รายงานการสารวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมครวั เรือนเกษตรกร (Benchmark)
ตามแผนปฏิบตั กิ ารปอ้ งกนั แกไ้ ขผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มและแผนตดิ ตามตรวจผลกระทบสิง่ แวดลอ้ ม
โครงการเขอ่ื นทดนาผาจุก จงั หวดั อุตรดิตถ์ ปีงบประมาณ 2558
สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 2
สานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กนั ยายน 2558
บทคัดยอ่
การสารวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมครัวเรือนเกษตรกร (Benchmark) ตามแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไข
ผลกระทบส่ิงแวดล้อมและแผนติดตามตรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเข่ือนทดนาผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ ปี
เพาะปลูก 2557/58 (1 พฤษภาคม 2557 – 30 เมษายน 2558) ในพืนที่ฝั่งขวาเขื่อนทดนาผาจุก ระยะคลองส่งนา
ชลประทาน 60 กิโลเมตร เพื่อศึกษาถึงสภาพท่ัวไปทังทางด้านเศรษฐกิจสังคม ด้านการผลิต ด้านต้นทุนและ
ผลตอบแทนจากการผลิต ตลอดจนศึกษาทัศนคติ ปัญหาและอุปสรรคของเกษตรกร ท่ีเข้าร่วมโครงการ มี
รายละเอยี ดดงั นีคอื
หัวหน้าครวั เรอื นเกษตรเป็นเพศชายคิดเปน็ ร้อยละ 79.20 อายเุ ฉลีย่ เทา่ กบั 57.44 ปี อายุเฉลี่ยของหัวหน้า
ครวั เรอื นส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 56–65 ปี คดิ เปน็ รอ้ ยละ 36.09 ระดบั การศึกษาส่วนใหญ่เรียนจบชันประถมศึกษา
ตอนต้น(ป.4)คิดเปน็ รอ้ ยละ 55.88 มอี าชพี หลกั คดิ เป็นรอ้ ยละ 95.49 การเป็นสมาชิกกลุ่มฯคิดเป็นร้อยละ 85.46
โดยเป็นสมาชิกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)คิดเป็นร้อยละ 58.90 สมาชิกกลุ่มสหกรณ์
การเกษตรคิดเป็นร้อยละ 32.58 สมาชิกในครัวเรือนเกษตรเป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 61.91 มีอายุเฉล่ียเท่ากับ
35.75 ปี ส่วนอายุเฉลี่ยของสมาชิกในครัวเรือนเกษตรส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุต่ากว่า 30 ปี คิดเป็นร้อยละ 43.79
ระดับการศึกษาส่วนใหญ่เรียนจบชันประถมศึกษาตอนต้น(ป.4)คิดเป็นร้อยละ 28.28 จานวนสมาชิกทังหมดใน
ครัวเรอื นเฉล่ียเท่ากบั 3.70 คน/ครัวเรือน โดยเป็นเพศชายเฉลีย่ เทา่ กับ 1.82 คน/ครัวเรือน และเป็นเพศหญิงเฉล่ีย
เท่ากับ 1.88 คน/ครัวเรือน พืนที่การเกษตรเฉลี่ย 32.67 ไร่/ครัวเรือน การใช้ท่ีดินจริงในการประกอบการเกษตร
เฉล่ีย 44.06 ไร่/ครัวเรือน และประสิทธิภาพการใช้ท่ีดินคิดเป็นร้อยละ 134.87 มีพืนท่ีที่อยู่อาศัย 0.89 ไร่/
ครัวเรือน และพืนที่การเกษตรเฉล่ีย 4.73 ผืน/ครัวเรือน ด้านหนีสิน มีเกษตรกรท่ีเป็นหนีหรือกู้ยืมเงินอยู่ ณ 30
เมษายน 2558 คิดเป็นร้อยละ 73.68 แหล่งกู้ยืมเงินส่วนใหญ่เป็นแหล่งกู้ยืมในระบบคิดเป็นร้อยละ 72.93 และหนี
นอกระบบคิดเป็นรอ้ ยละ 5.51 จานวนหนีสินของเกษตรกรทังหมดเฉลี่ย 242,317 บาท/ครัวเรือน โดยเป็นหนีสิน
ในระบบจานวน 237,324 บาท/ครวั เรอื น และหนีสนิ นอกระบบจานวน 4,993 บาท/ครัวเรอื น
รายได้เงินสดเกษตร รวมทังหมดเท่ากับ 255,568 บาท/ครัวเรือน เป็นด้านพืช ด้านปศุสัตว์ ด้านสัตว์นา
และอื่นๆ เท่ากับ 245,160 9,711 697 และ 12,054 บาท/ครัวเรือน ตามลาดับ รายจ่ายเงินสดเกษตรรวม
ทังหมดเท่ากับ 181,421 บาท/ครัวเรือน เป็นด้านพืช ด้านปศุสัตว์ ด้านสัตว์นา และอื่นๆ เท่ากับ 173,109
7,784 528 และ 25,824 บาท/ครัวเรือน รายได้เงินสดสุทธิเกษตร รวมทังหมดเท่ากับ 74,147 บาท/ครัวเรือน
เป็นด้านพืช ด้านปศุสัตว์ ด้านสัตว์นา และอื่นๆ เท่ากับ 72,051 1,927 169 และ -13,770 บาท/ครัวเรือน
ตามลาดับ มูลค่าผลผลิตเกษตรทีใ่ ชใ้ นครวั เรอื น และสว่ นต่างมูลคา่ ผลผลิตเกษตรตน้ ปแี ละปลายปี รวมทังหมด
เท่ากับ 17,016 บาท/ครวั เรอื น เปน็ ด้านพชื ดา้ นปศุสัตว์ และด้านสัตว์นาเท่ากับ 15,196 1,836 และ - 16 บาท/
ครัวเรอื น ตามลาดบั รายได้สุทธเิ กษตร รวมทงั หมดเท่ากับ 91,163 บาท/ครวั เรือน เป็นด้านพชื ด้านปศุสัตว์ ด้าน
สัตว์นา และอื่นๆ เท่ากับ 87,247 3,763 153 และ -13,770 บาท/ครวั เรือน ตามลาดับ รายได้เงินสดนอกเกษตร
เท่ากับ 144,698 บาท/ครัวเรือน รายจ่ายเงินสดนอกเกษตร เท่ากับ 136,733 บาท/ครัวเรือน ) รายได้เงินสด
คงเหลือเพ่ือใช้จ่ายในครัวเรือน เท่ากับ 205,075 บาท/ครัวเรือน เงินออม เท่ากับ 68,342 บาท/ครัวเรือน เงิน
ออมสุทธิ เท่ากบั 85,358 บาท/ครวั เรือน รายไดเ้ งินสดสทุ ธิเกษตรเหลือจากการใช้จ่ายในครัวเรือน ติดลบเท่ากับ
76,356 บาท/ครัวเรือน
เกษตรกรมปี ญั หาเรื่องดนิ คอื ดินและสภาพพืนที่ทาการเกษตรมีปัญหาคิดเป็นร้อยละ 9.02 คุณสมบัติของ
ดินมีปัญหาคิดเป็นร้อยละ 3.26 ไม่มีความเหมาะสมของสภาพพืนที่การปลูกพืชคิดเป็นร้อยละ 2.01 ไม่มีความ
เหมาะสมของสภาพพืนที่การเลียงสัตว์คิดเป็นร้อยละ 23.31 เร่ืองน้า คือ คุณภาพของนามีปัญหาเกี่ยวกับความ
เปรียว/กรดคิดเปน็ รอ้ ยละ 1.00 ในรอบปีเพาะปลกู ทผ่ี ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาเก่ียวกับเร่ืองนาคิดเป็นร้อยละ
56.89 เรอื่ งการผลิตและการตลาด คือ พนื ทท่ี าการเกษตรสามารถทาได้เพียงหนึ่งครังต่อปีคิดเป็นร้อยละ 47.87
ข
สาหรับเร่ืองโรคพืชและแมลงระบาดเกษตรกรท่ีมีปัญหาคิดเป็นร้อยละ 23.81 มีครัวเรือนเกษตรกรท่ีเลียงปศุสัตว์
คิดเป็นร้อยละ 26.82 ทังหมดไมป่ ระสบปญั หาเกยี่ วกบั การเลียงสตั ว์
ทัศนคติของเกษตรกรในด้านผลกระทบจากโครงการฯ ผลกระทบทางบวกจากโครงการ คือ ที่เห็นว่ามี
ผลกระทบทางบวกคิดเป็นร้อยละ 76.18 เก่ียวกับการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนนาในช่วงฤดูฝน/ฝนทิงช่วงคิด
เป็นร้อยละ 70.93 สามารถปลูกพืชฤดูแล้งได้คิดเป็นร้อยละ 67.92 มีพืนที่การเกษตรเพ่ิมขึนคิดเป็นร้อยละ
44.61 และบรรเทาปัญหานาทว่ มคิดเป็นรอ้ ยละ 11.03 ผลกระทบทางลบจากโครงการ คือ ที่เห็นว่ามีผลกระทบ
ทางลบคิดเป็นร้อยละ 60.90 เกี่ยวกับการสูญเสียพืนที่ทาการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 40.85 ถูกเวนคืนท่ีดินเพื่อ
ก่อสรา้ งคลองคดิ เป็นร้อยละ 36.84 และอตั ราค่าเชา่ ที่ดนิ มีแนวโนม้ จะเพ่มิ สงู ขึนคิดเป็นร้อยละ 26.07
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมของเกษตรกร คือ ต้องการให้เร่งดาเนินการสร้างคลองเพื่อให้ใช้นาได้
ทันในฤดูกาลต่อไปคิดเปน็ ร้อยละ 15.29 ใหค้ ิดคา่ ทด่ี นิ เวนคนื อยา่ งเหมาะสมคิดเป็นรอ้ ยละ 7.02 เบี่ยงแนวคลอง
ให้พน้ จากพนื ที่ทาการเกษตรคดิ เป็นรอ้ ยละ 6.02 ไม่ตอ้ งการคลองสง่ นาในโครงการคิดเป็นร้อยละ 5.26 ขาดการ
ประชาสัมพันธ์คิดเป็นร้อยละ 1.50 ขอสนับสนุนพันธุ์ข้าวคิดเป็นร้อยละ 1.00 แนวคลองต่าทาให้ใช้นาเพื่อ
การเกษตรไมส่ ะดวกคิดเป็นร้อยละ 1.00 ดูแลระบบระบายนาให้ไหลสะดวกและท่ัวถึงคิดเป็นร้อยละ 0.50 ช่วย
พยุงราคาผลผลิตท่ีตกต่าคิดเป็นร้อยละ 0.50 ช่วยหาพืนท่ีทาการเกษตรทดแทนพืนท่ีถูกเวนคืนคิดเป็นร้อยละ
0.25 ลดขนาดคลองสง่ นาคดิ เป็นรอ้ ยละ 0.25 และส่งเสริมการประกอบอาชีพเสรมิ คดิ เป็นรอ้ ยละ 0.25
ข้อเสนอแนะคือ (1) เกษตรกรมีท่ีดินและมีเวลาเหลือหลังจากทางานในฟาร์มตนเอง ควรมีการวางระบบ
การผลิตท่ีเหมาะสมกับพืนที่ในแต่ละราย เพื่อให้ครอบครัวมีรายได้เพ่ิมขึนอย่างย่ังยืน (2) ควรคานึงถึงอนาคตของ
ทายาททางการเกษตร ในแต่ละครัวเรือนน่าจะมีการปลูกฝังเตรียมพร้อม เพื่อหาผู้สืบสานความเป็นเกษตรกรท่ีมี
คณุ ภาพต่อไป (3) ควรมรี ะบบการผลิตเชงิ ฟารม์ ผสมผสานเพ่ือลดความเสี่ยงจากราคาข้าว และมีแหล่งนาในไร่นาท่ี
เหมาะสมเปน็ ตวั กาหนดแนวทางในการพัฒนาระบบการทาฟารม์ ของเกษตรกร (4) ควรส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน
ที่ใช้นาน้อยในฤดูแล้ง เพื่อลดอัตราความเสี่ยงในการผลิต (5) ปัญหาของเกษตรกรในพืนที่มีหลากหลายควรมี
การศกึ ษาหาแนวทางปรับปรุงแกไ้ ขโดยผู้ชานาญเฉพาะด้าน เพื่อกาหนดรูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสมกับโครงการ
(6) ควรให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโครงการประชาสัมพันธ์และชีแจงรายละเอียดการจ่ายค่าชดเชยเวนคืนที่ดินท่ี
เหมาะสมให้กบั เกษตรกรเขา้ ใจ และ (7) ควรไดร้ ับการพัฒนาในภาพรวมทังพืนที่ ได้แก่ การพัฒนาพืนท่ีให้เหมาะสม
ตอ่ การประกอบอาชีพทางดา้ นการเกษตร ระบบโครงสร้างพืนฐานที่เหมาะสมและเกือกูลต่อการประกอบการเกษตร
การพัฒนาอาชีพเสริมท่ีเหมาะสมในแต่ละพืนท่ี การพัฒนาระดับฟาร์ม เพื่อให้เกิดระบบการทาฟาร์มที่มี
ประสทิ ธภิ าพและเหมาะสมกบั พืนท่ี.
คำนำ
สำนักงำนเศรษฐกิจกำรเกษตรท่ี 2 จังหวัดพิษณุโลก ได้รับมอบหมำยให้จัดทำรำยงำนกำร
สำรวจภำวะเศรษฐกิจและสังคมครัวเรือนเกษตรกร(Benchmark) ตำมแผนปฏิบัติกำรป้องกันแก้ไข
ผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มและแผนตดิ ตำมตรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงกำรเขื่อนทดนำผำจุก จังหวัดอุตรดิตถ์
ปีงบประมำณ 2558เป็นข้อมูลก่อนโครงกำรในปีเพำะปลูก 2557/58 (1 พฤษภำคม 2557 – 30 เมษำยน 2558)
ซึ่งเป็นกำรศึกษำข้อมูลพืนฐำนต่ำงๆของเกษตรกรท่ีอยู่ในพืนท่ีโครงกำรฯ ครอบคลุมทังทำงด้ำนเศรษฐกิจสังคม
ดำ้ นกำรผลติ ดำ้ นต้นทนุ และผลตอบแทนจำกกำรผลิต ด้ำนกำรพัฒนำเทคโนโลยี ด้ำนกำรพัฒนำอำชีพ เป็นต้น
ตลอดจนศึกษำถึงปัญหำอุปสรรค และข้อเสนอแนะของเกษตรกรจำกกำรเข้ำร่วมโครงกำร เพื่อนำไปใช้
ประกอบกำรพิจำรณำตัดสินใจของผู้บริหำรระดับสูงในกำรอนุมัติโครงกำรหรือวำงแผนพัฒนำปรับปรุงแผนปฏิบัติ
งำน/กิจกรรมต่ำงๆในพืนที่โครงกำรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และใช้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบสำหรับกำรจัดทำ
เอกสำรรำยงำนกำรประเมนิ ผลหลังเขำ้ รว่ มโครงกำร
ข้อมูลที่ใช้ในกำรประเมินผลได้จำกกำรสัมภำษณ์เกษตรกรที่เข้ำร่วมโครงกำร และเจ้ำหน้ำที่
หน่วยงำนรำชกำรตำ่ งๆ ซึ่งได้ใหข้ ้อมูลและควำมร่วมมอื อย่ำงดยี ่ิง จึงขอขอบคุณบุคคลดงั กล่ำวไว้ ณ โอกำสนี
สำนกั งำนเศรษฐกจิ กำรเกษตรที่ 2 จงั หวดั พิษณโุ ลก
สำนกั งำนเศรษฐกิจกำรเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กันยำยน 2558
สารบญั หนา้
ก
บทคดั ย่อ ค
คำนำ จ
สำรบัญตำรำง ช
สำรบญั ตำรำงผนวก 1
บทที่ 1 บทนา 1
2
1.1 ควำมเปน็ มำของโครงกำร 3
1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงกำร 3
1.3 เปำ้ หมำยและงบประมำณของโครงกำร 3
1.4 พนื้ ทด่ี ำเนินกำร 3
1.5 วิธีกำรและขน้ั ตอนกำรดำเนินกำร
1.6 กำรวำงแผนกำรกอ่ สรำ้ งโครงกำร 4
1.7 แผนปฏิบตั ิกำรปอ้ งกันแก้ไขและลดผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มและแผนตดิ ตำมตรวจสอบ 7
7
ผลกระทบส่งิ แวดล้อม 8
1.8 ระยะเวลำดำเนนิ กำร 8
1.9 ประโยชนท์ ค่ี ำดวำ่ จะไดร้ บั จำกโครงกำร 8
บทที่ 2 ระเบียบวิธีการศกึ ษา 8
2.1 ควำมสำคัญของกำรศึกษำ 9
2.2 วตั ถปุ ระสงค์ของกำรศึกษำ 11
2.3 ขอบเขตของกำรศกึ ษำ 11
2.4 วธิ กี ำรศกึ ษำ 12
2.5 หนว่ ยงำนดำเนนิ กำร 12
2.6 ประโยชน์ท่คี ำดว่ำจะได้รบั จำกกำรศึกษำ 15
บทท่ี 3 สภาพท่ัวไป 27
3.1 ลกั ษณะท่ัวไปของจงั หวัด 27
3.2 ลกั ษณะของโครงกำร 36
บทที่ 4 ผลการศึกษา 57
4.1 ขอ้ มลู ทวั่ ไปของครัวเรือนเกษตร 61
4.2 กำรประกอบกำรผลิตกำรเกษตร ปีเพำะปลูก 2557/58 64
4.3 ปัญหำของเกษตรกรในพืน้ ท่ี 67
4.4 ขอ้ มูลเก่ียวกับกำรใชป้ ระโยชนจ์ ำกแหลง่ น้ำ และกำรบริกำรของภำครฐั 71
4.5 ควำมคำดหวงั และควำมสนใจของเกษตรกรภำยหลงั มีโครงกำรฯ
4.6 ทศั นคติ ระดับควำมพึงพอใจ และผลกระทบที่มีต่อโครงกำร
4.7 ขอ้ คิดเห็น และข้อเสนอแนะเพมิ่ เติมของเกษตรกร
ง
สารบญั (ต่อ)
บทท่ี 5 สรปุ และข้อเสนอแนะ หนา้
5.1 สรุป 74
5.2 ข้อเสนอแนะ 74
77
บรรณานุกรม
ภาคผนวก 79
80
สารบญั ตาราง
ตารางท่ี งบประมำณและแผนกำรเงินในกำรดำเนินงำนแผนปฏิบัตกิ ำรลดผลกระทบสิง่ แวดล้อม หนา้
1.1 และติดตำมตรวจสอบผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม
งบประมำณแผนปฏิบัติกำรลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนติดตำมตรวจสอบผลกระท บ 5
1.2 สง่ิ แวดลอ้ ม ปีงบประมำณ 2558
7
4.1 อำยุ และกำรประกอบอำชีพของหวั หน้ำครัวเรอื นเกษตร 28
4.2 อำยุ และกำรประกอบอำชีพของสมำชิกในครวั เรือนเกษตร 30
4.3 จำนวนสมำชิกในครัวเรอื นแยกตำมลกั ษณะกำรใชแ้ รงงำนกำรเกษตร 31
4.4 กำรใชท้ ่ดี ินจริงในกำรประกอบกำรเกษตร ปีเพำะปลูก 2557/58 32
4.5 แหล่งน้ำท่ใี ชเ้ พ่ือกำรเกษตร ตำมลกั ษณะกำรถือครองที่ดนิ ปีเพำะปลูก 2557/58 33
4.6 แหลง่ น้ำท่ใี ชเ้ พื่อกำรเกษตร ตำมลกั ษณะกำรใช้ทดี่ นิ ในกำรเกษตร ปีเพำะปลูก 2557/58 35
4.7 ทรัพยส์ นิ กำรเกษตร ปเี พำะปลูก 2557/58 36
4.8 แหล่งกู้ยมื เงนิ ของเกษตรกร ปีเพำะปลูก 2557/58 36
4.9 จำนวนหน้ีสินทง้ั หมดในครัวเรือนเกษตร ณ 30 เม.ย. 2558 37
4.10 วัตถปุ ระสงค์กำรกยู้ ืมเงินของครัวเรือนเกษตร 38
4.11 มลู ค่ำทรัพย์สินนอกกำรเกษตร ปีเพำะปลูก 2557/58 38
4.12 จำนวนสตั วเ์ ลยี้ งคงเหลอื ตน้ ปีและปลำยปี 39
4.13 รำยได้ – รำยจำ่ ยเงนิ สดในกำรประกอบกิจกรรมกำรเกษตรทำงดำ้ นพชื ในพนื้ ท่ีโครงกำร
ปเี พำะปลูก 2557/58 41
4.14 รำยได้ – รำยจำ่ ยเงนิ สดในกำรประกอบกจิ กรรมกำรเกษตรทำงด้ำนพชื
นอกพื้นทโี่ ครงกำร ปีเพำะปลูก 2557/58 42
4.15 รำยได้ – รำยจ่ำยเงนิ สดในกำรประกอบกิจกรรมกำรเกษตรทำงดำ้ นพืช
รวมพืน้ ทท่ี ัง้ โครงกำร ปเี พำะปลกู 2557/58 43
4.16 รำยได้ – รำยจ่ำยเงินสดในกำรประกอบกจิ กรรมกำรเกษตรทำงด้ำนพืช
ในเขตพ้นื ทส่ี ูบนำ้ ดว้ ยไฟฟ้ำ ปีเพำะปลกู 2557/58 45
4.17 รำยได้ – รำยจำ่ ยเงนิ สดในกำรประกอบกจิ กรรมกำรเกษตรทำงดำ้ นพืช
นอกเขตพื้นที่สบู นำ้ ดว้ ยไฟฟำ้ ปเี พำะปลกู 2557/58 46
4.18 รำยได้ – รำยจ่ำยเงนิ สดในกำรประกอบกิจกรรมกำรเกษตรทำงด้ำนพชื
รวมพืน้ ทที่ ัง้ โครงกำร ปีเพำะปลกู 2557/58 47
4.19 รำยได้ - รำยจำ่ ยเงนิ สดในกำรประกอบกจิ กรรมกำรเกษตรทำงด้ำนปศุสัตว์ 48
4.20 รำยได้ - รำยจ่ำยเงนิ สดในกำรประกอบกจิ กรรมกำรเกษตรทำงดำ้ นสัตว์นำ้ 49
4.21 รำยได้สุทธจิ ำกกำรปลูกพืช ปเี พำะปลูก 2557/58 50
4.22 รำยได้สทุ ธิจำกกำรเลย้ี งปศสุ ัตว์ ปเี พำะปลกู 2557/58 52
4.23 รำยไดส้ ุทธิจำกกำรเล้ียงสัตวน์ ำ้ 52
4.24 รำยไดส้ ุทธิเกษตร เงนิ ออม และกำรออมสุทธิ ปีเพำะปลกู 2557/58 54
4.25 รำยได้ – รำยจำ่ ยเงนิ สดเกษตรอน่ื ๆและนอกเกษตรของครัวเรอื นเกษตร 55
4.26 เปรยี บเทยี บรำยได้สุทธเิ กษตร 57
4.27 ปัญหำเรอ่ื งดนิ 58
ฉ
สารบญั ตาราง (ตอ่ )
ตารางที่ ปัญหำเรือ่ งนำ้ หนา้
4.28 ปัญหำด้ำนกำรผลิตและกำรตลำด 59
4.29 กำรเป็นสมำชิกกลมุ่ สูบน้ำด้วยไฟฟำ้ ของครวั เรือนเกษตร ณ วันสำรวจ 60
4.30 คำ่ ใช้จำ่ ยในกำรจดั หำนำ้ มำใชเ้ พ่อื กำรเกษตรของครัวเรอื นเกษตร ปเี พำะปลกู 2557/58 61
4.31 62
4.32 กำรไดร้ ับกำรสนบั สนนุ ปจั จัยกำรผลิตจำกสว่ นรำชกำรในสงั กดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของ
ครวั เรอื นเกษตร ปีเพำะปลกู 2557/58 63
4.33
กำรได้รบั กำรบรกิ ำรจำกสว่ นรำชกำรในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของครวั เรือนเกษตร 63
4.34 ปเี พำะปลูก 2557/58 64
4.35 65
4.36 ควำมเพียงพอของแหล่งเงินทุนของครวั เรือนเกษตร ปีเพำะปลูก 2557/58
ควำมคำดหวงั ของเกษตรกรต่อกำรผลติ ดำ้ นกำรเกษตรภำยหลงั มโี ครงกำรฯ 65
4.37 ควำมคำดหวังของเกษตรกรเก่ยี วกับกำรแก้ปัญหำเรื่องนำ้ เพื่อกำรเกษตร ภำยหลังมี 66
4.38 โครงกำรฯ 69
4.39 ควำมสนใจในกำรทำกจิ กรรมเพมิ่ เติมภำยหลงั มโี ครงกำรฯ ปเี พำะปลกู 2557/58 71
4.40 ทัศนคติและระดบั ควำมพึงพอใจของเกษตรกรทมี่ ีต่อโครงกำร 73
ทัศนคติของเกษตรกรในดำ้ นผลกระทบจำกโครงกำรฯ
ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ ของเกษตรกร ปเี พำะปลกู 2557/58
.
