The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prdmr.pr, 2021-08-08 00:13:59

Abstract book_final7

Abstract book_final7

ธรณวี ิถีใหม่ นวตั กรรมไทย เพ่ือการพัฒนาท่ีย่งั ยืน 123

การเสรมิ สรา้ งโครงข่ายชุมชนเข้มแข็งในการลดผลกระทบธรณีพบิ ตั ภิ ัยดินถลม่
ในพนื ท่ตี น้ แบบ จงั หวัดอตุ รดติ ถ์

ทิพวรรณ สุทธิสขุ *, เกศมณี นิลดา และ จุฑาทิพย์ หงษม์ ัง

กองธรณวี ิทยาสิง่ แวดลอ้ ม กรมทรพั ยากรธรณี 75/10 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400
*E-mail: [email protected]

บทคดั ย่อ

ประเทศไทยประสบกับธรณีพิบัตภิ ัยดนิ ถล่มมาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนมากจะเกิดข้ึนแบบฉับพลันยาก
ต่อการคาดการณ์ล่วงหน้า รวมท้ังการเกิดดินถล่มที่มีความถี่และความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ส่งผล
กระทบต่อความปลอดภัยและความม่ันคงของประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม กรมทรัพยากรธรณี จึง
เล็งเหน็ ถงึ ความสาคัญดา้ นการส่งเสริมและสนับสนุน การดาเนินการในการลดผลกระทบธรณีพิบัติภัยดินถล่ม
รวมทงั้ เสริมสรา้ งศักยภาพและความสามารถในการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ธรณีพิบัติภัยให้กับ
ชุมชน เพ่ือให้เกิดการบริหารจัดการด้านธรณีพิบัติภัยดินถล่มที่มีประสิทธิภาพและย่ังยืน ดังนั้น จึงได้มีการ
แนวทางในการขับเคลื่อนการดาเนินงานตามภารกิจสาคัญ ในการเสริมสร้างโครงข่ายชุมชนเข้มแข็งในการ
ลดผลกระทบธรณีพิบัติภัยดินถล่มในพ้ืนที่ต้นแบบ จังหวัดอุตรดิตถ์ 8 ข้ันตอน ดังน้ี 1) การจัดทารายละเอียด
ข้อมลู ด้านธรณพี บิ ัติภัยดนิ ถลม่ ในพน้ื ทจี่ งั หวดั อุตรดติ ถ์ โดยการสารวจ ตรวจสอบ วิเคราะห์และประเมินพ้ืนที่
เส่ียงภัยดินถล่ม พร้อมทั้งจัดทารายละเอียดชั้นข้อมูลพื้นท่ีเสี่ยงธรณีพิบัติภัย 2) การสร้างโครงข่ายชุมชน
เข้มแข็ง เป็นการสร้างแกนนาเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัย โดยการจัดการด้านองค์ความรู้ให้กับ
ตัวแทนของชุมชนในการเข้ามาเป็นจิตอาสาด้านการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ธรณีพิบัติภัยดิน
ถล่ม ซ่ึงเป็นบุคคลที่มีความสาคัญที่จะผลักดันและขับเคลื่อนการดาเนินการจัดการธรณีพิบัติภัยในชุมชนของ
ตนเองได้อย่างมีศักยภาพ 3) การจัดทาศูนย์เรียนรู้ธรณีพิบัติภัยรายภาคลุ่มน้าน่าน จังหวัดอุตรดิตถ์ เพ่ือเป็น
แหลง่ เรียนรู้และศนู ยก์ ลางข้อมลู ด้านธรณพี ิบัตภิ ัย 4) การจัดทาแนวทางและมาตรการผลกระทบธรณีพิบัติภัย
เป็นจัดทาแนวทางในการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ธรณีพิบัติภัยท่ีอาจจะเกิดข้ึนในพ้ืนที่ โดย
แนวทางดังกล่าวจะนาไปสู่แนวทางการปฏิบัติต่อไป 5) การเสริมสร้างประสิทธิภาพระบบศูนย์เรียนรู้ธรณี
พิบตั ภิ ยั รายภาค สกู่ ารนาไปใชป้ ระโยชน์และความยั่งยืนเป็นการส่งเสริมให้มีการเข้ามาศึกษา ดูงาน เกิดการ
เรียนรู้ โดยมีศูนย์เรียนรู้ธรณีพิบัติภัยรายภาคเป็นศูนย์กลางและพัฒนาศักยภาพของแกนนาอาสาสมัคร
เครือข่าย เฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัย ให้เป็นปราชญ์ด้านธรณีพิบัติภัย 6) การพัฒนาด้านสารสนเทศและ
การสื่อสารของศูนย์เรียนรู้ธรณีพิบัติภัยรายภาคการกาหนดรูปแบบการเชื่อมโยงข้อมูลโครงข่ายศูนย์เรียนรู้
ธรณีพิบัติภัยรายภาคผ่านระบบสารสนเทศและการสื่อสารต่างๆ เพ่ือการเพ่ิมขีดความสามารถ และเพ่ิม
ช่องทางในการรับส่งข้อมูลในด้านการเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัย 7) การส่งเสริมงานวิจัยเพื่อสนับสนุน
ข้อมูลศูนย์เรียนรู้ธรณีพิบัติภัยรายภาค 8) การติดตามและประเมินผลของการทางานด้านการบริหารจัดการ
ธรณพี ิบัติภยั ของชุมชน โดยมีศูนยเ์ รยี นรธู้ รณพี บิ ตั ิภัยรายภาคเป็นศูนยก์ ลางเพอ่ื นาไปพฒั นาให้มีประสิทธิภาพ
ต่อไป

คาสาคญั : ธรณพี บิ ตั ภิ ยั ศนู ยเ์ รยี นรธู้ รณพี บิ ตั ภิ ยั รายภาค เครอื ขา่ ยเฝา้ ระวงั แจง้ เตอื นธรณพี บิ ตั ภิ ยั

Poster Session

124 การประชมุ วิชาการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันที่ 4-6 สิงหาคม 2564

124

การกระจายตวั ของธาตสุ ารหนใู นสง่ิ แวดลอ้ ม ตาบลหนองจอก อาเภอบ้านไร่ จงั หวดั อุทยั ธานี

พรี พร นิคมชยั ประเสริฐ, รงุ่ ระวี ก่งิ สวัสดิ*์ และจิติศักด์ิ เปรมมณี

กองวเิ คราะห์และตรวจสอบทรพั ยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี
*E-mail: [email protected]

บทคดั ยอ่

ผลการศกึ ษาวจิ ยั การกระจายตวั ของสารหนใู นสงิ่ แวดลอ้ มนี้ เปน็ ความรว่ มมอื ระหวา่ งกรมทรพั ยากรธรณี
กบั สานักงานสาธารณสุขจังหวัดอุทัยธานี เพ่ือเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการกระจายตัวของสารหนูจาก
แหลง่ กาเนิดในธรรมชาติและเปน็ การวจิ ัยต่อเนื่องจากผลการสารวจเก็บตัวอย่างน้า เพื่อกาหนดเขตพ้ืนท่ีเส่ียง
การปนเป้ือนสารหนูในน้าและค้นหาแหล่งกาเนิดสารหนู ในท้องที่ ตาบลหนองจอก -หนองบ่มกล้วย
อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี โดยเป็นการศึกษาอัตราการละลายของสารหนูในน้าบริเวณอ่างเก็บน้าบ้าน
หนองไม้แก่น ซ่ึงตั้งอยู่บริเวณแหล่งกาเนิดสารหนู (พบแร่อาร์ซิโนไพไรต์ฝังประในหินแกรนิตผุ) และเป็นการ
ตรวจสอบระยะทางการกระจายตัวของสารหนจู ากแหลง่ ใต้ดนิ บรเิ วณบ้านพุตะเคยี นไปตามลาห้วยพุตะเคียน-
หนองจอก-หนองโรง ตามลาดบั

ผลการติดตามเก็บตัวอย่างน้าวิเคราะห์สารหนูท่ีอ่างเก็บน้าบ้านหนองไม้แก่น จานวน 4 คร้ัง เป็น
ระยะเวลา 1 ปี 8 เดือน (12 กรกฎาคม 2562, 24 ธันวาคม 2562, 21 กรกฎาคม 2563 และ 18 มีนาคม
2564) ต้ังแตเ่ ร่มิ มีการเกบ็ กกั นา้ รวม 7 ตวั อยา่ ง ตรวจพบปรมิ าณสารหนูในน้า เพ่ิมมากข้ึนและลดลง แปรผัน
ตามปริมาณของนา้ ท่ีสะสมในอ่างเกบ็ น้า ณ ขณะนนั้ แต่อนมุ าณไดว้ ่า ค่าวิเคราะห์สารหนูเพิ่มข้ึนประมาณ 20
-30 ppb (part per billion หรอื microgram per liter) ในระยะเวลา 6 เดอื น

ผลการรวบรวมข้อมูลและเก็บตัวอย่างน้าจานวน 3 ครั้ง (เมษายน 2562, ธันวาคม 2562 และ
มีนาคม 2564) รวม 62 ตัวอย่าง จากบ้านพุตะเคียนไปตามลาห้วยพุตะเคียน หนองจอกและหนองโรง เป็น
ระยะทางประมาณ 12.6 กิโลเมตร พบว่ามีรูปแบบการกระจายตัวเหมือนกัน กล่าวคือ มีค่าต่าท่ี <10 ppb
บริเวณต้นน้าของลาห้วยพุตะเคียน แล้วสูงขึ้นเม่ือไหลผ่านบ้านพุตะเคียนเป็นค่า 10-50 ppb และมีค่าสูงขึ้น
>100 ppb ทรี่ ะยะทางประมาณ 3 กโิ ลเมตร จากบา้ นพุตะเคียน หลงั จากนั้น คา่ วเิ คราะห์สารหนูจะลดลงเป็น
ลาดับ จนถึงบริเวณปลายน้า โดยมีค่าวิเคราะห์ลดลง <10-20 ppb อีกคร้ังหนึ่ง รูปแบบนี้บ่งชี้ว่ามี
แหล่งกาเนิดอยู่บริเวณบ้านพุตะเคียน และเมื่อพิจารณาค่าวิเคราะห์ในรายละเอียดแล้ว อนุมาณว่า สารหนูมี
คา่ ลดลงประมาณ 50 ppb เมอ่ื เคล่ือนทีไ่ ปได้เปน็ ระยะทาง 8 กิโลเมตร

ผลการสารวจวิจัยในคร้ังนี้ เป็นองค์ความรู้ที่นาไปใช้เป็นแนวทางหรือข้อคิดสาหรับพ้ืนท่ีอ่ืนๆ ได้
โดยเฉพาะในบริเวณท่ีมีสภาพภูมิประเทศ ธรณีวิทยาและอุทกธรณีวิทยาคล้ายคลึงกัน ก่อให้เกิดความเข้าใจ
ลักษณะการกระจายตัวของธาตสุ ารหนูในนา้ ตามธรรมชาติ อีกทั้งจะช่วยในการกาหนดมาตรการเฝ้าระวังและ
ลดผลกระทบต่อสขุ ภาพของประชาชนท่อี าศยั อยูใ่ นบรเิ วณพืน้ ทเี่ สีย่ งได้อยา่ งเหมาะสม

คาสาคญั : สารหนู การกระจายตัว ส่ิงแวดล้อม อาเภอบา้ นไร่ จงั หวดั อทุ ัยธานี ธรณีเคมี การสารวจ

Poster Session

ธรณีวิถีใหม่ นวัตกรรมไทย เพือ่ การพฒั นาทีย่ ่งั ยืน 125

การจดั ทาบญั ชแี หลง่ ซากดกึ ดาบรรพข์ องประเทศไทยเพอ่ื ใชใ้ นการบรหิ ารจดั การตามกฎหมาย

ปฏิพล ดลร้งุ 1, ธญั ญธร โทนรตั น์2 และ นภาพร ติ๊บผัด3

ส่วนอนุรักษ์และจดั การซากดกึ ดาบรรพ์ กรมทรัพยากรธรณี
E-mail: [email protected], [email protected], [email protected]

บทคดั ย่อ

จากรายงานการคน้ พบแหลง่ ซากดกึ ดาบรรพใ์ นประเทศไทยจากอดตี สปู่ จั จบุ นั แหลง่ ซากดกึ ดาบรรพ์ของ
ประเทศไทยได้ถูกค้นพบเป็นจานวนมากกว่า 500 แหล่ง และมีแนวโน้มท่ีจะถูกค้นพบมากขึ้นอันเนื่องมาจาก
การขยายตวั ของชมุ ชนรวมถงึ การใชป้ ระโยชนพ์ น้ื ท่ี ทง้ั ในภาคเกษตรกรรม และภาคอตุ สาหกรรม ซงึ่ ปัจจุบันส่งผลกระทบ
ทาใหแ้ หลง่ ซากดกึ ดาบรรพท์ ี่ถูกค้นพบเดิมเกิดการเส่ือมโทรมและมีการเปลี่ยนแปลงสภาพการใช้ประประโยชน์
ของพ้ืนที่นั้นไปจากอดีต หรือการถูกผลกระทบจากการเปล่ียนสภาพอากาศในปัจจุบันที่เป็นตัวเร่งให้แหล่ง
ซากดึกดาบรรพ์เกิดการเสื่อมโทรมท่ีเร็วขึ้น รวมถึงในแต่ละพ้ืนที่ท่ีพบซากดึกดาบรรพ์ยังไม่มีทิศทางการ
กาหนดรูปแบบของการอนุรักษ์และคุ้มครองแหล่งซากดึกดาบรรพ์รวมถึงการพัฒนาแหล่งซากดึกดาบรรพ์ที่
เปน็ ระบบ ในการตอบสนองต่อชุมชนไปพรอ้ มกบั การอนุรกั ษ์ท่ยี ั่งยืน

กรมทรพั ยากรธรณใี นฐานะท่ีเปน็ หนว่ ยงานหลักทมี่ ภี ารกจิ ดา้ นการอนรุ กั ษ์และคมุ้ ครองซากดกึ ดาบรรพ์
โดยมีพระราชบัญญตั คิ ้มุ ครองซากดึกดาบรรพ์ พ.ศ. 2551 เป็นกฎหมายหลักในการขับเคล่ือนงานด้านน้ี จึงได้
จัดทาบัญชีแหล่งซากดึกดาบรรพ์ของประเทศไทย เพื่อเป็นการรวบรวมสถานะภาพและการประเมินสภาพ
แหล่งรวมถงึ การจดั กลมุ่ ประเภทของการบริหารจัดการของแหล่งซากดึกดาบรรพ์ในการใช้กาหนดทิศการและ
ยุทธศาสตร์ในการดาเนนิ งานดา้ นการอนรุ กั ษค์ มุ้ ครองซากดกึ ดาบรรพใ์ หเ้ ปน็ ไปตามกฎหมาย และนโยบายการคมุ้ ครอง
แหลง่ ซากดกึ ดาบรรพข์ องประเทศไทย สอคคล้องกับยุทธศาสตร์ของกรมทรัพยากรธรณี สอดคล้องกับยุทธสา
สตรก์ ระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม โดยบัญชีแหล่งซากดึกดาบรรพ์นี้จะได้รับการปรับปรุงแก้ไข
เปลี่ยนแปลงให้เป็นปัจจุบัน ในทุกๆปี ปัจจุบันกรมทรัพยากรธรณีได้จัดบัญชีแหล่งซากดึกดาบรรพ์ของ
ประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 โดยรวบรวมแหล่งซากดึกดาบรรพ์จากฐานข้อมูลกรมทรัพยากรณี จานวน 318
แหลง่ ที่พบกระจายตวั อยู่ทว่ั ทุกภาคของประเทศไทยและแบ่งจัดกลุ่มประเภทของการบริหารจัดการ โดยการ
ใช้หลักเกณฑ์ที่ประกาศภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดาบรรพ์ พ.ศ. 2551 มาเป็นตัวจัดกลุ่ม
สถานะการคุ้มครองตามกฎหมายแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่ม ดังนี้ (1) แหล่งซากดึกดาบรรพ์ที่ข้ึนทะเบียนแล้ว
(Rd) จานวน 19 แหล่ง (2) แหล่งซากดึกดาบรรพ์ที่ประกาศเป็นเขตสารวจศึกษาวิจัยแล้ว (Sd) จานวน
2 แหล่ง (3) แหล่งซากดึกดาบรรพ์ที่เตรียมการขึ้นทะเบียน (R) จานวน 40 แหล่ง (4) แหล่งซากดึกดาบรรพ์
เตรียมประกาศเป็นเขตศึกษาวิจัย (S) จานวน 118 แหล่ง (5) แหล่งซากดึกดาบรรพ์อ้างอิงทางวิชาการ (O)
จานวน 139 แหล่ง

คาสาคัญ: แหลง่ ซากดกึ ดาบรรพ์ บญั ชแี หลง่ ซากดกึ ดาบรรพ์ พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองซากดกึ ดาบรรพ์ พ.ศ. 2551

Poster Session

126 การประชุมวชิ าการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วนั ที่ 4-6 สงิ หาคม 2564

126

การจาแนกวทิ ยาหนิ และจัดทาแผนทวี่ ิทยาหนิ ในพนื ท่จี ังหวดั อตุ รดติ ถ์

ธีระชัย หน่อคาบตุ ร*, นา้ ฝน คาพิลงั , ทัศนพร เรอื นสอน และ นราเมศวร์ ธีระรังสกิ ลุ

สานักงานทรัพยากรธรณเี ขต 1 กรมทรพั ยากรธรณี
*E-mail: [email protected]

บทคัดย่อ

การจัดทาแผนท่ีพ้ืนที่ที่มีโอกาสเกิดดินถล่ม ปัจจัยหลักท่ีใช้ในการวิเคราะห์คือ ข้อมูล วิทยาหินและ
โครงสร้างทางธรณีวิทยา พ้ืนท่ีจังหวัดอุตรดิตถ์มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับท่ีราบ มีโครงสร้าง
ธรณีวิทยาที่ซับซ้อน โดยมีรอยเลื่อนอุตรดิตถ์ เป็นรอยเล่ือนมีพลังท่ีพบในพ้ืนท่ี จังหวัดอุตรดิตถ์ได้เกิดธรณี
พิบตั ิภัยแผ่นดนิ ถล่มขึ้นหลายครง้ั เพื่อเป็นการบริหารจัดการด้านแผ่นดินถล่มเชิงพื้นท่ีกรมทรัพยากรธรณีจึงมี
โครงการจัดทาแผนที่พื้นทีอ่ อ่ นไหวต่อการเกิดดนิ ถลม่ และได้มีการศกึ ษาธรณีวทิ ยาและวิทยาหินอย่างละเอียด
เพอื่ ใชป้ ระกอบ การศึกษาวิทยาหินในคร้ังนี้ใช้เกณฑ์การจาแนกลักษณะวิทยาหินสาหรับงานในทางวิศวกรรม
และการทาแผนท่ีวิศวกรรมธรณี ประกอบด้วย 4 เกณฑ์หลัก 1).ชนิดหินโดยทั่วไป (genetic type)
2).ลักษณะโครงสร้างทางกายภาพของมวลหิน (physical structure of rock mass) 3).ขนาดของอนุภาคท่ี
เป็นองค์ประกอบของหินท่ีปรากฏเด่นชัด (predominant grain size) 4).แร่องค์ประกอบ (mineralogical
composition) และอ้างอิงข้อมูลฐานจากแผนที่ธรณีวิทยา ของกรมทรัพยากรธรณี ผลการศึกษาพบว่าพื้นท่ี
จังหวัดอุตรดิตถ์ สามารถจาแนกวิทยาหินได้ 21 หน่วย (รูปภาพท่ี 1) ประกอบด้วย หินทราย 13 หน่วย
1).หนว่ ย SS-1 หินทรายเนื้อควอตซ์ ท่ีมีการแทรกสลับกับหินตะกอนเน้ือละเอียด 2). หน่วย SS-2 หินทรายท่ี
มีขนาดเม็ดละเอียดถงึ ปานกลาง การเรยี งตัวของเมด็ แร่และแปรสภาพ 3). หน่วย SS-3 หินทรายเน้ือทัพฟ์ หิน
กรวดมนเน้ือทัพฟ์ 4). หน่วย SS-4 หินทรายเนื้อควอตซ์ เนื้อค่อนข้างผุ ขนาดเม็ดละเอียดปานกลางถึงหยาบ
พบแทรกสลับด้วยหินดินดาน 5). หน่วย SS-5 หินทราย เนื้อผุเล็กน้อยถึงปานกลาง พบกรวดขนาดเล็กแทรก
ในเน้ือหิน แสดงลักษณะโครงสร้างการเฉียงระดับ 6). หน่วย SS-6 หินทราย เม็ดทรายขนาดปานกลาง คัด
ขนาดดี มีความกลมมนดี ช้ันหินหนา (thick-very thick) 7). หน่วย SS-7 หินทราย มีการแทรกสลับกับหิน
ตะกอนเน้ือละเอียด และพบหินกรวดมน สีม่วงแดงอยู่ชั้นล่างของหิน มีการคัดขนาดไม่ดี แต่มีความกลมมนดี
มาก 8). หน่วย FS 1 หินทรายแป้ง หินดินดาน และหินโคลน เนื้อค่อนข้างผุ พบการแปรสภาพเล็กน้อย
9). หน่วย FS-2 หินทรายแป้ง หินดินดานก่ึงแปรสภาพ เม็ดแร่เรียงตัวเป็นริ้ว พบการแปรสภาพ 10). หน่วย
FS-3 หินทราย หินทรายแป้ง เน้ือค่อนกลางผุ พบลักษณะแตกเป็นกาบ แสดงลักษณะโครงสร้างเฉียงระดับ
11). หน่วย FS-4 หนิ ทรายแป้ง สีน้าตาลแกมแดง แทรกสลับหินทราย แสดงการแตกแบบกาบและแท่งดินสอ
12). หนว่ ย FS-5 หินโคลนสีน้าตาลแกมแดง ชัน้ หนา (medium) แทรกสลบั หนิ ทรายแป้ง สนี า้ ตาล มีไมก้าปน
ด้วย 13).หน่วย CB หนิ ปนู สีเทา บางสว่ นถกู แปรสภาพเปน็ หินออ่ นและพบการแทรกสลับหนิ ทราย หนิ แปร 2
หน่วย 1).F-Met 1 หินแปรเกรดต้ังแต่เกรดสูงไปหาต่า ได้แก่ หินควอตซ์ไซส์ และหินทรายก่ึงแปรสภาพ
2). F-Met 2 หินฟิลไลท์ หินชนวน และหินดินดานก่ึงแปรสภาพ หินอัคนี 4 หน่วย 1). หน่วย GR หินแกรนิต
หินไดโอไรต์ ขนาดเนื้อผลึกหยาบถึงละเอียด เนื้อผุปานกลางถึงมาก 2).หน่วย CG หินกรวดมน พบการแปร
สภาพเล็กน้อย กรวดหินประกอบด้วย แอนดีไซด์ ไรโอไรต์ ปูน แกรนิต ควอตซ์ และเชิร์ต 3 ).หน่วย VOL
หนิ อคั นภี เู ขาไฟ หนิ ไรโอไลต์ หินแอนดีไซด์ หนิ เถา้ ภเู ขาไฟ หนิ แอนดซี ติ กิ เนอ้ื เถา้ ภเู ขาไฟ และ 4).หน่วย MU หนิ

Poster Session

ธรณวี ถิ ใี หม่ นวัตกรรมไทย เพอื่ การพฒั นาท่ียั่งยนื 127

อัคนีชนิดเมฟิกและอัลตราเมฟิก และตะกอน 2 หน่วย 1). หน่วย AL ตะกอนน้าพา และ 2). หน่วย COL
ตะกอนเชิงเขา

คาสาคัญ : ธรณวี ิทยา, วทิ ยาหิน, ธรณพี บิ ัติภัย

รูปที่ 1 แผนท่ีวทิ ยาหนิ ในพน้ื ทีจ่ งั หวดั อุตรดติ ถ์

Poster Session

128 การประชมุ วิชาการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันท่ี 4-6 สงิ หาคม 2564

128

การประเมินและจัดลาดบั ถาวกิ ฤตจงั หวดั ขอนแกน่ และนครราชสมี า

เพ่อื การพัฒนาเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเชงิ อนรุ ักษ์ประเภทถา

ญาดารกั ษ์ วลิ ุนกจิ * และ ปวีณา ใจหมัน่

สานักงานทรพั ยากรธรณี เขต 2 กรมทรพั ยากรธรณี
*E-mail: [email protected]

บทคัดย่อ

ประเทศไทยมีถ้ามากกว่า 6,000 ถ้า กระจายตัวอยู่ท่ัวทุกภาค (สามารถระบุตาแหน่งได้ 2,608 ถ้า)
ถ้าส่วนใหญ่เป็นถ้าหินปูน และลาดับรองลงมาคือถ้าหินทราย ซ่ึงแต่ละถ้ามีความแตกต่างกันและมีเอกลักษณ์
เฉพาะตัวทั้งด้านความโดดเด่นและลักษณะเส่ียงจากภัยธรรมชาติ อีกท้ังยังพบภัยคุกคามท่ีเกิดจากมนุษย์เข้า
ไปใชป้ ระโยชนจ์ ากพน้ื ทอี่ ยา่ งขาดความรคู้ วามเขา้ ใจและขาดจติ สานกึ เปน็ เหตใุ หถ้ ้าทม่ี คี ณุ คา่ สาคญั ในดา้ นตา่ งๆ
จานวนมากในประเทศไทย ถูกทาลายเสียหายจนไม่สามารถฟ้ืนฟูให้กลับมาอยู่ในสภาพดังเดิมได้ ดังน้ัน การ
เข้าไปใช้ประโยชน์ควรให้สอดคล้องกับศักยภาพถ้ามากท่ีสุด เพ่ือความปลอดภัยของผู้เข้าไปใช้และลด
ผลกระทบหรือความเสียหายทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ กับถ้าตามมา อกี ทัง้ ควรมกี ารจดั ลาดับความวิกฤตของถ้า เพ่ือใช้เป็น
ข้อมูลประกอบการพจิ ารณาเลอื กพน้ื ทเ่ี พอื่ การบรหิ ารจดั การใหอ้ ยใู่ นลาดบั ตน้ ๆ กอ่ นทถี่ ้าจะเสยี หายไปมากกวา่ ใน
ปจั จบุ นั

ในการประเมินและจัดลาดับถ้าวิกฤตคร้ังนี้ เป็นการสารวจเพื่อประเมินศักยภาพถ้าเบ้ืองต้นเพ่ือการ
พัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์ประเภทถ้า โดยพิจารณาในด้านความโดดเด่นและลักษณะเสี่ยงภัย
ภายในถา้ เปน็ หลัก “ความโดดเดน่ ” ในท่ีน้หี มายถงึ คุณคา่ และความน่าสนใจของถ้าในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ความ
โดดเดน่ ดา้ นตะกอนถ้าหรอื ประตมิ ากรรมถ้า เชน่ หนิ งอก หนิ ยอ้ ย ความโดดเดน่ ดา้ นธรณวี ทิ ยา เชน่ ซากดกึ ดาบรรพ์
ธรณวี ทิ ยาโครงสรา้ ง ความโดดเด่นด้านโบราณคดี เช่น ภาพเขียนสีก่อนยุคประวัติศาสตร์ เครื่องมือโบราณ ที่
พบภายในถ้า หรือข้อมูลสนับสนุนงานวิชาการอ่ืน ๆ ได้แก่ ส่ิงมีชีวิตภายในถ้า ส่วนลักษณะเส่ียงภัยภายในถ้า
พิจารณาใน 2 มิติ คือ (1) ความเส่ียงภัยต่อถ้าหรือภัยคุกคามท่ีเกิดจากกิจกรรมการท่องเท่ียวและลัทธิความ
เช่ือ ไดแ้ ก่ การทาลายหรอื ขดี เขียนประติมากรรมถา้ การจดุ ธปู เทียนหรือปฏบิ ัตพิ ิธกี รรมตา่ งๆ การติดต้ังระบบ
ไฟหรือทางเดินที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เป็นต้น (2) ความเส่ียงภัยจากธรรมชาติท่ีอาจส่งผลต่อความ
ปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ได้แก่ หินถล่ม หินร่วง หลุมยุบ น้าท่วม และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงเกินค่า
มาตรฐาน เปน็ ตน้

