมแหง่ รัฐ ซ่ึงหมายถึงศาสนาด้วย หลังจากน้นั “ธรรมรฐั ” จะเปน็
องค์ประกอบท่ีต้องเกี่ยวเนื่องผู้ปกครองให้ต้องมีคุณธรรม หรือศึกษาความรู้จากศาสนาแล้วนา
หลักธรรม ไปปกครองรัฐ ซึ่งสองแนวทางนี้เป็นแนวคิดที่ปรากฏในงานท่ีพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต)
ท่านได้ทาการศึกษาไว้ ในส่วนข้อมูลของ พิพัฒน์ พสุธารชาติ (2010) ในงานเร่ือง “รัฐกับศาสนา:
บทความวา่ ด้วยอาณาจักร ศาสนจกั ร และเสรภี าพ” ได้เสนอทศั นะแนวคิดไวว้ า่

[72] พระปลัดระพิน พทุ ธสิ าโร

การประชุมวชิ าการระดับชาตพิ น้ื ถิ่นโขง ชี มลู ราชภฏั อดุ รธานี คร้งั ที่ 3
“ถอดรอ้ื พรมแดนความรู้”: ความทา้ ทายของสหวทิ ยาการในการพัฒนาทอ้ งถ่ินโขง ชี มลู

“...สังคมไทยโบราณ (หมายถึงตัง้ แตส่ งั คมสโุ ขทัย อยุธยา ธนบุรี จนถึงรัตนโกสนิ ทรต์ อนตน้ ) ยัง
ผูกพันอยู่กับความเช่ือทางพระพุทธศาสนาท่ีอยู่ในหนังสือไตรภูมิซ่ึงมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ความเช่ือท่ี
สาคัญในหนงั สอื เลม่ นีไ้ ด้แก่ความเช่ือเร่อื งจักรวาลวิทยาแบบไตรภูมิอนั เปน็ ความเช่ือในเรอ่ื งรฐั ท่ปี ราศจาก
อาณาเขตทชี่ ัดเจนแนน่ อน พระมหากษัตรยิ ท์ รงเปรียบเสมอื นพระโพธสิ ัตว์ซึง่ สั่งสมบญุ บารมมี ามากมายใน
อดีตชาติ อานาจในการปกครองดนิ แดนตา่ ง ๆ จึงเปรียบเสมอื นกับการเผยแผพ่ ระบรมโพธิสมภารของพระ
โพธิสัตว์ จึงทาใหเ้ กิดความเชื่อว่าพระราชอานาจของพระมหากษตั รยิ จ์ ะปกคลมุ แพร่ไพศาลออกไปท่วั พระ
ราชอาณาจกั รโดยไม่มขี อบเขต...” (พิพัฒน์ พสุธารชาติ, 2010: 145) หรือ

“....การปกครองของทางสวุ รรณภูมหิ รือสยามน้ันเป็นสิ่งที่ได้รบั อิทธิพลพระพุทธศาสนาเถรวาท
กษัตริย์หาได้เป็นอวตารของเทวราชไม่ หากเป็นพระมหาสมมติราช คือ บุคคลผู้ทรงคุณธรรม จนเป็นท่ี
ยอมรับของคนท่ัวไปแลว้ ยกย่องขนึ้ มาเป็นกษตั ริย์ ระบบและรปู แบบ เช่นน้ีมีใหเ้ หน็ ชัดเจนในกฏหมายตรา
สามดวง อันเป็นกฏหมายปกครองราชอาณาจักครงั้ กรุงศรอี ยุธยา ผู้ที่เป็นแบบฉบับของพระสมมตริ าชก็คอื
พระโพธิสัตว์ในทศชาติชาดก โดยเฉพาะพระมหาเวสสันดรซึง่ เปน็ พระโพธิสัตว์ในพระชาตสิ ดุ ทา้ ยก่อนที่จะ
บังเกดิ เปน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ (ในขณะทศี่ าสนาฮนิ ดูและพุทธมหายานท่เี ป็นศาสนาหลักของกัมพูชา ทา
ใหก้ ษัตริยเ์ ปน็ แบบเทวราช ทีเ่ ช่ือว่าพระมหากษตั ริยเ์ ป็นอวตารหรือเชอ้ื สายของพระเจา้ ) ความตา่ งกันของ
เทวราชกับสมมติราชก็คือ ฝ่ายแรกเป็นเร่อื งของเทพ ขณะทฝ่ี า่ ยหลงั คอื มนษุ ย์ที่บาเพ็ญบารมีและประพฤติ
ธรรมท่สี ะสมบารมีมาชา้ นาน หัวใจของพระสมมตริ าชก็คือ การใหห้ รอื ทานบารมี ดังเช่นพระมหาเวสสันดร
...” (พพิ ัฒน์ พสธุ ารชาติ, 2010: 148., ศรศี ักด์ิ วลั ลิโภดม, 2544: 39 - 48)

หากนาแนวคิดของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) และพิพัฒน์ พสุธารชาติ เกี่ยวกับรัฐ จะ
พบว่าท้งั สองทา่ นมองคลา้ ยกันในเรอื่ ง “ศาสนา” ในฐานะเป็นกลไกแห่งรัฐ และรฐั กใ็ หก้ าร “อปุ ถมั ภ์”
เป็นการตอบต่างภายใต้กลไกแห่งรัฐ ดังนั้นจึงเห็นได้วา่ รฐั กับศาสนาเป็นกลไกขับเคลอื่ นร่วมกันในเชงิ
ศีลธรรม การส่งต่อเจตนารมณ์แห่งรัฐไปสู่สังคม และมวลชนในนามรัฐเป็นสิ่งท่ีเกิดข้ึนไปพร้อมกัน
นอกจากน้ีในหนังสือ ศัตรูแห่งรัฐ: Enemy of State (2010) เขียนโดย S.S. Anacamee (เอส.เอส.
อนาคามี) ไดน้ าเสนอแนวคดิ “มิตรและศัตรู” ทเี่ ปน็ ความสมั พันธร์ ะหว่างบุคคล กลมุ่ บุคคล ระดับรฐั
ระหว่างรัฐ โดยหนังสือได้นาเสนอแนวคิดไว้ในบทที่ 4 ว่าด้วยสาเหตุของการก่อกบฏภายในรัฐ หรือผู้
ต่อต้าน รวมไปถึงในบทที่ 6 การล้อมปราบ และจบด้วยการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา การก่อ
กบฏ หรอื ต่อตา้ นอานาจรัฐ” หากเทียบเคยี งแนวคดิ ที่ยกมาจะเป็นปรากฏการณ์ทางศาสนา ในบทของ
การให้การอุปถัมภ์ การนาหลักการไปประยุกต์ใช้ การล้อมปราบต่อผู้ต่อต้าน แข็งขืน ไม่สยบยอมรัฐ
เปน็ เรือ่ งปกตใิ นรัฐแตล่ ะรฐั แต่ละสมัยในโลกน้ี หากนามารวมกนั กบั แนวคดิ ของอีกหลายๆ ทา่ นจะทา

ศนู ย์การเรยี นรพู้ ุทธศลิ ป์ถน่ิ อีสาน สานักวชิ าศกึ ษาทวั่ ไป มหาวิทยาลัยราชภฏั อดุ รธานี [73]

การลอ้ มปราบจากรฐั สศู่ าสนา:
จบั พระพิมลธรรมสกึ มายาคติวา่ ด้วยความเป็นลาว ความก้าวหน้า และคอมมวิ นิสต์

