The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

งานวิจัยสร้างสรรค์ เรื่อง ทิพยเทวาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพดา จัดทำโดย นางนิรมล หาญทองกูล เพื่อประกอบการปรับวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นางนิรมล หารทองกูล, 2022-02-17 09:43:14

งานวิจัยสร้างสรรค์ เรื่อง ทิพยเทวาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพดา

งานวิจัยสร้างสรรค์ เรื่อง ทิพยเทวาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพดา จัดทำโดย นางนิรมล หาญทองกูล เพื่อประกอบการปรับวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ

88

คทู่ ี่ 1, 2, 3, 4 (ด้านซ้าย และดา้ นขวา)
(1 - 16) ยา่ เท้าตามจงั หวะฉ่ิง มอื ซา้ ยแบฝ่าหงายงอแขนระดับไหล่ มือขวาจบี สง่ หลงั เอยี งซา้ ย

หมายเหตุ ในปฏบิ ัตทิ ่าราขณะย่าเทา้ ในจังหวะท่ี 9 - 16 ผแู้ สดงเคลื่อนตวั แปรแถวเปน็ วงกลมตาม
แผนผัง ดงั น้ี

แผนผังท่ี 12

จังหวะที่ 1 - 16

ภาพที่ 47 ทา่ กลางอัมพร
ทมี่ า : นิรมล หาญทองกลู . 2562

89

ภาพท่ี 48 ท่าโจงกระเบนแปลง
ทม่ี า : นริ มล หาญทองกลู . 2562
คทู่ ี่ 1, 2, 3, 4 (ด้านซ้าย และดา้ นขวา)
(1) กา้ วเทา้ ซา้ ย ก้าวเท้าขวา กระทุ้งเท้าซ้าย มอื ซ้ายจบี คว่างอแขนระดบั ไหล่แล้วสอดจีบขึน้ แบ
ฝา่ หงายงอแขนระดับไหล่ มอื ขวาแบฝา่ มือหงายงอแขนระดับไหล่แลว้ พลิกต้งั ข้อมือ แขนตงึ
ระดบั ไหล่ เอียงขวา
(2) กา้ วเทา้ ขวา กา้ วเทา้ ซ้าย กระทุ้งเทา้ ขวา มือขวาจีบควา่ งอแขนระดับไหล่แล้วพลกิ ขอ้ มือข้นึ
จีบปรกข้าง มือซา้ ยแบฝ่าหงายงอแขนระดับไหล่ ตัง้ วงกลาง เอียงซ้าย
(3 - 16) ปฏบิ ตั ิทา่ ราในจงั หวะท่ี (1) และ (2) สลับกันพรอ้ มกบั เดินเข้าออกวงกลม
จงั หวะท่ี 1 - 16

ภาพท่ี 49 ทา่ สา่ ย (1)
ท่มี า : นริ มล หาญทองกูล. 2562

90

ภาพท่ี 50 ท่าราส่าย (2)
ทม่ี า : นริ มล หาญทองกลู . 2562
คู่ที่ 1, 2, 3, 4 (ดา้ นซ้าย และด้านขวา)
(1) ประเท้าซ้าย มือซ้ายจีบคว่าระดับเอว มือขวาหงายฝ่ามือแบให้ปลายนิ้วช้ีลงพ้ืนงอแขนระดับ
เอว เอียงขวา
(2) กา้ วเท้าซ้ายลงแลว้ พลกิ ขอ้ มือซ้ายเปน็ จีบหงาย มือขวาพลกิ ข้อมือขึน้ ตั้งแขนตึงระดับไหล่
เอียงซ้าย
(3 - 7) ถัดเท้าขวา วาดแขนขวาในท่าส่าย มือซ้ายต้ังวงล่าง เอียงขวา ปฏิบัติต่อเนื่องตามจังหวะ
ฉ่ิง
(8 - 14) ถัดเท้าขวา วาดแขนขวาและซ้ายในท่าส่าย เอียงขวา ปฏิบัติต่อเนื่องตามจังหวะฉ่ิงแล้ว
เคลื่อนตัวหมุนแลกทีก่ บั ครู่ า
(15) ก้าวเท้าขวา มือซ้ายวาดแขนตึงลงต้ังข้อมือ มือซ้ายหงายแขนตึงให้ปลายนิ้วชี้ลงพ้ืน เอียง
ซา้ ย
(16) กระท้งุ เทา้ ซา้ ย มือซ้ายหงายแขนตึงใหป้ ลายนิว้ ชล้ี งพน้ื มอื ขวาตัง้ ขอ้ มอื แขนตึงระดบั ไหล่
เอียงซ้าย
หมายเหตุ การปฏิบัติท่าราในจงั หวะท่ี 1 - 8 เคลอ่ื นตัวแปรแถวตามแผนผัง ดงั น้ี

91

แผนผงั ที่ 13

จงั หวะที่ 1 - 8

ภาพท่ี 51 ทา่ ผาลาเพยี งไหล่
ท่มี า : นริ มล หาญทองกลู . 2562

ค่ทู ี่ 1, 2, 3, 4 (ดา้ นซา้ ย และด้านขวา)
(9) ถอนเทา้ ขวาพร้อมกับหมุนตวั ไปดา้ นหน้า แถวด้านขวาหมุนตวั หนั หลงั โดยหมุนตัวด้าน
ขวามอื ประเทา้ ซา้ ย มือซ้ายจีบปรกข้าง มือขวาต้ังวงกลาง เอียงขวา
(2) ก้าวเท้าซ้าย มือขวามว้ นจีบเป็นตั้งวงบน มือซ้ายหงายฝ่ามอื แบใหป้ ลายนว้ิ ชล้ี งพ้นื งอแขน
ระดับเอว เอยี งซ้าย
(3) ย้อนตวั จรดเทา้ ซา้ ย มือขวาตง้ั วงบน มือซ้ายหงายฝ่ามือแบใหป้ ลายน้วิ ช้ีลงพื้นงอแขนระดบั
เอว เอียงขวา
(4 - 8) ถัดเทา้ ซ้าย มือขวามว้ นจีบเป็นต้ังวงบน มอื ซ้ายหงายฝ่ามอื แบใหป้ ลายน้ิวชล้ี งพืน้ งอ แขน
ระดบั เอว เอียงซา้ ย ปฏิบตั ติ ่อเนือ่ งตามจังหวะฉงิ่ เคล่ือนตวั แลกท่กี บั ครู่ า

92

จังหวะที่ 8 - 16

ภาพท่ี 52 ท่าเฉิดฉินแปลง
ท่ีมา : นิรมล หาญทองกลู . 2562

ภาพที่ 53 ท่าเฉดิ ฉนิ แปลง
ที่มา : นิรมล หาญทองกูล. 2562

คูท่ ี่ 1, 2, 3, 4 (ดา้ นซ้าย และด้านขวา)
(8 - 16) ย่าเทา้ ตามจงั หวะฉง่ิ พร้อมกับเคล่ือนตัวแปรแถวเปน็ แถวเฉยี ง มือขวาแบฝา่ มอื หงาย
งอแขนระดบั ไหล่ มอื ซา้ ยตง้ั วงต่อศอกขวา เอยี งซา้ ย

93

หมายเหตุ ปฏิบัตทิ า่ ราในจงั หวะที่ 8 - 16 เคลื่อนตัวแปรแถวตามแผนผงั ดงั นี้

แผนผงั ท่ี 13

แผนผงั ที่ 14

94

จังหวะที่ 1 - 14

ภาพที่ 54 ทา่ เดนิ (1)
ทม่ี า : นริ มล หาญทองกูล. 2562

ภาพที่ 55 ทา่ เดนิ (2)
ทีม่ า : นริ มล หาญทองกูล. 2562

คทู่ ี่ 1, 2, 3, 4 (ด้านซ้าย และดา้ นขวา)
(1) ก้าวเท้าซ้าย มือซ้ายหงายฝ่ามือแบใหป้ ลายนิ้วชล้ี งพ้นื มือขวาตัง้ วงลา่ ง เอยี งขวา
(2) กา้ วเทา้ ขวา มอื ขวาหงายฝ่ามือแบให้ปลายนว้ิ ช้ลี งพื้น มอื ซ้ายตั้งวงลา่ งต่อศอกขวา เอียง
ซา้ ย
(3 - 14) ปฏบิ ัติทา่ ราในจงั หวะที่ (1) และ (2) สลับกันแล้วเคล่ือนตัวถอยหลังเขา้ หลงั เวที

95

ช่วงที่ 4 ลาโรง
จงั หวะท่ี 15 - 16

ภาพท่ี 56 ทา่ ลา (เยือ้ งพายกฐิน)
ทม่ี า : นริ มล หาญทองกูล. 2562

คู่ที่ 1 (ด้านซ้าย และด้านขวา)
(15) ก้าวเท้าขวา มือขวาตะแคงฝา่ มอื แบระดับอก มอื ซา้ ยตั้งวงลา่ ง เอยี งซ้าย
(16) กา้ วเท้าซ้าย มือขวาแทงออกตั้งข้อมือแขนตึงระดับไหล่ มือซ้ายจบี หงายชายพกด้านขวา
เอยี งขวา ยืดยุบว่ิงซอยเทา้ เข้าหลงั เวที

จบการแสดง

3.7 เมื่อผู้วิจัยออกแบบองค์ประกอบตามแนวคิดที่ได้รบั การวิเคราะห์ข้อมูลท่ีรวบรวมสาเร็จแล้ว จึง
นาผลงานท่ีสร้างสรรค์ขึ้นเข้าสู่ขั้นตอนตรวจสอบผลงาน โดยการนาเสนอผลงาน เพื่อแก้ไข โดยการ
นาผลงานไปนาเสนอเพ่ือขอคาแนะนาจากผู้เช่ียวชาญ และนามาแก้ไขผลงานให้เกิดความสมบูรณ์ แล้ว
จึงสรุปผลการดาเนินการวิจัยสร้างสรรคเ์ ปน็ ข้อมลู เอกสาร เพ่อื นาเสนอผลการวิจยั สรา้ งสรรค์ 5 บท

3.8 การเผยแพรผ่ ลงาน แบ่งออกเป็น 2 สว่ น คือ
3.8.1 จัดการแสดงนาเสนอผลงานการสรา้ งสรรค์ต่อผชู้ ม ณ ศาลพระแมย่ ่า
จงั หวัดสุโขทยั พรอ้ มกับทาเครือ่ งมือ เพื่อสอบถามความพึงพอใจของผูช้ มที่มตี ่อ
ชุดการแสดง ทพิ ยเทวทาสี อัญชลพี ระขพุงผีเทพดา
3.8.2 เผยแพร่ตีพิมพ์เป็นบทความวจิ ัย 1 เรอ่ื ง

