แผนการจัดการเรียนรู้
วิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑
ภาคการเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕
นางสาวธัญญา ดาทอง
ตำแหน่ง ครู
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม
ตำบลทุ่งกระตาดพัฒนา อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แผนการเรียนรู้ที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 13 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง หลักการอ่านออกเสียง
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท๑.๑ ม.4-6/1
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วประเภทต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
ไพเราะและเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ต้องมีความรู้เกี่ยวกับหลักการอ่าน
อธิบายหลักการอ่านออก อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว มีมารยาทในการ
เสียงบทร้อยแก้วได้ (K) ประเภทต่าง ๆ ได้ (P) อ่าน (A)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน
ขั้นนำ 1.ให้นักเรียนทุกคนอ่านประโยคที่ออกเสียงยาก
2. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิ ดเห็นถึงประโยคที่อ่านเว้นวรรคผิ ดแล้วความหมายจะเปลี่ยน
(10 นาที) 3.ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 1 เรื่อง หลักการอ่านออกเสียง ผ่าน Plicker
ขั้นกิจกรรม 1. ครูแบ่งนักเรียนเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ
(40 นาที) 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว จากหนังสือ
เรียน จนทุกคนมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำใบงานที่ 1.1 เรื่อง หลักการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว โดย
ให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มหาคำตอบด้วยตนเอง เมื่อทำเสร็จแล้วให้นำส่งครูตรวจ
4. ครูนำคะแนนของสมาชิกทุกคนในกลุ่มมารวมกันเป็ นคะแนนกลุ่ม จากนั้นกล่าวคำ
ชมเชยและนำผลงานของนักเรียนกลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดมาให้นักเรียนดูเป็ นตัวอย่าง
ขั้นสรุป 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว
(10 นาที) 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มบันทึกความรู้ที่ได้จากคาบเรียนนี้ลงในสมุด
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถทางการสื่อสาร ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้ บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
Plicker แบบทดสอบก่อนเรียน ……………………………………………………
เรื่อง หลักการอ่านออกเสียง …………………………………………………...
หนังสือเรียน ภาษาไทย (นางสาวธัญญา ดาทอง)
หลักภาษาฯ ม.5 ครูผู้สอน
ช่องทางการส่งงานและแบ่งปันความรู้
ภาระงาน/ชิ้นงาน
ใบงานที่ 1.1 เรื่อง หลักการอ่าน
ออกเสียงบทร้อยแก้ว
ใบงานที่ 1.1
หลักการอ่านออกเสียง
คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้และเขียนคำตอบลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
1. บทร้อยแก้วที่เป็ น 2. ก่อนที่จะอ่านออก
บันเทิงคดี ต่างจากบทร้อย เสียงบทร้อยแก้ว ควรปฏิบัติ
แก้วที่เป็ นสารคดีอย่างไร อย่างไร
3. เสียงอ่านที่เป็ น 4. การอ่านอย่างมีลีลา
ธรรมชาติ มีลักษณะอย่างไร และอารมณ์ มีลักษณะอย่างไร
ชื่อ-สกุล ชั้น ม.5/ เลขที่
เฉลย ใบงานที่ 1.1
หลักการอ่านออกเสียง
คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้และเขียนคำตอบลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
1. บทร้อยแก้วที่เป็ น 2. ก่อนที่จะอ่านออก
บันเทิงคดี ต่างจากบทร้อย เสียงบทร้อยแก้ว ควรปฏิบัติ
แก้วที่เป็ นสารคดีอย่างไร อย่างไร
บทร้อยแก้วที่เป็ นบันเทิง ศึกษาเรื่องที่จะอ่านให้เข้าใจ
คดีมุ่งให้ความเพลิดเพลิน เพื่อให้ทราบถึงสาระสำคัญของ
สนุกสนานเป็ นสำคัญ อาจ เรื่อง อารมณ์ และความรู้สึกของ
จะสอดแทรกความรู้ ข้อคิด ผู้เขียนที่ต้องการให้ผู้อ่านทราบ
คติเตือนใจบ้างเล็กน้ อย แล้วแบ่งวรรคตอนเนื้อเรื่องที่จะ
ส่วนบทร้อยแก้วที่เป็ น อ่านให้เหมาะสม
สารคดีมุ่งให้ความรู้ที่เป็ นข้อ
เท็จจริงเป็ นสำคัญ
3. เสียงอ่านที่เป็ น 4. การอ่านอย่างมีลีลา
ธรรมชาติ มีลักษณะอย่างไร และอารมณ์ มีลักษณะอย่างไร
เสียงอ่านที่เป็ นธรรมชาติ การอ่านที่เน้ นคำที่สำคัญ
มีลักษณะเหมือนเสียงพูดไม่ และคำที่ต้องการเพื่อให้เกิด
ดัดเสียงหรือใช้เสียงแหลม ภาพพจน์ หรือจินตภาพ การ
เกินไป การเน้นเสียงสูงต่ำ เน้ นควรเน้ นเฉพาะคำไม่ใช่
หนัก เบา ให้เป็ นไปตาม เน้ นทั้ งวรรคหรือทั้ ประโยค
ธรรมชาติโดยสอดคล้องกับ
เรื่องที่อ่าน
ชื่อ-สกุล ชั้น ม.5/ เลขที่
แผนการเรียนรู้ที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 13 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท๑.๑ ม.4-6/1
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วประเภทต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
ไพเราะและเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ต้องมีความรู้เกี่ยวกับหลักการอ่าน
อธิบายหลักการอ่านออก อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว มีมารยาทในการ
เสียงบทร้อยแก้วได้ (K) ประเภทต่าง ๆ ได้ (P) อ่าน (A)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน
1. ครูให้นักเรียนฟังเสียงการอ่านบทร้อยแก้ว จากวิดีโอที่ครูเปิ ดให้ฟัง
ขั้นที่ 1 2. นักเรียนฟังและสังเกตว่า การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว โดยสอดแทรกอารมณ์ ตามเนื้อหาของเรื่องที่อ่านนั้นทำ
สังเกตรับรู้ อย่างไร
(10 นาที) 3. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด “เค้าไม่เคยอ้าง ที่ไม่ไปเพราะไม่อยากไปเข้าใจไหม เอ๊ะ! พูดกี่ครั้งแล้วนี่
ทำไมหัวทึบจัง” การอ่านข้อความนี้ควรสอดแทรกอารมณ์ ใดในการอ่าน (อารมณ์ โกรธ)
ขั้นที่ ๒ 1. นักเรียนอ่านออกเสียง ขั้นที่ ๓ ทำเอง นักเรียนฝึ กอ่านบทอ่าน
ทำตามแบบ โดยไม่มีแบบ ร้อยแก้วจากเอกสารประกอบ
บทร้อยแก้วตามตัวอย่างจาก การเรียน เป็ นการฝึ กให้
วิดีโอ หรือจากที่ครูอ่านให้ (20 นาที) นักเรียนอ่านเองโดยไม่ต้อง
ฟังตัวอย่าง
(20 นาที) ฟังทีละขั้นตอน
๒. ถามผู้เรียนว่า การอ่าน
ตามแบบเป็ นผลดีต่อผู้ฝึ ก
อ่านอย่างไร
ขั้นที่ ๔ ฝึ ก นักเรียนแต่ละคนเลือกบทร้อยแก้วที่สนใจ คนละ 1 ตอน จากนั้น นักเรียนฝึ กอ่าน
ทำให้ชำนาญ ให้เกิดความชำนาญ จนสามารถอ่านได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วไปทดสอบการอ่านกับครู
โดยให้นักเรียนอัปโหลดลงใน Google Classroom เพื่อให้ครูประเมินผล
(10 นาที)
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถทางการสื่อสาร ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้ บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
วิดีโออ่านออกเสียงร้อยแก้ว ……………………………………………………
…………………………………………………...
เอกสารประกอบการเรียน
บทอ่านร้อยแก้ว (นางสาวธัญญา ดาทอง)
ครูผู้สอน
ช่องทางการส่งงานและแบ่งปันความรู้
Presentation เรื่อง อ่านออกเสียงร้อยแก้ว
ภาระงาน/ชิ้นงาน -
เอกสารประกอบการเรียน
เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว
ที่เจ้าบอกมาว่า เจ้าได้เป็ นกรรมการขึ้นในคลับดีเบตนั้น ข้าก็ยินดีด้วย
พวกนักเรียนด้วยกันคงจะไม่รังเกียจเจ้าหรือคิดเกียดกันเจ้า แต่การที่ไม่มีใคร
เกลียดนั้นเสียเวลามากนัก โดยมากมักจะเสียเงินด้วย เพราะคนที่ไม่มีใคร
เกลียดจะต้องเป็ นคนที่ไม่มีอัฐติดตัวเลย จึงไม่มีใครอิจฉาหรือมิฉะนั้นถ้าพบ
ใครจะต้องยื่นธนบัตรให้เสียทุกรูปทุกนาม แลมีเรือแพช้างม้าวัวควายไว้ให้คน
อื่นยืมทั่วโลก
ข้าได้กล่าวมาอย่างน้อยครั้งนึงแล้วว่า ข้าเชื่อว่าในศีรษะเจ้ามีมันสมองอยู่
บ้าง แลข้ายังคงเชื่อดังนั้นอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น เจ้าคงจะได้เห็นโดยไม่ต้องให้
ข้าอธิบายมากกว่าที่ข้ากล่าวมาแล้วว่า วิชาที่เจ้าได้ร่ำเรียนมาได้เพียงนี้ก็พอใช้
ได้แล้ว ไม่ต้องคิดถึงดีกรีดีกาอะไรต่อไป ด้วยเจ้าเรียนสูงนัก ความคิดจิต
สันดานของเจ้าก็สูงเกินการโรงสีไปด้วย ดังซึ่ งโป๊ ปจินตะกวีอังกฤษกล่าวไว้ว่า...
ที่มา : พระนิพนธ์ น.ม.ส., จดหมายจางวางหร่ำ, หน้า 35
ถึงวันที่ผมกลับไปโรงเรียนได้แล้ว แต่ผมจะไม่ไปโรงเรียนหรอก ผมรู้ว่า
โปรตุก้าคงจะคอยผมอยู่ทั้งอาทิตย์พร้อมกับรถ “ของเรา” คันนั้น และแน่นอนว่า
เขาจะมาคอยผมอีกก็ต่อเมื่อผมบอกเขาล่วงหน้าเท่านั้น แม้จะรู้ว่าผมป่ วย เขาคง
ไม่พยายามที่จะมาเยี่ยมเยียนผม เราได้ให้คำมั่นสัญญาต่อกันไว้แล้ว เราตกลง
สาบานกันไว้โดยเอาชีวิตเป็ นเดิมพันว่าจะรักษาความลับของเรา จะไม่มีใครรู้
ว่าเราเป็ นเพื่อนที่ดีต่อกัน เว้นแต่พระเจ้าเท่านั้น
รถสวยคันนั้นจอดอยู่ที่หน้าสถานี เยื้องร้านขนม มันเป็ นแสงอาทิตย์แห่ง
ความสุขที่ผมได้เห็นเป็ นครั้งแรก หัวใจของผมซึ่ งเฝ้ าถวิลหามันมาตลอดเวลา เต้น
กระดอนด้วยความยินดี ผมกำลังจะได้พบกับเพื่อนของผม แต่ในขณะเดียวกัน
นั้น เสียงหวูดอันไพเราะก็แผดขึ้นที่สถานีทำเอาผมสะดุ้งไปทั้งตัว มันการาติบาผู้
หยิ่งยโส รุ นแรงและเป็ นเจ้าแห่งรางนั่นเอง มันแล่นผ่านไปอย่างสง่างาม รวดเร็ว
เหมือนบิน เสียงโบกี้กระทบกันดังเป็ นจังหวะ คนในรถไฟออกมายืนมองตรง
หน้าต่าง นักเดินทางทุกคนแลดูมีความสุข
ที่มา : วาสคอนเซลอส, ต้นส้มแสนรัก,
แปลโดย สมบัต เครือทอง, หน้า 190.
แผนการเรียนรู้ที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 13 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง อ่านออกเสียงสำเนียงเสนาะ 1
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท๑.๑ ม.4-6/1
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและเหมาะสมกับ
เรื่องที่อ่าน ต้องมีความรู้เกี่ยวกับกลวิธีการอ่าน
อธิบายหลักการอ่านออก อ่านออกเสียงบทร้อยกรอง มีมารยาทในการ
เสียงบทร้อยกรองได้ (K) ประเภทต่าง ๆ ได้ (P) อ่าน (A)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน(วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ)
1. ครูให้นักเรียนฟังเสียงการอ่านทำนองเสนาะ แล้วร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการอ่านบทร้อย
ขั้นนำ กรองเป็ นทำนองเสนาะ
(10 นาที) ๒. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดว่า “การอ่านบทร้อยกรองเป็ นทำนองเสนาะให้อารมณ์ ความ
รู้สึกอย่างไรต่อผู้ฟัง”
1. ครูให้นักเรียนจับคู่กัน จากนั้นร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง กลวิธีการอ่านบทร้อยกรอง จาก
หนังสือเรียนภาษาไทย หลักภาษาไทย
ขั้นกิจกรรม 2. นักเรียนทำใบงานที่ 1.2 เรื่อง กลวิธีการอ่านบทร้อยกรอง โดยนักเรียนแต่ละคนคิดหาคำตอบ
(40 นาที) ด้วยตนเองจนครบทุกข้อ จากนั้นผลัดกันอภิปรายคำตอบ แล้วเขียนคำตอบลงในใบงาน
3. ครูสุ่มนักเรียน 1-2 คู่ เฉลยคำตอบในใบงานที่ 1.2 ให้เพื่อนฟัง ครูตรวจสอบความถูกต้อง
แล้วชมเชยนักเรียนเพื่อเสริมกำลังใจ ใช้การ Hi ๕ เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เรียน
4. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด “นักเรียนมีคำแนะนำอย่างไรในการปรับปรุงเสียงในการ
อ่านบทร้อยกรองที่ไม่ไพเราะ”
ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกลวิธีการอ่านบทร้อยกรองผ่าน
(10 นาที) รูปแบบการอภิปรายเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, รักความเป็ นไทย บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
วิดีโอทำนองเสนาะจากเรื่อง ……………………………………………………
ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก …………………………………………………...
