รายงานการฝึกภาคปฏบิ ัติ 2
ชุมชนผปู้ ว่ ย Post – COVID
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลมิ พระเกยี รติ จังหวดั ปทุมธานี
ระหวา่ งวันท่ี 21 ธันวาคม 2564 – 2 กุมภาพันธ์ 2565
จดั ทาโดย
นางสาวธนวรรณ จนั ทร์ยงค์ เลขทะเบยี นนักศกึ ษา 6105490020
นางสาววณชิ ญา
นายสหรฐั บุญวาที เลขทะเบยี นนกั ศกึ ษา 6105490038
นายธรี ์
นางสาวจรี นนั ท์ จันทรเ์ มือง เลขทะเบียนนักศึกษา 6105620022
นายสิรภพ
นางสาวฉตั ราภรณ์ เภาธะทัต เลขทะเบยี นนักศกึ ษา 6105620030
นางสาวนภพรรษ
นายกรินทร์ พุทธานันท์ เลขทะเบยี นนกั ศึกษา 6105620048
แจ่มกระจา่ ง เลขทะเบียนนักศกึ ษา 6105620089
นาคกัน เลขทะเบียนนกั ศึกษา 6105680083
พลตาล เลขทะเบยี นนกั ศึกษา 6105680836
แสนสีมนต์ เลขทะเบียนนกั ศกึ ษา 6105681248
เสนอ
อาจารยป์ ิ่นหทยั หนนู วล (อาจารยน์ เิ ทศงานของคณะ)
ดร. ขนิษฐา บูรณพันศักด์ิ (อาจารย์นเิ ทศงานภาคสนาม)
รายงานนเ้ี ป็นส่วนหนงึ่ ของรายวิชาการฝกึ ภาคปฏิบัติ 2 (สค.301)
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์
คำนำ
รายงานการฝกึ ภาคปฏิบตั ิ 2 ฉบบั นเ้ี ป็นส่วนหนึ่งของวิชาการฝึกภาคปฏบิ ตั ิ 2 (สค.301) โดยจัดทำข้ึน
เพ่ือนำเสนอการศึกษาชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินการติดตามคุณภาพชีวิตหลังจาก
การติดเชื้อ COVID – 19 ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โดยนักศึกษาได้นำความรู้เกี่ยวกับ
กระบวนการทางสังคมสงเคราะห์ชุมชน เครื่องมือการศึกษาและวิเคราะห์ชุมชน หลักการทางสังคมสงเคราะห์
รวมไปถึงทักษะการทำงานตา่ งๆ มาประยกุ ตใ์ ช้กบั การฝกึ ภาคปฏบิ ตั ใิ นครั้งนี้
นักศึกษาหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานการฝึกภาคปฏิบัติ 2 เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ และผู้ที่
ต้องการศึกษาเรียนรู้ หากรายงานฉบบั น้มี ีความผดิ พลาดประการใด ตอ้ งขออภัยไว้ ณ ทีน่ ้ีดว้ ย
คณะผ้จู ดั ทำ
ก
สารบญั หนา้
เร่ือง ก
คำนำ 1
บทท่ี 1 ข้อมลู การศึกษาวเิ คราะหช์ มุ ชน 1
1.1 ขอ้ มลู พนื้ ฐานของชุมชน 1
2
- ประวตั ิความเปน็ มาของชุมชน 3
- ขอ้ มลู ประชากร 4
- ทุนของชมุ ชน 4
1.2 การศึกษาและวิเคราะหช์ ุมชน 6
- การใช้เคร่ืองมือ และเทคนิคในการศกึ ษาชมุ ชน 8
- การศึกษาข้อมลู เชงิ ลึกในมิตติ า่ งๆ ของชมุ ชน
- การวิเคราะหส์ ถานการณป์ ัญหา และความต้องการของชุมชน 10
บทท่ี 2 บทบาทของนักศกึ ษาในการปฏิบัตงิ านร่วมกับชมุ ชน 10
10
2.1 การประยุกต์ใชค้ วามรู้และทักษะทางสังคมสงเคราะห์ 26
- การใช้กระบวนการทางสงั คมสงเคราะห์ในปฏิบตั ิงานในชุมชน 28
- แนวคดิ และทฤษฎีทเี่ ก่ียวขอ้ งกับการปฏิบตั ิงานร่วมกับชุมชน 29
- หลักการทางสังคมสงเคราะหท์ นี่ ำมาประยุกตใ์ ช้ในการทำงานชุมชน 32
- ทกั ษะที่นำมาประยุกต์ใชใ้ นการทำงานกับชุมชน
34
2.2 บทบาทของนักศึกษาในการปฏบิ ตั งิ านร่วมกบั ชมุ ชน
34
บทท่ี 3 สรุปบทเรียนรทู้ ่ีไดจ้ ากการทำงานกบั ชุมชน และข้อเสนอแนะ 34
35
3.1 สรุปบทเรียนการปฏบิ ัติงานรว่ มกบั ชุมชน 35
3.2 ปญั หา อุปสรรค และข้อค้นพบ
3.3 การเปล่ียนแปลงทางความรู้ ทศั นคติ และทักษะ
3.4 ข้อเสนอแนะต่อการปฏิบตั งิ าน และการฝกึ ภาคปฏิบัติ
สารบญั (ตอ่ ) หนา้
37
เร่ือง 38
43
รายงานการถอดบทเรยี นจากการฝึกภาคปฏิบตั ิ 2 47
50
- ธนวรรณ จันทร์ยงค์ 55
“Help Me to Help You” 59
61
- วณิชญา บญุ วาที 68
“ฉนั กบั ชุมชนแบบใหม.่ .ภายใตส้ ถานการณโ์ ควิด” 72
- สหรฐั จันทรเ์ มือง
“ส่งิ ทไี่ ด้รับและการเรียนรู้ต่างๆ”
- ธีร์ เภาธะทัต
“ประโยชนม์ ากมายจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์”
- จีรนันท์ พทุ ธานันท์
“ประสบการณ์ ณ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์”
- สริ ภพ แจม่ กระจ่าง
“หายปว่ ยโควิดแพรเ่ ชื้อได้ไหม กบั การตตี ราทางสังคม”
- ฉตั ราภรณ์ นาคกัน
“โรงพยาบาลธรรมศาสตรก์ ับการฝกึ ภาคปฏิบตั ิ 2 ของฉัตราภรณ์”
- นภพรรษ พลตาล
“การฝกึ ภาคปฏบิ ตั ิ 2 ณ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์”
- กรินทร์ แสนสมี นต์
“การฝกึ ภาคปฏบิ ตั แิ ละกระบวนการศกึ ษาชมุ ชนแบบใหม่”
ภาคผนวก
รายการอ้างองิ
บทท่ี 1
ข้อมลู การศึกษาวเิ คราะหช์ มุ ชน
1.1 ขอ้ มลู พื้นฐานของชมุ ชน
1) ประวตั คิ วามเป็นมาของชมุ ชน
จากสถานการณ์การแพร่กระจายของโรคโควิด - 19 ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อกันโดยง่ายผ่านระบบทางเดิน
หายใจ ทำให้ผู้ติดเชื้อมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้โรงพยาบาลในหลายพื้นที่ไม่สามารถรองรับ
ผปู้ ว่ ยไดท้ ง้ั หมด ทำใหต้ ้องมกี ารจัดต้งั โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ข้นึ เมื่อวันที่ 23 มนี าคม 2563 ซึ่งถือเป็น
โรงพยาบาลสนามแห่งแรกของประเทศไทย โดยได้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์
รว่ มกบั กระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม (อว.) โดยทางโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์
ได้ดำเนินการให้การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดมาโดยตลอด ก่อนจะทำการยุติการให้บริการ เมื่อวันที่ 20
ธนั วาคม 2564 เนือ่ งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเริ่มมคี วามเบาบางลง
ถึงแม้วา่ ในปัจจบุ นั โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตรจ์ ะยุติการใหบ้ รกิ ารรักษาผตู้ ิดเชือ้ โควดิ แลว้ แต่ยังคงตอ้ ง
มกี ระบวนการติดตามคณุ ภาพชีวติ ของผู้ป่วยหลงั การตดิ เชอ้ื โควดิ - 19 อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เพอื่ ให้แนใ่ จว่าผปู้ ว่ ยจาก
การติดเชื้อโควิด - 19 สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติ และไม่มีอาการที่หลงเหลือภายหลังจากการ
ติดเชื้อโควิด - 19 ที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน โดยทางหน่วยงานได้มีการติดตามคุณภาพชีวิตของผู้ที่หาย
จากการติดเชือ้ โควิด - 19 เพื่อเก็บข้อมลู จากผู้ป่วยท่ีได้หายจากอาการปว่ ย และกลับไปสู่ชุมชนเดมิ ของตนเอง
แลว้ เพอื่ ทำฐานขอ้ มูลในการจัดบรกิ ารตอ่ ไปในอนาคตไดอ้ ย่างเหมาะสม
ดังนั้น “ชุมชนผู้ป่วย Post - COVID” จึงเป็นชุมชนที่เกิดจากการรวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์
ผู้ป่วยหายจากการติดเชื้อโควิด - 19 ในพื้นที่ต่างๆ ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ทำให้ชุมชน
ผู้ป่วย Post - COVID เป็นชุมชนของผู้ที่เคยป่วยจากการติดเชื้อ COVID - 19 และได้รับการรักษาใน
โรงพยาบาลสนาม การกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือได้รับการรักษาในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งล้วนอยู่ภายใต้
การดูแลของหน่วยงาน โดยคนในชุมชนล้วนเป็นผู้ที่เคยใช้ทรัพยากรทางการรักษาพยาบาลร่วมกัน เป็นชุมชน
ของคนที่มีประสบการณ์ในการอยู่ในระยะหลงเหลือของอาการ Post - COVID ซึ่งผู้คนมีความรู้สึกเกี่ยวกับ
ประสบการณ์ร่วมดังกล่าว ลักษณะความเป็นชุมชนผู้ป่วย Post - COVID จึงมีเป้าหมายเฉพาะที่ผู้เกี่ยวข้อง
ร่วมกันสรา้ งข้นึ และมีความแตกตา่ งไปจากชมุ ชนในลกั ษณะเดิมท่ีเป็นชมุ ชนทางกายภาพ
1
2) ขอ้ มลู ประชากร
จำนวนประชากร และกล่มุ เปา้ หมายภายในชมุ ชน
ประชากรในชุมชนผปู้ ว่ ย Post - COVID ประกอบไปด้วยประชากรทั้งหมด 72 คน แบ่งออกเปน็ เพศ
ชาย จำนวน 21 คน และเพศหญิง จำนวน 51 คน โดยลักษณะของประชากรภายในชุมชนผู้ป่วย Post -
COVID เป็นกลุ่มที่อยู่ในช่วงวัยผู้สูงอายุ จำนวน 17 คน และกลุ่มที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน จำนวน 55 คน ซึ่ง
ประชากรภายในชุมชนผปู้ ่วย Post - COVID มีช่วงระยะเวลาการเข้าสูร่ ะบบฐานขอ้ มลู ของการรกั ษา ดงั นี้
1) ระหว่างวันท่ี 8 - 31 กรกฎาคม 2564 จำนวน 7 คน
2) ระหว่างวันท่ี 1 - 15 สิงหาคม 2564 จำนวน 42 คน
3) ระหว่างวันท่ี 16 - 28 สิงหาคม 2564 จำนวน 10 คน
4) ระหว่างวันท่ี 2 - 19 กันยายน 2564 จำนวน 8 คน
5) ระหวา่ งวนั ท่ี 10 - 17 ตุลาคม 2564 จำนวน 5 คน
ขอบเขตของพื้นท่ี
เนื่องจากชุมชนผู้ป่วย Post - COVID เป็นชุมชนที่ของผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อโควิด - 19 แล้ว ซึ่ง
ในก่อนหน้าผู้คนในชุมชนมาจากหลากหลายพื้นที่ เพื่อเข้ารับบริการจากโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ เม่ือ
กระบวนการรักษาตัวสิ้นสุดลง ทำให้คนในชุมชนกระจายออกไปอยู่อาศัยในหลากหลายพื้นที่ตามชุมชนเดิม
ของตนเอง และทำให้ชุมชนผู้ป่วย Post - COVID ไม่มีขอบเขตของพื้นที่ชุมชนอย่างชัดเจน โดยจากการศึกษา
พบว่า จงั หวดั ทค่ี นในชมุ ชนผปู้ ่วย Post - COVID อาศัยอยูใ่ นปจั จุบนั มีดังนี้
1) จังหวดั ปทุมธานี จำนวน 43 คน
2) จังหวดั กรุงเทพมหานคร จำนวน 11 คน
3) จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา จำนวน 9 คน
4) จงั หวัดนนทบรุ ี จำนวน 4 คน
5) จังหวัดชลบรุ ี จำนวน 3 คน
6) จังหวดั นครพนม จำนวน 1 คน
7) จงั หวดสมุทรปราการ จำนวน 1 คน
2
3) ทนุ ของชุมชน
1. ครอบครัวของผปู้ ่วย Post – COVID
ครอบครัวของคนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID มีความเข้าใจต่อความเสี่ยงในการติดเชื้อในช่วง
ระบาดหนัก และใหก้ ารยอมรับแก่ผู้ที่ติดเช้ือโควดิ ไม่ได้มีการตีตราหรอื แสดงท่าทีรังเกียจ แต่เขา้ ใจและให้การ
สนับสนุนดูแล เพื่อให้ผู้ที่ติดเชื้อโควิดได้เข้ารับการรักษาอย่างดีที่สดุ เช่น ช่วยติดต่อประสานงานหาเตียง หรือ
ติดตอ่ หน่วยงานเพื่อขอรบั การรักษา หาอาหารและยาตา่ งๆ สง่ ถงึ หอ้ งที่ผู้ทีต่ ดิ เชือ้ เข้ารบั การรักษาแบบกักตวั ท่ี
บ้าน และคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ ซึ่งครอบครัวนั้นถือเป็นความเข้มแข็งที่มีความสำคัญอย่างมากในการช่วยให้
ผทู้ เี่ คยติดเชอื้ โควดิ - 19 สามารถผา่ นชว่ งวิกฤติมาได้
2. เครอื ข่ายของชมุ ชน
คนชมุ ชนผูป้ ว่ ย Post - COVID นน้ั เปน็ กลุม่ เปา้ หมายเฉพาะทม่ี าจากการตดิ เชอ้ื โควดิ - 19 ซ่ึงรูปแบบ
การช่วยเหลือทีส่ ามารถเข้าถึง และมคี วามจำเป็นอย่างยง่ิ ตอ่ ชมุ ชนนี้ ไดแ้ ก่
1) โรงพยาบาลธรรมศาสตร์
ซึ่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ได้มกี ารทำงานร่วมกับมูลนิธิสถาบนั วิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ
ชมุ ชน และเครือข่ายต่าง ๆ เช่น ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกอบอนุ่ คลนิ ิกพริบตา ในการร่วมศึกษา
และวิเคราะห์ข้อมูลเสนอแก่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อจัดทำนโยบายโดยกระทรวง
สาธารณสุขในการให้บริการรักษา ฟื้นฟู หรือให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด - 19 หรือผู้ที่มี
อาการ Post - COVID เพื่อตอบสนองปัญหาและความต้องการให้ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด - 19 มีสุขภาพ
ร่างกายและสภาพความเปน็ อยทู่ ด่ี ี
2) อาสาสมคั รดูแลชมุ ชน
ซ่ึงอาสาสมัครดูแลชมุ ชนน้ันมีความใกล้ชดิ ผู้คนในชมุ ชนอยา่ งมาก และเปน็ ตวั ชว่ ยสำคัญท่ีจะ
ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ได้ ผ่านการรับฟังปัญหา ติดต่อ
ประสานงานหน่วยงานที่มีความเหมาะสมกับสภาพปัญหานั้นๆ เช่น การติดต่อโรงพยาบาลให้ผู้ที่ติด
เชือ้ โควดิ – 19 ได้รับการรกั ษา หรือการบรจิ าคสิ่งของอุปโภคบริโภคแกผ่ ู้ทต่ี ิดเชอ้ื และไม่สามารถดแู ล
ตนเองไดต้ ามปกติ
3
1.2 การศึกษาและวิเคราะหช์ ุมชน
1) การใชเ้ ครอื่ งมอื และเทคนคิ ในการศึกษาชุมชน
การใช้เครื่องมือในการศึกษาชุมชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สำคัญที่ช่วยให้นักศึกษาเข้าใจข้อมูล ของชุมชน
ผปู้ ว่ ย Post – COVID ได้มากขึน้ ซง่ึ เครื่องมที ่นี กั ศึกษาไดน้ ำมาประยกุ ตแ์ ละปรับใชก้ บั ชุมชนท่ีไดศ้ กึ ษามดี ังนี้
ประวตั ศิ าสตรข์ องชมุ ชน
การศึกษาประวัติศาสตร์ของชุมชนช่วยสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราว และความเป็นมาของชุมชน
ในช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้เข้าใจว่าชุมชนผู้ป่วย Post - COVID มีการเริ่มต้นจากการเกิดขึ้นของโรงพยาบาลสนาม
ธรรมศาสตร์ถึงกระบวนการตดิ ตามคณุ ภาพชวี ิตหลังการติดเชื้อโควดิ - 19 โดยมกี ารรวบรวมข้อมูลที่ได้รับจาก
การสัมภาษณต์ ิดตามผปู้ ่วยทหี่ ายจากการติดเช้อื โควิด - 19 นำไปสูก่ ารศึกษาชุมชนผูป้ ่วย Post - COVID ซึ่ง
จะสามารถสรุปออกมาเป็นช่วงเวลาตา่ งๆ ดงั นี้
4
ระบบสขุ ภาพชมุ ชน
ซึ่งจากการศึกษาชุมชนผู้ป่วย Post - COVID และสอบถามข้อมูลทางด้านสุขภาพกับคนในชุมชนที่มี
ทั้งผู้ที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 - 58 ปี และผู้ที่อยู่ในช่วงวัยผู้สูงอายุ ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
โดยพบว่า คนชุมชนผู้ปว่ ย Post - COVID มโี รคประจำตวั ดังน้ี
โรคภมู ิแพ้ จำนวน 5 คน 6 11 โรคไขมนั สงู จำนวน 11 คน
โรคเบาหวาน จำนวน 6 คน 2 10 โรคความดนั จำนวน 10 คน
2
5
6
โรคไขมนั สงู โรคความดนั โรคเบาหวาน โรคภมู แิ พ้ โรคหอบ โรคไทรอยด์ โรคอ่ืนๆ