จากการสารวจและประเมินถ้าในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดนครราชสีมา ทั้งสิ้น 25 ถ้า พบว่ามี
จานวน 4 ถา้ ท่ีมีความโดดเด่นเหมาะสมในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียว โดยทั้ง 4 ถ้านี้ เป็นถ้าหินปูนท้ังส้ิน
ประกอบด้วย 1) ถ้าพญานาคราช จังหวัดขอนแก่น ถ้านี้ โดดเด่นด้านประติมากรรมถ้าและซากดึกดาบรรพ์
2) ถ้าภูตาหลอ จังหวดั ขอนแก่น โดดเด่นดา้ นประตมิ ากรรมถ้าและพัฒนาการถ้า 3) ถ้าแก้วสารพัดนึก จังหวัด
นครราชสีมา โดดเด่นด้านประติมากรรมถ้า และ 4) ถ้าแสงธรรม จังหวัดขอนแก่น โดดเด่นด้านภูมิประเทศ
(คาสต์) สาหรับลาดับถ้าวิกฤตนั้น ได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ (1) ความเส่ียงภัยท่ีเกิดข้ึนกับตัวถ้าท่ีเกิด
จากกิจกรรมการท่องเที่ยวและลัทธิความเช่ือ ได้แก่ ถ้าพญานาคราช (ขีดเขียน หักทาลายประติมากรรมถ้า
ก่อแนวหรือกองหินเป็นทรงเจดีย์ ทุบแร่แคลไซต์เพ่ือนาออกนอกถ้า และการจุดธูปเทียนเซ่นไหว้สักการะ )
ถ้าแก้วสารพัดนึก (การระบายสีบนม่านหินย้อย การวางเหรียญและธนบัตรบนหินงอกหรือหินน้าไหล

Poster Session

ธรณีวถิ ีใหม่ นวัตกรรมไทย เพ่ือการพฒั นาท่ียัง่ ยนื 129

ต้ังพระพุทธรปู ขนาดตา่ ง ๆ บนหนิ งอก และติดตั้งระบบไฟท่ีไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ) และถ้าภูตาหลอ (ขีด
เขยี นบนประติมากรรมถา้ และทบุ แร่แคลไซต์เพอ่ื นาออกนอกถ้า) ตามลาดับ และ (2) ความเส่ียงภัยที่อาจเกิด
ขึ้นกบั นกั ท่องเที่ยว ได้แก่ ถา้ แสงธรรม (ปลูกสรา้ งอาคารบนเทือกเขาหินปูนท่ีมีรอยแตกสูง) และ ถ้าพญานาค
ราช (หนิ ร่วง หินถลม่ หลุมยุบ) และถ้าแก้วสารพัดนึก (การทรุดตัวของพน้ื ถา้ ) ตามลาดับ

คาสาคญั : ถา้ วิกฤต, ศกั ยภาพถา้ , ความโดดเดน่ , ถ้าหินปูน, ประติมากรรมถา้ , ความเสี่ยงภยั

Poster Session

130 การประชุมวชิ าการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันที่ 4-6 สิงหาคม 2564

130

การประเมนิ ความเรว็ อนุภาคสงู สุดท่ลี ดลงตามระยะทางเพ่ือออกแบบการระเบิดหินในพนื ท่ี

การก่อสร้างอาคารระบายนาล้น อ่างเก็บนาลานาชอี ันเนื่องมาจากพระราชดาริ

อาเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภมู ิ

Assessment of peak particle velocity attenuation with distance for rock blast

design in the spillway of Namchi dam, Ban Khwao district, Chaiyaphum province

ชฎาทิพย์ สุปัญญา1, วิมล สุขพลา1*, ณิศรากร บารุงเกียรติ2 , เก็จบงกช บารุงเกียรติ2, จิรัฏศวิญ สีดอนซ้าย2
และ ณัฐวฒุ ิ ฉมารัตน์2

1สาขาวชิ าเทคโนโลยธี รณี คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ตาบลในเมอื ง อาเภอเมอื งขอนแกน่ จงั หวดั ขอนแกน่ 40002
2สานกั งานชลประทานที่ 6 กรมชลประทาน 215 ถนนศรจี ันทร์ ตาบลในเมือง อาเภอเมอื งขอนแก่น จังหวดั ขอนแก่น 40000

*E-mail: [email protected]

บทคดั ยอ่

โครงการการก่อสร้างอ่างเก็บน้าลาน้าชีอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ตั้งอยู่ท่ีอาเภอบ้านเขว้า จังหวัด
ชัยภูมิ โดยมีวัตถุประสงค์การก่อสร้างเพ่ือการบริหารจัดการน้าในพ้ืนที่ลาน้าชีตอนบนให้มีประสิทธิภาพสูง
ท่ีสุด โครงสร้างของสร้างอ่างเก็บน้าออกแบบให้มีอาคารระบายน้าล้นเพื่อใช้ควบคุมปริมาณการไหลผ่านของ
น้าในอ่างเก็บน้า ซ่ึงการเปิดพื้นที่ส่วนที่เป็นหินเลือกใช้วิธีการระเบิดเพื่อให้ได้ระดับตามแบบการก่อสร้างจึง
ส่งผลให้เกิดการส่ันสะเทอื นทอี่ าจจะกระทบต่อความมนั่ คงอาคารและส่ิงก่อสร้างอื่นในพ้ืนที่โครงการได้ ดังนั้น
การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาธรณีวิทยาของพื้นที่และประเมินการลดลงของความเร็วอนุภาคสูงสุด
ตามระยะทางของอ่างเก็บน้าลาน้าชีรวมถึงการออกแบบการระเบิดให้มีผลกระทบต่ออาคารน้อยที่สุด
วิธีการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การสารวจภาคสนามเพ่ือศึกษาลักษณะทางธรณีวิทยาและธรณีวิทยา
โครงสร้างของฐานรากในพ้ืนท่ี จากนั้นทาการประเมินระยะปรับทอนรวมถึงค่าคงที่ที่ขึ้นอยู่กับลักษณะทาง
ธรณวี ทิ ยาที่ทาการระเบดิ นอกจากนี้ยงั ไดท้ าการทดสอบกาลงั อัดแกนเดียวและคา่ หนว่ ยน้าหนักของหินเพื่อใช้
ในการประเมินร่วมด้วย ผลการศึกษาสภาพธรณีวิทยาของพ้ืนท่ีพบว่าเป็นหินทรายสีน้าตาลแดงของหมวดหิน
โคกกรวด ปิดทับด้วยช้ันดินที่มีความหนาประมาณ 3 – 5 เมตร และผลการประเมินค่าคงท่ีท่ีข้ึนกับสภาพ
ธรณวี ิทยาพบว่าในบริเวณพน้ื ที่ศกึ ษา มจี ดุ ตดั แกนคา่ อนภุ าคความเร็วเท่ากับ 723.22 มิลลิเมตร/วินาที และมี
ค่าเลขชี้กาลังปัจจัยลาดชันเท่ากับ 1.463 โดยสามารถออกแบบการระเบิดได้จากค่าความเร็วอนุภาคสูงสุด
และค่าคงที่ท่ีขึ้นกับสภาพธรณีวิทยาพบว่าระยะสูงสุดท่ีคลื่นสั่นสะเทือนที่เกิดจากการระเบิดจะต้องมีค่า
มากกว่า 185.00 เมตร ซง่ึ จะต้องมีระยะหา่ งหลมุ ระเบิด 3.36 เมตร ความลึกของหลุมระเบิด 5.56 เมตร โดย
จะใชป้ รมิ าณระเบดิ ในแต่ละรอบ 908.16 กิโลกรัม และจะต้องมีค่าระยะปรับทอนมากกว่า 6.14 เมตร/รากท่ี
สองของกิโลกรัม โครงสร้างอาคารจงึ จะไม่ไดร้ ับความเสยี หาย

Poster Session

ธรณีวถิ ใี หม่ นวัตกรรมไทย เพอื่ การพฒั นาทีย่ ัง่ ยืน 131

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสาหรับการเก็บข้อมูลเพ่ือการอนุรักษ์และการบรหิ ารจดั การ
แหลง่ ซากดกึ ดาบรรพ:์ กรณศี กึ ษาแหลง่ ซากดกึ ดาบรรพโ์ ครงกระดูกวาฬ อาเภอบ้านแพ้ว

จังหวดั สมุทรสาคร

ภเู บศร์ สาขา

กรมทรพั ยากรธรณี

บทคดั ย่อ

แหล่งซากดึกดาบรรพ์ที่สาคัญในประเทศไทย จากข้อมูลการสารวจมีการพบอยู่ทั่วประเทศกว่า
500 แหล่ง การดาเนินการเก็บข้อมูลแหล่งซากดึกดาบรรพ์เพ่ือหาความสาคัญจึงมีความจาเป็นต้องใช้
ทรพั ยากรจานวนมากในการดาเนนิ การตามภารกิจหน้าที่กากับ ดูแล ติดตามการคุ้มครองซากดึกดาบรรพ์และ
การบริหารจัดการแหล่ง ซากดึกดาบรรพ์ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดาบรรพ์ พ.ศ.2551
การนาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการเก็บข้อมูลน้ันจะเป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพของการจัดเก็บข้อมูลแหล่ง
ซากดกึ ดาบรรพ์ และชว่ ยลดปัญหา อุปสรรคตา่ งๆ ของวิธีการจัดเก็บข้อมูลแหล่งซากดึกดาบรรพ์ท่ีดาเนินการ
อยู่ในปัจจุบัน อีกท้ังสามารถนาข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการเผยแพร่ผ่านทางส่ือต่าง ๆได้อย่างทันสมัยและรวดเร็ว
ผู้ศึกษาจงึ เลือกใชเ้ ทคโนโลยีด้านการสารวจด้วยภาพถ่าย (Photogrammetry) มาใช้ศึกษากับพื้นที่แหล่งซาก
วาฬโบราณ บริเวณตาบลอาแพง อาเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โดยประกอบด้วย เทคโนโลยีการทา
แผนท่ีด้วยภาพถ่ายจากอากาศยานไรคนขับ (Unmanned Aerial Vehicle, UAV) นิยมเรียกว่า โดรน
(drone) และอกี หนง่ึ เทคโนโลยที ่จี ะนาใชค้ ือ การสร้างแบบจาลองสามมิติด้วย Mobile Application ซ่ึงทาให้
การดาเนินการเกบ็ ขอ้ มลู แหล่งซากดกึ ดาบรรพม์ ีประสิทธิภาพสูงขนึ้ อกี ท้งั ยงั สามารถนาข้อมูลแหล่งซากดึกดา
บรรพท์ ไ่ี ดไ้ ปเผยแพร่ไดส้ ะดวกและทนั สมัยในรปู แบบสามมติ ไิ ด้อีกด้วย

Poster Session

132 การประชุมวิชาการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันที่ 4-6 สิงหาคม 2564

132

การประยุกตอ์ งคค์ วามรูท้ างธรณีวทิ ยาเพ่ือสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกบั วตั ถุแปลก

และปรากฏการณ์เหนอื ธรรมชาติ : กรณศี ึกษาหินนิวมือ

ปรัชญา บารุงสงฆ์*, ภรณท์ ิพย์ ก่อสินวัฒนา, ภานุชนารถ มติ รศรสี าย และ ประภาพรรณ จนั ทมาศ

สานกั งานทรัพยากรธรณี เขต 4 กรมทรัพยากรธรณี
*E-mail : [email protected]

บทคัดย่อ

ด้วยสานักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 ภายใต้กากับกรมทรัพยากรธรณี มีหน้าท่ีและอานาจตาม
กฎกระทรวงในการ ศึกษา วิจัย และพัฒนาด้านธรณีวิทยา แหล่งธรณีวิทยา ให้คาปรึกษา แนะนา ตลอดจน
บรกิ ารขอ้ มลู ทางวชิ าการดา้ นธรณวี ทิ ยา ทรพั ยากรธรณี ซากดกึ ดาบรรพ์ ธรณวี ทิ ยาสง่ิ แวดลอ้ ม และธรณพี บิ ตั ภิ ยั
อีกทัง้ ยังปฏิบตั งิ านรว่ มกับหรือสนบั สนุนการปฏบิ ตั ิงานของหนว่ ยงานอืน่ ทเ่ี กย่ี วข้องหรอื ไดร้ ับมอบหมาย

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2563 มีกระแสในส่ือออนไลน์ พบ “หินนิ้วมือ” ที่เกาะคอเขา บ้านนอกนา
หมู่ 2 อาเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พิกัดอ้างอิง 47 P 420164 เมตร ตะวันออก 996451 เมตร
เหนือ สานักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 ลงตรวจสอบในพ้ืนที่เป็นแร่ควอตซ์ (Quartz) สีขาว ขนาดกว้างยาว
ประมาณ 1-3 เซนติเมตร รูปร่างคล้ายน้ิวมือที่มีเล็บติด ซึ่งเกิดเองตามธรรมชาติ มีความแข็งมากและมีความ
ทนทานต่อการสึกกร่อนสูง ในพ้ืนที่ใกล้เคียงพบ กรวดชนิดแร่ควอตซ์สีขาวลักษณะมนและเหล่ียม
มีรูปลักษณะตามธรรมชาติแบบต่าง ๆ ปะปนในเนื้อหินอยู่ทั่วไป ลักษณะธรณีวิทยาในพ้ืนที่ เป็นหินโคลนปน
กรวด หินทรายปนกรวด หินโคลนและหินทราย สีเทา สีเทาเขียว และสีเทาดา หมวดหินเกาะเฮ กลุ่มหินแก่ง
กระจาน โดยกรวดประกอบด้วยกรวดชนิดแร่ควอตซ์ หินทราย หินทรายแป้ง เฟลด์สปาร์ หินแกรนิต เป็นต้น
ซ่ึงเกดิ จากการสะสมตัวของตะกอนทะเลในช่วงปลายยุคของคาร์บอนิเฟอรัสถึงประมาณช่วงต้นยุคเพอร์เมียน
อายุประมาณ 360 – 245 ลา้ นปมี าแล้ว มรี อยสัมผัสแบบตอ่ เนอื่ งกับอยู่ใตห้ นิ ปูนของกลมุ่ หนิ ราชบุรี

สานักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 ได้จัดทาสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์ และส่งข้อมูลไปยังหน่วยงาน
ท้องถ่ิน เพ่ือให้ความรู้แก่ประชาชน หน่วยงานในท้องถ่ิน ซ่ึงจะสามารถนาไปพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเท่ียวหรือ
ให้ความรู้ได้

คาสาคญั : หนิ นิ้วมอื พงั งา

Poster Session

ธรณวี ิถใี หม่ นวัตกรรมไทย เพอื่ การพัฒนาทีย่ ่งั ยนื 133

การประยกุ ตไ์ อโซโทปฮาฟเนียมจากหนิ แกรนติ อยด์กับการกระจายตัวของแหลง่ แรโ่ ลหะ
ในประเทศไทย

อภวิ ุฒิ วีรวินนั ทนกลุ 1,* Ryohei Takahashi1 Andrea Agangi1 Marlina Elburg2
Henriette Ueckermann2 และ ปัญญา จารศุ ริ ิ3, 4

1Graduate School of International Resource Sciences, Akita University, Japan, 010-8502
2Department of Geology, Faculty of Science, University of Johannesburg, South Africa, 2092

3กรมทรัพยากรธรณี ถนนพระราม 6 เขตพญาไท กรงุ เทพมหานคร 10400
4หน่วยวจิ ยั MESA คณะวิทยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั กรงุ เทพมหานคร 10330

*E-mail: [email protected]

บทคดั ย่อแบบขยาย (Extended abstract)

การเข้าปะทะกันของแผ่นเปลือกโลกฉานไทย (Sibumasu plate) กับแผ่นเปลือกโลกอินโดจีน
(Indochina plate) ก่อให้เกิดแหล่งแร่โลหะ, โลหะพื้นฐาน, และโลหะมีค่ามากมายหลายชนิด ซึ่งแหล่งแร่
เหลา่ น้กี ระจายตวั แบบเฉพาะเจาะจงในแต่ละภูมิธรณีแปรสัณฐาน (tectonic terranes) ดังนั้นการวิจัยน้ีจึงมี
วัตถุประสงคเ์ พอื่ หาความสมั พันธ์ระหวา่ งไอโซโทปฮาฟเนียม (Hafnium: Hf) ในเพทาย (zircon) จากหินอัคนี
กับการกระจายตวั ของแหลง่ แร่เหล่านี้ โดยที่หินแกรนิตอยด์ (granitoids) จากแนวสุโขทัย (Sukhothai Belt)
ถกู เลอื กนามาเปน็ ตัวอย่างในการศึกษานี้

การผนวกขอ้ มลู ธรณวี ทิ ยาและการกระจายตัวของแหล่งแร่ดังกล่าวร่วมกับผลการหาอายุ U-Pb และ
ไอโซโทปฮาฟเนียมในเพทายจากหินแกรนิตอยด์สามารถนามาใช้เพื่อหาความสัมพันธ์ของกระบวนการแปร
สัณฐานเปลือกโลกและการกาเนิดแหล่งแร่ได้ ผลการวิจัยนี้พบว่า หินแกรนิตอยด์ในพื้นท่ีแบ่งย่อยเป็น 2 ช่วง
อายุ คือ ช่วงอายุประมาณ 243 ถึง 237 ล้านปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แผ่นสมุทรของแผ่นฉานไทยมุดตัวลงข้างใต้
แผน่ อนิ โดจนี และช่วงอายุ 230 ถงึ 202 ลา้ นปี เปน็ ชว่ งหลังจากเกิดการปะชิดกันระหว่างแผ่นเปลือกโลกฉาน

ไทยกับแผ่นอินโดจีน นอกจากน้ันผลไอโซโทปฮาฟเนียมมีค่าเฉล่ีย εHf เร่ิมต้นในเพทายจากหินแกรนิตอยด์
จากเขตสโุ ขทยั มคี า่ ตง้ั แต่ -8.0 ถึง +9.2 บ่งบอกถึงแหล่งท่ีมาของหินหนืดในแนวสุโขทัยว่ามาจากการผสมกัน
ระหว่างหนิ เปลอื กโลกดงั้ เดิมกบั หินเปลือกโลกเกิดใหม่

นอกจากนนั้ ผลไอโซโทปฮาฟเนียมของการศึกษาน้ีร่วมกับผลงานวิจัยเก่าท้ังในและนอกประเทศไทย

มาสังเคราะห์ใหม่เพ่ือจัดทาเป็นแผนที่ไอโซโทปฮาฟเนียม พบว่าค่าเฉล่ีย εHf เร่ิมต้นจากหินอัคนีในแนวเลย
(Loei belt) มีค่าเป็นบวก (+1.0 ถึง +12.7 และมีค่าเฉล่ียเท่ากับ +6.6) ซึ่งบ่งบอกถึงแหล่งท่ีมาของหินหนืด
ในบริเวณนี้ว่ามาจากหินเปลือกโลกใหม่และมีศักยภาพให้แหล่งแร่ทองแดง ทองคา และเหล็กในรูปแบบหิน
อัคนีเน้ือดอก (Porphyry), หินสการ์น (skarn), และแหล่งแร่น้าร้อน (epithermal deposits) ส่วนค่าเฉลี่ย

εHf เร่ิมต้นจากหินอัคนีเขตอินทนนต์ (Inthanon zone) และบนแผ่นฉานไทยมีค่าส่วนใหญ่เป็นลบ (-15.5
ถึง +0.8 และมคี ่าเฉลยี่ เทา่ กับ -11.5) ซ่ึงบ่งบอกถึงแหล่งที่มาของหินหนืดในบริเวณนี้ว่ามาจากหินเปลือกโลก
ด้ังเดิมและมีศักยภาพให้กาเนิดแหล่งแร่ดีบุกและทังสเตนที่สัมพันธ์กับหินแกรนิตตะกอน (S-type granites)

สาหรับแนวสุโขทยั ท่มี คี ่าเฉลี่ย εHf เริ่มต้นจากหินอคั นีสว่ นใหญ่เป็นบวกเลก็ นอ้ ยหรือลบเล็กน้อยหรือมีค่าใกล้
ศูนย์ (-4.9 ถึง +11.0 และมีคา่ เฉล่ียเทา่ กับ +2.3) บ่งบอกถึงแหล่งท่ีมาของหินหนืดในบริเวณนี้มาจากผสมกัน

Poster Session

134 การประชมุ วชิ าการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วนั ที่ 4-6 สิงหาคม 2564

134
ระหว่างหินเปลือกโลกด้ังเดิมกับหินเปลือกโลกเกิดใหม่และมีศักยภาพในการให้กาเนิดแหล่งแร่ทองคา พลวง

และทังสเตนแบบบรรพตรงั สรรค์ (orogenic-type)

รปู ท่ี 1 แผนทป่ี ระเทศไทยและขา้ งเคยี งแสดงการกระจายตวั ของขอ้ มลู εHf(t) และ εNd(t) จากการศึกษานแี้ ละงานวจิ ัยเกา่ ([4],
[5], [7], [13] และ [14]) ค่า εNd(t) ถูกแปลงคา่ เปน็ εHf(t) ดว้ ยสมการ εHf = 1.34εNd+2.82 ([12]) ขอบเขตธรณแี ปร
สณั ฐานอา้ งองิ จาก [1], [8] และ [9] ขอ้ มลู แหลง่ แรอ่ า้ งองิ จาก [2], [3], [6], [10] และ [11] (C.M.-C.R. S.Z. = Chiang Mai-
Chiang Rai suture zone; Nan-Uttaradit S.Z. = Nan-Uttaradit suture zone; Sa Kaeo S.Z. = Sa Kaeo suture
zone; ST = Sibumasu Terrane หรือ Sibumasu Plate; IZ = Inthanon Zone; SFB = Sukhothai Fold Belt หรือ
Sukhothai Belt; LFB = Loei Fold Belt หรอื Loei Belt; และ IT = Indochina Terrane หรอื Indochina Plate)

เอกสารอ้างองิ
ปญั ญา จารศุ ริ ,ิ อภสิ ทิ ธ์ิ ซาลมั , ฐาสณิ ยี ์ เจรญิ ฐติ ริ ตั น,์ พษิ ณพุ งศ์ กาญจนพยนต,์ ประหยดั นนั ทศลี , สคุ นธเ์ มธ จิ

ตรมหนั ตกลุ , ชวศิ า ภเู่ จรญิ ชยั วรรณ, สทิ ธโิ ชค กาลงั วดั , ฉตั รเฉลมิ เกษเวชสรุ ยิ า และ อภวิ ฒุ ิ วรี วนิ นั ทน
กลุ (2558). ขอบเขตของแนวสโุ ขทยั ตอนลา่ งในภาคกลางและภาคตะวนั ออกของประเทศไทย: หลกั ฐาน
จากการผนวกขอ้ มลู ธรณวี ทิ ยา ธรณฟี สิ กิ ส์ ธรณเี คมี และโทรสมั ผสั . การประชมุ วชิ าการกรมทรพั ยากร

Poster Session

ธรณวี ิถใี หม่ นวัตกรรมไทย เพือ่ การพัฒนาทย่ี งั่ ยนื 135

ธรณปี ระจาปี พ.ศ.2558, 8- 9 กนั ยายน 2558, กรงุ เทพฯ, 223-227.
Crow, M. J. and Khin Zaw. (2011) Metalliferous minerals. In: Ridd, M. F., Barber, A. J., Crow, M. J.

(Eds.), The Geology of Thailand. The Geological Society of London, 459-492.
Department of Mineral Resources. (2007a). Mineral resources map. Available at: http://

www.dmr.go.th/n_more_news.php?nid=110345 [Accessed 18th June 2020]
Dew, R. E. C., Collins, A. S., Glorie, S., Morley, C. K., Blades, M. L., Nachtergaele, S., King, R., Foden,

J., De Grave, J., Kanjanapayont, P., Evans, N. J., Alessio, B. L. and Charusiri, P. (2018a). Prob-
ing into Thailand’s basement: New insights from U-Pb geochronology, Sr, Sm-Nd, Pb and

Lu-Hf isotopic systems from granitoids. Lithos, 320-321, 332-354.
Gardiner, N. J., Searle, M. P., Morley, C. K., Robb, L. J., Whitehouse, M. J., Roberts, N. M. W., Kirk-

land, C. L. and Spencer, C. J. (2018). The crustal architecture of Myanmar imaged through
zircon U-Pb, Lu-Hf and O isotopes: Tectonic and metallogenic implications. Gondwana
Research, 62, 27-60.
Khin Zaw, Meffre, S., Lai, C. -K., Burrett, C., Santosh, M., Graham, I., Manaka, T., Salam, A.,
Kamvong, T. and Cromie, P. (2014). Tectonics and metallogeny of mainland Southeast Asia
— a review and contribution. Gondwana Research, 26, 5-30.
Qian, X., Wang, Y., Zhang, Y., Wang, Y. and Senebouttalath, V. (2020). Late Triassic post-collisional
granites related to Paleotethyan evolution in northwestern Lao PDR: Geochronological
and geochemical evidence. Gondwana Research, 84, 163-176.
Rittisit, R., Neawsuparp, K. and Charusiri, P. (2013). Application of Airborne Geophysics to the Interpretation
of Geologic Setting in Nan-Uttaradit Area, Northern Thailand. Bulletin of Earth Sciences of Thai-
land, 5(1), 21-29.
Sone, M. and Metcalfe, I. (2008). Parallel Tethyan sutures in mainland Southeast Asia: new insights for
Palaeo-Tethys closure and implications for the Indosinian orogeny. Comptes Rendus Geoscience,
340(2-3), 166-179.
Tangwattananukul, L. (2021). Microstructure of pyrite related to gold deposit, Huai Yuak area, Sukhothai

Province, Northern Thailand. Journal of Physics: Conference Series, 1719(1), 012031.
Tangwattananukul, L. and Ishiyama, D. (2018). Characteristics of Cu–Mo Mineralization in the Chatree

Mining Area, Central Thailand. Resource Geology, 68(1), 83-92.
Vervoort, J. D., Patchett, P. J., Blichert-Toft, J. and Albarède, F. (1999). Relationships between Lu-Hf and

Sm-Nd isotopic systems in the global sedimentary system. Earth and Planetary Science Letters,
168(1-2), 79-99.
Wang, Y., Yang, T., Zhang, Y., Qian, X., Gan, C., Wang, Y., Wang, Y. and Senebouttalath, V. (2020b). Late
Paleozoic back-arc basin in the Indochina block: Constraints from the mafic rocks in the Nan and
Luang Prabang tectonic zones, Southeast Asia. Journal of Asian Earth Sciences, 195, 104333.
Zhao, T., Qian, X. and Feng, Q. (2016). Geochemistry, Zircon U-Pb Age and Hf Isotopic Constraints on
the Petrogenesis of the Silurian Rhyolites in the Loei Fold Belt and Their Tectonic Implications.
Journal of Earth Science, 27(3), 391-402

Poster Session

136 การประชุมวชิ าการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันที่ 4-6 สิงหาคม 2564

136

การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศของกรมทรัพยากรธรณี

จนั ทรแ์ รม พทุ ธเสม, พชั รา สังขเ์ งิน, จรภิ าพร, ชัยเลิศวณิชกุล และ สริ ิรตั น์ พูลเกษม

สว่ นความรว่ มมือระหวา่ งประเทศ กองอนุรักษแ์ ละจดั การทรพั ยากรธรณี กรมทรพั ยากรธรณี

บทคดั ย่อ

การประสานความรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศ เปน็ ภารกิจสนับสนุนสาคัญในการขับเคลื่อนงานภารกิจหลัก
ด้านธรณวี ทิ ยา ทรพั ยากรธรณี ซากดกึ ดาบรรพ์ ธรณวี ทิ ยาสง่ิ แวดลอ้ ม และธรณพี บิ ตั ภิ ยั ของกรมทรพั ยากรธรณี
ในการบริหารจัดการและการพัฒนาทรัพยากรธรณีอย่างยั่งยืน มุ่งเป้าหมายไปสู่คุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้นของ
ประชาชนในสังคมปรกติใหม่ โดยกรมทรัพยากรธรณีมีการดาเนินงานการประสานความร่วมมือระหว่าง
ประเทศท้ังในรปู แบบทวภิ าคแี ละพหภุ าคี คอื 1. ความรว่ มมอื ทวภิ าคี ไดแ้ ก่ ไทย-มาเลเซยี ไทย-ญป่ี นุ่ ไทย-จนี และ
ไทย-เกาหลใี ต้ และ 2. ความร่วมมือพหุภาคีและองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ CCOP, ASOMM, UNCLOS,
ISA, CGMW, IUGS, IGC, ICOM, UNECE, IGCP, APGN, GGN, ICC, GEOSEA และความร่วมมือเครือข่าย
อาเซียน+3 ร่วมกับหน่วยงานต่างประเทศด้านธรณีวิทยาและองค์การระหว่างประเทศทางธรณีศาสตร์
เพอ่ื ดาเนนิ การตามพนั ธกรณรี ะหวา่ งประเทศ รกั ษาผลประโยชนแ์ ละการมบี ทบาทของไทยในเวทรี ะหวา่ งประเทศ
ส่งเสรมิ และพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถทางวิชาการของบุคลากรและองค์กร ก่อให้เกิดความร่วมมือ
ร่วมกันทางวชิ าการและการแลกเปล่ียนองค์ความรู้และเทคโนโลยีระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเปิด
โอกาสให้มกี ารเผยแพร่องค์ความรู้สาคญั ทางวชิ าการในเวทีระหว่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์และ
เสรมิ สร้างเครือขา่ ยความรว่ มมอื กบั ต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศในทุกมิติ มุ่งให้ไทยเป็นศนู ยก์ ลาง
การพฒั นาทางวชิ าการดา้ นธรณวี ทิ ยาและทรพั ยากรธรณใี นภมู ภิ าค ตลอดจนการมบี ทบาทสาคญั ในการขับเคล่ือน
ประชาคมอาเซยี นต่อไป

