แผนการจดั การเรียนรู้แบบบูรณาการท่ี 6 หนว่ ยที่ 5
รหัสวชิ า 30200-1002 หลกั การตลาด (Principle of Marketing) สอนคร้งั ท่ี 6
ชอื่ หน่วย/เร่ือง ผลิตภัณฑ์ (21-24)
จานวน 4 ช.ม.
๑.สาระสาคัญ
ผลิตภัณฑ์เป็นส่ิงที่ธุรกิจนาออกเสนอขายแก่ผู้บริโภค ประกอบด้วยส่ิงท่ีมีตัวตนสามารถสัมผัสได้ ได้แก่
ประโยชน์ใช้สอย คุณสมบัติ ส่วนประกอบ บรรจุภัณฑ์ ตรายี่ห้อ รูปแบบ สี กลิ่น และส่ิงท่ีไม่มีตัวตนสัมผัสไม่ได้
โดยตรง ได้แก่ แนวความคิด การให้บริการการอานวยความสะดวกต่าง ๆ เป็นส่ิงท่ีนักการตลาดต้องศึกษาและ
วางแผน เพ่ือตอบสนองความต้องการของผูบ้ ริโภคและทาให้ได้รบั ความพงึ พอใจสงู สุด
๒.สมรรถนะประจาหน่วย
1. แสดงความรู้เก่ยี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ตามหลกั การ
2. วิเคราะหแ์ นวคิดของสินค้าตามหลักการตลาด
๓.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นการสอน
1. บอกความหมายของผลิตภัณฑ์ได้
2. อธบิ ายองคป์ ระกอบของผลิตภณั ฑ์ได้
3. อธบิ ายและแบ่งประเภทของผลิตภัณฑ์ได้
4. อธบิ ายสว่ นประสมของผลิตภณั ฑไ์ ด้
5. อธบิ ายส่วนประกอบของผลติ ภัณฑ์ได้
6. อธบิ ายประเภทของตราสินคา้ ได้
7. อธิบายและออกแบบบรรจภุ ณั ฑไ์ ด้
8. อธิบายและกาหนดกลยุทธ์ในวงจรชีวติ ผลิตภัณฑไ์ ด้
๔.คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์
มีการพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคข์ องผู้สาเรจ็ การศกึ ษา สานักงาน
คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ทค่ี รูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรือ่ ง
1 .ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
2. ความมีวนิ ัย
3. ความรบั ผดิ ชอบ
4. ความซ่ือสตั ยส์ จุ ริต
5. ความเชอื่ มั่นในตนเอง
6 การประหยดั
7. ความสนใจใฝรุ ู้
8. การละเวน้ สงิ่ เสพติดและการพนนั
9. ความรักสามัคคี
10. ความกตัญญูกตเวที
๕.เนอื้ หาสาระการเรียนรู้
1. ความหมายของผลิตภณั ฑ์ (The Meaning of Product)
2. องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ (Product Component)
3. การแบง่ ประเภทของผลิตภัณฑ์ (Product Classification)
4. ส่วนประสมของผลิตภณั ฑ์ (Product Mix)
5. ส่วนประกอบของผลิตภณั ฑ์ (Product Consist)
6. ประเภทของตราสนิ คา้ (Types of Brand)
7. บรรจภุ ัณฑ์ (Package)
8. วงจรชวี ิตผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle=PLC)
๖.กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครอู ภปิ รายใหผ้ ู้เรียนเข้าใจผลติ ภณั ฑ์ (Product) เป็นส่ิงท่ีเสนอขายโดยธุรกิจ เพ่ือสนองความต้องการ
ของผู้บริโภคให้ได้รับความพึงพอใจ ผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายอาจมีตัวตนหรือไม่มีตัวตนก็ได้ ซึ่งประกอบด้วย สินค้า
บรกิ าร ความคดิ สถานท่ี องค์กร หรือบคุ คล
2. ผูเ้ รยี นยกตัวอยา่ งผลิตภัณฑ์เพ่ือเป็นตัวอย่าง
ข้ันสอน
3. ครแู ละผเู้ รียนใชเ้ ทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ซ่ึงเป็นวธิ ีสอนท่ผี สู้ อนให้ความรู้ตาม
เน้อื หาสาระดว้ ยการเล่าอธบิ ายโดยท่ีผ้เู รียนเปน็ ผฟู้ งั และเปิดโอกาสให้ซักถามปัญหาได้บ้างในตอนทา้ ยของการ
บรรยายเกย่ี วกับความหมายของผลติ ภณั ฑ์ (The Meaning of Product)
4. ครใู ชเ้ ทคนิควิธกี ารจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) หมายถึงกระบวนการเรียนรู้ท่ี
จัดใหผ้ ้เู รยี นได้ร่วมมือและช่วยเหลือกนั ในการเรยี นรโู้ ดยแบ่งกล่มุ ผูเ้ รยี นทม่ี ีความสามารถต่างกนั ออกเปน็ กลุ่มเล็ก
ซ่ึงเปน็ ลักษณะการรวมกลุ่มอย่างมโี ครงสร้างท่ชี ัดเจน มีการทางานร่วมกนั มีการแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ มีการ
ชว่ ยเหลอื พ่ึงพาอาศัยซ่ึงกนั และกนั มคี วามรับผิดชอบรว่ มกันท้งั ในสว่ นตนและส่วนรวมเพือ่ ให้ตนเองและสมาชิก
ทุกคนในกล่มุ ประสบความสาเรจ็ ตามเปูาหมายทกี่ าหนดไว้ ดงั น้ี
4.1 แบง่ ผเู้ รียนเปน็ กลุ่มๆ ละ 5-6 คน
4.2 แต่ละกลุ่มรบั ผิดชอบดังนี้
กลุ่มที่ ➀ องคป์ ระกอบของผลติ ภณั ฑ์ (Product Component)
กลมุ่ ที่ ② การแบง่ ประเภทของผลิตภณั ฑ์ (Product Classification)
กลุ่มท่ี ③ สว่ นประสมของผลติ ภณั ฑ์ (Product Mix)
กลุม่ ที่ ④ สว่ นประกอบของผลิตภณั ฑ์ (Product Consist)
กลมุ่ ท่ี ⑤ ประเภทของตราสนิ คา้ (Types of Brand)
กลุ่มท่ี ⑥ บรรจุภัณฑ์ (Package)
กลุ่มที่ ⑦ วงจรชีวิตผลิตภณั ฑ์ (Product Life Cycle=PLC)
4.3 นาเสนอสถานการณจ์ าลอง
4.4 เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนความรูร้ ะหวา่ งกลุ่ม
4.5 ประเมนิ และเสนอแนะการนาเสนอของกลุ่มอ่นื
5. ครูและผเู้ รยี นใชเ้ ทคนิควธิ ีสอนแบบสาธิต (Demonstration Method) เปน็ วิธีสอนทีค่ รแู สดงให้
ผู้เรียนดูและใหค้ วามรู้แกผ่ ู้เรียนโดยใช้สอื่ การเรียนรู้ทีเ่ ป็นรูปธรรม และผเู้ รียนได้ประสบการณต์ รง ซง่ึ ครูเป็นผู้
สาธติ และใหผ้ ู้เรียนฝึกทักษะปฏบิ ตั ิตามเพื่อเรียนร้อู งคป์ ระกอบของผลิตภัณฑ์ (Product Component)
6.ครูละผ้เู รียนใช้เทคนคิ วธิ สี อนแบบใชโ้ สตทศั นวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method)
เป็นวิธีสอนท่นี าอปุ กรณโ์ สตทัศน์วสั ดมุ าชว่ ยพฒั นาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทศั นว์ สั ดุดงั กล่าว ไดแ้ ก่ Power
Point เพ่ืออธบิ ายการแบ่งประเภทของผลิตภณั ฑ์ (Product Classification)
7. ครูและผเู้ รยี นใชเ้ ทคนคิ วิธีสอนแบบสาธติ (Demonstration Method) เป็นวธิ ีสอนท่ีครูแสดงใหผ้ ูเ้ รียนดู
และให้ความรู้แก่ผู้เรียนโดยใช้ส่ือการเรียนรู้ท่ีเป็นรูปธรรม และผู้เรียนได้ประสบการณ์ตรง ซึ่งครูเป็นผู้สาธิต และ
ให้ผู้เรยี นฝกึ ทักษะปฏบิ ตั ิตามเพอ่ื เรียนรู้สว่ นประสมของผลิตภณั ฑ์ (Product Mix)
✓สายผลติ ภัณฑ์ (Product Line)
✓รายการผลิตภณั ฑ์ (Product Item)
8. ครแู ละผู้เรียนใชเ้ ทคนคิ การเรียนรแู้ บบใช้คาถาม (Questioning Method) เก่ียวกับสว่ นประกอบของ
ผลติ ภณั ฑ์ (Product Consist)
9. ครูและผูเ้ รียนใชเ้ ทคนคิ การจดั การเรียนรู้แบบสาธติ (Demonstration Method) เกี่ยวกับ
สว่ นประกอบของผลิตภณั ฑ์ (Product Consist) โดยใช้ Power Point เป็นส่ือประกอบ
10. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิคการสอนแบบการจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย (Discussion Method) คือ
กระบวนการที่ผู้สอนมงุ่ ใหผ้ ูเ้ รียนมโี อกาสสนทนาแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ หรือระดมความคิดในเร่ืองงานท่ีเก่ียวข้อง
โดยมีจุดมงุ่ หมายเพอ่ื หาคาตอบ แนวทางหรอื แกป้ ญั หาร่วมกัน ซ่งึ ม่งุ เนน้ ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ คือ ร่วม
คิด ร่วมวางแผน ร่วมตัดสินใจ ร่วมปฏิบัติงานและชื่นชมผลงานร่วมกันเก่ียวกับเคร่ืองหมายการค้า มี 4 ประเภท
ดงั นี้
✓เครือ่ งหมายการค้า (Trademark)
✓เครื่องหมายบรกิ าร (Service Mark)
✓เคร่อื งหมายรับรอง (Certification Mark)
✓เครอ่ื งหมายร่วม (Collective Mark)
11. ครูและผเู้ รยี นใช้เทคนคิ การจดั การเรยี นรู้แบบสาธติ (Demonstration Method)) โดยใช้ Power
Point เป็นสอ่ื ประกอบเกีย่ วกับเครอ่ื งหมายการค้าอาจมีการกากบั ด้วยตัวอักษร TM หมายถึงเคร่ืองหมายการคา้ ท่ี
มไิ ด้จดทะเบยี น หรือ ® หมายถึงเคร่ืองหมายการคา้ จดทะเบยี นเปน็ สัญลกั ษณ์สากล
✓โลโก้ (Logo) หมายถึง เครอ่ื งหมาย หรอื สญั ลักษณ์ ทใี่ ช้สอ่ื สารให้ลกู ค้าได้รับรู้ ซ่ึงเป็นส่วนหนง่ึ ของ
ตราสินค้าหรอื เคร่ืองหมายตราสนิ ค้า หรือทัง้ 2 อย่างรวมกัน โลโกเ้ ปน็ สิง่ ทีช่ ว่ ยสรา้ งความแตกต่างและเอกลกั ษณ์
ทโี่ ดดเด่นของบริษัท ทาใหส้ ะท้อนถงึ บุคลิกภาพของตราสินคา้ (Brand Personality) บง่ บอกถงึ ความน่าเชอ่ื ถือ
ความเชื่อมนั่ ในความสาเร็จของบริษัท
ตวั อยา่ งโลโก้
✓คาขวัญ (Slogan) หมายถึง ข้อความที่แสดงถึงลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นข้อความส้ัน ๆ
งา่ ยต่อการจดจา ตัวอย่าง คาขวัญ-นมสดหนองโพ นมโคแท้ ๆ
- ทฟิ ฟี่ แผงสเี ขยี ว
- ธนาคารกสกิ รไทย “บริการทุกระดบั ประทบั ใจ”
- ชอ่ งเจด็ สีทวี เี พื่อคุณ
- สวนสยาม ทะเลกรุงเทพฯ
- ธนาคารกรุงเทพ “เพอ่ื นคคู่ ดิ มติ รคู่บ้าน”
✓ลิขสิทธ์ิ (Copyright) หมายถึง สิทธิแต่ผู้เดียวท่ีกฎหมายรับรองให้ผู้สร้างสรรค์กระทาการใด ๆ
เก่ียวกับงานที่ตนได้ทาข้ึน ได้แก่ สิทธิท่ีจะทาซ้า ดัดแปลง หรือนาออกโฆษณา ไม่ว่าในรูปลักษณะอย่างใดหรือวิธี
ใด รวมทงั้ อนญุ าตให้ผ้อู ืน่ นางานนั้นไปทาเช่นว่านัน้ ดว้ ย โดยจะแสดงสัญลกั ษณ์ ©
งานทเ่ี กยี่ วกบั ลิขสทิ ธิ์ ได้แก่
- งานวรรณกรรม เชน่ หนังสือ บทความ โคลง กลอน โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ เปน็ ต้น
- งานนาฏกรรม เช่น การเตน้ การรา การแสดงตา่ ง ๆ เปน็ ต้น
- งานศิลปกรรม เชน่ จติ รกรรม ประตมิ ากรรม ภาพพมิ พ์ เปน็ ตน้
- งานดนตรี เช่น เนื้อรอ้ ง ทานอง เป็นต้น
✓ปา้ ยฉลาก (Label) หมายถึง สว่ นหน่งึ ของผลิตภัณฑ์ หรือ บรรจุภัณฑ์ ซ่ึงเป็นข้อความท่ีแสดงข้อมูล
ข่าวสาร รายละเอียดตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวกับผลิตภณั ฑ์ เพือ่ ให้ผู้บรโิ ภคได้รับรู้
