หนังสอื แหล่งซากดกึ ดำ�บรรพ์ทขี่ นึ้ ทะเบยี นของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2554 - 2563 (ฉบับที่ 1)
อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ดร.สมหมาย เตชวาล
รองอธิบดกี รมทรัพยากรธรณี นายนวิ ัติ มณขี ัติย์
รองอธบิ ดกี รมทรพั ยากรธรณ ี นายมนตรี เหลืององิ คะสุต
ผอู้ �ำ นวยการกองคมุ้ ครองซากดกึ ดำ�บรรพ์ ดร.สรุ ยี ์ ธีระรังสกิ ลุ
ก�ำ หนดเน้อื หาเเละสนับสนนุ ข้อมูล นางสาวดวงฤทัย แสแสงสีรงุ้
นายปฎพิ ล ดลรุ้ง
นายอดลุ วิทย์ กาวีระ
ออกเเบบโดย บรษิ ัท จงโต มีเดีย ครเี อชัน่ จำ�กดั
ควบคมุ การผลิต : นริ ุติ์ เต็งศริ ิ
ถ่ายภาพ : ณฐั พงศ์ มณเี นตร
พมิ พ์ครัง้ ที่ 1 จำ�นวน 10 เล่ม สงิ หาคม 2563
จัดพมิ พ์เเละเผยเเพรโ่ ดย กองคมุ้ ครองซากดึกด�ำ บรรพ์ กรมทรัพยากรธรณี
75/10 ถนนพระรามท่ี 6 เขตราชเทวี กรงุ เทพมหานคร 10400
โทรศพั ท์ : 0 2621 9640 โทรสาร 0 2621 9841
ขอ้ มูลทางบรรณานุกรม
กรมทรพั ยากรธรณี
เเหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์ทข่ี นึ้ ทะเบียนของประเทศไทย ปี พ.ศ 2554 - 2563 (ฉบบั ที่ 1) -- กรุงเทพ : กรมทรพั ยากรธรณี 100 หนา้
1. ซากดกึ ด�ำ บรรพ์
2. เเหลง่ ซากดกึ ดำ�บรรพท์ ข่ี ้นึ ทะเบียน
ภาพปกหน้า : แหล่งซากสุสานหอยเเหลมโพธ์ิ จงั หวัดกระบ่ี
ภาพปกหลัง : แหล่งซากไทรโลไบต์อ่าวเมาะเเละ จังหวัดสตลู
ค�ำ น�ำ
แหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ เป็นแหล่งทางธรรมชาติที่มีคุณค่าทางวิชาการทางธรณีวิทยาใช้สำ�หรับศึกษาประวัติ
ความเป็นมาของโลก ถึงวิวัฒนาการของโลกจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และสามารถใช้คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก
ในอนาคตได้ จากการรวบรวมขอ้ มลู รายงานที่เคยพบแหล่งซากดึกดำ�บรรพ์จำ�นวนกว่า 500 แหล่ง ทีก่ ระจายตัวอย่ทู ั่ว
ทุกภาคของประเทศไทย และมีการสำ�รวจตรวจสอบสภาพและประเมินศกั ยภาพของแหล่งซากดึกด�ำ บรรพ์ พบว่าปัจจบุ ัน
ยงั มแี หล่งซากดึกดำ�บรรพ์ที่ยังคงมีอยู่ ของแหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ จำ�นวน 319 แหล่ง (ฐานข้อมูลแหล่งซากดึกดำ�บรรพ์
กองคมุ้ ครองซากดกึ ด�ำ บรรพ์ พ.ศ. 2563) และมีแนวโน้มที่จะพบแหล่งซากดึกดำ�บรรพ์มากขึ้นในอนาคตเป็นจำ�นวนมาก
จากการพัฒนาพน้ื ทใ่ี นปจั จบุ นั
กรมทรัพยากรธรณี เป็นหน่วยงานหลักที่มีภารกิจเกี่ยวกับการสงวน การอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการบริหาร
จดั การดา้ นธรณวี ทิ ยา และทรพั ยากรธรณี โดยการด�ำ เนนิ งานดา้ นการอนรุ กั ษแ์ หลง่ และซากดกึ ด�ำ บรรพ์ ซงึ่ มพี ระราชบญั ญตั ิ
คมุ้ ครองซากดกึ ด�ำ บรรพ์ พ.ศ. 2551 เปน็ กลไกในการขบั เคลอื่ นงานนน้ั ปจั จบุ นั ไดม้ กี ารขน้ึ ทะเบยี นแหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพท์ ม่ี ี
ความส�ำ คญั ตอ่ การศกึ ษาประวตั ขิ องโลก บรรพชวี นิ วทิ ยา บรรพชวี วทิ ยา หรอื การล�ำ ดบั ชน้ั หนิ ทมี่ คี ณุ สมบตั ติ ามหลกั เกณฑ์
การประกาศเป็นแหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนและเป็น ซากดึกดำ�บรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน จ�ำ นวน 19 แหล่ง นับตั้งแต่