แผนภาพทรัพยากรหน่วยบริการทางดา้ นสุขภาพของคนในชมุ ชน
จากการศึกษาและสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าถึงหน่วยบริการทางด้านสุขภาพของคนในชุมชน
ผู้ป่วย Post - COVID ก็ทำให้ทราบถึงหน่วยบริการทางด้านสุขภาพที่คนในชุมชนเข้ารับการรักษา ซึ่งสามารถ
แบง่ หนว่ ยบรกิ ารไปตามพนื้ ท่ตี า่ งๆ ได้ดงั น้ี
5
2) การศกึ ษาขอ้ มูลเชงิ ลกึ ในมติ ิตา่ งๆ ของชมุ ชน
มิตสิ ุขภาพ
คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคไขมันสูง โรคความดนั
โรคเบาหวาน และโรคภูมแิ พ้ ซ่งึ ถือวา่ เป็นกลุม่ ทีม่ คี วามเสีย่ งตอ่ การติดเช้อื โควดิ – 19
จากการสัมภาษณ์ผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้อโควิด - 19 พบว่า ประชากรผู้ป่วย
Post - COVID มีอาการต่อเนื่องหรือมีอาการที่เกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้อโควิด - 19 จำนวน 38 คน
คิดเป็นร้อยละ 52.8 โดยมีอาการผมร่วงรุนแรงจำนวน 6 คน อาการผมร่วงรุนแรงปานกลาง จำนวน
8 คน พบว่า ผู้ป่วย Post - COVID ส่วนใหญ่มีอาการผมร่วง ซึ่งไม่แน่ใจที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อโควิด
หรือการฉีดวัคซีน หรือเป็นเพราะช่วงอายุตนเองที่มากขึ้น รองลงมาผู้ป่วย Post - COVID มีอาการ
อ่อนเพลียล้ารุนแรง จำนวน 7 คน มีอาการหอบเหนื่อย รุนแรง จำนวน 2 คน มีอาการหอบเหนื่อย
รุนแรงปานกลางจำนวน 5 คน และแขนขาชาในบางครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันใน
ทำการทำกิจกรรมต่างๆ และยังมีอาการทางจิตบ้าง โดยประชากรส่วนใหญ่มีอาการนอนไม่หลับและ
วิตกกงั วลว่าจะตดิ เชือ้ โควิด - 19 ซำ้
และจากการสัมภาษณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับทรัพยากรที่คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID
สามารถเข้าถึงได้ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID - 19 โดยมีทั้งหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและ
เอกชน ซึ่งมักจะเป็นหน่วยสถานบริการในพื้นที่ใกล้บ้าน นอกจากนี้คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID
บางคนมีการซื้อยาสมุนไพรมาต้มดื่ม หรืออบไอน้ำเพื่อรักษาฟื้นฟูอาการต่างๆ หลังจากการติดเชื้อโค
วดิ - 19
มติ ิสงั คมและเศรษฐกจิ
จากการสัมภาษณ์พบว่า ประชากรส่วนใหญ่ไม่มีความรู้สึกผิด ไม่รู้สึกท้อแท้ และสิ้นหวังจากการติด
เชื้อโควิด - 19 เนื่องจากตนเองติดในช่วงที่มีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ และคิดว่าตนเองระมัดระวังเต็มที่แล้วจึง
เป็นเรอ่ื งธรรมดาทจ่ี ะสามารถตดิ เช้อื ได้ ไม่มกี ารปดิ บงั พยายามบอกใหค้ นรอบตวั รับรู้ และงดการมีปฏสิ ัมพนั ธ์
ใกล้ชิดกับผู้อื่นโดยทันที ซึ่งครอบครัวของผู้ป่วย และชุมชนที่ผู้ป่วยอยู่อาศัยมีความเข้าใจ ให้การยอมรับ และ
สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ตามปกติ โดยให้การดูแลซึ่งกันและกันอยู่เสมอ แต่บางชุมชนยังคงมีการปฏิบัติต่อ
ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิด - 19 ที่แปลกไป เช่น มีท่าทีระมัดระวังตนเองมากเกินไป หนีเข้าบ้านตอนผู้ป่วย
ออกมาทิ้งขยะหน้าบ้าน หรือพยายามอยากให้แยกถังขยะชุมชนสำหรับบ้านที่มีผู้ติดเชื้อโควิดส่งผลให้ผู้ป่วย
6
อาจมีการเก็บตัวอยู่ภายในบ้าน เนื่องจากโรคโควิด - 19 นั้นเป็นโรคใหม่ และไม่มียารักษาเฉพาะบางคน จึงมี
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตหลังจากการติดเชื้ออยู่ และกังวลว่าตนเองจะเสียชีวิต หรืออาจเป็นผู้แพร่
เชื้อใหแ้ กค่ รอบครวั และสรา้ งความเดือดร้อนใหแ้ กช่ มุ ชนท่พี ักอาศัย
รวมไปถงึ การประกอบอาชีพสถานท่ีทำงานหรือนายจ้างต่างมีความเข้าใจและยืดหยุน่ ในการให้ลาป่วย
อนุญาตให้หยุดพักเพื่อรักษาตัวจนกว่าจะหายและให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่ติดเชื้อโค
วดิ - 19 ตอ้ งเข้ารบั การรกั ษาหรือกกั ตัวแยกจากบุคคลอื่นๆ ทำใหก้ ารหยุดพกั เพอื่ รักษาตัวนั้นส่งผลกระทบตอ่
การประกอบอาชีพบางอย่าง เช่น การค้าขาย ทำงานออฟฟิศ ทำให้ขาดรายได้ตามวันที่ได้หยุดพักรักษาตัว
และประชากรบางส่วนถกู ใหพ้ กั งาน หรือถกู ไลอ่ อกจากงานสง่ ผลต่อความมั่นคงทางอาชีพและรายได้
มติ ิทรัพยากร
ชุมชนผูป้ ่วย Post - Covid เป็นชุมชนท่ีเกิดจากการเก็บข้อมูลของประชาชนผู้ที่เคยติดเช้ือโควดิ - 19
และได้เข้ามาอยู่ในระบบการรักษาของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ โดยเป็นประชากรที่มาจากหลายพื้นที่ ซึ่งจาก
การเก็บข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์ผู้คนในชุมชนที่อยู่ในหลายพื้นที่ จะสามารถวิเคราะห์ทรัพยากรที่มีความ
เชือ่ มโยงกับชุมชนผ้ปู ่วย Post - Covid ดงั น้ี
1. หน่วยงานของภาครฐั ได้แก่
- โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และโรงพยาบาลอ่ืนๆ ของทางภาครัฐ
- กรมอนามัย
- ศนู ยบ์ ริการสาธารณสขุ
- องคก์ ารบรหิ ารสว่ นทอ้ งถ่นิ และเทศบาล
- โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพประจำตำบล (รพ.สต.)
2. หนว่ ยงานของภาคเอกชน ไดแ้ ก่
- โรงพยาบาลของภาคเอกชนใกลบ้ า้ น
- คลินิกเอกชนใกล้บา้ น
โดยหน่วยงานข้างต้นเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่ผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID สามารถติดต่อและ
เข้ารับบริการทางการแพทย์ได้ซึ่งหน่วยงานส่วนใหญ่เป็นทรัพยากรที่อยู่ใกล้ที่พักอาศัย หรืออยู่ในพื้นที่ของคน
ในชุมชนผู้ป่วย Post – COVID
7
3) การวิเคราะหส์ ถานการณ์ปญั หา และความตอ้ งการของชมุ ชน
จากการศึกษาและสัมภาษณ์คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID โดยนักศึกษาได้นำข้อมลู ที่ได้จากคนใน
ชมุ ชนมารวบรวมและวิเคราะห์ ซ่ึงทำใหท้ ราบถงึ ประเด็นปัญหา และความตอ้ งการของชมุ ชนในภาพรวม ดงั นี้
1. ผู้คนในชุมชนไม่มั่นใจ และไม่มีความรู้ความเข้าใจต่ออาการที่เกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้อโควิด –
19
จากการพูดคุยกับคนในชุมชนพบว่า เนื่องจากอาการหลังการติดเชื้อโควิด - 19 (Post - COVID) เป็น
อาการที่เกิดขึ้นได้หลังจากการติดเชื้อโควิด - 19 ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ในระยะยาวได้ โดยอาการ
เหล่านี้มีความรุนแรง และมีลักษณะของอาการที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งอาการบางอย่างก็มีความ
คล้ายคลงึ กับอาการท่ีสามารถเกดิ ขึ้นได้ในชวี ิตประจำวัน หรือคล้ายกบั ผลกระทบจากการทำกิจกรรมบางอย่าง
ทำให้ผู้คนในชุมชนบางส่วนเกิดการละเลยในการดูแลตนเอง หรือดูแลตนเองไม่เหมาะสม รวมถึงอาจไม่ได้รับ
คำแนะนำในการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง ว่าจะรักษาหรือฟื้นฟูอาการดังกล่าวได้อย่างไร เช่น บางคนยังมี
อาการออ่ นเพลียล้า แตก่ ็ไม่แนใ่ จวา่ อาการท่ีเกิดขึ้นกับตนเองดงั กล่าว เป็นอาการจากการติดเชอ้ื โควิด หรอื เกิด
จากการทำงานในชีวิตประจำวัน หรือในบางคนที่มีอาการผมร่วงอย่างรุนแรง ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นผลจากการป่วย
ติดเชื้อโควิด การฉีดวัคซีน หรือเป็นเพราะความเครียดที่เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงผู้สูงอายุบาง
คนในชุมชนก็ไม่แน่ใจว่าการมีความคิดที่ช้าลง เป็นเพราะจากการติดเช้ือโควิด หรือเป็นเพราะอาการที่เกิดขึ้น
ตามชว่ งวยั ถ้าหากมีการใหค้ วามรู้และทำความเขา้ ใจอยา่ งถูกตอ้ ง กจ็ ะสามารถช่วยให้ผูป้ ว่ ย Post - COVID ท่ี
มีอาการไมม่ ากหรือไมร่ นุ แรง สามารถดแู ลตนเอง และฟนื้ ฟูร่างกายของตนเองได้ หรอื ถา้ มีอาการท่ีรุนแรงมาก
ข้นึ กจ็ ะได้เข้ารบั การรกั ษาจากแพทย์ผูเ้ ชี่ยวชาญได้ทันเวลา
2. ผู้คนในชุมชนบางสว่ นยังไม่ทราบถงึ ชอ่ งทางการติดต่อหน่วยบรกิ ารทางการแพทย์
จากการพูดคุยกับคนในชุมชนพบว่า ผู้คนที่เคยติดเชื้อโควิดในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด -
19 อย่างรุนแรง มีบางคนที่ประสบปัญหาในการติดต่อหน่วยงาน เช่น โรงพยาบาลมีเตียงไม่เพียงพอที่จะ
รองรับผู้ป่วย ไม่รู้จะโทรหาหน่วยงานประสานงานหาเตียงที่ไหน ขั้นตอนในการเข้ารับบริการมีความยุ่งยาก
หรือมีการประชาสมั พันธ์อย่างไม่ทั่วถึง ทำให้บางคนไมท่ ราบถึงชอ่ งทางการติดต่อหน่วยบริการทางการแพทย์
หรอื เกิดความสบั สนในการตดิ ต่อขอเขา้ รับบริการ
8
3. การได้รับผลกระทบในเรื่องของรายได้ และไม่ทราบถึงช่องทางให้ความช่วยเหลือ สิทธิการ
รักษาพยาบาล และสทิ ธกิ ารเยยี วยาการขาดรายได้จากการตดิ เชือ้ โควิด – 19
จากการพูดคุยกับคนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นภายหลังจากการติด
เชื้อโควิด - 19 ผู้คนในชุมชนได้รับผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องของการขาดรายได้ และคนในชุมชนบางส่วนก็ไม่
ทราบว่าจะสามารถขอรับเงินเยียวยาได้จากช่องทางใด ซึ่งหากคนในชุมชนนั้นมีสิทธิประกันสังคมจากนายจ้าง
อาจทำใหเ้ สียสิทธทิ ี่ควรไดร้ บั หรือในบางคนมีความสงสยั ว่าทำไมตนถึงไมไ่ ด้รบั เงินเยียวยาจากการขาดความรู้
ความเข้าใจในคุณสมบตั เิ พือ่ เขา้ รับการช่วยเหลอื
9
บทท่ี 2
บทบาทของนักศกึ ษาในการรว่ มปฏิบตั งิ านกับชมุ ชน
2.1 การประยกุ ต์ใช้ความร้แู ละทกั ษะทางสังคมสงเคราะห์
จากการนักศึกษาได้ทำการฝึกภาคปฏิบัติกับชุมชนผู้ป่วย Post - COVID นักศึกษาได้มีการนำความรู้
และทักษะการปฏิบัติงานทางสังคมสงเคราะห์ เข้ามาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานกับชุมชนผู้ป่วย Post -
COVID โดยมีรายละเอียด ดงั น้ี
1) การใช้กระบวนการทางสังคมสงเคราะห์ในปฏบิ ตั ิงานในชุมชน
ข้นั ที่ 1 : ขน้ั การศึกษาข้อมูลของชมุ ชน
ในขั้นการศึกษาข้อมูลชุมชนผู้ป่วย Post - COVID เป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการทางสังคม
สงเคราะห์ที่นักศึกษาได้นำมาใช้ในปฏิบัติงานกับชุมชน ซึ่งในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ทำให้ได้ข้อมูลในประเด็น
ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนผู้ป่วย Post - COVID ไม่ว่าจะเป็นความเป็นมาของชุมชน ข้อมูลประชากร หรือ
ทรัพยากรของชุมชน โดยในขัน้ ของการศึกษาข้อมูลของชุมชนนั้น นักศึกษาได้มีการศึกษาข้อมลู ของชมุ ชนด้วย
วธิ กี ารตา่ งๆ ดังนี้
1. การศึกษาข้อมูลชุมชนจากการสัมภาษณ์เชิงลึกผ่านทางโทรศัพท์กับคนในชุมชนผู้ป่วย Post -
COVID
เนื่องจากในการปฏิบัตงิ านร่วมกบั ชุมชนผูป้ ว่ ย Post - COVID อยู่ในชว่ งของสถานการณ์การแพร่
ระบาดของโรค COVID - 19 และลกั ษณะชุมชนผู้ปว่ ย Post - COVID ทไี่ ด้ทำการศกึ ษา มีลักษณะทีค่ นใน
ชุมชนที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ จึงทำให้ต้องมีการเก็บข้อมูลภาพรวมของชุมชนผ่านการโทรศัพท์
สัมภาษณ์เชิงลึกเป็นรายบุคคล เพื่อทำการรวบรวมข้อมูลในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนเบื้องต้น
โดยได้มีการใช้คำถามจากแบบประเมินสุขภาพและสำรวจความต้องการหลังการติดเชื้อโควิด - 19 เป็น
หลัก และได้มีการเพิ่มประเด็นคำถามเกี่ยวกับทรัพยากรที่ผู้คนในชุมชนสามารถเข้าถึงได้เพิ่มเติม ให้ได้ซึ่ง
ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทรัพยากรของชุมชน ทำให้นักศึกษาได้ข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ในการประเมินและ
วนิ จิ ฉยั ปัญหาของชุมชนตอ่ ได้
10
2. การศกึ ษาขอ้ มูลชุมชนผ่านการศกึ ษาเอกสารของหนว่ ยงาน และเว็บไซต์ตา่ งๆ
เนื่องจากชุมชนผู้ป่วย Post - COVID เป็นชุมชนที่เกิดขึ้นจากรวบรวมข้อมูลของผู้คนที่เคย
เข้ารบั การรกั ษาอาการโควิด - 19 ทำให้นักศึกษาตอ้ งมีการศกึ ษาขอ้ มลู จากเอกสารของทางหน่วยงาน
และมีการสืบค้นเพื่อศึกษาข้อมูลต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ เพื่อให้ทราบถึงช่วงเวลาในการให้บริการการ
รักษาแก่ผูป้ ่วยโควดิ - 19 ของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ เพอื่ ทำความเข้าใจเก่ียวกบั ประวัติความ
เปน็ มาและการเกิดขึน้ ของชุมชนผู้ปว่ ย Post - COVID เพิ่มขนึ้
3. ศึกษาขอ้ มลู ชมุ ชนผา่ นการวิเคราะห์สถิตผิ ่านโปรแกรม SPSS
หลังจากการศึกษาข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกของผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID
นักศึกษาได้นำข้อมูลไปวิเคราะห์ผ่านโปรแกรมวิเคราะห์สถิติ SPSS วิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ
และส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน และได้นำข้อมูลที่ได้ทำการวิเคราะห์ผ่านโปรแกรมมาแปลผล ทำให้
นักศึกษาได้เห็นถึงภาพรวมของชุมชนผู้ป่วย Post - COVID เกี่ยวกับจำนวนประชากร ลักษณะของ
กลุ่มเป้าหมาย และจังหวัดที่พักอาศัยของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงได้เห็นข้อมูลของชุมชนผู้ป่วย Post -
COVID ในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในมิติสุขภาพ มิติสังคมและเศรษฐกิจ และมิติทรัพยากรของชุมชน
เพ่มิ ข้นึ
ขน้ั ที่ 2 : การประเมินและวินิจฉยั ปัญหาของชมุ ชน
หลังจากที่ได้ข้อมูลจากการศึกษาชุมชนผู้ป่วย Post - COVID มาแล้วนั้น นักศึกษาได้นำข้อมูลจากการ
