The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prdmr.pr, 2022-12-23 04:18:07

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์ไม่มีกระดูกสนหลัง หน้า 46





พีรีโรฟอน โอเลอร์ติ
(Peelerophon oehlerti
Jell et al., 1984)
ยุคออร์โดวิเชียนตอนต้น
(480 ล้านปีก่อน)
เกาะตะรุเตา จ.สตูล



















ตัวอย่างหอยกาบเดี่ยวรูปร่างต่างๆ
(ภาพจาก The Illinois State Geological Survey)





สกุล เบลลาเมีย (Bellamya) สมัยไมโอซีนตอนกลาง
(13 ล้านปีก่อน) สุสานหอยแม่เมาะ จ.ลำาปาง
ไฮฟานโตไซกา เขาพริกเอนซิส (Hyphantozyga
khaophrikensis Ketwetsuriya et al., 2020)
ยุคเพอร์เมียนตอนกลาง (265 ล้านปีก่อน)
อ.เมือง จ.ราชบุรี

ออร์บิเทสเทลลา อำาแพงเอนซิส
(Orbitestella amphaengensis
Ketwetsuriya &
Dumrongrojwattana, 2022) สกุล เมลานอยเดส (Melanoides) สมัยอีโอซีน
สมัยโฮโลซีน (3,380 ปีก่อน) ตอนปลาย (35 ล้านปีก่อน) สุสานหอยแหลมโพธิ์
อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร จ.กระบี่

หน้า 47 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์

6. หอยกาบคู่หรือหอยสองฝา (Bivalves)


อนุกรมวิธาน : อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia)
ไฟลัม มอสลัสกา (Phylum Mollusca)
ชั้น ไบวาลเวีย (Class Bivalvia) เดิมใช้คำาว่า Pelecypoda
ลักษณะทั่วไป : มีเปลือกแข็งสองฝาประกบเข้าด้วยกันและมีขนาดเท่ากัน (ยกเว้นบางกลุ่ม เช่น
หอยนางรม) มีจุดยอด เรียกว่า umbo เป็นส่วนบนสุดของเปลือกแต่ละข้าง มีอวัยวะที่ยื่นออกมา
ด้านหน้าเปลือก ทำาหน้าที่คล้ายตีนช่วยเคลื่อนที่ไปตามพื้นน้ำา มีรูปร่างและลวดลายที่หลากหลาย
แตกต่างกันไปในแต่ละยุค
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคแคมเบรียน (ประมาณ 535 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : ยังดำารงเผ่าพันธุ์อยู่ (จำานวนกว่า 30,000 สปีชีส์ ทั้งที่มีชีวิตและสูญพันธุ์ไปแล้ว)
แหล่งที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในน้ำา ทั้งในแหล่งน้ำาทะเล น้ำากร่อย และน้ำาจืด
หินที่พบบ่อย : หินปูน หินดินดาน หินโคลน หินทราย หินทรายแป้ง
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : พบเฉพาะโครงร่างแข็ง ซึ่งเป็นเปลือก เมื่อลากเส้นสมมติจากจุดยอด

ของเปลอก ลงมาจะพบว่าไม่มีสมมาตรในฝาเดียวกัน ทำาให้สามารถจำาแนกความต่างระหว่างหอย
กาบคู่และแบรคิโอพอดออกจากกันได้


แหล่งซากดึกดาบรรพหอยกาบค่สามารถพบได้ท่วไปตามภูเขาหินปูนและแหล่งหินดินดาน

และหินทรายแป้ง เช่น บริเวณจังหวัดลำาปาง ตาก หนองบัวลำาภู ขอนแก่น ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ชุมพร
กระบี่ พัทลุง นครศรีธรรมราช














โครงสร้างของหอยกาบคู่ (ดัดแปลงจาก Jain et al., 2017)






โพซิโดโนเมีย เบเคอรี (Posidonomya beecheri
Cowper-Reed, 1920) ยุคคาร์บอนิเฟอรัส
(355-300 ล้านปีก่อน) อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช

ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์ไม่มีกระดูกสนหลัง หน้า 48

































ตัวอย่างหอยกาบคู่รูปร่างต่างๆ (ภาพจาก The Illinois State Geological Survey)










สกุล ฮาโลเบีย (Halobia) สกุล โฟลาโดเมีย (Pholadomya) สกุล ยูนิโอ (Unio) และ โลฟา (Lopha)
ยุคไทรแอสซิก (230 ล้านปีก่อน) ยุคจูแรสซิก (170 ล้านปีก่อน) ยุคจูแรสซิก (170-145 ล้านปีก่อน)
อ.แม่เมาะ จ.ลำาปาง อ.อุ้มผาง จ.ตาก อ.เมือง จ.ชุมพร











สกุล ไทรโกนอยเดส (Trigonoides) หอยนางรมยักษ์ คลาสซอสเทรีย ไจกัส (Crassostrea gigas)
ยุคครีเทเชียสตอนต้น (130 ล้านปีก่อน) สมัยโฮโลซีน (5,500 ปีก่อน) วัดเจดีย์หอย อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
อ.เมือง จ.หนองบัวลำาภู

หน้า 49 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์

7. นอติลอยด์ (Nautiloids)


อนุกรมวิธาน : อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia)
ไฟลัม มอสลัสกา (Phylum Mollusca)
ชั้น เซฟาโลโพดา (Class Cephalopoda)
ชั้นย่อย นอติลอยเดีย (Subclass Nautiloidea)
ลักษณะทั่วไป : จัดเป็นญาติใกล้ชิดกับหมึก โดยมีหอยงวงช้าง หรือ นอติลุส (Nautilus)
ในปัจจุบันจัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย มีเปลือกแข็งเหมือนหอย แต่มีหัวและหนวดคล้ายกับหมึก เปลือก
ของนอติลอยด์ยุคแรกๆมีลักษณะทรงกรวยตรง ภายหลังมีวิวัฒนาการเปลือกเป็นรูปขด ภายใน
เปลือกมีผนังกั้น เรียกว่า septum แบ่งเป็นห้อง ๆ เรียกว่า chamber และมีท่อตรงกลาง เรียกว่า
siphuncle สำาหรับเป็นทางเข้าออกของน้ำาและอากาศ ใช้สำาหรับช่วยในการลอยและจมเมื่ออยู่
ใต้น้ำา ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับอับเฉาที่อยู่ในเรือ
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคแคมเบรียนตอนปลาย (ประมาณ 490 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : ยังดำารงเผ่าพันธุ์อยู่ (จำานวนกว่า 1,500 สปีชีส์ ทั้งที่มีชีวิตและสูญพันธุ์ไปแล้ว)
ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 2 สกุล คือ Nautilus และ Allonautilus
แหล่งที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในทะเล
หินที่พบบ่อย : หินปูน
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : พบเฉพาะโครงร่างแข็ง ซึ่งเป็นเปลือก ส่วนใหญ่มักเป็นทรงกรวยตรง
บางชนิดอาจพบเป็นทรงกรวยโค้งหรือขดเป็นวง หากสังเกตโครงสร้างภายในจะพบผนังกั้นภายใน
เปลือก และมีท่อกลวงอยู่ตรงกลาง
แหล่งซากดึกดำาบรรพ์นอติลอยด์สามารถพบได้ทั่วไปตามภูเขาหินปูน เช่น บริเวณจังหวัด
สตูล พัทลุง กาญจนบุรี อุทัยธานี เพชรบูรณ์





















โครงสร้างของนอติลอยด์ (ดัดแปลงจาก Brown, 1989)


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์ไม่มีกระดูกสนหลัง หน้า 50



สกุล นอติลุส (Nautilus) หนึ่งในนอติลอยด์ที่ยังมี
ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ถือเป็นซากดึกดำาบรรพ์ที่มีชีวิต
(Living fossil) ซึ่งดำารงเผ่าพันธุ์มาอย่างยาวนาน
หลายล้านปี (ภาพจาก animaldiversity.org)








นอติลอยด์ยุคออร์โดวิเชียน
ตอนกลาง (470 ล้านปีก่อน)
อ.ละงู จ.สตูล




















สยามนอติลุส รุจาอิ (Siamnautilus ruchae
Ishibashi et al., 1994) ยุคเพอร์เมียนตอนปลาย
(260 ล้านปีก่อน) อ.งาว จ.ลำาปาง


ไซโนเซอรัส ไชน์เอนซี (Sinoceras chinense)
(Fang et al., 2021) ยุคออร์โดวิเชียนตอนปลาย
(450 ล้านปีก่อน) อ.ศรีสวีสดิ์ จ.กาญจนบุรี


นอติลอยด์ยุคเพอร์เมียน
(290-250 ล้านปีก่อน)
อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์

หน้า 51 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์

8. แอมโมนอยด์ (Ammonoids)

อนุกรมวิธาน : อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia)
ไฟลัม มอสลัสกา (Phylum Mollusca)
ชั้น เซฟาโลโพดา (Class Cephalopoda)
ชั้นย่อย แอมโมนอยเดีย (Subclass Ammonoidea)
ลักษณะทั่วไป : จัดเป็นญาติใกล้ชิดกับหมึก และพวกนอติลอยด์ (nautiloids) มีเปลือกแข็ง
เหมือนหอยและมีหัวคล้ายหมึก เหมือนกับนอติลอยด์ แต่ต่างกันตรงที่บนเปลือกมีลวดลาย เรียกว่า
suture ที่ซับซ้อนกว่า และมีท่อลำาเลียงน้ำาและอากาศ เรียกว่า siphuncle อยู่ชิดไปด้านข้าง


แอมโมนอยดจดเปนซากดึกดำาบรรพ์ดัชนี (Index fossil) ที่สำาคัญในช่วงมหายุคมีโซโซอิก และ

สูญพันธุ์เมื่อสิ้นสุดยุคครีเทเชียส (End of Cretaceous) พร้อมกับไดโนเสาร์
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคดีโวเนียน (ประมาณ 410 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : สูญพันธุ์เมื่อสิ้นสุดยุคครีเทเชียส (66 ล้านปีก่อน) (พบจำานวนกว่า 11,000 สปีชีส์)
แหล่งที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในทะเล
หินที่พบบ่อย : หินปูน
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : พบเฉพาะโครงร่างแข็ง ซึ่งเป็นเปลือก ส่วนใหญ่มีรูปร่างขดเป็นวง
นอกจากนี้ยังพบรูปร่างอื่นๆที่แปลกตา เช่น ขดเป็นวงเฉพาะส่วนปลาย ขดคล้ายเจดีย์ หรือขดคล้าย
ลวดหนีบกระดาษ โครงสร้างภายในคล้ายนอติลอยด์ แต่ต่างกันตรงลวดลายบนเปลือกที่ซับซ้อน
กว่า และมีท่อลำาเลี้ยงที่อยู่ค่อนไปทางด้านข้าง
แหล่งซากดึกดำาบรรพ์แอมโมนอยด์สามารถพบได้ทั่วไปตามภูเขาหินปูน เช่น บริเวณจังหวัด
ลำาปาง ตาก เพชรบูรณ์ สระบุรี เลย กาญจนบุรี พัทลุง