ปูายฉลากอาจจะพิมพ์ลงบนตัวผลิตภัณฑ์ หรือพิมพ์ลงบนกระดาษ แล้วติดไว้ท่ีตัวผลิตภัณฑ์หรือหีบห่อ
ซ่ึงรวมถึง คมู่ อื เอกสารทใ่ี ช้ประกอบผลติ ภณั ฑ์ ปาู ยฉลากสามารถแบ่งเปน็ 3 ส่วน คือ
8.1 ปาู ยฉลากแสดงตราสินค้า (Brand Label)
8.2 ปาู ยฉลากแสดงคุณภาพของสนิ ค้า (Grade Label)
8.3 ปูายฉลากแสดงรายละเอียดของสินคา้ (Descriptive Label)
ป้ายฉลากแสดงตราสนิ คา้
(Brand Label)
✓บาร์โคด้ (Barcode) หมายถึง สัญลักษณ์รหัสแท่งท่ีมีเลขหมายประจาตัวของสินค้าเป็นรหัสตัวเลขท่ี
เปน็ ระบบมาตรฐานสากล เพอ่ื ใช้แทนข้อมลู เก่ียวกบั ประเทศทีผ่ ลิต ผผู้ ลติ ชนดิ และราคาสนิ ค้า
รหัสแท่งของบาร์โค้ดเป็นลักษณะแถบเส้นสีดา ที่มีความหนาบางแตกต่างกัน วางเรียงในแนวตั้งบนพ้ืนสี
ขาวทีเ่ ป็นความห่างของแถบ ความหนาบางของเส้นสดี าและระยะห่างจะถกู กากับโดยตัวเลขท่ีอยู่ข้างล่าง รหัสแท่ง
ทแี่ สดงขอ้ มูลของสนิ คา้ หรือบาร์โค้ดทีน่ ยิ มใช้แบ่งออกเป็น 2 ระบบ คอื
1) ระบบ UPC (Universal Product Code) เป็นบารโ์ คด้ ระบบแรกของโลก เรมิ่ ทดลองใช้
ในปี พ.ศ. 2513 และปรับปรุงให้สามารถใช้ได้สมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2516 นิยมใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา และ
แคนาดา ซ่งึ มีอยู่ 4 ชนดิ คือ
1) แบบย่อมี 8 หลกั หรอื เรยี ก UPC-E ใช้กับสนิ คา้ ทม่ี ขี ้อมลู น้อย
2) แบบมาตรฐานมี 12 หลกั หรอื เรียก UPC-A เปน็ แบบทน่ี ิยมใชอ้ ยู่ทัว่ ไป
3) แบบเพ่มิ ตัวเลข 2 หลกั หรอื เรียก UPC-A+2 ในกรณที ่ี UPC-A ใช้เก็บข้อมลู ไมพ่ อ
4) แบบเพิ่มตวั เลข 5 หลกั หรือเรียก UPC-A+5 เพอื่ เพม่ิ ข้อมลู ให้มากข้นึ
2) ระบบ EAN (European Article Number) เป็นระบบบาร์โค้ดที่ได้พัฒนาขึ้นในแถบยุโรป สามารถ
ใช้ได้อย่างสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ. 2520 และใช้แพร่หลายท่ัวโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย เป็นระบบที่บรรจุข้อมูล
สินค้าได้มากกว่า มี 4 ชนดิ คือ
1) แบบยอ่ มี 8 หลกั หรอื เรียก EAN-8 ใช้กบั ธุรกจิ เล็ก มีข้อมูลไม่มาก
2) แบบมาตรฐานมี 13 หลกั หรือเรยี ก EAN-13 (ประเทศไทย)
3) แบบเพม่ิ ตัวเลข 2 หลกั หรือ EAN-13+12 เพอื่ เพิ่มขอ้ มูล ถ้า EAN-13 บรรจขุ อ้ มูลไม่หมด
4) แบบเพมิ่ ตวั เลข 5 หลัก หรือเรียก EAN-13+5 เพือ่ เพ่ิมขอ้ มลู ให้มากขนึ้
แบบมาตรฐาน มตี ัวเลข 13 หลัก และแบบย่อ มีตวั เลข 8 หลัก
ความหมายของตัวเลขในบารโ์ คด้ ระบบ EAN – 13
ตวั เลข ความหมาย
3 ตวั แรก
4 ตวั ถดั จากรหัสประเทศ รหสั ประเทศ (Country Code)
เปน็ เลขประจาตัวของนายทะเบยี นของแต่ละประเทศ ซ่ึงEAN เปน็ ผูก้ าหนดให้
5 ตวั ถัดจากรหสั สมาชกิ
รหัสสมาชิก (Manufacture Code)
1 ตัว สดุ ทา้ ย เป็นรหัสของโรงงานที่ผลติ ซง่ึ สถาบันสัญลักษณ์รหัสจะเป็นผู้กาหนดรหสั ให้
สมาชกิ เพื่อปูองกันการต้ังรหสั ซา้ กนั
รหัสประจาตวั สนิ ค้า (Product Code)
เปน็ ตวั เลขรหัสกากบั สนิ ค้า ซึ่งลกู คา้ ท่ีเป็นสมาชกิ ของสถาบันฯ จะต้องเปน็ ผู้
กาหนดเองเพื่อสะดวกในการจดั เก็บข้อมูลของสนิ คา้ แต่ละชนิด
รหัสตรวจสอบการอา่ นถกู ต้อง (Check Digit)
เปน็ ตัวเลขตรวจสอบของคอมพิวเตอร์ เพื่อพสิ จู น์วา่ ตัวเลขทอ่ี ยู่ขา้ งหนา้ น้ัน
ถูกต้องหรือไม่
12. ครแู ละผ้เู รียนใชเ้ ทคนิคการสอนแบบการจัดการเรยี นรู้แบบอภปิ ราย (Discussion Method) คอื
กระบวนการทผ่ี สู้ อนมุ่งใหผ้ ู้เรียนมโี อกาสสนทนาแลกเปล่ยี นความคิดเห็นหรือระดมความคิดในเรื่องงานที่เกี่ยวข้อง
โดยมีจดุ ม่งุ หมายเพื่อหาคาตอบ แนวทางหรือแกป้ ญั หาร่วมกัน ซึง่ มุง่ เนน้ ให้ผเู้ รยี นมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ คือ ร่วม
คิด ร่วมวางแผน รว่ มตดั สินใจ ร่วมปฏิบัติงานและช่ืนชมผลงานร่วมกันเกี่ยวกับประเภทของตราสินค้า (Types of
Brand) การเลอื กใช้ตราสนิ คา้ มดี งั นี้
1) ตราสินค้าเดียว (Family Brand)
2) ตราสนิ คา้ เฉพาะผลิตภณั ฑ์ (Individual Brand)
3) ตราสนิ คา้ เดยี วแยกกันสาหรับผลิตภัณฑแ์ ต่ละกลุ่ม (Separate Family Brand for all Product)
4) ตราสินคา้ เฉพาะผลิตภณั ฑร์ ว่ มกบั ชือ่ กิจการ (The Company Combine with on Individual
Brand)
13. ครแู ละผเู้ รียนใชเ้ ทคนิควิธสี อนแบบใช้โสตทศั นวสั ดุ (Audio-Visual Material of Instruction
Method) เป็นวธิ สี อนทน่ี าอุปกรณโ์ สตทศั น์วัสดมุ าช่วยพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นการสอน โสตทศั นว์ ัสดดุ ังกลา่ ว
ได้แก่ Power Point เพอื่ ประกอบการอธบิ ายบรรจภุ ัณฑ์ (Package)
14.ครแู ละผูเ้ รยี นใช้เทคนิควิธสี อนแบบใช้โสตทัศนวสั ดุ (Audio-Visual Material of Instruction
Method) เปน็ วิธีสอนที่นาอปุ กรณโ์ สตทศั นว์ สั ดุมาชว่ ยพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นการสอน โสตทัศน์วัสดดุ งั กลา่ ว
ได้แก่ Power Point เพ่อื ประกอบการอธบิ ายวงจรชวี ติ ผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle=PLC)
15. ผเู้ รยี นอา่ นกรณศี กึ ษา แล้ววเิ คราะห์ตามสถานการณ์ของตวั อยา่ งที่กาหนดให้
16. ผู้เรยี นฝึกทกั ษะดงั ตอ่ ไปน้ี
1) หารูปภาพสินคา้ คนละ 1 รปู โดยมรี ายละเอยี ดสินค้าประกอบแลว้ นามาตดิ ลงบนกระดาษ
2) ผูเ้ รยี นศกึ ษาเกย่ี วกับองค์ประกอบของผลติ ภณั ฑ์
3) ผเู้ รยี นพจิ ารณาถึงคณุ สมบตั แิ ละลกั ษณะของผลิตภณั ฑ์ แลว้ ให้อธิบายถึงองค์ประกอบของ
ผลิตภัณฑ์ โดยเขียนลงบนกระดาษรายงานที่ไดต้ ดิ รูปไว้
17. ผ้เู รียนฝึกทักษะดังต่อไปน้ี
1) ผูเ้ รียนแบง่ กลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน ตามความสมัครใจ โดยใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเลือกหวั หนา้ กลมุ่ ๆ ละ 1
คน เพื่อเป็นผคู้ วบคุมและดาเนนิ กิจกรรม
2) ครผู สู้ อนช้ีแจงให้ผเู้ รียนแต่ละกล่มุ ศึกษาเกย่ี วกับบรรจุภณั ฑ์และส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์
3) ผู้เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มมือกันในการระดมความคดิ เพอื่ ออกแบบบรรจภุ ัณฑโ์ ดยมีเง่ือนไขดังนี้
- ให้วาดรปู บรรจภุ ัณฑบ์ รรจภุ ัณฑ์ช้นั ใน และมสี ่วนประกอบของผลติ ภัณฑ์ปรากฏอย่างครบถ้วน
4) แต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงานหน้าชน้ั เรียน
5) ผเู้ รียนในชั้นเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น
18. ผู้เรยี นนาตวั อย่างรปู ภาพของผลิตภณั ฑเ์ พอื่ การบรโิ ภค (Consumer Products) มาประกอบ
19. ผ้เู รียนทารายงานเปน็ กรณศี ึกษา ดงั นี้
✓จัดทารายงานเปน็ รายบุคคลหรอื เป็นกล่มุ ก็ไดข้ ้นึ อยู่กบั ความเหมาะสมของสภาพการเรียนรู้
✓สารวจและเลอื กบริษัท ห้างร้าน มาจานวน 1 แหง่
✓สารวจขอ้ มลู ของกิจการเบื้องต้นเกยี่ วกบั ชอื่ ทีต่ ้ัง สนิ ค้าท่ีผลติ หรือจาหน่าย ฯลฯ
✓หาขอ้ มลู บริษทั วา่ มีส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วยสายผลิตภณั ฑ์ (Product Line)
และรายการผลิตภณั ฑ์ (Product Item) อยา่ งไรบ้าง จงระบุเป็นข้อ ๆ พร้อมรูปภาพผลิตภณั ฑ์ประกอบ
✓ในกิจการของบริษัทน้ันได้มีการพิจารณาส่วนประสมของผลิตภัณฑ์อย่างไรบ้าง ให้อธิบาย
พร้อมรูปภาพผลติ ภัณฑ์ ประกอบด้วย
1) ความกวา้ งของผลติ ภณั ฑ์ (Product Width) วา่ มีก่สี ายผลติ ภัณฑ์ อะไรบา้ ง
2) ความลึกของผลิตภณั ฑ์ (Product Depth) พร้อมยกตวั อย่างประกอบ
3) ความยาวของผลิตภณั ฑ์ (Product Length)
4) ความสอดคลอ้ งของผลิตภณั ฑ์ (Product Line Consistency)
20.ผู้ทารายงานเป็นกรณศี ึกษา (ตอ่ จากข้อ 19) ดังนี้
✓จดั ทารายงานเปน็ รายบคุ คลหรือเปน็ กลุ่มกไ็ ดข้ ้ึนอยู่กบั ความเหมาะสมของสภาพการเรยี นรู้
✓สารวจและเลือกบรษิ ัท ห้างรา้ น มาจานวน 1 แห่ง (ต้องเป็นกจิ การเดียวกับใบงานที่ 5.4)
✓สารวจขอ้ มลู ของกจิ การเบือ้ งตน้ เกยี่ วกับช่อื ทต่ี ั้ง สนิ ค้าที่ผลติ หรอื จาหน่าย ฯลฯ
✓หาขอ้ มลู บริษทั วา่ มีสว่ นประกอบของผลติ ภัณฑ์ (Product Consist) พร้อมรปู ภาพไดแ้ ก่
(1) ตราสนิ คา้ (Brand) (6). คาขวญั (Slogan)
(2).ชือ่ ตราสนิ คา้ (Brand Name) (7).ลขิ สิทธ์ิ (Copyright)
(3) เครอ่ื งหมายตราสินค้า (Brand (8). ปูายฉลาก (Label)
Mark) (9). บารโ์ ค้ด (Barcode)
(4).เครอ่ื งหมายการคา้ (Trade Mark)
(5). โลโก้ (Logo)
21. ครูเน้นให้ผู้เรียนพิจารณาการพัฒนาองค์การ โดยใช้ความมีเหตุมีผล และความรอบคอบ ระมัดระวัง
ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันทีดีในตัวเองได้ ซึ่งความมีเหตุผล หมายถึงการตัดสินใจเก่ียวกับระดับของความพอเพียงต้อง
เป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเก่ียวข้องคานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทานั้นๆ
อย่างรอบคอบ ส่วนการมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึงการเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลง
ด้านตา่ งๆ ที่จะเกดิ ข้ึนโดยคานงึ ถึงความเปน็ ไปได้ของสถานการณ์ต่างๆท่ีคาดวา่ จะเกดิ ข้นึ ในอนาคต
ข้นั สรุปและการประยกุ ต์
22 .ผู้เรียนสรปุ และการถามตอบเป็นรายบุคคล หรอื เปน็ กล่มุ
23. ผเู้ รยี นทาแบบประเมินผลการเรียนรู้
24. ประเมินผูเ้ รียนตามแบบฟอร์มตอ่ ไปน้ี
ช่ือผู้เรยี น ธรรมชาตขิ องผูเ้ รยี น วิธีการเรยี นรู้
ความสนใจ สตปิ ัญญา วฒุ ภิ าวะ
1.
2.
3.
4.
5.