มกี ารบงั คบั ใชพ้ ระราชบัญญัตคิ ุม้ ครองซากดกึ ดำ�บรรพ์ พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา
เพอื่ เปน็ การเผยแพรข่ อ้ มลู แหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพท์ สี่ �ำ คญั ของประเทศไทยท่ีไดร้ บั การขน้ึ ทะเบยี นแหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์
ตามกฏหมาย ใหป้ ระชาชนทว่ั ไปไดร้ บั รถู้ งึ ความส�ำ คญั ของแหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์ในแตล่ ะแหลง่ รวมถงึ รายละเอยี ดทต่ี ง้ั ของแหลง่
ซากดึกบรรพ์ กรมทรัพยากรธรณจี งึ ไดร้ วบรวมขอ้ มูลแหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ที่ข้นึ ทะเบยี นในปี พ.ศ. 2554-2563 และจัดทำ�
เป็นหนังสือแหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนของประเทศไทย ฉบับที่ 1 ปี พ.ศ. 2554-2563 เพื่อเผยแพร่และสร้าง
การรบั ร้เู กี่ยวกับแหลง่ ซากดึกด�ำ บรรพ์ส�ำ คัญของไทย อันนำ�มาซง่ึ การมีสว่ นรว่ มในการอนรุ ักษแ์ หลง่ ซากดึกดำ�บรรพ์ไวเ้ ป็น
สมบตั ขิ องชาตสิ บื ไป
สารจากอธบิ ดี
กรมทรพั ยากรธรณี
นับต้ังแต่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครอง
ซากดึกดำ�บรรพ์ พ.ศ.2551 แหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ที่ค้นพบใหม่
ได้รับการแจ้งพบอย่างเป็นทางการเพิ่มมากขึ้น และได้รับการสำ�รวจ
และศึกษาวิจยั อยา่ งเป็นระบบ ทำ�ให้รับทราบถึงความสำ�คัญของแหลง่
ซากดกึ ด�ำ บรรพแ์ ละซากดกึ ด�ำ บรรพ์ ทค่ี น้ พบในแหลง่ นน้ั อนั จะนำ�มาซึ่ง
บริหารจัดการอย่างถกู ต้องตามหลักวชิ าการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
แหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพท์ ม่ี คี วามส�ำ คญั ตอ่ การศกึ ษาประวตั โิ ลกบรรพชวี นิ
บรรพชีววทิ ยา หรือการล�ำ ดบั ช้ันหนิ นน้ั จะได้รบั การประกาศให้พนื้ ที่
นั้นเป็นแหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ท่ีขึ้นทะเบียน ซึ่งจะได้รับการคุ้มครอง
อนุรักษ์ และบริหารจัดการภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง
ซากดึกดำ�บรรพ์จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิกถอนแหล่ง
ซากดึกดำ�บรรพ์ที่ข้ึนทะเบียนนั้น ในวาระครบรอบ 12 ปี ของการ
ประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำ�บรรพ์ พ.ศ.2551
กรมทรัพยากรธรณี จึงได้รวบรวมข้อมูล สาระสำ�คัญ พร้อมภาพ
ประกอบของแหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพท์ ข่ี น้ึ ทะเบยี นทง้ั 19แหลง่ จดั พมิ พเ์ ปน็
หนงั สอื ประกอบภาพแหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพข์ นึ้ ทะเบยี นของประเทศไทย
เพอ่ื เผยแพรส่ สู่ าธารณะชน อนั เปน็ การส่งเสริมให้เกิดการตระหนักรู้
ของสังคม เกิดการคุ้มครอง และอนุรักษ์มรดกทางธรรมชาติด้าน
ซากดึกดำ�บรรพ์ อันมีคุณค่าไว้ให้แก่เยาวชนรุ่นหลังได้ช่วยกันรักษา
ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดินสบื ไป
ดร.สมหมาย เตชวาล
