The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยในชั้นเรียน.วิทยาการ.ป2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

วิจัยในชั้นเรียน.วิทยาการ.ป2

วิจัยในชั้นเรียน.วิทยาการ.ป2

41 สรุปว่าการจัดการเรียนการสอนแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตร แนวคิดเรื่อง การเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง นับเป็นแนวคิดหลักของการเปลี่ยนแปลง หลักสูตรฉบับดังกล่าวได้ ส่งเสริมให้ครูเปลี่ยนแนวการจัดการเรียนการสอนจากการบรรยาย บอกเล่า มาเป็นการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้เรียน มีส่วนร่วม เมื่อเริ่มมีการปฏิรูปทางการเมืองเกิดขึ้น วงการศึกษาก็ได้มีการเคลื่อนไหวให้มีการปฏิรูปการศึกษาอีก ครั้งหนึ่ง ซึ่งส่งผลทำให้เกิดพระราชบัญญัติการศึกษาขึ้น การปฏิรูปครั้งนี้ มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการปฏิรูปการ เรียนการสอนที่ชัดเจน และกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม หรือการจัดการเรียนการสอนแบบผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง ก็ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องส่งเสริมกันอย่างเข้มแข็งต่อไป นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่แม้ว่า เวลาจะผ่านไปแล้ว นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงหลักสูตร แต่แนวคิดเดิมในเรื่องการสอนแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลางก็ ยังคงอยู่ แสดงให้เห็นว่าแนวคิดดังกล่าวยังไม่เกิดผลในทางปฏิบัติในระดับที่เป็นที่น่าพอใจ


42 บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยเรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการเรียนการสอนแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยและจัดลำดับ ตามขั้นตอนดังนี้ ประชากรกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 40 คน ประชากร คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. รูปแบบการเรียนการสอนแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม 2. แบบบันทึกคะแนนประจำหน่วยและใบงาน 3. สมุดแบบฝึกหัดและใบกิจกรรมของนักเรียน 4. แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียนและแบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) โดย ผู้วิจัยสร้างจากแนวคิดที่ได้จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มีเนื้อหาเกี่ยวกับการวิจัยของครู ในด้าน ความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมในการทำวิจัยของครู เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันด้านนโยบาย การบริหารงานวิจัย ปัจจัยที่เอื้อต่อการทำวิจัยของครู และพัฒนาจากเครื่องมือการวิจัยของ ภัทรวดี เทพพิทักษ์ (2550 : 103 - 112) พงศ์พัชรินทร์ พุธวัฒนะ (2557 : 258 - 266) พฤกษวรรณ ทองมาก (2558 : 105) โดยแบ่งเป็น 5 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ปัจจัยส่วนบุคคลของครูแบบตรวจสอบรายการ (Check List) และแบบให้เติมคำในช่องว่าง รวม 7 ข้อ ตอนที่ 2 สภาพการทำวิจัยของครูแบบตรวจสอบรายการ (Check List) และแบบให้เติมคำ ในช่องว่าง รวม 22 ข้อ ตอนที่ 3 ความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมด้านการทำวิจัยของครู จำนวน 34 ข้อ แบบมาตราส่วนประมาณ ค่า (Rating Scale) มี 5 ระดับ โดยมีหลักเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ 1. กรณีที่ข้อความมีลักษณะในทางบวก (Positive) ซึ่งได้แก่คาถามข้อที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 15, 16, 17, 18, 20, 22, 26, 28, 30, 31, 32,34 มีหลักเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ ครูมีทัศนะต่อความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมการทำวิจัย ในระดับมากที่สุด เท่ากับ 5 คะแนน