สารบัญตารางผนวก
ตารางผนวกท่ี รำยได้-รำยจำ่ ยเงินสดสุทธเิ กษตร ปเี พำะปลกู 2556/57 หนา้
1 ผลผลิตเกษตรในฟำร์มนำมำใช้สอย/บริโภค ปีเพำะปลกู 2556/57 81
2 รำคำผลผลิตทำงกำรเกษตรด้ำนพืช ในพน้ื ที่โครงกำร ปีเพำะปลูก 2557/58 81
3 รำคำผลผลติ ทำงกำรเกษตรด้ำนพชื นอกพ้นื ทโี่ ครงกำร ปีเพำะปลูก 2557/58 82
4 รำคำผลผลติ ทำงกำรเกษตรด้ำนพชื รวมพ้นื ทท่ี ั้งโครงกำร ปีเพำะปลูก 2557/58 83
5 รำคำผลผลติ ทำงกำรเกษตรด้ำนพืช ในเขตพน้ื ทส่ี บู นำ้ ดว้ ยไฟฟำ้ 84
6 ปเี พำะปลูก 2557/58
รำคำผลผลิตทำงกำรเกษตรด้ำนพืช นอกเขตพื้นที่สบู น้ำด้วยไฟฟ้ำ 85
7 ปีเพำะปลกู 2557/58
พันธข์ุ ้ำวเจ้ำท่ีปลกู ในพืน้ ทที่ ัง้ โครงกำร ปเี พำะปลูก 2557/58 86
8 สูตรปยุ๋ เคมี ทใี่ ชป้ ลกู ขำ้ วในพ้ืนทท่ี ้ังโครงกำร ปเี พำะปลกู 2557/58 87
9 87
บทท่ี 1
บทนำ
1.1 ควำมเปน็ มำของโครงกำร
การศกึ ษาเพือ่ พัฒนาทรัพยากรน้าในลุ่มน้าน่าน เร่ิมมาต้ังแต่ปี พ.ศ.2510 โดยกรมชลประทานได้วางแผน
พัฒนาล่มุ น้านา่ น ประกอบด้วยโครงการชลประทานขนาดใหญ่ได้แก่ การก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ซ่ึง
เป็นเขือ่ นอเนกประสงค์เพอ่ื ผลิตกระแสไฟฟา้ พลังน้าและเพ่ือสนับสนุนน้าให้แก่พ้ืนท่ีเกษตรกรรม โครงการพัฒนา
ชลประทานอุตรดติ ถ์(เขอื่ นทดน้าผาจุก) โครงการชลประทานพิษณุโลกฝ่ังซ้าย และโครงการชลประทานพิษณุโลก
ฝ่ังขวา(เข่ือนนเรศวร) นอกจากนั้น ยังมีแผนการก่อสร้างโครงการชลประทานขนาดกลางและขนาดเล็กอีกหลาย
โครงการ ซ่งึ จะให้ผลประโยชนเ์ พอื่ การอปุ โภคบรโิ ภค การบรรเทาอุทกภัย การคมนาคมทางน้า การผลักดันน้าเค็ม
การรักษาระบบนิเวศในแม่น้าน่านและเพ่ือการพักผ่อนหย่อนใจ โดยกรมชลประทานได้ด้าเนินการก่อสร้าง
โครงการชลประทานขนาดใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จ้านวน 2 โครงการ คือ เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ และ
โครงการชลประทานพิษณุโลกฝั่งขวา(เข่ือนนเรศวร) จังหวัดพิษณุโลก ส่วนโครงการท่ีเหลือ กรมชลประทานได้
ชะลอการด้าเนินการออกไปเน่ืองจากแหล่งเก็บกักน้าท่ีมีอยู่ในขณะน้ัน มีปริมาณน้าต้นทุนเพื่อการชลประทานไม่
เพยี งพอ
ต่อมากรมชลประทานได้ด้าเนินการก่อสร้างเข่ือนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี และเข่ือนแควน้อยบ้ารุง
แดน จังหวัดพิษณุโลก ซ่ึงด้าเนินการแล้วเสร็จเม่ือปี พ.ศ.2542 และปี พ.ศ.2552 ตามล้าดับ ท้าให้สามารถ ส่ง
น้าให้พื้นท่ีโครงการเจ้าพระยาในฤดูแล้งได้ 580,000 ไร่ ซ่ึงเป็นการลดภาระการส่งน้าเพ่ือการชลประทานจาก
เขอ่ื นสิริกติ ิแ์ ละเขอ่ื นภูมิพล ท่ีเปน็ แหล่งน้าตน้ ทุนของโครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ กล่าวคอื
เข่ือนป่ำสักชลสิทธ์ิ จังหวัดลพบุรี สามารถส่งน้าช่วยเหลือพ้ืนที่เพาะปลูกของโครงการชลประทาน
เจา้ พระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง เนื้อที่ประมาณ 330,000 ไร่ มีปริมาณน้าในแม่น้าป่าสักเพิ่มข้ึนจากเดิมท่ีเคยมีปี
ละ 246.48 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 523.24 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพ่ิมข้ึน 276.76 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่ง
สามารถลดปริมาณการระบายน้าจากอ่างเกบ็ น้าเข่อื นสิรกิ ิต์ิ ในฤดูแลง้ เฉลย่ี ปีละ 237 ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร
เข่ือนแควนอ้ ยบำรุงแดน จังหวดั พษิ ณโุ ลก สามารถสง่ น้าให้พื้นที่ชลประทานในโครงการเจ้าพระยาในฤดู
แล้งประมาณ 250,000 ไร่ มีปริมาณน้าในแม่น้าแควน้อยเพ่ิมข้ึนจาก 215.35 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 469.46
ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพ่ิมข้ึน 254.11 ล้านลูกบาศก์เมตร ซ่ึงสามารถลดปริมาณการระบายน้าจากอ่างเก็บน้า
เขอ่ื นสริ ิกติ ์ิ เพอื่ การเพาะปลูกพชื ในฤดแู ล้งในโครงการเจา้ พระยาไดเ้ ฉลย่ี ปลี ะ 269 ล้านลูกบาศกเ์ มตร
จากการจัดการน้าอย่างเป็นระบบจะท้าให้มีปริมาณน้าที่เพิ่มข้ึนในฤดูแล้ง 506 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะ
เพียงพอท่ีจะสามารถส่งน้าให้กับพ้ืนท่ีในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ท่ีประสบปัญหาการขาดแคลนน้า นอกจากนั้น ใน
ปัจจุบันการใช้น้าในพื้นทเี่ พาะปลูกของจังหวัดอุตรดิตถ์ต้องอาศัยโครงการสูบน้าด้วยไฟฟ้า ท้าให้ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ในการสูบน้าเป็นจา้ นวนมาก จงึ มีราษฎรเรียกรอ้ งให้กรมชลประทานด้าเนินการก่อสร้างโครงการเข่ือนทดน้าผาจุก
จังหวดั อตุ รดิตถ์ โดยเรว็
กรมชลประทาน จึงได้ทบทวนการศึกษาโครงการพัฒนาลุ่มน้าน่านในข้ันการศึกษาความเหมาะสม
(Feasibility Study) โดยเร่ิมการศึกษาโครงการเมื่อวันท่ี 18 กันยายน 2546 และด้าเนินการแล้วเสร็จเม่ือเดือน
พฤศจกิ ายน 2548 โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ คือ
- การศึกษาในขั้นแผนหลัก(Master Plan Study) เพื่อศึกษาแผนพัฒนาก้าหนดทางออก
โครงการ
- การศึกษาในข้ันการศึกษาความเหมาะสม(Feasibility Study) เพ่ือศึกษาความเหมาะสมและ
ศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ ม
2
จากผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ พบวา่ การแกไ้ ขปัญหาทรัพยากรน้าในลุ่มน้าน่าน จะต้องท้า
ให้ลุ่มน้าน่านมีน้าอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ เพ่ือประโยชน์ในการผลิตและการอุปโภคบริโภค สนับสนุนการ
สรา้ งเสรมิ คุณภาพชวี ติ ทด่ี ีของประชาชน ควบคไู่ ปกบั การบรรเทาอทุ กภยั ไดอ้ ย่างตอ่ เนื่อง โดยค้านึงถึงผลกระทบที่
อาจเกดิ ขึน้ กบั สภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ และเพื่อให้เกิดการพัฒนาลุ่มน้าน่านอย่างเป็นรูปธรรม
จึงได้คัดเลือกโครงการน้าร่องท่ีมีล้าดับความเหมาะสมในการพัฒนาสูง คือ โครงการเขื่อนทดน้าผาจุก จังหวัด
อุตรดิตถ์ เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้าและการชลประทานพิจารณา ซ่ึงต่อมา
คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้าและการชลประทานได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์โดยกรมชลประทานเร่งเตรียมความพร้อมโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จ้านวน 16 โครงการ ในการ
ประชุมครั้งท่ี 1/2551 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 โดยมติที่ประชุมดังกล่าวได้ผ่านการเห็นชอบจาก
คณะรัฐมนตรแี ล้วเมอ่ื วันที่ 10 มิถนุ ายน 2551
ในสว่ นของการด้าเนินการส้ารวจออกแบบรายละเอียด กรมชลประทานว่าจ้างบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอน
จเิ นยี ร่งิ แอนด์ แมเนจเมนท์ จา้ กดั และบรษิ ทั แอสดิคอน คอรป์ อเรชน่ั จา้ กัด ด้าเนินงานส้ารวจออกแบบตัวเข่ือน
ทดน้าผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ ในวงเงิน 48,970,000 บาท ระยะเวลา 3 ปี โดยเริ่มด้าเนินการส้ารวจออกแบบตัว
เข่ือนทดน้าผาจุกเมื่อเดือนตุลาคม 2550 แล้วเสร็จเม่ือเดือนกันยายน 2551 ส้าหรับด้านการศึกษาผลกระทบ
สิ่งแวดล้อม กรมชลประทานได้ด้าเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน
2548 และส่งให้ส้านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาในปี พ.ศ. 2549 ซ่ึง
คณะกรรมการผู้ช้านาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงการพัฒนาแหล่งน้า
(คชก.) มีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมบางส่วน กรมชลประทานจึง
ด้าเนินการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพมิ่ เติม แลว้ เสร็จในเดอื นมกราคม 2552 และเสนอรายงานดังกล่าวอีกครั้ง
ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 แจ้งตามหนังสือ
คณะกรรมการสงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ ที่ ทส (กกวล)1008/ว 4655 ลงวันท่ี 22 มิถุนายน 2552 เห็นชอบกับรายงาน
การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาชลประทานอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ตามความเห็นของ
คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านโครงการพัฒนาแหล่งน้า
โดยกรมชลประทาน และคณะรัฐมนตรีมีมตอิ นุมตั ใิ หด้ า้ เนนิ การก่อสร้าง วันท่ี 3 พฤศจิกายน 2552
1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงกำร
1.2.1 เพื่อก้าหนดแผนการด้าเนินการบริหารจัดการน้าภายในลุ่มน้าน่านให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้ง
ทางด้านการพัฒนาแหล่งน้า การป้องกันอุทกภัย และด้านอ่ืนๆ ตลอดจนการด้าเนินการต่างๆ ให้ผู้ใช้น้าและผู้ที่
เกย่ี วขอ้ ง ได้มีสว่ นรว่ มในการก้าหนดสิทธิในการใช้น้าโดยแบ่งปันกันด้วยความเปน็ ธรรมเอื้ออาทรต่อกัน และเป็นท่ี
ยอมรับของทกุ ฝ่าย
1.2.2 เพื่อติดตามการด้าเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องให้เป็นไปตามแผนการป้องกันแก้ไขและ
ลดผลกระทบส่ิงแวดล้อมสิ่งแวดล้อมและติดตามตรวจสอบผลกระทบส่ิงแวดล้อม โครงการพัฒนาชลประทาน
อุตรดติ ถ์ เขื่อนทดนา้ ผาจุก จังหวัดอตุ รดิตถ์
1.2.3 เพ่ือติดตามการด้าเนินงานของโครงการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันแก้ไข และมาตรการติดตาม
ตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มทร่ี ะบไุ ว้ในรายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม
1.2.4 เพ่ือบูรณาการหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพ้ืนที่จังหวัดร่วมกับทุกภาคส่วนท่ี
เกี่ยวขอ้ ง ใหเ้ กดิ ผลลัพธต์ ่อเกษตรกรในการพัฒนาอาชีพ และส่งเสริมรายได้ภาคเกษตรจากการใช้ประโยชน์จากน้าอย่าง
เหมาะสม
3
1.3 เป้ำหมำยและงบประมำณของโครงกำร
1.3.1 เป้าหมายของโครงการ
ผลงานการก่อสร้างและผลงานการด้าเนินของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องภายใต้แผนปฏิบัติการลด
ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและติดตามตรวจสอบผลกระทบส่ิงแวดล้อม โครงการพัฒนาชลประทานอุตรดิตถ์ เข่ือนทด
น้าผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์
1.3.2 งบประมาณการก่อสร้างโครงการ
จา้ นวนทง้ั สิ้นประมาณ 10,500 ล้านบาท ประกอบด้วยงบบุคลากร 197.95 ล้านบาท งบด้าเนินงาน
28.01 ล้านบาท งบลงทุน 9,769.72 ล้านบาท (รวมค่าด้าเนินการด้านสิ่งแวดล้อม 120.87 ล้านบาท และ
ค่าชดเชยที่ดินและทรัพย์สิน 1,211.36 ล้านบาท) และเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด 504.32 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้
จ่ายเงินงบประมาณในแต่ละปดี ังนี้
แผนการใช้จ่ายเงนิ งบประมาณในแตล่ ะปี
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 2554 2555 2556 2557 หน่วย : ล้านบาท
305.01 845.73 2,187.09 2,680.00 2558 - 2561
จ้านวนเงนิ - 4,482.17
1.4 พนื้ ทีด่ ำเนนิ กำร
บริเวณพื้นที่โครงการพัฒนาชลประทานอุตรดิตถ์ เขื่อนทดน้าอุตรดิตถ์(ผาจุก) ระบบชลประทานและพ้ืนท่ี
รอบโครงการ ท่ีตั้งเข่ือนทดน้าผาจุก ตั้งอยู่ในแม่น้าน่านบ้านคลองนาพง หมู่ 7 ต้าบลผาจุก อ้าเภอเมือง จังหวัด
อุตรดติ ถ์ ประมาณพิกดั ที่ 47 QPV 347517 ระวาง 5044 II
1.5 วธิ กี ำรและข้ันตอนกำรดำเนนิ กำร
1.5.1 ติดตามผลการด้าเนินงานของโครงการพัฒนาชลประทานอุตรดิตถ์ ในภาพรวม และติดตาม
ตรวจสอบการด้าเนินงานของแผนงานจากรายงานสรุปผลการปฏิบัติงานและการติดตามตรวจสอบผลกระทบ
สง่ิ แวดล้อมของหน่วยงานต่างๆ ท่ีจัดสง่ ใหก้ รมชลประทาน
1.5.2 ตดิ ตามผลการด้าเนินงานของโครงการพัฒนาชลประทานอุตรดิตถ์ โดยการตรวจสอบในภาคสนาม
เพอื่ ติดตามผลการดา้ เนนิ งานของโครงการและตรวจสอบความถูกตอ้ งของผลปฏิบัติของแผนงานที่ได้เสนอ
1.6 กำรวำงแผนกำรกอ่ สร้ำงโครงกำร
ระยะเวลาก่อสร้างโครงการ 9 ปี (พ.ศ. 2553 - 2561) จากหลักเกณฑ์และวิธีการก่อสร้างน้ามาก้าหนด
ระยะเวลาของการดา้ เนินงานแตล่ ะองค์ประกอบของโครงการ 5 ปี แบง่ เป็นงานประเภทตา่ ง ๆ ดงั น้ี
1.6.1 งานเตรียมการก่อสร้าง ใช้ระยะเวลาประมาณ 7 เดือน เป็นการเตรียมสถานที่บริเวณหัวงานเขื่อน
ทดนา้ ใหม้ ีความพร้อมสา้ หรับการกอ่ สร้าง
1.6.2 งานจัดกรรมสทิ ธ์ิทีด่ ินและค่าทดแทน ใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน เป็นงานที่วางแผนไว้ในกรณีท่ี
ต้องมกี ารด้าเนนิ การทจ่ี ้าเป็นเพิม่ เติม นอกจากพน้ื ที่ท่ีไดจ้ ัดซอื้ ไวแ้ ลว้
1.6.3 งานขุดช่องลดั เพอ่ื การผันนา้ ใชร้ ะยะเวลาประมาณ 5 เดอื น
1.6.4 งานก่อสร้างท้านบปิดล้าน้าเพื่อท้าบ่อก่อสร้าง ใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน โดยเริ่มด้าเนินการ
เมื่อกอ่ สร้างคลองผันนา้ ไปแลว้ 3 เดือน โดยท้าการก่อสร้างท้านบดินปิดก้ันล้าน้าเดิมและผันน้าไปทางคลองผันน้า
รวมทั้งเตรียมบ่อก่อสรา้ งโดยการระบายน้าออกใหห้ มดเม่อื ก่อสรา้ งทา้ นบปิดกั้นล้านา้ เสร็จหมดแลว้
1.6.5 งานก่อสร้างฐานรากและตัวเขื่อนทดน้า โดยงานปรับปรุงฐานรากใช้เวลา 3 เดือน และงาน
โครงสร้าง ใช้ระยะเวลาประมาณ 15 เดือน ส่วนงานป้องกันการกัดเซาะใช้เวลาประมาณ 5 เดือน รวมใช้เวลา
ประมาณ 19 เดอื น
4
1.6.6 งานติดตั้งบานประตูและอุปกรณ์ ใช้ระยะเวลาประมาณ 23 เดือน โดยจะเริ่มมีการจัดซ้ือส่ังผลิตที่
โรงงานในปลายปีท่ี 1 และจดั การขนส่งมาทบ่ี ริเวณก่อสร้างภายในปีท่ี 3 การติดตัง้ จะใชเ้ วลาประมาณ 5 เดือน
1.6.7 งานร้ือถอนท้านบบ่อก่อสร้าง และก่อสร้างท้านบปิดคลองผันน้า ใช้ระยะเวลาประมาณ 7 เดือน
โดยจะเริ่มทางเชื่อมอาคารประตูระบายน้าปากคลองส่งน้าชลประทานฝั่งซ้าย หลังจากได้รื้อถอนท้านบให้ระบาย
น้าผา่ นเขื่อนทดนา้ ไดแ้ ลว้
1.6.8 งานระบบสายสง่ ไฟฟา้ ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี โดยดา้ เนินการในปีแรกของแผนงานกอ่ สรา้ ง
1.6.9 งานกอ่ สรา้ งระบบชลประทาน ใชร้ ะยะเวลาประมาณ 4 ปี
หลังจากน้นั จะเรม่ิ ทา้ การกอ่ สร้างโรงไฟฟา้ พลังน้า รวมทั้งติดตงั้ เคร่อื งจักรกลไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบ
จะต้องใช้เวลาประมาณ 16 เดือน ในระหว่างนีจ้ ะกอ่ สรา้ งคลองชักน้าควบคู่กันไปด้วย ซ่ึงจะใช้ระยะเวลาประมาณ
4 เดือน งานรื้อถอนท้านบปิดคลองผันน้าใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือนรวมระยะเวลาก่อสร้างเข่ือนทดน้าท้ังสิ้น
4 ปี
1.7 แผนปฏิบัติกำรป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบส่ิงแวดล้อมและแผนติดตำมตรวจสอบผลกระทบ
ส่ิงแวดลอ้ ม
การด้าเนินโครงการเขื่อนทดน้าผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ ตลอดอายุโครงการที่จะมิให้เกิดผลกระทบต่อ
สงิ่ แวดลอ้ ม หรือก่อให้เกิดผลกระทบในระดับท่ียอมรับได้นั้น หน่วยงานผู้รับผิดชอบจ้าเป็นจะต้องปฏิบัติตามแผน
และมาตรการลดผลกระทบโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ ในการศึกษาได้เสนอแผนปฏิบัติการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและ
แผนติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมไว้แล้ว รวมท้ังส้ิน 18 แผน ได้แก่ แผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขลด
ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจ้านวน 7 แผน และแผนติดตามตรวจสอบผลกระทบส่ิงแวดล้อมจ้านวน 11 แผน โดยใช้
งบประมาณในการด้าเนนิ การตามแผนในระยะ 10 ปี ดงั สรปุ ในตารางท่ี 1.1
ตารางท่ี 1.1 งบประมาณและแผนการเงินในการด้าเนนิ งานแผนปฏบิ ตั กิ ารลดผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิง่ แวดล้อม
ระยะเวลา ปที ่ดี ำเนินกำรโครงกำร
ดา้ เนนิ การ
แผนปฏบิ ตั กิ ำร ระยะกอ่ สร้าง ระยะด้าเนินการ รวม หนว่ ยงานทีร่ บั ผดิ ชอบ
(ป)ี 2554 (ลำ้ นบำท)
1. แผนปฏบิ ตั ิกำรลดผลกระทบส่ิงแวดล้อมในระยะก่อสร้ำง 2557 2557 2558
1.1 แผนประชาสมั พันธโ์ ครงการ 2555 2556 (เดมิ ) (ใหม)่ 2558 (ใหม)่ 2559 2560 2561 2562 2563
1.2 แผนการชดเชยทรัพย์สิน
1.3 แผนการลดผลกระทบด้านนเิ วศวทิยาทางน้าและทรพั ยากรประมง 6 2.00 1.60 1.60 1.60 1.60 1.60 0.60 1.00 10.00 กรมชลประทาน
1.4 แผนการปรัปรุงสภาพภมู สิ ถาปตั ยกรรมบรเิ วณพนื้ ทีห่ วั งานเข่ือน 784.15* 784.15* กรมชลประทาน
และสภาพภมู ทิ ัศนพ์ นื้ ท่ใี หล้เคียงแนวคลองชลประทานท่ตี ัดผ่านชมุ ชน
1.5 แผนการป้องกันแก้ไขผลกระทบด้านโบราณคดแี ละประวตั ิศาสตร์ 4 0.20 0.20 0.20 0.20 0.20 0.20 1.000 กรมประมง
กรมชลประทาน
8 1.06 21.10 14.694 1.92 11.639 1.92 1.92 1.92 1.92 1.92 40.880
กรมศิลปากร
0.9 0.64
2. แผนปฏิบตั กิ ำรลดผลกระทบส่ิงแวดล้อมในระยะดำเนินกำร 7 0.17 0.17 0.17 0.17 0.12 0.12 0.12 1.040 ส้านักบริหารจัดการน้า
5 และอุทกวิทยา
2.1 แผนการบริหารการใชน้ ้า
7 10.50 10.50 10.50 10.00 10.00 51.500 กรมชลประทาน 5
2.2 แผนการสง่ เสรมิ และพัฒนาการเกษตรหลงั มีโครงการ 3
9 0.30 0.30 0.30 0.30 0.40 0.40 0.40 0.40 0.40 2.800 กรมชลประทาน
3. แผนติดตำมตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดลอ้ ม 4
3 0.30 0.30 0.30 0.40 0.40 1.100 กรมชลประทาน และ สศก.
3.1 แผนการติดตามตรวจสอบด้านคณุ ภาพด้านคณุ ภาพน้าผวิ ดนิ 4
3.2 แผนการติดตามตรวจสอบด้านเศรษฐกิจสงั คม 5 0.05 0.05 0.05 0.106 0.07 0.07 0.32 0.07 0.07 0.07 0.07 0.870 กรมชลประทาน
3.3 แผนการติดตามตรวจสอบดา้ นอุทกวทิ ยาน้าผวิ ดนิ 5
3.4 แผนการติดตามตรวจสอบดา้ นน้าใต้ดินและคุณภาพนา้ ใตด้ ิน 2 0.40 0.40 0.40 0.40 0.40 0.40 0.40 0.40 2.400 กรมชลประทาน
3.5 แผนการติดตามตรวจสอบดา้ นนเิ วศวทิ ยาทางน้าและทรพั ยากร
3.6 แผนการติดตามตรวจสอบด้านทรัพยากรดนิ และการใช้ที่ดนิ 9 0.20 0.23 0.10 0.30 0.10 0.10 0.730 กรมประมง
3.7 แผนการติดตามตรวจสอบดา้ นการเกษตร
3.8 แผนการติดตามเฝ้าระวังโรคตดิ ตอ่ น้าโดยยุง 9 0.50 0.50 0.50 0.60 0.50 1.10 2.700 กรมพฒั นาท่ีดนิ
3.9 แผนการติดตามเฝ้าระวงั โรคพยาธไิ บไมใ้ นคน
3.10 แผนการติดตามการปฏิบัติตามการปอ้ งกนั แกไ้ ขและลดผลกระทบ 0.20 0.20 0.231 0.20 0.20 0.20 0.20 1.000 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร
สง่ิ แวดล้อมและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
0.12 0.12 0.12 0.12 0.12 0.12 0.12 0.12 0.840 กรมควบคุมโรค
3.11 แผนการประเมินการปฏิบัติตามการป้องกนั แก้ไขและลดผลกระทบ
สงิ่ แวดล้อมและติตามตรวจสอบผลกระทบสง่ิ แวดล้อมโดย สผ. 0.22 0.25 0.22 0.25 0.22 0.910 กรมควบคมุ โรค
รวมทง้ั สิ้น 0.35 0.35 0.35 0.35 0.35 0.35 0.35 0.35 0.35 0.35 0.35 3.500 กรมชลประทาน
0.35 0.45 ไม่ขอรับงบ 0.25 มข่ อรับงบ 0.64 0.25 0.43 0.25 0.54 3.395 ส้านกั งานนโยบายและแผน
5.250 3.500 24.520 20.00 17.000 17.000 16.3150 16.380 13.205 14.930 3.615 124.665 ทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดลอ้ ม (สผ.)
