The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระราชกรณียกิจรัชกาลที่5 (2)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sunittaya Loumtong, 2020-02-20 00:36:00

พระราชกรณียกิจรัชกาลที่5 (2)

พระราชกรณียกิจรัชกาลที่5 (2)

51

จากน้นั สมเด็จพระนางเจา้ เสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินนี าถ ทรงกราบบงั คมทลู ถาม
พระเจา้ อยู่หวั วา่ "เสวยพระสุธารสไหมเพคะ" พระเจา้ อยหู่ วั ก็ทรงตอบกลบั โดยการพยกั
หนา้ สมเดจ็ พระนางเจา้ เสาวภาผ่องศรี จึงกราบทูลตอ่ ไปว่า "หม่อมฉนั จะถวายพระโอสถ
แกพ้ ระศอแหง้ เพคะ" คร้งั น้ีพระเจา้ อยหู่ วั รบั ส่ังกลบั วา่ "ฮอื "

แตท่ นั ใดน้นั พระเจา้ อยหู่ วั ก็ทรงมนี ้าพระเนตรไหลออกมา คลา้ ยทรงพระ
กนั แสง พระองคท์ รงพยายามยกพระหตั ถท์ ้งั สองขา้ งข้ึนมาเช็ดน้าพระเนตรดว้ ยพระองค์
เอง สมเดจ็ พระนางเจา้ สุขมุ าลมารศรี พระอคั รราชเทวี จึงรีบนาผา้ ข้ึนมาซับน้าพระเนตร
ถวาย โดยมี สมเดจ็ พระนางเจา้ สวา่ งวฒั นา พระบรมราชเทวี ประทบั อยปู่ ลายพระแทน่
บรรทม คอยถวายงานนวดอยูแ่ ละรบั ส่งั ให้หมอฝร่งั ข้นึ มาถวายตรวจพระอาการ

เวลาขา้ มผ่านเทีย่ งคนื มาเป็นวนั ท่ี 23 ตลุ าคม หมอแตล่ ะคนหมนั่ ผลดั เปลี่ยนกนั
ข้ึนถวายตรวจชีพจร พระเจา้ อยหู่ วั ทรงหายพระทยั แผว่ เบาลงทุกที ๆ ไมม่ พี ระอาการ
กระวนกระวายแตอ่ ย่างใด ยงั คงบรรทมอยู่อยา่ งเดมิ แตพ่ ระเนตรของพระองคก์ ลบั ค่อย ๆ
หร่ีแลว้ ทรงหลบั พระเนตรลงในทีส่ ุด เจา้ พนกั งานลงมาตามหมอฝรง่ั ข้นึ ไปถวายตรวจ
พระอาการอีกคร้ัง สกั พกั หมอจงึ ทลู กบั เหลา่ พระมเหสีที่ประทบั เฝา้ พระอาการอยู่ ณ ท่ี
น้นั วา่ ....พระเจา้ อย่หู ัวเสดจ็ สวรรคตเสียแลว้

ทนั ใดน้นั เหลา่ พระราชโอรส พระราชธิดา มเหสี สนม เจา้ จอม ก็แย่งกนั กรูเขา้
ไปดูพระบรมศพ เมอื่ เห็นแลว้ กพ็ ากนั ลม้ ลงกบั พน้ื นอนรอ้ งไหค้ ร่าครวญเสียงระงมไป
ทว่ั ท้งั พระทนี่ ง่ั โดยเฉพาะพระราชธิดาทพ่ี ากนั นอนทอดกายกนั แสงเป็นลมกนั ยกใหญ่
ดา้ นสมเด็จพระนางเจา้ เสาวภาผอ่ งศรี กท็ รงประชวรพระวาโย หมอฝรง่ั ตอ้ งรีบถวายยา
ฉีด ขา้ หลวงจงึ ทลู เชิญข้นึ ประทบั บนพระเกา้ อ้แี ลว้ หามกลบั ตาหนกั สวนสี่ฤดู สาหรบั
สมเดจ็ พระนางเจา้ สวา่ งวฒั นา กท็ รงประชวรพระวาโยเชน่ กนั ทรงพระกนั แสงยกใหญ่
มิไดส้ ติ ขา้ หลวงทลู เชิญข้ึนพระเกา้ อ้ีแลว้ หามกลบั ตาหนกั สวนหงส์ เหน็ จะมีแตส่ มเด็จ

52

พระนางเจา้ สุขุมาลมารศรี พระองคเ์ ดยี ว ทีส่ ามารถควบคมุ พระสติได้ แตก่ ็ยงั ทรงพระ
กนั แสงแขง็ พระทยั นงั่ เป็นประธานอยปู่ ลายพระแทน่ ท่พี ระบรมศพบรรทมอยู่