43 ครูมีทัศนะต่อความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมการทำวิจัย ในระดับมาก เท่ากับ 4 คะแนน ครูมีทัศนะต่อความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมการทำวิจัย ในระดับปานกลาง เท่ากับ 3 คะแนน ครูมีทัศนะต่อความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมการทำวิจัย ในระดับน้อย เท่ากับ 2 คะแนน ครูมีทัศนะต่อความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมการทำวิจัย ในระดับน้อยที่สุด เท่ากับ 1 คะแนน 2. กรณีที่ข้อความมีลักษณะในทางลบ (Negative) ซึ่งได้แก่คาถามข้อที่ 13, 14, 19, 21, 23, 24, 27, 29, 33 มีหลักเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ ครูมีทัศนะต่อความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมการทำวิจัย ในระดับมากที่สุด เท่ากับ 1 คะแนน ครูมีทัศนะต่อความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมการทำวิจัย ในระดับมาก เท่ากับ 2 คะแนน ครูมีทัศนะต่อความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมการทำวิจัย ในระดับปานกลาง เท่ากับ 3 คะแนน ครูมีทัศนะต่อความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมการทำวิจัย ในระดับน้อย เท่ากับ 4 คะแนน ครูมีทัศนะต่อความเชื่อ ทัศนคติ และค่านิยมการทำวิจัย ในระดับน้อยที่สุด เท่ากับ 5 คะแนน ตอนที่ 4 ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่เอื้อต่อการทำวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ตามแบบของลิคเอิร์ท (Likert, อ้างถึงในผ่องศรี วาณิชย์ศุภวงศ์, 2557 : 139) แบ่งเป็น 5 ระดับ โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ ระดับ 5 หมายถึง ครูมีทัศนะต่อปัจจัยที่เอื้อต่อการทำวิจัยในระดับมากที่สุด ระดับ 4 หมายถึง ครูมีทัศนะต่อปัจจัยที่เอื้อต่อการทำวิจัยในระดับมาก ระดับ 3 หมายถึง ครูมีทัศนะต่อปัจจัยที่เอื้อต่อการทำวิจัยในระดับปานกลาง ระดับ 2 หมายถึง ครูมีทัศนะต่อปัจจัยที่เอื้อต่อการทำวิจัยในระดับน้อย ระดับ 1 หมายถึง ครูมีทัศนะต่อปัจจัยที่เอื้อต่อการทำวิจัยในระดับน้อยที่สุด ตอนที่ 5 เป็นแบบสอบถาม มีลักษณะเป็นแบบสอบถามปลายเปิดเกี่ยวกับข้อเสนอแนะในการพัฒนา วัฒนธรรมวิจัยของครู การเก็บรวบรวมข้อมูล 1. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มจะเฟ้นหานักเรียนที่เก่ง และมีความรับผิดชอบ มี ลักษณะเป็นผู้นำมอบหมายให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม เพื่อช่วยในการกระตุ้นเพื่อนๆ ขณะทำกิจกรรมการเรียนรู้ 2. ครูผู้สอนชี้แจงการเรียนแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม โดยหลังจากครูสอนในแต่ละครั้งก็จะมอบหมายให้


44 นักเรียนทำแบบฝึกหัด โดยนักเรียนนั่งทำแบบฝึกหัดระดมสมองช่วยกันคิด หากหัวข้อใดสมาชิกในกลุ่มไม่เข้าใจ ผู้ที่เข้าใจก็จะช่วยกันอธิบายจนเพื่อนเข้าใจ หากสมาชิกในกลุ่มยังไม่เข้าใจก็จะปรึกษาครูผู้สอน 3. ครูสังเกตการทำกิจกรรมของกลุ่ม การช่วยกันแก้ปัญหา ความสนใจ และความตั้งใจของสมาชิกใน กลุ่ม 4. สังเกตผลการทำแบบฝึกหัดว่าดีขึ้นหรือไม่ 5. สังเกตการประเมินตามสภาพจริงในแต่ละครั้ง 6. วัดผลการเรียนเมื่อสิ้นบทเรียน 7. ครูช่วยสรุปการเรียนรู้ทั้งหมดที่นักเรียนปฏิบัติเป็นความคิดรวบยอด การวิเคราะห์ข้อมูล การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาการคำนวณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 เรื่องการ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหา โดย การนำคะแนนของนักเรียนทั้ง 40 คน มาคำนวณหาค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย และนำเสนอข้อมูลโดยใช้ตาราง ประกอบคำบรรยาย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาการคำนวณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 ที่เรียนโดยใช้ รูปแบบการสอนที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาก่อนเรียนและหลังเรียน โดยนำคะแนนทดสอบของนักเรียนมาหาค่า ร้อยละ และค่าเฉลี่ย 1.1 ค่าร้อยละ การศึกษาผลการทดสอบของร้อยละคะแนนที่เพิ่มขึ้นโดยใช้สูตร ดังนี้ เมื่อ % คือ คะแนนเฉลี่ยร้อยละ คือ คะแนนผลการทดสอบของนักเรียนทุกคนรวมกัน n คือ จำนวนนักเรียนกลุ่มประชากร 1.2 ค่าเฉลี่ยของคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ( x ) ใช้สูตรของล้วน ยศสาย และ อังคณา ยศสาย (2558 : 59) % 100 = n x X x


45 1.3 สถิติพื้นฐานที่ใช้ในการหาคุณภาพเครื่องมือ = ∑ แทนค่า คือ ดัชนีความสอดคล้องระหว่าง -1 ถึง +1 ∑ คือ ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด คือ จำนวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด 1.4 สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ขั้นตอนการทดสอบสมมติฐานทางสถิติมีดังนี้ 1. ตั้งสมมติฐานหลัก (H0 ) และสมมติฐานทางเลือก (H1 ) ให้มีความหมายตรงข้ามกันเสมอ 2. กำหนดระดับนัยสำคัญ α 3. เลือกตัวสถิติทดสอบที่เหมาะสม แล้วหาจุดวิกฤตเพื่อกำหนดบริเวณปฏิเสธ H0 ให้ สอดคล้อง กับ H0 และ α 4. คำนวณค่าสถิติที่ใช้ทดสอบจากตัวอย่างขนาด n ที่สุ่มมา 5. ตัดสินใจยอมรับหรือปฏิเสธ H0 โดยพิจารณาจากเงื่อนไขนี้ ถ้าค่าสถิติทดสอบที่คำนวณได้จาก ขั้นตอนที่ 4 ตกอยู่ในบริเวณยอมรับ เราจะตัดสินใจยอมรับ H0 แต่หากตกอยู่บริเวณปฏิเสธ จะตัดสินใจ ปฏิเสธ H0 6. สรุปผล 1.5 ค่าร้อยละ (Percentage) ใช้สูตรดังนี้ = 100