หนังสือเรียน ภาษาไทย (นางสาวธัญญา ดาทอง)
หลักภาษาฯ ม.5 ครูผู้สอน
ช่องทางการส่งงานและแบ่งปันความรู้
ภาระงาน/ชิ้นงาน
ใบงานที่ 1.2 เรื่อง หลักการอ่าน
ออกเสียงบทร้อยกรอง
ชื่อ-สกุล ชั้น เลขที่
ใบงานที่ 1.2 กลวิธีการอ่านบทร้อยกรอง
ตอนที่ 1
คำชี้แจง ให้นักเรียนนำคำที่กำหนดเขียนลงในตาราง
เพลงไทยสากล เพลงพื้นบ้าน เสภา ลำนำสู่ขวัญ สรภัญญะ เพลงไทยเดิม
ลำนำกล่อมช้าง โอ้เอ้วิหารราย เพลงไทยลูกทุ่ง เพลงปฏิพากย์
วิธีการ
อ่าน ประเภทของบ
ทร้อยกรอง
การข
ับ
การร
้อง
การว
่า
การส
วด
ตอนที่ 2
คำชี้แจง ให้นักเรียนอธิบายศิลปะการใช้เสียงในการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
1. การหลบเสียง
______________________________________________________
2. การเอื้อนเสียง
______________________________________________________
3. การครั่นเสียง
______________________________________________________
4. การครวญเสียง
______________________________________________________
5. การกระแทกเสียง
______________________________________________________
ชื่อ-สกุล ชั้น เลขที่
ใบงานที่ 1.2 กลวิธีการอ่านบทร้อยกรอง เฉลย
ตอนที่ 1
คำชี้แจง ให้นักเรียนนำคำที่กำหนดเขียนลงในตาราง
เพลงไทยสากล เพลงพื้นบ้าน เสภา ลำนำสู่ขวัญ สรภัญญะ เพลงไทยเดิม
ลำนำกล่อมช้าง โอ้เอ้วิหารราย เพลงไทยลูกทุ่ง เพลงปฏิพากย์
วิธีการ
อ่าน ประเภทของบ
ทร้อยกรอง
การข
ับ เสภา ลำนำสู่ขวัญ ลำนำก
ล่อมช้าง
การร
้อง เพลงไทยสากล เพลงไทย
ลูกทุ่ง เพลงไทยเดิม
การว
่า เพลงพื้นบ้าน เพลงปฏิพาก
ย์
การส
วด สรภัญญะ โอ้เอ้วิหารราย
ตอนที่ 2
คำชี้แจง ให้นักเรียนอธิบายศิลปะการใช้เสียงในการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
1. การหลบเสียง
_กา_ร_เป_ล_ี่ย_น_เส_ีย_ง_ห_รื_อห_ัก_เ_สี_ยง_ห_ล_บ_จ_า_ก_เส_ีย_งส_ูง_ไ_ป_เส_ีย_ง_ต่_ำ _เมื_่อ_ไม_่ส_า_ม_าร_ถ_อ_อก_เ_สี_ย_งท_ี่ส_ูง_เก_ิน_ไ_ป_ได้
2. การเอื้อนเสียง
______ก_าร_ล_า_ก_เ_สี_ย_ง_ช้_า_ๆ__แ_ล_ะ_ไ_ว้ห_า_ง_เ_สี_ย_ง_เ_พื_่อ_ใ_ห้_เข_้า_จ_ัง_ห_ว_ะ_แ_ล_ะไ_พ__เร_า_ะ_____
3. การครั่นเสียง
_________ก_า_ร_ท_ำ_เส_ีย__งใ_ห_้ส_ะ_ด_ุด__เม_ื่อ_อ_่า_น_ถ_ึง_ต_อ_น__ที่_ส_ะ_เท_ือ_น__อ_าร_ม_ณ_์________
4. การครวญเสียง
กา_รเ_อื_้อ_น_เ_สี_ย_งใ_ห_้เ_กิ_ด_ค_ว_าม_ร_ู้ส_ึก_ต_า_ม_อ_า_รม_ณ_์_ข_อ_งก_า_ร_ค_ร_่ำ_ค_ร_วญ__ร_ำ_พั_น__วิง_ว_อ_น_ห_ร_ือ_โ_ศ_ก_เศร้า
5. การกระแทกเสียง
_ก_า_ร_ล_งเ_ส_ีย_ง_ใ_ห้_ห_น_ัก_เ_ป็_น_พ_ิ_เศ_ษ__เ_มื_่อ_ต้_อ_ง_แ_ส_ด_ง_อ_า_รม__ณ์_โ_ก_ร_ธ_แ__ส_ด_ง_ค_ว_าม_เ_ข_้ม_แ_ข_็ง
แผนการเรียนรู้ที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 13 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง อ่านออกเสียงสำเนียงเสนาะ (ร่าย)
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท๑.๑ ม.4-6/1
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทร่ายได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและ
เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ต้องมีความรู้เกี่ยวกับหลักการอ่าน
อธิบายหลักการอ่านออก อ่านออกเสียงบทร้อยกรอง มีมารยาทในการ
เสียงบทร้อยกรอง อ่าน (A)
ประเภทร่ายได้อย่างถูกต้องและ
ประเภทร่ายได้ (K) เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน (P)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน(วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ)
1. ครูให้นักเรียนฟังและดูวิดีโอการอ่านบทร้อยกรองประเภทร่าย แล้วร่วมกันแสดงความ
ขั้นนำ คิดเห็นเกี่ยวกับการอ่าน
(10 นาที) ๒. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดว่า “การอ่านบทร้อยกรองประเภทร่าย ควรนำไปใช้อ่านใน
โอกาสใดจึงจะเหมาะสมกับท่วงทำนองการอ่าน”
1. นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การอ่านบทร้อยกรองประเภทร่าย จากหนังสือ
เรียน ครูเพิ่มเติมเนื้อหาจาก PowerPoint เรื่อง การอ่านบทร้อยกรองประเภทร่าย
ขั้นกิจกรรม 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำใบงานที่ 1.3 เรื่อง การอ่านบทร้อยกรองประเภทร่าย โดยให้
สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มหาคำตอบด้วยตนเองจนครบทุกข้อ
(40 นาที) 3. นักเรียนรวมกลุ่ม 4 คน ให้แต่ละคู่ผลัดกันอธิบายคำตอบให้เพื่อนอีกคู่หนึ่งในกลุ่มฟัง เพื่อ
ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง
4. ครูขออาสาสมัครตัวแทนนักเรียน 1-2 กลุ่ม นำเสนอคำตอบในใบงานที่ 1.3 ครูและเพื่อน
นักเรียนกลุ่มอื่นร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง
ขั้นสรุป 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านร่ายสุภาพและร่ายยาวตามหลักการอ่านร่าย จากหนังสือเรียน
(10 นาที) เพื่อให้ครูประเมินผล
2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิดว่า “ร่ายยาวและร่ายสุภาพให้ความรู้สึกที่เหมือน
กันหรือต่างกันอย่างไร”
๓. หากนักเรียนกลุ่มใดอ่านร่ายสุภาพไม่ทันให้มาอ่านให้ครูฟังนอกเวลาหรืออัดวิดีโอลง
ใน Google Classroom
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถในการสื่อสาร ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, รักความเป็ นไทย บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
วิดีโอทำนองเสนาะจากเรื่อง ……………………………………………………
ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก …………………………………………………...
หนังสือเรียน ภาษาไทย
หลักภาษาฯ ม.5 (นางสาวธัญญา ดาทอง)
ครูผู้สอน
Presentations เรื่อง การอ่านบทร้อยกรอง
ประเภทร่าย
ช่องทางการส่งงานและแบ่งปันความรู้
ภาระงาน/ชิ้นงาน
ใบงานที่ 1.3 เรื่อง การอ่านบทร้อยกรอง
ประเภทร่าย
ใบงานที่ 1.3 กลวิธีการอ่านบทร้อยกรอง
ประเภทร่าย
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. “โอ้เจ้าดวงสุริยันจันทราของแม่เอ๋ย แม่ไม่รู้เลยว่าเจ้าจะหนีพระมารดาไปสู่พารา
ใดไม่รู้ที่ หรือจะข้ามนทีทะเลวนหิมเวศประเทศทิศแดนใด ถ้ารู้แจ้งประจักษ์ใจแม่ก็
จะตามเจ้าไปจนสุดแรง นี่ก็เหลือที่แม่จะเที่ยวแสวงสืบเสาะหา”
ข้อความนี้แสดงอารมณ์ อย่างไร มีวิธีการอ่านอย่างไร
2. “เสด็จย่างเหยียบหลังสาร ทรงคชาธารยรรยง อลงกตแก้วแกมกาญจน์ เครื่อง
พุดตานตกแต่ง แข่งสีทองทอเนตร ปักเศวตฉัตรฉานฉาย คลายคชบาทยาตรา
คลี่พยุหคลาดแคล้ว คล้ายนายทแกล้ว ย่างเยื้องธงทอง แลนา”
ข้อความนี้เป็ นเนื้อความประเภทใด มีวิธีการอ่านอย่างไร
3. “ยํ โกลาหลํ อันว่าโกลาหลอันใดเป็ นวิสัยแสนกัมปนาท รญฺญา เมาะ เวสฺ
สนฺตเรน อันพระมหาบุรุษราชชาติอาชาไนยเชื้อชินวงศ์ ทรงบำเพ็ญเพิ่มโพธิสมภาร
ด้วยเดชอำนวยทานโพธิสัตว์ เป็ นปัจฉิมปรมัตถบารมีอันหมายมั่น ตํ โกลาหลํ ก็
บังเกิดมหัศจรรย์ในไตรภพ จนจบพรหมเมศ”
ข้อความนี้เป็ นเนื้อความประเภทใด มีวิธีการอ่านอย่างไร
4. “อกของใครจะอาภัพยับพิกลเหมือนอกมัทรีไม่มีเนตร น่าที่จะสงสารสังเวชโปรด
ปรานี ว่ามัทรีนี้เป็ นเพื่อนยากอยู่จริงๆ ช่างค้อนติงปริภาษณาได้ลงคอไม่คิดเลย
พระคุณเอ่ยถึงพระองค์จะสงสัยก็น้ำใจของมัทรีนี้กตเวที เป็ นไม้เท้าก้าวเข้าสู่ทางที่
ทดแทน รามํ สีดาวนุพพตา อุปมาเหมือนสีดาอันภักดีต่อสามีรามบัณฑิ ต ปาน
ประหนึ่งว่าศิษย์กับอาจารย์ พระคุณเอ่ยเกล้ากระหม่อมฉานทำผิดแต่เพียงนี้ เพราะว่า
ล่วงราตรีจึงมีโทษ ขอพระองค์จงทรงพระกรุณาโปรดซึ่งโทษานุโทษกระหม่อมฉัน
มัทรี แต่ครั้งเดียวนี้เถิด”
ข้อความนี้เป็ นเนื้อความประเภทใด มีวิธีการอ่านอย่างไร
ชื่อ-สกุล ชั้น ม.5/ เลขที่
เฉลย ใบงานที่ 1.3 กลวิธีการอ่านบทร้อยกรอง
ประเภทร่าย
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. “โอ้เจ้าดวงสุริยันจันทราของแม่เอ๋ย แม่ไม่รู้เลยว่าเจ้าจะหนีพระมารดาไปสู่พารา
ใดไม่รู้ที่ หรือจะข้ามนทีทะเลวนหิมเวศประเทศทิศแดนใด ถ้ารู้แจ้งประจักษ์ใจแม่ก็
จะตามเจ้าไปจนสุดแรง นี่ก็เหลือที่แม่จะเที่ยวแสวงสืบเสาะหา”
ข้อความนี้แสดงอารมณ์ อย่างไร มีวิธีการอ่านอย่างไร
ข้อความนี้แสดงอารมณ์ เศร้า มีวิธีการอ่าน คือ ใช้น้ำเสียงเบา สั่นเครือ
จังหวะการอ่านช้ากว่าปกติ
2. “เสด็จย่างเหยียบหลังสาร ทรงคชาธารยรรยง อลงกตแก้วแกมกาญจน์ เครื่อง
พุดตานตกแต่ง แข่งสีทองทอเนตร ปักเศวตฉัตรฉานฉาย คลายคชบาทยาตรา
คลี่พยุหคลาดแคล้ว คล้ายนายทแกล้ว ย่างเยื้องธงทอง แลนา”
ข้อความนี้เป็ นเนื้อความประเภทใด มีวิธีการอ่านอย่างไร
ข้อความนี้เป็ นเนื้อความพรรณนา มีวิธีการอ่าน คือ อ่านให้ได้อารมณ์ ของคำ
หรือของความ เช่น ความงาม ใช้น้ำเสียงใส ไม่เบาหรือไม่ดังเกินไป
3. “ยํ โกลาหลํ อันว่าโกลาหลอันใดเป็ นวิสัยแสนกัมปนาท รญฺญา เมาะ เวสฺ
สนฺตเรน อันพระมหาบุรุษราชชาติอาชาไนยเชื้อชินวงศ์ ทรงบำเพ็ญเพิ่มโพธิสมภาร
ด้วยเดชอำนวยทานโพธิสัตว์ เป็ นปัจฉิมปรมัตถบารมีอันหมายมั่น ตํ โกลาหลํ ก็
บังเกิดมหัศจรรย์ในไตรภพ จนจบพรหมเมศ”
ข้อความนี้เป็ นเนื้อความประเภทใด มีวิธีการอ่านอย่างไร
ข้อความนี้เป็ นเนื้อความศักดิ์สิทธิ์แสดงความยิ่งใหญ่ มีวิธีการอ่าน คือ ใช้น้ำ
เสียงหนักแน่น เน้นแต่ไม่ห้วน
4. “อกของใครจะอาภัพยับพิกลเหมือนอกมัทรีไม่มีเนตร น่าที่จะสงสารสังเวชโปรด
ปรานี ว่ามัทรีนี้เป็ นเพื่อนยากอยู่จริงๆ ช่างค้อนติงปริภาษณาได้ลงคอไม่คิดเลย
พระคุณเอ่ยถึงพระองค์จะสงสัยก็น้ำใจของมัทรีนี้กตเวที เป็ นไม้เท้าก้าวเข้าสู่ทางที่
ทดแทน รามํ สีดาวนุพพตา อุปมาเหมือนสีดาอันภักดีต่อสามีรามบัณฑิ ต ปาน
ประหนึ่งว่าศิษย์กับอาจารย์ พระคุณเอ่ยเกล้ากระหม่อมฉานทำผิดแต่เพียงนี้ เพราะว่า
ล่วงราตรีจึงมีโทษ ขอพระองค์จงทรงพระกรุณาโปรดซึ่งโทษานุโทษกระหม่อมฉัน
มัทรี แต่ครั้งเดียวนี้เถิด”
ข้อความนี้เป็ นเนื้อความประเภทใด มีวิธีการอ่านอย่างไร
ข้อความนี้เป็ นเนื้อความแสดงการตัดพ้อต่อว่า มีวิธีการอ่าน คือ น้ำเสียงต่ำ
เน้นบ้าง สบัดเสียงบ้าง
ชื่อ-สกุล ชั้น ม.5/ เลขที่
แผนการเรียนรู้ที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 13 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง อ่านออกเสียงสำเนียงเสนาะ (โคลง)
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท๑.๑ ม.4-6/1
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทโคลงได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและ
เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ต้องมีความรู้เกี่ยวกับหลักการอ่าน
อธิบายหลักการอ่านออก อ่านออกเสียงบทร้อยกรอง มีมารยาทในการ
เสียงบทร้อยกรอง อ่าน (A)
ประเภทโลงได้อย่างถูกต้องและ
ประเภทโคลงได้ (K) เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน (P)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน(วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ)
ขั้นนำ 1. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่องบทร้อยกรองประเภทโคลง จากนั้นให้นักเรียนยกตัวอย่างโคลง
จากเรื่อง ลิลิตพระลอ 2. นักเรียนฟังการอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลง จากวิดีโอที่ครูเปิ ดให้ฟัง
(10 นาที)
3. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิดว่า “การศึกษาเรื่องบทร้อยกรองประเภทโคลง เป็ นผลดีต่
นักเรียนอย่างไร”
1. นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันศึกษาความรู้ การอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลง จากหนังสือเรียน
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำใบงานที่ 1.4 เรื่อง การอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลง โดยให้
ขั้นกิจกรรม สมาชิกในแต่ละกลุ่มจับคู่กันเป็ น 2 คู่ แล้วให้แต่ละคู่ปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้
(40 นาที) - สมาชิกคนที่ 1 อ่านคำถาม เขียนคำตอบ - สมาชิกคนที่ 2 เป็ นฝ่ ายสังเกต ตรวจสอบคำตอบ
3. ให้แต่ละคู่นำคำตอบของคู่ตนเองมานำเสนอให้เพื่อนอีกคู่หนึ่งฟัง เพื่อช่วยกันตรวจสอบความ
ถูกต้อง แล้วเขียนลงในใบงานที่ 1.4
4. ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอคำตอบ ครูตรวจสอบความถูกต้อง
ขั้นสรุป 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มจับคู่เดิมฝึ กอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลง จากหนังสือเรียน
(10 นาที) โดยผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่จากผู้อ่านมาเป็ นผู้สังเกตและตรวจสอบ และจากผู้สังเกต
และตรวจสอบ มาเป็ นผู้อ่าน
2. เมื่อนักเรียนแต่ละคู่อ่านได้แล้วให้มาทดสอบการอ่านกับครูนอกเวลาเรียน เพื่อให้ครู
ประเมินผล
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถในการสื่อสาร ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
สื่อมี/วแินัยห,ล่ใฝง่เกรียานรรเู้,รีรยักคนวราูม้ เป็ นไทย
บันทึกหลังการสอน
วิดีโอทำนองเสนาะจากเรื่อง
ลิลิตพระลอ ……………………………………………………
…………………………………………………...