สัมภาษณ์ผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID มาประเมินและวินิจฉัยปัญหาของชุมชนด้วยเครื่องมือ SWOT
Analysis โดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี
1) การวิเคราะหช์ มุ ชนด้วยการใช้ SWOT Analysis
หลังจากที่ได้ทำการศึกษาข้อมูล และเก็บข้อมูลจากคนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID นักศึกษาได้นำ
เครื่องมือ SWOT Analysis มาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลของชุมชนผู้ป่วย Post - COVID โดย
เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมภายในที่เป็นจุดแข็ง (Strengths) และ จุดอ่อน
(Weakness) ของชุมชน รวมถึงโอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threat) อันเป็นปัจจัยแวดล้อม
ภายนอกของชุมชนได้ ทำให้นักศึกษาได้เห็นถึงประเด็นตา่ งๆ ของชุมชนที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นโครงการได้
11
โดยจากการวิเคราะห์ชุมชนด้วย SWOT Analysis สามารถอธิบายจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของ
ชมุ ชนไดด้ ังนี้
จุดแขง็ (Strengths) จดุ อ่อน (Weakness)
1. คนในชมุ ชนเขา้ ใจอาการของโรคโควดิ 1. คนในชุมชนไมไ่ ด้มปี ฏิสัมพนั ธ์ต่อกนั ชดั เจน
2. ครอบครัวของคนในชุมชนความเขม้ แข็ง 2. คนในชุมชนผูป้ ว่ ย Post - COVID บางสว่ นยงั ขาด
3. ชุมชนที่พักอาศัยให้ความช่วยเหลือ ไม่มีท่าที ความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับสทิ ธริ กั ษาพยาบาล
รังเกยี จ 3. กลุ่มเป้าหมายภายในชุมชนบางส่วนไม่มีความ
ชำนาญในการใชเ้ ทคโนโลยี
โอกาส (Opportunities) อุปสรรค (Threat)
1. มเี ครอื ข่ายทค่ี อยใหค้ วามช่วยเหลอื แก่ชุมชน 1. สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 ทำให้คน
2. เริ่มมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอาการหลงเหลือจาก ขาดปฏสิ มั พนั ธต์ อ่ กนั
การติดเชื้อโควิด 2. รูปแบบของสื่อให้ความรู้ของหน่วยงานภาครัฐไม่
มคี วามหลากหลาย
3. สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด - 19 ทำให้การ
ดำเนินการให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานเป็นไป
ด้วยความยากลำบาก
3.1 จุดแขง็ (Strengths)
1) ทกุ คนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกับโรคโควิด -19 เนอ่ื งจากคนในชมุ ชนผปู้ ว่ ย Post - COVID ลว้ น
มีประสบการณ์ของการติดเชื้อโควิด - 19 และเคยเข้ารับการักษาติดตามกับทางโรงพยาบาล
โรงพยาบาลสนาม หรอื หน่วยบริการอื่นๆ ใกลบ้ า้ น
2) ครอบครัวมีความเข้มแขง็ ให้การยอมรับ พร้อมให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนทางด้านจิตใจให้
คนในชุมชนผูป้ ่วย Post - COVID
12
3) ชมุ ชนท่พี กั อาศัยของคนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID ไม่มีทา่ ทรี งั เกยี จ หรือเลอื กปฏิบัติ และให้
ความชว่ ยเหลอื คนในชมุ ชนผ้ปู ่วย Post - COVID หลงั จากตดิ เชอื้ โควดิ – 19
3.2 จดุ อ่อน (Weakness)
1) คนในชุมชนไมไ่ ด้มปี ฏิสมั พันธ์ตอ่ กนั อยา่ งชดั เจน เนื่องจากชมุ ชนผ้ปู ว่ ย Post - COVID เป็นชุมชน
ท่ีไม่มีขอบเขตพ้นื ทที่ ช่ี ดั เจน คนในชมุ ชนกระจายไปอยใู่ นพน้ื ที่ต่างๆ
2) คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID บางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเข้าถึงสิทธิการ
รกั ษาพยาบาล สทิ ธิการเยียวยาจากการตดิ เชอ้ื โควดิ – 19
3) กลุ่มเป้าหมายในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID บางกลุ่มไม่มีความชำนาญในการใช้เทคโนโลยีที่จะ
สามารถเข้าถึงขา่ วสารได้
3.3 โอกาส (Opportunities)
1) มีเครือข่ายที่คอยให้ความช่วยเหลือแก่ชุมชนผู้ป่วย Post - COVID ทั้งในเรื่องของการให้บริการ
รักษาทางการแพทย์ และการช่วยเหลือให้การติดตามคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังการติดเชื้อ
โควดิ – 19
2) เริ่มมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอาการหลงเหลือจากการติดเชื้อโควิด (Post - COVID) เพื่อทำระบบ
ฐานขอ้ มูลนำไปสู่การจัดบรกิ ารทเ่ี หมาะสมใหก้ บั ผทู้ มี่ อี าการหลงเหลือจากการติดเชือ้ โควิด – 19
3.4 อปุ สรรค (Threat)
1) สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด - 19 และมาตราการป้องการแพร่เชื้อโควิด - 19 ทำให้คนใน
ชมุ ชนที่เคยเป็นผู้ปว่ ยติดเชื้อโควิด - 19 ขาดปฏิสมั พันธ์ต่อกนั
2) รูปแบบของสื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด – 19 ของหน่วยงานภาครัฐยังไม่มีความหลากหลาย
มากพอ จงึ ทำให้ไมม่ คี วามเหมาะสมในการใชง้ านของคนบางกล่มุ
3) สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด - 19 ทำให้การดำเนินการให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงาน
เป็นไปดว้ ยความยากลำบากและตอ้ งระมัดระวงั การแพรเ่ ชื้อหรอื ติดเช้อื โควิด - 19 มากย่ิงข้ึน
13
ขนั้ ที่ 3 : ขัน้ การวางแผนการดำเนนิ งาน
การวางแผนการดำเนินงานเป็นส่วนสำคัญสำหรับการทำงานร่วมกับชุมชนผู้ป่วย post - COVID เป็น
อย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ที่อาจส่งผลให้การทำงานต้องมีการ
เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ทำให้นักศึกษามีความจำเป็นที่จะต้องวางแผนในการเตรียมความพร้อมในการ
ทำงานรว่ มกับชุมชน หนว่ ยงาน และอาจารย์ที่ปรึกษา โดยมรี ายละเอียดของการวางแผนการดำเนินงาน ดังน้ี
1) การวางแผนในระยะการศึกษาขอ้ มลู ชุมชน
นักศึกษาได้มีการวางแผนในศึกษาแบบประเมินสุขภาพและสำรวจความต้องการหลังการติด
เชื้อโควิด - 19 เพื่อทำความเข้าใจอย่างถูกต้องในการใช้งานก่อนทำการสัมภาษณ์ ซึ่งได้รับคำแนะนำ
การใช้แบบประเมินอย่างถูกต้องจากอาจารย์ภาคสนามที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการใช้
แบบประเมิน นอกจากนี้นักศึกษายังมีการปรึกษาพูดคุยกับสมาชิกในทีม เพื่อเพิ่มเติมคำถามสำหรับ
การศึกษาข้อมูลของชุมชน เพื่อให้การศึกษาข้อมูลชุมชนมีความครบถ้วน เนื่องจากการเก็บข้อมูลเชิง
ลึกมีระยะเวลาที่จำกัด โดยนักศึกษาได้มีการปรึกษากับอาจารย์ภาคสนามถึงความเหมาะสมของ
คำถาม และมีการวางแผนนำข้อมูลที่ได้จากการศึกษาชุมชนไปวิเคราะห์ผ่านโปรแกรมวิเคราะห์สถิติ
(SPSS) และได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันในทีมเพื่อดูภาพรวมของปัญหา และความต้องการของ
ผคู้ นในชุมชนออกมาเปน็ มิติตา่ งๆ ได้แก่ มิติสขุ ภาพ มิตสิ งั คมและเศรษฐกิจ และมิตทิ รัพยากร
นอกจากข้อมูลชุมชนทไี่ ด้จากการสัมภาษณ์ นกั ศึกษายังมีการวางแผนเพอ่ื รวบรวมข้อมูลของ
หน่วยงาน องค์กร หรือเนื้อหาต่างๆที่เกี่ยวกับการให้บริการแก่ผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID
เพิ่มเติมเพื่อเข้าใจถึงบริบทและเครือข่ายการทำงานที่มีความเชื่อมโยงกันและจำเป็นต่อการจั ดทำ
โครงการในอนาคต
2) การวางแผนในระยะการพฒั นาโครงการ
หลังจากศึกษาข้อมูลต่างๆ ของชุมชนผู้ป่วย Post - COVID แล้วนั้น นักศึกษาได้นำข้อมูลมา
วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID ในภาพรวม และได้
ทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายการทำงานที่มีความเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -
19 นักศึกษาจึงทำการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมทีม เพื่อดูความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการ
และเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ทำให้มีข้อจำกัดในการจัดกิจกรรม
14
นักศึกษาจึงได้วางแผนการจัดกิจกรรมออกมาหลายรูปแบบ และให้มีความแตกต่างกันเพื่อรองรับ
สถานการณ์ทสี่ ามารถเปลย่ี นแปลงไปไดต้ ลอดเวลา มีแผนท้งั หมด 3 รูปแบบ ดังน้ี
แผนท่ี 1 : จัดกิจกรรมรปู แบบ Online ทงั้ หมด
นักศึกษาวางแผนจดั กจิ กรรมให้ความรู้ และพูดคุยใหค้ ำปรึกษาผ่าน Line Official Account
ที่จะถกู สรา้ งขนึ้ มาใหม่ และจะรวบรวมผเู้ ช่ยี วชาญ เชน่ แพทย์ พยาบาล จติ แพทย์ เป็นตน้ เพือ่ ให้เข้า
มาให้คำปรึกษาในการดูแลตนเองของคนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID รวมถึงจัดทำความรู้
ประชาสัมพนั ธ์เก่ียวกบั ชอ่ งทางความช่วยเหลอื เงินเยยี วยาแก่กลมุ่ เป้าหมาย ซง่ึ คาดว่าจะเป็นกิจกรรม
ให้ความรใู้ นรูปแบบ Online ทัง้ หมด
แผนที่ 2 : จัดกจิ กรรมรปู แบบ Onsite ท้ังหมด
นักศึกษาวางแผนจัดกิจกรรมให้ความรู้ในพื้นที่ โดยจะทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนที่เป็น
เครือข่ายทำงานของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และภายในชุมชนนั้นจะมีผู้ป่วย Post - COVID อยู่
อาศัยร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆ อยู่ด้วย และมีกลุ่มเป้าหมายเป็นแกนนำชุมชน เจ้าหน้าที่ที่มีความ
เกี่ยวข้องในการดูแลชุมชน และสมาชิกชุมชนที่สนใจเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนและให้ความรู้ร่วมกันซงึ่
เป็นกจิ กรรมที่จดั ในพืน้ ทขี่ องชุมชนจรงิ
แผนท่ี 3 : จดั กจิ กรรมรปู แบบผสมผสาน
นักศึกษาวางแผนจัดกิจกรรมแบบผสมผสาน โดยเริ่มจากการวางแผนลงพื้นที่เพื่อสังเกต
ความเป็นอยู่และปัญหา ความต้องการของคนในชุมชน ประเมินความร่วมมือ แนะนำตนเอง และทำ
ความรจู้ ักกับเครือข่ายที่เปน็ แกนนำดแู ลชมุ ชน เพ่อื แลกเปลยี่ นประสบการณ์การทำงาน รวมถึงสภาพ
ปัญหาความต้องการของผู้ป่วย Post - COVID ในพื้นที่ดังกล่าว หลังจากนั้นจะนำข้อมูลที่ได้จากการ
ลงพื้นที่มาจัดทำโครงการให้ความรู้ผ่านทาง Online โดยประชาสัมพันธ์และเน้นผู้เข้าร่วมกิจกรรม
เป็นแกนนำดูแลชุมชนเป็นหลักเนื่องจากเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดหน่วยงานและผู้คนในชุมชนมากที่สุ ด
เป็นการกิจกรรมในช่วงแรกลงพื้นที่และทำความรู้จักผู้คนในชุมชนจริงและจัดกิจกรรมให้ความรู้ผ่าน
ชอ่ งทาง Online
นักศึกษาได้นำแผนการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ ที่ได้มีการวางแผนเอาไว้เบื้องต้น ไปปรึกษา
อาจารย์นิเทศงานในคณะ อาจารย์ภาคสนาม และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ดูแนวทางที่คาด
15
ว่าจะเป็นไปได้ของการดำเนินงานต่างๆ นักศึกษาได้นำคำแนะนำมาปรับปรุงแก้ไข และจัดทำโครงการให้
ความรู้ขึ้นจนสรุปเป็นแผนจัดกิจกรรมแบบผสมผสาน ผ่านการทำงานร่วมกับเครือข่ายของหน่วยงาน ทำให้
โครงการท่ีจะเกิดขน้ึ มลี กั ษณะเปน็ โครงการให้ความร้ผู ่านการจัดทำค่มู อื และส่ือใหค้ วามรู้ในรูปแบบตา่ งๆ โดย
มีกลุ่มเปา้ หมายเป็นผปู้ ่วย Post - COVID แกนนำดูแลชุมชน เจ้าหนา้ ทีท่ ีเ่ กย่ี วข้อง และผทู้ สี่ นใจข้อมูลเกยี่ วกบั
โควิด – 19
3) การวางแผนในระยะการดำเนนิ งาน
หลังจากที่นักศึกษาสรุปแผนการพัฒนาโครงการ และรูปแบบของโครงการที่จะทำร่วมกับ
ชุมชนไดแ้ ล้ว นักศึกษากไ็ ดม้ กี ารวางแผนในการกำหนดและร่างรายละเอียดโครงการ “กระจายความรู้
สู่ชุมชน สู้โควิด” โดยนำข้อมูลจากปัญหาและความต้องการของชุมชนผู้ป่วย Post - COVID มาเป็น
ฐานในการกำหนดหัวข้อในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งประกอบไปด้วย ความรู้เกี่ยวกับหน่วยงาน
ให้บริการทางการแพทย์ และช่องทางการติดตอ่ ทัง้ ภาครฐั และเอกชน หนว่ ยงานใหค้ วามชว่ ยเหลือเงิน
เยียวยาจากการติดโควิด - 19 และช่องทางการติดต่อ และการฟื้นฟูร่างกายหลังจากการติดเชื้อโควิด
- 19 โดยนักศึกษาได้มีการวางแผนจัดทำคู่มือ “ความรู้สู้โควิด” ออกมาในรูปแบบหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ และได้ทำการสำรวจความต้องการจากเครือข่ายที่ทำงานร่วมกับชุมชนเพิ่มเติม เพื่อ
ปรับปรุงคู่มอื ใหม้ ีการเพิ่มเติมรูปแบบของคู่มอื เป็นหนังสือเสียงบรรยาย และคลปิ วิดโี อสาธิตการฟ้นื ฟู
ร่างกายภายหลังการตดิ เชื้อโควิด - 19 รวมไปถึงได้มีการพูดคุยรว่ มกับเครือข่ายทีเ่ ป็นส่วนหนึ่งในการ
ทำงานกับผู้คนในชุมชนในการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้ผ่านทางโปรแกรมออนไลน์ ซึ่งก็ได้มี
การพูดคุยถึงข้อจำกดั ต่างๆ ศกั ยภาพของผู้ท่ีจะเขา้ ร่วมโครงการในการใช้เทคโนโลยี
4) การวางแผนในระยะสุดท้ายของการทำงานร่วมกับชมุ ชน
หลังจากการจัดกิจกรรมมีการแลกเปลี่ยนความรู้สึกและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงคู่มือ
“ความรู้สู้โควิด” นักศึกษาได้มีการวางแผนร่วมกับสมาชิก เพื่อจัดทำรูปแบบของสื่อเพิ่มเติมตาม
คำแนะนำ ได้แก่ จัดทำแผ่นให้ความรู้รวมช่องทางการติดต่อหน่วยงาน แผ่นให้ความรู้สาธิตท่าฟื้นฟู
รา่ งกายหลงั การตดิ เชื้อโควดิ - 19 และจัดทำเลม่ ค่มู อื โดยได้วางแผนกำหนดวนั เวลาในการส่งมอบส่ือ
ดังกล่าวให้แก่แกนนำดูแลชุมชนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และฝ่ายงานสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาล
ธรรมศาสตรเ์ พือ่ กระจายสคู่ นในชมุ ชนและคนที่สนใจเก่ยี วกับโรคโควิด - 19
16
ข้ันที่ 4 : ขน้ั การดำเนินงาน หรือการปฏิบัติการ
การจัดทำโครงการ “กระจายความรู้ ส่ชู ุมชน สโู้ ควิด”
หลกั การและเหตุผล
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID - 19 ที่มีการแพร่ระบาดในช่วงประมาณปี พ.ศ.