6
ส้ าหรั บแผนปฏิ บั ติ การลดผลกระทบสิ่ งแวดล้ อมและแผนติ ดตามตรวจสอบผลกระท บสิ่ งแวดล้ อม
ปีงบประมาณ 2558 จา้ นวน 15 แผน มีรายละเอยี ดดังน้ีคอื
1) แผนประชาสมั พันธโ์ ครงการ
2) แผนการลดผลกระทบดา้ นนิเวศวิทยาทางน้าและทรพั ยากรประมง
3) แผนการปรับปรุงสภาพภูมิสถาปัตยกรรมบริเวณพื้นที่หัวงานเข่ือน และสภาพภูมิทัศน์พื้นที่
ใกล้เคยี งแนวคลองชลประทานทต่ี ดั ผา่ นชมุ ชน
4) แผนการปอ้ งกันแกไ้ ขผลกระทบดา้ นโบราณคดี และประวัติศาสตร์
5) แผนการติดตามตรวจสอบดา้ นคณุ ภาพน้าผวิ ดนิ
6) แผนการติดตามตรวจสอบดา้ นเศรษฐกิจสงั คม
7) แผนการติดตามตรวจสอบดา้ นอุทกวิทยาน้าผวิ ดิน
8) แผนการติดตามตรวจสอบดา้ นนา้ ใต้ดินและคณุ ภาพน้าใตด้ ิน
9) แผนการติดตามตรวจสอบดา้ นนิเวศวทิ ยาทางน้าและทรัพยากรประมง
10) แผนการตดิ ตามตรวจสอบดา้ นทรพั ยากรดินและการใชท้ ีด่ ิน
11) แผนการตดิ ตามตรวจสอบดา้ นการเกษตร
12) แผนการติดตามเฝา้ ระวังโรคติดต่อน้าโดยยุง
13) แผนการตดิ ตามเฝ้าระวังโรคพยาธใิ บไม้ในคน
14) แผนการติดตามการปฏิบัติตามการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบส่ิงแวดล้อมและติดตาม
ตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
15) แผนการประเมินการปฏิบัติตามการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบส่ิงแวดล้อมและติตาม
ตรวจสอบผลกระทบส่งิ แวดล้อม
งบประมาณแผนปฏิบัติการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนติดตามตรวจสอบผลกระท บสิ่งแวดล้อม
ปีงบประมาณ 2558 มรี ายละเอียดดงั นค้ี ือ
7
ตารางที่ 1.2 งบประมาณแผนปฏบิ ตั ิการลดผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มและแผนตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ ม
ปีงบประมาณ 2558
แผนปฏบิ ตั กิ ำร งบประมำณปี 2558 หน่วยงำนท่รี บั ผดิ ชอบ
(ลำ้ นบำท)
1. แผนปฏบิ ตั ิกำรลดผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มในระยะก่อสรำ้ ง กรมชลประทาน ส้านกั พัฒนาแหลง่ น้าขนาดใหญ่
1.1 แผนประชาสมั พันธโ์ ครงการ แผนเดิม แผนใหม่ สนง.กอ่ สรา้ ง 12
กรมชลประทาน และหน่วยงานในจังหวดั
1.2 แผนการชดเชยทรพั ย์สิน 1.60 1.60 กรมประมง
1.3 แผนการลดผลกระทบดา้ นนเิ วศวทิ ยาทางน้าและทรพั ยากรประมง กรมชลประทาน ส้านักพัฒนาแหลง่ นา้ ขนาดใหญ่
1.4 แผนการปรับปรุงสภาพภมู ิสถาปตั ยกรรมบรเิ วณพนื้ ทีห่ วั งานเข่ือน -- สนง.ก่อสร้าง 12
และสภาพภูมทิ ศั นพ์ น้ื ท่ีใกลเ้ คยี งแนวคลองชลประทานทต่ี ัดผ่านชุมชน 0.20 0.20 กรมศลิ ปากร
1.5 แผนการป้องกันแก้ไขผลกระทบดา้ นโบราณคดี และประวัตศิ าสตร์ 1.92 11.639
2. แผนปฏิบัตกิ ำรลดผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มในระยะดำเนินกำร กรมชลประทาน
2.1 แผนการบริหารการใช้นา้ - 0.64 กรมชลประทานและหน่วยงานในจงั หวดั
2.2 แผนการสง่ เสริมและพฒั นาการเกษตรหลังมีโครงการ
3. แผนตดิ ตำมตรวจสอบผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ ม 0.17 - กรมชลประทาน ส้านกั บริหารโครงการ
3.1 แผนการตดิ ตามตรวจสอบดา้ นคุณภาพนา้ ผิวดนิ 10.50 - กรมชลประทาน และ สนง.เศรษฐกิจการเกษตร
3.2 แผนการติดตามตรวจสอบดา้ นเศรษฐกิจสังคม กรมชลประทาน ส้านักบรหิ ารจัดการน้าและอุทก
3.3 แผนการติดตามตรวจสอบดา้ นอทุ กวทิ ยาน้าผิวดนิ 0.40 0.40 วทิ ยา
- 0.30 กรมชลประทาน ส้านักบรหิ ารโครงการ
3.4 แผนการติดตามตรวจสอบด้านนา้ ใต้ดินและคุณภาพนา้ ใต้ดิน 0.07 0.07 กรมประมง
3.5 แผนการติดตามตรวจสอบด้านนเิ วศวทิ ยาทางนา้ และทรัพยากรประมง กรมพัฒนาท่ดี นิ
3.6 แผนการตดิ ตามตรวจสอบด้านทรพั ยากรดนิ และการใชท้ ดี่ ิน 0.04 0.04 กรมส่งเสริมการเกษตร และ สนง.เกษตรจงั หวัด
3.7 แผนการตดิ ตามตรวจสอบดา้ นการเกษตร 0.01 0.30 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
3.8 แผนการติดตามเฝ้าระวังโรคติดตอ่ น้าโดยยุง 0.50 0.50 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ
3.9 แผนการตดิ ตามเฝา้ ระวังโรคพยาธใิ บไม้ในคน 0.20 0.231 กรมชลประทาน สา้ นักบริหารโครงการ
3.10 แผนการติดตามการปฏบิ ัตติ ามการปอ้ งกันแก้ไขและลดผลกระทบ 0.12 0.12
ส่ิงแวดลอ้ มและตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบสิง่ แวดล้อม 0.22 0.25 สนง.นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ
3.11 แผนการประเมนิ การปฏิบัติตามการปอ้ งกนั แกไ้ ขและลดผลกระทบ 0.35 0.35 สิ่งแวดล้อม (สผ.)
สง่ิ แวดลอ้ มและตติ ามตรวจสอบผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม
0.25 ไม่ขอรบั
งบฯ
1.8 ระยะเวลำดำเนินกำร
ระยะเวลากอ่ สรา้ งโครงการ 9 ปี (พ.ศ. 2553 - 2561)
1.9 ประโยชน์ท่คี ำดวำ่ จะได้รบั จำกโครงกำร
1.9.1 การบริหารจัดการน้าในลุ่มน้าน่านตอนล่างบริเวณ อ้าเภอเมือง อ้าเภอลับแล อ้าเภอตรอน อ้าเภอ
พิชัย จงั หวดั อตุ รดิตถ์ และอ้าเภอพรหมพริ าม อ้าเภอวดั โบสถ์ จังหวดั พษิ ณโุ ลก เพอ่ื เกดิ ประสิทธิภาพสูงสดุ
1.9.2 สามารถสง่ น้าในพน้ื ท่ชี ลประทานในเขตโครงการประมาณ 481,400 ไร่
1.9.3 ส่งน้าเพื่อการอปุ โภค - บริโภค อุตสาหกรรม และรักษาระบบนิเวศในแม่นา้ นา่ น.
บทที่ 2
ระเบียบวธิ ีการศึกษา
2.1 ความสาคัญของการศึกษา
โครงการเขอื่ นผาจุก จังหวัดอุตรดติ ถ์ เปน็ โครงการแก้ไขปัญหาทรพั ยากรน้าในลุ่มน้าน่านให้มีน้าเพียงพอ
และมีคุณภาพ เพื่อใช้ประโยชน์ในการผลิตและการอุปโภคบริโภค สนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของ
ประชาชน ควบคู่ไปกับการบรรเทาอุทกภัยอย่างต่อเน่ือง โดยค้านึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึนกับสิ่งแวดล้อมและ
ทรัพยากรธรรมชาติอ่ืนๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาลุ่มน้าน่านอย่างเป็นรูปธรรม พืนที่รับประโยชน์จะครอบคลุม
อ้าเภอเมืองอุตรดิตถ์ อ้าเภอลับแล อ้าเภอตรอน อ้าเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ และอ้าเภอพรหมพิราม อ้าเภอวัด
โบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อพัฒนาระบบชลประทาน ประมาณ 491,400 ไร่ ที่ตังตัวเขื่อนอยู่ในแม่น้าน่าน หมู่ 7
บ้านคลองนาพง ต้าบลผาจุก อ้าเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับอนุมัติให้ด้าเนินการก่อสร้างตังแต่เดือนตุลาคม
2555 และกรมชลประทานได้ด้าเนินการตังงบประมาณและจัดสรรไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพ่ือด้าเนินการ
ตามแผนป้องกันแก้ไขผลกระทบส่ิงแวดล้อมฯ ตังแต่ปีงบประมาณ 2555 เป็นต้นมา ซ่ึงในปีงบประมาณ 2558
ส้านกั บริหารโครงการ กรมชลประทานได้จัดตังงบประมาณให้แต่ละหน่วยงานด้าเนินงานในพืนที่ตามแผนปฏิบัติ
การป้องกันแกไ้ ขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบส่ิงแวดล้อมโครงการเขื่อนทดน้าผาจุก
จังหวดั อตุ รดิตถ์
ส้านักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยมีสา้ นักงานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 2 พิษณุโลก(สศท.2) เป็นหน่วยงาน
ส่วนกลางท่ีรับผิดชอบดูแลในพืนท่ีจังหวัดอุตรดิตถ์ มีพันธกิจหลักด้านหนึ่ง คือ การติดตามประเมินผลโครงการที่
ส้าคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซ่ึงในครังนีได้รับมอบหมายให้ด้าเนินการติดตามตรวจสอบด้านเศรษฐกิจ
และสังคม ตามแผนติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ โดยจัดท้ารายงานการส้ารวจภาวะ
เศรษฐกิจและสังคมครัวเรือนเกษตร(Bench Mark) ในพืนที่โครงการเข่ือนทดน้าผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์
ปีงบประมาณ 2558 ซ่งึ เป็นการศกึ ษาขอ้ มูลพืนฐานตา่ งๆของเกษตรกรทีอ่ ย่ใู นพนื ที่โครงการฯ ในช่วงก่อนเข้าร่วม
โครงการ ครอบคลุมทังทางด้านเศรษฐกิจสังคม ด้านการผลิต ด้านต้นทุนและผลตอบแทนจากการผลิต ด้าน
การพัฒนาเทคโนโลยี ด้านการพัฒนาอาชีพ เป็นต้น ตลอดจนศึกษาถึงปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะของ
เกษตรกรจากการเข้ารว่ มโครงการ เพือ่ น้าไปใชป้ ระกอบการพิจารณาตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูงในการอนุมัติ
โครงการหรอื วางแผนพัฒนาปรับปรงุ แผนปฏบิ ัตงิ าน/กิจกรรมต่างๆในพืนท่ีโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุด และใช้
เปน็ ข้อมลู เปรียบเทียบส้าหรบั การจัดท้าเอกสารรายงานการประเมินผลหลงั เข้ารว่ มโครงการ
2.2 วัตถุประสงคข์ องการศกึ ษา
2.2.1 เพ่ือศึกษาถึงสภาพทั่วไปทังทางด้านเศรษฐกิจสังคม ด้านการผลิต ด้านต้นทุนและผลตอบแทน
จากการผลติ ด้านการพฒั นาเทคโนโลยี ด้านการพัฒนาอาชพี ของเกษตรกรทีเ่ ข้าร่วมโครงการ
2.2.2 เพื่อศึกษาทศั นคติ ตลอดจนปญั หาและอุปสรรคของเกษตรกรจากการเขา้ รว่ มโครงการ
2.3 ขอบเขตของการศึกษา
2.3.1 พ้นื ท่ีทาการศกึ ษา คอื พืนทีฝ่ งั่ ขวาโครงการเขื่อนทดน้าผาจุก ครอบคลุมพนื ที่ ดงั นคี ือ
- ต้าบลทา่ อฐิ ตา้ บลทา่ เสา ตา้ บลบ้านเกาะ ตา้ บลวงั กะพี ต้าบลนา้ ริด ต้าบลงิวงาม และต้าบลผา
จกุ อ้าเภอเมอื งอตุ รดิตถ์ จังหวัดอตุ รดิตถ์
- ต้าบลวงั แดง และตา้ บลข่อยสูง อา้ เภอตรอน จงั หวดั อุตรดติ ถ์
- ต้าบลชัยจุมพล ต้าบลไผ่ล้อม ต้าบลทุ่งยัง และต้าบลด่านแม่ค้ามัน อ้าเภอลับแล จังหวัด
อตุ รดิตถ์
- ต้าบลนครเดิฐ จังหวดั สุโขทยั
9
2.3.2 ประชากรเป้าหมาย คือ เกษตรกรจ้านวน 400 ราย (ฝั่งขวาเขื่อนทดน้าผาจุก ระยะคลองส่งน้า
ชลประทาน 60 กิโลเมตร) และเจา้ หน้าทีผ่ รู้ ับผิดชอบโครงการ และองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ที่เกีย่ วขอ้ ง
2.3.3 ช่วงเวลาการศึกษา คือ ข้อมูลก่อนโครงการเป็นข้อมูลในปีเพาะปลูก 2557/58 (1 พฤษภาคม
2557 – 30 เมษายน 2558)
2.4 วธิ ีการศึกษา
2.4.1 การรวบรวมข้อมลู
1) วิธีการรวบรวมข้อมูล เป็นข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการโดยสุ่ม
ตัวอย่าง เก่ียวกับสภาพความเป็นอยู่ของครัวเรือนเกษตรกรท่ีเข้าร่วมโครงการ และประกอบการเกษตรในช่วง 1
พฤษภาคม 2557 – 30 เมษายน 2558 มีรายละเอียดดังนคี อื
1.1) สภาพสังคมของเกษตรกร/ขอ้ มูลทัว่ ไป
1.2) การถือครองที่ดินและการใช้ประโยชน์ทีด่ ิน
1.3) ผลผลติ พชื ของครัวเรือนเกษตร
1.4) รายไดเ้ งนิ สดทางการเกษตร ได้แก่
- รายได้เงนิ สดจากดา้ นพชื
- รายไดเ้ งนิ สดจากดา้ นปศุสัตว์
- รายได้เงินสดจากดา้ นสตั ว์นา้
- รายไดเ้ งินสดการเกษตรอ่ืนๆ
1.5) รายจ่ายเงนิ สดทางการเกษตร ได้แก่
- รายจ่ายเงินสดจากดา้ นพชื
- รายจ่ายเงินสดจากด้านปศุสัตว์
- รายจา่ ยเงนิ สดจากดา้ นสตั วน์ ้า
- รายจ่ายเงนิ สดการเกษตรอนื่ ๆ
1.6) รายไดเ้ งนิ สดสทุ ธิทางการเกษตร
1.7) รายไดเ้ งนิ สดสทุ ธทิ ังหมดในครวั เรอื นของครวั เรอื นเกษตร
1.8) ภาวะหนีสินทังหมดและแหล่งกยู้ มื ของครัวเรอื นเกษตร
1.9) ทรพั ย์สนิ ทังหมดของครัวเรอื นเกษตร
1.10) ข้อมลู เกยี่ วกบั การใชป้ ระโยชน์จากแหลง่ นา้ และการบรกิ ารของภาครัฐ
1.11) ทศั นคติ ระดับความพงึ พอใจ และผลกระทบท่ีมีตอ่ โครงการ
2) แหล่งข้อมลู ขอ้ มลู ทใี่ ชใ้ นการศึกษา ประกอบดว้ ยขอ้ มูล 2 แหลง่ คอื
2.1) ข้อมูลปฐมภูมิ เป็นข้อมูลท่ีได้จากการสัมภาษณ์เกษตรกรในพืนที่โครงการ
เนอ่ื งจากไมท่ ราบขนาดของประชากรท่แี นน่ อน และไม่ทราบค่าสัดสว่ นของประชากรในพืนท่ีโครงการ ดังนัน จึงใช้
สตู รของคอแครน (Cochran, 1977 อา้ งใน ธีรวุฒิ เอกะกลุ , 2543) ดงั นคี อื
2
Z
n=
4e2
โดยที่
n = ขนาดของกลมุ่ ตวั อย่างท่ีต้องการ
p = สัดสว่ นของลักษณะท่ีสนใจในประชากร (p =0.50)
e = ระดับความคลาดเคล่ือนของการสุม่ ตัวอยา่ งทย่ี อมให้เกดิ ขนึ ได้
Z = คา่ Z ทรี่ ะดบั ความเชื่อมั่นหรอื ระดับนยั ส้าคัญ
10
(ระดับความเช่ือม่ัน 95% หรอื ระดบั นยั สา้ คัญ 0.05 มคี ่า Z = 1.96)
ผลจากการค้านวณได้ขนาดของประชากรท่ีต้องการเท่ากับ 384 ราย ดังนัน ในการ
ส้ารวจครังนีจึงเก็บจ้านวนตัวอย่างมากกว่า คือ เท่ากับ 400 ราย ส่วนการสุ่มกลุ่มตัวอย่างในครังนี เป็นการไม่ใช้
ความน่าจะเปน็ (Non-probability Sampling) เน่ืองจากเป็นการศึกษาจากกลุ่มท่ีเฉพาะเจาะจงหรือมีคุณลักษณะ
ท่ีสอดคล้องกับประเด็นหรือเงื่อนไขท่ีกาหนดไว้ คือ เกษตรกรในพืนที่ได้รับผลกระทบ(เกษตรกรที่พืนท่ีการเกษตร
โดนเวนคืนที่ดิน เนื่องจากการท้าคลองชลประทาน) และเกษตรกรพืนท่ีได้รับผลประโยชน์(เกษตรกรท่ีพืนท่ี
การเกษตรไมโ่ ดนเวนคนื ท่ีดนิ เนื่องจากการท้าคลองชลประทาน) ส่วนการคัดเลือกเกษตรกรเป็นการสุ่มเลือกแบบ
มีจุดประสงค์/เฉพาะเจาะจง(Purposive Selection) คือ เป็นการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจง
ตามเหตุผลใหส้ อดคลอ้ งกับปญั หาการศกึ ษาใหต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ
2.2) ข้อมูลทุติยภูมิ แหล่งข้อมูล ได้แก่ เอกสารโครงการ งานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องของกรม
ชลประทาน และเอกสารรายงานของหน่วยงานอนื่ ๆ ท่ีเก่ียวข้อง เปน็ ตน้
2.4.2 การวเิ คราะหข์ อ้ มูล
เปน็ การการวิเคราะห์เชงิ ปริมาณโดยใช้สถิติพรรณนา (Descriptive Statistics Analysis) เป็นการ
วเิ คราะหข์ อ้ มลู ภาวะเศรษฐกิจสงั คมครัวเรือนเกษตรปีเพาะปลูก 2557/58 มีรายละเอียดดงั นีคือ
1) การวเิ คราะห์รายได้และรายจ่ายการเกษตร เมื่อน้าผลผลิตการเกษตรมาขายท่ีได้เป็นเงินสด
ไม่รวมถึงผลผลิตทน่ี า้ มาใชใ้ นครัวเรือนหักค่าใชจ้ ่ายในการผลิตที่เป็นเงินสด เป็นการวิเคราะห์ว่าในรอบปีการผลิต
หนึ่งๆ เกษตรกรมรี ายไดจ้ ากการประกอบการเกษตรในเขตพนื ท่โี ครงการเปน็ เทา่ ไร สูตรในการค้านวณดงั นี
รายไดเ้ งนิ สดเกษตร = มลู ค่าจากการขายผลผลิตพืช + ปศสุ ตั ว์ + สัตว์นา้ + อ่นื ๆ(ในเกษตร)
รายจา่ ยเงินสดเกษตร = รายจา่ ยเงนิ สดด้านพืช + ปศสุ ัตว์ + สัตวน์ า้ + อนื่ ๆ(ในเกษตร)
2) การวเิ คราะหร์ ายได้และรายจ่ายของครัวเรือน เป็นการวิเคราะห์รายได้และรายจ่ายทังหมด
ของครวั เรอื นทงั ในการเกษตรและนอกการเกษตร คือ
2.1) รายได้เงินสดสุทธิเกษตร เป็นการพิจารณาว่ารายได้เงินสดเกษตรทังหมดหัก
รายจา่ ยเงนิ สดเกษตรทังหมดเป็นเทา่ ไร สตู รในการคา้ นวณดงั นี
รายไดเ้ งนิ สดสทุ ธเิ กษตร = รายไดเ้ งนิ สดเกษตร(รวม) – รายจา่ ยเงินสดเกษตร(รวม)
2.2) รายได้สทุ ธิเกษตร เป็นการพิจารณาว่าเม่ือน้ารายได้เงินสดสุทธิเกษตรวมกับมูลค่า
ผลผลติ เกษตรทีใ่ ชใ้ นครัวเรอื นเกษตรและส่วนต่างของมลู ค่าทรพั ยส์ นิ ตน้ ปแี ละปลายปี สูตรในการคา้ นวณดังนี
รายไดส้ ุทธเิ กษตร = รายได้เงินสดสุทธิเกษตร + มูลค่าผลผลิตเกษตรท่ีใช้ในครัวเรือนเกษตร
+ (สว่ นตา่ งของมลู คา่ ทรัพย์สินตน้ ปแี ละปลายปี)
2.3) รายได้เงินสดสุทธิครัวเรือน หรือ รายได้เงินสดคงเหลือเพ่ือใช้จ่ายในครัวเรือน
เป็นการพจิ ารณาวา่ เมอ่ื น้ารายได้เงนิ สดสุทธิทางการเกษตรมารวมกับรายได้ท่ีเกิดจากกิจกรรมนอกการเกษตรแล้ว
ครวั เรือนจะมีเงินสดคงเหลือเพื่อใชจ้ า่ ยในครวั เรอื นเท่าไร สูตรในการคา้ นวณดงั นี
รายได้เงินสดสทุ ธิครวั เรือน = รายได้เงินสดสุทธเิ กษตร + รายไดเ้ งนิ สดนอกการเกษตรรวม
2.4) เงินสดคงเหลือก่อนการชาระหนี้ หรือ การออม เป็นการน้ารายได้เงินสดสุทธิ
ครัวเรอื นหกั ออกดว้ ยรายจ่ายทเี่ ป็นเงินสดนอกการเกษตรทังหมด แล้วครัวเรือนเกษตรจะยังคงเหลือเงินสดอยู่เป็น
จ้านวนเท่าไร สตู รในการคา้ นวณดงั นี
เงนิ สดคงเหลือกอ่ นการช้าระหนี(การออม) = รายไดเ้ งนิ สดสทุ ธิครวั เรือน – รายจา่ ยนอกการเกษตร(รวม)
11
2.5) เงินออมสุทธิ เป็นการน้ารายได้สุทธิเกษตรรวมกับรายได้นอกการเกษตรหัก
รายจ่ายนอกการเกษตร ยังคงเหลือเงินสดอยู่เปน็ จา้ นวนเทา่ ไร สตู รในการคา้ นวณดังนี
รายได้สุทธเิ กษตร = รายไดส้ ุทธิเกษตร + รายไดน้ อกการเกษตร(รวม) – รายจ่ายนอกการเกษตร(รวม)
2.6) รายได้เงินสดสุทธิเกษตรเหลือจากการใช้จ่ายในครัวเรือน เป็นการน้ารายได้
สุทธิเกษตรรวมกับรายได้นอกการเกษตรหักรายจ่ายนอกการเกษตร ยังคงเหลือเงินสดอยู่เป็นจ้านวนเท่าไร สูตร
ในการค้านวณดงั นี
รายไดเ้ งนิ สดสทุ ธิเกษตรเหลือจากการใชจ้ ่ายในครวั เรือน = รายได้เงินสดสทุ ธเิ กษตร – รายจ่ายนอกการเกษตร(รวม)
3) การวิเคราะห์ผลิตภาพการผลิตทางการเกษตร เป็นการวิเคราะห์เพ่ือให้ทราบว่า ผลได้ท่ี
เกิดจากการใชป้ ัจจยั การผลิต 1 หน่วยการผลติ เปน็ เทา่ ไร ทังนีเพือ่ ท่ีจะสามารถนา้ ไปเปรียบเทียบกับผลได้ที่เกิดขึน
ในพนื ที่อน่ื ๆ ที่เป็นฟาร์มประเภทเดยี วกันได้ โดยวธิ ีการวิเคราะห์และตัววัดท่ใี ช้ ไดแ้ ก่
รายไดส้ ุทธเิ กษตรต่อพืน้ ท่ี เป็นการแสดงผลไดท้ ่เี กิดจากการประกอบการผลิตทางการเกษตรต่อ
การใชท้ ี่ดนิ 1 ไร่ สตู รในการคา้ นวณดงั นี
รายไดส้ ทุ ธเิ กษตรต่อพืนท่ี = รายได้สทุ ธทิ างการเกษตร
เนือทเ่ี พาะปลกู ทังหมด
2.5 หน่วยงานดาเนินการ
ส้านกั งานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 สา้ นักงานเศรษฐกจิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
2.6 ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับจากการศึกษา
เพอ่ื เสนอผบู้ รหิ ารและหนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้อง น้าไปใช้ประกอบการพิจารณาปรับปรุง แก้ไขพัฒนาโครงการ
เขื่อนทดน้าผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ เกษตรกรสามารถเพ่ิมประสิทธิภาพการใช้ที่ดิน ประสิทธิภาพการผลิตและ
การตลาดสินค้าเกษตรให้บรรลุวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ และใชเ้ ป็นแนวทางในการก้าหนดนโยบายการพัฒนาการ
เกษตรในพนื ทชี่ ลประทานและแหล่งนา้ ธรรมชาติตอ่ ไป.