หนังสือเรียน ภาษาไทย ……………………………………………………
หลักภาษาฯ ม.5 …………………………………………………...
Presentations เรื่อง การอ่านบทร้อยกรอง
ประเภทโคลง (นางสาวธัญญา ดาทอง)
ครูผู้สอน
ช่องทางการส่งงานและแบ่งปันความรู้
ภาระงาน/ชิ้นงาน
ใบงานที่ 1.4 เรื่อง การอ่านบทร้อยกรอง
ประเภทโคลง
ใบงานที่ 1.4 กลวิธีการอ่านบทร้อยกรอง
ประเภทโคลง
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. การอ่านโคลงให้ได้อรรถรสและอารมณ์ สะเทือนใจ ผู้อ่านต้องมีความรู้ในเรื่องใด
2. วิธีการอ่านที่น้ำเสียงของผู้อ่านไม่มีพลังยกระดับเสียงขึ้นสูงได้ จะมีวิธีการ
แก้อย่างไร
3. วิธีการอ่านให้ถูกสำเนียงและอารมณ์ คืออะไร
4. วิธีการอ่านทอดเสียงตอนจบ คืออะไร
ชื่อ-สกุล ________________________ ชั้น ม.5/___ เลขที่___
เฉลย ใบงานที่ 1.4 กลวิธีการอ่านบทร้อยกรอง
ประเภทโคลง
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. การอ่านโคลงให้ได้อรรถรสและอารมณ์ สะเทือนใจ ผู้อ่านต้องมีความรู้ในเรื่องใด
ความหมายของคำ เนื้อหาของโคลง และวิธีการอ่าน
2. วิธีการอ่านที่น้ำเสียงของผู้อ่านไม่มีพลังยกระดับเสียงขึ้นสูงได้ จะมีวิธีการ
แก้อย่างไร
ต้องรู้จักหลบเสียงให้เข้ามาอยู่ในขอบเขตของเสียงตนเองและต้องอ่านให้ตรง
กับระดับเสียงของคำ
3. วิธีการอ่านให้ถูกสำเนียงและอารมณ์ คืออะไร
ผู้อ่านต้องปรับเสียงให้เข้ากับบทประพันธ์ที่มีความหมายและความไพเราะอย่าง
เหมาะสม เพื่อให้ผู้ฟังคล้อยตาม และเกิดภาพพจน์ เกิดอารมณ์ ร่วม ผู้อ่านต้อง
สามารถปรับเสียงให้หนักให้เบาให้ดี และให้เร็วเหมาะสมกับเนื้อหาของโคลง
4. วิธีการอ่านทอดเสียงตอนจบ คืออะไร
การผ่อนเสียงให้แผ่วลงตำแหน่งที่ทอดเสียง คือ คำท้ายวรรค คำส่งหรือรับ
สัมผัส คำท้ายบท คำสร้อย และคำแบ่งจังหวะ เมื่อจบตอนที่อ่านต้องชะลอ
จังหวะให้ช้าลงกว่าเดิม แล้วทอดเสียงยาวกว่าทุกครั้งตรงคำรองสุดท้ายและ
คำสุดท้าย เพื่อให้ผู้ฟังรู้ว่าอ่านจบแล้ว
ชื่อ-สกุล ________________________ ชั้น ม.5/___ เลขที่___
แผนการเรียนรู้ที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 13 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง อ่านออกเสียงสำเนียงเสนาะ (ฉันท์ )
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท๑.๑ ม.4-6/1
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทฉันท์ได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและ
เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ต้องมีความรู้เกี่ยวกับหลักการอ่าน
อธิบายหลักการอ่านออก อธิบายหลักการอ่านออกเสียง มีมารยาทในการ
เสียงบทร้อยกรองประเภท บทร้อยกรองประเภทฉันท์ ได้ อ่าน (A)
ฉันท์ได้อย่างถูกต้อง (K) อย่างถูกต้อง (P)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน
ขั้นที่ 1 1. นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การอ่านบทร้อยกรองประเภทฉันท์ จากหนังสือเรียน
สังเกตรับรู้ และทำ Mind Mapping สรุปความรู้ลงในสมุด
2. ครูให้นักเรียนฟังการอ่านบทร้อยกรองประเภทฉันท์ จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ แล้วสังเกตว่าการ
(20 นาที)
อ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทฉันท์ที่ถูกต้องไพเราะน่าฟัง มีลีลา ตามเนื้อหาอารมณ์ นั้นทำอย่างไร
ขั้นที่ ๒ 1. นักเรียนอ่านออกเสียงบทร้อย ขั้นที่ ๓ ทำเอง ครูให้นักเรียนฝึ กอ่าน
ทำตามแบบ กรองประเภทฉันท์ ตามตัวอย่าง โดยไม่มีแบบ บทร้อยกรองประเภทฉันท์
จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ จากเอกสารประกอบการ
(20 นาที) 2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้น (20 นาที)
ความคิด “นักเรียนคิดว่า บทอ่าน เรียน โดยไม่ต้องฟังตัวอย่าง
เป็ นการฝึ กให้อ่านเองตั้งแต่
อีทิสังฉันท์ 20 ให้ความรู้สึก ต้นจนจบ
อย่างไร เพราะเหตุใด”
ขั้นที่ ๔ ฝึ ก นักเรียนแต่ละคนเลือกบทร้อยกรองประเภทฉันท์ที่สนใจ คนละ 2 ประเภท จาก
ทำให้ชำนาญ นั้นฝึ กอ่านให้เกิดความชำนาญ จนสามารถอ่านได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วไปทดสอบการ
อ่านกับครูนอกเวลาเรียนหรืออัปลง Google Classroom เพื่อให้ครูประเมินผล
(10 นาที)
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถทางการสื่อสาร ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้ บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
วิดีโออ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ……………………………………………………
ประเภทฉันท์ …………………………………………………...
หนังสือเรียน ภาษาไทย (นางสาวธัญญา ดาทอง)
หลักภาษาฯ ม.5 ครูผู้สอน
Presentation เรื่อง อ่านออกเสียงร้อยแก้ว
ภาระงาน/ชิ้นงาน
-
แผนการเรียนรู้ที่ 7 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 13 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง อาขยานและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท๑.๑ ม.4-6/1
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทร่ายได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและ
เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน ต้องมีความรู้เกี่ยวกับหลักการอ่าน
อธิบายหลักการอ่านออก อ่านออกเสียงบทร้อยกรอง มีมารยาทในการ
เสียงบทร้อยกรอง อ่าน (A)
ประเภทร่ายได้อย่างถูกต้องและ
ประเภทร่ายได้ (K) เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน (P)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน
ขั้นนำ 1. ครูใช้คำถามกระตุ้นความคิดว่า นักเรียนเคยได้ยินเรื่อง ป่ าหิมพานต์
(10 นาที) หรือไม่ อย่างไร ให้นักเรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็น
ขั้นกิจกรรม ๑. ครูให้นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง การอ่านบทร้อยกรองประเภท
(40 นาที) ร่าย (กลุ่มเดิมจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑)
๒. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปความรู้เป็ น Mind Mapping เรื่อง
การอ่านบทร้อยกรองประเภทร่าย
ขั้นสรุป 1.ครูสรุปเพิ่มเติมจาก Presentation เรื่อง การอ่านบทร้อย
(10 นาที) กรองประเภทร่าย
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายกับครูเพิ่มเติม
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถในการสื่อสาร ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, รักความเป็ นไทย บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
หนังสือเรียน ภาษาไทย ……………………………………………………
หลักภาษาฯ ม.5 …………………………………………………...
Presentations เรื่อง การอ่านบทร้อยกรอง
ประเภทร่าย (นางสาวธัญญา ดาทอง)
ช่องทางการส่งงานและแบ่งปันความรู้ ครูผู้สอน
ภาระงาน/ชิ้นงาน
Mind Mapping การอ่านบทร้อยกรอง
ประเภทร่าย
แผนการเรียนรู้ที่ 8 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 13 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง ร่วมด้วยช่วยกันวิเคราะห์ วิจารณ์
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท๑.๑ ม.4-6/1
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอ่านจับใจความจากสื่อต่าง ๆ ต้องรู้หลักในการวิเคราะห์ วิจารณ์
แสดงความคิดเห็น โต้แย้งและเสนอความคิดใหม่อย่างมีเหตุผล
บอกหลักการอ่านเพื่อการ อ่านเพื่อการวิเคราะห์ มีมารยาทใน
วิเคราะห์ วิจารณ์ ได้ (K) วิจารณ์ ได้ (P) การอ่าน (A)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)
ขั้นที่ ๑ กระตุ้นความสนใจ 5 นาที ขั้นที่ ๒ สำรวจค้นหา 5 นาที
๑. ครูขึ้นแฮชแท็กในทวิตเตอร์ คือ #millicoachella 1. ครูแบ่งนักเรียนเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตาม
แล้วให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า การวิจารณ์ คือ ความสามารถ
อะไร แล้วการวิจารณ์ ที่ดีมีลักษณะอย่างไร นั2้น. คจะรูตช้ีอ้แงจองาใศหั้ยนผักลเจรีายกนกทารราร่บวมว่ามืคอกวัานมแสลำะเชร่็จวยขเอหงลกือลุ่กมัน
๒. ครูแจกบทความเกี่ยวกับการวิจารณ์ วรรณกรรมให้ 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การ
นักเรียนอ่าน จากนั้นร่วมกันแสดงความคิดเห็นต่อ อ่านเพื่อการวิเคราะห์ วิจารณ์ จากหนังสือเรียน และ
บทความที่อ่าน แหล่งข้อมูลสารสนเทศ
๓. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด นักวิจารณ์ 4. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด ถ้านักเรียนจะ
วรรณกรรมมีบทบาทต่อนักเขียนในปัจจุบันหรือไม่ เป็ นนักวิจารณ์ วรรณกรรม นักเรียนจะต้องปฏิบัติ
อย่างไร อย่างไร
ขั้นที่ ๓ อธิบายความรู้ 20 นาที ขั้นที่ ๔ ขยายความเข้าใจ 20 นาที ขั้นที่ ๕ ตรวจสอบผล 10 นาที
1. สมาชิกแต่ละกลุ่มนำผล 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำ 1. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียน 1-2
การศึกษาความรู้มาถ่ายทอด ใบงานที่ ๑.5 เรื่อง หลักการอ่าน กลุ่ม นำเสนอคำตอบในใบงานที่
แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่ม เพื่อการวิเคราะห์ วิจารณ์ ๑.๖ จากนั้นสุ่มนักเรียนกลุ่มอื่น
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกัน 2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้น ตรวจสอบความถูกต้อง
สรุปองค์ความรู้เรื่อง การอ่าน ความคิด นักเรียนมีคำแนะนำให้ 2. ครูตรวจสอบความถูกต้อง จาก
เพื่อการวิเคราะห์ วิจารณ์ แก่ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้ แต่ นั้ นให้ตัวแทนนักเรียนเก็บ
สนใจเรื่องการวิจารณ์ รวบรวมใบงานที่ ๑.5 ส่งครู
วรรณกรรมอย่างไร
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถในการสื่อสาร, ผลงานนักเรียน
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต การให้ความร่วมมือ
การเข้าชั้นเรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
บันทึกหลังการสอน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, รักความเป็ นไทย
……………………………………………………
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ …………………………………………………...
……………………………………………………
บทวิจารณ์ วรรณกรรม …………………………………………………...
เรื่อง เวลาในขวดแก้ว
Presentations เรื่อง หลักการอ่านเพื่อ (นางสาวธัญญา ดาทอง)
วิเคราะห์ วิจารณ์ ครูผู้สอน
ช่องทางการส่งงานและแบ่งปันความรู้
ภาระงาน/ชิ้นงาน
ใบงานที่ ๑.๖ เรื่อง หลักการอ่านเพื่อการ
วิเคราะห์ วิจารณ์
ใบงานที่ 1.5
หลักการอ่านเพื่อการวิเคราะห์ วิจารณ์
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. การอ่านเพื่อการวิเคราะห์ หมายถึงอะไร
2. การวิเคราะห์ เรื่องที่อ่าน มีความสำคัญอย่างไร
3. การวิจารณ์ หมายถึงอะไร
ชื่อ-สกุล : ชั้น เลขที่
เฉลย ใบงานที่ 1.5
หลักการอ่านเพื่อการวิเคราะห์ วิจารณ์
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. การอ่านเพื่อการวิเคราะห์ หมายถึงอะไร
การอ่านเพื่อแยกแยะข้อความที่อ่านอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ทราบถึงโครงสร้าง
องค์ประกอบ หลักการและเหตุผลของเรื่อง จนสรุปได้ว่าแต่ละส่วนเป็ น
อย่างไร สัมพันธ์กันอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้เห็น
ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดสิ่งนั้นหรือเรื่องนั้น ๆ
2. การวิเคราะห์ เรื่องที่อ่าน มีความสำคัญอย่างไร
1. ช่วยให้เห็นภาพรวมและรายละเอียดของเรื่องที่อ่าน
2. ช่วยให้เข้าใจเรื่องนั้นอย่างแท้จริง
3. ช่วยพัฒนาสติปัญญา เพราะต้องใช้เหตุผลในการอธิบายแง่มุมต่าง ๆ
3. การวิจารณ์ หมายถึงอะไร
ความหมายที่หนึ่ง คือ การให้คำตัดสินสิ่งที่เป็ นศิลปกรรมหรือวรรณกรรม
โดยผู้มีความรู้เชื่อถือได้ว่ามีค่าความงาม ความไพเราะดีอย่างไร หรือมีข้อ
ขาดตกบกพร่องอย่างไรบ้าง
ความหมายที่สอง คือ การติชม
ชื่อ-สกุล : ชั้น เลขที่
แผนการเรียนรู้ที่ 9 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 13 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี เวลา ๒ ชั่วโมง
เรื่อง ร่วมด้วยช่วยกันวิเคราะห์ วิจารณ์
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท๑.๑ ม.4-6/3, ม.4-6/4
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอ่านจับใจความจากวรรณคดีในบทเรียน ทำให้สามารถวิเคราะห์
วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น โต้แย้งและเสนอความคิดใหม่อย่างมีเหตุผล
บอกหลักการอ่านเพื่อการ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิด มีมารยาทใน
วิเคราะห์ วิจารณ์ ได้ (K) การอ่าน (A)
เห็น โต้แย้งเกี่ยวกับวรรณคดีใน
บทเรียน และเสนอความคิดใหม่
อย่างมีเหตุผลได้ (P)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน วิธีสอนแบบ กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ ๒ อธิบาย 20 นาที ขั้นที่ ๓ รับฟัง 10 นาที
นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกัน
ขั้นที่ ๑ สังเกต 20 นาที 1. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่อง มหา อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิด
เวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี จากนั้น เห็นว่า เรื่อง มหาเวสสันดร
๑. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6-7 คน ถามนักเรียนว่า เป็ นวรรณกรรม ชาดก กัณฑ์ มัทรี มีความ
2. นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันศึกษา ประเภทใด ใครเป็ นผู้แต่ง และมีจุด เหมาะสมหรือขัดแย้งกัน รูป
ความรู้เรื่อง การอ่านเพื่อวิเคราะห์ มุ่งหมายในการแต่งอย่างไร แบบคำประพันธ์เหมาะสมกับ
วิจารณ์ วรรณคดีและวรรณกรรม และ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแสดง เนื้อหาหรือไม่
ตัวอย่างการวิเคราะห์ วิจารณ์ วรรณคดีใน ความคิดเห็นว่า เมื่ออ่านเรื่อง มหา
บทเรียน เวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี แล้วมี
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านเรื่อง มหา ความรู้สึกอย่างไร
เวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี จากหนังสือ
เรียน วรรณคดีและวรรณกรรม ม.5
ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ ๕ วิจารณ์ 30 นาที ขั้นที่ 6 สรุป 10 นาที
ขั้นที่ ๔ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ 20 นาที นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยว
1. ๑นั.6กเMรียinนdแMต่aลpะpกiลnุ่มgรเ่วรืม่อกงันกทารำใบงาน กับการวิเคราะห์ วิจารณ์ วรรณคดี
ครูให้นักเรียนดูวิดีโอส่วน ที่ ในบทเรียน เรื่อง มหาเวสสันดร
หนึ่งจากเรื่อง นักเรียนแต่ละ วิเคราะห์ วิจารณ์ วรรณคดีในบทเรียน ชาดก กัณฑ์ มัทรี
กลุ่มเปรียบเทียบความรู้สึกของ เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี
คนที่เป็ นแม่ เมื่อรู้ว่าลูกหายไป เมื่อทำเสร็จแล้วให้ตรวจสอบความ
แล้วจะทำอย่างไรเมื่อรู้ว่าสามียก เรียบร้อยแล้วนำส่งครูตรวจ
ลูกให้ขอทานไปแล้ว จะทำใจ 2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความ
ยอมรับสภาพนั้ นได้หรือไม่ คบหิ้ญาดิงงหนอัรกืยอ่เาไรงีมย่นนอาคยงิ่าดมังทวไ่ารรีใยนังมสีัหงคลมงเปหัจลืจอุบอันยู่ผู้
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถในการสื่อสาร, ผลงานนักเรียน
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต การให้ความร่วมมือ
การเข้าชั้นเรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
บันทึกหลังการสอน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, รักความเป็ นไทย
……………………………………………………
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ …………………………………………………...