46 แทนค่า คือ ร้อยละ ∑ คือ ความถี่ที่ต้องการแปลงให้เป็นร้อยละ คือ จำนวนความถี่ทั้งหมด 1.6 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) โดยใช้สูตร (Ferguson, 2017 : 49) .. = √ 2 ∑ 2 − (∑ ) 2 ( − 1) แทนค่า .. คือ ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ∑ 2 คือ ผลรวมของกำลังสองของคะแนน (∑ ) 2 คือ ผลรวมของคะแนนทั้งหมดยกกำลังสอง คือ จำนวนคนในกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้จากการทำแบบทดสอบก่อนเรียนและแบบทดสอบหลังเรียนมาสร้างตาราง เปรียบเทียบคะแนนสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนเป็นรายบุคคลมาเปรียบเทียบกัน และวิเคราะห์ค่า ทางสถิติ เพื่อดูพัฒนาการของนักเรียนและจุดบกพร่องต่อไป ค่าความยากง่ายของข้อสอบ ความยากง่าย (Difficulty) ความยากง่ายของแบบทดสอบ เป็นคุณภาพของเครื่องมือที่เป็นแบบทดสอบที่ แสดงสัดส่วนของผู้สอบที่ตอบข้อนั้นได้ถูกต้อง ต่อผู้สอบทั้งหมดจะพิจารณาเป็นรายข้อของแบบทดสอบแบบ เลือกตอบ โดยใช้สูตรในการคำนวณ ดังนี้ กำหนดให้ p คือ ค่าความยากง่าย R คือ จำนวนผู้สอบที่ตอบข้อนั้นถูก N คือ จำนวนผู้สอบทั้งหมด ความยากง่ายที่แบ่งกลุ่มสูงและกลุ่มต่ำ จะคำนวณได้จากสูตร


47 กำหนดให้ p คือ ค่าความยากง่ายของข้อสอบแต่ละข้อ RH คือ จำนวนผู้สอบที่ตอบถูกในกลุ่มสูง RL คือ จำนวนผู้สอบที่ตอบถูกในกลุ่มต่ำ NH คือ จำนวนผู้สอบที่ตอบในกลุ่มสูง NL คือ จำนวนผู้สอบที่ตอบในกลุ่มต่ำ การพิจารณาระดับค่าความยากของข้อสอบแต่ละข้อที่ได้จากการคำนวณ จากสูตรที่จะมีค่าอยู่ ระหว่าง 0.00 ถึง 1.00 โดยที่ข้อสอบที่จะสามารถนาไปใช้ในการวัดผลที่มีประสิทธิภาพจะมีค่าความยาก อยู่ ระหว่าง 0.20 ถึง 0.80 เกณฑ์การตัดสินคุณภาพของแบบทดสอบมีดังนี้ p มากกว่า 0.8 แต่น้อยกว่า 1.0 แสดงแบบทดสอบข้อนั้นง่ายมาก ควรตัดทิ้งหรือนำไปปรับปรุง p มากกว่า 0.6 แต่น้อยกว่า 0.8 แสดงแบบทดสอบข้อนั้นค่อนข้างง่าย นำไปใช้ได้ p มากกว่า 0.4 แต่น้อยกว่า 0.6 แสดงแบบทดสอบข้อนั้นยากง่ายปานกลาง นำไปใช้ได้ p มากกว่า 0.2 แต่น้อยกว่า 0.4 แสดงแบบทดสอบข้อนั้นค่อนข้างยาก นำไปใช้ได้ p น้อยกว่า 0.2 แสดงแบบทดสอบข้อนั้นยากมาก ควรตัดทิ้งหรือนำไปปรับปรุง นอกจากจะนำค่าความยากง่ายไปใช้ในการเลือกข้อสอบแล้วยังสามารถนำมาใช้ในการจัด เรียงลำดับข้อสอบจากง่ายไปยาก การปรับปรุงข้อคำถามและตัวเลือก การจัดทำข้อสอบแบบคู่ขนานที่มี ความยากง่ายใกล้เคียงกัน ความมีประสิทธิภาพ (Efficiency) เครื่องมือวัดผลที่มีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องมือที่ทำให้ได้ข้อมูลได้ ถูกต้องเชื่อถือได้ โดยลงทุนน้อยที่สุดไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในแง่เวลา แรงงาน และทุนทรัพย์ รวมทั้งความ สะดวกสบาย คล่องตัวในการรวบรวมข้อมูล ความยุติธรรม (Fair) ความยุติธรรม เป็นคุณลักษณะของข้อสอบที่ดีต้องไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้เปรียบ เสียเปรียบกัน เช่น ข้อสอบบางฉบับครูไปเน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งตรงกับเรื่องที่เด็กทำรายงานในบางกลุ่ม ทำให้ กลุ่มนั้น ๆ ได้เปรียบคนอื่น ๆ ข้อสอบบางข้อใช้คำถามหรือข้อความที่แนะคำตอบ ทำให้นักเรียนใช้ไหวพริบเดาได้