อธิบดีกรมทรพั ยากรธรณี
สารจากผอู้ �ำ นวยการ
กองคมุ้ ครองซากดึกดำ�บรรพ์
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำ�บรรพ์ พ.ศ. 2551
แหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์ หมายความวา่ บรเิ วณที่มีการค้นพบหรือเคยมี
ซากดึกดำ�บรรพ์ โดยท่ีในประเทศไทยมีหลากหลายเกือบทุกประเภท
ไดแ้ ก่ สตั ว์ไมม่ กี ระดกู สนั หลงั เชน่ ปะการงั หอย ไทรโลไบต์ สัตว์มกี ระดูก
สนั หลงั เชน่ เตา่ ไดโนเสาร์ ปลา จระเข้ และสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนม สว่ นซากพืช
พบหลายชนิด มีทั้งส่วนของลำ�ต้น ใบ และละอองเรณู นอกจากนี้
ยังมรี อ่ งรอยของสัตวด์ ึกด�ำ บรรพ์ เช่น รอยเท้า และรอยทางเดินของ
ไดโนเสาร์ รแู ละรอยชอนไชของหนอน เปน็ ตน้ ซง่ึ มคี วามส�ำ คญั ตอ่ การ
ศึกษาประวัติและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตซึ่งมีการสูญพันธุ์และมี
การเกิดข้ึนใหม่มาทดแทนรวมท้ังช่วยให้เราทราบประวัติความเป็นมา
ของโลกวา่ มเี หตกุ ารณ์ใด เกดิ ขึ้นในชว่ งเวลาใด จึงมีความจำ�เปน็ ทจ่ี ะ
ตอ้ งด�ำ เนนิ การคมุ้ ครอง อนุรักษ์ และพัฒนา แหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์
ทม่ี คี วามส�ำ คญั ตอ่ การศกึ ษาประวตั ขิ องโลกบรรพชวี นิ วทิ ยา บรรพชวี วทิ ยา
หรอื การล�ำ ดบั ชน้ั หนิ เพอ่ื เปน็ หลกั ฐานอา้ งองิ ทางธรณวี ทิ ยาของประเทศ
รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชน และเยาวชนรุน่ หลงั สืบตอ่ ไป
ดร.สรุ ยี ์ ธรี ะรงั สกิ ุล
ผู้อำ�นวยการกองคุม้ ครองซากดึกดำ�บรรพ์
รอยตีนไดโนเสารท์ ่าอุเทน
จงั หวดั นครพนม
1
แหลง่ รอยตีนไดโนเสารท์ า่ อเุ ทน
(แหลง่ รอยตีนไดโนเสารท์ พี่ บมากท่ีสุดในเอเชียอาคเนย)์
จงั หวดั นครพนม
เเหลร่งอรยอตยีนตไีนดไโดนโเนสเาสรา์ทรา่ ์ทอา่ เุ อทุเนทน
จังหจังวหดั วนดั คนรคพรนพมนม
แหล่งรอยตนี ไดโนเสารท์ า่ อุเทน (แหล่งรอยตีนไดโนเสาร์
ท่ีพบมากทีส่ ุดในภมู ภิ าคเอเชยี อาคเนย)์
จังหวดั นครพนม
แหล่งรอยตีนไดโนเสาร์ท่าอุเทน ตั้งอยู่ในบ่อเหมืองหินทรายเก่า ตำ�บลพนอม อำ�เภอท่าอุเทน จงั หวดั นครพนม
ถกู ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2544 โดยนายนเรศ สตั ยารกั ษ์ เม่ือครั้งไปสำ�รวจธรณวี ิทยาในพ้ืนท่ีจังหวดั นครพนม โดยทราบว่ารอย
สามแฉกทเ่ี ห็นเปน็ รอยตนี สตั วด์ ึกด�ำ บรรพ์ แตย่ งั ไมส่ ามารถระบไุ ดแ้ นน่ อนวา่ เปน็ รอยตีนของสัตว์ชนิดใด จึงแจง้ ข้อมลู เบื้องต้น
ใหผ้ ้เู ชี่ยวชาญด้านซากดึกด�ำ บรรพ์ทราบเพอื่ ท�ำ การตรวจสอบ
จากผลการตรวจสอบ ระบไุ ดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ รอยตนี ทง้ั หมดเปน็ ของสตั วด์ กึ ด�ำ บรรพท์ ปี่ ระทบั อยบู่ นรอยริ้วคลื่น หรือ
รอยระแหงโคลน ซึ่งอยู่บนชั้นหินทราย หมวดหินโคกกรวด ยุคครีเทเชียสตอนต้น
5
อายปุ ระมาณ 100 ลา้ นปกี อ่ น ประกอบดว้ ยรอยตนี มากกวา่ 600 รอย และเหน็ เปน็ แนวทางเดนิ มากกวา่ 30 แนว มาจากสัตว์
ดกึ ด�ำ บรรพ์อย่างน้อย 3 ชนดิ ได้แก่ ไดโนเสาร์กลมุ่ ออรน์ โิ ธมโิ มซอร์ (Ornithomimosaur) หรือไดโนเสาร์นกกระจอกเทศ