บทท่ี 4

ผลการวิจัย

การสร้างสรรคก์ ารแสดงชดุ ทิพยเทวทาสี อัญชลีพระขพงุ ผีเทพดา มีขั้นตอน และวิธีการ
ดาเนินการตามหลักแนวคดิ และทฤษฎกี ารสรา้ งสรรค์ โดยได้นาแนวคิดเหลา่ น้ันมาประมวลกัน และ
ปรับใช้ใหเ้ หมาะสมกบั บริบท โดยปัจจยั ต่าง ๆท่ีเกยี่ วข้อง ดังน้ี

งานวิจัยชุดการแสดง ทิพยเทวทาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพดา ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ
จากสานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาติ ตามแผนบรู ณาการช่ือ แผนงานการวจิ ยั และนวัตกรรม เพอ่ื
อนรุ ักษ์และสร้างองค์ความรู้ดา้ นศลิ ปวฒั นธรรม (Research and Innovation Plan for Conservation
and Knowledge Creation of Art and Culture) เป็นจานวนเงิน 160,000.- บาท (-หนึ่งแสนหก
หมื่นบาทถ้วน-) โดยมีความสอดคล้องกับแผนบูรณาการพัฒนาศักยภาพ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย
และนวตั กรรม ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ที่ 2 : ด้านการสรา้ ง
ความสามารถในการแข่งขนั ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ยุทธศาสตร์การวิจัยท่ี 8 : การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม ยุทธศาสตร์วิจัยและ
นวัตกรรมแห่งชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ที่ 3. การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการสร้างองค์ความรู้พ้ืนฐานของ
ประเทศ ในประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 3.1 องค์ความรู้พื้นฐานและเทคโนโลยีฐาน และ ยุทธศาสตร์ของ
หน่วยงาน ยุทธศาสตร์ท่ี 2 การวิจัย การสร้างผลงานสร้างสรรค์ต่อยอดงานศิลป์ บนพื้นฐาน
เอกลกั ษณข์ องท้องถน่ิ และความเปน็ ไทย และเผยแพร่ผลงานในระดับชาตแิ ละนานาชาติ

กาหนดเวลา

ผู้วจิ ัย ไดม้ กี ารกาหนดระยะเวลาในการดาเนนิ งานสรา้ งสรรคก์ ารแสดงชุด ทิพยเทวทาสี อัญชลี
พระขพุงผีเทพดา ตามตาราง ดงั น้ี

97

ตารางที่ 1 ตารางกาหนดการดาเนินงานการสร้างสรรค์การแสดงชดุ ทพิ ยเทวทาสี อญั ชลีพระขพุงผี

เทพดา

แผนดาเนนิ การ

กิจกรรม 2561 2562

ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย.

การศกึ ษาเอกสาร

เก็บรวบรวมข้อมูล

วเิ คราะหข์ ้อมูล

ดาเนนิ การสรา้ งสรรค์

(1) วางแผน
(2) ทดลองสร้างสรรค์

- ท่ารา
- เพลง
- เคร่ืองแต่งกาย

(3) สรปุ การ สร้างสรรค์

สรุปผลการวิจยั

นาเสนอผลการวิจยั

ผ้วู จิ ัยได้ดาเนินงานวจิ ยั ตามกิจกรรมทก่ี าหนดไวใ้ นตารางท่ี 1 สามารถสรุปผลการดาเนนิ งาน
ได้ ดังน้ี

จากจดุ ประสงค์การวจิ ัยในข้อที่ 1. เพอื่ ศกึ ษาความเปน็ มา บทบาท และความสาคัญของพระ
ขพุงผี ตลอดจนวัฒนธรรมและความเชื่อของชาวสุโขทัยที่มีต่อพระขพุงผีในจังหวัดสุโขทัย ผู้วิจัยได้
ดาเนินการศกึ ษาเอกสาร เก็บรวบรวมขอ้ มูล แลว้ นามาตั้งคาถามวจิ ยั วา่

1. เทวรูปพระแม่ยา่ มีความสัมพันธก์ ับพระนางเสอื ง และพระขพงุ ผอี ยา่ งไร
2. เทวรูปพระขพุงผีมีบทบาทและความสาคญั ต่อคนในสงั คมสโุ ขทยั ทั้งในอดีตและปจั จบุ ัน

อยา่ งไร
3. สรา้ งสรรคช์ ดุ การแสดงจากขอ้ มลู ความเช่ือของชาวสุโขทัยที่มีต่อพระขพุงผใี นจงั หวดั

สโุ ขทยั ตลอดจนวฒั นธรรม

จากน้นั นามาวิเคราะห์ข้อมลู สรปุ ผลการวิจยั ได้วา่
1.1 ความเป็นมาของพระขพุงผี จากการวิเคราะห์ข้อมูลตามทฤษฎีความเชื่อ และการ
แพร่กระจายทางวัฒนธรรม พระขพุงผีเป็นสญั ลักษณ์จากความเช่ือในเร่ืองผีที่เป็นความเชื่อด้ังเดิมของ
มนุษย์ แต่ไม่มีข้อมูลบ่งช้ีถึงช่วงเวลาที่เกิด มีเพียงข้อความท่ีจารึกไว้ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ด้านที่ 3
บรรทัดที่ 6-10 ว่า “เบ้ืองหัวนอนเมืองสุโขทัยน้ี มีกุฎี พิหาร ปู่ครู มีสรีดภงส์ มีป่าพร้าว ป่าลาง มีป่า
ม่วง ป่าขาม มีน้าโคก มีพระขพุงผี เทวดาในเขาอันน้ัน” จากข้อมูลดังกล่าวเปน็ พิกัดท่ีมีการค้นพบรูป

98

เคารพที่ทาด้วยหินชนวน มีลักษณะเป็นสตรีแต่งกายอย่างสตรีสูงศักดิ์ ถึง 2 ครั้ง แต่ผู้ค้นพบไม่ใช่คน
เดยี วกนั อีกทั้งชว่ งเวลาท่ีกลา่ ววา่ คน้ พบมีความหา่ งกันถึง 3 ปี คือ

คร้ังท่ี 1 ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ค้นพบโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักร
พงษ์-ภูวนารถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เม่ือคร้ังเสด็จไปสารวจเมืองสุโขทัย โดยการศึกษาจาก
บทความออนไลน์เขียนโดย โรม บุญนาค เรื่อง พระขพุงผี” ผีรักษาเมืองสุโขทัย! เชื่อกันว่าเป็นพระ
ราชชนนี พอ่ ขนุ รามคาแหง!!, เผยแพร่ 22 ม.ิ ย. 2559

ครงั้ ที่ 2 ในปีพ.ศ. 2458 สมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ไดท้ รงสบื สวนเรื่องราวต่าง ๆ
ของเมืองสุโขทัย พบรูปเคารพสตรีที่ชาวบ้านนับถือมากบริเวณเทือกเขาหลวง ซึ่งชาวบ้านแถวนั้น
เรียกว่า โซกพระแม่ย่า ห่างจากเมืองสุโขทัยเก่าทางทิศใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร ซ่ึงข้อมูลนี้อยู่ใน
หนังสือกฤษฎาภินิหารพระแม่ย่า เรียบเรียงโดย ทองเจือ สืบชมภู (2520) และบทความเรื่อง พระ
ขพุงผีเทพดา : “พระแม่ย่า” ส่ิงศักด์ิสิทธ์ิคู่เมืองสุโขทัย โดย พชรพงษ์ พุฒซ้อน, เผยแพร่ 24 ก.ย.
2561

ขอ้ มูลของเวลาและผ้คู น้ พบไม่ตรงกนั แต่สง่ิ ท่ีตรงกนั คือ สถานที่ และพิกัดท่ีคน้ พบประกอบ
กบั ลักษณะของรปู เคารพก็เป็นลกั ษณะเดยี วกนั เมื่อเทียบเคียงกับขอ้ ความในหลกั ศิลาจารึก เหน็ ได้
ชัดเจนวา่ เปน็ พกิ ดั เดียวกับทรี่ ะบวุ า่ เปน็ ทีส่ ถิตย์ของพระขพุงผี

ดังเช่นบันทึกของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิษณุโลก
ประชานาถ ว่า “เบ้ืองหัวนอน มีพระขพุง ผีเทพดาอยู่ที่เขาอันน้ัน ทางเหนือเมืองสุโขทัยไม่มีภูเขาจน
ลูกเดียว ส่วนทางใต้มี ซ้าไปหาเทวรูปได้อยู่ในเพิงหินด้วย ดูจะเป็นพระขพุง ผีเทพดาแน่ ไม่มีปัญหา
เลย...”

เม่ือสมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการหัวเมืองฝ่ายเหนือในปี พ.ศ.
2457 ได้ทรงมีรับสั่งให้ พระยารามราชภักดี (ใหญ่ ศรลัมภ์) เจ้าเมืองสุโขทัยขณะน้ันออกค้นหาพระข
พุงผีตามทิศที่ศิลาจารึกระบุ เม่ือพบเทวรูปพระแม่ย่า ก็ทรงมีพระวินิจฉัยตรงกับสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรม
หลวงพิษณุโลกประชานาถวา่ น่าจะใช่พระขพุงผี ผู้รักษาเมืองสุโขทัยตามท่ีศิลาจารึกบอกไว้ จึงทรงมี
รับสั่งให้อัญเชิญมาไว้ที่ศาลากลางจังหวัดในปี พ.ศ.2460 เพ่ือความสะดวกในการที่ประชาชนจะได้
กราบไหว้ใกล้ ๆ และเปน็ การรกั ษาพระเทวรปู มใิ ห้สูญ

จากการสัมภาษณ์ นางทองเจอื สบื ชมพู (25 เม.ย. 62) ปราชญ์พ้ืนบา้ น สาขาศลิ ปวฒั นธรรม
ประจาปี 2543 ผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ พุทธศักราช 2562 และท่ีปรึกษากิตติมศักด์ิ
องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ผู้เขียนหนังสือกฤษดาภินิหารพระแม่ย่าเกี่ยวกับเร่ืองการค้นพบ
องค์เทวรูปน้ี ท่านตั้งข้อสังเกตว่า “ข้อมูลที่มีการค้นพบเทวรูปท่ีกล่าวว่ามีถึง 2 คร้ังน้ัน พิจารณาจาก
ปที พี่ บเทวรปู คร้ังแรกโดย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ จกั รพงษภ์ ูวนารถ ฯ ในปีพ.ศ. 2455 นนั้
อาจเปน็ ไปได้ แตย่ า่ คิดวา่ นา่ จะยังไมไ่ ด้ทาการอัญเชิญเทวรูปลงมาในครั้งนั้นเลยหรอก เทวรูปกเ็ ลยยัง
อยู่ที่เดิม ต่อมาสมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการหัวเมืองฝ่ายเหนือ ได้มาพบ
เข้าจึงได้อัญเชิญลงมาประดิษฐานในห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสุโขทัย” และท่านเล่าว่าได้รับคา
บอกเล่าจากผู้ใหญ่ที่ร่วมคณะในการค้นพบในคร้ังท่ี 2 อีกทั้งยังปรากฏว่า เทวรูปองค์น้ี เป็นท่ีเคารพ