48 คำถามลึก (Searching) ข้อสอบที่ถามลึกจะวัดความเข้าใจ การนำความรู้ที่ได้เรียนไปแล้วมาแก้ปัญหา วิเคราะห์ ตลอดจนสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมาจนท้ายที่สุดคือการประเมินผลคำถามที่ถามลึกนั้นผู้ตอบต้องคิดค้นก่อน จึงจะสามารถหาคำตอบได้ คำถามยั่วยุ (Exemplary) คำถามที่มีลักษณะท้าทายให้เด็กอยากคิดอยากทำ มีลีลาการถามที่น่าสนใจ ไม่ถามวนเวียนซ้ำซากน่าเบื่อหน่าย การใช้รูปภาพประกอบ การเรียงลำดับคำถามจากข้อง่ายไปหายากเป็นวิธีหนึ่ง ที่ทำให้ข้อสอบมีลักษณะท้าทายน่าทำ จำเพาะเจาะจง (Definite) คำถามที่ดีต้องไม่ถามกว้างเกินไป ไม่คลุมเครือหรือเล่นสำนวนให้ผู้สอบงง ผู้สอบอ่านแล้วต้องเข้าใจชัดเจนว่าครูถามอะไร ความเชื่อมั่น (Reliability) ความเชื่อมั่น เป็นคุณสมบัติของการวัดที่แสดงให้ทราบว่าค่าของคะแนนที่ เป็นผลมาจากการวัดด้วยเครื่องมือและวิธีการวัดประเมินที่มีความคงเส้นคงวา ( Consistency) หรือคงตัว (Stability) หรือไม่เพียงใด การทดสอบซ้ำ (Test–Retest Method) โดยการนำเอาแบบทดสอบฉบับหนึ่ง ไปทำการทดสอบกับ นักเรียนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง 2 ครั้ง ในเวลาที่ต่างกัน โดยเว้นระยะเวลาในการสอบทั้ง 2 ครั้ง ให้ห่างกันพอสมควร และทำการสอบซ้ำครั้งที่ 2 นำคะแนนจากการสอบครั้งที่ 1 และคะแนนจากการสอบครั้งที่ 2 ไปหาค่าสัมประสิทธิ์ สหสัมพันธ์โดยใช้สูตรของเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation) กำหนดให้ คือ ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ N คือ จำนวนผู้เข้าสอบ X คือ คะแนนแต่ละตัวของคะแนนครั้งที่ 1 Y คือ คะแนนแต่ละตัวของคะแนนครั้งที่ 2


49 บทที่ 4 ผลการศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาวิธีการเรียนของนักเรียนให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 2/1 โดยมีเป้าหมายให้นักเรียนทุกคนมีผลการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนด โดยเสนอผลการ วิเคราะห์ข้อมูลเป็นลำดับ ในลักษณะตารางประกอบคำบรรยายดังนี้ ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละและค่าเฉลี่ยของคะแนนสอบความสามารถในการเรียนรู้ในวิชาวิทยาการคำนวณ ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนตลอดงานวิจัยนี้เรื่องการแก้ปัญหาอย่างเป็น ขั้นตอน ของนักเรียนก่อนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 40 คน การทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนเฉลี่ย ( x ) ร้อยละของคะแนนที่ เพิ่มขึ้น ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) ก่อนเรียน 10 4.82 68.05 2.12 หลังเรียน 10 8.10 1.65 จากตารางพบว่า คะแนนเฉลี่ยของการทดสอบก่อนเรียนเท่ากับ 4.82 คะแนน และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 8.10 คะแนน ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน เท่ากับ 3.28 คะแนน และนักเรียนทุกคนมี คะแนนสูงขึ้นกว่าเดิมโดยมีคะแนนความก้าวหน้าเมื่อเทียบระหว่างคะแนนก่อนเรียนกับคะแนนหลังเรียนคิดเป็น ร้อยละ 68.05 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ลดลง ตารางที่ 2 แสดงผลการทดสอบก่อนและหลังเรียนโดยใช้วิธีการสอนแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม ที่ ชื่อ-สกุล ทดสอบก่อน เรียน ทดสอบหลัง เรียน ความแตกต่างค่า คะแนน (10 คะแนน) (10 คะแนน) 1 เด็กชายกนกพล ราตรีวงศ์ 3 5 2 2 เด็กชายกฤติเดช จำนงศิลป์ 6 8 2 3 เด็กชายจารุวัฒน์ บุญมีประเสริฐ 5 7 2 4 เด็กชายชนม์ณกรณ์ โง่นแก้ว 4 7 3 5 เด็กชายธนกฤต ด้วงคำจันทร์ 5 6 1 6 เด็กชายธนวินท์ ราชโยธา 4 8 4