โครงสร้างของแอมโมนอยด์
เมื่อเทียบกับนอติลอยด์
(ดัดแปลงจาก Jain et al., 2017)


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์ไม่มีกระดูกสนหลัง หน้า 52



แอมโมนอยด์มหายุคมีโซโซอิก
ที่มีหลากหลายรูปร่าง
(Heteromorph)
(ดัดแปลงจาก Clarkson, 1998)





























แอมโมนอยด์ ยุคคาร์บอร์นิเฟอรัส แอมโมนอยด์ ยุคเพอร์เมียน (290-250 ล้านปีก่อน)
(350-300 ล้านปีก่อน) อ.วังสะพุง จ.เลย อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี

















มาร์คอเซีย ชัยบุรีเอนซิส (Marcouxia chaiburiensis ทีโมเซอรัส ธนะรัตน์ติ (Tmetoceras
Tongtherm & Shigeta in Tongterm et al., 2020) dhanarajatai Sato in Komalarjun &
ยุคไทรแอสซิกตอนต้น (250 ล้านปีก่อน) Sato, 1964) ยุคจูแรสซิกตอนกลาง
อ.ควนขนุน จ.พัทลุง (180-170 ล้านปีก่อน) อ.แม่สอด จ.ตาก

หน้า 53 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์

9. เทนทาคิวไลต์ (Tentaculites)


อนุกรมวิธาน : อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia)
ชั้น เทนทาคูไลตา (Class Tentaculita)
ลักษณะทั่วไป : มีเปลือกแข็งรูปทรงกรวยขนาดเล็ก ยาวไม่เกิน 2 ซม. มีวงแหวนข้างเปลือก
เป็นข้อๆ เรียงตั้งฉากกับลำาตัว เรียกว่า annulus บางชนิดมีลายเส้นตามแนวยาว มีช่องเปิดอยู่
ปลายด้านหนึ่งเป็นที่อยู่ของตัว ปัจจุบันยังมีข้อถกเถียงว่าเทนทาคิวไลต์เป็นสัตว์ประเภทใด ซึ่งอาจ
เป็นสัตว์กลุ่มหอยในไฟลัมมอลลัสกา (Mollusca) หรืออาจจัดแยกออกมาเป็นกลุ่มเทนทาคิวไลต์
โดยเฉพาะเลย เทนทาคิวไลต์ถือเป็นซากดึกดำาบรรพ์ดัชนี (Index fossil) ที่สำาคัญในช่วงยุค
ออร์โดวิเชียนจนถึงยุคดีโวเนียน (Ordovician-Devonian) เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่พบมากที่สุด
และมีลักษณะเปลี่ยนไปตามแต่ละยุค
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคออร์โดวิเชียน (ประมาณ 480 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : สูญพันธุ์เมื่อยุคจูแรสซิกตอนกลาง (165 ล้านปีก่อน) (พบจำานวนกว่า 100 สปีชีส์)
แหล่งที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในทะเล
หินที่พบบ่อย : หินดินดาน หินโคลน
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : พบเฉพาะโครงร่างแข็ง ซึ่งเป็นเปลือก รูปร่างทรงกรวยตรง ขนาด



ไม่เกิน 2 ซม. มีลวดลายบนเปลือกเป็นข้อๆ คล้ายวงแหวนรอบเปลือก การศกษารายละเอยดเพอ

จำาแนกซากดึกดำาบรรพ์เทนทาคิวไลต์ จำาป็นต้องศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์
แหล่งซากดึกดำาบรรพ์เทนทาคิวไลต์สามารถพบได้ตามแหล่งหินดินดาน เช่น บรเวณ

จังหวัดสตูล นครศรีธรรมราช กาญจนบุรี











โครงสร้างของเทนทาคิวไลต์
(ดัดแปลงจาก Kuhn-Schneider & Rieder, 1986)


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์ไม่มีกระดูกสนหลัง หน้า 54







ตัวอย่างเทนทาคิวไลต์รูปร่างต่างๆ
(ภาพจาก Virtual museum of
the Czech Geological Survey)


















เทนทาคิวไลต์ยุคไซลูเรียน
(440-420 ล้านปีก่อน)
อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช























ซากดึกดำาบรรพ์เทนทาคิวไลต์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เทนทาคิวไลต์ยุคไซลูเรียน-ดีโวเนียน
ชนิด โนวาเกีย อะคูเอเรีย (Nowakia acuaria) (440-360 ล้านปีก่อน)
(Agematsu et al., 2006) ยุคดีโวเนียนตอนต้น อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
(400 ล้านปีก่อน) อ.ละงู จ.สตูล

หน้า 55 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์


10. เอไคโนเดิร์ม (Echinoderms)


อนุกรมวิธาน : อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia)
ไฟลัม เอไคโนเดอร์มาตา (Phylum Echinodermata)
ลักษณะทั่วไป : เป็นสัตว์ที่ส่วนใหญ่มีสมมาตร 5 แฉก (Pentaradial symmetry) เช่น เม่น
ทะเล (Echinoids หรือ Sea urchins) `ดาวทะเล (Asteroids หรือ Starfish) และพลับพลึงทะเล
(Crinoids หรือ Sea lilies) มีการสร้างโครงร่างแข็งจากแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นแผ่นรอบตัว ซึ่ง
มีรูปร่างแตกต่างกันออกไปในแต่ละกลุ่ม เช่น รูปดาว รูปแผ่นกลม หรือรูปทรงกระบอก กลุ่มที่
มีแฉกยื่นออก เรียกว่า แขน หรือ ambulaca ด้านล่างมีเท้าท่อ หรือ tube feet ซึ่งช่วยในการ
เคลื่อนที่หรือจับอาหาร
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคแคมเบรียน (ประมาณ 535 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : ยังดำารงเผ่าพันธุ์อยู่ (จำานวนกว่า 15,000 สปีชีส์ ทั้งที่มีชีวิตและสูญพันธุ์ไปแล้ว)
แหล่งที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในทะเล
หินที่พบบ่อย : หินปูน หินดินดาน หินโคลน
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : ซากดึกดำาบรรพ์เอไคโนเดิร์มในประเทศไทยหลายกลุ่ม โดยกลุ่มที่พบ
มากที่สุด คือ กลุ่มไครนอยด์ หรือพลับพลึงทะเล (Sea lilies) ซึ่งมีทั้งก้านลักษณะเป็นวงแหวน
ยอดที่เป็นช่อคล้ายดอกไม้ และส่วนรากสำาหรับยืดพื้น



แหล่งซากดึกดาบรรพ์เอไคโนเดิร์มสามารถพบได้ท่วไปในบริเวณท่มีภูเขาหินปูนเกือบ
ทั่วประเทศ ส่วนใหญ่พบเป็นเศษชิ้นส่วนกระจายฝังตัวตามเนื้อหิน























ตัวอย่างเอไคโนเดิร์มรูปร่างต่างๆ (ดัดแปลงจาก Rozhnov, 2010)


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์ไม่มีกระดูกสนหลัง หน้า 56















เอไคโนเดิร์มกลุ่มรอมบิเฟอรา (Rhombifera) ชนิด
บลาสตอยด์ยุคออร์โดวิเชียน สไตโคซีสทิส ไทยแลนดิกา (Stichocystis thailandica
(480-450 ล้านปีก่อน) Wolfart, 2001) ยุคออร์โดวิเชียนตอนกลาง
อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี (460 ล้านปีก่อน) อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี




















เอไคนอยด์ยุคเพอร์เมียน (290-250 ล้านปีก่อน) ไครนอยด์ยุคเพอร์เมียน
อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ (290-250 ล้านปีก่อน)
อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว














ไครนอยด์ยุคไซลูเรียน (440-420 ล้านปีก่อน) ไครนอยด์ยุคเพอร์เมียน (290-250 ล้านปีก่อน)
อ.ลี้ จ.ลำาพูน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์

หน้า 57 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์

11. ไทรโลไบต์ (Trilobites)


อนุกรมวิธาน : อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia)
ไฟลัม อาร์โธรโพดา (Phylum Arthropoda)
ชั้น ไทรโลไบตา (Class Trilobita)
ลักษณะทั่วไป : เป็นสัตว์มีข้อปล้องเช่นเดียวกับกุ้ง ปู และแมลงต่างๆ ลักษณะคล้ายแมงดา
ทะเลในปัจจุบัน แต่ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน (แมงดาทะเลอยู่ในไฟลัมย่อย Chelicelata กลุ่ม
เดียวกับแมงป่องและแมงมุม) ไทรโลไบต์มีร่างกายแบ่งเป็น 3 ส่วนทั้งในแนวยาวและแนวขวาง
อันเป็นที่มาของชื่อมีรากศัพท์มาจากภาษากรีก “tri” แปลว่า สาม (three) และ “lobos” แปลว่า
กลีบ หรือ พู (lobe) โดยในแนวยาวจะมีส่วนกลางลำาตัวหรือแกนกลางลำาตัวและส่วนข้างลำาตัวทั้ง
2 ข้าง ส่วนในแนวขวาง แบ่งเป็นส่วนหัว เรียกว่า cephalon ส่วนอกหรือตัว เรียกว่า thorax
และส่วนท้ายหรือหาง เรียกว่า pygidium มีขนาดตั้งแต่ไม่กี่มิลลิเมตรไปจนถึง 90 เซนติเมตร
ไทรโลไบต์ถือเป็นซากดึกดำาบรรพ์ดัชนี (Index fossil) ที่สำาคัญในช่วงมหายุคพาลีโอโซอิก
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคแคมเบรียน (ประมาณ 520 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : สูญพันธุ์เมื่อสิ้นสุดยุคเพอร์เมียน (252 ล้านปีก่อน) (พบจำานวนกว่า 6,500 สปีชีส์)
แหล่งที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในทะเล
หินที่พบบ่อย : หินดินดาน หินโคลน หินทราย หินปูน
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : พบเฉพาะโครงร่างแข็ง มีลักษณะเป็นข้อปล้องชัดเจน มักพบเป็นชิ้น
ส่วนไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเมื่อตายลงข้อปล้องมักหลุดออกจากกันได้ง่าย

แหล่งซากดึกดาบรรพไทรโลไบต์ในประเทศไทยพบค่อนข้างน้อยและส่วนใหญ่มีสภาพไม ่
สมบูรณ์ เช่น บริเวณจังหวัดสตูล พัทลุง นครศรีธรรมราช กาญจนบุรี เลย




















โครงสร้างของไทรโลไบต์
(ภาพจาก Hupe in Piveteau, 1953)




ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์ไม่มีกระดูกสนหลัง หน้า 58





























































ตัวอย่างไทรโลไบต์รูปร่างต่างๆ (ดัดแปลงจาก The Illinois State Geological Survey)