99

บูชาของชาวบ้านในละแวกน้ันมาก่อนการค้นพบของสมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ หรืออาจ
ก่อนการค้นพบในคร้ังแรกก็เป็นได้ เพราะมีการเล่าถึงอภินิหารของเทวรูป ซึ่งในขณะน้ันชาวบ้านก็
เรียกว่า “พระแม่ย่า” ว่า “ก่อนคณะของสมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ และขุนรามราชภักดี
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยในขณะน้ันพระแม่ย่าได้ไปเข้าฝันชาวบ้านว่า จะมีคนมาเยี่ยมให้ไปแผ้วถาง
ป่า เพ่ืออานวยความสะดวกให้แก่คณะเดินทางและเร่ืองนี้เป็นที่เล่าขานกันมาช้านานจนเป็นตานาน
เมืองสุโขทัย”

ข้อมูลสัมภาษณ์ นางสุมาลิน วงศ์มณี (16 พ.ค. 62) ผู้เช่ียวชาญพิเศษ ด้านศาสนาและ
วัฒนธรรม คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสโุ ขทัย ได้ให้ความเห็นว่า “ในส่วนตัวพ่ี จากการ
ไดศ้ ึกษาประวตั สิ มเด็จฯ เจา้ ฟ้ากรมหลวงพิษณโุ ลกประชานาถ ท่านมีเวลาอยเู่ มืองไทยนอ้ ยมาก ทั้งใน
ดา้ นการศึกษา การใชช้ วี ิตและผลงานตา่ ง ๆจะเปน็ เรือ่ งเก่ียวกับการทหารเสยี เป็นส่วนใหญ่ พคี่ ิดวา่ คง
มีโอกาสน้อยมากที่จะมาค้นหาเร่ืองเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ อีกอย่างในยุคผู้ว่าฯเชื่อมตอนสร้างศาล
พระแม่ย่า พ่ีก็ได้ยินเรื่องราวเก่ียวกับการค้นพบเทวรูปองค์น้ีว่า กรมพระยาดารงฯท่านสั่งให้ออก
คน้ หานะ”

ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถหาหลักฐานระบุชัดว่า เทวรูปพระแม่ย่าถูก เรียกว่า พระขพุงผีมา
ต้ังแต่แรก ดังนั้นจึงยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการว่า พระแม่ย่า คือ พระขพุงผีจริง หากแต่มีชื่อ
พระขพุงผปี รากฎอยู่ในคาถาบชู าพระแมย่ า่ ท่ีมี ผคู้ ดิ ผูกขน้ึ ทพี่ อจะระบุได้ว่าพระแมย่ ่า คอื พระขพุงผี

1.2 บทบาทของพระขพุงผี ข้อความในศิลาจารึก กล่าวถึงบทบาทหน้าท่ีของพระขพุงผี ว่า
“..... มีพระขพุง ผีเทพดาในเขาอันนั้น เป็นใหญ่กว่าทุกผีในเมืองน้ี ขุนผู้ใดถือเมืองสุโขทัยน้ีแล้ ไหว้ดี
พลถี ูก เมืองนเ้ี ทย่ี ง เมอื งนด้ี ี ผไิ หวบ้ ่ดี พลีบ่ถกู ผีในเขาอนั นัน้ บค่ มุ้ บ่เกรง เมืองนห้ี าย” นี้เปน็ คาตอบ
ถึงหน้าทีข่ องพระขพงุ ผใี นการปกป้องคุ้มครองเมืองสุโขทยั ซ่ึงปัจจบุ ันเรียกวา่ “อารกั ษ์เมือง หรอื พระ
เส้อื เมอื ง”

1.3 ความสาคัญของพระขพุงผี จากบทบาทในข้อ 1.2 จะเห็นได้ว่า ในอดีต พระขพุง มิได้
เป็นเพียงภูตผีตามความเชื่อขั้นพื้น ๆ หากแต่ถูกยกย่องให้มีศักดิ์เทียบเท่าเทวดา และให้เป็นผีท่ีเป็น
ใหญก่ ว่าผที กุ ตนในเมืองสุโขทัย อีกทง้ั จะเหน็ ถงึ หน้าที่ท่สี าคญั มาก จึงเปน็ ท่ยี าเกรงต่อพ่อเมืองสุโขทัย
ท่ีต้องมีการไหว้และต้องทาพลีกรรม เพ่ือให้พระขพุงคุ้มครองบ้านเมอื งสุโขทัยใหอ้ ยู่เย็นเป็นสุข อีกท้ัง
ยงั เป็นท่เี คารพบชู า และเปน็ ที่พึง่ ทางใจของชาวสุโขทยั

1.4 วัฒนธรรมความเช่อื ของชาวสโุ ขทัยท่ีมีต่อพระขพุงผีในเมืองสโุ ขทัย จากคาเรยี กขานนาม
“พระขพงุ ผี” ในหลักศิลาจารกึ สอดคล้องกับทฤษฎคี วามเช่ือทางมานุษยวิทยาวา่ ความเชือ่ เรือ่ งภูติผี
น้นั เปน็ ความเช่ือทม่ี นุษย์มีมาแตด่ ้ังเดิม แล้วพัฒนาอย่างเป็นระบบจนเป็นลัทธิศาสนาและวฒั นธรรม
มีการแพร่กระจายสู่พื้นที่ใกล้เคียงติดตัวมนุษย์ไปยังสถานที่ต่าง ๆและผสมผสานกับความเชื่อและ
วัฒนธรรมด้ังเดิมที่มีอยู่ในพ้ืนที่นั้น ๆ ในปัจจุบันคนสุโขทัยไม่มีใครรู้จักพระขพุงผี รู้จักแต่พระนาง
เสือง พระมารดาพ่อขุนรามคาแหงมหาราช และเรียกขานกันว่า “พระแม่ย่า”สืบเนื่องมาจากการ
ปกครอง ในสมัยสุโขทัยระบุชัดเจนวา่ พ่อขุนรามคาแหง ทรงปกครองชาวเมืองของพระองค์แบบพ่อ
ปกครองลูก จึงมีคากล่าวติดปากชาวสุโขทัยว่าตนน้ันเป็น “ลูกพ่อขุน หลานแม่ย่า” เป็นคายืนยันถึง

100

ความรู้สึกรัก และผูกพันระหว่างของผู้ปกครองเมืองกับชาวเมืองสุโขทัยมาช้านาน และส่งต่อ
ความรสู้ กึ เช่นนี้มาช่วั ลกู ช่ัวหลาน เมื่อชาวเมืองเชื่อว่าเทวรูปที่ค้นพบนีเ้ ปน็ ที่เคารพของพ่อ จึงไม่แปลก
ที่ลูกจะมีความรสู้ ึกรักและเคารพต่อเทวรูปองค์น้ีและเรียกว่า “ยา่ ”จึงเป็นการตอบคาถามวจิ ัยข้อท่ี 1.
เทวรปู พระแมย่ ่า มคี วามสมั พนั ธ์กบั พระนางเสือง และพระขพุงผอี ยา่ งไร ว่า

พระขพุงผี พระนางเสือง และพระแม่ย่า ของลูกหลานสุโขทัย มีความสัมพันธ์กันด้วย
สัญลักษณ์แห่งเทวรูปหินชนวนองค์ท่ีถูกค้นพบในถ้าบนเขาทางทิศใต้ของเมืองสุโขทัย และได้ถูก
อัญเชญิ มาประดษิ ฐานในศาลริมแม่น้ายมในเมืองสุโขทัยมาจนถึงปจั จบุ นั น้ี

และคาถามวิจยั ข้อท่ี 2. เทวรูปพระขพงุ ผีมบี ทบาท และความสาคญั ต่อคนในสงั คมสโุ ขทัยทง้ั
ในอดีต และปจั จุบันอยา่ งไร

บทบาทและหน้าที่ของพระขพุงผี หรือพระแม่ย่า ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ยังคงมีผลต่อ
ความเช่ือของชาวสโุ ขทัยวา่ ทา่ นเปน็ ส่ิงศักดิ์สทิ ธ์ิท่ีคอยปกป้องคุ้มครองบ้านเมือง คอยดูแลลกู หลานให้
ร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป

ความสาคัญของเทวรูปพระขพุงผี หรือพระแม่ย่า คือ ศูนย์รวมใจและท่ีพึ่งของชาวสุโขทัย
เม่ือยามมีทุกข์ภัยมาใกล้ตัว อีกท้ังยังเป็นสัญลักษณ์เมืองสุโขทัย จนกลายเป็นคาขวัญประจาจังหวัด
สุโขทัย “ มรดกโลกล้าเลิศ กาเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง ดารงพุทธศาสนา งามตาผ้าตีนจก
สงั คโลกทองโบราณ สักการแม่ยา่ พ่อขุน ร่งุ อรณุ แห่งความสุข”

จากจุดประสงค์การวิจัยในข้อท่ี 2. เพื่อสร้างสรรค์การแสดงนาฏศิลป์ไทยชุด “ทิพยเทวทาสี
อญั ชลีพระขพงุ ผเี ทพดา” จากวฒั นธรรมและความเชอื่ ของชาวจังหวดั สุโขทัยที่มตี ่อพระขพุงผี

และคาถามวิจัยในข้อท่ี 3. สร้างสรรค์ชุดการแสดงจากข้อมูลพระแม่ย่า และทางศิลป -
วฒั นธรรม ผวู้ จิ ัยไดก้ าหนดกรอบการวจิ ยั ในขนั้ ตอนดาเนนิ การสร้างสรรคช์ ุดการแสดง ไวด้ ังนี้

ดำเนินกำรสร้ ำงสรรค์ ทดลอง/แก้ไข

โดยใช้ขนั้ ตอนการออกแบบนาฏยประดิษฐ์ของ ดร.สรุ พล วิรุฬรักษ์ ชดุ การแสดงสร้างสรรค์
ทิพยเทวทาสี อญั ชลพี ระขพงุ ผีเทพดา
เป็นต้นแบบ คอื
เผยแพร่ผลงานวจิ ยั
ขนั้ วางแผน

-กาหนดขอบเขตและรูปแบบชดุ การแสดง

ₒวตั ถปุ ระสงค์ ₒแรงบนั ดาลใจ

ₒรูปแบบ/โครงสร้างชดุ การแสดง

ขนั้ ทดลองสร้างสรรค์

-ออกแบบองค์ประกอบการแสดง

ₒ ผ้แู สดง ₒ กระบวนทา่ รา

ₒ เพลง/ดนตรี ₒ อปุ กรณ์

ₒ การแตง่ กาย

101

ในการดาเนินการสร้างสรรคช์ ุดการแสดง ผูว้ ิจัยได้ออกแบบชดุ การแสดง โดยใช้ข้นั ตอนการ
ออกแบบนาฏยประดษิ ฐข์ อง ดร.สรุ พล วริ ุฬรักษ์ ดังนีค้ ือ

