หนัังสือื แหล่่งซากดึกึ ดึำาบรรพ์ท์ ี่ข�่ ึ้�นึ ัที่ะเบ่ยนัในัประเที่ศไที่ย ปี พ์.ศ. 2554 - 2564 (ฉบับที่่� 2)
อธิบิ ดึ่กรมที่รพั ์ยากรธิรณี่ ดร.สมหมาย เตชวาล
รองอธิบิ ดึ่กรมที่รัพ์ยากรธิรณี ่ นายนวิ ตั ิ มณีีขัตั ิย์
รองอธิิบดึ่กรมที่รพั ์ยากรธิรณี ี นายมนตร ี เหลอื งองิ คะสตุ
ผู้�้อาำ นัวยการกองคุ้�้มคุ้รองซากดึึกดึำาบรรพ์ ์ นายอานนท์์ นนท์โส
ผู้�้อาำ นัวยการสืว่ นัมาตรฐานัแล่ะขึ้�อม้ล่ซากดึกึ ดึำาบรรพ์์ ดร.ดวงฤท์ยั แสแสงสรี ุง�
กำาหนัดึเนัือ� หาเเล่ะสืนับั สืนัน้ ัขึ้�อมล้ ่ นายปฎิพิ ล ดลรง�ุ
นายอดลุ ย์วทิ ์ย ์ กาวีระ
ออกเเบบ : บริษัทั ์ จงโต มีเดีย ครีเอช�ัน จำากดั
ปรบั ปร้ง : อดุลยว์ ิท์ย ์ กาวีระ
ถ่า่ ยภาพ์ : ณีฐั พงศ์ ์ มณีีเนตร
พ์มิ พ์ค์ ุ้รัง� ที่�่ 1 จาำ นวน 1,250 เลม่ เดือน กันยายน 2564
จััดึพ์มิ พ์เ์ เล่ะเผู้ยเเพ์ร่โดึย กองค�ุมครองซากดกึ ดำาบรรพ ์ กรมท์รพั ยากรธรณีี
75/10 ถนนพระรามท์ �ี 6 เขัตราชเท์วี กรงุ เท์พมหานคร 10400
โที่รศัพ์ที่์ : 0 2621 9845, 0 2621 9640 โท์รสาร 0 2621 9841
ขึ้�อมล้ ่ที่างบรรณีานัก้ รม
กรมท์รัพยากรธรณี,ี 2564. เเหล่งซากดกึ ดำาบรรพ์ท์�ีขัน�ึ ท์ะเบยี นขัองประเท์ศ์ไท์ย ป ี พ.ศ์ 2554 - 2564 (ฉบบั ท์ �ี 2) -- กรุงเท์พ;
108 หนา� .
1. ซากดกึ ดำาบรรพ์
2. เเหลง่ ซากดกึ ดาำ บรรพท์ ์ข�ี ัึ�นท์ะเบยี น
ภาพปก : แหลง่ ซากดกึ ดำาบรรพ์ไดโนเสาร์ภเู วียง จ.ขัอนแก่น
คำำ�นำำ�
แหล่งซากดึกดำาบรรพ์ เป็นแหล่งท์างธรรมชาติท์�ีมีคุณีค่าท์างวิชาการท์างธรณีีวิท์ยา
ใช�สำาหรับศ์ึกษัาประวัติความเป็นมาขัองโลก ถึงวิวัฒนาการขัองโลกจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และสามารถใช�
คาดการณี์การ เปล�ียนแปลงขัองโลกในอนาคตได� จากการรวบรวมขั�อมูลรายงานท์�ีเคยพบแหล่ง
ซากดึกดาำ บรรพจ์ าำ นวนกวา่ 500 แหลง่ ท์ก�ี ระจายตวั อยทู่ ์ว�ั ท์กุ ภาคขัองประเท์ศ์ไท์ย และมีการสาำ รวจตรวจ
สอบสภาพและประเมนิ ศ์กั ยภาพขัองแหลง่ ซากดกึ ดาำ บรรพ ์ พบวา่ ปจั จบุ นั ยงั มแี หลง่ ซากดกึ ดาำ บรรพท์ ์ี�ยงั คง
มีอยู่ขัองแหล่งซากดึกดำาบรรพ์จำานวน 319 แหล่ง(ฐานขั�อมูลแหล่งซากดึกดาำ บรรพ์ กองค�ุมครอง
ซากดกึ ดำาบรรพ ์ พ.ศ์. 2563) และมแี นวโนม� ท์จี� ะพบแหลง่ ซากดกึ ดาำ บรรพม์ ากขันึ� ในอนาคตเปน็ จาำ นวนมาก
จากการพัฒนาพ�นื ท์ี�ในปจั จบุ นั
กรมท์รัพยากรธรณีี เป็นหน่วยงานหลักท์�ีมีภารกิจเก�ียวกับการสงวน อนุรักษั์ ฟื้้�นฟืู้
และบริหารจัดการด�านธรณีีวิท์ยา และท์รัพยากรธรณีี โดยการดาำ เนินงานด�านการอนุรักษั์แหล่งและ
ซากดกึ ดาำ บรรพ ์ ซง�ึ มพี ระราชบญั ญตั คิ ม�ุ ครองซากดกึ ดาำ บรรพ ์ พ.ศ์. 2551 เปน็ กลไกในการขับั เคลอ�ื นงานนน�ั
ปัจจุบันได�มีการขัึ�นท์ะเบียนแหล่งซากดึกดำาบรรพ์ท์�ีมีความสาำ คัญต่อการศ์ึกษัาประวัติขัองโลก บรรพชีวิน
วิท์ยา บรรพชีววิท์ยา หรือการลำาดับช�ันหิน ท์�ีมีคุณีสมบัติตามหลักเกณีฑ์์การประกาศ์เป็นแหล่ง
ซากดกึ ดาำ บรรพท์ ์ข�ี ันึ� ท์ะเบยี นและเปน็ ซากดกึ ดำาบรรพท์ ์ขี� ันึ� ท์ะเบยี น จำานวน 21 แหลง่ นบั ตง�ั เเตม่ กี ารบงั คบั