หน้า 59 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์





แหล่งซากดึกดำาบรรพทีเก่าแก่ทีสดในประเทศไทย

แหล่งซากไทรโลไบต์อ่าวเมาะและ เกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล เป็นแหล่งซากดึกดำาบรรพ์
ในหินทรายสีแดงชั้นหนา กลุ่มหินตะรุเตา จากศึกษาโดยทั่วเกาะตะรุเตาพบว่ามีซากดึกดำาบรรพ์
ไทรโลไบต์ มากกว่า 20 ชนิด เป็นชนิดใหม่ของโลกที่ค้นพบจากแหล่งนี้เป็นแห่งแรก 7 ชนิด คือ
พาโกเดีย ไทยเอนซิส (Pagodia thaiensis) ไทยแลนเดียม โซลัม (Thailandium solum)
อีโอซอเกีย บุราวาสิ (Eosaukia buravasi) โปรซอเกีย ตะรุเตาเอนซิส (Prosaukia tarutaoensis)
โปรซอเกีย โอคูลาตา (Prosaukia oculata) โคเรียโนเซฟาลัส พลานูลาทัส (Coreanocephalus
planulatus) และสตูลอาร์คัส เมาะและเอนซิส (Satunarcus mohlaensis) ซากดึกดำาบรรพ์ที่
พบใกล้เคียงกับไทรโลไบต์ที่พบทางประเทศเวียดนาม จีน และออสเตรเลีย ทำาให้ทราบว่ามีอายุอยู่
ในช่วงเดียวกัน คือ ยุคแคมเบรียนตอนปลาย (Late Cambrian) หรือประมาณ 495 ล้านปีก่อน


















ซงทาใหแหลงซากดกดาบรรพอาวเมาะและเปนแหลงซากดกดาบรรพทมความเกาแกทสดใน




ประเทศไทย
Thailandium solum
(Kobayashi, 1957)









Eosaukia buravasi Satunarcus maolaensis
(Kobayashi, 1957) (Wernette et al., 2020)


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์ไม่มีกระดูกสนหลัง หน้า 60




ซากดึกดำาบรรพไทรโลไบต์ในประเทศไทย










สกุล ดัลมาไนเตส (Dalmanites) รีด็อปส์ เมกาฟาคอส (Reedops megaphacos
ยุคไซลูเรียน (440-420 ล้านปีก่อน) Fortey, 1989) ยุคดีโวเนียนตอนต้น (410 ล้านปีก่อน)
อ.ละงู จ.สตูล อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล




พลาจิโอลาเรีย ภูไทอิ (Plagiolaria poothaii
Kobayashi & Hamada, 1968) ยุคดีโวเนียน
ตอนกลาง (390 ล้านปีก่อน) อ.ควนขนุน จ.พัทลุง





















นีโอโปรเอตุส ซับโอวาลิส
(Neoproetus subovalis
Kobayashi & Hamada, 1979)
ไทยแอสพิส เศรษฐบุตรติ ไทยแอสพิส ยูรีราคิส (Thaiaspis ยุคเพอร์เมียนตอนต้น
(Thaiaspis sethaputi euryrachis Kobayashi & (290 ล้านปีก่อน) อ.วังสะพุง จ.เลย
Kobayashi, 1961) Hamada, 1979) ยุคคาร์บอนิเฟอรัส
ยุคคาร์บอนิเฟอรัส (330-300 ตอนปลาย (300 ล้านปีก่อน)
ล้านปีก่อน) อ.เชียงคาน จ.เลย อ.วังสะพุง จ.เลย

หน้า 61 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์

12. ออสตราคอด (Ostracods)


อนุกรมวิธาน : อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia)
ไฟลัม อาร์โธรโพดา (Phylum Arthropoda)
ไฟลัมย่อย ครัสตาเชีย (Subphylum Crustacea)
ชั้น ออสตราโคดา (Class Ostracoda)
ลักษณะทั่วไป : เป็นสัตว์มีข้อปล้องกลุ่มเดียวกับกุ้งและปู รู้จักกันในชื่อ Seed shrimp
มีร่างกายเป็นข้อปล้องคล้ายกุ้ง โดยทั่วไปมีขนาดไม่เกิน 2 มม. มีเปลือกห่อหุ้มคล้ายเปลือกหอย
2 ชิ้น สร้างจากสารจำาพวกไคตินหรือแคลเซียมคาร์บอเนต
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคออร์โดวิเชียนตอนปลาย (ประมาณ 450 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : ยังดำารงเผ่าพันธุ์อยู่ (จำานวนกว่า 70,000 สปีชีส์ ทั้งที่มีชีวิตและสูญพันธุ์ไปแล้ว)
แหล่งที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำา ทั้งน้ำาทะเล น้ำากร่อย และน้ำาจืด
หินที่พบบ่อย : หินปูน ดินดาน หินโคลน และตะกอนธรรมชาติ
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : เป็นซากดึกดำาบรรพ์จุลภาค (Microfossil) จำาเป็นต้องอาศัยการ
ศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ มักพบเฉพาะเปลือกแข็ง มีลวดลายบนเปลือกแตกต่างกันไป ซึ่งเป็น
ลักษณะที่ใช้ในการจำาแนกชนิดได้ ซากดึกดำาบรรพ์ของออสตราคอดมีประโยชน์ในการช่วยแปล
ความหมายสภาพแวดล้อมบรรพกาลได้ เนื่องจากมีเปลือกที่แตกต่างกันในแต่ละสภาพแวดล้อม
แหล่งซากดึกดำาบรรพ์ออสตราคอดสามารถพบได้ทั่วไป โดยเฉพาะภูเขาหินปูน แหล่ง
หินดินดาน และในชั้นตะกอนธรรมชาติ เช่น บริเวณจังหวัดสตูล กาญจนบุรี ลำาปาง เพชรบูรณ์ ลพบุรี





















โครงสร้างของออสตราคอด
(ดัดแปลงจาก Horne et al., 2002)



ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์ไม่มีกระดูกสนหลัง หน้า 62


























ลักษณะของออสตราคอดในสภาพแวดล้อมแบบต่างๆ
(ภาพจาก Benson, 2003)










แบร์เดีย เขาคณาเอนซิส (Bairdia khaokanaensis ชิวาเอลลา อีเลิศเอนซิส (Shivaella elertensis
Chitnarin in Chitnarin et al., 2017) Chitnarin in Burrett et al., 2015)
ยุคเพอร์เมียนตอนต้น (290 ล้านปีก่อน) ยุคเพอร์เมียนตอนต้น (270 ล้านปีก่อน)
อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย








ไมโครโคโลเนลลา ตาคลีเอนซิส (Microcoelonella รีวิยา ซับสมพงษ์เอนซิส (Reviya
takliensis Chitnarin in Chitnarin et al., 2012) subsompongensis Chitnarin et al., 2008)
ยุคเพอร์เมียนตอนกลาง (260 ล้านปีก่อน) ยุคเพอร์เมียนตอนกลาง (260 ล้านปีก่อน)
อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์

หน้า 63 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์

13. แกรปโตไลต์ (Graptolites)

อนุกรมวิธาน : อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia)
ไฟลัม เฮมิคอร์ดาตา (Phylum Hemichordata)
ชั้น เทอโรบรานเคีย (Class Pterobranchia)
ชั้นย่อย แกรปโตลิธินา (Subclass Grabtolithina)
ลักษณะทั่วไป : เป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (colony) มีโครงร่างแข็งคาดว่าสร้าง
จากสารจำาพวกไคติน เรียกว่า theca เป็นที่อยู่ของตัว เรียกว่า zooid เรียงต่อกันเป็นแถวยาว
คล้ายกับกิ่งไม้หรือใบไม้ มีทุ่นช่วยในการลอยน้ำาอยู่ใกล้ผิวน้ำา แกรปโตไลต์ถือเป็นซากดึกดำาบรรพ์
ดัชนี (Index fossil) ที่สำาคัญในช่วงยุคออร์โดวิเชียนจนถึงยุคดีโวเนียน (Ordovician-Devonian)
เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่พบมากที่สุด และมีลักษณะเปลี่ยนไปตามแต่ละยุค
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคแคมเบรียนตอนกลาง (ประมาณ 510 ล้านปีก่อน)











สถานะปัจจุบัน : การศกษาในอดตเชอวาแกรปโตไลตสญพนธไปหมดแลวเม่อยคคารบอนเฟอรัส




ตอนปลาย (ประมาณ 320 ล้านปีก่อน) แต่การศึกษาใหม่เชื่อว่า สกุล Rhabdopleura เป็นกลุ่ม
แกรปโตไลต์ที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน (มีจำานวนกว่า 600 สปีชีส์ ทั้งที่มีชีวิตและสูญพันธุ์ไปแล้ว)
แหล่งที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในทะเล
หินที่พบบ่อย : หินดินดาน
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : เป็นรอยพิมพ์คาร์บอนประทับบนเนื้อหิน คล้ายรอยขีดเขียน หรือ
แผ่นฟิล์มรูปร่างเรียวยาว บางชนิดก็ขดเป็นวง มีขอบเป็นรอยหยักคล้ายใบเลื่อย
แหลงซากดกดาบรรพ์แกรปโตไลต์สามารถพบได้ในชั้นหินดินดาน เช่น บริเวณจังหวัด



สตูล นครศรีธรรมราช กาญจนบุรี เชียงใหม่
โครงสร้างของแกรปโตไลต์
(ดัดแปลงจาก Brown, 1989)




ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์ไม่มีกระดูกสนหลัง หน้า 64

ลักษณะรูปร่างและ
การดำารงชีวิตของ
แกรปโตไลต์ชนิดต่างๆ
(ดัดแปลงจาก
Rich et al., 1996)























สกุล ไคลมาโกแกรปตัส
(Climacograptus) ยุคไซลูเรียน
ตอนต้น (440 ล้านปีก่อน)
อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช


















สกุล ไคลมาโกแกรปตัส (Climacograptus) สกุล โมโนแกรปตัส (Monograptus)
ยุคไซลูเรียนตอนต้น (440 ล้านปีก่อน) ยุคดีโวเนียนตอนต้น (410 ล้านปีก่อน)
อ.ละงู จ.สตูล อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

หน้า 65 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์




























































ซากดึกดำาบรรพ์กะโหลกไดโนเสาร์วงศ์ซินแรพเทอริเด (Sinraptoridae) ภูน้อย จ.กาฬสินธุ์


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 66






















ซากดึกดำาบรรพ ์




สตว์มีกระดูกสนหลัง


(VERTEBRATE



FOSSILS)

หน้า 67 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์


1. โคโนดอนต์ (Conodonts)


ลักษณะทั่วไป : เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในชั้นโคโนดอนตา (Class Conodonta) มีรูปร่าง
คล้ายปลาไหลหรือหนอนขนาดเล็ก มีฟันอยู่เต็มปาก โดยฟันมีหลายรูปร่าง ทั้งเป็นทรง