ไดโนเสาร์กลุ่มออร์นิโธพอด (Ornithopod) และสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก ซ่ึงถือว่าเป็นแหล่งรอยตีนไดโนเสาร์ที่พบ
มากที่สุดในประเทศไทย และในภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้
แหลง่ รอยตนี ไดโนเสาร์ท่าอุเทน ได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งซากดึกดำ�บรรพท์ ขี่ นึ้ ทะเบยี นตามพระราชบญั ญตั ิ
คมุ้ ครองซากดกึ ด�ำ บรรพ์ พ.ศ. 2551 เมอ่ื วันที่ 18 พฤษภาคม 2554 และถือเป็นแหล่งซากดกึ ด�ำ บรรพท์ ี่ขนึ้ ทะเบยี นแห่งแรก
6
ของประเทศไทย ปัจจุบันได้สร้างอาคารคลุมหลุมขุดค้น เพ่ือป้องกันการกัดเซาะจากนำ้�ฝน ภายใต้ความดูแลขององค์การ
บริหารสว่ นตำ�บลพนอม และได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังได้ปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบ
และสรา้ งอาคารจดั แสดงนทิ รรศการ ระบบสาธารณูปโภค และสง่ิ อ�ำ นวยความสะดวกภายในแหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์ เพอ่ื รองรบั
นกั ทอ่ งเทย่ี ว ผสู้ นใจ รวมท้งั นกั วจิ ัยท้ังในและต่างประเทศที่เข้ามาศึกษาเย่ยี มชม ในพื้นทอี่ ีกดว้ ย
การเดินทางจากตวั เมืองนครพนม ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 ไปทางทิศตะวนั ตกเฉยี งเหนอื ประมาณ 60 กิโลเมตร
ใชเ้ วลาเดนิ ทางประมาณ 50 นาที
พกิ ดั ตำ�แหน่ง : 17.7132778, 104.3807983
787
รอยตนี ไดโนเสารภ์ ูแฝก
จังหวัดกาฬสนิ ธ์ุ
2
แหลง่ รอยตีนไดโนเสาร์ภแู ฝก
(ร่องรอยของนักลา่ ขนาดใหญ่แห่งเทอื กเขาภพู าน)
จังหวัดกาฬสนิ ธ์ุ
แหล่งรอยตีนไดโนเสาร์ภูแฝก
(รอ่ งรอยของนกั ล่าขนาดใหญ่ แห่งเทือกเขาภพู าน)
จังหวัดกาฬสนิ ธุ์
“ภแู ฝก” เปน็ สว่ นหนง่ึ ของเทอื กเขาภพู าน ตง้ั อยใู่ นเขตต�ำ บลภแู ลน่ ชา้ ง อ�ำ เภอนาคู จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ แหล่งซากดกึ ด�ำ บรรพ์
ในภแู ฝก ถกู ค้นพบในห้วยผงึ้ เม่อื ปี พ.ศ. 2539 โดย ด.ญ.กัลยามาศ สิงห์นาคลอง และ ด.ญ.พชั รี ไวแสน ซง่ึ พบรอ่ งรอยขนาด
ใหญ่บนลานหนิ ในล�ำ หว้ ย คลา้ ยรอยตนี ของสตั ว์ จากการตรวจสอบโดยคณะสำ�รวจจากกรมทรัพยากรธรณี พบว่าเป็นรอยตีน
ของไดโนเสารข์ นาดใหญ่ ทปี่ ระทบั อยใู่ นชน้ั หนิ ทราย ยคุ ครเี ทเชยี สตอนตน้ อายปุ ระมาณ 140 ล้านปีก่อน มีรอยตนี ทง้ั หมด
ไมน่ ้อยกว่า 25 รอย ปรากฏเป็น 7 รอยทางเดิน ส่วนใหญเ่ ป็นของไดโนเสาร์กนิ เน้ือขนาดใหญ่ กลมุ่ คารโ์ นซอร์ (Carnosaur)
และมรี อยทางเดนิ ของไดโนเสารก์ นิ พชื คอยาวกลมุ่ ซอโรพอด จ�ำ นวน 1 แนว ปจั จบุ นั พอจะเหน็ ชดั เจนอยู่ 3 แนว และมสี ภาพ
คอ่ นข้างสมบูรณ์
11
แหล่งรอยตีนไดโนเสาร์ภูแฝก ได้รับการประกาศให้เป็น
แหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง
ซากดึกด�ำ บรรพ์ พ.ศ. 2551 เมอื่ วันท่ี 20 พฤศจกิ ายน 2556 โดยไดร้ บั
การอนรุ กั ษม์ าอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2540 กรมปา่ ไม้ไดป้ ระกาศจดั ตั้ง
พน้ื ที่โดยรอบ ในเขตป่าสงวนแหง่ ชาติปา่ ดงห้วยฝา ขึน้ เป็น“วนอุทยาน
ภูแฝก” และไดร้ ว่ มกบั กรมชลประทานกอ่ สร้างฝายนำ้�ล้นบรเิ วณต้นนำ�้