ใช�พระราชบัญญตั คิ ุ�มครองซากดึกดำาบรรพ ์ พ.ศ์. 2551 เปน็ ตน� มา
เพื�อเป็นการเผยแพร่ขั�อมูลแหล่งซากดึกดาำ บรรพ์ท์ี�สาำ คัญขัองประเท์ศ์ไท์ยท์ี�ได�รับ
การขัึ�นท์ะเบียนแหล่งซากดึกดำาบรรพ์ตามกฏหมาย ให�ประชาชนท์ั�วไปได�รับร�ูถึงความสำาคัญขัองแหล่ง
ซากดกึ ดาำ บรรพใ์ นแตล่ ะแหลง่ กรมท์รพั ยากรธรณีจี งึ ไดจ� ดั ท์ำาเปน็ หนงั สอื แหลง่ ซากดกึ ดำาบรรพท์ ์ขี� ันึ� ท์ะเบยี น
ในประเท์ศ์ไท์ย ป ี พ.ศ์. 2554 - 2564 (ฉบบั ท์ �ี 2) เพอ�ื เผยแพรแ่ ละสรา� งการรบั รเ�ู กย�ี วกบั แหลง่ ซากดกึ ดาำ บรรพ์
สาำ คัญขัองไท์ย อันนำามาซึง� การมสี ว่ นรว่ มในการอนุรักษั์แหลง่ ซากดึกดาำ บรรพ์ไวเ� ป็นสมบัตขิ ัองชาติสืบไป
สารจากอธิบิ ดีี
กรมทรพั ยากรธรณีี
ดร.สมหมาย เตชวาล
อธิบิ ดกี รมทรัพยากรธิรณีี
นับต�ังแต่มีการประกาศ์ใช�พระราชบัญญัติคุ�มครองซากดึกดาำ บรรพ์ พ.ศ์. 2551
แหล่งซากดึกดาำ บรรพ์ท์ี�ค�นพบใหม่ได�รับการแจ�งพบอย่างเป็นท์างการเพ�ิมมากขัึ�น และได�รับ
การสาำ รวจและศ์กึ ษัาวจิ ยั อยา่ งเปน็ ระบบ ท์าำ ใหร� บั ท์ราบถงึ ความสาำ คญั ขัองแหลง่ ซากดกึ ดำาบรรพแ์ ละ
ซากดกึ ดำาบรรพท์ ์คี� น� พบในแหลง่ นน�ั อนั จะนำามาซง�ึ การบรหิ ารจดั การอยา่ งถกู ตอ� งตามหลกั วชิ าการ
โดยเฉพาะอย่างย�ิงแหล่งซากดึกดำาบรรพ์ท์�ีมีความสำาคัญต่อการศ์ึกษัาประวัติโลก บรรพชีวินวิท์ยา
บรรพชีววิท์ยา หรือการลาำ ดับช�ันหินน�ัน จะได�รับการประกาศ์ให�เป็นแหล่งซากดึกดำาบรรพ์ท์�ีขั�ึน
ท์ะเบียน ซ�ึงจะได�รับการคุ�มครองอนุรักษั์ และบริหารจัดการภายใต�กฎิหมายว่าด�วยการคุ�มครอง
ซากดึกดำาบรรพ์จนกว่าจะมีการเปลี�ยนแปลงหรือเพิกถอนแหล่งซากดึกดาำ บรรพ์ท์�ีขัึ�นท์ะเบียนนั�น
ในวาระครบรอบ 13 ปี ขัองการประกาศ์ใช�พระราชบัญญัติคุ�มครองซากดึกดาำ บรรพ์ พ.ศ์. 2551
กรมท์รัพยากรธรณี ี จึงไดร� วบรวมขั�อมลู สาระสาำ คญั พรอ� มภาพประกอบขัองแหล่งซากดกึ ดาำ บรรพ์
ท์�ีขัึ�นท์ะเบียนท์ั�ง 21 แหล่ง จัดพิมพ์เป็นหนังสือประกอบภาพแหล่งซากดึกดาำ บรรพ์ท์�ีขัึ�นท์ะเบียน
ขัองประเท์ศ์ไท์ย เพ�ือเผยแพร่สู่สาธารณีะชน อันเป็นการส่งเสริมให�เกิดการตระหนักร�ู เกิดความ
หวงแหน และช่วยกันอนรุ ักษัม์ รดกท์างธรรมชาต ิ อันมคี ณุ ีคา่ ไวใ� ห�แก่เยาวชนรุ่นหลังไดศ� ์ึกษัาและ
ช่วยกนั รกั ษัาไว�เปน็ สมบัติขัองแผ่นดินสืบไป
สารจากผู้้อ� ำานวยการ
กองคุ้้�มคุ้รองซากดีกึ ดีาำ บรรพ์์
นายอานนท์ นนทโส
ผู้้อ� ำานวยการกองคุ้�้มคุ้รองซากดกึ ดำาบรรพ์
แหล่งซากดึกดาำ บรรพ์ หมายความว่า บริเวณีท์ี�มีการค�นพบหรือ เคยมีซากดึกดำาบรรพ์
ซง�ึ มคี วามสาำ คญั ตอ่ การศ์กึ ษัาประวตั ขิ ัองโลกบรรพชวี นิ วทิ ์ยา บรรพชวี วทิ ์ยา และการลำาดบั ชนั� หนิ
การศ์ึกษัาซากดึกดาำ บรรพท์ ์ุกช�นิ จำาเป็นจะต�องร�ถู ึงแหล่งท์�มี าขัองซากดึกดาำ บรรพช์ ิ�นนัน� เพอ�ื ให�
ท์ราบถงึ ขัอ� มูลในดา� นอืน� ๆประกอบการศ์กึ ษัาวิจยั ฉะนั�น แหลง่ ซากดึกดำาบรรพจ์ ึงมคี วามสาำ คญั
เพอื� ใหเ� กดิ การคมุ� ครอง อนรุ กั ษั ์ และพฒั นาอยา่ งยง�ั ยนื หากแหลง่ ซากดกึ ดาำ บรรพใ์ ดในประเท์ศ์ไท์ย
มีความสำาคัญตรงตามหลักเกณีฑ์์การประกาศ์ให�เป็นแหล่งซากดึกดำาบรรพ์ท์ี�ขั�ึนท์ะเบียน เช่น
