โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเดจ็ เจา้ พระยา (มัธยม)
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
เรอ่ื ง ปฏกิ ริ ิยาเคมี
(Chemistry Reactions)
ส่ือการเรียนรู้เพ่ือยกระดับทกั ษะวิชาสามัญ
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา
ก
คำนำ
สื่อวีดีทัศน์ประกอบการเรียนการสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี เป็นชุดกิจกรรม
การเรียนรู้โครงการพัฒนาและประกวดสื่อการเรียนรู้เพื่อยกระดับทักษะวิชาสามัญท้อง เพื่อแก้ปัญหาโรงเรียน
ขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นการลดความเหลื่อมล้ำในการจัดการศึกษาให้ทั่วถึง
เท่าเทยี ม และมีคุณภาพ และควบคูก่ บั การเรยี นทฤษฎีในกจิ กรรมการเรยี นรู้ท่เี นน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคัญ ซึ่งครูเป็น
ผู้อำนวยความสะดวกให้กับผู้เรียน และสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2560 (ฉบับปรับปรุง) ที่มุ่งเน้นให้ผูเ้ รียนได้รบั การพัฒนาทัง้ ด้านความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการสืบเสาะ
หาความรู้ การแก้ปัญหา ความสามารถในการสื่อสาร การตัดสินใจ การนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ตลอดจนมีจติ วิทยาศาสตร์ คุณธรรม และค่านยิ มอนั พงึ ประสงค์
คณะผู้จัดทำ หวังเป็นอยา่ งยงิ่ ว่า ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ของระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 นจี้ ะเป็น
ประโยชน์ต่อการเรียนการสอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ของครูและการเรียนรู้ของผู้เรียน
ใหส้ ูงขน้ึ ตอ่ ไป
คณะผูจ้ ัดทำ
สารบญั ข
เรอ่ื ง หนา้
คำช้แี จงในการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1
ขนั้ ตอนการใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้ 2
สิ่งท่ีครูและนักเรยี นต้องเตรยี ม 3
บทบาทของครู 5
บทบาทของนกั เรียน 7
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 8
แผนการจดั การเรียนรู้ 10
แบบทดสอบก่อนเรียน 21
ใบความรทู้ ี่ 1 เร่อื ง ความหมายและการเปล่ยี นแปลงของสาร 25
ใบความรูท้ ่ี 2 เร่ือง ชนิดของปฏกิ ิริยาเคมใี นชีวิตประจำวนั 30
ใบความรทู้ ี่ 3 เร่อื ง ปฏิบตั ิการทดลองการเกิดฝนกรด 38
ใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง การเปล่ยี นแปลงของสาร 40
ใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง การเขยี นสมการเคมี 41
ใบงานท่ี 2 เรอ่ื ง ชนิดของปฏกิ ิรยิ าเคมใี นชวี ิตประจำวัน 42
ใบงานที่ 3 ใบบนั ทึกผลการทดลอง เร่ือง การเกิดฝนกรด 43
แบบทดสอบหลงั เรยี น 44
บรรณานุกรม 48
ภาคผนวก 50
51
นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะทางเคมี 52
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน - หลงั เรยี น 53
เฉลยใบงานที่ 1.1 เรื่อง การเปลีย่ นแปลงของสาร 54
เฉลยใบงานท่ี 1.2 เรื่อง การเขียนสมการเคมี 55
เฉลยใบงานที่ 2 เร่ือง ชนดิ ของปฏิกริ ยิ าเคมใี นชวี ติ ประจำวัน 56
เฉลยใบงานที่ 3 ใบบนั ทึกผลการทดลอง เรอ่ื ง การเกิดฝนกรด
1
คำชแ้ี จงในการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี ใช้ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 3 ของกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี จำนวน 4 ช่วั โมง
2. ในชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ จะประกอบไปดว้ ย
- คำชีแ้ จงในการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรยี นรู้
- ขน้ั ตอนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
- ส่งิ ทีค่ รแู ละนกั เรยี นต้องเตรยี ม
- บทบาทของครู
- บทบาทของนักเรียน
- สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
- แผนการสอน เรอื่ ง ปฏิกริ ยิ าเคมี
- แบบทดสอบกอ่ นเรียน
- ใบความรู้ท่ี 1 เรอื่ ง ความหมายและการเปลย่ี นแปลงของสาร
- ใบความรู้ที่ 2 เรอ่ื ง ชนิดของปฏกิ ิริยาเคมใี นชวี ติ ประจำวนั
- ใบความรทู้ ี่ 3 เรื่อง ปฏิบัติการทดลองการเกิดฝนกรด
- ใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง การเปลยี่ นแปลงของสาร
- ใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง การเขยี นสมการเคมี
- ใบงานท่ี 2 เรอื่ ง ชนิดของปฏกิ ริ ยิ าเคมีในชีวิตประจำวนั
- ใบงานท่ี 3 ใบบันทกึ ผลการทดลอง เรอ่ื ง การเกิดฝนกรด
- แบบทดสอบหลังเรยี น
- บรรณานุกรม
- ภาคผนวก
- เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน - หลงั เรยี น
- เฉลยใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง การเปลีย่ นแปลงของสาร
- เฉลยใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง การเขียนสมการเคมี
- เฉลยใบงานท่ี 2 เร่ือง ชนิดของปฏิกิรยิ าเคมีในชีวิตประจำวนั
- เฉลยใบงานที่ 3 ใบบนั ทกึ ผลการทดลอง เร่อื ง การเกิดฝนกรด
2
ขนั้ ตอนการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
ศกึ ษาคำชแ้ี จงการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
ศกึ ษาสง่ิ ทค่ี รแู ละนกั เรยี นตอ้ งเตรยี ม
ทำความเขา้ ใจในบทบาทของครูและนกั เรยี น
ทำความเขา้ ใจในบทบาทของครแู ละนกั เรยี น ไมผ่ า่ น
ทดสอบหลงั เรยี น
ศกึ ษผาา่ ชนดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
ต่อไป
จบ
3
สงิ่ ที่ครแู ละนกั เรยี นตอ้ งเตรยี ม
สงิ่ ทค่ี รตู อ้ งเตรยี ม
1. ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง ปฏกิ ิรยิ าเคมี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3
2. ครูต้องศึกษาคู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้โดยละเอียด
และต้องปฏิบัตกิ ิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรูใ้ ห้ครบทุกขัน้ ตอน เพื่อการวดั และประเมนิ ผล
ของชุดกิจกรรมการเรียนรู้
3. สื่อการเรียนการสอน คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ โปรเจคเตอร์
4. ใบความร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง ความหมายและการเปลี่ยนแปลงของสาร
5. ใบความรูท้ ี่ 2 เรือ่ ง ชนิดของปฏิกิริยาเคมใี นชีวิตประจำวัน
6. ใบความรู้ที่ 3 เร่ือง ปฏบิ ัตกิ ารทดลองการเกิดฝนกรด
7. ครเู ตรียมใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง การเปลี่ยนแปลงของสาร ใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง การเขียน
สมการเคมี ใบงานที่ 2 เรื่อง ชนิดของปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจำวัน และ ใบงานที่ 3 ใบบันทึก
ผลการทดลอง เรื่อง การเกิดฝนกรด (สามารถทำใบงานออนไลน์ได้ โดยครูสามารถดูคลิป
วีดิโอวิธีการนำใบงานจาก Liveworksheets มาใช้จาก QR Code วิธีการนำใบงานจาก
Liveworksheets)
8. ครูเตรียมแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี จากเว็บไซต์
www.liveworksheets.com โดยครสู ามารถดูคลิปวีดิโอวิธกี ารนำแบบทดสอบกอ่ นเรียนหลังเรียน
จาก Liveworksheets มาใช้จาก QR Code วิธีการนำแบบทดสอบก่อนเรียนหลังเรียนจาก
Liveworksheets
9. ครูศึกษาวิธีการใช้เว็บไซต์ http://gg.gg/archemistry จาก QR Code วิธีการใช้
เวบ็ ไซต์ https://spatial.io/ เพอื่ ให้นกั เรยี นสามารถเขา้ มาศกึ ษาเนื้อหาเพิม่ เตมิ
คลปิ วดี โิ อวธิ กี ารนำใบงาน คลปิ วดี โิ อวธิ ใี ชเ้ ว็บไซต์
จาก Liveworksheets มาใช้ spatial.io
4
สง่ิ ทค่ี รแู ละนกั เรยี นตอ้ งเตรยี ม
สงิ่ ทนี่ กั เรยี นต้องเตรียม
1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3
2. สมดุ บันทกึ
3. อุปกรณ์การเรียน
4. โทรศพั ท์
5
บทบาทของครู
ครผู ูส้ อนเป็นผูท้ ่ีมีบทบาทสำคัญในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยจะต้องเนน้ ใหผ้ ้เู รียนเกดิ การเรียนรู้
ด้วยตนเองมากที่สุด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ครูผู้สอนจึงควรศึกษารายละเอียดต่างๆทั้งด้านเนื้อหา
กจิ กรรม กระบวนการจัดการเรยี นรู้ จากแผนการจัดการเรยี นรู้ และการใชช้ ุดกิจกรรม การเรยี นรใู้ หเ้ ขา้ ใจ ดงั นี้
1. ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรูใ้ ห้นักเรียนทราบ
2. ครูแนะนำวิธีการเรียนและขั้นตอนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนเข้าใจ เพื่อให้
นกั เรียนปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
3. ครูชี้แจงบทบาทของนักเรียน และแนวปฏิบัติในระหว่างการดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้
นกั เรยี นเขา้ ใจบทบาทของตนเอง
4. ครนู ำเขา้ สูบ่ ทเรยี น โดยให้นกั เรียนมสี ว่ นรว่ มในการทำกจิ กรรม
5. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น จำนวน 15 ข้อ เป็นแบบปรนัย 4 ตวั เลอื ก ใช้เวลา 20
นาที โดยครูส่งลิงก์เว็บไซต์ Liveworksheets ให้นักเรียน เพื่อเข้าทำแบบทดสอบ เพื่อประเมินความรู้เดิมของ
นักเรียน
6. เมื่อนักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนเสร็จ ครูสามารถแจ้งคะแนนให้นักเรียนทราบทันที โดย
นกั เรียนสามารถรผู้ ลคะแนน และขอ้ ท่ีตอบผดิ บนจอฉายภาพ
7. ครอู ธิบายเน้ือหาเก่ยี วกับปฏกิ ริ ิยาเคมี
8. ครเู ปดิ คลิปวีดโี อ เร่อื ง ความหมายและการเปลี่ยนแปลงของสาร
9. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายและสรปุ เก่ยี วกับความหมายและการเปลีย่ นแปลงของสาร
10. ครูเปิดคลปิ วีดโี อ เรอื่ ง ชนิดของปฏกิ ิรยิ าเคมใี นชวี ติ ประจำวัน
11. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายและสรุปเกี่ยวกบั ชนดิ ของปฏกิ ริ ยิ าเคมใี นชวี ติ ประจำวนั
12. ครูเปิดคลปิ วีดีโอ เรอื่ ง การปฏบิ ตั ิการทดลองฝนกรด
13. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.1 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร ใบงานที่ 1.2 เรื่อง การเขียน
สมการเคมี ใบงานที่ 2 เรื่อง ชนิดของปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจำวัน และใบงานที่ 3 ใบบันทึกผลการทดลอง
เร่อื ง การเกิดฝนกรด ขณะทน่ี กั เรียนทำใบงาน ครคู วรดแู ลนักเรยี นอย่างท่ัวถงึ คอยใหค้ ำปรกึ ษา แนะนำ และ
ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเองให้มากที่สุด พร้อมทั้งสังเกตและประเมินพฤติกรรมระหว่างเรียนของ
นกั เรยี นไปด้วย
14. ครูดำเนินการจัดกิจกรรมตามท่กี ำหนดไว้ในแผนการจดั การเรียนรู้ และระหวา่ งปฏิบัติการสอนครู
จะตอ้ งสอดแทรกคณุ ธรรม และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ใหก้ ับนกั เรยี น
6
15. ครใู หน้ กั เรียนรว่ มกันอภปิ รายและสรุปเน้ือหา โดยครูคอยแนะนำ เม่อื นักเรยี นไมเ่ ข้าใจ
16. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน โดยครูส่งลิงก์เว็บไซต์ Liveworksheets ให้นักเรียน เพ่ือ
เข้าทำแบบทดสอบ เพอื่ ประเมินความเขา้ ใจของนักเรยี น
17. เมื่อนักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนเสร็จ ครูสามารถแจ้งคะแนนให้นักเรียนทราบได้ทันที
โดยนกั เรียนสามารถรู้ผลคะแนน และขอ้ ท่ตี อบผดิ บนจอฉายภาพ เพอ่ื ดูความกา้ วหน้าของตนเอง
18. หากมีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูควรให้นักเรียนกลับไปศึกษาชุดกิจกรรมการเรียนรู้นั้นใหม่
เพ่ิมเตมิ นอกเวลาเรยี น
19. ครูควรสรุปผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หลังจากสอนเสร็จ เพื่อนำไปปรับปรุงในการใช้ครั้ง
ต่อไป
คลปิ วดี โี อ เรอื่ ง คลปิ วดี โี อ เรอื่ ง ชนดิ คลปิ วดี โี อ เรอ่ื ง เวบ็ ไซต์
ความหมายและการ ของปฏกิ ริ ยิ าเคมใี น ปฏบิ ตั กิ ารทดลองการ https://spatial.io/
เปลยี่ นแปลงของสาร เพือ่ ศกึ ษาเนอื้ หา
ชวี ิตประจำวนั เกดิ ฝนกรด
เพม่ิ เตมิ
7
บทบาทของนกั เรยี น
การจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 จะเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วย
ตนเอง ซงึ่ มคี รเู ป็นผู้อำนวยความสะดวก ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง ปฏิกิริยาเคมี นักเรียนสามารถศึกษา
ได้ด้วยตนเองโดยปฏิบัติตามคำแนะนำและตามบทบาทของนกั เรยี น ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. อ่านคำชีแ้ จง ศึกษาวิธกี ารใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ และบทบาทของนักเรยี นให้เข้าใจก่อนลงมือ
ศึกษาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้
2. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนจำนวน 15 ข้อ โดยใช้เวลา 20 นาที เพื่อตรวจสอบความรู้เดิมของ
นักเรียน โดยนักเรียนเข้าลิงก์เว็บไซต์ Liveworksheets ที่ครูส่งมา เพื่อเข้าทำแบบทดสอบ พร้อมทั้งใส่ชื่อของ
ตวั เองลงไป
3. นักเรยี นมสี ่วนรว่ มในการทำกจิ กรรมรว่ มกบั ครผู สู้ อน
4. ขณะนักเรียนทำใบงาน นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในภายในกลุ่ม
โดยจะต้องมีเหตุผล ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น และสามารถขอคำแนะนำจากครูผู้สอนเมื่อมีปัญหาใน
การทำใบงาน และจะตอ้ งทำงานท่ีมอบหมายใหเ้ สร็จภายในเวลาท่ีกำหนด
5 นกั เรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปเน้อื หา
6. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน โดยนักเรียนเข้าลิงก์เว็บไซต์ Liveworksheets ที่ครูส่งมา เพ่ือ
เขา้ ทำแบบทดสอบ พรอ้ มทง้ั ใสช่ ่อื ของตัวเองลงไป
7. ในการทำกิจกรรมตามชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ขอให้นักเรียนทำด้วยความตั้งใจให้ความร่วมมือ
และมีความซ่ือสตั ย์ต่อตนเองให้มากทส่ี ุด
8. หากนักเรียนคนใดเรียนไม่ทันหรือเรียนยังไม่เข้าใจ ให้นำชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไปศึกษา
เพมิ่ เติมนอกเวลาเรยี น เพื่อใหเ้ ข้าใจมากยง่ิ ขน้ึ
8
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ดั
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่าง
สมบัติของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการ
เปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี
ตัวชี้วัด ม.3/3 อธิบายการเกิดปฏิกิริยาเคมีรวมถึงการจัดเรียงตัวใหม่ของอะตอมเม่ือ
เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมีโดยใช้แบบจาํ ลองและสมการขอ้ ความ
ตวั ชีว้ ดั ม.3/6 อธิบายปฏิกริ ิยาการเกดิ สนมิ ของเหลก็ ปฏกิ ิรยิ าของกรดกบั โลหะปฏกิ ิรยิ า
ของกรดกับเบส และ ปฏิกริ ยิ าของเบสกับโลหะ โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษแ์ ละอธิบายปฏิกิริยา
การเผาไหม้ การเกิดฝนกรด การสังเคราะห์ด้วยแสง โดยใช้สารสนเทศ รวมทั้งเขียนสมการ
ขอ้ ความแสดงปฏกิ ริ ิยาดงั กลา่ ว
ตัวชว้ี ดั ม.3/7 ระบปุ ระโยชน์และโทษของปฏิกิรยิ าเคมีที่มีตอ่ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และ
ยกตัวอย่างวิธีการป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวัน จากการ
สบื ค้นข้อมลู
สาระการเรียนรู้
การเกิดปฏิกิรยิ าเคมเี ป็นการท่ีอะตอมของสารต้ังต้นมีการจัดเรียงตัวใหม่ แล้วเกิดสาร
ผลิตภัณฑ์ที่มีสมบัติแตกต่างไปจากสารเดิม โดยอะตอมแต่ละชนิดก่อนและหลังเกิดปฏิกิริยา
เคมีจะมีจำนวนเท่ากนั และเมอ่ื เกิดปฏิกริ ิยาเคมีแลว้ มวลรวมของสารต้ังต้นเท่ากับมวลรวมของ
ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นไปตามกฎทรงมวล
ปฏิกิรยิ าเคมีท่พี บในชีวติ ประจำวนั มหี ลายชนดิ เชน่ ปฏกิ ริ ิยาการเผาไหม้ การเกิดสนิม
ของเหล็ก ปฏิกิริยาของกรดกับโลหะ ปฏิกิริยาของกรดกับเบส ปฏิกิริยาของเบสกับโลหะ
การเกิดฝนกรด การสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งปฏิกิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวันมีทั้งประโยชน์
และโทษต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม จึงต้องระมัดระวังผลจากปฏิกิริยาเคมีตลอดจนรู้จักวิธี
ปอ้ งกนั และแกป้ ัญหาทีเ่ กิดจากปฏกิ ิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวัน
9
จุดประสงค์การเรียนรู้
ความรู้ (K)
1. อธิบายและบอกความหมายของปฏิกิริยาเคมีและการเปลยี่ นแปลงของสารได้
2. อธิบายและบอกประเภทของปฏิกริ ยิ าเคมีในชีวติ ประจำวันได้
3. สามารถบอกประโยชนแ์ ละโทษของปฏกิ ริ ิยาเคมีในชวี ิตประจำวันได้
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
1. นำเสนอแนวทางปอ้ งกันและแก้ไขปญั หาทเี่ กดิ จากปฏกิ ริ ิยาเคมไี ด้
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1. ตระหนักถงึ ผลของการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมีในชวี ติ ประจำวนั ได้
2. นำความรเู้ กีย่ วกับปฏกิ ริ ยิ าเคมีไปใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจำวนั ได้
10
แผนการจดั การเรยี นรู้
วิชา วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง ปฏิกิริยาเคมี ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 เวลา 4 ชัว่ โมง
กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หนว่ ยการเรยี นรเู้ รอ่ื ง ปฏิกิริยาเคมี
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 2.1
เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบัตขิ องสสารกับโครงสร้างและ
แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี
2. ตวั ชว้ี ดั
ม.3/3 อธิบายการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมรี วมถึงการจัดเรยี งตัวใหม่ของอะตอมเม่อื เกิดปฏิกิริยาเคมีโดย
ใชแ้ บบจาํ ลองและสมการข้อความ
ม.3/6 อธิบายปฏิกิริยาการเกิดสนิมของเหล็ก ปฏิกิริยาของกรดกับโลหะปฏิกิริยาของกรดกับเบส
และ ปฏิกิริยาของเบสกับโลหะ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และอธิบายปฏิกิริยาการเผา
ไหม้ การเกิดฝนกรด การสังเคราะห์ด้วยแสง โดยใช้สารสนเทศ รวมทั้งเขียนสมการ
ข้อความแสดงปฏิกริ ยิ าดังกลา่ ว
ม.3/7 ระบุประโยชน์และโทษของปฏิกิริยาเคมีที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และยกตัวอย่าง
วิธีการป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวัน จากการสืบค้น
ขอ้ มลู
3. จดุ ประสงค์
ความรู้ (K)
1. อธบิ ายและบอกความหมายของปฏิกริ ยิ าเคมีและการเปลีย่ นแปลงของสารได้
2. อธบิ ายและบอกประเภทของปฏกิ ริ ิยาเคมใี นชีวติ ประจำวันได้
3. สามารถบอกประโยชน์และโทษของปฏกิ ริ ิยาเคมีในชีวติ ประจำวันได้
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
1. นำเสนอแนวทางปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหาทีเ่ กิดจากปฏิกิริยาเคมีได้
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1. ตระหนักถงึ ผลของการเกิดปฏกิ ิริยาเคมใี นชีวติ ประจำวันได้
2. นำความรเู้ กี่ยวกบั ปฏิกริ ิยาเคมไี ปใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจำวันได้
สมรรถนะหลกั
1. ความสามารถในการสื่อสาร
11
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. สาระสำคญั