ใหเ้ ห็นชดั เจนวา่ อย่างไรเสยี ความเปน็ รฐั ความเกาะเกี่ยวระหว่างรฐั กับศาสนานัยหนงึ่ มบี ทบาท หน้าที่
ร่วมกัน ในเชิงสังคม และศีลธรรมแห่งรัฐ จะแยกกันไม่ได้ แต่อีกนัยหนึ่งศาสนากับรัฐ มีมิติและ
เป้าประสงค์เชิงอุดมคติแตกต่างกัน ท้ังแนวคิดในเร่ืองเสรีภาพทางศาสนา ซึ่งหมายถึงเสรีภาพทางจติ
วิญญาณเพ่ือการเข้าไปสู่เป้าหมายสูงสุดของศาสนา ส่วนเป้าหมายเชิงสังคมในฐานะพลเมืองแห่งรัฐ
การจัดการให้เกิดความเสมอภาค สมดุล เท่าเทียมยุติธรรม ภายใต้กลไกแห่งรัฐเป็นภาระหลัก ดังนั้น
มติ แิ ห่งรฐั และอดุ มคตทิ างศาสนาจงึ มคี วามแตกตา่ ง ขอ้ เสนอใหร้ ฐั และศาสนาพงึ แยกจากกนั จงึ เป็นสิ่ง
ทีม่ าพรอ้ มกับแนวคดิ ร่วมน้ี

รวมไปถึงแนวคิดที่ปรากฏของของสรุ พศ ทวีศักดิ์ ที่ปรากฏในงานเขียนเรื่อง “รัฐกับศาสนา:
ศีลธรรม อานาจ และอสิ รภาพ” ทีเ่ สนอแนวคิดถงึ รฐั กับศาสนาไวว้ า่

“...ความขัดกันของรัฐตอ่ กลมุ่ องคก์ รทางศาสนา กระบวนการล้อมปราบ และการดาเนินกิจกรรม
ทางการเมอื งภายใต้กลมุ่ ก้อนทางศาสนากลายเปน็ กลไกรว่ มของการดาเนินการท่สี ะท้อนให้เห็นวา่ ชาวบา้ น
จะนบั ถือผี พราหมณ์ สงิ่ ศกั ด์ิสิทธ์ิ งมงายอะไรตอ่ อะไรในเรอ่ื งทไี่ มใ่ ชพ่ ทุ ธศาสนา มันเป็นเรอ่ื งความเชือ่ สว่ น
บุคคลครับ เป็นเสรีภาพท่ีแต่ละคนจะเลอื กเชื่อ ตราบท่ีไม่ละเมิดสิทธิใคร แทนที่นักบวช หรือชาวพุทธจะ
อ้างหลักพุทธศาสนาไปตัดสินความเชื่ออ่ืนว่างมงาย ควรมาตงั้ คาถามกับพุทธพาณชิ ย์ท่ีระบาดอย่ใู นวงการ
พุทธเอง ต้ังคาถามกับปัญหาทุจริตเงินทอนวัด ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับศาสนาท่ีทาให้พุทธ
ศาสนาถกู ใชเ้ ปน็ เคร่อื งมอื ของรัฐ พรอ้ มๆกับมอี ภสิ ทิ ธิ์เอาอานาจสาธารณะ(กฎหมาย)และภาษีประชาชนมา
ใช้ปกป้อง อุปถัมภ์ส่งเสริมการเผยแผ่ความเชื่อทางศาสนาของคนเฉพาะกลุ่ม ซ่ึงขัดกับหลักเสรีภาพและ
ความเสมอภาคทางศาสนาจะไม่มีประโยชนก์ ว่าหรอื ...” (สรุ พศ ทวีศักดิ์, Online, 3 มถิ นุ ายน 2018)

หรือสะท้อนแนวคิดในเร่ืองศาสนาถูกนามาอธิบายสนับสนุนความเป็นรัฐ ภายใต้แนวคิดรัฐ
กับศาสนาเกอ้ื กลู กนั ที่ว่า

“...คาสอนพุทธในพระไตรปิฏก (เช่น จักกวัตติสูตร,มหาสุทัสสนสูตร,มหาปรินิพพานสูตร เป็น
ตน้ ) ทถี่ ือว่ามี “ธรรมราชา” เหนือกวา่ ราชาท้งั ปวง 2 ประเภท คอื “พุทธธรรมราชา” กบั “จกั รพรรดธิ รรม
ราชา” ธรรมราชาทัง้ สอง “ต่างเกิดมาและดารงอยู่เพื่อความประโยชนส์ ุขของมหาชน”...” (สุรพศ ทวีศกั ด์ิ,
2561: น. 58) หรือ

“...พทุ ธศาสนามีคาสอนเกย่ี วกบั สงั คม การเมอื งและผปู้ กครองในอดุ มคติ ราวกบั อดุ มคตใิ นแบบ
ยูโทเปีย เช่น ในจักกวัตติสตู ร (ไตรปฏิ กเลม่ 11) วาดภาพสังคมการเมอื งในอุดมคตวิ ่า ถ้าผู้ปกครองทาการ
ปกครองโดยธรรมยอ่ มส่งผลใหผ้ ใู้ ต้ปกครองมีศลี ธรรม ในยุคท่ผี ูป้ กครองและราษฎรมศี ีลธรรมอย่างสมบรู ณ์
บ้านเมืองย่อมสงบสุขอุดมสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง จะมีพุทธะนามว่าศรีอาริยเมตไตรย์บังเกิดข้ึน ในส่วน

[74] พระปลัดระพิน พุทธิสาโร

การประชมุ วิชาการระดับชาตพิ น้ื ถนิ่ โขง ชี มลู ราชภัฏอดุ รธานี ครัง้ ท่ี 3
“ถอดรือ้ พรมแดนความรู้”: ความท้าทายของสหวิทยาการในการพฒั นาทอ้ งถ่นิ โขง ชี มลู

คุณธรรมผูป้ กครอง เช่น ทศพิธราชธรรม ราชสังคหวัตถุ จักรวรรดิวัตร ก็ถือเป็นคุณธรรมของผู้ปกครองใน
อุดมคติทเี่ รยี กว่า “ธรรมราชา”...” (สรุ พศ ทวศี ักดิ์, 2561: น. 74)

ในงานของ ธีระพงษ์ มีไธสง (2017) ในเรื่อง “พระสงฆ์กับองค์เจ้าในการปฏิรูปหัวเมือง
อีสานผ่านกลไกอานาจรัฐ” ที่ทาการศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของพระสงฆ์ธรรมยุติกนิกายกับ
พระมหากษัตริย์ในการขับเคลื่อนงานการปฏิรูปหัวเมืองอีสานผ่านการใช้กลไกอานาจรัฐในระบบสม
บรู ณาญาสิทธิราช ที่ผลการศกึ ษาพบวา่