จากน้นั เหล่าทหารมหาดเล็กจงึ รีบเขา้ ปิดลอ้ มพระที่นง่ั อมั พรสถาน เพ่ือถวาย
ความปลอดภยั แกอ่ งคร์ ัชทายาท ตามธรรมเนียมปฏบิ ตั ิในวนั ผลดั แผ่นดนิ สมเดจ็ เจา้ ฟ้าฯ
กรมพระยาภาณุพนั ธุวงศว์ รเดช จึงทูลเชิญให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เจา้ ฟ้ามหา
วชิราวธุ ผเู้ ป็นองคร์ ชั ทายาท เสดจ็ ฯ กลบั ลงไปยงั ช้นั ลา่ งของพระทีน่ ง่ั อมั พรสถาน ในท่ี
น้นั เหล่าพระบรมวงศานุวงศฝ์ ่ายหนา้ เสนาบดี และองคมนตรี ยนื เขา้ เฝ้าฯ อยา่ งพร้อม
เพรียงกนั จากน้นั สมเด็จเจา้ ฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพนั ธุวงศว์ รเดช จงึ คุกพระชงฆล์ งกบั พ้นื
แลว้ กราบถวายบงั คมแทบพระบาทของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ อญั เชิญเสด็จข้ึน
เถลิงวลั ยราชสมบตั ิเป็นพระเจา้ อยู่หัวองคต์ อ่ ไป

วนั น้ี (23 ต.ค.262) พล.อ.ประวติ ร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็ นประธานในพธิ ี
บาเพญ็ กุศลและทาบญุ ตกั บาตรเนื่องในวนั คล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเดจ็ พระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว ณ ท้องสนามหลวง พร้อมด้วยคณะองคมนตรีและภริยา ประธาน
วฒุ สิ ภา ประธานศาลฎกี าและภริยา ประธานองค์กรอสิ ระตามรัฐธรรมนูญ

หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรี และประชาชนเพอื่ ร่วมราลกึ ในพระมหา
กรุณาธคิ ุณอันหาทส่ี ุดมิได้ ทีไ่ ด้ทรงบาเพญ็ พระราชกรณียกิจนานัปการเพอ่ื บาบัดทกุ ข์
บารุงสุขแก่ปวงชนชาวไทยมาโดยตลอดนับตง้ั แต่เสด็จเถลงิ ถวลั ยราชสมบัติ จนกระทั่ง
เสด็จสวรรคต ในการน้ีรัฐบาลและทุกภาคส่วนจงึ ได้ดาเนนิ การจัดพธิ บี าเพญ็ กศุ ลและ
กิจกรรมน้อมราลกึ เนือ่ งในวันคล้ายวนั สวรรคตพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้า
เจ้าอย่หู วั

ในช่วงเช้า มีพธิ ีสงฆ์โดยสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระสงฆ์ และสามเณร
จากน้ันมีพธิ ที าบญุ ตกั บาตรพระสงฆ์และสามเณรจานวน 457 รูป เสร็จแล้วนายวษิ ณุ

53

เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็ นประธานในพธิ วี างพวงมาลาและพธิ ถี วายบงั คม และใน
เวลา 19.30 น.นายวษิ ณุจะเป็นประธานในพธิ ีจดุ เทยี นเพอ่ื นอ้ มราลึกในพระมหา
กรุณาธิคณุ ที่มณฑลพธิ ีทอ้ งสนามหลวง โดยในส่วนภมู ิภาคจะดาเนนิ การพร้อมกบั
ส่วนกลาง

ท้งั น้ี วนั ปิ ยมหาราชตรงกบั วนั ท่ี 23 ตลุ าคม ของทุกปี เป็นวนั คลา้ ยวนั สวรรคตของ
พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว รัชกาลท่ี 5ซ่ึงเป็นพระมหากษตั ริยผ์ ทู้ รงเป็นที่
รกั ยิง่ ของปวงชนชาวไทย พระราชกรณียกิจของพระองค์ ไมว่ า่ จะเป็นการเลกิ ทาส การ
พฒั นาระบบบริหารราชการแผน่ ดนิ การพฒั นาเทคโนโลยีเพ่ือสาธารณูปการ การเจริญ
สมั พนั ธไมตรีกบั นานาประเทศ ลว้ นเป็นพ้นื ฐานแห่งความเจริญสืบตอ่ มาจนปัจจุบนั
พระองคจ์ ึงไดร้ บั การถวายพระราชสมญั ญานามวา่ “สมเดจ็ พระปิ ยมหาราช” มี
ความหมายวา่ “พระมหากษตั ริยผ์ ูท้ รงเป็นท่ีรกั ย่งิ ของปวงชน” ดว้ ยความสานึกในพระ
มหากรุณาธิคณุ รฐั บาลจงึ ประกาศใหว้ นั ที่ 23 ตุลาคม เป็น “วนั ปิ ยมหาราช”

นบรรดานางพระกานลั ในราชสานกั หม่อมศรีพรหมา ผถู้ วายการรับใชส้ มเด็จ
พระบรมราชินนี าถ สมเด็จพระนางเจา้ เสาวภาผ่องศรี เป็นอกี หน่ึงนางพระกานลั ทีส่ ัมผสั
บรรยากาศวนั วปิ โยคของชาวไทยในระยะใกลเ้ น่ืองจากถวายงานรบั ใช้ และท่านยงั ได้
เขียนบอกเลา่ บรรยากาศไปจนถึงเรื่องราวทีเ่ ชื่อวา่ เป็นลางบอกเหตดุ ว้ ย