๗.ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี น วิชาหลกั การตลาด ของสานักพิมพ์เอมพันธ์
2. รูปภาพ
3. กิจกรรมการเรยี นการสอน
4. VDO
5. สอื่ อเิ ล็กทรอนิกส,์ สือ่ PowerPoint
๘.หลกั ฐาน
1. บันทกึ การสอน
2. ใบเชค็ รายชอ่ื
3. แผนจัดการเรยี นรู้
4. การตรวจประเมินผลงาน
๙. การบรู ณาการ/ความสมั พันธ์กับวิชาอืน่
บูรณาการกับกลุ่มวิชาการตลาดและการบัญชี บูรณาการกับรายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ
เก่ยี วกับการจดั ทาธุรกจิ และการจัดจาหน่าย
๑๐.การวัดผลและการประเมินผล
วธิ วี ัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่
3. สังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้
6. การสงั เกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
เครอื่ งมอื วัดผล
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยครู)
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รียน)
4. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรียนรู้
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครแู ละผู้เรยี น
ร่วมกันประเมิน
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
1. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไมม่ ีชอ่ งปรับปรงุ
2. เกณฑ์ผ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุม่ คือ ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คือ 50%
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ เี กณฑ์ผ่าน 50%
6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการ
ประเมินตามสภาพจรงิ
๑๑.กิจกรรมเสนอแนะ
แนะนาให้ผเู้ รียนฝกึ ทักษะโดยทากจิ กรรมใบงาน
๑๒.บนั ทกึ หลังการสอน
1. ผลการจัดการเรียนรู้ตามแผนการสอน
1.1 วนั เดอื น ปี ...........................สอนครัง้ ที่ ....../18.... สาขา/ช้ันปี ......................จานวนผู้เรยี น..............คน
มาเรยี นปกต.ิ .............คน ขาดเรยี น.................คน ลาปุวย................คน ลากจิ ...........คน มาสาย............คน
1.2 หัวข้อเรอ่ื ง/เนื้อหาสาระ :….…………………………………………………………………........………….............................
สอนครบตามหัวข้อเรอื่ งในแผนฯ สอนไม่ครบเนื่องจาก.........................................................
1.3 กิจกรรม/วธิ ีการสอน
ครแู นะนาและบอกจุดประสงค์ ครอู ธบิ าย/ถาม-ตอบ/สาธติ /.
ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น
ทาแบบฝึกหดั /โจทยป์ ญั หา ทาใบกจิ กรรม/ใบงาน
อ่นื ๆ (ระบ)ุ ....................................................................................................................................
1.4 ส่อื การเรียนรู้/แหลง่ การเรยี นรู้ : ……………………………………….....................……………….……………….............
2. ผลการเรียนรู้ของผเู้ รียน/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาท่ีพบ
2.1 การวัดผลและประเมนิ ผล/ผลการเรียนร้ขู องผเู้ รียน : …………………….......……..…….………….................
.............................................................................................. ......................................................................................
2.2 สมรรถนะทผี่ ้เู รียนไดร้ ับ : .....................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2.3 สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม : ……………………….........……..………..….………….................
…………….....................................................................................................................................................................
2.4 ผลการสอนของครู : …………………………………………………………………..........…….……………….................
…………….....................................................................................................................................................................
2.5 ปญั หาทนี่ าไปส่กู ารวิจยั : …………………………………………………..….………………........…...........................
…………….................................................................................................................................... .................................
3. แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการสอน
3.1 ผลการใชแ้ ละปรบั ปรุงแผนการสอนคร้งั น้ี : ……………………………………………..…..................................
…………….......................................................................................... ...........................................................................
....................................................................................................................................................................................
......................................................................................................... ...........................................................................
3.2 แนวทางพฒั นาคณุ ภาพวิธสี อน/ส่อื /การวดั ผล/เอกสารช่วยสอน
...............................................………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการท่ี 7 หนว่ ยท่ี 6
รหัสวชิ า 30200-1002 หลกั การตลาด (Principle of Marketing) สอนคร้งั ที่ 7
ชอ่ื หน่วย/เรื่อง การกาหนดราคา (25-28)
จานวน 4 ช.ม.
๑.สาระสาคญั
การกาหนดราคาผลติ ภัณฑ์ เปน็ สง่ิ สาคัญสาหรบั นักการตลาดทจี่ ะต้องพิจารณา เนื่องจากการดาเนนิ ธรุ กิจ
นน้ั มวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือมุง่ หวังผลกาไร และทาให้ผบู้ ริโภคได้รบั ความพึงพอใจ ซ่งึ การตั้งราคาของแตล่ ะธรุ กจิ นนั้ จะมี
วัตถุประสงคแ์ ละนโยบายหรือกลยุทธ์ทีแ่ ตกตา่ งกันไป ดงั น้นั การกาหนดราคาจึงเป็นเรื่องท่ลี ะเอยี ดอ่อน ทีจ่ ะต้อง
พจิ ารณาอยา่ งถ่ีถ้วนก่อนการตัดสินใจ
๒.สมรรถนะประจาหน่วย
กาหนดราคาผลิตภัณฑต์ ามหลกั การ
๓.จุดประสงค์การเรยี นการสอน
1. บอกความหมายของราคาได้
2. บอกวตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคาได้
3. อธิบายและกาหนดราคาได้
4. อธิบายนโยบายราคาได้
5. อธิบายและกาหนดกลยทุ ธ์การต้ังราคาได้
๔.คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์
มกี ารพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษาสานักงาน
คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ที่ครูสามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง
1 .ความมมี นุษยสัมพนั ธ์
2. ความมวี นิ ัย
3. ความรับผิดชอบ
4. ความซื่อสัตยส์ จุ รติ
5. ความเชื่อม่ันในตนเอง
6 การประหยดั
7. ความสนใจใฝรุ ู้
8. การละเวน้ ส่ิงเสพติดและการพนัน
9. ความรักสามัคคี
10. ความกตัญญูกตเวที
๕.เนื้อหาสาระการเรียนรู้
1. ความหมายของราคา (The Meaning of Price)
2. วตั ถุประสงค์ในการกาหนดราคา (Pricing Objective)
3. วิธกี ารกาหนดราคา (Price Determination)
4. นโยบายราคา (Pricing Policy)
5. กลยทุ ธ์การต้ังราคา (Price Strategy)
๖.กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นนาเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครแู ละผู้เรยี นกลา่ วถึงราคา คอื ส่งิ ที่กาหนดมูลคา่ ผลติ ภัณฑแ์ ละผลตอบแทนจากการดาเนนิ ธุรกิจในรูป
ของเงินตรา ที่ใชใ้ นการแลกเปลีย่ นซอ้ื ขายผลติ ภัณฑ์ ซงึ่ เป็นจานวนเงินทผ่ี ซู้ ื้อเต็มใจทจี่ ะชาระและผ้ขู ายเตม็ ใจทีจ่ ะ
ขายในราคาเดยี วกนั และในชว่ งระยะเวลาหนึ่ง
2. ครูนารูปภาพผลิตภณั ฑ์ พร้อมท้ังระบุราคาประกอบ
ข้ันสอน
3. ครูและผู้เรยี นใชเ้ ทคนคิ การสอนแบบสาธิต (Demonstration Method) และการจัดการเรียนรูแ้ บบ
แสดงบทบาทสมมตุ ิ (Role Playing) เรื่องความหมายของราคา (The Meaning of Price)
4. ครแู ละผูเ้ รยี นใช้เทคนิควิธีสอนแบบใชโ้ สตทศั นวัสดุ (Audio-Visual Material of Instruction
Method) เป็นวิธีสอนท่ีนาอปุ กรณโ์ สตทัศน์วัสดุมาชว่ ยพัฒนาคณุ ภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุดังกลา่ ว
ไดแ้ ก่ Power Point เพ่อื ประกอบการอธิบายวัตถุประสงค์ในการกาหนดราคา (Pricing Objective)
4.1. การกาหนดราคาทมี่ งุ่ รายไดจ้ ากการขาย
4.2 การกาหนดราคาที่ม่งุ กาไร
4.3.การกาหนดราคาที่มุ่งยอดขายหรือปรมิ าณการขาย
4.4.การกาหนดราคาทม่ี ุ่งการแข่งขนั
5.5 การกาหนดราคาท่ีมุ่งสงั คม
5. ครูและผู้เรยี นใช้เทคนิคการสอนแบบสาธติ (Demonstration Method) โดยใช้ Power Point วิธีการ
กาหนดราคา (Price Determination)
5.1.การกาหนดราคาจากตน้ ทุน (Cost Based Pricing) เป็นวิธีกาหนดราคาที่ง่ายและสะดวกท่สี ุด
โดยใชต้ ้นทนุ ตอ่ หนว่ ยมาเป็นพืน้ ฐาน ซงึ่ มีวธิ ีการกาหนดราคา ดงั น้ี
1.1 วธิ กี าหนดราคาแบบ Cost – Plus
ราคาขาย = กาไรตอ่ หนว่ ยทีต่ อ้ งการ + ต้นทนุ ตอ่ หน่วย
ตัวอยา่ งที่ 1 กิจการจาหน่ายเคร่ืองเขียนแห่งหนึ่ง ต้องการกาไรจากการขายร้อยละ 30 ของต้นทุนต่อหน่วย
โดยได้ซื้อปากกามาในราคาดา้ มละ 10 บาท ดงั นัน้ กิจการจะต้องกาหนดราคาขายดังน้ี
กาไรท่ีต้องการ = 30 = 0.3 บาท
100
ตน้ ทุนต่อหนว่ ย = 10 บาท
ดงั นั้น กาไรท่ีต้องการของต้นทุนต่อหนว่ ยเทา่ กับ 3 บาท (0.3 × 10)
จากสมการ ราคาขาย = กาไรต่อหน่วยท่ีตอ้ งการ + ต้นทุนตอ่ หน่วย
แทนค่า ราคาขาย = 3 + 10
กจิ การจะต้องกาหนดราคาขาย = 13 บาท
1.2 วธิ กี าหนดราคาแบบ Mark up เปน็ การบวกสว่ นเพิ่มโดยใชส้ มการ ดังน้ี
Price = Cost + Mark up หรือ ราคา = ทุน + ส่วนเพ่มิ
วิธีการคานวณ Mark up มีดังน้ี
1) Mark up on Cost หรือ Mark on คอื การกาหนดเป็นรอ้ ยละจากราคาทุน
2) Mark up on Selling Price หรอื Mark up คือ การกาหนดเป็นร้อยละจากราคาขาย
วธิ นี ี้ใช้มากในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง โดยมพี น้ื ฐานการคานวณมาจากต้นทนุ เช่นเดียวกนั
ตวั อย่างที่ 2 ร้านขายเสอื้ ยดื แห่งหนึง่ มตี ้นทุนเส้ือตัวละ 120 บาท และตอ้ งการส่วนบวกเพ่ิม 40
การคานวณ Mark up on Cost (กาหนดเป็นรอ้ ยละจากราคาทุน)
จากสมการ Price = Cost + Mark up หรือ
ราคา = ทนุ + ส่วนเพม่ิ
แทนค่า 140 = 100 + 40
เทยี บบัญญัติไตรยางค์
วธิ ที ่ี 1 ทนุ 100 บาท สว่ นเพ่มิ = 40 บาท
ทุน 120 บาท สว่ นเพ่มิ = 40120
100
กิจการจะบวกเพ่ิมจากราคาทุน = 48 บาท
ดงั นัน้ ราคาขายเสือ้ ยืดจะเป็นเงิน = 48 + 120 = 168 บาท
วธิ ีที่ 2 ทนุ 100 บาท ราคาขาย = 140 บาท
ทุน 120 บาท ราคาขาย = 140120 บาท
100
ดังนน้ั ราคาขายเส้ือยืดจะเปน็ เงนิ = 168 บาท
การคานวณ Mark up on Selling Price (กาหนดเป็นรอ้ ยละจากราคาขาย)
จากสมการ Price = Cost + Mark up หรือ
ราคา = ทนุ + ส่วนเพิม่
แทนคา่ 100 = 60 + 40
เทยี บบัญญตั ไิ ตรยางค์
วิธที ่ี 1 ทุน 60 บาท ส่วนเพมิ่ = 40 บาท
ทุน 120 บาท สว่ นเพม่ิ = 40120
60
กจิ การจะบวกเพิ่มจากราคาทุน = 80 บาท
ดังนน้ั ราคาขายเส้ือยดื จะเปน็ เงิน = 80 + 120
= 200 บาท
วธิ ีที่ 2 ทนุ 60 บาท ราคาขาย = 100 บาท
ทุน 120 บาท ราคาขาย = 100120 บาท
60 บาท
ดังนั้นราคาขายเสอื้ ยืดจะเป็นเงิน = 200
1.3 วิธกี าหนดราคาเพ่ือให้ได้ผลตอบแทนตามเปูาหมาย (Target Pricing)
ราคา = ต้นทนุ ต่อหนว่ ย + อัตราผลตอบแทนท่ีต้องการ × เงินลงทุน
จานวนสินคา้ ที่ขาย
ตวั อยา่ งที่ 3 โรงงานผลิตนา้ หวานแหง่ หนงึ่ มีเงนิ ลงทุน 1,000,000 บาท ผลิตน้าหวานได้
40,000 ขวดและคานวณต้นทนุ ต่อหน่วยของน้าหวานได้ขวดละ 20 บาท โดยผผู้ ลิตตอ้ งการผลตอบแทนจาก
การลงทุน 20% ผู้ผลิตจะตอ้ งกาหนดราคาขายเท่าใด
จากสมการ ราคา = ตน้ ทนุ ต่อหน่วย + อัตราผลตอบแทนทต่ี อ้ งการ × เงนิ ลงทนุ
จานวนสนิ ค้าทขี่ าย
แทนคา่ ราคา = 20 + 0.21,000,000
40,000
= 20 + 200,000
40,000
= 20 + 5
ผผู้ ลติ จะตอ้ งกาหนดราคาขาย = 25 บาท
5.2.การกาหนดราคาจากอปุ สงค์ (Demand Based Pricing)
แผนภมู ิแสดงความยดื หยนุ่ ของอุปสงค์ต่อราคา
6. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิควิธีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction
Method) เป็นวิธีสอนที่นาอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุดังกล่าว
ได้แก่ Power Point เพ่อื อธิบายนโยบายราคา (Pricing Policy)
7. ครใู ชเ้ ทคนิควิธีสอนแบบใชโ้ สตทัศนวสั ดุ (Audio-Visual Material of Instruction Method) เปน็ วิธี
สอนท่นี าอุปกรณโ์ สตทัศน์วสั ดมุ าช่วยพฒั นาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศนว์ ัสดดุ งั กล่าว ได้แก่ Power Point