“......บทบาทคณะสงฆ์ธรรมยุตอีสานซ่ึงถือกาเนิดจากพระวชิรญาณภิกขุ ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3
เมื่อพระวชิรญาณภิกขุทรงลาผนวช ข้ึนครองราชยเ์ ปน็ รัชกาลที่ 4 พระองค์ไดส้ ร้างแนวร่วมด้วยการดงึ เอา
กลุ่มพระสงฆธ์ รรมยุตอีสานเข้าร่วมขับเคลอ่ื นนโยบายรฐั เพ่ือปฏริ ปู หัวเมืองอีสานให้เป็นไทยผา่ นบทบาทท่ี
โดดเดน่ 4 ดา้ น คอื 1) ด้านการศึกษา 2) ด้านศาสนา 3) ดา้ นสงั คมสงเคราะห์ 4) ด้านการเปลย่ี นแปลงสงั คม
อีสาน แม้บทบาทท้งั 4 ด้านจะได้รับการสนับสนุนจากรฐั ชาติ (กษัตริย)์ ท้ังงบประมาณและอานาจ แตก่ าร
เคล่ือนไหวของพระสงฆ์ธรรมยุตอีสานเพื่อปฏิรูปทางสังคมและความเช่ือชาวอีสาน ก็เป็นประเด็นนาไปสู่
ความขัดแย้งระหว่างพระสงฆ์ธรรมยุตอีสานกบั ชุมชนและพระสงฆ์ในท้องถ่ิน ภายใต้กลไกอานาจรฐั ชาติท่ี
สถาปนาเหนือพ้ืนท่ีอีสานทาให้พระสงฆ์ท้องถิ่นอีสานจาเป็นต้องปรับตัวและสร้างอัตลักษณ์ใหม่ภายใต้
บริบทรัฐชาติ โดยการทาให้วัดกลายเป็นสถานท่ีราชการและพระสงฆ์ที่เป็นพระสังฆาธิการกลายเป็น
เจ้าหน้าท่ีของรัฐในฐานะเป็นข้าราชการ ในขณะท่ีการปฏิรูปหัวเมืองอีสานภายใต้การทางานของพระสงฆ์
ธรรมยุตอีสานร่วมกับกษัตริย์ได้สถาปนาอานาจรัฐเหนือดินแดนอีสานด้วยบทบาทของพระสงฆ์ธรรมยุต
อีสาน ทาใหช้ ุมชนอสี านถูกปรับโฉมหน้าใหมใ่ หเ้ ชื่อมโยงท้องถิ่นอสี านเข้ารวมศูนย์สู่อานาจรฐั ส่วนกลางใน
วาทกรรมการพัฒนาแบบสมัยใหม่ ดังน้ันรัฐกับศาสนาภายใต้การปฏิรูปหัวเมืองได้ทาให้ศาสนาเป็นกลไก
หนึ่งของรัฐ ผ่านการควบรวมปฏิรูปและส่งผลต่อเน่ืองมาสู่รัฐหลังสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่มีศาสนาเป็น
เคร่ืองมือและกลไกของรัฐท่ีมิอาจแข็งขืนได้ โดยมีวัดปทุมวนาราม ที่ตั้งอยู่ในชุมชนชาวลาวเป็นศูนยก์ ลาง
ในการปกครองคณะสงฆอ์ ีกสานนบั แต่อดตี อนั เปน็ สัญลักษณ์การควบรวมระหว่างรฐั กบั ศาสนา….”

ดงั นัน้ เมอ่ื ประมวลรวมแนวคิดทีป่ รากฏเกีย่ วกบั รัฐและศาสนา ยอ่ มเปน็ เครอื่ งยืนยนั ไดว้ า่ ใน
ความเป็นรัฐกับศาสนาเป็นเคร่ืองค้ายันประคองกันและกันที่นัยหนึ่งเป็นกลไกร่วม อีกนัยหนึ่งเป็น
เครอ่ื งมอื เพือ่ การสนับสนุนโดยพุทธศาสนาในประเทศไทย มีลักษณะของการค้ายันรฐั ดว้ ยหลักธรรมคา
สอน และสอนใหม้ วลชนศาสนิกเห็นตามหลักการทางพระพุทธศาสนาดังปรากฏในเรื่องของการส่ือสาร
สาธารณะว่าด้วย “ธรรมราชา - ทศพิธราชธรรม” ที่เป็นธรรมในการค้าประคองใหเ้ กิดการขับเคล่อื น

ศูนยก์ ารเรยี นรู้พุทธศลิ ปถ์ น่ิ อีสาน สานกั วิชาศึกษาท่วั ไป มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี [75]

การลอ้ มปราบจากรฐั สู่ศาสนา:
จบั พระพมิ ลธรรมสกึ มายาคตวิ ่าดว้ ยความเปน็ ลาว ความกา้ วหนา้ และคอมมิวนสิ ต์

ระหว่างรัฐกับศาสนาโดยตรง แต่ในเวลาเดียวกันเมื่อเกิดการขัดกันระหวา่ งรัฐกับศาสนา กระบวนการ
ลอ้ มปราบจะเกดิ ขนึ้ ดงั ปรากฏเปน็ ขอ้ เทจ็ จริงในประวัติศาสตร์ทต่ี า่ งช่วงเวลากนั

ภาพท่ี 1 ภาพหนังสือ ผจญมาร: บันทึกชีวิต 5 ปี ใน
ห้องขังของพระพิมลธรรม (อาสภมหาเถร) ที่สานักงาน
กลาง กองการวิปัสสนาธุระ วัดมหาธาตุ ได้จัดพิมพ์เผย
แผใ่ น ปี 2530 เพอ่ื สะทอ้ นชวี ิตของพระพิมลธรรม (อาจ
อาสภะ, 2446 - 2532) ที่บันทึกเล่าเร่ืองสะท้อนคิดต่อ
อัตชีวะประวตั ิของทา่ นเอง (ภาพ: ออนไลน์)

รฐั กับความเป็นพระพมิ ลธรรม (อาจ อาสภะ)
กระบวนการล้อมปราบโดยรัฐ ที่เกิดขึ้นในช่วงท่ีพระพิมลธรม ในวัยท่ีกาลังรุ่งเรืองในการ

ทางานเพื่อพัฒนาพระพุทธศาสนา และสะท้อนถึงความเป็นพระภิกษุหัวก้าวหน้า ที่ปรากฏในเอกสาร
ทางประวัติศาสตร์หลายแหล่ง ท้ังในบันทึกชีวิตเรื่อง “ผจญมาร: บันทึกชีวิต 5 ปี ในห้องขังของพระ
พิมลธรรม (อาสภมหาเถร)” (พระพิมลธรรม, 2530) ที่พระพิมลธรรมบันทึกเล่าไว้ ภายหลังจากท่ี
ออกมาจากการถูกจองจาที่คกุ สนั ตบิ าลกวา่ 5 ปี แลว้ ซ่งึ อาจประมวลวิเคราะห์ไดถ้ งึ ผลจากการกระทา
ที่ปรากฏมาในคร้ังอดีตต่อกระบวนการล้อมปราบ จับสึก ควบคุม และคุมขังท่าน หรือในงาน “70 ปี
พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2484 ฉบับประชาธิปไตยฯ ตอนที่ 2 มรณกรรมใต้ตีนเผด็จการ” (ภิญญพันธ์ุ พจนะ
ลาวัณย์, 2011) และในงานศึกษาเรื่อง “การปกครองคณะสงฆ์ไทย” (แสดง อุดมศรี, 2533) รวมไปถึง
ในงานเรื่อง “มหานิกาย - ธรรมยุติ ความขัดแย้งภายในของคณะสงฆ์ไทย กับการส้องเสพอานาจ
ปกครองระหว่างฝา่ ยอาณาจักรกบั ศาสนาจกั ร” (กระจ่าง นนั ทโพธิ, 2528) ซึ่งสามารถนามาวเิ คราะห์
ประมวลรวมได้วา่

[76] พระปลัดระพิน พุทธิสาโร

การประชุมวิชาการระดบั ชาติพ้ืนถน่ิ โขง ชี มลู ราชภฏั อดุ รธานี ครั้งที่ 3
“ถอดรือ้ พรมแดนความรู้”: ความทา้ ทายของสหวิทยาการในการพฒั นาทอ้ งถิ่นโขง ชี มูล