กรวย อันเป็นที่มาของชื่อภาษากรก “konos” หมายถึง กรวย (cone) และ“odont” หมายถึง




ฟน (tooth) ฟนตาแหนงอนๆ อาจเป็นแผ่นคล้ายใบเลื่อย ใบมีด หรือใบไม้ มีขนาดไม่เกิน


1 มิลลิเมตร โคโนดอนต์เป็นซากดึกดำาบรรพ์ดัชนี (Index fossil) ที่สำาคัญในช่วงมหายุค
พาลีโอโซอิกและสูญพันธุ์ในช่วงสิ้นสุดยุคไทรแอสซิก
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคแคมเบรียน (ประมาณ 530 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : สูญพันธุ์เมื่อสิ้นสุดยุคไทรแอสซิก (ประมาณ 200 ล้านปีก่อน) (จำานวนกว่า
1,000 สปีชีส์)
แหล่งที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในทะเล
หินที่พบบ่อย : หินปูน หินดินดาน หินโคลน
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : เป็นซากดึกดำาบรรพ์จุลภาค (Microfossil) จำาเป็นต้องอาศัยการ
ศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ มักพบชิ้นส่วนฟัน ซึ่งโคโนดอนต์ในแต่ละยุคจะมีลักษณะสัณฐานที่
แตกต่างกันอย่างชัดเจน จึงเหมาะสำาหรับใช้เป็นซากดึกดำาบรรพ์ดัชนี (Index fossil)
แหล่งซากดึกดำาบรรพ์โคโนดอนต์สามารถพบมากตามแหล่งภูเขาหินปูน เช่น บริเวณจังหวัด
สตูล พัทลุง กาญจนบุรี เลย แม่ฮ่องสอน



ภาพโครงสร้างฟันของโคโนดอนต์
(ดัดแปลงจาก Barham, 2015)

















ลักษณะฟันของโคโนดอนต์รูปร่างต่างๆ
(ภาพจาก Saraswati & Srinivasan, 2015)




ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 68





ซากดึกดำาบรรพ์ของโคโนดอนต์ที่
สมบูรณ์ทั้งตัว จากประเทศสก็อตแลนด์
(ภาพจาก Barham, 2015)






















ยูทาห์โคนัส ตะรุเตาเอนซิส (Utahconus
tarutaoensis Agematsu et al., 2008)
ยุคออร์โดวิเชียนตอนต้น (480 ล้านปีก่อน)
เกาะตะรุเตา จ.สตูล

พัลมาโตเลพิส คาเอนซิส พัลมาโตเลพิส ธนิศศี
(Palmatolepis khaensis (Palmatolepis thanisi
Savage, 2013) ยุคดีโวเนียน Savage, 2006) ยุคดีโวเนียน
ตอนปลาย (370 ล้านปีก่อน) ตอนปลาย (370 ล้านปีก่อน)
อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนุบรี

ไฮน์ดีโอดัส กัลลอยเดส
ซูโดสวีโตนาธัส คอสตาทัส (Hindeodus gulloides)
(Pseudosweetognathus costatus) (Burrett et al., 2015)
(Metcalfe & Sone, 2008) ยุคเพอร์เมียนตอนกลาง
ยุคเพอร์เมียนตอนต้น (280 ล้านปีก่อน) (270 ล้านปีก่อน)
อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี อ.วังสะพุง จ.เลย

หน้า 69 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์

2. ปลา (Fishes)


ลักษณะทั่วไป : เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังกลุ่มใหญ่ที่สุดในโลก มีรูปร่างเรียวยาว หายใจด้วย
เหงือก เคลื่อนที่ด้วยครีบและลำาตัวส่วนใหญ่มีเกล็ดปกคลุมลำาตัว แต่บางชนิดก็ไม่มีเกล็ด แบ่งเป็น
2 กลุ่มใหญ่ คือ
(1) กลุ่มไม่มีขากรรไกร (Jawless fishes) ได้แก่ พวกแฮกฟิช (hagfishes) และ
แลมเพรย์ (lampreys) นอกจากนี้ยังรวมพวกออสตราโคเดิร์ม (Ostracoderms) ซึ่งเป็นกลุ่มที่
มีผิวแข็งเหมือนเกราะที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
(2) กลุ่มปลามีขากรรไกร (Jawed fishes) ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 จำาพวก ได้แก่
พวกปลากระดูกอ่อน (Cartilaginous fishes) เช่น ปลาฉลาม ปลากระเบนและปลาฉนาก และ
พวกปลากระดูกแข็ง (Bony fishes) เช่น ปลาตะเพียน ปลาดุก ปลาหมอ ในกลุ่มนี้มีบางพวก
ที่ถือเป็นสายวิวัฒนาการไปสู่สัตว์สี่ขา เช่น ปลาปอด และปลาซีลาแคนท์ นอกจากนี้ยังมีพวกที่
สูญพันธุ์ไปแล้ว เช่น พวกพลาโคเดิร์มหรือปลามีเกราะ (Placoderms or Armoured fishes)
พวกอะแคนโธเดียนหรือฉลามมีหนาม (Acanthodians or Spiny sharks)
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคแคมเบรียน (ประมาณ 520 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : ยังดำารงเผ่าพันธุ์อยู่ (จำานวนกว่า 25,000 สปีชีส์ ทั้งที่มีชีิวิตและสูญพันธุ์ไปแล้ว)
แหล่งที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำาทั้งในทะเล น้่ำากร่อย และน้ำาจืด
หินที่พบบ่อย : หินดินดาน หินโคลน หินทรายแป้ง
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : มักพบชิ้นส่วนเกล็ดและโครงกระดูก ปลากระดูกแข็งในช่วงมหายุค
มีโซโซอิก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับไดโนเสาร์ มักมีเกล็ดที่หนาเป็นรูปข้าวหลามตัด มักพบมากตาม
แหล่งไดโนเสาร์ ส่วนปลากระดูกอ่อนมักพบเฉพาะฟันเนื่องจากเป็นส่วนที่แข็งที่สุดในร่างกาย
แหล่งซากดึกดำาบรรพ์ปลาสามารถพบได้หลายแห่ง โดยเฉพาะตามแหล่งไดโนเสาร์
บริเวณที่ราบสูงโคราช เช่น จังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ นครราชสีมา สกลนคร บริเวณภาคใต้
บริเวณจังหวัดชุมพร กระบี่ ส่วนปลามหายุคซีโนโซอิกมักพบตามแอ่งต่างๆ เช่น แอ่งเพชรบูรณ์
แอ่งลำาปาง แอ่งพะเยา















แผนภาพการจำาแนกปลากลุ่มต่างๆ

ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 70




ซากดึกดำาบรรพปลากระดูกอ่อนในประเทศไทย









ฟันปลากระดูกอ่อน สยามโมดัส จองเวียรี (Siamodus janvieri
Long, 1990) ยุคดีโวเนียนตอนปลาย (360 ล้านปีก่อน)
บ้านแม่สามแลบ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน










ฟันกลุ่มปลาโรนัน เบเลมโนบาทิส อ่าวมินเอนซิส (Belemnobatis aominensis
Cuny et al., 2009) ยุคจูแรสซิกตอนกลาง (170 ล้านปีก่อน)
บ้านมาบชิง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช








ฟันปลาฉลามน้ำาจืด อะโครดัส กาฬสินธุ์เอนซิส
(Acrodus kalasinensis Cuny et al., 2014)
ยุคจูแรสซิกตอนปลาย (150 ล้านปีก่อน)
ภูน้อย จ.คำาม่วง จ.กาฬสินธุ์










ฟันปลาฉลามน้ำาจืด ไทยโอดัส รุจาอิ (Thaiodus ruchae
Cappetta et al., 1990) ยุคครีเทเชียสตอนต้น
(110 ล้านปีก่อน) จ.อุบลราชธานี ขอนแก่นและนครราชสีมา

หน้า 71 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์


ซากดึกดำาบรรพปลากระดูกแข็งในประเทศไทย









ซากดึกดำาบรรพ์ทั้งตัวของปลา อีสานอิกธิส เลิศบุศย์ศี
(Isanichthys lertboosi Deesri et al., 2014)
ยุคจูแรสซิกตอนปลาย (150 ล้านปีก่อน)
ภูน้อย อ.คำาม่วง จ.กาฬสินธุ์










ซากดึกดำาบรรพ์ทั้งตัวของปลา ไทยอิกธิส พุทธบุตรเอนซิส
(Thaiichthys buddhabutrensis Cavin et al., 2003)
ยุคจูแรสซิกตอนปลาย (150 ล้านปีก่อน)
ภูน้ำาจั้น อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์










ฟันปลาปอด เฟอร์กาโนเซอราโตดัส แอนน์เคมเป
(Ferganoceratodus annekempae Cavin et al., 2020)
ยุคจูแรสซิกตอนปลาย (150 ล้านปีก่อน) ภูน้อย อ.คำาม่วง จ.กาฬสินธุ์










กะโหลกปลา สยามมาเมีย นาคา (Siamamia naga Cavin et al., 2007)
ยุคครีเทเชียสตอนต้น (130 ล้านปีก่อน) ภูพอก อ.ภูพาน จ.สกลนคร


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 72



ซากดึกดำาบรรพปลากระดูกแข็งในประเทศไทย















โครงกระดูกปลา เซอโตแพนกาเซียส คีโตบรานคัส (Cetopangasius chaetobranchus Roberts &
Jumnongthai, 1999) สมัยไมโอซีน (15 ล้านปีก่อน) บ้านหนองปลา อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์












โครงกระดูกปลา โปรลูซิโอโซมา ป่าสักเอนซิส (Proluciosoma pasakensis Roberts &
Jumnongthai, 1999) สมัยไมโอซีน (15 ล้านปีก่อน) บ้านหนองปลา อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์


โครงกระดูกปลา พาแรมแบสซิส
พาลีโอสยามเอนซิส (Parambassis
palaeosiamensis Roberts &
Jumnongthai, 1999) สมัยไมโอซีน
(15 ล้านปีก่อน) บ้านหนองปลา
อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์




โครงกระดูกปลาสกุล พันเทียส
(Puntius) (Uyeno, 1969)
สมัยไมโอซีน (15 ล้านปีก่อน)
อ.แม่สอด จ.ตาก

หน้า 73 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์


3. สตว์สะเทินน้ำาสะเทินบก (Amphibians)


ลักษณะทั่วไป : เป็นสัตว์สี่ขา (Tetrapods) ในชั้นสัตว์สะเทินน้ำาสะเทินบก หรือแอมฟิเบีย
(Class Amphibia) มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามวงจรชีวิต โดยตัวอ่อนอาศัยอยู่ในน้ำา หายใจ
ด้วยเหงือก เมื่อโตขึ้นจะเปลี่ยนรูปร่างอาศัยอยู่บนบก หายใจด้วยปอดหรือผิวหนัง ในปัจจุบันแบ่ง
เป็น 3 อันดับ คือ อันดับกบ (Order Anura) อันดับซาลามานเดอร์ (Order Urodela) และ
อันดับเขียดงู (Order Gymnophiona) นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่สูญพันธุ์ไปแล้วซึ่งเป็นสัตว์สี่ขาที่
มีลักษณะก้ำากึ่งระหว่างสัตว์สะเทินน้ำาสะเทินบกและสัตว์กลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มอิกธิโอสเตกาเลียน
(Ichthyostegalians) คือ กลุ่มที่คล้ายปลา เป็นกลุ่มสัตว์สี่ขากลุ่มแรกๆ ที่วิวัฒนาการจากปลา
เริ่มขึ้นสู่บก ถือเป็นบรรพบุรุษของสัตว์สี่ขาทั้งหมดบนโลก กลุ่มแอนทราโคซอร์ (Anthracosaurs)
คือ กลุ่มที่คล้ายสัตว์เลื้อยคลาน นักบรรพชีวินวิทยาสันนิษฐานว่าเป็นกลุ่มที่จะวิวัฒนาการไปสู่
สัตว์เลื้อยคลานในยุคหลังๆ และกลุ่มเท็มโนสปอนดิล (Temnospondyls) คือ กลุ่มที่มีหัวใหญ่
และมีลำาตัวยาวใหญ่คล้ายซาลามานเดอร์ นักบรรพชีวินวิทยาสันนิษฐานว่าเป็นกลุ่มที่วิวัฒนาการ
ไปสู่สัตว์สะเทินน้ำาสะเทินบกยุคใหม่
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคดีโวเนียนตอนต้น (ประมาณ 395 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : ยังดำารงเผ่าพันธุ์อยู่ (จำานวนกว่า 10,000 สปีชีส์ ทั้งที่มีชีิวิตและสูญพันธุ์ไปแล้ว)
หินที่พบบ่อย : หินโคลน หินทรายแป้ง หินทราย



ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : ในประเทศไทยมักพบซากดึกดาบรรพ์สัตว์สะเทินนาสะเทินบก
ในช่วงมหายุคมีโซโซอิก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่สัตว์กลุ่มนี้มีขนาดใหญ่ จึงมีโอกาสเป็นซาก
ดึกดำาบรรพ์ได้ง่าย ชิ้นส่วนที่พบมักเป็นกะโหลก โดยเฉพาะกลุ่มเท็มโนสปอนดิล (Temnospondyls)









แหลงซากดกดาบรรพสตวสะเทนนาสะเทนบกสามารถพบมากบรเวณทราบสงโคราช





เช่น บริเวณจังหวัดชัยภูมิ กาฬสินธุ์ ส่วนภาคใต้บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช







แผนภาพการจำาแนกสัตว์สะเทินน้ำาสะเทินบกกลุ่มต่างๆ


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 74











ชิ้นส่วนท้ายกะโหลกของ ไซโคลโตซอรัส คล้าย โพสธูมัส
(Cyclotosaurus cf. posthumus) (Ingavat & Janvier, 1981)
ยุคไทรแอสซิกตอนปลาย (220 ล้านปีก่อน) เขื่อนจุฬาภรณ์ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ












กระดูกแผ่นเกล็ดของกลุ่มแพลจิโอซอรอยเดีย (Plagiosauroidea) (Suteethorn et al., 1988)
ยุคไทรแอสซิกตอนปลาย (220 ล้านปีก่อน) เขื่อนจุฬาภรณ์ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ













กระดูกสันหลังของกลุ่มบราคีโอพอยเดีย (Brachyopoidea) (ฺBuffetaut et al., 1994) ยุคจูแรสซิกตอนกลาง
(170 ล้านปีก่อน) บ้านมาบชิง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช













กะโหลกของวงศ์บราคีโอพิเด (Brachyopidae) (ฺNonsrirach et al., 2021)
ยุคจูแรสซิกตอนปลาย (150 ล้านปีก่อน) ภูน้อย อ.คำาม่วง จ.กาฬสินธุ์

หน้า 75 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์
4. เต่า (Turtles)



ลักษณะทั่วไป : จัดอยู่ในชั้นสัตว์เลื้อยคลาน (Class Reptilia) อันดับเต่า หรือเทสทูดิเนส
(Order Testudines) มีกระดูกแข็งคลุมหลัง เรียกว่า กระดอง โดยส่วนกระดองด้านหลัง เรียกว่า
carapace และกระดองด้านท้อง เรียกว่า plaston ผิวด้านนอกของกระดองปกคลุมด้วยเกล็ด




ทสรางจากเคราตนเช่นเดียวกับขน เขาและเล็บ ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
(1) กลุ่มเต่าที่ยืดหดคอได้ (Hidden -neck turtles or Cryptodirans) เป็นเต่าส่วนใหญ่





ในโลก ทสามารถยดหดคอเขาไปในกระดองๆ ได แต่ไม่สามารถพับคอไปด้านข้างได้ ได้แก่ เต่าน้ำาจืด
ตะพาบ เต่าบก และเต่าทะเล
(2) กลุ่มเต่าที่ยืดหดคอไม่ได้ (Side-necked turtles or Pleurodirans) แต่สามารถ
พับคอไปด้านข้างได้ มักมีคอยาว จึงเรียกว่ากลุ่มเต่าคองู ดำารงชีวิตอยู่ในน้ำาเป็นหลัก ปัจจุบันพบ
อยู่เฉพาะในซีกโลกใต้ ในทวีปอเมริกาใต้ ออสเตรเลีย และแอฟริกา




นอกจากน้ยังมีกล่มเต่าดกดาบรรพ์ท่สูญพันธ์ไปแล้วอีกหลายกล่มท่จัดเป็นเต่าท่ม ี ี





กระดองยังไม่สมบูรณ์ ถือเป็นกลุ่มที่มีสายวิวัฒนาการไปสู่กลุ่มเต่าสมัยใหม่
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคไทรแอสซิกตอนปลาย (ประมาณ 220 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : ยังดำารงเผ่าพันธุ์อยู่ (จำานวนกว่า 2,000 สปีชีส์ ทั้งที่มีชีิวิตและสูญพันธุ์ไปแล้ว)
หินที่พบบ่อย : หินทรายแป้ง หินโคลน หินทราย และตะกอนธรรมชาติ
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : มักพบชิ้นส่วนกระดอง ซึ่งเป็นส่วนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย
ลักษณะเป็นแผ่นกระดูกเรียงต่อกันคล้ายกระเบื้อง หากสังเกตใกล้ๆ จะพบเนื้อกระดูกเป็นรูพรุน
ซึ่งแยกออกจากเนื้อหินได้ บางครั้งอาจพบชั้นส่วนอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น กะโหลก และกระดูกขา
แหล่งซากดึกดำาบรรพ์เต่าสามารถพบได้หลายแห่ง โดยเฉพาะตามแหล่งไดโนเสาร์ เช่น
จังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ หนองบัวลำาภู มุกดาหาร บริเวณภาคใต้ในจังหวัดนครศรีธรรมราช
และกระบี่








แผนภาพการจำาแนกเต่ากลุมต่างๆ



ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 76









ชิ้นส่วนกระดองของเต่า โปรกาโนเชลีส รุจาอิ (Proganochelys ruchae
de Broin, 1984) ยุคไทรแอสซิกตอนปลาย (220 ล้านปีก่อน)
จ.ชัยภูมิ และขอนแก่น










กระดองของเต่า บาซิโลเชลีส มาโครไบออส (ฺBasilochelys
macrobios Tong et al., 2009) ยุคจูแรสซิกตอนปลาย
(150 ล้านปีก่อน) บ้านคำาพอก อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร








กระดองของเต่า อีสานนีมีส ศรีสุขกิ (ฺIsanemys srisuki
Tong et al., 2006) ยุคครีเทเชียสตอนต้น (130 ล้านปีก่อน)
จ.หนองบัวลำาภู และกาฬสินธุ์



กระดองของเต่า คูโอรา
กระดองของเต่า ฮาร์ดเดลลา
สยามเอนซิส (ฺHardella เชียงม่วนเอนซิส (ฺCuora
siamensis Claude et al., chiangmuanensis
2007) สมัยอีโอซีน Naksri et al., 2013)
(35 ล้านปีก่อน) เหมืองถ่านหิน สมัยไมโอซีน (13-11 ล้าน
กระบี่ อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ปีก่อน) เหมืองถ่านหิน
เชียงม่วน จ.พะเยา

หน้า 77 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์







5. สตว์เลือยคลานอาศยในทะเล (Marine reptiles)


ลักษณะทั่วไป : จัดอยู่ในชั้นสัตว์เลื้อยคลาน (Class Reptilia) กลุ่มที่สูญพันธุ์ไปแล้ว อาศัยอยู่
ในทะเลเกือบตลอดชีวิต ส่วนใหญ่มีวิวัฒนาการให้ระยางค์ขากลายเป็นใบพาย ทำาหน้าที่ช่วยใน
การเคลื่อนที่และว่ายไปในน้ำาได้ แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ คือ
(1) กลุ่มอิกธิโอซอร์ (Ichthyosaurs) เป็นกลุ่มที่มีร่างกายคล้ายโลมา มีกะโหลกเรียว
ยาว มีครีบ 2 คู่ หน้าและหลัง พบในช่วงมหายุคมีโซโซอิก เช่น อิกธิโอซอรัส (Ichthyosaurus)
(2) กลุ่มซอโรเทอริเจียน (Sauropterygians) เป็นกลุ่มที่มีคอยาว ลำาตัวเรียวยาว มีครีบ
2 คู่ หน้าและหลัง พบในช่วงมหายุคมีโซโซอิก เช่น เพลซิโอซอรัส (Plesiosaurus) อีลาสโมซอรัส
(Elasmosaurus)




(3) กล่มโมซาซอร (Mosasaurs) เป็นกล่มเดียวกับก้งก่าและง มีลาตัวเรียวยาว มีกะโหลก


และขากรรไกรขนาดใหญ่ มีครีบ 2 คู่ หน้าและหลัง พบในช่วงยุคครีเทเชียสตอนปลาย เช่น โมซา
ซอรัส (Mosasaurus)
(4) กลุ่มธาลาทโตซอร์ (Thalattosaurs) เป็นกลุ่มมีลำาตัวเรียวยาว กะโหลกเรียวแหลม
มีขา 2 คู่ หน้าและหลัง พบในช่วงยุคไทรแอสซิก เช่น ธาลาทโตซอรัส (Thalattosaurus)
(5) กลุ่มมีโซซอร์ (Mesosaurs) เป็นกลุ่มที่มีลำาตัวเรียวยาว หัวคล้ายจระเข้ มีขา 2 คู่
หน้าและหลัง มีขนาดเล็กไม่เกิน 1 เมตร พบในช่วงยุคเพอร์เมียน ถือเป็นสัตว์เลื้อยคลานกลุ่มแรก
ที่พบอาศัยอยู่ในน้ำาเป็นหลัก
สถานะปัจจุบัน : สูญพันธุ์แล้ว (มีจำานวนกว่า 400 สปีชีส์)
แหล่งที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในทะเลเป็นหลัก บางชนิดพบหลักฐานการอาศัยบริเวณปากแม่น้ำา
ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างทะเลและน้ำาจืด
หินที่พบบ่อย : หินดินดาน หินปูน หินโคลน
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : มักพบชิ้นส่วนโครงกระดูกทั้งตัวฝังอยู่ในหิน บางแห่งอาจพบชิ้น
ส่วนฟัน ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีมากที่สุดในร่างกาย ในประเทศไทยพบซากดึกดำาบรรพ์สัตว์เลื้อยคลาน
ที่อาศัยในทะเลเพียง 1 ชนิด และมีตัวอย่างเพียงชิ้นเดียวในโลก คือ ไทยซอรัส จงลักษมณีอิ
(Thaisaurus chonglakmanii) พบที่จังหวัดพัทลุง




ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 78























แผนภาพการจำาแนกสัตว์เลื้อยคลานอาศัยในทะเลกลุ่มต่างๆ

โครงกระดูกของสัตว์เลื้อยคลานอาศัย
ในทะเลกลุ่มอิกธิโอซอร์ยุคแรกๆ
(Primitive ichthyosaur) ชนิด
ไทยซอรัส จงลักษมณีอิ (ฺThaisaurus
chonglakmanii Mazin et al., 1991)
ยุคไทรแอสซิกตอนต้น (250 ล้านปีก่อน)
ภูเขาทอง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
ถือเป็นหนึ่งในอิกธิโอซอร์ที่เก่าแก่ที่สุด
ในโลก และเป็นสัตว์เลื้อยคลานอาศัย
ในทะเลเพียงชนิดเดียวที่ค้นพบใน
ประเทศไทย

หน้า 79 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์
6. จระเข้ (Crocodiles)



ลักษณะทั่วไป : จัดอยู่ในชั้นสัตว์เลื้อยคลาน (Class Reptilia) อันดับจระเข้ หรือ
คร็อกโคไดเลีย (Order Crocodylia) มีลำาตัวขนาดใหญ่ จะงอยปากเรียวยาว ฟันเป็นรูปทรง
กรวย มีดวงตาและรูจมูกอยู่ด้านบนกะโหลก มีขายื่นออกไปด้านข้างลำาตัว มีแผ่นกระดูกแข็งเป็น
เกล็ดปกคลุมผิวหนัง เรียกว่า Osteoderms ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มอัลลิเกเตอร์
(Alligators) กลุ่มจระเข้ (Crocodiles) กลุ่มตะโขง (Gharials)





นอกจากน้ยังมีกล่มท่สูญพันธ์ไปแล้วอีกหลายกล่มท่จัดอย่ในสายวิวัฒนาการใกล้ชิดกับ


จระเข้ แต่ไม่ใช่จระเข้แท้ (True crocodiles) ซึ่งมีรูปร่างลักษณะที่หลากหลาย อาจแตกต่างไป
จากจระเข้สมัยใหม่ เช่น กลุ่มไฟโตซอร์ (Phytosaurs) เป็นกลุ่มที่มีปากเรียวยาว แต่มีรูจมูกอยู่
ใกล้ดวงตา กลุ่มแอโตซอร์ (Aetosaurs) เป็นกลุ่มที่มีกะโหลกเรียวแหลม มีเกราะและหนามบนหลัง
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคไทรแอสซิกตอนกลาง (ประมาณ 245 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : ยังดำารงเผ่าพันธุ์อยู่ (จำานวนกว่า 1,500 สปีชีส์ ทั้งที่มีชีิวิตและสูญพันธุ์ไปแล้ว)
ปัจจุบันมีเพียง 28 สปีชีส์ จาก 9 สกุลที่ยังดำารงเผ่าพันธุ์อยู่ในโลก
หินที่พบบ่อย : หินทรายแป้ง หินโคลน หินทราย และตะกอนธรรมชาติ
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : มักพบฟัน กะโหลก โครงกระดูก และแผ่นเกล็ด โดยฟันของจระเข้
จะแตกต่างจากสัตว์กลุ่มอื่น คือ มีฟันทรงกรวยและมีร่องข้างฟันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ สัณฐานและ
ขนาดฟันอาจแตกต่างกันไปในแต่ละชนิด
แหล่งซากดึกดำาบรรพ์จระเข้สามารถพบได้ตามแหล่งไดโนเสาร์ เช่น จังหวัดขอนแก่น
กาฬสินธุ์ นครราชสีมา สกลนคร หนองบัวลำาภู อุบลราชธานี นอกจากนี้ยังพบได้ในช่วงมหายุค
ซีโนโซอิก ตามบ่อเหมืองถ่านหินและบ่อทราย เช่น จังหวัดลำาปาง กระบี่ นครราชสีมา























แผนภาพการจำาแนกจระเข้และญาติที่เกี่ยวข้องกลุ่มต่างๆ



ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 80




ขากรรไกรและฟันของกลุ่มไฟโตซอร์ (Phytosaurs)
(Buffetaut & Ingavat, 1982) ยุคไทรแอสซิกตอนปลาย
(220 ล้านปีก่อน) จ.ชัยภูมิ และเพชรบูรณ์









ขากรรไกรล่างของ ชาละวัน ไทยแลนดิคัส (Chalawan thailandicus
Buffetaut & Ingavat, 1980) ยุคจูแรสซิกตอนปลาย (150 ล้านปีก่อน)
จ.มุกดาหาร และหนองบัวลำาภู









กะโหลกพร้อมขากรรไกรของ อินโดไซโนซูคัส โปตาโมสยามเอนซิส
(Indosinosuchus potamosiamensis Martin et al., 2019)
ยุคจูแรสซิกตอนปลาย (150 ล้านปีก่อน) ภูน้อย อ.คำาม่วง จ.กาฬสินธุ์







ขากรรไกรบนและส่วนท้ายของกะโหลกของ สยามโมซูคัส ภูพอกเอนซิส
(Siamosuchus phuphokensis Lauprasert et al., 2007)
ยุคครีเทเชียสตอนต้น (130 ล้านปีก่อน) ภูพอก อ.ภูพาน จ.สกลนคร








กะโหลกของ โคราโตซูคัส จินตสกุลไล (Khoratosuchus jintasakuli
Lauprasert et al., 2009) ยุคครีเทเชียสตอนต้น (110 ล้านปีก่อน)
อ.เมือง จ.นครราชสีมา

หน้า 81 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์



7. สตว์เลือยคลานทีบินได้ (Pterosaurs)

ลักษณะทั่วไป : จัดอยู่ในชั้นสัตว์เลื้อยคลาน (Class Reptilia) อันดับเทอโรซอเรีย (Order
Pterosauria) ซึ่งสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว มีลักษณะเด่น คือ มีระยางค์คู่หน้าที่มีนิ้วยาวและมีแผ่น
หนังเป็นพังผืดคล้ายกับปีกค้างคาว ใช้สำาหรับร่อนและบินไปในอากาศ จึงเรียกว่า สัตว์เลื้อยคลาน
บินได้ (Flying reptiles) หรือเทอโรซอร์ (Pterosaurs) มีกระดูกค่อนข้างกลวงเหมือนนก เพื่อลด
มวลร่างกายให้สามารถบินได้ เทอโรซอร์ยุคแรกๆส่วนใหญ่จะมีฟันและมีขนาดเล็ก มีความกว้าง
เมื่อกางปีกไม่เกิน 1 เมตร แต่เทอโรซอร์ในยุคหลังๆ ส่วนใหญ่ไม่มีฟันและมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก
บางชนิดมีความกว้างเมื่อกางปีกอาจมากกว่า 10 เมตร
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคไทรแอสซิกตอนปลาย (ประมาณ 235 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : สูญพันธุ์แล้วเมื่อสิ้นสุดยุคครีเทเชียส (66 ล้านปีก่อน) (มีจำานวนกว่า 500 สปีชีส์)
หินที่พบบ่อย : หินทรายแป้ง หินโคลน
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : ในต่างประเทศมักพบฟัน กะโหลก โครงกระดูกเกือบสมบูรณ์ทั้งตัว
แต่ในประเทศไทยส่วนใหญ่พบเฉพาะชิ้นส่วนฟัน เนื่องจากเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่บินได้ โอกาสใน
การพบกลายเป็นซากดึกดำาบรรพ์จึงค่อนข้างยาก โดยฟันมักเป็นแท่งยาวคล้ายมีด หากเป็นกระดูก
มักจะกลวงเหมือนกับกระดูกนก
แหล่งซากดึกดำาบรรพ์เทอโรซอร์สามารถพบได้ตามแหล่งไดโนเสาร์ เช่น บริเวณจังหวัด
ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สกลนคร




























แผนภาพการจำาแนกและสายวิวัฒนาการของเทอโรซอร์





ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 82

























กระดูกต้นแขนของเทอโรซอร์วงศ์แรมโฟรินคิเด (Rhamphorhynchidae) (Unwin & Martell, 2017)
ยุคจูแรสซิกตอนปลาย (150 ล้านปีก่อน) ภูน้อย อ.คำาม่วง จ.กาฬสินธุ์



























ฟันเทอโรซอร์วงศ์ออร์นิโธไคริเด (Ornithocheiridae) (Buffetaut et al., 2003)
ยุคครีเทเชียสตอนต้น (130 ล้านปีก่อน) ภูพอก อ.ภูพาน จ.สกลนคร

หน้า 83 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์




8. ไดโนเสาร์ (Dinosaurs)


ลักษณะทั่วไป : จัดอยู่ในชั้นสัตว์เลื้อยคลาน (Class Reptilia) ในตระกูลไดโนซอเรีย (Clade
Dinosauria) ถูกตั้งชื่อโดยเซอร์ ริชาร์ด โอเวน (Sir Richard Owen) ในปี ค.ศ. 1841 แปลว่า
สัตว์เลื้อยคลานที่น่ากลัว (terrible reptile) ถือเป็นสัตว์ที่ครองโลกมาอย่างยาวนานกลุ่มหนึ่งที่
มีวิวัฒนาการที่หลากหลาย และพบซากดึกดำาบรรพ์เกือบทั่วทุกมุมโลก มีขนาดตั้งแต่เล็กไม่เกิน
50 เซนติเมตร ไปจนถึงขนาดใหญ่เกือบ 40 เมตร แบ่่งตามลักษณะกระดูกเชิงกรานได้เป็น 2 กลุ่ม
ใหญ่ คือ
(1) กลุ่มที่มีกระดูกเชิงกรานแบบสัตว์เลื้อยคลานหรือซอริสเชียน (Reptile-hipped
or Saurischians) คือ มีกระดูกหัวหน่าว (Pubis) ชี้ไปด้านหน้าและกระดูกก้น (Ischium)
ชี้ไปด้านหลัง ในกลุ่มนี้แบ่งเป็น 2 จำาพวก คือ พวกซอโรพอด (Sauropods) คือ พวกที่มีคอ
ยาว หางยาว กินพืช และเดิน 4 ขา และพวกเทอโรพอด (Theropods) พวกที่กินเนื้อ และเดิน
2 ขา รวมถึงนกซึ่งถือเป็นไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอดที่ยังเหลือรอดอยู่ในปัจจุบัน
(2) กลุ่มที่มีกระดูกเชิงกรานแบบนกหรือออร์นิธิสเชียน (ฺBird-hipped or Ornithischians)
คือ มีกระดูกหัวหน่าว (Pubis) และกระดูกก้น (Ischium) ชี้ไปด้านหลังเหมือนกัน ในกลุ่มนี้มีหลาย
จำาพวก เช่น พวกเซอราทอปเซียน (Ceratopsians) คือ พวกที่มีเขาและปากคล้ายปากนกแก้ว
เดิน 4 ขา (บางชนิดเดิน 2 ขา) พวกแพคีเซฟาโลซอร์ (Pachycephalosaurs) คือ พวกที่มี
กะโหลกหนา เดิน 2 ขา พวกสเตโกซอร์ (Stegosaurs) คือ พวกที่มีแผ่นกระโดงหลัง เดิน 4 ขา
พวกแองคีโลซอร์ (Ankylosaurs) คือพวกที่มีเกราะ เดิน 4 ขา และพวกออร์นิโธพอด (Ornithopods)
คือ พวกที่เดินได้ทั้ง 2 ขาและ 4 ขา บางชนิดมีปากคล้ายปากเป็ด กลุ่มออร์นิธิสเชียนส่วนใหญ่กิน
พืชเป็นอาหาร
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคไทรแอสซิกตอนปลาย (ประมาณ 235 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : สูญพันธุ์เฉพาะไดโนเสาร์กลุ่มที่ไม่ได้มีสายวิวัฒนาการไปทางนก (Non-avian
dinosaurs) เมื่อสิ้นสุดยุคครีเทเชียส (66 ล้านปีก่อน) (มีจำานวนกว่า 1,500 สปีชีส์ ไม่รวมกลุ่มนก)
การศึกษาในปัจจุบันพบว่านกเป็นลูกหลานที่ยังสืบสายวิวัฒนาการมาจากไดโนเสาร์
หินที่พบบ่อย : หินทรายแป้ง หินโคลน หินทราย
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : มักพบฟัน กะโหลก และโครงกระดูก ฝังตัวอยู่ในหิน ส่วนใหญ่มี
ขนาดใหญ่ผิดปกติเมื่อเทียบกับสัตว์ทั่วไป สามารถแยกออกจากเนื้อหินได้จากลักษณะเนื้อกระดูก
ที่เป็นรูพรุน ซึ่งแตกต่างจากเนื้อหินอย่างชัดเจน