หมอ่ มศรีพรหมาเป็นธิดาพระเจ้าสุริยวงศ์ผริตเดช เจา้ ผคู้ รองนครน่าน กบั แม่เจ้าศรีคา ใน
ดนิ แดนภาคเหนือ เมอ่ื อายไุ ด้ 3-4 ขวบ บิดาของทา่ นมพี ระประสงคใ์ ห้ธิดาเจริญรุ่งเรือง
ในอนาคต ทรงตดั พระทยั ยกใหเ้ ป็นธิดาบุญธรรมของ พระยามหบิ าลบริรักษ์ และ
คณุ หญิงอุ๊น ในขณะทีท่ า่ นดารงตาแหน่งเป็น พระพรหมสุรินทร์ ขา้ หลวงกากบั ราชการ
ในฝ่ ายเหนือ

54

ภายหลงั จากน้นั เจา้ ศรีพรหมาถกู ถวายตวั ไวใ้ นพระอุปการะของสมเดจ็ พระศรีพัชริน
ทราบรมราชินีนาถ หลงั พระยามหิบาลบริรกั ษไ์ ดร้ ับพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ เป็นอคั ร
ราชทูตประจากรุงเซนตป์ ี เตอร์สเบริ ์ก ประเทศรสั เซีย ภายหลงั กลบั จากรัสเซียแลว้ เจา้ ศรี
พรหมาเขา้ รบั ราชการในพระราชสานกั ในหนา้ ท่นี างพระกานลั รบั ใชส้ มเดจ็ พระศรีพชั
รินทราบรมราชนิ ีนาถอยา่ งใกลช้ ิด

ดว้ ยความเฉลียวฉลาด มีวิชาความรู้ และมีความมน่ั ใจในตวั เองแตกตา่ งจากสาววงั ทว่ั ไป
ในสมยั น้นั ย่อมทาใหท้ ่านเป็นที่พอพระราชหฤทยั ท้งั เจา้ นายทถ่ี วายการรบั ใชโ้ ดยตรง
ไปจนถึงพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั

หมอ่ มศรีพรหมายงั มโี อกาสสมั ผสั ชว่ งบรรยากาศวนั สวรรคตของรชั กาลท่ี 5 ดงั ความใน
บนั ทกึ ชื่อ “วนั สวรรคตสมเดจ็ พระปิ ยมหาราช” ซ่ึงเคยตพี มิ พใ์ นหนงั สือของจฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั 23 ตลุ าคม พ.ศ. 2517 และถูกรวบรวมอยู่ในหนงั สือ “อัตชีวประวัติหม่อม
ศรีพรหมา กฤดากร” ดว้ ย

อ่านเพม่ิ เตมิ : หม่อมศรีพรหมา ปฏเิ สธเป็นเจา้ จอมในร.5 กบั ชีวิตหลงั วลี “มิไดร้ กั ทางชู้
สาว”

บรรยากาศในวนั ที่ 22 ตลุ าคม พ.ศ. 2453 หมอ่ มศรีพรหมาเขยี นเล่าวา่ รับทราบมาวา่ พระ
เจา้ อยู่หวั ทรงพระประชวรแต่ไม่ทราบรายละเอยี ดวา่ เป็นพระโรคใด สมเดจ็ ฯ ข้นึ ไปเฝา้
เยย่ี มท่ีพระทนี่ งั่ อมั พรฯ และไม่ไดเ้ สดจ็ กลบั พระตาหนกั บรรยากาศในวนั ก็ประจวบกบั
เงียบเหงาเชน่ กนั แตกตา่ งจากวนั ปกติทวั่ ไปทมี่ กั มีผคู้ นเดนิ ขวกั ไขว่ ถวายการรับใชห้ ลงั
พระเจา้ อย่หู ัวตน่ื บรรทม

55

สาหรบั หนา้ ท่ีของหมอ่ มศรีพรหมาน้นั รับหนา้ ที่เป็นเวรกลางคืน และตอ้ งนอนพกั ใน
เวลากลางวนั เพื่อมารับเวรตอ่ ในวนั เดียวกนั ทา่ นเลา่ วา่ นอนหลบั ไม่ลงเพราะรูส้ ึกเป็น
ห่วง ขณะที่แต่ละคนนง่ั คอยจอ้ งไปทีช่ ้นั 3 ของพระที่นงั่ อมั พรสถาน เมื่อไม่ไดพ้ กั ผอ่ น
ในกลางวนั ดงั เคยกต็ อ้ งพยายามบงั คบั ตวั เองใหเ้ ขา้ นอนตอนพลบคา่ เพือ่ เอาแรงสาหรบั
ไปรบั เวรต่อ

“…ในทีส่ ุดกห็ ลับไป มาตกใจต่ืนเพราะมตี ัวอะไรมากดั หัวแม่เท้าจนเลอื ดไหล พร้อมกนั
กไ็ ด้ยินเสียงหนปู ระมาณว่าหลายสิบตวั ยกขบวนกนั ว่ิงไปว่ิงมาเหนือฝ้าเพดานในอาคาร
ทผ่ี ้เู ขียนอยู่ นอกจากจะวิ่งไปวิ่งมาตลอดอาคารซ่ึงกน้ั เป็นห้องๆ ยาวไป และมรี าว 12-15
ห้องแล้ว พวกหนยู งั ส่งเสียงร้องกุกๆ ๆ ตลอดเวลา…”