เป็นแหล่งซากดึกดำาบรรพ์ชนิดใหม่ หรือ เป็นแหล่งซากดึกดำาบรรพ์ดัชนี หรือเป็นแหล่ง
ซากดึกดาำ บรรพ์ท์ี�มีซากดึกดาำ บรรพ์เป็นจาำ นวนมากท์ี�สุดเท์่าท์ี�เคยพบ จึงต�องประกาศ์กาำ หนดให�
เป็นแหล่งซากดกึ ดาำ บรรพท์ ์ีข� ัน�ึ ท์ะเบยี นตาม พระราชบัญญตั ิคุม� ครองซากดึกดาำ บรรพ ์ พ.ศ์. 2551
เพ�ือเป็นหลักฐานอ�างอิงท์างธรณีีวิท์ยาขัองประเท์ศ์ รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู�ขัองประชาชน และ
เยาวชนรุ่นหลังสืบตอ่ ไป
รอยตีนี ไดโนเสารก์ ลุ่ม�่ ออรน์ โิ ธมโิ มซอร์ (Ornithomimosaurs)
1 ตำ�ำ บลพนอม อ�ำ เภูอท่�่ อุเท่น จัังหวดั ึนคำรพนม
1
แหล่ง่ รอยตีีนำไดโนำเส�ร์ท่�่ อเุ ท่นำ
“แหล่งรอยตำนี ไดึโนเส�รท์ ่ม�ี �กท่ส�ี ุดึ
ในเอเชีียอ�คำเนย”์
จัังหวััดนำคำรพนำม
2
รอยตีนี ไดโนเสารก์ ลุ่ม�่ ออรน์ โิ ธมโิ มซอร์ (Ornithomimosaurs)
3 ตำ�ำ บลพนอม อ�ำ เภูอท่�่ อุเท่น จัังหวดั ึนคำรพนม
4
แหล่่งรอยตีนี ไดโนเสาร์ท่่าอุเท่น
“แหลง่ รอยตำนี ไดึโนเส�รท์ ่ม�ี �กท่สี� ดุ ึในเอเชียี อ�คำเนย”์
จัังหวดั ึนคำรพนม
แหล่งรอยตีนไดโนเสาร์ท์่าอุเท์น ตั�งอยู่ในบ่อเหมืองหินท์รายเก่า ตำาบลพนอม อำาเภอท์่าอเุ ท์น จงั หวดั นครพนม
ถูกค�นพบเม�ือปี พ.ศ์. 2544 โดยนายนเรศ์ สัตยารักษั์ เม�ือคร�ังไปสำารวจธรณีีวิท์ยาในพ�ืนท์ี�จังหวัดนครพนม
โดยท์ราบว่ารอยสามแฉกท์ี�เห็นเป็นรอยตีนสัตว์ดึกดำาบรรพ ์ แตย่ งั ไมส่ ามารถระบไุ ดแ� นน่ อนวา่ เปน็ รอยตีนขัองสัตว์ชนิดใด
จึงแจ�งขั�อมลู เบอื� งตน� ใหผ� เ�ู ชีย� วชาญด�านซากดึกดาำ บรรพท์ ์ราบเพอื� ท์าำ การตรวจสอบ
จากผลการตรวจสอบ ระบุได�อย่างชัดเจนว่า รอยตีนท์ั�งหมดเป็นขัองสัตว์ดึกดาำ บรรพ์ท์ี�ประท์ับอยู่บนรอยริ�วคลื�น
หรือรอยระแหงโคลน ซึ�งอยู่บนชั�นหินท์ราย หมวดหินโคกกรวด ยุคครีเท์เชียสตอนต�น อายปุ ระมาณี 100 ลา� นปกี อ่ น
5
ประกอบดว� ยรอยตนี มากกวา่ 600 รอย และเหน็ เปน็ แนวท์างเดนิ มากกวา่ 30 แนว มาจากสัตว์ดึกดาำ บรรพ์อยา่ งนอ� ย 3 กลุ่ม
ได�แก ่ ไดโนเสารก์ ลมุ่ ออรน์ โิ ธมโิ มซอร ์ (Ornithomimosaur) หรอื ไดโนเสาร์นกกระจอกเท์ศ์ ไดโนเสาร์กลุ่มออร์นิโธพอด
(Ornithopod) และสัตว์เลื�อยคลานขันาดเล็ก ซ�งึ ถือว่าเป็นแหล่งรอยตีนไดโนเสาร์ท์ี�พบมากท์ี�สุดในประเท์ศ์ไท์ย และ
ในภูมภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต�อีกดว� ย
แหลง่ รอยตนี ไดโนเสาร์ท์่าอุเท์น ได�รับการประกาศ์ให�เป็นแหล่งซากดึกดำาบรรพท์ ์ข�ี ัน�ึ ท์ะเบยี นตามพระราชบญั ญตั ิ
คุ�มครองซากดึกดำาบรรพ์ พ.ศ์. 2551 เม�ือวันท์ี� 18 พฤษัภาคม 2554 และถือเป็นแหล่งซากดึกดำาบรรพ์ท์�ีขั�ึนท์ะเบียน
6
ตำ�ำ แหนง่ ท่ต�ี ำงั�
7
แหง่ แรกขัองประเท์ศ์ไท์ย ปัจจบุ นั ได�สรา� งอาคารคลุมหลมุ ขัดุ ค�น เพ�ือปอ้ งกันการกัดเซาะจากน�าำ ฝน ภายใตค� วามดูแลขัอง
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำาบลพนอม และได�รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานท์ี�เกี�ยวขั�อง อีกท์ั�งยังได�ปรับปรุงภูมิท์ัศ์น์
โดยรอบ และสรา� งอาคารจัดแสดงนทิ ์รรศ์การ ระบบสาธารณีูปโภค และสง�ิ อาำ นวยความสะดวกภายในแหลง่ ซากดกึ ดาำ บรรพ ์