เพอ่ื ชะลอความรนุ แรงของกระแสน�ำ้ ในฤดฝู นไมใ่ หพ้ ดั พากอ้ นหนิ มาครดู ถกู บั
รอยตีนไดโนเสาร์จนลบเลือนไป พร้อมกันนั้นกรมทรัพยากรธรณี
ไดท้ �ำ การศกึ ษาวจิ ยั และสนบั สนนุ ขอ้ มลู วชิ าการดา้ นธรณวี ทิ ยา และบรรพชีวิน
วิทยาใหก้ บั วนอทุ ยานภแู ฝก และไดร้ ว่ มกบั กระทรวงการทอ่ งเทย่ี วและกฬี า
เผยแพร่ข้อมูลและดำ�เนินกิจกรรมต่างๆ เพ่ือส่งเสริมการท่องเที่ยวและ
การอนรุ กั ษ์อย่างยัง่ ยืน
การเดินทางจากตวั เมอื งกาฬสินธุ์ ใหใ้ ชท้ างหลวงหมายเลข 12
ไปทางทิศตะวันออกเฉยี งเหนอื ประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดนิ ทาง
ประมาณ 1 ชวั่ โมง
พกิ ดั ต�ำ แหน่ง : 16.6913205, 103.9384325
12
อาคารหลุมขดุ คน้ ไดโนเสาร์ภกู ุ้มขา้ ว
จังหวัดกาฬสินธ์ุ
3
แหล่งซากไดโนเสาร์ภกู ุ้มข้าว
(แหล่งไดโนเสารท์ ่ีสมบรู ณท์ ส่ี ุดในภูมภิ าคเอเชยี อาคเนย)์
จังหวดั กาฬสนิ ธ์ุ
หลุมขดุ คน้ ไดโนเสารภ์ ูกมุ้ ขา้ ว
จังหวดั กาฬสินธุ์
แหลง่ ซากไดโนเสารภ์ ูกมุ้ ขา้ ว
(แหลง่ ไดโนเสารท์ ส่ี มบรู ณท์ ส่ี ดุ ในภมู ิภาคเอเชียอาคเนย)์
จังหวัดกาฬสนิ ธุ์
“ภกู มุ้ ขา้ ว” เปน็ ภเู ขาลกู เลก็ ๆ ในพนื้ ทตี่ �ำ บลโนนบรุ ี อ�ำ เภอ
สหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นแหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ที่ถูกค้นพบ
ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2537 โดยพระญาณวสิ าลเถร เจา้ อาวาสวดั สกั กะวนั
และไดท้ �ำ การขุดค้นและศึกษาวิจัยอย่างเปน็ ระบบ โดยคณะส�ำ รวจ
โบราณชีววิทยาไทย-ฝรั่งเศส พบว่ามีซากดึกดำ�บรรพ์ไดโนเสาร์
กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ในบริเวณนั้นมากกวา่ 700 ชิ้น ในชั้นหิน
ยุคครีเทเชียสตอนต้น อายปุ ระมาณ 130 ล้านปีกอ่ น ประกอบด้วย
ไดโนเสาร์ อยา่ งน้อย 4 สายพนั ธ์ุ สว่ นใหญม่ าจากไดโนเสารก์ นิ พชื คอยาว
อย่างน้อย 7 ตัวหน่งึ ในนนั้ มีโครงกระดูกทีม่ สี ภาพสมบูรณ์ท่สี ดุ เทา่ ท่ี
เคยพบมาในประเทศไทยและในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ตอ่ มาจงึ ทราบ
ว่าเป็นกระดูกของ ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (Phuwiangosaurus
sirindhornae) ซึ่งมีการค้นพบกอ่ นหนา้ นท้ี แ่ี หลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์
ไดโนเสารภ์ เู วยี ง จงั หวดั ขอนแก่น
แหล่งซากไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว ได้รับการประกาศให้เป็น
แหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ท่ีข้ึนทะเบียนตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง
ซากดึกดำ�บรรพ์ พ.ศ. 2551 เมื่อวนั ท่ี 7 ตลุ าคม พ.ศ. 2557 ปจั จบุ ัน
ได้สร้างอาคารคลุมหลุมขุดค้น เพ่ือป้องกันการกัดเซาะของน้ำ�ฝน
และจดั แสดงนทิ รรศการภายในอาคาร สว่ นพน้ื ทเ่ี ชิงภูกุ้มข้าว ได้สร้าง
เปน็ อาคารพิพธิ ภณั ฑ์สิรนิ ธร เพื่อจดั แสดงนิทรรศการเก่ียวกบั ความ
รทู้ างธรรมชาตวิ ทิ ยา ธรณวี ทิ ยา และซากดกึ ด�ำ บรรพ์ และมีคลงั จดั เกบ็
ตัวอย่างทมี่ ีระบบมาตรฐาน เปน็ ศูนยก์ ลางการเรยี นรูแ้ ละศึกษาวิจยั
ดา้ นซากดึกด�ำ บรรพข์ องประเทศไทย และในระดับเอเชยี ตะวนั ออก