หม่อมศรีพรหมาหยบิ ยกคาบอกเลา่ ของผใู้ หญซ่ ่ึงไดเ้ คยฟังมาว่า เสียงหนูร้องกกุ ๆ น้นั จะ
ตามมาดว้ ยเหตไุ มด่ ี คร้นั ถงึ เวลาเขา้ เวรกข็ ้นึ ไปยงั พระทนี่ งั่ อมั พรฯ บรรยากาศตามราย
ทางถูกบรรยายว่า พบเห็นคนหนา้ เศรา้ พนกั งานประจาพระทนี่ งั่ ลว้ นหม่นหมอง ไม่มี
ใครทกั ทายกนั เมอ่ื ถงึ ช้นั 2 กพ็ บคนนงั่ ตามบนั ไดกนั มากมาย ตอ้ งร้องขอทางเพอ่ื ให้ข้นึ
ไปได้

ในช้นั 3 (ท่ีพระแท่นบรรทมของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ 5) หมอ่ มศรี
พรหมา เล่าวา่ ไดย้ ินเสียงคลา้ ยเสียงกรนมาจากห้องพระบรรทม เมอื่ ไปถึงเห็นสมเด็จฯ
ทรงบรรทมกบั พน้ื ณ สุดทางของห้างพระบรรทมพระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 5

“ขณะเมอ่ื คลานผ่านพระแท่นในหลวงเพ่ือไปยงั ที่สมเดจ็ ทรงบรรทมอยู่ ได้ชะเง้อดู ภาพ
ทเี่ หน็ คือองค์พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวอวบอ้วน พระพกั ตร์อิ่ม ทรงพระภูษาแดงผืน
เดยี ว และทรงกรนสมา่ เสมออยู่”

56

หมอ่ มศรีพรหมา ยงั อธิบายวา่ ไมเ่ คยเห็นอาการเจบ็ ในขนาดหนกั เมื่อไดย้ นิ เสียงคลา้ ย
เสียงกรนจงึ นึกวา่ ในหลวงรชั กาลที่ 5 ทรงสบายข้นึ แลว้ อยา่ งไรก็ตาม ชว่ งหน่ึงเกดิ เสียง
ร้องเอด็ ดงั กนั ข้นึ เมื่อเหลือบไปจึงเห็นคนจานวนมากหมอบซบกบั พ้ืนเป็นกองๆ ในหอ้ ง
บรรทมท่ีมืดมาก มไี ฟเพยี งดวงเดยี ว หม่อมศรีพรหมาพยายามคลาพระที่หาสมเด็จฯ แต่
หาไม่พบ มาทราบวา่ เสียงที่ดงั เซง็ แซ่น้นั เป็น “เสียงร้องไห้ของคนจานวนมากๆ พร้อมๆ
กัน จึงทราบว่าพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว (รัชกาลที่ 5) สวรรคตแล้ว”

สถานการณ์เวลาน้นั สมเดจ็ ฯ ทรงหมดสติ หมอ่ มศรีพรหมา เห็นวา่ หมอประจาพระองค์
(หมอไรเตอร์) กาลงั ถวายยาฉีดสมเดจ็ ฯ มีพนกั งานอญั เชิญลงบนพระเกา้ อ้ีเพ่อื นากลบั
พระตาหนกั หมอ่ มศรีพรหมา ยงั เลา่ ว่า ระหวา่ งเดนิ ฝ่าฝูงชนท่กี าลงั หมอบซบน้นั จดจา
คนไดค้ ือ เจ้าจอมมารดาชุ่มกบั พระเจา้ ลกู เธอสองพระองค์ เจ้าจอมเอบิ อยู่ขา้ งพระแทน่
เบ้อื งขวาของพระบรมศพ และยงั มชี ื่ออีกหลายทา่ นท่มี ีอาการเศร้าโศก แตด่ ว้ ยความรีบท่ี
ตอ้ งการตามพระเกา้ อ้ีใหท้ นั ทาให้ไมส่ ามารถจดจาไดห้ มด

เม่อื พระเกา้ อ้ีมาถึงสวนส่ีฤดู หมอ่ มศรีพรหมา ยงั เล่าวา่ สมเด็จฯกย็ งั ไมฟ่ ้ื น และตอ้ งมี
แพทยเ์ ฝ้าพระอาการอย่างใกลช้ ิด วนั ที่ 23 ก็ยงั ไมค่ นื พระสติ

สาหรบั บรรยากาศในวนั ท่ี 22 น้นั สอดคลอ้ งกบั พระราชนิพนธ์ในรัชกาลท่ี 6 ในชื่อ
“ประวตั ติ น้ รชั กาลท่ี 6” ซ่ึงทรงใชพ้ ระนามแฝงว่า “ราม วชิราวธุ ” ทรงพระราชนิพนธ์ ถึง
สภาพเวลาน้นั วา่