เพอ�ื รองรบั นกั ท์อ่ งเท์ย�ี ว ผส�ู นใจ รวมท์ัง� นกั วจิ ัยท์ั�งในและตา่ งประเท์ศ์ท์เี� ขั�ามาศ์ึกษัาเยี�ยมชม ในพื�นท์ี�อีกดว� ย
การเดนิ ท์างจากตวั เมอื งนครพนม ใชท� ์างหลวงหมายเลขั 212 ไปท์างท์ศิ ์ตะวนั ตกเฉยี งเหนอื ประมาณี 60 กโิ ลเมตร
ใชเ� วลาเดินท์างประมาณี 50 นาท์ี
พ์ิกัดึตำาแหนั่ง : 17.7132778, 104.3807983
8
รอยตีนี ไดโนเสาร์ภูแู ฝก
ตำำ�บลภููแลน่ ชี�้ ง อ�ำ เภูอน�คำู จังั หวดั ึก�ฬสินธุ์์ุ
9
2
แหล่่งรอยตีีนำไดโนำเส�รภ์ ูแู ฝก
“ร่องรอยของนักล่�ขน�ดึใหญ่่
แหง่ เท่ือกเข�ภูพู �น”
จัังหวัดั ก�ฬสินำธุ์์ุ
10
แหล่่งรอยตีนี ไดโนเสาร์ภููแฝก
“รอ่ งรอยของนกั ล�่ ขน�ดึใหญ่แ่ หง่ เท่อื กเข�ภูพู �น”
จังั หวัดึก�ฬสินธุ์ุ์
“ภููแฝก” เปน็ สว่ นหนง�ึ ขัองเท์อื กเขัาภพู าน ตง�ั อยใู่ นเขัตตาำ บลภแู ลน่ ชา� ง อาำ เภอนาค ู จงั หวดั กาฬสนิ ธ ์ุ รอยตนี ไดโนเสาร์
ท์พ�ี บในภูแฝก ถูกค�นพบในหว� ยผ�ึง เมื�อปี พ.ศ์. 2539 โดย เด็กหญิงกัลยามาศ์ สิงห์นาคลอง และ เดก็ หญงิ พชั ร ี ไวแสน
ซง�ึ พบรอ่ งรอยขันาดใหญบ่ นลานหนิ ในลาำ หว� ย คลา� ยรอยตนี ขัองสตั ว ์ จากการตรวจสอบโดยคณีะสำารวจจากกรมท์รพั ยากรธรณีี
พบว่าเป็นรอยตีนขัองไดโนเสาร์ขันาดใหญ่ ท์ี�ประท์ับอยู่ในชั�นหินท์ราย หมวดหินพระวิหาร ยุคครีเท์เชียสตอนต�น อายุ
ประมาณี 140 ลา� นปกี อ่ น มรี อยตนี ท์ง�ั หมดไมน่ อ� ยกวา่ 25 รอย ปรากฏเปน็ 7 รอยท์างเดนิ สว่ นใหญเ่ ปน็ ขัองไดโนเสารก์ นิ
เนอ�ื ขันาดใหญ ่ กลมุ่ คารโ์ นซอร ์ (Carnosaur) และมีรอยท์างเดินขัองไดโนเสาร์กินพืชคอยาวกลุ่มซอโรพอด (Sauropod)
จาำ นวน 1 แนว ปัจจุบนั พอจะเหน็ ชดั เจนท์งั� หมดอยู ่ 3 แนวและมีสภาพคอ่ นขัา� งสมบรู ณี ์
11
แหล่งรอยตนี ไดโนเสาร์ภูแฝก ได�รับการประกาศ์ใหเ� ปน็ แหล่ง
ซ า ก ดึ ก ดำา บ ร ร พ์ ท์ี� ขั�ึ น ท์ ะ เ บี ย น ต า ม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ค�ุ ม ค ร อ ง
ซากดกึ ดำาบรรพ ์ พ.ศ์. 2551 เมือ� วันท์�ี 20 พฤศ์จิกายน 2556 โดยได�
รับการอนุรักษั์มาอย่างต่อเนื�อง ตั�งแต่ปี พ.ศ์. 2540 กรมป่าไม�
ได�ประกาศ์จัดต�ังพ�ืนท์�ีโดยรอบ ในเขัตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงห�วยฝา
ขันึ� เปน็ “วนอทุ ์ยานภแู ฝก” และไดร� ว่ มกบั กรมชลประท์านกอ่ สรา� งฝาย
น�าำ ล�นบริเวณีต�นน�ำา เพ�ือชะลอความรุนแรงขัองกระแสน�าำ ในฤดูฝน
ไม่ให�พัดพาก�อนหินมาครูดถูกับรอยตีนไดโนเสาร์จนลบเลือนไป
พร�อมกันน�ันกรมท์รัพยากรธรณีีได�ท์ำาการศ์ึกษัาวิจัยและสนับสนุน
ขั�อมูลวิชาการด�านธรณีีวิท์ยา และบรรพชีวินวิท์ยาให�กับวนอุท์ยาน
ภูแฝก และเผยแพร่ขั�อมูลและดาำ เนินกิจกรรมต่างๆ เพ�ือส่งเสริม
การท์อ่ งเท์ีย� วและการอนรุ กั ษัอ์ ยา่ งยง�ั ยืน
การเดนิ ท์างจากตวั เมอื งกาฬสนิ ธ ์ุ ใหใ� ชท� ์างหลวงหมายเลขั 12
ไปท์างท์ศิ ์ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ประมาณี 70 กโิ ลเมตร ใชเ� วลาเดนิ ท์าง
ประมาณี 1 ช�วั โมง
พ์กิ ดั ึตาำ แหนั่ง : 16.6913205, 103.9384325
ตำ�ำ แหนง่ ท่ตี� ำงั�
12
โครงกระดูกจำำาลุ่องของ