เพ่อื อธบิ ายกลยทุ ธ์การตัง้ ราคา (Price Strategy)
8. ผูเ้ รยี นฝกึ ทกั ษะเพือ่ ปฏิบัตกิ ิจกรรมดังน้ี
8.1. ให้ผู้เรยี นแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 5 คน ตามความสมัครใจ โดยใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเลือกหัวหนา้ กลมุ่ ๆ ละ 1 คน
เพ่อื เปน็ ผู้ควบคมุ และดาเนนิ กิจกรรม
8.2. ครูผูส้ อนแจกเอกสารเกี่ยวกับสินคา้ โดยมรี ายละเอยี ดและรูปภาพประกอบ
ใหก้ ลมุ่ ละ 1 ชดุ เพ่อื นามาใช้ในการกาหนดราคา
8.3 ให้แตล่ ะกล่มุ ศึกษา วตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคา วิธกี าหนดราคา การใช้นโยบายราคา และกล
ยุทธ์การต้งั ราคา
8.4 ใหผ้ เู้ รียนรว่ มมือกันในการระดมความคิด เพอ่ื กาหนดราคาสินคา้ จากรูปภาพ
และรายละเอยี ดสนิ คา้ ท่คี รูแจกให้
8.5 ให้แตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอผลงานหน้าชัน้ เรยี น
8.6 ใหผ้ ู้เรยี นในชั้นเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูผสู้ อนชแี้ นะสว่ นทตี่ อ้ งแก้ไข
9. ผเู้ รยี นอา่ นกรณีศึกษาที่กาหนดให้ แล้วปฏิบัติกิจกรรม
10. ผ้เู รยี นปฏิบัตกิ จิ กรรมดงั น้ี
✓นาผลิตภัณฑช์ นิดใดชนิดหน่ึงมา แลว้ บนั ทกึ ราคาสนิ ค้าในคร้ังแรกทีซ่ ้ือ
✓ให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ข้ึนใหม่ เพ่ือสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์เป็นข้ันตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์
พรอ้ มกาหนดราคาของผลติ ภณั ฑ์
✓ให้คานวณค่าใชจ้ ่ายจากการพฒั นาผลิตภัณฑ์และกาหนดราคาผลติ ภัณฑ์ใหม่
11. ผ้เู รียนทากิจกรรมใบงาน และทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
12. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากเนื้อหาการเรียนการสอน เกี่ยวกับเง่ือนไขตามหลักเศรษฐกิจ
พอเพียง ในการตัดสินใจและการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยท้ังความรู้ และ
คุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
(1) เง่ือนไขความรู้ เป็นความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ความรอบคอบท่ีจะนาความรู้
เหล่าน้นั มาพจิ ารณาใหเ้ ช่อื มโยงกัน เพอ่ื การวางแผน และความระมัดระวงั ในขน้ั ปฏบิ ตั ิ
(2) เงื่อนไขคุณธรรม เป็นส่ิงท่ีต้องเสริมสร้างให้มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมี
ความอดทน มีความเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการดาเนินชวี ติ
ขั้นสรปุ และการประยกุ ต์
13. ครูและผเู้ รยี นสรุปใช้คาถาม (Questioning Method) เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นตอบเกี่ยวกบั ราคา คือส่ิงท่ีกาหนด
มูลค่าผลิตภัณฑ์และผลตอบแทนจากการดาเนินธุรกิจในรูปของเงินตรา ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายผลิตภัณฑ์
ซึง่ เปน็ จานวนเงนิ ที่ผซู้ ้ือเตม็ ใจท่จี ะชาระและผู้ขายเตม็ ใจทีจ่ ะขายในราคาเดียวกนั และในชว่ งระยะเวลาหน่ึง
การกาหนาดราคาน้ันมีวัตถุประสงค์เพ่ือมุ่งรายได้จากการขาย กาไร ยอดขายหรือปริมาณการขาย การ
แข่งขันและมุ่งสังคม ซ่ึงวิธีการกาหนดราคาน้ันก็จะแตกต่างกันออกไป เช่นการกาหนดราคาจากต้นทุน (Cost
Based Pricing) และการกาหนดราคาจากอปุ สงค์ (Demand Based Pricing)
1๔. สรุปสาระสาคัญเพื่อใหเ้ กิดการเรยี นรแู้ ละนาไปปฏบิ ตั ไิ ด้ และประเมินผเู้ รียนดงั น้ี
ช่อื ผู้เรียน ธรรมชาติของผเู้ รียน วิธีการเรียนรู้
ความสนใจ สติปญั ญา วฒุ ภิ าวะ
1.
2.
3.
4.
5.
๗.สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียน วชิ าหลกั การตลาด ของสานักพิมพ์เอมพนั ธ์
2. รปู ภาพ
3. กิจกรรมการเรียนการสอน
4. ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส,์ VDO, ส่อื PowerPoint
๘.หลักฐาน
1. บนั ทึกการสอน
2. ใบเชค็ รายช่ือ
3. แผนจัดการเรียนรู้
4. การตรวจประเมินผลงาน
๙. การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กับวชิ าอ่นื
บูรณาการกับกลุ่มวิชาการตลาดและการบัญชี บูรณาการกับรายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ
เกี่ยวกบั การจดั ทาธุรกิจและการจดั จาหนา่ ย
๑๐.การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ
3. สังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้
6. การสงั เกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
เครื่องมือวัดผล
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยครู)
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น)
4. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รียน
ร่วมกนั ประเมนิ
เกณฑ์การประเมินผล
1. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ชี ่องปรับปรงุ
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ข้ึนไป)
3. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุม่ คือ ปานกลาง (50% ข้ึนไป)
4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คือ 50%
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ เี กณฑผ์ า่ น 50%
6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการ
ประเมนิ ตามสภาพจริง
๑๑.กจิ กรรมเสนอแนะ
แนะนาใหผ้ เู้ รียนทากิจกรรมใบงาน
๑๒.บันทกึ หลังการสอน
1. ผลการจดั การเรยี นรู้ตามแผนการสอน
1.1 วัน เดอื น ปี ...........................สอนครั้งที่ ....../18.... สาขา/ช้นั ปี ......................จานวนผเู้ รียน..............คน
มาเรยี นปกติ..............คน ขาดเรียน.................คน ลาปวุ ย................คน ลากิจ...........คน มาสาย............คน
1.2 หัวขอ้ เรือ่ ง/เนื้อหาสาระ :….…………………………………………………………………........………….............................
สอนครบตามหวั ข้อเรอื่ งในแผนฯ สอนไม่ครบเนื่องจาก.........................................................
1.3 กิจกรรม/วธิ ีการสอน
ครแู นะนาและบอกจดุ ประสงค์ ครอู ธบิ าย/ถาม-ตอบ/สาธิต/.
ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ทาแบบทดสอบหลังเรียน
ทาแบบฝึกหัด/โจทยป์ ัญหา ทาใบกิจกรรม/ใบงาน
อ่ืน ๆ (ระบ)ุ ....................................................................................................................................
1.4 สือ่ การเรยี นร/ู้ แหลง่ การเรียนรู้ : ……………………………………….....................……………….……………….............
2. ผลการเรียนรู้ของผู้เรียน/ผลการสอนของครู/ปญั หาท่ีพบ
2.1 การวัดผลและประเมนิ ผล/ผลการเรียนรูข้ องผู้เรียน : …………………….......……..…….………….................
.............................................................................................. ................................................... ...................................
2.2 สมรรถนะทีผ่ ู้เรยี นไดร้ ับ : .....................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2.3 สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม : ……………………….........……..………..….………….................
…………….....................................................................................................................................................................
2.4 ผลการสอนของครู : …………………………………………………………………..........…….……………….................
…………….....................................................................................................................................................................
2.5 ปัญหาที่นาไปสกู่ ารวิจัย : …………………………………………………..….………………........…...........................
…………….................................................................................................................................... .................................
3. แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการสอน
3.1 ผลการใชแ้ ละปรบั ปรุงแผนการสอนครงั้ นี้ : ……………………………………………..…..................................
…………….......................................................................................... ...........................................................................
....................................................................................................................................................................................
......................................................................................................... ...........................................................................
3.2 แนวทางพัฒนาคุณภาพวธิ สี อน/สอื่ /การวดั ผล/เอกสารช่วยสอน
...............................................………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
.................................................................................................................................. ..................................................
แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบบูรณาการที่ 8 หน่วยท่ี 7
รหสั วชิ า 30200-1002 หลกั การตลาด (Principle of Marketing) สอนคร้ังที่ 8
ชอื่ หน่วย/เรอ่ื ง การจัดจาหน่าย (29-32)
จานวน 4 ช.ม.
๑.สาระสาคญั
การจัดจาหน่าย เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของส่วนประสมทางการตลาดท่ีเกี่ยวกับการ
เคลื่อนย้ายผลิตภณั ฑ์จากผู้ผลติ สู่ผูบ้ ริโภคหรือผใู้ ช้ทางอุตสาหกรรม ซงึ่ เปน็ กิจกรรมท่ีนักการตลาดจะต้องพิจารณา
อยา่ งถีถ่ ว้ น เพราะการเลือกช่องทางการจัดจาหน่ายท่ีเหมาะสมเป็นการช่วยลดต้นทุนของธุรกิจ ช่วยให้ผลิตภัณฑ์
ถึงมอื ผซู้ อื้ ได้ตรงเวลาและมปี ระสิทธภิ าพ ทาใหธ้ รุ กจิ ได้รับความเช่ือถือ และทาให้เป็นข้อได้เปรียบด้านการแข่งขัน
ด้วย
๒.สมรรถนะประจาหน่วย
แสดงความรู้เกย่ี วกับการจัดจาหน่ายตามหลักการ
๓.จดุ ประสงคก์ ารเรียนการสอน
1. บอกความหมายของการจัดจาหน่ายได้
2. อธบิ ายระดบั ของชอ่ งทางการจัดจาหนา่ ยได้
3. บอกลักษณะของสถาบันการตลาดได้
4. อธบิ ายรายละเอียดของการค้าปลีกได้
5. อธิบายรายละเอียดของการค้าส่งได้
6. อธบิ ายวธิ กี ารกระจายสินค้าได้
๔.คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์
มีการพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคข์ องผ้สู าเรจ็ การศึกษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ท่คี รูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง
1 .ความมีมนุษยสัมพันธ์
2. ความมวี ินยั
3. ความรบั ผดิ ชอบ
4. ความซื่อสตั ย์สจุ ริต
5. ความเช่อื มน่ั ในตนเอง
6 การประหยดั
7. ความสนใจใฝุรู้
8. การละเว้นส่ิงเสพติดและการพนนั
9. ความรกั สามัคคี
10. ความกตัญญูกตเวที
๕.เน้อื หาสาระการเรียนรู้
1. ความหมายของการจดั จาหนา่ ย (The Meaning of Distribution)
2. ช่องทางการจัดจาหน่าย (Channel of Distribution)
3. สถาบนั การตลาด (Marketing Institution)
4. การค้าปลีก (Retailing)
5. การค้าส่ง (Wholesaler)
6. การกระจายสนิ คา้ (Physical of Distribution)
๖.กิจกรรมการเรียนรู้
ข้ันนาเข้าสูบ่ ทเรยี น
1. ครูกล่าวถึงการจัดจาหน่าย (Distribution) หมายถึง กิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับการนาสินค้าและบริการ
ของผผู้ ลิตออกสตู่ ลาดเพ่ือเสนอต่อผูบ้ ริโภค โดยการจดั หาสถานทีข่ ายหรืออาศัยผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดท่ีเป็นคน
กลาง ช่วยในการนาสินค้าและบรกิ ารไปสูผ่ บู้ ริโภคในเวลาและสถานทที่ เ่ี หมาะสม
2. ครผู ้เู รยี นสนทนากับเก่ยี วกบั ตัวอยา่ งสถานทกี่ ารจัดจาหนา่ ย
ขั้นสอน
3. ครูผู้สอนการบรรยาย (Lecture) เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กาหนด โดยการ
พูด บอก เล่า อธิบาย ในส่ิงท่ีต้องการสอนแก่ผู้เรียน ให้ผู้เรียนซักถามแล้วประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีใด
วิธหี น่ึง ซงึ่ มีองค์ประกอบสาคัญที่ขาดไม่ได้ของวิธีสอน และครูผู้สอนใช้เทคนิคการอธิบายพร้อมการสาธิต และฝึก
ปฏิบัติ เพ่อื ศกึ ษากฎหมายท่เี กีย่ วขอ้ งกบั ความหมายของการจดั จาหน่าย (The Meaning of Distribution)
4. ครูใชเ้ ทคนิควิธสี อนแบบใชโ้ สตทศั นวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวธิ ี
สอนที่นาอุปกรณโ์ สตทัศนว์ สั ดุมาชว่ ยพัฒนาคณุ ภาพการเรียนการสอน โสตทศั น์วัสดุดังกล่าว ไดแ้ ก่ Power Point
เพื่อแสดงใหผ้ ู้เรียนได้เรียนรู้องคก์ ารท่ีเก่ียวข้องกบั ช่องทางการจัดจาหน่าย (Channel of Distribution)