บทท่ี 3
สภาพท่วั ไป
3.1 ลกั ษณะท่ัวไปของจงั หวัด
อุตรดิตถ์เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง เป็นประตูขึ้นสู่ดินแดนลานนาตะวันออกเป็นเมืองก่อน
ประวัติศาสตร์ตัวเมืองเดิมชื่อ บางโพท่าอิฐ ได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดเมื่อ พ.ศ. 2476 “อุตรดิตถ์” หมายถึง
เมอื งทา่ แหง่ ทศิ เหนือ เปน็ เมืองตํานานแม่ม่ายลับแล และ เมืองถ่ินกําเนิดของวีรบุรุษกู้ชาติ “พระยาพิชัยดาบหัก”
ทหารเอกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อยู่ห่างจากกรุงเทพฯโดยทางรถยนต์ 491 กิโลเมตร และโดยทางรถไฟ
485 กโิ ลเมตร มีอาณาเขตตดิ ต่อกบั จังหวดั ใกล้เคยี ง ดังน้ี
ทิศเหนอื ตดิ กบั จงั หวดั แพรแ่ ละจังหวัดนา่ น
ทศิ ใต้ ตดิ กับ จงั หวดั พิษณุโลก
ทิศตะวันออก ตดิ กับ จังหวดั พิษณุโลก และสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว
ทศิ ตะวนั ตก ตดิ กบั จังหวดั สโุ ขทัย
สภาพพน้ื ทแี่ ละลักษณะภูมิประเทศ แบง่ ได้เปน็ 3 ลกั ษณะ คือ
1) ที่ราบลุ่มแม่นํ้าน่าน บริเวณสองฝั่งของแม่น้ําน่าน และลําน้ําสาขาที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ํา
น่าน สภาพพื้นท่ีส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่มอยู่ในเขตอําเภอตรอน อําเภอพิชัย บางส่วนของอําเภอเมืองอุตรดิตถ์
อําเภอลบั แล และอําเภอทองแสนขนั (ประมาณร้อยละ 20 ของพืน้ ทีท่ ัง้ หมด)
2) ท่ีราบระหว่างหุบเขาและเชิงเขา บริเวณท่ีอยู่ต่อเน่ืองจากบริเวณที่ราบลุ่มแม่นํ้าทางด้าน
เหนือและด้านตะวันออกของจังหวัด ประกอบด้วยที่ราบแคบๆ ระหว่างหุบเขาตามแนวคลองตรอน แม่น้ําปาด
คลองแมพ่ รอ่ ง หว้ ยน้าํ ไคร้ และลําธารสายต่างๆ สลับกับภูมิประเทศเป็นเขาอยู่ในเขตอําเภอเมืองอุตรดิตถ์ อําเภอ
ลบั แล อาํ เภอน้ําปาด อําเภอฟากท่า อาํ เภอท่าปลา และอาํ เภอบา้ นโคก(ประมาณรอ้ ยละ 20 ของพืน้ ทีท่ ้ังหมด )
3) เขตภูเขาและท่ีสูง อยู่ในบริเวณทางด้านเหนือและทางตะวันออกของจังหวัด โดยเฉพาะเขต
อําเภอเมืองอุตรดิตถ์ อําเภอลับแล อําเภอนํ้าปาด อําเภอฟากท่า อําเภอท่าปลา และอําเภอบ้านโคก(ประมาณ
60% ของพนื้ ทีท่ ้ังหมด)
จังหวัดมีพื้นที่ท้ังหมด 7,838 ตารางกิโลเมตร หรือ 4,899,120 ไร่ เป็นอันดับท่ี 11 ของ 17 จังหวัด
ภาคเหนอื : อันดบั ที่ 25 ของประเทศ
ลักษณะการใชท้ ่ดี ิน พ้นื ทกี่ ารเกษตร 1,255,225 ไร่ คิดเปน็ ร้อยละ 26 ของพื้นท่ที ง้ั หมด คือ เป็นพ้ืนท่ีทํา
นา 610,057 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 49 ของพ้ืนท่ีการเกษตร พ้ืนท่ีทําไร่ 268,848 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 21 ของพ้ืนที่
การเกษตร พ้ืนทท่ี ําสวน 273,879 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 22 ของพื้นท่ีการเกษตร และพ้ืนท่ีการเกษตรอ่ืนๆ 102,441
ไร่ คดิ เป็นร้อยละ 8 ของพ้ืนทก่ี ารเกษตร สําหรับพ้ืนท่ปี า่ ไมม้ จี ํานวน 3,075,568 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 62 ของพ้ืนท่ี
ทง้ั หมด(ขอ้ มูลของกรมปา่ ไม้ พ.ศ. 2555)
ลักษณะภูมิอากาศ จังหวัดอุตรดิตถ์ได้รับอิทธิพลจากกระแสลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตก
เฉียงใต้มีความชื้นและความร้อนสูง ในฤดูร้อนอากาศจะร้อนจัดอุณหภูมิเฉลี่ย 35 องศาเซลเซียส และในฤดูฝน
อากาศเย็นสบายมฝี นตกชุกปริมาณนํ้าฝนของจังหวดั อตุ รดติ ถอ์ ยชู่ ่วง 957.3 - 1,695.9 มิลลิเมตร จาํ นวนวันฝนตก
ประมาณ 99 วัน
จากการสํารวจดินของกองสํารวจและจําแนกดนิ กรมพฒั นาที่ดนิ สามารถจําแนกลักษณะดินที่พบในพ้ืนที่
จงั หวดั อตุ รดิตถ์ตามลกั ษณะธรณีสณั ฐาน และวัตถุตน้ กําเนิดดนิ มรี ายละเอียดดังน้ี
1) บริเวณท่รี าบน้ําท่วมถึง(flood plain) มีเน้ือที่ประมาณ 36,591 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.75
เป็นที่ราบบริเวณสองฝ่ังแม่น้ําน่านและลําน้ําสาขา ซึ่งอาจเกิดน้ําท่วมทุกปีในฤดูฝน สภาพพื้นท่ีราบเรียบถึง
13
ค่อนข้างราบเรียบ ความลาดชันร้อยละ 0 – 2 ลักษณะดินเกิดจากการทับถมของตะกอนลําน้ําทุก ๆ ปี เป็นดิน
ลึก เนื้อดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย ดินร่วนถึงดินเหนียวและมีการทับถมของตะกอนลํานํ้าในช่วงเวลาท่ี
แตกตา่ งกนั ดนิ มกี ารระบายนํ้าดีถึงเลว มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลาง ใช้ประโยชน์ที่ดินในการทํา
นา ปลูกพืชไร่ และพืชผกั ได้แก่ กลมุ่ ชุดดินท่ี 21 , 38 และ 59
2) บริเวณสันดินริมน้ําเก่า(old levee) มีเน้ือที่ประมาณ 173,816 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 3.55
เป็นบริเวณท่ีถัดจากท่ีราบน้ําท่วมถึง เกิดจากการทับถมของตะกอนลํานํ้าเกิดเป็นสันดินริมฝ่ังแม่นํ้า สภาพพื้นท่ี
ราบเรียบถึงลกู คลืน่ ลอนลาดเลก็ นอ้ ย ความลาดชันร้อยละ 0 - 5 เนือ้ ดนิ เปน็ พวกดินร่วน ดินร่วนปนทรายแป้งถึง
ดินเหนียว เป็นดินลึกมาก การระบายน้ําดีถึงดีปานกลาง ความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลาง มีการใช้
ประโยชน์ท่ดี นิ ในการปลูกพชื ไร่ พืชผกั และไมผ้ ล ได้แก่ กลมุ่ ชดุ ดินที่ 33 และ 60
3) บริเวณตะพักลํานํ้าค่อนข้างใหม่(semi-recent terrace) มีเน้ือที่ประมาณ 501,711 ไร่ หรือ
คดิ เป็นร้อยละ 10.24 เป็นบริเวณท่ีถัดจากที่ราบนํ้าท่วมถึงและสันดินริมน้ําเก่า เกิดจากการทับถมของตะกอน
ลําน้าํ ที่มอี ายคุ อ่ นขา้ งใหม่ สภาพพ้ืนที่ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ ความลาดชันร้อยละ 0 - 2 ลักษณะดินเป็น
ดินลึกมาก เน้ือดินเป็นดินร่วนปนทรายแป้ง ดินร่วนเหนียวปนทรายแป้งถึงดินเหนียว มีการระบายนํ้าเลว ความ
อุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติตํ่าถึงปานกลาง มีการใช้ประโยชน์ที่ดินในการทํานา บางแห่งท่ีมีแหล่งน้ําสามารถปลูก
พืชไรแ่ ละพชื ผักในฤดูแลง้ ได้แก่ กลุ่มชดุ ดินที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 และ 15
4) บรเิ วณตะพักลาํ นาํ้ เก่า(old alluvium terrace) มเี น้ือท่ีประมาณ 682,346 ไร่ หรือคิดเป็น
รอ้ ยละ 13.92 แบง่ เปน็ 2 ลกั ษณะ คือ
4.1) บริเวณตะพักลํานํ้าระดับต่ํา(low terrace) มีเนื้อที่ 194,228 ไร่ หรือคิดเป็นร้อย
ละ 3.96 เกิดจากการทับถมของตะกอนลําน้ําเก่าบนตะพักลํานํ้าระดับต่ํา สภาพพื้นท่ีราบเรียบถึงค่อนข้าง
ราบเรียบ ความลาดชันร้อยละ 0 – 2 ลักษณะดินส่วนใหญ่เป็นดินลึกมาก มีบางแห่งท่ีเป็นดินตื้นปนกรวดหรือ
ลูกรัง เน้ือดินเป็นดินร่วนปนทราย ดินร่วน ถึงดินร่วนเหนียวปนทราย มีการระบายน้ําค่อยข้างเลวความอุดม
สมบรู ณ์ตามธรรมชาตติ ํา่ มกี ารใช้ประโยชนท์ ่ดี นิ ในการทํานาไดแ้ ก่ กลมุ่ ชดุ ดนิ ที่ 16 , 17 , 18 , 22 , 24 และ 25
4.2) บริเวณตะพักลําน้ําเก่าระดับกลางถึงสูง(middle to high terrace) มีเน้ือที่
488,118 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 9.96 เกิดจากการทับถมของตะกอนลําน้ําเก่าบนตะพักลํานํ้าระดับกลางถึงสูง
สภาพพนื้ ท่เี ป็นแบบคอ่ นขา้ งราบเรยี บถึงลกู คลน่ื ลอนชนั ความลาดชนั ร้อยละ 2 - 20 ลักษณะดินเป็นดินตื้นถึงลึก
มาก เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย ดินร่วน ถึงดินเหนียวปนทราย มีการระบายนํ้าดี ความอุดมสมบูรณ์ตาม
ธรรมชาติต่ํา มีการใช้ประโยชน์ที่ดินในการปลูกพืชไร่ และไม้ผลต่าง ๆ บางแห่งยังคงสภาพเป็นป่าเต็งรัง ได้แก่
กลุม่ ชุดดนิ ท่ี 35 , 40 , 41 , 44 , 48 และ 49
5) บรเิ วณพน้ื ผิวที่เหลอื คา้ งจากการกร่อน และท่ีลาดเชิงเขา(erosion surface and footslope)
มีเนื้อที่ 589,742 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.04 เป็นบริเวณที่เกิดจากการผุพังสลายตัวอยู่กับท่ีหรือ เคลื่อนท่ีไป
เล็กน้อยตามแรงโน้มถ่วงของโลกของวัตถุต้นกําเนิดดินได้แก่ หินดินดาน หินทราย หินควอทไซท์ หินฟิลไลท์ และ
หนิ แอนดีไซท์ เปน็ ตน้ สภาพพ้ืนที่เป็นแบบลูกคลนื่ ลอนลาดถงึ เนินเขา ความลาดชันร้อยละ 5 – 35 ลักษณะดิน
และความอุดมสมบูรณข์ องดนิ ขึ้นกับวัตถุต้นกําเนิดดิน เป็นดินตื้นถึงลึกมาก เน้ือดินเป็นดินร่วน ร่วนปนดินเหนียว
รว่ นปนทราย ถงึ ดนิ เหนียว มีการระบายน้ําดี ความอุดมสมบรู ณ์ตามธรรมชาติตํ่าถึงปานกลาง มีการใช้ประโยชน์
ทด่ี นิ ในการปลูกพชื ไร่ และไมผ้ ลชนดิ ต่าง ๆ ได้แก่ กลุ่มชดุ ดินที่ 26 , 28 , 29 , 31 , 36 , 46 , 47 , 55 และ 56
6) บริเวณเนินเขาและภูเขาสูงชัน(hills and mountains) มีเน้ือท่ี 2,726,027 ไร่ หรือคิดเป็น
ร้อยละ 55.64 เป็นบริเวณท่ีมีสภาพพ้ืนที่สูงชัน ความลาดชันมากกว่าร้อยละ 35 ประกอบด้วยดินหลายชนิด
เกิดข้ึนปะปนกันยังไม่มีการสํารวจและจําแนกดิน ลักษณะและคุณสมบัติต่าง ๆ ของดิน ตลอดจนความอุดม
สมบูรณ์ของดินไม่แน่นอนข้ึนกับหินท่ีเป็นวัตถุต้นกําเนิดดินบริเวณน้ันๆ เป็นพื้นท่ีท่ีไม่เหมาะสมในการทํา
14
การเกษตรใดๆ เน่ืองจากมคี วามลาดชนั มากเกนิ ไป เสยี่ งต่อการชะล้างพังทลายของดนิ อยา่ งรนุ แรงควรสงวนไว้เป็น
พื้นท่ปี า่ ไม้ธรรมชาติ
7) พื้นท่ีดินหนิ โผล่(rock land) มีพ้นื ที่ 22,946 ไร่ หรือคิดเปน็ รอ้ ยละ 0.47
8) พนื้ ที่แหล่งนํ้า(water land) มีเนื้อที่ 165,941 ไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 3.39
ความเหมาะสมของที่ดนิ สาํ หรับการปลกู พืชจากขอ้ มูลทรัพยากรดินในจังหวัดอุตรดิตถ์ สามารถสรุปความ
เหมาะสมของทีด่ นิ สําหรบั การปลกู พืชชนิดต่าง ๆ ดังน้ี
1) ดินท่ีมีศักยภาพเหมาะสมต่อการทํานามีเนื้อที่ประมาณ 699,950 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ
14.29 พบบริเวณที่ราบและที่ราบน้ําท่วมถึง ส่วนใหญ่เกิดจากการพัฒนาและทับถมของตะกอนที่มากับนํ้า ทําให้
เกิดเป็นที่ราบเป็นบริเวณกว้างตามอําเภอต่างๆ และตามหุบเขา ลักษณะดินเป็นดินเหนียว มีการระบายน้ําเลว
ความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ําถึงปานกลาง ส่วนมากพบทางด้านตะวันออกและตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด
ได้แก่ อําเภอตรอน อําเภอพิชัย และตอนใตข้ องอาํ เภอลบั แล นอกน้นั พบกระจัดกระจายอย่ทู กุ อาํ เภอ
2) ดินที่มีศักยภาพเหมาะสมสําหรับพืชไร่มีเนื้อที่ 526,038 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.74
ส่วนมากพบตามท่ีราบและสันดินริมแม่น้ําน่านและลํานํ้าสาขา และบริเวณที่ลาดเชิงเขา สภาพพ้ืนที่ท่ัวไปมีความ
ลาดชันเล็กน้อยถึงลูกคล่ืนลอนชัน หรือเชิงเขาความลาดชันร้อยละ 2 – 20 ประกอบด้วยดินหลายกลุ่มแตกต่าง
กันไปตามลักษณะและอิทธิพลของวัตถุต้นกําเนิด เน้ือดินปานกลางถึงละเอียด มีการระบายน้ําดี พ้ืนที่ส่วนใหญ่
กระจายอย่ตู ามอําเภอตา่ งๆ ที่พบมากคือ อําเภอตรอน อําเภอพิชยั และอําเภอเมอื ง
3) ดินท่ีมีศักยภาพเหมาะสมสําหรับไม้ผลมีเน้ือท่ี 554,858 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 11.33
สว่ นมากพบตามท่ีราบและสนั ดนิ ริมแม่น้ําน่านและแม่นํ้าสาขา บริเวณท่ีลาดเชิงเขาและเนินเขา ความลาดชันร้อย
ละ 2-35 ลักษณะดินเป็นดินลึก มีการระบายน้ําดี เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย ดินร่วนถึงดินเหนียว ความอุดม
สมบูรณ์ตํ่าถึงปานกลาง พบกระจัดกระจายอยู่ตามอําเภอต่างๆ พบมากที่อําเภอตรอน อําเภอพิชัย อําเภอลับแล
และอาํ เภอท่าปลา
ศกั ยภาพท่สี าํ คญั ของจังหวดั อุตรดติ ถ์ คือ
1) ด้านเกษตรกรรม มีพ้ืนท่ีทําการเกษตรจํานวนมาก(26% ของพ้ืนท่ีทั้งหมด) ส่วนใหญ่เป็นนา
ข้าว และสวนผลไมเ้ ป็นแหล่งผลติ อาหารสาํ คญั ของประเทศ
2) ด้านการค้าชายแดน มีชายแดนติดต่อลาว 135 กม. มีการค้าชายแดนในแต่ละปี ณ จุดผ่อน
ปรนทางการค้าช่องภูดู่ ช่องห้วยต่าง และช่องมหาราช มูลค่าการค้าชายแดนกว่า 200 ล้านบาทต่อปีซ่ึงกําลังจะ
ได้รับการยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรช่องภูดู่และมีเส้นทางเช่ือมโยงกับจังหวัดต่างๆและประเทศเพื่อนบ้านได้
โดยสะดวก
3) การท่องเท่ียว มีแหล่งท่องเท่ียวจํานวนมาก ท้ังด้านประวัติศาสตร์และธรรมชาติเช่น ภูสอย
ดาวสามารถเชื่อมโยงกับจังหวัดในภูมิภาคนี้และประเทศเพื่อนบ้านได้โดยเป็นประตูเชื่อม 4 เมืองมรดกโลก ที่ใกล้
ทีส่ ุดคอื กาํ แพงเพชร สุโขทยั ศรสี ัชนาลยั หลวงพระบางและเปน็ จดุ เชือ่ มโยงส่ปู ระเทศในกลุ่มอินโดจีน/อาเชี่ยนได้
โดยสะดวกอกี เส้นทางหนง่ึ ของประเทศ
4) จุดที่ตัง้ เปน็ ประตูเชอ่ื มภาคเหนือตอนบนกบั ภาคอสี านตอนบน
5) แหลง่ น้ําอุดมสมบรู ณ์มีแหล่งขนาดใหญ่(เขือ่ นสริ ิกิต์ิ) และแมน่ ้ําสาํ คัญ 3 สาย คือ แม่นํา้ น่าน/
แมน่ าํ้ ปาด/คลองตรอน มฝี นตกชกุ
6) เสน้ ทางคมนาคมดีสะดวกทงั้ ทางรถไฟ และรถยนต์และมพี ้นื ทจ่ี ะพัฒนาเป็นศูนยข์ นส่งสินค้า
ทางรางรถไฟ (Contrainer Yard : CY) ทใ่ี หญ่ที่สุดในภาคเหนือ
15
3.2 ลกั ษณะของโครงการ
3.2.1 สภาพทว่ั ไปของโครงการ
แม่นํ้าน่านต้ังอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ครอบคลุมพ้ืนที่รับนํ้าประมาณ 34,238 ตาราง
กโิ ลเมตร มตี น้ กาํ เนิดจากดอยภูแว ในทวิ เขาหลวงพระบางในพื้นท่ี อาํ เภอทงุ่ ช้าง อําเภอเชียงกลาง และ อําเภอปัว
จังหวัดน่าน ไหลลงมาทางทิศใต้ผ่านท่ีราบลุ่มบริเวณอําเภอท่าวังผา อําเภอเมืองน่าน และอําเภอเวียงสา จากนั้น
ไหลผ่านหุบเขาลงสู่อ่างเก็บนํ้าเข่ือนสิริกิต์ินํ้าจากอ่างเก็บน้ําเข่ือนสิริกิติ์จะระบายลงสู่แม่นํ้าน่าน ซ่ึงจะไหลผ่านท่ี
ราบลุ่มขนาดใหญ่ในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ และไหลไปรวมกับแม่น้ําปิงเป็นแม่น้ํา
เจ้าพระยาท่ีจังหวัดนครสวรรค์ รวมความยาวประมาณ 770 กิโลเมตร ประกอบด้วยลุ่มนํ้าสาขาต่างๆ ที่สําคัญ
ได้แก่ แม่น้ําน่านตอนบน ห้วยน้ํายาว นํ้าสมุน นํ้าสา น้ําว้า นํ้าแหง น้ําปาด คลองตรอน แม่น้ําแควน้อย น้ําภาค
แม่น้ําวงั ทอง และลุ่มนา้ํ น่านตอนล่าง
พ้ืนที่เพาะปลูกในบริเวณลุ่มนํ้าน่านตอนล่าง ตั้งแต่เขตจังหวัดอุตรดิตถ์และบางส่วนของจังหวัด
พิษณุโลก ประสบปัญหาความแห้งแล้งและการขาดแคลนน้ําในฤดูแล้ง ประกอบกับในปัจจุบัน การใช้น้ํา ในพ้ืนที่
เพาะปลูกของจังหวัดอุตรดิตถ์ต้องอาศัยโครงการสูบน้ําด้วยไฟฟ้า ซึ่งทําให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพ่ือการสูบนํ้าเป็น
จํานวนมาก ราษฎรจึงได้เรียกร้องให้กรมชลประทานดําเนินการก่อสร้างโครงการเข่ือนทดนํ้าผาจุก จังหวัด
อุตรดิตถ์ จากผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ กรมชลประทาน พบว่า การแก้ไขปัญหาทรัพยากรนํ้าใน
ลุ่มน้ําน่านจะต้องทําให้ลุ่มนํ้าน่านมีน้ําอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ เพื่อประโยชน์ในการผลิตและการอุปโภค
บริโภค สนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ควบคู่ไปกับการบรรเทาอุทกภัยได้อย่างต่อเน่ือง
โดยคํานึงถึงผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้นกับสภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ และเพ่ือให้เกิดการพัฒนาลุ่ม
น้ําน่านอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้คัดเลือกโครงการนําร่องท่ีมี
ลําดับความเหมาะสมในการพัฒนาสูง คือ โครงการเข่ือนทด
นํา้ ผาจกุ จงั หวดั อตุ รดิตถ์ เพื่อให้การบริหารจัดการนํ้าในลุ่มนํ้า
น่านตอนล่างเกดิ ประสทิ ธิภาพสูงสุด
ทีต่ ัง้ โครงการเขือ่ นทดนํา้ ผาจุก ตัง้ อยู่ในแมน่ ้ําน่านบ้าน
คลองนาพง หมู่ 7 ตําบลผาจุก อําเภอเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์
ประมาณพิกัดที่ 47 QPV 347517 ระวาง 5044 II ท่ีตั้งหัว
งานมีแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และมีเส้นทางคมนาคมเข้าถึง
สะดวกเป็นถนนผิวจราจรลาดยางกว้างประมาณ 8 ม.ขนานไป
ตามแนวลํานํ้าในด้านฝ่ังขวา พ้ืนที่ชลประทานของโครงการ
ครอบคลุมในเขตอําเภอเมือง อําเภอลับแล อําเภอตรอน
อําเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ และอําเภอพรหมพิราม จังหวัด
พิษณุโลก เนื่องจากสภาพพ้ืนท่ีชลประทานของโครงการเป็นท่ี
ราบลุ่มมีความลาดเทของพื้นท่ีจากทิศเหนือลงมาทางทิศใต้ มี
แม่น้ําน่านไหลผ่านกลางพ้ืนท่ีจึงแบ่งพ้ืนท่ีชลประทานออกเป็น
2 สว่ น คอื พ้ืนท่ชี ลประทานฝงั่ ซ้าย และพืน้ ท่ีชลประทานฝ่ังขวา
3.2.2 วัตถุประสงคข์ องโครงการ
เพื่อศึกษาทบทวนความเหมาะสม และศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมของโครงการโครงการพัฒนา
ชลประทานอุตรดิตถ์ เขื่อนทดนํ้าผาจุก ในการพัฒนาแหล่งนํ้าสําหรับการเกษตรในฤดูฝนและฤดูแล้ง ของพื้นที่
เพาะปลูกในบริเวณลุ่มนํ้าน่านตอนล่าง และให้การบริหารจัดการน้ําในลุ่มนํ้าน่านตอนล่างเกิดประสิทธิภาพ
16
สูงสดุ ครอบคลมุ พ้ืนท่อี าํ เภอเมือง อาํ เภอลบั แล อาํ เภอตรอน อาํ เภอพชิ ยั จงั หวดั อุตรดิตถ์ และอําเภอพรหมพิราม
จงั หวัดพิษณุโลก
3.2.3 ประเภทโครงการ
เข่อื นทดนํ้า
3.2.4 ลักษณะอทุ กวทิ ยา 16,181 ตร.กม.
- พืน้ ที่รบั นาํ้ ฝน 5,409 ล้าน ลบ.ม.
- ปรมิ าณน้ําท่าเฉลี่ยรายปี 3,977 ลบ.ม./วนิ าที
- ปรมิ าณนํ้าหลากออกแบบ +67.93 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดับนาํ้ หลากในรอบ 100 ปี +69.94 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดับน้ําหลากในรอบ 1,000 ปี
3.2.5 ลักษณะความจุตามล้าน้า +68.50 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดับเก็บกักปกติ +68.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดบั เกบ็ กักตํา่ สุด 46.76 ล้าน ลบ.ม.
- ความจุที่ระดับเก็บกักปกติ 5.60 ตร.กม.
- พื้นที่ผวิ น้าํ ทีร่ ะดบั เกบ็ กักปกติ
อาคารคอนกรีตเสรมิ เหล็ก ควบคมุ ด้วยบานระบายเหล็กโค้ง
3.2.6 เขือ่ นทดน้า 72.0 ม.(ร.ท.ก.)
- ชนิดของเข่ือน 17.0 ม.
- ระดับสันเขอ่ื น 9 บาน
- ความสูง 12.5x8.0 ม.
- จาํ นวนช่อง(ประตู) +61.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ขนาดบาน กว้างxสงู 2.50 ม.
- ระดับธรณีประตู 132.50 ม.
- ความกวา้ งตอม่อ +72.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ความกวา้ งท้องลํานาํ้
- ระดบั หลงั ตอม่อ
17
3.2.7 ประตปู ากคลองส่งนา้ สายใหญฝ่ ั่งขวา
- ชนิด อาคารคอนกรตี เสริมเหล็ก
- ระดบั สันฝาย +64.05 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดบั สนั อาคาร +72.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ขนาดบานควบคมุ (จํานวน x กวา้ ง x สูง) 2 x 4 x 4 ม.
- ความยาวคลอง 103.7 กม.