การเกิดปฏิกิรยิ าเคมีหรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร เป็นการเปลี่ยนแปลงทีท่ ำให้เกิดสารใหม่
โดยสารที่เข้าทำปฏิกิริยาเรียกว่า สารตั้งต้น สารใหม่ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยา เรียกว่า ผลิตภัณฑ์
การเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี สามารถเขียนแทนได้ด้วยสมการข้อความ
การเกิดปฏิกิริยาเคมีอะตอมของสารตั้งต้นจะมีการจัดเรียงตัวใหม่ ได้เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งมีสมบัติ
แตกตา่ งจากสารต้ังตน้ โดยอะตอมแตล่ ะชนดิ ก่อนและหลงั เกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีมีจำนวนเท่ากัน
5. สาระการเรียนรู้
การเกิดปฏิกิริยาเคมีเป็นการทีอ่ ะตอมของสารตั้งต้นมีการจดั เรียงตัวใหม่ แล้วเกิดสารผลิตภัณฑท์ ี่มี
สมบัตแิ ตกตา่ งไปจากสารเดมิ
ปฏิกิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวันมีหลายชนิด เช่น ปฏิกิริยาการเผาไหม้ การเกิดสนิมของเหล็ก
ปฏิกิริยาของกรดกับโลหะ ปฏิกิริยาของกรดกับเบส ปฏิกิริยาของเบสกับโลหะ การเกิดฝนกรด
การสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งปฏิกิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวันมีทั้งประโยชน์และโทษต่อสิ่งมีชีวิตและ
สิ่งแวดล้อม จึงต้องระมัดระวังผลจากปฏิกิริยาเคมีตลอดจนรู้จกั วิธีป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดจากปฏิกิริยา
เคมที ่ีพบในชวี ิตประจำวนั
6. กิจกรรมการเรียนรู้
วธิ สี อนการสอน: แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ขั้นนำ (30 นาท)ี
ขน้ั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทดสอบความรู้ก่อนเรียนของนักเรียน โดยครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน 15
ข้อ เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือกใช้เวลา 20 นาที โดยครูส่งลิงก์เว็บไซต์ Liveworksheets ให้นักเรียน
เพ่อื เขา้ ทำแบบทดสอบ เพ่ือประเมินความรู้เดมิ ของนกั เรียน
2. ครูเตรียมภาพการเปลี่ยนแปลงของสารมาให้นักเรียนพิจารณา เช่น การละลายของน้ำแข็ง
การเกิดสนมิ เหลก็
12
3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับภาพที่ครูนำมาให้พิจารณา โดยครูอาจใช้คำถามนำสู่
การอภปิ ราย เช่น
- นักเรียนคดิ วา่ การเปล่ียนแปลงท้ัง 2 ภาพ เหมอื นหรอื แตกต่างกันอยา่ งไร
(แนวตอบ พิจารณาจากคำตอบของนักเรียน โดยมีแนวตอบ คือ แตกต่างกัน การละลายของ
น้ำแข็งเป็นการเปลยี่ นแปลงทางกายภาพ สว่ นการเกดิ สนมิ เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคม)ี
- การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและการเปลย่ี นแปลงทางเคมีแตกต่างกนั อยา่ งไร
(แนวตอบ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เปน็ การเปลีย่ นแปลงของสารทเ่ี ก่ียวกบั สมบตั ิกายภาพ
โดยไม่มีผลต่อองค์ประกอบภายใน และไม่เกิดสารใหม่ ส่วนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เป็น
การเปลี่ยนแปลงของสารที่เกี่ยวข้องกับสมบัติทางเคมี ซึ่งมีผลต่อองค์ประกอบภายใน และสาร
จะมีสมบตั ิตา่ งไปจากเดมิ )
4. ครูอภิปรายเพ่ือใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่า การเปล่ยี นแปลงทางเคมี เรยี กอีกอย่างหน่ึงว่า การเกิดปฏิกิริยา
เคมี
ขนั้ สอน (160 นาที)
ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูสุม่ ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ ยกตัวอย่างการเปลยี่ นแปลงของสารทางเคมแี ละทางกายภาพที่พบใน
ชีวิตประจำวนั
(แนวคำตอบ ในชวี ิตประจำวนั มกี ารเปลย่ี นแปลงของสารทางเคมี เช่น การสุกของผลไม้ การบูด
เน่าของอาหาร การเกิดสนิม และการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่น การละลายของน้ำแข็ง
การระเหิดของลูกเหม็น เป็นต้น)
2. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี (นักเรียนจะเห็นว่าปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจำวันที่เรารู้จัก
มอี ยมู่ ากมาย แตล่ ะปฏกิ ริ ิยามีการเปลยี่ นแปลงท่ีแตกตา่ งกนั การเกิดปฏกิ ิริยาเคมีสังเกตได้จาก
การเปลี่ยนสี การเกิดตะกอน การเกิดแก๊ส การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ โดยสารที่นำมาทำปฏิกริ ิยากนั
เรียกว่า สารตง้ั ต้น ส่วนสารทีเ่ กดิ ข้นึ ใหม่ เรียกวา่ ผลิตภัณฑ์ ซ่ึงมีสมบตั ติ ่างไปจากสารต้งั ตน้ )
13
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษา เรื่อง ชนิดของปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจำวัน ประโยชน์และโทษ
ของปฏิกิริยาเคมี โดยศึกษาข้อมูลจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน)
วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 หรือแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุด จากนั้นร่วมกัน
อภปิ รายเพ่อื สรปุ ความรทู้ ไี่ ดศ้ ึกษาจนมีความเขา้ ใจท่ีตรงกัน
ข้ันท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูเปดิ คลปิ วีดีโอ เรอื่ ง ความหมายและการเปล่ยี นแปลงของสาร
2. ครูตั้งคำถามให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและตอบคำถามจากการศึกษา เรื่อง การเกิดปฏิกิริยา
เคมี เช่น
- ให้นักเรียนระบวุ ่าการเปลยี่ นแปลงทก่ี ำหนดใหม้ ปี ฏกิ ิริยาเคมีเกิดขน้ึ หรอื ไม่
• การตม้ น้ำจนเดอื ดกลายเป็นไอ
(แนวตอบ ไม่เกิดปฏกิ ิรยิ าเคม)ี
• การใสส่ ังกะสีลงในกรดเกลือ แล้วมฟี องแก๊สเกดิ ข้ึน
(แนวตอบ เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี)
• การบูดของขา้ ว
(แนวตอบ เกิดปฏกิ ิริยาเคมี)
• การผสมนำ้ ตาลลงในนำ้ จนกลายเปน็ นำ้ เชือ่ ม
(แนวตอบ ไมเ่ กิดปฏิกริ ิยาเคม)ี
• การจุดไมข้ ีดไฟ
(แนวตอบ เกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี)
• การผกุ ร่อนของท่อน้ำท่ีทำจากเหลก็
(แนวตอบ เกิดปฏิกิริยาเคมี)
- ใหน้ กั เรยี นยกตัวอยา่ งปฏกิ ิริยาเคมที ่เี กดิ ขน้ึ ในชวี ติ ประจำวนั มา 5 ปฏิกริ ยิ า
(แนวตอบ ตัวอย่างเช่น ปฏิกิริยาการย่อยอาหาร ปฏิกิริยาในดอกไม้ไฟ ปฏิกิริยา
การสลายตัวของผงฟู ปฏกิ ริ ยิ าในแบตเตอรี่ ปฏกิ ิรยิ าการเกดิ สบ)ู่
3. ครูเปิดเว็บไซต์ https://phet.colorado.edu/sims/html/balancing-chemical-equations/latest/
balancing-chemical-equations_en.html เพอ่ื อธิบายการดลุ สมการเคมี
4. ครูให้นกั เรียนเล่นเกมการดุลสมการเคมจี ากเวบ็ ไซต์ https://phet.colorado.edu/sims/html/
balancing-chemical-equations/latest/balancing-chemical-equations_en.html
5. ครูให้นักเรียนเขียนสมการเคมีแทนปฏิกิริยาเคมีที่กำหนด พร้อมทั้งดุลสมการให้ถูกต้องใน
ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง การเขยี นสมการเคมี
14
6. ครูตั้งคำถามให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและตอบคำถาม เรื่อง ชนิดของปฏิกิริยาเคมีใน
ชีวิตประจำวนั และประโยชนแ์ ละโทษของปฏกิ ริ ยิ าเคมี เชน่
- ให้นักเรยี นเขียนสมการเคมีแสดงปฏกิ ริ ิยาเคมีทเ่ี กิดขึน้ จากสารตั้งต้นท่ีกำหนดให้ พรอ้ ม
ระบวุ า่ เป็นปฏกิ ริ ยิ าชนดิ ใด
• SO3 และ H2O
(แนวตอบ SO3 + H2O → H2SO4 เปน็ ปฏกิ ิรยิ าการเกดิ ฝนกรด)
• Zn และ KOH
(แนวตอบ Zn + 2KOH → K2ZnO2 + H2 เป็นปฏกิ ิริยาระหว่างเบสกับโลหะ)
• CO2 และ H2O
(แนวตอบ 6CO2 + 6H2O → C6H12O6 + 6O2 เป็นปฏกิ ิรยิ าการสงั เคราะหด์ ้วยแสง)
• FeO2 และ H2O
(แนวตอบ 4Fe + 3O2 + 3H2O → 2Fe2O3•3H2O เป็นปฏิกิริยาการเกิดสนมิ ของเหล็ก)
• Mg และ H2SO4
(แนวตอบ Mg + H2SO4 → MgSO4 + H2 เป็นปฏกิ ิริยาระหว่างโลหะกับกรด)
• CaCO3 และ HNO3
(แนวตอบ CaCO3 + 2HNO3 → Ca(NO3)2 + CO2 + H2O เป็นปฏิกิริยาระหว่างกรด
กบั สารประกอบคาร์บอเนต)
• C3H8 + O2
(แนวตอบ C3H8 + 5O2 → 3CO2 + 4H2O เปน็ ปฏิกิริยาการเผาไหม้แบบสมบูรณ์)
• LiOH และ HBr
(แนวตอบ LiOH + HBr → LiBr + H2O เปน็ ปฏิกิรยิ าระหวา่ งกรดกบั เบส)
- ให้นกั เรียนยกตวั อยา่ งประโยชนแ์ ละโทษของปฏกิ ิรยิ าเคมีที่พบในชวี ติ ประจำวนั
(แนวตอบ พิจารณาจากคำตอบของนักเรียน โดยมีแนวตอบ เช่น ประโยชน์ของปฏิกิริยา
เคมี เช่น การใช้ผงฟูซึ่งทำให้ขนมดูน่ารับประทาน การใช้ปูนขาวโรยดินเพื่อลดความเป็น
กรดของดนิ การกนิ ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ส่วนโทษของปฏกิ ริ ิยาเคมี เชน่ ทำให้เกิด
ฝนกรด เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก เกิดหมอกควัน)
7. ครูเปดิ คลปิ วดี ีโอ เรอื่ ง ชนิดของปฏกิ ริ ยิ าเคมีในชวี ิตประจำวัน
8. ครูต้ังประเด็นคำถามใหน้ กั เรยี นร่วมกันอภิปรายวา่
- นักเรียนคิดว่าเราจะมีแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีได้
อย่างไร
15
(แนวตอบ ขน้ึ อย่กู บั อาจารย์ผสู้ อน)
ขนั้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. ครเู ปดิ คลปิ วีดีโอ เรอื่ ง การปฏิบตั ิการทดลองฝนกรด
2. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายผลของการเกิดฝนกรด
3. ครูใหน้ กั เรียนเขยี นสรุปรายงานผลการทดลอง เร่อื ง ฝนกรด
4. ครใู ห้นักเรียนศึกษาปฏกิ ิรยิ าเคมี จากเว็บไซต์ http://gg.gg/archemistry เพม่ิ เตมิ
ขนั้ สรปุ (50 นาท)ี
ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี จำนวน 15 ข้อ เป็นแบบปรนัย
4 ตัวเลือก ใช้เวลา 20 นาที โดยครูส่งลิงก์เว็บไซต์ Liveworksheets ให้นักเรียน เพื่อเข้าทำ
