คํานํา
เหตุการณธรณีพิบัติภัยดินถลมและนํ้าปาไหลหลาก แตละครั้งมีผลกระทบตอการสูญเสีย
ชีวิตและทรัพยสินของประชาชน ในพื้นที่เสี่ยงภัยเปนจํานวนมาก กรมทรัพยากรธรณีเปนหนวยงานหลัก
หนวยงานหน่ึงท่ีมีภารกิจรับผิดชอบดานการเฝาระวังการเกิดธรณีพิบัติภัย และไดดําเนินการจัดทําแผนที่
เสย่ี งที่มโี อกาสเกิดดินถลมมาตราสว น 1: 250,000 พบวามพี ืน้ ที่เสย่ี งภยั ดินถลมครอบคลุม 54 จงั หวดั จึง
มีแนวคิดในการจัดจางทําขอมูลแผนท่ีเส่ียงภัยดินถลมระดับชุมชนในรูปแบบฐานขอมูลระบบสารสนเทศ
สําหรับการตดิ ตามสถานการณและสนับสนุนการเฝาระวังแจง เตือนพิบัติภยั ตางๆ เพือ่ เปน เครื่องมือในการ
วางแผนและบริหารสถานการณท ้งั ในสว นกอ นเกดิ เหตุ ชว งเกิดเหตุ และการชว ยเหลือบรรเทาหลงั เกดิ เหตุ
กรมทรัพยากรธรณีไดดําเนินการจัดจางทําขอมูลแผนที่เส่ียงภัยดินถลมระดับชุมชน
ตั้งแตปงบประมาณ 2555-2556 จํานวน 350 ตําบล และในปงบประมาณ 2557 จัดจางเพ่ิมอีก 120 ตําบล
ผลการประเมินจากภาคสนาม ตําบลนาหลวงเสน อําเภอทุงสง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพ้ืนท่ีเส่ียงภัยท่ี
จะไดรบั ผลกระทบจากดนิ ถลม น้ําปาไหลหลาก และน้าํ ทวมฉับพลัน ท้ังหมด 9 หมบู าน พบวา มีพืน้ ท่ีเสี่ยง
ภัยไดรับผลกระทบจากดินถลม และนํา้ ทวมฉับพลัน 2 หมูบา น มีพนื้ ท่เี สย่ี งภยั ไดร ับผลกระทบจากดินไหลและ
นํ้าปาไหลหลาก 1 หมูบาน มีพื้นท่ีเส่ียงภัยไดรับผลกระทบจากดินไหล และน้ําทวมฉับพลัน 3 หมูบาน มีพ้ืนที่
เสยี่ งภยั ไดรับผลกระทบจากหินรว ง และนา้ํ ทว มฉับพลัน 1 หมูบ าน และมพี น้ื ที่เสี่ยงภยั ไดร ับผลกระทบจากนํ้า
ทว มฉบั พลนั 2 หมบู า น
จากผลการดําเนินงานโครงการจัดจางทําขอมูลแผนท่ีเสี่ยงภัยดินถลมระดับชุมชน จึงได
จัดทําหนังสือเลมนี้ขึ้น เพื่อใหมีขอมูลแผนท่ีพื้นที่เสี่ยงภัยดินถลมระดับชุมชน เพื่อใหเจาหนาที่ของกรม
ทรัพยากรธรณีและหนวยงานท่ีเกี่ยวของ สามารถใชประโยชนขอมูลเครือขายเฝาระวังแจงเตือนภัยดิน
ถลมในการเพ่ิมประสิทธิภาพการบรหิ ารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม และหวงั วา จะเปนการ
เผยแพรขอมูลของกรมทรัพยากรธรณี ใหประชาชนในพื้นท่ีเสี่ยงภัยดินถลม หนวยงานที่เก่ียวของ องคกร
ปกครองสวนทองถ่นิ และองคกรภาคประชาชน นําไปใชใหเปนประโยชนเ ม่ือเกิดเหตุการณด นิ ถลมได
2558
สารบญั
หนา
คาํ นาํ ก
สารบัญ ค
สารบญั รปู ช
สารบัญตาราง
บทท่ี 1 บทนาํ 1-1
1.1 ความเปนมา
1.2 วัตถปุ ระสงค 1-1
1.3 การดําเนินงานของโครงการที่ผา นมา 1-2
1.4 ขัน้ ตอนการจดั ทําแผนทีเ่ สย่ี งภัยดนิ ถลมระดับชุมชน 1-2
1.4.1 งานดานการรวบรวมรายงานศกึ ษาวจิ ยั ดา นดนิ ถลม 1-2
1.4.2 งานดา นการจดั เตรยี มช้นั ขอมูลแผนทีฐ่ าน 1-2
1.4.3 การวิเคราะหหาขอบเขตรองรอยดินถลม และขอบเขตพ้ืนที่เสย่ี งภัยดนิ ถลม 1-3
1.4.4 การสาํ รวจขอ มลู ภาคสนาม 1-3
1.5 พนื้ ทสี่ ํารวจ 1-5
บทท่ี 2 ธรณวี ิทยาและธรณพี บิ ตั ิภยั ดนิ ถลม 2-1
2.1 ธรณวี ิทยาทว่ั ไปของจังหวดั นครศรีธรรมราช 2-6
2.2 ธรณพี บิ ตั ภิ ยั ดนิ ถลม 2-6
2.2.1 พน้ื ทท่ี ่ีมโี อกาสเกดิ ดนิ ถลม 2-8
2.2.2 ปจจัยการเกดิ ดนิ ถลม 2-9
2.2.3 กระบวนการเกดิ ดนิ ถลม 2-11
2.2.4 คาํ จํากัดความพนื้ ที่เสี่ยงภยั ดินถลม 2-15
2.5.5 ประวตั ิการเกิดดินถลม
บทท่ี 3 พ้ืนท่เี ส่ียงภยั ดินถลมระดับชุมชน ตําบลนาหลวงเสน 3-1
3.1 ขอ มูลทั่วไป 3-1
3.1.1 ที่ตัง้ และภูมิศาสตร 3-1
3.1.2 การใชป ระโยชนท ี่ดิน 3-2
3.1.3 ลักษณะภูมิประเทศและลักษณะทางนํา้ 3-3
3.1.4 ลกั ษณะภูมิอากาศ 3-4
3.2 ลกั ษณะธรณีวทิ ยาตําบลนาหลวงเสน 3-4
3.2.1 ลําดับชน้ั หิน และธรณีวทิ ยาโครงสราง 3-9
3.2.2 หลกั ฐานการเกิดดินถลมโบราณ 3-13
3.3 สถานการณธรณีพิบัตภิ ยั ดนิ ถลมตาํ บลนาหลวงเสน
ข
สารบัญ (ตอ )
หนา
3.4 พน้ื ทเ่ี ส่ยี งภยั ดินถลม 3-13
3.4.1 แผนทเ่ี ส่ียงภยั ดินถลมระดับชมุ ชน 3-21
3.4.2 เครือขายเฝาระวงั แจงเตือนภัยดินถลม 3-22
3.4.3 จุดเฝาระวังและพนื้ ทปี่ ลอดภยั 3-26
บทที่ 4 สรปุ และขอเสนอแนะ
4.1 สรุป 4-1
4.2 ขอเสนอแนะสาํ หรบั การเตรียมความพรอมเพื่อรบั มือธรณีพิบตั ภิ ัยดนิ ถลม 4-2
4.2.1 องคการบรหิ ารสวนตาํ บลนาหลวงเสน อาํ เภอทงุ สง จังหวัดนครศรีธรรมราช4-2
4.2.2 สาํ หรับภาคประชาชน 4-5
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก รายช่ือเครอื ขายเฝา ระวังแจงเตอื นภัยดนิ ถลม ตาํ บลนาหลวงเสน อําเภอทุง สง
จังหวดั นครศรีธรรมราช
ภาคผนวก ข แผนท่เี สย่ี งภยั ดนิ ถลม ระดบั ชมุ ชน 1:10,000
ภาคผนวก ค แผนบูรณาการดา นการเฝา ระวังแจงเตือนภยั ดินถลม
ค
สารบญั รูป
รปู ท่ี หนา
1.5-1 พนื้ ทส่ี ํารวจและจัดทําขอมูลพน้ื ทเ่ี สยี่ งภยั ดนิ ถลม ระดับชุมชนในป 2557 1-6
2.1-1 จงั หวดั นครศรธี รรมราช
2.1-2 แผนที่ธรณวี ิทยาจงั หวดั นครศรธี รรมราช 2-2
2.2.1-1 คําอธิบายแผนท่ีธรณวี ทิ ยา จังหวดั นครศรธี รรมราช 2-3
2.2.2-1 แผนท่ีแสดงพ้ืนท่ที ีม่ โี อกาสเกิดดินถลมจังหวัดนครศรธี รรมราช 2-7
2.2.3-1 ปจ จัยการเกิดดนิ ถลม 2-8
กระบวนการเกดิ ดนิ ถลม ตามการเพ่ิมขึน้ ของปริมาณนํ้าฝน ในรอบ 24 ช่ัวโมง
2.2.4-1 ปรมิ าณน้าํ ฝน 178 มิลลิเมตร ทาํ ใหเกิดดนิ ไหลในพืน้ ทอี่ ําเภอทุงสง
2.2.4-2 จังหวัดนครศรีธรรมราช 2-10
2.2.4-3 พ้ืนทเี่ ส่ียงภยั ดินถลมโดยตรง โดยอาคารบา นเรือนอยรู ิมรอ งหว ย และรองเขาไหล
2.2.4-4 ผา นกลางหมบู า น หมู 5 บา นขุนสานอก ตาํ บลโปง สา อาํ เภอปาย จงั หวดั แมฮอ งสอน 2-12
2.2.4-5 พื้นที่เสย่ี งภยั น้าํ ปา ไหลหลาก หมู 5 บา นแมฮี้ ตําบลแมฮี้ อําเภอปาย
2.2.4-6 จังหวดั แมฮองสอน 2-13
พน้ื ทเ่ี สี่ยงภัยนํ้าทวมฉับพลนั หมู 3 บา นปาขาม ตําบลเวยี งใต อาํ เภอปาย
2.2.5-1 จงั หวดั แมฮองสอน 2-13
2.2.5-2 พื้นที่เสย่ี งภยั ดินถลม และนา้ํ ปาไหลหลาก หมู 4 บา นเมืองนอย ตําบลเวียงเหนือ
2.2.5-3 อาํ เภอปาย จงั หวดั แมฮ องสอน 2-14
3.2.1-1 พนื้ ทีเ่ ส่ียงภยั นํา้ ปา ไหลหลาก และนํ้าทวมฉับพลนั หมู 2 บา นทรายขาว ตําบลแมฮี้
3.2.1-2 อําเภอปาย จงั หวดั แมฮองสอน 2-14
3.2.1-3 พ้ืนทีเ่ ส่ียงภัยดนิ ไหล ก) สรางบา นขวางรอ งเขา หมู 4 บา นสาล่ี ตาํ บลนา้ํ มวบ
3.2.1-4 อําเภอเวยี งสา จงั หวัดนา น ข) ตัดไหลเขาสรา งบาน หมู 4 บา นถ้าํ ฉลอง ตาํ บลถา้ํ ฉลอง
อาํ เภอทองแสนขัน จงั หวดั อุตรดิตถ 2-15
การเกดิ ดินถลม ในจงั หวัดนครศรีธรรมราช พฤศจิกายน 2531
(ภายโดยวรวุฒิ ตนั ติวนชิ ) 2-16
รอ งรอยดนิ ถลม ในพืน้ ทจี่ ังหวัดนครศรีธรรมราช, มีนาคม 2554 2-16
ความเสียหายของบานเรือนจากดนิ ถลมในอําเภอสิชล จงั หวัดนครศรธี รรมราช 2-17
ลกั ษณะของหนิ ทราย (ϵ) สีเทาอมขาว ถงึ น้ําตาลแดง ในพื้นท่ีหมู 1 บา นสระแกว
พิกดั 575042 E/ 0908656 N 3-5
ลกั ษณะของหินไบโอไทตแกรนิต (Trgr1) สเี ทา ถึงน้าํ ตาลอมเทาเนื้อดอก
ในพนื้ ที่หมู 1 บานสระแกว พิกัด 575534 E/ 0911983 N 3-5
ลกั ษณะของตะกอนนํ้าพา (Qa) ประกอบดว ย ตะกอนกรวด ทราย และดินเหนยี ว
ในพืน้ ที่หมู 2 บา นใต พิกดั 578947 E/ 0905546 N 3-5
ลักษณะของหนิ ทรายแทรกสลบั หนิ ทรายแปง (Olt) สีน้ําตาลอมเหลือง ถึงนํา้ ตาลอมสม
ในพ้ืนทหี่ มู 3 บา นทาเลา พกิ ัด 577511 E/ 0906616 N 3-6
ง
สารบัญรูป (ตอ)
รูปที่ หนา
3.2.1-5 ลักษณะของหินปนู (Olt) สีเทาอมเขียว ชั้นปานกลาง ในพื้นทห่ี มู 3 บานทา เลา 3-6
พิกัด 575539 E/ 0912508 N 3-6
3-7
3.2.1-6 ลักษณะของตะกอนผพุ ังอยูกับท่ี (Qc) ประกอบดวย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง 3-7
และดินเหนียว ในพื้นทีห่ มู 4 บานลําหัด พกิ ัด 593025 E/ 0909156 N 3-7
3-8
3.2.1-7 ลักษณะของหนิ ปนู (Olt) สเี ทาถงึ เทาขาว ชัน้ ปานกลาง ในพน้ื ทห่ี มู 5 บา นถํา้ ใหญ 3-8
พิกัด 576058 E/ 0907774 N 3-8
3-9
3.2.1-8 ลกั ษณะของหินปนู (Olt) สเี ทาถงึ เทาดํา ช้ันหนา ในพ้ืนท่หี มู 6 บา นสาํ โรง
พิกดั 574923 E/ 0905241 N 3-10
3-10
3.2.1-9 ลักษณะของหินทรายแปง สีนาํ้ ตาลแดง (Olt) ในพ้ืนท่ีหมู 6 บา นสาํ โรง 3-10
พิกดั 574705 E/ 0905315 N 3-11
3.2.1-10 ลักษณะของหนิ แกรนติ (Trgr1) เนอื้ ดอก สเี ทาขาว ในพืน้ ทีห่ มู 7 บา นประดู 3-11
พกิ ัด 578011 E/ 0910078 N 3-11
3.2.1-11 ลักษณะของตะกอนผพุ ังอยกู ับที่ (Qc) ประกอบดวย เศษหินทราย กรวด ทราย
ทรายแปง และดนิ เหนยี ว ในพน้ื ทหี่ มู 7 บานประดู พิกัด 578519 E/ 0908676 N
3.2.1-12 ลักษณะของหนิ แกรนติ (TRgr1) เนอ้ื ดอก ในพน้ื ทห่ี มู 8 บานไสเหนือ
พกิ ัด 579550 E/ 0908869 N
3.2.1-13 ลกั ษณะของหนิ แกรนิต (TRgr1) สเี ทา เน้ือสมาํ่ เสมอ ถงึ เน้ือดอก ในพื้นท่ีหมู 9
บานหนา เขา พิกัด 577165 E/ 0909344 N
3.2.2-1 ลกั ษณะกองดนิ ถลมโบราณ ประกอบดว ย กอนหินแกรนติ ขนาดประมาณ
0.45 x 1.0 เมตร กรวด ทราย ทรายแปง และดินเหนยี ว ในพ้นื ท่ีหมู 1 บา นสระแกว
พกิ ดั 575528 E/ 0911893 N
3.2.2-2 ลกั ษณะตะกอนในคลองทาโหลน ประกอบดวย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง
และดนิ เหนยี ว ในพื้นที่หมู 2 บานใต พกิ ัด 578947 E/ 0905546 N
3.2.2-3 ลกั ษณะตะกอนในคลองทา เลา ประกอบดว ย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง
และดนิ เหนียว ในพื้นทหี่ มู 3 บา นทา เลา พิกดั 577145 E/ 0905935 N
3.2.2-4 ลกั ษณะตะกอนในคลองงา ประกอบดวย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง
และดนิ เหนยี วในพน้ื ทหี่ มู 4 บานลาํ หดั พกิ ัด 573212 E/ 0907200 N
3.2.2-5 ลกั ษณะกองดินถลมโบราณ ประกอบดว ย กอ นหินแกรนิต ขนาดประมาณ
1.0 x 2.0 เมตร กรวด ทราย ทรายแปง และดินเหนยี ว ในพน้ื ทหี่ มู 5 บานคอกชาง
พิกัด 577323 E/ 0909514 N
3.2.2-6 ลักษณะตะกอนในคลองทา เลา ประกอบดวย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง
และดินเหนียว ในพ้ืนที่หมู 6 บา นสําโรง พกิ ดั 575287 E/ 0904820 N
จ
สารบญั รปู (ตอ)
รูปท่ี หนา
3.2.2-7 ลกั ษณะกองดนิ ถลมโบราณ ประกอบดวย กอ นหินแกรนิต ขนาดประมาณ
3.2.2-8 1.0 x 2.0 เมตร กรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนยี ว ในพ้ืนทีห่ มู 7 บานประดู
3.2.2-9 พกิ ัด 577477 E/ 0909466 N 3-12
3.4-1 ลักษณะกองดินถลม โบราณ ประกอบดว ย กอนหินแกรนิต ขนาดประมาณ
0.50 x 1.0 เมตร กรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนยี ว ในพ้นื ที่ หมู 8 บานไสเหนือ
3.4-2 พกิ ัด 580440 E/ 0908264 N 3-12
3.4-3 ลกั ษณะตะกอนในคลองทา เลา ประกอบดว ย ตะกอนกรวด ทรายทรายแปง
3.4-4 และดนิ เหนยี วในพนื้ ทห่ี มู 9 บา นหนา เขา พิกดั 577165 E/ 0909344 N 3-12
3.4-5 พนื้ ที่เสย่ี งภยั หมู 1 บา นสระแกว (ก) ตัง้ บานเรอื นอยบู นกองดนิ ถลม เกา เสีย่ งดินถลม
3.4-6 (ข) ตง้ั บา นเรือนใกลสะพานคลองลาํ หดั เสีย่ งนา้ํ ทว มฉบั พลัน (ค) ตงั้ บา นเรือนใกล
3.4-7 สะพานคลองลาํ คอย เสีย่ งนํา้ ทวมฉบั พลัน (ง) ตัง้ บา นเรือนใกลสะพานคลองวงั หีบ
3.4-8 เส่ยี งนํา้ ทวมฉับพลัน 3-16
3.4-9 พื้นท่เี ส่ยี งภัย หมู 2 บานใต (ก) ตดั ไหลเขาเพื่อตงั้ บานเรอื น เสยี่ งดนิ ไหล
(ข) ตั้งบา นเรือนใกลคลองทาโหลน เสี่ยงนา้ํ ทวมฉับพลัน 3-17