50 7 เด็กชายธีรภัทร์ พิมภูราช 5 7 2 8 เด็กชายปวรุจ เป็นมงคล 3 6 3 9 เด็กชายพงษ์สินกฤษณ์ เนตรนิยม 2 5 3 10 เด็กชายพีรธรรม สินทรโก 7 9 2 11 เด็กชายศุภชัย บุบผา 5 7 2 12 เด็กชายพรเทวา เบ้าหล่อเพชร 2 6 4 13 เด็กชายพชรดนัย โสภาคำ 4 6 2 14 เด็กชายภูมิวรพล โคตรบุตร 8 10 2 15 เด็กชายศุภสิน ขุมดินพิทักษ์ 3 5 2 16 เด็กชายเศรษฐวิชญ์ สะตะ 3 7 4 17 เด็กชายอภิกร วิเศษศรี 5 8 3 18 เด็กชายกฤษณพล แสงเดือน 4 6 2 19 เด็กชายก้องเกียรติ สิงห์ปัน 5 7 2 20 เด็กชายปุณณวิช วงศา 5 6 1 21 เด็กหญิงกชกร ศรีพรหม 4 8 4 22 เด็กหญิงกัญญาวีร์ พิมพ์พงษ์ 5 6 1 23 เด็กหญิงข้าวฟ่าง เทพสาร 3 6 3 24 เด็กหญิงฌานิกา เยี่ยมรัมย์ 5 7 2 25 เด็กหญิงณัฐณิชา ลาชัย 2 5 3 26 เด็กหญิงนิรัชพร ภานุพันธ์ 4 5 1 27 เด็กหญิงปราณดาริน ปฏิวรโต 4 6 2 28 เด็กหญิงพัชรพรรณ จิตตโคตร 2 5 3 29 เด็กหญิงพัทธพร พุทสีเสน 3 5 2 30 เด็กหญิงภควรรณ ดีครอบ 5 7 2 31 เด็กหญิงมุกด์สิตางศุ์ สรรพอาษา 5 6 1 32 เด็กหญิงวาดวิไล ใจเก่ง 3 5 2 33 เด็กหญิงศวพร บุญญาลงกรณ์ 3 6 3 34 เด็กหญิงอธิชา บุญมา 5 9 4 35 เด็กหญิงปวรรัตน์ ดาบสีพาย 6 8 2 36 เด็กหญิงปริยกร อุ่นจิตร 3 6 3 37 เด็กหญิงปิติณัฐ ผาเชาว์ 7 8 1 38 เด็กหญิงพิมพ์ประภา ศักดิ์ขวา 5 7 2


51 39 เด็กหญิงเพชรนรีภัทร ป้อมเชียงพิณ 4 7 3 40 เด็กหญิงสิริกิติยา จันทร์โพนงาม 5 9 4 ค่าเฉลี่ย 4.82 8.10 3.28 จากตารางที่ 2 แสดงให้เห็นว่าผลการทดสอบก่อนและหลังเรียนนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 2/1 นั้น โดยใช้ วิธีการสอนแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรมนั้น นักเรียนทดสอบก่อนเรียนมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.82 คะแนน จากนั้น ทดสอบหลังเรียนมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 8.10 คะแนน โดยนักเรียนมีค่าคะแนนเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 3.28 คะแนน ซึ่ง เป็นพัฒนาการของคะแนนเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจากเดิม ตารางที่ 3 การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของวัตถุประสงค์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) ข้อ ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ ค่า IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 รวม 1 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 3 +1 0 +1 2 0.67 ใช้ได้ 4 +1 0 +1 2 0.67 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 6 +1 0 +1 2 0.67 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 10 +1 +1 0 2 0.67 ใช้ได้ ค่า IOC รวมทั้งหมด = 8.68 = 8.68/10 = 0.868 สรุปว่า แบบทดสอบการเรียนการสอนดังกล่าวนั้นใช้ได้


52 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อพัฒนาวิธีการเรียนของนักเรียนโดยใช้แบบฝึกนวัตกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2/1 โดยมีเป้าหมายให้นักเรียนทุกคนมีผลการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เรื่องการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน 2. เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้ดีขึ้นและเป็นแนวทางในการพัฒนาการสอน สมมติฐานของการวิจัย รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง : การสอนโดยใช้แบบฝึกนวัตกรรม สามารถทำให้ นักเรียนบางส่วนที่ไม่เข้าใจบทเรียนนั้น กลับมาเข้าใจบทเรียนมากขึ้นและเรียนรู้ได้มากขึ้นกว่าคำอธิบายของครู ประโยชน์คาดว่าจะได้รับ 1. ผลการการวิจัยครั้งนี้ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาการคำนวณและกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ สามารถนำวิธีการการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกนวัตกรรมเป็นฐาน ไปปรับใช้และประยุกต์ใช้ได้ใน กระบวนการ เรียนการสอนเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณและแก้ไขปัญหาได้ 2. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกนวัตกรรมเป็นฐาน มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ อย่างมีวิจารณญาณและแก้ไขปัญหาที่สูงขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. รูปแบบการเรียนการสอนแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม 2. แบบบันทึกคะแนนประจำหน่วยและใบงาน 3. สมุดแบบฝึกหัดและใบกิจกรรมของนักเรียน 4. แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียนและแบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 40 คน ประชากร คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 100 คน การเก็บรวบรวมข้อมูล 1. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มจะเฟ้นหานักเรียนที่เก่ง และมีความรับผิดชอบ มีลักษณะเป็น