……………………………………………………
ใบงานที่ ๑.6 Mind Mapping จากเรื่อง …………………………………………………...
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี
Presentations เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก
กัณฑ์ มัทรี
ช่องทางการส่งงานและแบ่งปันความรู้
ภาระงาน/ชิ้นงาน (นางสาวธัญญา ดาทอง)
ครูผู้สอน
ใบงานที่ ๑.6 Mind Mapping จากเรื่อง
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี
ใบงานที่ 1.6 Mind Mapping
จากเรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
คำชี้แจ้ง ให้นักเรียนวิเคราะห์ วิจารณ์ วรรณคดีเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก
กัณฑ์ มัทรีดังหัวข้อต่อไปนี้ ให้เป็ น Mind Mapping หรือ Flow Chart
- รูปแบบการประพันธ์
- ประวัติผู้แต่ง
- จุดมุ่งหมายในการแต่งและที่มาของเรื่อง
- องค์ประกอบของเรื่อง
- เนื้อหา
- พฤติกรรมของเรื่องตัวละคร
- แก่นของเรื่อง
- ข้อคิดเห็นที่มีต่อเรื่อง
ชื่อ-สกุล ชั้น เลขที่
แผนการเรียนรู้ที่ 10 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 13 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง การแต่งคำประพันธ์ ประเภทร่าย
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท4.๑ ม.4-6/4
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การแต่งคำประพันธ์ประเภทร่าย ต้องมีความรู้เกี่ยวกับฉันทลักษณ์
และกลวิธีในการแต่ง
บอกหลักการแต่งคำ แต่งคำประพันธ์ประเภท มีมารยาทใน
ประพันธ์ประเภทร่ายได้ (K) ร่ายได้ (P) การเขียน (A)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)
ขั้นที่ ๑ กระตุ้นความสนใจ 10 นาที ขั้นที่ ๒ สำรวจค้นหา 20 นาที
1. ครูอ่านคำประพันธ์ประเภทร่ายให้ ครูแบ่งนักเรียนเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ 5
นักเรียนฟัง คน โดยเรียงตามลำดับเลขที่ จากนั้นให้
2. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่อง คำประพันธ์ แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การ
ประเภทร่าย จากนั้นถามนักเรียนว่า คำ แต่งคำประพันธ์ประเภทร่าย จากหนังสือ
ประพันธ์ประเภทร่าย มีลักษณะอย่างไร เรียน ห้องสมุด และแหล่งข้อมูล
3. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยว สารสนเทศ
กับคำประพันธ์ประเภทร่าย
ขั้นที่ ๓ อธิบายความรู้ 20 นาที ขั้นที่ ๔ ขยายความเข้าใจ 10 นาที ขั้นที่ ๕ ตรวจสอบผล
1. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มนำ ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วม นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งการแต่ง
ผลการศึกษาความรู้ มาแลก คำประพันธ์ประเภทร่าย ตามที่
เปลี่ยนเรียนรู้กัน ครูอธิบาย กันแต่งคำประพันธ์ประเภทร่าย กลุ่มเลือก ครูตรวจสอบและ
เพิ่มเติมจาก Presentation (นอกเวลา) ส่งใน Google ประเมินงานของนักเรียน
เรื่องการแต่งคำประพันธ์ Classroom โดยเลือกแต่งร่าย
ประเภทร่าย สุภาพหรือร่ายยาว เพื่อใช้เป็ น
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มบันทึก บทสรรเสริญองค์ ผู้ให้กำเนิ ด
ความรู้ลงสมุด อักษรไทย
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถในการสื่อสาร, ผลงานนักเรียน
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต การให้ความร่วมมือ
การเข้าชั้นเรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
บันทึกหลังการสอน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, รักความเป็ นไทย
……………………………………………………
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ …………………………………………………...
……………………………………………………
ห้องสมุด, แหล่งข้อมูลสารสนเทศ …………………………………………………...
Presentations เรื่อง การแต่งคำประพันธ์ (นางสาวธัญญา ดาทอง)
ประเภทร่าย ครูผู้สอน
ช่องทางการส่งงานและแบ่งปันความรู้
ภาระงาน/ชิ้นงาน
แต่งคำประพันธ์ประเภทร่าย
แผนการเรียนรู้ที่ 11 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 13 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ มัทรี เวลา 2 ชั่วโมง
เรื่อง อ่านออกเสียงสำเนียงเสนาะ (ฉันท์ )
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท4.๑ ม.4-6/4
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์ ต้องมีความรู้เกี่ยวกับฉันทลักษณ์ และ
กลวิธีในการแต่ง
บอกหลักการแต่งคำ แต่งคำประพันธ์ มีมารยาทในการ
ประพันธ์ประเภทฉันท์ ได้ ประเภทฉันท์ได้ (P) เขียน (A)
(K)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบัติ
ขั้นที่ 1 1. ครูเปิ ดวิดีโอการอ่านฉันท์ชนิดต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังและสนทนากับนักเรียนเรื่อง คำประพันธ์
สังเกตรับรู้ ประเภทฉันท์
(10 นาที) 2. นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์ และแผนผังการแต่ง
คำประพันธ์ประเภทฉันท์ ทั้ง 5 ชนิด จากหนังสือเรียน
ขั้นที่ ๒ 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกัน ขั้นที่ ๓ ทำเอง ครูให้นักเรียนแต่ละคน
ทำตามแบบ ฝึ กแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์ โดยไม่มีแบบ แต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์
โดยเลือกชนิ ดของฉันท์ ตามที่สมาชิก พรรณนาความงาม ความยาว 2
(20 นาที)
(20 นาที) กลุ่มมีความสนใจ แล้วฝึ กเขียนตาม บท โดยเลือกชนิดของฉันท์ที่
ตัวอย่างที่ได้ศึกษา จากหนังสือเรียน ไม่ซ้ำกับการแต่งในขั้นที่ 2
เป็ นการฝึ กให้นักเรียนแต่งเอง
2. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ โดยไม่ต้องดูตัวอย่าง
แต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์
ขั้นที่ ๔ ฝึ ก 1. นักเรียนแต่ละคนแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์ที่มีจังหวะสนุกสนาน มีชีวิตชีวา
ทำให้ชำนาญ กระชุ่มกระชวย บรรยายการเดินทางมาโรงเรียน 2 บท เป็ นการฝึ กแต่งให้เกิดทักษะและความ
ชำนาญ เป็ นการบ้านแล้วนำส่งครูในชั่วโมงเรียนถัดไป
(10 นาที)
2. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 1
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถทางการสื่อสาร ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้ บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
Plicker แบบทดสอบหลังเรียนท้าย ……………………………………………………
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ …………………………………………………...
หนังสือเรียน ภาษาไทย (นางสาวธัญญา ดาทอง)
หลักภาษาฯ ม.5 ครูผู้สอน
Presentation เรื่อง การแต่งคำประพันธ์
ประเภทฉันท์
ภาระงาน/ชิ้นงาน
- แต่งคำประพันธ์ ประเภทฉันท์
แผนการเรียนรู้ที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 5 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เขียนร้อยถ้อยคำ เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง หลักการเขียนย่อความ
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท2.๑ ม.4-6/3
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การเก็บใจความสำคัญของเรื่องมาเรียบเรียงใหม่
ให้สั้นกว่าเดิมแต่มีใจความสำคัญ ครบถ้วนสมบูรณ์
อธิบายหลักการเขียน เขียนย่อความได้ (P) มีมารยาทใน
ย่อความได้ (K) การเขียน (A)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน
ขั้นนำ ๑. ครูตั้งคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า นักเรียนเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไม
โรงเรียนหรือสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในประเทศต้องมีชื่อย่อ เพื่อเรียกด้วย
(10 นาที) 2. หลังจากนั้นให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนผ่าน Plicker
ขั้นกิจกรรม ๑. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็ น ๔ กลุ่ม คละตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลาง
(40 นาที) และอ่อน ให้มีอยู่ในทุกกลุ่ม
๒. ให้นักเรียนแต่กลุ่มศึกษาใบความรู้ เรื่องการเขียนย่อความ จากนั้นสรุปองค์
ความรู้ของแต่ละกลุ่ม พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
๓. นักเรียนทำใบงานที่ ๒.๑ เรื่อง หลักการเขียนย่อความ ลงในสมุด
ขั้นสรุป ๑. ครูสุ่มนักเรียนออกมานำเสนอใบงานที่ ๒.๑ หน้าชั้นเรียน ให้เพื่อน
(10 นาที) ช่วยกันแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้
๒. ครูสรุปความรู้เพิ่มเติมให้กับนักเรียนจาก Presentation เรื่อง
หลักการเขียนย่อความ
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถทางการสื่อสาร ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้ บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
Plicker แบบทดสอบก่อนเรียน ……………………………………………………
เรื่อง การเขียนย่อความ …………………………………………………...
หนังสือเรียน ภาษาไทย (นางสาวธัญญา ดาทอง)
หลักภาษาฯ ม.5 ครูผู้สอน
ใบความรู้ เรื่อง การเขียนย่อความ
Presentation เรื่อง การเขียนย่อความ
ภาระงาน/ชิ้นงาน ใบงานที่ 2.1 เรื่อง หลักการ
เขียนย่อความ
ใบความรู้เรื่อง การเขียนย่อความ
การย่อความ เป็ นการจับใจความสำคัญของเรื่อง แล้วนำใจความสำคัญของเรื่องมา
เรียบเรียงใหม่ ให้เป็ นสำนวนภาษาของผู้ย่อเอง โดยเขียนให้ถูกต้องตามรูปแบบของย่อ
ความการย่อความที่ดี ผู้ย่อต้องอ่านเรื่องให้เข้าใจและจับใจความสำคัญให้ได้แล้วนำใจความ
สำคัญ มาเรียบเรียงใหม่ ให้สั้นด้วยถ้อยคำที่สละสลวย กระชับ เข้าใจง่าย ได้ใจความถูก
ต้องตามเนื้อเรื่องเดิม
ใจความสำคัญคือ ประโยคหรือข้อความสำคัญของย่อหน้า ถ้าตัดส่วนหน้าของข้อความ
นั้นออกจะทำให้เสียความ ประโยคใจความสำคัญ อาจจะอยู่ตอนต้นของย่อหน้า ตอนกลาง
ย่อหรือท้ายย่อหน้ า
พลความ คือ ข้อความที่เป็ นส่วนขยายความ หากตัดข้อความส่วนนั้นออก ก็ยังคง
ใจความสำคัญ ลักษณะของพลความ จะเป็ นการบอกรายละเอียดหรือคำนิยามความหมาย
การยกตัวอย่างประกอบ การเปรียบเทียบด้วยสำนวนโวหารหรือการอ้างข้อมูลอ้างอิงเป็ น
สถิติ หลักฐาน
ชนิดของการย่อความและการสรุปความ โดยทั่วไปแล้วการย่อความและสรุปความมี
๓ ชนิด คือ
๑. การย่อความและการสรุปความจากการอ่านบทร้อยกรอง เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์
กลอน ฯลฯ
๒. การย่อความและการสรุปความจากการอ่านบทร้อยแก้ว คือ การย่อความและการ
สรุปความของความเรียงต่าง ๆ เช่น บทความ เรื่องสั้น นิทาน จดหมาย เรื่องเล่า และ
สารคดี ฯลฯ
๓. การย่อความและสรุปความที่ได้จากการฟัง ทั้งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง เช่น ย่อ
ข่าว ย่อบท
ร้อยกรอง ย่อคำปราศรัย ย่อการอภิปรายหรือการสัมมนา ย่อการฟังเรื่องเล่าต่าง ๆ จากบท
ร้อยแก้ว และบทร้อยกรอง ฯลฯ
หลักการย่อความแบบของย่อความ แบ่งเป็ น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่เป็ นคำนำ เป็ นส่วนที่
เขียนในย่อหน้าแรก เพื่อให้ผู้อ่านทราบที่มาของเรื่อง ว่าเป็ นเรื่องประเภทใด หากไม่มีชื่อ
เรื่อง ผู้ย่อต้องตั้งชื่อเรื่องด้วย ส่วนที่ ๒ เป็ นใจความสำคัญของเรื่อง คือส่วนที่นำเนื้อหามา
เรียบเรียงแล้วตามวิธีการเขียนย่อความ ต้องเขียนให้เป็ นย่อหน้าเดียว
๑. การย่อความต้องเก็บใจความสำคัญของเรื่องให้ครบ และเรียบเรียงโดยใช้สำนวน
ภาษาที่ถูกต้อง
2. ข้อความที่มีเนื้อหาเป็ นข้อ ๆ ต้องเรียบเรียงให้เป็ นความเรียง
3. การเก็บความสำคัญของเรื่องจะต้องคำนึงถึงสาระต่อไปนี้ใคร เมื่อใด อย่างไร
ใจความสำคัญ คืออะไร แล้วนำมาเขียนเป็ นสำนวนของตนเอง เน้นการใช้คำที่มีความหมาย
กระชับ ตรงไปตรงมาและไม่ใช้อักษรย่อ
๔. เปลี่ยนสรรพนามในเรื่อง เช่น ฉัน ผม ข้าพเจ้า คุณ เธอ เปลี่ยนเป็ น พระองค์
ท่าน เขา ฯลฯ
๕. คำศัพท์หรือคำศัพท์เฉพาะทางวิชาการ ควรเปลี่ยนเป็ นคำธรรมดาที่ทุกคนเข้าใจ
ยกเว้น คำราชาศัพท์
๖. การย่อจดหมายซึ่งมีรายละเอียดอยู่ที่ข้อความที่เริ่มต้นละให้ย่อแต่ใจความของ
เนื้อหาจดหมาย
(กระทรวงศึกษาธิการ.๒๕๔๙ : ๗๘)
๑. การเขียนคำนำในย่อความ
๑.๑. ย่อความจากบทร้อยกรอง บอกประเภทของคำประพันธ์ ชื่อเรื่อง ชื่อผู้แต่ง ที่มาของ
(หนังสืออะไร หน้าที่เท่าใด) รูปแบบดังนี้
ย่อความ.......(กลอนบทละคร กลอนสุภาพ กาพย์ โคลง ร่าย ฉันท์) เรื่อง...................ของ
.......................ตอน......................จาก..............................หน้า.............. ความว่า
๑.๒. ย่อความจากความเรียงร้อยแก้ว บอกประเภทของความเรียงร้อยแก้ว ชื่อเรื่อง ผู้
แต่ง จาก หนังสืออะไร หน้าที่เท่าใด รูปแบบดังนี้
ย่อความ (บทความ สารคดี นิทาน นิยาย) อื่น ๆ เรื่อง.............ของ................................