“ในวนั ท่ี 22 น้นั จ่งึ มเี จา้ นายและขา้ ราชการเขา้ ไปทอยๆ กนั เรื่อย จนในเวลาดกึ นบั ว่าได้
อยูพ่ รอ้ มกนั หมด นอ้ งชายเล็กน้นั ฉนั นงั่ รอๆ ดูอยู่ไมเ่ หน็ เขา้ ไป, ฉนั รู้สึกราคาญจ่ึงใชใ้ ห้

57

หมอ่ มหลวงเฟ้ื อ (คือเจา้ พระยารามราฆพ) เอารถไปรบั ตวั เขา้ ไป. พอเขา้ ไปถงึ ฉันก็ใหด้ ู
รายงานหอม และเล่าพระอาการให้ฟังเทา่ ท่รี ู้กนั อยู่ …

นอกจากน้ี ยงั มีเจา้ พขี่ องฉนั อกี 2 องค์ ซ่ึงแยง่ กนั เอาฉันเป็นเจา้ ของทา่ น สององคน์ ้ีคอื
กรมราชบุรี กบั กรมนครชยั ศรี, ซ่ึงโดยปรกตกิ เ็ ป็นขมน้ิ กบั ปูนกนั อยแู่ ลว้ , แต่ในเวลาเยน็
วนั ที่ 22 น้นั สาแดงความเป็นอริกนั อยา่ งชดั เจนทเี ดยี ว…”

อ่านเพ่ิมเตมิ : บทบาท-ความรกั ของเจา้ พระยารามราฆพ (ม.ล.เฟ้ื อ พ่ึงบญุ ) นายในคน
โปรดของร.6ท่ีสตรีหลง

ขณะท่ีบรรยากาศในวนั ที่ 23 น้นั ทรงพระราชนิพนธเ์ ลา่ ว่า

“ในคนื วนั ท่ีสุดแห่งพระชนมายขุ องทลู กระหมอ่ มน้นั พระราชโอรสธิดาที่อยใู่ น
กรุงเทพฯ ไดไ้ ปอย่พู ร้อมกนั ท่ีพระที่นง่ั อมั พรสถาน, พวกผชู้ ายอยู่ทีใ่ นหอ้ งแป๊ ะเต๋งหรือ
เฉลียงของหอ้ งน้นั ฝ่ายผหู้ ญงิ อยู่ทเ่ี ฉลียงขา้ งห้องทพี่ ระบรรทมท่ีช้นั สาม. แทจ้ ริงน้นั พวก
ลกู เธอผูห้ ญงิ ไม่ควรทจี่ ะข้ึนไปอยทู่ ชี่ ้นั บนน้นั เลย, เพราะแต่ก่อนแตไ่ รมา เวลาประชวรก็
มไิ ดเ้ ลยข้ึนไป. และในคราวทสี่ ุดน้ีทูลกระหม่อมกม็ ไิ ดร้ บั ส่งั ใหห้ าผใู้ ดข้นึ ไปเลย, แต่
ทูลกระหมอ่ มหญงิ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรเปนผูไ้ ปเรียกพนี่ อ้ งผูห้ ญิงใหข้ ้ึนไป, จ่งึ ได้
ข้นึ ไปอยูก่ นั แน่นคลกั , รวมท้งั พวกเจา้ จอมอีกดว้ ย เวลาทีจ่ วนสวรรคตจ่งึ มีผูห้ ญงิ อยชู่ ้นั
สามน้นั เตม็ ไปหมด.

…วนั ที่ 23 ตุลาคม, เวลาเทีย่ งคนื แลว้ ไมช่ า้ หมอไรเตอร์ สงั่ ลงมาจากขา้ งบนให้บอกฉันวา่
ทูลกระหมอ่ มทรงอ่อนเตม็ ทีแลว้ , ฉนั จ่ึงไดข้ ้นึ ไปช้นั บนพร้อมดว้ ยลกู เธอของ
ทลู กระหม่อม กบั มีทูลกระหมอ่ มอา (สมเด็จเจา้ ฟ้าภาณรุ ังษสี วา่ งวงศ์ กรมพระยาภาณุ

58

พนั ธุวงศว์ รเดช) กบั กรมขุน (ภายหลงั เปนกรมหลวง) สรรพสิทธิประสงค,์ เสนาบดี
กระทรวงวงั , ข้นึ ไปดว้ ย

พอข้นึ ไปถึงฉนั ก็รู้สึกราคาญจนแทบจะหนา้ มดื , เพราะไดเ้ ห็นผูห้ ญิงนง่ั เบียดเสียด
เยยี ดยดั กนั แน่นอยตู่ ามเฉลียงโดยรอบหอ้ งท่ีพระบรรทม, จกุ แน่นทุกช่องพระทวารจน
แทบจะไม่มีลมเขา้ , ราวกบั เบียดกนั ดลู ครอะไรอนั หน่ึง. ฉนั นึกๆ อยากจะไล่ใหห้ ลีกกนั
ไปเสียบา้ ง, แต่นึกๆ ไปกเ็ หน็ ว่าถา้ จะไล่ขบั กนั ในเวลาน้นั คงเปนเหตยุ งุ่ เหยิงมากมายไป
เปล่าๆ…