13 ภููเวีียงโกซอรสั สิรนิ ธรเน (Phuwiangosaurus sirindhornae)
อ�คำ�รหลมุ ขดุ ึคำ้นไดึโนเส�รภ์ ููกมุ้ ข�้ ว อ�ำ เภูอสหัสขนั ธุ์์ จัังหวัดึก�ฬสินธุ์์ุ
3
แหล่่งซ�กไดโนำเส�รภ์ ููกมุ� ข้�� วั
“ไดึโนเส�รท์ ่ส�ี มบรู ณ์ท์ ่ส�ี ุดึในเอเชียี อ�คำเนย”์
จังั หวััดก�ฬสินำธุ์ุ์
14
หลุ่่มขด่ คน้ ไดโนเสาร์ภูกู ม้่ ขา้ ว
ตำ�ำ บลโนนบรุ ี อำ�เภูอสหัสขนั ธุ์์ จัังหวดั ึก�ฬสินธุ์์ุ
15
16
แหล่ง่ ซากไดโนเสารภ์ ููก�มุ ข้�าวี
“ไดโนำเส�รท์ ่ส�ี มบูรู ณ์ท์ ่ส�ี ดุ ในำเอเชียี อ�คำเนำย”์
จัังหวัดั ก�ฬสินำธุ์ุ์
“ภููก้�มข้�าว” เป็นภูเขัาลูกเล็ก ๆ ในพ�ืนท์ี�ตำาบลโนนบุรี อาำ เภอ
สหัสขัันธ์ จังหวัดกาฬสินธ์ุ มีการค�นพบซากดึกดาำ บรรพ์คร�ังแรก
ในปี พ.ศ์. 2537 โดยพระญาณีวิสาลเถร เจ�าอาวาสวัดสักกะวัน
และได�ท์ำาการขัุดค�นและศ์ึกษัาวิจัยอย่างเป็นระบบโดยคณีะสำารวจ
โบราณีชีววิท์ยาไท์ย-ฝร�ังเศ์ส พบว่ามีซากดึกดำาบรรพ์ไดโนเสาร์
กระจดั กระจายเต็มพ�นื ท์ใ�ี นบริเวณีน�ันมากกว่า 700 ช�นิ ในช�ันหินท์รายแปง้
หมวดหินเสาขััว ยุคครีเท์เชียสตอนต�น อายุประมาณี 130 ล�านปีก่อน
ประกอบดว� ยไดโนเสาร ์ อยา่ งนอ� ย 4 สายพนั ธ ์ุ สว่ นใหญเ่ ปน็ ไดโนเสารก์ นิ พชื
คอยาว อยา่ งน�อย 7 ตวั ห นึง� ในนั�นมีโครงกระดกู ท์�มี สี ภาพสมบรู ณี์ท์�ีสดุ เท์า่ ท์ี�
เคยพบมาในประเท์ศ์ไท์ยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต�ต่อมาจึงท์ราบว่า
เป็นกระดูกขัองไดโนเสาร์ ภููเวีียงโกซอรััส สิรัินธรัเน (Phuwiangosaurus
sirindhornae) ซ�ึงมีการค�นพบก่อนหน�าน�ีท์�ีอุท์ยานแห่งชาติภูเวียง จังหวัด
ขัอนแก่น นอกจากน�ยี งั พบฟื้ันขัองไดโนเสารก์ นิ เนื�อปะปนอยูด่ ว� ย
แหล่งซากไดโนเสาร์ภูกุ�มขั�าว ได�รับการประกาศ์ให�เป็น
แหล่งซากดึกดาำ บรรพ์ท์ี�ขั�ึนท์ะเบียนตามพระราชบัญญัติคุ�มครอง
ซากดึกดำาบรรพ ์ พ.ศ์. 2551 เมื�อวันท์ ี� 7 ตลุ าคม พ.ศ์. 2557 ปัจจบุ ันได�สรา� ง
อาคารคลุมหลุมขัุดค�น เพ�ือป้องกันการกัดเซาะขัองนาำ� ฝนและจัดแสดง
นทิ ์รรศ์การภายในอาคาร สว่ นพนื� ท์เี� ชงิ ภกู ม�ุ ขัา� วไดส� รา� งเปน็ อาคารพพิ ธิ ภณั ีฑ์์
สริ นิ ธร เพอื� จดั แสดงนทิ ์รรศ์การเกย�ี วกบั ความรท�ู ์างธรรมชาตวิ ทิ ์ยา ธรณีวี ทิ ์ยา
และซากดึกดำาบรรพ์ และมีคลังจัดเก็บตัวอย่างท์ี�มีระบบมาตรฐาน
เปน็ ศ์นู ยก์ ลางการเรยี นรแ�ู ละศ์กึ ษัาวจิ ยั ดา� นซากดกึ ดำาบรรพข์ ัองประเท์ศ์ไท์ย
และในระดับเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตอ� ีกดว� ย
การเดนิ ท์างจากตวั เมอื งกาฬสนิ ธ ุ์ ใชท� ์างหลวงหมายเลขั 227 ไปท์าง
ท์ิศ์เหนือ ประมาณี 33 กิโลเมตร ใช�เวลาเดินท์าง ประมาณี
20 – 30 นาท์ี
พ์กิ ัดึตำาแหนั่ง : 16.6945156, 103.524647
17
โครงกระดูกของ ภูเู วยี งโกซอรัส สิรนิ ธรเน
(Phuwiangosaurus sirindhornae)
18
กระดูกซี�โครงของ ภูเู วียงโกซอรสั สิรนิ ธรเน
(Phuwiangosaurus sirindhornae)
19
ตำำ�แหนง่ ท่ต�ี ำงั�
20
4
แหลุ่�งปลุ่าโบราณภููน�าำ จำน�ั
“สุส�นำปล่�โบูร�ณ์ยคุ ำไดโนำเส�ร์”
จัังหวัดั ก�ฬสินำธุ์ุ์
21
ซากดกึ ดาำ บรรพ์์ปลุ่านกั ลุ่า� โบราณ อิสานอิกธสิ พาล่สั ท่รสิ