1) ความเปน็ คนอีสาน คนลาว ในพระพมิ ลธรรม
ลาวปกครองคนภาคกลาง ดังน้ันความเป็น “ลาว” ในสานึกของคนภาคกลาง ภายใต้แนวคิด
“ความเป็นอื่น - Otherness” เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ การที่พระพิมลธรรม ซ่ึงมีพ้ืนถิ่นกาเนิดในจังหวัด
ขอนแก่น เป็นพระภิกษุหัวก้าวหน้า พระสงฆ์นักพัฒนาด้านการจัดการศึกษา ผ่านมหาวิทยาลัยสงฆ์
“มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย” นัยหน่ึงเป็นความก้าวหน้า นัยหนึ่งเป็นความ “ตระหนก” ของชน
ชั้นปกครองในฝ่ายพระสงฆ์ด้วยกันวา่ เป็นการคุกคาม เป็นการเสยี หน้าที่พระภิกษุจากภาคอ่ืน มาเปน็
ผปู้ กครอง ซึ่งในขณะน้ันทา่ นดารงตาแหน่งเปน็ “สังฆมนตรอี งคก์ ารปกครอง” ประหนึ่งเป็นรัฐมนตรี
มหาดไทย ภายใตพ้ ระราชบญั ญตั ิคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 ท่กี าหนดให้พระสงฆ์มีอานาจปกครองกันเองใน
แบบ “สังฆาธิปไตย” ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี 2475 ได้มีการตราพระราชบญั ญตั ิ
คณะสงฆ์ที่สอดคล้องกับระบบประชาธิปไตย โดยมีอานาจบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการภายใต้กลไก
กฎหมายแบบเดิม และกาหนดให้มีสงั ฆมนตรี ประหนง่ึ เปน็ รัฐมนตรีที่ทาหนา้ ท่บี รหิ ารกิจการคณะสงฆ์
ทาหน้าที่ปกครองสูงสุด ความเป็นลาวอีสาน จึงเป็นเร่ืองท่ียอมไม่ได้ พระพิมลธรรมเป็นคนขอนแก่น
จึงถูกมองด้วยความแคลนและระแวดระวัง จนเป็นเหตุผลหนึ่งไปสู่การล้อมปราบโดยรัฐ อันเกิดขึ้น
ภายใต้การสมยอมจากคณะผู้ปกครองฝ่ายสงฆ์ พร้อมข้อกล่าวหาในความผิดตามพระธรรมวินัย ว่ามี
การเสพเมถุนทางเวจมรรค หรือการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน ซ่ึงตามกระบวนการยุติธรรมของ
สงฆต์ าม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2484 แลว้ จะตอ้ งมอบเร่อื งใหค้ ณะวนิ ัยธร ที่ถืออานาจอธิปไตยทางตุลาการ
แต่ท่ีน่าตกใจก็คือ สังฆนายก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน อุฏฐายี, พ.ศ.2440 - 2514) กลับด่วน
วินิจฉัยเองด้วยการเขียนหนังสือส้ันๆ เสนอสมเด็จพระสงั ฆราช (ปลด กิตฺติโสภโณ, พ.ศ.2503 - 2505)
กระนั้นสมเด็จพระสังฆราช ก็รับลูกต่อทันควันด้วยการออกหนังสือไปยังพระพิมลธรรม (อาจ) มี
ข้อความที่น่าสนใจว่า "ด้วยทางการตารวจได้ทาการสอบสวนเร่ืองความประพฤติของท่านได้ความ
ประจักษ์ แล้ว...ขอให้ท่านพิจารณาตนด้วยตน ขอให้ท่าน ออกเสียจากสมณเพศ และหลบหายตัวไป
เสีย จะเป็นการดีกว่าที่จะปรากฏโดยประการอ่ืนๆ เพ่ือรักษาตัวท่านเอง และเพื่อเห็นแก่วัดและพระ
ศาสนา" พระพิมลธรรม (อาจ) ก็ตอบจดหมายกลับไป โดยมีใจความว่าข้อเสนอที่ให้หนีไปน้ันไม่เป็น
ผลดีต่อวัดมหาธาตุ และศาสนาโดยรวม และโดยส่วนตัวก็ไม่เป็นธรรมหนังสือดังกล่าวลงวันที่ 22
กนั ยายน 2503 พระพมิ ลธรรม (อาจ) เองกไ็ มไ่ ดถ้ กู โดดเดีย่ วจากการปรักปรา อกี สองวันตอ่ มา ปรากฏ
คณะสงฆว์ ัดมหาธาตุจานวน 465 รูปไดท้ าหนงั สอื และลงนามยนื ยนั ความบรสิ ทุ ธ์ิ และข้อกล่าวหาจาก
รฐั ในพฤตกิ รรมอันเป็นคอมมวิ นิสต์ จนเปน็ เหตุนาไปสู่การจบั สึก และขังคุกดงั ปรากฏในประวัติศาสตร์
อันมีปจั จยั แหง่ ความเป็นคนอีสานเปน็ ปัจจยั เสริมด้วย

ศนู ยก์ ารเรียนรู้พุทธศลิ ปถ์ ่ินอีสาน สานกั วิชาศกึ ษาทัว่ ไป มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี [77]

การลอ้ มปราบจากรฐั ส่ศู าสนา:
จับพระพิมลธรรมสกึ มายาคตวิ ่าดว้ ยความเปน็ ลาว ความกา้ วหน้า และคอมมวิ นิสต์

2) ความเป็นพระหวั ก้าวหน้าในการจดั การศกึ ษาและด้านการตา่ งประเทศ
การท่ีพระพิมลธรรมมีมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นฐานในการจัดการศึกษา และ
สนับสนุนให้เกิดการศึกษาภายใตก้ รอบแนวคิด “พุทธศาสนาบรู ณาการศาสตร์สมัยใหม่” ตามปณิธาน
ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ผู้ก่อต้ังและสถาปนาว่า “ให้ศึกษาพระไตรปิฎก และวิชาการชั้นสูง” การ
จัดการศึกษาภายใต้แนวคิดและปณิธานดังกล่าว ทาให้มีการส่งพระภิกษุไปศึกษาพระพุทธศาสนาใน
นานาประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศพม่า ดังปรากฏหลักฐานในหนังสือผจญมาร ที่ว่า “...เพ่ือ
เสริมสร้างความรู้ขั้นคันถธุระ ข้าพเจ้าได้เริ่มจัดส่งพระภิกษุสามเณรออกไปเรียนต่างประเทศ คือ
ประเทศพม่า ประเทศอินเดีย ประเทศศรีลังกา และประเทศญ่ีปุ่น โดยข้าพเจ้านาไปสง่ ด้วยตนเอง คือ
จดั ให้พระมหาบาเพ็ญ พระมหาไสว พระมหาแสวง เรยี นปรยิ ัตธิ รรมทีป่ ระเทศพมา่ จดั ใหพ้ ระมหามนสั
พระมหานคร เรียนท่ีประเทศอินเดีย จัดให้พระมหาชูศักด์ิ เรียนท่ีประเทศศรีลังกา จัดให้พระมหา
สุพนั ธ์ุ มงุ่ วชิ า สามเณรพทิ ักษ์ ไปเรียนท่ปี ระเทศญปี่ ่นุ และในขณะเดียวกัน ก็ได้ขอพระภิกษุ ชั้นธรร -
มาจริยะ ซึ่งเป็นนักเรียนช้ันสูงในประเทศพม่า ให้มาช่วยสอนวิชาพระอภิธรรมปิฎก ซึ่งไม่มีสอนใน
ประเทศไทยมาในกาลก่อน...” (พระพิมลธรรม,2530) การท่ีท่านในฐานะสังฆมนตรีว่าการปกครองไป
เจริญศาสนสัมพันธ์กับผู้นาโลก และผู้นาทางศาสนาในนานาประเทศภายใต้เงื่อนไขสัมพันธ์ของ
มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทย การเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศพม่ารวมทั้งส่งคณะสงฆ์เข้า
รว่ มงานฉัฎฐสังคายนาท่ถี า้ ปาสาณ ในคราวฉลอง 25 พทุ ธศตวรรษ ดงั ปรากฏภาพการสง่ พระไปศึกษา
พระพุทธศาสนายังประเทศพม่า กรณีส่งพระมหาโชดก ญาณสิทธิ์ (พ.ศ.2461 - 2531) เปรียญธรรม 9
ประโยคไปศึกษากรรมฐานท่ปี ระเทศพม่า และมีการมมิ นต์พระฝา่ ยกรรมฐานกรณีนมิ นตพ์ ระภัททันตะ
อาสภะ หรือพระกรรมฐานาจริยะ มาเผยแผ่พระพุทธศาสนา ท้ังในส่วนกรรมฐาน และอภิธรรมแบบ
พม่า “เพ่ือเสริมสร้างความรู้ความปฏิบัติขั้นวปิ สั สนาธรุ ะ ขา้ พเจ้าจดั ส่งพระนักเรยี นของเราใหไ้ ปเรียน
ถ่ายแบบปฏบิ ตั ิวิปัสสนากมั มัฐานทีป่ ระเทศพมา่ คือเจ้าคณุ พระเทพสทิ ธิมนุ ี เมอ่ื ยังเปน็ พระมหาโชฎก
เปรียญธรรม 9 ประโยค วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ท่ีเป็นพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระอยู่ทุก
วันน้ี และเม่ือพระมหาโชฎกได้ศึกษาปฏิบัติจนเป็นที่พอใจแล้วจะกลับคืนมายังประเทศไทยน้ัน
ขา้ พเจ้าไดข้ อพระเถระฝา่ ยวปิ สั สนาจารย์ใหม้ าช่วยสอนดว้ ย 2 รปู คอื ท่านอูอาสภะ กัมมัฏฐานาจริยะ
และท่านอูอินทวสะ กัมมัฏฐานาจริยะ ขณะที่เขียนนั้น ที่อูอาสภะ กัมมัฏฐานาจริยะ ยังสอนวิปสั สนา
กมั มฐานอยทู่ ่สี านกั วเิ วกอาศรม จังหวัดชลบรุ ี” (พระพมิ ลธรรม, 2530) ท้ังใหม้ ีการต้ังกองการวปิ สั สนา
ธุระแห่งประเทศไทย นาพระภิกษุมาอบรมกรรมฐานภายใต้แนวทาง “สติปัฎฐาน 4” ที่มีการบริกรรม
ในแบบ “ยุบหนอ - พองหนอ” ที่เป็นของใหม่ในประเทศไทย และส่งพระภิกษุไปเผยแผ่แนวทาง