คาสาคญั : ความรว่ มมอื ระหว่างประเทศ, การขบั เคลอ่ื นงานภารกจิ หลกั

Poster Session

ธรณีวถิ ีใหม่ นวตั กรรมไทย เพื่อการพฒั นาที่ย่งั ยนื 137

การผลักดนั แหล่งซากไมต้ ากไปสกู่ ารประกาศระดบั โลก

ฐิติกัญ จุลรัตนมณี*, นภาพร ติ๊บผัด และ ฐาปนีย์ เพ็งถา

กองคุ้มครองซากดึกดาบรรพ์ กรมทรัพยากรธรณี กรุงเทพมหานคร
e-mail: [email protected]

บทคดั ยอ่

แหล่งซากไม้ตาก” บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย (เตรียมการ) จังหวัดตาก ถูกค้นพบ
ต้ังแต่ ปี 2546 ซ่ึงภายในแหล่งน้ีได้มีการค้นพบไม้กลายเป็นหินจานวนมาก และไม้กลายเป็นหินต้นท่ี 1
พบว่ามีความสาคัญและมีความโดดเด่น เป็นไม้กลายเป็นหินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว
72 เมตร จากการสารวจและศึกษากว่า 18 ปีที่ผ่านมา ไม้กลายเป็นหินต้นท่ี 1 ได้รับการรับรู้ในวงวิชาการ
ว่าเป็นไม้กลายเป็นหินท่ียาวท่ีสุดในโลกอย่างไม่เป็นทางการ และเป็นมรดกทางธรณีวิทยาท่ีแสดงถึงความ
หลากหลายของพืชพันธุ์และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่น่าสนใจ

จากความความโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไม้กลายเป็นหินต้นที่ 1 จึงได้สมัครเพื่อรับการ
บันทึกสถิติโลกทางออนไลน์ต่อ Guinness World Record เพ่ือบันทึกสถิติเป็น “ไม้กลายเป็นหินท่ียาวท่ีสุด
ในโลก (Longest tree trunk fossil-silicified)” โดยการประชาสัมพันธ์มีจุดประสงค์เพ่ือสร้างการรับรู้และ
ผลักดัน “แหล่งซากไม้ตาก” ให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับสากล ยกระดับให้
แหลง่ ซากดกึ ดาบรรพข์ ึน้ ทะเบยี นไมก้ ลายเป็นหินท่ียาวที่สุดในโลกเป็นจดุ ดึงดูดในการสร้างอุทยานธรณีจังหวัด
ตาก โดยการประชาสัมพันธ์จะมีส่วนช่วยในการเผยแพร่ “แหล่งซากไม้ตาก” ให้เป็นทร่ี จู้ กั อยา่ งแพรห่ ลาย
ประกอบไปดว้ ย การจดั ทาสารคดใี หค้ วามรทู้ างธรณวี ทิ ยา แหลง่ ซากดกึ ดาบรรพไ์ มก้ ลายเปน็ หนิ ผ่านสื่อออนไลน์
และสื่อมวลชนต่าง ๆ ในการจัดกิจกรรมเปิดตัว “ไม้ตาก” จะจัดกิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือในชุมชนใน
การอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในพื้นท่ีเพ่ือผลักดันให้เกิดการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน
เช่น การอบรมมัคคุเทศก์ท้องถ่ิน การพัฒนานักออกแบบและสร้างผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เช่ือมโยงกับไม้ตาก
โดยประโยชน์ที่ได้จากการผลักดัน “ไม้ตาก” ไปสู่การประกาศระดับโลก ในด้านวิชาการ จะช่วยผลักดันให้
เกิดการต่อยอดในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการพันธ์ุไม้ในอดีต และการศึกษาการเปล่ียนแปลง
สภาพแวดล้อมในอดีตสู่การพยากรณ์และอธิบายปรากฎการณ์ต่าง ๆ ท้ังในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้
ส่วนทางด้านเศรษฐกิจและสังคม จะช่วยผลักดันให้เกิดการท่องเท่ียวและเสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชน
อีกทั้งยังสร้างความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมกับชุมชนในการอนุรักษ์มรดกทางธรณี

คาสาคัญ: ไม้ตาก, ไม้กลายเป็นหินที่ยาวท่ีสุดในโลก, แหล่งซากไม้ตาก, อุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย
(เตรียมการ)

Poster Session

138 การประชมุ วชิ าการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันท่ี 4-6 สงิ หาคม 2564

138

การพฒั นาระบบฐานข้อมูลภมู ิสารสนเทศของกรมทรพั ยากรธรณี

ปยิ าอร อัศวพชั ระ*, นุชจรี เจรญิ บุญวานนท์, ฤทัยชนก สายนา้ ทพิ ย์, สาวิตรี ลือชาอภิชาติกุล
พิมลวรรณ ทมิ แกว้ , ปรัตถกร มามวลทรัพย์ และ อานาจ สาอางค์

ศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร กรมทรพั ยากรธรณี 75/10 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทงุ่ พญาไท เขตราชเทวี กรงุ เทพ 10400
*E-mail: [email protected]

บทคดั ยอ่

กรมทรพั ยากรธรณี ได้พัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านภูมิสารสนเทศขึ้นใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562
สาหรบั ใชใ้ นการรวบรวมและจดั การขอ้ มูลดา้ นธรณีวทิ ยาและทรัพยากรธรณี เพอื่ เป็นศูนย์กลางข้อมูลเชิงพื้นท่ี
สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ การตัดสินใจของผู้บริหาร และการให้บริการแก่ประชาชนท่ัวไป โดย
ระบบฐานขอ้ มลู ภมู สิ ารสนเทศนไี้ ดอ้ อกแบบและพฒั นาโปรแกรมประยุกตใ์ นรูปแบบ Web-based Application
ท่ีสามารถรองรับการใช้ข้อมูลด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านธรณีวิทยา ด้านทรัพยากรแร่ ด้านซากดึกดาบรรพ์ ด้าน
ธรณีวิทยาส่ิงแวดล้อม และด้านธรณีพิบัติภัย รวมท้ังส้ิน 41 ชั้นข้อมูล ซ่ึงเจ้าหน้าที่และประชาชนท่ัวไป
สามารถเข้าถึงระบบได้ทาง URL: https//gis.dmr.go.th นอกจากน้ี การพัฒนาระบบฐานข้อมูลภูมิ
สารสนเทศดังกล่าว ยังสามารถให้บริการเช่ือมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีอยู่บนระบบฐานข้อมูลกับระบบอื่นท่ี
รองรับ ผ่านการให้บริการในรูปแบบ API เพ่ือสนับสนุนการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ได้
นาไปวิเคราะห์เพ่ือประกอบการตัดสินใจ โดยปัจจุบันมีการบูรณาการระบบฐานข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ ใน
หลายโครงการ อาทิ ระบบฐานข้อมูลเปิดภาครัฐ ระบบฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพเพ่ือการใช้
ประโยชน์ และระบบฐานข้อมูลการเกษตรแหง่ ชาติ เปน็ ต้น

การพัฒนาระบบฐานขอ้ มูลด้านภมู สิ ารสนเทศ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จะประกอบด้วย การเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ของโปรแกรมประยุกต์ Web-based Application การเชื่อมโยง
ข้อมูลกับระบบฐานข้อมูลแผ่นดินไหว และการจัดทา GIS Portal เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
ข้อมูลและการให้บริการประชาชน โดยจะจัดทาโปรแกรมประยุกต์ภายใต้ GIS Portal ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่
โปรแกรมประยุกต์รูปแบบ Native Mobile Application เพื่ออานวยความสะดวกสาหรับการบันทึกและส่ง
ข้อมูลจากภาคสนาม โปรแกรมประยุกต์รูปแบบ Interactive Dashboard เพ่ือสรุปข้อมูลเชิงพื้นท่ี
ประกอบการตัดสินใจ และโปรแกรมประยุกต์รูปแบบ Web Application Builder เพื่อเพ่ิมช่องทางการ
บริการสืบค้นข้อมูลสาหรับประชาชน ส่วนการปรับปรุงฐานข้อมูลนั้นจะมีการปรับปรุงโครงสร้างในบางช้ัน
ข้อมลู ให้ตอบสนองการใช้งานยิ่งข้นึ และเพ่ิมเติมชัน้ ข้อมูลใหมเ่ ขา้ สู่ระบบ

คาสาคัญ: ฐานข้อมูลภูมิสารสนเทศ, ธรณีวิทยา, ทรัพยากรแร่, ซากดึกดาบรรพ์, ธรณีวิทยาส่ิงแวดล้อม,
ธรณพี ิบัตภิ ัย, GIS Portal

Poster Session

ธรณวี ิถใี หม่ นวัตกรรมไทย เพือ่ การพัฒนาทีย่ งั่ ยนื 139

การวเิ คราะห์การไหลซมึ ผ่านฐานรากโครงการอ่างเก็บนาเขาวงศพ์ ระจนั ทร์ อาเภอเทพสถิต
จังหวดั ชยั ภูมิ

Analysis of seepage in foundation, Khao Wong Phrachan Reservoir Project,
Thep Sathit District, Chaiyaphum province

ฐิตณิ ัฏฐ์ สทุ ธิวงษ์1, วมิ ล สุขพลา1*, ณศิ รากร บารงุ เกียรติ2 , เก็จบงกช บารุงเกียรติ2, จิรฏั ศวิญ สดี อนซา้ ย2
และ ณฐั วุฒิ ฉมารตั น์2

1สาขาวชิ าเทคโนโลยธี รณี คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ตาบลในเมอื ง อาเภอเมอื งขอนแกน่ จงั หวดั ขอนแกน่ 40002
2สานักงานชลประทานที่ 6 กรมชลประทาน 215 ถนนศรีจันทร์ ตาบลในเมือง อาเภอเมอื งขอนแกน่ จงั หวัดขอนแกน่ 40000

*E-mail: [email protected]

บทคดั ย่อ

พื้นท่บี รเิ วณตาบลหว้ ยยายจิว๋ อาเภอเทพสถิต จงั หวัดชัยภมู ิ เป็นพืน้ ทส่ี งู สลับเนินเขา และมีพื้นที่ราบ
ลุ่มสาหรับทาการเกษตรกระจายอยู่บริเวณท่ัวไปของพื้นท่ี ซ่ึงแหล่งน้าสาหรับการเกษตรมีขนาดเล็กและ
ปริมาณน้าเก็บกักไม่มากนัก จึงเป็นสาเหตุให้บางพ้ืนท่ีประสบปญหาการขาดแคลนน้าเพ่ือการเกษตรรวมถึง
สาหรับการอุปโภคและบริโภค ดังน้ันกรมชลประทานจึงได้มีแผนงานเพ่ือช่วยเหลือพ้ืนที่การเกษตรดังกล่าว
โดยได้ดาเนินการโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้าเขาวงศพระจันทรข้ึน ซึ่งพื้นท่ีของโครงการก่อสร้างมีลักษณะ
ธรณีวทิ ยาและคณุ สมบตั ิดา้ นวิศวกรรมธรณีแตกตา่ งกัน อาจกอใหเกิดปญหาต่ออ่างเก็บน้า เช่น ประสิทธิภาพ
ของการกักเก็บ การวิบัติของเขื่อน หรือการกัดเซาะฐานรากเนื่องจากการไหลซึมของน้าผ่านฐานรากได้
ด้วยเหตุนี้โครงการศึกษาน้ีจึงใหความสาคัญกับการศึกษาข้อมูลธรณีวิทยาของพื้นท่ีโครงการ การจัดจาแนก
ลักษณะของดนิ และหินท่ีไดจ้ ากการเกบ็ ตัวอย่างจากหลมุ เจาะ และการวิเคราะห์การไหลซึมของน้าบริเวณฐาน
รากของโครงการอ่างเก็บน้า โดยประยุกตใชโปรแกรม SEEP/W ทาการวิเคราะห์ขอมูลค่าสัมประสิทธิ์การซึม
ของนา้ ทงั้ หมด 2 กรณี ได้แก กรณีทีไ่ มม่ กี ารปรบั ปรงุ ฐานราก และกรณีท่ีมีการปรับปรุงฐานราก 4 วิธีการ คือ
การก่อสร้างร่องแกนทึบน้า (Cut off trench) การก่อสร้างแนวอัดฉีดน้าปูน (Grout curtain) การก่อสร้าง
ผนังกนั้ น้า (Sheet pile หรอื Slurry wall ) และการปูด้วยวัสดุทึบน้าด้านเหนือน้า (Impervious upstream
blanket) ผลการศกึ ษาพบวาพื้นท่ีโครงการประกอบด้วยหินทราย ขนาดของเม็ดตะกอนปานกลางถึงละเอียด
อัตราการผุพังปานกลาง อัตราการไหลซึมของน้าผ่านฐานรากก่อนการปรับปรุงสูงมาก จากน้ันเลือกวิธีการ
ปรับปรุงฐานรากพบว่าการปรับปรุงฐานรากด้วยวิธีการขุดลอกรองแกนจนถึงช้ันหิน (Full cutoff trench)
และอัดฉีดน้าปูนเพ่ือลดการร่ัวซึมลงให้เหลือ 5 ลูยอง เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด ซ่ึงสามารถลดอัตราการไหลซึม
ของน้าผ่านเฉพาะฐานรากจาก 9,794,011.30 ลูกบาศกเมตรตอปหรือร้อยละ 75.16 เหลือ 557,717.97 ลูก
บาศกเมตรตอปหรือ ร้อยละ 20.74 กล่าวคือวิธีการดังกล่าวสามารถลดอัตราการไหลซึมของน้าได้ถึง
9,236,293.33 ลูกบาศกเมตรตอปคดิ เปน็ รอ้ ยละ 54.42

Poster Session

140 การประชมุ วชิ าการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันท่ี 4-6 สงิ หาคม 2564

140

การวิเคราะห์ธาตุทีม่ ีปริมาณนอ้ ยในตวั อยา่ งดนิ และตะกอนธารนาด้วยเทคนคิ

Inductively couple plasma - mass spectrometry (ICP-MS)

พวงทอง พวงแกว้ *, สายสวาท สีลอ และ อัปสร สอาดสดุ

กองวเิ คราะหแ์ ละตรวจสอบทรัพยากรธรณี กรมทรพั ยากรธรณี
*E-mail: [email protected]

บทคดั ย่อ

การศึกษาวิธีวิเคราะห์ด้วยเทคนิค ICP-MS ในงานนี้มุ่งเน้นการวิเคราะห์ธาตุที่มีปริมาณน้อย (trace
elements) ในตัวอย่างดินและตะกอนธารน้า จานวน 28 ธาตุ ได้แก่ เบริลเลียม (Be) สแกนเดียม (Sc)
ไทเทเนียม (Ti) วาเนเดียม (V) โครเมียม (Cr) โคบอลต์ (Co) นิกเกิล (Ni) ทองแดง (Cu) สังกะสี (Zn)
แกลเลียม (Ga) สารหนู (As) ซีลีเนียม (Se) รูบิเดียม (Rb) สตรอนเซียม (Sr) อิตเทรียม (Y) เซอร์โคเนียม
(Zr) โมลิบดีนัม (Mo) แคดเมียม (Cd) อินเดียม (In) ดีบุก (Sn) พลวง (Sb) ซีเซียม (Cs) แบเรียม (Ba) แลน
ทานัม (La) แทลเลียม (Tl) ตะกั่ว (Pb) บิสมัท (Bi) และ ยูเรเนียม (U) ทาการศึกษาโดยปรับเปล่ียนข้ันตอน
วิธีการเตรียมตัวอย่างด้วยการย่อยด้วยกรด aqua regia ให้มีความเหมาะสมต่อการตรวจวัดด้วยเครื่อง
ICP-MS จากผลการศึกษาพบว่าวิธีการเตรียมสารละลายตัวอย่างดินและตะกอนธารน้าด้วยการย่อยด้วยกรด
aqua regia แล้วเจือจางสารละลายตัวอย่าง 20 เท่า มีความเหมาะสมกับการตรวจวัดด้วยเครื่อง ICP-MS มี
ปริมาณของกรด aqua regia เพียง 1 % สอดคล้องกับคู่มือการบารุงรักษา Nexion 2000 ICP-MS system
maintenance guide ในการยืดอายุการใช้งานขององค์ประกอบต่าง ๆ ในเคร่ือง ICP-MS และจากน้ันจึง
ตรวจสอบความใช้ได้ของวิธีวิเคราะห์ธาตุที่มีปริมาณน้อยในตัวอย่างตัวอย่างดินและตะกอนธารน้าด้วย
เทคนิค ICP-MS โดยได้ทาการตรวจสอบกราฟมาตรฐาน (calibration curve) ความเป็นเส้นตรง (linearity)
ช่วงความเข้มข้นที่ใช้งาน (linear range) พบว่ากราฟมาตรฐานของ Trace elements ในช่วง 1-200 ppb
ท่ีใช้สารละลายผสมของเพรซีโอดิเมียม (141Pr) และ โฮลเมียม (165Ho) ความเข้มข้น 100 ไมโครกรัม/ลิตร
เป็น internal standard มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (r) มากกว่า 0.99 ซ่ึงเป็นไปตามเกณฑ์การยอมรับ
มาตรฐานของ AOAC มีค่าความเข้มข้นต่าสุดที่เคร่ืองสามารถตรวจวัดได้ (Instrument Detection Limit)
ต่าถึงระดับ 0.5 ppt ค่าขีดจากัดของการตรวจพบเชิงปริมาณ (Limit of Quantification) โดยการเตรียม
ตัวอย่างด้วย aqua regia แล้วเจือจาง 20 เท่า และการตรวจวัดด้วย ICP-MS ของธาตุ trace elements
อยู่ในช่วง 5 ppt ถึง 7 ppm ที่ความถูกต้อง (accuracy) และความแม่นยา (precision) เป็นไปตามเกณฑ์
ยอมรับของ AOAC และ Eurachem ผลของการตรวจสอบความใช้ได้ของวิธีวิเคราะห์ในงานนี้ได้สามารถ
ยืนยันได้ว่าวิธีวิเคราะห์ดังกล่าวตรงตามวัตถุประสงค์การวิเคราะห์ทดสอบหาปริมาณ trace elements ใน
ตัวอย่างดินและตะกอนธารน้า ได้อย่างมีความเช่ือมั่น เป็นท่ียอมรับตามมาตรฐานการวิเคราะห์ทางเคมีระดับ
สากล ข้อมูลผลการวิเคราะห์แร่ปริมาณน้อยเหล่าน้ี สามารถนาไปใช้ในการวิเคราะห์หาแร่องค์ประกอบใน
การประกอบการเหมืองแร่ การพิจารณาประทานบัตร และสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในงานด้านส่ิงแวดล้อม
และการปนเป้ือนตามธรรมชาติเพ่ือคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไปได้ในอนาคต

Poster Session

ธรณีวถิ ใี หม่ นวัตกรรมไทย เพือ่ การพฒั นาท่ีย่งั ยืน 141

การวิเคราะหอ์ งค์ประกอบของแร่โพแทชและดนิ อาเภอนาเชอื ก จงั หวัดมหาสารคาม
โดยวิธีเอกซเรย์ดิฟแฟรกชนั

สรรคช์ ัย เหลือจนั ทร์* และ สุวิมล เจนวงศ์ไพศาล

สว่ นวเิ คราะหร์ ตั นชาติและธรณีวัตถุ กองวิเคราะห์และตรวจสอบทรพั ยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี
*E-mail: [email protected]

บทคัดยอ่

วิธเี อกซเรยด์ ฟิ แฟรกชนั (X-ray diffraction, XRD) อาศยั หลักการในการวิเคราะห์โครงสร้างผลึกของ
สารประกอบต่าง ๆ ซึ่งมีรูปแบบการเล้ียวเบนรังสีเอกซ์ (XRD pattern) ที่มีลักษณะเฉพาะของสารประกอบ
แตล่ ะชนดิ ทาใหส้ ามารถจาแนกชนดิ ของแร่ ดิน หรือสารประกอบ ในตัวอย่างแร่ ดิน หรือธรณีวัตถุต่าง ๆ ได้
อย่างถูกต้องแม่นยา รวมถึงประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย เพราะสามารถระบุชนิดของสารประกอบที่มีเกือบ
ทั้งหมดด้วยการวิเคราะห์เพียงคร้ังเดียว ผลงานวิชาการน้ีเสนอเทคนิควิธีการวิเคราะห์หาชนิด และ
องค์ประกอบของแร่โพแทชและดิน จากตัวอย่างในการเจาะสารวจแหล่งแร่โพแทช อาเภอนาเชือก จังหวัด
มหาสารคาม ซง่ึ เปน็ พื้นท่เี ป้าหมายในการกาหนดพื้นท่ี ที่มีศักยภาพในการทาเหมือง และจาแนกเขตแหล่งแร่
เชิงพื้นท่ี ภายใต้โครงการกาหนดเขตแหล่งแร่เศรษฐกิจเพ่ือการบริหารจัดการแร่ โดยใช้เทคนิค XRD จาก
ตัวอย่างการสารวจแร่โพแทช พบท้ังตัวอย่างเกลือและดิน ในการวิเคราะห์ตัวอย่างเกลือต้องระมัดระวังเรื่อง
ของความช้ืนในขั้นตอนตา่ ง ๆ ของการวิเคราะห์ รวมถึงใช้เทคนิคการวิเคราะห์ท่ีทาได้รวดเร็วใช้เวลาน้อยเพ่ือ
ป้องกันการสัมผัสความชื้นเป็นเวลานาน ขณะที่การวิเคราะห์ตัวอย่างดิน ต้องใช้เทคนิคการวิเคราะห์เฉพาะ
ในการจาแนกแร่ดิน โดยการเตรียมตัวอย่างแบบเรียงตัว ( preferred orientation) และนามาผ่าน
กระบวนการทดสอบเพื่อจาแนกชนิดของแร่ดิน ผลวิเคราะห์พบว่า หลุมเจาะท่ีตาบลหนองเม็กพบแร่โพแทช
ชนดิ ซิลไวตท์ ร่ี ะดบั ความลึก 74.00-89.00 เมตร พบแร่โพแทชชนิดคานัลไลต์ปนอยู่กับแร่ควอตซ์ท่ีระดับความ
ลึก 106.00-135.00 เมตร และพบแร่เฮไลต์ปริมาณมากสลับอยู่กับช้ันควอตซ์ หลุมเจาะที่ตาบลนาเชือกพบ
แร่เฮไลต์ปริมาณมาก พบแร่แอนไฮไดรต์ปริมาณรองลงมา และพบแร่โพแทชชนิดซิลไวต์ปนอยู่กับแร่เฮไลต์ท่ี
ระดับความลึก 60.00-90.00 เมตร ขณะที่หลุมเจาะที่ตาบลเขวาไร่ พบแร่ควอตซ์เป็นองค์ประกอบหลัก
พบแรแ่ คลไซต์ และแรด่ ินชนดิ มอนต์มอริลโลไนตก์ ระจายตัวอยูท่ ัว่ ไป

Poster Session

142 การประชมุ วิชาการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันที่ 4-6 สงิ หาคม 2564

142

การสารวจ และประเมินแหล่งซากดกึ ดาบรรพ์ จังหวดั อทุ ัยธานี

วีรชัย แพงแก้ว

สว่ นอนุรักษ์และจัดการซากดกึ ดบรรพ์ กองคุม้ ครองซากดกึ ดาบรรพ์ กรมทรพั ยากรธรณี
E-mail: [email protected]

บทคัดย่อ

กรมทรัพยากรธรณีเป็นหน่วยงานท่ีมีภารกิจเก่ียวกับการสารวจ ศึกษา วิจัย และบริหารจัดการ
ซากดึกดาบรรพ์ของประเทศ โดยเป็นภารกิจทางด้านการสงวน การอนุรักษ์ การศึกษาวิจัยซากดึกดาบรรพ์
รวมไปถงึ การพฒั นาเปน็ แหลง่ เรยี นรู้ การควบคมุ กากบั ดแู ลใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองซากดกึ ดาบรรพ์
พ.ศ. 2551 โดยในปงี บประมาณ พ.ศ. 2563 กองคุ้มครองซากดึกดาบรรพ์ ไดร้ ับมอบหมายให้ดาเนนิ การสารวจ
และประเมินแหล่งซากดึกดาบรรพ์พ้ืนท่ีจังหวัด อุทัยธานี เพ่ือสารวจ ตรวจสอบ และจัดทาข้อมูลแหล่ง
ซากดึกดาบรรพ์ สาหรับการอ้างอิงทางวิชาการ และการคุ้มครองซากดึกดาบรรพ์และแหล่งซากดึกดาบรรพ์
รวมท้งั ประเมินความสาคญั ของแหล่งซากดึกดาบรรพ์ ไว้สาหรบั คดั เลือกแหลง่ ซากดึกดาบรรพ์ เพ่ือการบริหาร
จัดการแหล่งซากดกึ ดาบรรพต์ ามพระราชบญั ญตั ิคุ้มครองซากดึกดาบรรพ์ พ.ศ. 2551

การประเมินความสาคัญชองแหล่งซากดึกดาบรรพ์ ในท่ีนี้ ใช้หลักเกณฑ์การการประเมินแหล่ง
ธรณีวิทยาเพื่อกาหนดแหล่งอนุรักษ์ทางธรณีวิทยา ประเภทแหล่งซากดึกดาบรรพ์ (สานักธรณีวิทยา, 2555)
โดยประเมินคุณค่าทางวิชาการด้านธรณีวิทยาเป็นหลัก และศักยภาพการพัฒนาและการบริหารจัดการเป็น
อันดับรอง และพิจารณแหล่งซากดึกดาบรรพ์ท่ีได้คะแนนประเมินด้านวิชาการธรณีสูง ว่า มีคุณสมบัติที่
สามารถประกาศให้เป็น “เขตสารวจ และศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแหล่งซากดึกดาบรรพ์หรือซากดึกดาบรรพ์”
ตามมาตรา 12 และ “แหล่งซากดึกดาบรรพ์ที่ข้ึนทะเบียน” ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครอง
ซากดกึ ดาบรรพ์ พ.ศ. 2551 ได้หรือไม่

ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีได้มีดาเนินการสารวจและประเมินแหล่งซากดึกดาบรรพ์ จานวน 29 แหล่ง
โดยซากดกึ ดาบรรพท์ พี่ บเปน็ ซากดกึ ดาบรรพ์สตั วไ์ มม่ กี ระดูกสนั หลงั ไดแ้ ก่ หอยกาบคู๋ ฟวิ ซูนลิ ดิ แกสโตรพอด
ปะการงั นอตลิ อยด์ แบรคิโอพอด ไครนอยด์ และเรดิโอลาเรีย และได้ทาการประเมินความสาคัญโดยอาศัย
หลักการประเมินข้างต้น พบว่าแหล่งซากดึกดาบรรพ์ที่สามารถประกาศให้เป็น “เขตสารวจ และศึกษาวิจัย
เกยี่ วกบั แหลง่ ซากดกึ ดาบรรพห์ รอื ซากดกึ ดาบรรพ”์ ตามมาตรา 12 แหง่ พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองซากดกึ ดาบรรพ์
พ.ศ. 2551 มีจานวน 3 แหล่ง ได้แก่ แหล่งซากดึกดาบรรพ์ วัดธรรมคีรี อาเภอหนองฉาง แหล่งซากดึกดา
บรรพ์บ้านป่าอู 1 อาเภอบ้านไร่ และแหล่งซากดึกดาบรรพ์บ้านป่าอู 2 อาเภอบ้านไร่ และแหล่งซากดึกดา
บรรพ์ท่สี ามารถประกาศให้เป็น “แหล่งซากดึกดาบรรพ์ท่ีขึ้นทะเบียน” ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติ
คุ้มครองซากดึกดาบรรพ์ พ.ศ. 2551 จานวน 1 แหล่ง ได้แก่ แหล่งซากดึกดาบรรพ์เขาปฐวี อาเภอทัพทัน