(Isanichthys palustris)
22
ซากดึกดำาบรรพ์์ปลุ่าโบราณ ไทยอิกธสิ พ์่ทธบต่ ีรเอนซิส
(Thaiichthys buddhabutrensis)
23
24
แหล่่งปล่าโบราณภููนำา� จั้ัน�
“สุส�นำปล่�โบูร�ณ์ยุคำไดโนำเส�ร”์
จัังหวัดั ก�ฬสินำธุ์์ุ
“ภูน าำ� จั้น� ” เปน็ แหลง่ ซากปลาโบราณี ตง�ั อยบู่ รเิ วณีบา� นดงเหนอื ตาำ บล
เหล่าใหญ่ อำาเภอกุฉินารายน์ จังหวัดกาฬสินธุ์ มีการค�นพบ
ซากดึกดาำ บรรพ์เมอ�ื ป ี พ.ศ์. 2540 โดยชาวบ�านในพ�ืนท์ี� ไดพ� บเป็นชิน�
วัตถุท์�ีลักษัณีะเป็นเกล็ดคล�ายเกล็ดงู และมีชาวบ�านบางส่วนเก็บไป
และบางสว่ นไดน� าำ ไปถวายเกบ็ ไวท� ์ว�ี ดั โพนพมิ าน (ชอ�ื เดมิ วดั ปา่ พทุ ์ธบตุ ร)
รวบรวมเกบ็ ไว � เปน็ จาำ นวนมากแต่ไม่รู�ว่าเป็นเกล็ดขัองสัตว์อะไร จึงได�
แจง� ใหก� รมท์รพั ยากรธรณีมี าตรวจสอบและพบวา่ ชน�ิ สว่ น นน�ั เปน็ เกลด็ ขัอง
ปลาโบราณี
ต่อมาคณีะสาำ รวจโบราณีชีววิท์ยาไท์ย-ฝรั�งเศ์สได�ท์ำาการสาำ รวจขัุดค�นและศ์ึกษัาวิจัย จนพบว่ามีซากดึกดำาบรรพ์
ปลาโบราณีกวา่ 200 ตัว ในชั�นหินท์รายแป้ง หมวดหินภูกระดึง ยุคจูแรสสิกตอนปลาย อายุประมาณี 150 ล�านปกี อ่ น
มีปลาโบราณีชนิดใหม่ขัองโลกท์�ีค�นพบจากแหล่งน�ีถึง 3 ชนิด ได�แก่ ปลากินพืช ไทยอิกธิส พุุทธบุุตรัเอนซิส
(Thaiichthys buddhabutrensis) ปลากินเน�ือ อีสานอิกธิส พุาลััสทรัิส (Isanichthys palustris)
และปลาปอด เฟอรั์กาโนเซอรัาโดตัส มารั์ตินี (Feragnoceratodus martini) นักวิจัยมีขั�อสันนิษัฐานว่าบริเวณีท์�ีเป็น
25
ภูน�ำาจ�นั เมือ� 150 ลา� นปีก่อน เป็นบึงขันาดใหญท่ ์อี� ุดมสมบูรณี ์ มีปลาอาศ์ยั อยเู่ ปน็ จำานวนมากจากบงึ ท์ีเ� คยอุดมสมบรู ณี์
กลับเกิดความแห�งแล�งขั�ึนฉับพลัน น�าำ แห�งลงอย่างรวดเร็ว สัตว์ท์�ีเดินหรือคลานได�พากันอพยพไปท์�ีอ�ืน ส่วนปลาต่าง ๆ
กพ็ ยายามเอาชวี ติ รอด โดยมดุ ลงไปฝงั ตวั อยใู่ ตโ� คลนกน� บงึ แตก่ ต็ อ� งตายลงท์ง�ั หมดเพราะท์า� ยท์ส�ี ดุ แลว� นาำ� ไดเ� หอื ดแหง� ไปหมด
แหล่งปลาโบราณีภูนาำ� จน�ั ไดร� บั การประกาศ์ใหเ� ปน็ แหลง่ ซากดกึ ดาำ บรรพ์ท์�ีขัึ�นท์ะเบยี น ตามพระราชบัญญัติค�ุมครอง
ซากดกึ ดาำ บรรพ ์ พ.ศ์. 2551 เมอ�ื วนั ท์ �ี30 กนั ยายน พ.ศ์. 2557 ปจั จบุ นั ไดก� ารพฒั นาพนื� ท์ใ�ี หเ� ปน็ แหลง่ ท์อ่ งเท์ย�ี วและแหลง่ เรยี น
ร�ูด�านธรณี๊วิท์ยาและซากดึกดาำ บรรพ์ มีการสร�างอาคารนทิ ์รรศ์การและสิ�งอาำ นวยความสะดวกตา่ งๆ ภายใตค� วามดแู ลขัอง
องคก์ ารบริหารสว่ นตาำ บลเหลา่ ใหญ ่ โดยพัฒนาใหเ� ปน็ “อุทยานภูนู าำ้ จั้�ัน” อยใู่ นพืน� ท์ีป� ่าสงวนแห่งชาติภโู หลย่
การเดนิ ท์างจากตวั เมืองกาฬสินธุ์ ใช�ท์างหลวงหมายเลขั 12 ไปท์างท์ิศ์ตะวันออก ประมาณี 80 กิโลเมตร
ใช�เวลาเดนิ ท์างประมาณี 1 ชัว� โมง
พ์กิ ดั ึตำาแหนั่ง : 16.6588611, 104.0185000
ตำ�ำ แหนง่ ท่ตี� ำงั�
26
ไมก้ ลุ่ายเปน็ หนิ หลุ่ม่ ข่ดค้นท�ี 7
ตีำ�บูล่ตี�กออก อำ�เภูอบู�� นำตี�ก จังั หวััดตี�ก
27
5
แหล่ง่ ไมก� ล่�ยเป็นำหนิ ำบู��นำตี�ก
“ไม�กล่�ยเป็นำหนิ ำท่�ีย�วัท่ี�สุดในำโล่ก”
จัังหวััดตี�ก
28
หลมุ ขดุ ึคำ้นท่ี� 1
ตำำ�แหนง่ ท่ต�ี ำงั�
หลุมขดุ ึคำ้นท่ี� 2