- ระบายน้าํ ไดส้ งู สุดประมาณ 46 ลบ.ม./วินาที
- พนื้ ที่ชลประทาน 275,700 ไร่
3.2.8 ประตูปากคลองส่งน้าสายใหญฝ่ ั่งซา้ ย
- ชนิด อาคารคอนกรีตเสรมิ เหลก็
- ระดบั สันฝาย +64.55 ม. (รทก.)
- ระดับสนั อาคาร +72.00 ม. (รทก.)
- ขนาดบานควบคุม(จํานวน x กวา้ ง x สูง) 2 x 4 x 4 ม.
- ความยาวคลอง 70 ก.ม.
- ระบายนา้ํ ไดส้ งู สุดประมาณ 40 ลบ.ม./วนิ าที
- พนื้ ท่ีชลประทาน 205,735 ไร่
3.2.9 โรงไฟฟ้าพลงั น้า ก่อสรา้ งในคลองผันนา้ ระหวา่ งก่อสรา้ ง
- ความกว้างกน้ คลอง 20 ม.
- ความลึกคลองผนั นํ้า 15 ม.
- ระดับก้นคลอง +54.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ความยาวคลอง 800 ม.
- ขนาดโรงไฟฟ้า (กว้าง x ยาว) 20 x 30 ม.
3.2.10 เครื่องจกั รกลไฟฟา้ พลังนา้ Bulb
- ชนดิ 2 x 8,500 กโิ ลวตั ต์
- กําลังผลติ 11.7 ม.
- แรงดันหวั นํา้ 87 ลบ.ม./วินาที
- อัตราการไหลต่อเคร่ือง +52.80 ม.(ร.ท.ก.) โดยประมาณ
- ระดับการตดิ ตง้ั (Unit Centerline) +56.30 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดบั นาํ้ ต่ําสดุ ดา้ นทา้ ยน้ํา 99.0 ล้านหน่วย
- พลงั งานไฟฟ้าเฉล่ียปีละ
3.2.11 บนั ไดปลา
ทอี่ าคารเขือ่ นทดนา้ํ ได้ออกแบบให้มีบันไดปลาชนิด Icehabor แบบมีผนัง ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่าง
กว้างขวาง เพราะสามารถใช้ได้ท้ังในลําน้ําท่ีมีปริมาณนํ้ามากและปริมาณน้ําน้อย ถ้าออกแบบให้ช่วงของ Over
Wall มชี ว่ งความสงู มากกส็ ามารถใช้กบั ลาํ น้ําท่มี อี ตั ราการเปลย่ี นแปลงของระดบั นํ้ามากได้ด้วย
3.2.12 ระบบชลประทาน
เขื่อนทดน้ําอุตรดิตถ์(ผาจุก) เป็นอาคารหัวงานที่ทําหน้าที่ทดน้ําในแม่น้ําน่านให้เพียงพอท่ีจะส่ง
นํ้าเข้าคลองส่งน้ําสายใหญ่ฝ่ังซ้ายและฝ่ังขวาของโครงการ คลองส่งน้ําสายใหญ่ฝ่ังซ้าย เป็นคลองดาดคอนกรีตมี
ความจุ 40 ลบ.ม./วินาที ยาว 90 กม. ส่งน้ําให้กับพ้ืนท่ีชลประทานฝ่ังซ้าย 205,735 ไร่ คลองส่งนํ้าสายใหญ่ ฝ่ัง
18
ขวา เป็นคลองดาดคอนกรีตมีความจุ 46 ลบ.ม./วินาที ยาว 103.65 กม. ส่งนํ้าให้กับพ้ืนท่ีชลประทานฝั่งขวา
275,700 ไร่
1) อาคาร ปตร.ปากคลองส่งนํ้าสายใหญ่ฝ่ังซ้าย ขนาดกว้างก้นคลอง 30 ม. ลึก 5.55 ม. ลาด
ด้านข้าง 1:1.5 ความจุคลองชักนํ้าประมาณ 250 ลบ.ม./วินาที โดยส่งน้ําให้กับโรงไฟฟ้าพลังน้ําอีกประมาณ 200
ลบ.ม./วินาที ซึ่งแยกออกจากแม่น้ําน่านฝั่งซ้ายทางด้านเหนือนํ้าของเข่ือนทดนํ้าประมาณ 230 ม.ประกอบ ด้วย
ช่องระบายนํ้าขนาดกว้าง 4.00 ม. จํานวน 2 ช่อง มีตอม่อกลางหนา 0.60 ม. ควบคุมบังคับ ปริมาณนํ้าโดยติดต้ัง
ประตบู านระบายชนดิ Vertical Slide Gate ขนาด 4.00 ม. X 4.00 ม. จํานวน 2 บาน สามารถระบายนาํ้ ได้สูงสุด
ประมาณ 40 ลบ.ม./วินาที โดยระดับน้ําใช้การสูงสุดด้านท้ายนํ้า ปตร.ปากคลอง (Full Supply Level) เท่ากับ
+67.75 ม.(ร.ท.ก.) ระดับหลังอาคาร +72.00 ม.(ร.ท.ก.) ระดับธรณี บานระบาย +64.55 ม.(ร.ท.ก.) และระดับ
ทอ้ งคลองสง่ นา้ํ สายใหญ่ฝั่งซ้ายเทา่ กบั +64.25 ม.(ร.ท.ก.)
2) อาคาร ปตร.ปากคลองส่งน้าํ สายใหญ่ฝ่ังขวา ประกอบด้วย ทอ่ ระบายนํ้า (Box Culvert)ขนาด
กว้าง 4.00 ม. จํานวน 2 แถว ยาวประมาณ 60 ม. ลอดผ่านหลังคันเข่ือนทดน้ําฝั่งขวา ไปเช่ือมต่อกับคลองส่งน้ํา
โดยมีอาคาร Transition คอนกรีตเสริมเหล็ก เช่ือมต่อระหว่างท่อลอดและคลองส่งน้ํา ควบคุมบังคับ ปริมาณน้ํา
โดยติดต้ังประตูบานระบายชนิด Vertical Slide Gate ขนาด 4.00 ม. X 4.00 ม. จํานวน2 บาน สามารถระบาย
น้าํ ไดส้ งู สุดประมาณ 46 ลบ.ม./วินาที โดยระดบั นํ้าใชก้ ารสงู สุดด้านท้ายนํา้ ปตร.ปากคลอง (Full Supply Level)
เท่ากับ +67.75 ม.(ร.ท.ก.) ระดับหลังอาคาร +72.00 ม.(ร.ท.ก.) ระดับธรณีบานระบาย +64.05 ม.(ร.ท.ก.) และ
ระดบั ท้องคลองส่งนํ้าสายใหญ่ฝ่งั ซ้ายเท่ากบั +64.05 ม.(ร.ท.ก.)
3.2.13 การคัดเลอื กขนาดที่เหมาะสมของโครงการ
ในการคัดเลือกขนาดที่เหมาะสมของโครงการพัฒนาชลประทานอุตรดิตถ์ ได้มีการศึกษาเพ่ือ
คัดเลือกระดับเก็บกักและขนาดพื้นที่ชลประทานท่ีมีความเหมาะสมในด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจสังคม ส่ิงแวดล้อม
และเศรษฐศาสตร์
ระดับเก็บกักท่ีเหมาะสม ในการคัดเลือกระดับนํ้าเก็บกักท่ีเหมาะสมของเข่ือนทดน้ํา (ผาจุก) ท่ี
ปรึกษาไดก้ ําหนดเกณฑ์ในการพจิ ารณา ดงั น้ี
1) ระดับเกบ็ กักสามารถผันน้ําเข้าสู่คลองส่งนํ้าสายใหญฝ่ ่ังซา้ ยและฝ่งั ขวาได้
2) ระดบั เก็บกักมผี ลกระทบต่อพ้ืนท่ีอยู่อาศัยและพ้ืนที่เพาะปลูกของราษฎรท่ีอยู่อาศัยด้านเหนือ
น้ําน้อยท่ีสุด ในการศึกษาทางเลือกระดับเก็บกักปกติได้กําหนดระดับเก็บกัก 3 ระดับ คือ +67.00+68.00 และ
+69.00 ม.(ร.ท.ก.) ดังแสดงรายละเอียดของหัวงานเข่อื นทดนํ้าและพื้นท่ชี ลประทาน ดังนี้
อาคารหัวงานเขื่อนทดน้ํา รูปแบบเบื้องต้นของเข่ือนทดนํ้าเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก
ก่อสร้างในลําน้ําโดยมปี ระตูบานโค้ง (Radial Gate) เป็นตัวควบคมุ การระบายน้าํ ทรี่ ะดบั เกบ็ กกั ตา่ งๆ
พ้ืนท่ีชลประทาน ในพ้ืนที่ชลประทานมีการออกแบบระบบชลประทานของโครงการมีลักษณะ
เป็นคลองดาดคอนกรีต ส่งน้ําด้วยระบบแรงโน้มถ่วง ดังนั้นขนาดของพื้นที่ชลประทานจึงข้ึนอยู่กับระดับเก็บกัก
ของหวั งานเข่อื นทดนา้ํ ซึ่งในการพจิ ารณาในข้ันน้ไี ดก้ ําหนดใหส้ ่งนํ้าใหค้ รอบคลมุ พ้ืนทโ่ี ครงการมากทส่ี ุด
ขนาดพื้นที่ชลประทานที่เหมาะสม ระบบชลประทานโครงการพัฒนาชลประทานอุตรดิตถ์
ครอบคลมุ พืน้ ที่ 5 อาํ เภอ ไดแ้ ก่ อาํ เภอเมืองอุตรดิตถ์ อําเภอลับแล อําเภอตรอน อําเภอพิชัย ของจังหวัดอุตรดิตถ์
และอําเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก รวมพ้ืนท่ีโครงการประมาณ 811,940 ไร่ โดยได้กําหนดทางเลือกในการ
วางระบบชลประทานออกเป็น 3 ทางเลือก โดยแต่ละทางเลือกจะมีระบบชลประทานฝ่ังซ้ายเหมือนกันทุก
ทางเลอื ก คอื มพี ้ืนทชี่ ลประทาน 205,735 ไร่ สว่ นพืน้ ทช่ี ลประทานฝัง่ ขวามี 3 รูปแบบ มรี ายละเอียดดงั น้ี
19
ตารางที่ 3.1 รายละเอียดทางเลอื กในการวางระบบชลประทาน
รายละเอยี ด หนว่ ย ทางเลือกที่ 1 ทางเลอื กท่ี 2 ทางเลือกท่ี 3
ระบบชลประทานฝ่ังซ้าย กม. 90.00 90.00 90.00
ไร่ 205,735 205,735 205,735
ความยาวคลองส่งน้าสายใหญ่ ไร่ 135,629 135,629 135,629
พืนท่ชี ลประทาน ไร่ 70,106 70,106 70,106
สง่ น้ําพืน้ ท่ีชลประทานเปิดใหม่
ส่งน้ําพนื้ ทส่ี ง่ น้ําดว้ ยไฟฟา้ เดมิ กม. ต.ผาจกุ ต.คงุ้ ตะเภา ต.ป่าเซา่ และ ต.หาดกรวด
ไร่ ต.วงั แดง ต.นํา้ อา่ ง ต.บ้านแก่ง ต.หาดสองแคว
พืนที่ได้รับประโยชน์ ไร่
ไร่ ต.ท่าสัก ต.บา้ นดารา ต.ไรอ่ อ้ ย ต.นายาง ต.นาอนิ ต.ในเมือง ต.ทา่ มะเฟือง ต.บา้ นโคน ต.บ้านหมอ้
- อ.เมือง จ.อุตรดติ ถ์ ไร่
- อ.ตรอน จ.อตุ รดติ ถ์ ต.ดงประคาํ ต.ตลกุ เทียม ต.ศรีภิรมย์ ต.วงฆ้อง
- อ.พิชยั จ.อุตรดติ ถ์ ล้านบาท
- อ.พรหมพริ าม จ.พิษณุโลก บาท/ไร่ 80.14 118.98 103.65
ระบบชลประทานฝงั้ ขวา 130,400 231,600 275,700
ความยาวคลองส่งน้าสายใหญ่ 63,231 158,671 168,402
พนื ทีช่ ลประทาน 24,569 30,329 64,698
42,600 42,600 42,600
- สง่ น้ําพนื้ ทช่ี ลประทานเปิดใหม่
- สง่ น้ําพื้นท่สี บู น้าํ ดว้ ยไฟฟ้าเดมิ ต.ผาจกุ ต.ง้วิ งาม ต.ทา่ เสา ต.ทา่ อฐิ ต.บา้ นเกาะ ต.วังกะพี้
- ส่งนาํ้ พ้ืนท่ีชลประทานนาํ้ ริด
พืนทไี่ ดร้ ับประโยชน์ ต.ชัยจมุ พล ต.ทุ้งยง้ั ต.ดา่ นแมค่ ํามนั ต.ใผล่ อ้ ม ต.ขอ่ ยสูง
- อ.เมอื ง จ.อุตรดติ ถ์ ต.วังแดง ต.บา้ นแกง่ ต.หาดสองแคว
- อ.ลับแล จ.อตุ รดิตถ์ ต.ท่าสกั ต.บ้านดารา ต.ไรอ่ อ้ ย ต.ทา่ สกั ต.บา้ นดารา ต.ไรอ่ อ้ ย ต.คอรมุ ต.ท่ามะเฟือง ต.พญาแมน
- อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ - ต.ตลกุ เทยี ม ต.ศรีภริ มย์ ต.วงฆ้อง ต.มะตอ้ ง ต.วงั วน ต.หนองแขม
- อ.พชิ ัย จ.อุตรดิตถ์ 2,752.50 3,570.50 3,678.50
- อ.พรหมพิราม จ.พิษณโุ ลก
รวมค่ากอ่ สรา้ งระบบชลประทาน
7,383.32 7,532.70 7,099.98
ที่มา : โครงการพฒั นาลุ่มนํ้านา่ น สํานักบรหิ ารโครงการ กรมชลประธาน
ผลการศึกษาเพื่อเปรียบเทียบทางเลือกในการพัฒนาโครงการ ในส่วนที่เป็นระบบชลประทาน ทางด้าน
วศิ วกรรม สังคม เศรษฐศาสตร์ และส่ิงแวดล้อม สรุปได้ว่าระบบชลประทานฝั่งซ้ายซ่ึงมีความยาวของ คลองส่งนํ้า
90.00 กม. กับทางเลือกท่ี 3 ของระบบชลประทานฝ่ังขวาซึ่งมีความยาว 103.65 กม.เป็นทางเลือกท่ีมีความ
เหมาะสมสูงสุดในการที่จะพัฒนา
3.2.14 ค่าลงทนุ ส้าหรับโครงการ
ราคารวมค่าลงทุนโครงการ (ปี 2548 ไม่รวมภาษมี ูลคา่ เพิ่ม) 7,836.52 ลา้ นบาท
- เขอ่ื นทดนํา้ และระบบชลประทาน 6,043.64 ล้านบาท
- โรงไฟฟา้ พลงั น้าํ 930.04 ลา้ นบาท
- งานป้องกนั แกไ้ ข และตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบสง่ิ แวดล้อม 862.84 ลา้ นบาท
ตารางท่ี 3.2 สรุปราคาคา่ ก่อสรา้ งรวมของอาคารหัวงานเข่อื นทดนํา้ และระบบชลประทานของโครงการ
ระดับเกบ็ กัก ราคาค่าก่อสรา้ ง(ลา้ นบาท) พืน้ ทชี่ ลประทาน ราคาค่าก่อสรา้ ง
(ม.รทก.) อาคารหัวงาน ระบบชลประทาน รวม (ไร่) พ้ืนทช่ี ลประทาน (บาท/ไร่)
+67.00 1,026.57 3,521.00 4,547.57 495,310 9,181.26
+68.00 518,100 9,137.27
+69.00 1,055.52 3,678.50 4,734.02 520,960 9,344.36
1,078.04 3,790.00 4,868.04
ทม่ี า : โครงการพฒั นาลมุ่ น้ํานา่ น สาํ นกั บรหิ ารโครงการ กรมชลประธาน
20
จากราคาค่าก่อสร้างรวมของอาคารหัวงานเขื่อนทดนํ้าและระบบชลประทานของระดับเก็บกัก
ตา่ งๆ ของเข่ือนทดนาํ้ สามารถสรปุ ได้วา่ เข่อื นทดน้าํ ที่มรี ะดับเก็บกักปกติ +68.00 ม.(ร.ท.ก.) มีราคาค่าก่อสร้างต่อ
พ้ืนท่ีชลประทานน้อยที่สุด คือ 9,137.27 บาท/ไร่ จึงได้คัดเลือกระดับเก็บกักปกติ +68.00 ม.(ร.ท.ก.) เป็นระดับ
เก็บกกั ทีเ่ หมาะสมสาํ หรบั เข่ือนทดนา้ํ อุตรดติ ถ์ (ผาจุก)
3.2.15 การวิเคราะห์ทางเศรษฐกจิ
การประมาณราคาค่าลงทุนโครงการ เป็นเงินรวม 7,836.52 ล้านบาท(ราคาปี 2548 ไม่รวม
ภาษีมูลคา่ เพมิ่ ) โดยมีระยะเวลาดาํ เนนิ การก่อสร้างโครงการ 5 ปี (รวมการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังนํ้า) การวิเคราะห์
ด้านเศรษฐกิจของโครงการ ได้ใช้วิธีคิดลดกระแสรายได้และค่าใช้จ่ายโครงการ สรุปได้ว่าโครงการพัฒนา
ชลประทานอุตรดิตถ์มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจคุ้มค่าการลงทุน มีผลการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจท่ีอัตรา
ส่วนลดร้อยละ 12 สรปุ ไดด้ ังน้ี
ตารางท่ี 3.3 การวเิ คราะห์ทางเศรษฐกจิ
รายการ หน่วย พจิ ารณาเฉพาะผล พิจารณาด้าน เฉพาะค่า
ประโยชนด์ า้ น การเกษตร ลงทนุ ดา้ น
มลู ค่าปจั จบุ นั สุทธิ(NPV) ล้านบาท การเกษตร และไฟฟา้ พลงั นา้ํ ไฟฟ้าพลังนํา้
อตั ราสว่ นผลประโยชนต์ ่อตน้ ทุน(B/C Ratio) เปอรเ์ ซน็ ต์
อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของโครงการ(EIRR) 1,397.68 1,859.18 349.71
1.27 1.32 1.60
14.61 15.22 19.74
3.2.16 ผลประโยชนจ์ ากโครงการ
1) ด้านการเกษตร พื้นท่ีทําการเกษตรชลประทานเพิ่มขึ้นประมาณ 295,729 ไร่ จากเดิมเป็น
พ้ืนที่ทําการเกษตรโดยอาศัยน้ําฝน สภาพการใช้ท่ีดินมีความเหมาะสมกับศักยภาพของดินในการทําการเกษตร
นอกจากน้ี ยังสามารถลดคา่ ใช้จ่ายในการสบู นํา้ ดว้ ยไฟฟา้
2) ด้านการใช้น้าํ สามารถควบคุมปรมิ าณการใช้น้ําไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพทัง้ ในฤดูฝนและฤดูแล้ง
รวมท้ังสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนนํ้า และมีน้ําเพียงพอสําหรับกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การอุปโภคบริโภค
เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การท่องเท่ียว และรักษาระบบนิเวศในแม่น้ําน่านได้อีกอย่างน้อย 20 ปี ข้างหน้า และ
ทาํ ใหก้ ารบรหิ ารจดั การการใช้น้าํ มีประสิทธิภาพมากขึน้ เน่ืองจากมกี ารจดั ตัง้ องคก์ รบรหิ ารการใชน้ าํ้
3) ด้านเศรษฐกิจและสังคม เกษตรกรจะมีรายได้เพ่ิมขึ้นและมีรายได้ที่แน่นอนมากขึ้น เกิดการ
จ้างงานในพ้ืนที่มากขึ้น ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมในท้องถ่ิน ลดการอพยพแรงงานเข้าไปในเมือง และเพิ่มมูลค่า
ทรพั ยส์ นิ มากขึ้น
4) ด้านการประมง มีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์นํ้าในธรรมชาติและจากการเพาะเล้ียงที่เพ่ิมข้ึน
เนอื่ งจากจะมีนาํ้ ในแหล่งน้าํ ตลอดปี
5) ด้านทรัพยากรสัตว์ป่า โครงการทําให้มีนํ้าในแหล่งนํ้าและเกิดความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งนํ้า
ธรรมชาติ เพม่ิ ขึ้น ทําให้สตั ว์มีแหล่งอาศัย แหล่งอาหาร และแหลง่ เพาะพันธท์ุ ่อี ุดมสมบูรณ์
6) ดา้ นการคมนาคมขนส่ง การก่อสร้างถนนเพื่อเป็นเส้นทางในการบํารุงรักษาคลองชลประทาน
จะเป็นประโยชน์ ต่อการคมนาคมขนส่งผลผลิตการเกษตร ทําให้การคมนาคมสะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลาและ
คา่ ใช้จา่ ยได้ และยังสามารถเข้าถึงทตี่ ้ังแหลง่ ท่องเทีย่ วได้สะดวกย่ิงข้นึ
7) ดา้ นนํา้ ใต้ดิน พ้ืนที่ชลประทานอาจมีปริมาณน้ําใต้ดินเพิ่มขึ้น และนํ้าใต้ดินในบริเวณที่มีเหล็ก
และแมงกานสี บนเปอ้ื นสงู คาดว่าความเข้มขน้ จะลดลงไดบ้ า้ งเน่ืองจากมีปริมาณน้ําใต้ดินท่ีเพ่ิมขึ้น ซึ่งช่วยให้ความ
เข้มขน้ เจือจาง
8) ด้านสาธารณสุข ประชาชนในพื้นท่ีโครงการมีสุขภาพอนามัยดีขึ้นจากการมีสภาพเศรษฐกิจ
ของครวั เรือนทีด่ ีขึน้
21
9) ด้านการท่องเที่ยว ทําให้เกิดแหล่งท่องเท่ียวใหม่เพ่ิมข้ึนท่ีบริเวณหัวงานเข่ือนทดน้ําผาจุก
และจะมเี สน้ ทางคมนาคมเข้าสแู่ หล่งท่องเทีย่ วในพน้ื ทไ่ี ดส้ ะดวกขน้ึ ในพื้นที่ชลประทาน
10) การบรรเทาน้ําท่วม สภาพน้ําท่วมในพื้นที่ชลประทานจะลดลงเน่ืองจากมีคลองระบายนํ้า
เพม่ิ ขึน้
3.2.17 ผลกระทบต่อสงิ่ แวดลอ้ มและมาตรการลดผลกระทบ
1) ด้านทรัพยากรกายภาพ
1.1) สภาพภมู อิ ากาศ
ไม่มีผลกระทบเนื่องจากโ ครงการจะไม่ก่อให้เกิดก ารเปลี่ยนแปลง ของสภา พ
ภูมิอากาศบรเิ วณพื้นท่โี ครงการ
1.2) อุทกวิทยานา้ ผิวดนิ
เกิดผลกระทบทางบวกจากการผันน้ําในแม่น้ําน่านท่ีไหลผ่านพ้ืนที่โครงการขึ้นมา
ใช้ให้เกดิ ประโยชนไ์ ด้สงู สุด และสามารถแกไ้ ขปญั หาการขาดแคลนนา้ํ ในพื้นท่ีโครงการได้
มาตรการลดผลกระทบ ในการกอ่ สร้างให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไม่ให้เศษดิน
และหินพังทลายลงสแู่ หล่งนํ้าและกีดขวางการไหลของน้ํา กําหนดลําดับความสําคัญของการใช้น้ําให้สอดคล้องกับ
การจดั สรรนํา้ ของเขื่อนสิรกิ ิต์
มาตรการติดตามตรวจสอบ ทําบันทึกประจําวันของระดับนํ้าในเข่ือนทดน้ํา
ปริมาณน้ําท่ีปล่อยด้านท้ายน้ํา และนํ้าที่ปล่อยให้พื้นที่ชลประทานเพื่อวิเคราะห์และติดตามปริมาณนํ้าท่า จัดทํา
รายงานสถิตปิ รมิ าณนาํ้ ท่าตลอดอายุโครงการ
1.3) คณุ ภาพนา้ ผวิ ดนิ
เกิดผลกระทบทางลบ คือ ในระยะก่อสร้างน้ําในแม่นํ้าน่านบริเวณก่อสร้างอาจมี
ความข่นุ เพมิ่ ขน้ึ แต่จะเป็นในระยะเวลาสั้นๆเทา่ นนั้ และอาจมีการปนเปอื้ นของสารเคมที างการเกษตรในแม่น้ําหาก
มีการใช้สารเคมีที่ไม่เหมาะสมและถูกต้องตามหลักวิชาการ ถ้าหากมีการขยายตัวด้านการเกษตร ปศุสัตว์
อุตสาหกรรม อาจมนี าํ้ เสียปนเป้ือนลงสแู่ ม่นา้ํ
มาตรการลดผลกระทบ วางแผนการก่อสร้างอย่างเหมาะสมกับกิจกรรมและ
ฤดูกาล มีมาตรการป้องกันการชะล้างพังทลายของตะกอนดิน มีการควบคุมและให้ความรู้ในการใช้สารเคมีที่
ถูกต้องตามหลกั วิชาการให้เกษตรกรและมมี าตรการควบคมุ คุณภาพน้ําท้ิงจากกิจกรรรมตา่ งๆ ก่อนระบายลงแมน่ า้ํ