2563 จนถึงปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ของประเทศไทยได้เข้าสู่ระลอก 5 ซึ่งในการ
แพร่ระบาดของระลอกที่ผ่านมา มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด - 19 ที่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือ
โรงพยาบาลสนาม และรูปแบบการรักษาอื่นๆ เป็นจำนวนมาก โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ได้ร่วมกับ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์เพื่อให้บริการแก่ผู้ติดเชื้อโควิดโดยเฉพาะ
และได้ยุติการให้บริการไปเมื่อปลายปี พ.ศ. 2564 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ป่วยโควิด - 19 จะได้รับการให้บริการ
ดูแลรักษาจากโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ในรูปแบบต่างๆ จนหายจากอาการป่วยแล้ว แต่ในบางรายอาจ
ประสบปัญหากับภาวะอาการ Post - COVID ที่หลงเหลืออยู่ อ้างอิงจากข้อมูลของ World Health
Organization (WHO) ได้กล่าวว่า อาการ Post - COVID หรือที่เรียกว่าอาการ Long COVID เป็นอาการป่วย
ที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายระยะยาวที่เกิดขึ้นหลังการติดเชื้อโควิด - 19 โดยอาการที่พบส่วนใหญ่ คือ ความ
เหนื่อยล้าของร่างกายมากกว่าปกติ หายใจลำบาก มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้สมาธิและความจำ มีปัญ หาในการ
นอนหลับ รวมไปถึงมีความวิตกกังวลและอาจมีภาวะอาการซึมเศร้าตามมาได้ ซึ่งจะมีระยะเวลาของการเกิด
อาการ และมีระดับความรุนแรงของอาการที่มากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและส่งผลกระทบต่อการใช้
ชีวิตประจำวัน จึงมีความจำเป็นที่โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ต้องทำการติดต่อคุณภาพชีวิตหลังการติดเชื้อ
ของผูป้ ว่ ย Post – COVID
นักศึกษาในฐานะนักศึกษาฝึกภาคปฏิบัติ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้
มกี ารศึกษาขอ้ มลู ผทู้ ม่ี ารับการรกั ษาทีโ่ รงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ผา่ นการติดตามคณุ ภาพชีวิตหลงั จากการ
ติดเชื้อโควิด – 19 ซึ่งเป็นชุมชนของผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อโควดิ - 19 แล้ว แต่ยังต้องมีการติดตามอาการ
หลังจากการติดเชื้อโควิด - 19 อยู่เป็นระยะ โดยผู้คนในกลุ่มนี้เคยเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ภายใต้ระบบ
การดูแลรักษาของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ จากการสัมภาษณ์เชิงลึกจากคนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID
จำนวน 72 คน โดยใช้แบบประเมินสุขภาพและสำรวจความต้องการหลังการติดเชื้อโควิด 19 และได้ทำการ
เพิ่มคำถามเพื่อศึกษาทรัพยากรของชุมชนเพิ่มเติม ทำให้นักศึกษาได้เห็นถึงภาพรวมของปัญหาและความ
ต้องการของชุมชน โดยพบว่า ผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อโควิด - 19 แล้ว มีอาการหลงเหลือจากการติดเช้ือ
17
Post COVID จำนวน 38 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 52.8 ซง่ึ สว่ นใหญ่มีปัญหาเกีย่ วกับสุขภาพทางร่างกายในเรื่องของ
อาการผมร่วงอาการเหนื่อยล้าทางร่างกาย อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ และใน
บางคนได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจ ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมชุมชน นอกจากนี้ผู้คนยังขาดความรู้ความ
เข้าใจในการดูแลฟื้นฟูร่างกายของตนเองเบื้องต้นหลังจากที่หายจากการติดเชื้อโควิด - 19 รวมไปถึงยังขาด
ข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยบริการทางการแพทย์ที่ให้ความช่วยเหลือ และสิทธิต่างๆ ที่ควรได้รับในช่วงการแพร่
ระบาดของโรคโควดิ – 19
จากข้อมูลข้างต้น นักศึกษาจึงเห็นความสำคัญของการเข้าถึงความรู้ และความเข้าใจที่เกี่ยวกับโรคโค
วดิ – 19 จึงเกดิ เปน็ โครงการ “กระจายความรู้ สูช่ มุ ชน สู้โควดิ ” โดยนกั ศึกษาทำการรวบรวมข้อมลู และจัดทำ
เป็นคู่มือให้ความรู้เกี่ยวกับโควิดในการสังเกตอาการเบื้องต้น แนวทางปฏิบัติตนเมื่อติดเชื้อโควิด-19 รายช่ือ
หน่วยงานที่ให้บริการการรักษา แนวทางการติดต่อทั้งภาครัฐและเอกชน ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการประสาน
สทิ ธิการเยียวยาจากการตดิ เชือ้ โควิด - 19 รวมถึงการดแู ลตนเองในระยะฟ้นื ฟูตนเองหลงั การติดเชือ้ โควิด - 19
โดยกระจายคู่มือความรู้สู้โควิดผ่านแกนนำชุมชนไปสู่ผู้คนที่อยู่ในหลากหลายชุมชน เพื่อเป็นประโยชน์ในการ
เตรียมความพร้อม และเป็นแนวทางในการดูแลตนเองให้สามารถรับมือได้ด้วยตนเอง เมื่อต้องเผชิญกับความ
เสยี่ งในการติดเช้อื ในสถานการณ์ที่ยงั คงมีการแพรร่ ะบาดของโรคโควดิ - 19 อย่างตอ่ เน่ือง
วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ
1. เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับช่องทางการติดต่อหน่วยงานที่ให้บริการความช่วยเหลือทั้งภาครัฐและเอกชน
สิทธิตา่ งๆท่คี วรรู้ ร่วมไปถึงการดูแลตนเองในระยะฟื้นฟูหลังการติดเช้อื โควดิ - 19
2. เพอ่ื กระจายความรู้แกเ่ ครือข่ายท่ีเป็นแกนนำดแู ลชมุ ชนในพน้ื ทจ่ี ังหวดั ปทมุ ธานี
กลมุ่ เป้าหมาย
1. ผทู้ ่ีอยูใ่ นระยะฟนื้ ฟทู ี่ได้รับผลกระทบจากการตดิ เชื้อโควดิ – 19
2. แกนนำชมุ ชนและประชาชนท่ัวไปในชุมชนต่างๆ
18
การวางแผน และวธิ กี ารดำเนินงาน
เดอื น/สปั ดาห์
กจิ กรรม ธันวาคม มกราคม กุมภาพนั ธ์
3412341 2
1) ศึกษาข้อมูลของชุมชนผู้ป่วย Post - COVID
จากเอกสารข้อมูล และการสมั ภาษณ์เชงิ ลึกจากผู้ที่
เคยตดิ เช้อื โควดิ - 19 จำนวน 72 คน
2) วิเคราะห์ข้อมูล ปัญหา และความต้องการของ
กลุ่มเปา้ หมายในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID
3) คิดโครงการร่วมกับสมาชิกกลุ่ม โดยใช้ข้อมูล
จากความต้องการของชุมชนที่ได้มาจากการเก็บ
ข้อมูลจากแบบประเมินสุขภาพและสำรวจความ
ต้องการหลงั การตดิ เชอ้ื โควิด - 19
4) นำขอ้ มลู ทไี่ ดพ้ ูดคยุ รว่ มกับสมาชกิ ไปแลกเปล่ียน
กับอาจารย์ที่ปรึกษา และอาจารย์ภาคสนาม เพ่ือ
วางแผนการดำเนินงานโครงการทม่ี ีความเป็นไปได้
5) เริ่มดำเนินจัดทำโครงการโดยสืบค้น และสรุป
ข้อมูล และจัดทำคู่มือให้ความรู้ โดยมีประเด็น
ตา่ งๆ ดงั น้ี
- ลกั ษณะอาการ Post COVID และกลุม่ เสย่ี
- วิธีการฟื้นฟูร่างกายด้วยตนเอง สำหรับผู้ที่มี
อาการหลงเหลอื จากการติดเช้อื โควดิ – 19
19
เดอื น/สัปดาห์
กจิ กรรม ธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์
3412341 2
- สิทธกิ ารเยยี วยาสำหรบั ผู้ทต่ี ิดเชอื้ โควดิ – 19
- ข้อมูลหน่วยบริการต่างๆทั้งภาครัฐ และ
เอกชนท่ีใหค้ วามช่วยเหลอื ดแู ลผ้ตู ดิ เช้ือโควิด - 19
6) นำเสนอข้อมูลในคู่มือ และรูปแบบของคู่มือ
ให้แก่ประธานชุมชนอาสาสมัครพัฒนาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) และผู้ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อปรับแก้หรือเพิ่มเติมรายละเอียดส่วนต่างๆ ให้
เกิดความสอดคล้องกับความตอ้ งการกลุ่มเป้าหมาย
และได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับกิจกรรมเรียนรู้คู่มือใน
โครงการกระจายความรู้ สู่ชุมชน สู้โควิดที่จะทำ
การจัดขน้ึ
7) นำคำแนะนำที่ได้รับมาปรับแก้ไขในคู่มือให้
ความรู้ และจัดทำคู่มือการให้ความรู้ฉบับสมบูรณ์
โดยเพิ่มรูปแบบสื่อหนังสือเสียง คลิปวิดีโอสาธิต
การฟ้นื ฟรู ่างกายหลังการติดเช้อื โควดิ -19
8) ประชาสัมพันธ์โครงการกระจายความรู้ สู่ชุมชน
สโู้ ควดิ กจิ กรรมเรียนร้คู ู่มือความรู้สู้โควิด ผ่านกลุ่ม
ไลน์อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ
มนุษย์ (อพม.) ในพน้ื ทจี่ งั หวดั ปทมุ ธานี
9) ดำเนินการจัดกิจกรรมเรียนรู้คู่มือร่วมกับ
อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
20
เดอื น/สปั ดาห์
กจิ กรรม ธนั วาคม มกราคม กมุ ภาพันธ์
3412341 2
(อพม.) และคนในชุมชนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีที่
มีความสนใจ และสะดวกเข้าร่วมกิจกรรม และ
ประเมินความพึงพอใจคู่มือความรู้สู้โควิดหลังจาก
จบกจิ กรรม
10) ปรับปรุงคู่มือความรู้สู้โควิด โดยจัดทำเป็น
รูปเล่มขนาด A5 และสติ๊กเกอร์ตามข้อเสนอแนะที่
ได้รับจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้คู่มือ
สู้โควิด
11) ส่งมอบคู่มือความรู้สู้โควิดฉบับสมบูรณ์ และ
สติ๊กเกอร์ข้อมูลติดต่อหน่วยบริการทางการแพทย์
และท่าสาธิตการฟื้นฟูร่างกายให้แก่เครือข่ายและ
หน่วยงาน
12) สรปุ ผลการดำเนินโครงการ
ระยะเวลาการทำกิจกรรม
จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้คู่มือ “ความรู้สู้โควิด” ร่วมกับอาสาสมัครชุมชนพื้นที่ต่างๆ ในวันที่ 31
มกราคม 2565 ช่วงเวลา 13.30 น. - 15.30 น. โดยดำเนินการจัดกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์ ผ่านโปรแกรม
ZOOM
21
งบประมาณ คดิ เป็นเงิน 820 บาท
คิดเป็นเงนิ 450 บาท
1) พิมพ์เอกสาร คดิ เปน็ เงนิ 1,320 บาท
- คู่มือ ขนาด A5 จำนวน 20 เล่ม คดิ เป็นเงนิ 40 บาท
- สต๊กิ เกอร์ขนาด A3 จำนวน 15 แผน่ คดิ เปน็ เงนิ 95 บาท
- สติ๊กเกอร์ขนาด A5 จำนวน 176 แผ่น รวมเป็นเงนิ 2,725 บาท
2) คา่ เข้าเลม่ คมู่ ือ จำนวน 20 เล่ม
3) ค่าจัดส่งสอื่ ให้กบั เครอื ขา่ ยทีท่ ำงานชุมชน
รูปแบบการประเมินโครงการ
1) ประเมนิ จากการสะท้อนความคิดเห็น และขอ้ เสนอแนะของผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรม
2) ประเมินจากแบบสำรวจความพึงพอใจคู่มือ “ความรู้สู้โควิด” โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความพึงพอใจ
ภาพรวมในแต่ละขอ้ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
ผลทีค่ าดว่าจะได้รับ
คู่มือ ”ความรู้สู้โควิด” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับช่องทางการติดต่อทั้งภาครัฐและเอกชน ขั้นตอนการเข้ารับ
บริการจากหน่วยงานสาธารณสุข สิทธิการเยียวยาจากการติดเชื้อโควิด - 19 การดูแลตัวเองในระยะฟื้นฟู
หลังจากการติดเชื้อโควิด - 19 สามารถนำไปใช้ได้จริง และเป็นประโยชน์กับผู้คนกลุ่มต่างๆ สามารถส่งต่อ
ความรู้สู่สมาชิกหน่วยงาน องค์กร ภาคีเครือขา่ ยอ่ืนๆ ซึ่งจะเป็นประโยชนท์ ่ีทำงานร่วมกบั ชุมชนผู้ป่วย Post –
COVID
22
ข้นั ที่ 5 : ขนั้ การตดิ ตามและประเมนิ ผล
จากการดำเนนิ จดั กิจกรรมในโครงการกระจายความรู้ สชู่ ุมชน สู้โควดิ ผ่านกิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้
คู่มือ “ความรู้ สู้โควิด” โดยมีระยะเวลาการจัดกิจกรรม 1 วัน ในวันที่ 31 มกราคม 2565 ผ่านโปรแกรม
ZOOM มีผลการดำเนนิ โครงการดงั นี้
มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนทั้งสิ้น 29 คน โดยแบ่งเป็นเพศหญิง จำนวน 25 คน และเพศชาย จำนวน
4 คน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 21 – 61 ปีขึ้นไป โดยแบ่งเป็น ช่วงอายุ 21 - 40 ปี จำนวน 4
คน ชว่ งอายุ 41 - 60 ปี จำนวน 11 คน และช่วงอายุ 61 ปขี น้ึ ไป จำนวน 14 คน สว่ นใหญเ่ ป็นอาสาสมคั รดูแล
ชุมชน จำนวน 24 คน บุคคลทั่วไปจำนวน 3 คน ผู้นำชุมชน จำนวน 1 คน และผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการติด
เช้ือโควดิ – 19 จำนวน 1 คน ซึ่งผู้เข้ารว่ มส่วนใหญอ่ าศัยอยใู่ นพน้ื ทีช่ มุ ชนในจังหวดั ปทุมธานี
ซึ่งนักศกึ ษาได้มีการกำหนดรูปแบบของการประเมินโครงการ “กระจายความรู้ สู่ชุมชน สู้โควดิ ” ผ่าน
การประเมนิ ใน 2 ลักษณะดังน้ี
1) การประเมนิ ผลผ่านการสะท้อนความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของผู้เขา้ รว่ มโครงการ
นักศึกษาเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหลังจากการทำกิจกรรม
เรียนรู้คู่มือ “ความรู้สู้โควิด” โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า คู่มือมีข้อมูลท่ี
น่าสนใจ มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยเฉพาะวดิ ีโอสาธิตการฟื้นฟูรา่ งกายหลงั การติดเชือ้ โควิด -
19 นั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างมีประโยชน์ และง่ายต่อในการปฏิบัติงานร่วมกับชุมชน และนอกจากนี้ทาง
อาสาสมัครที่เข้าร่วมกิจกรรมได้มีข้อเสนอแนะให้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความหลากหลายของรูปแบบสื่อของ
คู่มือความรู้ โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมอยากให้ทำเป็นเล่มคู่มือ รวมถึงแผ่นสติ๊กเกอร์ให้ความรู้เกี่ยวกับช่อง
ทางการติดต่อหน่วยงาน และแผ่นให้ความรู้สาธิตการฟื้นฟูร่างกายที่สามารถแปะตามบ้านได้ เพื่อให้
กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผ้สู ูงอายุ หรือผ้พู ิการในชมุ ชนสามารถเข้าถงึ ไดส้ ะดวกมากยง่ิ ข้ึน
2) การประเมินผลผา่ นแบบประเมินความพึงพอใจคูม่ อื “ความรสู้ ู้โควดิ ”
การประเมนิ โครงการผ่านแบบประเมนิ ความพึงพอใจคมู่ อื ความรูส้ ้โู ควิดเปน็ การประเมินท่ีนักศึกษาให้
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทำการประเมินภายหลังจากการที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้คู่มือความรู้สู้โค
วิดท่ไี ด้จดั ทำขนึ้ โดยมรี ายละเอยี ดความพึงพอใจของผเู้ ข้ารว่ มกิจกรรม ดงั น้ี
23
พงึ พอใจ พึงพอใจ พงึ พอใจ พึงพอใจ พึงพอใจ
มากทส่ี ุด มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยท่สี ดุ
คำถาม
จำนวน จำนวน จำนวน จำนวน จำนวน
(รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) (ร้อยละ) (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ)
1. คู่มอื มีขอ้ มูลท่ีครบถว้ น 11 (37.93) 17 (58.62) - - 1 (3.45)
2. คู่มือมีขอ้ มลู อ่านเขา้ ใจงา่ ย 11 (37.93) 16 (55.17) 1 (3.45) - 1 (3.45)
3. คู่มอื มีความสวยงาม 10 (34.48) 17 (58.62) 1 (3.45) - 1 (3.45)
4. คู่มือมีประโยชน์และสามารถ 12 (41.38) 14 (48.28) 2 (6.90) - 1 (3.45)
ใชง้ านได้จริง
5. การสาธิตการฟื้นฟูปอด และ 14 (48.28) 12 (41.38) 2 (6.90) - 1 (3.45)
ร่างกายมีความชัดเจนและทำ
ตามได้
6. คู่มือมีสื่อที่ความหลากหลาย 11 (37.93) 15 (51.72) 2 (6.90) - 1 (3.45)
และสะดวกตอ่ การใช้คู่มอื
จากการวิเคราะห์การประเมินความพึงพอใจคู่มือความรู้สู้โควิด นักศึกษาได้มีการใช้คำถามเพื่อวัด
ระดับความพึงพอใจในคู่มือความรู้สู้โควิดในรูปแบบต่างๆ จำนวนทั้งหมด 6 คำถาม ซึ่งสามารถวิเคราะห์ผล
การประเมินออกมาในภาพรวมไดด้ งั นี้
1) คู่มอื มขี อ้ มลู ท่คี รบถว้ น มีผลระดบั ความพงึ พอใจ คิดเป็นร้อยละ 85.6
2) คู่มอื มขี ้อมลู อ่านเขา้ ใจง่าย มีผลระดบั ความพึงพอใจ คิดเปน็ รอ้ ยละ 84.83
3) คมู่ ือมีความสวยงาม มผี ลระดับความพงึ พอใจ คดิ เปน็ ร้อยละ 84.14
4) คู่มือมีประโยชนแ์ ละสามารถใช้งานได้จรงิ มีผลระดบั ความพงึ พอใจ คิดเปน็ ร้อยละ 84.83
24
5) การสาธิตการฟื้นฟูปอดและร่างกายมีความชัดเจนและทำตามได้ มีผลระดับความพึงพอใจ คิด
เป็นรอ้ ยละ 86.24
6) คู่มือมีสื่อที่ความหลากหลายและสะดวกต่อการใช้คู่มือ มีผลระดับความพึงพอใจ คิดเป็นร้อยละ
84.14
ขน้ั ท่ี 6 : ขน้ั การถอนตัวออกจากชมุ ชน
การถอนตัวออกจากชุมชนของนักศึกษาในการฝึกภาคปฏิบัติ 2 เนื่องด้วยลักษณะของชุมชนผู้ป่วย