แบบทดสอบ เพอ่ื ประเมินความรู้ของนักเรยี น
2. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื ง ปฏกิ ิรยิ าเคมี เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจหลัง
เรยี นของนักเรยี น
3. ครูให้นกั เรียนทำใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง การเปลี่ยนแปลงของสาร ใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง การเขียนสมการ
เคมีใบงานที่ 2 เรื่อง ชนิดของปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจำวัน และใบงานที่ 3 ใบบันทึกผลการ
ทดลอง เรือ่ ง การเกิดฝนกรด
4. ครวู ัดและประเมินผลจากใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง การเปล่ยี นแปลงของสาร ใบงานที่ 1.2 เรือ่ ง การเขียน
สมการเคมี ใบงานที่ 2 เรื่อง ชนิดของปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจำวัน และใบงานที่ 3 ใบบันทึกผล
การทดลอง เร่ือง การเกิดฝนกรด
5. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุม่
6. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจำวัน โดยมีแนวการสรุป ดังนี้
“ปฏกิ ริ ยิ าเคมที ่ีพบในชวี ิตประจำวันมหี ลายชนดิ เชน่ ปฏิกิรยิ าการเผาไหม้ การเกดิ สนิมของเหล็ก
ปฏิกิริยาของกรดกับโลหะ ปฏิกิริยาของกรดกับเบส ปฏิกิริยาของเบสกับโลหะ การเกิดฝนกรด
การสังเคราะห์ด้วยแสง ซ่ึงปฏกิ ริ ิยาเคมีที่พบในชวี ิตประจำวันมีทงั้ ประโยชน์และโทษต่อสิ่งมีชีวิต
และสิ่งแวดล้อม จึงต้องระมัดระวังผลจากปฏิกิริยาเคมี ตลอดจนรู้จักวิธีป้องกันและแก้ปัญหา
ทเี่ กดิ จากปฏิกิริยาเคมีท่ีพบในชีวติ ประจำวนั ”
16
7. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สือ่ การเรียนรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3
2. เว็บไซต์ http://gg.gg/archemistry
3. ใบความรู้ท่ี 1 เร่ือง ความหมายและการเปลย่ี นแปลงของสาร
4. ใบความรูท้ ่ี 2 เรือ่ ง ชนิดของปฏิกริ ิยาเคมีในชวี ิตประจำวนั
5. ใบความรู้ที่ 3 เรอ่ื ง ปฏิบตั กิ ารทดลองการเกดิ ฝนกรด
6. ใบงานที่ 1.1 เร่ือง การเปล่ยี นแปลงของสาร
7. ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง การเขียนสมการเคมี
8. ใบงานท่ี 2 เรอื่ ง ชนดิ ของปฏกิ ริ ิยาเคมีในชีวติ ประจำวัน
9. ใบงานท่ี 3 ใบบนั ทกึ ผลการทดลอง เร่ือง การเกดิ ฝนกรด
10. คลิปวีดีโอ เร่อื ง ความหมายและการเปลีย่ นแปลงของสาร
11. คลปิ วดี โี อ เรื่อง ชนิดของปฏกิ ิริยาเคมีในชีวติ ประจำวนั
12. คลปิ วีดโี อ เรอ่ื ง ปฏบิ ตั ิการทดลองการเกิดฝนกรด
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1. ห้องเรียน
2. อนิ เทอร์เน็ต
8. การวดั และประเมนิ ผล
สง่ิ ทวี่ ดั ผล วิธกี ารวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ดา้ นความร/ู้ 1. ตรวจใบงาน 1. ใบงาน 1. ต้องทำถูกไม่น้อยกว่า
ทักษะกระบวนการ 2. ตรวจแบบทดสอบ 2. แบบทดสอบหลงั เรียน รอ้ ยละ 80
หลังเรียน 3. การสงั เกต 2. ผา่ นระดบั ดี ไมน่ อ้ ยกว่า
3. การสงั เกต รอ้ ยละ 60
3. ผา่ นระดบั ดี ไม่นอ้ ยกว่า
ร้อยละ 60
2. ด้านคุณลักษณะ ประเมินคุณลักษณะ แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านระดับดี ไม่น้อยกว่า
อันพึงประสงค์ อันพึงประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ ร้อยละ 80
17
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วทำ
เครอ่ื งหมาย ✓ ให้ตรงกบั ระดบั คะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
(5) (4) (3) (2) (1)
1 การแสดงความคิดเห็น
2 การยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผู้อื่น
3 การทำงานตามหนา้ ทที่ ่ีไดร้ ับมอบหมาย
4 ความมีนำ้ ใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
ลงช่อื ………………………….…………………. ผู้ประเมนิ
()
........./........./..........
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
- ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน
- ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตบิ อ่ ยครง้ั ให้ 3 คะแนน
- ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางครั้ง ให้ 2 คะแนน
- ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมท่ปี ฏิบตั นิ ้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารแปลความหมายของชว่ งคะแนน ความหมาย
ชว่ งคะแนน ดมี าก
18 - 20 ดี
14 - 17 พอใช้
10 – 13 ปรับปรุง
ต่ำกว่า 10
18
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียน แล้วทำเครื่องหมาย ✓ ให้ตรงกบั
ระดบั คะแนน
ลำดับท่ี ชอ่ื -สกลุ ความมีน้ำใจ การแสดง การยอมรบั การทำงาน การมีส่วน รวม 20
ของนกั เรียน ความคิดเหน็ ฟงั ความ ตามทีไ่ ด้รบั รว่ มในการ คะแนน
คิดเหน็ มอบหมาย ปรับปรุง
ผลงานกลุ่ม
4321 4321 4321 4321 4321
ลงชือ่ ………………………….…………………. ผู้ประเมนิ
()
........./........./..........
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน
- ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
- ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตบิ ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน
- ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
- ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมท่ีปฏิบัตินอ้ ยครง้ั
เกณฑก์ ารแปลความหมายของชว่ งคะแนน ความหมาย
ชว่ งคะแนน ดมี าก
18-20 ดี
14-17 พอใช้
10-13 ปรบั ปรงุ
ตำ่ กว่า 10
19
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
คำชแ้ี จง : ใหผ้ ้ปู ระเมนิ สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น แล้วทำเคร่อื งหมาย ✓ ให้ตรงกับระดับคณุ ภาพ
คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
32
อนั พงึ ประสงค์ 4 1
1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 1.1 มคี วามรกั และภมู ิใจในความเป็นชาติ
1.2 ปฏิบัตติ นตามหลกั ของศาสนา
1.3 แสดงออกถึงความจงรกั ภักดตี อ่ สถาบนั พระมหากษตั ริย์
2. ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต 2.1 ปฏบิ ัติตามระเบียบการสอน และไม่ลอกการบา้ น
2.2 ประพฤติ ปฏบิ ัติ ตรงตอ่ ความเป็นจรงิ ตอ่ ตนเอง
2.3 ประพฤติปฏบิ ตั ิตรงตอ่ ความเปน็ จรงิ ต่อผอู้ นื่
3. มวี นิ ยั 3.1 เขา้ เรยี นตรงเวลา
3.2 แต่งกายเรียบรอ้ ยเหมาะสมกับกาลเทศะ
3.3 ปฏิบัตติ ามกฎระเบียบของห้อง
4. ใฝห่ าความรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหล่งเรยี นรู้ต่างๆ
4.2 มกี ารจดบันทึกความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ
4.3 สรุปความร้ไู ด้อย่างมเี หตผุ ล
5. อยู่อยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ และสงิ่ ของของโรงเรยี นอย่างประหยดั
5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และรูค้ ุณคา่
5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมกี ารเก็บออมเงนิ
6. มุง่ ม่นั ในการทำงาน 6.1 มีความต้ังใจ และพยายามในการทำงานทไี่ ด้รับมอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แทต้ ่ออปุ สรรคเพ่ือใหง้ านสำเร็จ
7.รักความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สำนกึ ในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย
7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย
8.มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จกั การใหเ้ พือ่ ส่วนรวม และเพื่อผู้อื่น
8.2 แสดงออกถงึ การมนี ำ้ ใจหรือการให้ความชว่ ยเหลือผู้อนื่
8.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมบำเพญ็ ตนเพ่อื ส่วนรวมเม่อื มโี อกาส
ลงชื่อ ………………………….…………………. ผูป้ ระเมิน
()
........./........./..........
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารแปลความหมายของชว่ งคะแนน
- ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิสม่ำเสมอ
- ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบ่อยคร้งั ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ความหมาย
- ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั บิ างครัง้ ให้ 3 คะแนน 18-20 ดมี าก
- ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมที่ปฏิบตั นิ อ้ ยครั้ง ให้ 2 คะแนน 14-17 ดี
ให้ 1 คะแนน 10-13 พอใช้
ต่ำกว่า 10 ปรับปรงุ
20
9. บนั ทกึ หลงั การสอน
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ..................................................... ผบู้ ันทึก
()
........./........./..........
บนั ทกึ ความเหน็ ของผตู้ รวจแผนการจดั การเรยี นรู้
เห็นดว้ ย มีความเหมาะสมสอดคล้องในดา้ นการจัดการเรียนรู้
เห็นด้วย แต่ยงั ตอ้ งมกี ารปรบั ปรงุ ใหท้ นั สมยั ตอ่ ไป
ปรบั ปรุง เนอ่ื งจาก
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื .....................................................
()
หัวหนา้ กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
........./........./..........
บนั ทกึ ความเห็นของผตู้ รวจแผนการจดั การเรยี นรู้
เห็นด้วย มีความเหมาะสมสอดคลอ้ งในด้านการจดั การเรยี นรู้
เห็นด้วย แตย่ ังตอ้ งมกี ารปรับปรงุ ให้ทันสมยั ต่อไป
ปรับปรุง เนอื่ งจาก
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงช่ือ .....................................................
()
หัวหน้ากลมุ่ งานวิชาการ
........./........./..........