53 ผู้นำมอบหมายให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม เพื่อช่วยในการกระตุ้นเพื่อนๆ ขณะทำกิจกรรมการเรียนรู้ 2. ครูผู้สอนชี้แจงการเรียนแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม โดยหลังจากครูสอนในแต่ละครั้งก็จะมอบหมายให้ นักเรียนทำแบบฝึกหัด โดยนักเรียนนั่งทำแบบฝึกหัดระดมสมองช่วยกันคิด หากหัวข้อใดสมาชิกในกลุ่มไม่เข้าใจ ผู้ที่เข้าใจก็จะช่วยกันอธิบายจนเพื่อนเข้าใจ หากสมาชิกในกลุ่มยังไม่เข้าใจก็จะปรึกษาครูผู้สอน 3. ครูสังเกตการทำกิจกรรมของกลุ่ม การช่วยกันแก้ปัญหา ความสนใจ และความตั้งใจของสมาชิกใน กลุ่ม 4. สังเกตผลการทำแบบฝึกหัดว่าดีขึ้นหรือไม่ 5. สังเกตการประเมินตามสภาพจริงในแต่ละครั้ง 6. วัดผลการเรียนเมื่อสิ้นบทเรียน 7. ครูช่วยสรุปการเรียนรู้ทั้งหมดที่นักเรียนปฏิบัติเป็นความคิดรวบยอด สรุปผลการวิจัย ผลจากการจัดการเรียนการสอนแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม มาใช้ในการเรียนการสอนวิชาวิทยาการ คำนวณ ผลปรากฎว่า คะแนนเฉลี่ยของการทดสอบก่อนเรียนเท่ากับ 4.82 คะแนน และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 8.10 คะแนน ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน เท่ากับ 3.28 คะแนน และนักเรียนทุกคนมี คะแนนสูงขึ้นกว่าเดิมโดยมีคะแนนความก้าวหน้าเมื่อเทียบระหว่างคะแนนก่อนเรียนกับคะแนนหลังเรียนคิดเป็น ร้อยละ 68.05 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ลดลง นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาเพิ่มขึ้นอย่างเห็น ได้ชัด และกิจกรรมกลุ่มของนักเรียนทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีและเอื้อต่อการเรียนการสอน ช่วยให้นักเรียนมีความ กระตือรือร้นสนใจ ตั้งใจ และมีความรับผิดชอบต่อการเรียนมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้นักเรียนมีความ กระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา ช่วยสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในกลุ่ม รู้จักแก้ปัญหาร่วมกัน ทำงานเป็นทีมระดม ความคิดของหลายคน ซึ่งแนวทางนี้เหมาะสมในการแก้ปัญหาในชั้นเรียนได้เป็นอย่างดี รวมถึงสามารถสร้าง ทัศนคติที่ดีต่อการเรียนวิชาวิทยาการคำนวณเป็นอย่างมาก ผลพฤติกรรมการทำงานและความรับผิดชอบของ นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกนวัตกรรมจากการสังเกตพฤติกรรมการทำงานและความ รับผิดชอบของนักเรียน ทุกคนมีคะแนนพฤติกรรมการทำงานที่เพิ่มขึ้น อภิปรายผลการวิจัย จากการศึกษาวิจัยพบว่าการสอนโดยวิธีใช้แบบฝึกนวัตกรรม ระหว่างนักเรียนในรายวิชา ทำให้ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผู้เรียนมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ หลังการจัดการเรียนรู้ แบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม มีคะแนนเฉลี่ยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนเรียนและเทียบกับเกณฑ์ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม เป็นกิจกรรมที่ให้โอกาสให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเองตาม แนวคิดการสร้างความรู้ นำมาใช้ในการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยให้ผู้เรียนได้คิด ได้สร้าง ความรู้ด้วยตนเอง การวิจัยครั้งนี้ยังสอดคล้องกับประพันธ์ศิริ สุเสารัจ (2558:48), ซึ่งกล่าวว่าการคิดวิเคราะห์