พน้ื ทเี่ ส่ยี งภยั หมู 3 บานทา เลา (ก) ตัดไหลเ ขาสรางบา นเรือน เสีย่ งดนิ ไหล
(ข) ตง้ั บานเรือนใกลค ลองทาเลา เสยี่ งนํา้ ทว มฉับพลัน 3-17
พื้นทเ่ี สี่ยงภยั หมู 4 บา นลาํ หดั (ก) ตั้งบา นเรือนใกลคลองวงั หดั เส่ยี งนา้ํ ทว มฉบั พลนั
(ข) ตั้งบา นเรือนใกลคลองงา เส่ยี งนาํ้ ทวมฉับพลัน (ค) ต้งั บา นเรอื นใกลคลองวังหีบ
เสย่ี งน้าํ ทวมฉับพลัน 3-18
พน้ื ท่ีเสย่ี งภัย หมู 5 บา นคอกชา ง (ก) ตัดไหลเขาตั้งบานเรือน เสย่ี งดนิ ไหล
(ข) ตั้งบา นเรือนใกลสะพานคลองลาํ หัด เสีย่ งน้าํ ทว มฉับพลัน (ค) ตง้ั บา นเรือนใกล
สะพานคลองวงั หบี เสี่ยงน้าํ ทวมฉับพลนั 3-18
พื้นทเี่ สย่ี งภัย หมู 6 บา นสาํ โรง (ก) นางถนอม ศรสี มหมาย ตัง้ บานเรือนใกลเขาหนิ ปูน
เสีย่ งหินรว ง (ข) โรงเรยี นชุมชนวัดสําโรง ตั้งอยตู ิดคลองทาเลา เสย่ี งน้ําปา ไหลหลาก 3-19
พื้นทเี่ สย่ี งภัย หมู 7 บา นประดู (ก) ตัดไหลเขาเพอ่ื ต้ังบานเรือน เสี่ยงดินไหล
(ข) ต้ังบา นเรือนใกลห ว ยเสาะ เสยี่ งนํา้ ปา ไหลหลาก (ค) ตัง้ บา นเรอื นใกลค ลองทาเลา
เส่ยี งนาํ้ ปาไหลหลาก 3-20
พ้นื ที่เสยี่ งภยั หมู 8 บานไสเหนือ (ก) ตง้ั บานเรือนใกลเ ขา เสย่ี งดินถลม
(ข) ตง้ั บา นเรือนใกลส ะพานคลองทาโลน เสยี่ งนํา้ ทวมฉบั พลัน
(ค) ตัง้ บานเรือนใกลห วยชองตริบ เส่ยี งนาํ้ ทวมฉับพลนั 3-20
พนื้ ท่เี สี่ยงภยั หมู 9 บา นหนาเขา (ก) และ (ข) ตง้ั บานเรือนใกลค ลองทา เลา
เส่ียงนาํ้ ปาไหลหลาก 3-21
ฉ
สารบัญรูป (ตอ )
รูปท่ี หนา
3.4.1-1 แผนทีเ่ สีย่ งภัยดนิ ถลมระดับชมุ ชน ตําบลนาหลวงเสน อาํ เภอทงุ สง 3-23
3.4.1-2 จังหวดั นครศรีธรรมราช
3.4.1-3 แผนทเี่ สยี่ งภัยดินถลมระดบั ชุมชน ตําบลนาหลวงเสน อาํ เภอทงุ สง
3.4.3-1 จังหวัดนครศรธี รรมราช (สว นท่ี 1) 3-24
แผนที่เสี่ยงภยั ดนิ ถลมระดับชมุ ชน ตาํ บลนาหลวงเสน อําเภอทงุ สง
3.4.3-2 จังหวัดนครศรีธรรมราช (สวนที่ 2) 3-25
3.4.3-3 (ก) จดุ เฝา ระวงั ตนน้าํ คลองทาโลน บา นนายสิทธพิ ล โชโต หมู 2 บานใต
3.4.3-4 พิกัด 579152 E/ 906374 N
3.4.3-5 (ข) จุดเฝาระวังตน น้ําคลองวังหบี บานนายสมเกียรติ์ เมืองไทย หมู 5 บานคอกชา ง
3.4.3-6 พกิ ัด 574883 E/ 910244 N
4.2.1-1 (ค) จดุ เฝา ระวังตน นา้ํ คลองลําหดั บา นนางพรเพ็ญ ศรปี ระจันต หมู 5 บานคอกชา ง
4.2.1-2 พิกดั 575340 E/ 909473 N
(ง) จดุ เฝาระวงั ตนน้าํ คลองทา เลา (คลองประดู) บานนายรังษี ชนะชน หมู 7
บานประดู พิกัด 577942 E/ 910065 N
(จ) จุดเฝาระวงั ตน น้าํ คลองทาโลน (คลองทา โหลน) บา นนายพรภริ มย พิกลุ งาม
หมู 8 บานไสเหนอื พกิ ดั 579539 E/ 908941 N 3-27
พ้ืนที่ปลอดภยั สําหรับอพยพช่ัวคราว (ก) หมู 1 บานสระแกว บริเวณบานนายจาํ นง คงกลุ
พกิ ดั 575086 E/ 909376 N (ข) หมู 2 บานใต บริเวณโรงพยาบาลสง เสริมสุขภาพ
ตําบลบานใต พิกดั 578400 E/ 905437 N 3-28
พ้นื ทป่ี ลอดภยั สําหรบั อพยพชั่วคราว (ก) หมู 3 บานทาเลา บริเวณศาลาหมูบาน หมู 3
บานทาเลา พิกัด 576646 E/ 906085 N (ข) หมู 4 บา นลําหดั บริเวณโรงเรยี นทุงคอกชาง
หมู 5 พกิ ัด 575204 E/ 907670 N 3-28
พ้ืนที่ปลอดภยั สําหรบั อพยพชั่วคราว (ก) หมู 5 บานคอกชาง บริเวณโรงเรียนทุง คอกชา ง
พกิ ดั 575204 E/ 907670 N (ข) หมู 6 บา นสําโรง บรเิ วณท่ที าํ การ อบต.นาหลวงเสน
พกิ ดั 574910 E/ 905375 N 3-28
พ้ืนทปี่ ลอดภยั สาํ หรับอพยพช่ัวคราว (ก) หมู 7 บานประดู บริเวณโรงเรียนวดั ศลิ าราราย
พกิ ดั 577916 E/ 907347 N (ข) หมู 8 บานไสเหนือ บริเวณท่ที าํ การผใู หญบ าน หมู 8
บานไสเหนอื พกิ ัด 578741 E/ 907932 N 3-29
พ้ืนทปี่ ลอดภยั สําหรบั อพยพช่ัวคราว หมู 9 บา นหนา เขาบริเวณบานนายธีรยุทธ
เกิดบัวทอง พกิ ัด 576779 E/ 908637 N 3-29
ฝายนา้ํ ลนกีดขวางทางนํ้า ทําใหก ัดเซาะตลิ่งและบา นเรอื นเสียหาย 4-3
ฝายคลองทาทนท่ีสรา งกีดขวางทางนํา้ ทําใหยกระดบั น้าํ ทว มเปน บรเิ วณกวาง 4-4
ช หนา
4-4
สารบญั รปู (ตอ ) 4-5
รูปที่
4.2.1-3 สะพานขา มลํานาํ้ ซึ่งมเี สาสะพานจํานวนมาก กลายเปนเขื่อนขนาดยอ มกดี ขวาง
การไหลของเศษซากไมและตะกอนดิน เมื่อไมส ามารถตานทานไหวจึงพังทลาย
4.2.1-4 ถนนแบบลดระดับ (ถนนนา้ํ ลน) ซึ่งเหมาะสมกับพ้นื ทางนํา้ ขนาดเล็ก
สารบญั ตาราง หนา
1-5
ตารางท่ี
1.5-1 พน้ื ที่สาํ รวจและจัดทาํ ขอมลู พ้ืนทเ่ี สีย่ งภัยดินถลมระดับชมุ ชนในป 2557
จังหวัดนครศรีธรรมราช
บทที่ 1
บทนาํ
บทท่ี 1
บทนํา
1.1 ความเปน็ มา
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกส่งผลให้อัตราการเกิดพิบัติภัยเกี่ยวกับดินโคลน
ถล่มนํา้ ป่าไหลหลาก และน้าํ ท่วมฉับพลัน มีจํานวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและทวีความรุนแรงข้ึน ซึ่งหาก
เกิดข้ึนจะสรา้ งความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจํานวนมาก จําเป็นอยา่ งยิ่งต้องจัดเตรียม
ข้อมูลท่มี ี ความถูกตอ้ งและเปน็ ปัจจบุ นั ท่อี ยู่ในรปู แบบทีส่ นับสนุนการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยที ่ีทันสมยั เพื่อ
การเฝ้าระวงั การเกดิ เหตุการณ์และใชส้ าํ หรับการบริหารจดั การ
กรมทรัพยากรธรณีเป็นหน่วยงานหลักหน่วยงานหนึ่งที่มีภารกิจรับผิดชอบด้านการ
เฝ้าระวังการเกิดธรณีพิบัติภัย จึงมีแนวคิดในการจัดจ้างทําข้อมูลแผนที่เสี่ยงภัยดินถล่มระดับชุมชนใน
รูปแบบฐานข้อมลู ระบบสารสนเทศ สําหรบั การติดตามสถานการณ์และสนับสนนุ การเฝา้ ระวงั แจ้งเตือนภัย
พิบัติต่างๆ เพ่ือเป็นเครื่องมือในการวางแผนและบริหารสถานการณ์ท้ังในส่วนก่อนเกิดเหตุ ช่วงเกิดเหตุ และ
การช่วยเหลือบรรเทาหลังเกิดเหตุ
ในปี พ.ศ. 2555 กรมทรัพยากรธรณีได้จัดทําข้อมูลแผนที่เสี่ยงภัยดินถล่มระดับชุมชน
จํานวน 190 ตําบล ในพ้ืนท่ี 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดชุมพร จังหวัดน่าน
จังหวดั แพร่ และจังหวัดอุตรดิตถ์
ในปี พ.ศ. 2556 กรมทรัพยากรธรณีได้จัดทําข้อมูลแผนที่เสี่ยงภัยดินถล่มระดับชุมชน
จํานวน 180 ตําบล ในพื้นท่ี 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดชุมพร จังหวัดน่าน
จังหวัดแพร่ จงั หวดั อุตรดิตถ์ จงั หวัดสโุ ขทยั และจังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี
และในปี พ.ศ. 2557 กรมทรัพยากรธรณีได้จัดทําข้อมูลแผนที่เสี่ยงภัยดินถล่มระดับ
ชุมชน จํานวน 120 ตําบล ในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดชุมพร
จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดนครศรธี รรมราช จังหวัดน่าน จังหวดั พัทลงุ จังหวัดสุโขทัย จังหวัดตาก จังหวัด
ตรงั และจังหวัดอุตรดติ ถ์
1.2 วตั ถปุ ระสงค์
1. เพื่อให้มีข้อมูลแผนที่พื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มระดับชุมชน ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัย
ระดับสูงในพืน้ ท่ีไมน่ ้อยกวา่ 120 ตําบล ในการดําเนนิ การบริหารจดั การพบิ ตั ภิ ัย
2. เพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีของกรมทรัพยากรธรณีและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง สามารถใช้ประโยชน์
ข้อมูลเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
และสง่ิ แวดลอ้ ม
3. เพ่ือเป็นการเผยแพร่ข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณี สําหรับประกอบการแจ้งเตือน
ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กร
ภาคประชาชน ในการชว่ ยเหลอื ประชาชนเมื่อเกดิ ดินถล่ม
1-2
1.3 การดําเนินงานของโครงการท่ีผ่านมา
กรมทรัพยากรธรณี ยังไม่เคยสํารวจและจัดทําข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มระดับชุมชน
ในจังหวัดนครศรีธรรมราช
1.4 ขนั้ ตอนการจดั ทําแผนท่เี สย่ี งภัยดินถลม่ ระดับชมุ ชน
ในการศึกษาและจัดทําโครงการแผนท่ีเส่ียงภัยดินถล่มระดับชุมชน จะมีขั้นตอนในการ
ดาํ เนินงาน 4 ข้นั ตอน ดังนี้
1.4.1 งานด้านการรวบรวมรายงานศกึ ษาวิจยั ดา้ นดนิ ถลม่
ดําเนินการรวบรวมและทบทวนข้อมูลรายงานการศึกษาวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับพ้ืนท่ีเสี่ยงภัย
ดินถล่มระดับชุมชน และรวบรวมรายงานการศึกษาวิจัยดังกล่าวท้ังในประเทศและต่างประเทศ พร้อม
ดําเนินการเปรียบเทียบจุดเด่นและจุดด้อยของผลงานการใช้ข้อมูลแบบจําลองระดับความสูงเชิงเลข หรือ
วธิ ีการใกลเ้ คียง ท่ีใช้สมการทางคณติ ศาสตร์ มาสร้างแผนที่ขอ้ มลู พ้นื ท่ีเสี่ยงภัยดินถล่มระดับชมุ ชน มาตรา
สว่ น 1:4,000
1.4.2 งานด้านการจดั เตรียมชน้ั ข้อมูลแผนท่ีฐาน
ทําการรวบรวมข้อมูลแผนที่ฐานจากหน่วยงานต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือใช้ประกอบในการ
จดั ทําแผนที่เสย่ี งภัยดนิ ถลม่ ระดับชุมชน โดยมีชั้นขอ้ มูลหลกั ๆ 7 ชั้นขอ้ มูลประกอบด้วย
1. ลักษณะธรณีวิทยาท่ัวไป โครงสร้างทางธรณีวิทยา โดยใช้ข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณี
แผนท่ธี รณีวิทยา 1:50,000 รายจงั หวดั
2. ขอบเขตการปกครอง ตาํ บล อาํ เภอและจังหวัด ตาํ แหนง่ หมู่บ้าน
3. ถนนและทางรถไฟ ข้อมูลท่ีทันสมัยท่ีได้จากแผนที่ภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลข มาตรา
สว่ น 1:4,000 กรมพัฒนาทีด่ ิน
4. แม่นํ้า ลําคลองและแหล่งนํ้า ข้อมูลท่ีทันสมัย ได้จากแผนที่ภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลข
มาตราส่วน 1:4,000 กรมพัฒนาท่ดี ิน
5. สถานที่สําคัญ ประกอบด้วย วัด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานีตํารวจ ที่ได้จากแผนที่
ภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลข มาตราส่วน 1:4,000 กรมพัฒนาท่ีดิน พร้อมกําหนดค่าตําแหน่งด้วย GPS จาก
การสํารวจ
6. ข้อมูลเส้นช้ันความสูง ท่ีมีความแตกต่างระหว่างเส้นช้ันเท่ากับ 5 เมตร ในแผนท่ี
มาตราส่วน 1:4000 ในพื้นที่เสย่ี งภยั ทีก่ ําหนด
7. ข้อมูลแบบจําลองระดับเชิงเลข มาตราส่วน 1:4,000 ครอบคลุมพ้ืนท่ี ซึ่งกรม
ทรัพยากรธรณีจัดหา เพ่ือนําไปดําเนินการจัดทําเส้นชั้นความสูง และเป็นข้อมูลในการจัดทําขอบเขตพื้นท่ี
เสยี่ งภยั ดนิ ถล่ม
1-3
1.4.3 การวิเคราะหห์ าขอบเขตร่องรอยดินถลม่ และขอบเขตพื้นที่เสย่ี งภยั ดินถล่ม
ดําเนินการจัดหาภาพดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศเพื่อทําการวิเคราะห์ และแปล
ความหมายจากข้อมูลดาวเทียม ซึ่งจะนําไปจัดทําขอบเขตร่องรอยดินถล่ม และวิเคราะห์ข้อมูลตาม
แบบจาํ ลองทางคณติ ศาสตรเ์ พอื่ หาขอบเขตพนื้ ที่เสยี่ งภยั ดินถล่ม โดยดาํ เนนิ การดงั น้ี
1. วเิ คราะหห์ าขอบเขตรอ่ งรอยดินถลม่
การศึกษาร่องรอยดินถล่มในอดีต ดําเนินการโดยอาศัยการแปลความหมายภาพถ่ายทาง
อากาศและภาพดาวเทียม ซึ่งสามารถแบ่งเป็นได้เป็น 4 ข้ันตอน 1) กําหนดพื้นท่ีศึกษาเพื่อให้ทราบพ้ืนท่ี
และขอบเขตการทํางานท่ีแน่นอน 2) จัดเตรียมข้อมูลพ้ืนฐานที่จําเป็นในการศึกษา ได้แก่ ภาพถ่ายทาง
อากาศ ภาพดาวเทียม แผนท่ีภูมิประเทศ และแผนที่ธรณีวิทยา เป็นต้น ซ่ึงข้อมูลเหล่านี้ล้วนมีส่วนสําคัญ
ในการแปลความหมายหาร่องรอยดินถล่ม ให้ได้ข้อมูลที่มีความถูกต้องและได้ข้อมูลท่ีมีความทันสมัยมาก