…พอเสด็จสวรรคตลง ฉนั กต็ อ้ งไดเ้ หน็ สิ่งซ่ึงทาใหฉ้ นั รูส้ ึกโกรธและสลดใจอย่างที่สุด
พวกผหู้ ญงิ , ท้งั ลูกเธอและเจา้ จอมทีไ่ ดไ้ ปอดั กนั อยกู่ ่อนแลว้ น้นั , พอปรากฏว่าเสด็จ
สวรรคตแลว้ กต็ รูกนั เขา้ ไปทพ่ี ระแทน่ และลอ้ มดกู นั แน่น, คนโนน้ จบั ทคี นน้จี บั ที, อยา่ ง
ชุลมุนท่สี ุด, ซ่ึงในเวลาน้นั ฉนั นกึ ไม่ออกว่าจะเปรียบดว้ ยอะไร, แตม่ าภายหลงั น้ีนกึ ออก
ว่า มีเปรียบแตก่ บั ราษฎรฮอื กนั เขา้ ไปแย่งเมลด็ ขา้ วท่หี วา่ นในพิธีแรกนา ฉนั มิไดเ้ คยนึก
เคยฝันเลยวา่ จะตอ้ งเหน็ กจิ การเชน่ น้นั …”

ความในเน้ือหาส่วนน้ี ทรงพระราชนิพนธถ์ ึงการพยาบาล “เสด็จแม่” ใจความวา่

“…ฉนั สัง่ นอ้ งชายเลก็ กบั หมอไรเตอร์ให้ดแู ลพยาบาลเสด็จแม่, ซ่ึงประชวรพระวาโยอยู่,
และวา่ เมือ่ หายแลว้ ใหเ้ ชิญเสด็จลงไปทีพ่ ระตาหนกั สวนส่ีฤดู, และฉันสั่งกรมสรรพสิทธ์ิ
ให้จดั การตอ้ นพวกผหู้ ญิงลงจากช้นั บนใหห้ มดโดยเร็ว, แลว้ ฉนั เองกก็ ลบั ลงไปท่หี ้อง
แป๊ ะเต๋ง.”

59

เนื่องในโอกาสทีว่ นั น้ี วนั ที่13 ตลุ าคม เป็นวนั ครบรอบ1ปีการเสด็จสวรรคต
พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช และวนั ที่15ตค.ทีจ่ ะถงึ น้กี อง
อานวยการร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร
มหาภมู ิพลอดลุ ยเดช จะจดั ให้มีพธิ ีซอ้ มร้ิวขบวนอญั เชิญพระบรมราชอิสริยยศ งานพระ
ราชพธิ ีถวายพระเพลงิ พระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ซ่ึง
ในคร้ังน้ีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดาเนินไป
ทรงทอดพระเนตรการซอ้ มเป็นการส่วนพระองค์ พร้อมกบั ทีน่ ายกรัฐมนตรี จะนา
คณะรัฐมนตรีซอ้ มในพิธีคร้ังน้ีดว้ ย ซ่ึงทาให้คนไทยท้งั ประเทศรู้สึกใจหายไม่
นอ้ ย เพราะนน่ั ย่อมหมายถงึ วนั พระราชพธิ ีถวายพระเพลิงพระบรมศพน้นั ใกลเ้ ขา้ มาทกุ
ที ขณะเดียวกนั ในโลกออนไลน์ต่างพากนั แชร์บทประพนั ธ์เรื่อง"ส่ีแผน่ ดิน"ชว่ งจบ
แผน่ ดนิ ท่หี น่ึง คราส้ินพระพทุ ธเจา้ หลวงรชั กาลท่ี5เมอ่ื วนั ที่ 23 ตลุ าคม พ.ศ 2453 จาก
เฟสบคุ๊ ของ Somkiat Osotsapa เป็นจานวนมาก แตใ่ นทางขอ้ มลู ทางประวตั ิศาสตร์
สาหรับช่วงเวลาในเหตุการณก์ ารสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว
ที่ถูกบนั ทกึ ไวน้ ้นั ในเพจเฟสบุค "คลงั ประวตั ิศาสตร์ไทย" ไดโ้ พสตข์ อ้ มูลท่ีอา้ งองิ มาจาก

60

หนงั สือประวตั ติ น้ รัชกาลที่6 บทสมั ภาษณห์ มอ่ มเจา้ หญงิ จงจิตรถนอม ดิศกลุ พรอ้ มคา
บอกเล่าเหตกุ ารณจ์ าก หม่อมศรีพรหมา
กฤดากร ณ อยธุ ยา