Poster Session

ธรณีวิถีใหม่ นวัตกรรมไทย เพอ่ื การพฒั นาทย่ี ั่งยนื 143

การสารวจเสถียรภาพเขาตาปู อุทยานแห่งชาติอ่าวพงั งา จังหวัดพังงา

ศักดา ขุนดี1* และ สาราญ ประพัฒน์2

1กองธรณวี ิทยาสิ่งแวดลอ้ ม กรมทรพั ยากรธรณี 75/10 ถนนพระรามท่ี 6 แขวงทงุ่ พญาไท เขตราชเทวี กรงุ เทพ 10400
2กองเทคโนโลยีธรณี กรมทรพั ยากรธรณี 75/10 ถนนพระรามท่ี 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400
*E-mail: [email protected]

บทคดั ยอ่

การสารวจเสถยี รภาพเขาตาปู อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา เพื่อประเมินความเส่ียงต่อการ
พังทลายของเขาตาปู และจดั ทาข้อมูลทางวิชาการเพ่ือสนบั สนุนการกาหนดแนวทางหรือมาตรการในการเสริม
ความแข็งแรงเพ่ิมเสถียรภาพของแหล่งมรดกทางธรณีวิทยา ควบคู่กับการเฝ้าระวังและลดผลกระทบ
ธรณีพิบัติภัยของแหล่งท่องเท่ียวทางธรณีวิทยาท่ีเกิดโดยธรรมชาติและการกระทาของมนุษย์ แผนท่ีนาทาง
(road map) การรกั ษาเสถยี รภาพเขาตาปู ของกรมทรัพยากรธรณี กาหนดการดาเนินงานไว้ 3 ระยะ 1) การ
เตรียมการ เดือนมีนาคม 2564 2) การสารวจศึกษาสมบัติหินเชิงธรณีวิศวกรรม และเสถียรภาพของธรณี
สัณฐานที่สัมพันธ์กับการเกิดหินร่วงถล่ม เดือนเมษายน-กันยายน 2564 และ 3) การกาหนดแนวทางหรือ
มาตรการในการเสรมิ ความแขง็ แรงเพิ่มเสถียรภาพของแหล่งเขาตาปู ภายใต้คณะกรรมการจัดทาแนวทางการ
รกั ษาเสถียรภาพเขาตาปู อุทยานแหง่ ชาติอา่ วพังงา จงั หวดั พังงา เดอื นตุลาคม-ธนั วาคม 2564

ผลการสารวจธรณเี ทคนคิ และธรณีวิศวกรรม พบรอยแตก รอยแยก และโพรงถ้าขนาดใหญ่เว้าเข้าไป
ในฐานเขาตาปู จานวน 3 โพรง บริเวณยอดและตัวเขาตาปู พบรอยแตกหนิ รวม 4 ทิศทาง ได้แก่ แนว NE-SW
NW-SE N-S และ E-W ชั้นหินเอียงเทประมาณ 25 องศาไปทางเขาพิงกัน รอยแยกบางแนวมีความยาว
ต่อเนอ่ื งถงึ 25 เมตร การบนั ทกึ ภาพรูปร่างของเขาตาปู โดย 3D LASER SCANNER พบว่า เขาตาปูมีความสูง
31 เมตร เส้นรอบวงที่ฐานเมื่อน้าลงต่าสุด 23.54 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางเฉล่ีย 7.17 เมตร และน้าหนักของ
เขาตาปไู มต่ ่ากว่า 80,000 ตัน การศึกษาสมบตั ิความแขง็ แรงในการรับน้าหนักของหินปูน โดยใช้ค้อนกระแทก
(Schmidt Hammer) และ Point Load test พบว่า RQD มีค่าอยู่ในช่วง 71.43-93.56 ผลการทดสอบ
ความแข็งแรงของหนิ ด้วยคอ้ นกระแทก พบค่าอยู่ในช่วง 38.9-45.71 การจาแนกมวลหินเชิงธรณีกลศาสตร์ใน
ภาคสนาม โดยใช้วิธีการ Rock Mass Rating System: RMR จาแนกมวลหินได้ 2 กลุ่มคือ ระดับปานกลาง
(Fair rock) มีค่า RMR อยู่ในช่วง 52-55 และระดับไม่ดี (Poor rock) มีค่า RMR อยู่ในช่วง 46-50 อัตราส่วน
ระหว่างคุณภาพระดับปานกลางต่อคุณภาพไม่ดี เท่ากับ 56 ต่อ 44 แสดงถึงปัญหาด้านเสถียรภาพในอนาคต
ของเขาตาปู ผลการสารวจธรณีฟิสิกส์ทางทะเล พบว่า ระดับความลึกน้ารอบเขาตาปูและเกาะเขาพิงกันมี
ความลึกตั้งแต่ -1.5 ถงึ -7 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ภูมิประเทศพ้ืนทะเลทางตอนเหนือค่อนข้างตื้นเม่ือ
เทียบกับทางด้านใต้ของเกาะเขาพิงกัน ด้านหลังเขาตาปูพบแนวสันดอนทรายเช่ือมไปยังเกาะเขาพิงกัน
ความลึกประมาณ -3 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ผลการสารวจบันทึกภาพหน้าตัดข้างคลื่นไหวสะเทือน
แบบสะท้อนกลับระดับต้ืนความละเอียดสูง สามารถจาแนกลักษณะทางธรณีวิทยาออกเป็น 3 ชั้นหลัก ได้แก่
ชั้นตะกอนชุดบน ช้ันตะกอนชุดล่าง และช้ันหินฐานซ่ึงวางตัวรองรับเขาตาปูมีความกว้างยาวประมาณ
30 เมตร โดยสว่ นฐานท่เี ช่ือมตอ่ กบั เกาะเขาพงิ กนั พบมีรอยแตกระดับลึกวางตัวทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ

แนวทางการดาเนินงานต่อไปของกรมทรัพยากรธรณี คือ กาหนดแนวทางหรือมาตรการในการเสริม
ความแข็งแรงเพิ่มเสถียรภาพของแหล่งเขาตาปู ภายใต้คณะกรรมการจัดทาแนวทางการรักษาเสถียรภาพเขา
ตาปู อุทยานแห่งชาตอิ ่าวพงั งา จังหวดั พงั งา

คาสาคัญ: เขาตาปู, เสถยี รภาพ, แหล่งท่องเทย่ี วทางธรณวี ิทยา

Poster Session

144 การประชมุ วชิ าการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วนั ท่ี 4-6 สิงหาคม 2564

144

การสารวจจดั ทาแผนผงั ถา 2 มติ ิ เพอื่ การทอ่ งเทย่ี วเชงิ ธรณี กรณศี กึ ษา : ถาพหุ วาย จงั หวดั อทุ ยั ธานี

ณรงคฤ์ ทธ์ิ บญุ ชัยวงค์, ภัคพงษ์ ศรบี วั ทอง, นลนิ ี ธะนันต์ และ นภาภร มณีเกีย๋ ง

สานกั งานทรพั ยากรธรณี เขต 1 กรมทรัพยากรธรณี

บทคดั ยอ่

การสารวจจัดทาแผนผังถ้า 2 มิติ มีความสาคัญต่อการศึกษาแหล่งมรดกธรณีประเภทถ้า เนื่องจาก
ทรพั ยากรถ้าในปจั จบุ นั จดั เปน็ ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งหนงึ่ ทมี่ กี ารนามาใชป้ ระโยชนท์ ง้ั ในแงเ่ ปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว
แหลง่ ศกึ ษาวจิ ยั แหลง่ น้า และอนื่ ๆ ในการใชป้ ระโยชนต์ อ้ งมกี ารอนรุ กั ษ์ และสงวน บารงุ รกั ษาควบคกู่ นั ไปอยา่ ง
ถกู ต้องตามหลกั วิชาการ การสารวจศกึ ษาถ้าและจดั ทาแผนผงั ถ้า 2 มติ ิ จงึ เป็นจดุ เร่มิ ตน้ ทด่ี แี ละถูกต้องในการ
บรหิ ารจดั การถ้าใหเ้ กดิ คณุ คา่ มากทส่ี ดุ และมคี วามยงั่ ยนื

ถ้าพหุ วาย อยู่ในพน้ื ทีว่ นอทุ ยานถ้าเขาวง ตาบลบา้ นไร่ อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอทุ ยั ธานี จากการสารวจ
จัดทาแผนผงั ถ้า 2 มติ ิ ถ้าพุหวายเป็นถ้าทะลุมีทางเขา้ ออกได้ 2 ทาง ปากถ้าฝ่งั ทิศตะวนั ออกกว้างประมาณ 14
เมตร สูงประมาณ 4.7 เมตร และอีกฝ่ังหนึ่งทิศตะวันตกกว้างประมาณ 14.8 เมตร สูงประมาณ 1.9 เมตร
ความยาวสารวจรวม 273 เมตร พบประตมิ ากรรมถ้าหลากหลายประเภท ไดแ้ ก่ หนิ งอก หนิ ยอ้ ย เสาหนิ มา่ นหนิ
ย้อย ทานบหินปูน หินน้าไหล ไข่มุกถ้า กุมภลักษณ์ รอยริว้ น้าไหล รอยแยกแรงดึง และหลุมยุบ จากหลักฐาน
ภมุ ภลกั ษณแ์ ละรอยรว้ิ น้าไหล ทาใหท้ ราบวา่ ในอดตี ถ้าพหุ วายเคยเกดิ อยใู่ ตน้ ้ามากอ่ น และจากหลกั ฐานรอยแยก
แรงดึงและหลุมยุบ เป็นตัวบ่งบอกได้ว่าถ้าพหุ วายยังมีถ้าใหม่เกิดอยู่ข้างใต้อกี ชั้นหน่ึง สาหรับการใชป้ ระโยชน์
ถ้าพหุ วายนน้ั ถ้าพหุ วายเปน็ ถ้าเพอ่ื การทอ่ งเทย่ี วเชงิ อนรุ กั ษ์ นกั ทอ่ งเทยี่ วสามารถเดนิ เทีย่ วชมไดท้ ว่ั ทงั้ ภายในถ้า
และต้องมีเจา้ หนา้ ทเ่ี ปน็ ผนู้ าชม เพอื่ ใหเ้ กดิ การศึกษาเรยี นรขู้ อ้ มลู ท่ีถกู ตอ้ ง ทสี่ าคญั เพอ่ื ปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ อนั ตราย
ทง้ั ต่อตวั นักทอ่ งเทีย่ วและปอ้ งกันความเสียหายทอ่ี าจเกิดแก่ประติมากรรมภายในถ้า อนั จะเปน็ การทาใหถ้ ้าเกิด
การเสอื่ มโทรมได้

ขอ้ มลู ผลการสารวจแผนผงั ถ้า 2 มติ ิ สามารถนาขอ้ มูลท่ีไดร้ บั ไปใช้ประโยชนว์ างแผนการบรหิ ารจัดการ
ถ้า ท้ังดา้ นการพฒั นาสง่ เสริมการทอ่ งเทย่ี วให้ได้รบั ทราบถงึ ขอ้ มลู ท่ถี กู ตอ้ งตามหลักวิชาการ เช่น การจดั ทาปา้ ย
แสดงข้อมลู ภายในถ้า แสดงข้อมูลคาบรรยายความรู้ท่ีน่าสนใจ ลักษณะเด่น ที่พบ จุดเปราะบางที่ควรระวัง
อันตราย พื้นที่ท่ีเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของส่ิงมีชีวิต พ้ืนท่ีที่มีซากดึกดาบรรพ์ ด้านการอนุรักษ์และสงวน เช่น
การปดิ หรอื งดใชส้ ว่ นทเ่ี สย่ี งตอ่ ความเสยี หาย และตงั้ ปา้ ยหา้ มหรอื จดั อปุ กรณก์ นั ชนใหผ้ เู้ ขา้ ชมออกหา่ งจากบรเิ วณ
เสยี่ ง การจดั ทาแผนผงั ถ้า 2 มติ ิ ยงั เปน็ ประโยชนต์ อ่ การวางแผนสารวจถ้าในระดบั 3 มิติ ทล่ี ะเอยี ดขึน้ ต่อไปใน
อนาคต

คาสาคญั : ถ้า, ถ้าพหุ วาย, แผนผงั ถ้า, หนิ งอก, หนิ ยอ้ ย, ตะกอนถ้า, แหลง่ ธรณวี ทิ ยา

Poster Session

ธรณีวถิ ใี หม่ นวตั กรรมไทย เพ่อื การพัฒนาท่ียงั่ ยนื 145

การสารวจธรณฟี สิ ิกสเ์ พื่อจัดทาข้อมลู ธรณีวทิ ยาใตผ้ ิวดนิ โครงการพัฒนาแหลง่ นา
พนื ท่สี ระบอ่ ดินขาว อาเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

ถนดั สร้อยซา, วนั วิษา นอ้ มสูงเนิน, ภควัต ศรีวงั พล, ภณั ฑรักษ์ ชาญณรงค์, ธญั รัตน์ วินยั พานิช,
กลุ ธิดา เศวตกุล, พัทธพล บึงมุม และ พรชนกิ า วรี ะจติ ต์

กองเทคโนโลยธี รณี กรมทรพั ยากรธรณี 75/10 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุง่ พญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400

บทคัดย่อ

การดาเนนิ งานสารวจธรณฟี สิ ิกสด์ ้วยวิธีวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวาง 2 มิติ และวธิ วี ดั
คา่ สนามแม่เหลก็ ไฟฟา้ ในพ้ืนท่ีโครงการสระบอ่ ดนิ ขาว โดยมุ่งเน้นพืน้ ทบี่ รเิ วณเทอื กเขาวง อาเภอตาคลี จังหวัด
นครสวรรค์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะธรณีวิทยาและโครงสร้างทางธรณีวิทยาใต้ดินและ
เป็นข้อมูลทางวิชาการสนับสนุนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้าพ้ืนท่ีสระบ่อดินขาว ภายใต้นโยบาย
สาคัญด้านการบริหารจัดการน้าและภารกิจบูรณาการหลายหน่วยงาน การดาเนินงานสารวจธรณีฟิสิกส์
ครอบคลมุ พืน้ ท่ีประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร ประกอบดว้ ยแนวสารวจวดั คา่ สภาพต้านทานไฟฟ้า 7 แนวสารวจ
และแนวสารวจวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน 2 แนวสารวจ ลักษณะสภาพพื้นที่สารวจปกคลุมด้วย
ตะกอนเศษหินเชงิ เขาและตะกอนทร่ี าบน้าทว่ มถงึ ซงึ่ มหี นิ ปนู เปน็ เทอื กเขาสงู ชนั โผลป่ รากฏโดยรอบลกั ษณะเปน็
เขารปู วงกลม

จากผลการดาเนินงานสารวจธรณีฟิสิกส์ พบว่าลักษณะธรณีวิทยาบริเวณพ้ืนที่ศึกษา
ประกอบด้วย ชนั้ ที่ 1 เปน็ ช้นั ดินหรือชนั้ ตะกอนที่ผพุ ังมาจากหนิ เดิมในพืน้ ทป่ี ระกอบด้วยดนิ เคลย์ ทรายแป้ง
กรวด และดนิ มารล์ ช้ันท่ี 2 เป็นชั้นหินปูน ช้ันท่ี 3 เป็นช้ันหินปูนที่มีรอยแตกมากหรือโพรงหินปูนที่มีน้า
หรือตะกอนดินเข้าไปสะสมตัวในโพรงซ่ึงมีความสัมพันธ์กับระดับน้าใต้ดิน ลักษณะความไม่ต่อเนื่องของชั้น
หิน ซ่ึงแสดงลักษณะแนวรอยแตกหรือแนวรอยเล่ือนที่ชัดเจน และชั้นที่ 4 เป็นชั้นหินปูนเนื้อแน่น จากการ
ประมวลผลเมื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของตาแหน่งผดิ ปกตขิ องแนวรอยแตกหรอื แนวรอยเลือ่ น พบมกี ารวางตัวใน
ทิศทางตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ และแนวตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ จากผลการ
ดาเนินงานสารวจธรณีฟิสิกส์บริเวณพื้นที่เขาวงสามารถได้ข้อมูลแนวรอยแตก รอยแยก และรอยเลื่อน
รวมถึงลักษณะธรณีวิทยาใต้ผิวดินท่ีสามารถเป็นประโยชน์นาไปสนับสนุนการพัฒนาแหล่งน้าในภูมิประเท ศ
และธรณีสันฐานแบบคาสต์ ท่ีมีความจาเป็นด้านธรณีวิทยาโครงสร้างและความไม่ต่อเน่ืองในมวลหินใต้ผิว
ดินและสามารถบริหารจัดการแหล่งน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งด้านปัญหาการร่ัวซึม การกักเก็บบนผิวดิน
และเสถียรภาพของการใช้ประโยชน์พื้นที่ในด้านต่าง ๆ

คาสาคญั : เทอื กเขาวง, สระบอ่ ดินขาว, การวัดสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบ 2 มติ ิ, การวัดคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ แบบ
ไทมโ์ ดเมน

Poster Session

146 การประชมุ วิชาการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วนั ท่ี 4-6 สงิ หาคม 2564

146

การสารวจธรณีฟิสกิ สโ์ ครงการ “โคก หนอง นา สสู่ ากล”

ศูนย์ศกึ ษาวิจัยและพพิ ธิ ภณั ฑไ์ ดโนเสาร์ภูเวียง อาเภอเวียงเกา่ จงั หวัดขอนแก่น

ภควัต ศรีวังพล*, วันวิษา นอ้ มสงู เนนิ , ภัณฑรกั ษ์ ชาญณรงค,์ ธัญรตั น์ วินัยพานิช, กุลธิดา เศวตกลุ ,
พทั ธพล บึงมุม และ พรชนิกา วรี จิตต์

กองเทคโนโลยีธรณี กรมทรัพยากรธรณี 75/10 ถนนพระรามที่ 6 แขวงท่งุ พญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400
*E-mail: [email protected]

บทคดั ย่อ

การสารวจธรณฟี สิ กิ สเ์ พื่อจดั ทาขอ้ มลู ธรณวี ทิ ยาใตผ้ วิ ดนิ บรเิ วณพนื้ ทโ่ี ครงการ โคก หนอง นา สสู่ ากล
ศนู ยศ์ กึ ษาวจิ ยั และพพิ ธิ ภณั ฑไ์ ดโนเสารภ์ เู วยี ง มจี ดุ ประสงคเ์ พอื่ ศกึ ษาลกั ษณะภมู ิประเทศ และธรณวี ทิ ยาใตผ้ วิ
ดนิ บรเิ วณพนื้ ทจี่ ดั ทาโครงการโคก หนอง นา สสู่ ากล โดยลกั ษณะธรณวี ทิ ยาพน้ื ผวิ ของพนื้ ทร่ี องรบั ดว้ ยหมวดหนิ
โคกกรวด ประกอบดว้ ยหนิ ทราย หนิ ทรายแปง้ และปดิ ทบั ดว้ ยตะกอนน้าพา กรวด ทราย ทรายแปง้ และดนิ
เหนยี ว การดาเนนิ การประกอบดว้ ย 2 ขน้ั ตอน คอื การสารวจรงั วดั สภาพภมู ปิ ระเทศเพื่อจดั ทาแผนผงั พน้ื ที่
โครงการ และการสารวจดว้ ยวธิ วี ดั คา่ สภาพตา้ นทานไฟฟา้ แบบภาพตดั ขวาง 2 มติ ิ จานวน 4 แนวสารวจ ผลการ
สารวจรงั วดั พบวา่ พน้ื ทโ่ี ครงการ มรี ะดบั ความสงู จากระดบั น้าทะเลปานกลางสงู สดุ 234 เมตร มคี วามถูกตอ้ ง
และมมี าตราสว่ นทเี่ หมาะสม จงึ สามารถนาไปจดั แสดงไดอ้ ยา่ งสวยงาม สว่ นผลการสารวจดว้ ยวธิ วี ดั คา่ สภาพ
ตา้ นทานไฟฟ้าแบบภาพตดั ขวาง 2 มติ ิ พบวา่ ความลกึ ทไี่ ด้จากการสารวจประมาณ 11 เมตร แปลความหมาย
ลกั ษณะธรณวี ทิ ยาใตด้ นิ แบง่ เปน็ 2 ชน้ั คือ ชนั้ ดนิ เหนยี วปนทราย มคี วามหนา 8-10 เมตร ปดิ ทบั อยบู่ นชนั้ ดนิ
เหนยี ว ซงึ่ จากผลการสารวจหากจะต้องกกั เกบ็ น้าฝนไมใ่ หไ้ หลซมึ ผา่ นไดจ้ าเปน็ จะตอ้ งขดุ หนองใหล้ กึ จนถงึ ชนั้
ดนิ เหนยี วชนั้ น้ี โดยผลการสารวจทงั้ 2 แบบสามารถนาไปใชใ้ นการบรหิ ารจดั การพนื้ ทตี่ อ่ ไปได้

คาสาคัญ: โครงการ โคก หนอง นา, การสารวจรังวัดสภาพภูมิประเทศ, การสารวจวดั ค่าสภาพตา้ นทานไฟฟ้า
แบบภาพตดั ขวาง 2 มิติ

Poster Session

ธรณวี ิถใี หม่ นวัตกรรมไทย เพอ่ื การพฒั นาทยี่ ่ังยืน 147

การสารวจธรณีฟิสกิ สพ์ ืนทีห่ ลมุ ยบุ โรงเรยี นวดั ราชชา้ งขวญั อ.เมือง จ.พจิ ิตร

ภณั ฑรกั ษ์ ชาญณรงค์*, วันวษิ า นอ้ มสงู เนนิ , ภควตั ศรีวงั พล, ธัญรตั น์ วนิ ัยพานิช, กุลธดิ า เศวตกลุ ,
พัทธพล บงึ มุม และ พรชนิกา วีระจิตต์

กองเทคโนโลยธี รณี กรมทรพั ยากรธรณี 75/10 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทงุ่ พญาไท เขตราชเทวี กรงุ เทพ 10400
*E-mail: [email protected]

บทคดั ยอ่

หลุมยุบ จัดเป็นธรณีพิบัติภัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายท้ังต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนในพื้นที่
ปี 2564 กรมทรพั ยากรธรณี โดยสานักงานทรพั ยากรธรณี เขต 1 ได้รับแจง้ การเกดิ หลุมยบุ โรงเรียนวัดราชช้าง
ขวญั อ.เมอื ง จ.พิจิตร และกองเทคโนโลยีธรณีดาเนินการตรวจสอบหลุมยุบและความต่อเนื่องของโพรงใต้ดิน
สามารถทาด้วยการสารวจธรณีฟิสิกส์ด้วยวิธีวัดสภาพต้านทานไฟฟ้า และวิธีการสารวจหยั่งลึกด้วยสัญญาณ
เรดาร์

การสารวจในคร้ังน้ี มีวัตถุประสงค์ในการสารวจธรณีวิทยาใต้ดินระดับต้ืน ประเมินความต่อเนื่องของ
หลุมยุบและโพรงใต้ดินบริเวณโรงเรียนวัดราชช้างขวัญและพ้ืนท่ีใกล้เคียง ด้วยวิธีการสารวจวัดค่าสภาพ
ต้านทานไฟฟา้ และวิธีการสารวจหย่งั ลึกด้วยสัญญาณเรดาร์ กาหนดแนวสารวจการวดั ค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า
แบบ 3 มติ ิ จานวน 1 พ้ืนท่ีขนาด 836 ตารางเมตร การสารวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบ 2 มิติ 17 แนว
รวมระยะทางทั้งส้ิน 1,265 เมตร กาหนดระยะห่างระหว่างขั้วไฟฟ้า 2 เมตร และ 1 เมตร ได้ความลึกของ
การสารวจประมาณ 26 เมตร และ 13 เมตร ตามลาดับ และวิธีการสารวจหย่ังลึกด้วยสัญญาณเรดาร์ จานวน
17 แนว รวมระยะทางทั้งส้ิน 950 เมตร ผลการสารวจสามารถแบ่งลักษณะสามารถอธิบายลักษณะทาง
ธรณวี ทิ ยาใต้ดินในระดับตื้นเป็นการสะสมตัวของตะกอนทางน้า โดยช้ันผิวดินส่วนใหญ่จะเป็นดินถมท่ีมีความ
แน่นและแห้ง มีความหนา 1-2 เมตร รองรับด้วยช้ันตะกอนดินเหนียว มีความหนา 10-13 เมตร และพบ
ตะกอนทรายและทรายแปง้ ท่คี วามลกึ มากกว่า 13 เมตร พื้นทบ่ี รเิ วณนไ้ี ม่มีการรองรับด้วยหินปูน จึงไม่จัดเป็น
พ้ืนทเ่ี สีย่ งที่จะเกิดหลุมยบุ ขนาดใหญ่

ลักษณะหลุมยุบทปี่ รากฏในโรงเรยี นและบริเวณใกลเ้ คยี ง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระดับน้าใต้ดิน ทา
ให้เกิดเป็นหลุมขนาดเล็กกระจายในพ้ืนท่ี มีพื้นที่เสี่ยงที่มีโอกาสเกิดหลุมยุบเพิ่มเติมภายในโรงเรียน คือ
บริเวณใกล้เสาธงของโรงเรียนและทางทศิ ตะวันตกของสนามเด็กเลน่ ไปทางรั้วโรงเรียน (หลุมเดิม)

คาสาคัญ: หลุมยุบ, การวัดสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบ 3 มิติ, การวัดสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบ 2 มิติ, วิธีการ
สารวจหยั่งลกึ ดว้ ยสญั ญาณเรดาร,์ โรงเรยี นวดั ราชช้างขวัญ, จ.พิจติ ร

Poster Session

148 การประชมุ วชิ าการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วนั ท่ี 4-6 สงิ หาคม 2564

148

การสารวจธรณีวิทยาทางทะเล ปี 2563 “ปราณบุรี กบั ธรณีทางทะเล”

สาราญ ประพฒั น์*, อภิชัย กาญจนพันธ์ และ วเิ ชียร อนิ ต๊ะเสน

กองเทคโนโลยธี รณี กรมทรพั ยากรธรณี 75/10 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทงุ่ พญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400
*E-mail: [email protected]

บทคัดยอ่

การท่องเที่ยว เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้แก่ประชาชนในหลายภาคส่วนที่เก่ียวข้อง และถือเป็น
แหล่งหนึ่งในรายได้หลักในการพัฒนาประเทศอีกด้วย โดยแหล่งท่องเท่ียวทางทะเลและชายฝั่ง ถือเป็น
จุดมงุ่ หมายท่สี าคญั หน่งึ ของชาวต่างชาตแิ ละชาวไทย ทวา่ ปจั จบุ นั หลายพืน้ ท่ปี ระสบปญั หาความเสอ่ื มโทรมอนั
เนื่องมาจากปัจจัยทางธรรมชาติและกิจกรรมมนุษย์ ไมว่ า่ จะเป็นการก่อสร้างรุกล้าชายหาด ปัญหาขยะและน้า
เสีย การกัดเซาะและพังทลายของชายหาด การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และรวมถึงการขาดบริหาร
จัดการพ้ืนท่ีอย่างเหมาะสม การบูรณาการความรู้และการทางานร่วมกันของภาคประชาชนและหน่วยงานที่
เก่ียวข้อง ด้วยปจั จัยดังกลา่ ว กรมทรัพยากรธรณี ได้ดาเนนิ การริเร่ิมสารวจ เก็บข้อมูลทางวิชาการอย่างเป็น
ระบบ โดยจัดลาดับในพื้นท่ีชายหาดแหล่งท่องเที่ยวท่ีสาคัญและประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง เพ่ือนาผล
การศกึ ษา เสนอตอ่ คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ
นาไปใชใ้ นการกาหนดนโยบายและการบริหารจัดการข้อมูลในภาพรวม บูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่
เก่ยี วขอ้ งตอ่ ไป