[78] พระปลัดระพิน พทุ ธสิ าโร

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติพื้นถิ่นโขง ชี มูล ราชภัฏอดุ รธานี ครัง้ ท่ี 3
“ถอดรื้อพรมแดนความรู้”: ความทา้ ทายของสหวทิ ยาการในการพัฒนาทอ้ งถนิ่ โขง ชี มลู

พระพุทธศาสนาในแบบดังกล่าวทั่วประเทศ การบรรจุให้มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีการอบรม
เรียนสอนกรรมฐานในแบบดงั กลา่ วและสบื เนื่องมาจนกระทั่งปัจจุบัน

“...ได้ทาการเปิดการฝึกสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานขึ้น ณ บริเวณพระอุโบสถวัดมหาธาตุยุวราช
รงั สฤษฎติ์ ้งั แต่ปี พ.ศ. 2496 เป็นตน้ มา ปรากฏว่ามพี ระเถรานุเถระและคณะอุบาสก- อบุ าสกิ าสมัครมาเขา้
ปฏิบตั เิ ป็นจานวนมาก จนเตม็ พระวิหารหลวงและเตม็ พระระเบียงพระอโุ บสถทั้ง 4 ดา้ น ภายใน 1 ปี กผ็ ลติ
พระเถระช้ันพระวิปัสสนาจารยจ์ านวนมาก เพ่อื ขยายการพระศาสนาด้านวิปสั สนาธรุ ะไปให้กว้างขวาง จึงได้
พยายามส่งพระเถระที่พอเป็นพระอาจารย์สอนได้ ออกไปต้ังสานักสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานอยู่ ณ จังหวัด
น้นั ๆ ทาใหก้ ารสอนพระพทุ ธศาสนาขน้ั วปิ สั สนาธรุ ะ ขยายกวา้ งขวางออกไปมากข้ึนโดยลาดบั การประกอบ
พิธีเปิดต้ังสานักวปิ สั สนากัมมฏั ฐาน ณ ที่นั้นๆ ส่วนมากข้าพเจ้าได้ไปเป็นประธานเปิดด้วยตนเอง ทั้งนี้เพอ่ื
เป็นการให้กาลังใจแก่พระวิปัสสนาจารย์ใหม่ และช่วยปลูกฝังศรัทธาให้บังเกิดมีแก่สาธุชนพุทธบริษัท
ทง้ั หลายในถิ่นฐานนน้ั ๆ...ด้านคนั ถธุระน้ัน กจ็ ะมีพระภกิ ษุ นักเรยี น นิยมชมชอบสมคั รไปศกึ ษาเล่าเรยี นใน
ต่างประเทศมากข้ึนโดยลาดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือท่ปี ระเทศอนิ เดยี เป็นมูลฐานส่งเสริมให้พระนกั เรียนที่
สาเร็จปริญญาตรี ท่ีมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยน้ีแล้ว ได้ไปเรียนต่อสาเร็จเป็นปริญญาโท ปริญญาเอก
มากขึน้ โดยลาดบั ...” (พระพมิ ลธรรม, 2530)

ภาพลักษณ์เหล่านี้จึงเท่ากับเป็นปฏิกิริยาเร่งต่อความเป็นพระภิกษุหัวก้าวหน้าและการ
กระทบกับรูปแบบกรรมฐานแบบเดิมในนามของคณะสงฆ์สายวัดป่า ในส่วนของคณะสงฆ์
ธรรมยุติกนิกาย ในการจับสึกท่านในช่วงต่อมา ดังที่ท่านเองก็ยอมรับว่าการทางานน้ันเป็นพัฒนาการ
ของพระพุทธศาสนา

“...ด้วยเหตุที่วดั มหาธาตยุ วุ ราชรังสฤษฎไิ์ ด้เร่ิมสร้างการพระพทุ ธศาสนาใหเ้ จริญก้าวหน้าข้นึ ทง้ั
ด้านคันถธรุ ะและด้านวิปสั สนาธุระ ครบท้ัง 2 ประการดังกล่าวมาโดยสงั เขป จึงเป็นเหตุให้พุทธศาสนิกชน
ผสู้ นใจในพระพุทธศาสนา นยิ มชมชอบไปบาเพญ็ บุญและไปประพฤตปิ ฏิบตั ธิ รรมเปน็ จานวนมากสืบจนเทา่
ทุกวันน้ี ถ้าเป็นวันอาทิตย์ก็เป็นจานวนร้อย ๆ ถ้าเป็นวันพระก็เป็นจานวนพันๆ ซ่ึงไม่เคยปรากฏมีมาแต่
กาลกอ่ น มิใชแ่ ต่อบุ าสก อุบาสิกาเทา่ น้ัน ท่มี จี านวนปริมาณมาก แม้พระภิกษสุ ามเณรท่สี มัครมาศึกษาและ
ปฏิบัติก็มีจานวนมากเช่นกัน….นับได้ว่าวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ได้มีการฝึกมีการสอนวิชา
พระพุทธศาสนาเต็มบรบิ ูรณ์ ทั้งฝ่ายคันถธุระและฝ่ายวิปัสสนาธุระ ตั้งแต่บัดน้ันเป็นต้นมา....” (พระพมิ ล
ธรรม, 2535)

ศนู ยก์ ารเรยี นร้พู ุทธศิลปถ์ ิ่นอสี าน สานกั วิชาศกึ ษาท่ัวไป มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี [79]

การลอ้ มปราบจากรฐั สศู่ าสนา:
จับพระพิมลธรรมสึก มายาคตวิ า่ ดว้ ยความเป็นลาว ความกา้ วหน้า และคอมมิวนิสต์