เฉียงใตอ้ ีกด้วย
การเดนิ ทางจากตวั เมอื งกาฬสนิ ธ์ุ ใชท้ างหลวงหมายเลข 227
ไปทางทิศเหนือ ประมาณ 33 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ
25 – 30 นาที
17
โครงกระดกู ของ ภเู วียงโกซอรสั สริ นิ ธรเน
18
พกิ ดั ต�ำ แหนง่ : 16.6945156, 103.524647
กระดกู ซี่โครงของ ภเู วียงโกซอรสั สิรนิ ธรเน
42
43
4
แหล่งปลาโบราณภนู �ำ้ จ้ัน
(สสุ านปลาโบราณยคุ ไดโนเสาร์)
จงั หวดั กาฬสินธุ์
ปลาโบราณ อสิ านอิกธสิ พาลัสทรสิ
ปลาโบราณ ไทยอกิ ธิส พทุ ธบตุ รเอนซสิ
ปลาโบราณภูนำ้�จ๋ัน
จังหวัดกาฬสนิ ธุ์
แหลง่ ปลาโบราณภูน�ำ้ จ้นั
(สสุ านปลาโบราณยุคไดโนเสาร์)
จงั หวดั กาฬสินธุ์
“ภูนำ�้ จ้นั ” เป็นแหล่งปลาโบราณ ต้งั อย่บู ริเวณ บ้านดงเหนือ
ตำ�บลเหล่าใหญ่ อำ�เภอกุฉินารายน์ จังหวัดกาฬสินธ์ุ มีการค้นพบ
ซากดกึ ดำ�บรรพเ์ มอื่ ปี พ.ศ. 2540 โดยชาวบา้ นในพืน้ ท่ี ไดพ้ บเป็นช้นิ
วัตถุท่ีลักษณะเป็นเกล็ดคล้ายเกล็ดงู และมีชาวบ้านบางส่วนเก็บไป
และบางส่วนได้น�ำ ไปถวายเกบ็ ไว้ทว่ี ดั โพนพมิ าน (ชอ่ื เดมิ วดั ปา่ พทุ ธบตุ ร)
รวบรวมเกบ็ ไว้ เปน็ จำ�นวนมากแต่ไม่รู้ว่าเป็นเกล็ดของสัตว์อะไร จึงได้
แจง้ ใหก้ รมทรพั ยากรธรณมี าตรวจสอบและพบวา่ ชน้ิ สว่ น นน้ั เปน็ เกลด็ ของ
ปลาโบราณ
คณะส�ำ รวจโบราณชวี วทิ ยาไทย-ฝรงั่ เศสไดท้ �ำ การส�ำ รวจขดุ คน้ และศกึ ษาวจิ ยั จนพบวา่ มซี ากดกึ ด�ำ บรรพป์ ลาโบราณ
กว่า 200 ตัวอย่าง ในชั้นหินยุคจูแรสสิกตอนปลาย อายุประมาณ 150 ล้านปีก่อน เป็นปลาโบราณสกุลใหม่และชนิดใหม่
ของโลกถงึ 3 ชนิด ไดแ้ ก่ ปลากนิ พชื ไทยอกิ ธสิ พทุ ธบตุ รเอนซิส (Thaiichthys buddhabutrensis) ปลากนิ เน้อื อีสานอกิ ธิส
พาลสั ทรสิ (Isanichthys palustris) และปลาปอด เฟอร์กาโนเซอราโดตัส มาร์ตินี (Feragnoceratodus martini) นกั วิจัย
มีข้อสนั นิษฐานว่าบรเิ วณทเี่ ปน็ ภนู �้ำ จัน้ ในปจั จุบันนี้ เมอ่ื 150 ล้านปีก่อน เป็นบึงขนาดใหญ่ท่อี ุดมสมบรู ณ์ มีปลาอาศัยอยู่
25
เปน็ จ�ำ นวนมากจากบงึ ทเี่ คยอดุ มสมบรู ณ์ กลบั เกดิ ความแหง้ แลง้ ขน้ึ ฉบั พลนั น�้ำ แหง้ ลงอยา่ งรวดเร็ว สตั ว์ทเ่ี ดนิ หรอื คลานไดพ้ ากนั
อพยพไปทอ่ี น่ื สว่ นปลาตา่ งๆ กพ็ ยายามเอาชวี ติ รอด โดยมดุ ลงไปฝงั ตัวอยใู่ ตโ้ คลนก้นบึงแต่กต็ อ้ งตายลงท้ังหมดเพราะทา้ ยทส่ี ดุ แลว้
น�ำ้ ไดเ้ หอื ดแหง้ ไปหมด
แหล่งปลาโบราณภูน�ำ้ จน้ั ไดร้ บั การประกาศใหเ้ ปน็ แหลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์ท่ีข้ึนทะเบยี น ตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง
ซากดึกด�ำ บรรพ์ พ.ศ. 2551 เมอ่ื วนั ท่ี 30 กนั ยายน พ.ศ. 2557 ปจั จบุ นั ได้การพัฒนาพ้ืนท่ีให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีการสร้าง
อาคารนทิ รรศการและสิ่งอ�ำ นวยความสะดวกตา่ งๆ ภายใตค้ วามดแู ลขององค์การบรหิ ารส่วนต�ำ บลเหลา่ ใหญ่ โดยพฒั นาใหเ้ ปน็
“อุทยานภูน้�ำ จ้นั ” อยู่ในพ้นื ที่ป่าสงวนแหง่ ชาติภโู หลย่
การเดนิ ทางจากตวั เมืองกาฬสินธุ์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 80 กิโลเมตร ใชเ้ วลา
เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
พกิ ัดต�ำ แหนง่ : 16.6588611, 104.0185000
26
หลมุ ขุดคน้ ท่ี 1
ไมก้ ลายเปน็ หนิ จงั หวดั ตาก
5
แหล่งซากไม้กลายเปน็ หนิ จังหวัดตาก
(แหลง่ ไม้กลายเปน็ หินท่ใี หญ่ท่ีสุดและสมบูรณ์ทีส่ ุดในโลก)
จงั หวัดตาก
หลมุ ขดุ ค้นท่ี 1
หลมุ ขุดค้นท่ี 2
หลมุ ขุดคน้ ท่ี 4
หลมุ ขุดค้นท่ี 3
หลมุ ขดุ คน้ ท่ี 5
หลมุ ขุดคน้ ท่ี 7
หลมุ ขดุ คน้ ท่ี 6
แหล่งซากไมก้ ลายเปน็ หนิ จงั หวดั ตาก
(แหลง่ ไมก้ ลายเปน็ หินท่ีใหญท่ สี่ ุดและสมบูรณ์ท่สี ุดในโลก)
แหล่งซากไมก้ ลายเป็นหนิ จงั หวัดตาก ต้ังอยู่ในพนื้ ที่ ต�ำ บลตากออก อำ�เภอบา้ นตาก จงั หวดั ตาก ถูกคน้ พบครง้ั แรก
เม่ือปี พ.ศ. 2546 โดยนายวชิระ มว่ งชมุ และคณะ พบไมก้ ลายเป็นหนิ โผลข่ ึ้นมาในลำ�หว้ ยกลางปา่ ลกึ จงึ ไดร้ ว่ มมือกบั หน่วยงาน
ทเี่ กยี่ วขอ้ ง เพอ่ื ท�ำ การเปดิ หนา้ ดนิ ออก จงึ พบวา่ ทม่ี คี วามยาวมากถงึ 72.22 เมตร ซง่ึ ถอื วา่ เปน็ ซากไมก้ ลายเปน็ ทม่ี ขี นาดใหญ่
และสมบรู ณท์ สี่ ดุ เทา่ ทเ่ี คยพบมาในโลก การส�ำ รวจขดุ คน้ พบวา่ ไมก้ ลายเปน็ หนิ ฝังตัวอยู่ใต้ชั้นกรวดแม่น้ำ� ยุคควอเทอร์นารี
อีกทั้งในพื้นที่โดยรอบกว่า 35 ตารางกโิ ลเมตร ยงั พบไมก้ ลายเปน็ หนิ กระจายตวั อยู่ และไดม้ กี ารขดุ ขนึ้ มาเพอ่ื จดั แสดง และ
พัฒนาเป็นแหลง่ ทอ่ งเทีย่ วแล้ว จ�ำ นวน 7 หลมุ ขดุ คน้ สว่ นใหญเ่ ปน็ ไมท้ องบง้ึ (Koompassioxylon elegans) และไมม้ ะค่าโมง
(Pahudioxylonsp.)จากการศกึ ษาอายดุ ว้ ยวธิ วี เิ คราะหก์ ารเรอื งแสงดว้ ยความรอ้ น(Thermoluminescence,TL)สรปุ ไดว้ า่ ไมก้ ลายเปน็ หนิ น้ี
ถูกฝงั ในชว่ งเวลา 50,000 – 120,000 ปีกอ่ น
แหลง่ ซากดึกดำ�บรรพ์ไม้กลายเป็นหินจังหวัดตาก ได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งซากดึกด�ำ บรรพท์ ่ขี ึน้ ทะเบียน
ตามพระราชบญั ญตั คิ ุม้ ครองซากดกึ ด�ำ บรรพ์ พ.ศ. 2551 เมื่อวันที่ 31 มนี าคม พ.ศ. 2559 จ�ำ นวน 3 แหลง่ คอื
แหลง่ ซากไมก้ ลายเป็นหินจงั หวัดตาก (บรเิ วณหลมุ ขดุ ค้นท่ี 1-4)
หลุมขุดคน้ ที่ 1 หลมุ ขุดคน้ ที่ 2
หลมุ ขุดค้นที่ 3 หลุมขดุ ค้นที่ 4
31
แหลง่ ซากไม้กลายเปน็ หินจงั หวดั ตาก (บรเิ วณหลมุ ขุดค้นท่ี 5)
หลุมขุดค้นที่ 5 หลมุ ขุดค้นที่ 5
แหล่งซากไมก้ ลายเปน็ หนิ จังหวัดตาก (บรเิ วณหลมุ ขดุ คน้ ที่ 6-7)
หลมุ ขุดคน้ ที่ 6 ปัจจบุ นั ในพน้ื ท่ีไดพ้ ฒั นาเปน็ แหล่งทอ่ งเทีย่ วทส่ี �ำ คญั
ในจังหวดั ตาก และเตรียมการเพ่ือจดั ตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ
ในอนาคต โดยมีการสร้างอาคารคลุมหลุมขุดค้นในไม้กลาย
เปน็ หนิ ตน้ ท่ี 1 , 6 และ 7 มปี รบั ปรงุ ภมู ทิ ศั นโ์ ดยรอบ มรี ะบบ
สาธารณูปโภค และส่ิงอำ�นวยความสะดวกภายในแหล่ง
ซากดึกดำ�บรรพ์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ผู้สนใจ รวมทั้ง
นักวจิ ัยทงั้ ในและต่างประเทศท่ีเข้ามาศึกษาเยย่ี มชม
การเดนิ ทางจากตัวเมืองตาก ใช้ทางหลวงหมายเลข 1
ไปทางทิศเหนือ ประมาณ 24 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง
ประมาณ 20 นาที
พกิ ัดต�ำ แหน่ง : 17.0689402, 99.0856233