กองเทคโนโลยีธรณี ดาเนินการศึกษาในพื้นท่ีชายหาดปราณบุรี ครอบคลุมต้ังแต่บริเวณเขาตะเกียบ
อาเภอหัวหิน จนถึงหาดนมสาว อาเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ้ืนที่รวม 350 ตารางกิโลเมตร
ดาเนนิ การสารวจเกบ็ ข้อมลู ธรณีฟิสิกส์กวา่ 930 กโิ ลเมตร เก็บตะกอนพืน้ ท้องทะเล จานวน 335 ตัวอยา่ ง เพ่อื
ดาเนนิ การวเิ คราะหต์ ะกอนวิทยาและทางเคมี ผลการสารวจพบวา่ พนื้ ท่ศี กึ ษามีความลกึ ตง้ั แต่ -1 ถึง -38 เมตร
จากระดบั ทะเลปานกลาง บรเิ วณลกึ ทสี่ ดุ อยทู่ างตะวนั ออกเฉยี งใต้ โดยทางตอนบนถงึ ตอนกลางของพน้ื ท่ี มคี วาม
ลาดชันต่ากว่าเม่อื เทียบกับทางดา้ นใต้ของพน้ื ทส่ี ารวจ และพบแนวสนั ดอนใตน้ ้าขนานกนั หลายแนว ในขณะที่
พนื้ ผวิ ทอ้ งทะเลสว่ นใหญเ่ ปน็ ตะกอนโคลนปนทราย ทรายปนโคลน โคลน และทรายตามลาดบั ซงึ่ ตะกอนทรายมี
การกระจายตวั เปน็ บรเิ วณกวา้ งทางทศิ ตะวนั ออกของพนื้ ที่ ในอนาคตถอื เปน็ แหลง่ ทรายทสี่ าคญั เหมาะสมใชเ้ ตมิ
ทรายแกช่ ายหาดปราณบรุ ี และหวั หนิ เนอ่ื งจากมปี รมิ าณทรายสงู ปรมิ าณโคลนต่าและไมไ่ กลจากชายฝ่ังมากนัก
หา่ งจากชายฝง่ั ปราณบรุ ปี ระมาณ 10 กโิ ลเมตร เนอื้ ทปี่ ระมาณ 150 ตารางกิโลเมตร ผลการวเิ คราะห์โลหะหนกั
ในตะกอนทะเล เมอื่ เทยี บเกณฑม์ าตรฐานตามประกาศกรมควบคมุ มลพษิ พบวา่ สารหนแู ละทองแดงมปี ริมาณสงู
กวา่ เกณฑ์ มคี วามสมั พนั ธก์ บั ตะกอนแมน่ ้าปราณบรุ ี

ผลการสารวจ นามาสกู่ ารจดั ทาขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย ในการจดั ทาแนวเขตการใชป้ ระโยชนท์ างทะเล
บน พนื้ ฐานความรดู้ า้ นธรณวี ทิ ยา อาทิ พนื้ ทเ่ี หมาะสมในการวางปะการงั เทยี ม พน้ื ทแ่ี หลง่ ทรายในทะเลสาหรบั
เตมิ ทราย การเคลอ่ื นตวั ของตะกอนและกระแสน้า เพอ่ื นาไปใชใ้ นการบรู ณาการองคค์ วามรรู้ ว่ มกบั หนว่ ยงานอน่ื ที่
เกยี่ วขอ้ งตอ่ ไป

คาสาคญั : ปราณบรุ ,ี ธรณวี ทิ ยาทางทะเล, แหลง่ ทรายในทะเล, โลหะหนกั

Poster Session

ธรณีวิถีใหม่ นวตั กรรมไทย เพอื่ การพัฒนาท่ยี ั่งยืน 149

การสารวจแหลง่ นาบาดาลพุ ตาบลหว้ ยกระเจา อาเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบรุ ี

จฬุ ารตั น์ ญาณะวงษา*, วนัชวรรณ ฮันเยก็ และ อัคปศร อัคราช

กรมทรพั ยากรน้าบาดาล กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม จตจุ กั ร กรุงเทพ 10900 ประเทศไทย
*E-mail: [email protected]

บทคดั ย่อ

พื้นท่ีอาเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี เป็นหน่ึงในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งหรือแล้งซ้าซาก เนื่องจาก
พ้ืนทสี่ ่วนใหญอ่ ย่ใู นเขตเงาฝน ประกอบกับลักษณะพนื้ ดนิ เปน็ ดินทราย ไมส่ ามารถกักเก็บน้าผิวดินได้ ส่งผลให้
ประชาชนประสบปัญหาขาดแคลนน้าเพ่ืออุปโภคบริโภคและน้าเพื่อการเกษตรเป็นประจาทุกปี ในการศึกษา
ครงั้ นี้ มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อสารวจหาแหล่งน้าบาดาลในพื้นท่ี ที่คาดว่าจะมีศักยภาพสูง สาหรับพัฒนาน้าบาดาล
และจัดทาระบบประปาบาดาลส่งน้าระยะไกล ผลการศึกษาแบ่งออกเป็น (1) การวิเคราะห์แนวรอยแตกของ
ช้ันหินแข็งจากแผนที่ภูมิประเทศและภาพถ่ายทางอากาศ พบแนวรอยแตกของหินวางตัวทิศตะวันตกเฉียง
เหนือ-ทิศตะวันออกเฉียงใต้ และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (2) การตรวจสอบธรณีวิทยา
บริเวณทิศตะวันตกของอาเภอห้วยกระเจา รองรับด้วยตะกอนเศษหินเชิงเขาวางตัวปิดทับหินแปรอายุ
ไซลเู รียน-ดโี วเนยี น และหินปูนยคุ ออร์โดวเิ ชียน ส่วนทิศตะวันออกรองรับด้วยตะกอนธารน้าพา วางตัวปิดทับ
หินแกรนิต และหินควอร์ตไซต์ (3) การสารวจอุทกธรณีวิทยา พบว่าพื้นท่ีส่วนใหญ่มีการพัฒนาน้าบาดาลท่ี
ความลึก 100-200 เมตร ปรมิ าณนา้ น้อยกว่า 5 ลูกบาศก์เมตรต่อช่ัวโมง (4) การสารวจทางธรณีฟิสิกส์ด้วยวิธี
วัดค่าความต้านทานไฟฟ้าท้ังแบบหยั่งลึก และแบบ 2 มิติ พบลักษณะรอยต่อและรอยแตกของหินหลายแห่ง
โดยเฉพาะบริเวณบ้านทุ่งคูณ หมู่ที่ 19 ตาบลห้วยกระเจา พบลักษณะค่าความผิดปกติท่ีคาดว่าเป็นแนว
รอยต่อของหินชนวน หินควอร์ตไซต์ และหินแกรนิตแทรกดัน และ (5) การเจาะบ่อเจาะสารวจน้าบาดาล
จานวน 3 บ่อ ที่ระดับความลึก 224-303 เมตร ปริมาณน้าอยู่ระหว่าง 35-40 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งมี
ศักยภาพน้าบาดาลสูง เป็นแหล่งน้าบาดาลน้าบาดาลพุ ระดับความสูง 4-6 เมตร จานวน 2 บ่อ โดยผลการ
วิเคราะห์คุณสมบัติทางเคมีเป็นน้าแร่โซดา มีแร่ธาตุท่ีสาคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ได้แก่
แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม และไบคาร์บอเนตในปริมาณค่อนข้างสูง สาหรับแนวคิดเบ้ืองต้นของการเกิด
น้าพุโซดา เกิดจากพื้นท่ีศึกษารองรับด้วยหินปูนและหินแกรนิต ความร้อนของหินแกรนิตอาจส่งผลให้หินปูน
ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาลอยตัวขึ้นมาตามรอยแตกของชั้นหิน และทาปฏิกิริยากับน้าเกิดการ
สะสมตัวอยู่ในน้าบาดาลทาให้คุณสมบัติเป็นกรดอ่อน ๆ และเกิดลักษณะฟองอากาศคล้ายโซดา ผลจากการ
สารวจคร้ังน้ี ทาให้กรมทรัพยากรน้าบาดาลค้นพบแหล่งน้าบาดาลโซดาพุแหล่งใหม่ของประเทศไทย โดย
ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียวอีกหนึ่งแหล่งของจังหวัดกาญจนบุรี สาหรับการพัฒนาน้าบาดาลให้
ประชาชนพร้อมทัง้ ออกแบบระบบประปาบาดาลส่งน้าระยะไกล สามารถรองรับความต้องการใช้น้าจานวนไม่
น้อยกว่า 2,015 ครัวเรือน โดยเป้าหมายให้ประชาชนได้ใช้น้าคุณภาพดีและมีปริมาณเพียงพอทุกครัวเรือน
สามารถสร้างความม่งั คงดา้ นทรัพยากรนา้ ใหก้ ับประชาชนได้อยา่ งยั่งยืนตอ่ ไป

คาสาคัญ: น้าพโุ ซดาหว้ ยกระเจา; การสารวจแหล่งน้าบาดาล; นา้ แร่

Poster Session

150 การประชมุ วชิ าการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันท่ี 4-6 สงิ หาคม 2564

150

การศกึ ษาบรรพชีวนิ วทิ ยาของซากดกึ ดาบรรพเ์ รดิโอลาเรยี ในหินโผลเ่ ชริ ์ต บรเิ วณบ้านแม่จา

ตาบลทุ่งข้าวพวง อาเภอเชยี งดาว จังหวดั เชียงใหม่

สาธิต กันทะตา* และ ชณาวุฒิ สุขสบาย

ภาควิชาธรณวี ิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่
*E-mail: [email protected]

บทคดั ยอ่

การศึกษาวิจัยทางบรรพชีวินวิทยาของซากดึกดาบรรพ์เรดิโอลาเรีย บริเวณหมู่บ้านแม่จา
ตาบลทุ่งข้าวพวง อาเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ จากหินโผล่บริเวณทางหลวงหมายเลข 1322
ที่ กม. 12 +800 ซึ่งเป็นหินเชิร์ตท่ีมีสภาพการเก็บรักษาซากดึกดาบรรพ์ท่ีค่อนข้างไม่ดีเน่ืองจาก
แรงบรรพกาลไพศาลที่ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลก มีหลักฐาน ได้แก่ ลักษณะของช้ันหิน
แบบซ้อนเกยจากรอยเล่ือนย้อนมุมต่า (imbricate thrust fault) และรอยแตกมากมายในช้ันหิน ผู้ศึกษา
สามารถจาแนกชนิดของเรดิโอลาเรียเพ่ือหาอายุของชั้นหินและศึกษาสภาพการตกตะกอนได้ โดยพบ
ซากดึกดาบรรพ์เรดิโอลาเรียที่สามารถจาแนกได้ ได้แก่ Albaillella (?) gen. มีอายุในช่วงคาร์บอนิเฟอรัส
ตอนต้น (early Carboniferous หรือ Mississippian) ที่มีอายุประมาณ 358.9 – 323.2 ล้านปี และ
Spongodiscacea (?) sf. แต่ไม่สามารถระบุอายไุ ด้

ผลจากการศึกษาทางศิลาวรรณาไม่พบเศษหรือตะกอนคาร์บอเนตในเน้ือหิน จึงสามารถบ่งบอก
สภาพแวดล้อมการสะสมตัวของตะกอนของบริเวณนี้ ณ ช่วงอายุคาร์บอนิเฟอรัสตอนต้นว่าเป็นทะเลลึก
(deep sea) ที่มีพลังงานต่า ห่างจากชายฝ่ังทะเลท่ีระดับความลึกต่ากว่า CCD (carbonate compensation
depth) นอกจากนี้ช้ันหินดินดานท่ีพบแทรกสลับกับชั้นเชิร์ตยังมีความหนาไม่มากนัก บ่งบอกถึงการท่ียังไม่มี
การลดลงของปริมาณการสะสมตัวของซิลิกาหรือแสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นน้าทะเลยังไม่มีการ
ลดลงหรือต้ืน ซึ่งอยู่ในช่วงก่อนการปิดตัวลงของทะเลและมีการยกตัวข้ึน ของแผ่นเปลือกโลกที่เกิดจากการ
เคลื่อนที่ชนกันของแผ่นทวีปอินโดจีน (Indochina plate) กับแผ่นทวีปไซบูมาสุ (Sibumasu) หลังจากยุค
เพอร์เมียนตอนปลาย (late Permian) หรือยุคไทรแอสซกิ (Triassic)

คาสาคญั : ซากดกึ ดาบรรพ์เรดโิ อลาเรยี , คารบ์ อนิเฟอรสั ตอนตน้ , อนิ โดจีน, ไซบมู าสุ

Poster Session

ธรณีวิถใี หม่ นวัตกรรมไทย เพ่ือการพัฒนาทีย่ ง่ั ยนื 151

การศึกษาชนิ สว่ นฟอสซลิ กะโหลกศีรษะของไดโนเสารซ์ อโรพอด
จากแหล่งซากดกึ ดาบรรพ์ภูนอ้ ย อ.คาม่วง จ.กาฬสนิ ธ์ุ

อภิรตั น์ นลิ พนาพรรณ1*, ศติ ะ มานิตกลุ 1,2, ธนิศ นนท์ศรรี าช1,2, คมศร เลาหป์ ระเสรฐิ 1 และ พรเพ็ญ จนั ทสทิ ธ3ิ์

1 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ต.ขามเรียง อ.กนั ทรวชิ ัย จ.มหาสารคาม 44150
2 ศูนยว์ จิ ัยและการศกึ ษาบรรพชวี นิ วิทยา มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ต.ขามเรยี ง อ.กนั ทรวชิ ยั จ.มหาสารคาม 44150

3 พพิ ธิ ภณั ฑส์ ริ นิ ธร ต.โนนบรุ ี อ.สหสั ขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ 46140
*E-mail : [email protected]

บทคัดยอ่

แหล่งซากดึกดาบรรพ์ภูน้อย อาเภอคาม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ปรากฏช้ันหินที่มีการสะสมตัวในหมวด
หินภูกระดงึ กลุ่มหินโคราช มีช่วงอายุระหว่างยุคจูแรสซิกตอนปลายถึงยุคครีเทเชียสตอนต้น เป็นแหล่งขุดค้น
ที่มจี านวนและความหลากหลายทางชนิดพันธ์ุของซากดึกดาบรรพ์ของสัตว์มีกระดูกสันหลังมากที่สุดในเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ จากรายงานมีการค้นพบ ฉลาม ปลากระดูกแข็ง สัตว์สะเทินน้าสะเทินบก เต่า สัตว์กลุ่ม
จระเข้ สัตวเ์ ลอื้ ยคลานบนิ ได้ และไดโนเสาร์หลากหลายชนิด ซากดึกดาบรรพ์ส่วนมากที่พบเป็นของไดโนเสาร์
คอยาวซอโรพอด (Sauropod) ในวงศ์มาเมนชิซอริด (Mamenchisauridae) บ่งบอกได้จากลักษณะทาง
สัณฐานวิทยาของ ฟนั กระดกู สนั หลัง และกระดูกรยางค์ อันเป็นกลุม่ ท่พี บมากในช้ันหินยุคจูแรสซิกตอนปลาย
ของสาธารณรัฐประชาชนจีน การศึกษาครั้งนี้ผ้วู จิ ัยได้บรรยายลกั ษณะช้นิ ส่วนกะโหลกศรี ษะของซอโรพอดจาก
แหลง่ ภูนอ้ ยท่ถี ูกเกบ็ รักษาไว้ในคลังตวั อย่างพิพิธภัณฑ์สิรินธร เบื้องต้นพบว่าเป็นวงศ์มาเมนชิซอริด ซึ่งจะช่วย
ในการจาแนกชนิดพันธ์ุได้ในระดับสกุลและชนิดในอนาคต นอกจากนี้ยังสามารถบอกความสัมพันธ์ทาง
ววิ ฒั นาการระหวา่ งไดโนเสารซ์ อโรพอดในประเทศไทย กับประเทศต่าง ๆ ในทวปี เอเชีย

คาสาคญั : หมวดหนิ ภูกระดึง; ฟอสซิล; ซอโรพอด

Poster Session

152 การประชมุ วชิ าการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันที่ 4-6 สงิ หาคม 2564

152

การหาอายแุ ละธรณีเคมีของหินอคั นแี ทรกซอนบริเวณแขวงบ่อแกว้ และ หลวงนาทา

ประเทศสาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว

เศรษฐ์ สันติธรางกรู 1,2*, บรู พา แพจุ้ย1 และ Christoph Hauzenberger2

1มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ เชียงใหม่ ประเทศไทย (239 ถนนห้วยแก้ว 50200 เชยี งใหม่ ประเทศไทย)
2Karl-Franzens-University Graz, Graz, Austria (Universitaetsplatz 2, 8010 Graz, Austria)

*E-mail: [email protected]

บทคัดยอ่

หินอัคนีแทรกซอนบริเวณจังหวัดบ่อแก้ว และจังหวัดหลวงน้าทา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ

สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว เกิดขน้ึ ระหวา่ งและหลงั การปิดตวั ของมหาสมทุ รพาลโิ อเททสิ หินอคั นี

แทรกซอนบริเวณดังกล่าวอยู่ในแนวหินอัคนีแกรนิตอยด์แนวตะวันออกในประเทศไทย โดยหินในบริเวณพ้ืนท่ี
ศกึ ษาสามารถแบง่ ออกเปน็ 2 กลมุ่ ใหญ่ ไดแ้ ก่ กลมุ่ แกบโบร-ไดออไรต์ และกลมุ่ แกรนติ อยด์

กลมุ่ แกบโบร-ไดออไรตถ์ กู หาอายดุ ้วยยเู รเนยี ม-ตะกว่ั ในแร่เซอรค์ อน ซึง่ มอี ายอุ ยู่ท่ี 232.2 ± 3.1 ล้าน

ปี ซ่ึงมีความสัมพันธ์กับการแปรธรณีสัณฐานแบบหลังการปิดตัวของมหาสมุทรพาลิโอเททิส ลักษณะทาง
ศิลาวรรณาของหินชุดดังกล่าวแสดงผลึกสองขนาด แพลจิโอเคลสแสดงแบบอย่างโซน และแร่ฮอร์นเบลนด์มี

รปู รา่ งไมช่ ดั เจน แร่ไพรอกซีน ถกู พบเป็นผลึกขนาดเลก็ และมีแรฮ่ อร์นเบลนด์ตกผลกึ ขอบของผลึก ในแผนภูมิ

คอนไดรต์ ชุดหินดังกล่าวมีความอุดมไปด้วยธาตุไอออนขนาดใหญ่ แต่พร่องไปด้วยธาตุที่มีไอออนขนาดเล็ก
มีอัตราส่วนของ Th/Nb สูง และอัตราส่วน CaO/Al2O3, La/Ta, La/Nb แสดงหลักฐานของหินต้นกาเนิดเกิด
จากการแปรเปลี่ยนของแผ่นธรณีภาคจากการรับธาตุระเหยและแร่ธาตุต่างๆ จากแผ่นเปลือกโลกมหาสมุทร

อยา่ งไรกต็ าม ลกั ษณะในแผนภมู คิ อนไดรตแ์ สดงลกั ษณะแตกต่างกันบง่ บอกความตา่ งกนั ของส่วนประกอบของ
ชั้นเน้ือโลก จึงสามารถแบ่งหินตัวอย่างชุดนี้ได้เป็น แกบโบร-ไดออไรต์ I และ แกบโบร-ไดออไรต์ II โดยที่

แกบโบร-ไดออไรต์ I มีความอุดมไปด้วยโลหะหายากชนิดเบามากกว่ากลุ่มย่อยแกบโบร-ไดออไรต์ II จากการ

สรา้ งแบบจาลองทางธรณเี คมี โดยใช้การหลอมจากสว่ นประกอบของชนั้ เนือ้ โลกพร่องผสมกบั ส่วนประกอบของ
แผน่ เปลอื กเลอื กมหาสมทุ ร 10% (fmelt=0.10) พบวา่ แกบโบร-ไดออไรต์ I และ II เกิดจาการหลอมของหินเพริโด
ไทต์ชนิดการ์เนต์-สปิเนล และสปิเนล โมเดลการปนเป้ือนและการตกผลึกแยกส่วนของกลุ่มหินย่อยแกบโบร-

ไดออไรต์ I (fcry = 0.60-0.10) และ II (fcry = 0.40-0.10) บง่ บอกหลกั ฐานการปนเปอ้ื นและการตกผลึกแยกส่วน
ของหินตวั อย่าง นอกจากนี้สว่ นประกอบของธาตุร่องรอยและโลหะหายากที่มีคา่ fmix = 0.60-0.10 ยนื ยันการ
ผสมกนั ระหวา่ งแมกมาของกลุ่มแกรนติ อยดแ์ อลคาไลนส์ ูง

กลมุ่ หนิ แกรนติ อยด์ แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 กลมุ่ ไดแ้ ก่ (1) กลมุ่ แกรนติ อยดอ์ ลั คาไลนส์ งู มอี ายุ 231.0±3.1 ลา้ นปี

และ (2) กลุ่มแกรนิตอยด์อัลคาไลน์ต่ามีอายุ 250.8±3.4 ล้านปี กลุ่มแกรนิตอยด์อัลคาไลน์สูง แสดงเนื้อหิน
ลักษณะผลกึ สองขนาด แรแ่ พลจโิ อเคลสแสดงแบบอยา่ งโซนและโพแทสเซยี มเฟลดส์ ปารแ์ สดงเน้อื แบบเพอร์ทิ

ตกิ ส่วนประกอบทางเคมีของหินตัวอย่างโดยส่วนใหญ่แสดงความผิดปกติเชิงลบของธาตุยูโรเพียมซ่ึงบ่งชี้ว่ามี

การตกผลึกแยกส่วนของแร่แพลจิโอเคลส ตัวอย่างหินมักแสดงให้เห็นถึงค่าท่ีกว้างของ Rb/Sr และRb/Ba,
CaO+MgO+FeOt+TiO2 และ Al2O3+MgO+FeOt+TiO2 หลักฐานน้ีบอกถึงการหลอมบางส่วนของแผ่นเปลือก
โลกตอนล่างท่ีมีส่วนประกอบคล้ายหินบะซอลต์ผสมกับหินเกรย์แวก นอกจากน้ันแผนภูมิระหว่าง Rb และ

Y+Nb พบวา่ หนิ ตวั อยา่ งเกดิ หลังการชนของแผน่ เปลอื กโลก ในส่วนของกลุม่ หนิ แกรนิตอยดอ์ ัลคาไลน์ต่า ซึง่ หนิ

Poster Session

ธรณวี ิถใี หม่ นวัตกรรมไทย เพ่อื การพฒั นาที่ย่งั ยืน 153

ตัวอย่างน้ีแสดงให้เห็นถึงช่วงแคบ ๆ ของ Rb/Sr, CaO+MgO+FeOt+TiO2 และ Al2O3+MgO+FeOt+TiO2
หรืออตั ราส่วน LaN/YbN มคี ่าสูง และ Mg# มคี า่ ใกล้เคยี งรูปแบบการหลอมละลายของหนิ เอโคลไจต์ ดังน้ันชุด
หินย่อยท่ีประกอบด้วยแอลคาไลน์น้อยจะเช่ือมโยงกับการหลอมละลายท่ีความดันสูง ซึ่งแร่การ์เนตยังคง

หลงเหลอื อยู่ในหินต้นกาเนิด แผนภูมิระหว่าง Rb และ Y+Nb พบว่าหินตัวอย่างเกิดในบริเวณแนวภูเขาไฟผล

จากการศลิ าวรรณา ธรณเี คมี และการหาอายเุ บอื้ งตน้ ของการศกึ ษาครง้ั น้ี ชใี้ หเ้ หน็ วา่ กลมุ่ หนิ แกรนติ อยดอ์ ลั คาไลนต์ ่า

มคี วามสมั พนั ธก์ บั การเกดิ แนวภเู ขาไฟในชว่ งตน้ ของยคุ ไทรแอสสกิ ในสว่ นของกลมุ่ หนิ แกรนติ อยดอ์ ลั คาไลนส์ งู และ

กลุ่มหินแกบโบร-ไดออไรต์ ซงึ่ เกิดในอายุใกล้เคียงกนั และหลักฐานทางธรณีเคมีที่มคี วามเก่ียวเนื่องกัน ซึ่งเกิด

จากการชนภายหลงั จากการปดิ ตวั ของมหาสมทุ รพาลโิ อเททสิ ในชว่ งปลายของยคุ ไทรแอสสิก

Poster Session

154 การประชุมวชิ าการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันที่ 4-6 สงิ หาคม 2564

154

การอนรุ กั ษแ์ หลง่ รอยตนี อารโ์ คซอร์ อาเภอนาหนาว จงั หวดั เพชรบรู ณ์ เพอ่ื การทอ่ งเทย่ี วเชงิ ธรณี

วรรษมน มากคุณ*, กมลลกั ษณ์ วงษโ์ ก และ สจุ นิ ตนา ชมภูศรี

พิพิธภณั ฑ์ซากดึกดาบรรพ์ ธรณวี ทิ ยา และธรรมชาติวทิ ยาจงั หวดั ลาปาง
สานักงานทรัพยากรธรณเี ขต 1 เลขท่ี 414 หมู่ 3 ตาบลศาลา อาเภอเกาะคา จังหวัดลาปาง 52130

*E-mail: [email protected]

บทคัดยอ่

การคน้ พบแหลง่ รอยตนี ดกึ ดาบรรพ์ ทบ่ี า้ นนาพอสอง ตาบลน้าหนาว อาเภอน้าหนาว จงั หวดั เพชรบรู ณ์
เม่ือปี พ.ศ. 2546 ปรากฎรอยตีนประทับอยู่บนหน้าผาหินทราย เน้ือโคลน ในหมวดหินห้วยหินลาด อายุ
ประมาณ 220 ล้านปี ยุคไทรแอสซิกตอนปลาย ช้ันหินมีความเอียงเทกว่า 40 องศา ความสูงของหน้าผา
ประมาณ 100 เมตร กว้างประมาณ `190 เมตร ผลการวิจัย โดย Dr. Jean Le Loeuff พบว่า เป็นรอย
ทางเดิน 4 ขา จานวน 3 แนวทางเดิน มีรอยตีนประมาณ 300 รอย ลักษณะของรอยตีนเม่ือทาการศึกษา
เปรยี บเทียบแลว้ เปน็ สตั ว์เลือ้ ยคลานโบราณ พวกอาร์โคซอร์ (Archosaur) ซ่ึงเป็นกลุ่มของสัตว์เลื้อยคลานที่มี
กะโหลกแบบ diapsid (มีรเู ปดิ 2 รใู นแต่ละดา้ นของกะโหลก) กอ่ นวิวฒั นาการต่อเนอ่ื งเป็นกลุม่ ของไดโนเสาร์

ปัจจุบันแหล่งรอยตีนอาร์โคซอร์ ได้ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 22 แหล่ง ของอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ ที่มี
ลักษณะโดดเด่น มีคุณค่าทางวิชาการ โดยถือเป็นแหล่งรอยตีนสัตว์ดึกดาบรรพ์ ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
และมีศกั ยภาพในการพัฒนาเพอ่ื การทอ่ งเท่ยี วเชิงธรณอี ย่างย่งั ยนื จากการสารวจโดยสานักงานทรัพยากรธรณี
เขต 1 พบว่าแหลง่ รอยตนี อารโ์ คซอร์ มสี ภาพเสอื่ มโทรม เนอ่ื งจากถกู กดั เซาะดว้ ยน้าฝนตามฤดกู าล ทาใหเ้ กดิ การ
ผพุ งั สกึ กรอ่ น จนทาใหร้ อ่ งรอยถูกทาลาย และไมส่ ามารถสงั เกตร่องรอยเดมิ ได้ สานักงานทรัพยากรธรณีเขต 1
ร่วมกบั สานักงานทรัพยากรธรณี เขต 2 จึงได้เข้าไปทาการอนุรักษ์ ซ่อมแซม บริเวณแหล่งรอยตีนอาร์โคซอร์
โดยเริ่มจากการทาความสะอาดพ้ืนผิวรอยตีน และป้องกันรอยตีนจากการผุพัง กัดกร่อนด้วยสารละลายผสม
ระหว่าง Polyvinyl acetate กับแอลกอฮอล์ 95 % พร้อมทั้งได้ทาการคัดลอกรอยตีน แนวทางเดินท่ี 3 เพื่อ
ศกึ ษาเพิม่ เติมตอ่ ไป

คาสาคญั : การอนรุ ักษ์ รอยตีนอาร์โคซอร์ หมวดหินหว้ ยหินลาด การท่องเทย่ี วเชิงธรณี