1.4) น้าใต้ดนิ และคณุ ภาพนา้ ใต้ดิน
ผลกระทบทางบวก ในบรเิ วณพ้ืนท่ีชลประทานคาดว่าจะมีปริมาณน้ําใต้ดินเพ่ิมขึ้น
และปริมาณนํ้าทเ่ี พิ่มขน้ึ จะมีสว่ นชว่ ยลดความเขม้ ข้นของแร่ธาตุในนํา้ ใตด้ นิ ใหน้ อ้ ยลงได้บ้าง
ผลกระทบทางลบ น้ําใต้ดินอาจถูกปนเปื้อนจากสารเคมีทางการเกษตรที่แทรกซึม
ลงสู่ชน้ั น้ําใต้ดินได้
มาตรการลดผลกระทบ ลดการใช้สารเคมีและควรส่งเสริมให้มีการทําการเกษตร
แบบชีวภาพแทนการใช้สารเคมีและควรใช้สารเคมีใหถ้ ูกต้องตามหลกั วิชาการ
1.5) ทรพั ยากรดนิ
ผลกระทบทางลบ กรณีมีโครงการ เกิดการชะล้างพังทลายของดินทําให้เกิด
ตะกอนในบริเวณท้ายนํ้า ซ่ึงเป็นผลกระทบชั่วคราว สูญเสียท่ีดินที่เหมาะสมสําหรับการปลูกพืชที่ดอนอย่างถาวร
ประมาณ 11,820 ไร่ เพ่อื ใช้เปน็ พ้ืนทกี่ ่อสร้างคลองส่งนํ้าชลประทาน แต่เม่ือเปรียบเทียบกับประโยชน์ท่ีได้รับจาก
การใช้ทรัพยากรดินให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในพ้ืนท่ีชลประทานมากข้ึนแล้ว นับว่าผลกระทบเชิงลบมี
สัดสว่ นน้อยมาก
22
มาตรการลดผลกระทบ จํากัดพ้ืนท่ีในการก่อสร้างโครงการ หลีกเล่ียงกิจกรรมท่ี
ส่งผลให้เกิดการชะล้างพังทลายและถูกปนเป้ือนของดิน วางแผนกําหนดพื้นท่ีการขุดเปิดหน้าดิน แนะนําและให้
ความรู้เรื่องการบํารุงดินและการอนุรักษ์ดินและน้ํา รวมท้ังการใช้เทคโนโลยี การเกษตรและฟื้นฟูสภาพพ้ืนที่
ชลประทานด้านข้างแนวคลองแนวชลประทาน
1.6) ธรณวี ิทยาและแผน่ ดนิ ไหว
ผลกระทบไม่ก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านธรณีวิทยา มีความเส่ียงต่อการเกิด
แผ่นดินไหวในระดับปานกลาง พ้ืนที่โครงการประมาณร้อยละ 50 มีความเส่ียงต่อการเกิดดินถล่มได้ แต่มีโอกาส
น้อยมาก
มาตรลดผลกระทบต้องมีการออกแบบอาคารเพ่ือรองรับผลกระทบท่ีเกิดจาก
แผ่นดินไหว
1.7) การตกตะกอนและการกัดเซาะ
ผลกระทบ หากมีโครงการจะเกิดผลกระทบทางลบต่ําและช่วงส้ันๆ ในระยะ
ก่อสรา้ ง ไดแ้ ก่ เกดิ การกดั เซาะบริเวณก่อสร้างหัวงานในชว่ งฤดฝู น
มาตรการลดผลกระทบ หลีกเล่ียงกิจกรรมต่างๆ ในช่วงฤดูฝน ปลูกหญ้าแฝก
ปอ้ งกันการกัดเซาะ ขุดคูดกั ตะกอนเพือ่ ปอ้ งกนั ตะกอนดนิ ในลําน้าํ
2) ทรพั ยากรทางชวี ภาพ
2.1) ทรัพยากรประมง การเพาะเลย้ี งสตั วน์ า้ํ และนิเวศวทิ ยาทางน้าํ
ผลกระทบ กรณีมีโครงการ การพัฒนาโครงการจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการ
อพยพของปลาและสัตวน์ ํา้ ต่างๆ ในลาํ นาํ้ น่าน เนื่องจากไม่พบพันธ์ุปลาท่ีมีการอพยพเพ่ือแพร่พันธ์ุและวางไข่ ส่วน
ผลกระทบ ท่ีเกดิ ข้นึ ได้แก่
ผลกระทบทางบวก ทําให้ผลผลิตทรัพยากรประมงในแหล่งน้ํามีเพ่ิมข้ึน เนื่องจาก
ในพื้นท่จี ะมีนํา้ และมคี วามชุ่มชืน้ ตลอดปี ซ่งึ จะกอ่ ให้เกดิ ความอดุ มสมบรู ณ์ของแหล่งน้ําตา่ งๆ
ผลกระทบทางลบ การก่อสร้างโครงการมีผลกระทบต่อคุณภาพนํ้าและการไหล
ของน้ําในระยะกอ่ สร้าง ซง่ึ จะส่งผลถึงระบบนเิ วศนํ้าดว้ ย โดยจะเกดิ ผลกระทบทรัพยากรประมงในระดับปานกลาง
และในระยะเวลาส้นั
มาตรการลดผลกระทบ ห้ามทําการประมงในบริเวณพื้นท่ีต้นนํ้าและท้ายน้ําใน
ระยะไมน่ ้อยกวา่ 2 กม. ในระหว่างการกอ่ สรา้ ง และในปแี รกของการดาํ เนินการ
2.2) การบริหารลุ่มนา้
ผลกระทบทางบวก การพัฒนาโครงการจะทําให้มีการใช้ท่ีดินมีประสิทธิภาพมาก
ขึ้นโดยมาตรการอนุรักษด์ นิ และน้ํา ซงึ่ จะเป็นการลดผลกระทบดา้ นการชะลา้ งพงั ทลายของดินในลมุ่ นํ้าได้
ผลกระทบทางลบ การเปิดพ้ืนท่ีในช่วงก่อสร้างทําให้เกิดการชะล้างพังทลายของ
ดนิ ซ่งึ ส่งผลตอ่ คณุ ภาพน้าํ แต่เป็นผลกระทบต่ําในระยะส้ันๆ การวางแนวคลองส่งนํ้าในพื้นที่ชลประทานต้องผ่าน
พ้ืนที่ป่าเศรษฐกิจ(E) ในชั้น คุณภาพลุ่มนํ้าช้ันที่ 5 ซึ่งมิใช่ป่าต้นนํ้าลําธาร เป็นระยะทาง 83.23 กม. คิดเป็นพ้ืนที่
1,829.48 ไร่
มาตรการลดผลกระทบ ควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินในพ้ืนท่ีชลประทาน เพื่อ
ป้องกันและลดการชะล้างพังทลาย ของดินจ่ายค่าชดเชยพื้นท่ีป่าในกรณีแนวคลองส่งนํ้าที่ผ่านป่าเศรษฐกิจ(E) ใน
ช้ันคุณภาพนํ้า ช้ันที่ 5 เป็นมูลค่า 124.85 ล้านบาท ปลูกป่าชดเชยเป็นพ้ืนท่ี 3 เท่า(5,488.44 ไร่) ของพ้ืนที่ป่า
เศรษฐกิจทสี่ ูญเสียจากการ ก่อสร้างโครงการพรอ้ มดูแลรกั ษาอยา่ งต่อเนอ่ื งเปน็ เวลา 10 ปี
23
2.3) ทรัพยากรปา่ ไม้
ไม่มีผลกระทบด้านทรัพยากรป่าไม้ท้ังกรณีมีโครงการและไม่มีโครงการ เน่ืองจาก
พื้นที่โครงการไม่มีสภาพป่าไม้คงมีเฉพาะสภาพนิเวศวิทยาของป่าละเมาะ สังคมไม้ริมน้ํา และต้นไม้ตาม หัวไร่
ปลายนา และสภาพนเิ วศ วทิ ยาจะไมเ่ ปลย่ี นแปลงจากสภาพปัจจบุ นั
มาตรการลดผลกระทบ หลีกเลี่ยงพ้ืนที่ที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ กําหนดขอบเขตพ้ืนที่
ชัดเจน และควบคุมมิให้มกี ารลกั ลอบตัดไม้ กาํ หนดแนวคลองชลประทานท่ีไม่กอ่ ใหเ้ กิดผลกระทบต่อต้นไม้หรือเกิด
ผลกระทบน้อยท่ี สุดให้ชดั เจน และควรดําเนนิ การเปน็ ช่วงๆ และหลงั ฤดูการเก็บเกี่ยว มาตรการติดตามตรวจสอบ
ตดิ ตามตรวจสอบการตัดตน้ ไมต้ ามขอบเขตท่กี าํ หนดไว้
2.4) ทรพั ยากรสัตวป์ า่
ผลกระทบทางบวกเม่ือมีความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งนํ้าต่างๆในพ้ืนท่ีโครงการ
สัตว์ปา่ กจ็ ะมแี หล่งอาหาร ท่อี ยอู่ าศัย และแหล่งแพรพ่ นั ธ์ุได้เพมิ่ ขึน้
ผลกระทบทางลบ ในระยะก่อสร้างสัตว์ป่าที่พบในพ้ืนที่หัวงานและพื้นท่ีแนวคลอง
ส่งน้าํ อาจจะถกู รบกวนซงึ่ เปน็ ผลกระทบระดับตา่ํ และชว่ั คราว
มาตรการลดผลกระทบ ดําเนินการตัดฟันไม้ในพื้นท่ีโครงการเฉพาะท่ีจําเป็น และ
ตอ้ งให้โอกาสสตั ว์ปา่ ได้ หลกี เล่ียงออกไปจากพ้ืนทีก่ ่อสร้าง วางแผนการดาํ เนินงานอย่างรอบคอบ และวางแผนการ
ก่อสรา้ งใหเ้ ป็นไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ให้ถมดินในคลองลัดและปรับพื้นท่ีแล้วฟ้ืนฟูสภาพนิเวศ
ให้กลับสู่สภาพเดิม ต้องควบคุมมิให้มีการลักลอบล่าสัตว์ป่า และควรมีแผ่นคอนกรีตกว้าง 15 ซม. พาดข้ามคลอง
สง่ น้าํ สายใหญ่เป็นระยะ
2.5) พนื ที่ชุ่มนา้
ผลกระทบทางบวก ในระยะดําเนินการจะเกิดความอุดมสมบูรณ์ในแหล่งน้ําหนอง
บึงธรรมชาติ เนอ่ื งจากมีนาํ้ จากพื้นท่ีชลประทานเขา้ มาช่วยเพ่ิมความชมุ่ ช้ืน
ผลกระทบทางลบ ระยะก่อสร้างอาจมีตะกอนดินจากพื้นที่ก่อสร้างถูกชะล้าง
พฒั นาลงสูแ่ หล่งนํา้ ได้
มาตรการลดผลกระทบ ควรหลีกเล่ียงการก่อสร้างเปิดหน้าดินในช่วงฤดูฝน และ
ทําคนั คู เพ่อื ป้องกนั การชะลา้ งพดั พาตะกอน
3) คุณคา่ ตอ่ การใชป้ ระโยชน์ของมนุษย์
3.1) การใช้ประโยชน์ที่ดิน
ผลกระทบทางบวก ซึ่งจะเกิดการใช้ท่ีดินอย่างเหมาะสมและมี ประสิทธ์ิภาพได้
มากขึ้นจากการพฒั นาโครงการ
ผลกระทบทางลบคือ ทําให้พ้ืนท่ีเกษตรกรรมลดลงไปบ้างคือใช้สําหรับสร้างคลอง
สง่ นํ้า
มาตรการลดผลกระทบ จํากัดพ้ืนท่ีที่ใช้ในการก่อสร้าง หลีกเลี่ยงกิจกรรมท่ีส่งผล
ต่อสภาพการใช้ที่ดิน เช่น การขุดถมดิน เปิดหน้าดิน เป็นต้น การพัฒนาฟื้นฟูและการใช้พ้ืนที่ ควรเข้าไปให้
คําแนะนาํ อย่างถกู ต้อง
3.2) การใช้น้าและการบรหิ ารการใช้นา้
ผลกระทบทางบวก สามารถควบคุมปริมาณการใช้น้ําได้อย่างมีประสิทธิภาพท้ังใน
ฤดูฝนและฤดูแล้ง รวม ท้ังปริมาณน้ําท่าในแม่นํ้าน่านทางท้ายน้ํา สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ําและมีนํ้า
เพียงพอสําหรับกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ใน 20 ปีข้างหน้า ทําให้การบริหารจัดการการใช้น้ํามีประสิทธิภาพมากขึ้น
เน่ืองจากมีการจดั ต้ังองคก์ ร บรหิ ารการใช้นํ้า
24
ผลกระทบทางลบ จะเกิดผลกระทบต่อการใช้นํ้าของกิจกรรมต่างๆ หากการ
จัดสรรการใชน้ าํ้ ไมส่ ามารถดาํ เนนิ การได้ตามแผนท่วี างไว้
มาตรการลดผลกระทบ ควบคุมรักษาระดับน้ําในลํานํ้าตามแผนการระบายน้ําและ
จ่ายนาํ้ ในลําน้าํ ทว่ี างแผนไว้ ให้ความร้แู ก่ผูใ้ ชน้ ํา้ เพอื่ ให้มีการใชน้ ํา้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ การจดั ต้ังองค์กรบริหารการ
ใช้นํ้าต้องมีการจัดการด้านบุคลากรและงบประมาณท่ีดี ให้มีการกําหนดกฎระเบียบ ข้อบังคับ และข้อตกลงของ
กลุ่มผู้ใช้น้ํา และปฏิบัติตามโดย เคร่งครัด มีการวางแผนการใช้น้ํา การผลิต และการตลาด มีการประสานกับ
หน่วยงานทเ่ี ก่ียวข้องสมา่ํ เสมอ
3.3) การคมนาคมขนสง่ ทางบกและทางนา้
ผลกระทบทางบวก การก่อสร้างถนนเพื่อเป็นเส้นทางในการบํารุงรักษาคลอง
ชลประทานจะเป็นประโยชน์ต่อการคมนาคมขนส่งผลผลิตการเกษตร ทําให้การคมนาคมสะดวกรวดเร็ว
ประหยัดเวลา ค่าใช้จา่ ยได้ และยงั สามารถเข้าถึงที่ต้ังแหล่งทอ่ งเที่ยวไดส้ ะดวกยิ่งขน้ึ
ผลกระทบทางลบ ระยะกอ่ สร้างทําใหป้ รมิ าณการจราจรเพ่ิมขึ้นจากการขนส่งวัสดุ
ก่อสร้าง อาจเกิดฝุ่นละออง การจราจรหนาแน่น เสียงดัง และอุบัติเหตุในบริเวณใกล้เคียงพ้ืนที่ก่อสร้างการ
ก่อสร้างคลองชลประทานบริเวณจุดตัดถนนทางรถไฟและชุมชน ซึ่งมีจุดใหญ่ๆ จํานวน 31 จุด อาจทําให้การ
คมนาคมไม่สะดวก และปลอดภัย
มาตรการลดผลกระทบ จัดเตรียมมาตรการต่างๆ เพื่อการป้องกันและลด
ผลกระทบด้านฝุ่น ควัน เสียงดังอุบัติเหตุ ได้แก่ การติดต้ังป้าย สัญญาณไฟเตือนต่างๆ สร้างทางเบี่ยง รวมทั้งการ
ควบคมุ ความเรว็ ยานพาหนะ นํ้าหนักบรรทกุ ทใ่ี ชใ้ นการก่อสร้างประสานกับหน่วยงานที่เก่ียวข้องในพื้นท่ีเพ่ือแก้ไข
ลดปัญหาการจราจรในช่วงก่อสร้าง ระยะดําเนินการต้องติดต้ังเคร่ืองหมาย ป้ายเตือน สัญญาณการจราจรให้
ชัดเจนตามถนนทีก่ อ่ สร้างใหม่
3.4) เกษตรกรรม
ผลกระทบทางบวกโดยมีพื้นท่ีเกษตรกรรมเปิดใหม่เพิ่มข้ึน ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่
เกษตรกรรมอาศยั นํา้ ฝน และสามารถประหยัดค่าไฟฟา้ จากการสบู นํา้ ของ เกษตรกรไดด้ ้วย
ผลกระทบทางลบน้อี าจจะเกดิ ขึน้ จากการเปิดพ้ืนที่เกษตรกรรมเพิ่มขึ้น คือ การชะ
ล้างหนา้ ดิน
มาตรการลดผลกระทบ ป้องกันการชะล้างของดินตามพ้ืนที่ท่ีเปิดใหม่ปรับปรุง
ฟื้นฟูพน้ื ท่ีแนวคลองสง่ นาํ้ พฒั นาและส่งเสรมิ การเกษตรชลประทานสง่ เสรมิ การพฒั นาเทคโนโลยกี ารเกษตร
3.5) การชลประทานและการระบายนา้
ผลกระทบทางบวก มีพ้ืนท่ีการเกษตรที่ได้รับประโยชน์จากระบบชลประทาน
เพิ่มขึ้นประมาณ 329,265ไร่ จากเดิมเป็นเกษตรอาศัยนํ้าฝน ลดค่าใช้จ่ายในด้านการสูบน้ําด้วยไฟฟ้า เน่ืองจากมี
ระบบชลประทาน
ผลกระทบทางลบ กิจกรรมระหว่างการก่อสร้างส่งผลต่อการชลประทานและ
ระบายนํ้า เช่น ลําน้ําตื้นเขินกีดขวางการไหลของน้ํา แต่เป็นผลกระทบช่วงส้ัน ๆ พ้ืนท่ีโครงการ 15,255 ไร่ จะถูก
เปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ทีด่ ินเพ่ือกอ่ สรา้ งคลองส่งนาํ้ ชลประทาน
มาตรการลดผลกระทบ เสนอให้ทําการเวนคืนที่ดินเท่าที่จําเป็น กรณีที่จําเป็นต้อง
เวนคืน และชดเชยทรัพย์สินควรให้เป็นธรรมและเหมาะสม กําหนดช่วงเวลาการก่อสร้างให้เหมาะสมและเป็น
อุปสรรคต่อการส่งน้ํา-ระบายนํ้าน้อยท่ีสุด มีมาตรการเพ่ือควบคุมการจัดสรรนํ้า รวมท้ังการดูแล และบํารุงรักษา
ระบบชลประทานและอาคารบงั คบั น้ํา ควรมีการจัดตัง้ กล่มุ ผูใ้ ช้น้ําระดับโครงการ
25
3.6) การป้องกนั นา้ ทว่ ม
ผลกระทบทางบวก ในพื้นที่ชลประทาน คือสภาพนํ้าท่วมลดลงเน่ืองจากมีคลอง
ระบายน้ําทีด่ ีขน้ึ
3.7) อตุ สาหกรรม
ผลกระทบทางบวก การพัฒนาโครงการจะสามารถเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ซ่ึง
เป็นวัตถุดิบท่ีจะป้อนโรงงานอุตสาหกรรมในพ้ืนท่ีได้เพ่ิมมากข้ึน เช่น อ้อย ข้าวโพด เป็นต้น ซ่ึงจะทําให้มีการ
ขยายตวั ดา้ นอตุ สาหกรรมได้
ผลกระทบทางลบ น้ําเสียและส่ิงปฏิกูลจากอุตสาหกรรมท่ีขยายตัวจะมีเพิ่มมาก
ขึน้ ซึง่ หากมมี าตรการจัดการไม่ดจี ะเกิดผลกระทบตอ่ แหลง่ น้ําได้
มาตรการลดผลกระทบ ควรมีการจัดสรรการใช้นํ้าอย่างเหมาะสมและมี
ประสิทธภิ าพการควบคมุ โรงงานอุตสาหกรรมให้บาํ บดั นํา้ เสียใหไ้ ด้ตามมาตรฐานน้ําท้ิงก่อนระบายนา้ํ ท้งิ
4) คณุ ค่าตอ่ คุณภาพชีวิต
4.1) เศรษฐกจิ และสังคม
ผลกระทบทางบวก ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ เกษตรกรมีรายได้เพ่ิมขึ้นและมี
รายไดท้ ีแ่ นน่ อนมากข้นึ เกิดการจ้างงานในพื้นที่มากข้ึน ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมในท้องถ่ิน ผลกระทบด้านสังคมลด
การอพยพแรงงานเขา้ ไปในเมอื ง เพ่มิ มลู ค่าทรัพยส์ นิ มากขน้ึ
ผลกระทบทางลบ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบต่อราคาผลผลิตทาง
การเกษตรซึง่ อาจจะตกตาํ่ ผลกระทบเนื่องจากราคาทดี่ นิ สงู ข้นึ ผลกระทบดา้ นสงั คม อาจเกดิ การแยง่ นํ้าได้
มาตรการลดผลกระทบ จัดต้ังคณะประชาสัมพันธ์และประสานงานโครงการ
กวดขันให้ผู้รับเหมาดําเนินงานอย่างถูกสุขลักษณะกําหนดอัตราค่าชดเชยทรัพย์สินอย่างเป็นธรรมส่งเสริมและ
สนับสนุนให้มีการพัฒนาอาชีพทางการเกษตรและนอกภาคการเกษตรส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งองค์กร
เกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรในระดบั หมบู่ า้ น
4.2) สาธารณสขุ
ผลกระทบทางบวก มที รัพยากรนาํ้ มากขึ้น เพ่ิมศักยภาพในการเกษตร น้ํากินน้ําใช้
และเพมิ่ แหล่งโปรตนี จากปลาจะสง่ ผลใหส้ ภาพสาธารณสขุ ดขี ้ึน เพมิ่ รายได้ และอาชีพเสรมิ ของประชาชนในพ้ืนท่ี
ผลกระทบทางลบ การก่อสร้างอาจก่อให้เกิดมลพิษต่างๆ เช่น นํ้า อากาศ เสียง
และอบุ ตั ิเหตทุ เี่ พ่มิ ข้นึ อาจเกดิ การแพรร่ ะบาดของโรค ปญั หาสังคมจากแรงงานตา่ งถนิ่
มาตรการลดผลกระทบ มกี ารจัดท่พี กั คนงานที่ถูกสุขลักษณะ ตรวจสุขภาพคนงาน
กอ่ นบรรจุเขา้ ทํางาน และอบรม ให้รจู้ กั ความปลอดภัยในการทํางาน ประสานงานกบั หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่
เพื่อป้องกันและรักษาโรค ทําลายแหล่งเพาะพันธ์ุยุงและหอยในพ้ืนที่ ควบคุมสารเคมีทางการเกษตรไม่ให้ลงสู่
แหลง่ นํา้
4.3) โบราณคดแี ละประวัติศาสตร์
ผลกระทบกรณีมีโครงการ แนวคลองส่งนํ้าในพื้นท่ีชลประทานไม่ก่อให้เกิด
ผลกระทบต่อแหล่ง โบราณคดี สถานที่สาํ คัญทางประวตั ิศาสตร์แต่อย่างใด
4.4) การพักผอ่ นหย่อนใจและการทอ่ งเทย่ี ว
ผลกระทบทางบวก ทําให้เกิดแหล่งท่องเท่ียวใหม่เพิ่มข้ึน มีเส้นทางคมนาคมเข้าสู่
แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วในพื้นที่ได้สะดวกขนึ้
มาตรการลดผลกระทบ ปรับปรุงสภาพภูมิสถาปัตยกรรมบริเวณพ้ืนท่ีหัวงานเข่ือน
ทดนํ้าผาจุกท้ังฝ่ังซ้ายและฝ่ังขวาให้เป็นแหล่งท่องเท่ียวพักผ่อนหย่อนใจ และปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์พื้นท่ีว่าง
ใกลเ้ คยี งแนวคลองชลประทานท่ีตัดผา่ นชุมชนใหเ้ ป็นแหลง่ พกั ผ่อนหยอ่ นใจสาํ หรับประชาชนในชมุ ชน
26
4.5) การชดเชยทรพั ย์สนิ
ผลกระทบทางลบคือ สูญเสียพ้ืนท่ีเกษตรกรรมและพ้ืนท่ีสาธารณประโยชน์เพื่อ
ก่อสร้างคลองส่งนํ้าชลประทาน รวมประมาณ 15,255 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 2.94 ของพ้ืนท่ีชลประทานที่จะได้รับ
ประโยชนจ์ ากระบบคลองส่งนาํ้ ของโครงการ
มาตรการลดผลกระทบ จัดต้ังคณะกรรมการชดเชยทรัพย์สิน โดยให้องค์กรส่วน
ท้องถิ่น ตัวแทนประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบเข้าร่วมด้วย ก่อนการก่อสร้างโครงการต้องเร่งสํารวจความเสียหาย
แล้วทําบัญชีแจ้งติดประกาศในพ้ืนท่ี โครงการเพ่ือให้ราษฎรได้ตรวจสอบรายช่ือ ทําแผนการปฏิบัติงานเร่งรัดการ
จ่ายค่าชดเชย การชดเชยทรัพย์สินขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ โดยชดเชยในราคาท่ีเป็นธรรมและให้เสร็จก่อนการ
กอ่ สรา้ งโครงการ.