21
แบบทดสอบก่อนเรยี น
คำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบทถ่ี กู ตอ้ งทส่ี ดุ เพียงคำตอบเดยี ว
1. ข้อใดคอื ความหมายของปฏิกริ ยิ าเคมี
ก. กระบวนการที่เกดิ จากสารเคมเี พียงชนิดเดียวเทา่ นั้น
ข. กระบวนการท่ีเกดิ จากสารเคมีแตส่ ารน้ันยงั คงสภาพเดิม
ค. กระบวนการทเ่ี กิดจากสารเคมเี กิดการเปลย่ี นแปลงแล้วไดส้ ารใหม่ขึ้นมา
ง. กระบวนการที่เกดิ จากสารเคมีเกดิ การเปลีย่ นแปลงแตม่ คี ุณสมบัติเหมือนเดิม
2. ข้อใดเกดิ ปฏิกิริยาเคมี
ก. การผ่าฟนื ข. การเผากระดาษ
ค. การบดแป้ง ง. การปั้นดนิ นำ้ มนั
3. ขอ้ ใดไมเ่ กดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี
ก. การละลายของน้ำตาล ข. การสกุ ของมะม่วง
ค. การเกดิ สนมิ ของประตูเหล็ก ง. การกินยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
4. ขอ้ ใดไมใ่ ช่วิธสี งั เกตสารใหม่ท่เี กิดขึ้นในปฏิกริ ิยาเคมี
ก. การเปล่ียนสี ข. การละลายนำ้
ค. การเกดิ ตะกอน ง. การเกดิ ฟองแกส๊
5. C (s) + O2 (g) → CO2 (g) สารต้ังต้นของปฏกิ ริ ิยานีค้ ือสารในข้อใด
ก. O2 ข. CO2
ค. C และ CO2 ง. C และ O2
6. พิจารณาสมการต่อไปน้ี แล้วตอบคำถาม
1. โซเดยี มคลอไรด์ + นำ้ → สารละลายเกลอื แกง
2. แมกนีเซยี ม + แก๊สออกซเิ จน → แมกนเี ซียมออกไซด์
3. กรดไฮโดรคลอริก + โซเดียมไฮดรอกไซด์ → โซเดยี มคลอไรด์ + น้ำ
การเปลยี่ นแปลงในข้อใดไมเ่ กิดปฏกิ ิรยิ าเคมี
ก. ขอ้ 1. เท่านัน้ ข. ขอ้ 1. และ 2.
ค. ขอ้ 2. และ 3. ง. ขอ้ 1. และ 3.
7. พจิ ารณาสมการทีก่ ำหนดให้
2C3H8 (g) + 7O2 (g) สาร Y + 8H2O (l) + พลังงาน + เขม่าควนั
22
สาร Y คอื สารใด และมีจำนวนก่โี มเลกุล
ก. CO จำนวน 6 โมเลกลุ ข. CO จำนวน 8 โมเลกุล
ค. CO2 จำนวน 6 โมเลกลุ ง. CO2 จำนวน 8 โมเลกลุ
8. หินงอกหินยอ้ ยเกดิ จากสารใดทำปฏกิ ิรยิ ากนั
ก. กรดกับเบส ข. กรดกบั โลหะ
ค. กรดกับหินปนู ง. กรดกับออกซิเจน
9. ขอ้ ใดแสดงสมการเคมไี ดถ้ กู ต้อง
ก. Zn (s) + 2HCl (aq) ZnH (aq) + Cl2 (g)
ข. 2SO3 (g) + H2O (l) H2SO4 (aq)
ค. Fe (s) + O2 (g) + H2O (l)
ง. HCl (aq) + NH4OH (aq) Fe2O3 . 3H2O (s)
NH4Cl (aq) + H2O (l)
10. ขอ้ ใดคือผลติ ภณั ฑท์ ีไ่ ด้จากปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหมแ้ บบสมบรู ณ์
ก. ให้แก๊ส O2 และ H2 และพลังงานความร้อน
ข. ให้แก๊ส O2 และ H2O และพลงั งานความรอ้ น
ค. ใหแ้ กส๊ CO2 และ H2 และพลังงานความร้อน
ง. ใหแ้ ก๊ส CO2 และ H2O และพลังงานความร้อน
11. ข้อใดถูกต้องเก่ยี วกบั การเกดิ สนิม
ก. สนมิ เหล็กเกิดข้ึนได้กบั โลหะทุกชนดิ
ข. น้ำและออกซิเจน คอื ปัจจยั ที่สำคัญท่ที ำใหเ้ กิดสนิม
ค. แก๊สต่าง ๆ ในอากาศสามารถทำใหเ้ กดิ สนมิ เหลก็ ได้
ง. แก๊สคาร์บอนไดออกไซดเ์ ปน็ ปจั จยั สำคัญที่ทำให้เกดิ สนมิ เหล็ก
12. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ การเผาไหม้ของเคร่ืองยนต์ที่เป็นสาเหตุให้เกดิ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. เป็นการเผาไหมอ้ ย่างสมบรู ณ์
ข. เกดิ จากการเผาไหม้ของแกส๊ มีเทนเท่านน้ั
ค. เกดิ แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นผลติ ภัณฑ์
ง. เกดิ ขน้ึ เมื่อมีปริมาณแก๊สออกซเิ จนมากเพียงพอในการทำปฏิกิรยิ า
23
13. ข้อใดกลา่ วถูกต้องเกย่ี วกับปฏกิ ริ ยิ าการสะเทนิ
ก. ปฏกิ ริ ยิ าการสะเทนิ เปน็ ปฏกิ ิริยาเคมีระหว่างกรดกบั เบส
ข. หลงั เกดิ ปฏกิ ิรยิ าจะได้ผลิตภณั ฑ์เปน็ น้ำเกดิ ข้ึนเสมอ
ค. หลังเกิดปฏกิ ริ ยิ าจะได้ผลิตภัณฑเ์ ปน็ เกลอื ของโลหะเกดิ ขึ้นเสมอ
ง. ปฏกิ ิริยาการสะเทนิ ชว่ ยปรับนำ้ เสียใหเ้ ป็นกลางกอ่ นปลอ่ ยสสู่ ง่ิ แวดลอ้ ม
14. ปฏิกิรยิ าใดเปน็ สาเหตุใหส้ ิ่งกอ่ สรา้ งทที่ ำจากหินปูนสกึ กร่อน
ก. ปฏิกิรยิ าการสะเทิน
ข. ปฏกิ ิรยิ าการเผาไหม้
ค. ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งเบสกับสารประกอบแคลเซียม
ง. ปฏิกิริยาระหวา่ งกรดกับสารประกอบคาร์บอเนต
15. ปฏิกริ ิยาเคมีในข้อใดเป็นสาหตุทำใหเ้ กดิ ภาวะโลกรอ้ น
ก. การเกดิ สนิมเหล็ก ข. การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช
ค. การเผาไหมแ้ บบสมบูรณ์ ง. ปฏิกริ ิยาระหวา่ งกรดกับโลหะ
24
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ช่อื -นามสกลุ ................................................................. ชั้น ............ เลขที่ .......... วนั /เดือน/ปี ....................
ข้อท/ี่ ตวั เลอื ก ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
เดย๋ี วเรามาเรยี นรดู้ ว้ ยกนั นะ
25
ใบความรทู้ ่ี 1
การเปลย่ี นแปลงของสารกบั การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ทุกสิ่งในธรรมชาติรอบตัวเรา มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการสันดาปของเครื่องยนต์
ตน้ ไม้ปลอ่ ยแกส๊ ออกซเิ จนสูบ่ รรยากาศในเวลากลางวัน และปล่อยแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ในเวลากลางคืน
ร่างกายย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร การปรุงอาหารด้วยวิธีการต่างๆ สะพานเหล็กขึ้นสนิม การเปลี่ยนแปลง
ดงั กลา่ ว บางสิ่งสามารถสังเกตได้ บางสง่ิ กไ็ ม่สามารถสังเกตเห็นดว้ ยตาเปล่าได้ แต่การเปลย่ี นแปลงเหล่านี้
เก่ียวข้องกบั การเปล่ียนแปลงของสารและพลงั งาน เรยี กวา่ การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
การเปล่ยี นแปลงของสาร หมายถงึ การทีส่ ารมีสมบัติต่างไปจากเดิม แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ
สมบตั ทิ างกายภาพ และสมบตั ิทางเคมี
สมบัติทางกายภาพ (Physical Property) เป็นสมบัติของสารที่เราสามารถสังเกตได้จากลักษณะ
ภายนอก เช่น สถานะ รูปร่าง สี กลิ่น รส จุดเดือด จุดหลอมเหลว ความร้อนแฝง ความหนาแน่น
การละลายน้ำ การนำไฟฟา้ เปน็ ต้น
สมบตั ทิ างเคมี (Chemical Property) เป็นสมบัตทิ ่ีเก่ยี วข้องกับการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี เชน่ ความเปน็
กรด-เบส การเกิดตะกอน การผุกร่อน การติดไฟ การเกิดสนิม การเผาไหม้ การระเบิด การสลายตัวให้
สารใหม่
การเปลี่ยนแปลงสาร อาศัยสมบัติของสารแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การเปลี่ยนแปลง
ทางกายภาพ และการเปล่ียนแปลงทางเคมี
1. การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ หมายถงึ การเปล่ียนแปลงท่เี ก่ียวข้องกบั สมบตั ิของสาร เช่น การเปลี่ยน
สถานะ การละลาย การมีรูปร่างที่เปลี่ยนไป การแตกหัก หลังการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมี และ
สมบัติของสารยังคงเหมือนเดิม แต่สมบัติทางกายภาพเปลี่ยนแปลงไป เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบชั่วคราว
สามารถทำกลบั ใหเ้ ปน็ สารเดิมได้ไม่ยาก เช่น สถานะ รูปรา่ ง
ตัวอยา่ งการเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ
ภาพที่ 1 การระเหิดของลกู เหมน็
(ทม่ี า: http://thnchemical22825.blogspot.com/2013/12/blog-post.html)
26
ภาพที่ 2 การเดือดของน้ำระเหยกลายเป็นไอน้ำ
(ทมี่ า: https://board.postjung.com/1079843)
ภาพที่ 3 การทบุ หินกอ้ นใหญ่
(ทม่ี า: https://album.sanook.com/files/3686679)
ภาพที่ 4 การหลอมเหลวของนำ้ แขง็
(ท่ีมา: https://www.sanook.com/women/26309/)
ภาพที่ 5 การละลายของเกลือ
(ที่มา: https://www.sanook.com/health/5921/)
27
2. การเปลี่ยนแปลงทางเคมี หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี
มีสารใหม่เกิดขึ้น โดยสารใหม่ที่เกิดขึ้นมีองค์ประกอบและสมบัติทางเคมีแตกต่างจากสารเดิม เป็นการ
เปลยี่ นแปลงแบบถาวร ทำให้กลบั เป็นสารเดิมได้ยาก เชน่ การเกิดสนิม การเผาไหม้ การหมกั การเน่าเสีย
ของอาหาร
ภาพท่ี 6 การขึ้นราเขียวบนขนมปัง
(ท่ีมา: https://mgronline.com/business/detail/9620000113393)
ภาพท่ี 7 อาหารบดู เน่า
(ทม่ี า: https://pantip.com/topic/34915057)
ปฏิกริ ยิ าเคมี (Chemical Reaction) หมายถึง การเปล่ยี นแปลงท่ีทำใหเกดิ สารใหม่มีสมบัติแตกต่าง
จากสารเดิม สารก่อนการเปลี่ยนแปลง เรียกว่า สารตั้งต้น (Reactant) และสารที่เกิดใหม่ เรียกว่า