หลมุ ขดุ ึคำน้ ท่ี� 4
หลมุ ขุดึคำน้ ท่ี� 3
29
หลมุ ขดุ ึคำน้ ท่ี� 5 หลมุ ขดุ ึคำ้นท่ี� 7
หลมุ ขดุ ึคำน้ ท่ี� 6 30
แหล่ง่ ไมก� ล่ายเปน็ หินบา� นตีาก
“ไมก� ล่�ยเป็นำหินำท่�ยี �วัท่ีส� ุดในำโล่ก”
จังั หวัดั ตี�ก
แหล่งซากไมก� ลายเป็นหินบ�านตาก ต�งั อยใู่ นพ�นื ท์�ตี าำ บลตากออก อาำ เภอบ�านตาก จังหวัดตาก ถูกคน� พบคร�งั แรก
เมอ�ื ป ี พ.ศ์. 2546 โดยนายวชริ ะ มว่ งชมุ และคณีะ เจา� หนา� ท์ป�ี า่ ไม � พบไมก� ลายเปน็ หนิ โผลข่ ัน�ึ มาในลาำ หว� ยกลางปา่ ลกึ จงึ ได�
รว่ มมอื กบั หนว่ ยงานท์เ�ี กย�ี วขัอ� ง เพอ�ื ท์าำ การเปดิ หนา� ดนิ ออก จงึ พบวา่ ท์ม�ี คี วามยาวมากถงึ 72.22 เมตร ซง�ึ ถอื วา่ เปน็ ซากไม�
กลายเปน็ ท์ม�ี ขี ันาดใหญ ่ ยาว และสมบรู ณีท์ ์ส�ี ดุ เท์า่ ท์เ�ี คยพบมาในโลก การสาำ รวจขัดุ คน� พบวา่ ไมก� ลายเปน็ หนิ ฝงั ตวั อยใู่ ตช� น�ั
กรวดแมน่ าำ� ยคุ ควอเท์อรน์ าร ี อกี ท์ง�ั ในพน�ื ท์โ�ี ดยรอบกวา่ 35 ตารางกโิ ลเมตร ยงั พบไมก� ลายเปน็ หนิ กระจายตวั อย ู่ และไดม� ี
การขัดุ ขัน�ึ มาเพอ�ื จดั แสดง และพฒั นาเปน็ แหลง่ เรยี นรแ�ู ลว� จาำ นวน 7 หลมุ ขัดุ คน� สว่ นใหญเ่ ปน็ ไมท� ์อ�ี ยใู่ นตระกลู ท์องบง�ึ
(Koompassioxylon elegans) และไมม� ะคา่ โมง (Pahudioxylon sp.) จากการศ์กึ ษัาอายดุ ว� ยวธิ วี เิ คราะหก์ ารเรอื งแสงดว� ย
ความรอ� น (Thermoluminescence, TL) สรปุ ไดว� า่ ไมก� ลายเปน็ หนิ นถ�ี กู ฝงั ในชว่ งเวลา 50,000 – 120,000 ปกี อ่ น
แหล่งซากดึกดาำ บรรพ์ไม�กลายเป็นหินจังหวัดตาก ได�รับการประกาศ์ให�เป็นแหล่งซากดึกดาำ บรรพ์ท์�ขี ั�นึ ท์ะเบียน
ตามพระราชบญั ญตั คิ ม�ุ ครองซากดกึ ดาำ บรรพ ์ พ.ศ์. 2551 เมอ�ื วนั ท์ �ี 31 มนี าคม พ.ศ์. 2559 จาำ นวน 3 ประกาศ์ คอื
แหล่่งซ�กไม�กล่�ยเป็นำหนิ ำจัังหวััดตี�ก (บูริเวัณ์หลุ่มข้ดุ คำ�นำท่�ี 1-4)
หลมุ ขดุ ึคำ้นท่�ี 1 หลมุ ขุดึคำน้ ท่�ี 2
หลมุ ขุดึคำน้ ท่�ี 3 หลมุ ขดุ ึคำ้นท่�ี 4
31
แหล่่งซ�กไมก� ล่�ยเป็นำหินำจังั หวััดตี�ก (บูริเวัณ์หลุ่มขุ้ดคำ�นำท่�ี 5)
หลมุ ขดุ ึคำ้นท่�ี 5 หลุมขดุ ึคำ้นท่�ี 5
แหล่่งซ�กไมก� ล่�ยเป็นำหินำจัังหวััดตี�ก (บูรเิ วัณ์หลุ่มข้ดุ คำ�นำท่�ี 6-7)
หลุมขดุ ึคำ้นท่�ี 6 ปัจจุบันในพ�ืนท์ี�ได�พัฒนาเป็นแหล่งท์่องเท์ี�ยวท์�ีสำาคัญ
ในจังหวัดตาก และเตรียมการเพ�ือจัดต�ังเป็นอุท์ยานแห่งชาติ
ในอนาคต โดยมีการสร�างอาคารคลุมหลุมขัุดค�นในไม�กลาย
เปน็ หนิ ตน� ท์ �ี 1 , 6 และ 7 มปี รบั ปรงุ ภมู ทิ ์ศั ์นโ์ ดยรอบ มรี ะบบ
สาธารณีูปโภค และสิ�งอาำ นวยความสะดวกภายในแหล่ง
ซากดึกดำาบรรพ์ เพื�อรองรับนักท์่องเท์ี�ยว ผู�สนใจ รวมท์ั�ง
นักวิจยั ท์ั�งในและตา่ งประเท์ศ์ท์เี� ขัา� มาศ์ึกษัาเยีย� มชม
การเดินท์างจากตวั เมอื งตาก ใช�ท์างหลวงหมายเลขั 1
ไปท์างท์ิศ์เหนือ ประมาณี 24 กิโลเมตร ใช�เวลาเดินท์าง
ประมาณี 20 นาท์ี
พ์กิ ดั ึตำาแหนั่ง : 17.0689402, 99.0856233
หลุมขุดึคำ้นท่�ี 7
32
ซากดึกดำาบรรพ์์ไทรโลุ่ไบตี์ อา� วเมาะเเลุ่ะ
ตีำ�บูล่เก�ะส�หร่�ย อ�ำ เภูอเมอื ง จัังหวััดสตีูล่
33
6
แหล่่งซ�กไท่รโล่ไบูตี์อ�่ วัเม�ะแล่ะ