54 เป็นการจำแนกแยกแยะข้อมูลองค์ประกอบของสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ เรื่องราว เหตุการณ์ต่าง ๆ ออกเป็น ส่วนย่อย ๆ เพื่อค้นหาความจริง ความสำคัญ แก่นแท้องค์ประกอบหรือหลักการของเรื่องนั้น ๆ ทั้งที่อาจแฝงซ่อน อยู่ภายในสิ่งต่าง ๆ หรือปรากฏได้อย่างชัดเจนรวมทั้งหาความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงของสิ่งต่าง ๆ ว่าเกี่ยวพัน กันอย่างไร อาศัยหลักการใดจนได้ความคิดเพื่อนำไปสู่การสรุป การประยุกต์ใช้ การทำนาย หรือคาดการณ์สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง และยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ ชัยยศ สมาผล (2559) ที่พบว่าความสามารถในการคิด วิเคราะห์ หลังการจัดการเรียนรู้แบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม มีคะแนนเฉลี่ยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนเรียนและเทียบ กับเกณฑ์ จากการที่ครูจะกระตุ้นให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติและตรวจสอบความถูกต้อง วิธีการเช่นนี้จะทาให้หลักสูตรมี ความหมายมากขึ้น บทเรียนไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยคำตอบที่ถูก แต่ควรจะเป็นคำตอบที่สามารถขยายผลไปสู่การ ตั้งคำถามของผู้เรียนต่อไป เพราะแนวคิดสมัยใหม่มองว่าความคิดของนักเรียนมีคุณค่า นักเรียนจะใช้พัฒนา ความหมายของตัวเองแทนการถ่ายโอนความรู้จากครู โดยจะเน้นการคิดเชิงวิพากษ์มากกว่าข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง กิจกรรมการเรียนควรมีความหมายและน่าสนใจให้กับนักเรียน พวกเขาควรได้รับอนุญาตในการสร้าง พัฒนาและประยุกต์ใช้ความรู้หรือทักษะเพิ่มเติม พวกเขาควรจะมีทางเลือกและได้รับโอกาสที่จะเป็นนักวางแผน และผู้มีอำนาจตัดสินใจ กิจกรรมควรจะสร้างขึ้นที่ช่วยให้นักเรียนที่จะใช้ประโยชน์จากความรู้ในสถานการณ์ใหม่ นักเรียนควรจะเป็นการสนับสนุนในการหาคำตอบสำหรับคำถามของตัวเองโดยใช้การวิเคราะห์และปฏิบัติเอง ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะจากการวิจัยในครั้งนี้ 1.1 ครูผู้สอนในวิชาควรใช้กระบวนการใช้แบบฝึกนวัตกรรมมาจัดกระบวนการเรียนรู้ในหน่วยเนื้อหาที่ ต้องการ และการเรียนการสอนในยุคใหม่ไม่เพียงแต่สอนนักเรียน แต่ยังต้องดูแลและสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขา ด้วยกระบวนการของการเรียนรู้ผ่านการแก้ปัญหาเป็นขั้นตอนสำคัญ 1.2 ผู้บริหารสถานศึกษา ควรสนับสนุนให้ครูในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ นำกระบวนการเรียนรู้แบบใช้ แบบฝึกนวัตกรรมไปจัดกระบวนการเรียนรู้และสร้างแบบฝึกนวัตกรรมการเรียนรู้เพิ่มเติม 1.3 ควรทำวิจัยเปรียบเทียบระหว่างการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบปกติกับการจัดกระบวนการเรียนรู้ แบบใช้แบบฝึกนวัตกรรมหรือทำแบบทดสอบเพิ่มได้จริง 2. ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรมีการศึกษาวิจัยตัวแปรอื่นๆ ในการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานโดยใช้นัวตกรรมเพิ่มเติม 2.2 ควรทำการวิจัย ผลดีและผลเสียของการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบใช้แบบฝึกนวัตกรรมว่า ในด้านใด จะช่วยพัฒนาการเรียนรู้ได้ดีกว่า การเรียนรู้ลักษณะนี้จะช่วยให้ครูผู้สอนที่จะทาให้ก้าวกระโดดจากทฤษฎีไปสู่การ ปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จ 2.3 ข้อมูลจากการวิจัยครั้งนี้ จะเป็นแนวทางให้ครูสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้โดยการลงมือปฏิบัติ เช่นเดียวกับการเชิญชวนให้นักเรียนร่วมลงมือกับครูด้วยครูจะอาศัยโอกาสดังกล่าวนี้ในการสังเกตการณ์การทางาน และร่วมแบ่งปันประสบการณ์ที่ค้นพบด้วยกัน