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 84



























แผนภาพการจำาแนกและสาย
วิวัฒนาการของไดโนเสาร์


ซากดึกดำาบรรพไดโนเสาร์ชินแรกของประเทศไทย



นักวิชาการเช่อว่าซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์ในประเทศไทยถูกค้นพบมานานกว่าร้อยปีแล้ว


แต่ด้วยองค์ความรู้ด้านซากดึกดำาบรรพ์และไดโนเสาร์ในอดีตยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก ทาใหในชวง

การค้นพบแรกๆ นั้นอาจจะถูกระบุเป็นสัตว์ชนิดอื่น แต่มีซากดึกดำาบรรพ์ที่ระบุุว่าเป็นไดโนเสาร์ซึ่ง
ถูกค้นพบครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2519 ณ อุทยานแห่งชาติภูเวียง อ.เวียงเก่า
จ.ขอนแก่น ค้นพบโดยนายสุธรรม แย้มนิยม อดีตนักธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี เมื่อครั้ง
สำารวจแหล่งแร่ยูเรเนี่ยมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนปลายของกระดูกต้นขาของ

ไดโนเสารในกลุ่มซอโรพอด (Sauropod) พบในหมวดหินเสาขัว ยุคครีเทเชียสตอนต้น (130 ล้านปีก่อน)













ส่วนปลายของกระดูกต้นขาของไดโนเสาร์กลุ่มซอโรพอด (Sauropod) ซึ่งเป็นกระดูกไดโนเสาร์ชิ้นแรกของ
ประเทศไทย ค้นพบที่อุทยานแห่งชาติภูเวียง อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น

หน้า 85 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์


แหล่งซากดึกดำาบรรพไดโนเสาร์ในประเทศไทย
แหล่งซากดึกดำาบรรพ์ไดโนเสาร์ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ค้นพบในพื้นที่บริเวณภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ บนที่ราบสูงโคราช (Khorat plateau) โดยเฉพาะจังหวัดตามแนวเทือกเขา
ภูพาน เทือกเขาเพชรบูรณ์ เทือกเขาดงพญาเย็น ลงมาถึงเทือกเขาสันกำาแพง ซึ่งเป็นแนวชั้นหิน
ที่มีการยกตัว ทำาให้มีโอกาสพบซากดึกดำาบรรพ์โผล่ขึ้นมาบนผิวโลกได้ จังหวัดที่มีการค้นพบ
ซากดึกดำาบรรพ์ไดโนเสาร์มากเป็นลำาดับต้นๆ ของประเทศ ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น
นครราชสีมา ชัยภูมิ มุกดาหาร สกลนคร อุบลราชธานี หนองบัวลำาภู อุดรธานี นอกจากนี้ยัง
มีการค้นพบในภาคอื่นๆ อีกด้วย เช่น ภาคเหนือบริเวณจังหวัดพะเยา ภาคตะวันออกบริเวณ
จังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ตราด และภาคใต้บริเวณจังหวัดกระบี่


ชั ้ นหินมหายุคมีโซโซอิกที ่ มีโอกาส

พบซากดึกดำาบรรพไดโนเสาร์


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 86






ซากดึกดำาบรรพไดโนเสาร์แห่งทีราบสงโคราช
โครงกระดูกของ ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน
(Phuwiangosaurus sirindhornae)
ยุคครีเทเชียสตอนต้น (130 ล้านปีก่อน)
ภูกุ้มข้าว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
ถือเป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ที่สุด
ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้










ส่วนปลายของกระดูกก้น (Ischium) ของไดโนเสาร์กลุ่มโปรซอโรพอด
(Prosauropod) (Buffetaut et al., 1995) ยุคไทรแอสซิกตอนปลาย
(210 ล้านปีก่อน) อ.น้ำาหนาว จ.เพชรบูรณ์











กระดูกคอ (Cervical vertebra) ของไดโนเสาร์สกุล มาเมนชิซอรัส (Mamenchisaurus)
(Suteethorn et al., 2013) ยุคจูแรสซิกตอนปลาย (150 ล้านปีก่อน) ภูดานม้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์









กระดูกสันหลัง (Vertebra) ของไดโนเสาร์ กระดูกหน้าแข้ง (Tibia) ของไดโนเสาร์
กลุ่มสเตโกซอร์ (Stegosaur) (Buffetaut วงศ์คอมพ์ซอกนาธิเด (Compsognathidae)
et al., 2001) ยุคจูแรสซิกตอนปลาย (Buffetaut & Ingavat, 1984)
(150 ล้านปีก่อน) บ้านโคกสนาม ยุคครีเทเชียสตอนต้น (130 ล้านปีก่อน)
อ.คำาม่วง จ.กาฬสินธุ์ ภูเวียง อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น

หน้า 87 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์


ซากดึกดำาบรรพไดโนเสาร์ภาคอืนๆ ในประเทศไทย
















กระดูกสันหลัง (Vertebrae) ของไดโนเสาร์วงศ์มาเมนชิซอริเด (Mamenchisauridae) (Buffetaut
et al., 2005; Suteethorn et al., 2013) ยุคจูแรสซิก (170-150 ล้านปีก่อน) อ.คลองท่อม จ.กระบี่




กระดูกหาง (Caudal vertebrae) ของ
ไดโนเสาร์กลุ่มซอโรพอด (Sauropod)
(กรมทรัพยากรธรณี, 2550)
ยุคครีเทเชียสตอนต้น (135 ล้านปีก่อน)
อ.เชียงม่วน จ.พะเยา






กระดูกสันหลัง (Vertebrae) ของไดโนเสาร์กลุ่ม
ซอโรพอด (Sauropod) (กมลลักษณ์ วงษ์โกและ
คณะ, 2559) ยุคครีเทเชียส (130 ล้านปีก่อน)
อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว







ฟันของไดโนเสารเทอโรพอด (Theropod)
วงศ์สไปโนซอริเด (Spinosauridae)
(Buffetaut et al., 2019) ยุคครีเทเชียสตอนต้น
(130 ล้านปีก่อน) เกาะกูด จ.ตราด





ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 88
ไดโนเสาร์สายพนธุ์ไทย


หน้า 89 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์

9. นก (Birds)



ลักษณะทั่วไป : จัดอยู่ในชั้นสัตว์ปีก หรือเอวีส (Class Aves) หรือเรียกโดยรวมว่ากลุ่มนก
เป็นสัตว์ที่ระยางค์คู่หน้าวิวัฒนาการให้เป็นปีก ใช้สำาหรับบินไปในอากาศ (บางชนิดก็บินไม่ได้)
มีขนปกคลุมร่างกาย เป็นขนแบบมีก้านแตกแขนงแบบขนนก มีกระดูกกลวง เพื่อลดมวล ช่วยใน
การบินได้ง่าย ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
(1) กลุ่มนกยุคเก่า (Paleognaths) เป็นนกที่มีโครงสร้างกระดูกแบบเก่าคล้ายกับ
บรรพบุรุษในสมัยดึกดึกดำาบรรพ์ ส่วนใหญ่บินไม่ได้ เช่น นกกระจอกเทศ นกอีมู นกกีวี
(2) กลุ่มนกยุคใหม่ (Neognaths) เป็นนกที่มีโครงสร้างกระดูกแบบสมัยใหม่ ส่วนใหญ่
บินได้ และเป็นกลุ่มใหญ่ของนกทั้งหมด เช่น ไก่ เป็ด นกกระจอก นกยูง นกกระยาง นกอินทรีย์
นกฮูก รวมถึงนกเพนกวิน ซึ่งบินไม่ได้ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
นอกจากนี้ยังรวมถึงกลุ่มที่เป็นบรรพบุุรุษของนกในปัจจุบัน ซึ่งจัดอยู่ในช่วงรอยต่อทาง
วิวัฒนาการระหว่างไดโนเสาร์และนก คือ มีลักษณะร่วมระหว่างไดโนเสาร์และนก เช่น มีฟัน มีกรง
เล็บที่ขาหน้าหรือปีก ซึ่งถือว่าไม่ใช่นกแท้ (True birds) เช่น อาร์คีออพเทอริกซ์ (Archaeopteryx)
อิกธีออร์นิส (Ichthyornis) คอมพ์ซอร์นิส (Kompsornis)
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคจูแรสซิกตอนปลาย (ประมาณ 150 ล้านปีก่อน) ซึ่งเป็นช่วงที่
ปรากฎบรรพบุรุษของนกอย่าง อาร์คีออพเทอริกซ์ (Archaeopteryx) แต่ช่วงเวลาที่ปรากฎกลุ่ม
นกแท้ (True birds) คือ ยุคครีเทเชียสตอนปลาย (ประมาณ 70 ล้านปีก่อน)







สถานะปัจจุบัน : ยงดารงเผาพนธอย (จำานวนกว่า 15,000 สปีชีส์ทั้งที่มีชีวิตและสูญพันธุ์ไปแล้ว)

หินที่พบบ่อย : หินทรายแป้ง หินโคลน หินทราย และตะกอนธรรมชาติ
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : ในต่างประเทศมักพบโครงกระดูกทั้งตัว ซึ่งกระดูกจะมีภายในกลวง
เป็นโพรง หรืออาจพบร่องรอยพิมพ์ของขนที่สมบูรณ์ พบได้ในหินตั้งแต่มหายุคมีโซโซอิกจนถึง
มหายุคมีโซโซอิก ในประเทศไทยพบซากดึกดำาบรรพ์ค่อนข้างน้อย ตามแหล่งที่ราบสูงโคราชและ
เหมืองถ่านหินต่างๆ