Poster Session

ธรณีวิถีใหม่ นวตั กรรมไทย เพือ่ การพัฒนาทย่ี ่งั ยืน 155

ขอ้ เสนอแนวทางการบริหารจัดการแหลง่ ธรณวี ิทยาเขานุย้ อาเภอละงู จงั หวัดสตลู

ชัยสิทธิ์ เครอื สอน

กองอนรุ กั ษ์และจดั การทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี

บทคดั ย่อ

อุทยานธรณีโลกสตูล (Satun UNESCO Global Geopark) เป็นอุทยานธรณีระดับโลกแห่งแรกของ
ประเทศไทย เน่อื งจากมีแหลง่ ธรณีวิทยาท่ีมีคุณค่าความสาคัญระดับนานาชาติ (International Significance)
และมีการบริหารจัดการที่ดีตามหลักการพัฒนาที่ย่ังยืน โดยแหล่งธรณีวิทยาเขานุ้ย อาเภอละงู จังหวัดสตูล
เป็นหน่ึงในจานวนสองแหล่งธรณีวิทยาที่สาคัญของอุทยานธรณีสตูล ด้วยลาดับช้ันหินที่มีความสมบูรณ์ในทุก
ยุคของมหายุคพาลีโอโซอิก ซ่ึงพบซากดึกดาบรรพ์ดัชนีครบทุกช่วงอายุ ตลอดจนหลายชนิดพบเป็น
ซากดึกดาบรรพ์ชนดิ ใหมข่ องโลก สง่ิ เหลา่ นท้ี าใหแ้ หลง่ ธรณวี ทิ ยาเขานยุ้ มคี วามจาเปน็ อยา่ งยง่ิ ทจี่ ะตอ้ งไดร้ บั การ
อนรุ กั ษ์ให้คงอยตู่ อ่ ไป ผเู้ ขียนจงึ ดาเนนิ การศกึ ษาเพอ่ื จดั ทาข้อเสนอแนวทางการบรหิ ารจัดการแหลง่ ธรณีวิทยา
เขานยุ้ โดยการรวบรวมและและศกึ ษาข้อมลู ทตุ ิยภมู ิ ได้แก่ ข้อมูลธรณีวิทยาของผู้ที่เคยทาการศึกษามาก่อนได้
ข้อกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับการพัฒนาใช้ประโยชน์ท่ีดิน และการสารวจเก็บข้อมูลความต้องการของผู้มีส่วนได้
ส่วนเสียโดยตรงต่อการพัฒนาอุทยานธรณีสตูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ แล้วนามาข้อมูลมาประมวลผลร่วมกัน
และจัดทาเป็นข้อเสนอแนวทางการบริหารจัดการแหล่งธรณีวิทยาเขานุ้ย ซึ่งผลการศึกษาพบว่าแหล่ง
ธรณีวทิ ยาเขานยุ้ มี 3 หมวดหินสาคญั ประกอบด้วย หมวดหนิ รังนก หมวดหินป่าแก่ และหมวดหินป่าเสม็ด ซ่ึง
พบซากดึกดาบรรพ์หลากหลายในกลุ่มซากดึกดาบรรพ์สัตว์ (Faunal Assemblages) ได้แก่ สโตรมาโตไลต์
ไทรโลไบต์ แกรปโตไลต์ นอติลอยด์ เทนทาคูไลต์ และร่องรอยสัตว์ดึกดาบรรพ์ โดยแหล่งธรณีวิทยาเขานุ้ย
ต้ังอยู่ในเขตพื้นท่ีป่าสงวนแห่งชาติ จากคุณค่าความสาคัญทางธรณีวิทยา เง่ือนไขการใช้ประโยชน์พ้ืนท่ีตาม
กฎหมายและความต้องการของพื้นท่ี ผู้เขียนจึงได้มีข้อเสนอเพื่อการบริหารจัดการแหล่งธรณีวิทยาเขานุ้ยใน
5 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย การดาเนินการด้านกฎหมาย การสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานและจัดภูมิทัศน์
การพัฒนาสอื่ ประชาสมั พนั ธ์แหลง่ ธรณีวทิ ยา การจัดเส้นทางการท่องเท่ียวเชงิ ธรณีวิทยา (Geotrails) และการ
จัดหลกั สูตรธรณวี ิทยา

คาสาคญั : อทุ ยานธรณี แหลง่ ธรณวี ทิ ยา การพฒั นาทยี่ งั่ ยนื การลาดบั ชนั้ หนิ ตามลกั ษณะหนิ (Lithostratigraphy)
กลมุ่ ซากดกึ ดาบรรพส์ ตั ว์ (Faunal Assemblages) เสน้ ทางการทอ่ งเทย่ี วเชงิ ธรณวี ทิ ยา (Geotrails)

Poster Session

156 การประชุมวิชาการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันท่ี 4-6 สงิ หาคม 2564

ข้อมูลธรณเี คมพี ืนฐาน จังหวดั พะเยา 156

ทิวาพร พลสิทธิ์*, รัศมี สมสตั ย์ และ จักรพนั ธ์ คาบญุ เรอื ง

สว่ นธรณเี ทคนิค กองเทคโนโลยธี รณี
*E-mail: [email protected]

บทคัดย่อ

ส่วนธรณีเทคนิค กองเทคโนโลยีธรณี ได้ดาเนินการสารวจธรณีเคมีข้ันธรณีเคมีบริเวณไพศาลใน
ปี พ.ศ. 2563 ในพ้ืนท่ีจังหวัดพะเยา เพ่ือจัดทาเป็นข้อมูลธรณีเคมีพ้ืนฐานและแผนที่ธรณีเคมีแสดงการ
แผ่กระจายของธาตุชนิดต่างๆ ท่ีอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดาเนินการโดยเก็บตัวอย่างตะกอนทอ้ งน้า
จานวน 533 ตวั อย่าง ทาการวเิ คราะห์เคมหี าปริมาณธาตจุ านวน 26 ธาตุ ได้แก่ ธาตเุ งนิ (Ag) อะลูมิเนียม (Al)
สารหนู (As) แบเรียม (Ba) เบริลเลียม (Be) บิสมัท (Bi) แคลเซียม (Ca) แคดเมียม (Cd) โคบอลต์ (Co)
โครเมียม (Cr) ทองแดง (Cu) เหล็ก (Fe) โพแทสเซียม (K) ลิเทียม (Li) แมกนีเซียม (Mg) แมงกานสี (Mn)
โมลบิ ดนี มั (Mo) โซเดยี ม (Na) นกิ เกลิ (Ni) ตะกว่ั (Pb) พลวง (Sb) ซลี เี นยี ม (Se) สตรอนเซยี ม (Sr) ไทเทเนียม (Ti)

วาเนเดยี ม (V) และสงั กะสี (Zn) โดยวธิ ี Aqua Regia Digestion ด้วยเครอื่ งมอื Inductively Coupled Plasma -
Optical Emission Spectrometer (ICP - OES) และนาผลวิเคราะห์เคมมี าศึกษาการแผ่กระจายของธาตุโดย
ใช้วิธีทางสถิติเพื่อหาค่าภูมิหลัง (background value) ค่าสูงสุดของค่าภูมิหลัง (threshold value) และ
ค่าผดิ ปกติ (anomalous value) เพ่อื เขยี นแผนทีธ่ รณีเคมีแสดงการกระจายตวั ของธาตชุ นิดต่างๆ

จากการศกึ ษาคา่ กาลังสองของคา่ สัมประสิทธิส์ หสัมพันธ์ (r2) ของปริมาณธาตุต่างๆ จากการวิเคราะห์
ซ้า สามารถจัดทาแผนที่ธรณีเคมีแสดงการแผ่กระจายของธาตุชนิดต่างๆ ได้จานวน 16 ธาตุ และนามาศึกษา
ทางสถิติโดยใชว้ ธิ ขี อง Sinclair (1974, 1976 และ 1991) และโปรแกรมการคานวณเส้นโค้งความถส่ี ะสมของ
Stanly (1987) สรปุ ไดว้ า่ ในพน้ื ทจ่ี งั หวดั พะเยา มกี ารแผก่ ระจายของค่าสงู ผดิ ปกตขิ องธาตุตา่ ง ๆ อยู่ 5 บริเวณ
ได้แก่ 1) ดา้ นตะวันตกของจังหวัด มีการแผ่กระจายตัวของธาตุอลูมิเนียม แบเรียม แคลเซียม โคบอลต์ เหล็ก
โพแทสเซียม ลิเทียม แมงกานีส นิกเกิล และสังกะสี 2) ด้านใต้ของจังหวัด มีการแผ่กระจายตัวของธาตุตะก่ัว
สตรอนเซียม และธาตุสังกะสี 3) ตอนกลางของจังหวัด มีการแผ่กระจายตัวของธาตุแมกนีเซียม แมงกานีส
นิกเกิล ตะกั่ว ไทเทเนียม และวาเนเดียม 4) ด้านเหนือของจังหวัด มีการแผ่กระจายตัวของธาตุตะก่ัว สังกะสี
นิกเกิล ทองแดง เหล็ก โครเมียม และโคบอลต์ 5) ด้านตะวันออกของจังหวัด มีการแผ่กระจายตัวของธาตุ
ไทเทเนยี ม ลเิ ทียม และอลมู เิ นียม

จากแผนที่ธรณีเคมี ได้ทาการศึกษาการแผ่กระจายของค่าสูงผิดปกติของท้ัง 16 ธาตุ ในบริเวณ
เปรียบเทียบกับค่าเฉล่ียของธาตุต่างๆ ในดินและหินทั่วไป (Bowen, H. J. M. 1979; Taylor, S.R., 1964;
Wedepohl, K. H., ed., 1969 - 1974) มี 6 ธาตุ ได้แก่ ธาตุโคบอลต์ เหล็ก ลิเทียม แมงกานีส ตะกั่ว และ
สังกะสี เมื่อศกึ ษาปรมิ าณธาตุท่ีมีอยู่ในหินชนิดต่างๆ ที่รองรับ พบว่าธาตุโคบอลต์ และลิเทียม มีค่าสูงผิดปกติ
อยู่ในระดบั ใกล้เคยี งกบั หินที่รองรบั จึงอาจจะเป็นค่าภมู ิหลังในพน้ื ที่ สว่ นธาตุที่มคี ่าสงู ผิดปกตมิ ากกว่าค่าเฉล่ีย
ในหินท่ีรองรับมีเพียง 4 ชนิด คือ ธาตุเหล็ก แมงกานีส ตะก่ัว และสังกะสี จากลกั ษณะธรณวี ทิ ยาทปี่ รากฎใน
พนื้ ที่ ค่าสูงผิดปกติธาตุเหล็กสัมพันธ์กับลักษณะปรากฏของหินหลายชนิด ได้แก่ หินตะกอนยุคจูแรสซิก (J)
หมวดหนิ ฮอ่ งหอย (Trhh) หนิ ตะกอนและหินแปรยุคเพอร์เมียน - คาร์บอนิเฟอรัส (CP) หินอัคนียุคเพอร์เมียน -
ไทรแอสซิก (PTrv) หินตะกอนยุคครีเทเชียส (K) ตะกอนเศษหินเชิงเขา (Qc) และตะกอนน้าพา (Qa) ค่าสูง

Poster Session

ธรณวี ิถใี หม่ นวัตกรรมไทย เพ่อื การพัฒนาทย่ี ง่ั ยืน 157

ผิดปกตขิ องธาตแุ มงกานสี สมั พันธก์ บั ลกั ษณะปรากฏของหินตะกอนหมวดหินฮ่องหอย (Trhh) อาจสัมพันธ์กับ
หินต้นกาเนิดพวกแกรนิตยุคครีเตเชียส (Kgr) ท่ีอยู่ด้านตะวันตก ค่าสูงผิดปกติของธาตุตะก่ัวสัมพันธ์กับ
ลักษณะปรากฎของหินตะกอนยุคจูแรสซิก (J) หินตะกอนยุคไทรแอสซิก - จูแรสซิก (TrJ) หมวดหินวังช้ิน
(Trwc) และหินอคั นยี คุ จแู รสซิก (Jv) และค่าสูงผิดปกติของธาตุสังกะสีส่วนใหญ่สัมพันธ์กับกับลักษณะปรากฎ
ของหินตะกอนยุคจูแรสซิก (J) หินตะกอนยุคไทรแอสซิก - จูแรสซิก (TrJ) และหินอัคนียุคเพอร์เมียน -
ไทรแอสซิก (PTrv) สาหรบั แนวทางการบริการจัดการพ้ืนที่น้ัน ควรสนับสนุนให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องนาข้อมูล
บริเวณพ้ืนที่ที่มีค่าสูงผิดปกติไปศึกษาในรายเอียดเพิ่มเติม รวมถึงทาการสารวจธรณีเคมีขั้นรายละเอียดด้วย
วิธีการอ่ืน ๆ เช่น การสารวจดิน การสารวจน้า ตลอดจน การตรวจสุขภาพของประชาชนในพื้นท่ีว่ามี
ผลกระทบต่อสุขภาพจากธาตุทีมีค่าสูงผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณท่ีมีการแผ่กระจายของธาตุ
แมงกานีสซึ่งมีปริมาณที่สูงเกินระดับเกณฑ์พ้ืนฐาน (1,800 mg/kg) ของมาตรฐานคุณภาพดินที่ใช้ประโยชน์
เพ่ือการอยู่อาศัยและเกษตรกรรม (กรมควบคุมมลพิษ, 2547) ซ่ึงอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของ
ประชาชนท่อี าศัยอยใู่ นพนื้ ท่ี

คาสาคัญ: จงั หวัดพะเยา, ขอ้ มูลธรณีเคมี, ค่าสูงผิดปกต,ิ ลกั ษณะการแผก่ ระจายตวั , แผนท่ีธรณเี คมี

Poster Session

158 การประชมุ วชิ าการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วนั ที่ 4-6 สงิ หาคม 2564

158

โครงการพัฒนาสระบ่อดินขาว พืนทเ่ี ขาวง อาเภอตาคลี จงั หวัดนครสวรรค์

นา้ ฝน คาพลิ งั *, นลนิ ี ธะนนั ต,์ ภคั พงษ์ ศรบี วั ทอง, ทศั นพร เรอื นสอน, ธรี ะชยั หนอ่ คาบตุ ร
และ นราเมศวร์ ธรี ะรงั สกิ ลุ

สานกั งานทรพั ยากรธรณี เขต 1 กรมทรพั ยากรธรณี
*E-mail : [email protected]

บทคัดย่อ

โครงการพัฒนาสระบ่อดินขาว พ้ืนท่ีเขาวง อาเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้
ประชาชนใชป้ ระโยชนจ์ ากแหลง่ น้าเพอื่ อปุ โภคบรโิ ภคและทาการเกษตร โดยเกบ็ น้าจากน้าฝนและน้าหลากทไ่ี หล
จากทางธรรมชาติ ทงั้ นพ้ี น้ื ทเี่ ขาวงซงึ่ เปน็ ภเู ขาหนิ ปนู ทพ่ี บโพรงถ้าเปน็ จานวนมาก ทางโครงการจงึ มแี นวความคดิ กกั
เกบ็ สารองน้าในระบบใตด้ ินจากโพรงถ้าใต้ดนิ จงึ นามาซ่งึ การสารวจข้อมลู ทางธรณวี ทิ ยาพ้นื ผิว ธรณีวิทยาควอ
เทอรน์ ารี ธรณวี ทิ ยาโครงสรา้ ง การสารวจธรณฟี สิ กิ สเ์ พอ่ื หาขอ้ มลู ธรณวี ทิ ยาใตด้ นิ และตาแหนง่ โพรงถ้าใตด้ นิ เพอ่ื
สนบั สนุนข้อมูลสาหรับการบรหิ ารจดั การน้าในโครงการพัฒนาสระบ่อดินขาวตอ่ ไป ด้วยกรมทรพั ยากรธรณเี ป็น
หน่วยงานในการสนับสนุนข้อมูลทางธรณีวิทยา ข้อมูลธรณีวิทยาโครงสร้างพ้ืนผิว และข้อมูลธรณีวิทยาใต้ดิน
สาหรับใชใ้ นการฟนื้ ฟูและพัฒนาสระบ่อดนิ ขาวเพ่ือเป็นแหลง่ น้าให้กบั ชมุ ชนใช้ในการเกษตรกรรม จากผลการ
สารวจพบวา่ พนื้ ทเี่ ขาวงมสี ภาพธรณวี ทิ ยาแบบภมู ปิ ระเทศคาสต์ (karst topography) ประกอบดว้ ยหนิ ปนู ทงั้ หมด
พบลกั ษณะทางโครงสรา้ งธรณวี ทิ ยาในพน้ื ทเี่ ขาวง มแี นววางตวั 2 ทศิ ทาง ไดแ้ ก่ แนวหลกั วางตวั ในแนวทศิ ตะวนั ตก
เฉยี งเหนอื – ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (NW-SE) และแนวรองวางตวั ในแนวทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนอื – ตะวนั ตกเฉยี งใต้
(NE-SW) การสารวจตะกอนควอเทอร์นารี ดว้ ยเครอื่ งเจาะสว่านมือ (Hand Auger Boring) ผลการเจาะสารวจ
สามารถแบง่ กลมุ่ ตะกอนควอเทอรน์ ารตี ามลกั ษณะตะกอน การเรยี งลาดบั ช้ัน สภาพแวดลอ้ มขณะสะสมตัว โดย
แบง่ ไดเ้ ปน็ 3 ชดุ ตะกอน เรยี งตามลาดบั จาก ลา่ งขนึ้ บน ไดแ้ ก่ ตะกอนทรี่ าบน้าทว่ มถงึ หนว่ ยที่ 2 (Qff2) ตะกอนที่
ราบน้าทว่ มถงึ หนว่ ยท่ี 2 (Qff2) ตะกอนเศษหนิ เชงิ เขา (Qc) พบดนิ มารล์ ทร่ี ะดบั ความลกึ 1.9 – 3.3 เมตรจากผวิ
ดนิ และกระจายตวั อย่บู รเิ วณดา้ นทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือและกระจายตวั ลงมาทางทิศตะวนั ตกจนถงึ ทศิ ตะวันตก
เฉยี งใตข้ องพน้ื ทศ่ี ึกษา สว่ นดนิ แทรร์ ารอสซา พบกระจายตวั อยบู่ รเิ วณทศิ ตะวนั ออกของเขาสงู พน้ื ทลี่ มุ่ ตอนกลาง
ของพนื้ ทีเ่ ขาวง พบทค่ี วามลกึ ตัง้ แตผ่ วิ ดนิ ลงไปประมาณ 1 – 4 เมตร และจากการสารวจธรณีฟกิ ส์ดว้ ยวธิ ีวดั คา่
สภาพตา้ นทานไฟฟา้ (ERI) และวดั คลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ แบบไทมโ์ ดเมน (TEM) สามารถตรวจพบเปน็ ชนั้ หนิ ปนู ทมี่ รี อย
แตกมากหรอื โพรง ความหนา 40 - 60 เมตร ทคี่ วามลกึ ประมาณ 20 - 80 เมตร ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากสระเกบ็ น้าเขาวงท่ี
พบแนวรอยแตกในชนั้ หนิ ปนู หลายแนว สง่ ผลใหส้ ระหรอื อา่ งเกบ็ น้าไมส่ ามารถกกั เกบ็ น้าไวไ้ ด้ และในการกกั เกบ็ น้า
ใตด้ นิ อยใู่ นพนื้ ทโ่ี พรงหนิ ปนู ใตด้ นิ (ตอ้ งใชท้ รพั ยากรและงบประมาณมาก) สว่ นการพฒั นาพน้ื ทเี่ กบ็ น้าบนดนิ อาจ
พจิ ารณาพน้ื ทเ่ี หมาะสม (ตามสภาพ/ลกั ษณะทางธรณวี ทิ ยา พนื้ ทที่ ไ่ี มม่ รี อยแตก รอยแยก หรอื บรเิ วณทเี่ ปน็ ตาน้า
พนื้ ราบ/เนนิ ดา้ นทศิ ใต/้ ดา้ นทศิ ตะวนั อออกของเขาวง) เนอ่ื งจากมโี อกาสทจี่ ะประสบปญั หาการรวั่ ซมึ ได้ และควรมี
การอนรุ กั ษพ์ นื้ ทต่ี น้ น้า หรอื ปลกู พชื คลมุ ดนิ ในทรี่ าบ

คาสาคญั : บอ่ ดนิ ขาว ธรณวี ทิ ยา ธรณวี ทิ ยาโครงสรา้ ง โพรงหนิ ปนู

Poster Session

ธรณีวถิ ใี หม่ นวัตกรรมไทย เพ่อื การพัฒนาท่ยี ง่ั ยืน 159

ความกา้ วหน้าการปรับปรงุ แผนท่ีธรณีวิทยาประเทศไทย ปี 2564

ชาญรตั น์ เมินขนุ ทด, ฐานันตร์ สนู ยส์ าทร, กฤตภพ อคั รวินทวงศ์*, สุรศักด์ิ บญุ ลือ, กิตติ ขาววเิ ศษ,
สันต์ อศั วพัชระ, ปญั ญา จารุศิริ และ นราเมศวร์ ธีระรังสิกุล

กรมทรพั ยากรธรณี
*E-mail: [email protected]

บทคดั ยอ่

แผนทธ่ี รณีวิทยาฉบับแรกในประเทศไทยจัดพิมพ์ขึ้นเม่อื พ.ศ. 2494 โดยกรมราชโลหกจิ และภูมวิ ิทยา
จากความชว่ ยเหลือของกรมสารวจธรณีวทิ ยาสหรัฐอเมริกา (USGS) ดว้ ยขนาดมาตราสว่ น 1:2,000,000 สว่ น
แผนท่ีธรณีวิทยาท่วั ประเทศมาตราสว่ น 1:50,000 ที่เปน็ มาตรฐาน เริ่มจัดทาขึ้นเป็นคร้ังแรกในปี พ.ศ. 2525
โดยกองธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี และยงั คงจดั ทาเร่ือยมาจนถงึ ปจั จบุ นั ความก้าวหนา้ ทางวชิ าการท่ีเพ่ิม
มากขึน้ ทั่วโลก และความเจริญทางการคมนาคมของพืน้ ท่ี ทาใหต้ อ้ งมกี ารปรับปรงุ ข้อมูลและรูปแบบของแผน
ที่ให้มคี วามทันสมัย และชัดเจนมากย่งิ ขนึ้ ด้วยโปรแกรม ARCGIS, Excel และ SRIMOEM

จากการรวบรวมขอ้ มลู ในปัจจบุ นั แผนท่ธี รณีวิทยาประเทศไทยมาตราส่วน 1:50,000 มีข้อมูลที่ยังไม่
ครบสมบูรณ์และมีบางระวางท่ีข้อมูลขาดหายไปเนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้รวมทั้งส้ิน 78 ระวาง ซึ่ง
ส่วนดังกล่าวน้ีเป็นอุปสรรคสาคัญในการแปลความหมายทางธรณีวิทยา และธรณีประวัติของประเทศ ทาให้
เกิดความจาเป็นเร่งด่วนท่ีจะต้องเติมเต็มข้อมูลในระวางที่ขาดหายไปเพ่ือให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยามาใช้
ประโยชนเ์ ป็นฐานของการนาทรัพยากรธรณมี าใช้ใหถ้ กู ต้อง ยงั่ ยนื

คณะทีมงานปรับปรุงแผนที่ธรณีวิทยาได้แบ่งขั้นตอนการทางานออกเป็น 6 ระยะ คือ 1.) รวบรวม
ข้อมูลแผนที่ธรณีวิทยาและวิเคราะห์งานแผนท่ีเดิมที่มีอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ 2.) แปลความหมายภาพถ่ายทาง
อากาศและภาพจากดาวเทียม 3.) ตรวจสอบขอ้ มลู ธรณีวิทยาภาคสนามในพื้นท่ีท่ีมีการปรับปรุงแก้ไข โดยได้มี
การออกสารวจเพ่ือตรวจสอบความถูกต้องของหน่วยหินในแผนที่ฉบับร่าง 4.) ออกแบบและจัดทาฐานข้อมูล
5.) ประมวลแปลผลขอ้ มูลและการเขียนรายงาน 6. จัดทาแผนท่ีธรณีวิทยา มาตราส่วน 1:50,000 ตามวิธีการ
จัดทาแผนที่ (Cartography) และจัดพมิ พใ์ นรปู แบบกระดาษพร้อมเผยแพร่

ผลจากการศึกษา รวบรวมข้อมูลและการสารวจตรวจสอบภาคสนาม ทาให้สามารถจัดทาแผนท่ี
ธรณวี ิทยา มาตราส่วน 1:50,000 แล้วเสร็จสมบูรณ์ 59 ระวาง จากทั้งส้ิน 78 ระวาง คิดเป็น 75% โดยยังไม่
แล้วเสร็จ 19 ระวาง และได้มีการเข้าตรวจสอบข้อมูลภาคสนาม 5 พื้นที่ ได้แก่ 1.) พ้ืนท่ีบริเวณจังหวัด
อุบลราชธานีและศรีสะเกษ 2.) พื้นท่ีบริเวณจังหวัดระยองและจันทบุรี 3.) พื้นที่บริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์
ชัยภูมิ และนครราชสีมา 4.) พื้นท่ีบริเวณจังหวัดตากและเชียงใหม่ 5.) พื้นท่ีบริเวณจังหวัดชุมพรและ
จังหวัดระนอง

นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบสถานภาพความสมบูรณ์ของข้อมูลแผนที่ธรณีวิทยาทั้งหมด 699 ระวาง
พบความไม่ต่อเนื่องของแผนท่ีเม่ือนามาต่อเป็นภาพใหญ่จานวน 634 ระวาง คิดเป็นร้อยละ 90 โดยลักษณะ
ความไมต่ อ่ เนอ่ื งโดยรอบของแผนทแ่ี ต่ละระวางเปน็ เรอ่ื งของโครงสร้างทางธรณีวิทยา แนวรอยเล่ือน แนวรอย
แตก ขอบเขตหิน (rock boundary) รวมทั้งลักษณะหน่วยหิน (rock unit) ส่วนใหญ่เกิดจากประสบการณ์
ของผู้สารวจภาคสนามในแต่ละระวาง การเข้าถึงพ้ืนท่ี บางพ้ืนท่ีเป็นขอบชายแดนทาให้ไม่สามารถเข้าพ้ืนท่ีได้
และข้อมูลที่ปรากฏให้เห็นได้ในพื้นที่ขณะทาการสารวจ ทาให้แผนท่ีแต่ละระวางมีความละเอียดไม่เท่ากัน

Poster Session

160 การประชมุ วชิ าการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันท่ี 4-6 สงิ หาคม 2564

160
การแบ่งหน่วยชั้นหินแบ่งย่อยไม่เท่ากัน บางพื้นที่มีงานศึกษาวิจัยในรายละเอียดเข้ามาเสริม แต่บางพื้นที่ไม่มี

ผลงานวิจัยสนับสนุน เป็นต้น การแก้ไขความไม่ต่อเน่ืองของแผนท่ี ทาได้โดยการให้กลุ่มนักธรณีวิทยาที่มี

ประสบการณ์ในแต่ละด้านเข้าเก็บข้อมูลพร้อมกันในพ้ืนที่ท่ีมีปัญหา ระดมความคิดเห็น และสรุปปัญหากันใน

พื้นท่ี โดยความก้าวหน้าทางวิชาการ และความง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูลในพ้ืนท่ีจะช่วยให้การแก้ไขความไม่

ตอ่ เนอ่ื งของแผนทใ่ี นแตล่ ะระวางมีความเป็นไปได้อยา่ งรวดเรว็ และถูกต้อง

เนอ่ื งจากในขณะนี้ สถานการณโ์ ควดิ -19 ทาให้งานเรง่ ด่วนเขา้ ตรวจสอบพ้ืนที่ดาเนินการไม่ได้ และไม่

เสร็จตามกาหนด คณะทีมงานปรับปรุงแผนที่ธรณีวิทยาประเทศไทยขอเสนอให้มีแผนแม่บทการสารวจ

ปรับปรุงแผนท่ีธรณีวิทยา โดยทาเป็นแผนงานประจาปี ทาการสารวจแก้ไขปรับปรุงแผนท่ีธรณีวิทยาเพ่ือให้มี

มาตรฐานเป็นท่ียอมรับ ยกระดับมาตรฐานของข้อมูลธรณีวิทยาของประเทศให้มีความทันสมัย และมีรูปแบบ

ท้งั ดิจิทลั และอนาล็อกตามมาตรฐานสากล เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ฐานขอ้ มลู อา้ งอิงให้งานวิจยั ตา่ ง ๆ ในอนาคตได้สืบตอ่ ไป

คาสาคัญ: แผนท่ธี รณีวทิ ยา, ปรบั ปรงุ แผนท่ธี รณวี ทิ ยา, กรมทรัพยากรธรณี

Poster Session

ธรณีวถิ ีใหม่ นวัตกรรมไทย เพือ่ การพฒั นาท่ียง่ั ยนื 161

ความกา้ วหน้าของการสารวจธรณีเคมเี พอื่ สุขภาพและสิ่งแวดลอ้ ม บรเิ วณรอยตอ่ ของ
จังหวัดพิจิตร-เพชรบูรณ์-พษิ ณุโลก

อปั สร สะอาดสดุ * และ จิติศักดิ์ เปรมมณี

กองวเิ คราะห์และตรวจสอบทรพั ยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี
*E-mail: [email protected]

บทคดั ย่อ

กรมทรพั ยากรธรณี กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ไดม้ ขี อ้ ตกลงความรว่ มมอื ทางวชิ าการกบั
กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ เมอ่ื วนั ที่ 11 มถิ นุ ายน 2563 ในการเฝา้ ระวงั สขุ ภาพประชาชนเชงิ รกุ ในพนื้ ทเ่ี สย่ี ง
การปนเปอื้ นสารพษิ ตามธรรมชาตใิ นสงิ่ แวดลอ้ ม เพอื่ ใหป้ ระชาชนมสี ขุ ภาพทดี่ ี ลดการเจบ็ ปว่ ยทอี่ าจเกดิ จากการสมั ผสั
สารพษิ โดยกรมทรพั ยากรธรณจี ะดาเนนิ การสารวจ วเิ คราะห์ ตรวจสอบการปนเปอ้ื น รวมถงึ การประเมนิ ความเสย่ี ง
ดว้ ยวธิ กี าร ตา่ งๆ ทางธรณวี ทิ ยา/ธรณเีคมี และอาจนามาวเิคราะหเ์ชอ่ื มโยงกบั ขอ้ มลู สขุ ภาพประชาชนของกรมควบคมุ โรคดว้ ย