ในช่องทางการจัดจาหน่าย จะประกอบด้วยกลุ่มของสถาบันท่ีทาหน้าที่หรือกิจกรรมอันจะนาสินค้าและ
บริการจากผผู้ ลติ ไปสกู่ ล่มุ เปาู หมาย ซึง่ จะทาให้เกิดระดบั ของช่องทาง (Channel Level) คอื
1) ชอ่ งทางการจาหน่ายสินค้าอุปโภคบรโิ ภค (Channel of consumer goods distribution)
2) ชอ่ งทางการจาหน่ายสินค้าอตุ สาหกรรม (Channel of Industrial goods distribution)
5. ครแู ละผ้เู รียนใช้เทคนิคแบบ Small Group Discussion การจัดการเรียนรู้โดยใช้การอภิปรายกลุ่มย่อย
คือ กระบวนการเรียนรู้ท่ีผู้สอนจัดกลุ่มผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อยประมาณ 4 – 8 คน ให้ผู้เรียนในกลุ่มมีโอกาส
สนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็น ประสบการณ์ในเรื่องประเภทของผลิตภัณฑ์ และสรุปผลการอภิปราย
ออกมาเปน็ ข้อสรุปของกลุม่ โดยการแบ่งไดด้ งั น้ี
กลมุ่ ที่ ความหมายของการจดั จาหน่าย (The Meaning of Distribution)
ชอ่ งทางการจดั จาหน่าย (Channel of Distribution)
กลมุ่ ที่ ② สถาบนั การตลาด (Marketing Institution)
กลุ่มท่ี ③ การคา้ ปลกี (Retailing)
กลมุ่ ท่ี ④ การค้าสง่ (Wholesaler)
กลุม่ ที่ ⑤ การกระจายสินคา้ (Physical of Distribution)
6. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิควิธีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Material of Instruction
Method) เป็นวิธีสอนท่ีนาอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุดังกล่าว
ได้แก่ Power Point เพอ่ื ประกอบการอธิบายสถาบนั การตลาด (Marketing Institution)
7. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิคการสอนแบบการจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย (Discussion Method) คือ
กระบวนการท่ีผสู้ อนมุ่งใหผ้ เู้ รียนมีโอกาสสนทนาแลกเปล่ียนความคดิ เห็นหรือระดมความคิดในเร่ืองงานที่เก่ียวข้อง
โดยมีจดุ มุง่ หมายเพอ่ื หาคาตอบ แนวทางหรอื แก้ปญั หาร่วมกนั ซง่ึ มุ่งเนน้ ใหผ้ ้เู รยี นมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ คือ ร่วม
คิด ร่วมวางแผน ร่วมตัดสินใจ ร่วมปฏบิ ัตงิ านและช่นื ชมผลงานร่วมกัน เรือ่ งการค้าปลกี (Retailing)
8. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิคการสอนแบบการจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย (Discussion Method) คือ
กระบวนการทผ่ี ้สู อนมุง่ ให้ผู้เรียนมโี อกาสสนทนาแลกเปล่ียนความคิดเหน็ หรือระดมความคิดในเรื่องงานที่เกี่ยวข้อง
โดยมจี ดุ มุ่งหมายเพ่อื หาคาตอบ แนวทางหรือแกป้ ญั หารว่ มกัน ซ่ึงมุง่ เนน้ ใหผ้ ู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ คือ ร่วม
คิด รว่ มวางแผน รว่ มตัดสนิ ใจ รว่ มปฏิบัติงานและชื่นชมผลงานร่วมกนั เรือ่ งการค้าส่ง (Wholesaler)
9. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิคการสอนแบบการจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย (Discussion Method) คือ
กระบวนการทีผ่ สู้ อนม่งุ ใหผ้ ู้เรียนมีโอกาสสนทนาแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นหรือระดมความคิดในเรื่องงานที่เกี่ยวข้อง
โดยมีจดุ มุ่งหมายเพอื่ หาคาตอบ แนวทางหรือแกป้ ญั หาร่วมกนั ซึ่งมุ่งเนน้ ให้ผ้เู รยี นมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ คือ ร่วม
คิด ร่วมวางแผน ร่วมตัดสินใจ ร่วมปฏิบัติงานและชื่นชมผลงานร่วมกัน เรื่องการกระจายสินค้า (Physical of
Distribution)
การกระจายสนิ ค้า หมายถึง กิจกรรมทเี่ กี่ยวกบั การวางแผน การปฏิบัตงิ าน และส่งเสริมสนับสนุน ในการ
นาสนิ ค้าจากจดุ เรม่ิ ตน้ ไปยงั จุดท่มี ีการใชห้ รอื การบริโภคสนิ ค้า เพื่อสนองความต้องการของลกู ค้าและก่อให้เกิด
กาไรแก่ผ้ผู ลติ กจิ กรรมทเี่ กย่ี วกับการกระจายสินค้า ไดแ้ ก่
✓การคลังสินคา้ (Warehousing)
✓การขนสง่ (Transportation)
10. ผเู้ รยี นค้นควา้ หารายชือ่ กจิ การท่ีเปน็ สถานบันคนกลางจาก Internet มาคนละ 10 กจิ การ แล้ว
เขียนรายชอ่ื นัน้ ลงในกระดาษรายงาน พรอ้ มทั้งอธบิ าย ประกอบด้วยว่า เป็นกจิ การท่ีดาเนนิ ธุรกิจประเภทใด
11. ผเู้ รียนฝกึ ทักษะปฏบิ ตั ิกิจกรรมดงั น้ี
1) ผเู้ รียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน ตามความสมคั รใจ โดยใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเลือกหัวหนา้ กลุ่ม ๆ
ละ 1 คน เพ่ือเป็นผูค้ วบคุมและดาเนนิ กิจกรรม
2) ครแู จงใหผ้ ู้เรยี นแตล่ ะกลุ่ม ศกึ ษาเกี่ยวกับการกระจายสินคา้ แล้วกาหนดสนิ คา้ ให้กลุ่มละ 1
ประเภท
3) ผู้เรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มมอื กันในการระดมความคดิ เพ่ือดาเนินการกจิ กรรมการกระจายสินคา้ ที่
กาหนดให้
4) แตล่ ะกลุม่ ออกมานาเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี น
5) ผ้เู รยี นในชัน้ เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็
12. ผเู้ รยี นคน้ ควา้ หารปู ภาพคลงั สนิ คา้ ประเภทตา่ ง ๆ แลว้ ติดลงในกระดาษ A4 พรอ้ มท้ังเขยี นอธิบายวา่
เป็นคลงั สินค้าประเภทใด และใช้เกบ็ สินคา้ ชนดิ ใด
13. ผู้เรียนหารูปสินคา้ ที่ใช้ในชอ่ งทางการจดั จาหน่ายดังน้ี
1) สินค้าท่ใี ช้ช่องทางการจัดจาหน่ายทางตรง
2) สนิ คา้ ทใ่ี ชช้ อ่ งทางการจดั จาหน่ายผ่านนายหน้า
3) สินคา้ ทใ่ี ช้ช่องทางการจดั จาหน่ายผ่านร้านค้าปลีก
1๔. ผเู้ รียนทากจิ กรรมฝกึ ทักษะ
1๕. ผู้เรียนทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้
1๖. ครูแนะนาให้ผเู้ รียนมีการใชจ้ า่ ยของครอบครัวว่ามรี ายจ่ายสมดุลกับรายรับ และใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล
ตามความจาเป็น พอเหมาะกับสภาพครอบครัวหรือไม่ หากสามารถปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโภค เพ่ือลด
รายจ่ายท่ไี ม่จาเป็นเกินตนได้ จะชว่ ยใหม้ ีเงนิ เกบ็ ออมเพอ่ื เปน็ รากฐานสรา้ งภมู ิคุ้มกนั ทดี ีในชีวิตได้
ข้นั สรปุ และการประยุกต์
1๗. ครูและผู้เรียนสรุปการจัดจาหน่าย (Distribution) หมายถึง กิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับการนาสินค้า
และบริการของผู้ผลิตออกสู่ตลาดเพ่ือเสนอต่อผู้บริโภค โดยการจัดหาสถานท่ีขายหรืออาศัยผู้เชี่ยวชาญทาง
การตลาดทีเ่ ปน็ คนกลาง ช่วยในการนาสินค้าและบริการไปสผู่ ้บู รโิ ภคในเวลาและสถานทีท่ ่ีเหมาะสม
กจิ กรรมหลกั ของการจัดจาหนา่ ย ประกอบดว้ ย
1) ชอ่ งทางการจดั จาหน่าย (Channel of Distribution)
2) การกระจายสินค้า (Physical of Distribution)
1๘. ครูถามคาถามหรือกาหนดปัญหาโดยให้ผู้เรียนระดมสมองช่วยกันคิดหาคาตอบแล้วอธิบายคาตอบ
ใหเ้ พื่อนทุกคนในกลุ่มของตนเองเข้าใจ
1๙. ครูใชว้ ิธีสุม่ นกั เรียนทกุ กลมุ่ ตอบคาถามและอธบิ ายให้เพ่ือนฟงั ทง้ั ชนั้ เรียน
๒๐. ผู้เรยี นทากจิ กรรมใบงาน
๗.ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้
1. หนงั สอื เรียน วิชาหลักการตลาด ของสานักพิมพเ์ อมพันธ์
2. รปู ภาพ
3. กิจกรรมการเรียนการสอน
4. สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส,์ สือ่ VDO, ส่อื PowerPoint
๘.หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเช็ครายช่อื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
4. การตรวจประเมินผลงาน
๙. การบรู ณาการ/ความสมั พันธก์ ับวิชาอนื่
บูรณาการกับกลุ่มวิชาการตลาดและการบัญชี บูรณาการกับรายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ
เก่ยี วกับการจดั ทาธรุ กิจและการจดั จาหนา่ ย
๑๐.การวดั ผลและการประเมินผล
วิธวี ัดผล
1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. ประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุม่
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
6. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
เคร่ืองมือวดั ผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุม่ (โดยครู)
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น)
4. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รียน
ร่วมกันประเมิน
เกณฑ์การประเมินผล
1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไมม่ ีชอ่ งปรับปรงุ
2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขนึ้ ไป)
3. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ข้ึนไป)
4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผ่าน คือ 50%
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรมู้ ีเกณฑ์ผ่าน 50%
6 แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขึน้ อยู่กับการ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
๑๑.กิจกรรมเสนอแนะ
ฝกึ ทกั ษะโดยทากจิ กรรมใบงาน อา่ นและวิเคราะห์กรณีศึกษาเพ่ิมเติม
๑๒.บันทึกหลงั การสอน
1. ผลการจดั การเรยี นรูต้ ามแผนการสอน
1.1 วัน เดือน ปี ...........................สอนครั้งที่ ....../18.... สาขา/ช้นั ปี ......................จานวนผูเ้ รยี น..............คน
มาเรยี นปกติ..............คน ขาดเรยี น.................คน ลาปุวย................คน ลากจิ ...........คน มาสาย............คน
1.2 หัวข้อเร่ือง/เนือ้ หาสาระ :….…………………………………………………………………........………….............................
สอนครบตามหัวข้อเร่อื งในแผนฯ สอนไม่ครบเนื่องจาก.........................................................
1.3 กจิ กรรม/วธิ กี ารสอน
ครแู นะนาและบอกจดุ ประสงค์ ครูอธบิ าย/ถาม-ตอบ/สาธติ /.
ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ทาแบบทดสอบหลังเรยี น
ทาแบบฝึกหดั /โจทย์ปัญหา ทาใบกิจกรรม/ใบงาน
อ่ืน ๆ (ระบุ)....................................................................................................................................
1.4 ส่อื การเรียนร/ู้ แหลง่ การเรียนรู้ : ……………………………………….....................……………….……………….............
2. ผลการเรยี นรู้ของผ้เู รียน/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาท่ีพบ
2.1 การวดั ผลและประเมินผล/ผลการเรียนร้ขู องผ้เู รียน : …………………….......……..…….………….................
.............................................................................................. ......................................................................................
2.2 สมรรถนะท่ีผู้เรียนไดร้ บั : .....................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2.3 สอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ ม : ……………………….........……..………..….………….................
…………….....................................................................................................................................................................
2.4 ผลการสอนของครู : …………………………………………………………………..........…….……………….................
…………….....................................................................................................................................................................
2.5 ปญั หาท่นี าไปสู่การวิจัย : …………………………………………………..….………………........…...........................
…………….................................................................................................................................... .................................
3. แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการสอน
3.1 ผลการใช้และปรับปรุงแผนการสอนคร้ังน้ี : ……………………………………………..…..................................
…………….......................................................................................... ...........................................................................
....................................................................................................................................................................................
......................................................................................................... ...........................................................................
3.2 แนวทางพฒั นาคณุ ภาพวธิ ีสอน/สอ่ื /การวัดผล/เอกสารช่วยสอน
...............................................………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการท่ี 9 หน่วยที่ 8
รหสั วชิ า 30200-1002 หลกั การตลาด (Principle of Marketing) สอนคร้งั ที่ 9
ชอ่ื หน่วย/เร่อื ง การส่งเสริมการตลาด (33-36)
จานวน 4 ช.ม.