ข้นั วางแผน
การกาหนดขอบเขต และรูปแบบชุดการแสดง คือ

วตั ถปุ ระสงค์ในการสรา้ งสรรค์
ผวู้ ิจัยสรา้ งสรรคช์ ดุ การแสดง เพ่อื เป็นชุดการแสดงใช้ใน การสักการบูชาต่อ

สิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวสุโขทัยเช่ือว่า จะช่วยปกปักษ์ รักษาและนาพาชีวิตของผู้ศรัทราให้อยู่รอด
ปลอดภัยต่อภยันตรายต่าง ๆ อันอาจจะเกิดข้ึน และจะ นาพาความสุขความเจริญมาสู่บ้านเมืองและ
ลกู หลานตามความเชอื่ ท่ีมมี าแตอ่ ดตี อันยาวนาน

แรงบันดาลใจ
มาจากข้อความท่ีกล่าวไว้ในหลักศิลาจารึกหลักท่ี 1 ด้านท่ี 3 บรรทัดที่ 6 -

10 ข้อความว่า “มีน้าโคก มีพระขพุง ผีเทพดาในเขาอันน้ัน เป็นใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือ
เมอื งสโุ ขทัยนแ้ี ล้ ไหวด้ พี ลีถกู เมืองน้เี ทยี่ ง เมอื งนดี้ ี ผิไหวบ้ ด่ ีพลีบถ่ กู ผีในเขาอันน้ัน บค่ ุ้มบเ่ กรง เมอื ง
นห้ี าย”

รูปแบบการแสดง
ผู้วิจัยวางรูปแบบชุดการแสดงเป็น “ระบา” ท่ีมีลักษณะการฟ้อนราด้วย

กระบวนทา่ ราท่สี วยงาม ไมเ่ ปน็ เร่ืองราว มีจดุ ประสงคเ์ พอื่ การบวงสรวงบชู า

โครงสรา้ งการแสดง
ผ้วู ิจยั วางโครงสรา้ งชุดการแสดง จากการศกึ ษาชุดการแสดงท่ีเก่ียวกบั การ

บวงสรวงบูชาแลว้ วิเคราะห์โครงสรา้ งนามาเปน็ แนวทาง โดยแบง่ ออกเป็น 4 ชว่ ง คือ
ช่วงท่ี 1 เปิดตัวผแู้ สดง (ท่าออก)
ชว่ งที่ 2 ขอพร (แสดงกระบวนทา่ ร่ายราตามจังหวะเพลงช้า)
ชว่ งท่ี 3 เริงลลี านาฏยทาสี (แสดงกระบวนทา่ ร่ายราเพลงเร็ว)
ช่วงท่ี 4 ลาโรง (ท่าลา)

ขั้นทดลองสรา้ งสรรค์
ผู้วิจัยได้ทดลองสร้างสรรค์ชุดการแสดง โดยการออกแบบชุดการแสดง ในการ

ออกแบบสร้างสรรค์ ตามขั้นตอนการออกแบบนาฏยประดิษฐ์ของ ดร.สุรพล วิรุฬรักษ์ ในข้ันแรก
ผวู้ ิจัยไดก้ าหนด และรา่ งแบบโครงร่างลงในกระดาษ แล้วนามาลงมอื ปฏิบัตติ ามองค์ประกอบ ดงั นี้

102

ₒ ผู้แสดง
ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลของเทวทาสี เพื่อนาลักษณะที่เหมาะสมในการ

กาหนดคณุ สมบัตขิ องผู้แสดง สรปุ ได้ว่า เทวทาสีเป็นผู้ที่ต้องไดร้ ับการศึกษาสืบทอดความรู้และการฝึก
ทักษะเกี่ยวกับกระบวนท่าร่ายรามาเป็นอย่างดี ผู้วิจัยได้เลือกลักษณะเด่นของเทวทาสี ให้เป็น
คุณสมบัติของ ผู้แสดง โดยกาหนดให้ผู้แสดงเป็นเพศหญิง มีรูปร่างได้สัดส่วน สูงประมาณ 160
เซนติเมตร และไม่เกิน 170 เซนติเมตร และต้องผ่านการฝึกทักษะกระบวนท่าราเพลงช้า เพลงเร็ว
และเพลงแมบ่ ทใหญ่ โดยกาหนดจานวน 8 คน

ₒ เพลง/ดนตรี
ผู้วิจัยวางแนวคิดเพลงประกอบชุดการแสดง โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก

เพลงท่ีใช้ประกอบการแสดงระบาโบราณคดี ชุด สุโขทัย แล้ววางแนวคิดนาไปถ่ายทอดให้นายอรัญ
แสงเมือง ศิลปินอิสระ เป็นผู้ประพันธ์ทานองเพลง บันทึกโน้ต แล้วจึงนาไปบันทึกเสียง เป็นทานอง
เพลงตัวอย่าง เพื่อขอคาแนะนาจากผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรี คือ รองศาสตราจารย์สหวัฒน์ ปลื้มปรีชา
รองอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อนามาปรับปรุงแก้ไขตามคาแนะนา
จากน้นั จงึ นาไปบันทึกเสียงตัดต่อความยาวให้ได้ระยะเวลาท่ีเหมาะสมกับการจัดเปน็ ชุดการแสดงท่ีใช้
รูปแบบระบาประเภทบวงสรวงบูชา โดยกาหนดเวลาในการแสดง ประมาณ 9 - 10 นาที เพราะการ
แสดงชดุ นเี้ ปน็ การบชู าจึงต้องใชส้ มาธิและการสง่ ความรู้สึกแห่งความศรัทรา เพอ่ื ให้เขา้ ถึงพระขพุงผีท่ี
กาลังบูชาอยู่ ฉะน้ันการร่ายราท่ีใช้ช่วงเวลาที่สั้นเกินไปอาจจะทาให้ยังไม่เกิดส่ิงที่ประสงค์ไว้ เม่ือตัด
ต่อเพลงได้แล้วจึงนามาใช้ในการออกแบบ และฝึกซ้อมกระบวนท่ารา โดยใช้เพลงในอัตราจังหวะ 2
ชั้น ทอ่ น 1 (2 เท่ยี ว) ทอ่ น 2 (2 เท่ยี ว) อตั ราจังหวะช้ันเดียว ทอ่ น 1 (2 เทย่ี ว) ทอ่ น 2 (2 เท่ียว) รวม
เวลาทัง้ หมด 9.40 นาที

สาหรับเครื่องดน ตรี ที่ใช้ป ร ะกอบ การ บร รเ ลงต ามแ นว คิด ของครู ม น ต รี
ตราโมท คือ 1. ป่ีใน 2. ฆ้องวงใหญ่ 3.ซอสามสาย 4. ตะโพนไทย 5. ฉ่ิง 6. กระจับปี่ และ 7. ฆ้องชัย
ในการนี้ผู้วิจัยนาฆ้องชัยมาใช้ตปี ระกอบเพลงด้วยมีแนวคิดวา่ ฆ้องชัยเป็นเครื่องดนตรีท่ีใช้ตีประกอบ
ในพิธีกรรม เพราะเสียงของฆอ้ งชัยมคี วามกังวานนุ่มทมุ้ ทาให้เกิดความรสู้ ึกเข้มขลงั เหมาะสมกบั เพลง
ทใี่ ชบ้ รรเลงประกอบการราบวงสรวงบูชา

ₒ การแตง่ กาย
ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับลักษณะการแต่งกายจากหนังสือการแต่ง

กายสมัยสุโขทยั และจากภาพลายเส้นการแตง่ กาย แลว้ วางแนวคดิ ของการแตง่ กายของผแู้ สดงนี้ว่า มี
ศกั ด์ิเป็นนางกานลั ทม่ี หี น้าที่รา่ ยราถวายเปน็ เคร่ืองบชู า จึงไม่สวมเคร่อื งศริ าภรณ์ และรปู แบบการแต่ง
กายจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรม อินเดียด้วยการนุ่งผ้าแบบโธตี และการท้ิงชายผ้าท่ี
เหลือแบบขอมด้านหน้า โดยใช้ผ้าท่ีมีลักษณะของการทอยกดอกลายไทยประยุกต์สวมเคร่ืองประดับ
เปน็ โลหะสที องไม่เนน้ ลวดลาย

103

ภาพต้นแบบการแต่งกาย ภาพการแต่งกายชุดการแสดง

ภาพที่ 57 การสร้างสรรค์ชดุ แต่งกาย
ท่มี า : นิรมล หาญทองกูล, 2562

ในการทดลองนุ่งผ้าแบบโธตีในงานวิจัยมี พบปัญหาผ้าที่ใช้เกิดการพองตัว
การทิ้งตัวของผ้าไมเ่ ป็นธรรมชาติ จึงนาไปขอคาแนะนาจากนายรบั เสด็จ สงิ หชงค์ ผ้ทู รงคุณวฒุ จิ ังหวัด
สุโขทัย ท่ีมีความเช่ียวชาญเก่ียวกับการแต่งกาย ได้รับคาแนะนาในการเลือกเน้ือผ้า และลองหาผ้า
ชนิดใหม่ที่มีความทิ้งตัวกว่าครั้งแรก พบว่ามีผ้าหลายชนิดท่ีสามารถนามานุ่งแบบโธตีได้ ส่วนใหญ่จะ
เป็นผา้ สา่ หรี แต่ปัญหาที่พบคอื ผ้าส่าหรที พี่ บมสี เี ดียวกันไม่ครบจานวนทตี่ อ้ งการ หรอื ถ้าหากต้องการ
สีเดียวกันท้ังหมดต้องรอสั่งนาเข้าจากประเทศอินเดียซึ่งต้องใช้เวลานาน ผู้วิจัยได้แก้ไขโดยการรีดจับ
จีบเพ่ือให้ผ้าอยู่ตัว และทดลองนุ่งช่วยแก้ปัญหาการพองตัวของผ้าได้ดีข้ึน สาหรับการชักชายผ้ายาว
แบบเขมรทีค่ ิดไว้ได้รับคาแนะนาใหต้ ัดเป็นชายพกสาเร็จรูปจากผ้าชนิ้ เดียวกนั ผวู้ จิ ยั เลอื กใชร้ ัดสะเอว
แทนเข็มขัด เพราะการใช้รัดสะเอวจะช่วยในเร่ืองของผ้าท่ีมีลักษณะพองตัวให้กระชับกับรูปร่างของ
ผูแ้ สดงไดด้ กี วา่ เข็มขดั