ผลิตภัณฑ์ (Product) ในขณะที่เกิดปฏิกิริยาเคมี นอกจากได้สารใหม่แล้วยังอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้
พลังงานอื่นเกิดขึ้นพร้อมกันก็ได้ เช่น การจุดไม้ขีดไฟ ให้ทั้งแสงสว่าง ความร้อน และขี้เถ้า การจุดพลุ
นอกจากใหแ้ สงสีสวยงาม แล้วยังเกิดเสยี งพร้อมกบั ใหค้ วามรอ้ นดว้ ย
ภาพท่ี 8 การจดุ เทยี น
28
ภาพท่ี 9 การจุดพลุ
(ทมี่ า: https://www.tsunagujapan.com/th/fireworks-festival-in-kansai/)
ในชวี ติ ประจำวันของเราล้วนมีความเกีย่ วข้องกบั ปฏกิ ริ ยิ าเคมที ้ังสน้ิ ตัวอย่างเชน่
ภาพที่ 10 การสกุ ของส้ม
ภาพท่ี 11 การสกุ ของเน้อื สตั ว์
ภาพที่ 12 สนิมเหลก็
(ท่ีมา: https://www.chi.co.th/article/article-2117/)
29
สมการเคมี (Chemical Equation)
สมการเคมี คือ ประโยคสัญลักษณ์ที่เขียนแทนปฏิกิริยาเคมี แสดงสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์
โดยใช้ลกู ศรคน่ั ระหว่างสารตงั้ ตน้ กบั ผลติ ภณั ฑ์ นำสารตงั้ ต้นมาเขียนไวท้ ี่หางลกู ศร และผลติ ภณั ฑ์ เขยี นไว้
ทหี่ วั ลกู ศร
สารตั้งต้น → ผลติ ภณั ฑ์
หากสารตง้ั ตน้ และผลิตภณั ฑม์ ีมากกวา่ 1 ชนิด ให้ใชเ้ ครื่องหมายบวก (+) ค่นั ระหว่างสาร แตล่ ะชนิด
A+B→C+D
สารตั้งต้น คือ A และ B ผลิตภณั ฑ์ คอื C และ D
30
ใบความรทู้ ่ี 2
ปฏกิ ริ ยิ าเคมที เ่ี กดิ ขน้ึ ในชวี ติ ประจำวนั
ในชวี ิตประจำวนั สามารถพบปฏิกริ ยิ าเคมีไดห้ ลายชนดิ ดงั น้ี
1. ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหมเ้ ชอ้ื เพลงิ (Combustion Reaction)
เชือ้ เพลงิ เชน่ นำ้ มนั ปโิ ตรเลียม แกส๊ ธรรมชาติ ถ่านไม้ แอลกอฮอล์ มธี าตคุ าร์บอนเป็นองค์ประกอบ
ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจนในอากาศ จะได้ผลิตภัณฑ์เป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ พร้อมทั้งให้
พลังงานความร้อนที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ผลิตไฟฟ้า ขับเคลื่อนเครื่องจักร
เคร่ืองยนต์
ปฏิกิริยาการเผาไหม้แบบสมบูรณ์ จะเกิดขึ้นเมื่อ ในการเผาไหม้นั้นมีออกซิเจนมากเพียงพอ ซึ่งจะได้
แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ไอน้ำ และพลังงาน เปน็ ผลติ ภณั ฑ์
สารประกอบของคาร์บอน + แก๊สออกซิเจน → แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ + ไอน้ำ + พลังงาน
เช่น
CH4 (g) + 2O2 (g) → CO2 (g) + 2H2O (g) + พลังงาน
แก๊สมเี ทน + แกส๊ ออกซเิ จน → แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ + ไอน้ำ+ พลงั งาน
ภาพที่ 1 การเผาไหม้แบบสมบรู ณ์
ปฏิกิริยาการเผาไหม้แบบไม่สมบูรณ์ จะเกิดขึ้น เมื่อในการเผาไหม้นั้นมีออกซิเจนไม่เพียงพอ
ซง่ึ จะได้ คาร์บอนมอนออกไซด์ ไอน้ำ เขม่าควนั และพลงั งาน เปน็ ผลิตภณั ฑ์ เชน่
2CH4 (g) + 3O2 (g) → 2CO (g) + 4H2O (g) + พลังงาน + เขมา่
แก๊สมเี ทน + แกส๊ ออกซเิ จน → แกส๊ คารบ์ อนมอนอกไซด์ + ไอน้ำ+ พลงั งาน + เขมา่
31
ภาพที่ 2 เขมา่ ควนั จากรถ
(ที่มา: https://kabys.net/archives/1128)
ภาพท่ี 3 การเผาไหม้ของเทยี นในขวดแก้ว
(ท่มี า: https://www.youtube.com/watch?v=fcXL28NMPYQ)
ตวั อยา่ งการทดลอง การเผาไหมข้ องเทยี นในขวดแกว้
สามารถดูไดท้ ี่: https://www.youtube.com/watch?v=fcXL28NM
2. ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ สนมิ ของเหลก็
เป็นปฏิกิริยาที่พบเห็นได้ง่าย ๆ กับสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่มีเหล็กเป็นองค์ประกอบ แต่เป็นปฏิกิริยา
ที่เกิดขึ้นอย่างชา้ ๆ อาจจะกินเวลายาวนาน เกิดขึ้นเมื่อมีเหล็กสัมผสั กบั นำ้ และความชื้น โดยจะค่อย ๆ สึกกร่อน
กลายเป็นเหล็กออกไซด์ หรือที่เรารู้จักกันว่า สนิมเหล็ก (Fe2O3.H2O) สังเกตได้จากสีและลักษณะอื่น ๆ
ทีแ่ ตกตา่ งจากเหล็ก (Fe) ดังปฏิกิริยาท่เี กดิ ข้นึ
4Fe (s) + 3O2 (g) + 3H2O (l) → 2Fe2O3.3H2O (s)
เหล็ก + แกส๊ ออกซเิ จน + นำ้ → สนมิ เหลก็
ภาพท่ี 4 โซส่ นมิ
(ทม่ี า: shorturl.asia/MUIvN)
32
ภาพที่ 5 สนิมบนขอ้ เชอ่ื มของแทง่ เหลก็
(ทีม่ า: shorturl.asia/vJINF)
ตวั อยา่ งปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ สนิม
สามารถดไู ดท้ ี่: https://www.youtube.com/watch?v=F8VQK2vm0nw
3. ปฏกิ ิรยิ าระหวา่ งกรดกบั เบส
ปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส จะได้เกลือกับน้ำเป็นผลิตภัณฑ์ หรืออาจจะได้เกลือของโลหะเพียง
อย่างเดียวเป็นผลิตภัณฑ์ โดยหลังจากเกิดปฏิกิริยาแล้ว จะได้สารละลายที่มีความเป็นกรดและเบสลดลง
จึงสามารถนำมาใช้ในการปรับสภาพความเป็นกรด – เบสของสารได้ ปฏิกิริยานี้เรียกอีกอย่างว่า ปฏิกิริยา
สะเทนิ (Neutralization Reaction)
ตวั อยา่ งของปฏิกิรยิ าระหว่างกรดกับเบส
กรด + เบส → เกลอื + น้ำ
เชน่
HCl (aq) + NaOH (aq) → NaCl (s) + H2O (l)
กรดไฮโดรคลอรกิ + โซเดียมไฮดรอกไซด์ → โซเดยี มคลอไรด์ + น้ำ
H2SO4 (aq) + Ba(OH)2 (aq) → BaSO4 (s) + 2H2O (s)
กรดซัลฟิวริก + แบเรยี มไฮดรอกไซด์ → แบเรยี มซลั เฟต + น้ำ
HCl (aq) + NH3 (aq) → NH4Cl (s)
กรดไฮโดรคลอรกิ + แอมโมเนีย → แอมโมเนียมคลอไรด์
4. ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ ฝนกรด
เป็นปฏิกิริยาระหว่างน้ำฝนกับออกไซด์ของซัลเฟอร์ (SOx) เช่น แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์(SO2)
แก๊สซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ (SO3) หรือออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) เช่น แก๊สไนตริกออกไซด์ (NO)
แก๊สไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ซงึ่ ทำให้เกิดสารละลายท่มี ีความเปน็ กรด
33
สมการการเกดิ ฝนกรดจากแกส๊ ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ เปน็ ดงั นี้
2SO2 (g) + O2 (s) → 2SO3 (g)
แกส๊ ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ + แกส๊ ออกซเิ จน → แกส๊ ซัลเฟอร์ไตรออกไซด์
SO3 (g) + H2O (l) → H2SO4 (aq)
แก๊สซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ + น้ำ → กรดซลั ฟรู ิก
สมการการเกิดฝนกรดจากแกส๊ ไนตริกออกไซด์ เป็นดังนี้
2NO (g) + O2 (g) → 2NO2 (g)
แก๊สไนตริกออกไซด์ + แกส๊ ออกซิเจน → แกส๊ ไนโตรเจนไดออกไซด์
3NO2 (g) + H2O (l) → 2HNO3 (aq) + NO (g)
แก๊สไนโตรเจนไดออกไซด์ + นำ้ → กรดไนตรกิ + แกส๊ ไนตรกิ ออกไซด์
5. ปฏกิ ิรยิ าการสลายตวั ของโซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนตหรอื ผงฟู
การสลายตัวของโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตด้วยความร้อน เกิดโซเดียมคาร์บอเนต แก๊ส
คารบ์ อนไดออกไซด์ และนำ้ ดงั สมการ
2NaHCO3 (s) + ความร้อน → Na2CO3 (s) + CO2(g) + H2O (l)
โซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนต + ความร้อน → โซเดียมคารบ์ อเนต + แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ + น้ำ
NaHCO3 (s) + CH3COOH (aq) → CH3COONa (s) + CO2 (g) + H2O (l)
โซเดยี มไฮโดรเจนคาร์บอเนต + กรดแอซติ ิก → โซเดียมแอซเิ ตต + แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ + น้ำ
ภาพที่ 6 การทดสอบแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
(ท่มี า: https://www.youtube.com/watch?v=QUnPUMSfnzE)
ตวั อยา่ งการทดสอบแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
สามารถดไู ด้ท่ี: https://www.youtube.com/watch?v=QUnPUMSfnzE
34
ประโยชนแ์ ละโทษของปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ปฏิกิรยิ าเคมหี ลายปฏิกิริยาสามารถนำมาประยุกตใ์ ช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวันได้ แตห่ ากมนุษย์ใช้
ประโยชน์จากสารเคมีโดยขาดความรอบคอบ ปฏิกิริยาเคมีเหล่านั้นอาจจะก่อผลเสียต่อมนุษย์และ
ส่งิ แวดล้อม
ประโยชนข์ องปฏกิ ริ ิยาเคมี ปฏกิ ริ ยิ าเคมีทเ่ี กิดข้ึนในชีวติ ประจำวนั หลายปฏิกริ ิยามีประโยชน์ต่อการ
ดำรงชวี ิตมนุษยท์ ัง้ ทางตรงและทางออ้ ม ยกตวั อย่างเชน่
1. แก๊สหุงต้มใช้ประกอบอาหาร ใช้พลังงานความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง
มาใช้ในการประกอบอาหาร ใชใ้ นการทำงานของเครอื่ งยนต์ และใชผ้ ลิตกระแสไฟฟ้า
ภาพท่ี 7 แก๊สหุงต้ม
(ทมี่ า: shorturl.asia/KucyC)