โครงการแรกท่ีได้ดาเนนิ การรว่ มกันหลังจาการลงนามในข้อตกลงความร่วมมอื โดยใช้งบประมาณจาก
กรมควบคมุ โรคในการดาเนนิ งาน คอื การศกึ ษาการปนเปอื้ นสารโลหะหนกั โดยเฉพาะธาตสุ ารหนใู นสงิ่ แวดลอ้ มบรเิ วณ
โดยรอบเหมอื งแรท่ องคาชาตรี ของบรษิ ทั อคั รา รซี อรส์ เซส จากดั (มหาชน) ซงึ่ ตงั้ อยบู่ รเิ วณรอยตอ่ ของจงั หวดั พจิ ติ ร
เพชรบรู ณแ์ ละพษิ ณโุ ลก เนอื่ งจากขอ้ มลู ทางสาธารณสขุ พบวา่ ประชาชนทอี่ าศยั อยบู่ รเิ วณรอบ ๆ เหมอื งแรม่ ปี รมิ าณ
สารหนสู งู ในปสั สาวะ โดยกรมทรพั ยากรธรณจี ะเกบ็ ตวั อยา่ งทางธรณเี คมี จากน้าและตะกอนธารน้า ในพนื้ ทโี่ ดยรอบ
เหมอื งแร่ (ภายในรศั มปี ระมาณ 10 กโิ ลเมตร จากเขตเหมอื งแร)่ เนอ้ื ทปี่ ระมาณ 470 ตารางกโิ ลเมตร ในขณะที่
กรมควบคมุ โรคดาเนนิ การตรวจสขุ ภาพประชาชนและเกบ็ ตวั อยา่ งปสั สาวะของประชาชนในกลมุ่ เสย่ี ง แตเ่ นอื่ งจาก
ข้อจากัดของบุคลากรและระยะเวลาการทางานในสนาม รวมถงึ การระบาดของไวรัสโควดิ -19 ทาให้ในปัจจุบัน
กรมทรพั ยากรธรณสี ารวจเกบ็ ตวั อยา่ งไดป้ ระมาณรอ้ ยละ 50 ของแผนงานทวี่ างไว้ ผลการสารวจเกบ็ ตวั อยา่ งน้าผวิ ดนิ
และใตด้ นิ จานวน 68 และ 48 ตวั อยา่ ง พบวา่ มคี า่ วเิ คราะหข์ องธาตสุ ารหนู ตงั้ แต่ <2-16 และ <2-28 ppb เฉลย่ี 3
และ 3 ppb ตามลาดบั ซงึ่ ต่ากวา่ คา่ เฉลยี่ ในน้าผวิ ดนิ ที่ 5 ppb ของกรมทรพั ยากรธรณี และต่ากวา่ คา่ แนะนาในน้าดม่ื
ขององคก์ ารอนามยั โลกที่ 10 ppb ดว้ ย สว่ นผลการสารวจเกบ็ ตวั อยา่ งตะกอนธารน้าจานวน 61 ตวั อยา่ ง พบวา่ มคี า่
ของธาตสุ ารหนู ตง้ั แต่ <2-7 ppm เฉลยี่ 3 ppm ต่ากวา่ คา่ เฉลย่ี ในตะกอนธารน้าท่ี 12 ppm ของกรมทรพั ยากรธรณี
ซงึ่ ขอ้ มลู ผลการสารวจทงั้ หมดยงั ไมส่ ามารถประเมนิ พนื้ ทเ่ี สยี่ งของการปนเปอื้ นสารหนใู นสง่ิ แวดลอ้ มได้ รวมถงึ ยงั ไม่
สามารถเชอ่ื มโยงกบั ผลการตรวจสขุ ภาพของประชาชนได้ เนอื่ งจากคา่ วเิ คราะหส์ ารหนคู อ่ นขา้ งต่าและยงั ไมค่ รอบคลมุ
พนื้ ทที่ งั้ หมด ซง่ึ การดาเนนิ การดงั กลา่ วยงั ตอ้ งมกี ารศกึ ษาวเิ คราะหเ์ พม่ิ เตมิ ตอ่ ไป ทงั้ นเ้ี พอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั นโยบายของ
กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มในการสง่ เสรมิ คณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี องประชาชน รวมทงั้ เปน็ การดาเนนิ งาน
แบบบรู ณาการ และเปน็ การประสานความรว่ มมอื ทางวชิ าการดา้ นธรณวี ทิ ยาและดา้ นสาธารณสขุ มาใชใ้ นการเฝา้ ระวงั
ปญั หาจากสารพษิ ทมี่ ใี นสงิ่ แวดลอ้ ม ทงั้ น้ี ประสบการณแ์ ละขนั้ ตอนการทางานตา่ ง ๆ สามารถใชเ้ ปน็ แนวทางในการ
ดาเนนิ งานในพน้ื ทอี่ น่ื ๆ ทม่ี ปี ญั หาคลา้ ยคลงึ กนั เพอ่ื สขุ ภาพและคณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี องประชาชน

คาสาคญั : ธรณเี คมี การสารวจ สารหนู สขุ ภาพ สง่ิ แวดลอ้ ม จงั หวดั พจิ ติ ร เพชรบรู ณแ์ ละพษิ ณโุ ลก แหลง่ แรท่ องคา

Poster Session

162 การประชมุ วชิ าการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วนั ที่ 4-6 สงิ หาคม 2564

162

ความรว่ มมอื ทางวชิ าการดา้ นธรณวี ทิ ยาและทรพั ยากรธรณี กมั พชู า-ลาว-เมยี นมา-ไทย-เวยี ดนาม

สิริรตั น์ พูลเกษม

กองอนรุ ักษ์และจดั การทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี
E-mail: [email protected]

บทคัดยอ่

ความร่วมมือทางวิชาการด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณีกัมพูชา -ลาว-เมียนมา-ไทย-เวียดนาม
(The Cross border Collaboration on Geology and Mineral Resources of Cambodia–Lao PDR-Myanmar
-Thailand-Vietnam: CLMTV) ริเริ่มขึน้ ตั้งแต่ปี 2558 ต่อเน่ืองจนถึงปัจจุบัน มีเป้าหมายเพื่อให้มีเครือข่ายและ
เช่อื มโยงสารสนเทศดา้ นธรณีวิทยาและทรพั ยากรธรณี อันเปน็ ฐานในการเสริมสร้างให้เกดิ ความมน่ั คงทางดา้ น
ทรพั ยากรธรณสี าหรบั เปน็ ฐานในการพฒั นาประเทศระดบั อาเซยี น เสรมิ สรา้ งความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ งประเทศมี
ความยง่ั ยนื ควบคกู่ บั การพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยด์ า้ นธรณวี ทิ ยาและทรพั ยากรธรณอี ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ภายใตค้ วาม
รว่ มมอื ฯ มี 3 โครงการหลกั ในการขบั เคลอ่ื นการดาเนนิ งาน ไดแ้ ก่ โครงการศกึ ษาธรณพี บิ ตั ภิ ยั ดา้ นรอยเลอ่ื นมพี ลงั
และดนิ ถลม่ โครงการศกึ ษาธรณวี ทิ ยาแหลง่ แร่และรปู แบบการเกิดของแร่รตั นชาติ และโครงการศกั ยภาพแหล่ง
ทอ่ งเทย่ี วทางธรณวี ทิ ยา ซงึ่ กรอบการดาเนนิ งานโครงการ แมจ้ ะครอบคลมุ ประเดน็ ยทุ ธศาสตรแ์ ละแนวทางภายใต้
ยทุ ธศาสตรก์ รมทรพั ยากรธรณี พ.ศ. 2563 – 2565 แตย่ งั ไมส่ ง่ ผลลพั ธต์ อ่ การบรรลเุ ปา้ หมายเชงิ ยทุ ธศาสตรข์ องกรม
ทรัพยากรธรณีอย่างเป็นรปู ธรรม ผเู้ ขียนจึงดาเนินการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐานของแต่ละประเทศและ
สาระสาคัญของความร่วมมือ CLMTV เพ่ือค้นหาความได้เปรียบทางยทุ ธศาสตร์ และประเด็นความท้าทา้ ยเชิง
ยทุ ธศาสตร์ พรอ้ มทงั้ เสนอ 5 แนวทางการพฒั นาความรว่ มมอื CLMTV ในระยะตอ่ ไป สาหรบั เปน็ ขอ้ มลู ประกอบการ
พจิ ารณากาหนดทา่ ทขี องประเทศ และการพฒั นาโครงการในโอกาสหน้า ประกอบดว้ ย (1) การสรา้ งความม่นั คง
ทางดา้ นทรพั ยากรธรณเี พอ่ื เปน็ ฐานในการพฒั นาประเทศ มงุ่ เนน้ เสรมิ สรา้ งการสารวจและจดั ทาขอ้ มลู วชิ าการทมี่ ี
มาตรฐานเดยี วกนั และถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารสารวจ พฒั นาใชป้ ระโยชน์ และเพม่ิ มลู คา่ ทรพั ยากรโดยมไี ทยเป็น
ศนู ยก์ ลาง (2) การสรา้ งเครอื ขา่ ยและเชอ่ื มโยงสารสนเทศดา้ นธรณวี ทิ ยาและทรพั ยากรธรณรี ะดบั อาเซยี น มงุ่ เนน้
เสรมิ สรา้ งความตอ่ เนอื่ งในการจดั ทาฐานขอ้ มลู โครงการภายใตค้ วามรว่ มมอื ฯ ทสี่ ามารถเขา้ ถงึ ไดง้ า่ ยและสะดวกตอ่
การใชง้ านระดบั ภมู ภิ าค (3) การพฒั นาแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางธรณวี ทิ ยาอยา่ งยงั่ ยนื มงุ่ เนน้ ผลกั ดนั ใหเ้ กดิ การสารวจ
ศึกษา และประเมินคุณค่าของแหล่งธรณีวทิ ยาเพือ่ ตอ่ ยอดสกู่ ารท่องเที่ยว โดยใช้เวยี ดนามและไทยเป็นต้นแบบ
(4) ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศมคี วามยงั่ ยนื มงุ่ เนน้ เสรมิ สรา้ งความตอ่ เนอ่ื งในการดาเนนิ งานโครงการฯ และการ
ขยายตอ่ ยอดเครือขา่ ยความร่วมมอื ฯ สรู่ ะดบั ภูมิภาคและระดบั โลก และ (5) การพัฒนาทรพั ยากรมนษุ ย์อยา่ งมี
ประสิทธิภาพ มุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือลดข้อจากัดในการดาเนินงาน จัดการองค์ความรู้อย่างเป็นระบบ
สง่ เสรมิ การแลกเปลย่ี นเรยี นรกู้ บั เครอื ขา่ ยผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นธรณวี ทิ ยาและทรพั ยากรธรณที กุ ระดบั และตดิ ตามและ
ประเมินผลสมั ฤทธข์ิ องการดาเนนิ งานอย่างเป็นระบบ เพอื่ เปน็ ข้อมลู ฐานทรัพยากรสาหรับตอ่ ยอดในการพฒั นา
ประเทศรว่ มกนั ตอ่ ไป

คาสาคัญ: ความร่วมมือทางวิชาการด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี กัมพูชา ลาว เมียนมา ไทย เวียดนาม
CLMTV

Poster Session

ธรณวี ถิ ใี หม่ นวัตกรรมไทย เพ่อื การพัฒนาท่ียั่งยืน 163

ความสาคญั ทางธรณีวิทยากับการจัดตังอุทยานธรณเี ชยี งราย

ชญั ชนา คาชา* และ นภาภร มณเี ก๋ียง

สานกั งานทรพั ยากรธรณี เขต 1 กรมทรัพยากรธรณี
*E-mail: [email protected]

บทคัดย่อ

จากปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมีที่ติดอยู่ภายในถ้าหลวง -ขุนน้านาง
นอน อาเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เมื่อปี พ.ศ. 2561 ทาให้เกิดกระแสการท่องเท่ียวตามมา ด้วยปริมาณ
นักท่องเท่ียวท่ีเพ่ิมมากข้ึนประกอบกับความอ่อนไหวต่อการถูกทาลายของแหล่งท่องเที่ยวประเภทถ้า ทาง
หน่วยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งจึงตอ้ งเร่งหามาตรการท่ีเหมาะสมเพื่อป้องกันความเสียหายท่ีอาจจะเกิดข้ึนกับตัวถ้าและ
สภาพแวดลอ้ มโดยรอบ จึงทาให้เกดิ แนวคิดท่ีจะอนุรักษ์และพัฒนาพื้นท่ีบริเวณถ้าหลวง – ขุนน้านางนอน ใน
รปู แบบของอุทยานธรณี หรือ Geopark เกดิ ขึ้น

จากการสารวจศึกษาและรวบรวมข้อมูลพบว่า นอกจากพื้นท่ีถ้าหลวง – ขุนน้านางนอนแล้ว พ้ืนที่
บริเวณใกล้เคียงยังมีแหล่งธรณีวิทยาท่ีน่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิ น้าพุร้อนป่าตึง ถ้าเสาหินพญานาค และ
เวียงหนองหล่ม ซ่ึงมีศักยภาพสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรณีได้ การนาเสนอแหล่งธรณีวิทยา
เหล่านี้จาเป็นต้องมีการปรับปรุงข้อมูลวิชาการให้ง่ายต่อการทาความเข้าใจและสร้างความเชื่อมโยงไปถึง
ทรพั ยากรดา้ นอนื่ เพื่อให้ประชาชนท่ัวไปสามารถจินตนาการตามได้ การศึกษาคร้ังนี้จึงได้เรียบเรียงข้อมูลและ
นาเสนอพนื้ ทีศ่ กั ยภาพอุทยานธรณีเชยี งราย โดยมพี นื้ ท่ีครอบคลุม 4 อาเภอ ได้แก่ แม่สาย แม่จัน แม่ฟ้าหลวง
และเชียงแสน เน้ือท่ีรวม 2,031 ตารางกิโลเมตร มีความสาคัญโดดเด่นทางธรณีวิทยา 3 ประเด็นหลักคือ
1) ธรณีพิบัติภัยรอยเลื่อนแม่จันซ่ึงเชื่อมโยงกับการล่มสลายของเวียงหนองหล่ม 2) การเคลื่อนที่ของแผ่น
เปลือกโลกสองยุค (ไซบูมาสุ และอินโดจีน) ซ่ึงก่อให้เกิดภูมิประเทศอันหลากหลายสวยงามและต่อเน่ือง
เกี่ยวพันไปถึงพืชเศรษฐกิจอันเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงราย และ 3) ภูมิประเทศหินปูนและระบบถ้า
โดยมเี รื่องราวเช่อื มโยงกับการกู้ภยั ระดับโลกท่เี กดิ ข้ึนเมือ่ ปี พ.ศ. 2561 ที่ผา่ นมา

อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งอุทยานธรณียังต้องมีองค์ประกอบด้านอ่ืน ๆ เพ่ิมเติม เช่น แหล่งทาง
ธรรมชาติ และมรดกวฒั นธรรม ซงึ่ พน้ื ท่ีศกั ยภาพอทุ ยานธรณีเชียงรายอุดมไปด้วยทรัพยากรดังกล่าวเป็นอย่าง
มาก ไม่ว่าจะเป็นพ้ืนที่ชุ่มน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย (Ramsar site) หรือเมืองโบราณเชียงแสน ซ่ึง
ทรัพยากรเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนให้อุทยานธรณีเชียงรายมีความน่าสนใจมากย่ิงขึ้น นอกจากนี้ สิ่งสาคัญที่
ขาดไม่ได้อีกส่ิงหน่ึงก็คือ การพัฒนาด้านชุมชน โดยชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการ
ท่องเทย่ี วบนพน้ื ฐานของทรัพยากรท่ีมีอยู่ ซึ่งต้องดาเนินการพัฒนาควบคู่กับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างมี
ระบบและตอ่ เนือ่ งตอ่ ไป

คาสาคญั : อทุ ยานธรณีเชยี งราย, ความสาคญั ทางธรณวี ิทยา, ถ้าหลวง – ขุนน้านางนอน, เวียงหนองหล่ม

Poster Session

164 การประชมุ วชิ าการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วนั ที่ 4-6 สงิ หาคม 2564

164

ธรณแี ปรสณั ฐานของขอบที่ราบสูง โคราชดา้ นตะวนั ตกและพนื ทข่ี า้ งเคยี งเมอ่ื ดูจาก
ขอ้ มูลธรณฟี สิ ิกสท์ างอากาศและข้อมูลธรณีวิทยาหินอคั นี

ปัญญา จารศุ ิร*ิ , ศุภวชิ ญ์ ยอแสงรัตน์, วนดิ า ระงบั พิศม์ และ อานวย ส่งอุไรลา้

กรมทรัพยากรธรณี ถนนพระรามที่ 6 เขตพญาไท
*E-mail: [email protected]

บทคัดยอ่ แบบขยาย (extended abstract)

ข้อมูลเชิงตัวเลขของการสารวจธรณีฟิสิกส์ทางอากาศ (airborne geophysical survey) ในบริเวณ

ขอบด้านตะวันตกของที่ราบสูงโคราชและพื้นที่ข้างเคียงไดถ้ ูกนามาใช้ร่วมกับข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อแปล
ความหมาย จัดแบ่งเขต และอธิบายการปรากฏของหินอัคนีและการแปรสัณฐานในพื้นที่ โดยในการวิจัยนี้เรา
ได้ใช้โปรแกรม Geosoft oasis montaj 7.2 ในการปรับปรุงคุณภาพของข้อมูล จากน้ันจึงแปลความหมาย
ข้อมูลธรณีฟสิ ิกสท์ างอากาศดว้ ยสายตา และวเิ คราะหผ์ ลโดยนาข้อมูลธรณีวิทยา ธรณีเคมี หินอัคนี และแหล่ง
แร่มาซอ้ นทบั เพือ่ การตคี วามและอภิปราย

ผลการปรับปรุงคุณภาพ เราพบว่า วิธี RTP, first horizontal derivative, และ residual field
สามารถช่วยในการแปลความหมายได้ดีกว่าวิธีอื่น สาหรับข้อมูลค่าผิดปกติความเข้มสนามแม่เหล็ก โดยการ
แปลความหมายนเ้ี ราไดแ้ ปลรว่ มกับขอ้ มูลคา่ ผดิ ปกตทิ างธาตุกมั มนั ตรงั สแี ละคา่ แรงโนม้ ถว่ ง

ผลการแปลความหมายเชิงพื้นที่ (ดูรูป 1) ทาให้เราสามารถจัดแบ่งพ้ืนที่ทางธรณีฟิสิกส์ออกเป็น
3 แนว (geophysical domain) ได้แก่ แนวตะวันตก (western domain) , แนวกลาง (central domain),
และแนวตะวันออก (eastern domain) โดยที่แนวกลางให้ค่าความผิดปกติของความเข้มสนามแม่เหล็กที่มีค่า
เป็นบวกที่สูงตลอดท่ัวทั้งแนว นอกจากน้ันข้อมูลความเข้มของธาตุ Th ก็มีความสูงต่อเน่ืองท่ัวท้ังแนวกลาง
เช่นกัน ซึ่งจัดเป็นลักษณะเฉพาะและมีความโดดเด่นของแนวกลางน้ี โดยที่แนวกลางน้ีสอดคล้องกับแนวรอย
คดโค้งเลย (Loei Fold Belt) และการแปลความหมายของเราสามารถลากและกาหนดขอบเขตของแนวคด
โคง้ นอ้ี ยา่ งมนี ัยสาคญั เมือ่ เทยี บกบั ผลการศกึ ษาในอดตี

ในแง่ธรณีวิทยาโครงสร้าง ผลการแปลทาให้เราสามารถตีความและเสนอแนวเส้นโครงสร้าง
(structural lineament) ใหม่ซึ่งเราแปลความหมายว่าเปน็ รอยเลอื่ นระดบั ลกึ ทีต่ ดั ผา่ นทัง้ แนวกลาง (แนวรอย
โค้งเลย) และตัดเลยเข้าไปในแนวข้างเคียงทั้งตะวันตกและตะวันออก โดยที่แนวตะวันตกสอดคล้องกับแนว
รอยโค้งสุโขทัย (Sukhothai Fold Belt) และแนวตะวันออกสอดคล้องกับส่วนตะวันตกของแผ่นอินโดจีน

(Indochina plate) ในท่ีนี้รอยเล่ือนท่ีค้นพบใหม่ยังจัดแบ่งตามทิศทางออกเป็น 2 แนว ได้แก่ (1) รอยเล่ือน
แนวตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ (NE-SW) ซึ่งส่วนใหญ่มีนัยการเล่ือนระดับแบบขวาเข้า
(right lateral sense of movement) ซึ่งได้แก่ รอยเล่ือนปราจีนบุรี และรอยเลื่อนนครราชสีมา ในทางใต้
และรอยเล่อื นหนองบัวลาภูทางตอนเหนือ และ (2) รอยเล่ือนแนวเกือบตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้
(WNW-ESE) ซึ่งส่วนใหญ่มีนัยการเลื่อนระดับแบบซ้ายเข้า (left lateral sense of movement) ซึ่งได้แก่
รอยเล่ือนขอนแก่น ลักษณะดังกล่าวของรอยเลื่อนที่ค้นพบใหม่เหล่านี้ทาให้แนวรอยโค้งเลยและรอยโค้ง
สโุ ขทยั มีขอบเขตและรอยตอ่ ยงุ่ ยากกว่าทคี่ ดิ

นอกจากนั้นเม่ือนาผลการวิจัยครั้งนี้มาผนวกกับข้อมูลเก่าของหินอัคนีและแหล่งแร่ในพ้ืนที่ศึกษา
ตลอดจนค่าความผิดปกติทางธรณีเคมี (geochemical anomaly) ของธาตุโลหะ โลหะหนัก โลหะมีค่าทาให้
เราอธิบายได้ว่า แนวกลางหรือแนวรอยโค้งเลยมีความแตกต่างในแง่แหล่งแร่และหินอัคนีจากแนวรอยโค้ง
ข้างเคียง โดยที่แหล่งแร่ในแนวโค้งสุโขทัยส่วนใหญ่ไม่ใช่แหล่งแร่ทองแดงลายดอก (porphyry copper
deposits) และแหล่งแร่สกานต์ (skarn deposits) เม่ือเทียบกับแนวโค้งเลย แต่มีความโดดเด่นสาหรับแหล่ง

Poster Session

ธรณีวิถีใหม่ นวัตกรรมไทย เพอ่ื การพัฒนาทย่ี งั่ ยนื 165

แร่น้าร้อนทองคา (epithermal gold deposits) และพลวง-ทังสะเตน ขณะที่แนวรอยโค้งเลยมีความ
หลากหลายของชนิดหินอัคนีและความยาวนานของกระบวนการเกิดหินอัคนีและแหล่งแร่ที่ยุ่งยากมากกว่า
ดว้ ยลักษณะดังกลา่ วทาให้เราเช่ือว่าเปน็ ผลทาให้ไดข้ อ้ งมลู ธรณีฟสิ กิ สท์ แ่ี ตกต่างกนั ของทั้งสามแนว

คาสาคัญ: ธรณแี ปรสัณฐาน แนวรอยโค้งเลย ธรณฟี สิ กิ สท์ างอากาศ ธรณีวิทยา หนิ อคั นี แหลง่ แร่

รูปท่1ี แผนที่ขอบดา้ นตะวนั ตกของท่ีราบสูงโคราชและพน้ื ท่ีขา้ งเคยี งแสดงความผดิ ปกติของคา่ ความเข้มสนาม
แมเ่ หลก็ ทางอากาศทแี่ ปลความหมายหลงั การปรบั ปรงุ คณุ ภาพขอ้ มลู ดว้ ย First horizontal derivative
โดยไดโ้ ครงสรา้ ง, การกระจายตัวของแหลง่ แร่, จดุ พบแร่ และค่าความผดิ ปกติของโลหะของแนวกลาง
ตลอดจนตะเข็บธรณีและรอยเลือ่ นหลักๆ

Poster Session

166 การประชมุ วิชาการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วนั ที่ 4-6 สงิ หาคม 2564

166

ธรณวี ิทยาตามแนวเสน้ ทางคมนาคมเชื่อมโยง AEC (จงั หวัดกาญจนบุร-ี จงั หวัดตราด)

วรกจิ ขาวจนั ทร1์ *, วารณุ ี มณรี ตั น2์ และ วรนิ ทรา เทพจ3ู

1สว่ นบรหิ ารจดั การทรพั ยากรธรณี กองทรพั ยากรแร่ กรมทรพั ยากรธรณี
2สว่ นมาตรฐานและขอ้ มลู ธรณวี ทิ ยา กองธรณวี ทิ ยา กรมทรพั ยากรธรณี
3สว่ นอนรุ กั ษแ์ หลง่ มรดกธรณแี ละอทุ ยานธรณี กองธรณวี ทิ ยา กรมทรพั ยากรธรณี

*E-mail : [email protected]

บทคัดยอ่

ธรณวี ทิ ยาตามแนวเสน้ ทางคมนาคมเชอื่ มโยง AEC ครอบคลมุ พน้ื ทห่ี า่ งจากแนวถนนดา้ นละ 5 กโิ ลเมตร
จากบ้านพุน้าร้อน ตาบลบ้านเก่า อาเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ถึง บ้านหาดเล็ก ตาบลหาดเล็ก
อาเภอคลองใหญ่ จงั หวดั ตราด ประกอบด้วย หินมหายคุ พรีแคมเบรยี น แผ่กระจายตัวทางด้านตะวันตกของ
พ้ืนที่ ถัดขึ้นมาเป็น หินมหายุคพาลีโอโซอิกตอนล่าง ประกอบด้วย หินทราย หนิ ดนิ ดาน หนิ คารบ์ อเนตและ
หนิ แปรเกรดตา่ พบบรเิ วณอาเภอเมอื ง อาเภอทา่ มว่ ง ทา่ มะกา จงั หวดั กาญจนบรุ ี และหนิ เชริ ต์ บรเิ วณ อาเภอแกลง
จงั หวดั ระยอง หินมหายุคพาลีโอโซอิกตอนบน ประกอบด้วย หนิ ทราย หนิ ดนิ ดาน หินโคลนปนกรวด หนิ
คารบ์ อเนต และหินเชิร์ต กระจายตัวอยู่ทางด้านตะวันตกของอาเภอเมืองกาญจนบุรี และบริเวณรอยต่อของ
อาเภอศรีราชากับอาเภอเมืองชลบุรี ตลอดจนทางด้านตะวันออกของอาเภอเมืองระยอง หินยุคเพอร์เมียน-
ไทรแอสซิก ประกอบด้วย หินโคลนเนื้อซิลิกา สลับหินเชิร์ต หินดินดานเน้ือถ่าน ทางตอนบนพบหินทราย
บางบริเวณมีการแทรกตดั ของหนิ แอนดีไซต์ หนิ มหายุคมโี ซโซอกิ ช่วงยคุ ไทรแอสซกิ ประกอบดว้ ย หนิ ดินดาน
หนิ ปนู และหนิ ทราย สะสมตวั ในสภาพแวดลอ้ มภาคพนื้ สมทุ ร พบกระจายตวั บรเิ วณจงั หวดั จนั ทบรุ ี และจงั หวดั ตราด
หนิ ยคุ จแู รสซกิ -ครเี ทเชยี ส ประกอบดว้ ย หนิ ทราย หนิ ทรายแปง้ หนิ ดนิ ดานและหนิ กรวดมน ทส่ี ะสมตวั ในสภาวะ
แวดลอ้ มภาคพื้นทวปี ครอบคลุมบริเวณด้านใตข้ องจงั หวดั จนั ทบรุ แี ละบรเิ วณเทอื กเขาบรรทดั ชายแดนประเทศ
กมั พชู า โดยบรเิ วณพน้ื ทพ่ี บการแทรกดนั ตวั ของหนิ อคั นี ประเภทหนิ ภเู ขาไฟในชว่ งยคุ เพอรเ์ มยี นถงึ ยคุ ไทรแอสซกิ
บรเิ วณจงั หวดั ตราด และหนิ บะซอลต์ ยคุ ควอเทอรน์ ารี บริเวณจนั ทบรุ ี นอกจากนั้นยงั พบหนิ แกรนติ กระจายตวั
เป็นแนวยาวบริเวณอาเภอศรีราชา อาเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี อาเภอแกลง จังหวัดระยอง บริเวณ
จงั หวดั จนั ทบรุ ี และแนวเทอื กเขาทเี่ ปน็ พรมแดนกน้ั ระหวา่ งประเทศไทยกบั ประเทศสาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมา
โดยปิดทบั ด้วยตะกอนยคุ ควอเทอรน์ ารี ประกอบดว้ ยตะกอน กรวด ทราย ทรายแปง้ ดนิ เหนยี ว ชน้ั ศลิ าแลงและ
เศษหิน ที่ผุพังจากหินเดิม เนื่องจากขบวนการกัดกร่อนทาลายและพัดพาทางธรณีวิทยาโดยอิทธิพลของ
กระแสนา้ และกระแสลม มาสะสมตวั บนตะพักลุ่มนา้ บรเิ วณทร่ี าบน้าท่วม และชายฝัง่ ทะเล