จากวารสาร.........................ปี ที่...............ฉบับที่.........หน้า......ถึงหน้า..............ความว่า
๑.๓. ย่อความจากประกาศ แจ้งความ แถลงการณ์ ระเบียบคำสั่งการ กำหนดการ บอก
ชื่อประเภทของประกาศ เรื่องอะไร ของใคร ให้แก่ใคร วันเดือนปี ที่ออก ดังนี้
ย่อความ (ประกาศ แจ้งความ แถลงการณ์ ระเบียบคำสั่ง กำหนดการ)...........เรื่อง.............
ของ............................ลงวันที่.........................................ความว่า
๑.๔. ย่อความจากพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท โอวาท ปาฐกถา สุนทรพจน์ คำ
ปราศรัย ระบุว่าเป็ นพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท ของใคร แสดงแก่ใคร เรื่องอะไร ใน
โอกาสใด แสดง ณ สถานที่ใด เมื่อใด เมื่อไร ดังนี้
ย่อความ (พระบรมราโชวาท โอวาท ปาฐกถา สุนทรพจน์ คำปราศรัย) ของ.......................
พระราชทานแก่......................เรื่อง...........................................ในโอกาส........................
ณ....................เมื่อวันที่..............................ความว่า
๑.๕. ย่อความที่เป็ นจดหมาย ระบุว่าเป็ นจดหมายของใคร ถึงใคร เรื่องอะไร ลงวันที่
เท่าไร ดังนี้
ย่อความจดหมายของ......................ถึง.............................เรื่อง.............................ลงวันที่
.......................ความว่า
๑.๖. ย่อความจากหนังสือราชการระบุว่าเป็ นหนังสือราชการของใคร ถึงใคร เรื่อง
อะไร เลขที่เท่าไร ลงวันที่เท่าไร ดังนี้
ย่อความหนังสือราชการของ..........................ถึง.....................เรื่อง.................................
เลขที่....................................ลงวันที่............................................ความว่า
๒. การย่อเนื้อเรื่อง อ่านเนื้อเรื่องให้จบ จับใจความสำคัญไว้ทิ้งพลความไป โดยไม่
เสียใจความ ความให้สละสลวย หากผู้ย่อต้องการความมั่นใจในการค้นหาใจความสำคัญ
ของแต่ละย่อหน้า อาจใช้หลัก ๕W ๑H กล่าวคือ นำข้อความในเรื่องมาตอบคำถามให้ได้ว่า
ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ทำไมและอย่างไร หากเรื่องที่ต้องการย่อ เป็ นร้อยกรองให้ถอด
คำประพันธ์ก่อน แล้วหาคำ ประโยค ข้อความ ใจความสำคัญ นำมาเรียบเรียงให้สละสลวย
ตรงตามเรื่องเดิม ดังตัวอย่าง
ไทยรวมกำลังตั้งมั่น
ไทยรวมกำลังตั้งมั่น จะสามารถป้ องกันขันแข็ง,
ถึงแม้ศัตรูผู้มีแรง มายุทธ์แย้งก็จะปลาตไป
ขอแต่เพียงไทยเราอย่าผลาญญาติ; ร่วมชาติร่วมจิตเป็ นข้อใหญ่;
ไทยอย่ามุ่งร้ายทำลายไทย, จงพร้อมใจพร้อมกำลังระวังเมือง.
ให้นานาภาษาเขานิ ยม ชมเกียรติยศฟูเฟื่ อง;
ช่วยกันบำรุงความรุ่งเรือง ให้ชื่อไทยกระเดื่องทั่ วโลกา.
ช่วยกันเต็มใจใฝ่ ผดุง บำรุงทั้งชาติศาสนา
ให้อยู่จนสิ้นดินฟ้ า วัฒนาเถิดไทย,ไชโย!
(พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว๒๕๓๗)
ถอดความได้ว่า
เมื่อใดที่คนไทยพร้อมใจกันรวมกำลังให้มั่นคงแข็งแรง อย่าแตกความสามัคคี
อย่าทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง เมื่อนั้นคนไทยก็สามารถป้ องกันข้าศึกที่จะเข้ามารุกราน
ประเทศได้ คนไทยต้องร่วมมือรวมพลังใจ ให้เป็ นหนึ่งเดียว เป็ นพลังหลักอันสำคัญ
ของชาติ หมั่นทำนุบำรุงประเทศชาติและพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ก้องไปทั่วโลก
นานาประเทศก็จะสรรเสริญยกย่องยอมรับและชื่นชมชาวไทยและประเทศไทยไปตราบ
ชั่วกาลนาน
หาคำ ประโยค ข้อความที่เป็ นใจความของข้อความนี้จะได้ว่า คนไทยมั่นคงเข้ม
แข็งอย่าแตก ความสามัคคีทำนุบำรุงชาติและพระศาสนาเจริญรุ่งเรืองนานาประเทศ
สรรเสริญยกย่องนำมาเขียนเป็ น ใจความที่สละสลวยสมบูรณ์ ตรงตามเนื้อเรื่องเดิม
ดังนี้
คนไทยต้องพร้อมใจกันเข้มแข็งมั่นคงอย่าแตกความสามัคคีกัน อย่าทำร้าย
กันเอง คนไทยก็จะ สามารถป้ องกันข้าศึกใด ๆ ที่เข้ามารุกรานได้ ต้องรวมพลังใจให้
เป็ นพลังหลักอันสำคัญของชาติ ป้ องกันชาติหมั่นทำนุบำรุงประเทศชาติและพระศาสนา
ให้เจริญรุ่งเรืองไปทั่วโลกนานาประเทศก็จะสรรเสริญยกย่องชาว ไทยและ
ประเทศไทยไปตราบชั่วกาลนาน
เมื่อนำวิธีการตั้งและตอบคำถามว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ทำไมและอย่างไร
มาช่วยในการหา ใจความ ของข้อความนี้จะได้ดังนี้
ใคร คนไทย
ทำอะไร เข้มแข็ง มั่นคง สามัคคีอย่าทำร้ายกัน ทำนุบำรุงประเทศและพระศาสนา
ให้รุ่งเรือง
ที่ไหน ในประเทศไทย
เมื่อไร ตลอดชีวิตของคนไทยทุกคน
อย่างไร คนไทยต้องเข้มแข็ง มั่นคง อย่าแตกความสามัคคีกัน อย่าทำร้ายกันเอง
ต้องทำนุบำรุงประเทศและพระศาสนาให้รุ่งเรือง นานาประเทศจะ
สรรเสริญชื่นชมยกย่องชาวไทยและประเทศไทย ตลอดไป
(คู่มือการเรียนการสอนภาษาไทย คิดและเขียนเชิงสร้างสรรค์: เรียงความ ย่อความและสรุปความ ช่วงชั้นที่๒-ช่วงชั้นที่๔)
ใบงานที่ ๒.๑
เรื่องหลักการเขียนย่อความ
คำชี้แจ้ง ให้นักเรียนเขียนแผนผังหลักการเขียนย่อความ
ชื่อ ก ลุ่ ม : _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ ชั้ น _ _ _ _ _ _ _ _ _ เ ล ข ที่ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
แผนการเรียนรู้ที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 5 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เขียนร้อยถ้อยคำ เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง การเขียนย่อความจากสารคดี
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท2.๑ ม.4-6/3
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การเก็บใจความสำคัญของเรื่องมาเรียบเรียงใหม่ ให้สั้นกว่าเดิม
แต่มีใจความสำคัญ ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยใช้ภาษาของตนเอง
อธิบายรูปแบบการ เขียนย่อความสารคดีได้ มีมารยาทใน
(P) การเขียน (A)
เขียนย่อความจาก
สารคดีได้ (K)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน
ขั้นนำ ๑. ครูเปิ ดสารคดีจาก Youtube รายการสารคดีหนังพาไป ตอน มุมไบ ก้าวแรกบน
แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ให้นักเรียนชม เพื่อให้เห็นถึงความหมายของสารคดี
(10 นาที) ๒. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่อง สารคดีประภทต่าง ๆ ว่ามีทั้งหมดกี่ชนิด อะไรบ้าง
๑. ครูและนักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง หลักการเขียนย่อความ พร้อมดูองค์ประกอบของ
การเขียนย่อความ ประเภทสารคดี และบันทึกความรู้ลงสมุด
ขั้นกิจกรรม ๒. ครูยกตัวอย่างการย่อความสารคดี จากรายการ หนังพาไป ๑ เรื่อง ให้นักเรียนดูเป็ น
(40 นาที) ตัวอย่าง หลังจากนั้นให้นักเรียนเขียนย่อความสารคดีลงในสมุด ดังนี้
คำชี้แจง
ให้นักเรียนรับชมสารคดีท่องเที่ยว รายการ หนังพาไปจาก Youtube ตอนใดก็ได้
มาคนละ ๑ เรื่อง จากนั้นเขียนย่อความสารคดีตอนที่นักเรียนดูลงใน Canva หรือ Word
ส่งในกลุ่มเฟซบุ๊ ก
ขั้นสรุป ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ เรื่อง การเขียนย่อความสารคดี
(10 นาที) ๒. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด สารคดีท่องเที่ยวให้ประโยชน์ อะไร
กับนักเรียนบ้าง
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถทางทักษะเทคโนโลยี ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, มุ่งมั่นในการทำงาน บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
ใบความรู้ เรื่อง หลักการเขียน ……………………………………………………
ย่อความสารคดี …………………………………………………...
Presentation เรื่อง การเขียนย่อความ (นางสาวธัญญา ดาทอง)
ครูผู้สอน
Youtube หนังพาไป
ภาระงาน/ชิ้นงาน
เขียนย่อความสารคดี
ใบความร
ู้สารคดี
สารคดี เป็ นงานเขียนสร้างสรรค์เชิงวิชาการ ที่เรียบเรียงขึ้นจากความจริง นำเสนอเรื่องราว ข้อ
เท็จจริง มุ่งให้ความรู้และความเพลิดเพลินแก่ผู้อ่าน ซึ่งผู้เขียนต้องมีการจัดระเบียบความคิดใน
การนำเสนอ รู้จักใช้สำนวนภาษาที่ทันสมัย เร้าความสนใจ เพื่อให้ผู้อ่านมีความรู้สึกอยากติดตาม
สารคดี สารคดีแบ่งได้เป็ น ๓ ประเภทใหญ่ ๆ คือ สารคดีประวัติบุคคล สารคดีท่องเที่ยว และ
สารคดีแนะนำ ซึ่งสารคดีต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน
ความหมาย
สารคดี คือ งานเขียนอย่างสร้างสรรค์ ที่มีลักษณะคล้ายบทความ แต่ไม่ใช่บทความ นักวิชาการ
ได้อธิบายความหมายของสารคดีไว้ต่าง ๆ กัน ดังนี้
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิ ตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ (๒๕๔๖, ๑๑๘๒) ได้ให้ความหมายของสารคดีไว้
ว่า สารคดี (สาระ-) น. เรื่องที่เรียบเรียงข้น จากความจริง ไม่ใช่จินตนาการ เช่น สารคดีท่องเที่ยว
สารคดีชีวประวัติ
ปานฉาย ฐานธรรม (ม.ป.ป., ๕๑) อธิบายว่า “สารคดี คือ การเขียนที่เน้นข้อมูลที่เป็ นความจริง
มากที่สุด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้และความจริง เพื่อให้เกิดคุณค่าทางปัญญา”
ลักษณะของสารคดี
เป็ นเสรื่าอรงคจดรีิงเป็มีนรุงปาแนบเขบียกนารทีน่มำุ่งเใสหน้ผูอ้อท่ีา่นไมไ่เดจ้ราับะลรึู้กสิ่ดง้ตา่นางเนๆื้อทหี่เากิแดลขึะ้นมีใลนีลโาลกการจเึขงเยปี็นนทีข่้สอรมู้าลงคเรวื่อามงราวที่
เพลิดเพลินแก่ผู้อ่าน ซ่งมีความแตกต่างจากงานเขียนประเภทอื่น ๆ ลักษณะของสารคดี มีดังนี้
๑. ความคิดสร้างสรรค์ (creative) ในการเขียนสารคดี ผู้เขียนมีอิสระที่จะใช้ความสามารถใน
การผูกเรื่อง ลำดับตามความต้องการ
๒. ความเป็ นอัตวิสัย (subjectivity) ผู้เขียนสามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก นึกคิดของตน
ให้ผู้อื่นได้ทราย โดยเลือกใช้ภาษาให้เหมาะสม
๓. ความมีสาระ (informativeness) สารคดีเป็ นงานเขียนที่นำเสนอข้อมูล เรื่องราวที่เป็ นเรื่อง
จริง ข้อเท็จจริง ซึ่งความจริงบางเรื่องไม่มีคุณสมบัติพอ ที่จะเขียนเป็ นข่าว แต่สามารถนำมาเขียน
เป็ นสารคดีที่ให้สาระและแง่คิดได้
๔. ความบันเทิง (entertainment) ผู้เขียนมุ่งให้ความรู้ที่น่าสนใจ และความเพลิดเพลินแก่ผู้
อ่าน ซึ่งเป็ นการผ่อนคลายความเครียดจากการอ่านข่าว
๕. ความไม่ล้าสมัย (unperishable) สารคดีนั้น เป็ นงานเขียนที่ไม่ต้องคำนึงถงข้อจำกัดด้าน
เวลา ซึ่งแตกต่างจากข่าวที่ต้องสด รวดเร็วต่อเหตุการณ์
ประเภทของสารคดี
๑. สารคดีประวัติบุคคล
สารคดีประวัติบุคคล แบ่งได้ ๒ ประเภท ได้แก่
๑.๑ สารคดีอัตชีวประวัติ หมายถึง สารคดีที่เจ้าของประวัติเขียนเล่าประวัติและเหตุการณ์ ที่
เกี่ยวข้องกับตนเอง
๑.๒ สารคดีชีวประวัติ หมายถึง สารคดีที่มีผู้อื่นกล่าวถึง อาจเป็ นชีวประวัติรวมหลาย ๆ ชีวิตใน
เล่มเดียว หรืออาจเป็ นชีวประวัติของคนเดียวก็ได้
๒. สารคดีท่องเที่ยว
สารคดีท่องเที่ยว เป็ นสารคดีที่เล่าเรื่องราวการเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ มุ่งให้ความรู้แก่ผู้
อ่านในด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ความเป็ นอยู่ของคน รวมทั้งรายละเอียดปลีกย่อย ที่
เป็ นคู่มือการเดินทาง เช่น เส้นทางการเดินทาง ที่พัก อาหาร ฯลฯ นอกจากนั้นผู้เขียนมักให้ข้อ
สังเกต และแสดงทัศนะต่อสิ่งที่พบเห็นด้วย
๓. สารคดีแนะนำ
สารคดีแนะนำจะมีเนื้อหาหลากหลาย ครอบคลุมการดำเนินชีวิตของมนุษย์ทุกแง่มุม ตั้งแต่เรื่อง
ปัจจัยสี่ การประกอบอาชีพ จนถึงการพักผ่อนหย่อนใจ
ข้อมูลจาก http://www.kruthai40.com/
แผนการเรียนรู้ที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 5 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เขียนร้อยถ้อยคำ เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง การเขียนย่อความจากบทความ
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท2.๑ ม.4-6/3
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การเก็บใจความสำคัญของเรื่องมาเรียบเรียงใหม่ ให้สั้นกว่าเดิม
แต่มีใจความสำคัญ ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยใช้ภาษาของตนเอง
อธิบายรูปแบบการ เขียนย่อความบทความ มีมารยาทใน
วิชาการได้ (P) การเขียน (A)
เขียนย่อความจาก
บทความทางวิชาการได้
(K)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน
ขั้นนำ ๑. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม
๒. ครูและนักเรียนอ่านบทความ เรื่อง Covid-19 ติดซ้ำได้ไหม? หายแล้วต้องทำ
(10 นาที) อย่างไรต่อ ฉีดวัคซีนได้ตอนไหน พร้อมทั้งร่วมกันอภิปรายภายในกลุ่ม
๑. ครูและนักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง หลักการเขียนย่อความ พร้อมดูองค์ประกอบของ
การเขียนย่อความ ประเภทบทความเชิงวิชาการ และบันทึกความรู้ลงสมุด
ขั้นกิจกรรม ๒. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม เลือกบทความที่สนใจมากลุ่มละ ๑ เรื่อง โดย
สืบค้นจากแหล่งสารสนเทศ
(40 นาที) ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำบทความที่เลือกมาเขียนย่อความ หลังจากนั้นส่งตัวแทนกลุ่ม
ออกมานำเสนอการเขียนย่อความจากบทความที่กลุ่มนักเรียนเลือก
๔. มอบหมายให้นักเรียนนำข้อมูลที่ย่อความได้ นำเสนอลงใน Canva เพื่อเก็บผลงานไว้
เป็ น E-Book
ขั้นสรุป ๑. ครูกล่าวชื่นชม พร้อมให้แคำแนะนำนักเรียนแต่ละกลุ่ม
(10 นาที) ๒. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ เรื่อง การเขียนย่อความบทความ
3. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด การย่อความบทความที่น่าสนใจมี
ประโยชน์ อย่างไร
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถทางทักษะเทคโนโลยี ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, มุ่งมั่นในการทำงาน บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
ใบความรู้ เรื่อง หลักการเขียน ……………………………………………………
ย่อความ …………………………………………………...