การเลือกใช้สีคือ นุ่งผ้าสีแดง โดยผู้วิจัยคานึงถึงความโดดเด่นของผู้แสดง
เพราะสีแดงเปน็ สโี ทนรอ้ นแสดงถึงความสดใสให้ความรสู้ กึ ท่ีมุ่งมัน่ และใชส้ เี ขยี วมรกตท่เี ปน็ สีโทนเย็น
เป็นผ้าสไบเพื่อช่วยลดความร้อนแรงของสีแดง แล้วจึงเลือกสวมใส่เครื่องประดับสีทองเข้าไปให้ดูเด่น
ยิ่งขึ้น

104
ₒ กระบวนทา่ รา

ผูว้ ิจัยออกแบบกระบวนท่าราตามโครงสร้างการแสดงท่ีแบ่งออกเป็น 4 ชว่ ง
ช่วงท่ี 1 เปิดตัวระบา (ท่าออก) ผู้วิจัยเปิดตัวผู้แสดงใน 8 จังหวะ

โดยการใช้ท่าราในเพลงแม่บทใหญ่ท่าโก่งศิลป์ประกอบการเคลื่อนที่ด้วยการซอยเท้า สลับกับท่ารา
หงส์ลินลาแบบเก่า (มือจีบอยู่ระดับอก) โดยเปล่ียนเท้าจากก้าวข้างมาใช้การทาบเท้า ในการผู้วิจัยได้
นาภาพลายเส้นมาจากหนังสือตารารา (กรมศลิ ปากร. 2540) มาแสดงประกอบการเปรียบเทียบท่ารา
ทีป่ ระดิษฐ์ข้นึ

ภาพท่ี 58 ท่าออก (1) ทา่ เย้ืองพายกฐนิ
ท่ีมา : นิรมล หาญทองกูล, 2562

ภาพที่ 59 ท่าออก (2) ท่าหงส์ลนิ ลาแบบเก่า
ทม่ี า : นิรมล หาญทองกูล, 2562

105
ช่วงที่ 2 ขอพร ใช้อัตราจังหวะ 2 ชั้นท่อน 1 (2 เที่ยว) ท่อน 2 (2
เท่ียว) การวางแนวคิดในการประดิษฐ์ท่าราในช่วงท่ี 2 ผู้วิจัยสร้างสรรค์จากการนาคาถาบูชาพระแม่ย่า
ไปขอความเมตตาจากพระมหาอาคม จน.ทสีโล เจ้าอาวาสวัดเขาอินทร์ ตาบลท่าชัย อาเภอสวรรคโลก
จังหวัดสุโขทัย แปลเป็นภาษาไทย แล้วนามาวางกรอบแนวคิดในการเรียงร้อยกระบวนท่ารา โดยใช้การ
ตีความหมายจากคาถา นามาประดิษฐ์ท่าราในรูปแบบของความหมายท่าราและการแปรแถวส่ือความ
หมายถึงการขอพรจากองค์พระขพุง เพ่ือขจัดปัดเป่าส่ิงชั่วร้าย อุปสรรคและศัตรูที่คิดร้ายให้พ้นไป โดย
ท่าราทเ่ี ลือกใชจ้ ากเพลงแม่บทคือ ทา่ ภมรเคล้าแปลงและท่าประลยั วาต

ภาพที่ 60 ทา่ ภมรเคล้าแปลง
ท่มี า : นริ มล หาญทองกลู , 2562

ภาพที่ 61 ท่าประลยั วาต
ที่มา : นริ มล หาญทองกูล, 2562

106
อีกท้ังยังใช้รูปแบบแถวที่สื่อความหมายถึงการวนเวียน ผูกพันให้
ความรู้สึกอัดอึด ไม่หลุดพ้นและการแปรแถวเป็นลักษณะการป้องกันภัยทั้ง 4 ทิศด้วยท่าราจากแม่บท
ใหญ่ คือ ทา่ ปฐม และท่าจนั ทรท์ รงกลด

ทา่ ปฐม ทา่ จันทร์ทรงกลด

ภาพท่ี 62 แถวยนั ตส์ ่ที ศิ
ทม่ี า : นริ มล หาญทองกลู , 2562

107

ช่วงท่ี 3 เริงลีลานาฏยทาสี ในอัตราจังหวะช้ันเดียว ท่อน 1
(2 เท่ียว) ท่อน 2 (2 เท่ียว) ในช่วงนี้ ผู้วิจัยสร้างสรรค์กระบวนท่าราจากกรอบแนวคิดในการเรยี งรอ้ ย
กระบวนท่าราท่ีแสดงถึงความสามารถของผู้แสดงจากลีลาท่าราในการใช้ทักษะความสัมพันธ์อวัยวะ
ของร่างกาย เช่น ท่าลักคอ ยักไหล่ การถ่ายน้าหนักในท่าโย้ตัว ตลอดจนการย่าเท้าตามจังหวะเพลง
สือ่ ความหมายถึงการร่ายราที่สวยงาม แสดงถึงความรื่นเริงของเหล่านางระบา โดยใชก้ ระบวนท่าราท่ี
ประดิษฐ์ขนึ้ จากทา่ ธรรมชาติและท่ารามาตรฐานจากเพลงเร็ว

ชว่ งท่ี 4 ลาโรง (ท่าลา) โดยใช้จงั หวะสดุ ท้ายของเพลง ดว้ ยการ
ใชท้ า่ โก่งศิลป์ ซึง่ ท่าเดยี วกับทา่ ออก

ภาพที่ 63 ท่าลา (ทา่ เยอ้ื งพายกฐนิ )
ทีม่ า : นริ มล หาญทองกูล, 2562
ₒ อปุ กรณ์
ไม่มีอปุ กรณ์การแสดง เพราะต้องการแสดงความสามารถในการใช้ทักษะ
ทา่ ราของผ้แู สดงเป็นหลักตามแนวคิดองคป์ ระกอบผู้แสดง

ขั้นทดลอง/แก้ไข
ผู้วิจยั ทดลองปฏิบัติ โดยการนาสง่ิ ทอี่ อกแบบไว้มาถ่ายทอดให้กับผู้แสดงที่คัดเลือกไว้ แล้วทา
การฝึกซ้อมจนผู้แสดงเข้าใจ โดยเริ่มจากการวางลักษณะแผนผังการแปรแถวก่อน จึงเร่ิมการปฏิบัติ
กระบวนท่ารา ฝึกซอ้ มจนเกดิ ทกั ษะ แลว้ จึงทาการบนั ทกึ ภาพเคล่ือนไหว โดยผแู้ สดงสวมชดุ ฝกึ ทักษะ
เพื่อนาไปใช้ขอคาแนะนาจาก ผู้เช่ียวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ นางสาว
กรรณิการ์ วีโรทัย แล้วนามาแก้ไขปรับปรุงให้ได้ชุดการแสดงที่สมบูรณ์ โดยได้รับคาแนะนาจาก
ผู้เชี่ยวชาญ ให้เก็บรายละเอียดของท่ารา เช่น การแก้ไขระดับมือที่ใช้ในท่ารา การใช้องศาของท่ารา

108
เพ่ือเพิ่มความสวยงามของท่าราและการแปรแถว ซึ่งผู้วิจัยได้นามาปรับปรุงให้สมบูรณ์เพ่ือเตรียมนา
ออก เผยแพรต่ อ่ ไป

ขน้ั เผยแพรง่ านวจิ ยั
ผู้วิจัยนาชุดการแสดงออกเผยแพร่ครั้งแรก โดยกาหนดการแสดงท่ีหน้าศาลพระแม่

ย่า ในวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2562 เพ่ือให้บรรลุจุดประสงค์ในการสร้างสรรค์ชุดการแสดงพร้อมทา
แบบสอบถามความพึงพอใจจากผู้ชม นามาปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ยิ่งข้ึน แล้วจึงบันทึกภาพ
เคลื่อนไหว โดยผู้แสดงแต่งกายชุดประกอบการแสดงจริง เพ่ือนาเสนอแนบรูปเล่มงานวิจัย และ
เผยแพร่ในช่องทางอน่ื ๆ

ภาพที่ 64 เผยแพรผ่ ลงาน ณ ศาลพระแมย่ า่ 12 ก.ย. 2562
ทีม่ า : นิรมล หาญทองกูล, 2562

บทที่ 5

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ

การแสดงชุด ทิพยเทวทาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพดา เป็นการแสดงสร้างสรรค์ การแสดงใน
รูปแบบของระบาที่มีพ้ืนฐานมาจากท่ารามาตรฐานด้านนาฏศิลป์ไทย โดยนาข้อมูลทางโบราณวัตถุ
วฒั นธรรมความเชื่อเรื่องอารักษ์เมือง หรอื พระเสื้อเมืองของชาวสโุ ขทัยทีป่ รากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1
ด้านที่ 3 บรรทัดท่ี 6-10 เรียกขานนามว่า “พระขพุงผี” ซ่ึงในปัจจุบันได้เช่ือมโยงมาเป็นเอกลักษณ์
ของจังหวัดสุโขทยั มาเป็นรากฐานในการสรา้ งสรรค์ สามารถสรุปได้ ดังน้ี