๑.สาระสาคัญ
การส่งเสริมการตลาด เป็นการติดต่อสื่อสารข้อมูลเก่ียวกับผลิตภัณฑ์ไปสู่ผู้บริโภค โดยใช้กลยุทธ์ทาง
การตลาดเพื่อเป็นการกระตุ้นชักจูงใจ สร้างทัศนคติและพฤติกรรมการซื้อ ด้วยการจัดกิจกรรมด้านโฆษณาให้
ผู้บริโภครู้จักและต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ การจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์เพ่ือสร้างภาพพจน์ท่ีดี การจัดรายการ
สง่ เสรมิ การขายเพ่อื กระตนุ้ ให้ผบู้ รโิ ภคซอื้ ผลติ ภณั ฑ์ ตลอดจนการส่งพนักงานขายไปเสนอขายเพ่ือโน้มน้าวชักจูงใจ
ให้เกิดการตดั สนิ ใจซอื้ ไดเ้ ร็วข้นึ
๒.สมรรถนะประจาหน่วย
วิเคราะหก์ ารสง่ เสริมการตลาดสมั พนั ธ์กับพฤติกรรมผ้บู รโิ ภค
๓.จุดประสงค์การเรียนการสอน
1. บอกความหมายของการส่งเสรมิ การตลาดได้
2. บอกองคป์ ระกอบของกระบวนการติดตอ่ ส่ือสารได้
3. อธิบายและกาหนดกลยทุ ธ์การส่งเสรมิ การตลาดได้
๔.คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์
มีการพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผสู้ าเร็จการศกึ ษา สานักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ที่ครสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรื่อง
1 .ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
2. ความมีวินยั
3. ความรับผดิ ชอบ
4. ความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ
5. ความเชอื่ ม่ันในตนเอง
6 การประหยดั
7. ความสนใจใฝรุ ู้
8. การละเวน้ สิ่งเสพติดและการพนัน
9. ความรกั สามัคคี
10. ความกตญั ญูกตเวที
๕.เน้ือหาสาระการเรยี นรู้
1. ความหมายของการสง่ เสริมการตลาด (The Meaning of Promotion)
2. กระบวนการติดต่อสือ่ สาร (The Communication Process)
3. กลยุทธก์ ารส่งเสริมการตลาด (Promotion Strategy)
๖.กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครแู ละผเู้ รียนสนทนาเก่ยี วกับกจิ กรรมทางการตลาด มไิ ด้ส้นิ สดุ ลงเม่ือผูผ้ ลิตได้มอบหนา้ ทใี่ นการ
จาหน่ายสนิ ค้าใหก้ ับคนกลางแลว้ แต่ยังมีกจิ กรรที่ผผู้ ลิตจะตอ้ งทาการส่ือสารกบั ผู้บริโภคกลุ่มเปาู หมาย เพอ่ื ให้
รับรูแ้ ละเขา้ ใจการกระทาของผผู้ ลิต เนือ่ งจากมีคแู่ ขง่ เพ่ิมข้นึ ในตลาดอยตู่ ลอดเวลากจิ การจาเปน็ ต้องมีการ
สง่ เสรมิ การตลาด เพอ่ื กระตนุ้ และจูงใจใหผ้ ูบ้ รโิ ภคเกดิ พฤตกิ รรมการซอ้ื ผลิตภัณฑด์ ว้ ยการตดิ ต่อส่อื สารกับ
ผบู้ รโิ ภคอย่ตู ลอดเวลา
2. ครยู กตัวอย่างรปู ภาพเกีย่ วกบั ส่วนประสมการสง่ เสริมการตลาด
ขน้ั สอน
3. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิควิธีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction
Method) เป็นวิธีสอนท่ีนาอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุดังกล่าว
ไดแ้ ก่ Power Point เพ่ืออธิบายความหมายของการสง่ เสรมิ การตลาด (The Meaning of Promotion)
กระบวนการตดิ ต่อส่ือสาร (The Communication Process)
4. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิควิธีสอนแบบสาธิต (Demonstration Method) เป็นวิธีสอนท่ีครูแสดงให้
ผู้เรียนดูและให้ความรู้แก่ผู้เรียนโดยใช้สื่อการเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม และผู้เรียนได้ประสบการณ์ตรง ซ่ึงครูเป็นผู้
สาธิต และให้ผ้เู รยี นฝึกทกั ษะปฏบิ ตั ิตามเพ่อื เรยี นร้กู ลยุทธ์การสง่ เสรมิ การตลาด (Promotion Strategy)
กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด ประกอบดว้ ย 3 กลยุทธ์ คอื
1) กลยทุ ธ์ดึง (Pull Strategy)
2) กลยทุ ธผ์ ลัก (Push Strategy)
3) กลยุทธผ์ สม (Push and Pull Strategy)
5. ผเู้ รยี นทากิจกรรมใบงาน
6. ผูเ้ รยี นอ่านกรณีศึกษา และวเิ คราะห์ในแตล่ ะกรณี
7. ครูเสนอแนะและเป็นที่ปรึกษาในการนาเอาแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งในกระบวนการ
ทางานทุกประเภทน้ัน จะต้องเน้นสัจจะซ่ึงเป็นตัวคุณธรรม จริยธรรม เน้นความซื่อสัตย์สุจริต เน้นให้ช่วยกันคิด
ช่วยกันทา เน้นให้รู้จักความพอดี พอประมาณ มีเหตุผล ท้ังหมดนี้คือ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ
สามารถนาไปประยุกตใ์ ช้กับการดาเนนิ ชีวิตของทุกคนได้
ข้ันสรุปและการประยกุ ต์
8. ครแู ละผู้เรียนสรปุ โดยถามคาถามหรอื กาหนดปัญหาโดยให้ผูเ้ รียนระดมสมองช่วยกนั คดิ หาคาตอบ
แลว้ อธบิ ายคาตอบ
9. ครูใชว้ ิธีสมุ่ ผ้เู รยี นทกุ กลมุ่ ตอบคาถามและอธิบายใหเ้ พ่ือนฟงั ทง้ั ชน้ั เรยี น
10. ผูเ้ รียนทาแบบประเมนิ ผลกาเรยี นรู้
๗.ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้
1. หนังสอื เรียน วิชาหลกั การตลาด ของสานักพิมพเ์ อมพันธ์
2. รูปภาพ
3. กิจกรรมการเรยี นการสอน
4. ส่อื อเิ ล็กทรอนิกส์, สอื่ VDO และสือ่ PowerPoint
๘.หลักฐาน
1. บันทึกการสอน
2. ใบเชค็ รายช่ือ
3. แผนจัดการเรียนรู้
4. การตรวจประเมินผลงาน
๙. การบูรณาการ/ความสมั พันธ์กบั วิชาอ่นื
บูรณาการกับกลุ่มวิชาการตลาดและการบัญชี บูรณาการกับรายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ
เก่ียวกับการจัดทาธุรกจิ และการจดั จาหน่าย
๑๐.การวัดผลและการประเมินผล
วธิ วี ัดผล
1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุม่
3. สงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
6. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
เครื่องมอื วดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ (โดยครู)
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยนักเรยี น)
4. แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรียนรู้
6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผูเ้ รยี น
ร่วมกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง
2. เกณฑ์ผ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุม่ คอื ปานกลาง (50 % ขึ้นไป)
3. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุม่ คือ ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คือ 50%
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนร้มู ีเกณฑ์ผา่ น 50%
6 แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนข้นึ อยู่กับการ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
๑๑.กิจกรรมเสนอแนะ
1. แนะนาให้ฝกึ ทักษะในกิจกรรมใบงาน
2. อา่ นและวิเคราะหก์ รณีศกึ ษา
๑๒.บันทึกหลงั การสอน
1. ผลการจดั การเรียนรตู้ ามแผนการสอน
1.1 วัน เดือน ปี ...........................สอนคร้งั ที่ ....../18.... สาขา/ชน้ั ปี ......................จานวนผู้เรยี น..............คน
มาเรยี นปกติ..............คน ขาดเรยี น.................คน ลาปุวย................คน ลากิจ...........คน มาสาย............คน
1.2 หัวข้อเรือ่ ง/เน้อื หาสาระ :….…………………………………………………………………........………….............................
สอนครบตามหัวข้อเร่ืองในแผนฯ สอนไม่ครบเน่ืองจาก.........................................................
1.3 กจิ กรรม/วธิ ีการสอน
ครแู นะนาและบอกจุดประสงค์ ครูอธบิ าย/ถาม-ตอบ/สาธิต/.
ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ทาแบบทดสอบหลังเรียน
ทาแบบฝกึ หัด/โจทยป์ ัญหา ทาใบกจิ กรรม/ใบงาน
อืน่ ๆ (ระบุ)....................................................................................................................................
1.4 ส่อื การเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ : ……………………………………….....................……………….……………….............
2. ผลการเรยี นรู้ของผู้เรยี น/ผลการสอนของครู/ปญั หาท่ีพบ
2.1 การวัดผลและประเมนิ ผล/ผลการเรยี นรู้ของผู้เรยี น : …………………….......……..…….………….................
....................................................................................................................................................................................
2.2 สมรรถนะทีผ่ ู้เรียนได้รับ : .....................................................................................................................
....................................................................................................................... .............................................................
2.3 สอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยม : ……………………….........……..………..….………….................
…………….............................................................................................................. .......................................................
2.4 ผลการสอนของครู : …………………………………………………………………..........…….……………….................
……………................................................................................................ .....................................................................
2.5 ปญั หาท่ีนาไปส่กู ารวิจัย : …………………………………………………..….………………........…...........................
……………........................................................................................................................ .............................................
3. แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการสอน
3.1 ผลการใช้และปรบั ปรงุ แผนการสอนคร้ังน้ี : ……………………………………………..…..................................
…………….......................................................................................... .................................................... .......................
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
3.2 แนวทางพัฒนาคุณภาพวิธีสอน/สอื่ /การวัดผล/เอกสารชว่ ยสอน
...............................................………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการที่ 10 หน่วยที่ -
รหสั วิชา 30200-1002 หลกั การตลาด (Principle of Marketing) สอนครั้งท่ี 10
ชอ่ื หน่วย/เรือ่ ง ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน
(37-40)
จานวน 4 ช.ม.
๑.สาระสาคญั
ผู้เรยี นตอ้ งเข้าใจเกีย่ วกับหลักการการตลาด สามารถวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อมทางการตลาดและพฤติกรรม
ผบู้ รโิ ภค สามารถกาหนดสว่ นประสมการตลาด สามารถประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยดี จิ ิทัลทางการตลาด มีเจตคติและกิจ
นิสัยท่ีดีในการดาเนินงานด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ สุจริต มีวินัย สนใจใฝุรู้ มีความคิดสร้างสรรค์และอนุรักษ์
พลงั งานและส่ิงแวดล้อม
๒.สมรรถนะประจาหน่วย
1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับพ้ืนฐานการตลาด
2. วิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มทางการตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคตามสถานการณ์
3. กาหนดสว่ นประสมการตลาดตามหลกั การ
4. ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดจิ ิทัลทางการตลาด
๓.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นการสอน
1. ผ้เู รยี นเกิดการเรียนรู้เน้ือหาสาระ และนาความคดิ รวบยอดไปประยุกตใ์ ชต้ ่อไป
๔.คุณลักษณะที่พึงประสงค์
มีการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงคข์ องผูส้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ท่คี รสู ามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง
1 .ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
2. ความมีวินยั
3. ความรับผิดชอบ
4. ความซ่ือสัตย์สุจริต
5. ความเช่อื ม่ันในตนเอง
6 การประหยัด
7. ความสนใจใฝรุ ู้
8. การละเว้นสง่ิ เสพติดและการพนัน
9. ความรกั สามัคคี
10. ความกตัญญูกตเวที
๕.เน้อื หาสาระการเรยี นรู้
ทบทวน/สอบกลางภาคเรยี น
๖.บันทกึ หลังการสอน
1. ผลการจดั การเรยี นรตู้ ามแผนการสอน
1.1 วัน เดือน ปี ...........................สอนคร้งั ที่ ....../18.... สาขา/ช้นั ปี ......................จานวนผู้เรียน..............คน
มาเรียนปกติ..............คน ขาดเรยี น.................คน ลาปวุ ย................คน ลากจิ ...........คน มาสาย............คน
1.2 หวั ขอ้ เรือ่ ง/เนอื้ หาสาระ :….…………………………………………………………………........………….............................
สอนครบตามหวั ข้อเรอ่ื งในแผนฯ สอนไมค่ รบเนื่องจาก.........................................................
1.3 กจิ กรรม/วธิ กี ารสอน
ครูแนะนาและบอกจุดประสงค์ ครอู ธิบาย/ถาม-ตอบ/สาธิต/.
ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ทาแบบทดสอบหลังเรยี น
ทาแบบฝึกหดั /โจทย์ปญั หา ทาใบกจิ กรรม/ใบงาน
อน่ื ๆ (ระบุ)....................................................................................................................................
1.4 ส่ือการเรยี นรู/้ แหล่งการเรยี นรู้ : ……………………………………….....................……………….……………….............
2. ผลการเรยี นร้ขู องผเู้ รยี น/ผลการสอนของครู/ปัญหาที่พบ
2.1 การวัดผลและประเมินผล/ผลการเรียนรูข้ องผูเ้ รยี น : …………………….......……..…….………….................
.............................................................................................. ......................................................................................
2.2 สมรรถนะที่ผเู้ รียนได้รบั : .....................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2.3 สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ ม : ……………………….........……..………..….………….................
…………….....................................................................................................................................................................
2.4 ผลการสอนของครู : …………………………………………………………………..........…….……………….................
…………….....................................................................................................................................................................
2.5 ปญั หาท่นี าไปสู่การวิจยั : …………………………………………………..….………………........…...........................
…………….................................................................................................................................... .................................
3. แนวทางการพฒั นาคุณภาพการสอน
3.1 ผลการใช้และปรบั ปรุงแผนการสอนคร้ังนี้ : ……………………………………………..…..................................
…………….......................................................................................... ...........................................................................
....................................................................................................................................................................................
......................................................................................................... ...........................................................................
3.2 แนวทางพฒั นาคณุ ภาพวธิ สี อน/สื่อ/การวัดผล/เอกสารชว่ ยสอน
...............................................………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
แผนการจดั การเรียนร้แู บบบูรณาการที่ 11 หน่วยท่ี 8
รหัสวชิ า 30200-1002 หลกั การตลาด (Principle of Marketing) สอนคร้ังที่ 11
ชื่อหน่วย/เรอ่ื ง การสง่ เสรมิ การตลาด
(41-44)
จานวน 4 ช.ม.