ท่ีสุด 3) ทําการแปลความหมายภาพถ่ายทางอากาศและภาพดาวเทียมในมาตราส่วน 1:10,000 โดย
วิธีการแปลตีความข้อมูลภาพดาวเทียมด้วยสายตา (Visual Interpretation) จากการสร้างตารางกริด
ขนาด 1 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ศึกษา เพ่ือให้ได้รายละเอียดที่เหมาะสมกับการนําไปประมวลผล
และนําไปใช้งานในภาคสนามต่อไป โดยในขั้นตอนการแปลความหมายฯ ยังได้อาศัยการประมวลผลจาก
ข้อมูลแผนที่ภูมิประเทศและแผนท่ีธรณีวิทยาประกอบกันด้วย เพ่ือให้ได้ร่องรอยดินถล่มท่ีถูกต้องและ
สอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด 4) ข้อมูลที่ได้จากการแปลความหมายจะถูกจัดทําให้อยู่ในรูปแบบ
ข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือ GIS เพื่อให้สามารถนําข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์ตามสมการ
คณติ ศาสตร์ หรือจัดทาํ แผนที่ร่องรอยดนิ ถลม่ ในอดีตได้ทนั ที
2. จดั ทําขอบเขตพ้ืนที่พ้ืนทเี่ สย่ี งภัยดนิ ถลม่
ดําเนินการโดยใช้แบบจําลองทางคณิตศาสตร์ เพ่ือวิเคราะห์ศักยภาพการไหลของนํ้าบน
พื้นผิวความสูงตํ่าของสภาพภูมิประเทศ จากค่าระดับความสูงเชิงเลข (Digital Elevation Model : DEM)
และลักษณะลําน้ําที่พาดผ่านภูมิประเทศที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มเป็นหลักเท่านั้นโดยใช้แบบจําลอง
ArcHydroTools_2_0 พั ฒ น า โ ด ย Esri Water Resources Team, Dean Djokic, Zichuan Ye,
Christine Dartiguenave (2011) และแบบจําลองการหาค่าประมาณการใกล้เคียงกับการกําหนดค่า
ความสูงการไหล่บ่าของนํ้า โดยใช้แบบจําลอง Flood Hazard พัฒนาจาก ModeBuilder ของโปรแกรม
ArcGis โดยในการจัดทําข้อมูลพ้ืนท่ีเส่ียงภัยดินถล่ม กําหนดให้มีความเสี่ยงที่ระดับน้ํา 5 เมตร จากลําน้ํา
แล้วไหลบ่าไปตามลําน้ําทั้ง 2 ฝั่ง ซ่ึงพ้ืนท่ีต้นนํ้าอาจได้รับผลกระทบจากดินถล่ม พื้นที่กลางนํ้าอาจได้รับ
ผลกระทบจากน้าํ ป่าไหลหลาก และพ้ืนทีท่ ้ายนํ้าอาจได้รับผลกระทบจากนาํ้ ท่วมฉับพลัน
1.4.4 การสํารวจข้อมลู ภาคสนาม
การสํารวจข้อมูลภาคสนามเพื่อตรวจสอบปรับแก้ข้อมูลขอบเขตพื้นที่ที่อาจได้รับ
ผลกระทบจากดินถล่ม นํ้าป่าไหลหลาก และน้ําท่วมฉับพลัน ให้มีความใกล้เคียงกับสภาพภูมิประเทศใน
พ้ืนท่ีจริง โดยการสํารวจเก็บข้อมูลพร้อมรูปถ่ายประกอบ และบันทึกเป็นดิจิทัลไฟล์จากจีพีเอส ซ่ึงเป็น
ข้อมูลเส้นทาง การสํารวจ และตําแหน่งพิกัดถ่ายรูป หรือตําแหน่งอื่นๆ ที่ทําการบันทึก รายละเอียด
องค์ประกอบต่างๆ ประกอบด้วย สภาพธรณีวิทยา หลักฐานการเกิดดินถล่มโบราณที่เคยเกิดมาก่อน
หรือคราบระดับนํ้าป่าไหลหลาก จุดที่เคยเกิดดินไหล/ดินถล่ม ตําแหน่งที่ตั้งหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน ตําแหน่ง
สถานท่ีสําคัญในพื้นท่ี เช่น ท่ีทําการองค์การบริหารส่วนตําบล ท่ีทําการสํานักงานเทศบาล สถานีตํารวจ
1-4
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล โรงเรียน วัด ตําแหน่งส่ิงกีดขวางทางน้ําต่างๆ เช่น ท่อ ฝาย สะพาน
อา่ งเก็บนา้ํ ตาํ แหน่งบ้านเครอื ข่าย ตําแหน่งเฝ้าระวังต้นนํ้า และตําแหน่งพื้นที่ปลอดภัย โดยมีขั้นตอนและ
วิธกี ารสาํ รวจ ดงั นี้
การเตรยี มข้อมูลพืน้ ฐานกอ่ นการเก็บข้อมูลภาคสนาม
1. จัดเตรียมแผนท่ีข้อมูลพื้นที่เส่ียงภัยดินถล่มระดับชุมชน ประกอบด้วย ร่องรอยดินถล่ม
ลักษณะทางธรณีวิทยา ขอบเขตการปกครอง อบต. อําเภอ และจังหวัด ถนนและทางรถไฟ แม่น้ํา ลําคลอง
และแหล่งน้ํา สถานที่สําคัญ (วัด โรงเรียน สถานีอนามัย สถานีตํารวจ) และขอบเขตพ้ืนท่ีเส่ียงภัยดินถล่ม
เพือ่ วางแผนเส้นทางการศกึ ษาสาํ รวจ
2. ข้อมูลพื้นฐานของ อบต. หรือ เทศบาล เช่น ข้อมูลท่ัวไปของตําบล ชื่อและจํานวน
หมบู่ ้าน
3. ขอ้ มลู ดา้ นธรณวี ิทยาของพน้ื ท่ี ไดแ้ ก่ หมวดหนิ ชนดิ หนิ
4. ข้อมูลประวัติ สถานการณ์ ที่เคยเกิดเหตุการณ์ดินถล่ม นํ้าป่าไหลหลาก และนํ้าท่วม
ฉับพลนั พร้อมท้ังปที ่ีเกดิ เหตกุ ารณด์ งั กลา่ ว
การเตรียมอปุ กรณภ์ าคสนาม
1. สมุดบันทึกข้อมูลในสนาม ฆ้อนธรณี เข็มทิศ ปากกา ดินสอ แว่นขยายขนาด 10 เท่า
หรือมากกว่า ขวดกรดที่บรรจุกรดไฮดรอคลอรกิ เจือจาง 10 เปอร์เซ็นต์ และไมโ้ ปรแทรกเตอร์
2. กลอ้ งถา่ ยรูป พร้อมการ์ดความจาํ
3. จีพเี อสพรอ้ มแบตเตอรี่ เพ่อื ใชใ้ นการกาํ หนดตาํ แหน่ง และบันทึกเสน้ ทางการสาํ รวจ
4. พาหนะสําหรบั การสาํ รวจ เชน่ รถยนต์ระบบขับเคลอ่ื น 4 ลอ้ รถจักรยานยนต์
การตดิ ต่อประสานงานและการจดั ทาํ ขอ้ มลู เครอื ขา่ ย
ตดิ ต่อประสานงานผู้ใหญ่บา้ น เพอ่ื ขอรายชอ่ื ผนู้ ําและขอความรว่ มมือจากผูใ้ หญ่บ้านหรือ
บุคคลที่ผู้ใหญ่บ้านประสานงาน เพ่ือนําสํารวจหมู่บ้าน ประกอบด้วย ตําแหน่งเฝ้าระวังบริเวณต้นนํ้า
ตาํ แหน่งสถานท่ีปลอดภัย ตําแหนง่ สิง่ กีดขวางทางน้ํา ตําแหน่งสถานท่ีสาํ คัญ บ้านเครือข่าย บ้านเครือข่าย
วัดปริมาณนํ้าฝน คราบนํ้าป่าไหลหลากท่ีเคยเกิดมาแล้ว (ถ้ามี) และสํารวจลักษณะธรณีวิทยา พร้อม
ถ่ายรปู
การศกึ ษาและสํารวจพน้ื ที่เสยี งภยั ดนิ ถล่มในภาคสนาม
เก็บข้อมูล หลักฐานเกี่ยวกับการเกิดดินถล่มที่เคยเกิดมาแล้ว หรือดินถล่มโบราณ เช่น
ร่องรอยระดับนํ้าทว่ มสงู สดุ พร้อมขอ้ มลู เพ่ือการประเมนิ ความเสยี่ งพ้ืนที่เสย่ี งภัยดนิ ถลม่ ของแต่ละหมบู่ า้ น
โดยการเกบ็ ข้อมูลเพื่อศึกษา ลักษณะธรณีวิทยา ลักษณะภูมิประเทศ และสภาพสิ่งแวดลอ้ ม พรอ้ มรูปถ่าย
เพ่ือประกอบการเขียนรายงาน เชน่ ประเมนิ การผุพงั (Weathering) การแปรสภาพ (Alteration) ของหิน
หลักฐานการเกิดดินถล่มโบราณหรือเคยเกิดมาก่อน ชื่อห้วยต่างๆ ท่ีใช้เรียกในหมู่บ้าน สภาพภูมิประเทศ
ท่ีต้ังบ้านเรือน ส่ิงก่อสร้างกีดขวางทางนํ้า สภาพการใช้ประโยชน์ท่ีดิน พร้อมถ่ายรูป เพ่ือประกอบการ
จัดทาํ รายงาน
1-5
1.5 พ้ืนทีส่ าํ รวจ
กรมทรัพยากรธรณี ได้ดําเนินการจัดทําข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มระดับชุมชนใน
จังหวัดนครศรีธรรมราช ในปีงบประมาณ 2557 มีพ้ืนท่ีศึกษา 14 อําเภอ 33 ตําบล ประกอบด้วย อําเภอ
เมอื งนครศรีธรรมราช อําเภอพรหมคีรี อําเภอลานสกา อําเภอฉวาง อําเภอพปิ ูน อาํ เภอชะอวด อําเภอท่าศาลา
อําเภอทุ่งสง อาํ เภอนาบอน อาํ เภอรอ่ นพิบูลย์ อําเภอสิชล อําเภอขนอม อําเภอนบพิตํา และอําเภอช้างกลาง
ดงั แสดงในตารางท่ี 1.5-1 และรูปที่ 1.5-1
ตารางที่ 1.5-1 พื้นทีส่ ํารวจและจดั ทาํ ขอ้ มลู พื้นท่เี ส่ียงภยั ดนิ ถล่มระดบั ชมุ ชนในปี 2557
จังหวดั นครศรธี รรมราช
อาํ เภอ ตาํ บลที่สาํ รวจและจดั ทําขอ้ มลู พื้นที่เสยี่ งภยั ดินถลม่ ระดับชุมชน
เมืองนครศรธี รรมราช 1) ทา่ งว้ิ
พรหมครี ี 1) พรหมโลก 2) บา้ นเกาะ 3) ทอนหงส์
ลานสกา 1) เขาแกว้ 2) ลานสกา 3) ทา่ ดี 4) กาํ โลน
ฉวาง 1) ละอาย 2) ห้วยปรกิ
พิปูน 1) พิปูน 2) กะทูน 3) เขาพระ 4) ยางคอ้ ม
ชะอวด 1) วงั อา่ ง 2) เขาพระทอง
ทา่ ศาลา 1) ตลง่ิ ชัน
ทุง่ สง 1) นาหลวงเสน 2) ถํา้ ใหญ่
นาบอน 1) นาบอน
รอ่ นพิบลู ย์ 1) ร่อนพิบลู ย์ 2) หินตก
สิชล 1) ฉลอง 2) เปลี่ยน 3) เทพราช 4) เขานอ้ ย
ขนอม 1) ขนอม 2) ควนทอง
นบพิตาํ 1) นบพติ ํา 2) กรงุ ชิง 3) นาเหรง
ช้างกลาง 1) ชา้ งกลาง 2) สวนขนั
1-6
รูปที่ 1.5-1 พืน้ ท่สี าํ รวจและจดั ทาํ ขอ้ มูลพน้ื ท่เี สย่ี งภยั ดนิ ถลม่ ระดบั ชมุ ชนในปี 2557 จังหวดั นครศรธี รรมราช
บทท่ี 2
ธรณีวิทยาและธรณพี บิ ัตภิ ัยดนิ ถลม
บทท่ี 2
ธรณีวทิ ยาและธรณีพิบัตภิ ัยดินถลม
2.1 ธรณีวิทยาทว่ั ไปของจังหวดั นครศรีธรรมราช
ลักษณะธรณีวิทยาของจังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบดวยหินตะกอน หินแปร และ
ตะกอนรว น สามารถจาํ แนกยอยเปนหินตะกอนและหนิ แปร 13 หนวย และตะกอนรว น 9 หนว ย ซึ่งขอ มูล
ธรณีวิทยาท่ัวไปที่กลาวในรายงานฉบับนี้ ไดอาศัยขอมูลพ้ืนฐานจากแผนที่ธรณีวิทยาประเทศไทย มาตราสวน
1:1,000,000 ของสํานักธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี ซึ่งจัดพิมพในป พ.ศ. 2542 และ Buam and
others (1970)
ลาํ ดับชนั้ หิน
หินที่พบในจังหวัดนครศรีธรรมราช สามารถอธิบายเรียงลําดับจากหินอายุแกไปยังหินท่ี
มีอายุออนกวา ตามลาํ ดบั ไดด ังน้ี (รูปท่ี 2.1-1 ถึงรูปท่ี 2.1-2)
หนิ ยคุ พรีแคมเบรยี น
หินยุคพรีแคมเบรียนเปนหินแปรทั้งหมด ประกอบดวย หินไนส และหินชีสต สีเทาถึงสี
เทาแกมนาํ้ ตาล พบกระจายตวั ทางดานใตอาํ เภอขนอม
หินยุคแคมเบรียน
กลุมหินตะรุเตา เปนชื่อที่ใชเรียกหินยุคแคมเบรียน ประกอบดวย หินทราย และ
หินควอรตไซต สีขาว และสีเทาออน เม็ดละเอียด แสดงลักษณะเปนช้ันหนาถึงบาง มีการวางช้ันเฉียง
ระดับแสดงแถบชั้นบาง พบกระจายตวั บรเิ วณกง่ิ อาํ เภอนบพิตาํ อําเภอนาบอน รอนพบิ ูลย และพระพรหม
หนิ ยคุ ออรโ ดวเิ ชยี น
กลุมหินทุงสง ใชเรียกหินปูนยุคออรโดวิเชียน ประกอบดวย หินปูนสีเทา ผลึกละเอียด
ถึงหยาบ แสดงลักษณะเปนช้ันบางถึงไมแสดงช้ัน มีเน้ือดินช้ันบางๆ แทรก พบซากดึกดําบรรพจําพวก
แกสโตรพอดและแบรคิโอพอด พบกระจายตัวบริเวณดานเหนือและใตของจังหวัด ที่พบในพ้ืนท่ี
จาํ แนกออกไดเ ปน 2 หมวดหินยอ ย เรียงจากอายุแกไปออ น ดังน้ี
- หมวดหินแลตอง ประกอบดวย หินดินดาน และหินทรายแปง แทรกสลับดวยหินปูน
เปน เลนส หินดนิ ดานและหนิ ทรายแปงมีสเี ทาแกมเขยี ว สนี ํ้าตาล แสดงลกั ษณะเปนชัน้ บาง หินปนู มีสีเทา
พบซากดึกดําบรรพจ าํ พวกหอยกาบคู
- หมวดหินรังนก ประกอบดวย หินปูนเนื้อปนดิน สีเทาดํา แสดงลักษณะเปนช้ันบางถึง
ชัน้ หนามาก พบซากดกึ ดาํ บรรพจ ําพวกแซฟาโลพอด
2-2
รปู ท่ี 2.1-1 แผนท่ธี รณวี ิทยาจังหวดั นครศรธี รรมราช
2-3
คําอธิบาย
EXPLANATION
หินตะกอนและหนิ แปร
Sedimentary and Metamorphic rocks
ตะกอนธารน้าํ พา กรวด ทราย ทรายแป้ง และดินเหนียวสะสมตวั ตามร่องน้าํ คนั ดินแม่น้าํ และแอง่ น้าํ ท่วมถึง
ตะกอนทะเลสาบ ทรายแปง และดนิ เหนียวสีเทาจางถึงขาว มจี ดุ ประเล็กๆ สีเหลอื ง แขง็ แนน หลวม
ตะกอนชายฝั่งทะเลโดยอิทธิพลของน้าํ ข้ึนน้าํ ลง ดินเหนียว ทรายแป้ง และทรายละเอียดของที่ล่มุ ราบน้าํ ข้ึนถึง
ที่ลุม่ ช้ืนแฉะ ที่ลุ่มน้าํ ขงั ป่ าชายเลน และชะวากทะเล
ตะกอนชายฝั่งทะเล โดยอิทธิพลคล่ืน ทราย และทรายปนกรวดของหาดสนั ดอน สันทรายและเนินทราย
ตะกอนเศษหินเชิงเขาและตะกอนผพุ งั อยกู่ บั ท่ี กรวด ทราย ทรายแป้ง ศิลาแลงและเศษหิน
ตะกอนตะพกั ลาํ น้าํ กรวด ทราย ทรายแป้ง ดินเหนียวและศิลาแลง
หินทรายแป้ง หินทรายอาร์โคส แสดงการวางร่องช้นั เฉียงระดบั หินกรวดมนสีน้าํ ตาล
หินทรายอาร์โคส หินโคลน หินทรายแป้งสีน้าํ ตาลแดง การวางช้นั เฉียงกบั แนวระดบั หินกรวดมนและ
หินทรายในตอนบนของการลาํ ดบั ช้นั หิน มีซากหอยสองฝาของน้าํ จืดและน้าํ กร่อยบริเวณตอนล่างของ
การเรียงลาํ ดบั ช้นั หิน
หินโคลน หินปูนเน้ือดิน แทรกสลบั ดว้ ยหินดินดานบา้ ง และหินทรายแป้ง มีซากดึกดาํ บรรพพ์ วกน้าํ กร่อยมาก
หินปูน หินปนู หินโดโลไมต์ หินโดโลไมตแ์ ทรกสลบั ดว้ ยหินเชิร์ตเป็นกอ้ น และเป็นช้นั บาง มีซากโคโนดอน
และเริดโอลาเรียมาก
หินกรวดมนฐานสีแดง เน้ือปูนผสม หินดินดานสีเทา แทรกสลบั ดว้ ยหินทรายแป้งและหินทราย