5.1 สรปุ ผล

จากตานานความเช่ือในการทาพลีกรรมพระขพุงผี ท่ีกล่าวไว้ในหลักศิลาจารึก ว่า “ ขุนผู้ใด
ถือเมืองสุโขทัยนี้แล้ ไหว้ดีพลีถูก เมืองน้ีเท่ียง เมืองนี้ดี ผิไหว้บ่ดี พลีบ่ถูก ผีในเขาอันนั้น บ่คุ้ม บ่เกรง
เมืองนี้หาย” จนกระท่ังมีการค้นพบรูปเคารพหรือเทวรูปหินชนวนสีเขียว สูงประมาณ 1.30 เมตร
มีลักษณะเป็นรูปผหู้ ญงิ ไม่สวมเสอื้ ใบหน้าดูเปน็ คนแก่ ลักษณะเป็นรูปไข่คลา้ ยพระพักตร์พระพุทธรูป
สมัยสุโขทัย บนศีรษะมีกรวยซ้อนข้ึนไป 4 ช้ัน มีเคร่ืองประดับห้อยอยู่ท่ีใบหูทั้ง 2 ข้าง และรัดอยู่ที่
ข้อมอื และตน้ แขนท่หี ้อยลงมาแนบกายทง้ั 2 ข้าง นุ่งผ้ากรอมเท้า หอ้ ยชายซ้อน ลงมา 3 ช้นั ทีอ่ ยบู่ น
เขาเล็ก ๆลูกหน่ึงซึ่งอยทู่ างทศิ ใตข้ องกรุงสโุ ขทยั หา่ งตัวเมอื งออกไปประมาณ 15 กม.และการอญั เชิญ
รปู เคารพองค์นีล้ งมาประดิษฐานไวใ้ นหอประชุมศาลากลางจังหวัดสโุ ขทัยหลังเก่า เพือ่ ใหป้ ระชาชนได้
กราบไหว้และป้องกันมิให้สูญหาย จนกระทั่งมีการสร้างศาลข้ึน จึงได้อัญเชิญข้ึนประดิษฐานในศาลที่
สร้างข้ึน บรเิ วณรมิ แมน่ ้ายมใกล้ ๆศาลากลางจังหวดั สโุ ขทัยมาจนถึงปัจจบุ ัน รปู เคารพหินชนวนองค์
น้ีชาวสุโขทัยมีความเชื่อว่าคือ พระนางเสือง พระมารดาของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช พ่อเมือง
สุโขทัยในยุค 700 กว่าปีล่วงมาแล้ว ด้วยความรัก ความผูกพันระหว่างพ่อเมืองและชาวเมืองที่เป็นไป
แบบพ่อปกครองลูก ลูกหลานชาวสุโขทัย จึงเรียกเทวรูปองค์น้ีว่า “พระแม่ย่า” โดยมิได้ใส่ใจในการ
ตามหาข้อเท็จจริงว่า รูปเคารพหินชนวนองค์น้ีแท้ท่ีจริงคือใคร มาจากไหน แต่เม่ือถึงวันสงกรานต์
ของทุกปี ชาวสุโขทัยจะนารูปเคารพพระแม่ย่าออกมาแห่แหนสรงน้า เพื่อขอพรให้ฝนตกต้องตาม
ฤดูกาล และช่วยปกป้องคุ้มครองให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข หรือเมื่อเกิดความเดือดร้อนก็จะนิยมไป
ขอพรให้พระแม่ย่าช่วยขจัดทุกข์ร้อนให้ผ่านพ้นไป ชาวสุโขทัยมีความเช่ือ ความศรัทราในกฤษดา-
ภินิหารของพระแม่ย่าเป็นอย่างมาก ได้มีการจัดให้มีการบวงสรวงพระแม่ย่าเป็นประจาทุกปี ใน
พิธีกรรมนั้น จะกระทาในแบบพิธีพราหมณ์ มีการจัดต้ังเครื่องสังเวยด้วยอาหารคาวหวาน มีการสวด
คาถามหามันตรา และลน่ั ฆอ้ งชยั เพอ่ื ให้พระแมย่ า่ ท่านไดร้ บั รู้ ในระยะหลงั มา มกี ารรา่ ยราประกอบ

110

พิธีบวงสรวงด้วยการแต่งยืนเคร่ืองพระ -นาง โดยตัดทอนกระบวนท่าราจากเพลงช้า - เพลงเร็ว
ซ่ึงเปน็ เพลงแม่ทา่ มาตรฐานในการฝกึ หัดนาฏศิลปไ์ ทย ผู้วจิ ยั จึงคดิ สร้างสรรคช์ ดุ การแสดง ทพิ ย เท
วทาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพดาขึ้นด้วยความเชื่อจากการศึกษาข้อมูลที่ค้นพบ โดยมุ่งหวังใช้เป็นการ
ร่ายราเพื่อบูชารูปเคารพพระขพุง หรือพระแม่ย่า ให้สมควรแก่เกียรติแห่งองค์อารักษ์เมืองสุโขทัย
และความภาคภูมิใจท่ีมสี ญั ญะแห่งการบชู าพระมิ่งเมืองของชาวสุโขทยั อีกทั้งยังเป็นการตอบสนองต่อ
ผู้รับบริการด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมเชิงอนุรักษ์ และยังเป็นอีกแนวทางหนึ่งเพ่ือกระตุ้นให้ชาว
สุโขทยั และคนในชาติเกิดความตระหนัก รักและหวงแหน เหน็ คณุ ค่าของศลิ ปวฒั นธรรมท่ีบรรพบุรุษ
ได้สั่งสม สบื ทอดให้ลูกหลานมาจนถึงปัจจบุ ัน

การดาเนินการสร้างสรรค์ชุดการแสดง ทิพยเทวทาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพดา ผู้วิจัยได้นา
ทฤษฎีการสร้างสรรค์งานการแสดงนาฏศิลป์ องค์ประกอบของการแสดงนาฏศิลป์ไทย มาเป็นหลัก
และดาเนินการสร้างสรรค์ตามข้ันตอนในการออกแบบนาฏยศิลป์ของ สุรพล วิรุฬรักษ์ โดยให้
สอดคล้องกับข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับวัฒนธรรมความเช่ือ ความศรทั ราท่ีมตี ่อพระขพุงผี หรอื พระแม่ย่า
อารักษ์เมืองสุโขทัย ซ่ึงผู้วิจัยได้สร้างสรรค์ชุดการแสดงตามองค์ประกอบการแสดงนาฏศิลป์ไทย
ประกอบดว้ ย

1. เพลง และดนตรี ได้แต่งทานองเพลงขึ้นใหม่ตามแรงบันดาลใจที่ได้จากระบา
โบราณคดีชุด สุโขทัยของนายมนตรี ตราโมท ประพันธ์เพลงโดย นายอรัญ แสงเมือง ศิลปินอิสระ
จบการศกึ ษาจากวิทยาลยั นาฏศิลปสุโขทยั มีถิน่ กาเนิดในจังหวัดสุโขทัย และมผี ลงานเพลงสรา้ งสรรค์
เป็นที่รู้จักในวงการศิลปินเพลงไทยและร่วมสมัย บรรเลงโดยใช้วงเฉพาะกาล ซ่ึงสันนิษฐานว่าเป็น
เครื่องดนตรีท่ีเกิดข้ึนในสมัยสโุ ขทัย ได้แก่ 1. ป่ีใน 2. ฆ้องวงใหญ่ 3.ซอสามสาย 4. ตะโพนไทย 5. ฉ่ิง
6. กระจับปี่ และ 7. ฆ้องชัย ผู้วิจัยได้เพิ่มเสียงฆ้องชัยท่ีมีความทุ้มกังวานให้ความรู้สึกเข้มขลัง
เหมาะสมกับการใช้บวงสรวงบูชา ทานองเพลงท่ีใช้มีอัตราจังหวะ 2 ชั้นและชั้นเดียว โดยใช้เพลงใน
อัตราจังหวะ 2 ชั้น ท่อน 1 (2 เที่ยว) ท่อน 2 (2 เท่ียว) อัตราจังหวะชั้นเดียว ท่อน 1 (2 เที่ยว)
ท่อน 2 (2 เที่ยว) รวมเวลาท้งั หมด 9.40 นาที

2. ผู้แสดง ใช้ผู้แสดงหญิงล้วน จานวน 8 คน โดยสมมติให้ผู้แสดงเป็นนางกานัลของ
พ่อเมืองสโุ ขทัยท่ีมีฝมี ือในรา่ ยราเป็นอย่างดตี ามแนวคิดเทวทาสี (นางทาสผี ู้มีหน้าทีฟ่ ้อนราถวาย เทพ
เจา้ ของศาสนาฮนิ ดู) โดยกาหนดคุณสมบตั ิผู้แสดง คือ เปน็ เพศหญงิ มรี ูปร่างสมส่วนสงู ประมาณ 160
เซนติเมตร และไม่เกิน 170 เซนติเมตร ต้องผ่านการฝึกทักษะในการราเพลงช้า เพลงเร็ว และเพลง
แมบ่ ทใหญ่ไดอ้ ยา่ งถูกต้องตามแบบแผนนาฏศิลป์ไทย

3. การแต่งกาย ออกแบบตามข้อมูลศึกษาจากจากหนังสือการแต่งกายสมัยสุโขทัย
และจากภาพลายเส้นการแต่งกาย คือ ผู้แสดงทุกคนแต่งกายแบบเดียวกัน ด้วยลักษณะการนุ่งผ้า
แบบโธตี และการทิ้งชายผ้าท่ีเหลือแบบขอมด้านหน้า สวมเส้ือเกาะอก สวมเครื่องประดับ ได้แก่
สร้อยคอ สร้อยตัว รัดต้นแขน กาไลข้อมือ และข้อเท้า ต่างหู ทาจากโลหะสีทองไม่เน้นลวดลาย
สาหรับทรงผมได้ต้นแบบมาจากภาพวาดลายเส้นของสมุดภาพแสดงเครื่องแต่งกาย ซ่ึงระบุว่าได้มา
จากภาพลายเส้นวดั ศรชี มุ คือ ทาผมแสกกลางรวบไวท้ า้ ยทอย มีเครอ่ื งประดบั ผมและชอ่ ดอกจาปี

111

4. กระบวนท่ารา สร้างสรรค์ขึ้น โดยกาหนดรูปแบบ คือ 1) สร้างสรรค์เป็นรูปแบบ
ระบามาตรฐาน (classical Dance) คือ ใช้ท่าราเป็นแบบมาตรฐานของไทยเน้นความสวยงาม
สอดคล้องกลมกลืนของท่ารา การแปรแถว การแต่งกาย และความไพเราะของท่วงทานองเพลง
2) วางโครงสร้างของกระบวนทา่ ราไว้ เปน็ 4 ชว่ งตามทานองเพลง คือ ชว่ งท่ี 1 เปดิ ตัวระบา (ทา่ ออก)
ใน 8 จังหวะแรก โดยใช้ท่าราในเพลงแม่บทใหญ่มีดัดแปลงให้เกิดความสวยงามเหมาะสมในการร่าย
รา คือ ท่าโก่งศิลป์ประกอบการเคลื่อนที่ด้วยการซอยเท้า สลับกับท่าหงส์ลินลาแบบเก่า (มือจีบอยู่
ระดับอก) แต่เปล่ียนเท้าจากก้าวข้างมาใช้การทาบเท้าแทน โดยให้ผู้แสดงเคลื่อนท่ีออกมาทีละคู่
จบด้วยท่าน่ิงของแถวต้ังซุ้มท่ี 1 สื่อความหมายชื่อชุดการแสดง คือ อัญชลี เพื่อเปิดการแสดงช่วงท่ี 2
ขอพร โดยใช้อัตราจังหวะ 2 ชั้นท่อน 1 (2 เที่ยว) ท่อน 2 (2 เท่ียว) การวางแนวคิดในการประดิษฐ์
ท่าราในช่วงที่ 2 เป็นการสร้างสรรค์กระบวนท่าราจากการแปลคาถาบูชาพระแม่ย่าเป็นภาษาไทย
แล้วนามาตีความหมายเพื่อประดิษฐ์ท่าราในรูปแบบของการใช้สัญลักษณ์ด้วยท่าราและการแปรแถว
ส่ือความหมายถึงการขอพรจากองค์พระขพุงผี เพื่อขจัดปัดเป่าส่ิงช่ัวร้าย อุปสรรค และศัตรูที่คิดร้าย
ให้พน้ ไป ได้แก่ ทา่ ภมรเคล้าแปลง ที่สือ่ ความหมายของการรมุ เร้าผูกพัน และทา่ ประลัยวาตท่ีหมายถึง
สิ่งท่ีมีอันตราย อีกทั้งยังใช้รูปแบบแถวท่ีส่ือความหมายถึงการวนเวียน ผูกพันให้ความรู้สึกอัดอึดคับ
ข้องใจ และการแปรแถวเป็นลักษณะยันต์ 4 ทิศ ด้วยท่าปฐมและท่าจันทร์ทรงกลด สื่อความหมายถึง
การป้องกันภัย ในช่วงท่ี 3 เริงลีลานาฏยทาสี ใช้อัตราจังหวะชั้นเดียว ท่อน 1 (2 เที่ยว) ท่อน 2
(2 เที่ยว) การสร้างสรรค์กระบวนท่าราเป็นการเรียงร้อยกระบวนท่าราท่ีแสดงถึงความสามารถของ
ผูแ้ สดงในการใชท้ ักษะท่ารา เชน่ ทา่ ลกั คอ ยักไหล่ ใชเ้ อว การใช้จงั หวะสะดงุ้ ตัว และการถ่ายน้าหนัก
ในท่าโย้ตัว สื่อความหมายถึงการร่ายราท่ีสวยงาม แสดงถึงความรื่นเริงของเหล่านางระบา โดยใช้
กระบวนท่าราที่ประดิษฐ์ข้ึนจากท่าธรรมชาติและท่ารามาตรฐานจากเพลงเร็ว โดยคานึงถึงการเชื่อม
ท่าราและการเคลื่อนตัวแปรแถวที่สอดคล้องกลมกลืนและสวยงาม การปิดตัวระบาในช่วงที่ 4 ลาโรง
(ทา่ ลา) ดว้ ยท่าโกง่ ศิลปซ์ ึ่งเป็นท่าราเดียวกนั กับทา่ ออกในจังหวะสุดท้ายของเพลง โดยผแู้ สดงซอยเท้า
เข้าหลังเวทเี ปน็ การจบการแสดง โดยใช้เวลาในการแสดง 9.40 นาที