สร้างสรรค์ชิ้นงาน (นางสาวธัญญา ดาทอง)
ครูผู้สอน
บทความเรื่อง Covid-19 ติดซ้ำได้ไหม? หาย
แล้วต้องทำอย่างไรต่อ ฉีดวัคซีนได้ตอนไหน
ภาระงาน/ชิ้นงาน
เขียนย่อความบทความ
Covid-19 ติดซ้ำได้ไหม? หายแล้วต้องทำอย่างไรต่อ ฉีดวัคซีนได้ตอนไหน
“โควิดติดซ้ำได้ไหม”
“ทำ Home Isolation ที่บ้านอย่างไรให้ปลอดภัย”
“กักตัวครบแล้ว ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร”
“หายป่ วยจากโควิดแล้ว ฉีดวัคซีนได้ตอนไหน”
“ฉีดวัคซีนหลายชนิดปนกัน จะเป็ นอันตรายไหม”
Covid ติดซ้ำได้ไหม? “ดูแลตัวเองอย่างไรให้รอดจากโควิดซีซั่ นนี้”
โดยปกติแล้ว ข้อมูลการติดเชื้อโควิดซ้ำๆ ก่อนหน้าที่จะมีโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเกิดขึ้นมา ได้มีการ
เก็บข้อมูลมาเป็ นระยะ พบว่า ภายในระยะเวลา 1 เดือน หลังจากที่ได้รับเชื้อมาแล้วผู้ป่ วยที่ได้รับเชื้อมาจะยังไม่มี
การติดเชื้อซ้ำ ภายใน 1 เดือน หรือ 4 สัปดาห์ แต่หากเลยระยะเวลาดังกล่าวแล้ว สามารถมีโอกาสที่จะติดเชื้อซ้ำ
ได้ โดยความเสี่ยงในการติดเชื้อซ้ำจะมีเทียบเท่ากันกับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ประกอบกับการได้รับวัคซีน
จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อซ้ำได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยพบว่า ไม่ว่าจะเป็ นผู้ที่ได้
รับเข็มที่ 3 หรือ เข็มที่ 4 จะสามารถช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากโควิด-19 ได้ 2-3 เท่า (อ้างอิงข้อมูลจาก:
วารสารทางการแพทย์นิว อิงแลนด์ เจอร์นัล ออฟ เมดิซิ น, ประเทศอิสราเอล)
แต่สำหรับโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ได้มีการพบข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการติดเชื้อซ้ำ โดยพบผู้ป่ วยที่มีการ
ติดเชื้อซ้ำภายใน 1-2 เดือนแรกหลังจากที่ได้รับเชื้อมา โดยวิธีในการพิสูจน์ การติดเชื้อซ้ำ ดูได้จากค่า CT
(Cycle threshold) หรือ ค่าการเพิ่มของสารพันธุกรรมไวรัสโควิด จากการตรวจ RT-PCR พบว่า มีค่าลดลง
และมีอาการขึ้นมาใหม่ จากเดิมที่ผู้ป่ วยไม่มีไข้ กลับมามีไข้สูงอีกครั้ง โดยจากการศึกษาข้อมูลทั่วโลกพบว่า มี
การติดเชื้อซ้ำได้ภายใน 1-2 เดือนแรก มากถึง 10-20%
Home Isolation เมื่อต้องกักตัวที่บ้าน จะอยู่ร่วมกับผู้ไม่ติดเชื้ออย่างไรให้ปลอดภัย
Covid-19 มีระยะเวลาในการแพร่เชื้อสูงสุด คือ ช่วง 2 วันก่อนที่จะมีอาการ ไปจนถึง 5 วันหลังมีอาการ
หลังจากนั้นความเสี่ยงในการแพร่เชื้อจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ เมื่อระยะเวลาผ่านไป
ในกรณี ที่ผู้ป่ วยมีอาการเยอะ เช่น ไอมาก ไข้สูง ปอดอักเสบ น้ำมูกเยอะ จะสามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าผู้
ป่ วยที่มีอาการน้อย หรือไม่มีอาการเลย อีกกรณี หนึ่ง คือ ผู้ป่ วยกลุ่มเสี่ยง จะมีโอกาสในการแพร่เชื้อได้มากกว่า
ผู้ป่ วยกลุ่มอื่น ได้แก่
ผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไป
เด็ก ที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี
ผู้ป่ วยกลุ่มโรคเรื้อรัง เช่น
ผู้ป่ วยโรคเบาหวาน
ผู้ป่ วยที่ต้องล้างไต
ผู้ป่ วยปลูกถ่ายไขกระดูก
ผู้ป่ วยที่ต้องรับประทานยากดภูมิ
ผู้ป่ วย HIV (ที่มี CD4 ต่ำกว่า 200 / ผู้ป่ วยขาดยา)
สำหรับกลุ่มผู้ป่ วยกลุ่มโรคเรื้อรัง จะสามารถแพร่เชื้อได้นานกว่าปกติ ในบางรายสามารถแพร่เชื้อได้นาน
มากกว่า 30-50 วัน
คุณหมอเตือน อันตรายแค่ไหน? หากผู้ป่ วยโรคเบาหวานติดเชื้อโควิด
โควิด-19 ติดต่อทางไหน? การแพร่เชื้อโควิด-19 สามารถแพร่เชื้อได้ผ่าน 2 ช่องทาง คือ การติดต่อผ่าน
ทางสารคัดหลั่ง (Droplet) ถือเป็ นช่องทางหลักโดยคิดเป็ นร้อยละ 80-90 ไม่ว่าจะผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย
เสมหะ ละอองฝอยจากผู้ป่ วย รองลงมาคือ การติดต่อผ่านการสัมผัส (Contact) การหยิบเอกสาร หรือสิ่งของส่ง
ให้กัน ผู้ที่สัมผัสเชื้อเอามือไปสัมผัสใบหน้า จมูก ตา ปาก ซึ่งเป็ นช่องทางในการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบ
ทางเดินหายใจ
ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องทำ Home Isolation
ผู้ติดเชื้อไม่ว่ามีอาการมากหรืออาการน้อย ควรแยกตัวอยู่ในห้องคนเดียว เป็ นระยะเวลา 7-10 วัน
แยกการใช้ห้องน้ำส่วนตัว (ถ้าเป็ นไปได้) ในกรณี ที่ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้อื่นในบ้าน ให้ใช้ห้องน้ำเป็ นคน
สุดท้าย แล้วทำความสะอาด ปิ ดฝาชักโครกทุกครั้งก่อนกดชักโครก
หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับคนในบ้านโดยที่ไม่สวมหน้ ากากอนามัย
รับประทานอาหารคนเดียว ไม่รับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น แยกของใช้ส่วนตัว ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน
ติดต่อผู้อื่นในบ้านให้น้อยที่สุด หากต้องพูดคุยกันให้รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1.5 – 2 เมตร โดยสวม
หน้ ากากอนามัยตลอดเวลา
ไม่อยู่รวมกันกับผู้อื่นในบ้าน พื้นที่อับอากาศ หรือห้องที่ปิ ดมิดชิด ควรจัดให้มีการระบายอากาศที่ดี
กักตัวครบแล้ว ต้องทำอย่างไรต่อไปดี?
“กักตัวครบ 10 วันแล้ว หายป่ วยแล้ว จะต้องทำอย่างไรต่อดี ปลอดภัยสำหรับคนอื่นหรือยัง” คุณหมอจะ
ขอแบ่งออกเป็ น 2 กรณี ด้วยกัน ดังนี้
กรณี 1: หากไม่มีอาการใดๆ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
กรณี 2: หากมีอาการแสดง เช่น ไอ หรือ ไอมีเสมหะปนเลือด เดิมไม่มีไข้แต่กลับมามีไข้ใหม่ มีไข้ต่อเนื่อง
นานตลอด 10 วันที่กักตัว เหนื่อยมากขึ้น ท้องอืด ท้องเสีย แนะนำให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการ
ปลอดภัยสำหรับคนรอบข้างหรือยัง? ในกรณี ที่ภูมิคุ้มกันปกติ ไม่มีอาการดังกล่าวข้างต้น ถือว่าปลอดภัยสำหรับ
คนรอบข้างแล้ว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องทำการตรวจ RT-PCR ซ้ำ เพราะความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ
จะลดลงเรื่อยๆ เมื่อผ่านไป 7-10 วัน
หากต้องอยู่ร่วมกันกับผู้ป่ วยกลุ่มเสี่ยง เด็กเล็ก ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน สามารถตรวจ ATK อีกครั้ง เมื่อครบ
10 วัน ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อกักตัวครบ 10 วัน หากตรวจ ATK ผลตรวจที่ได้มักจะเป็ น ผลลบ (-) หรือผลบวก
(+) มีลักษณะเป็ น 2 ขีดจางๆ ซึ่งดังกล่าว ถือเป็ น “ซากเชื้อ” ไม่สามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้
ในผู้ป่ วยบางราย อาจพบผลตรวจ ATK เป็ นผลบวก (+) มีลักษณะ 2 ขีดเข้ม ในกรณี นี้ แนะนำให้แยกตัวออก
จากผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อ อีกอย่างน้อย 7 วัน และทำการตรวจ ATK ซ้ำอีกติดกันเป็ นเวลา 2 วัน โดยในช่วง 7 วันนี้
ควรแยกตัวจากผู้อื่น รับประทานอาหารคนเดียว และไม่ไปคลุกคลีใกล้ชิด เพื่อป้ องกันความเสี่ยงในการแพร่
เชื้อให้กับกลุ่มเสี่ยงข้างต้น
ตรวจโควิด-19 RT-PCR vs ATK ต่างกันอย่างไร?
ฉีดวัคซีนได้ตอนไหน?
สำหรับการฉีดวัคซีน เป็ นคำถามที่หมอพบบ่อยมาก และผู้ป่ วยค่อนข้างมีความสับสนเกี่ยวกับการรับ
วัคซีน ผู้ป่ วยที่หายจากการติดเชื้อโควิด-19 จำเป็ นจะต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อซ้ำ
ได้อีก เมื่อครบระยะกักตัวแล้วควรไปรับวัคซีน โดยมีคำแนะนำเกี่ยวกับการรับวัคซีน ดังนี้
กลุ่มที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน
ควรไปรับวัคซีนเข็มที่ 1 หลังจากครบระยะกักตัว (ถ้าไม่มีอาการใดๆ) และรับวัคซีนให้ครบโดส
รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเมื่อถึงเวลาที่กำหนด
กลุ่มที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว
ได้รับวัคซีน (เข็มที่ 2) มาแล้วเกินระยะเวลา 3 เดือน สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้น (เข็ม 3) เมื่อครบ
ระยะเวลา 1 เดือน หลังจากวันที่พบเชื้อ
(หมายเหตุ)
หากอยู่ในระยะกักตัว ไม่แนะนำให้ไปรับวัคซีน ควรรอจนพ้นระยะก่อน
หากได้รับวัคซีนในขณะที่ติดเชื้อ แบบไม่มีอาการโดยไม่รู้ตัว ไม่มีผลอันตรายใดๆ
ผู้ที่เคยป่ วยเป็ นโควิด-19 มาก่อน ไม่มีผลอันตรายเพิ่มขึ้นจากการรับวัคซีน
ฉีดวัคซีนหลายชนิดปนกัน จะเป็ นอันตรายไหม?
อย่างที่เราทราบกันดีว่าปัจจุบัน ประชาชนในประเทศไทยมีการรับวัคซีนหลายชนิดปนกัน ไม่ว่าจะเป็ น
วัคซีนชนิดเชื้อตาย (Inactivated Vaccines) วัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็ นพาหะ (Viral Vector Vaccines) วัคซีน
ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA Vaccine) จากการศึกษายังไม่พบหลักฐานว่า การรับวัคซีนหลายชนิดปนกันเป็ น
อันตราย แต่การไม่รับวัคซีนอาจเกิดอันตรายจาก Covid-19 ได้ เพราะทำให้เกิดปอดอักเสบ และนำไปสู่การ
เสียชีวิตได้
แพทย์หญิ งวรฉัตร เรสลี อายุรแพทย์เฉพาะทางโรคติดเชื้อ
แผนการเรียนรู้ที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 5 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เขียนร้อยถ้อยคำ เวลา 2 ชั่วโมง
เรื่อง การเขียนย่อความจากบทร้อยกรอง
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท2.๑ ม.4-6/3
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การเก็บใจความสำคัญของเรื่องมาเรียบเรียงใหม่ ให้สั้นกว่าเดิม
แต่มีใจความสำคัญ ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยใช้ภาษาของตนเอง
อธิบายรูปแบบการเขียน เขียนย่อความบทร้อย มีมารยาทใน
กรองได้ (P) การเขียน (A)
ย่อความจากบทร้อย
กรองได้ (K)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)
ชั่วโมงที่ ๑ ขั้นที่ ๒ สำรวจค้นหา 20 นาที
ขั้นที่ ๑ กระตุ้นความสนใจ 20 นาที ๑. ครูและนักเรียนทบทวนความรู้
๑. ครูให้นักเรียนทุกคน อ่านบทกวี จนกว่า เรื่อง หลักการเขียนย่อความ และศึกษา
ชีวิตจะนิทรา ชนะเลิศ รางวัลวรรณศิลป์ อุช องค์ประกอบการเขียนย่อความบทร้อย
เชนี ประจำปี 2562 กรองจากใบความรู้
๒. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยว ๒. นักเรียนเลือกบทกวีที่ตนเอง
กับบทกวี สนใจมาคนละ ๑ เรื่อง
๓. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิดว่า
บทกวีนี้ ทำไมถึงมีชื่อว่า "จนกว่าชีวิตจะนิทรา"
ขั้นที่ ๓ อธิบายความรู้ 20 นาที ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ ๕ ตรวจสอบผล 20 นาที
ขั้นที่ ๔ ขยายความเข้าใจ 40 นาที ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุป
๑. นักเรียนแต่ละคน ศึกษาเนื้อหาการ ความรู้การเขียนย่อความบทร้อย
ย่อความบทร้อยกรองอย่างละเอียด เพื่อ ๑. ครูและนักเรียนอภิปรายเรื่อง กรอง
ให้เกิดความเข้าใจ การย่อความจากบทกวี ๒. นักเรียนทำแบบทดสอบท้าย
ย๒่อ.คนัวกามเรบียทนรส้อรยุปกครวอางมลรงู้เใรนื่อสงกมุาดรเขียน หน่วยการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ โดย
๓. มอบหมายให้นักเรียนเขียนย่อความ ๒. ครูสุ่มนักเรียนออกมานำเสนอผล Plicker
บทร้อยกรองจากบทกวีที่นักเรียนเลือก งานการเขียนย่อความ ๓-๔ คนที่หน้า
จากแหล่งสารสนเทศ คนละ ๑ เรื่อง ชั้นเรียน
เป็ นการบ้าน ย่อความและนำไปใส่ใน
Canva เพื่อจัดเก็บ E-book ต่อไป ๓. ครูและนักเรียนร่วมกันประเมิน
ผลงาน พร้อมทั้งบอกข้อดีและ
บกพร่อง เพื่อให้นักเรียนได้นำไป
ปรับปรุงและกล่าวให้กำลังใจ
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถในการสื่อสาร, ผลงานนักเรียน
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต การให้ความร่วมมือ
การเข้าชั้นเรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
บันทึกหลังการสอน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, รักความเป็ นไทย
……………………………………………………
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ …………………………………………………...