หินปนู หินปูนเน้ือโดโลไมต์ มีหินเชิร์ตแทรกเป็นกอ้ นและเป็นช้นั หินโดโลไมตม์ ีซากฟซู ูลินิด
หอยแบริคโอพอด ปะการัง และไบรโอซวั
หินทราย หินปนู เน้ือดิน หินดินดาน และหินเชิร์ต
หินโคลนปนกรวด หินดินดาน หินทรายแป้ง หินเชิร์ต หินทรายเน้ือภูเขาไฟ หินทรายเน้ือซิลิกาสีเทา เทาเขียว และ
น้าํ ตาล มีซากหอยแบริคพอด ไบรโอซวั ปะการังและไครนอยด์
หินแกร์ยแวก หินทรายแป้ง หินโคลน หินดินดาน และหินโคลนปนกรวดสีเทาถึงดาํ มีซากแกรปโทไลต์
เทนทาคิวไลต์ หอยแบริคโอพอด และไทรโลไบต์ หินปนู บางแห่งเป็นหินชนวน
หินดินดานสีดาํ หินเชิร์ต และหินทรายแป้ง สีเทาเขม้ เน้ือปนู ผสม หินปนู แสดงช้นั บางและเป็นกอ้ น บางแห่งมีซาก
แกรบโทไลต์ เทนทาคิวไลต์ หอยงวงชา้ ง หอยแบริคโอพอด
หินปูนเน้ือดินและหินปนู สีเทาและสีชมพู หินปนู เน้ือโดโลไมตแ์ ละหินออ่ น แทรกสลบั ดว้ ยหินดินดาน
เน้ือปนู ผสม หินดินดานปนทราย มีซากหอยงวงชา้ ง หอยแบริคโอพอด และไทรโลไบต์
หินควอตไซต์ หินออร์โทควอตไซต์ หินทราย และหินดินดานเน้ือปนู
หินออร์โทไนส์และหินพาราไนส์ แสดงแนวช้นั และลกั ษณะรูปตา หินแอมิฟโบไลตช์ ีสตื ควอตซ์ไมกาชีสต์
ควอตซ์ไคยาไนตไ์ มกาชีสต์ ควอรตไซต์ หินอ่อน หินแคลกซ์ ิลิเกต หินมิกมาไทต์ และเพคมาไทต์
หนิ อคั นี
Igneous rocks
หินไบโอไทตแ์ กรนิต ทวั มารีนแกรนิต แกรโนไดโอไรต์ ไบโอไทตม์ สั โคไวตแ์ กรนิต มสั โคไวต์ ทวั มารีน แกรนิต
ไบโอไทตท์ วั มารีนแกรนิต
รปู ที่ 2.1-2 คําอธบิ ายแผนทีธ่ รณีวิทยา จงั หวดั นครศรีธรรมราช
2-4
หินยุคไซลเู รียน – ดีโวเนียน
หินยุคไซลูเรียน – ดีโวเนียน หมวดหินปาเสม็ด ประกอบดวย หินดินดาน และหินดินดาน
กึ่งหินชนวน สีเทาเขมถึงสีดําพบซากดึกดําบรรพจําพวกแกสโตพอด พบกระจายตัวบริเวณอําเภอทุงสง
และจฬุ าภรณเปนสวนใหญ และพบทดี่ านเหนืออาํ เภอฉวาง และดานใตอ าํ เภอนาบอน
หนิ ยคุ ไซลูเรียน - ดีโวเนยี น – คารบ อนเิ ฟอรสั
หินยุคไซลูเรียน - ดีโวเนียน – คารบอนิเฟอรัส หมวดหินเขาดิน ประกอบดวย หินดินดาน
หนิ ดนิ ดานกงึ่ หินชนวน และหินชนวน แทรกสลับดว ยหนิ ทรายเนื้อละเอยี ดและหนิ ทรายอารโคส หินดินดาน
มีสีน้ําตาลถึงน้ําตาลแกมแดง และสีเทา หินดินดานก่ึงหินชนวนและหินชนวนมีสีเทาดําถึงสีดํา แสดง
ลักษณะเปนชั้นบาง หินทรายเนื้อละเอียดและหินทรายอารโคสมีสีเทา เนื้อปานกลาง แสดงลักษณะเปน
ช้นั หนา สวนใหญพ บกระจายตัวทางดานตะวนั ตกของจงั หวัด
หินยคุ คารบอนเิ ฟอรัส
หินยุคคารบอนิเฟอรัส หมวดหินยะหา ประกอบดวย หินดินดาน หินทรายเน้ือควอตซ
และหินทรายเนื้ออารโคส หินดินดานมีสีน้ําตาลแกมแดง สีเทา แสดงลักษณะเปนชั้นบางถึงปานกลาง
หินทราย เน้ือควอตซ และหินทรายเน้ืออารโคสมีสีเทาถึงขาว เนื้อปานกลาง แสดงลักษณะเปนชั้นหนา
พบกระจายตัวทางดา นตะวันตกเฉยี งเหนือของอําเภอสชิ ล
หินยุคคารบอนเิ ฟอรสั – เพอรเ มยี น
กลุมหินแกงกระจาน เปนชื่อที่ใชเรียกหินยุคคารบอนิเฟอรัส-เพอรเมียน พบกระจายตัว
บริเวณอําเภอจุฬาภรณ ขนอม สิชล และถ้ําพรรณรา พื้นท่ีจังหวัดนครศรีธรรมราช พบหมวดหินยอยของ
กลุมหนิ แกง กระจานเพยี งหมวดหนิ เดียว คือ หมวดหนิ เขาเจา ประกอบดว ย หินทรายเน้ืออารโ คส สีขาวถึง
สเี ทาจาง การคดั ขนาดดี เน้อื ปานกลาง แสดงลกั ษณะเปนชน้ั บาง
หินยุคเพอรเ มียน
กลุมหินราชบุรี เปนชื่อที่ใชเรียกหินยุคเพอรเมียน ประกอบดวย หินปูน หินปูนเนื้อ
โดโลไมต และหินโดโลไมต แทรกสลับดวยหินทรายและหินดินดาน หินปูน หินปูนเนื้อโดโลไมต และ
หินโดโลไมต มีสีเทาถึงสีเทาเขม ไมแสดงลักษณะเปนชั้น มีหินเชิรตแทรกเปนกระเปาะ พบซากดึกดําบรรพ
จําพวกฟวซูลินิด ปะการังแบรคิโอพอด แอมโมนอยด และไครนอยด พบกระจายตัวเปนเขาโดด
บริเวณอําเภอ ขนอม ถ้ําพรรณรา สิชล บางขัน รอนพิบลู ย และก่ิงอาํ เภอนบพิตํา
หินยุคไทรแอสซกิ
หินยุคไทรแอสซิก หมวดหินไสบอน ประกอบดวย หินทราย หินทรายแปง หินปูน
และหินกรวดมน หินทรายมีสีนํ้าตาลอมแดงเขมถึงสีนํ้าตาลแกมแดง เน้ือปานกลางถึงเน้ือหยาบ แสดง
ลักษณะเปนช้นั หนาถึงหนามาก มกี ารวางชัน้ เฉียงระดบั หินทรายแปงมีสีนาํ้ ตาลแกมเหลือง แสดงลักษณะ
เปนช้นั บาง มีคารบอนเปนช้ันบางปน หินปนู มสี เี ทาออน มลี ักษณะเปนเลนส แสดงลกั ษณะเปนช้ันหนา 3-
5 เมตร จนถึงหนามาก พบซากดึกดําบรรพจําพวกหอยสองฝาและฟอแรมมินิเฟอร พบกระจายตัวเปน
แนวภูเขาแคบๆ ทางดานตะวนั ตกเฉียงใตข องจงั หวัด วางตวั ในทิศทางเกอื บเหนอื -ใต
2-5
หนิ ยุคจูแรสซกิ
กลุมหินตรัง เปนช่ือที่ใชเรียกหินตะกอนที่เกิดบนภาคพื้นทวีปในชวงตอนตนยุคจูแรสซิก
ถึงยุคครีเทเชียสตอนปลาย หมวดหินยอยท่ีอยูในยุคน้ี คือ หมวดหินคลองมีน ประกอบดวย ตอนลางเปน
หินปูนเนื้อดิน แทรกสลับกับหินดินดาน หินปูนเนื้อดินมีสีเทาออน ตอนบนเปนหินทรายเน้ือปูนถึงหิน
โคลนเน้ือปูนสลับชั้น พบซากดกึ ดําบรรพจ ําพวกแกสโตรพอด และปะการัง พบกระจายตัวทางดานใตของ
อาํ เภอบางขนั
หินยคุ จูแรสซกิ – ครีเทเชยี ส
หินยุคจูแรสซิก – ครีเทเชียส ประกอบดวย หินทรายอารโคสและหินทราย แทรกสลับดวย
หินทรายแปง หนิ โคลน หนิ ทรายเนื้อควอตซ และหินกรวดมน หนิ ทรายอารโคสมีสีเทาถึงสีนํ้าตาลแกมแดง
หินทรายมีเนื้อละเอียดถึงปานกลางคอนขางเหลี่ยมถึงคอนขางกลม การคัดขนาดดี เชื่อมประสานดวย
สารประกอบ ซิลิกาและเหล็ก แสดงลักษณะเปนช้ันบางถึงชั้นหนา มีการวางชั้นเฉียงระดับ สวนใหญพบ
กระจายตวั ทางดานตะวนั ตกเฉียงใตข องจงั หวดั
หนิ ยุคครีเทเชียส
หินยุคครีเทเชียส สวนใหญพ บกระจายตัวทางดา นตะวนั ตกเฉยี งใตของจังหวดั อยรู วมกับ
หมวดหนิ ยอยอื่นของกลุมหินตรงั พบหมวดหินยอยของกลุมหินตรัง ที่มีอายคุ รเี ทเชียสจาํ นวน 2 หมวดหิน
คือ หมวดหินสามจอม ประกอบไปดวย หินกรวดมน หินทราย และหินโคลน หินทราย มเี นื้อหยาบ แสดง
ลกั ษณะเปน ชั้นหนา มีการวางชั้นเฉียงระดับ หินโคลนมสี ีน้ําตาลแกมแดง พบซากพืช และหมวดหินพุนพิน
ประกอบไปดวย หินทรายอารโคส และหินทรายเนื้อไมกา แทรกสลับดวยหินทรายแปงและหินโคลน
หินทรายอารโคสมสี ีแดง หินทรายเนอ้ื ไมกามีเนื้อละเอียดถงึ ปานกลางเมด็ คอนขางกลมถงึ กลม การคดั ขนาดดี
การเชื่อมประสานไมดีดวยสารประกอบของเหล็ก แสดงลักษณะเปนช้ันปานกลางถึงช้นั หนา มีการวางชั้น
เฉยี งระดับ หินทรายแปง มีสแี ดง แสดงลักษณะเปนช้ันบางถึงปานกลาง
หนิ ยคุ เทอรเ ชียรี
หนิ ยุคเทอรเชยี รี หมวดหินสินปนู ประกอบดวย หินโคลน หินทรายแปง หินทราย หินมารล
และหินปูนเนื้อดิน มีลักษณะกึ่งแข็งตัวเปนหิน พบซากดึกดําบรรพมาก อีกทั้งพบลิกไนตและยิปซัม พบ
กระจายตวั ทางดา นใตของอําเภอทุงใหญ
ตะกอนยคุ ควอเทอรน ารี
ตะกอนควอเทอรน ารี หมายถึง กรวด ทราย ดิน และดินเหนียว ท่ียงั ไมแขง็ ตัวกลายเปนหิน
อายุประมาณ 1.8 ลานปกอนจนถึงปจจุบัน ตะกอนควอเทอรนารีพบตามภูมิประเทศท่ีเปนท่ีลาดเชิงเขา
บริเวณทางตะวันออกของพ้ืนที่ ท่ีลาดลอนคลื่นบริเวณตอนกลางของพื้นที่และแนวชายฝงทางดาน
ตะวันตกของจังหวัด สามารถจําแนกตะกอนรวนในพื้นที่โดยอาศัยชนิดของตะกอนและสภาวะแวดลอม
ของการตกตะกอนออกเปน 9 หนวยตะกอนยอย คือ ตะกอนน้ําพา ตะกอนตะพัก ตะกอนเศษหินเชิงเขา
และตะกอนผุพังอยูกับท่ี ตะกอนที่ราบลุมแมนํ้า ตะกอนลากูน ตะกอนเนิน ตะกอนรูปพัด ตะกอนที่ราบ
ลมุ นํา้ ขนึ้ ถงึ พรุ ปาชายเลน และชวากทะเล ตะกอนสนั ทรายเกา และตะกอนชายหาด
2-6
หินอัคนี
หินอัคนีท่ีพบในจังหวัดนครศรีธรรมราช สามารถจําแนกโดยอาศัยชนิดหินและชวงอายุ
ของการเกดิ ไดเ ปน 2 หนวยหิน ดังน้ี
- หินอัคนีแทรกซอนชนิดหินแกรนิต ยุคไทรแอสซิก พบกระจายตัวเปนเทือกเขา
สลับซับซอนบริเวณตอนกลางของจังหวัด หินแกรนิตที่พบจําแนกไดเปน 2 กลุมยอย คือ กลุมที่ 1
ประกอบดว ย หินไบโอไทตแกรนติ และหินมัสโคไวต-ไบโอไทตแกรนิต หินไบโอไทตแกรนติ มเี นื้อสมาํ่ เสมอ
เน้ือดอก เม็ดปานกลางถึงหยาบ หินมัสโคไวต-ไบโอไทตแกรนิตมีเนื้อสมาํ่ เสมอ เม็ดละเอียดถึงปานกลาง
บางบริเวณมีการแปรสภาพ และกลุมที่ 2 ประกอบดวย หินทัวรมารีนแกรนิต และหินทัวรมาลีนมัสโคไวต
แกรนิต หินทัวรมารีนแกรนิตมีเน้ือละเอียด หินทัวรมาลีน-มัสโคไวตแกรนิต มีเนื้อสมาํ่ เสมอถึงคอนขาง
เน้ือดอก เมด็ ปานกลางถงึ หยาบ
- หินภเู ขาไฟยคุ ครเี ทเชียส ประกอบดวย หินไรโอไลต และหินเถา ภเู ขาไฟเน้ือไรโอไลต
สีเทาถึงสเี ทาเขม เน้ือดอก พบกระจายตวั บริเวณก่ิงอําเภอนบพิตํา และอาํ เภอถาํ้ พรรณรา
ธรณวี ทิ ยาโครงสรา ง
พบโครงสรางรอยคดโคงมากมายในหินยุคแคมเบรียน หินยุคไซลูเรียน-ดีโวเนียน และ
หินยุคคารบอนิเฟอรัส-เพอรเมียน และพบรอยเล่ือนระหวางหินยุคคารบอนิเฟอรัส-เพอรเมียนกับหิน
ยุคเพอรเมียน หินยุคจูแรสซกิ -ครเี ทเชยี สกับหนิ ยุคครเี ทเชียส หินยุคไซลูเรียน-ดีโวเนยี นกบั ตะกอนรวนยุค
ควอเทอรนารี มีรอยเลื่อนและรอยแตกมากมายใน 2 แนว คือ แนวตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต
และตะวันตกเฉียงเหนอื -ตะวนั ออกเฉยี งใต
2.2 ธรณีพบิ ตั ภิ ยั ดินถลม
2.2.1 พนื้ ทท่ี ่มี ีโอกาสเกิดดนิ ถลม
กรมทรัพยากรธรณี ไดวิเคราะหปจจัยท่ีเก่ียวของกับการเกิดดินถลม ซ่ึงไดแก ลักษณะ
ทางธรณีวิทยา ความลาดชัน และพืชพรรณท่ีปกคลุม เพื่อจัดทําแผนที่แสดงพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดดินถลม
(Landslide Hazard Map) โดยสามารถแบงพื้นทีท่ ี่มีโอกาสเกิดดินถลม ออกเปน 3 อันดับ (รปู ท่ี 2.2.1-1)
ไดแ ก
1. พ้ืนที่สีแดงหรือพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดดินถลมอันดับ 1 ดินมีโอกาสถลมเมื่อมีปริมาณฝน
มากกวา 100 มลิ ลเิ มตร/วนั หนาดนิ หนา ขาดรากไมย ดึ เหน่ียวและความลาดเอียงของพ้นื ท่ีมากกวา 30 องศา
2. พื้นที่สีเหลืองหรือพื้นที่ท่ีมีโอกาสเกิดดินถลมอันดับ 2 ดินมีโอกาสถลมเมื่อมีปริมาณฝน
มากกวา 200 มิลลเิ มตร/วนั หนา ดินหนา ขาดรากไมย ดึ เหนี่ยวและความลาดเอียงของพ้ืนทม่ี ากกวา 30 องศา
3. พื้นท่ีสเี ขียวหรือพื้นท่ีท่ีมโี อกาสเกิดดินถลมอันดับ 3 ดินมีโอกาสถลมเมื่อมีปริมาณฝน
มากกวา 300 มลิ ลิเมตร/วนั หนาดนิ หนา ขาดรากไมยดึ เหน่ียวและความลาดเอียงของพ้นื ท่มี ากกวา 30 องศา
ผลจากการจัดทํา แผนที่แสดงพื้นที่ท่ีมีโอกาสเกิดดินถลม และไดประเมินพื้นที่ที่มีความ
เสี่ยงตอการเกิดดินถลมเบื้องตน จัดทําบัญชีรายชื่อหมูบานเสี่ยงภัยดินถลมระดับจังหวัด พบวาจังหวัด
นครศรีธรรมราช มีพ้ืน ท่ีเส่ียงภัยดินถลมอยูใน 15 อําเภอ 39 ตาํ บล 180 หมูบาน
2-7
รูปที่ 2.2.1-1 แผนทีแ่ สดงพนื้ ท่ีทมี่ โี อกาสเกิดดินถลมจังหวดั นครศรธี รรมราช
2-8
2.2.2 ปจจยั การเกิดดนิ ถลม
การเกิดดินถลมในประเทศไทยเกิดจาก 4 ปจจัยหลัก ไดแก สภาพธรณีวิทยา สภาพ
ภูมิประเทศ ปริมาณน้าํ ฝน และสภาพส่งิ แวดลอ ม ดงั แสดงไวใ นรปู ที่ 2.2.2-1
สภาพธรณีวทิ ยา สภาพภูมิประเทศ
ปริมาณนํา้ ฝน สภาพส่งิ แวดลอม
รปู ที่ 2.2.2-1 ปจจยั การเกดิ ดนิ ถลม
สภาพธรณวี ทิ ยา
ลักษณะทางธรณีวิทยาท่ีมีผลตอการเกิดดินถลมนั้นข้ึนกับชนิดของหิน การเปลี่ยนแปลง
ทางเคมีในเนื้อหนิ ลักษณะกายภาพของชนั้ หนิ และโครงสรา งทางธรณีวทิ ยา
ชนิดของหิน หินตางชนิดกันจะมีอตั ราการผุพังตางกัน ใหดินตางชนิดกัน และความหนา
แตกตางกัน เชน หินแกรนิต มีอัตราการผุพังสูง เมื่อผุพังแลวจะใหชั้นดินทรายรวนหรือดินทรายปน