3) ปฏสิ ัมพันธ์ทางการเมอื งระหวา่ งกลมุ่ อานาจเดิม
ปฏสิ ัมพันธท์ างการเมืองระหวา่ งกลุ่มอานาจเดิม หมายถึง การท่ที า่ นมีความสัมพนั ธ์อันดีกับ
จอมพล ป.พิบูลสงคราม (พ.ศ.2440 - 2507) ซ่ึงในขณะน้ันถูกปฏิวัติยึดอานาจ จากจอมพลสฤษด์ิ
ธนรัตน์ (พ.ศ.2502 - 2506) นายกรัฐมนตรีในขณะน้ัน โดยปรากฏภาพที่ท่านไปญี่ปุ่นแล้วได้พบปะ
สนทนากับจอมพล ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีที่ลภ้ี ัยทางการเมืองอยใู่ นญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ นัย
หนึ่งเป็นการพบปะกันในฐานะผู้ท่ีเคยรู้จักกันในภาวะปกติ เม่ือเดินทางไปถึงญี่ปุ่นการได้เข้าพบ หรือ
พดู คยุ กันยอ่ มเปน็ เรื่องปกติภายใตแ้ นวคดิ “วิสฺสาสา ปรมา ญาติ - ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างย่ิง -
รู้อะไรไม่สู้รู้จักกัน” การเดินทางไปยังญี่ปุ่นแล้วได้พบกันเสมือนหนึ่งคนเคยมีความเคารพนับถือกัน
และในความเคารพน้ันได้ถูกแสดงออกผ่านภาพการเย่ียมเยียนพบปะ นัยหนึ่งถือความเป็นฝักฝ่ายอีก
นัยหนึ่งเป็นความเสียดแทงต่อการยอมรับในเชิงอานาจและการปกครอง ปฏิกิริยาเร่งเหล่าน้ีภายใต้
แนวคิด “ไมใ่ ช่พวก” ดงั ปรากฏขอ้ มูลของแสวง อุดมศรี (2533: 278 - 279) ที่วา่

“ระหว่างที่พระเถระรุ่นใหญ่ล้มหายตายจากไปเรื่อย พระพิมลธรรม (อาจ) ก็ได้สร้างผลงานขึ้น
อย่างโดดเด่นในฐานะสงั ฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง และยังมีความใกลช้ ิดกับ จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ทั้งยังเคยแวะไปสนทนา กับอดีตนายกรัฐมนตรีผ้นู ี้ที่ลภ้ี ัยการเมืองอยู่ท่ีญี่ปุ่นอีกด้วย การเข้าพบครง้ั น้ันทา
ให้มิตรสหายและบุคคลต่างๆ ก็เข้าไปนมัสการอยู่เนืองๆ ส่ิงเหล่าน้ีเข้าหู สฤษด์ิ ธนะรัชต์ หัวหน้าคณะ
ปฏิวัติอย่างแน่นอน และน่ันทาให้พระพิมลธรรม (อาจ) ไม่เป็นที่ไว้วางใจต่อ สฤษดิ์ คนอย่างสฤษดิ์จะคดิ
อย่างไรเมื่อเกิดการเปรียบเทียบเมื่อ การเดินทางไปอีสานของเขาท่ีมีคนมาต้อนรับไม่มากนัก ผิดกับพระ
พมิ ลธรรมทพี่ ระสงฆแ์ ละประชาชนพากนั ตอ้ นรบั อย่างเนอื งแน่น...

เหตุผลเหล่านี้จึงนาไปสู่การล้อมปราบพระพิมลธรรมภายใต้แนวคิดความไม่ใช่พวกทางการ
เมือง หรือพระสงฆ์ที่ไปสนับสนุนพระสงฆ์อีกฝ่ายการเมืองหน่ึง หากพิเคราะห์เทียบเคียงกับ
ประวัติศาสตร์ส่วนอื่นที่ปรากฏข้ึนไม่ว่าจะเป็นพระฝาง (พ.ศ.2311) มหาดา (พ.ศ.2322 - อยุธยา) ครู
บาศรีวิชัย (ระหว่าง พ.ศ.2451 - 2479) สันติอโศก (พ.ศ.2532 - 2541) พระมหาอภิชาติ ปุณณจนฺโท
(พ.ศ.2560) วัดพระธรรมกาย (พ.ศ.2560) ที่มีพฤติกรรมการต่อต้านหรือทวนย้อนต่ออานาจรัฐ
กระบวนการลอ้ มปราบจึงเกดิ ขน้ึ หรือการเขา้ ไปสนับสนนุ หรอื แสดงออกทางการเมืองอยา่ งเป็นฝกั ฝา่ ย
กรณีพระพรหมสิทธ์ิแห่งวดั สระเกศ พระพรหมดิลก วัดสามพระยา พระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศ์ ที่มี
พฤติกรรมการสนับสนุนอีกฟากฝ่ังทางการเมืองในอดีตและปัจจุบัน กระบวนการล้อมปราบจึงเกิดขึ้น
ภายใต้แนวคดิ ไม่ใช่พวกทางการเมือง ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับพระพมิ ลธรรมในอดตี ด้วยเชน่ กัน

[80] พระปลัดระพิน พทุ ธิสาโร

การประชุมวิชาการระดบั ชาตพิ น้ื ถิน่ โขง ชี มูล ราชภัฏอดุ รธานี ครงั้ ที่ 3
“ถอดรือ้ พรมแดนความรู้”: ความทา้ ทายของสหวิทยาการในการพฒั นาท้องถิน่ โขง ชี มลู

"...ถึงแม้ว่าจะมีผู้มีใจโหดร้ายทารุณ
แย่งชิงผ้ากาสาวพสั ตร์ของกระผมไป
กระผมกจ็ ะนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ชุด
อ่ืนแทน ซึ่งกระผมมีสิทธิตามพระ
ธรรมวินัยและกฎหมาย จึงขอให้
ท่านเจ้าคุณผู้รู้เห็นอยู่ ณ ท่ีน้ี โปรด
ทราบและ เ ป็ น สั ก ขี พย า น ใ ห้ แ ก่
กระผมตามคาปฏิญาณน้ดี ว้ ย.."

-อาสภเถร-

ภาพท่ี 2 พระพมิ ลธรรม (อาจ อาสโภ พ.ศ.2446 - 2532, 86 ป)ี กับลายมอื ทีย่ ืนยันเจตนารมณแ์ ละอดุ มการณค์ วามเปน็
“พระ” มุ่งมน่ั ที่จะรักษา “จวี ร - กาสาวะ” แม้ถูกบังคบั ให้ถอดจีวร ภายใต้ สถานการณค์ วามรนุ แรงโดยรัฐ กฎหมาย ตอ่
นักบวชและกลมุ่ ภกิ ษุสงฆ์ในพระพทุ ธศาสนาของประเทศไทย ในชว่ ง เมษายน พ.ศ.2505 (ภาพ: ออนไลน์)

จากภาพท่ี 1 พระพิมลธรรม (อาจ อาสภะ) ที่ถูกให้สึกวันท่ี 22 เมษายน พ.ศ.2505 ถูกกักขัง
และยกฟ้องปล่อยตัวใน พ.ศ.2509 รวมเวลากว่า 5 ปี รวมทั้งต่อสู้เรียกร้องกว่าจะได้คืนสมณศักดแ์ิ ละ
สถานะเดิมกว่า 21 ปี (พ.ศ.2505 - 2524) หากมองพัฒนาการทางประวัติศาสตร์จะเห็นได้ว่า รัฐกับ
ศาสนาเป็นกลไกร่วมแต่คราใดที่รฐั มีความเข้มแข็งในรฐั อานาจ กระบวนการล้อมปราบต่อกลุ่มต่อตา้ น
เหน็ ต่าง และใชอ้ านาจในทางทเ่ี ป็นปฏปิ ักษย์ ่อมเกดิ ข้ึนไดเ้ สมอ แต่อีกนัยหนง่ึ บทบาททเี่ ป็นสากลของ
รัฐกับศาสนาคือ สนับสนุน อุปถัมภ์ และการทรงสถานะแห่งความเป็นรัฐในแบบ “ศาสนิก” ท่ีจะพึง
นาหลักคาสอน หรือหลักการแห่ง “รัฐท่ีดี” หรือ “ผู้นาที่ดี” โดยผ่านกระบวนการทางความเชื่อและ
ศาสนา แต่อีกนัยหนึ่งรฐั กเ็ ขา้ มามบี ทบาทในการชี้นาและกากบั ไปพร้อมกนั ในหลายคราวต่างกรรมต่าง
วาระ สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์และบทบาทของรัฐต่อการกระทา หรือปฏิบัติต่อศาสนาและกลุ่ม
ความเชอื่ ทางศาสนาดว้ ยเช่นกนั