๑.สาระสาคญั
การส่งเสริมการตลาด เป็นการติดต่อส่ือสารข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไปสู่ผู้บริโภค โดยใช้กลยุทธ์ทาง
การตลาดเพื่อเป็นการกระตุ้นชักจูงใจ สร้างทัศนคติและพฤติกรรมการซ้ือ ด้วยการจัดกิจกรรมด้านโฆษณาให้
ผู้บริโภครู้จักและต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ การจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพพจน์ท่ีดี การจัดรายการ
ส่งเสรมิ การขายเพอื่ กระตุ้นให้ผู้บรโิ ภคซื้อผลิตภณั ฑ์ ตลอดจนการสง่ พนักงานขายไปเสนอขายเพ่ือโน้มน้าวชักจูงใจ
ให้เกิดการตัดสินใจซือ้ ไดเ้ ร็วขน้ึ
๒.สมรรถนะประจาหน่วย
วิเคราะหก์ ารสง่ เสริมการตลาดสมั พันธ์กบั พฤติกรรมผ้บู รโิ ภค
๓.จุดประสงค์การเรยี นการสอน
4. อธบิ ายลักษณะของสว่ นประสมการส่งเสรมิ การตลาดได้
๔.คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์
มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรมค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผ้สู าเรจ็ การศกึ ษา สานักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ที่ครสู ามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรอื่ ง
1 .ความมมี นุษยสมั พันธ์
2. ความมีวินัย
3. ความรับผดิ ชอบ
4. ความซื่อสัตย์สุจริต
5. ความเชอ่ื มัน่ ในตนเอง
6 การประหยัด
7. ความสนใจใฝรุ ู้
8. การละเว้นส่งิ เสพติดและการพนัน
9. ความรักสามัคคี
10. ความกตญั ญกู ตเวที
๕.เนอ้ื หาสาระการเรยี นรู้
4. สว่ นประสมการสง่ เสริมการตลาด (Promotion Mix)
๖.กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรียน
1. ครูกลา่ วถึงสว่ นประสมการส่งเสริมการตลาด หมายถึง เคร่ืองมือส่ือสารทางการตลาดเพ่ือแจ้งขา่ วสาร
จงู ใจผบู้ รโิ ภค สร้างทศั นคติ และพฤติกรรมการซื้อของตลาด
2. ครแู สดงรูปภาพบางส่วนของส่วนประสมการสง่ เสรมิ การตลาด
ขนั้ สอน
3. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิควิธีสอนแบบสาธิต (Demonstration Method) เป็นวิธีสอนท่ีครูแสดงให้
ผู้เรียนดูและให้ความรู้แก่ผู้เรียนโดยใช้สื่อการเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม และผู้เรียนได้ประสบการณ์ตรง ซ่ึงครูเป็นผู้
สาธติ และให้ผู้เรียนฝึกทกั ษะปฏิบตั ติ ามเพื่อเรียนรูส้ ว่ นประสมการสง่ เสรมิ การตลาด (Promotion Mix)
สว่ นประสมของการส่งเสริมการตลาด มี 4 ประการ คือ
1) การขายโดยการใชบ้ ุคคล (Personal Selling)
2) การโฆษณา (Advertising)
3) การสง่ เสริมการขาย (Sales Promotion)
4) การประชาสมั พนั ธ์ (Public Relations)
4. ครแู ละจัดการเรยี นรู้แบบใชค้ าถาม (Questioning Method) เกยี่ วกบั กระบวนการขายของ
พนกั งานขาย
5. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิควิธีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction
Method) เป็นวิธีสอนที่นาอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุดังกล่าว
ได้แก่ Power Point เพอ่ื ใชป้ ระกอบการอธิบายเรือ่ งการโฆษณา
6. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิควิธีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction
Method) เป็นวิธีสอนท่ีนาอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุดังกล่าว
ได้แก่ Power Point เพื่ออธบิ ายการส่งเสรมิ การขาย
7. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย (Discussion Method) คือกระบวนการท่ี
ผู้สอนมุ่งให้ผู้เรียนมีโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือระดมความคิด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เรียน
เขา้ ใจเนอ้ื หาไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ โดยอภิปรายเรอ่ื งการประชาสมั พันธ์
8. ผู้เรยี นฝึกทักษะทากิจกรรม ดังต่อไปน้ี
8.1 แบง่ กลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน ตามความสมัครใจ โดยใหแ้ ตล่ ะกล่มุ เลือกหัวหน้ากล่มุ ๆ ละ 1 คน
เพ่อื เปน็ ผู้ควบคมุ และดาเนนิ กิจกรรม
8.2 ครชู ้ีแจงใหผ้ ้เู รยี นแต่ละกลมุ่ ศึกษาเกีย่ วกับกระบวนการติดต่อสอ่ื สาร
8.3 ครูกาหนดประเภทธุรกิจใหก้ ลุม่ ละ 1 ประเภท
8.4 ร่วมมอื กนั ระดมความคิดเพ่ือเขยี นข้นั ตอนของกระบวนการติดต่อสื่อสาร เมื่อธุรกจิ ต้องการส่ง
ขา่ วสารไปยังผูร้ ับ
8.5 แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรียน
8.6 ผู้เรยี นในชนั้ เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น
9. ผเู้ รยี นฝึกทกั ษะทากิจกรรม ดังต่อไปนี้
9.1 แบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4 คน ตามความสมัครใจ โดยเลือกหวั หน้ากลุ่ม ๆ ละ 1 คน เพ่ือเป็นผคู้ วบคุม
และดาเนนิ กิจกรรม
9.2 ครชู ้แี จงใหผ้ เู้ รียนแตล่ ะกลุม่ ศกึ ษาเกยี่ วกับกระบวนการในการขาย
9.3 ผูเ้ รยี นรว่ มมือกันระดมความคดิ เพ่ือแสดงบทบาทสมมุตใิ นการเสนอขายสนิ คา้ โดยใหแ้ ตล่ ะกลมุ่
นาสนิ ค้าท่จี ะเสนอขายมาประกอบการแสดง
9.4 แต่ละกลุ่มออกมาแสดงบทบาทสมมุตหิ น้าช้ันเรียน
9.5 ผู้เรียนในชัน้ เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครผู ้สู อนชี้แนะสว่ นที่ต้องแก้ไข
10. ผูเ้ รียนค้นหารูปภาพโฆษณา จากหนงั สอื นิตยสาร โดยหาใหค้ รบตามประเภทของการโฆษณา แล้วติด
ลงบนกระดาษ A4 พรอ้ มท้ังเขียนชอ่ื ประเภทของการโฆษณาน้ันดว้ ย
11. ผูเ้ รียนคน้ หาตวั อย่างจรงิ ที่ไดร้ บั จากการส่งเสรมิ การขายมุง่ สู่ผ้บู รโิ ภคดังตอ่ ไปนี้
- การแจกของตวั อย่าง (Sampling)
- การแจกคปู อง (Couponing)
- การแจกของแถม (Premiums)
- การชงิ โชค (Sweepstakes)
- การลดราคา (Price of Deal)
- การนาช้ินส่วนสนิ คา้ มาแลกซือ้ (Trade-in)
- การเพิ่มปริมาณบรรจหุ รอื รวมห่อสนิ ค้า (Extra Pack or Bonus Pack)
- แสตมปก์ ารค้า (Trading Stamp)
แล้วนามาตดิ ลงในกระดาษวาดเขียน พร้อมทง้ั เขยี นประเภทการสง่ เสริมการขายกากับด้วย
12. ครูแนะนาให้ผู้เรียนบันทึกบัญชีครัวเรือน เพ่ือให้เกิดการปฏิบัติพัฒนาความรู้ ความคิด และปฏิบัติ
ถูกต้อง ก่อให้เกิดความเจริญในด้านอาชีพหรือเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ซ่ึงการทาบัญชีครัวเรือนเป็นเร่ือง
การบนั ทึกรายรับรายจ่ายประจาวัน/เดือน/ปี ว่ามีรายรับรายจ่ายจากอะไรบ้าง จานวนเท่าใด รายการใดจ่ายน้อย
จ่ายมาก จาเป็นน้อยจาเป็นมาก ก็อาจลดลงหรือเพ่ิมข้ึนตามความจาเป็น ถ้าทุกคนคิดได้ก็แสดงว่าเป็นคนรู้จัก
พฒั นาตนเอง มีเหตุมผี ล รู้จักพอประมาณ รกั ตนเอง รักครอบครัว รักชุมชน และรักประเทศชาติมากข้ึน จึงเห็นได้
วา่ การทาบัญชคี รัวเรอื น คอื วถิ แี ห่งการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาชีวิตตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
ข้ันสรปุ และการประยกุ ต์
13. ครใู ชค้ าถามหรอื กาหนดปญั หาโดยให้ผูเ้ รียนระดมสมองช่วยกนั คดิ หาคาตอบแลว้ อธิบายคาตอบให้
เพ่อื นทกุ คนในกลุ่มของตนเองเขา้ ใจ
14. ครูและผูเ้ รียนสรปุ ส่วนประสมการสง่ เสริมการตลาด หมายถงึ เคร่ืองมือสือ่ สารทางการตลาด เพอื่
แจ้งขา่ วสาร จงู ใจผู้บรโิ ภค สรา้ งทศั นคติ และพฤติกรรมการซ้อื ของตลาด
สว่ นประสมของการส่งเสรมิ การตลาด มี 4 ประการ คือ
1. การขายโดยการใชบ้ คุ คล (Personal Selling)
2. การโฆษณา (Advertising)
3. การสง่ เสริมการขาย (Sales Promotion)
4. การประชาสมั พนั ธ์ (Public Relations)
โดยครูใช้วธิ ีส่มุ ผเู้ รียนทกุ กล่มุ ตอบคาถามและอธบิ ายให้เพื่อนฟังทงั้ ชัน้ เรยี น
15. ผเู้ รียนทากจิ กรรมใบงาน
16. ผเู้ รียนทาแบบประเมนิ ผล
๗.สือ่ และแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียน วิชาหลักการตลาด ของสานักพิมพ์เอมพันธ์
2. รูปภาพ
3. กิจกรรมการเรียนการสอน
4. ส่ืออิเลก็ ทรอนิกส,์ สอ่ื VDO, ส่อื PowerPoint
๘.หลักฐาน
1. บนั ทึกการสอน
2. ใบเช็ครายชือ่
3. แผนจัดการเรียนรู้
4. การตรวจประเมินผลงาน
๙. การบูรณาการ/ความสัมพันธก์ ับวิชาอ่นื
บูรณาการกับกลุ่มวิชาการตลาดและการบัญชี บูรณาการกับรายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ
เกี่ยวกบั การจดั ทาธรุ กิจและการจดั จาหนา่ ย
๑๐.การวัดผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. ประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้
6. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
เครือ่ งมือวดั ผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (โดยครู)
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รียน)
4. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้
5. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรยี น
ร่วมกนั ประเมิน
เกณฑ์การประเมนิ ผล
1. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ
2. เกณฑ์ผา่ นการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุม่ คือ ปานกลาง (50% ขึ้นไป)
4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผ่าน คือ 50%
5. แบบประเมินผลการเรียนรู้มีเกณฑผ์ า่ น 50%
6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึน้ อยู่กับการ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
๑๑.กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ทากิจกรรมใบงาน
2. อ่าและวเิ คราะห์กรณีศึกษา
๑๒.บันทึกหลังการสอน
1. ผลการจดั การเรยี นรู้ตามแผนการสอน
1.1 วัน เดือน ปี ...........................สอนครง้ั ที่ ....../18.... สาขา/ชัน้ ปี ......................จานวนผ้เู รียน..............คน
มาเรยี นปกติ..............คน ขาดเรยี น.................คน ลาปุวย................คน ลากิจ...........คน มาสาย............คน
1.2 หัวข้อเรือ่ ง/เนอื้ หาสาระ :….…………………………………………………………………........………….............................
สอนครบตามหวั ข้อเรอ่ื งในแผนฯ สอนไม่ครบเน่ืองจาก.........................................................
1.3 กิจกรรม/วธิ ีการสอน
ครแู นะนาและบอกจดุ ประสงค์ ครอู ธบิ าย/ถาม-ตอบ/สาธิต/.
ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ทาแบบทดสอบหลังเรียน
ทาแบบฝึกหัด/โจทยป์ ญั หา ทาใบกิจกรรม/ใบงาน
อื่น ๆ (ระบ)ุ ....................................................................................................................................
1.4 ส่อื การเรียนรู/้ แหลง่ การเรยี นรู้ : ……………………………………….....................……………….……………….............
2. ผลการเรยี นรู้ของผูเ้ รียน/ผลการสอนของครู/ปญั หาที่พบ
2.1 การวัดผลและประเมนิ ผล/ผลการเรียนรูข้ องผเู้ รียน : …………………….......……..…….………….................
.............................................................................................. .............................................................................. ........
2.2 สมรรถนะท่ผี ้เู รยี นไดร้ ับ : .....................................................................................................................
....................................................................................................................... .............................................................
2.3 สอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ ม : ……………………….........……..………..….………….................
…………….............................................................................................................. .......................................................
2.4 ผลการสอนของครู : …………………………………………………………………..........…….……………….................
……………................................................................................................ .....................................................................
2.5 ปญั หาทนี่ าไปสกู่ ารวจิ ัย : …………………………………………………..….………………........…...........................
…………….................................................................................................... .................................................................
3. แนวทางการพฒั นาคุณภาพการสอน
3.1 ผลการใช้และปรับปรงุ แผนการสอนคร้งั น้ี : ……………………………………………..…..................................
…………….....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
......................................................................................................... ...........................................................................
3.2 แนวทางพฒั นาคุณภาพวิธีสอน/ส่อื /การวัดผล/เอกสารชว่ ยสอน
...............................................………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการที่ 12 หนว่ ยที่ 9
รหสั วชิ า 30200-1002 หลกั การตลาด (Principle of Marketing) สอนครง้ั ที่ 12
ช่ือหน่วย/เรือ่ ง การนาเทคโนโลยมี าประยุกต์ใชใ้ นงานดา้ นการตลาด
(45-48)
จานวน 4 ช.ม.