ดินเหนียวและใหชั้นดินหนา หินภูเขาไฟ มีอัตราการผุพังสูงใกลเคียงกับหินแกรนิต เมื่อผุพังใหชั้นดินรวน
ปนดินเหนียวหรือดินเหนียวและใหช้ันดินหนา หินดินดาน-หินโคลน เมื่อผุพังจะใหชั้นดินเหนียวหรือ
ดนิ เหนียวปนทรายและใหช ั้นดนิ ท่มี ีความหนานอ ยกวาหนิ แกรนติ เปนตน
โครงสรางทางธรณีวิทยา มีผลตอการผุพังของหิน โดยหินท่ีมีรอยแตกมาก และอยูใน
เขตรอยเลื่อน โดยเฉพาะรอยเล่ือนมีพลงั จะมอี ัตราการผุพังสงู เนอ่ื งจากมีชองวางใหน ํ้าและอากาศผานเขา
ไปทําปฏิกิริยาทางเคมีไดงาย ช้ันหินจึงผุพังไดเร็วกวาบริเวณอ่ืน รวมท้ังชั้นหินท่ีถูกกระทําจนเกิดการ
วางตัวในแนวด่ิงจะสงผลใหเกิดการผุพังไดเร็วขึ้น ช้ันหินท่ีถูกแทรกดันดวยหินอัคนี หรือบริเวณที่มีพุนํ้า
รอนและแหลงแรจากสายนํ้าแรรอน ทําใหเกิดการเปล่ียนแปลงทางเคมีในเน้ือหินจะทําใหช้ันหินมีอัตรา
การผพุ งั สงู ย่ิงข้ึน
2-9
สภาพภูมิประเทศ
ลักษณะการวางตัวของโครงสรางช้ันหินและจากการผุพังที่แตกตางกันของช้ันหิน ทําให
แตละพื้นที่มีสภาพภูมิประเทศแตกตางกัน สภาพภูมิประเทศท่ีทําใหเกิดดินถลมไดงาย ไดแก พ้ืนท่ีท่ีมี
ความลาดชันสูง หรือมีทางนํ้าคดเค้ียวจํานวนมาก นอกจากนี้ยังพบวา ลักษณะภูมิประเทศท่ีเปนรองเขา
ดานหนารบั น้ําฝน และบริเวณท่ีเปน หุบเขากวา งใหญส ลับซบั ซอนแตมลี าํ น้ําหลกั เพยี งสายเดียวจะมีโอกาส
เกิดดนิ ถลมไดงา ยกวา บรเิ วณอื่นๆ
ปริมาณน้าํ ฝน
ดินถลมจะเกิดขึ้นเม่ือฝนตกหนักหรือตกติดตอกันเปนเวลานาน และนํ้าฝนไหลซึมลงไปใน
ชั้นดินจนกระท่ังช้ันดินอ่ิมตัวดวยนํ้า ความดันของน้ําในดินเพิ่มข้ึนซ่ึงเปนการเพิ่มความดันในชองวางของ
เม็ดดิน โดยน้าํ จะเขา ไปแทนที่ชอ งวางระหวางเมด็ ดิน ทําใหแรงยึดเหน่ียวระหวางเม็ดดินลดนอยลง สงผล
ใหช้ันดินมีกําลังรับแรงเฉือนลดลง ถาหากปริมาณน้ําในมวลดินเพ่ิมขึ้นจนระดับน้ําในชั้นดินสูงข้ึนมาท่ี
ระดับผิวดินจะเกิดการไหลบนผิวดินและกัดเซาะหนา ดนิ ลาดดินจะเร่ิมมกี ารเคลอ่ื นตวั และเกิดการถลมใน
ท่ีสุด เชน เม่ือป พ.ศ. 2551 เกดิ ดนิ ไหลทต่ี าํ บลตะกกุ เหนือ อําเภอวิภาวดี จังหวัดสรุ าษฎรธานี วัดปริมาณ
นํ้าฝนได 189 มิลลิเมตร/วัน (24 ชั่วโมง) ป พ.ศ. 2552 เกิดดินไหลและนํ้าปาไหลหลากท่ีตําบลแมพูล
อาํ เภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ วัดปริมาณน้ําฝนได 150 มิลลิเมตร/วัน (24 ชั่วโมง) และดินไหลที่บาน
สุขสําราญ ตําบลกําพวน อําเภอสุขสําราญ จังหวัดระนอง วัดปริมาณฝนได 210 มิลลิเมตร/วัน (24
ช่ัวโมง)
สภาพสิง่ แวดลอ ม
พื้นที่เกิดดินถลมจะอยูในพ้ืนท่ีภูเขาสูงชัน พบวาสวนใหญมีการเปล่ียนแปลงการใช
ประโยชนท่ีดิน ไดแก การทําการเกษตรในพื้นท่ีสูงหรือบริเวณเชิงเขา การตัดถนนผานไหลเขาสูงชัน การ
ตัดไหลเขาสรางบานเรือนท่ีอยูอาศัย หรือการปลูกสรางสิ่งกอสรางกีดขวางทางนํ้า เชน การสรางฝาย
การสรางทอ เหล่ียม ทอ กลม และการสรางสะพานที่มีเสาจํานวนมากหรือสน้ั เกนิ ไปกีดขวางทางนํ้าบนพืน้ ที่
สงู หรือการขุดลอกรอ งน้ําบนพนื้ ทสี่ งู โดยทาํ ลายตนไมในรองน้ําและริมตล่ิง ซึ่งมีระบบรากในการยึดเหนี่ยว
ช้ันดินไดดี ทนทานตอการกดั เซาะของกระแสนํา้ เปน ตน
2.2.3 กระบวนการเกดิ ดนิ ถลม
กระบวนการเกิดดินถลม มีนํ้าเปนตัวแปรสําคัญที่ทําใหเกิดดินถลม โดยฤดูฝนของแตละ
จังหวัดในประเทศไทยมีฝนตกชุกไมเทากันและชวงเวลาท่ีตางกัน เมื่อเกิดฝนตกปริมาณนา้ํ ฝนจะคอยๆ
ซึมซับลงไปในชั้นดินจนถึงชวงที่มีฝนตกชุกมากจนกระท่ังช้ันดินอุมน้ําไมไหวจึงเกิดการเคล่ือนตัว โดยแต
ละพื้นทจ่ี ะรับปริมาณนํ้าฝนไดไมเทา กนั ข้ึนอยูกับสภาพธรณวี ทิ ยา สภาพภูมปิ ระเทศ และสิง่ แวดลอ มหรือ
สภาพปาไมและการใชพ้ืนท่ีของบริเวณน้ัน จากการสํารวจพื้นที่ในประเทศไทยพบวากระบวนการเกิด
ดินถลมตามการเพิ่มข้ึนของปริมาณนํ้าฝนมี 4 ขั้นตอน (จําแนกตามการเคล่ือนที่และชนิดของวัตถุท่ี
พังทลาย) คือ ดินคืบตัว (soil creep) ดินแยก (tension crack) ดินไหล (debris slide) และดินถลม
(debris flow) แสดงดงั รปู ท่ี 2.2.3-1
2-10
รูปที่ 2.2.3-1 กระบวนการเกดิ ดนิ ถลม ตามการเพ่มิ ขนึ้ ของปริมาณน้าํ ฝน ในรอบ 24 ชว่ั โมง ปริมาณ
น้าํ ฝน 178 มลิ ลเิ มตร ทําใหเกดิ ดนิ ไหลในพ้ืนทอ่ี าํ เภอทงุ สง จงั หวดั นครศรีธรรมราช
ดินคืบตวั
ปริมาณนํ้าฝนนอยกวา 60 มิลลิเมตรในรอบ 24 ชั่วโมง ซึมซับลงไปในช้ันดินจนกระท่ัง
อิ่มตัวดวยนํ้า (saturated) แตไมมากเกินไปจนกระท่ังเกิดการไหลบนผิวดิน (over saturated) ช้ันดินจะ
เกิดการคืบตัวลงไปตามแรงโนมถวง ในบริเวณที่มีตนไมเนื้อออนซ่ึงมีรากหยั่งลึกไมมากนัก ตนไมจะเกิดการ
เคลื่อนตัวตามชั้นดินทําใหสังเกตเห็นไดวาตนไมเอน และถาชั้นดินหยุดการคืบตวั ในปตอมาตนไมจ ะเตบิ โต
ต้ังลาํ ตนใหตรงในแนวด่ิงใหมอ ีกคร้ัง จึงพบเห็นลาํ ตนเอนมีการโคง งอต้ังตรงขึ้นใหม ถาในบริเวณที่มีตนไม
เนื้อแข็งขนาดใหญมีรากหยั่งลึกลงไปจนถึงหินดาน การคืบตัวของช้ันดินจะทําใหรากตนไมขาดบางสวน
ทําใหดูดนํ้าและอาหารไมเพียงพอ จึงปรากฏวามีการเฉาและทิ้งใบหรือมีการตายทีละก่ิง ถาชั้นดินมี
การคืบตวั ตอ เนือ่ งทกุ ป จะปรากฏวา มีตน ไมใ หญยืนตนตาย
ดนิ แยก
ปริมาณนํ้าฝนที่ซึมลงไปในชั้นดินจนกระท่ังอิ่มตัวดวยนํ้า และเกิดการไหลบนผิวดินเปน
เวลาไมนานนกั โดยมีปริมาณนา้ํ ฝนระหวา ง 100 - 150 มิลลิเมตร ในรอบ 24 ชั่วโมง หรือมีฝนตกตอเนือ่ ง
รวมกันประมาณ 300 มิลลเิ มตร น้าํ ฝนท่ีซมึ ซบั ในชัน้ ดินจะไหลลงไปในระนาบรอยเฉอื นและชะลา งเม็ดดิน
ที่เปนดินเหนียวออกไปตามแนวระนาบรอยเฉือน ทําใหคาแรงยึดเหน่ียวระหวางเม็ดดินบริเวณระนาบ
รอยเฉือนลดลง ชนั้ ดินจะเริม่ เคลอ่ื นตวั ไปตามระนาบรอยเฉอื น ถา ฝนหยดุ ตกจะปรากฏเปน รอยดินแยก
2-11
ดินไหล
เปนเหตกุ ารณตอเนื่องจากดนิ แยกถา ฝนตกตอ เน่อื งโดยไมหยุดตก ปริมาณนา้ํ ฝนทซี่ ึมซับ
ลงไปในช้ันดินจนกระท่ังอิ่มตัวดวยนํ้า และเกิดการไหลบนผิวดิน เปนเวลานาน โดยมีปริมาณนํ้าฝน
ประมาณ 180 มิลลิเมตรข้ึนไป ในรอบ 24 ชั่วโมง และมีฝนตกตอเนื่องรวมกันมากกวา 300 มิลลิเมตร
ชั้นดินจะอุมน้ําไมไหวเนือ่ งจากน้ําฝนที่ซึมซับในช้นั ดินจะไหลลงไปในระนาบรอยเฉือนและชะลางเม็ดดินที่
เปนดินเหนียวออกไปตามแนวระนาบรอยเฉือน โดยเฉพาะบริเวณไหลเขาท่ีมีการเปลี่ยนแปลงระดับ
ความชัน ทําใหคาแรงยึดเหนี่ยวระหวางเม็ดดินบริเวณระนาบรอยเฉือนลดลง ชั้นดินจะเริ่มเคล่ือนตัวไป
ตามระนาบรอยเฉือน ถาฝนยังคงตกตอเนื่องเปนเวลานานจะทําใหเกิดดินไหลลงไปตามแรงโนมถว งของโลก
ดนิ ถลม
เปนเหตุการณตอเนื่องจากดินไหล ปริมาณน้ําฝนท่ีซึมซับลงไปในช้ันดินจนกระทั่งอิ่มตัว
ดวยน้ําและเกิดการไหลบนผิวดินเปนเวลานานมาก โดยมีปริมาณน้ําฝนมากกวา 180 มิลลิเมตร ในรอบ
24 ช่ัวโมง จนกระท่ังเกิดดินไหลลงมาแลว แตฝนยังคงตกตอเนื่องตอไปอีกเปนเวลานาน จึงทําใหบริเวณ
อืน่ ๆ ที่มีสภาพสิ่งแวดลอมท่ีดีกวามีนํ้าฝนไหลลงไปในระนาบรอยเฉือนและชะลางเม็ดดินที่เปนดินเหนียว
ออกไปตามแนวระนาบรอยเฉือนเปนเวลานานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณไหลเขาที่มีการเปลี่ยนแปลง
ระดับ ความชัน ทําใหคาแรงยึดเหน่ียวระหวางเม็ดดินบริเวณระนาบรอยเฉือนลดลงเร่ือยๆ จนทําใหเกิด
ดินไหลจํานวนหลายแหงจนถึงหลายพันแหง และครอบคลุมพื้นท่ีเปนบริเวณกวางใหญในลุมน้ําเดียวกัน
บรเิ วณที่มรี ะบบรากของตนไมที่มีรากแกวจะยึดเหนี่ยวชั้นดินไดดีกวา จึงเกิดดินถลมชากวาบริเวณที่ไมมี
ตนไมห รือมตี นไมทม่ี ีระบบรากทีย่ ึดเหนี่ยวชั้นดินไดไมดี เชน ตน ไมไมมีรากแกว หรือตนไมเน้ือออนทมี่ รี าก
หย่ังลึกไมถึงหินดาน รวมทั้งบริเวณที่มีการตัดไหลเขาเพื่อดําเนินการกอสรางตางๆ โดยไมมีการปองกันแกไข
ทําใหช้ันดินมีความชนั เพิ่มมากข้นึ และไมสมดุล เมื่อรบั นํ้าฝนจนอิ่มตัวดว ยน้ําจึงรับนํ้าหนักไมไหว เกิดการ
เคลือ่ นตวั และเกิดดินไหลตามมากอ นบรเิ วณอน่ื ๆ
2.2.4 คําจาํ กดั ความพ้ืนท่เี ส่ยี งภัยดินถลม
ดินถลม (Debris flow) คือ การเคล่ือนท่ีของชั้นดิน กอนหิน และซากตนไม รวมถึง
ซากสิ่งปรักหักพังอื่นๆ ลงมาตามความลาดชันดวยแรงโนมถวงของโลก และมีนํ้าเปนตัวแปรที่สําคัญ
ในการเคลือ่ นท่แี ละพดั พาไปตามทางน้าํ สงผลกระทบรนุ แรง และสรางความเสียหายเปนวงกวา ง
น้ําปาไหลหลาก คือ น้ําไหลหลากลนรองนํ้าท่ีมีความลาดชันสูงอยางฉับพลันทันใด พัดพา
นําตะกอนเศษหิน และตนไมไหลบาลงมาตามความลาดชันในชวงระยะเวลาสั้นๆ มักเกิดในเวลาฝนตก
หนักหรืออาจเกดิ จากการพงั ของเขื่อน ฝายนา้ํ ลน
นาํ้ ทวมฉับพลัน คือ นา้ํ ทว มท่เี กิดขน้ึ อยางรวดเร็วมากในบริเวณท่ีลุมต่าํ ในแมนํา้ ลําธาร
หรือรองน้ําท่ีเกิดจากฝนตกหนักมากติดตอกันหรือจากพายุฝนท่ีเกิดซํ้าท่ีเดิมหลายครั้ง อาจเกิดจากท่ีส่ิง
ปลูกสรางโดยมนษุ ย เชน เขอื่ นหรือฝายพงั ทลาย
ดินไหล (Debris slide) คือ การเคลื่อนที่ของมวลดินและหิน ที่สูญเสียความเสถียร
และเคลื่อนออกจากพ้ืนที่เดิมโดยการไหลลงตามความลาดชัน และกองอยูบริเวณเชิงเขา โดยไมถูก
กระแสนํ้าพัดพาไปตามทางนํ้า ซึ่งการเคล่ือนที่ดังกลาวอาจแบงไดเปนสองรูปแบบ คือ ดินไหลแบบหมุน
(Rotation slides) และดินไหลแบบเล่ือนไถล (Translation slide) นอกจากนี้ยังพบวามีดินไหลแบบรอง
ธารกัดเซาะ (Gully Erosion) ท่ีเกิดตามรองนํา้ แคบ และลึก ซงึ่ ไมไดจัดไวใ นกระบวนการเกดิ ดินถลม
2-12
พื้นที่เสี่ยงภัยดินถลม คือ พื้นที่ซึ่งอาคารบานเรือนไดรับผลกระทบจากกระบวนการ
เกิดดินถลม และการกัดเซาะตามแนวรองนํ้า โดยกําหนดใหพ้ืนที่ไดรับผลกระทบจากดินถลมครอบคลุม
พื้นท่ีตามแนวลํานํ้า และมีความสูงจากลําน้ํานอยกวา 5 เมตร หลังจากเกิดดินถลม และ/หรือดินไหล จะ
ทําใหมีพื้นท่ีไดรับผลกระทบมากหรือนอยขึ้นกับปริมาณนาํ้ ฝนและความสูงของจุดเกิดเหตุ โดยการเกิด
ดินถลมจะมีพ้ืนที่ไดรับผลกระทบเปนวงกวางจากการพัดพาช้ันดิน กอนหินและเศษซากตนไมไปตาม
กระแสนํ้าต้ังแตตนน้ําไปจนถึงทายน้ํา ซ่ึงพ้ืนที่ตนนํ้าจะไดรับผลกระทบเรียกวา ดินถลม พ้ืนที่กลางนํ้าจะ
ไดร บั ผลกระทบเรียกวา นํา้ ปาไหลหลาก และพื้นท่ีทายน้าํ จะไดร ับผลกระทบเรียกวา นาํ้ ทวมฉับพลัน สว น
การเกดิ ดินไหลเปนสวนหน่ึงของกระบวนการเกิดดนิ ถลม จะมีพน้ื ท่ีไดรับผลกระทบแคบๆ ไกลจากจุดเกิด
ดินไหลไมเกนิ 10 เทา ของความสูง
- พื้นท่ีเสี่ยงภัยดินถลมโดยตรง คือ ผลกระทบของอาคารบานเรือนท่ีสรางขวางรองเขา
รองหว ย ท่ีมีแพรกสาขา 1 แพรกขึ้นไป หรือลําน้ําในพ้ืนท่ีภูเขา และอาคารบานเรือนมรี ะยะหางจากภูเขา
โดยรอบนอยกวา 10 เทาของความสูงภูเขา (Relief) ซึ่งจะพบหลักฐานกองดินถลมท่ีมีขนาดของตะกอน
ตั้งแต หินขนาดใหญ (Boulder) ไปจนถึงดินเหนียว (Clay) ผสมปะปนกันไป ไมเรียงชั้น (กองดินถลมจะ
เปนการสะสมตัวคร้ังสุดทายจึงมีอายุท่ีออนท่ีสุด เน่ืองจากเมื่อเกิดดินถลมแลว เศษตะกอนจะไหลปดทับ
ชั้นหนา ดิน หรอื ช้ันหนิ ) (รูปที่ 2.2.4-1)
รปู ท่ี 2.2.4-1 พน้ื ทีเ่ สีย่ งภยั ดินถลมโดยตรง โดยอาคารบานเรือนอยูรมิ รอ งหวย และรองเขาไหล
ผา นกลางหมูบา น หมู 5 บา นขุนสานอก ตาํ บลโปง สา อําเภอปาย
จงั หวดั แมฮอ งสอน
- พื้นที่เส่ยี งภัยนํ้าปาไหลหลาก คือ ผลกระทบของอาคารบานเรือนที่สรางขวางรองเขา
รอ งหวย และลํานํ้าในพื้นที่ภูเขา โดยอาคารบานเรือนมีระยะหางจากภูเขาโดยรอบ นอยกวา 10 เทาของ