5. โอกาสท่ีใช้แสดง ของชดุ การแสดงสร้างสรรค์ ทิพยเทวทาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพ
ดา เป็นการแสดงท่ีมีรูปแบบของระบา ซึ่งถูกสร้างสรรค์บนพ้ืนฐานขององค์ประกอบการแสดง
นาฏศิลป์ไทยไว้อย่างครบถว้ น การนาการแสดงชุดน้ี จงึ สามารถใช้ไดท้ ง้ั ในโอกาสทวั่ ไป และเฉพาะกิจ
ได้ เช่น แสดงเป็นชุดวิพิธทัศนา แสดงเพ่ือส่ือถึงความเป็นเอกลกั ษณ์ของพิธีกรรมบวงสรวงบูชาพระข
พุงผีหรือพระแมย่ ่าอารกั ษ์เมืองสโุ ขทยั

โดยมีวิธีการดาเนินการสร้างสรรค์ ดังน้ีคือ ใช้วิธีดาเนินการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative
Research) เพื่อศึกษาข้ันตอน และวิธีการสร้างสรรค์การแสดงตามองค์ประกอบการแสดง ทั้งนี้ได้
ทาการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากเอกสาร (Documentary Research) ตามข้ันตอนการเก็บรวบรวม
ขอ้ มูลจากแหลง่ ข้อมลู ตา่ ง ๆ โดยศกึ ษาขอ้ มูลทมี่ ีความเกย่ี วข้องความเช่อื ความศรทั ราของชาวสุโขทัย
ท่ีมีต่อพระขพุงผี แนวคิดทฤษฎี องค์ประกอบเก่ียวกับการสร้างสรรค์งานแสดงด้านนาฏศิลป์จาก
หนังสอื ตารา งานวจิ ยั และ การศึกษาภาคสนาม (Field Research) โดยการสมั ภาษณ์ผู้เชีย่ วชาญทั้ง
ด้านโบราณสถาน โบราณวัตถุ ด้านดนตรี มีการสังเกตการณ์แบบไม่มีส่วนร่วม จัดหมวดหมู่ตาม

112

ประเด็นศึกษาท้ังใน ด้านเอกสาร และข้อมูลภาคสนาม จากน้ันได้ทาการวิเคราะห์ข้อมูล เพ่ือต้ัง
คาถามวิจัย กาหนดกรอบแนวคิดในการสร้างสรรค์การแสดงชุด ทิพยเทวทาสี อัญชลีพระขพุงผี
เทพดา เพอ่ื นาไปใช้ในการสรา้ งสรรคช์ ุดการแสดง นาเสนอต่อผู้เชย่ี วชาญ และสอบทานความถูกต้อง
ของข้อมลู และให้ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เติม แลว้ ปรบั แกไ้ ขตามข้อเสนอแนะของผู้เช่ียวชาญ จากน้ันนาชุด
การแสดง ทิพยเทวทาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพดา ออกเผยแพร่ ณ ศาลพระแม่ย่า จังหวัดสุโขทัย ใน
วันที่ 12 กันยายน 2562 ถวายต่อพระแม่ย่า และจัดแสดงสาธารณชน และเสนอผลการวิจัย โดยวิธี
พรรณนาเชิงวิเคราะห์ จากการประมวลขอ้ มูลที่ศึกษา มาสรปุ เรยี บเรยี งเปน็ รูปเล่มงานวิจัย จานวน 5
บท คือ บทท่ี 1 บทนา บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง บทท่ี 3 การดาเนินงานวิจัย
บทท่ี 4 ผลการดาเนนิ การสรา้ งสรรค์ บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ

5.2 อภปิ รายผล

จากการรวบรวมข้อมูล และดาเนินการสร้างสรรค์ ตลอดจนถึงการนาเสนอผลงานถวายต่อ
พระแม่ย่า และสาธารณชน ณ ศาลพระแม่ย่า จังหวัดสุโขทัย ในวันท่ี 12 กันยายน 2562 การแสดง
สร้างสรรค์ชุด ชุด ทิพยเทวทาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพดา พบว่า ได้ดาเนินการสร้างสรรค์ตามแนวคิด
ทฤษฎีการสร้างสรรค์ และองค์ประกอบของการแสดงนาฏศิลป์ไทยอย่างมีที่มา เป็นเหตุเป็นผลมี
กระบวนการดาเนินงานตามข้ันตอนการวิจัย จากผลการวิจัยทาให้เห็นว่าการสร้างสรรค์การแสดงชดุ
ทิพยเทวทาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพดา เป็นกระบวนการทางานที่มีจุดมุ่งหมายท่ีชัดเจนและมี
กระบวนการดาเนินงานตามขั้นตอนท่ีวางแผนตามกรอบแนวคิดจนสามารถทาให้บรรลจุ ุดมุ่งหมายได้
อย่างงดงาม การแสดงชุด ทพิ ยเทวทาสี อัญชลพี ระขพุงผเี ทพดา ถูกสร้างสรรคม์ าจากความภาคภูมิใจ
ในตัวตน และความเช่ือ ความศรัทราต่อรูปเคารพท่ีเปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจ เป็นที่พึ่งพิงทางใจ
ของลกู หลานชาวสุโขทนั และผศู้ รทั รา ความพยายามสบื เสาะแสวงหาขอ้ มูล การคดิ สรา้ งสรรคท์ อี่ ยู่บน
พ้นื ฐานของหลกั การ ทฤษฎที าให้การแสดงชุดน้ี เปน็ ระบาทมี่ ีโครงสร้างทา่ รา แบ่งออกเป็น 4 ช่วง คอื
ช่วงท่ี 1 เปิดตัวระบา (ท่าออก) ช่วงท่ี 2 ขอพร ช่วงที่ 3 ลีลานาฎยทาสี และช่วงที่ 4 ลาโรง (ท่าลา)
มีรปู แบบของระบาท่ใี ช้กระบวนทา่ ราตามแบบมาตรฐานนาฏศิลปไ์ ทยท่สี วยงามตามองคป์ ระกอบการ
แสดงนาฏศิลป์ไทยได้อย่างครบถ้วน กล่าวคือ 1) เพลงท่ีประพันธ์ขึ้นใหม่โดยได้รับแรงบันดาลใจมา
จากเพลงระบาโบราณคดีชุด สุโขทัย โดยนายอรัญ แสงเมือง ศิลปินอิสระ ลูกหลานเมืองสุโขทัย
ใช้ประกอบการสรา้ งสรรค์กระบวนทา่ ราการแสดงชุด ทิพยเทวทาสี อัญชลีพระขพุงผเี ทพดาด้วยความ
ต้ังใจ และทุ่มเททั้งเวลา กาลังกาย กาลังสมอง เพ่ือให้ได้มาซ่ึงผลงานท่ีมีคุณภาพตามความมุ่งหมาย
2) การใช้ผู้แสดงหญิงล้วน จานวน 8 คนที่สมมติให้รับบทบาทเป็นนางกานัลท่ีจัดมาเพ่ือร่ายรา
ประกอบพิธีพลีกรรมตอ่ พระขพงุ ผี 3) การแตง่ กายท่ีสรา้ งสรรคจ์ ากการศึกษาต้นแบบการแตง่ กายของ
สตรีสมัยสุโขทัย และ 4) การสร้างสรรค์กระบวนท่ารา โดยแบ่งกระบวนท่าราเป็น 4 ช่วงตาม
โครงสร้างชุดการแสดงคือ ช่วงที่ 1 เปิดตัวระบา (ท่าออก) ช่วงท่ี 2 ขอพร ในอัตราจังหวะ 2 ชั้น
ช่วงท่ี 3 ลีลานาฏยทาสี ในอัตราจังหวะช้ันเดียว และช่วงที่ 4 ลาโรง (ท่าลา) ซ่ึงมีการจัดการตาม
หลักการประดิษฐ์ระบาชุดต่าง ๆ ในนาฏยศิลป์รัชกาลท่ี 9 ของสุรพล วิรุฬห์รักษ์ ซ่ึงประกอบด้วย

113

ลักษณะสาคัญ 4 ประเด็น คือ โครงสร้าง การแปรแถว ต้ังซุ้ม และท่าราอย่างครบถ้วน 5) ใช้เวลาใน
การแสดง 9.40 นาที และ6) สามารถนาไปแสดงเป็นชุดวิพิธทัศนา แสดงเพ่ือส่ือถึงความเคารพบูชา
หรอื ประกอบการแสดงอ่นื ๆ นอกจากนีจ้ ากผลงานวจิ ยั ออกเผยแพร่ ณ ศาลพระแมย่ า่ จังหวดั สุโขทัย
ในวนั ที่ 12 กนั ยายน 2562 เพื่อใหเ้ ปน็ ไปตามจุดมุ่งหมายในการสรา้ งสรรค์ทีส่ ื่อออกมาเป็นชื่อชุดการ
แสดง ทิพยเทวทาสี อัญชลีพระขพุงผีเทพดา เป็นการร่ายราถวายแด่องค์พระขพุงผี หรือพระแม่ย่า
ตามข้อมูลท่ีสืบค้นในงานวิจัยและเผยแพร่สู่สาธารณชน โดยสรุปผลจากแบบประเมินความพึงพอใจ
จากผู้ชมชดุ การแสดง อยใู่ นระดบั มากที่สดุ

5.3 ข้อเสนอแนะ

1) สาหรบั ผ้ศู กึ ษางานวิจัยชดุ การสร้างสรรค์การแสดงชุด ชดุ ทพิ ยเทวทาสี อญั ชลีพระขพุงผี
เทพดานี้ สามารถศึกษาความร้ใู นเรอื่ งประวัตทิ ่ีมาของพระขพงุ ผี และกระบวนท่าราได้

2) สามารถศึกษางานวจิ ยั เพื่อเปน็ แนวทางในการสร้างสรรค์การแสดงชุดอื่น ๆ ได้

บรรณานกุ รม

กรกจิ ดิษฐาน. (2561). พระขพงุ ผีคอื ผีของใคร?.
https://www.posttoday.com/dhamma/565264 สืบคน้ 10 ม.ค. 2562.