บทท่ี 4
ผลการศกึ ษา
ในการศึกษาคร้ังน้ี เป็นการสารวจและจัดเก็บข้อมูลภาวะเศรษฐกิจและสังคมครัวเรือนเกษตรกร ตาม
แผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขผลกระทบส่ิงแวดล้อมและแผนติดตามตรวจผลกระทบส่ิงแวดล้อม โครงการเขื่อนทดน้า
ผาจกุ จังหวดั อตุ รดติ ถ์ ปีเพาะปลูก 2557/58 (1 พฤษภาคม 2557 – 30 เมษายน 2558) ซึ่งเป็นการจัดเก็บข้อมูล
ในระยะก่อนการดาเนินงานโครงการฯ ประชากรเป้าหมาย คือ เกษตรกรจานวน 400 ราย (ฝั่งขวาเขื่อนทดน้าผาจุก
ระยะคลองส่งน้าชลประทาน 60 กิโลเมตร) เพ่ือใช้เป็นฐานข้อมูลในการประเมินผลในระยะต่อไป มีรายละเอียด
ดงั นค้ี ือ
4.1 ข้อมูลทั่วไปของครวั เรือนเกษตร
4.1.1 อายุ และการประกอบอาชพี
1) หวั หน้าครวั เรือนเกษตร
จากการสารวจเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ พบว่า ส่วนใหญ่หัวหน้าครัวเรือนเกษตรเป็นเพศชาย
คิดเป็นร้อยละ 79.20 และเป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 20.80 โดยอายุเฉล่ียเท่ากับ 57.44 ปี เป็นเพศชายเฉลี่ย
57.84 ปี และเปน็ เพศหญิงเฉล่ยี 55.92 ปี สว่ นอายเุ ฉล่ียของหวั หนา้ ครวั เรือนส่วนใหญ่ชว่ งอายุ 56 – 65 ปี คิดเป็น
ร้อยละ 36.09 รองลงมาช่วงอายุ 46 – 55 ปี คิดเป็นร้อยละ 28.33 และช่วงอายุมากกว่า 65 ปี คิดเป็นร้อยละ
21.80
ระดับการศึกษาส่วนใหญเ่ รียนจบชัน้ ประถมศึกษาตอนต้น(ป.4)คิดเป็นร้อยละ 55.88 รองลงมา
จบชนั้ ประถมศกึ ษาตอนปลาย(ป.6,7)คดิ เป็นร้อยละ 18.05 มัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.6) และมัธยมศึกษาตอนต้น(ม.3)
คิดเปน็ รอ้ ยละ 10.28 และ 7.27 ตามลาดบั จบปรญิ ญาตรี/สงู กว่าคดิ เป็นร้อยละ 3.26
การประกอบอาชพี ทางการเกษตรหมายถงึ การเพาะปลูกพืช การเลีย้ งปศุสัตว์ การเพาะเล้ียงสัตว์
น้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภคหรือการจาหน่ายหรือการใช้งานภายในฟาร์ม สาหรับอาชีพหลักหมายถึงการ
ประกอบอาชีพในช่วงปีเพาะปลูก 2557/58 ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทากิจกรรมต่างๆ ในอาชีพใดให้ถือเป็นอาชีพน้ัน
หากในกรณที ่ีใช้เวลาเท่ากนั หรือก้าก่งึ กันให้ยึดรายได้ที่มากกว่าของอาชีพน้ันเป็นหลัก จากการสารวจพบว่า ส่วนใหญ่
มีอาชีพหลักคิดเป็นร้อยละ 95.49 ซ่ึงประกอบอาชีพการเพาะปลูกพืชคิดเป็นร้อยละ 88.98 อาชีพรับราชการ/มี
เงินเดือนประจาคิดเป็นร้อยละ 2.51 รับจ้างนอกการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 1.75 ส่วนท่ีเหลือไม่ประกอบอาชีพ
เน่ืองจากอยู่ในวัยชรามีอานาจในการตัดสินใจภายในครัวเรือน และเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการผลิตคิดเป็นร้อยละ
4.51
อาชีพรองหมายถึง อาชีพท่ีใชเ้ วลาในการปฏบิ ตั ิงานรองจากอาชีพหลัก พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่
ไมม่ ีอาชพี รองคิดเปน็ ร้อยละ 55.14 สว่ นท่ีมอี าชีพรองคิดเป็นร้อยละ 44.86 ซ่ึงมีอาชีพด้านการปลูกพืชคิดเป็นร้อย
ละ 15.28 รองลงมาเป็นการรับจา้ งการเกษตรคดิ เปน็ รอ้ ยละ 10.78 อาชีพรบั ราชการ/มีเงนิ เดอื นประจาคิดเป็นร้อย
ละ 6.27
การเป็นสมาชิกกลุ่มฯ จากการสารวจพบว่า ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกลุ่มฯคิดเป็นร้อยละ 85.46
โดยเป็นสมาชิกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)คิดเป็นร้อยละ 58.90 กลุ่มสหกรณ์คิดเป็นร้อย
ละ 32.58 กลมุ่ เกษตรกรคิดเปน็ ร้อยละ 13.78 กลมุ่ ออมทรพั ยค์ ิดเป็นร้อยละ 8.77 และกลุ่มองค์กรชุมชนท้องถ่ิน
คิดเป็นรอ้ ยละ 5.51 (ตารางท่ี 4.1)
2) สมาชกิ ในครวั เรือนเกษตร
จากการสารวจเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ พบว่า ส่วนใหญ่สมาชิกในครัวเรือนเกษตรเป็นเพศ
หญิงคิดเป็นร้อยละ 61.91 และเป็นเพศชายคิดเป็นร้อยละ 38.09 โดยอายุเฉล่ียเท่ากับ 35.75 ปี เป็นเพศชายอายุ
- 28 -
เฉลย่ี 27.57 ปี และเป็นเพศหญงิ อายุเฉลย่ี 40.70 ปี สว่ นอายเุ ฉลี่ยของสมาชิกในครัวเรือนเกษตรส่วนใหญ่อยู่ในช่วง
อายุตา่ กว่า 30 ปี คิดเป็นร้อยละ 43.79 รองลงมาช่วงอายุ 30 – 45 ปี คิดเป็นร้อยละ 21.38 ช่วงอายุ 46 – 55 ปี
คิดเปน็ รอ้ ยละ 14.85 ช่วงอายุ 56 – 65 ปี คิดเปน็ รอ้ ยละ 10.74 และชว่ งอายุมากกว่า 65 ปี คดิ เป็นรอ้ ยละ 9.24
ระดับการศกึ ษาส่วนใหญเ่ รยี นจบชน้ั ประถมศึกษาตอนต้น(ป.4)คิดเป็นร้อยละ 28.28 รองลงมา
จบช้ันประถมศึกษาตอนปลาย(ป.6,7)คิดเป็นร้อยละ 16.56 ปริญญาตรี/สูงกว่าคิดเป็นร้อยละ 12.11 มัธยมศึกษา
ตอนต้น(ม.3) คิดเป็นร้อยละ 11.73 มัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.6)คิดเป็นร้อยละ 11.26 อาชีวะศึกษา (ปวช./ปวส./
ปวท.)คิดเป็นร้อยละ 9.46 ไม่รู้หนังสือ (อ่าน/เขียนไม่ได้)คิดเป็นร้อยละ 7.38 และอ่านออกเขียนได้คิดเป็นร้อยละ
3.22
อาชีพสมาชิกในครัวเรือนเกษตร ส่วนใหญ่มีอาชีพคิดเป็นร้อยละ 64.34 โดยมีอาชีพการ
เพาะปลูกพืชคิดเป็นร้อยละ 38.62 อาชีพรับราชการ/มีเงินเดือนประจาคิดเป็นร้อยละ 8.54 ไม่มีงานทา/รองาน
ใหมค่ ิดเป็นร้อยละ 8.36 คา้ ขาย/ธุรกิจส่วนตัวคดิ เป็นร้อยละ 3.53 อาชีพรับจ้างนอกการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 2.51
ทางานโรงงาน/บริษัทคิดเป็นรอ้ ยละ 1.86 เลี้ยงสัตว์คิดเป็นร้อยละ 0.46 และรับจ้างการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 0.46
ส่วนท่ีเหลือไม่ประกอบอาชีพคิดเป็นร้อยละ 35.66 เน่ืองจากกาลังเรียนหนังสือคิดเป็นร้อยละ 27.30 และอยู่ในวัย
ชราไมป่ ระกอบอาชีพคดิ เปน็ รอ้ ยละ 8.36
การเป็นสมาชิกกลุ่มฯ พบว่า ส่วนใหญ่ไม่เป็นสมาชิกกลุ่มฯคิดเป็นร้อยละ 66.76 และเป็น
สมาชิกกลุ่มฯคิดเป็นร้อยละ 33.24 โดยเป็นสมาชิกกลุ่มสหกรณ์คิดเป็นร้อยละ 17.13 ธนาคารเพ่ือการเกษตรและ
สหกรณ์การเกษตร(ธกส.)คิดเป็นร้อยละ 14.81 กลุ่มออมทรัพย์คิดเป็นร้อยละ 3.61 กลุ่มองค์กรชุมชนท้องถิ่นคิด
เปน็ รอ้ ยละ 2.13 และกล่มุ เกษตรกรคดิ เป็นรอ้ ยละ 1.94 (ตารางที่ 4.2)
ตารางท่ี 4.1 อายุ และการประกอบอาชีพของหวั หน้าครัวเรอื นเกษตร
รายการ ร้อยละ
๏ หวั หน้าครัวเรือน 100.00
79.20
- เพศชาย 20.80
- เพศหญงิ 57.44
๏ อายเุ ฉลยี่ (ป)ี 57.84
- เพศชาย 55.92
- เพศหญิง 100.00
๏ ช่วงอายุ
- ตา่ กว่า 30 ปี 0.25
- 30 – 45 ปี 13.53
- 46 – 55 ปี 28.33
- 56 – 65 ปี 36.09
- มากกว่า 65 ปี 21.80
๏ ระดับการศึกษา 100.00
- ไมร่ ู้หนงั สือ (อา่ น/เขยี นไม่ได้) 0.25
- อา่ นออกเขียนได้ 0.50
- ประถมศึกษาตอนตน้ (ป.4) 55.88
- ประถมศึกษาตอนปลาย (ป.6,7) 18.05
- มัธยมศึกษาตอนตน้ (ม.3) 7.27
- 29 -
ตารางที่ 4.1 (ตอ่ ) อายุ และการประกอบอาชพี ของหัวหน้าครวั เรอื นเกษตร
รายการ รอ้ ยละ
- มัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ม.6) 10.28
- อาชีวะศึกษา (ปวช./ปวส./ปวท.) 4.51
- ปริญญาตรี/สงู กว่า 3.26
๏ อาชีพหลัก 100.00
- ไม่มี 4.51
- มี 95.49
88.98
- ปลูกพืช 0.75
- เลี้ยงสตั ว์ 1.75
- รับจ้างนอกการเกษตร 1.25
- คา้ ขาย/ธรุ กจิ ส่วนตัว 0.25
- ทางานโรงงาน/บรษิ ัท 2.51
- รบั ราชการ/เงินเดือนประจา 100.00
๏ อาชีพรอง 55.14
- ไม่มี 44.86
- มี 15.28
- ปลกู พืช 2.01
- เล้ยี งสัตว์ 10.78
- รับจ้างการเกษตร 5.26
- รับจา้ งนอกการเกษตร 4.51
- คา้ ขาย/ธุรกิจสว่ นตวั
- ทางานโรงงาน/บริษัท -
- รบั ราชการ/เงินเดือนประจา 6.27
- อน่ื ๆ 0.75
๏ สมาชกิ กล่มุ 100.00
- ไมเ่ ป็น 14.54
- เป็น * 85.46
- ธกส. 58.90
- กลมุ่ เกษตรกร 13.78
- กลุ่มสหกรณ์ 32.58
- กลมุ่ ออมทรัพย์ 8.77
- กลุ่มองค์กรชมุ ชนท้องถิ่น 5.51
ที่มา : จากการสารวจ
หมายเหตุ : * คอื เกษตรกรหนง่ึ รายสามารถตอบไดม้ ากกว่า 1 คาตอบ
- 30 -
ตารางท่ี 4.2 อายุ และการประกอบอาชีพของสมาชิกในครวั เรือนเกษตร
รายการ ร้อยละ
๏ สมาชกิ ในครอบครวั 100.00
38.09
- เพศชาย 61.91
- เพศหญิง 35.75
๏ อายเุ ฉลย่ี (ป)ี 27.57
- เพศชาย 40.70
- เพศหญิง 100.00
๏ ชว่ งอายุ 43.79
- ต่ากวา่ 30 ปี 21.38
- 30 – 45 ปี 14.85
- 46 – 55 ปี 10.74
- 56 – 65 ปี
- มากกว่า 65 ปี 9.24
๏ ระดบั การศึกษา 100.00
- ไมร่ ู้หนงั สอื (อ่าน/เขยี นไม่ได้)
- อ่านออกเขียนได้ 7.38
- ประถมศึกษาตอนต้น (ป.4) 3.22
- ประถมศึกษาตอนปลาย (ป.6,7) 28.28
- มธั ยมศึกษาตอนต้น (ม.3) 16.56
- มัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ม.6) 11.73
- อาชีวะศึกษา (ปวช./ปวส./ปวท.) 11.26
- ปริญญาตรี/สูงกวา่ 9.46
๏ อาชพี สมาชกิ ในครัวเรือนเกษตร 12.11
- ไม่มี 100.00
35.66
- เรยี นหนังสือ 27.30
- อยใู่ นวัยชราไม่ประกอบอาชีพ 8.36
- มี 64.34
- ไม่มงี านทา/รองานใหม่ 8.36
- ปลกู พชื 38.62
- เลยี้ งสตั ว์ 0.46
- รบั จ้างการเกษตร 0.46
- รบั จ้างนอกการเกษตร 2.51
- ค้าขาย/ธรุ กิจสว่ นตวั 3.53
- ทางานโรงงาน/บริษทั 1.86
- รบั ราชการ/เงนิ เดอื นประจา 8.54
- 31 -
ตารางที่ 4.2 (ตอ่ ) อายุ และการประกอบอาชีพของสมาชิกในครวั เรือนเกษตร
รายการ รอ้ ยละ
๏ สมาชกิ กล่มุ 100.00
66.76
- ไมเ่ ป็น 33.24
- เป็น * 14.81
- ธกส. 1.94
- กลมุ่ เกษตรกร 17.13
- กลุ่มสหกรณ์ 3.61
- กลมุ่ ออมทรัพย์ 2.13
- กลุ่มองค์กรชมุ ชนทอ้ งถ่ิน
ท่ีมา : จากการสารวจ
หมายเหตุ : * คอื เกษตรกรหนึ่งรายสามารถตอบไดม้ ากกว่า 1 คาตอบ
4.1.2 จานวนสมาชกิ ในครัวเรอื น และลกั ษณะการใชแ้ รงงานการเกษตร
จานวนสมาชิกในครัวเรือนทั้งหมดหมายถึง จานวนคนทั้งหมดในครัวเรือนท่ีอาศัย อยู่กินร่วมกัน
ในช่วงระยะเวลา 1 พฤษภาคม 2557 – 30 เมษายน 2558 และไม่น้อยกว่า 6 เดือน จานวนสมาชิกทั้งหมดใน
ครัวเรือนเฉล่ียเท่ากับ 3.70 คน/ครัวเรือน โดยเป็นเพศชายเฉลี่ยเท่ากับ 1.82 คน/ครัวเรือน และเป็นเพศหญิงเฉลี่ย
เทา่ กับ 1.88 คน/ครวั เรือน เมือ่ พจิ ารณาสมาชิกที่เปน็ แรงงานในการเกษตรท้ังโครงการ พบว่า การทางานการเกษตร
เต็มเวลาคิดเป็นร้อยละ 49.60 ทางานการเกษตรบางเวลาคิดเป็นร้อยละ 11.16 และไม่ทางานการเกษตรคิดเป็น
ร้อยละ 39.24
เม่ือพิจารณาหัวหน้าครัวเรือน พบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศชายเฉลี่ย 0.79 คน/ครัวเรือน และการใช้
แรงงานการเกษตรเต็มเวลาคิดเปน็ รอ้ ยละ 84.21
ส่วนสมาชิกในครัวเรือนส่วนใหญ่ไม่ทางานด้านการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 51.53 เนื่องจากอยู่ในช่วง
อายุตา่ กว่า 30 ปี คดิ เป็นร้อยละ 43.79 ซ่ึงกาลังเรียนหนังสือ และอายุมากกว่า 65 ปี คิดเป็นร้อยละ 9.24 อยู่ในวัย
ชรา (ตารางที่ 4.3)
ตารางที่ 4.3 จานวนสมาชกิ ในครวั เรอื นแยกตามลักษณะการใช้แรงงานการเกษตร
หนว่ ย : ร้อยละ
รายการ เพศ เฉลีย่ ลักษณะการใชแ้ รงงานการเกษตร รวม
เต็มเวลา บางเวลา ไมท่ างาน
(คน/ครัวเรอื น)
หวั หน้าครัวเรือน ชาย 85.76 9.18 5.06 100.00
หญงิ 0.79
รวม 0.21 78.31 12.05 9.64 100.00
1.00
สมาชกิ ในครวั เรือน ชาย 1.03 84.21 9.77 6.02 100.00
หญิง 1.67
รวม 2.70 30.17 12.90 56.93 100.00
1.82
รวมท้ังครัวเรือน ชาย 1.88 40.87 10.93 48.20 100.00
หญิง 3.70
รวม 36.79 11.68 51.53 100.00
ทีม่ า : จากการสารวจ 54.33 11.28 34.39 100.00
45.01 11.05 43.94 100.00
49.60 11.16 39.24 100.00
- 32 -
4.1.3 การใช้ท่ดี นิ เพอ่ื การเกษตร และลักษณะการถอื ครอง
1) การใช้ทีด่ ินเพอื่ การเกษตร
พนื้ ทกี่ ารเกษตรปเี พาะปลูก 2557/58 โดยเฉลี่ย 32.67 ไร่/ครัวเรือน ส่วนใหญ่จะเป็นพ้ืนที่ทานา
ปี/นาปรังจานวน 24.25 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 74.23 ของพ้ืนท่ีการเกษตรท้ังหมด รองลงมาเป็นที่พืชไร่
จานวน 6.80 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 20.81 ที่ไม้ผล/ไม้ยืนต้นจานวน 1.10 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อย
ละ 3.37 ที่พืชผักจานวน 0.18 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.55 ท่ีเล้ียงสัตว์(คอก)จานวน 0.14 ไร่/ครัวเรือน
หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 0.43 ท่ีบ่อเลยี้ งปลาจานวน 0.10 ไร่/ครวั เรอื น หรือคิดเปน็ ร้อยละ 0.31 ส่วนพื้นที่ไร่นาสวนผสม
มีเพยี งเล็กนอ้ ย
การใช้ท่ีดินจริงในการประกอบการเกษตร ปีเพาะปลูก 2557/58 พ้ืนที่การเกษตรเฉลี่ย 44.06
ไร่/ครวั เรือน ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นท่ีทานาปี/นาปรังจานวน 35.82 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 81.30 รองลงมา
เป็นท่ีพืชไร่จานวน 6.72 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 15.25 ท่ีไม้ผล/ไม้ยืนต้นจานวน 0.78 ไร่/ครัวเรือน หรือ
คิดเป็นรอ้ ยละ 1.77 ท่ีพชื ผกั จานวน 0.40 ไร่/ครัวเรอื น หรือคดิ เปน็ รอ้ ยละ 0.91 ที่เลี้ยงสัตว์(คอก)จานวน 0.14 ไร่/
ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.32 และท่ีบ่อเลี้ยงปลาจานวน 0.10 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.23 และ
ประสทิ ธภิ าพการใชท้ ี่ดนิ คดิ เป็นรอ้ ยละ 134.87
ส่วนพนื้ ทอี่ ย่อู าศยั 0.89 ไร่/ครวั เรอื น และพน้ื ทีก่ ารเกษตรเฉล่ยี 4.73 ผนื /ครัวเรอื น (ตารางที่ 4.4)
ตารางที่ 4.4 การใชท้ ี่ดนิ จริงในการประกอบการเกษตร ปีเพาะปลูก 2557/58
รายการ พื้นทกี่ ารเกษตร หน่วย : ไร่/ครวั เรือน
พืน้ ท่ีการใช้ท่ดี นิ จริง **
ใน นอก รวม ใน นอก รวม
โครงการ โครงการ โครงการ โครงการ
๏ การใช้ทดี่ ินจรงิ ในการประกอบการเกษตร
- ทานาปี - นาปรงั 21.48 2.77 24.25 32.13 3.69 35.82
- พชื ไร่ 5.00 1.80 6.80 4.83 1.89 6.72
- พืชผกั 0.11 0.07 0.18 0.24 0.16 0.40
- ไม้ผล/ไม้ยืนต้น 0.28 0.82 1.10 0.30 0.48 0.78
- ทเี่ ลยี้ งสัตว์ (คอก) 0.11 0.03 0.14 0.11 0.03 0.14
- ท่รี กรา้ งวา่ งเปลา่ 0.03 0.06 0.09 0.03 0.06 0.09
- ที่หว้ ย/หนอง/คลอง/บึง(ท่ีถือครอง) - 0.01 0.01 - 0.01 0.01
- บอ่ เล้ยี งปลา 0.08 0.02 0.10 0.08 0.02 0.10
- ไร่นาสวนผสม - 0.00* 0.00* - 0.00* 0.00*
รวม 27.09 5.58 32.67 37.72 6.34 44.06
ประสทิ ธภิ าพการใช้ทด่ี ิน (ร้อยละ) 100.00 134.87
๏ พืน้ ท่ีอยู่อาศัย (ไร่/ครวั เรือน) 0.89
๏ พนื้ ที่การเกษตรเฉลยี่ (ผืน/ครวั เรือน) 4.73
ท่มี า : จากการสารวจ
หมายเหตุ : พน้ื ทท่ี าการเกษตรเฉลี่ยตอ่ ครัวเรือนไมร่ วมพ้ืนทีท่ ี่อย่อู าศัย
ค่า 0.00* คือ มีค่าแต่นอ้ ยมาก
** คือ การใช้ท่ดี ินเกษตรกรมีการปลูกพชื หมนุ เวยี นในพืน้ ทเี่ ดมิ
ประสิทธภิ าพการใชท้ ่ีดนิ (Cropping Intensity) = พ้ืนทีเ่ พาะปลูกจริง x 100
พน้ื ท่กี ารเกษตรทง้ั หมด
- 33 -
2) ลักษณะการถือครอง
ลักษณะการถือครองท่ีดินจานวน 44.05 ไร่/ครัวเรือน แยกเป็นที่ดินของตนเอง ที่ดินเช่า และ
ท่ีดินได้ทาฟรี เนื้อท่ีประมาณ 27.12 15.29 และ 1.64 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 61.57 34.71 และ
3.72 ตามลาดับ เมื่อพิจารณาพบว่าพ้ืนที่ส่วนใหญ่อยู่ในโครงการสูบน้าด้วยไฟฟ้าจานวน 22.36 ไร่/ครัวเรือน หรือ
คิดเป็นร้อยละ 50.76 และพ้ืนท่ีการเกษตรอาศัยน้าฝนมีจานวน 12.29 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 27.90
โดยมีรายเอียดดังนี้คือ พื้นที่ในโครงการคือพื้นที่ในเขตชลประทานในโครงการเข่ือนทดน้าผาจุกจานวน 37.72 ไร่/
ครัวเรือน แยกเป็นท่ีดินของตนเอง ท่ีดินเช่า และท่ีดินได้ทาฟรี เนื้อท่ีประมาณ 23.61 13.07 และ 1.04 ไร่/
ครวั เรอื น หรือคิดเปน็ ร้อยละ 62.59 34.65 และ 2.76 ตามลาดับ ส่วนพื้นท่ีนอกโครงการคือพื้นที่อยู่นอกเขตพ้ืนที่
ในเขตชลประทานในโครงการเขื่อนทดน้าผาจุกจานวน 6.33 ไร่/ครัวเรือน แยกเป็นท่ีดินของตนเอง ท่ีดินเช่า และ
ทดี่ นิ ได้ทาฟรี เน้ือท่ีประมาณ 3.51 2.22 และ 0.60 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 55.45 35.07 และ 9.48
ตามลาดับ (หมายเหตุ : ไม่รวมพื้นที่ห้วย/หนอง/คลอง/บึง(ที่ถือครอง)ประมาณ 0.01 ไร่/ครัวเรือน และที่อยู่อาศัย)
(ตารางที่ 4.5)
ตารางท่ี 4.5 แหล่งนา้ ทใ่ี ชเ้ พ่ือการเกษตร ตามลักษณะการถอื ครองที่ดิน ปีเพาะปลูก 2557/58
หนว่ ย : ไร่/ครวั เรือน
รายการ ลกั ษณะการถือครองท่ดี นิ รวม
ท่ตี นเอง ทเ่ี ช่า ท่ีได้ทาฟรี
๏ แหล่งนา้ ทีใ่ ช้เพอื่ การเกษตร
๏ พื้นทใ่ี นโครงการ
- นา้ ฝน 5.14 2.88 0.48 8.50
- สบู เองจากแหล่งนา้ ธรรมชาติ 3.09 2.43 0.14 5.66
(แมน่ ้า/คู/คลอง/บงึ )
- บอ่ /สระในไรน่ า 0.53 0.54 0.07 1.14
- ขดุ เจาะบาดาลด้วยทนุ ตนเอง 0.29 0.35 0.01 0.65
- โครงการสูบน้าด้วยไฟฟา้ 14.56 6.87 0.34 21.77
รวมพ้ืนที่ในโครงการ 23.61 13.07 1.04 37.72
๏ พนื้ ทีน่ อกโครงการ
- นา้ ฝน 2.13 1.34 0.32 3.79
- สูบเองจากแหล่งน้าธรรมชาติ 0.76 0.56 0.15 1.47
(แมน่ ้า/คู/คลอง/บงึ )
- บอ่ /สระในไร่นา 0.17 - 0.01 0.18
- ขุดเจาะบาดาลด้วยทนุ ตนเอง 0.14 0.09 0.07 0.30
- โครงการสบู น้าด้วยไฟฟ้า 0.31 0.23 0.05 0.59
รวมพืน้ ที่นอกโครงการ 3.51 2.22 0.60 6.33
๏ พนื้ ท่ีท้ังโครงการ
- นา้ ฝน 7.27 4.22 0.80 12.29
- สบู เองจากแหลง่ น้าธรรมชาติ 3.85 2.99 0.29 7.13
(แมน่ ้า/คู/คลอง/บงึ )
- บอ่ /สระในไร่นา 0.70 0.54 0.08 1.32