2. ปนู ขาว ใช้โรยเพ่ือแกป้ ัญหาดินกรด ใชใ้ นการแก้ปญั หาสภาพดินที่เปน็ กรดในพน้ื ท่ีเกษตรกรรม
โดยใส่ปูนขาวหรือดนิ มาร์ลทีม่ สี มบตั ิเปน็ เบสลงไป เพอื่ ลดความเป็นกรดของดนิ
ภาพที่ 8 การใส่ปนู ขาว
(ทม่ี า: https://readykids.info/?p=12097)
3. ยาลดกรดชว่ ยลดกรดในกระเพาะอาหาร
ใช้ลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร โดยการรับประทานยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งมีส่วนผสม
ของสารละลาย แมกนีเซียมที่มีสมบัติเป็นเบส Mg(OH)2
35
ภาพที่ 9 ยาลดกรด
(ทม่ี า: https://today.line.me/th/v2/article/agpj2o)
4. แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดท์ ำใหข้ นมฟู
ใช้ในการทำขนมต่าง ๆ เช่น ขนมปัง ขนมถ้วยฟู ขนมตาล ดูน่ารับประทาน โดยเกิดปฏิกิริยา
การสลายตัวของโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตเมื่อได้รับความร้อน ทำให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
แทรกเข้าไปในเน้อื ของขนมปงั ขนมปงั จึงฟู
ภาพที่ 10 ขนมปงั
(ทมี่ า: https://cooking.kapook.com/view243445.html)
ภาพท่ี 11 ขนมถว้ ยฟู
(ท่มี า: https://cooking.kapook.com/view245607.html)
36
โทษของปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ปฏิกิริยาเคมีบางชนิดเมื่อเกิดขึ้นแล้ว อาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
โดยปฏิกิริยาเหล่านั้นอาจจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่บางปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเนื่องจากความประมาท
ขาดความรอบคอบ และขาดความรบั ผดิ ชอบของมนุษย์ เช่น
1. ปรากฏการณ์เรือนกระจก เป็นปรากฎการณ์ที่โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น เนื่องจากพลังงานความร้อน
จากดวงอาทิตยแ์ ละรังสีอนิ ฟราเรดทะลผุ า่ นชัน้ บรรยากาศลงมายังผิวโลก ไม่สามารถสะท้อนกลับออกไปได้
เนอ่ื งจากถกู ดดู กลืนไว้ โดยโมเลกุลของแกส๊ เรอื นกระจก ได้แก่ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แก๊ส
มีเทน (CH4) สารคลอโรฟลอู อโรคาร์บอน (CFCs) แก๊สไนตรัสออกไซด์ (N2O) ซ่งึ แก๊สเรอื นกระจกเหล่าน้ี
อาจจะเกิดขึน้ เองตามธรรมชาตหิ รือจากกจิ กรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เชน่ การเกิดไฟไหม้ปา่ การเผาเชื้อเพลิง
ต่าง ๆ การปล่อยแก๊สมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม การเผาขยะ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี CFCs
เปน็ องคป์ ระกอบ เชน่ โฟม กระปอ๋ งสเปรย์
ภาพท่ี 12 ปรากฏการณ์เรอื นกระจก
(ทม่ี า: https://www.pea.co.th)
2. ฝนกรด เกิดจากแก๊สบางชนิดเช่น แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) แก๊สไนโตรเจนไดออกไซด์
(NO2) รวมตัวกับละอองน้ำในบรรยากาศ ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีสมบัติเป็นกรด ซึ่งเมื่อฝนตกก็จะปะปน
ลงมากับน้ำฝน ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เช่น เกิดอันตรายต่อระบบหายใจและเนื้อเย่ือ
ของร่างกายสิ่งมีชีวิต ทำให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ พืชเจริญเติบโตช้าและตายในที่สุด แหล่งน้ำมีความเป็น
กรด ทำใหป้ ลาตายและสตั วน์ ้ำตาย และทำลายส่งิ ปลูกสร้างทีม่ ีโลหะและหินปนู เป็นองค์ประกอบ
ภาพท่ี 13 ฝนกรด
(ทม่ี า: https://www.environment.co.za/environmental-issues/acid-rain.html)
37
การเกิดหมอกควนั หรือสม็อก เป็นกลุ่มหมอกควันที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ นับเป็นมลพิษทางอากาศ
ชนิดหนึ่ง เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในปริมาณมาก การปล่อยควันจากโรงงานอุตสาหกรรมและ
เครอ่ื งยนต์ สว่ นใหญพ่ บในเขตเมืองและเขตอตุ สาหกรรม
ภาพที่ 13 การเกดิ หมอกควนั
(ที่มา: https://ngthai.com/science/31886/smog/)
38
ใบความรทู้ ่ี 3
เรื่อง การปฏบิ ตั กิ ารทดลองฝนกรด
จดุ ประสงค์
1. อธิบายและยกตวั อย่างปฏกิ ริ ยิ าเคมใี นชวี ิตประจำวนั ได้ (K)
2. สืบค้นข้อมูลเก่ียวกบั ปฏิกริ ิยาเคมีในชวี ิตประจำวนั ได้ (P)
3. ทำการทดลองการเกิดฝนกรดได้ (P)
4. อธิบายถงึ ผลกระทบของฝนกรดท่ีมผี ลตอ่ สิง่ มีชีวิตและส่งิ แวดล้อม (A)
วสั ดอุ ุปกรณ์
1. จานเพาะเช้อื (จานและฝาครอบ) 1 ชุด
2. ปเิ ปตปริมาตรขนาด 1 mL 1 อัน
3. ขวดเตรยี มสารละลาย 1 ขวด
4. ชอ้ นตกั สารเบอร์ 1 1 คัน
5. หลอดหยด 1 อัน
6. ผงั ปฏบิ ัตกิ าร 1 แผน่
7. ดินนำ้ มนั 1 ก้อน
8. สำลี หรือ ทชิ ชู 1 ก้อน/แผน่ /มว้ น
9. ใบไม้ (ว่านกาบหอยหรอื ดอกกะหล่ำปสี ีมว่ ง) 1 ใบ
10. กรรไกร 1 ด้าม
11. แท่งแกว้ คนสาร 1 อนั
12. บกี เกอร์ 1 ใบ
13. ขวดน้ำกลน่ั 1 ขวด
14. ไมจ้ ม้ิ ฟันหรือก้านพันสำลี 1 อัน
15. ลูกยางปิเปต 1 ลกู
สารเคมี
1. สารละลายกรดซลั ฟิวรกิ ( H2SO4)
2. โซเดียมซลั ไฟต์ (Na2SO3)
3. อนิ ดิเคเตอร์ (โบรโมไทมอลบลู (Bromothymol blue))
วธิ ที ำการทดลอง
1. วางจานเพาะเช้ือบนผังปฏิบัตกิ าร โดยวางจานบนรปู ก และหงายฝาครอบวาง รูป ข ตามลำดับ
39
2. หยดอินดเิ คเตอร์ (โบรโมไทมอลบลู (Bromothymol blue)) บนจานช่องท่ี 14, 28 และ 2, 17,
25 และ 9, 21, 27 ของรปู ก ชอ่ งละ 1 หยด (ควบคมุ ให้หยดมีขนาดเลก็ เทา่ ๆ กัน และเรยี งใน
แนวเดยี วกนั )
3. ปน้ั ดนิ นำ้ มนั เป็นแนวภูเขา มคี วามสงู ไม่เกนิ ขอบจานและวางระหวา่ งชอ่ ง 23 และ 24
4. ตัดดอกกะหล่ำปีสีมว่ งเป็นชิน้ เล็ก ๆ และวางทชี่ อ่ ง 5, 8 และ 15
5. ตักโซเดียมซัลไฟต์ (Na2SO3) ปริมาณ 1/3 ช้อน ใส่ลงในขวดเตรียมสารละลาย และเติมน้ำ
1 ml ปิดจุกและฝาขวด (ใช้บีกเกอร์แทนได้) แล้วเขย่าหรือคนให้สารละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
หมด
6. หยดสารละลายโซเดียมซัลไฟต์ (Na2SO3) 1 หยด ที่ช่อง 29 แล้วหยด สารละลายกรด
ซัลฟิวริก (H2SO4) 1 หยด ลงบนสารละลายโซเดียมซัลไฟต์ (Na2SO3) ที่หยดไว้แล้ว และปิด
ฝาครอบทนั ที
7. สังเกตการเปลี่ยนแปลงและบันทึกผลการทดลองลงในใบบันทึกผลการทดลอง เรื่อง การเกิด
ฝนกรด
40
ใบงานที่ 1.1
เรอ่ื ง การเปลยี่ นแปลงของสาร
คำชี้แจง : นักเรียนจงตอบคำถามต่อไปนี้แล้วเขียนเครื่องหมายถูก (✓) ลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
การเปลี่ยนแปลงต่อไปนีเ้ ป็นการเปล่ยี นแปลงทางกายภาพหรอื การเปลีย่ นแปลงทางเคมี
การเปลยี่ นแปลงของสาร ประเภทของการเปลีย่ นแปลง
การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพ การเปลยี่ นแปลงทางเคมี
1. หลงั คาสงั กะสีเกดิ สนิม
2. ไอศกรมี หวานเยน็
3. การจุดเทียนพรรษา
4. การเกิดฟองแก๊สเมื่อเทกรด HCl
ลงบนกระเบือ้ งหนิ ปนู
5. การระเหยของนำ้ กลายเปน็ ไอ
6. การระเหดิ ของลูกเหม็นในตู้เสือ้ ผา้
7. การฉกี กระดาษหนงั สอื พมิ พ์
8. การเกดิ ฝา้ ขาวของนำ้ ปูนใส
9. เกลอื ละลายในน้ำเปล่า
10. ด่างทับทิมละลายนำ้
41
ใบงานที่ 1.2
เรอ่ื ง การเขยี นสมการเคมี
คำชแี้ จง : ให้นกั เรียนเขยี นสมการเคมีแทนปฏิกริ ิยาเคมีที่กำหนดใหพ้ รอ้ มดลุ สมการให้ถูกตอ้ ง
1. แก๊สบิวเทน (C4H10) ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน (O2) ได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
และไอนำ้ (H2O) เปน็ ผลติ ภัณฑ์
..........................................................................................................................................................................
2. สารละลายกรดไฮโดรคลอริก (HCl) ทำปฏิกิริยากับซิงค์ซัลไฟด์ (ZnS) ได้สารละลายซิงค์คลอไรด์
(ZnCl2) และแกส๊ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) เป็นผลติ ภณั ฑ์
..........................................................................................................................................................................
3. กำมะถัน (S) ทำปฏกิ ริ ยิ ากบั สารละลายกรดซลั ฟวิ ริก (H2SO4) ได้น้ำ (H2O) และแก๊สซัลเฟอร์ได
ออกไซด์ (SO2) เปน็ ผลิตภัณฑ์
..........................................................................................................................................................................