กรมศิลปากร. (2540). ตารารา. กรงุ เทพฯ : กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์.
…………….. (2532). ระบา รา ฟอ้ น. กรงุ เทพ ฯ : ฝา่ ยโสตทศั นวสั ด.ุ
กรี ติ บญุ เจือ. (2522). สารานกุ รมปรัชญา. กรงุ เทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ .
จาตุรงค์ มนตรีศาสตร์. (2525). นาฏศิลปศึกษา. กรงุ เทพมหานคร : อกั ษรสยามการพิมพ์.
ชนิ วงศ์ วิชาพรหม. (2557). บทเรียนที่ 1 การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย.

https://www.youtube.com/watch?v=pBx8cRHvzFE สืบคน้ 20 พ.ค.62
ทองเจือ สืบชมภู. (2523). กฤษดาภนิ หิ ารพระแม่ยา่ สุโขทัย. สโุ ขทัย. ม.ป.ท.
บณุ ยเ์ สนอ ตรวี ิเศษ. (2554). การเขียนสร้างสรรค์: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บรุ รี ัมย์ บุรีรัมย์.
ประภาสี สหี อาไพ. (2531). การเขยี นแบบสรา้ งสรรค์. กรุงเทพฯ : โอเดยี นสโตร์.
พานี สีสวย, (2526). สนุ ทรยี ของนาฏศิลป์ไทย, กรงุ เทพ ฯ : ธนะการพมิ พ์.
พิพฒั น์พงษ์ ศรีคีตกรหริทาส. (2558). วณี าธรศี ิวะ - เคร่อื งดนตรที ิพ: การศึกษาความ

แพรห่ ลายในอนิ เดียและภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้และการศึกษา
ความหมายทางคตชิ นวิทยาในมิตแิ ห่งเทพปกรณมั . ศิลปศาสตรดุษฎบี ณั ฑิต
สาขาวชิ าคติชนวิทยา, มหาวทิ ยาลัยนเรศวร. พิษณโุ ลก.
พุฒวิ งศ์ บุษบวรรษ. (2560). เทพของพุทธ ของไทย. เผยแพร่ 5 ม.ค. 2562.
http://www.polyboon.com/stories/story000078.html สืบค้น 29 ธ.ค. 61.
ภูมิจิต เรอื งเดช. (2548). ระบาขแมร.์ บุรรี มั ย์: โรงพมิ พ์วนิ ัย.
ภเู บศร์ ฝา้ ยเทศ. (2560). ตามรอยภเู ขาศักดส์ิ ิทธิ์ เขาหลวง สถติ แห่งผีเทพยดาใหญ่ พิสูจน์
กาเนดิ ตานาน!? พระร่วงวาจาสิทธก์ิ รงุ สุโขทัย บตุ รแห่งนางนาคกุมารี.
https://www.tnews.co.th/region/355501 สบื ค้น 10 ม.ค. 61
ยศ สนั ตสมบัติ. (2556). มนุษยก์ บั วัฒนธรรม. พมิ พ์คร้ังที่ 4 แกไ้ ขเพิ่มเติม. กรุงเทพฯ :
สานักพิมพม์ หาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2546).พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 254. กรุงเทพฯ :
นานมบี คุ๊ ส์พบั ลิเคชนั่ .
ศิลปช์ ยั เชาว์เจรญิ รัตน,์ (2556). เทวทาสี หรอื โสเภณเี ทพเจ้า. เผยแพร่ 5 ส.ค. 56.
https://www.bing.com/search สืบค้น 6 ม.ค. 62.
……………. (2558). Syncretism การผสานความเช่อื ทางศาสนา. เผยแพร่ 2 ม.ิ ย. 58
ศิวกานท์ ปทุมสูติ. (2548). การเขียนสร้างสรรค์ไม่ยากอะไรเลย. กรงุ เทพฯ : ห้างห้นุ สว่ นจากดั
นวสาส์นการพมิ พ์.

115

บรรณานุกรม (ต่อ)

สุจติ ต์ วงษ์เทศ. (2555). "วัฒนธรรมรว่ ม" ในอษุ าคเนย์ รากเหง้าเก่าแก่ของประชาคมอาเชยี น.
https://prachatai.com/journal/2012/08/42238. สืบค้น 29 ธ.ค. 61.

สุรพล วริ ุฬร์ กั ษ์ (2543). นาฏยศลิ ป์ปรทิ รรศ์. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์หอ้ งภาพสุธรรม.
……………… (2547). ววิ ัฒนาการนาฏยศลิ ป์ไทยในกรุงรตั นโกสินทร.์ พมิ พค์ ร้งั ที่ 2.

กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
สมถวิล วเิ ศษสมบัติ. (2525). วรรณคดกี ารละคร. พิมพลักษณ์, กรงุ เทพฯ : อกั ษรบณั ฑิต.
สมศักดิ์ ภู่วิภาดาวรรธณ.์ (2537). เทคนิคการสง่ เสรมิ ความคดิ สร้างสรรค์. กรุงเทพฯ :

ไทยวฒั นาพานชิ .
สมเกยี รติ ตั้งนโม : แปล (2510). Aesthetics: ความเรยี งของ Arthur C. Danto เกยี่ วกับ

สนุ ทรียศาสตร์. คณะวิจติ รศิลป์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่. “Aesthetics” Microsoft®
Encarta. Multimedia / Encyclopedia 1994 (CD-ROM).
https://dhrammada.wordpress.com/philosophyreligion สบื ค้น 3 มิ.ย. 62
อรณุ เฉตตีย์. (2544). อินเดยี แผ่นดนิ ถิ่นมหัศจรรย.์ กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
อารี พันธม์ ณ.ี (2537). ความคดิ สรา้ งสรรค์. กรงุ เทพฯ : ต้นอ้อ.
อุษณยี ์ โพธิสุข. (2537). เอกสารประกอบการสอน วธิ สี อนเดก็ ปญั ญาเลิศ. กรุงเทพฯ :
ภาควชิ าการศกึ ษาพิเศษ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทร์วิโรฒ ประสานมิตร.
เตม็ สริ ิ บณุ ยสงิ ห์ และเจือ สตเวทิน. (2526). การละครเพอื่ การศกึ ษา. กรุงเทพมหานคร.
โรงพมิ พ์ครุ สุ ภาลาดพร้าว.
โรม บุนนาค. (2559). “พระขพุงผ”ี ผรี ักษาเมืองสโุ ขทัย! เชื่อกนั ว่าเป็นพระราชชนนพี อ่ ขนุ
รามคาแหง!! เผยแพร่: 22 มิ.ย. 59.
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9590000062063. สืบคน้ 25 ธ.ค. 61.
เครือจติ ศรีบุญนาค และคณะ. (2553). การผสมผสานทางวัฒนธรรม : กรณศี ึกษาศลิ ปะ
การแสดงท่พี ัฒนาจากภาพศลิ าจาหลักสถาปตั ยกรรมขอมโบราณในประเทศไทย
และกมั พูชา. ทนุ อุดหนนุ การวจิ ัยจากสานักงานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ
กระทรวงวัฒนธรรม, มหาวทิ ยาลัยราชภฎั สุรินทร์. สุรนิ ทร.์
CATEGORIES. ปรัชญาบรสิ ุทธิ์ (PURE PHILOSOPHY.
https://dhrammada.wordpress.com/philosophyreligion สืบค้น 3 ม.ิ ย. 62.
James A Davis (1973). Elementary Survey Analysis Prentice. Inc., Englewood Cliffs.
New Jersey.
Wallach, Michael A. and kogan Nathan. (1965). Model of Thinking in Young Children.
New York : Holt, Rinehartandwinston

ภาคผนวก ก
เอกสารประกอบการดาเนินงานวจิ ยั

117

หนังสือเชิญท่ปี รกึ ษาโครงการวจิ ัย

118

แบบตอบรับทป่ี รกึ ษาโครงการวจิ ัย

119

หนงั สอื เชิญผูท้ รงคณุ วฒุ ิและผเู้ ช่ยี วชาญโครงการวจิ ัย

120

แบบตอบรับผทู้ รงคุณวุฒโิ ครงการวจิ ัย

121

แบบตอบรับผเู้ ชยี่ วชาญโครงการวจิ ยั

122

แบบตอบรับผเู้ ชยี่ วชาญโครงการวจิ ยั

124

แบบตอบรับผเู้ ชยี่ วชาญโครงการวจิ ยั

125

แบบตอบรับผเู้ ชยี่ วชาญโครงการวจิ ยั

126

แบบประเมินเพลงสรา้ งสรรคง์ านวจิ ัย

127

แบบประเมนิ การแต่งกายประกอบชดุ การแสดงสร้างสรรคง์ านวจิ ัย

128

แบบประเมนิ กระบวนท่าราประกอบชดุ การแสดงสร้างสรรคง์ านวจิ ัย

129

แบบประเมินงานวจิ ัย

ภาคผนวก ข

ภาพการเผยแพร่ชุดการแสดง

131

132

133

ประวตั ิผูว้ ิจยั

ช่อื -สกุล นางนริ มล หาญทองกลู
วัน เดอื น ปเี กดิ 12 กนั ยายน 2506
ตาแหน่งปัจจบุ ัน ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ
สถานทที่ างาน วิทยาลยั นาฏศิลปสโุ ขทัย สถาบนั บัณฑิตพัฒนศลิ ป์
กระทรวงวัฒนธรรม
การศึกษา ประกาศนยี บัตรนาฏศิลปช์ ั้นกลาง วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปสุโขทัย
ประกาศนยี บตั รนาฏศิลป์ชัน้ สงู วิทยาลัยนาฏศลิ ปสุโขทยั
ปรญิ ญาตรี (นาฏศิลปไ์ ทย) วิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล
ปรญิ ญาโท (การบริหารการศึกษา) มหาวทิ ยาลัยนเรศวร
ปริญญาโท (ศลิ ปะมหาบณั ฑิต) สถาบันบณั ฑติ พัฒนศิลป์


Click to View FlipBook Version