ความสูงภูเขา (Relief) ซง่ึ จะพบหลักฐาน ตะกอนตามแนวลําน้ําท่ีมีขนาดต้ังแต กอนกรวดใหญ (Pebble)
ไปจนถงึ ทรายละเอยี ด และมกี ารเรยี งชน้ั ตามขนาดของตะกอน (รปู ที่ 2.2.4-2)
2-13
หวยแมฮ้ี
รูปที่ 2.2.4-2 พนื้ ท่ีเส่ียงภยั นาํ้ ปาไหลหลาก หมู 5 บานแมฮ้ี ตาํ บลแมฮ ้ี อําเภอปาย
จังหวัดแมฮองสอน
- พ้ืนที่เส่ียงภัยน้ําทวมฉับพลัน คือ ผลกระทบของอาคารบานเรือนที่อยูบนพื้นท่ีราบลุม
และที่ราบริมลําน้ํา โดยอาคารบานเรือนมีระยะหางจากภูเขาโดยรอบ มากกวา 10 เทาของความสูงภูเขา
(Relief) ซึ่งจะพบหลักฐาน ตะกอนตามแนวลําน้ําที่มีขนาดตั้งแต กรวด (Gravel) ทราย (Sand) ไป
จนถึงดินเหนียว (Clay) (รูปท่ี 2.2.4-3)
แมน ้ําปาย
รปู ที่ 2.2.4-3 พืน้ ทเี่ สย่ี งภยั นํ้าทวมฉับพลนั หมู 3 บา นปาขาม ตาํ บลเวยี งใต อําเภอปาย
จงั หวัดแมฮองสอน
- พื้นท่ีเส่ียงภัยดินถลมและนํ้าปาไหลหลาก คือ ผลกระทบของอาคารบานเรือนท่ีสราง
อยูริมลํานํ้าในพื้นที่ภูเขา หรือหุบเขา ซึ่งไมสามารถแยกดินถลมและนํ้าปาไหลหลากออกจากกันได แต
อาคารบานเรือนมีระยะหางจากภูเขา โดยรอบนอยกวา 10 เทาของความสูงภูเขา (Relief) พบหลักฐาน
การเกิดดินถลมและน้าํ ปาไหลหลากผสมรวมกัน (รูปที่ 2.2.4-4)
2-14
รปู ท่ี 2.2.4-4 พืน้ ท่ีเสยี่ งภัยดินถลม และนํา้ ปาไหลหลาก หมู 4 บานเมืองนอ ย ตําบลเวียงเหนือ
อาํ เภอปาย จงั หวดั แมฮองสอน
- พื้นท่ีเสี่ยงภัยน้ําปาไหลหลากและนํ้าทวมฉับพลัน คือ ผลกระทบของอาคารบานเรือน
ที่สรางบริเวณท่ีราบเชิงเขา ขวางรองเขา รองหวย และริมลําน้ําในพ้ืนท่ีเชิงเขา หรือพื้นท่ีภูเขา โดยอาคาร
บานเรือนดังกลาวอยูลําน้ําเดียวกัน และอยูในหมูบานเดียวกัน ซึ่งอาคารบานเรือนที่มีระยะหางจากภูเขา
โดยรอบ นอยกวา 10 เทาของความสูงภูเขา (Relief) เปนพื้นที่เสี่ยงภัยน้ําปาไหลหลาก และอาคารบานเรือนท่ี
มีระยะหางจากภูเขาโดยรอบ มากกวา 10 เทาของความสูงภูเขา (Relief) จะเปนพ้ืนที่เสี่ยงภัยนํ้าทวมฉับพลัน
(รูปที่ 2.2.4-5)
นํ้าปาไหลหลาก นา้ํ ทวมฉับพลัน
รปู ที่ 2.2.4-5 พ้นื ท่เี สยี่ งภยั นาํ้ ปาไหลหลาก และนํ้าทว มฉับพลัน หมู 2 บานทรายขาว
ตาํ บลแมฮ ้ี อําเภอปาย จังหวดั แมฮ องสอน
- พื้นท่ีเส่ียงภัยดินไหล คือ ผลกระทบจากมวลดินไหลทับอาคารบานเรือน จากการตัดไหล
เขาสรางอาคารบานเรือน หรือ สรางอาคารบานเรือนขวางรองเขา และรองหวย ขนาดเล็กท่ีไมมีแพรกสาขา
(รูปที่ 2.2.4-6)
2-15
กข
รูปที่ 2.2.4-6 พน้ื ท่เี สี่ยงภยั ดินไหล ก) สรา งบา นขวางรองเขา หมู 4 บา นสาล่ี ตาํ บลนา้ํ มวบ อาํ เภอเวยี งสา
จงั หวัดนาน ข) ตัดไหลเ ขาสรางบา น หมู 4 บา นถา้ํ ฉลอง ตาํ บลถํา้ ฉลอง อําเภอทองแสนขนั
จงั หวดั อุตรดติ ถ
2.2.5 ประวตั ิการเกิดดินถลม
ตั้งแตป พ.ศ. 2505–2554 จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพายุหมุนเขตรอนพัดผานจํานวน
หลายครั้ง และเคยมีรองความกดอากาศตํา่ หรือรองฝนพาดผานนานหลายวัน จํานวนหลายคร้ัง แตที่มี
ฝนตกหนักและทําใหเกิดความเสียหายรุนแรงคือ พายุไตฝุนแฮเรียตพัดถลมแหลมตะลุมพุก ในเดือน
ตุลาคม 2505 ทําใหตนไมโคนลมจํานวนมาก เกิดดินถลมรุนแรงเปนบางแหงทางตอนใตดานทิศตะวันตก
ของเทือกเขาหลวง และเกิดรองฝนพาดผานภาคใตชวงจังหวัดนครศรีธรรมราชนานหลายวัน จํานวน 2
ครั้ง ในเดือนมกราคม ป พ.ศ. 2518 ทําใหเกิดดินถลมรุนแรงเปนบางแหงทางตอนใตของเทือกเขาหลวง
และถลม เล็กนอยอีกหลายแหง และเกดิ อกี คร้ัง
ในเดือนพฤศจิกายน ป พ.ศ. 2531 ทําใหเกิดดินถลมรุนแรงทางดานทิศตะวันตกของ
เทือกเขาหลวง รวมท้ังทําใหเกิดนํ้าปาไหลหลากและดินถลมทุกรองหวยของพื้นท่ีโดยรอบเทือกเขาหลวง
(รูปที่ 2.2.5-1) ทําใหประชาชนไดร บั ความสูญเสยี ทัง้ ชวี ติ และทรัพยสินเปนจาํ นวนมาก
ระหวางวันที่ 23–31 มีนาคม 2554 ไดเกิดเหตุการณดินถลม นํ้าปาไหลหลาก (รูปท่ี
2.2.5-2) และอุทกภัยขนาดใหญ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มียอดผูเสียชีวิตรวม 28 ราย พ้ืนที่ประสบ
ภัย รวม 23 อําเภอ 165 ตําบล 1,551 หมูบาน ประชาชนไดรับผลกระทบและความเดือดรอนประมาณ
312,500 ครัวเรือน 909,800 คน ทรัพยสินของประชาชนที่ไดรับผลกระทบและความเสียหาย เชน
บานเรือนเสียหายท้ังหลัง 299 หลัง บานเรือนเสียหายบางสวน 9,000 หลัง มูลคาความเสียหายโดยรวม
ทั้งจังหวัดเบื้องตน ประมาณ 3,200 ลานบาท ผลกระทบและความเสียหายทั้งหมด อยูระหวางสํารวจ
เพ่ิมเติม (ที่มา: ศูนยอํานวยการเฉพาะกิจปองกันและแกไขปญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถลม จังหวัด
นครศรีธรรมราช ขอมูลวันท่ี 21 เมษายน 2554)
2-16
รปู ท่ี 2.2.5-1 การเกิดดินถลมในจงั หวดั นครศรีธรรมราช พฤศจกิ ายน 2531 (ภาพโดยวรวุฒิ ตนั ติวนชิ )
รูปท่ี 2.2.5-2 รองรอยดินถลม ในพ้นื ทจ่ี งั หวัดนครศรธี รรมราช, มนี าคม 2554
2-17
สถานการณอําเภอสิชลไดเกิดฝนตกหนักติดตอกันต้ังแตวันท่ี 23 มีนาคม ถึงวันที่ 5
เมษายน 2554 ปริมาณนํา้ ฝนสูงสุดวัดได 264.2 มิลลิเมตร เม่ือวันท่ี 25 มีนาคม 2554 ทําใหเกิดนํ้าปา
ไหลหลากทวมพ้ืนที่ราบลุมเปนวงกวางเต็มพื้นท่ี ท้ังหมด 9 ตําบล 110 หมูบาน ราษฎรประสบภัย 20,000
ครวั เรือน 60,000 คน เสนทางคมนาคมท้ังถนนสายหลักและสายรองถูกนํา้ ทวมสูงไมสามารถสัญจรไป-มา
ได โดยเฉพาะวันที่ 26-30 มีนาคม 2554 สถานการณรุนแรงสูงสุด ตองอพยพราษฎรออกมาอยูในพื้นที่
ปลอดภัยหลายจุด
พื้นท่ีที่สถานการณรุนแรงและถูกตัดขาด เนื่องจากกระแสน้ําไหลแรง ถนนถูกตัดขาด
เกิดดินถลมทับบานเรือนราษฎร และพ้ืนท่ีทําการเกษตร ประกอบดวย ตําบลเทพราช หมู 10 บานเผียนบน
และหมู 15 บานสามเทพ ตําบลฉลอง หมู 10 บานวังสาน ตําบลสี่ขีด หมู 1 บานนํ้ารอน และหมู 11
บานเขาพับผา ตําบลเขานอย หมู 3 บานสํานักเนียน และหมู 7 บานยอดน้ํา ซ่ึงพ้ืนที่ประสบภัยดังกลาว
ตองใชเฮลิคอปเตอรล ําเลียงเสบียงอาหาร และอพยพคนออกจากพื้นท่ีท้ังหมด ความเสียหาย มีผูเสียชีวิต
จากถูกนํ้าพัดพา 5 ราย ดานทรัพยสิน บานเรือนเสียหายท้ังหลัง 124 หลัง บานเรือนเสียหายบางสวน
3,000 หลัง พ้ืนท่ีการเกษตรประมาณ 176,088 ไร ปศุสัตว ประมาณ 150,000 ตัว ส่ิงสาธารณประโยชน
ถนน 440 สาย สะพาน 21 แหง คอสะพาน 70 แหง ฝาย 24 แหง ทอระบายน้ํา 180 แหง มูลคา
ความเสียหายเบื้องตนประมาณ 320 ลานบาท (ที่มา: ที่วาการอําเภอสิชล) ความเสียหายของ
บานเรือนจากดนิ ถลม ในอําเภอสิชล จังหวดั นครศรธี รรมราช แสดงดังรูปที่ 2.2.5-3
รูปที่ 2.2.5-3 ความเสียหายของบานเรอื นจากดินถลม ในอาํ เภอสชิ ล จังหวดั นครศรีธรรมราช
บทท่ี 3
พืน้ ทเี่ สย่ี งภยั ดินถลมระดบั ชุมชน
ตาํ บลนาหลวงเสน
บทที่ 3
พื้นที่เสีย่ งภัยดินถลมระดับชุมชน ตําบลนาหลวงเสน
3.1 ขอ มูลทั่วไป
3.1.1 ทต่ี ง้ั และภมู ศิ าสตร
ตําบลนาหลวงเสน เปนตําบลในเขตการปกครองของอําเภอทุงสง ตั้งอยูทางทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือของที่วาการอําเภอทุงสง เปนระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร มีขนาดเน้ือท่ีท้ังหมด
ประมาณ 86.37 ตารางกโิ ลเมตร หรือประมาณ 53,980 ไร โดยมอี าณาเขตติดตอ ดงั นี้
ทศิ เหนอื ตดิ ตอกบั อําเภอชา งกลาง และอาํ เภอลานสกา จังหวัดนครศรธี รรมราช
ทิศใต ตดิ ตอ กับ เทศบาลเมอื งทงุ สง และเทศบาลเมอื งชะมาย
จังหวัดนครศรธี รรมราช
ทิศตะวันออก ติดตอ กบั เทศบาลตําบลถํ้าใหญ และเทศบาลเมอื งทงุ สง
จงั หวัดนครศรธี รรมราช
ทิศตะวันตก ติดตอกับเทศบาลตําบลชะมาย ตําบลหนองหงส และอําเภอนาบอน
จังหวดั นครศรธี รรมราช
ตําบลนาหลวงเสน มีฐานะเปนองคการบริหารสวนตําบลนาหลวงเสน แบงการปกครอง
เปน 9 หมูบ า น ประกอบดว ย หมู 1 บา นสระแกว หมู 2 บา นใต หมู 3 บา นทาเลา หมู 4 บา นลาํ หัด หมู 5
บานคอกชาง หมู 6 บานสําโรง หมู 7 บานประดู หมู 8 บานไสเหนือ และหมู 9 บานหนาเขา มีประชากร
ทั้งส้ิน 9,596 คน แยกเปนชาย 4,756 คน หญิง 4,840 คน จํานวนครัวเรือนท้ังสิ้น 2,785 ครัวเรือน
(ขอมลู จากองคก ารบรหิ ารสว นตําบลนาหลวงเสน ณ เดือนกมุ ภาพันธ 2557)
3.1.2 การใชประโยชนท ่ีดิน
การใชท ่ดี นิ ในเขตองคการบรหิ ารสว นตาํ บลนาหลวงเสน สามารถจําแนกประเภทได ดงั นี้
บรเิ วณพื้นทเ่ี กษตรกรรม เปนการใชประโยชนท ่ีดนิ หลักของตําบล ซ่ึงเหมาะกบั การเพาะปลูกอยใู นบริเวณ
ท่ีราบลุม โดยเฉพาะพื้นที่ท่ีอยูติดกับชุมชน นิยมปลูกพืชไร พืชสวน หมู 5 มีพื้นที่เกษตรกรรมมากที่สุด
ประกอบดว ยพืน้ ทีป่ ลกู ขา ว ยางพารา พืชไร ผัก พืน้ ท่เี ลยี้ งสตั ว และพืน้ ท่ที าํ ประมง
บริเวณที่อยูอาศัย ปจจุบันบริเวณที่อยูอาศัยในเขตตําบลนาหลวงเสน แหลงชุมชนพัก
อาศัยเปน กลุมใหญใ นหมู 1 บา นสระแกว
บริเวณพานิชยกรรม โดยทั่วไปการใชที่ดินเพ่ือการคา มีลักษณะเปนรานคาปลีก ซ่ึงมี
จํานวนรานคาปลีกประมาณ 82 รานปะปนอยูกับที่อยูอาศัย และสวนใหญประชาชนนิยมเดินทางไปใช
บรกิ ารของตลาดสด เทศบาลเมืองทงุ
สถาบนั ศาสนา วดั เปนศนู ยร วมจติ ใจของชุมชน ซ่ึงตง้ั อยูหมู 1, 2, 3 และหมู 6 นอกจาก
ใชประกอบกิจกรรมทางศาสนาแลว ยังใชเปนสถานที่จัดกิจกรรมประเพณีทางศาสนา งานประจําป และ
เปน สถานท่ีพกั ผอนหยอ นใจของชมุ ชนดว ย
สถาบันการศึกษา ในตําบลนาหลวงเสนมีสถานที่ศึกษาระดับประถมศึกษากระจายอยู
ทัว่ ไป ใหบริการดา นการศกึ ษาไดอยางทั่วถึง ทงั้ นี้ท่ตี ั้งของโรงเรียนโดยสวนใหญจ ะอยใู กลบ ริเวณวัด
3-2
มีแหลงน้ําธรรมชาติสําคัญไหลผาน 5 สายคือ คลองวังหีบ คลองวังหิน คลองทาเลา
(คลองประดู) คลองลําหัด และคลองทาโจน นอกจากนี้ยังมีลําน้ํา และลําหวยธรรมชาติอื่นๆเชน คลองลํา
ประหวยลําดอย หวยควนถาน เปนตน และพื้นที่สาธารณะประโยชนท่ีประชาชนสามารถใชประโยชน
รวมกันได เชน ถนน แหลงนํ้า นํ้าตกหนานปลิว นํ้าตกหนานตากผา นํ้าตกหนานเตย โบราณสถานพระ
บรรทมวัดสําโรง
3.1.3 ลกั ษณะภมู ิประเทศและลกั ษณะทางนํา้
ลักษณะภูมิประเทศของตําบลนาหลวงเสน พ้ืนที่สวนใหญเปนที่ราบเชิงเขา ทางตอน
เหนือของตําบลเปน เทือกเขาสูงสลบั ซบั ซอนตลอดแนว ไดแก เขาเหมน เขาธง เขาพระเขาโยง ฯลฯเปน แหลง
น้ําท่ีสําคัญของลุมนํ้าตาป และลุมนํ้าปากพนัง ลักษณะรูปรางของตําบลนาหลวงเสนมีรูปรางคลายรูปวงรี มี
การวางตัวในแนวตะวันตกเฉียงใต – ตะวันออกเฉียงเหนือ มีแหลงนํ้าท่ีสําคัญ คือคลองวังหีบ คลองวังหนิ
คลองทา เลา (คลองประด)ู คลองลําหดั และคลองทาโจน(คลองทา โหลน) ซ่ึงสวนใหญมที ิศทางการไหลจาก
ทิศตะวันออกเฉยี งเหนือไปทิศตะวนั ตกเฉยี งใตของตําบลนาหลวงเสน
ลักษณะทางน้ําของตําบลนาหลวงเสน มีรูปแบบทางนํ้ากิ่งไม ซึ่งมีลักษณะคลาย
กิ่งกานสาขาของตนไมท่ีผลัดใบ ทางน้ําท่ีสําคัญไดแก คลองวังหีบ คลองวังหิน คลองทาเลา (คลองประดู)
คลองลําหัด คลองทาโลน และคลองทาโจน (ทาโหลน) ซึ่งมีตนกําเนิดจากพื้นที่เทือกเขาเหมน เขาวังหีบ
และเขาพระ ท่ีอยูทางทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตําบลนาหลวงเสน นอกจากนี้ยังมีลําหวย
หรือลําน้ําธรรมชาติสาํ คัญอื่นๆที่ไหลผานพื้นท่ีตําบลนาหลวงเสน ไดแก เชน คลองลําประ (หวยควนถาน)
หวยลําดอย หว ยชองตรบิ เปน ตน
คลองวังหีบ มีตนกําเนิดมาจากเทือกเขาวังหีบ และเขาพระท่ีอยูทางทิศเหนือ และทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือของตําบลนาหลวงเสน มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตก
เฉยี งใตข องตําบลนาหลวงเสน ไหลไปรวมกับคลองวังหิน ผานหมู 1 บานสระแกว ไหลตอ ไปรวมกบั หวยลําดอย
ผานหมู 5 บานคอกชาง ผานหมู 4 บานลําหัด กอนไหลออกนอกพื้นท่ีตําบลนาหลวงเสน เขาสูเขตตําบล
หนองหงส
คลองวังหิน มีตนกําเนิดมาจากเทือกเขาเหมน และเขาวังหีบที่อยูทางทิศเหนือ และทิศ
ตะวันตกเฉียงเหนือของตําบลนาหลวงเสน มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตก
เฉียงใตของตําบลนาหลวงเสน ไหลไปรวมกับคลองวังหีบ ผานหมู1 บา นสระแกว ไหลตอไปรวมกับหว ยลําดอย
ผานหมู5 บานคอกชาง ผานหมู4 บานลําหัด กอนไหลออกนอกพ้ืนที่ตําบลนาหลวงเสน เขาสูเขตตําบล
หนองหงส
คลองทาเลา (คลองประดู) มีตนกําเนิดมาจากเขาเหมนและเขาพระที่อยูทางทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือของตําบลนาหลวงเสน มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตก
เฉยี งใต ของตาํ บลนาหลวงเสน ผา นหมู 8 บานไสเหนอื หมู 7 บา นประดู หมู 9 บา นหนาเขา ไหลตอไปยัง
หมู 3 บา นทาเลา หมู 6 บา นสาํ โรง และพ้ืนท่บี างสว นของหมู 2 กอ นไหลออกนอกพ้ืนท่ีตาํ บลนาหลวงเสน
เขาสเู ขตเทศบาลตาํ บลทงุ สง
3-3
คลองลําหัด มตี นกําเนดิ อยูบ ริเวณเทือกเขาท่ีอยูทางตอนเหนือของพื้นท่ีหมู 5 บานคอก
ชาง มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตกเฉียงใต ของตําบลนาหลวงเสน ผานหมู
5 บานคอกชาง พื้นที่บางสวนของหมู 1 บานสระแกว ตอไปยังหมู 4 บานลําหัด กอนไหลออกนอกพ้ืนท่ี
ตําบลนาหลวงเสน เขาสูเขตตําบลหนองหงส
คลองทาโจน (คลองทาโหลน) มีตนกําเนิดอยูบริเวณเทือกเขาที่อยูทางทิศตะวนั ออกของ
พ้ืนท่ีหมู 8 บานไสเหนือ มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตกเฉียงใต ของตําบล
นาหลวงเสน บริเวณรอยตอระหวางตําบลนาหลวงเสนกับตําบลถ้ําใหญ ไหลผานหมู 8 บานไสเหนือ พื้นที่
บางสวนของหมู 3 บานทาเลา และหมู 2 บา นใต ไหลไปรวมกับคลองนาํ้ ตกโยง และคลองไชยศรี กอนไหล
ตอ ไปยังหมู 7 บา นไสใหญเหนอื กอนไหลออกนอกพนื้ ท่ีตาํ บลนาหลวงเสน เขา สเู ขตเทศบาลตําบลทุงสง
คลองทาโลน มีตนกําเนิดอยูบริเวณเทือกเขาท่ีอยูทางทิศตะวันออกของพื้นท่ีหมู 8 บาน
ไสเหนือ ในพ้ืนที่ตําบลถ้ําใหญ มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปทิศตะวันตกเฉียงใต ไหล
ผา นพืน้ ทบี่ างสวนของหมู 3 บา นทา เลา และหมู 2 บา นใต กอนไหลเขาสตู าํ บลชะมาย อาํ เภอทุงสง
คลองลําประ (หวยควนถา น) มีตนกําเนิดมาจากเทือกเขาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ
ตําบลนาหลวงเสน บริเวณเขตพื้นท่ีหมู 1 บานสระแกว มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไป
ทิศตะวันตกเฉยี งใต ของตําบลนาหลวงเสน ผานหมู 1 บา นสระแกว ไหลไปรวมกับคลองจัง กอ นไหลลงไป
รวมกับคลองหีบแลวไหลตอไปยังหมู 4 บานลําหัด กอนไหลออกนอกพื้นท่ีตําบลนาหลวงเสน เขาสูเขต
ตาํ บลหนองหงส
คลองงา มีตนกําเนิดอยูในพื้นที่หมู 5 บานคอกชาง มีทิศทางการไหลจากทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตกเฉียงใต ไหลผานพ้ืนที่หมู 5 บานคอกชาง ไหลลงบอเก็บน้ํา กอนไหล
ผา นพ้นื ท่หี มู 4 บา นลาํ หัด กอนไหลไปรวมคลองวงั หีบตอไป
หวยชองตริบ มีตนกําเนิดอยูในพื้นที่ตําบลถ้ําใหญ มีทิศทางการไหลจากทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตกเฉียงใต ไหลผานพื้นที่หมู 8 บานไสเหนือ ไหลตอไปยังหมู 2 บานใต
กอนไหลไปรวมคลองทาโลน
หวยลําดอย มีตนกําเนิดอยูบริเวณเทือกเขาทางตอนเหนือของตําบลนาหลวงเสนมีทิศ
ทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตกเฉียงใตของตําบลนาหลวงเสน ผานหมู 1 บาน
สระแกว หมู 5 บานคอกชาง กอนไหลไปรวมกับคลองวังหีบ ไหลตอไปยังหมู 4 บานลําหัด กอนไหลออก
นอกพื้นทตี่ าํ บลนาหลวงเสน เขาสเู ขตตําบลหนองหงส
หว ยเสาะ มีตนกาํ เนดิ อยูในพนื้ ท่หี มู 7 บา นประดู มที ศิ ทางการไหลจากทิศเหนือไปทิศใต
ไหลผา นพน้ื ทหี่ มู 7 บา นประดู กอ นไหลไปรวมกบั หวยอนุ ใจในพืน้ ท่ีหมู 8 บา นไสเหนอื
3.1.4 ลกั ษณะภมู ิอากาศ
ต้งั ใกลเสน ศูนยสูตรมีภูเขาและเปน คาบสมุทรทงั้ 2 ดา น คือดา นตะวนั ออกเปนทะเลจนี
ใต มหาสมทุ รแปซิฟก ดา นตะวันตกเปนทะเลอนั ดามันมหาสมทุ รอนิ เดียทาํ ใหไ ดร บั อิทธพิ ลลมมรสุมจาก
มหาสมุทรอนิ เดีย และพายุหมุนเขตรอ น จากทะเลจีนใตส ลับกัน สามารถสรปุ ฤดูกาลไดเปน 2 ฤดู คอื
ฤดูรอน เริม่ ตั้งแตก ลางเดือนกุมภาพนั ธถ งึ เดือนเมษายน ซ่งึ เปนชว งเปลีย่ นฤดมู รสมุ
หลังจากสิ้นสุดฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือแลวอากาศจะเริ่มรอนและมีอากาศรอนจัดในเดือนเมษายน
ไมรอ นมากนักเนื่องจากอยูใ กลทะเล กระแสลมและไอน้ําจากทะเลทาํ ใหอากาศคลายความรอนลงไปมากมี
3-4
อุณหภมู ิเฉลี่ย 27.46 องศาเซลเซยี ส อุณหภูมิสูงสดุ 38.9 องศาเซลเซียส และอุณหภมู ิตํ่าสดุ 17.5 องศา
เซลเซียส
ฤดูฝน มี 2 ชว งตั้งแตเดอื นพฤษภาคม – ตุลาคม เปน ชวงที่ไดร ับอทิ ธพิ ลลมมรสมุ
ตะวนั ตกเฉยี งใต และตงั้ แตเ ดือนพฤศจิกายน – มกราคม เปน ชวงท่ไี ดรบั อิทธิพลลมมรสุม
ตะวันออกเฉยี งเหนือชว งน้ีฝนตกหนาแนน เดือนทม่ี ีฝนตกมากทีส่ ุด คือเดอื นพฤศจิกายน ปรมิ าณ 640.4
มิลลิเมตร มีฝนตกทั้งหมด 150.1 วัน ปริมาณฝนรวมทงั้ ป 2610.1 มิลลเิ มตร
(ทีม่ า : สถิติภูมอิ ากาศในคาบ 30 ป (พ.ศ.2528-2557) สถานตี รวจวัดอากาศนครศรธี รรมราช
กรมอตุ ุนยิ มวทิ ยา,2557)
3.2 ลักษณะธรณวี ทิ ยาตาํ บลนาหลวงเสน
3.2.1 ลาํ ดบั ช้ันหิน และธรณีวทิ ยาโครงสรา ง
ลกั ษณะธรณีวทิ ยาตาํ บลนาหลวงเสน ประกอบดวย หินไบโอไทต หนิ มสั โคไวต ไบโอไทต
แกรนิต (TRgr1) หินทราย และหินควอรตไซต (ϵ) หินดินดานและหินทรายแปงแทรกสลบั ดวยหินปูนเปน
เลนส (Olt) ตะกอนเศษหินเชงิ เขาและตะกอนผพุ ังอยูกบั ที่ (Qc) และตะกอนนํา้ พา (Qa)
พื้นท่ีสวนใหญ ทางฝงทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตําบลนาหลวงเสน เปน
หินอัคนี ยุคไทรแอสซิก (TRgr1) จําพวกหินไบโอไทต แกรนิต เน้ือสม่ําเสมอถึงเนื้อดอก เม็ดปานกลางถึง
หยาบ หินมัสโคไวต ไบโอไทตแกรนิต เน้ือสม่ําเสมอ เม็ดละเอียดถึงปานกลาง แทรกซอนหินตะกอนยุค
แคมเบรียนในกลุมหินตะรุเตา (ϵ) จําพวกหินทราย และหินควอรตไซต สีขาว สีเทาออน เม็ดละเอียด ชั้น
หนาถึงชั้นบางแสดงช้ันเฉียงระดับ และแถบช้ันบาง พบเปนเทือกเขาวางตัวในแนวตะวันตกเฉียงเหนือ-
ตะวันออกเฉียงใต บริเวณตอนกลางของตําบลนาหลวงเสน วางตัวรองรับหินตะกอนยุคออรโดวิเชียน ใน
หมวดหินแลตอง (Olt) จําพวกหินดินดาน หินทรายแปง สีเทาแกมเขียว สีนํ้าตาล ช้ันบาง แทรกสลับดวย
หินปูนเปนเลนส สีเทา พบเปนแนวเขา และเขาลูกโดด กระจายตัวอยูท่ัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต และ
ตะวันตกเฉียงใตของตําบลนาหลวงเสน ถูกปด ทบั ดว ยหนว ยตะกอนเศษหนิ เชงิ เขาและตะกอนผุพังอยูกับท่ี
(Qc) เศษหินประกอบดวย หินควอรตไซต หินทราย หินทรายแปง หินแกรนิต ทราย ทรายแปง ดินลูกรัง
และศิลาแลง กระจายตัวอยูท่ัวไปตามท่ีลาดเชิงเขา และหนวยตะกอนน้ําพา (Qa) จําพวก กรวด ทราย
ทรายแปง และดินเหนียว กระจายตัวอยูทั่วไปตามลําน้ําสายตางๆ (ที่มา แผนที่ธรณีวิทยาจังหวัด
นครศรีธรรมราช กรมทรัพยากรธรณ,ี 2551)
พบหินไบโอไทต แกรนิต โผลในพื้นที่ หมู 1 บานสระแกว หมู 7 บานประดู หมู 8
บานไสเหนือ หมู 9 บานหนาเขา หินทราย โผลในพื้นท่ีหมู 1 บานสระแกว หมู 3 บานทาเลา หินทรายแปง
โผลในพ้นื ท่ีหมู 6 บานสําโรง หมู 7 บา นประดู หินปนู โผลใ นพนื้ ทีห่ มู 3 บานทาเลา หมู 5 บานคอกชาง
หมู 6 บา นสําโรง หินโคลน โผลใ นพนื้ ท่ีหมู 4 บานลําหดั ตะกอนเศษหินเชงิ เขาและตะกอนผพุ ังอยูกบั ที่ โผล
ในพื้นที่หมู 1 บานสระแกว หนวยตะกอนน้ําพา โผลในพื้นที่หมู 2 บานใต แสดงดังรูปที่ 3.2.1-1 ถึง
รูปท่ี 3.2.1-13
3-5
รูปท่ี 3.2.1-1 ลักษณะของหินทราย (ϵ) สีเทาอมขาว ถงึ นาํ้ ตาลแดง ในพ้นื ท่หี มู 1 บานสระแกว
พกิ ดั 575042 E/ 0908656 N
รูปที่ 3.2.1-2 ลักษณะของหนิ ไบโอไทตแ กรนติ (Trgr1) สเี ทา ถงึ นาํ้ ตาลอมเทา เนอ้ื ดอก ในพื้นท่หี มู 1
บา นสระแกว พิกดั 575534 E/ 0911983 N
รูปที่ 3.2.1-3 ลักษณะของตะกอนนาํ้ พา (Qa) ประกอบดวย ตะกอนกรวด ทราย และดนิ เหนียว ในพ้นื ท่ี
หมู 2 บานใต พิกดั 578947 E/ 0905546 N
3-6
รูปที่ 3.2.1-4 ลกั ษณะของหินทรายแทรกสลับหินทรายแปง (Olt) สีนํ้าตาลอมเหลอื ง ถงึ น้ําตาลอมสม
ในพ้นื ทหี่ มู 3 บา นทา เลา พกิ ดั 577511 E/ 0906616 N
รูปที่ 3.2.1-5 ลกั ษณะของหินปูน (Olt) สีเทาอมเขียว ชัน้ ปานกลาง ในพนื้ ทห่ี มู 3 บา นทา เลา
พิกดั 575539 E/ 0912508 N
รูปท่ี 3.2.1-6 ลักษณะของตะกอนผุพงั อยกู บั ที่ (Qc) ประกอบดว ย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง
และดนิ เหนยี ว ในพน้ื ทีห่ มู 4 บานลาํ หัด พกิ ัด 593025 E/ 0909156 N
3-7
รปู ที่ 3.2.1-7 ลกั ษณะของหนิ ปูน (Olt) สีเทาถึงเทาขาว ชั้นปานกลาง ในพื้นที่หมู 5 บา นถ้ําใหญ
พิกดั 576058 E/ 0907774 N
รูปที่ 3.2.1-8 ลกั ษณะของหินปนู (Olt) สีเทาถงึ เทาดาํ ชั้นหนา ในพื้นที่หมู 6 บา นสําโรง
พกิ ัด 574923 E/ 0905241 N
รูปที่ 3.2.1-9 ลักษณะของหินทรายแปง สนี ้ําตาลแดง (Olt) ในพืน้ ท่ีหมู 6 บานสาํ โรง
พกิ ัด 574705 E/ 0905315 N
3-8
รูปที่ 3.2.1-10 ลักษณะของหินแกรนติ (Trgr1) เนอ้ื ดอก สีเทาขาว ในพ้ืนทห่ี มู 7 บานประดู
พกิ ัด 578011 E/ 0910078 N
รปู ที่ 3.2.1-11 ลักษณะของตะกอนผุพังอยูกับท่ี (Qc) ประกอบดวย เศษหินทราย กรวด ทราย ทรายแปง
และดนิ เหนียว ในพื้นทีห่ มู 7 บา นประดู พิกัด 578519 E/ 0908676 N
รปู ที่ 3.2.1-12 ลกั ษณะของหินแกรนิต (TRgr1) เนื้อดอก ในพื้นท่ีหมู 8 บา นไสเหนอื
พิกัด 579550 E/ 0908869 N
3-9
รูปที่ 3.2.1-13 ลกั ษณะของหนิ แกรนิต (TRgr1) สเี ทา เน้ือสมาํ่ เสมอ ถงึ เนือ้ ดอก ในพน้ื ทีห่ มู 9 บานหนา เขา
พิกัด 577165 E/ 0909344 N
3.2.2 หลักฐานการเกิดดนิ ถลม โบราณ
การสํารวจหาหลักฐานการเกิดดินถลมโบราณเปนการสํารวจดานธรณีวิทยาส่ิงแวดลอม
เก็บขอมูลหลักฐานรอยดินไหลดินถลมลานหินพังแนวตะพักลําน้ําและลักษณะทางน้ําการสํารวจหา
หลักฐานการเกิดดินถลมอาจสังเกตไดจากสะพานที่สรางขึ้นดวยงบประมาณจากโครงการอุทกภัยหรือ
ลักษณะการสรางบานเรือนเปน กลุมเชนการสรางเปนแบบการเคหะหรือแบบนิคมพ่ึงตนเองซึ่งสามารถบง
บอกถงึ การเกิดดินถลมหรือนํ้าปา ไหลหลากไดเชนกัน ซึ่งหลักฐานการเกิดดนิ ถลม นํา้ ปา ไหลหลาก ของแต
ละหมบู า นในพ้นื ท่ตี าํ บลนาหลวงเสน ดังน้ี
หมู 1 บานสระแกว พบกองดินถลมโบราณ ประกอบดวย กอนหินแกรนิต ขนาด
ประมาณ 0.45 x 1.0 เมตร กรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนียว (รูปท่ี 3.2.2-1)
หมู 2 บานใต ไมพ บกองดินถลมโบราณ เน่ืองจากอยหู างไกลจากเขาสูง พบเพยี งตะกอน
ในคลองทา โหลน ประกอบดว ย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนยี ว (รูปท่ี 3.2.2-2)
หมู 3 บานทาเลา ไมพบกองดินถลมโบราณ เนื่องจากอยูหางไกลจากเขาสูง พบเพียง