หลมุ ขุดค้นท่ี 7
32
ไทรโลไบต์ อา่ วเมาะเเละ
จังหวัดสตลู
6
แหลง่ ซากไทรโลไบตอ์ ่าวเมาะและ
(แหลง่ ซากดึกดำ�บรรพท์ ีอ่ ายุเก่าแก่ทส่ี ุดของประเทศไทย)
จงั หวัดสตลู
อา่ วเมาะเเละ
อุทยานเเห่งชาตติ ะรเุ ตา จ.สตลู
36
แหลง่ ซากไทรโลไบต์อา่ วเมาะและ
(แหล่งซากดึกด�ำ บรรพ์ทีม่ อี ายุ เก่าแกท่ ี่สดุ ของไทย)
จังหวดั สตูล
“อ่าวเมาะและ” เป็นอ่าวท่ีต้ังอยู่ทางด้านตะวันตก อีโอซอเกีย บุราวาสิ (Eosaukia buravasi) ซอกีลลา
ของเกาะตะรุเตา เขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ตำ�บลเกาะ ตะรุเตาเอนซิส (Saukiella tarutaoensis) โคเรียโนเซฟ
สาหรา่ ย อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวดั สตลู นอกจากนย้ี งั เปน็ สว่ นหนง่ึ าลสั พลานูลาทสั (Coreanocephalus planulatus) และ
ของ “อทุ ยานธรณสี ตลู ” ซง่ึ เปน็ อทุ ยานธรณีระดบั โลก สตลู อารค์ สั เมาะและเอนซสิ (Satunarcus molaensis) การค้น
แหล่งซากดึกด�ำ บรรพ์อ่าวเมาะและ ถูกค้นพบเมื่อ พบนี้ยงั ท�ำ ใหแ้ หลง่ ซากดกึ ด�ำ บรรพไ์ ทรโลไบตอ์ า่ วเมาะและเป็น
ปีพ.ศ.2500โดยTeiichi Kobayachi นกั วจิ ยั ชาวญป่ี นุ่ เมอ่ื ครั้ง แหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ที่มีอายุเก่าแก่ท่ีสุดเท่าที่ค้นพบมาใน
ปฏิบัติการภายใต้โครงการความร่วมมือไทย - ญ่ีปุ่น ประเทศไทยอีกดว้ ย
พบซากดึกดำ�บรรพ์ของสัตว์ทะเลโบราณบนชั้นหนิ ทราย แหลง่ ซากไทรโลไบตอ์ า่ วเมาะและไดร้ บั การประกาศ
สแี ดงซึง่ วางเรียงรายตามแนวโขดหนิ รอบ ๆ อา่ ว โดยเฉพาะ ให้เป็นแหล่งซากดึกดำ�บรรพ์ที่ข้ึนทะเบียนตามพระราช
ไทรโลไบต์ (Trilobite) จากการศกึ ษาวจิ ยั ท�ำ ใหท้ ราบวา่ อยใู่ น บัญญัติคุ้มครองซากดึกดำ�บรรพ์ พ.ศ. 2551 เมื่อวันที่ 28
ยคุ แคมเบรยี นตอนปลายอายปุ ระมาณ495 ลา้ นปกี อ่ น ภายหลงั สิงหาคม 2560 ปัจจุบันพ้ืนที่ดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเท่ียว
จงึ ตง้ั ชอ่ื ชน้ั หนิ นว้ี า่ “กลมุ่ หนิ ตะรเุ ตา” และได้ส�ำ รวจศึกษาโดย ท่ีสำ�คัญแห่งหน่ึงบนเกาะตะรุเตา ด้วยหาดทรายที่ขาว
ท่ัวเกาะตะรุเตาพบว่ามีซากดึกดำ�บรรพ์ไทรโลไบต์ มากกวา่ บรรยากาศสวยสงบ นำ้�ทะเลใสสะอาด และยังเป็นจุดชม
19 ชนดิ เปน็ ชนดิ ใหมข่ องโลกถงึ 6 ชนดิ คอื พาโกเดีย ไทยเอนซสิ พระอาทติ ยต์ กทสี่ วยงามแหง่ หนง่ึ อกี ดว้ ย ประกอบกบั มแี หลง่
(Pagodiathaiensis)ไทยแลนเดยี มโซลมั (Thailandium solum) เรียนรู้ซากดกึ ด�ำ บรรพท์ เ่ี กา่ แกท่ ส่ี ดุ ในประเทศไทยภายในอ่าว
37
จึงสามารถสร้างความสนใจแก่นักท่องเที่ยวและนักวิจัยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาอย่างไม่ขาดสายตลอดทง้ั ปี
การเดนิ ทางจากตวั เมอื งสตลู ตอ้ งใชเ้ รอื โดยสารโดยลงเรอื จากทา่ เรือปากบารา ต�ำ บลปากน้�ำ อำ�เภอละงู จังหวดั สตลู
ใชเ้ วลาเดินทางประมาณ 30 - 45 นาที
พิกัดตำ�แหน่ง : 6.670584, 99.634024
38
อา่ วเมาะเเละ
อทุ ยานเเห่งชาตติ ะรเุ ตา จ.สตลู
7
แหลง่ ซากสุสานหอยแหลมโพธิ์
(สสุ านหอยน�ำ้ จดื ทีใ่ หญ่ที่สุดในประเทศไทย)
จงั หวดั กระบี่
แหล่งซาก
แสหุสลานมหโพอยธิ์
จ.กระบ่ี