- ขุดเจาะบาดาลดว้ ยทนุ ตนเอง 0.43 0.44 0.08 0.95
- โครงการสูบนา้ ด้วยไฟฟ้า 14.87 7.10 0.39 22.36
รวมพนื้ ทท่ี ัง้ หมด 27.12 15.29 1.64 44.05
ท่ีมา : จากการสารวจ
หมายเหตุ : ไม่รวมพ้ืนทหี่ ้วย/หนอง/คลอง/บงึ (ที่ถอื ครอง)ประมาณ 0.01 ไร่/ครวั เรือน และทอี่ ย่อู าศยั
- 34 -
ลกั ษณะการถือครองทด่ี ินจานวน 44.05 ไร่/ครัวเรือน แยกตามลักษณะการใช้ที่ดินในการเกษตร
เป็นท่ีนา ท่ีไร่ ที่ไม้ผล/ไม้ยืนต้น ท่ีปลูกผัก ท่ีเล้ียงสัตว์(คอก) ที่บ่อปลา และท่ีรกร้างว่างเปล่า เน้ือท่ีประมาณ
34.47 7.85 1.27 0.19 0.16 0.08 และ 0.03 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 78.25 17.82 2.89
0.43 0.36 0.18 และ 0.07 ตามลาดบั โดยมรี ายเอยี ดดังน้ีคือ พ้ืนที่ในโครงการจานวน 37.72 ไร่/ครัวเรือน เป็น
ที่นา ที่ไร่ ท่ีไม้ผล/ไม้ยืนต้น ท่ีปลูกผัก ที่เลี้ยงสัตว์(คอก) ที่บ่อปลา และที่รกร้างว่างเปล่า เนื้อที่ประมาณ 31.28
5.77 0.32 0.11 0.13 0.08 และ 0.03 ไร่/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 82.93 15.30 0.85 0.29
0.34 0.21 และ 0.08 ตามลาดับ ส่วนพื้นท่ีนอกโครงการจานวน 6.33 ไร่/ครัวเรือน เป็นที่นา ที่ไร่ ที่ไม้ผล/ไม้
ยนื ต้น ทป่ี ลูกผัก และทเ่ี ล้ียงสตั ว์(คอก) เนือ้ ที่ประมาณ 3.19 2.08 0.95 0.08 และ 0.03 ไร่/ครัวเรือน หรือคิด
เป็นร้อยละ 50.39 32.86 15.01 1.26 และ 0.48 ตามลาดับ สาหรับที่ไร่นาสวนผสมมีเพียงเล็กน้อย (หมาย
เหตุ : ไมร่ วมพืน้ ท่ีท่หี ้วย/หนอง/คลอง/บึง(ท่ีถือครอง)ประมาณ 0.01 ไร่/ครวั เรือน และทีอ่ ยูอ่ าศยั ) (ตารางที่ 4.6)
ตารางท่ี 4.6 แหลง่ นา้ ทใ่ี ชเ้ พ่ือการเกษตร ตามลักษณะการใชท้ ดี่ ินในการเกษตร ปเี
รายการ ล
ที่นา ทีไ่ ร่ ท่ีไม้ผล/
ไม้ยนื ต้น
๏ แหล่งนา้ ทใี่ ช้เพอื่ การเกษตร
๏ พนื้ ที่ในโครงการ
- น้าฝน 3.76 4.27 0.21
- สูบเองจากแหลง่ นา้ ธรรมชาต(ิ แมน่ ้า/ค/ู คลอง/บึง) 4.58 0.96 0.03
- บ่อ/สระในไร่นา 0.86 0.20 0.01
- ขุดเจาะบาดาลดว้ ยทนุ ตนเอง 0.53 0.10 -
- โครงการสูบนา้ ดว้ ยไฟฟา้ 21.55 0.24 0.07
รวมพื้นท่ใี นโครงการ 31.28 5.77 0.32
๏ พ้ืนทน่ี อกโครงการ
- น้าฝน 1.04 1.88 0.88
- สบู เองจากแหลง่ นา้ ธรรมชาต(ิ แม่นา้ /ค/ู คลอง/บงึ ) 1.38 0.04 -
- บ่อ/สระในไรน่ า 0.15 - 0.01
- ขดุ เจาะบาดาลดว้ ยทนุ ตนเอง 0.10 0.16 -
- โครงการสบู น้าด้วยไฟฟา้ 0.52 - 0.06
รวมพื้นทนี่ อกโครงการ 3.19 2.08 0.95
๏ พน้ื ทท่ี ้ังโครงการ
- นา้ ฝน 4.80 6.15 1.09
- สบู เองจากแหลง่ นา้ ธรรมชาต(ิ แมน่ ้า/ค/ู คลอง/บงึ ) 5.96 1.00 0.03
- บ่อ/สระในไรน่ า 1.01 0.20 0.02
- ขดุ เจาะบาดาลด้วยทนุ ตนเอง 0.63 0.26 -
- โครงการสบู น้าด้วยไฟฟา้ 22.07 0.24 0.13
รวมพ้ืนท่ีทงั้ หมด 34.47 7.85 1.27
หมายเหตุ : ไมร่ วมพ้นื ทห่ี ว้ ย/หนอง/คลอง/บงึ (ท่ถี อื ครอง)ประมาณ 0.01 ไร่/ครวั เรือน
เพาะปลกู 2557/58
หน่วย : ไร/่ ครวั เรอื น
ลกั ษณะการใช้ที่ดนิ ในการเกษตร รวม
ที่ปลูกผกั ท่ีเลีย้ งสัตว์ ท่ีบ่อปลา ไรน่ าสวน ทรี่ กรา้ งวา่ ง
(คอก) ผสม เปล่า
0.05 0.10 0.04 - 0.03 8.46
- 5.63
0.04 - 0.02 - 1.12
0.00* 0.64
0.01 0.03 0.01 - - 21.87
- 37.72
0.01 - --
0.00* - 0.03 3.81
0.01 - 1.46
- 0.18
0.11 0.13 0.08 - - 0.30
- 0.58
0.01 0.00* 0.00* 0.00* - 6.33
0.03 0.01 0.00* - -
- 12.27
- 0.02 -- 7.09
0.04 0.00* -- 0.03 1.30
-- - 0.94
-- 0.00* 0.00* 22.45
0.08 0.03 0.00* 44.05
-
0.06 0.10 0.04 0.00* -
0.07 0.01 0.02 -
0.01 0.05 0.01 - 0.03
0.05 0.00* - -
0.00*
0.19 - 0.01 -
0.16 0.08 0.00*
น และทอ่ี ย่อู าศยั
ค่า 0.00* คือ มีคา่ แตน่ ้อยมาก
- 36 -
4.2 การประกอบการผลิตการเกษตร ปีเพาะปลกู 2557/58
4.2.1 ทรพั ยส์ ินการเกษตร และหนีส้ นิ
1) ทรัพย์สนิ การเกษตร
มูลค่าทรัพย์สินการเกษตรเฉลี่ยต่อครัวเรือนต้นปี ส่วนใหญ่จะเป็นทรัพย์สินคงที่มีมูลค่า
3,238,519 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 92.80 ของมูลค่าทรัพย์สินการเกษตรท้ังหมด ซ่ึงจะเป็นมูลค่าของที่ดิน
3,005,537 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 86.13 ของมูลค่าทรัพย์สินการเกษตรทั้งหมด รองลงมาเป็นทรัพย์สินในการ
ดาเนินการมีมูลค่า 229,988 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.59 และเป็นทรัพย์สินหมุนเวียนมีมูลค่า 21,211 บาท หรือ
คิดเป็นร้อยละ 0.61 สรุปเกษตรกรมีทรัพย์สินการเกษตรท้ังหมดประมาณ 3,489,718 บาท ถ้าไม่คิดมูลค่าที่ดินจะมี
ทรพั ย์สินการเกษตรมมี ูลค่า 251,199 บาท หรอื คดิ เปน็ ร้อยละ 7.20 ของมลู คา่ ทรัพย์สนิ การเกษตรทง้ั หมด
สาหรับมูลค่าทรัพย์สินการเกษตรเฉล่ียต่อครัวเรือนปลายปี ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินคงท่ีใกล้เคียง
กับต้นปีคือ มีมูลค่า 3,240,918 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 93.27 ของมูลค่าทรัพย์สินการเกษตรทั้งหมด ซึ่งจะเป็น
มูลค่าของที่ดิน 3,007,762 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 86.56 ของมูลค่าทรัพย์สินการเกษตรท้ังหมด รองลงมาเป็น
ทรัพย์สินในการดาเนินการมีมูลค่า 213,727 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.15 และเป็นทรัพย์สินหมุนเวียนมีมูลค่า
19,991 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.58 สรุปเกษตรกรมีทรัพย์สินการเกษตรทั้งหมดประมาณ 3,474,636 บาท ถ้าไม่
คิดมูลค่าท่ีดินจะมีทรัพย์สินการเกษตรมีมูลค่า 233,718 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.73 ของมูลค่าทรัพย์สิน
การเกษตรทง้ั หมด (ตารางท่ี 4.7)
ตารางที่ 4.7 ทรัพยส์ นิ การเกษตร ปเี พาะปลูก 2557/58
หน่วย : บาท/ครัวเรอื น
มูลคา่ ทรพั ย์สนิ การเกษตร
รายการ คงท่ี ในการ หมนุ เวียน รวม
โรงเรอื น ดาเนนิ งาน* ผลผลิต
ตน้ ปี ท่ดี นิ และอ่ืนๆ รวม ปจั จยั รวม ทง้ั หมด ยกเวน้
ปลายปี คงเหลอื พชื สัตว์ ท่ีดนิ
3,005,537 232,982 21,211
3,007,762 3,238,519 229,988 438 12,193 8,580 19,991 3,489,718 251,199
233,156
3,240,918 213,727 610 12,525 6,856 3,474,636 233,718
ทีม่ า : จากการสารวจ
หมายเหตุ : * เปน็ ทรพั ยส์ ินในการดาเนนิ งานมีเครอื่ งจักร/อุปกรณ์การเกษตร เปน็ ต้น
2) หนีส้ ิน เป็นการก้ยู มื เงนิ ของเกษตรกร และแหล่งกู้ยืมเงินของเกษตรกร ปีเพาะปลูก 2557/58 มี
รายละเอียดดังน้ีคอื
มีเกษตรกรที่ไม่เป็นหน้ีหรือไม่ได้กู้ยืมเงินคิดเป็นร้อยละ 26.32 ส่วนที่เป็นหนี้หรือกู้ยืมเงินอยู่ ณ
30 เมษายน 2558 คดิ เปน็ ร้อยละ 73.68 โดยแหลง่ กยู้ ืมเงินของเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นแหล่งกู้ยืมในระบบคิดเป็นร้อย
ละ 72.93 เป็นหน้ีกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)คิดเป็นร้อยละ 63.37 สหกรณ์การเกษตร
คิดเป็นร้อยละ 42.18 และกองทุนหมู่บ้านคิดเป็นร้อยละ 29.59 สาหรับหน้ีนอกระบบคิดเป็นร้อยละ 5.51 โดย
เป็นการกู้ยืมจากแหล่งเงินกู้ยืมนอกระบบอ่ืนๆ คิดเป็นร้อยละ 3.13 ส่วนกู้ยืมเงินจากญาติพี่น้อง/เพ่ือนบ้านคิดเป็น
รอ้ ยละ 2.38 (ตารางท่ี 4.8)
ตารางท่ี 4.8 แหล่งกู้ยืมเงินของเกษตรกร ปีเพาะปลกู 2557/58
รายการ ร้อยละ
๏ การกยู้ ืมเงนิ ของเกษตรกร 100.00
26.32
- ไมก่ ู้ 73.68
- กู้
- 37 -
ตารางที่ 4.8 (ตอ่ ) แหลง่ กู้ยืมเงนิ ของเกษตรกร ปเี พาะปลูก 2557/58 รอ้ ยละ
รายการ 72.93
๏ แหลง่ กู้ยืมเงนิ ของเกษตรกร * 63.37
1.02
• แหล่งกยู้ ืมเงินในระบบ 2.04
- ธกส. 29.59
- ธนาคารอื่นๆ 42.18
- กลมุ่ เกษตรกร 3.06
- กองทนุ หมบู่ ้าน 5.51
- สหกรณ์การเกษตร 2.38
- แหล่งออมทรัพย์ตา่ ง ๆ 3.13
• แหลง่ กยู้ ืมเงนิ นอกระบบ
- ก้ยู ืมจากญาติพีน่ ้อง/เพื่อนบา้ น
- แหล่งเงนิ กู้ยืมนอกระบบอ่ืนๆ
ทม่ี า : จากการสารวจ
หมายเหตุ : * คือ เกษตรกรหนงึ่ รายสามารถตอบไดม้ ากกวา่ 1 คาตอบ
จานวนหนี้สินทั้งหมดในครวั เรอื นเกษตร ณ 30 เมษายน 2558 มีรายละเอยี ดดังน้ีคอื
จานวนหน้ีสินของเกษตรกรท้ังหมดเฉล่ีย 242,317 บาท/ครัวเรือน โดยเป็นหนี้สินในระบบ
จานวน 237,324 บาท/ครัวเรอื น หรือคิดเปน็ รอ้ ยละ 97.94 ของหน้สี นิ ทง้ั หมด แบ่งเปน็ เงินต้น และดอกเบี้ยค้างจ่าย
จานวน 221,384 และ 15,940 บาท/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 91.36 และ 6.58 ตามลาดับ ส่วนหนี้สินนอก
ระบบจานวน 4,993 บาท/ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 2.06 ของหนี้สินทั้งหมด แบ่งเป็นเงินต้น และดอกเบี้ยค้าง
จา่ ย จานวน 4,557 และ 436 บาท/ครัวเรือน หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 1.88 และ 0.18 ตามลาดบั (ตารางท่ี 4.9)
ตารางที่ 4.9 จานวนหนสี้ นิ ทง้ั หมดในครวั เรือนเกษตร ณ 30 เมษายน 2558
รายการ จานวน รอ้ ยละ
บาท/ครวั เรือน 97.94
1. จานวนหนสี้ ินในระบบ 91.36
1.1 เงินต้น 237,324 6.58
1.2 ดอกเบ้ียคา้ งจา่ ย 221,384 2.06
15,940 1.88
2. จานวนหน้สี ินนอกระบบ 0.18
2.1 เงนิ ตน้ 4,993 100.00
2.2 ดอกเบีย้ ค้างจ่าย 4,557
รวม
436
242,317
ทม่ี า : จากการสารวจ
วัตถุประสงค์การกู้ยืมเงิน สาหรับวัตถุประสงค์การกู้ยืมเงินของครัวเรือนเกษตร เป็นการกู้ยืม
นอกการเกษตรคดิ เปน็ ร้อยละ 37.35 ได้แก่ กู้เพื่อสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เพื่อการศึกษาของ
บุตร ซ้ือรถยนต์ เป็นต้น ส่วนการกู้ยืมเพ่ือใช้ในการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 62.65 ได้แก่ กู้เพ่ือซ้ือเคร่ืองมือการเกษตร
ค่าปยุ๋ เคม/ี ยาฆ่าแมลง ค่าพันธพุ์ ชื คา่ วัสดุอปุ กรณ์การเกษตร เป็นต้น โดยแยกเป็นการกู้เพ่ือใช้ในการเกษตรพื้นท่ีใน
โครงการคดิ เปน็ ร้อยละ 42.85 และก้ใู ชใ้ นการเกษตรพื้นทนี่ อกโครงการคดิ เปน็ ร้อยละ 19.80 (ตารางท่ี 4.10)
- 38 -
ตารางท่ี 4.10 วัตถปุ ระสงค์การก้ยู ืมเงนิ ของครวั เรือนเกษตร
รายการ ร้อยละ
๏ วตั ถปุ ระสงคก์ ารกู้ยมื 100.00
37.35
- นอกการเกษตร 62.65
- ในการเกษตร 42.85
19.80
พ้ืนที่ในโครงการ
พ้ืนท่นี อกโครงการ
ทีม่ า : จากการสารวจ
3) ทรพั ย์สินในครัวเรือน ทรัพย์สินในครัวเรือนหรือทรัพย์สินนอกการเกษตร บ่งบอกถึงฐานะความ
เป็นอย่แู ละความสะดวกสบายในการดารงชีพของเกษตรกร มีรายละเอยี ดดงั นคี้ ือ
โดยเฉลี่ยเกษตรกรมีมูลค่าทรัพย์สินนอกการเกษตรต้นปีเท่ากับ 1,236,835 บาท/ครัวเรือน โดย
เป็นทรัพย์สินเก่ียวกับบ้านและที่ดินประมาณ 952,835 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 77.04 ของมูลค่าทรัพย์สินนอก
การเกษตรทง้ั หมด รองลงมาเปน็ รถจักรยานยนต์/รถยนต์ประมาณ 187,072 บาท หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 15.13
สว่ นมูลค่าทรัพยส์ ินนอกการเกษตรปลายปีเท่ากับ 1,243,568 บาท/ครัวเรือน โดยเป็นทรัพย์สิน
เกี่ยวกับบา้ นและท่ีดินประมาณ 975,655 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 78.46 ของมูลค่าทรัพย์สินนอกการเกษตรท้ังหมด
รองลงมาเป็นรถจักรยานยนต์/รถยนตป์ ระมาณ 177,227 บาท หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 14.25 (ตารางท่ี 4.11)
ตารางท่ี 4.11 มูลค่าทรพั ย์สนิ นอกการเกษตร ปเี พาะปลกู 2557/58
รายการ ตน้ ปี หน่วย : บาท/ครัวเรือน
บา้ น/ท่ีดิน 952,835
ที่ดนิ นอกการเกษตร 19,195 ปลายปี
โรงเก็บของ 975,655
รถจักรยานยนต์/รถยนต์ 1,111 19,195
รถบรรทกุ 187,072
เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าครวั เรือน 34,000 1,104
เตาแกส๊ 15,146 177,227
จักรเย็บผ้า 32,607
เครื่องป๊ัมนา้ ในบา้ น 1,349 13,083
เฟอรน์ ิเจอร์/ตเู้ ส้ือผ้า 378
โทรศัพท์ 425 1,140
เครอ่ื งมอื เครื่องจักร 333
อ่ืนๆ 16,356 376
3,401
รวม 1,960 14,768
3,607 2,800
ท่ีมา : จากการสารวจ 1,236,835 1,833
3,447
1,243,568
4.2.2 จานวนสตั ว์ทเ่ี ลี้ยง เกษตรกรมกี ารเลี้ยงสตั ว์คงเหลือต้นปแี ละปลายปี มีรายละเอียดดังนค้ี ือ
1) ด้านปศุสัตว์ เม่ือต้นปีเกษตรกรเลี้ยงสัตว์คงเหลือ ได้แก่ ไก่พ้ืนเมือง/ไก่บ้าน ไก่ไข่ ไก่ชน เป็ด
ไข่ เป็ดเนื้อ สุกร กระบือ และโคเน้ือ จานวน 7.32 0.04 1.38 0.03 0.04 0.70 0.04 และ 0.27 ตัว/
- 39 -
ครวั เรอื น ตามลาดบั ส่วนปลายปีมสี ตั ว์เลีย้ งคงเหลือจานวน 8.03 0.16 1.17 0.03 0.04 0.40 0.06 และ
0.33 ตวั /ครวั เรอื น ตามลาดับ (ตารางท่ี 4.12)
2) ด้านสัตว์น้า ในต้นปีคงเหลือกบและปลาน้าจืดเฉลี่ย 0.21 และ 3.95 กิโลกรัม/ครัวเรือน
ตามลาดับ และปลายปคี งเหลอื เฉลี่ย 0.03 และ 7.42 กโิ ลกรัม/ครวั เรอื น ตามลาดบั (ตารางที่ 4.12)
ตารางท่ี 4.12 จานวนสตั ว์เลย้ี งคงเหลือต้นปีและปลายปี
ดา้ นปศุสตั ว์ ดา้ นสัตว์นา้
รายการ (ตวั /ครัวเรือน) (กิโลกรัม/ครัวเรือน)
ตน้ ปี ไก่พน้ื เมือง/ ไก่ไข่ ไก่ชน เป็ดไข่ เป็ดเนื้อ สุกร กระบือ โคเน้อื กบ ปลา
ปลายปี ไก่บ้าน นา้ จดื
0.04
7.32 0.16 1.38 0.03 0.04 0.70 0.04 0.27 0.21 3.95
8.03 1.17 0.03 0.04 0.40 0.06 0.33 0.03 7.42
ทมี่ า : จากการสารวจ
4.2.3 ผลผลติ ต่อไร่ของพืชท่สี าคญั อตั ราผลผลิตด้านพชื ท่มี กี ารผลิตในพ้ืนท่ี มีรายละเอียดดังน้ีคอื
พ้นื ท่ีในโครงการ ผลผลิตดา้ นพืชเฉล่ียตอ่ ไร่ ได้แก่ ขา้ วเจ้านาปีจานวน 743 กิโลกรัม ข้าวเหนียวนาปี
จานวน 708 กิโลกรมั ขา้ วเจา้ นาปรงั จานวน 691 กิโลกรัม ข้าวโพดเลยี้ งสตั วร์ ุ่น 1 จานวน 810 กิโลกรัม ข้าวโพด
เล้ียงสัตว์รุ่น 2 จานวน 843 กิโลกรัม ข้าวโพดรับประทานจานวน 1,721 กิโลกรัม อ้อยโรงงานปีที่ 1 จานวน
15,046 กิโลกรัม อ้อยโรงงานปีที่ 2-5 จานวน 11,702 กิโลกรัม แตงกวาจานวน 827 กิโลกรัม ถั่วฝักยาวจานวน
824 กิโลกรัม พริกจานวน 487 กิโลกรัม หอมแดงจานวน 2,039 กิโลกรัม ไม้ผลรวมจานวน 392 กิโลกรัม ซึ่ง
เกษตรกรจะปลกู ผสมกันหลาย ๆ ชนิด ไดแ้ ก่ มะม่วง ขนุน ลองกอง มะปราง กล้วยน้าว้า และส้มโอ เป็นต้น ไม้ผลซึ่ง
เกษตรกรจะขายก่ิงพันธุ์เฉล่ียได้ 3,636 ต้น/ไร่ จากสถานการณ์ปีเพาะปลูก 2557/58 ตามมติ ครม. ท่ีกาหนดให้
จ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผ้ปู ลูกขา้ วทุกครัวเรือน ตามพื้นท่ีที่ปลูกข้าวจริงแต่ไม่เกินครัวเรือนละ 15 ไร่ ในอัตราไร่ละ
1,000 บาท โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีเพาะปลูก 2557/2558
(ตารางที่ 4.13)
พนื้ ที่นอกโครงการ ผลผลิตดา้ นพืชเฉลี่ยตอ่ ไร่ ได้แก่ ขา้ วเจ้านาปีจานวน 744 กโิ ลกรัม ข้าวเหนียวนา
ปีจานวน 567 กิโลกรัม ข้าวเจ้านาปรังจานวน 591 กิโลกรัม ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 1 จานวน 798 กิโลกรัม
ข้าวโพดเล้ียงสัตว์รุ่น 2 จานวน 1,053 กิโลกรัม ข้าวโพดรับประทานจานวน 1,798 กิโลกรัม มันสาปะหลังโรงงาน
จานวน 3,345 กิโลกรัม อ้อยโรงงานปีที่ 1 จานวน 12,162 กิโลกรัม อ้อยโรงงานปีท่ี 2-5 จานวน 13,737 กิโลกรัม
แตงกวาจานวน 4,154 กิโลกรัม พริกจานวน 407 กิโลกรัม หอมแดงจานวน 2,054 กิโลกรัม ส่วนไม้ผลรวมจานวน
172 กโิ ลกรมั (ตารางที่ 4.14)
รวมทง้ั โครงการ ผลผลติ ดา้ นพืชเฉล่ียต่อไร่ ได้แก่ ข้าวเจ้านาปีจานวน 743 กิโลกรัม ข้าวเหนียวนาปี
จานวน 666 กโิ ลกรัม ขา้ วเจา้ นาปรังจานวน 679 กโิ ลกรัม ข้าวโพดเลีย้ งสัตวร์ ุน่ 1 จานวน 805 กิโลกรัม ข้าวโพด
เลี้ยงสัตว์รุ่น 2 จานวน 917 กิโลกรัม ข้าวโพดรับประทานจานวน 1,760 กิโลกรัม มันสาปะหลังโรงงานจานวน
3,345 กโิ ลกรมั อ้อยโรงงานปีที่ 1 จานวน 14,088 กิโลกรมั อ้อยโรงงานปที ่ี 2-5 จานวน 12,187 กิโลกรัม แตงกวา
จานวน 848 กิโลกรมั ถ่วั ฝักยาวจานวน 824 กิโลกรัม พริกจานวน 476 กิโลกรัม หอมแดงจานวน 2,046 กิโลกรัม
ไม้ผลรวมจานวน 251 กโิ ลกรัม (ตารางที่ 4.15)
เมอื่ พิจรณาแยกเปน็ พ้นื ทใ่ี นเขตสบู นา้ ด้วยไฟฟ้า พบวา่ ผลผลิตดา้ นพชื เฉลยี่ ต่อไร่ ได้แก่ ข้าวเจ้านา
ปีจานวน 763 กิโลกรัม ข้าวเหนียวนาปีจานวน 400 กิโลกรัม ข้าวเจ้านาปรังจานวน 745 กิโลกรัม ข้าวโพดเล้ียง
สัตวร์ ุ่น 1 จานวน 990 กิโลกรมั ขา้ วโพดเลีย้ งสตั วร์ นุ่ 2 จานวน 1,014 กิโลกรัม ข้าวโพดรับประทานจานวน 2,473
กิโลกรัม อ้อยโรงงานปีที่ 2-5 จานวน 15,330 กิโลกรัม แตงกวาจานวน 1,789 กิโลกรัม ถั่วฝักยาวจานวน 1,313
- 40 -
กิโลกรัม พริกจานวน 1,392 กิโลกรัม ไม้ผลรวมจานวน 967 กิโลกรัม สาหรับไม้ผลซ่ึงเกษตรกรจะขายกิ่งพันธุ์เฉลี่ย
ได้ 3,636 ตน้ /ไร่ (ตารางท่ี 4.16)
ส่วนพื้นท่ีนอกเขตสูบน้าด้วยไฟฟ้า พบว่า ผลผลิตด้านพืชเฉล่ียต่อไร่ ได้แก่ ข้าวเจ้านาปีจานวน
722 กิโลกรัม ข้าวเหนียวนาปีจานวน 686 กิโลกรัม ข้าวเจ้านาปรังจานวน 604 กิโลกรัม ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 1
จานวน 547 กิโลกรัม ข้าวโพดเล้ียงสัตว์รุ่น 2 จานวน 811 กิโลกรัม ข้าวโพดรับประทานจานวน 1,627 กิโลกรัม
อ้อยโรงงานปีท่ี 1 จานวน 14,088 กิโลกรัม อ้อยโรงงานปีท่ี 2-5 จานวน 12,063 กิโลกรัม แตงกวาจานวน 792
กิโลกรัม ถั่วฝักยาวจานวน 832 กิโลกรัม พริกจานวน 465 กิโลกรัม หอมแดงจานวน 2,216 กิโลกรัม ไม้ผลรวม
จานวน 199 กโิ ลกรัม (ตารางท่ี 4.17)