……………………………………………………
Plicker แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง …………………………………………………...
การเขียนย่อความ
สร้างสรรค์ชิ้นงาน
บทกวีจนกว่าชีวิตจะนิ ทรา
ภาระงาน/ชิ้นงาน (นางสาวธัญญา ดาทอง)
ครูผู้สอน
ย่อความบทร้อยกรองที่สนใจ
บทกวี ชนะเลิศ รางวัลวรรณศิลป์ อุชเชนี ครั้งที่ 3
“จนกว่าชีวิตจะนิ ทรา”
ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์
เปลเก่า..ยังโยนไกวไปช้าช้า
กล่อมนิ ทราชีวิตใหม่ในอู่อุ่น
โยนหน้ าโยนหลังอย่างสมดุล
การุณย์ร่างนั้ นทั่ วสรรพางค์
ผ้าผวยผืนใหม่ห่มให้เจ้า
แม่ร้องเพลงเบาเบาอยู่ข้างข้าง
เพลงโปรดประโลมใจไปพลางพลาง
มีรักวางในอู่นอนเจ้าผ่อนพัก
เจ้าตื่นมาจะพาเล่นสวนหลังบ้าน
ดูดอกบัวสีหวานเพิ่งออกฝัก
ดูปุยเมฆปั้ นรูปเป็ นลิง, ยักษ์ ฯลฯ
ดูผีเสื้อทายทักดอกรักบาน
แววหวัง-โชนฉายนัยน์ ตาเจ้า
เหมือนว่าสุขนี้นานเนาไม่อวสาน
ระบายยิ้มรับของขวัญบรรณาการ
ยืนยันวิญญาณสุนทรี
ทว่า, เจ้าเติบโตจนเต็มร่าง
อาจพบบัวดอกด่างและร้างสี
หม่นเมฆครึ้ม ทึมเทา-เท่าเมฆมี
และดอกไม้ไม่ปรานีผีเสื้อนัก
ผ้าผวยผื นบางก็ด่างเปื้ อน
ไม่อุ่นเหมือนผืนเก่า-เจ้ารู้จัก
เพลงโปรดก็เปลี่ยนไปเสียหลายวรรค
ไร้อู่นอนผ่อนพักหัวใจแพ้
ลูกเอ๋ย..เช่นนี้แหละชีวิต
เจ้าอย่าพร่ำพินิ จเพียงบาดแผล
ศิ โรราบซ้ำซ้ำ-ความอ่อนแอ
ลั่นกุญแจคุมขังความหวังใด
เจ้าจงยืมหัวใจวัยทารก
มาเต้นในหัวอกที่หมกไหม้
ยืมแววตาวัยเยาว์อันวาวไว
“ชอบ” อาจหลับใหลอยู่ใน “ชัง”
ชีวิตเย้าเจ้าเล่นอยู่เช่นนี้
โศกร่ำ-ปรีดีมิอาจหยั่ง
เปลชีวิตเห่ไกวในทุกครั้ง
เจ้าจงเอาความหวังเป็ นหลังพิง
และเปลเก่ายังโยนไกวในเร็ว-ช้า
กล่อมหัวใจเหว่ว้าและไหววิ่ง
โอละเห่ ทุกความหวัง ทั้งความจริง
กว่าชีวิตสนิ ทนิ่งในนิ ทรา
แผนการเรียนรู้ที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 8 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง รู้รักษ์หลักภาษา เวลา 2 ชั่วโมง
เรื่อง ลักษณะสำคัญของภาษา
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท4.๑ ม.4-6/1
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การศึกษาหลักภาษาไทย ต้องอธิบายลักษณะสำคัญของภาษาได้
อธิบายลักษณะสำคัญ เลือกใช้ลักษณะสำคัญ มีมารยาทใน
ของภาษาได้ (K) ของภาษาได้ (P) การอ่าน (A)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)
ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา 20 นาที ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ 20 นาที
ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ 20 นาที 1. ครูแบ่งนักเรียนเป็ นกลุ่ม
กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความ ค21ว.า. มตนััรวูก้เแเรืรท่อียงนนนลััแกกตษ่เลรณียะกะนสลุแ่ำมตค่รัล่ญวะมขกกอลัุน่งมภสอารอษุปกาอมงาค์
1. นักเรียนทำแบบทดสอบ สามารถ นแสำอลเบะสเคพนื่วออานมองนถูัคก์กคตเ้รวอียางมนรูก้ หลุ่นม้าอืช่นั้นร่เวรมียกนันคตรรูวจ
ก่อนเรียนหน่วยที่ 3 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกัน 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมจาก
ศึกษาความรู้เรื่อง ลักษณะสำคัญ Presentation เรื่อง ลักษณะสำคัญของ
2. ครูใช้คำถามกระตุ้นความ ของภาษา จากหนังสือเรียนหลัก ภาษา
สนใจของผู้เรียนว่า “ภาษาที่แท้ ภาษาและการใช้ภาษา ม.๕
จริงของมนุษย์นั้น คือภาษาใด”
ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ ๕ ตรวจสอบผล 20 นาที
ครูสุ่มตัวแทนนักเรียน 1 กลุ่ม นำเสนอ
ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ 20 นาที คำตอบในใบงานที่ 9.1 ตอนที่ 1 เมื่อเสร็จ
นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำใบงานที่ แล้วให้เรียกเพื่อนนักเรียนอีก 1 กลุ่ม นำ
๓.๑ เรื่อง ลักษณะสำคัญของภาษา เมื่อ เสนอคำตอบในตอนที่ 2 ครูตรวจสอบ
ทำเสร็จแล้วให้สมาชิกกลุ่มร่วมกันตรวจ ความถูกต้อง แล้วให้ตัวแทนนักเรียนเก็บ
สอบความเรียบร้อย รวบรวมใบงานส่งครูตรวจ
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถในการสื่อสาร ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, รักความเป็ นไทย บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
Plicker แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง ……………………………………………………
ลักษณะสำคัญของภาษา …………………………………………………...
Presentation เรื่อง ลักษณะสำคัญ
ของภาษา (นางสาวธัญญา ดาทอง)
หนังสือเรียนหลักภาษาไทย ม.5 ครูผู้สอน
ภาระงาน/ชิ้นงาน
ใบงานที่ ๓.๑ เรื่อง ลักษณะสำคัญของภาษา
ใบงานที่ ๓.๑
ลักษณะสำคัญของภาษา
ตอนที่ 1
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1.ภาษาที่สมบูรณ์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
2.ภาษาที่แท้จริงของมนุษย์ คือภาษาใด
3.ภาษาคำโดด คืออะไร
4.ขา ข่า ข้า คำทั้ง 3 คำนี้มีความหมายต่างกัน เพราะเหตุใด
5.ความแตกต่างของคำขยายในภาษาไทยกับคำที่แสดงจำนวนนับ คืออะไร
ชื่อ-สกุล : ชั้น เลขที่
ใบงานที่ ๓.๑
ลักษณะสำคัญของภาษา
ตอนที่ 2
คำชี้แจง ให้นักเรียนนำข้อความที่กำหนด เขียนลงในตารางให้มีความสัมพันธ์กัน
1. เด็กนักเรียนเดินมาเป็ นกลุ่ม
2. สถานพยาบาลแห่งนี้สำหรับสงฆ์อาพาธ
3. นายพรานสวมเสื้อหอบเสื่อไปล่าเสือ
4. แม่ซื้อร่มให้เขา 1 คัน
5. วันนี้พ่อทำบุญปล่อยนก 9 ตัว
6. ข้ารู้ว่าข่าตะไคร้ใช้ทำยาแก้ปวดขา
7. มอเตอร์ไซค์พุ่งมาเร็วมาก
8. คณะบุคคลเข้าเฝ้ าเพื่อถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล
เสใียนงภวารษร
าณไทยุกยต์
คำขยายใน
ภาษาไทย
ลักษณ
นาม
ในภาษาไทย
ภาษาไทยใช้คำพูด
เหมา
ะสม
กับบุคคลและโอกาส
ชื่อ-สกุล : ชั้น เลขที่
เฉลย ใบงานที่ ๓.๑
ลักษณะสำคัญของภาษา
ตอนที่ 1
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1.ภาษาที่สมบูรณ์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ประกอบด้วยหน่วยภาษา ได้แก่ เสียงพูดและความหมาย
2.ภาษาที่แท้จริงของมนุษย์ คือภาษาใด
ภาษาพูด เพราะมนุษย์ใช้ภาษาพูดในการสื่อความหมายมาเป็ นเวลาช้านาน แล้ว
ได้ประดิษฐ์ ตัวอักษร เป็ นภาษาเขียนในภายหลัง
3.ภาษาคำโดด คืออะไร
ภาษาที่มีคำใช้โดยอิสระ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปคำเพื่อบอกเพศ พจน์ กาล
จะใช้คำอื่นมาประกอบหรืออาศัยบริบท
4.ขา ข่า ข้า คำทั้ง 3 คำนี้มีความหมายต่างกัน เพราะเหตุใด
เพราะเกิดจากวรรณยุกต์ที่ต่างกัน ทำให้ระดับเสียงต่างกัน และคำก็มี
ความหมายต่างกันด้วย
5.ความแตกต่างของคำขยายในภาษาไทยกับคำที่แสดงจำนวนนับ คืออะไร
เพราะเกิดจากวรรณยุกต์ที่ต่างกัน ทำให้ระดับเสียงต่างกัน และคำก็มีความ
หมายต่างกันด้วย
ชื่อ-สกุล : ชั้น เลขที่
เฉลย ใบงานที่ ๓.๑
ลักษณะสำคัญของภาษา
ตอนที่ 2
คำชี้แจง ให้นักเรียนนำข้อความที่กำหนด เขียนลงในตารางให้มีความสัมพันธ์กัน
1. เด็กนักเรียนเดินมาเป็ นกลุ่ม
2. สถานพยาบาลแห่งนี้สำหรับสงฆ์อาพาธ
3. นายพรานสวมเสื้อหอบเสื่อไปล่าเสือ
4. แม่ซื้อร่มให้เขา 1 คัน
5. วันนี้พ่อทำบุญปล่อยนก 9 ตัว
6. ข้ารู้ว่าข่าตะไคร้ใช้ทำยาแก้ปวดขา
7. มอเตอร์ไซค์พุ่งมาเร็วมาก
8. คณะบุคคลเข้าเฝ้ าเพื่อถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล
เสใียนงภวารษร
าณไทยุกยต์ 3. นายพรานสวมเสื้อหอบเสื่อไปล่าเสือ
6. ข้ารู้ว่าข่าตะไคร้ใช้ทำยาแ
ก้ปวดขา
คำขยายใน
ภาษาไทย 1. เด็กนักเรียนเดินมาเป็ นกลุ่ม
7. มอเตอร์ไซค์พุ่งมาเร็วมาก
ลักษณ
นาม 4. แม่ซื้อร่มให้เขา 1 คัน
ในภาษาไทย 5. วันนี้พ่อทำบุญปล่อยนก
9 ตัว
ภาษาไทยใช้คำพูด 2. สถานพยาบาลแห่งนี้สำหรับสงฆ์อาพาธ
เหมา
ะสม 8. คณะบุคคลเข้าเฝ้ าเพื่อถว
ายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล
กับบุคคลและโอกาส
ชื่อ-สกุล : ชั้น เลขที่
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 แผนการเรียนรู้ที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง รู้รักษ์หลักภาษา จำนวน 8 ชั่วโมง
เรื่อง ส่วนประกอบของภาษา
เวลา 1 ชั่วโมง
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท4.๑ ม.4-6/1
วัน/เดือน/ปี ........................
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอธิบายลักษณะของภาษา ต้องมีความรู้ในเรื่องส่วนประกอบของภาษาไทย
อธิบายส่วนประกอบ เลือกใช้ส่วนประกอบของ มีมารยาทใน
ของภาษาไทยได้ (K) ภาษาไทยได้ (P) การอ่าน (A)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคการเรียนร่วมกัน
ขั้นนำ 1. ครูสนทนากับนักเรียนเพื่อทบทวนความรู้เรื่อง ลักษณะสำคัญของภาษา
2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด ความหมายของคำ มีความสำคัญต่อ
(10 นาที) การศึกษาคำในภาษาไทยอย่างไร
1. นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง ส่วนประกอบของภาษาไทย จากหนังสือเรียน
2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเรื่อง ส่วนประกอบของภาษาไทย และซักถามนักเรียนจน
ขั้นกิจกรรม ทุกคนมีความเข้าใจกระจ่างชัดเจน
(40 นาที) 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำใบงานที่ ๓.2 เรื่อง ส่วนประกอบของภาษาไทย โดยแบ่งหน้าที่
ให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มปฏิบัติ
4. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มหมุนเวียนเปลี่ยนหน้าที่กันในการตอบคำถามแต่ละข้อในใบงานที่
๓.2 จนเสร็จครบทั้ง 2 ตอน แล้วนำส่งครูตรวจ
ขั้นสรุป 1. นักเรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้เรื่อง ส่วนประกอบของภาษาไทย
(10 นาที) ๒. ครูสรุปความรู้ให้เพิ่มเติมจาก Presentation เรื่อง ส่วนประกอบของ
ภาษาไทย
๓. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด นักเรียนจะนำความรู้เรื่อง ส่วน
ประกอบของภาษาไทย ไปใช้ประโยชน์ ได้อย่างไร
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถทางการสื่อสาร ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้ บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
Plicker แบบทดสอบก่อนเรียน ……………………………………………………
เรื่อง การเขียนย่อความ …………………………………………………...