เป็นบนั ทกึ เหตกุ ารณ์ในวนั สวรรคต 23 ตุลาฯปิ ยมหาราชานุสรณ์ ดงั น้ี
"คา่ วนั เสาร์ที่22ตุลาคม พ.ศ 2453 ณ พระทนี่ ง่ั อมั พรสถาน พระราชวงั ดุสิต เป็นท่ที ราบ
กนั อย่างภายในราชสานกั แลว้ ว่าพระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี5ทรงมพี ระอาการมิสูด้ นี กั ดงั น้นั
ตามระเบยี บบนพระทน่ี งั่ บนั ไดทางเดินจึงเตม็ ไปดว้ ยเหลา่ พระราชโอรส-ธิดา พระมเหสี
นางใน ทีพ่ ากนั มาคอยฟังพระอาการประชวร ซ่ึงในขณะน้นั พระเจา้ อยหู่ ัวประทบั อยบู่ น
พระแทน่ บรรทม ในบางเวลาน้นั ก็ทรงหายพระทยั เขา้ ออกคร้งั ละยาวๆ โดยหายพระทยั
ทางพระโอษฐแ์ รงๆ พระเนตรของพระองคเ์ หม่อลอยไม่จบั ใครเสียแลว้ ทรงลมื พระเนตร
ควา้ งอย่อู ยา่ งน้นั เอง สมเด็จพระนางเจา้ เสาวภาฯทรงกราบบงั คมทลู ถามพระเจา้ อยู่หัว
วา่ "เสวยพระสุธารส(น้าดื่ม)ไหมเพคะ" พระเจา้ อยู่หวั กท็ รงตอบกลบั โดยการพยกั หนา้
"หม่อมฉันจะถวายพระโอสถแกพ้ ระศอแห้งเพคะ"
คร้ังน้ีพระเจา้ อย่หู ัวรับสั่งกลบั ว่า"ฮือ"
แต่ทนั ใดน้นั พระเจา้ อยู่หัวก็ทรงมนี ้าพระเนตรไหลออกมา คลา้ ยทรงพระกรรเเสง
พระองคจ์ งึ พยายามยกพระหตั ถท์ ้งั สองขา้ งข้นึ มาเช็ดน้าพระเนตรดว้ ยพระองคเ์ อง พระ
นางเจา้ สุขุมาลฯเห็นจงึ รีบนาผา้ ข้ึนมาซบั น้าพระเนตรถวาย โดยมสี มเดจ็ พระนางเจา้
สว่างวฒั นาฯประทบั อยปู่ ลายพระแทน่ บรรทมคอยถวายงานนวดอยู่และรบั สัง่ ให้หมอ
ฝรงั่ ข้ึนมาถวายตรวจพระอาการ เวลาขา้ มผา่ นเท่ียงคนื มาเป็นวนั ท่ี 23 ตุลาคม หมอแต่ละ
คนหมนั่ ผลดั เปล่ยี นกนั ข้นึ ถวายตรวจชีพจร พระเจา้ อยู่หวั ทรงหายพระทยั แผ่วเบาลงทกุ
ทๆี ไมม่ พี ระอาการกระวนกระวายแตอ่ ย่างใด ยงั คงบรรทมอยูอ่ ยา่ งเดมิ แตพ่ ระเนตรของ

61

พระองคจ์ ากทม่ี องควา้ งอยกู่ ็กลบั ค่อยๆหร่ีแลว้ หลบั พระเนตรลงในที่สุด เจา้ พนกั งานลง
มาตามหมอฝรง่ั ข้ึนไปถวายตรวจพระอาการอกี คร้ัง สกั พกั หมอจงึ ทลู กบั เหลา่ พระมเหสี
ทีป่ ระทบั เฝา้ พระอาการอยู่ ณ.ทนี่ ้นั ว่า...พระเจา้ อยูห่ วั เสดจ็ สวรรคตเสียแลว้
ทนั ใดน้นั เหลา่ พระราชโอรส พระราชธิดา มเหสี สนม เจา้ จอมกแ็ ยง่ กนั กรูเขา้ ไปดูพระ
บรมศพ เมือ่ เห็นแลว้ ก็พากนั ลม้ ลงกบั พ้นื นอนร้องไหค้ ร่าครวญเสียงระงมไปทว่ั ท้งั พระ
ทนี่ ง่ั โดยเฉพาะพระราชธิดาทพ่ี ากนั นอนทอดกายกรรแสงเป็นลมกนั ยกใหญ่
ดา้ นสมเด็จพระนางเจา้ เสาวภาฯก็ทรงประชวรพระวาโย(เป็นลม)มีอาการชกั กระตกุ และ
หมดสติ หมอฝรงั่ ตอ้ งรีบถวายยาฉีด ขา้ หลวงจึงทลู เชิญข้นึ ประทบั บนพระเกา้ อ้ีแลว้ หาม
กลบั ตาหนกั สวนสี่ฤดู
สาหรบั สมเด็จพระนางเจา้ สว่างวฒั นาฯก็ทรงประชวรพระวาโยเชน่ กนั ทรงพระกรรเเส
งยกใหญ่มไิ ดส้ ติ ขา้ หลวงทูลเชิญข้นึ พระเกา้ อ้แี ลว้ หามกลบั ตาหนกั สวนหงส์ เห็นจะมี
แตพ่ ระนางเจา้ สุขมุ าลฯพระองคเ์ ดยี วทีส่ ามารถควบคมุ พระสตไิ ด้ แตก่ ็ยงั พระกรรแสง
แข็งพระทยั นง่ั เป็นประธานอยู่ปลายพระแท่นที่พระบรมศพบรรทมอยู่
เมือ่ เหตุการณเ์ ป็นเช่นน้ีแลว้ เหลา่ ทหารมหาดเล็กจึงรีบเขา้ ปิ ดลอ้ มพระทนี่ ง่ั อมั พรสถาน
เพือ่ ถวายความปลอดภยั แก่องคร์ ชั ทายาทซ่ึงเป็นธรรมเนียมปฎิบตั ใิ นวนั ผลดั
แผ่นดิน สมเดจ็ เจา้ ฟ้ากรมพระภาณุพนั ธุ์