ธรณีวทิ ยาโครงสร้าง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดราชบุรี พบว่ารอยเล่ือนส่วนใหญ่วางตัวใน
แนวตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ตัดผ่านชั้นหินมหายุคพาลีโอโซอิกและมีโซโซอิก ส่วนบริเวณ
ทางดา้ นตะวนั ออกบรเิ วณจงั หวดั ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ แี ละตราด พบรอยเลอื่ นสว่ นใหญว่ างตวั ในแนวตะวนั ตกเฉยี ง

เหนอื -ตะวันออกเฉียงใต้ สว่ นชนั้ หินคดโค้ง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี โครงสร้างการคดโค้งขนาดใหญม่ กี ารคด
โค้งทั้งแบบการคดโคง้ รูปประทนุ และการคดโค้งรูปประทนุ คว่า สลบั กนั โดยมีแกนของช้นั หนิ คดโค้ง วางตัวใน
แนวตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณทางตอนกลางและทางด้านตะวันออกไม่พบการคดโค้งของ
ชน้ั หินขนาดใหญพ่ บเพียงรอยคดโค้งขนาดเลก็ ในหินทเ่ี ป็นชัน้ บาง

แหล่งทรัพยากรและแหล่งหินท่ีน่าสนใจประกอบด้วย แหล่งหินปูน กระจายอยู่ทั่วไปในพ้ืนที่บรเิ วณ
จงั หวดั กาญจนบรุ ี จงั หวดั ชลบรุ ี และจงั หวดั จนั ทบรุ ี มลี กั ษณะเปน็ เขาลกู โดดๆ และเปน็ เทอื กเขายาวตอ่ เนอื่ ง หนิ ออ่ น

Poster Session

ธรณวี ิถีใหม่ นวัตกรรมไทย เพื่อการพัฒนาท่ียง่ั ยนื 167

ส่วนใหญ่พบในหินยุคเพอร์เมียน บริเวณแนวเทือกเขาหินปูนทางตอนใต้ของอาเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
หินโดโลไมต์ ซ่ึงพบอยู่ทั้งหินยุคออร์โดวิเชียน และหินยุคเพอร์เมียนบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี หินแกรนิตพบ
กระจายตัวอยู่หลายบริเวณ เช่น ทางด้านภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดจันทบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี
และทางด้านภาคตะวันตกบริเวณอาเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี หินบะซอลต์ คลอบคลุมพื้นท่ีเพียงเล็กน้อย
บรเิ วณอาเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี แหล่งกรวด ทราย เพ่ือการก่อสร้างพบแหล่งกรวด ทรายซ่ึงเกิดจากการ
สะสมตัวโดยอิทธิพลของทางน้าบนบกขนาดใหญ่ ทั้งน้รี วมถึงทางนา้ ปจั จุบัน และทางน้าเก่า ตลอดจนศิลาแลง
ดินลูกรัง และวัสดุถมที่ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของการพุผังของหินท้องที่เดิม ซงึ่ เปน็ วสั ดทุ ใ่ี ชใ้ นการพฒั นาโครงสรา้ ง
พน้ื ฐานตา่ งๆไดเ้ ปน็ อยา่ งดี

คาสาคญั : ธรณวี ทิ ยา ทรพั ยากรธรณี AEC

Poster Session

168 การประชมุ วชิ าการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วนั ที่ 4-6 สิงหาคม 2564

168

ผลการจาแนกชนิดหินต้นกาเนิดของหนิ ไนสล์ านสางและหนิ คลองขลงุ จังหวดั ตากและ

กาแพงเพชร และหินไนสบ์ ้านทับศลิ า จงั หวัดกาญจนบุรี

สทิ ธนิ นท์ กลุ ทักษยศ*, สนั ต์ อัศวพัชระ และ ชลนภิ า ฝากเซยี งซา

สว่ นมาตรฐานและข้อมลู ธรณีวิทยา กองธรณีวทิ ยา กรมทรพั ยากรธรณี
*E-mail: [email protected]

บทคัดยอ่

ตัวอย่างหินชีสต์ของหน่วยหินไนส์ลานสางและหน่วยหินไนส์คลองคลุงจากพื้นที่จังหวัดตาก และ
กาแพงเพชร และหินชีสต์จากบ้านทับศิลา จังหวัดกาญจนบุรี ประกอบด้วยส่วนใหญ่เป็นควอตซ์ชีสต์และ
มัสโคไวต์ชีสต์ ขนาดผลึกละเอียด ชั้นบางถึงปานกลาง จานวน 8 ตัวอย่าง ถูกนาไปวิเคราะห์หาองค์ประกอบ
ของธาตุองค์ประกอบหลัก (Major oxide) เพ่ือนามาใช้จาแนกชนิดของหินโดยใช้แผนผังสามเหลี่ยม ACF
diagram พบว่าหินชีสต์ในพื้นที่จังหวัดตากและจังหวัดกาแพงเพชร ถูกจัดอยู่ในกลุ่มหินเพลิติก ( Pelitic
rocks) อธบิ ายได้วา่ หินชีสต์ในพ้ืนนีม้ อี งค์ประกอบเดิมคล้ายหินจาพวกหินดินดาน หินเคลย์ หรือหินโคลน ที่มี
ลักษณะเป็นพวกหินตะกอนเน้ือประสมขนาดเม็ดตะกอนละเอียดท่ีมีปริมาณแร่ควอตซ์และแร่ดินมาก และ
โดยทั่วไปมีปริมาณแร่คาร์บอเนตน้อย อาจจะมีระดับของการแปรสภาพได้อยู่ในช่วงระดับ Greenschist –
Granulite facies ในขณะทหี่ ินชีสตจ์ ากบา้ นทบั ศลิ าน้ันมีปรมิ าณของคา่ ซิลกิ อนไดออกไซด์ (SiO2) ค่อนข้างสูง
ทาให้ไม่สามารถจาแนกชนิดหินโดยใช้แผนผังสามเหลย่ี ม ACF diagram ได้ ในขณะทผี่ ลการจาแนกชนดิ หนิ ชสี ต์
โดยใชแ้ ผนผงั log (Na2O/K2O) – log (SiO2/Al2O3) พบว่าตัวอย่างหินชีสต์ในพ้ืนท่ีจังหวัดตากและกาแพงเพชร
อยใู่ นกลมุ่ ของหินทรายเนือ้ สกปรก (Greywacke) ทีส่ ว่ นใหญ่จะมีสีเทาดา มีการคัดขนาดไม่ดี เม็ดตะกอนเป็น
เหล่ียมมุม มพี วกแร่เฟลด์สปารแ์ ละเศษหินปะปน

ตัวอย่างหินไนส์จากสามหน่วยหินประกอบด้วยหินไนส์ เนื้อหินส่วนใหญ่เป็นแบบผลึกแร่ดอกแปร
ขนาดผลึกละเอียดถึงหยาบ บางส่วนแสดงโครงสร้างรูปตาของแร่เฟลด์สปาร์ สามารถจาแนกชนิดหินตาม
องค์ประกอบเดิมโดยใช้แผนผังสามเหล่ียม FeO%-MgO%-(Na2O+K2O%) พบว่าตัวอย่างหินไนส์ลานสาง
และตัวอย่างหินไนส์คลองคลุง จัดอยู่ในกลุ่มท่ีมีองค์ประกอบแบบ Calc-alkaline ในขณะที่ตัวอย่างหินไนส์
จากบา้ นทับศลิ า จดั อยู่ในกลุม่ ทมี่ ีองค์ประกอบแบบ Tholeiitic โดยมีปริมาณของร้อยละของธาตุเหล็กสูงกว่า
นอกจากนี้การจาแนกชนิดหินโดยใช้แผนผังสามเหลี่ยม Normative feldspar ก็สนับสนุนข้อมูลของแผนผัง
สามเหล่ียม FeO%-MgO%-(Na2O+K2O%) พบวา่ ผลการจาแนกชนดิ หนิ ตามองคป์ ระกอบหนิ เดมิ ของตวั อยา่ ง
หนิ ไนสล์ านสางอยใู่ นกลมุ่ ประเภทหนิ แกรนติ -ควอรต์ มอนโซไนต์ (Granite – Quartz Monzonite) ตัวอย่างหิน
ไนสค์ ลองคลงุ อย่ใู นกลุ่มประเภทหนิ แกรนติ (Granite) และตวั อยา่ งหนิ ไนส์จากบ้านทับศิลาอยู่ในกลุ่มประเภท
หินควอร์ตมอนโซไนต์ (Quartz Monzonite) ซ่ึงสามารถสรุปได้ว่าองค์ประกอบเดิมของหินไนส์ของทั้งสาม
หนว่ ยหนิ อย่ใู นชว่ งของหินอัคนรี ะดบั ลึกสีอ่อนที่ประกอบด้วยส่วนส่วนใหญ่เป็นแร่ควอตซ์ แร่เฟลด์สปาร์ และ
แร่ไมกา และหนิ ไนส์จากบ้านทับศิลามีปรมิ าณของแร่สีดาสงู กว่าเล็กน้อย

Poster Session

ธรณีวิถใี หม่ นวตั กรรมไทย เพือ่ การพัฒนาทย่ี งั่ ยนื 169

พันธกิจร่วม (Joint Mission : JM) ดา้ นการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝง่ั
กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม

สุวภาคย์ อ่ิมสมทุ ร* และ วันเพญ็ อ่วมใจบญุ

กองเทคโนโลยธี รณี กรมทรัพยากรธรณี 75/10 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรงุ เทพ 10400
E-mail: [email protected]

บทคดั ยอ่

กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม แตง่ ตง้ั คณะทางานพนั ธกจิ รว่ ม (Joint Mission : JM) ดา้ น
การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาการกดั เซาะชายฝงั่ เพอื่ ใหก้ ารบรหิ ารจดั การและพฒั นาพนื้ ทชี่ ายฝง่ั ทะเลของประเทศ ใน
ความรับผดิ ชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม มีการบรู ณาการ การบริหารจดั การได้อยา่ ง
มีประสทิ ธิภาพและเพ่ือยกระดบั คณุ ภาพทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมตามนโยบาย ทส.2+4 และ ทส.
หน่งึ เดียว โดยการขับเคลื่อนภารกจิ รว่ มกนั ระหว่างกรมทรัพยากรธรณีกบั กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝงั่
มเี ป้าหมายการดาเนินงานของคณะทางานพนั ธกิจรว่ มฯ เพือ่ ให้ไดผ้ ลผลติ อย่างเป็นรปู ธรรม ประกอบดว้ ย JM
1 : การปรับปรุงแผนท่รี ะบบกลุ่มหาด 44 กลมุ่ หาด เพ่ือนาไปใชใ้ นการวางแผน กากบั ดูแล การใช้ประโยชน์
ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่งั JM 2 : การจดั ทาขอ้ มูลเพ่ือสนบั สนุนการกาหนดมาตรการสีเขียวในเรอ่ื งการ
เติมทรายชายฝง่ั และ JM 3 : การจัดทาข้อมูลแหลง่ อนุรักษ์มรดกธรณใี นพื้นท่ีชายฝง่ั เพ่อื การอนรุ กั ษ์ทาง
กฎหมาย

คาสาคญั : Joint Mission: JM, การกดั เซาะชายฝัง่ , กรมทรัพยากรธรณี, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง่ั

Poster Session

170 การประชุมวิชาการธรณีไทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันท่ี 4-6 สงิ หาคม 2564

170

พืนทีอ่ ่อนไหวตอ่ การเกดิ ดนิ ถลม่ ประเทศไทย

ศศิวิมล นววิธไพสิฐ1*, น้าฝน คาพิลงั 2, สรุ เชษฐ์ รวมธรรม1 และ บุญนาค โมกศิริ1

1 กองธรณวี ิทยาสง่ิ แวดลอ้ ม กรมทรัพยากรธรณี ถนนพระราม 6 แขวงทงุ่ พญาไท เขตราชเทวี กรงุ เทพ 10400
2 สานักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 กรมทรพั ยากรธรณี ลาปาง 52130
*E-mail: [email protected]

บทคดั ย่อ

การจัดทามาตรฐานและปรับปรุงแผนท่ีด้านธรณีพิบัติภัยให้มีความถูกต้อง แม่นยา และทันสมัยถือ
เปน็ งานท่มี ีความสาคญั เพ่ือใชใ้ นการวางแผนและกาหนดมาตรการป้องกัน และลดผลกระทบจากธรณีพิบัติภัย
กรมทรัพยากรธรณีจึงได้ทาการปรับปรุงแผนท่ีพ้ืนที่อ่อนไหวต่อการเกิดแผ่นดินถล่ม โดยการกาหนดขอบเขต
ระดับความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มของพ้ืนที่ประเทศไทย ด้วยแบบจาลองทางสถิติแบบสองตัวแปร
(Bivariate statistical model) โดยจัดทาในมาตราส่วน 1:250,000 โดยการนาร่องรอยดินถล่มในอดีต
56,177 รอย ซ่ึงได้จากการแปลข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมจาก Google images ระหวา่ งปี 2538-2562 มาทา
การวิเคราะห์ควบคู่กับปัจจัยที่ควบคุมการเกิดดินถล่ม (Landslide controlling factors) ทั้ง 7 ปัจจัย ได้แก่
(1) ระดับความสงู (2) ความลาดชนั (3) ระยะห่างจากโครงสร้างทางธรณวี ทิ ยา (4) วิทยาหนิ (5) ดัชนพี ชื พรรณ
(6) ระยะหา่ งจากทางนา้ และ (7) ทิศทางรบั นา้ ฝน

จากการศกึ ษาพบว่ามีพื้นท่ีอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มในประเทศไทย 54 จังหวัด 517 อาเภอ และ
2,845 ตาบล คิดเป็นร้อยละ 41 (ประมาณ 133 ล้านไร่) ของพื้นท่ีท้ังประเทศ ต้ังแต่ระดับต่ามากจนถึง
ระดับสูงมาก พบระดับสูงมากในพื้นท่ีจากัดไม่เกินกว่าร้อยละ 5 (ประมาณ 7 ล้านไร่) ของพ้ืนท่ีอ่อนไหวต่อ
การเกดิ ดินถลม่ ทง้ั หมด ระดับสงู รอ้ ยละ 18 (ประมาณ 24 ล้านไร่) ระดับกลาง ร้อยละ 40 (ประมาณ 53 ล้าน
ไร่) ระดับต่าร้อยละ 34 (45 ล้านไร่) และระดับต่ามากร้อยละ 2 (3 ล้านไร่) ตามลาดับ โดยพบว่าปัจจัยท่ี
เกย่ี วขอ้ งกบั การเกิดดนิ ถลม่ ที่มีนัยสาคัญ คือ วิทยาหิน ความลาดชันต้ังแต่ 10-70 องศา ณ ที่ความสูงต้ังแต่
400-1,600 เมตร และยังพบความสัมพันธ์ของการเกิดดินถล่มตามโครงสร้างทางธรณีวิทยา นอกจากน้ีปัจจัย
ทิศทางหน้ารับมรสุม และการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ก็มีผลต่อการเกิดดินถล่มเช่นเดียวกัน ท้ังนี้ข้อมูลที่ได้จาก
แผนทพี่ นื้ ทอ่ี อ่ นไหวตอ่ การเกดิ ดินถล่มสามารถนาไปใชเ้ ป็นเครื่องมอื ในการวางแผนบริหารจัดการธรณีพิบัติภัย
ในระดบั ภาค (Regional zoning) เพอื่ สนับสนุนการลดผลกระทบตอ่ ชีวติ และทรพั ยส์ ินของประชาชนตอ่ ไป

คาสาคญั : ดนิ ถล่ม, แบบจาลองทางสถิตแิ บบสองตวั แปร (Bivariate probability), ระดบั ภาค (Regional
zoning), ปจั จยั ทเี่ กี่ยวข้องกับการเกิดดนิ ถลม่ (Controlling factors)

Poster Session

ธรณีวถิ ใี หม่ นวตั กรรมไทย เพอื่ การพฒั นาที่ยัง่ ยนื 171

มาตรฐานการจัดทาแผนท่ธี รณพี ิบัติภัยแผน่ ดนิ ถลม่ ในพนื ที่ต้นแบบ ณ ตาบลปากแจม่
อาเภอหว้ ยยอด จงั หวัดตรัง

เอกชัย แกว้ มาตย*์ , นรรฐพร ชัยพนู และ สุรยี ์ เกณฑ์มา

กองธรณวี ทิ ยาสิ่งแวดลอ้ ม กรมทรพั ยากรธรณี
*E-mail: [email protected]

บทคัดยอ่

กรมทรัพยากรธรณี มีกรอบแนวคิดในการจัดทามาตรฐานทางวิชาการด้านธรณีพิบัติภัย โดยอาศัย
ต้นแบบจากการศึกษา วิเคราะห์ มาตรฐานการจัดทาแผนที่ธรณีพิบัติภัยแผ่นดินถล่มท่ีมีมาก่อนของ
ต่างประเทศ โดยเฉพาะของสานักงานสารวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) และสานักงานสารวจ
ธรณีวิทยาแห่งสหราชอาณาจักร (BGS) เพ่ือการกาหนดมาตรฐานการจัดทาแผนท่ีธรณีพิบัติภัยแผ่นดินถล่ม
ของกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งจาเป็นต้องมี มาตรฐานการจัดทาแผนท่ีธรณีพิบัติภัยแผ่นดินถล่ม โดยเสนอให้มี
4 ประเภท ประกอบด้วย 1) แผนที่การเกิดแผ่นดินถล่ม (Landslide Inventory Map) หมายถึง แผนท่ีที่
แสดงข้อมูลการเกิดแผ่นดินถล่มที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต ประกอบด้วยข้อมูล ดังนี้ ตาแหน่งทางภูมิศาสตร์
ขนาดของแผ่นดินถล่ม ระดับความสูงของพื้นท่ี และข้อมูลพ้ืนฐานต่าง ๆ เช่น ถนน สะพาน ทางน้า แหล่งน้า
สถานท่ีสาคัญ ซ่ึงเป็นข้อมูลท่ีได้จากการเก็บข้อมูลในภาคสนาม หรือ จากการแปลความหมายจากภาพถ่าย
ทางอากาศหรือภาพดาวเทียม 2) แผนท่ีความอ่อนไหวต่อการเกิดแผ่นดินถล่ม (Landslide Susceptibility
Map) หมายถึง แผนทแ่ี สดงขอบเขตของการคาดการณ์ระดับความน่าจะเป็นของพื้นที่ต่อการเกิดแผ่นดินถล่ม
โดยการวิเคราะห์ด้วยแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ 3) แผนท่ีอันตรายจากแผ่นดินถล่ม (Landslide Hazard
Map) หมายถึง แผนที่แสดงขอบเขตพ้ืนท่ีมีโอกาสได้รับผลกระทบหรืออันตรายจากการเกิดดินถล่ม เป็นการ
วิเคราะห์โดยอาศัยข้อมูลแผนท่ีการเกิดแผ่นดินถล่ม แผนท่ีความอ่อนไหวต่อแผ่นดินถล่ม ร่วมกับการใช้
ประโยชน์ที่ดินและการตั้งถ่ินฐานของประชากร 4) แผนที่เสี่ยงภัยแผ่นดินถล่ม (Landslide Risk Map)
หมายถึง แผนท่ีที่แสดงขอบเขตพื้นท่ีเสี่ยงภัยจากการเกิดแผ่นดิน ผลการประเมินจะจัดในรูปแบบ พ้ืนที่เสี่ยง
ภัยจากการเกดิ แผน่ ดินถล่ม นาเสนอในรปู แบบของระดบั ความนา่ จะเป็นของพื้นท่ีเสี่ยงภัยจากการเกิดแผ่นดิน
ถลม่ (แบ่งระดับเปน็ มลู ค่าความเสียหายของพ้นื ที่) หรือ ระดบั ความรุนแรงของผลกระทบถ้าเกดิ เหตกุ ารณ์

โดยเลือกพ้ืนท่ีต้นแบบ ของ มาตรฐานการจัดทาแผนที่ธรณีพิบัติภัยแผ่นดินถล่ม จากการดาเนินงาน
การจัดการพื้นทีเ่ ส่ยี งภยั แผน่ ดินถล่ม ตาบลปากแจม่ อาเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดิน
ถล่มระดับชุมชน ของ ตาบลปากแจ่ม ในการบริหารจัดการพ้ืนท่ีเส่ียงภัยแผ่นดินถล่มระดับชุมชน เพ่ือให้การ
บริหารจัดการอย่างเป็นระบบและตามหลักวิชาการพร้อมสร้างความเข้าใจตรงกันของประชาชน นักวิชาการ
และหน่วยงานอื่นที่เก่ียวข้อง โดยอาศัยการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ในการวิเคราะห์และ
ประเมินผลจากฐานขอ้ มูล ในการจัดทาแผนทีธ่ รณพี บิ ตั ภิ ยั แผ่นดนิ ถลม่ ของพ้นื แบง่ เปน็ 4 ประเภท

Poster Session

172 การประชุมวชิ าการธรณไี ทย ประจาปี 2564
(Geothai Webinar 2021) วันท่ี 4-6 สงิ หาคม 2564

172

มาตรฐานการใชป้ ระโยชนท์ รพั ยากรแร่เฟลดส์ ปาร์ จงั หวดั ตาก

สมชาย ประทีปเทียนทอง

E-mail: [email protected]

บทคดั ยอ่

แร่เฟลด์สปาร์เป็นแร่ท่ีมีความสาคัญในกลุ่มแร่อุตสาหกรรม ซึ่งจังหวัดตากสามารถพบแร่เฟลด์สปาร์
กระจายตัวอยู่ในอาเภอเมืองตาก อาเภอบ้านตาก และอาเภอสามเงา มีลักษณะการเกิดตามแนวสายเพกมา
ไทต์ หินลูโคแกรนิต และเกิดแบบสายแร่น้าร้อน (hydrothermal deposit) แทรกตามรอยแตกของ หินเดิม
และเกิดการแทนท่ี (replacement) ในหินเดิม และหินข้างเคียง จากผลการสารวจธรณีวิทยาแหล่แร่
เฟลด์สปาร์พบพื้นท่ีศักยภาพแร่เฟลด์สปาร์ จานวน 8 พ้ืนที่ ได้แก่ 1) พื้นท่ีศักยภาพแร่เฟลด์สปาร์วังจันทร์
2) พื้นที่ศักยภาพแร่เฟลด์สปาร์เกาะตะเภา 3) พ้ืนท่ีศักยภาพแร่เฟลด์สปาร์ท้องฟ้า 4) พ้ืนที่ศักยภาพแร่
เฟลด์สปาร์ทุ่งกระเชาะ 5) พื้นที่ศักยภาพแร่เฟลด์สปาร์แม่สลิด 6) พ้ืนที่ศักยภาพแร่เฟลด์สปาร์โป่งแดง
7) พ้นื ที่ศกั ยภาพแร่เฟลด์สปาร์น้ารึม และ 8) พื้นที่ศักยภาพแร่เฟลด์สปาร์วังประจบ ครอบคลุมเนื้อท่ีรวมกัน
ประมาณ 85.09 ตารางกิโลเมตร โดยแร่เฟลด์สปาร์จังหวัดตากสามารถพบแร่เฟลด์สปาร์ได้ทั้งแร่โซเดียม
เฟลดส์ ปาร์ (Na-feldspar) แร่โพแทสเซยี มเฟลดส์ ปาร์ (K-feldspar) และเฟลดส์ ปาร์ผสม (Mix-feldspar)

แร่เฟลดส์ ปารย์ งั เปน็ แรส่ าคญั ในกลมุ่ แร่อุตสาหกรรม ซ่ึงใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมหลายประเภท
ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมกระจกแผ่นใส 2) อุตสาหกรรมแก้ว 3) อุตสาหกรรมเซรามิก (อุตสาหกรรมเซรามิก
ท่ัวไป อุตสาหกรรมเครอ่ื งสุขภัณฑ์ อุตสาหกรรม table ware ชนดิ porcelain อตุ สาหกรรมเซรามิก ประเภท
whiteware และอุตสาหกรรมกระเบ้อื งปูพน้ื ) 4) อุตสาหกรรมฟันปลอม 5) อตุ สาหกรรมสารเคลือบ ฉนวน สี
และพลาสติก 6) อุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่นอุตสาหกรรมลวดเชื่อมไฟฟ้า ยาง ไม้ขีดไฟ สารทาความสะอาด
และสารขัดเงา การใช้ประโยชน์แร่เฟลด์สปาร์ให้มีความคุ้มค่า และเหมาะสมที่สุดจึงจาเป็นต้องกาหนด
มาตรฐานการใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรแร่เฟลด์สปาร์ในจงั หวดั ตาก

การกาหนดมาตรฐานการใช้ประโยชน์แร่เฟลด์สปาร์ของแต่ละพ้ืนที่ศักยภาพนั้นควรพิจารณาจาก

ปริมาณโพแทสเซียมออกไซด์ (K2O) และโซเดียมออกไซค์ (Na2O) ท่ีเป็นส่วนประกอบหลักของแร่เฟลด์สปาร์
เป็นอันดับแรก และควรพิจารณาถึงส่วนประกอบอ่ืน ๆ ด้วย ได้แก่ ซิลิกาออกไซด์ (SiO2) อะลูมินาออกไซด์

(Al2O3) เฟอร์รกิ ออกไซด์ (Fe2O3) ทเ่ี ป็นขอ้ จากดั สาหรับอตุ สาหกรรมประเภทนัน้ ๆ ดว้ ย
จากผลการศึกษาพบว่า 1) พื้นท่ีศักยภาพแร่โซเดียมเฟลดส์ ปาร์ ได้แก่ พื้นที่ศักยภาพแร่เฟลด์สปาร์วัง

จันทร์ พ้ืนท่ีศักยภาพแร่เฟลด์สปาร์แม่สลิด พื้นที่ศักยภาพแร่เฟลด์สปาร์โป่งแดง และพื้นที่ศักยภาพแร่
เฟลด์สปาร์วังประจบ เหมาะสมสาหรับการใช้ในอุตสาหกรรมกระจกแผ่นใส อุตสาหกรรมเซรามิกทั่วไป
อุตสาหกรรมเซรามิกประเภท whiteware อุตสาหกรรมกระเบื้องปูพ้นื 2) พื้นที่ศักยภาพแร่โพแทสเซียมเฟล์ส
ปาร์ได้แก่ พ้ืนทศ่ี กั ยภาพแรเ่ ฟลด์สปาร์เกาะตะเภา พ้ืนที่ศักยภาพแร่เฟลด์สปาร์ท้องฟ้า และพ้ืนท่ีศักยภาพแร่
เฟลด์สปาร์ทุ่งกระเชาะ เหมาะสมสาหรับการ ใช้ในอุตสาหกรรมสุขภัณฑ์ อุตสาหกรรมเซรามิก ประเภท
whiteware อุตสาหกรรมฟันปลอม และอุตสาหกรรมสารเคลือบ สี และพลาสติก และ 3) พ้ืนที่ศักยภาพแร่
เฟลด์สปาร์ผสมได้แก่ พืน้ ทศี่ กั ยภาพแรเ่ ฟลด์สปาร์นา้ รมึ เหมาะสมสาหรบั อุตสาหกรรมแกว้ อุตสาหกรรมเซรา
มิกทั่วไป อุตสาหกรรมเคร่ืองสุขภัณฑ์ อุตสาหกรรม table ware ชนิด porcelain อุตสาหกรรมเซรามิกประ

เภท whiteware อตุ สาหกรรมกระเบ้ืองปูพื้น นอกจากนั้นยังมีความเหมาะสมสาหรับใช้ในอุตสาหกรรมอ่ืน ๆ
เชน่ อตุ สาหกรรมลวดเชอ่ื มไฟฟา้ สี ยาง ไมข้ ีดไฟ สารทาความสะอาด และสารขัดเงา

คาสาคญั : แรเ่ ฟลด์สปาร,์ มาตรฐานการใชป้ ระโยชน์, เซรามกิ , ธรณวี ิทยาแหล่งแร่

Poster Session


Click to View FlipBook Version