ตะกอนในคลองทา เลา ประกอบดวย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง และดินเหนียว (รูปท่ี 3.2.2-3)
หมู 4 บานลําหัด ไมพบกองดินถลมโบราณ เนื่องจากอยูหางไกลจากเขาสูง พบเพียง
ตะกอนในคลองงา ประกอบดว ย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนยี ว (รูปท่ี 3.2.2-4)
หมู 5 บานคอกชาง พบกองดินถลมโบราณ ประกอบดวย กอนหินแกรนิต ขนาด
ประมาณ 1.0 x 2.0 เมตร กรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนยี ว (รูปท่ี 3.2.2-5)
หมู 6 บานสําโรง ไมพบกองดินถลมโบราณ เน่ืองจากอยูหางไกลจากเขาสูง พบเพียง
ตะกอนในคลองทา เลา ประกอบดวย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนียว (รปู ที่ 3.2.2-6)
หมู 7 บานประดู พบกองดินถลมโบราณ ประกอบดวย กอนหินแกรนิต ขนาดประมาณ
1.0 x 2.0 เมตร กรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนยี ว (รปู ท่ี 3.2.2-7)
หมู 8 บานไสเหนอื พบกองดินถลม โบราณ ประกอบดว ย กอนหนิ แกรนติ ขนาดประมาณ
0.50 x 1.0 เมตร กรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนยี ว (รปู ที่ 3.2.2-8)
หมู 9 บานหนาเขา ไมพบกองดินถลมโบราณ เนื่องจากอยูหางไกลจากเขาสูง พบเพียง
ตะกอนในคลองทาเลา ประกอบดว ย ตะกอนกรวด ทรายทรายแปง และดนิ เหนียว (รปู ท่ี 3.2.2-9)
3-10
รูปที่ 3.2.2-1 ลกั ษณะกองดนิ ถลม โบราณ ประกอบดวย กอนหินแกรนิต ขนาดประมาณ 0.45 x 1.0 เมตร
กรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนียว ในพื้นท่หี มู 1 บานสระแกว พกิ ดั 575528 E/
0911893 N
รูปท่ี 3.2.2-2 ลกั ษณะตะกอนในคลองทา โหลน ประกอบดว ย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนียว
ในพ้ืนทห่ี มู 2 บานใต พกิ ัด 578947 E/ 0905546 N
รูปท่ี 3.2.2-3 ลักษณะตะกอนในคลองทาเลา ประกอบดวย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง และดินเหนียว
ในพื้นที่หมู 3 บา นทาเลา พิกัด 577145 E/ 0905935 N
3-11
รูปท่ี 3.2.2-4 ลักษณะตะกอนในคลองงา ประกอบดว ย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง และดินเหนียว
ในพน้ื ทีห่ มู 4 บานลําหดั พิกดั 573212 E/ 0907200 N
รูปที่ 3.2.2-5 ลักษณะกองดินถลมโบราณ ประกอบดวย กอนหินแกรนิต ขนาดประมาณ 1.0 x 2.0 เมตร
กรวด ทราย ทรายแปง และดินเหนียว ในพ้ืนที่หมู 5 บานคอกชาง พิกัด 577323 E/
0909514 N
รูปท่ี 3.2.2-6 ลกั ษณะตะกอนในคลองทา เลา ประกอบดวย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง และดินเหนยี ว
ในพื้นทหี่ มู 6 บา นสําโรง พกิ ัด 575287 E/ 0904820 N
3-12
รูปท่ี 3.2.2-7 ลกั ษณะกองดินถลม โบราณ ประกอบดว ย กอ นหินแกรนิต ขนาดประมาณ 1.0 x 2.0 เมตร
กรวด ทราย ทรายแปง และดนิ เหนียว ในพ้ืนทหี่ มู 7 บานประดู พิกัด 577477 E/ 0909466 N
รปู ท่ี 3.2.2-8 ลกั ษณะกองดินถลม โบราณ ประกอบดว ย กอ นหนิ แกรนิต ขนาดประมาณ 0.50 x 1.0 เมตร
กรวด ทราย ทรายแปง และดินเหนียว ในพื้นที่ หมู 8 บา นไสเหนอื พกิ ัด 580440 E/
0908264 N
รูปท่ี 3.2.2-9 ลกั ษณะตะกอนในคลองทาเลา ประกอบดวย ตะกอนกรวด ทรายทรายแปง และดนิ เหนยี ว
ในพน้ื ที่หมู 9 บานหนา เขา พกิ ดั 577165 E/ 0909344 N
3-13
3.3 สถานการณธรณพี ิบัติภยั ดนิ ถลมตาํ บลนาหลวงเสน
ในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554 รายงานสถานการณน้ําทวม ลาสุดเขื่อนวังอายวาวแตก
นํ้าทะลกั เขาทวมตัวเมอื งทงุ สง ระดับน้ําสูง 50 ซ.ม. ถนนสายเศรษฐกจิ จม ชาวบา นหนีอลหมา น
ขณะนี้น้ําปาจากเทือกเขาบรรทัดไดไหลทะลักเขาทวมในเขตเทศบาลเมืองทุงสง จ.นครศรีธรรมราช
ประกอบกับเข่ือนวังอายวาว ต.นาหลวงเสน แตกเปนเหตุใหนํ้าเขาทวมตัวเมืองอยางรวดเร็วจนชาวบาน
ตางพากันขนยายสิ่งของหนีน้ํากันอยางชุลมุน ถนนทุกสายในเขตเทศบาลเมืองทุงสงจมบาดาล หลังจากท่ี
ฝนตกลงมาติดตอกัน 3-4 วัน ถนนสายชนปรีดา ซ่ึงเปนถนนสายเศรษฐกิจนํ้าทวมสูงระดับ 50 ซ.ม. รถ
เล็กไมส ามารถวงิ่ ผานไปมาได
3.4 พน้ื ทเี่ สยี่ งภัยดินถลม
จากการสํารวจพ้ืนที่เส่ียงภัยดินถลม นํ้าปาไหลหลาก และน้ําทวมฉับพลัน ภายใตกรอบ
สภาพธรณีวิทยา สภาพภูมิประเทศ และส่ิงแวดลอม ในพื้นที่ตําบลนาหลวงเสน ทั้งหมด 9 หมูบาน
ประกอบดวย หมู 1 บานสระแกว หมู 2 บานใต หมู 3 บานทาเลา หมู 4 บานลําหัด หมู 5 บานคอกชาง
หมู 6 บานสาํ โรง หมู 7 บานประดู หมู 8 บา นไสเหนอื และหมู 9 บานหนา เขา พบวา มีพื้นทเี่ สย่ี งภัยไดร ับ
ผลกระทบจากดินถลม และนํ้าทวมฉับพลัน 2 หมูบาน ไดแก หมู 1 บานสระแกว และหมู 8 บานไสเหนือ มี
พ้ืนท่ีเส่ียงภัยไดรับผลกระทบจากดินไหล และน้ําปาไหลหลาก 1 หมูบาน ไดแก หมู 7 บานประดู มีพื้นที่
เสย่ี งภัยไดรบั ผลกระทบจากดินไหล และนํ้าทว มฉบั พลัน 3 หมูบาน ไดแ ก หมู 2 บานใต หมู 3 บานทาเลา
และหมู 5 บานคอกชาง มีพ้ืนที่เส่ียงภัยไดรับผลกระทบจากหินรวง และน้ําทวมฉับพลัน 1 หมูบาน ไดแก
หมู 6 บานสําโรง และมีพ้ืนที่เส่ียงภัยไดรับผลกระทบจากน้ําทวมฉับพลัน 2 หมูบาน ไดแก หมู 4 บานลํา
หัด และหมู 9 บานหนาเขา เน่ืองจากธรณีวิทยาของตําบลนาหลวงเสน เปนหินแกรนิต หินโคลน
หินดินดาน หินทราย และหินปูน มีการแตกหักปานกลาง เมื่อผุจะใหตะกอน ทราย ทรายแปง ทรายปน
ดินเหนียว และดนิ เหนียวเปนชั้นหนา มีบา นเรือนตงั้ อยบู ริเวณลาดเขาและทร่ี าบ บางสวนมกี ารตัดไหลเขา
สรางท่อี ยูอาศยั เปนปจจัยเรง ใหเกิดดนิ ไหล และมลี าํ น้ําไหลผา น ดังรายละเอยี ดตอไปนี้
หมู 1 บานสระแกว มีจาํ นวนครัวเรือนทั้งสิ้น 415 ครัวเรือน โดยมีการต้ังบานเรือนอยู
บนท่ีราบลุมคลองวังหีบ มีตนกําเนิดมาจากเทือกเขาวังหีบ และเขาพระท่ีอยูทางทิศเหนือ และทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือของตําบลนาหลวงเสน มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตก
เฉียงใตของตําบลนาหลวงเสน ไหลไปรวมกับคลองวังหิน ผานหมู 1 บานสระแกว ไหลตอไปรวมกับ
หวยลําดอย ชุมชนบางสวนต้ังอยูบนท่ีราบลุมหวยลําคอย มีตนกําเนิดอยูบริเวณเทือกเขาทางตอนเหนือ
ของตําบลนาหลวงเสนมีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปทิศตะวันตกเฉียงใต ของตําบลนา
หลวงเสนผานหมู 1 บานสระแกว ไหลตอไปหมู 5 บานคอกชาง บางสวนตั้งอยูบนท่ีราบลมุ คลองลําหัด มี
ตนกําเนิดอยูบริเวณเทือกเขาที่อยูทางตอนเหนือของพ้ืนท่ีหมู 5 บานคอกชาง มีทิศทางการไหลจากทิศ
ตะวันออกเฉยี งเหนือไปทิศตะวันตกเฉียงใต ของตําบลนาหลวงเสน ผานหมู 5 บานคอกชา ง พนื้ ท่ีบางสวน
ของหมู 1 บานสระแกว ตอไปยังหมู 4 บานลําหัด และบางสวนมีการตั้งบานเรือนบนกองดินถลมเกา สงผล
ใหบานเรือนที่ตั้งใกลคลองวังหีบ หวยลําดอย และคลองลําหัด เปนพื้นที่เสี่ยงภัยไดรับผลกระทบจาก
นํ้าทวมฉับพลัน และบานเรือนที่ตั้งบนกองดินถลมเกา เปนพื้นที่เสี่ยงภัยไดรับผลกระทบจากดินถลม
(รูปท่ี 3.4-1)
3-14
หมู 2 บานใต มีจํานวนครัวเรือนทั้งส้ิน 305 ครัวเรือน โดยมีการตั้งบานเรือนอยูบนที่
ราบลุมติดคลองทา โหลน มีตนกาํ เนิดอยูบรเิ วณเทือกเขาทอ่ี ยูทางทิศตะวนั ออกของพ้ืนทห่ี ม8ู บา นไสเหนือ
มที ิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉยี งเหนือไปทิศตะวันตกเฉียงใตของตําบลนาหลวงเสน บรเิ วณรอยตอ
ระหวางตําบลนาหลวงเสนกับตําบลถํ้าใหญ ไหลผานหมู 8 บานไสเหนือ พื้นท่ีบางสวนของหมู 3 บานทา
เลา และหมู 2 บานใต ไหลไปรวมกับคลองนํ้าตกโยง และคลองไชยศรี บางสวนมีการตัดไหลเขาเพื่อตั้ง
บานเรือน สงผลใหบานเรอื นที่ต้ังใกลค ลองทาโหลน เปนพ้ืนท่ีเส่ียงภัยไดรับผลกระทบจากนํา้ ทวมฉับพลัน
และบา นเรือนทต่ี ัดไหลเ ขาเพื่อตัง้ บานเรือน เปน พืน้ ที่เส่ยี งภัยไดรบั ผลกระทบจากดินไหล (รูปที่ 3.4-2)
หมู 3 บา นทาเลา มจี าํ นวนครวั เรือนทง้ั สน้ิ 421 ครวั เรือน โดยมกี ารตงั้ บานเรอื นอยูบนท่ี
ราบลุมคลองทาเลา (คลองประดู) มีตนกําเนิดมาจากเขาเหมนและเขาพระท่ีอยูทางทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือของตําบลนาหลวงเสน มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตก
เฉียงใตของตําบลนาหลวงเสน ผานหมู 8 บานไสเหนือ หมู 7 บานประดู หมู 9 บานหนาเขา ไหลตอไปยัง
หมู 3 บานทาเลา หมู 6 บานสําโรง บางสวนมีการตัดไหลเขาเพื่อตั้งบานเรือน สงผลใหบานเรือนท่ีตั้งใกล
คลองทาเลา เปนพ้ืนท่ีเส่ียงภัยไดรับผลกระทบจากน้ําทวมฉับพลัน และบานเรือนที่ตัดไหลเขาเพ่ือตั้ง
บา นเรือน เปน พื้นท่เี สี่ยงภัยไดรับผลกระทบจากดนิ ไหล (รปู ที่ 3.4-3)
หมู 4 บา นลําหดั มจี ํานวนครวั เรือนท้ังสิน้ 245 ครัวเรอื น โดยมีการตงั้ บา นเรือนอยูบนท่ี
ราบลุมคลองลําหัด มีตนกําเนิดอยูบริเวณเทือกเขาท่ีอยูทางตอนเหนือของพ้ืนท่ีหมู 5 บานคอกชาง มีทิศ
ทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตกเฉียงใต ของตําบลนาหลวงเสน ผานหมู 5 บาน
คอกชาง พนื้ ท่บี างสว นของหมู 1 บานสระแกว ตอ ไปยังหมู 4 บา นลําหดั กอ นไหลออกนอกพื้นท่ีตาํ บลนา
หลวงเสน เขาสเู ขตตําบลหนองหงส ชมุ ชนบางสว นตง้ั อยบู นทร่ี าบลมุ คลองงา มีตนกาํ เนดิ อยูในพ้ืนทหี่ มู 5
บานคอกชาง มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตกเฉียงใต ไหลผานพ้ืนท่ีหมู 5
บานคอกชา ง ไหลลงบอ เกบ็ นํา้ กอ นไหลผา นพื้นทหี่ มู 4 บา นลําหดั กอนไหลไปรวมคลองวงั หีบตอไป และ
บางสวนต้ังอยูบนที่ราบลุมคลองวังหีบ มีตนกําเนิดมาจากเทือกเขาวังหีบ และเขาพระท่ีอยูทางทิศเหนือ
และทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตําบลนาหลวงเสน มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปทิศ
ตะวนั ตก เฉียงใตของตําบลนาหลวงเสน ไหลไปรวมกับคลองวงั หนิ ผานหมู 1 บา นสระแกว ไหลตอ ไปรวม
กับหว ยลําดอย ผานหมู 5 บา นคอกชาง ผา นหมู 4 บา นลาํ หดั กอนไหลออกนอกพนื้ ที่ตําบลนาหลวงเสน เขา
สูเขตตําบลหนองหงส สงผลใหบานเรือนท่ีต้ังใกลคลองวังหัด คลองงา และคลองวังหีบ เปนพ้ืนที่เส่ียงภัย
ไดร ับผลกระทบจากน้ําทว มฉบั พลนั (รปู ที่ 3.4-4)
หมู 5 บานคอกชาง มีจํานวนครัวเรือนท้ังส้ิน 480 ครัวเรือน โดยมีการต้ังบานเรือนอยู
บนทรี่ าบลมุ คลองลาํ หัด มตี น กําเนิดอยูบ ริเวณเทอื กเขาท่ีอยทู างตอนเหนือของพ้นื ทหี่ มู 5 บานคอกชาง มี
ทศิ ทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉยี งเหนือไปทิศตะวันตกเฉียงใต ของตําบลนาหลวงเสน ผา นหมู 5 บา น
คอกชา ง พ้ืนทีบ่ างสวนของหมู 1 บานสระแกว ตอไปยังหมู 4 บานลําหดั ชุมชนบางสวนมกี ารตง้ั บานเรือน
บนท่ีราบลุมคลองวังหีบ มีตนกําเนิดมาจากเทือกเขาวังหีบ และเขาพระท่ีอยูทางทิศเหนือ และทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือของตําบลนาหลวงเสน มีทิศทางการไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันตก
เฉียงใตของตําบลนาหลวงเสน ไหลไปรวมกับคลองวังหิน ผานหมู 1 บานสระแกว ไหลตอไปรวมกับ
หวยลําดอย ผานหมู 5 บานคอกชาง ไหลตอไปยังหมู 4 บานลําหัด บางสวนมีการตัดไหลเขาเพื่อต้ัง
บา นเรอื น สง ผลใหบ านเรือนทีต่ ั้งใกลคลองคลองลําหัด และคลองวังหีบ เปนพนื้ ที่เสีย่ งภัยไดรับผลกระทบ
จากน้ําทวมฉับพลัน และบานเรือนท่ีตัดไหลเขาเพื่อตั้งบานเรือน เปนพื้นท่ีเส่ียงภัยไดรับผลกระทบจาก
ดินถลม (รูปที่ 3.4-5)