Post - COVID ทเี่ ราศึกษาน้นั ไมไ่ ด้มขี อบเขตพื้นที่ทชี่ ัดเจน ผคู้ นในชุมชนผูป้ ว่ ย Post - COVID ไม่ไดอ้ ยู่อาศัย
อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้นักศึกษาไม่สามารถเข้าถึง และไม่สามารถปฏิบัติงานร่วมกับทางชุมชนได้โดยตรง
ดังนั้น ในขั้นของการถอนตวั ออกจากชุมชน นักศึกษาจึงได้ทำการติดต่อประสานงานกับทางอาจารย์ภาคสนาม
และเครือข่ายทที่ ำงานรว่ มกับชมุ ชนผปู้ ว่ ย Post - COVID เพือ่ สง่ มอบส่ือความรู้จากโครงการกระจายความรู้ สู่
ชุมชน สู้โควิดในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ เล่มคู่มือ “ความรู้สู้โควิด” แผ่นให้ความรู้รวมช่องทางการให้ความ
ช่วยเหลือ และแผ่นให้ความรู้สาธิตการฟื้นฟูร่างกาย แก่ประธานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ
มนุษย์ (อพม.) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ทำงานกับคนในชุมชน การกระจายสื่อไปยังชุมชนในพื้นท่ีต่างๆ และ
มอบให้แก่ฝ่ายงานสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เพื่อกระจายสื่อไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้ทำงานกับ
ชุมชนผู้ป่วย Post - COVID และผู้ที่สนใจเกี่ยวกับอาการ Post - COVID และได้มีการขอบคุณผู้ที่ให้การ
สนับสนุนในการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้การดำเนินการที่ทำให้การฝึกภาคปฏิบัติ 2 ครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้
ดว้ ยดี
25
2) แนวคดิ และทฤษฎีทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การปฏิบตั ิงานร่วมกับชมุ ชน
1. แนวคดิ การมีส่วนรว่ มของชมุ ชน
บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2548) ได้ให้ความหมายของการมีส่วนร่วมว่า การที่ปัจเจกบุคคลหรือ
กลุ่มคนเข้ามามีส่วนร่วมเกี่ยวข้อง ร่วมมือ ร่วมรับผิดชอบในกิจกรรมการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ต่อ
สงั คมในขัน้ ตอนตา่ งๆ ของการดำเนินกจิ กรรมนนั้ ๆ โดยมีกลุ่มหรอื องคก์ รรองรับ บคุ คลที่เข้ามามีส่วน
ร่วมการพฒั นาภูมิปัญญา การรบั รู้ สามารถคิดวิเคราะห์ และตัดสนิ ใจ เพื่อกำหนดการดำเนินชชีวิตได้
ดว้ ยตนเอง
ดังนั้น การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID คือการที่คนในชุมชนมีส่วนร่วม
ดำเนินการทั้งในขั้นตอนการศึกษาขอ้ มูลของชุมชน และขั้นการดำเนินงานและปฏิบตั กิ าร โดยแนวคิด
การมีส่วนร่วม เป็นแนวคิดที่อธิบายถึงกระบวนปฏิบัติงานโดยมีคนในชุมชนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องใน
การพัฒนา ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ และแก้ปัญหาของตนเอง ซึ่งจากการฝึกภาคปฏิบัติในชุมชนผู้ป่วย
Post - COVID นักศึกษาได้นำแนวคิดการมีส่วนรว่ มเปน็ พืน้ ฐานในการปฏบิ ตั ติ ่างๆ ดงั นี้
- นักศึกษาเปิดโอกาสให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลชุมชน ในขั้นของการศึกษา
ชุมชนโดยการสัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ ให้ได้เสนอความต้องการและปัญหาของตนเองที่
ตอ้ งการกำลงั เผชญิ และตอ้ งการความช่วยเหลือ
- นักศึกษาได้ปรึกษาโครงการร่วมกับอาจารย์ภาคสนาม และผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในการดูแล
ผ้ปู ่วย Post - COVID โดยได้รบั ความร่วมมอื จากทางอาสาสมคั รพัฒนาสังคมและความมั่นคง
ของมนุษย์ในการปรับปรุง และพัฒนาสื่อของโครงการกระจายความรู้สู่ชุมชนสู้โควิด รวมถึง
ใหค้ วามคิดเหน็ ทเ่ี ป็นประโยชนใ์ นการจดั กจิ กรรมแลกเปลยี่ นเรียนรูค้ ู่มือ“ความรู้ ส้โู ควิด”
- นักศึกษาเปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าร่วมกจิ กรรมให้เป็นส่วนหนึ่งในการกระจายความรู้ไปสู่ผู้คนใน
ชุมชน และให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ร่วมเสนอข้อเสนอแนะ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาก่อนการ
จดั ทำคู่มือ เพ่อื กระจายลงสู่ชมุ ชนตอ่ ไป
2. แนวคดิ ทนุ ทางสังคม
แนวคิดทุนทางสังคม เป็นแนวคิดที่อธิบายถึงการนำทุนทางสังคมไปใช้ในฐานะ “ทุน” ใน
รปู แบบของการพึ่งพาอาศยั เก้ือหนุนกนั และการใหค้ วามรว่ มมือกันภายในสังคม นอกจากน้ียังนำไปสู่
26
การเพิ่มศักยภาพและลดต้นทุนในการปฏิบัติงานมากกว่าการปฏิบัติงานแบบรายบุคคล โดยทุนทาง
สังคมมีลักษณะเด่น คือ ความไว้วางใจกัน (Trust) และเครือข่าย (Networks) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญท่ี
ทำให้เกิดการพัฒนาท่ียัง่ ยืนในสงั คม
ในการทำงานร่วมกับชุมชนผู้ป่วย Post - COVID มีข้อจำกัดในเรื่องของลักษณะที่คนใน
ชุมชนไม่ได้อยู่อาศัยในพื้นที่เดียวกัน และมีการกระจายไปในหลากหลายพื้นที่ ทำให้นักศึกษาไม่
สามารถเข้าถึง และทำกิจกรรมร่วมกับผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID ได้โดยตรง ซึ่งในการฝึก
ภาคปฏิบัติครั้งนี้ นักศึกษาได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเครือข่ายการทำงานของโรงพยาบาล
ธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นเครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) จังหวัด
ปทุมธานี ได้มีการพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานในการดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด -
19 และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วย Post - COVID ในพื้นที่ชุมชนจังหวัดปทุมธานี พบว่าอาสาสมัคร
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เป็นแกนนำดูแลชุมชนที่มีความเข้มแข็ง และมี
ศักยภาพในการทำงาน โดยผู้คนในชุมชนต่างให้ความไว้เนื้อเชื่อใจแก่แกนนำดูแลชุมชนให้เป็นผู้ดูแล
ความสงบเรียบร้อย ผู้นำทางข่าวสาร และเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือเมื่อตนเดือดร้อน ซึ่งในปัจจุบัน
ชุมชนพนื้ ท่ีจงั หวัดปทมุ ธานี
นักศึกษาจึงให้ความสำคัญกับพลังของเครือข่ายชุมชน ซึ่งเป็นทุนทางสังคมอย่างหนึ่งที่จะ
ช่วยขับเคลื่อนการดูแลผู้ป่วย Post - COVID ให้ได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสม โดยได้มีการเชิญ
ชวน และขอความร่วมมือแกนนำดูแลชุมชนเหล่านี้ให้มาเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้คู่มือ
“ความรสู้ ูโ้ ควดิ ” ในโครงการกระจายความรู้สู่ชมุ ชนสู้โควิด เพือ่ เปน็ การส่งเสริมความรู้ให้แกนนำดแู ล
ชุมชนมีศักยภาพในการทำงาน ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานในการรวบรวมหารายชื่อหน่วยงานให้ความ
ช่วยเหลือทจ่ี ำเป็นตอ่ ผคู้ นในชุมชนที่ตดิ เชือ้ โควิด - 19 หรอื ลดภาระงานในการสาธิตการฟ้ืนฟูร่างกาย
หลังการติดเชื้อโควิด - 19 ผ่านการสนับสนุนเครื่องมือในการปฏิบัติงานโดยจัดทำคู่มือ “ความรู้สู้โค
วิด” ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติงานและกระจายส่งต่อความรู้สู่ผู้คนในชุมชนได้ง่าย
และผลักดันให้แกนนำดูแลชุมชนในพื้นท่ีตา่ งๆ สามารถเปน็ ทนุ ทางสงั คมทจ่ี ะชว่ ยเหลือดูแลซึ่งกันและ
กันภายในพื้นที่ของตนเองซึ่งอาจจะมีทั้งกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิด - 19 กลุ่มผู้ป่วย Post - COVID และ
ผ้ทู ยี่ งั ไม่เคยตดิ เชือ้ โควิด - 19 อย่อู าศัยร่วมกนั ก็ได้
27
3) หลกั การทางสังคมสงเคราะห์ท่นี ำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานชมุ ชน
ระหว่างการฝึกภาคปฏิบัติ 2 นักศึกษาได้ยึดหลักการทางสังคมสงเคราะห์มาประยุกต์ใช้ในการ
ปฏิบัติงานร่วมกับคนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID และนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาโครงการร่วมกับ
เครือข่ายที่ทำงานกับผู้คนในชุมชน โดยหลักการทางสังคมสงเคราะห์ที่ทางนักศึกษาได้นำมาประยุกต์ใช้ในการ
ปฏบิ ตั งิ านมดี งั นี้
1. หลกั การเคารพความแตกตา่ งหลากหลายของผูค้ นในชมุ ชน
นักศึกษาได้นำหลักการเคารพความแตกต่างหลากหลายมาปฏิบัติงานร่วมกับชุมชน จากการ
ปฏิบัติงานร่วมกับชุมชนผู้ป่วย Post - COVID พบว่า ผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID มีความ
หลากหลายของกลุ่มเป้าหมาย โดยมีทั้งกลุ่มที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน และกลุ่มที่อยู่ในช่วงวัยผู้สูงอายุ ซึ่ง
ทั้งสองกลุ่มเป้าหมายมีการดำเนินวิถีชีวิต และมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน นักศึกษาจึงจำเป็นที่จะต้อง
ปรับความคดิ ของตนเอง และทำความเขา้ ใจในความแตกต่างในของผู้คนในชมุ ชน
นอกจากนี้ในการพัฒนาโครงการกระจายความรู้ สู่ชุมชน สู้โควิด ที่มีกลุ่มเป้าหมายในการจดั
กิจกรรมท่มี ีความแตกตา่ ง และมคี วามหลากหลาย นักศึกษาจึงต้องมกี ารคดิ และจัดทำรปู แบบของสอ่ื
ให้มีความหลากหลายรูปแบบมากขึ้น โดยยึดในเรื่องของความแตกต่างหลากหลาย และศักยภาพที่
อาจจะไม่เท่ากันของผู้คนในชุมชน เพื่อเป็นการสนับสนุนให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้ง่าย และ
งา่ ยตอ่ การกระจายสอื่ สผู่ ู้คนในชุมชนผ้ปู ่วย Post - COVID ที่กระจายออกไปในพ้ืนทตี่ ่างๆ
2. หลักการมสี ่วนร่วมของชมุ ชน
นักศึกษาได้มีการประยุกต์ใช้หลักการมีส่วนร่วมในการทำงานร่วม กับผู้คนในชุมชนผู้ป่วย
Post - COVID และเครือข่ายการทำงาน โดยได้มีการเปิดโอกาสให้ทุกคนไดเ้ ขา้ มามีส่วนร่วมในการได้
แสดงความคิดเห็น แสดงถึงความต้องการ และปัญหาที่เกิดขึ้น ผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้คนใน
ชุมชนผู้ป่วย Post - COVID รวมไปถึงการปรึกษาพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการทำงานกับชุมชน เพ่ือ
นำมาสู่การพัฒนาโครงการที่จะตอบสนอง และสามารถแก้ไขปัญหาของผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post -
COVID ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด นอกจากนี้ยังได้ให้เครือข่ายที่เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ดูแลชุมชนเข้ามามี
ส่วนร่วมในกิจกรรมเรียนรู้คู่มือความรู้สู้โควิด ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลซึ่งกันและกัน เปิด
โอกาสให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนา ปรับปรุง
28
แก้ไขสื่อคู่มือให้มีเหมาะสม และตอบสนองความต้องการแก่ผู้คนในชุมชนได้มากที่สุด และนำความรู้
ทไี่ ดร้ ับไปกระจายสกู่ ล่มุ เป้าหมายอื่นๆ ในชุมชนได้
3. หลกั การตระหนกั ในตนเอง
การตระหนักในตนเองเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการเข้าไปปฏิบัติงานในสังคม
ใหม่ๆ โดยจากการฝึกภาคปฏิบัติ 2 นักศึกษาได้มีการประยุกต์ใช้หลักการตระหนักในตนเอง โดยต้อง
มีการพึงระลกึ อยูเ่ สมอว่านกั ศกึ ษาอยูใ่ นฐานะของนกั ศึกษาฝึกภาคปฏบิ ัตวิ ิชาชีพสังคมสงเคราะห์ เป็น
ผู้ปฏิบัติงานร่วมกับชุมชน ควรจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเในการปฏิบัติหน้าที่บทบาทที่ได้รับ
มอบหมาย และแยกแยะเวลาส่วนตัว อารมณ์ ความรู้สึก ความเหนื่อยล้าของตนเองออกจากการ
ทำงาน เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ไร้อคติ ทั้งต่อเพื่อนร่วมทีมผู้ปฏิบัติงานด้วยกันเอง
หนว่ ยงานทเ่ี ข้าไปฝึกภาคปฏิบตั ิ ชุมชน หรือเครอื ข่ายที่ต้องทำงานรว่ มดว้ ย
4) ทกั ษะทางสงั คมสงเคราะห์ทน่ี ำมาประยุกต์ใชใ้ นการทำงาน
1. ทกั ษะการสร้างสมั พนั ธภาพ
ทักษะการสร้างสัมพันธภาพ ถือเป็นทักษะที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากเมื่อต้องไป
ปฏิบัติงานร่วมกับผู้คนในชุมชน เนื่องจากเป็นทักษะที่นักศึกษาจะต้องนำมาใช้อยู่เสมอในระหว่างฝึก
ภาคปฏิบัติ ทั้งในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID และเครือข่ายท่ีทำงาน
กับชุมชน โดยในช่วงของการศึกษาข้อมูลชุมชน นักศึกษาได้นำทักษะการสร้างสัมพันธภาพมาใช้เป็น
ทักษะแรกๆ ของการปฏิบัติงาน โดยใช้มีการสร้างสัมพันธภาพกับผู้คนในหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย
ภายในชุมชน โดยได้ใช้ทักษะนี้ในระหว่างการพูดคุยกับคนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID เพ่ือเก็บ
ข้อมูลจากผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID การสร้างสัมพันธภาพได้เริ่มตั้งแต่การที่นักศึกษาได้ทำ
การอธิบายจุดประสงค์ของการพูดคุยกัน และขอรับการยิมยอมในการให้ข้อมูลของคนในชมุ ชนโดยไม่
มกี ารบังคับ และไม่เรง่ รัดในการขอขอ้ มูลจนเกนิ ไป เพือ่ ใหผ้ ใู้ หข้ ้อมลู เกิดความรสู้ กึ สบายใจมากทสี่ ดุ
นอกจากนี้ในช่วงของการวางแผนการพัฒนาโครงการ นักศึกษาได้ใช้ทักษะในการสร้าง
สัมพันธภาพระหว่างการลงพื้นที่เพื่อพบปะพูดคุยกับอาสาสมัครพัฒนาชุมชนและความมั่นคงของ
มนุษย์ (อพม.) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ทำงานร่วมกับหน่วยงาน และมีส่วนในการดูแลคนในชุมชน
29
ผู้ป่วย Post - COVID โดยนักศึกษาได้มีการแนะนำตัว วางตัวให้สุภาพเหมาะสม ได้พูดคุยและมีการ
อธิบายที่มาของโครงการ และจุดประสงค์ที่นักศึกษาได้มาลง เพื่อเก็บข้อมูลนำไปปรับปรุงกิจกรรมใน
โครงการกระจายความรู้ สชู่ ุมชน ส้โู ควดิ ท่ีจะเกิดข้นึ
และที่สำคัญนักศึกษาได้ปรับใช้ทักษะการสร้างสัมพันธภาพในระหว่างการจัดกิจกรรม
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในโครงการ โดยนักศึกษาไม่ได้มีการวางตัวว่าเป็นผู้สอนคู่มือ เนื่องจากอาจจะ
ทำให้บรรยากาศดูเคร่งเครียด และอึดอัดจนเกินไป แต่นักศึกษาได้มีการสร้างสัมพันธภาพทำความ
รู้จักกันก่อนเริ่มทำกิจกรรม เพื่อสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย และวางตัวให้อยู่ในลักษณะของการ
เปน็ เพอ่ื นทีม่ ารวมกลมุ่ เพอ่ื เรยี นรู้แลกเปลย่ี นความรรู้ ว่ มกัน
2. ทกั ษะการสมั ภาษณ์
เป็นทักษะทีน่ ักศึกษาได้นำมาประยกุ ตใ์ ช้ในระหว่างการสัมภาษณ์ผู้คนในชุมชนผู้ปว่ ย Post -
COVID โดยนักศึกษาได้มีการปรับเปลี่ยนลักษณะการใช้คำถามให้มีความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
มีการปรับการใช้น้ำเสียงอย่างเหมาะสม และมีการตั้งคำถามที่แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
เนื่องจากกลุม่ เป้าหมายในชุมชนผปู้ ่วย Post - COVID มที งั้ ผทู้ เี่ ป็นผสู้ งู อายุและผูท้ ่อี ยใู่ นชว่ งวัยทำงาน
เพื่อให้เกิดความเข้าใจในคำถามได้ง่ายมากขึ้น และสร้างความไว้วางใจในการให้ข้อมูล นอกจากนี้ยัง
นำเทคนิคต่างๆ เข้ามาใช้ในระหว่างการสัมภาษณ์เชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคำถามแบบปลายเปิดให้
ผู้ให้ข้อมูลสามารถตอบได้อย่างอิสระ มีการต่อยอดคำถาม และการทวนความสรุปความร่วมด้วย
เพ่ือให้ได้ขอ้ มลู ท่คี รบถ้วนและถูกตอ้ งมากที่สดุ
3. ทกั ษะการฟงั อยา่ งตงั้ ใจ
นักศึกษานำทักษะการฟังอย่างตั้งใจมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกับชุมชน โดยได้
นำมาใชใ้ นระหวา่ งการศกึ ษาข้อมลู ชุมชนผูป้ ว่ ย Post - COVID ซ่งึ เปน็ การสัมภาษณ์ผา่ นโทรศัพท์เป็น
หลัก ทักษะการฟังจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการที่จะนำมาใช้ในการเก็บข้อมูลที่ผู้คนในชุมชนได้ให้มาได้
อย่างครบถ้วน และนอกจากนี้ในการทำงานร่วมกับสมาชิกภายในกลุ่ม ทักษะการฟังอย่างตั้งใจก็ถูก