ศูนย์การเรียนรพู้ ทุ ธศลิ ป์ถน่ิ อสี าน สานักวชิ าศกึ ษาท่วั ไป มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุดรธานี [81]

การลอ้ มปราบจากรัฐสศู่ าสนา:
จบั พระพิมลธรรมสกึ มายาคตวิ า่ ดว้ ยความเป็นลาว ความก้าวหน้า และคอมมิวนสิ ต์

ภาพท่ี 3 การพบกันของจอมพล
ป. พิบูลสงคราม กับพระพิมลธรรม
(อาจ อาสภะ) ที่ญ่ีปุ่นจึงเป็นการ
สะท้อนมิติทางการเมืองในแบบ
ฝักฝ่าย และเป็นแรงจูงใจหน่ึงต่อ
การใช้ความรุนแรงโดยรัฐต่อท่าน
(ภาพ: ออนไลน)์

4) ความสมั พันธก์ ับประเทศทีเ่ ปน็ คอมมิวนสิ ต์
ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองในยุคสงครามเย็น (Cold War ค.ศ.1947 - 1991/พ.ศ.2490 -
2534) ความเป็นฝกั ฝ่ายของโลกการเมอื งภายใต้แนวคิด “คอมมิวนสิ ต์” ของรัฐบาลท่ไี ด้รับการสนบั สนนุ
จากเสรีนิยมอย่างสหรัฐอเมริกา ทาให้ไทยในสถานการณ์ของรัฐบาลทหารที่มีพฤติกรรมการต่อต้านการ
ขยายตัวของคอมมิวนิสต์จึงย่อมมีนโยบายทางการเมืองในองค์รวมเช่นเดียวกับประเทศอย่าง
สหรฐั อเมริกาที่สนบั สนนุ เป็นฉากหลังของประเทศไทยในขณะนั้น การที่พระพมิ ลธรรม มีปฏิสัมพันธ์กับ
ประเทศพม่าท่ีในขณะนั้นเป็นรัฐบาลทหารพม่าท่ีมีลักษณะนิยมคอมมิวนิสต์ การส่งพระภิกษุไปศึกษา
พระพุทธศาสนาในประเทศอย่างพม่า รวมทั้งนาแนวทางการศึกษา มาเผยแผ่ยังประเทศไทยในช่วงเวลา
นั้นเท่ากับเป็นปฏิกิริยาเร่งอย่างหนึ่ง ในการล้อมปราบจับสกึ ภายใต้แนวคิดมีพฤติกรรมและการกระทา
อันเป็นคอมมิวนิสต์ ประหน่ึงยุคสมัยปัจจุบันที่ใครมีพฤติกรรมทางการเมืองอันแตกต่าง และถูกล้อม
ปราบด้วยมาตรา 112 เป็นสิ่งท่ีเกิดข้ึนในสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน (วรเจตน์ ภาคีรัตน์, 2013)
ตอ่ กลุ่มหรอื บุคคลท่ีมีพฤติกรรมและการกระทาท่ีแตกตา่ ง ซึ่งพระพมิ ลธรรมกจ็ ดั อยูใ่ นบคุ คลท่ีถูกล้อม
ปราบจบั สึกดว้ ยแนวคดิ และพฤตกิ รรมอนั เปน็ การกระทาอันเป็นภัยคอมมวิ นิสตด์ ้วยเช่นกัน

การอนุญาตใหค้ อมมวิ นสิ ตส์ ามารถบวชในพระพทุ ธศาสนาได้ การเปน็ ประธานนาคณะพระสงั คตี ิ

การกไทยไปร่วมประชุมกระทาฉัฏฐสังคายนาพระไตรปิฎก ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า การนา

พระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย กัมพูชา อังกฤษ อินเดีย และเนเธอร์แลนด์ ฯลฯ

ตลอดจนทางานร่วมกบั องค์กรฟื้นฟูศีลธรรมจากตา่ งประเทศ (Moral Re-Armament: MRA) โดยไม่ยดึ ถอื

ศาสนาไหนของใครวา่ เปน็ สาคญั

[82] พระปลัดระพนิ พุทธิสาโร

การประชุมวชิ าการระดับชาติพนื้ ถ่ินโขง ชี มลู ราชภฏั อุดรธานี ครง้ั ที่ 3
“ถอดรอื้ พรมแดนความรู้”: ความทา้ ทายของสหวิทยาการในการพัฒนาท้องถนิ่ โขง ชี มลู

แม้สิ่งเหล่านี้จะทาให้พระเถระชั้นผใู้ หญ่บางท่านไมเ่ ห็นด้วย แต่ก็ทาไดเ้ พียงเก็บเงียบไว้ ไม่กลา้
ทาอะไรรนุ แรง เพียงแค่แสดงออกถึงการคัดค้านและวิพากษ์วิจารณเ์ ชิงลบ กระน้ันก็เปน็ เหมือนคล่ืนใต้น้า
ที่ส่งแรงกระเพื่อมรุนแรงข้ึนเร่อื ยๆ กระท่ังปี 2503 สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตติโสภณมหาเถร) ได้รับการ
แต่งตัง้ เป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และมกี ารเปลยี่ นแปลง
ผดู้ ารงสังฆนายกและคณะสงั ฆมนตรีชดุ ใหม่ โดยปราศจากชอื่ พระพมิ ลธรรม (ข่าวอาชญากรรม, 2552)

5) การเมอื งในคณะสงฆ์
หากศึกษาบริบทพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ความเป็นฝักฝ่าย หมู่พวกมีในทุกวงการ
รวมท้ังคณะสงฆไ์ ทยดว้ ย ความเป็นนิกายเปน็ ประเดน็ ขดั กนั ท่เี นอ่ื งด้วยช่วงเวลานับแต่อดตี ดังปรากฏ
ในงานค้นควา้ ของ กระจา่ ง นันทโพธิ (2528) ในเร่ือง “มหานิกาย - ธรรมยุติ ความขัดแย้งภายในของ
คณะสงฆ์ไทย กับการส้องเสพอานาจปกครองระหว่างฝ่ายอาณาจักรกับศาสนาจักร” ผลการศกึ ษา
สะท้อนความขัดแย้งระหว่างคณะสงฆ์กันเองโดยมีรัฐเข้าไปสนับสนุนให้เกิดการใช้ความรุนแรงต่อ
พระสงฆ์ดังกรณีของพระพิมลธรรม ซ่ึงปรากฏในงานศึกษาดังกล่าวด้วยเช่นกัน หรือในงานของแสวง
อุดมศรี (2529) ในเรอื่ ง “การปกครองคณะสงฆ์ไทย” ไดม้ มุ มองตอ่ ความขดั กนั ทีเ่ กิดขึ้นระหว่างคณะ
สงฆ์ธรรมยุติกนิกายและคณะสงฆ์มหานิกายท่ีเกิดขึ้นในช่วงการก่อตั้งคณะสงฆ์ธรรมยุติเร่ือยมา
จนกระทั่งถงึ ชว่ งเวลาก่อนมีการใชค้ วามรนุ แรงต่อการล้อมปราบพระพิมลธรรม ดงั น้นั การเมอื งว่าด้วย
เรื่องคณะสงฆ์จึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและนัยหนึ่งเป็นความขัดกันภายใต้กลไกระหว่างสมาชิกใน
ศาสนาด้วยกัน แต่อีกนัยหนึ่งกลายเป็นความขัดกันภายใต้การสนับสนนุ จากรัฐและกลายเป็นการล้อม
ปราบต่อพระพิมลธรรมภายใตแ้ นวคดิ “คอมมวิ นสิ ต์” ซงึ่ เป็นประเดน็ ทางการเมอื งโลกในชว่ งเวลาน้ัน
ดว้ ยเช่นกัน จนกลายเป็นว่าประเดน็ ดงั กลา่ วเปน็ ประเดน็ การเมอื งระหว่างสมาชิกในศาสนาและสง่ ออก
เปน็ การใช้กลไกแห่งรัฐในการล้อมปราบฝา่ ยตรงข้ามไป