๑.สาระสาคัญ
เทคโนโลยีกับธุรกิจมีความสัมพันธ์เช่ือมโยงกัน เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทาให้เกิดสินค้า
ใหม่ๆ ขนึ้ มาในตลาด จึงทาให้จาเป็นต้องหันมาสนใจและเข้าใจถึงลักษณะของเทคโนโลยีน้ันๆ ซ่ึงเป็นส่วนหนึ่งที่มี
ผลกระทบตอ่ รูปแบบการดาเนนิ ชีวติ การบริโภค และความสามารถในการใช้จ่ายของบุคคล ทาให้เกิดผลิตภัณฑ์ท่ี
ทันสมยั และมีประสทิ ธภิ าพ
การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทาให้วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์สั้นลงและงบประมาณการ
วิจัยและพัฒนาอยู่ในระดับท่ีสูง ดังนั้น การปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการลอกเลียนแบบจึงมีมากข้ึน การเพิ่ม
กฎระเบียบควบคุมการผลิตจงึ เป็นสิง่ ที่ควรนามาใช้ ผลจากการเปลีย่ นแปลงน้ันจะทาให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท
สาคัญในการทาให้ธุรกิจสามารถตอบรับกับส่ิงที่อาจจะเกิดข้ึนได้ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองระบบคอมพิวเตอร์ โปรแกรม
ใหมๆ่ ทจี่ ะผลิตขน้ึ มาเพอ่ื สนองความตอ้ งการในการเปล่ียนแปลง
๒.สมรรถนะประจาหน่วย
ใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทัลทางการตลาดทาการตลาดตามสภาพแวดล้อมทางการตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค
๓.จุดประสงค์การเรียนการสอน
1. อธบิ ายเก่ียวกับเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ทางการตลาดได้
2. อธบิ ายเก่ยี วกบั สารสนเทศทางการตลาดได้
3. อธบิ ายเก่ยี วกบั อินเทอรเ์ น็ตได้
4. อธบิ ายเกีย่ วกบั การบรหิ ารลูกค้าสมั พันธไ์ ด้
๔.คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
มีการพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคข์ องผู้สาเร็จการศึกษา สานักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ครสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่ือง
1 .ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
2. ความมีวินัย
3. ความรับผิดชอบ
4. ความซื่อสตั ยส์ ุจริต
5. ความเชอื่ มั่นในตนเอง
6 การประหยัด
7. ความสนใจใฝรุ ู้
8. การละเว้นสง่ิ เสพตดิ และการพนัน
9. ความรักสามัคคี
10. ความกตญั ญกู ตเวที
๕.เนอ้ื หาสาระการเรียนรู้
1. เทคโนโลยดี จิ ทิ ัลทางการตลาด (Digital Technology in Marketing)
2. สารสนเทศทางการตลาด (Marketing Information)
3. อินเทอร์เน็ต (Internet)
4. การบริหารลูกค้าสัมพนั ธ์ (Customer Relationshir Management)
๖.กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้ันนาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครูและผู้เรียนสนทนากันว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology: IT)) หรือเทคโนโลยี
สารสนเทศและการส่ือสาร (Information and Communication Technologies: ICT) กค็ อื เทคโนโลยีสองด้าน
หลัก ๆ ที่ประกอบด้วยเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมท่ีผนวกเข้าด้วยกัน เพ่ือ
ใช้ในกระบวนการจดั หา จัดเก็บ สร้าง และเผยแพร่สารสนเทศในรูปต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว
ข้อความหรือตัวอักษร และตัวเลข เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพ ความถูกต้อง ความแม่นยา และความรวดเร็วให้ทันต่อ
การนาไปใช้ประโยชน์
2. ผ้เู รียนแตล่ ะคนยกตวั อย่างเทคโนโลยีทีอ่ ยใู่ กล้ตัว และท่ีเคยพบเหน็ หรอื เรยี นรู้มา
ข้นั สอน
3. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิควิธีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction
Method) เป็นวิธีสอนที่นาอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุดังกล่าว
ได้แก่ Power Point เพอื่ อธบิ ายเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ทางการตลาด (Digital Technology in Marketing)
4. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย (Discussion Method) คือกระบวนการที่
ผู้สอนมุ่งให้ผู้เรียนมีโอกาสสนทนาแลกเปล่ียนความคิดเห็นหรือระดมความคิด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เรียน
เขา้ ใจเน้อื หาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยอภปิ รายเรื่องสารสนเทศทางการตลาด (Marketing Information)
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในระบบสารสนเทศด้านการตลาด ได้แก่ อินเทอร์เน็ต พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ระบบผู้เชี่ยวชาญ แนวโน้มทางการตลาดท่ีจะมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วทาให้ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ
ลูกค้าและคู่แข่ง คือ การตลาดด้านจุลภาค การแข่งขันกันระหว่างตราสินค้า สินค้าที่แตกต่างในเชิงกลยุทธ์ และ
การตลาดแบบ Sense and Response
5. ครูใช้เทคนิควธิ ีสอนแบบใช้โสตทศั นวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวิธี
สอนทน่ี าอุปกรณโ์ สตทัศน์วสั ดมุ าชว่ ยพัฒนาคณุ ภาพการเรียนการสอน ได้แก่ Power Point เพ่อื อธิบายเร่ือง
อินเทอรเ์ น็ต (Internet)
6. ครูและผู้เรียนใช้เทคนิดวิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) หมายถึง
กระบวนการเรียนรทู้ จี่ ัดให้ผเู้ รยี นไดร้ ่วมมือและช่วยเหลือกันในการเรียนรู้โดยแบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็นกลุ่มเล็ก ซ่ึง
เป็นลักษณะการรวมกลุ่มอย่างมีโครงสร้างท่ีชัดเจน มีการทางานร่วมกัน มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็นมีการ
ช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยซ่ึงกันและกัน มีความรับผิดชอบร่วมกันท้ังในส่วนตนและส่วนรวมเพื่อให้ตนเองและสมาชิก
ทกุ คนในกล่มุ ประสบความสาเร็จตามเปูาหมายท่กี าหนดไว้ ดงั น้ี
6.1 แบ่งผู้เรียนเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 3-4 คน
6.2 ผู้เรยี นแต่ละกลมุ่ สืบคน้ เทคโนโลยที างการตลาดทางอินเทอร์เน็ต (Internet) มา 1 เรือ่ ง
6.๓ ประเมนิ และเสนอแนะการนาเสนอของกลุ่มอ่ืน
7. ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวิธี
สอนที่นาอปุ กรณ์โสตทศั น์วัสดุมาชว่ ยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทศั น์วสั ดดุ ังกล่าวไดแ้ ก่ PowerPoint
เพื่ออธิบายการบริหารลูกค้าสัมพนั ธ์ (Customer Relationshir Management)
8. ผู้เรียนทากจิ กรรมใบงาน
9. ผเู้ รียนทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
10. ครแู นะนาใหผ้ ู้เรียนบนั ทึกบญั ชีครวั เรือน เพ่ือให้เกิดการปฏบิ ัติพัฒนาความรู้ ความคิด และปฏบิ ตั ิ
ถูกต้อง ก่อให้เกิดความเจริญในด้านอาชีพหรือเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งการทาบัญชีครัวเรือนเป็นเรื่อง
การบนั ทกึ รายรับรายจ่ายประจาวัน/เดือน/ปี ว่ามีรายรับรายจ่ายจากอะไรบ้าง จานวนเท่าใด รายการใดจ่ายน้อย
จ่ายมาก จาเป็นน้อยจาเป็นมาก ก็อาจลดลงหรือเพ่ิมข้ึนตามความจาเป็น ถ้าทุกคนคิดได้ก็แสดงว่าเป็นคนรู้จัก
พัฒนาตนเอง มเี หตุมีผล รจู้ ักพอประมาณ รกั ตนเอง รกั ครอบครวั รักชุมชน และรักประเทศชาติมากข้ึน จึงเห็นได้
วา่ การทาบัญชีครัวเรอื น คือวิถแี หง่ การเรยี นรู้เพอื่ พฒั นาชวี ติ ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ข้ันสรปุ และการประยกุ ต์
11. ครแู ละผ้เู รยี นสรุปเน้อื หาท่ีเรียนโดยการถามตอบ และฉายวีดโี อ
12. ทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ ใบงาน และประเมินตนเองจากแบบประเมนิ ตนเอง พรอ้ มทากิจกรรม
การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้
13. ประเมินผ้เู รียนตามแบบฟอรม์ ต่อไปน้ี
ช่อื ผู้เรียน ประสบการณ์พ้นื ฐานการเรียนรู้ วธิ ีการเรียนรู้
ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน
1.
2.
3.
4.
5.
๗.สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรียน วิชาหลกั การตลาด ของสานักพิมพ์เอมพันธ์
2. รูปภาพ
3. กิจกรรมการเรยี นการสอน
4. ส่ืออเิ ล็กทรอนิกส์ สอื่ VDO และสื่อ PowerPoint
๘.หลกั ฐาน
1. บนั ทึกการสอน
2. ใบเชค็ รายชอื่
3. แผนจัดการเรยี นรู้
4. การตรวจประเมินผลงาน
๙. การบูรณาการ/ความสมั พนั ธ์กับวชิ าอืน่
บรู ณาการกับกลมุ่ วิชาการตลาด,คอมพิวเตอร์ธุรกจิ และการบัญชี บูรณาการกับรายวิชาธุรกิจและการเป็น
ผปู้ ระกอบการเกีย่ วกบั การจัดทาธรุ กิจและการจดั จาหนา่ ย
๑๐.การวดั ผลและการประเมินผล
วธิ วี ัดผล
1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. ประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
3. สงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้
6. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
เครอื่ งมอื วดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยครู)
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยปผู้เรียน)
4. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรยี น
รว่ มกันประเมิน
เกณฑ์การประเมินผล
1. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล ต้องไม่มชี ่องปรับปรงุ
2. เกณฑ์ผา่ นการประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขนึ้ ไป)
4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คือ 50%
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้มีเกณฑผ์ า่ น 50%
6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขนึ้ อยู่กับการ
ประเมินตามสภาพจรงิ
๑๑.กิจกรรมเสนอแนะ
1. ฝกึ กจิ กรรมเพ่ือฝกึ ทกั ษะการวเิ คราะหเ์ กีย่ วกับเทคโนโลยที างการตลาด
2. อา่ น และศึกษาขา่ วสารทางการตลาด
๑๒.บนั ทึกหลังการสอน
1. ผลการจดั การเรียนรู้ตามแผนการสอน
1.1 วัน เดอื น ปี ...........................สอนครั้งที่ ...1/18.... สาขา/ช้นั ปี ......................จานวนผเู้ รียน..............คน
มาเรียนปกติ..............คน ขาดเรียน.................คน ลาปวุ ย................คน ลากจิ ...........คน มาสาย............คน
1.2 หวั ขอ้ เรอ่ื ง/เนือ้ หาสาระ :….…………………………………………………………………........………….............................
สอนครบตามหวั ข้อเรอื่ งในแผนฯ สอนไมค่ รบเน่ืองจาก.........................................................
1.3 กิจกรรม/วธิ กี ารสอน
ครูแนะนาและบอกจดุ ประสงค์ ครูอธิบาย/ถาม-ตอบ/สาธติ /.
ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ทาแบบทดสอบหลงั เรียน
ทาแบบฝึกหดั /โจทย์ปัญหา ทาใบกิจกรรม/ใบงาน
อนื่ ๆ (ระบ)ุ ....................................................................................................................................
1.4 สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ การเรียนรู้ : ……………………………………….....................……………….……………….............
2. ผลการเรียนรู้ของผเู้ รยี น/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาท่ีพบ
2.1 การวัดผลและประเมนิ ผล/ผลการเรียนรขู้ องผเู้ รยี น : …………………….......……..…….………….................
....................................................................................................................................................................................
2.2 สมรรถนะท่ีผู้เรียนได้รบั : .....................................................................................................................
....................................................................................................................... .............................................................
2.3 สอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ ม : ……………………….........……..………..….………….................
…………….............................................................................................................. .......................................................
2.4 ผลการสอนของครู : …………………………………………………………………..........…….……………….................
……………................................................................................................ .....................................................................
2.5 ปัญหาท่ีนาไปสู่การวิจยั : …………………………………………………..….………………........…...........................
……………........................................................................................................................ .............................................
3. แนวทางการพัฒนาคณุ ภาพการสอน
3.1 ผลการใชแ้ ละปรบั ปรุงแผนการสอนคร้ังนี้ : ……………………………………………..…..................................
…………….......................................................................................... ....................................................................... ....
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
3.2 แนวทางพัฒนาคณุ ภาพวธิ สี อน/สอื่ /การวดั ผล/เอกสารชว่ ยสอน
...............................................………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………................................................................................................................................................
.................................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
แผนการจดั การเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 13 หนว่ ยท่ี 9
รหสั วชิ า 30200-1002 หลักการตลาด (Principle of Marketing)
ชอื่ หน่วย/เร่อื ง การนาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในงานด้านการตลาด สอนครั้งที่ 13
(49-52)
จานวน 4 ช.ม.
๑.สาระสาคัญ
เทคโนโลยีกับธุรกิจมีความสัมพันธ์เช่ือมโยงกัน เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทาให้เกิดสินค้า
ใหมๆ่ ขึ้นมาในตลาด จึงทาให้จาเป็นต้องหันมาสนใจและเข้าใจถึงลักษณะของเทคโนโลยีนั้นๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มี
ผลกระทบต่อรูปแบบการดาเนนิ ชวี ติ การบริโภค และความสามารถในการใช้จ่ายของบุคคล ทาให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่
ทันสมัยและมปี ระสทิ ธิภาพ
การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทาให้วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์สั้นลงและงบประมาณการ
วิจัยและพัฒนาอยู่ในระดับท่ีสูง ดังน้ัน การปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการลอกเลียนแบบจึงมีมากข้ึน การเพ่ิม
กฎระเบียบควบคุมการผลิตจึงเป็นสงิ่ ทีค่ วรนามาใช้ ผลจากการเปล่ียนแปลงนั้นจะทาให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท
สาคัญในการทาให้ธุรกิจสามารถตอบรับกับส่ิงท่ีอาจจะเกิดข้ึนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ โปรแกรม
ใหมๆ่ ทจ่ี ะผลติ ขน้ึ มาเพื่อสนองความตอ้ งการในการเปลยี่ นแปลง
๒.สมรรถนะประจาหน่วย
ใช้เทคโนโลยดี ิจทิ ลั ทางการตลาดทาการตลาดตามสภาพแวดล้อมทางการตลาดและพฤติกรรมผบู้ รโิ ภค
๓.จดุ ประสงค์ของการเรยี นการสอน
๑. อธบิ ายเก่ยี วกับการทาการตลาดบนสือ่ สังคมออนไลน์ได้
๒. อธิบายเกี่ยวกับธรุ กรรมทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์ได้
๔.คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์
มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงคข์ องผู้สาเร็จการศกึ ษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ท่คี รสู ามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง
1 .ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
2. ความมวี ินัย
3. ความรับผิดชอบ
4. ความซื่อสตั ย์สุจรติ
5. ความเช่ือมนั่ ในตนเอง
6 การประหยัด
7. ความสนใจใฝุรู้
8. การละเวน้ สิ่งเสพติดและการพนนั
9. ความรักสามัคคี
10. ความกตัญญกู ตเวที