นำมาใช้อยู่เสมอ เนื่องจากจะต้องมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล ปรึกษาหารือ ประชุมหาข้อตกลงใน
การทำงานอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นการฟังจึงเป็นทักษะที่สำคัญอย่างมากเพื่อให้ได้รับข้อมูล ข่าวสาร และ
เขา้ ใจประเดน็ ตา่ งๆ ทต่ี รงกนั ในการทำงานรว่ มกับสมาชิกภายในทมี
30
4. ทกั ษะการสงั เกต
นักศึกษาได้ประยุกต์ใช้ทักษะการสังเกตช่วงแรกของการศึกษาการปฏิบัติงานของหน่วยงาน
เพื่อทำความเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติงานของนักสังคมสงเคราะห์แก่กลุ่มผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ ในขั้นของ
การศึกษาชุมชน นักศึกได้มีโอกาสร่วมดำเนินการติดตามคุณภาพชีวิตหลังการติดเชื้อโควิด - 19 ผ่าน
การสัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อศึกษาข้อมูลชุมชนจากคนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID ซึ่งใน
ระหว่างการสัมภาษณ์ นักศึกษาได้ใช้ทักษะการสังเกตจากน้ำเสียง และจังหวะในการตอบพูดคุย และ
การตอบคำถาม เพ่อื ตคี วามถงึ อารมณ์ในขณะนนั้ ของผู้ตอบคำถาม นอกจากนี้ ทกั ษะการสังเกตยังถูก
ใช้ในระหว่างการร่วมลงพื้นที่ชุมชน เพื่อสังเกตถึงการปฏิบัติงาน และการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม
อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในขณะปฏิบัติงานในชุมชน ซึ่งก็ทำให้
นักศกึ ษาไดเ้ ห็นถึงการเขา้ ถึงผ้คู นในชมุ ชนของอาสาสมัครไดม้ ากขึ้น
5. ทักษะการจดบนั ทกึ
นักศึกษาได้นำทักษะการจดบันทึกเข้ามาใช้ควบคู่ไปกับฟังอย่างตั้งใจ การสัมภาษณ์ การ
ประชุม การวางแผน การลงพื้นที่ โดยนักศึกษามีการจดบันทึกในลักษณะของการจดคำสำคัญ
(Keyword) เพื่อให้รวดเร็วในระหว่างการปฏิบัติงานชุมชน รวมไปถึงได้มีการใช้เทคนิคการวาดภาพ
หรือการใช้แผนผัง (Mind Map) เข้ามาประกอบร่วมไปกับการจดบันทึก เพื่อง่ายต่อการอ่าน และทำ
ความเขา้ ใจภายหลังจากที่ไดท้ ำการศึกษาชมุ ชน
6. ทักษะการทำงานเปน็ ทีม
นักศึกษาได้ประยุกตใ์ ช้ทักษะการทำงานเปน็ ทมี ในการปฏบิ ัตงิ านร่วมกับเพ่ือนสมาชิกในกลมุ่
เนื่องจากในการฝึกภาคปฏิบัติ 2 ในครั้งนี้ สมาชิกภายในกลุ่มเกิดจากการรวมตัวกันระหว่างกลุ่มสอง
กลุม่ ท่ีไม่ได้รู้จกั กันมากอ่ น จึงทำใหต้ อ้ งมกี ารทำความรู้จกั และสรา้ งความเคยชนิ ในการทำงานร่วมกัน
โดยในระหว่างการปฏิบัติงานชุมชน นักศึกษาจะต้องมีการพูดคุยถึงวัตถุประสงค์ และเป้าหมายของ
การฝึกภาคปฏิบัติในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันของสมาชิกในแต่ละคน รวมถึงมีการ
วางแผน การนดั หมาย ประชุม และการแบ่งภาระหน้าที่ ซงึ่ สมาชกิ ทุกคนในกลุ่มต่างตอ้ งมีการปรับตัว
และมีความรับผดิ ชอบหน้าทีข่ องตนเอง เพื่อไม่ให้กระทบกับงานของทีม ซึ่งจะมีการแลกเปลีย่ นความ
คิดเห็นกันอยู่เสมอ เพื่อให้การทำงานนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทักษะการทำงานเป็นทีมร่วมกับ
สมาชกิ ในกลุ่มจงึ เปน็ สงิ่ ท่สี ำคัญเปน็ อยา่ งมาก
31
7. ทกั ษะการประสานงาน
นักศึกษาได้ประยุกต์ใช้ทักษะการประสานงานในการติดต่อสื่อสารผู้ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนา
และจัดทำโครงการไม่ว่าจะเป็นประสานงานกับอาจารย์นิเทศงานในคณะ อาจารย์ภาคสนาม และ
เครือข่ายดูแลชุมชน เพื่อให้ขอความร่วมมือในการร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจัดทำคู่มือความรู้สู้โค
วิด หรือประสานขอความร่วมมือในการดำเนินการโครงการให้บรรลุเป้าหมายของกิจกรรมโครงการ
เช่น การติดต่อแกนนำดูแลชุมชนเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลการทำงาน นำไปสู่การจัดทำและพัฒนา
โครงการ การประสานงานเพื่อนัดหมายส่งมอบหนังสือคู่มือความรู้สู้โควิด หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
หนงั สือเสยี ง วดิ ีโอสาธิตการฟื้นฟูร่างกายหลังจากการติดเช้อื และแผ่นโปสเตอร์ ให้กับหน่วยงาน และ
คนในชมุ ชน
8. ทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยี
โดยในการฝึกภาคปฏิบัติภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID - 19 เทคโนโลยี
กลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของคนในชุมชนผู้ป่วย Post - COVID ที่มีการ
กระจายตัวของผู้คนไปในหลายพื้นที่ ซึ่งนักศึกษาได้มีการปรับใช้เทคโนโลยีในการสืบค้นข้อมูลจาก
แหล่งต่างๆ เพื่อศึกษาข้อมูลชุมชน ซึ่งในระหว่างการทำงานสมาชิกในทีมมีการใช้แอปพลิเคชัน Line
เว็บไซต์ Google Document และ Canva ในการทำงานและเตรียมการโครงการเป็นหลัก และใน
การจัดทำโครงการมีการประยุกต์ใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ โปรแกรมอัดเสียงในการจัดทำสื่อคู่มือใน
รูปแบบต่างๆ และยังใช้โปรแกรม Zoom ในการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้คู่มือความรู้สู้โควิด
เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้คนที่อยู่ในหลากหลายพื้นที่ และลดการรวมตัวตามมาตราการการป้องกันการ
แพรร่ ะบาดของโรคโควดิ - 19
2.2 บทบาทของนกั ศกึ ษาในการรว่ มปฏบิ ตั ิงานกบั ชมุ ชน
1) บทบาทผู้เรยี นรู้
- นักศึกษาได้เป็นผู้เรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของฝ่ายการสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาล
ธรรมศาสตร์ ที่มีหน้าที่สำคัญในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสิทธิ การรักษาการติดตามคุณภาพ
ชวี ิตของผ้ปู ่วย Post – COVID ไดเ้ ห็นถึงการลงพ้ืนท่กี ารทำงานรว่ มกับชมุ ชน
- นักศึกษาได้เป็นผู้เรียนรู้ถึงสภาพปัญหาและความต้องการของผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post –
COVID
32
- นักศึกษาได้เป็นผู้เรียนรู้การทำงานของเครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมัน่ คงของ
มนษุ ย์ (อพม.) ซ่ึงเปน็ หนึ่งในเครือขา่ ยที่ไดท้ ำงานรว่ มกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ในการดูแล
ผู้คนในชุมชนผ่านการพดู คยุ แลกเปลยี่ นข้อมูล
2) บทบาทผู้ประสานงาน
โดยนักศึกษาได้เป็นผู้ประสานงานกับเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับชุมชนผู้ป่วย Post – COVID โดยเริ่ม
ตั้งแต่ประสานงานพูดคุยกับอาจารย์ภาคสนาม เพื่อขอข้อมูลในการติดต่อกับเครือข่าย จากนั้นนักศึกษาได้
ประสานงานกับประธาน และสมาชิกอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการแลกเปลี่ยน
ข้อมูลความต้องการ สภาพปัญหาของชุมชน เพื่อนำข้อมูลมาปรับแก้คู่มือให้ความรู้ในโครงการ และ
ประสานงานขอความช่วยเหลือในการประชาสัมพันธ์โครงการที่นักศึกษาได้จัดทำขึ้น รวมถึงให้อาสาสมัคร
พัฒนาชุมชนและความมัน่ คงของมนษุ ย์ (อพม.) เปน็ ผูก้ ระจายคูม่ ือให้ความรไู้ ปถงึ ในชุมชน และพื้นทีต่ า่ งๆ
3) บทบาทผู้รว่ มสร้างความรู้
โดยนักศึกษามีบทบาทในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกบั ลกั ษณะอาการ Post COVID วิธกี ารฟ้นื ฟูรา่ งกาย
ดว้ ยตนเองสำหรบั ผทู้ มี่ ีอาการหลงเหลอื จากการตดิ เชอ้ื โควดิ - 19 สทิ ธกิ ารเยยี วยาสำหรับผู้ท่ตี ิดเช้ือโควิด - 19
และข้อมูลหน่วยบริการตา่ งๆทั้งภาครัฐและเอกชนทีใ่ ห้ความช่วยเหลือดูแลผู้ติดเชื้อโควิด - 19 และจัดทำเปน็
คู่มือ “ความรู้สู้โควิด” ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับโควิดในด้านต่างๆ โดยได้กระจายความรู้ผ่านกิจกรรมการพูดคุย
แลกเปลี่ยนเรียนรู้รายละเอียดต่างๆ ภายในคู่มือ “ความรู้สู้โควิด” ให้แก่อาสาสมัครพัฒนาสังคม และความ
มน่ั คงของมนษุ ย์ เพ่ือนำความรู้ และคู่มอื กระจายสคู่ นในชุมชน
4) บทบาทในการศกึ ษาและพฒั นาคูม่ ือ
โดยนักศึกษาได้มีการค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มีการสังเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมให้เกิดข้อมูลที่มี
องค์ประกอบครบถ้วน และมีการตรวจสอบข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้ความรู้ที่จะถูกส่งต่อไปยังชุมชนเป็น
ข้อมูลที่ใช้ได้จริง และมีประโยชน์ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนารูปแบบของคู่มือให้หลากหลายได้แก่ หนังสือเสียง
คู่มือแบบเล่ม คู่มือแบบไฟล์อิเล็กทรอนกิ ส์ วิดีโอสาธิตการฟื้นฟูร่างกายหลังการติดเชื้อโควดิ - 19 และแผ่นให้
ความรแู้ บบสติ๊กเกอร์ เพ่อื ใหเ้ ขา้ ถึงกลมุ่ เปา้ หมายใหม้ ากที่สุด
33
บทท่ี 3
สรปุ บทเรยี นรทู้ ี่ไดจ้ ากการทำงานกับชมุ ชน และข้อเสนอแนะ
3.1 สรุปบทเรียนการปฏบิ ัติงานรว่ มกับชมุ ชน
1) จากการฝึกภาคปฏิบัติพบว่า ชมุ ชนผ้ปู ว่ ย Post - Covid มีบรบิ ทของชมุ ชนทีแ่ ตกต่างจากนิยามความ
เป็นชุมชนทั่วๆ ไปจากที่นักศึกษาได้เคยเรียนรู้มา เนื่องจากชุมชนผู้ป่วย Post - Covid เป็นชุมชนท่ี
เกิดจากการรวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์ผู้ป่วยในพื้นที่ต่างๆ ภายใต้การดูแลของ
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ โดยคนในชุมชนเป็นกลุ่มคนที่มีประสบการณ์ในการอยู่ในระยะหลงเหลือ
ของอาการ (Post - Covid or Long - Covid) และมีปฏิสัมพันธ์ทางอารมณ์ และความรู้สึกเกี่ยวกับ
ประสบการณ์ร่วมดังกล่าว ลักษณะความเป็นชุมชนที่ศึกษาจึงมีความแตกต่าง มีเป้าหมายเฉพาะที่
ผเู้ กย่ี วขอ้ งรว่ มกันสร้างขน้ึ
2) กลุ่มเป้าหมายภายในชุมชนผู้ป่วย Post - covid มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งกลุ่มเป้าหมายที่
เป็นผู้สูงอายุ และผู้ทอี่ ยใู่ นช่วงวยั ทำงาน
3) การแพรร่ ะบาดของโรคโควิดส่งผลตอ่ ความความเข้มแข็งของครอบครัว และชุมชนท่มี ีชดุ ความรู้ความ
เข้าใจต่อโรคโควิดที่หลากหลาย ซึ่งส่งผลต่อการปฏิบัติตนและความสัมพันธ์ในชุมชนที่แต่ละคน (ใน
ฐานะท่ีผู้ปว่ ย) อาศยั อยู่
4) ในบริบทของชมุ ชนผู้ป่วย Post - Covid ที่มีการกระจายไปในหลากหลายพื้นที่ จึงทำให้นักศึกษาเห็น
ความสำคญั ของเครือขา่ ยในพืน้ ทต่ี ่างๆ ทมี่ ีความใกลช้ ดิ กับผคู้ นเหลา่ นน้ั ดังน้ัน เครือข่ายจึงกลายเป็น
สว่ นสำคัญในการกระจายค่มู อื แกค่ นในหลากหลายชุมชน
3.2 ปัญหา อปุ สรรค และขอ้ คน้ พบ
1) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ทำให้นักศึกษาไม่สามารถลงศึกษาชุมชนจริงๆได้
จึงมีการปรับเปลี่ยนเป็นการศึกษาชุมชนผู้ป่วย Post - Covid ในลักษณะที่เป็นรูปแบบออนไลน์ ที่
ชว่ ยทัง้ เรอ่ื งความปลอดภัยและเป็นชอ่ งทางใหม่ในการส่ือสารติดตอ่ กัน
2) ลักษณะของชุมชนผู้ป่วย Post - Covid มีบริบทชุมชนแตกต่างไปจากชุมชนทั่วไป ที่ไม่ได้ขอบเขต
พื้นที่ที่ชัดเจน โดยผู้คนกระจายไปในพื้นที่ต่างๆ การเก็บข้อมูลชุมชนจึงต้องใช้การสัมภาษณ์ทาง
โทรศัพท์ ทำให้ไม่สามารถสังเกตการใช้ชีวิต และบริบทแวดล้อมของผู้คนในชุมชนได้ แต่การเพิ่มเติม
ประเด็นในการสัมภาษณท์ นี่ ักศึกษาออกแบบช่วยใหเ้ ห็นบรบิ ทน้ี
34
3) เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาในการพบปะพูดคุยร่วมกับ
เครือข่ายที่มีส่วนสำคัญในการทำโครงการ และทำให้รูปแบบการจัดกิจกรรมต้องจัดในรูปแบบ
ออนไลน์ ซึ่งผู้ที่ร่วมกิจกรรมบางท่านก็ไม่ไม่คุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยี จากข้อจำกัดในการพบปะกัน
ในชีวติ จริง เทคโนโลยีจงึ มีความสำคัญอยา่ งมาก และเป็นหนทางเดยี วทจี่ ะสามารถจดั กจิ กรรมได้
3.3 การเปลีย่ นแปลงทางความรู้ ทัศนคติ และทักษะ
1) นักศึกษาได้มีการพัฒนาทางด้านของการสื่อสาร โดยได้สื่อสารพูดคุยกับผู้คนหลากหลาย
กล่มุ เปา้ หมายที่อยูใ่ นชมุ ชนผูป้ ว่ ย Post-Covid โดยในแต่ละกลมุ่ จะต้องมีการส่อื สารพดู คยุ ในลกั ษณะ
ที่แตกตา่ งกันไป ทำให้นักศึกษาก็ต้องมีการเปลีย่ นแปลงรปู แบบการสื่อสาร การใช้น้ำเสียงหรือท่าทาง
ที่แสดงออกให้มีความรู้สึกที่เป็นกันเองมากขึ้นให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่นักศึกษาต้องการ
ส่อื สารดว้ ย
2) นักศึกษาได้พัฒนาทักษะการแก้ไขปัญหา เนื่องจากการฝึกภาคปฏิบัติมีข้อจำกัดหลายๆ อย่างเกิดขึ้น
ทำให้นักศึกษาต้องมีการประเมินสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตล่วงหน้า และมีการเตรียมแผนการรับมือให้
สอดคล้องกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้จริง เช่น มีการวางแผนรูปแบบการดำเนินโครงการท่ี
หลากหลาย ทั้งในรูปแบบการจัดกิจกรรมในพื้นที่จริง หรือจัดกิจกรรมผ่าน Social Media ทั้งหมด
หรอื จดั กิจกรรมแบบผสมผสาน เพอ่ื รองรับสถานการณท์ ี่อาจมกี ารเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
3) การมองชมุ ชนทแี่ ตกต่างไปจากเดมิ โดยไม่ยึดติดแค่ว่าชุมชนจะตอ้ งมขี อบเขตพ้นื ทีท่ ี่ชดั เจน แตช่ ุมชน
สามารถเกดิ จากผูท้ มี่ ปี ระสบการณ์รว่ ม มกี ารใช้ทรัพยากรรว่ มกนั หรือมีวตั ถุประสงคใ์ นความตอ้ งการ
ร่วมกันได้ ชมุ ชนอาจเป็นเคร่ืองมอื ทส่ี รา้ งและออกแบบการทำงานที่เหมาะสมกบั ผคู้ นได้
4) การเปล่ยี นแปลงในเร่ืองของทศั นคติในการทำงานร่วมกับผูอ้ ่ืน โดยไดเ้ ห็นถึงความแตกตา่ งของสมาชิก
ในกลุ่ม ว่าแต่ละคนมคี วามถนัด และมีศกั ยภาพที่แตกต่างกันไป จึงต้องมีการปรับตัวและปรับรูปแบบ
การทำงานรว่ มกัน เพอ่ื หาจดุ สมดุลในการทำงานใหง้ านสำเร็จลลุ ว่ ง
3.4 ขอ้ เสนอแนะต่อการปฏิบัตงิ าน และการฝึกภาคปฏบิ ตั ิ
1) การฝึกภาคปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่ไม่ใช่ลักษณะหน่วยงานที่เป็นสำนักพัฒนาชุมชน ทางหน่วยงาน
ควรมีการกำหนด และแจ้งรายชื่อชุมชนที่เป็นเครือข่ายการทำงานร่วมกับหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความ
ชัดเจนแกน่ ักศึกษาในการฝึกภาคปฏิบัติ และรวดเรว็ ในการทำการศึกษาขอ้ มูลของชุมชน
35
2) ระยะเวลาในการฝึกภาคปฏิบัติสั้นเกินไป ทำให้ระยะเวลาในการศึกษาชุมชน วางแผน ดำเนินการ
ติดตาม และประเมินผลโครงการค่อนข้างเร่งรัด ไม่เพียงพอในการปฏิบัติงานจริง ทำให้ระยะการ
ตดิ ตามและประเมินผลต้องดำเนนิ การหลังจากทส่ี ้นิ สุดกำหนดเวลาในการฝึกภาคปฏบิ ตั ิออกไปอีก จึง
ควรปรับรูปแบบการฝึกภาคปฏิบัติหรือภาระงานให้เหมาะสมกับระยะเวลาการฝึกภาคปฏิบัติในคร้ัง
นน้ั ๆ
3) คณะควรมกี ารพจิ ารณาในการจัดสรรงบประมาณให้นกั ศึกษาในการฝกึ ภาคปฏบิ ัติ เนอื่ งจากนักศึกษา
ไม่มีงบประมาณในการพฒั นาโครงการ ทำใหน้ ักศึกษาไมส่ ามารถจัดทำสอ่ื คู่มือตามจำนวนท่ีเหมาะสม
ให้แกช่ ุมชนทตี่ อ้ งการสือ่ ของโครงการได้
36
รายงานการถอดบทเรียนจากการฝกึ ภาคปฏิบตั ิ 2
37
หวั ขอ้ : “Help Me to Help You”
โดย : นางสาวธนวรรณ จนั ทร์ยงค์ เลขทะเบยี นนักศกึ ษา 6105490020
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากการฝึกภาคปฏิบัตใิ นครั้งนีเ้ ริ่มจากความรู้สึกตื่นเตน้ อยากร้อู ยากเห็น เหมอื นเด็กที่เพิ่งเคยพบเจอ
โลกใหม่ หน่วยฝึกที่เสมือนรูหนอนที่นักศึกษายังไม่เคยได้ค้นพบ ได้ยินเพียงแค่ชื่อเสียงเรียงนามของความโหด
ของความเปน็ ระเบียบ ความกระตือรอื ร้นของอาจารย์ภาคสนาม ความภาคภูมิใจจากสงิ่ ทห่ี นว่ ยฝึกได้สรรสร้าง
เพือ่ สงั คม แต่เมอ่ื การฝกึ ดำเนนิ ไปกระบวนการต่าง ๆ ได้สร้างความเหนอ่ื ยล้า สร้างรอยบาดแผลทางความรู้สึก
สร้างรอยเค้นจากความอดทนอยู่ในความทรงจำทั้งดีและไม่ดี จนสิ้นสุดกระบวนการฝึกได้เกิดโครงการที่เป็น