หนังสือเรียน ภาษาไทย
หลักภาษาฯ ม.5
Presentation เรื่อง ส่วนประกอบของภาษาไทย
ภาระงาน/ชิ้นงาน (นางสาวธัญญา ดาทอง)
ครูผู้สอน
ใบงานที่ 3.2 เรื่อง ส่วนประกอบของภาษาไทย
ใบงานที่ 3.2 ส่วนปร
ะกอบของภาษาไทย
ตอนที่ 1
คำชี้แจง ให้นักเรียนนำพยัญชนะ ก-จ เติมลงในช่องว่างให้มีความสัมพันธ์กัน
ก. เสียงพยัญชนะ ข. เสียงสระ ค. สระเดี่ยว
ง. สระประสม จ. เสียงวรรณยุกต์
______1. มี 44 รูป 21 เสียง
______2. โดยแท้จริงแล้วมี 3 เสียง แต่ละเสียงมีทั้งเสียงสั้นและเสียงยาว
เมื่อนับรวมกันจึงมี 6 เสียง
______3. เมื่อระดับเสียงเปลี่ยนไป ทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนไปด้วย
______4. แบ่งเป็ นเสียงสั้น 9 เสียง และเสียงยาว 9 เสียง
______5. เกิดจากลมที่ผ่านออกมาจากเส้นเสียงและถูกอวัยวะต่าง ๆ ภายใน
ปากกล่อมเกลา
______6. เกิดจากการปล่อยลมจากหลอดลมออกทางช่องปาก ส่งผลให้เกิด
เสียงที่แตกต่างกัน
______7. มี 4 รูป 5 เสียง
______8. สระเสียงสั้น มีที่ใช้น้อย ส่วนมากเป็ นคำยืมมาจากภาษาอื่น
ตอนที่ 2
คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกความหมายนัยประหวัดของคำต่อไปนี้
คำ
ความหมายน
ัยประหวัด
1. เหยียบ
จมูก
2. เผือกร
้อน
3. วัดรอย
เท้า
4. ตกหลุ
ม
5. มือปื น
6. จับเสือ
มือเปล่า
7. ลูกลิงล
ูกค่าง
8. แกะดำ
ชื่อ-สกุล : ชั้น เลขที่
เฉลย ใบงานที่ 3.2 ส่วน
ประกอบของภาษาไทย
ตอนที่ 1
คำชี้แจง ให้นักเรียนนำพยัญชนะ ก-จ เติมลงในช่องว่างให้มีความสัมพันธ์กัน
ก. เสียงพยัญชนะ ข. เสียงสระ ค. สระเดี่ยว
ง. สระประสม จ. เสียงวรรณยุกต์
___ก___1.
___ง___2. มี 44 รูป 21 เสียง เสียง แต่ละเสียงมีทั้ งเสียงสั้นและเสียงยาว
โดยแท้จริงแล้วมี 3
เมื่อนับรวมกันจึงมี 6 เสียง
___จ___3. เมื่อระดับเสียงเปลี่ยนไป ทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนไปด้วย
___ค___4. แบ่งเป็ นเสียงสั้น 9 เสียง และเสียงยาว 9 เสียง
___ก___5. เกิดจากลมที่ผ่านออกมาจากเส้นเสียงและถูกอวัยวะต่าง ๆ ภายใน
___ข___6. ปากกล่อมเกลา ส่งผลให้เกิด
เกิดจากการปล่อยลมจากหลอดลมออกทางช่องปาก
เสียงที่แตกต่างกัน
___จ___7. มี 4 รูป 5 เสียง
___ข___8. แบ่งเป็ นสระเดี่ยว 18 สระสั้น 3
ตอนที่ 2
คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกความหมายนัยประหวัดของคำต่อไปนี้
คำ
ความหมายน
ัยประหวัด
1. เหยียบ
จมูก บังอาจลบเหลี่ยม
2. เผือกร
้อน เรื่องลำบากใจที่พยายามปัดให้พ้
นตัว ส่งให้ผู้อื่นรับผิดชอบแทน
3. วัดรอย
เท้า เทียบดูว่าพอสู้ได้หรือไม่
4. ตกหลุ
ม เสียรู้ ถูกลวงด้วยเล่ห์ กล
หรืออุบาย
5. มือปื น
ผู้ที่พกพาอาวุธปื นคอยคุ้มกัน
ผู้มีอิทธิพลหรือบุคคลสำคัญ
6. จับเสือ
มือเปล่า แสวงหาผลประโยชน์ โด
ยตัวเองไม่ต้องลงทุน
7. ลูกลิงล
ูกค่าง เรียกเด็กที่อยู่ไม่สุข ซุกซ
น ชอบปี นป่ าย
8. แกะดำ
คนที่ทำอะไรผิดเพื่อนผิด
ฝูงในกลุ่มนั้น ๆ
ชื่อ-สกุล : ชั้น เลขที่
แผนการเรียนรู้ที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 8 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง รู้รักษ์หลักภาษา เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง องค์ประกอบของพยางค์และคำ 1
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท4.๑ ม.4-6/1
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอธิบายลักษณะของภาษา ต้องมีความรู้
ในเรื่ององค์ประกอบของพยางค์และคำ
อธิบายองค์ประกอบของ เลือกใช้องค์ประกอบของ มีมารยาทใน
พยางค์และคำได้ (K) พยางค์และคำได้ (P) การอ่าน (A)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน
ขั้นนำ 1. ครูสนทนากับนักเรียนเพื่อทบทวนความรู้เรื่อง พยางค์และคำ ที่เคยเรียนไปแล้ว
(10 นาที) 2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด พยางค์และคำ มีความแตกต่างกันอย่างไร
1. นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง องค์ประกอบของพยางค์และคำ
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำใบงานที่ ๓.3 เรื่อง องค์ประกอบ ของพยางค์และคำ
ขั้นกิจกรรม 3. นักเรียนที่ทำหน้าที่เป็ นฝ่ ายสังเกตจะทำหน้าที่ตรวจสอบและแสดงความคิดเห็นด้วย
(40 นาที) 4. เมื่อจบการยกตัวอย่างคำทั้ง 4 พยางค์ แล้วให้นักเรียนแต่ละคู่รวมกลุ่มกันตามเดิม แล้วนำตัวอย่าง
คำมาเปรียบเทียบกัน และช่วยกันอธิบาย แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่างชัดเจน จากนั้น
ร่วมกันสรุปเป็ นตัวอย่างคำของกลุ่ม
5. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันอธิบายความหมายของคำบริบท เสร็จแล้วให้ตรวจสอบความเรียบร้อย
6. ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอคำตอบในใบงานที่ ๓.3 ครูตรวจสอบความถูกต้อง
ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปองค์ความรู้เรื่อง องค์ประกอบ
(10 นาที) ของพยางค์และคำ
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถทางทักษะเทคโนโลยี ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, มุ่งมั่นในการทำงาน บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
ใบงาน 3.3 องค์ประกอบของพยางค์และคำ ……………………………………………………
…………………………………………………...
Presentation เรื่อง องค์ประกอบของ
พยางค์และคำ (นางสาวธัญญา ดาทอง)
ครูผู้สอน
หนังสือเรียนหลักภาษาฯ ม.5
ภาระงาน/ชิ้นงาน
ใบงาน 3.3 องค์ประกอบของพยางค์และคำ
ใบงานที่ 3.3
องค์ประกอบของพยางค์และคำ
ตอนที่ 1
คำชี้แจง ให้นักเรียนยกตัวอย่างจำนวนพยางค์ในคำ เขียนลงในตาราง
ประเภทละ 5 คำ
คำ 1 พ
ยางค์ คำ 2 พ
ยางค์
1.________ 1.________ คำ 3 พยางค์ คำ 4 พยางค์
2.________ 2.________
3.________ 3.________ 1.________ 1.________
4.________ 4.________ 2.________ 2.________
5.________ 5.________ 3.________ 3.________
4.________ 4.________
5.________ 5.________
ตอนที่ 2 คำชี้แจง ให้นักเรียนอธิบายความหมายของคำบริบท
คำบริบท
ชื่อ-สกุล : ชั้น เลขที่
เฉลย ใบงานที่ 3.3
องค์ประกอบของพยางค์และคำ
ตอนที่ 1
คำชี้แจง ให้นักเรียนยกตัวอย่างจำนวนพยางค์ในคำ เขียนลงในตาราง
ประเภทละ 5 คำ
คำ 1 พ
ยางค์ คำ 2 พ
ยางค์ คำ 3 พ
ยางค์ คำ 4 พ
ยางค์
1.________ 1.________ 1.________ 1.________
2.________ 2.________ 2.________ 2.________
3.________ 3.________ 3.________ 3.________
4.________ 4.________ 4.________ 4.________
5.________ 5.________ 5.________ 5.________
(พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน)
ตอนที่ 2 คำชี้แจง ให้นักเรียนอธิบายความหมายของคำบริบท
คำบริบท
บริบท หมายถึง ถ้อยคำที่ปรากฏร่วมกับคำหรือสถานการณ์
แวดล้อมในขณะที่พูดหรือเขียนคำนั้น ในภาษาไทยเราจะรู้ความ
หมายของคำและความสัมพันธ์กับคำอื่นได้จากบริบท คำบางคำมี
หลายความหมาย แต่เราสามารถรับรู้ความหมายได้จากบริบท เช่น
คำว่า ขัน ไก่ขันในตอนเช้า เขาตักน้ำใส่ขันมาล้างหน้า เป็ นต้น
ชื่อ-สกุล : ชั้น เลขที่
แผนการเรียนรู้ที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 8 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง รู้รักษ์หลักภาษา เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง องค์ประกอบของพยางค์และคำ 2
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท4.๑ ม.4-6/1
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การอธิบายลักษณะของภาษา ต้องมีความรู้
ในเรื่ององค์ประกอบของพยางค์และคำ
อธิบายองค์ประกอบของ เลือกใช้องค์ประกอบของ มีมารยาทใน
พยางค์และคำได้ (K) พยางค์และคำได้ (P) การอ่าน (A)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน
ขั้นนำ ๑. ครูผู้สอนนำนร.เล่นเกม รวมร่างพยางค์คำ เริ่มจากการทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้ว
๒. ครูผู้สอนแจกบัตรคำพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ ให้กับนักเรียน คนละ ๒ บัตรคำ
๓. ให้นักเรียนรวมร่างบัตรคำที่ครูมอบให้เป็ นคำที่มีพยางค์ตามที่ครูกำหนด นักเรียนที่ไม่สามารถรวม
(10 นาที) บัตรคำกับเพื่อนได้ถูกต้อง จะต้องออกมาพูดเรื่อง พยางค์และคำให้เพื่อนฟังหน้าชั้นเรียน
ขั้นกิจกรรม ๑. ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง การประสมอักษร
(40 นาที) ๒. นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ลงสมุด ขณะที่นักเรียนสรุปครูอธิบายความรู้
เพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องการประสมอักษร
ขั้นสรุป นักเรียนและครู ร่วมกันสรุปความรู้ เรื่องการประสมอักษร และ
(10 นาที) เรื่อง พยางค์และคำ
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถทางทักษะเทคโนโลยี ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, มุ่งมั่นในการทำงาน บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
เกมรวมร่างพยางค์ คำ ……………………………………………………
…………………………………………………...
Presentation เรื่อง การประสมอักษร
(นางสาวธัญญา ดาทอง)
ใบความรู้ เรื่อง การประสมอักษร ครูผู้สอน
ภาระงาน/ชิ้นงาน
ใบงาน 3.3 องค์ประกอบของพยางค์และคำ
ใบความรู้ เรื่อง การประสมอักษร
การประสมอักษร หมายถึง การนำสระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์มาประกอบเข้า
ด้วยกันเป็ นพยางค์ แต่ละพยางค์อาจมีความหมายสมบูรณ์ เป็ นคำก็ได้ หรืออาจ
ไม่มีความหมายเป็ นเพียงส่วนของคำก็ได้
การประสมอักษรในภาษาไทยมี ๔ วิธีด้วยกัน คือ
๑. การประสม ๓ ส่วน คือ การประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ และวรรณยุกต์ ซึ่ง
อาจเป็ นวรรณยุกต์มีรูปหรือไม่มีรูปก็ได้ การประสม ๓ ส่วนตรงกับการประสมอักษรใน
แม่ ก กา เช่น
ค้า เป็ นการประสมอักษร ๓ ส่วน ดังนี้
ค เป็ นพยัญชนะต้น
อา เป็ นสระ
้ เป็ นวรรณยุกต์ รูปโท เสียงตรี
๒. การประสม ๔ ส่วน คือ การประสมพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะท้าย
พยางค์หรือพยัญชนะ สะกด และวรรณยุกต์ เช่น
บ้าน เป็ นการประสมอักษร ๔ ส่วน ดังนี้
บ เป็ นพยัญชนะต้น
อา เป็ นสระ
น เป็ นพยัญชนะท้ายพยางค์หรือพยัญชนะสะกด
้ เป็ นวรรณยุกต์ รูปโท เสียงโท
๓. การประสม ๔ ส่วนพิเศษ คือ การประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะ ตัว
การันต์ และ วรรณยุกต์ การประสม ๔ ส่วนพิเศษเป็ นการประสมอักษรแม่ ก กา เช่น
เล่ห์ เป็ นการประสมอักษร 4 ส่วนพิเศษ ดังนี้
ล เป็ นพยัญชนะต้น
เอ เป็ นสระ
ห์ ตัวการันต์
่ เป็ นวรรณยุกต์ รูปเอก เสียงโท
๔. การประสม ๕ ส่วน คือ การประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะท้าย
พยางค์หรือพยัญชนะ สะกด ตัวการันต์ และวรรณยุกต์ เช่น
จันทร์ เป็ นการประสมอักษร ๕ ส่วน ดังนี้
จ เป็ นพยัญชนะต้น
อะ เป็ นสระ เปลี่ยนรูปเป็ นไม้หันอากาศเมื่อมีตัวสะกด
น เป็ นพยัญชนะท้ายพยางค์หรือพยัญชนะสะกด
ทร์ ตัวการันต์
- ไม่ปรากฏรูปวรรณยุกต์ แต่มีเสียงสามัญ
แผนการเรียนรู้ที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565
รายวิชาภาษาไทย 3 ท32101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 8 ชั่วโมง
ครูผู้สอน นางสาวธัญญา ดาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง รู้รักษ์หลักภาษา เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง การใช้คำหรือกลุ่มคำสร้างประโยคให้ตรงตามเจตนาของผู้ส่งสาร
วัน/เดือน/ปี ........................
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท4.๑ ม.4-6/2
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำคัญ การสร้างประโยคให้ตรงตามเจตนาของผู้ส่งสาร
ต้องรู้จักเลือกใช้คำและกลุ่มคำให้ถูกต้อง
อธิบายการใช้คำและกลุ่ม ใช้คำและกลุ่มคำสร้าง มีมารยาทใน
คำสร้างประโยคได้ (K) ประโยคได้ตรงตามเจตนาของ การอ่าน (A)
ผู้ส่งสาร (P)
กิจกรรมการเรียนรู้/รูปแบบการสอน เทคนิ คการแบ่งปันความสำเร็จ
ขั้นนำ 1. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่อง การสนทนาในชีวิตประจำวัน จากนั้นถามนักเรียนว่า
ในการพูดโดยทั่วไปนั้น ผู้พูดมีเจตนาอย่างไร
(10 นาที)
2. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเรื่อง เจตนาของผู้ส่งสาร
1. นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การใช้คำหรือกลุ่มคำสร้างประโยคให้ตรง
ตามเจตนาของผู้ส่งสาร จากหนังสือเรียน
ขั้นกิจกรรม 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเรื่อง การใช้คำหรือกลุ่มคำสร้างประโยคให้ตรงตาม
เจตนาของผู้ส่งสาร
(40 นาที) 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำใบงานที่ ๓.4 เรื่อง การใช้คำหรือกลุ่มคำสร้างประโยคให้
ตรงตามเจตนาของผู้ส่งสาร เมื่อทำเสร็จแล้วให้นำส่งครูตรวจ
4. ครูนำคะแนนของสมาชิกทุกคนในกลุ่มมารวมกันเป็ นคะแนนกลุ่ม จากนั้นกล่าวคำ
ชมเชย
ขั้นสรุป 1. ครูให้นักเรียนกลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดร่วมกันสรุปองค์ความรู้เรื่อง
(10 นาที) การใช้คำหรือกลุ่มคำสร้างประโยคให้ตรงตามเจตนาของผู้ส่งสาร
2. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพื่อสรุปองค์ความรู้เรื่อง
การใช้คำหรือกลุ่มคำสร้างประโยคให้ตรงตามเจตนาของผู้ส่งสาร
สมรรถนะสำคัญ การวัดและประเมินผล
ความสามารถทางการคิด, ความสามารถทางทักษะเทคโนโลยี ผลงานนักเรียน
การให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การเข้าชั้นเรียน
มีวินัย, ใฝ่ เรียนรู้, มุ่งมั่นในการทำงาน บันทึกหลังการสอน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ……………………………………………………
…………………………………………………...
ใบงานที่ ๓.๕ เรื่อง การใช้คำหรือกลุ่มคำ ……………………………………………………
สร้างประโยคให้ตรงตามเจตนาของผู้ส่งสาร …………………………………………………...
Presentation เรื่อง การใช้คำหรือกลุ่มคำ
สร้างประโยคให้ตรงตามเจตนาของผู้ส่งสาร (นางสาวธัญญา ดาทอง)
หนังสือเรียนหลักภาษาฯ ม.5 ครูผู้สอน
ภาระงาน/ชิ้นงาน
ใปบรงะาโนยทคี่ใ๓ห้.ต4รเงรืต่อางมกเจารตในช้าคขำอหงรผืูอ้ส่กงลสุ่มารคำสร้าง