จึงทูลเชิญให้สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯเจา้ ฟ้ามหาวชิราวุธผเู้ ป็นองคร์ ชั าทายาท
เสด็จกลบั ลงไปยงั ช้นั ล่างของพระทีน่ ง่ั อมั พรสถาน

ในท่นี ้นั เหล่าพระบรมวงศานุวงศฝ์ ่ายหนา้ เสนาบดี

และองคมนตรียืนเขา้ เฝ้าอยา่ งพร้อมเพรียงกนั จากน้นั สมเดจ็ เจา้ ฟ้ากรมพระภาณุพนั ธุ์ จึง
คุกพระชงฆ(์ คกุ เข่า)ลงกบั พ้ืนแลว้ กราบถวายบงั คมแทบพระบาทของสมเด็จพระบรม

62

โอรสาธิราชฯ
และอญั เชิญเสดจ็ ข้นึ เถลิงถวลั ยราชสมบตั ิ เป็นพระเจา้ อยูห่ ัวองคต์ ่อไป
พระเจา้ อยหู่ ัวรัชกาลท่ี5ทรงประชวรดว้ ยโรคพระวกั กะ(โรคไต)รวมพระชนมพรรษา58
พรรษา"

พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั รชั กาลที่ 5 เสด็จสวรรคต เม่อื วนั ท่ี 23 ตุลาคม
พ.ศ. 2453 ณ พระทน่ี งั่ อมั พรสถาน พระราชวงั ดสุ ิต ยงั ความเศรา้ โศกอาลยั แก่ชาวไทยทุก
หมเู่ หล่า ไม่เวน้ แมแ้ ตพ่ ระสงฆอ์ งคเ์ จา้

ดงั ปรากฏวา่ เมอื่ มีการอญั เชิญพระบรมศพข้ึนประดษิ ฐานบนพระที่นง่ั ดสุ ิตมหาปราสาท
ภายในพระบรมมหาราชวงั และนิมนตพ์ ระสงฆข์ ้นึ สดบั ปกรณ์ตามประเพณี พระราชา
คณะช้นั ผูใ้ หญก่ ็ไม่สามารถกล้นั ความเศร้าโศกอาลยั ไวไ้ ด้ ตามท่ีพระบาทสมเด็จพระ
มงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงพระราชนิพนธ์ไวใ้ นหนงั สือ “ประวัติต้นรัชกาลท่ี 6” ความว่า

“สมเดจ็ พระมหาสมณะเจา้ (ซ่ึงเวลาน้นั ดารงพระยศเปนกรมหลวงวชิรญาณวโรรส) ตรัส
กบั ฉนั พระสุรเสียงเครือและสอ้นื , เสด็จกรมหม่นื ชนิ วรสิริวฒั น์ (ซ่ึงเวลาน้นั ดารงพระ
ยศเปนพระองคเ์ จา้ พระสถาพรพริ ิยพรต) ทรงสวดไมใ่ คร่จะออก, สมเด็จพระวนั รตั น
(ฑติ ) วดั มหาธาตุ, เสียงเครือจวนๆ จะเอาไม่อยู่, สมเดจ็ พระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธ์ิ) วดั
อรุณสวดพลางน้าตาไหลพลาง, และสอ้นื ดว้ ย, และสมเด็จพระวนั รตั น (จา่ ย, เวลาน้นั เป
นพระธรรมวโรดม) วดั เบญจมบพิตร์, ร้องไห้อย่างคนๆ ทีเดียว”

ก.
คานา
รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าจากการสืบคน้ ขอ้ มูลทางอินเตอร์เน็ต
โดยมีจุดประสงค์ เพอ่ื การศกึ ษาความรูท้ ี่ไดจ้ ากเร่ือง รัชกาลท่ี 5 ท้งั น้ีในรายงานน้ีมี
เน้ือหาประกอบดว้ ยความรูเ้ กี่ยวกบั รัชกาลที่ 5
ผูจ้ ดั ทาไดเ้ ลือกหัวขอ้ น้ีในการทารายงาน เนื่องมาจากเป็นทีน่ ่าสนใจ รวมท้งั แสดง
ให้เห็นถงึ การครองราชยแ์ ละเร่ืองของบา้ นเมอื ง ผใู้ ห้ความรู้

ผจู้ ดั ทาโดย
สุนิตยา หลมุ ทอง

สารบญั ข.
เรื่อง
คานา หนา้
สารบญั ก
พระราชกรณียกจิ สาคญั พาสยามประเทศเจริญ ข
วนั ปิ ยมหาราช พระราชกรณียกจิ 1-7
พระราชกรณียกจิ 7-23
ต่างชาตยิ กย่องพระปรีชา 24-39
วนั คลา้ ยวนั สวรรคต 40-49
50-62

พระชายกรณียกิจ
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว

นางสาว สนุ ิตยา หลมุ ทอง คต1/2


Click to View FlipBook Version