4. สารละลายแอมโมเนีย (NH3) ทำปฏิกิริยากบั แก๊สออกซิเจน (O2) ไดแ้ ก๊สไนโตรเจนมอนอกไซด์
(NO) และน้ำ (H2O) เป็นผลติ ภัณฑ์
..........................................................................................................................................................................
5. ซิลเวอร์ (I) ออกไซด์ (Ag2O) ทำปฏิกิริยากับสารละลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) ได้
โลหะเงนิ (Ag) นำ้ (H2O) และแก๊สออกซิเจน (O2) เปน็ ผลิตภณั ฑ์
..........................................................................................................................................................................
42
ใบงานท่ี 2
เรอ่ื ง ชนดิ ของปฏกิ ิรยิ าในชวี ติ ประจำวนั
คำชแี้ จง : ให้นกั เรียนนำตัวเลือกในคอลัมน์มาใส่ไวท้ ี่หนา้ ข้อ ให้ถูกต้อง
1. สารตงั้ ตน้ ทีท่ ำให้เกดิ ปฏิกิริยาการเผาไหม้ ก. มปี ริมาณออกซเิ จนน้อยเกนิ ไป
2. การเผาไหมท้ ส่ี มบูรณจ์ ะให้ผลติ ภัณฑ์เป็น
3. การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าระหว่างกรดกบั เบสเรยี กว่า ข. ปฏกิ ริ ิยาการเผาไหม้
4. ปัจจัยทท่ี ำใหเ้ หลก็ เกิดสนมิ ได้
5. แกส๊ ที่เม่อื รวมตัวกับนำ้ แล้วเกดิ เป็นเปน็ ฝนกรด ค. ปฏิกิรยิ ากรด-เบส
6. สารประกอบทใ่ี ช้ในการทำขนมถว้ ยฟู
7. ปฏิกริ ยิ าทเ่ี ป็นสาเหตุทำใหห้ นิ ปนู สึกกร่อน ง. ปฏิกิรยิ าออกซิเดชนั
8. เมอ่ื กรดทำปฏิกริ ิยากับเบสได้ผลติ ภณั ฑเ์ ป็น
จ. ปฏกิ ิรยิ าการสะเทนิ
9. สาเหตุของการเกดิ แก๊สคาร์บอนมอนอกไซดใ์ น
ปฏกิ ิริยาการเผาไหม้ ฉ. ความช้นื และ อากาศ
10. ปฏิกิรยิ าท่ที ำให้เกิดภาวะโลกร้อน ช. CO2, SO2, NOx
ซ. สารประกอบโซเดยี มไฮโดรเจน
คารบ์ อเนต
ญ. ปฏกิ ริ ยิ าระหว่างกรดกับสารประกอบ
คาร์บอเนต
ฌ. เกลอื และ น้ำ
ฏ. ปริมาณแกส๊ ออกซิเจนมากเกินพอ
ฐ. สารประกอบคาร์บอนกับแก๊ส
ออกซิเจน
ฑ. แก๊สคารบ์ อนมอนอกไซด์ น้ำ และ
พลังงาน
ฒ. แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และ
พลังงาน
43
ช่ือ........................................................ ชัน้ .......... เลขท.่ี .........
ใบงานที่ 3
ใบบันทกึ ผลการทดลอง เรอื่ ง การเกดิ ฝนกรด
ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง
สารละลายโซเดยี มซลั ไฟต์ (Na2SO3) + สารละลายกรดซลั ฟวิ รกิ (H2SO4)
ตวั ทดสอบ การเปลยี่ นสี การเปลยี่ นสี การเปลยี่ นสี
ของจดุ ที่อยใู่ กลก้ รด ของจดุ หนา้ ดนิ นำ้ มนั ของจดุ หลงั ดนิ นำ้ มนั
อนิ ดเิ คเตอร์ (โบรโมไทมอนบลู
(Bromothymol blue))
ใบไม้ (กะหลำ่ ปลสี มี ว่ ง)
อภิปรายผล
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
สรุปผล
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
44
แบบทดสอบหลงั เรยี น
คำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบทถ่ี กู ต้องทส่ี ดุ เพียงคำตอบเดยี ว
1. ข้อใดคือความหมายของปฏกิ ิรยิ าเคมี
ก. กระบวนการที่เกดิ จากสารเคมีเพียงชนิดเดยี วเทา่ นัน้
ข. กระบวนการที่เกดิ จากสารเคมีแตส่ ารน้นั ยังคงสภาพเดิม
ค. กระบวนการทีเ่ กิดจากสารเคมีเกิดการเปลีย่ นแปลงแล้วได้สารใหม่ข้ึนมา
ง. กระบวนการที่เกดิ จากสารเคมเี กิดการเปลี่ยนแปลงแต่มีคณุ สมบตั ิเหมือนเดิม
2. ข้อใดเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี
ก. การผา่ ฟืน ข. การเผากระดาษ
ค. การบดแป้ง ง. การปั้นดนิ นำ้ มนั
3. ขอ้ ใดไมเ่ กดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี
ก. การละลายของน้ำตาล ข. การสกุ ของมะม่วง
ค. การเกิดสนมิ ของประตูเหล็ก ง. การกินยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
4. ขอ้ ใดไมใ่ ช่วิธีสงั เกตสารใหม่ท่เี กดิ ขน้ึ ในปฏิกริ ยิ าเคมี
ก. การเปล่ียนสี ข. การละลายนำ้
ค. การเกิดตะกอน ง. การเกดิ ฟองแก๊ส
5. C (s) + O2 (g) → CO2 (g) สารตัง้ ตน้ ของปฏกิ ิริยานีค้ ือสารในข้อใด
ก. O2 ข. CO2
ค. C และ CO2 ง. C และ O2
6. พิจารณาสมการต่อไปน้ี แลว้ ตอบคำถาม
1. โซเดยี มคลอไรด์ + นำ้ → สารละลายเกลือแกง
2. แมกนเี ซยี ม + แกส๊ ออกซิเจน → แมกนีเซียมออกไซด์
3. กรดไฮโดรคลอริก + โซเดยี มไฮดรอกไซด์ → โซเดียมคลอไรด์ + น้ำ
การเปล่ียนแปลงในข้อใดไม่เกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี
ก. ข้อ 1. เท่านัน้ ข. ข้อ 1. และ 2.
ค. ขอ้ 2. และ 3. ง. ข้อ 1. และ 3.
7. พจิ ารณาสมการทกี่ ำหนดให้
2C3H8 (g) + 7O2 (g) สาร Y + 8H2O (l) + พลังงาน + เขม่าควนั
45
สาร Y คอื สารใด และมีจำนวนก่โี มเลกลุ
ก. CO จำนวน 6 โมเลกลุ ข. CO จำนวน 8 โมเลกุล
ค. CO2 จำนวน 6 โมเลกลุ ง. CO2 จำนวน 8 โมเลกลุ
8. หินงอกหินยอ้ ยเกดิ จากสารใดทำปฏกิ ิรยิ ากนั
ก. กรดกับเบส ข. กรดกบั โลหะ
ค. กรดกับหินปนู ง. กรดกับออกซิเจน
9. ขอ้ ใดแสดงสมการเคมีไดถ้ กู ต้อง
ก. Zn (s) + 2HCl (aq) ZnH (aq) + Cl2 (g)
ข. 2SO3 (g) + H2O (l) H2SO4 (aq)
ค. Fe (s) + O2 (g) + H2O (l)
ง. HCl (aq) + NH4OH (aq) Fe2O3 . 3H2O (s)
NH4Cl (aq) + H2O (l)
10. ขอ้ ใดคือผลติ ภณั ฑท์ ีไ่ ด้จากปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหมแ้ บบสมบรู ณ์
ก. ให้แก๊ส O2 และ H2 และพลังงานความร้อน
ข. ให้แก๊ส O2 และ H2O และพลงั งานความรอ้ น
ค. ใหแ้ กส๊ CO2 และ H2 และพลังงานความร้อน
ง. ใหแ้ ก๊ส CO2 และ H2O และพลังงานความร้อน
11. ข้อใดถูกต้องเก่ยี วกบั การเกดิ สนิม
ก. สนมิ เหล็กเกิดข้ึนได้กบั โลหะทุกชนดิ
ข. น้ำและออกซิเจน คอื ปัจจยั ที่สำคัญท่ที ำใหเ้ กิดสนิม
ค. แก๊สต่าง ๆ ในอากาศสามารถทำใหเ้ กดิ สนมิ เหลก็ ได้
ง. แก๊สคาร์บอนไดออกไซดเ์ ปน็ ปจั จยั สำคัญที่ทำให้เกดิ สนมิ เหล็ก
12. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ การเผาไหม้ของเคร่ืองยนต์ที่เป็นสาเหตุให้เกดิ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. เป็นการเผาไหมอ้ ย่างสมบรู ณ์
ข. เกดิ จากการเผาไหม้ของแกส๊ มีเทนเท่านน้ั
ค. เกดิ แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นผลติ ภัณฑ์
ง. เกดิ ขน้ึ เมื่อมีปริมาณแก๊สออกซเิ จนมากเพียงพอในการทำปฏิกิรยิ า
46
13. ข้อใดกลา่ วถูกต้องเกย่ี วกับปฏกิ ริ ยิ าการสะเทนิ
ก. ปฏกิ ริ ยิ าการสะเทนิ เปน็ ปฏกิ ิริยาเคมีระหว่างกรดกบั เบส
ข. หลงั เกดิ ปฏกิ ิรยิ าจะได้ผลิตภณั ฑ์เปน็ น้ำเกดิ ข้ึนเสมอ
ค. หลังเกิดปฏกิ ริ ยิ าจะได้ผลิตภัณฑเ์ ปน็ เกลอื ของโลหะเกดิ ขึ้นเสมอ
ง. ปฏกิ ิริยาการสะเทนิ ชว่ ยปรับนำ้ เสียใหเ้ ป็นกลางกอ่ นปลอ่ ยสสู่ ง่ิ แวดลอ้ ม
14. ปฏิกิรยิ าใดเปน็ สาเหตุใหส้ ิ่งกอ่ สรา้ งทที่ ำจากหินปูนสกึ กร่อน
ก. ปฏิกิรยิ าการสะเทิน
ข. ปฏกิ ิรยิ าการเผาไหม้
ค. ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งเบสกับสารประกอบแคลเซียม
ง. ปฏิกิริยาระหวา่ งกรดกับสารประกอบคาร์บอเนต
15. ปฏิกริ ิยาเคมีในข้อใดเป็นสาหตุทำใหเ้ กดิ ภาวะโลกรอ้ น
ก. การเกดิ สนิมเหล็ก ข. การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช
ค. การเผาไหมแ้ บบสมบูรณ์ ง. ปฏิกริ ิยาระหวา่ งกรดกับโลหะ
47
แบบทดสอบหลงั เรยี น
ช่อื -นามสกลุ ................................................................. ชน้ั ............ เลขท่ี .......... วนั /เดอื น/ปี ....................
ขอ้ ท/่ี ตวั เลอื ก ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
สๆู้ ถา้ ไมผ่ า่ นกลบั ไปศกึ ษาเพม่ิ เตมิ นะ