“แหล่ง่ ซ�กดึกดำ�บูรรพ์
ท่อ�ี �ยเุ ก�่ แกท่ ่ี�สุดข้องไท่ย”
จังั หวััดสตีูล่
34
อ�่ วเม�ะเเละ
อุท่ย�นเเห่งชี�ตำิตำะรุเตำ� จั.สตำลู
35
36
แหล่่งซากไท่รโล่ไบตี์อา่ วีเมาะแล่ะ
“แหล่ง่ ซ�กดกึ ด�ำ บูรรพ์ท่มี� อี �ยเุ ก�่ แกท่ ่สี� ดุ ข้องไท่ย”
จัังหวัดั สตีูล่
“ส่าวเมาะและ” เป็นอ่าวท์ี�ตั�งอยู่ท์างด�านตะวันตก ไทยเอนซิส (Pagodia thaiensis) ไทยแลันเดยี ม โซลัมั
ขัองเกาะตะรุเตา เขัตอุท์ยานแห่งชาติตะรุเตา ตาำ บลเกาะ (Thailandium solum) อี โ อ ซ อ เ กี ย บุุ รั า วี า สิ
สาหรา่ ย อำาเภอเมอื ง จงั หวดั สตลู นอกจากนย�ี งั เปน็ สว่ นหนง�ึ (Eosaukia buravasi) โปรัซอเกีย ตะรัุเตาเอนซิส
ขัอง “อุท์ยานธรณีีสตลู ” ซ�งึ เปน็ อุท์ยานธรณีีระดับโลก (Prosaukia tarutaoensis) โปรัซอเกีย โอคููลัาตา
แหล่งซากดึกดาำ บรรพ์อ่าวเมาะและ ถูกค�นพบเมื�อ (Prosaukia oculata) โคูเรัียโนเซฟาลััส พุลัานูลัาทัส
ปี พ.ศ์. 2500 โดย Teiichi Kobayachi นักบรรพชวี ินวิท์ยา (Coreanocephalus planulatus) แลัะ สตูลัอารัค์ ูสั
ชาวญป�ี นุ่ เมอื� ครง�ั ปฏบิ ตั กิ ารภายใตโ� ครงการความรว่ มมอื ไท์ย เมาะแลัะเอนซสิ (Satunarcus molaensis) การค�นพบนี�ยงั
- ญ�ีปุ่น พบซากดึกดาำ บรรพ์ขัองสัตว์ท์ะเลโบราณีบนช�นั ท์าำ ใหแ� หลง่ ซากดกึ ดาำ บรรพไ์ ท์รโลไบตอ์ า่ วเมาะและเปน็ แหลง่
หินท์รายสีแดงซ�งึ วางเรียงรายตามแนวโขัดหินรอบ ๆ อ่าว ซากดึกดำาบรรพ์ท์ี�มีอายุเก่าแก่ท์�ีสุดเท์่าท์�ีค�นพบมาใน
โดยเฉพาะไท์รโลไบต ์ (Trilobites) จากการศ์ึกษัาวจิ ยั ท์าำ ให� ประเท์ศ์ไท์ยอกี ด�วย
ท์ราบว่าอยู่ในยุคแคมเบรียนตอนปลาย อายุประมาณี แหล่งซากไท์รโลไบต์อ่าวเมาะและได�รับการ
495 ลา� นปกี อ่ น ภายหลงั จงึ ตง�ั ชอ�ื ชน�ั หนิ นว�ี า่ “กลมุ่ หนิ ตะรเุ ตา” ประกาศ์ให�เป็นแหล่งซากดึกดาำ บรรพ์ท์ี�ขัึ�นท์ะเบียนตามพ
และได�สาำ รวจศ์ึกษัาโดยท์�ัวเกาะตะรุเตาพบว่ามีซาก ระราชบญั ญตั คิ ม�ุ ครองซากดกึ ดาำ บรรพ ์ พ.ศ์. 2551 เมอื� วนั
ดกึ ดาำ บรรพ์ไท์รโลไบต์ มากกว่า 20 ชนิด เป็นชนิดใหม่ขัอง ท์ �ี 28 สิงหาคม 2560 ปัจจบุ ันพ�นื ท์ีด� ังกลา่ วเป็นแหลง่ ท์่อง
โลกท์ี�ค�นพบจากเกาะตะรุเตาถึง 7 ชนิด คือ พุาโกเดีย เท์ี�ยวท์�ีสำาคัญแห่งหนึ�งบนเกาะตะรุเตา ด�วยหาดท์ราย
37
ท์ขี� ัาว บรรยากาศ์สวยสงบ นาำ� ท์ะเลใสสะอาด และยงั เปน็ จดุ ชมพระอาท์ติ ยต์ กท์สี� วยงามแหง่ หนงึ� อกี ดว� ย ประกอบกบั มแี หลง่
เรียนร�ูซากดกึ ดาำ บรรพท์ ์เ�ี กา่ แกท่ ์ส�ี ดุ ในประเท์ศ์ไท์ยภายในอ่าว จึงสามารถสร�างความสนใจแก่นักท์่องเท์ี�ยวและนักวิจัยท์ั�ง
ชาวไท์ยและชาวต่างชาติเขั�ามาอย่างไม่ขัาดสายตลอดท์ั�งปี
การเดนิ ท์างจากตวั เมอื งสตลู ตอ� งใชเ� รอื โดยสารโดยลงเรอื จากท์า่ เรอื ปากบารา ตำาบลปากนำา� อำาเภอละง ู จงั หวดั สตลู
ใชเ� วลาเดินท์างประมาณี 30 - 45 นาท์ี
พ์ิกัดึตำาแหนัง่ : 6.670584, 99.634024
ตำำ�แหนง่ ท่ตี� ำงั�
38
อ�่ วเม�ะเเละ
อุท่ย�นเเห่งชี�ตำิตำะรุเตำ� จั.สตำลู
39
40
41
7
แหล่่งสุส�นำหอยแหล่มโพธุ์�ิ
“สุส�นำหอยนำ�ำ�จัืดในำท่ะเล่”
จังั หวััดกระบูี�
42
แหล่ง
สุส�นหอย
แหลมโพธุ์ิ�
จั.กระบ�ี
43