แผนภาพการจำาแนกนกกลุ่มต่างๆ


ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 90




กระดูกโคนปีก (Humerus) ของนกกลุ่มออร์นิธูเร
ยุคแรกๆ (Early Ornithurae) (Buffetaut et al., 2005)
ยุคครีเทเชียสตอนต้น (130 ล้านปีก่อน)
บ้านโคกโก่ง อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์












กระดูกแข้งชิ้นหน้า (Tarsometatarsus) ของนก
ฟลามิงโก ฟีนิโคไนอัส สยามเอนซิส
(Phoeniconaias siamensis Cheneval
et al., 2005) สมัยไมโอซีนตอนกลาง
(16 ล้านปีก่อน) อ.ลี้ จ.ลำาพูน






















กระดูกแข้งชิ้นหน้า (Tarsometatarsus) ของ
นกอัญชัน พาราออร์ทีโกเมทรา พอร์ซานอยเดส
กระดูกรูปจะงอย (Coracoid) ของนกกระยาง (Paraortygometra porzanoides)
โปรอาร์ดีโอลา วอล์์เกอรี (Proardeola walkeri) (Cheneval et al., 2005) สมัยไมโอซีนตอนกลาง
(Cheneval et al., 2005) สมัยไมโอซีนตอนกลาง (16 ล้านปีก่อน) อ.ลี้ จ.ลำาพูน
(16 ล้านปีก่อน) อ.ลี้ จ.ลำาพูน

หน้า 91 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์




10. สตว์เลียงลูกด้วยนม (Mammals)

ลักษณะทั่วไป : จัดอยู่ในชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หรือแมมมาเลีย (Class Mammalia)
มีลักษณะเด่น คือ มีต่อมน้ำานม สำาหรับใช้เลี้ยงลูกอ่อน มีขนปกคลุมตามร่างกาย มีฟันที่แข็งแรง
ใช้สำาหรับล่าเหยื่อและบดเคี้ยว ส่วนใหญ่มีฟัน 2 ชุด คือ ฟันน้ำานม (Milk teeth) และฟันแท้
(Permanent teeth) อาศัยอยู่เกือบทุกสภาพแวดล้อมทั้งบนบกและในน้ำา ปัจจุบันแบ่งเป็น
2 กลุ่มใหญ่ คือ
(1) กลุ่มที่ออกลูกเป็นไข่ หรือโปรโตธีเรียน (Prototherians) ปัจจุบันเหลือเพียงอันดับ
เดียว คือ อันดับโมโนทรีมาตา (Order Monotremata) ซึ่งประกอบด้วย 2 วงศ์ คือ วงศ์ตุ่นปากเป็ด
(Platypuses) และวงศ์อีคิดนา (Echidnas) ปัจจุบันพบอยู่เฉพาะในทวีปออสเตรเลียและหมู่เกาะ
ปาปัวนิวกีนีเท่านั้น
(2) กลุ่มออกลูกเป็นตัว หรือธีเรียน (Therians) เป็นกลุ่มที่พบเป็นส่วนใหญ่ในโลก
แบ่งออกเป็น 2 อันดับ คือ อันดับสัตว์มีถุงหน้าท้อง (Order Marsupialia) เป็นกลุ่มที่ตัวอ่อนจะ
เจริญเติบโตภายในถุงหน้าท้อง เช่น จิงโจ้ โอพอสซัม โคอาล่า วอมแบท พบได้เฉพาะในทวีป
ออสเตรเลีย อเมริกากลางและอเมริกาใต้เท่านั้น และอันดับสัตว์มีรก (Order Placentalia)
เป็นกลุ่มที่ตัวอ่อนจะเจริญเติบโตภายในมดลูกและมีรกอยู่ภายใน พบเป็นส่วนใหญในโลก เช่น
ช้าง ม้า วัว กวาง แรด หมี เสือ หมา หนู ลิง รวมถึงมนุษย์ด้วย





นอกจากน้ยังมีกล่มท่สูญพันธ์ไปแล้วอีกหลายกล่มท่จัดอย่ในสายวิวัฒนาการเดียวกับ


สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม บางชนิดมีความสัมพันธ์กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในปัจจุบัน แต่บางชนิดก็ไม่
ได้เกี่ยวข้องสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในปัจจุบัน เช่น กลุ่มแอนทราโคแธร์ (Anthracotheres) เป็นสัตว์
กีบคู่ที่มีลักษณะผสมระหว่างฮิปโปและหมู กลุ่มชาลิโคแธร์ (Chalicotheres) เป็นสัตว์กีบคี่ที่มีขา
หน้ายาวและมีกรงเล็บขนาดใหญ่
ช่วงเวลาที่ปรากฎบนโลก : ยุคไทรแอสซิกตอนปลาย (ประมาณ 225 ล้านปีก่อน)
สถานะปัจจุบัน : ยังดำารงเผ่าพันธุ์อยู่ (จำานวนกว่า 20,000 สปีชีส์ ทั้งที่มีชีิวิตและสูญพันธุ์ไปแล้ว)
หินที่พบบ่อย : หินโคลน หินทราย ชั้นถ่านหิน และตะกอนธรรมชาติ
ลักษณะซากดึกดำาบรรพ์ : มักพบฟัน กะโหลก และโครงกระดูก ซากดึกดำาบรรพ์ชิ้นส่วนฟัน
เป็นส่วนสำาคัญที่สุด เนื่องจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแต่ละชนิดจะมีลักษณะฟันที่แตกต่างกัน ช่วยใน
การจำาแนกชนิดได้ ลักษณะฟันของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะแตกต่างจากสัตว์กลุ่มอื่น คือ มีปุ่่มฟัน
และสัณฐานของฟันแต่ละซี่ในแถวเดียวกันจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งต่างจากสัตว์เลื้อยคลาน
ที่มักมีสัณฐานของฟันเหมือนกันทั้งแถว




ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 92






























แผนภาพการจำาแนกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกลุ่มต่างๆ


แหล่งซากดึกดาบรรพสตว์เลยงลูก




ด้วยนมในประเทศไทย
แหล่งซากดึกดาบรรพ์สัตว์เล้ยงลูกด้วยนมใน


ประเทศไทยมักพบตามแอ่งตะกอนมหายุคซีโนโซอิก ซึ่งกระจาย
ตัวอยู่ตามแอ่งที่เป็นเมืองต่างๆ แหล่งที่สำาคัญมักพบตามเหมือง
ถ่านหิน บ่อทราย ชั้นตะกอนถ้ำา และหลุมเจาะสำารวจต่างๆ

โดยแหล่งท่เก่าแก่ท่สุดในประเทศไทยพบท่เหมืองถ่านหิน


จ.กระบี่ มีอายุในช่วงสมัยอีโอซีนตอนปลาย (35 ล้านปีก่อน)
นอกจากนี้ยังพบแหล่งที่มีอายุอ่อนลงมาอีกหลายแห่ง ตามสมัย
ทางธรณีวิทยา ได้แก่ สมัยโอลิโกซีน เช่น เหมืองถ่านหินหนอง
หญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี สมัยไมโอซีน แอ่งลี้ จ.ลำาพูน เหมืองถ่าน
หินแม่เมาะ จ.ลำาปาง แอ่งปง จ.พะเยา เหมืองถ่านหินเชียงม่วน
จ.พะเยา และแอ่งโคราช ส่วนสมัยไพลสโตซีน มักพบตามถ้ำา
ต่างๆ เช่น ถ้ำาวิมานนาคินทร์ จ.ชัยภูมิ ถ้ำาลอด จ.แม่ฮ่องสอน แผนที่แสดงแอ่งมหายุคซีโนโซอิก
ถ้ำาแก้วกาญจนาภิเษก จ.กาญจนบุรี (Cenozoic basins) ในประเทศไทย
(ดัดแปลงจาก Morley & Racey, 2009)

หน้า 93 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์


ซากดึกดำาบรรพสตว์เลียงลูกด้วยนมในประเทศไทย


สมัยอีโอซีนตอนปลาย (35 ล้านปก่อน) แอ่งกระบี ่


กะโหลกของสัตว์กีบคู่ สยามโมเทอเรียม
กระบี่เอนซี (Siamotherium krabiense
Suteethorn et al., 1988)



กะโหลกของสัตว์กินเนื้อ ไมอาซิส
ไทยแลนดิคัส (Miacis thailandicus
Ducrocq et al., 1992a)




ขากรรไกรล่างของบ่าง เดอร์โมเทอเรียม เมเจอร์
(Dermotherium major Ducrocq et al., 1992b)




กรามบนของแอนโทรโพอิดไพรเมต
สยามโมพิเธคัส อีโอซีนัส
(Siamopithecus eocaenus
Chaimanee et al., 1997)



สมัยโอลิโกซีนตอนปลาย (20 ล้านปก่อน) แอ่งหนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี


ฟันของสัตว์กินเนื้อ จะโปรงอิกทิส
หนองหญ้าปล้องเอนซิส (Chaprongictis
nongyaplongensis Peigné et al., 2006a)





ฟันของสัตว์กินแมลง สยามโมโซเร็กซ์ เดอโบนิสิ
(Siamosorex debonisi Peigné et al., 2009)

ซากดึกดำาบรรพที ่ เปนตัว - สตว์มีกระดูกสนหลัง หน้า 94





ซากดึกดำาบรรพสตว์เลียงลูกด้วยนมในประเทศไทย



สมัยไมโอซีนตอนกลางถึงตอนปลาย (16-9 ล้านปก่อน)


ฟันช้างดึกดำาบรรพ์ สเตโกโลโฟดอน นาทรายเอนซิส
(Stegolophodon nasaiensis Tassy et al., 1992)
บ้านนาทราย อ.ลี้ จ.ลำาพูน



ฟันหมาหมี แม่เมาะซิออน โพธิสัตย์ติ
(Maemohcyon potisati Peigné et al.,
2006b) เหมือนถ่านหินแม่เมาะ จ.ลำาปาง



ขากรรไกรล่างของกระจง สยามโมทรากูลัส
สัญญาธนาอิ (Siamotragulus sanyathanai
Thomas et al., 1990) อ.ปง จ.พะเยา



ขากรรไกรล่างของเอป โคราชพิเธคัส พิริยะอิ
(Khoratpithecus piriyai Chaimanee et al.,
2004) อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา




สมัยไพลสโตซีนตอนกลาง (200,000 ปก่อน)

ฟันของกระรอกบิน เบโลมิส ถ้ำาแก้ววี (Belomys thamkaewi
Chaimanee & Jaeger, 2000) อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี









ฟันของแพนด้ายักษ์ แอลูโรโพดา เมลาโนลูกา บาโคนี กะโหลกของไฮยีนาลายจุด คร็อกคูตา คร็อกคูตา
(Ailuropoda melanoleuca baconi) (Tougard อัลทิมา (Crocuta crocuta ultima) (Suraprasit
et al., 1996) ถ้ำาวิมานนาคินทร์ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ et al., 2015) บ่อทรายโคกสูง จ.นครราชสีมา

หน้า 95 ความรู้เบื ้ องต้นเกี ่ ยวกับซากดึกดำาบรรพ ์




























































ซากดึกดำาบรรพ์ใบไม้วงศ์ Taxodiaceae อ.ลี้ จ.ลำาพูน


Click to View FlipBook Version