ประโยชน์ เกิดการเรียนรู้ การตรากตรำ ความพยายาม และในที่สุดก็เกิดความสบายกาย สบายใจ และเรียนรู้
ที่จะเข้าใจแก่ตัวนักศึกษาเอง เมื่อได้มีเวลามาทบทวนเรื่องราวก้าวแรกของการฝึกจนก้าวสุดท้ายที่เดินแตะท่ี
เส้นชัย นักศึกษาได้พบเห็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายในการฝึกครั้งนี้ และเกิดความรู้สึกที่หลากหลาย
และได้ผ่านพ้นมันได้ นักศึกษาจึงขอเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านตัวอักษรในการถอดบทเรียนรู้ครั้งนี้ เพื่อเก็บเปน็
ความทรงจำ และบทเรียนรขู้ องตนเอง
เมื่อตัวนักศึกษาได้มีความกังวลใจเกี่ยวกับความสามารถ ศักยภาพของตนเองว่าจะมีไม่เพียงพอที่จะ
เข้าไปฝึกภาคปฏิบัติที่ฝ่ายงานสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์จากที่ผ่านมาได้รับฟังชื่อเสียงการ
ทำงานของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์มาตลอดวา่ เปน็ หนว่ ยงานที่มีประสทิ ธภิ าพ และมีพลงั ในการขบั เคลื่อนงาน
ต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะการดูแลผูท้ ่ีติดเชือ้ โควิด – 19 ที่โรงพยาบาลได้มสี ่วนสำคัญในการให้บริการมาโดย
ตลอด นักศึกษาจึงคาดเดาว่าโรงพยาบาลนั้นจะต้องมีเครือข่ายชุมชนในการทำงานอย่างแน่นอน จึงทำให้การ
ขับเคลื่อนในการให้บริการดูแลผู้ป่วยในรูปแบบ Home Isolation มีประสิทธิภาพและมีความรวดเร็วในการ
ทำงาน จึงเป็นเรื่อง ท้าทาย และชวนให้ตื่นเต้นเมื่อจะได้มีโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเห็นภาพ
การทำงานจากผู้ท่มี คี วามเชยี่ วชาญในสหวิชาชพี สงั คมสงเคราะห์รว่ มกบั เครอื ขา่ ยการทำงานอน่ื ๆ
เริ่มแรกในการฝึกภาคปฏิบัตินักศึกษาได้รับมอบหมายเรียนรู้เกี่ยวกับการให้บริการทางสังคม
สงเคราะห์แบบรายกรณี พบว่าเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาของผู้ใช้บริการนั้นกลับเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ควรทราบ แต่
แม้แต่ตัวนักศึกษาเองยังไม่มีความรู้ในด้านนั้น ๆ ที่มากพอทั้งที่เปน็ เร่ืองสำคัญและจำเปน็ เช่น สิทธิการเข้ารับ
การรักษาในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนี้อาจารย์ภาคสนามได้มีการเกริ่นถึงการติดตามคุณภาพชีวิตหลังจากการ
ติดเชื้อโควิดมาโดยตลอดซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องใกล้ที่ไกลตัวนักศึกษา ถึงแม้ว่าโควิดจะเป็นเรื่องที่เราได้ทราบกัน
38
บ้างเกย่ี วกบั อาการ การปฏบิ ัติตน พื้นท่ีทมี่ ผี ้คู นตดิ การกกั ตัว แต่ตวั นักศกึ ษาก็ไมไ่ ด้มปี ระสบการณ์ร่วม หรือมี
ผู้ใกล้ชิดติดเชื้อโควิด – 19 เลยจึงแอบกังวลใจเล็กนอ้ ยว่าการสัมภาษณ์ที่จะเกิดข้ึนจะเป็นการถามซ้ำรอยแผล
ทางความรู้สึกเขาหรือไม่ แต่ก็ได้มีการเตรียมตัว ศึกษาการใช้แบบประเมิน และการตั้งคำถาม ไว้ประมาณนึง
เพื่อให้การสัมภาษณ์นั้น ๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นมากที่สุด เมื่อได้ทำการติดตามคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่เคย
ติดเชื้อโควิด หรือผู้คนในชุมชนผู้ปว่ ย Post – COVID สิ่งที่พบคือ สิ่งที่ผู้ป่วย Post – COVID หลาย ๆ คนต้อง
เผชิญนั้นอยู่นอกเหนือความคิดของเราท่ีจะคาดการณ์ได้ เช่น ช่วงชีวิตที่มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ความ
ทรมานจากการติดเชื้อ การโดนไล่ออกจากงาน การขาดรายได้ ขาดอาชีพ การไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม
รวมถึงการถูกคนบางกลุ่มตีตราและได้รับปฏิบัติที่แตกต่างไปจากเดิมเป็นผลกระทบที่รุนแรงและผู้ที่ติดเชื้อโค
วิด – 19 ไมส่ ามารถปฏิเสธได้ และถงึ แม้ว่าผคู้ นเหล่านจ้ี ะผ่านมาไดก้ ็ยังคงมีผลกระทบทางความรู้สึกอาจทำให้
บางคนรู้สึกหวาดหว่ันในการทีจ่ ะกลบั ไปใช้ชีวติ ปกติ แต่ทุกคนต่างมคี วามหวงั และมั่นใจวา่ ภายในสักวนั เราจะ
สามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุขร่วมกับผู้อื่นได้ และที่สำคัญผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ไม่เคยกัก
ที่จะให้ข้อมูล เนื่องจากเข้าใจวัตถุประสงค์ของการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ที่ได้มีการอธิบายก่อนเริ่มพูดคุย ผู้ป่วย
Post – COVID มีความเป็นกันเอง เล่าประสบการณ์ สิ่งที่ตนเองต้องเจอและวิธีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่าน
มาให้นักศึกษาได้ฟัง แม้กระทั่งความรู้สึกที่ไม่กล้าบอกกับครอบครัวก็พร้อมที่จะเล่าให้นักศึกษาฟัง เช่น ความ
หวาดกลัวที่จะไม่รอดชีวิตจากการติดเชื้อ ความกลัวที่จะผู้แพรเ่ ชื้อให้แก่ครอบครัว และทำให้เกิดความสูญเสยี
หรือความร้สู กึ โกรธ โมโห น้อยใจต่อหนว่ ยงานท่ตี ดิ ตอ่ ขอความชว่ ยเหลือไปแต่ไมไ่ ด้รับการตดิ ต่อกลับมา ความ
น้อยเนือ้ ตำ่ ใจชั่วขณะที่ตนเองต้องตกอย่ใู นสภาวะยากลำบากในการขอเขา้ รับบรกิ ารการรักษาจากโรงพยาบาล
แต่ความช่วยเหลือกลับเข้าไม่ถึงตน หรือความรู้สึกน้อยใจจากการปฏิบัติตนของเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นท่ี
เดียวกันที่มีพฤติกรรมที่แปลกไป มีการระมัดระวังที่จะพบเจอผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post – COVID มากขึ้น จึง
ถอื วา่ การสมั ภาษณท์ ีเ่ กดิ ขึ้น เหล่านักศกึ ษาได้รบั ความชว่ ยเหลือจากผู้คนในชมุ ชนผู้ป่วย Post – COVID อย่าง
มากในการให้ขอ้ มลู เพ่ือการฝกึ ภาคปฏบิ ัติในครัง้ นี้
โดยหลังจากการสัมภาษณ์นักศึกษาได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์สรุปผลจนเห็นถึงปัญหา คือ การเข้าถึง
ข้อมูล เราจึงจัดทำโครงการกระจายความรูส้ ู่ชุมชนสู้โควิด ซึ่งเป็นส่ิงที่ไม่เกินกำลังของกลุ่มนักศึกษาที่จะจัดทำ
ขึ้นมาได้เราได้ดำเนินการในการเตรียมโครงการ ทำคู่มือได้ถึงครึ่งนงึ ของผลงานกันอย่างเต็มที่ พอได้ตั้งสตดิ ูแล
เวลาในการฝกึ ภาคปฏบิ ัติกเ็ ข้าช่วงสุดทา้ ยแล้วในขณะน้นั เหลือระยะเวลาในการดำเนนิ การเพยี ง 12 วันเท่าน้ัน
ก็จะถงึ วันปัจฉิมนิเทศ เราได้มโี อกาสพบปะเครือข่ายการทำงานน้นั คือ อาสาสมคั รพัฒนาสังคมและความมัน่ คง
ของมนุษย์ จังหวัดปทุมธานี ถือว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญ ครั้งยิ่งใหญ่ที่เป็นโอกาสพิเศษมาก ๆ เพียงครั้งเดียวท่ี
เราจะได้มีโอกาสในการลงชุมชนที่เป็นพื้นที่กายภาพจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ใชช่ ุมชนที่อยู่อาศัยของผูค้ นในชุมชน
39
ผู้ป่วย Post – COVID ทั้งหมด แต่ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีก็มีผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ร่วมอยู่
อาศัยด้วย ซึ่งได้มีโอกาสสอบถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อการจัดทำคู่มือ และโครงการของเรา ได้รับ
คำแนะนำจากอพม.ในการจัดทำหนังสือเสียงอ่านบรรยายคู่มือ การทำวิดีโอสาธิตท่าฟื้นฟูร่างกายซึ่งจากการ
สังเกตทา่ ทีของประธานอพม.ที่เป็นผู้ให้คำแนะนำนั้นไมค่ ่อยสนใจคู่มือ “ความรู้สู้โควิด” ของเราซักเท่าไหร่ ยิ่ง
ทำให้เกิดความรู้สึกกดดันว่า เรายังทำคู่มือได้ไม่น่าสนใจ ไม่ดีพอหรือ ?? นอกจากนี้ยังได้รับคำแนะนำจาก
อาจารย์ภาคสนามให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้คู่มือในรูปแบบออนไลน์มีจุดประสงค์ให้ทุกคนเข้ามาเรียนรู้ในการ
ใช้คู่มือร่วมกัน โดยหลังจากได้รับคำแนะนำก็ได้มีการวางแผนในการปรับปรุง พัฒนาคู่มือในแทบจะทันที และ
ด้วยระยะเวลาเหลอื เพียง 10 วนั กอ่ นถงึ วันจัดกิจกรรมแลกเปลยี่ นเรียนรูค้ ู่มือ “ความรู้สูโ้ ควดิ ” เทา่ นน้ั
แตด่ ว้ ยความช่วยเหลอื คำแนะนำ กำลงั ใจมากมายทง้ั เครือขา่ ยชุมชนท่ีให้คำแนะนำในการพัฒนาคมู่ อื
อาจารย์ภาคสนามที่คอยใหข้ อ้ คิดในการปฏิบัติงานเสมอว่า การท่เี ราอยตู่ รงนใี้ นฐานะนักสังคมสงเคราะห์ เรามี
หน้าที่ในการที่จะสนับสนุนให้ประชาชนได้มีความอยู่ดีมีสุข เราอาจไม่ได้ทำกิจกรรมหรือโครงการที่มีผลลัพธ์
ยิ่งใหญ่ แต่เราเพียงทำตามหน้าที่ของเราอย่างสุดความสามารถ ผลจากการที่เรามีความซื่อสัตย์ในการ
ปฏิบัติงานอย่างแข่งขันจะช่วยให้ผลการทำงานออกมาดีและเป็นที่หน้าภาคภูมิใจ การบ่นงานเหนื่อย งานยาก
ไม่ได้ช่วยให้งานเสร็จแต่หากลงมือทำ และพยายาม ไม่ย่อท้อ อุปสรรคยากแค่ไหนเราจะผ่านมันไปได้เอง
กำลังใจจากอาจารย์นิเทศในคณะที่คอยเป็นห่วงและมอบความหวังดี ความรู้สึกดี ๆ ให้แก่นักศึกษาอยู่เสมอ
กำลังใจจากเพื่อนร่วมทีมถึงแม้จะไม่ได้พูด หรือแสดงความห่วงใยออกมามากนัก แต่การกระทำที่อยู่เคียงข้าง
กนั ทำงานเสมอเปน็ พลงั ใจอยา่ งมากทจี่ ะดำเนนิ การโครงการให้เสรจ็ ลุลว่ งไปได้ด้วยดี
จากการเปิดใจยอมรับให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลของผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ดำเนิน
ผา่ นการวิเคราะห์ วางแผน ประชุม ปรับปรงุ อย่หู ลายครง้ั ตอนนสี้ ิ่งสำคญั คอื กลมุ่ นกั ศกึ ษา ทตี่ ง้ั ใจพยายายาม
รวบรวมข้อมูลมากมาย นำมาคัดกรอง ตรวจเช็ค อัพเดทอย่างละเอียดผ่านการพูดคุย ปรึกษากับเพื่อนซ้ำแล้ว
ซ้ำเล่าจนแทบขาดใจในวันนี้ที่โครงการ และสื่อให้ความรู้ที่เสร็จสมบูรณ์อย่างสุดความสามารถได้นำออกไป
กระจายสู่ชุมชนจริง มีผู้คนที่ได้รับมันจริง ๆ ตัวนักศึกษาจึงคาดหวังว่าคู่มือ “ความรู้สู้โควิด” พร้อมกับสื่อใน
รูปแบบต่าง ๆ ที่ได้มีการกระจายออกไปจะเป็นประโยชน์แก่ผู้คนในชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ให้มีคู่มือใน
การดูแลตนเองทและการฟื้นฟูหลังการติดเชื้อ, เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ในการดูแลชุมชนที่จะสะดวกสบายขึ้นใน
การปฏิบัติงานเนื่องจากมีคู่มือที่จะช่วยลดภาระการทำงานให้รวดเร็วขึ้น หรือผู้คนทั่วไปที่สนใจเกี่ยวกับโควดิ
จะได้รับข้อมูลจากคู่มือเล่มนี้มีความรู้ในการดำเนินชีวิตปฏิบัตติ นอย่างระมัดระวงั และมีแนวทางในการปฏิบัติ
หากตดิ เช้ือ คาดหวังให้คูม่ ืออยู่เปน็ สิ่งเคียงข้างผคู้ นในยามทีโ่ รครา้ ย เจ้าโควิดตัวน้ยี งั คงระบาดอยู่ และที่สำคัญ
40
นักศึกษาคาดหวังให้คู่มือของกลุ่มนักศึกษาไร้ประโยชน์ในเร็ววัน ซึ่งนั้นเท่ากับว่าสังคมจะไม่มีการแพร่ระบาด
ของโรคโควดิ – 19 และผู้ทีเ่ คยติดเช้อื โควดิ – 19 ไม่มอี าการ Post – COVID หลงเหลอื อกี ต่อไป
สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกเหนือจากกระบวนการฝึกภาคปฏิบัติ และการจัดทำโครงการ คือ ตัวหยดน้ำเองที่
หยดน้ำได้รู้จักมากขึ้น บางครั้งบางช่วงเวลาที่เราต้องปฏิบัติงานตามเป้าหมายที่วางไว้ อาจทำให้เราละเลย
ความรู้สึกของความเป็นมนุษย์ ความรู้สึกเหนื่อยล้า ความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกน้อยใจ อารมณ์ที่ได้พยายามกด
มันไว้ เพื่อให้งานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี การปล่อยทิ้งความคิดความรู้สึกของตนเองทิ้งไปโดยไม่เคยนำกลับมาคิด
ทบทวนทำให้หลาย ๆ ครั้งเราก็ละเลยเมินเฉยใส่ความรู้สึกผู้อื่นไปด้วยเช่นกัน ทุก ๆ คนต่างมีความคิด
ความรู้สกึ ประสบการณ์ การรบั รู้ การตอบสนองต่อเหตกุ ารณ์ทแี่ ตกต่างกัน เราไม่สามารถทำความเช้าใจในทุก
การกระทำของเพื่อนได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การทำความรู้จักกับอารมณ์ของตนเอง หากเหนื่อยเกินไป
ก็พัก หากโมโหเกินไปก็ระบายมันออกมา ถ้าน้อยใจมากเกินไปก็แค่ร้องไห้ออกมา ถึงแม้ว่าเราจะฝืนอดทน
ทำงานหนักได้ แต่เราไม่สามารถละเลยความรู้สกึ ของตนเองได้จริง ๆ ดงั นน้ั บทเรียนสำคัญท่เี กดิ ข้ึนกบั หยดน้ำ
ในการฝึกภาคปฏิบัติครั้งนี้ คือ อย่าลืมที่ดูแลตนเอง และอย่าปล่อยให้ความคิด ความรู้สึกของผู้อื่นกระทบกับ
ตนเองมากนัก เพราะเราห้ามความคดิ ความรู้สกึ ใครไมไ่ ด้ รู้ ทำความเขา้ ใจ และปล่อยวางมันลง ความรู้สึกต่าง
ๆ จะได้ไม่ตดิ ค้างในใจชว่ ยใหท้ ำงานต่าง ๆ ได้อย่างมคี วามสขุ มากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งสิ่งที่ได้เรียนรู้คือ การทำงานเป็นทีม ไม่ว่าคนจะมากจะน้อย หากเราเอาใจเขามาใส่ใจเรา
รักษาความรู้สึกของเพื่อนร่วมทีมไว้ อย่างน้อยถึงแม้งานจะเหนื่อยแต่มิตรภาพที่ได้ผ่านการทำงานยาก ๆ
รว่ มกันกเ็ ป็นความทรงจำทดี่ ี จนถงึ ตอนน้ที ่ฝี ึกจบแล้ว และตอนน้ีทีก่ ำลงั เขยี นถอดบทเรียนชิน้ งานช้นิ สุดท้ายก็
แทบจะนึกไม่ออกแล้วว่า เมื่อก่อนเคยทำงานกลุ่มอย่างไร เพราะด้วยอุปสรรคที่มีมากมาย เวลาทำงานท่ี ไม่
ตรงกนั ความสัมพันธ์ท่ไี ม่สนิท ระยะเวลาฝกึ ท่ีมนี ้อย การจัดแบง่ ระยะการดำเนินงานท่ีไมค่ ่อยสมดุล และยังไม่
ค่อยได้พบปะเจอกันอีก ตอนนี้จึงมีความยืดหยุ่นในการทำงานอย่างมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แบ่งงานให้เป็นสัดส่วน
แบ่งเป้าหมายและทำใหเ้ สรจ็ ไปทีละส่วน ถ้าเพอ่ื นว่างทำงานตอนนแ้ี ล้วเราไม่ว่างก็ให้เพ่อื นทำไปกอ่ นทำถงึ ไหน
ก็มาอัพเดทกัน ถ้าติดตรงไหนสงสัยตรงไหนก็ทักท้วงไว้ เมื่อเราว่างทำงานเราก็เข้าไปทำงานต่อช่วยแต่งเติม
เสริมความสมบูรณ์ให้แก่งาน เมื่อเวลาที่เพื่อนว่างตรงกัน ถึงแม้ว่าจะดึกมากเราก็ต้องทำงานต่อ เพื่อให้งาน
เสร็จตามกำหนด และไม่ทิ้งเพื่อนไปไหน รวมถึงการให้ความยืดหยุ่นแก่เพื่อน เพื่อนไม่ว่างเราไม่ว่า เพื่อนติด
ธุระก็ยังมีเราที่ว่างทำงานได้อยู่ การไม่คิดเล็กคิดน้อยในการทำงาน ก็ช่วยให้กลุ่มยังสามารถรักษาความเป็น
กล่มุ มาไดจ้ นสนิ้ สุดการฝึกภาคปฏิบตั ิ
41
ในการฝึกภาคปฏิบัติครั้งนี้ หยดน้ำขอขอบคุณ พ่อแม่ ครอบครัวที่คอยให้กำลังใจและคำแนะนำอยู่
เสมอ ขอบคุณโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ที่ให้โอกาสนักศึกษาได้มีโอกาสเข้ามาฝึกภาคปฏิบัติ ขอบคุณฝ่ายงาน
สังคมสงเคราะห์ที่เป็นตัวอย่างในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ มีความเชี่ยวชาญ ขอบคุณอาจารย์ภาคสนามพ่ี
น้อง ขนิษฐา บูรณพันศักดิ์ ที่ไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงานเพียงอย่างเดียวยังคงเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้
ชีวิตอีกด้วย ขอบคุณอาจารย์ปิ่นหทัย หนูนวลที่ให้กำลังใจและคำปรึกษาแก่นักศึกษามาโดยตลอด ขอบคุณ
เพื่อนใหม่ที่ได้รู้จักกันได้มีช่วงเวลาที่ทำงานร่วมกันมีความสุขสนุกด้วยกัน ขอบคุณเพื่อนเก่าที่ยังคงเป็นที่พ่ึง
ทางใจให้ซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกัน ไม่เคยทิ้งกันเลยจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะต้องนอนเกือบเช้าก็ยังคงอยู่ทำงาน
พร้อมกับพูดคุยเล่นไปด้วยตลอดท้ังคืน ขอบคุณตวั หยดน้ำเองที่พยายามเรยี นรู้ พยายามขุดทักษะความรู้ท่เี คย
เรียนไปนำออกมาใชใ้ ห้ไดม้ ากที่สุด และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ความรู้สกึ ออ่ นแอของตนเองไปซะก่อน อย่างไรก็
ตามการฝึกครั้งนี้ไม่มีสิ่งไหนที่หยดน้ำจะนึกย้อนเสียใจได้ เพราะได้ทำเต็มที่ลงไปในทุก ๆ ย่างก้าวของการฝึก
โครงการ “กระจายความรู้ สู้โควิด สู่ชุมชน” คู่มือ “ความรู้สู้โควิด” เล่มรายงานฝึกภาคปฏิบัติ เป็นหนึ่งใน
ความภาคภูมิใจในความอดทน ขยัน หมั่นเพียรของหยดน้ำตลอดไป และต่อให้ต้องมีการเรียนรู้ครั้งใหม่อีกก่ี
ครง้ั ในทกุ ๆ คร้ังทีไ่ ดเ้ รียนรู้ หยดน้ำจะพยายามทำให้ดกี วา่ เดมิ ในครัง้ ถดั ๆ ไป ขอบคุณคะ่ .