“... ระหว่างทางานฟื้นฟูพระศาสนาอยู่ท่ีเมืองกรุงเก่าเป็นเวลานานถึง 16 ปี ระหว่างปี 2475 -
2491 มีผลงานสาคัญๆ มากมาย ในขณะท่ีทางโลกเกิดความวุ่นวายทางการเมือง ในทางธรรมก็เกิดความ
ขัดแย้งอย่างรุนแรง อันเกิดจากแนวทางการทางานของพระพิมลธรรม ที่ส่งผลต่อความคิดและความรู้สกึ
ของพระเถระช้ันผูใ้ หญ่และคณะสังฆมนตรบี างรปู รนุ แรงถึงขน้ั ฝา่ ยตรงข้ามยืมมอื รฐั บาลเผดจ็ การในยคุ นน้ั
ใช้อานาจเข้ามาแทรกแซง เพื่อกาจัดพระพิมลธรรมพ้นจากวงการสงฆ์ เหตุแห่งความขัดแย้งเกิดขึ้นขณะ
พระพิมลธรรมเป็นเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ และสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง ได้สร้างสรรค์งานด้าน
การศึกษาและการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนารูปแบบใหม่ ก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงในวงการสงฆอ์ ยา่ งรุนแรง
เน่ืองจากสว่ นใหญไ่ มเ่ ห็นด้วย เช่น การขอพระอาจารยช์ ัน้ ธมั มาจรยิ ะจากพม่ามาช่วยสอนพระอภธิ รรมปฎิ ก

ศูนย์การเรียนรพู้ ุทธศลิ ป์ถิน่ อีสาน สานกั วชิ าศกึ ษาทวั่ ไป มหาวิทยาลัยราชภัฏอดุ รธานี [83]

การล้อมปราบจากรัฐสูศ่ าสนา:
จับพระพิมลธรรมสึก มายาคติว่าด้วยความเป็นลาว ความก้าวหนา้ และคอมมวิ นสิ ต์

ในเมอื งไทย การส่งพระภิกษุนักเรียนพทุ ธศาสนบณั ฑติ ไปศกึ ษาต่อตา่ งประเทศ และฟื้นฟูวิปัสสนาธุระดว้ ย
การตัง้ สานักวปิ ัสสนากรรมฐานขนึ้ ที่วัดมหาธาตฯุ เป็นแหง่ แรก...” (ข่าวอาชญากรรม คม ชัด ลกึ , 2552)

ดังน้นั ในภาพรวมของการปกครองคณะสงฆจ์ ึงเกิดขึน้ ภายใต้กลไกทีไ่ มป่ กติ และก่อให้เกดิ การ
ขบั เคลื่อนในองค์รวมตอ่ สิ่งท่เี กดิ ขน้ึ ต่อการล้อมปราบทวี่ ่า

หลงั จากนั้นไม่นาน พระพิมลธรรมก็ถูกกลา่ วหาว่า "เสพเมถุนทางเวจมรรคกบั ศษิ ยว์ ดั " และ "ทา
อัชฌาจารปล่อยสุกกะ" ทางการตารวจสันติบาลโดยรองผู้บังคับการตารวจสันติบาล พร้อมผู้กากับการ
ตารวจสันติบาล นาพยานในฐานะผู้เสียหาย 5 คน มาให้คายืนยันต่อหน้ากรรมการสงฆ์ เวลาต่อมา
คณะกรรมการสงฆ์ลงความเห็นว่า พระพิมลธรรมต้องศีลวิบัติขาดจากความเป็นภกิ ษุแล้ว ไม่สมควรครอง
เพศบรรพชติ อีกต่อไป แตพ่ ระพมิ ลฯ กส็ ามารถพิสจู น์ความบรสิ ุทธจ์ิ นพน้ ข้อกลา่ วหา

ทว่าเรอ่ื งยงั ไม่ยุติลงเพียงแค่นั้น เทีย่ งคร่งึ วนั ท่ี 20 เมษายน 2505 พ.ต.อ.เอ้ือ เอมมะปาน พ.ต.ต.
สุพนั ธ์ แรมวลั ย์ พรอ้ มดว้ ยผู้กากับการตารวจนครบาล ตารวจและทหารไดบ้ กุ เขา้ ล้อมจบั พระพิมลธรรมถงึ
กฏุ ิ ต้งั ขอ้ กล่าวหากระทาการอนั เป็นคอมมวิ นสิ ต์ และกระทาผดิ ตอ่ ความมนั่ คงของรัฐภายในราชอาณาจกั ร
ซึ่งเปน็ ความผดิ อาญา มีโทษรา้ ยแรงถงึ ขัน้ ประหารชวี ิต คุมตวั ไปสอบสวน ณ สันติบาลกอง 1 และภายในวนั
เดยี วกันนัน้ มีบันทึกคาส่งั จากสมเดจ็ สงั ฆนายกใหส้ กึ พระพมิ ลธรรมจากสมณเพศ เพ่อื สะดวกต่อการสบื สวน
คดแี ละเพ่ือรกั ษาความปลอดภยั แห่งชาติและพระพทุ ธศาสนาไว…้

นับต้ังแต่น้ันพระพิมลธรรมต้องจาพรรษาอยู่ในห้องขังตารวจสันติบาลกอง 1 และยังคงปฏิบัติ
ธรรมอย่อู ยา่ งต่อเนอ่ื ง โดยเขยี นหนงั สือแสดงความจานงท่ีจะยงั ครองเพศบรรพชิตใจความว่า..."ถงึ แม้วา่ จะ
มีผูม้ ใี จโหดร้ายทารุณแยง่ ชิงผ้ากาสาวพสั ตรข์ องกระผมไป กระผมก็จะนุง่ หม่ ผา้ กาสาวพสั ตรช์ ดุ อน่ื แทน ซึง่
กระผมมีสิทธิตามพระธรรมวินัยและกฎหมาย จึงขอให้ท่านเจ้าคุณผู้รู้เห็นอยู่ ณ ที่น้ี โปรดทราบและเปน็
สักขพี ยานให้แกก่ ระผมตามคาปฏญิ าณนดี้ ว้ ย"

สถานปฏิบัติธรรมแห่งใหม่น้ี ผู้คุมและผู้ถูกคุมขังเรียกว่า "สันติปาลาราม" สภาวะของพระพมิ ล
ธรรมเต็มไปด้วยความสงบเป็นปกติอยู่เช่นเดิม ไม่ได้หวั่นไหวหรือทุกข์ร้อนใจใดๆ ระหว่างนั้นบรรดา
พระภิกษุสามเณรและสาธุชนผูเ้ ลอ่ื มใสนับพันคนต่างก็เชื่อมั่นว่า พระพิมลธรรมคือผู้บริสทุ ธ์ิ จึงพากันย่ืน
จดหมายร้องขอความเป็นธรรมใหแ้ ก่ท่าน พรอ้ มทงั้ เรียกรอ้ งใหม้ กี ารพจิ ารณาคดใี หมอ่ ยตู่ ลอดเวลา

เวลาล่วงผา่ นไป 5 ปี วนั ท่ี 30 สงิ หาคม 2509 เมอ่ื เปล่ียนรฐั บาลใหม่ ศาลทหารกรุงเทพได้นดั ให้
โจทก์และจาเลยมาฟังคาพิพากษาตัดสินคดี ก่อนจะพิพากษายกฟ้องและปลอ่ ยตัวพระพมิ ลธรรมพ้นข้อหา
กลายเป็นคดีประวตั ิศาสตร์ของสถาบนั สงฆ์มาจนถงึ ทุกวนั นี้ (ขา่ วอาชญากรรม คม ชดั ลึก, 2552)

[84] พระปลดั ระพนิ พทุ ธสิ าโร


Click to View FlipBook Version