42
หัวขอ้ : “ฉนั กบั ชมุ ชนรูปแบบใหม่..ภายใตส้ ถานการณโ์ ควดิ ”
โดย : นางสาววณิชญา บญุ วาที เลขทะเบียนนักศกึ ษา 6105490038
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การฝึกภาคปฏิบัติ 2 ทีเ่ กิดข้นึ ระหวา่ งวันท่ี 21 ธนั วาคม 2564 – 2 กุมภาพันธ์ 2565 ตลอดระยะเวลา
เกือบ 2 เดือน ยังคงเป็นการฝึกภาคปฏิบัติที่ได้เริ่มต้นขึ้นภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID –
19 ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดของโรคอยู่อย่างต่อเนื่อง “ฉัน” ในฐานะนักศึกษาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ที่ได้มี
โอกาสเข้าไปฝึกภาคปฏิบัติภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และได้มีโอกาสใน
การศกึ ษาทำงานร่วมกับชุมชนผปู้ ว่ ย Post – COVID ฉนั จงึ อยากจะขอเลา่ เร่ืองราวส่ิงท่ฉี นั ได้เรียนร้จู ากการฝึก
ภาคปฏิบัติ 2 ไม่ว่าจะเป็นสิ่งท่ีได้เรียนรู้จากหน่วยงาน สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานร่วมกับชุมชน และสิ่งที่ได้
เรยี นร้จู ากการทำงานรว่ มกบั ทมี ผ่านการถอดบทเรยี นรจู้ ากการฝกึ ภาคปฏิบตั ิตามประเดน็ หัวขอ้ ตา่ งๆ ดงั นี้
ฉันกับก้าวแรกในหน่วยงาน
ก่อนที่ฉันจะมีโอกาสเข้ามาฝึกภาคปฏิบัติ 2 ในฝ่ายงานสังคมสงเคราะห์ ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์
เฉลิมพระเกียรติ ฉนั มีขอ้ มูลเกย่ี วกบั การทำงานของฝ่ายงานสังคมสงเคราะห์ไม่มากนกั รูเ้ พยี งข้อมูลเบ้ืองต้นวา่
นักสังคมสงเคราะห์ของทางโรงพยาบาลจะทำงานในเรือ่ งของการพิทักษ์สิทธิ และให้ความช่วยเหลือผู้ปว่ ยเปน็
หลัก ฉันยังมองไม่เห็นภาพของการทำงานชุมชนได้อย่างชัดเจนว่าทางหน่วยงานจะมีการทำงานร่วมกับชุมชน
ต่างๆ ในพื้นที่อย่างไร มีกระบวนการทำงานในรูปแบบใดบ้าง ทำให้ฉันเกิดความกังวลก่อนที่จะเข้าฝึกปฏิบัติ
คอ่ นข้างมาก แต่ในสัปดาหแ์ รกของการฝึกปฏิบัติงาน ฉนั ได้มโี อกาสในการเข้าไปเรียนรกู้ ารทำงานของฝ่ายงาน
สังคมสงเคราะห์ ทำให้ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการทำงานของนักสังคมสงเคราะห์ที่ทำงานกับผู้คนใน
หลากหลายกลุม่ เป้าหมาย และทำงานเชื่อมโยงไปกับหลายๆ ฝ่ายในโรงพยาบาล ได้เห็นว่านักสังคมสงเคราะห์
ไม่เพียงแค่ทำงานร่วมกับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังต้องมีการทำงานร่วมกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวของผู้ป่วยด้วย
เช่นกัน นอกจากนี้ในการทำงานร่วมกับชุมชนของหน่วยงาน ฉันได้เห็นถึงการทำงานร่วมกับเครือข่ายของทาง
โรงพยาบาลที่กระจายออกไปในหลายพนื้ ท่ี มีเครือข่ายหลายเครือข่ายทีท่ ำงานร่วมกับฝ่ายงานสังคมสงเคราะห์
ซึ่งทำใหก้ ารทำงานกับผใู้ ชบ้ รกิ าร หรอื ชุมชนมคี วามเข้มแข็งเพิ่มมากข้นึ นอกจากนีจ้ ากทไี่ ด้เห็นการปฏิบตั ิงาน
ของฝ่ายงานสังคมสงเคราะห์ ทำให้ฉันได้เกิดความตระหนักถึงในการพัฒนาความสามารถ และพัฒนาความรู้
ของตนเองให้มากขึ้น เพราะในฐานะนักสังคมสงเคราะห์นั้น ไม่ได้มีบทบาทในการเป็นเพียงแค่ผู้ยื่นมือเข้าไป
ช่วยเหลือผู้คน แต่ยังจะต้องมีบทบาทในการเป็นทั้งผู้ให้ความรู้ ผู้ฟื้นฟูบำบัด ผู้ติดต่อประสานงาน หรือเป็นผู้
43
เรียนรูพ้ ัฒนาตนเองจากสิ่งต่างๆ รอบตัว เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกบั ผูท้ ี่ประสบปัญหา หรือกลุม่ เป้าหมายได้
อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพมากขึ้น นับเปน็ กา้ วแรกในหน่วยงานทที่ ำให้ฉันเกิดความรสู้ ึกประทับใจในการทไี่ ด้มโี อกาส
เขา้ มาเรียนรู้ และไดเ้ ข้ามาอยูใ่ นความดแู ลของหน่วยงาน
ฉนั กับมุมมองตอ่ ชุมชนรปู แบบใหม่ทแี่ ตกต่างไปจากชุมชนแบบด้งั เดิม
ในช่วงต้นของการฝึกภาคปฏิบัติ 2 ฉันยังมีมุมมองความคิดที่ยึดติดอยู่กับแนวคิดและการให้
ความหมายของความเป็นชุมชนในลักษณะแบบดั้งเดิม ฉันยังติดอยู่กับการให้ความหมายของชุมชนในลักษณะ
ที่เน้นไปในทางที่ว่า “การที่จะสามารถเรียกว่าเป็นชุมชนได้นั้น จะต้องมีอาณาเขตของพื้นที่ที่ชัดเจน ผู้คนใน
ชุมชนมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยอยู่ร่วมกัน และมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันและกัน มีวัฒนธรรมภูมิปัญญา
ของผู้คนที่อยู่ร่วมกัน” แต่หลังจากที่ได้มีโอกาสเข้าไปทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนผู้ป่วย Post – COVID
ซึ่งเป็นชุมชนที่เกิดขึ้นจากการเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้คนหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด –
19 ฉันก็ได้เห็นถึงความเป็นชุมชนที่มีความแตกต่างออกไป ได้เห็นถึงความเป็นชุมชนในลักษณะที่ผู้คนมี
ประสบการณ์ร่วมของการติดเชื้อโควิด – 19 ผู้คนในชุมชนได้มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันในระหว่างที่ยังรักษา
อาการ และเมื่อหายจากอาการป่วยแล้วพวกเขาก็ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาความต้องการภายหลังจากการติด
เชื้อโควิด – 19 เหมือนกัน ซึ่งปัญหาทีเ่ กิดขึน้ กบั คนในชุมชนผู้ป่วย Post – COVID เหล่านี้ล้วนแล้วเป็นปัญหา
ท่ผี ูท้ ำการศึกษาชุมชนไมค่ วรมองข้าม
ดังนั้น การที่ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ข้อมูลของชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ในลักษณะที่เป็นรูปแบบ
ใหม่เช่นนี้ จึงทำให้ฉันได้เกิดการปรับเปลี่ยนมุมมองภาพของชุมชนในลักษณะที่กว้างมากขึ้น ไม่ยึดติดกับการ
ให้ความหมายชุมชนแบบเดิม ได้เกิดการทบทวนความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับช่วงเวลาก่อนหน้าที่ฉันยังยึดติด
กับกรอบแนวคิดเดิมมากจนเกินไปจนสร้างความกังวล และความกลัวในการปฏิบตั ิงานให้กับตัวของฉันเอง ทำ
ใหฉ้ นั ตกี รอบของชุมชนในลักษณะท่ีแคบและไม่ยืดหยุ่น แตเ่ ม่ือได้ลองเข้าไปศกึ ษาชุมชนแบบจริงจัง ไดล้ องทำ
ความเข้าใจผ่านการพูดคุยกับเพื่อน อาจารย์ในคณะ และอาจารย์ภาคสนาม ก็ทำให้ฉันเรียนรู้และเข้าใจใน
ความหมายของชุมชนที่มีความเฉพาะตัว และอาจจะมีความแตกต่างจากสิ่งที่ฉันเคยได้เรียนรู้มาจากใน
ห้องเรียนมากขึ้น นับว่าเป็นมุมมองความคิดแบบใหม่ที่ฉันได้รับได้เกิดการเรียนรู้อีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นใน
การศึกษาชุมชนรปู แบบใหม่อยา่ งชมุ ชนผู้ป่วย Post – COVID
44
ฉันกับการทำงานร่วมกบั ชมุ ชนแบบใหม่
เนอ่ื งจากสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคโควดิ – 19 ทำใหก้ ารศึกษาชมุ ชนในพืน้ ทจ่ี ำเปน็ ที่จะตอ้ ง
มีการปรับเปลี่ยนไปศกึ ษาชมุ ชนในรูปแบบที่เปน็ ออนไลน์อยา่ งหลกี เล่ยี งไม่ได้ ซง่ึ ในกระบวนการทำงานร่วมกับ
ชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ที่เกิดขึ้นนั้นส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบออนไลน์ เนื่องด้วยลักษณะของชุมชนเองที่มี
การกระจายตัวของผู้คนไปในหลากหลายพื้นที่ ซึ่งถือว่าสร้างความกังวล และสร้างความท้าทายในการทำงาน
รว่ มกบั ชุมชนใหก้ ับฉนั เป็นอย่างมาก ทง้ั ในเร่อื งของการศึกษาข้อมลู ชุมชนที่จะตอ้ งทำการเก็บข้อมูลในลักษณะ
ที่เป็นออนไลน์ทั้งหมด ทำให้ฉันเกิดการเรียนรู้ที่จะนำทักษะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติเข้ามาประยุกต์ใช้
กับการทำงานร่วมกับผู้คนในชุมชน ซึ่งจากการศึกษาชุมชนก็ทำให้ฉันพบถึงความหลากหลายของ
กลุ่มเป้าหมายที่เป็นส่วนหนึ่งในชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ทั้งที่เป็นผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อยู่ในช่วงวัยทำงานที่มี
ปัญหาและความต้องการที่เป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 นอกจากนี้จากการท่ี
ได้ศึกษาและวิเคราะห์มิติต่างๆ ของชุมชนในเชิงลึก ยังทำให้ฉันเกิดข้อค้นพบว่า ในทุกชุมชนล้วนมีทุนทาง
สังคมหรือมีทรัพยากรที่มีความสำคัญ และมีความเข็มแข็งอยู่ในตัวของชุมชนเองเสมอ ไม่ว่าชุมชนนั้นจะเป็น
ชุมชนในลักษณะรูปแบบใดก็ตาม ผู้ที่เข้าไปศึกษาเรียนรู้ชุมชนจึงเป็นส่วนที่สำคัญที่จะต้องทำหน้าที่ในการ
ค้นหาทุน หรือทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนเหล่านั้น พร้อมทั้งต้องดึงออกมาใช้ทำงานร่วมไปกับชุมชน เพื่อให้เกิด
ประโยชน์กับผู้คนในชุมชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งในการทำงานร่วมกับชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ในครั้งนี้ ทำให้
ฉันได้เห็นถึงความสำคัญของเครือข่ายที่ทำงานร่วมกับชุมชนที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากลักษณะของ
ชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ที่ผู้คนกระจายออกไปในหลายพื้นที่ เครือข่ายการทำงานจึงกลายเป็นสิ่งที่จะเป็น
สว่ นสำคัญที่จะเขา้ มาช่วยพฒั นา และชว่ ยดำเนนิ โครงการใหบ้ รรลุตามเป้าหมายได้
การทำงานร่วมกับชุมชนรูปแบบใหม่อย่างชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ในการฝึกภาคปฏิบัติ 2 ครั้งนี้
ฉันในฐานะนักศึกษาสังคมสงเคราะห์ ได้มีโอกาสในการพัฒนาบทบาทของตนเองในลักษณะที่หลากหลาย ทั้ง
กลายเปน็ ผู้ทีไ่ ด้เขา้ ไปศึกษาเรียนรู้ข้อมลู ของชมุ ชน ศึกษาเก่ยี วกับประเด็นความเป็นมา ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ
ประเด็นปัญหา และความต้องการของชุมชน เป็นผู้ค้นพบทุนและทรัพยากรของชุมชนที่จะนำมาต่อยอด
พัฒนาการทำงานให้ชุมชนมีความเข้มแข็งได้ และเป็นผู้ประสานในการทำงานร่วมกับเครือข่าย เป็นต้น ซึ่งใน
แต่ละบทบาทลว้ นเกิดขน้ึ ไปตามสถานการณ์
45
ฉันกบั การยอมรับและการปรบั ตวั
เนื่องจากในการฝึกภาคปฏิบัติ 2 เป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ซึ่งเป็นชุมชนใน
รูปแบบใหม่ ภายใต้สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคโควิด – 19 ทำใหฉ้ นั เกิดการเรียนร้ทู ี่จะต้องยอมรับ ทำ
ความเข้าใจ และปรบั ตัวของตนเองกับเร่อื งตา่ งๆ เพ่ือให้สามารถพรอ้ มรบั มือได้ในทุกสถานการณ์
โดยในการฝึกภาคปฏิบัติครั้งนี้ ฉันได้เรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจในชุมชนผู้ป่วย Post – COVID ที่มี
ลักษณะของการอาศยั อยู่ผูค้ นที่กระจายไปในหลายพื้นที่ และยอมรับกระบวนการศึกษาชุมชนที่ไม่สามารถเขา้
ไปศึกษาภายในพ้ืนที่ของชุมชนจริงๆได้ ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกเกิดความเสียดายเป็นอย่างมากทีไ่ ม่ได้มโี อกาสลงไป
สัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนในลักษณะที่เป็นชุมชนเชิงกายภาพ แต่ก็พยายามปรับตัวกับการฝึกภาคปฏิบัติศึกษา
ชุมชนที่เป็นในลักษณะของการออนไลน์อย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ว่าในช่วงของการฝึกภาคปฏิบัติ 1 ฉัน
จะเคยฝึกในลักษณะที่เป็นออนไลน์มาแล้ว แต่กับการฝึกภาคปฏิบัติที่เป็นการทำงานร่วมกับชุมชนในครั้งนี้ถือ
ว่ามีความแตกต่าง มีความยาก และมีความท้าทายเป็นอย่างมาก จึงทำให้ฉันต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว ปรับ
รูปแบบตารางเวลาของตนเองให้สามารถปฏิบัติงานศึกษาชุมชนควบคูไ่ ปกับการพูดคุยปรึกษากับสมาชิกในทีม
และอาจารยท์ ่ปี รึกษา เพอ่ื ใหส้ ามารถบรรลุเปา้ หมายของการทำงานรว่ มกบั ชุมชนในสถานการณเ์ ช่นนี้
นอกจากการปรับตวั กับสภาพแวดล้อมของการทำงานภายใตส้ ถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควดิ
– 19 แล้วนั้น ฉันยังได้เรียนรู้ที่จะยอมรับและปรับตัวเข้าหาสมาชิกคนอื่นๆ ภายในทีม เพราะพวกเราในทีม
ไม่ได้รู้จักกันมาตั้งแต่แรก ทำให้การทำงานร่วมกันในช่วงแรกนั้นมีความลำบากเป็นอย่างมาก และมีการ
กระทบกระทั่งกันในเรื่องของอารมณ์ และความรู้สึกอยู่บ่อยครั้ง แต่ฉันเองก็ได้มีเรียนรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น และ
พยายามปรับตัวเองเข้าหาจุดที่เรียกว่า “จุดตรงกลางของการทำงานร่วมกัน” โดยมีการพูดคุยระหว่างกันและ
กนั มากข้นึ นอกจากนีส้ ง่ิ สำคัญทีส่ ุดท่ฉี นั ไดเ้ รยี นร้จู ากการทำงานร่วมกับทีม คือการท่ฉี ันได้เห็นและได้เข้าใจใน
ความสามารถและศักยภาพของสมาชกิ แต่ละคนท่มี คี วามไม่เท่ากนั ทำให้ฉนั เรยี นรทู้ ีจ่ ะปล่อยวางในการทำงาน
ที่เคร่งครัดของตนเองลงไปบ้างในบางครั้ง และค้นพบว่าการทำใจยอมรับและปรับตัวเข้ากับคนในทีมเป็นสิ่ง
เดียวที่จะทำใหฉ้ ันลดความเครียดของตนเองลงได้
สุดท้ายนี้ แม้ว่าการฝกึ ภาคปฏิบตั ิ 2 จะเสร็จสิ้นกระบวนการของการฝึกภาคปฏบิ ัติไปแล้ว แต่สิ่งที่ฉนั
ได้เรียนรู้และได้รับกลับมาล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่า และสอนให้ฉันได้เติบโตมากขึ้น ช่วยทำให้ฉันได้รู้จักที่จะ
ปรับเปลี่ยนมุมมองของตนเองให้มีความกว้างขึ้นทั้งในการมองชุมชน มองสมาชิกในทีม ทำให้ฉันได้รู้จักที่จะ
พัฒนาตนเองในการทำงานร่วมกับผู้คนหรือกลุ่มเป้าหมายที่มีความแตกต่างหลากหลายในสถานการณการณ์ท่ี
มขี ้อจำกัด ขอบคุณการฝึกภาคปฏิบตั ิในครงั้ นี้ทำใหฉ้ ันได้เรียนรถู้ งึ การเปน็ ผู้ใหญใ่ นสนามของการทำงานจรงิ
46