55 บรรณานุกรม ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2556). เอกสารการสอนชุดวิชาสื่อการสอนระดับปะถมศึกษา หน่วยที่ 2 การสอน ระดับประถมศึกษา. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัย ธรรมาธิราช. พิมพ์วิไล ถนัดช่าง. (2557, มิถุนายน). “การสอนแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม”, วารสารแนะแนว. 135:25. กมลรัตน หล้าสุวงษ. (2558). จิตวิทยาการศึกษาภาควิชาแนะแนวและจิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ: คณะศึกษาศาสตรมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ----------. กระทรวงศึกษาธิการ (2559). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพ : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). ----------.กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพ : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. (2559). กระบวนการเรียนรู้โดยแบบฝึกนวัตกรรม. ภาควิชาหลักสูตรการสอน. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ฐิติพร ดวงจิตร. (2560). การพัฒนาชุดทักษะกระบวนการทางวิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาการคำนวณสำหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 โดยใช้รูปแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม. ปริญญา นิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ---------- . (2560). การใช้แบบฝึกนวัตกรรมเพื่อการทำงานและการจัดการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : นิชิน แอดเวอร์ไทซิ่ง กรู๊ฟ. วัฒนา ทวีพรสวรรค์. แบบฝึกนวัตกรรมแนวการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา. นครราชสีมา :สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา นครราชสีมา เขต 1, 2560. ชนาธิป พรกุล. (2560). รูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ :


56 สำนักพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2561). รายงานผลการวิจัยและพัฒนาโรงเรียนต้นแบบ การพัฒนาการใช้แบบฝึกนวัตกรรมเพื่อเรียนรู้. กรุงเทพ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่. มลิวัลย์ สมบุญญา. (2561). เอกสารประกอบการสอนรายงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครศรีธรรมราช. สุกัญญา อิ่มใจ. (2562). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างการ เรียนรู้แบบร ่วมมือกันเรียนรู้ด้วยแบบกลุ ่มแบบ STAD กับแบบใช้แบบฝึกนวัตกรรม. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. วัฒนาพร ระงับทุกข. (2562). แผนการสอนที่เนนผูเรียนเปนศูนยกลาง (พิมพครั้งที่2). กรุงเทพฯ: ม.ป.ท. : มหาวิทยาลัยเกริก. Morgan, Clifford T. (2016). “Innovation and Problem Solving”. A Brief Introduction to Psychology. 2nd ed. New Delhi Tata McGrew-Hill.co. Piaget, J. (2016). The Origins of Intelligence in Children. New York : W.W.Norton. Polya, George. (2016). How to solve it. San Francisco : Stanford University. Carman ,Jared M. (2017). BLENDED LEARNING DESIGN: FIVE KEY INGREDIENTS. [Online]. Accessed 8 September 2016. Available from: http://www.agilantlearning.com/ pdf/Blended%20Learning%20Design.pdf Rauly, Benjamin S. (2018). Taxonomy of educational objective handbook 1 : cognitiwe domain. London : Longman. Kare, John. (2019). Innovation of Education. New York : Philosophical Library.


57 ภาคผนวก


58 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง นักวางแผน เรื่อง การแก้ปัญหาเบื้องต้น เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วันที่สอน………เดือน……………………. พ.ศ……………. ผู้สอน นางสาวชุติมณฑน์ หาระคุณโน มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือ พัฒนางาน อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนึงถึง ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ป.2/1 แสดงลำดับขั้นตอนการทำงาน หรือ การแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง อธิบายวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นแต่ละขั้นตอน เขียนขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้นได้ จุดประสงค์การเรียนรู้เชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ (K) 1. อธิบายวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นแต่ละขั้นตอนได้ ด้านทักษะ (P) 2. เขียนขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้นได้ ด้านคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 3. มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านซื่อสัตย์ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน และมีจิตสาธารณะ สาระการเรียนรู้ 1. การแก้ปัญหา


59 2. ตัวอย่างการแก้ปัญหา สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหาทำได้โดยการเขียนบอกเล่า วาดภาพ หรือใช้สัญลักษณ์ ทักษะการคิดเชิงคำนวณ การแยกส่วนประกอบและการย่อยปัญหา การหารูปแบบ การคิดเชิงนามธรรม การออกแบบขั้นตอนวิธี สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีการสอนโดยเน้นการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem- based learning) ขั้นนำ 1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อวัดความรู้เดิมของนักเรียนก่อนเข้าสู่กิจกรรม 2. ครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า“ถ้านักเรียนมาโรงเรียนสายทุกวันและ นักเรียนต้องการจะไปโรงเรียนให้ทันเวลาต้องทำอย่างไร” (แนวตอบ : พิจารณาคำตอบของนักเรียน โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน) 3. ครูถามคำถามเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า“นักเรียนคิดว่าการหาข้อมูลเข้ามีความสำคัญ ต่อการแก้ปัญหาอย่างไร” (แนวตอบ : ข้อมูลมีส่วนสำคัญ เพราะถ้ามีข้อมูลที่ดี มีความสมบูรณ์ก็จะช่วยให้ทราบถึง สาเหตุของปัญหา และนำมาซึ่งการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และได้ผลลัพธ์ ตามที่ต้องการ) ขั้นสอน ขั้นที่ 1 กำหนดปัญหา 1. ครูถามนักเรียนว่า“ในชีวิตประจำวันนักเรียนพบปัญหาอะไรบ้างและนักเรียนมีวิธีการแก้ไข ปัญหาอย่างไร” (แนวตอบ : พิจารณาคำตอบของนักเรียน โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน)


60 2. ให้นักเรียนเขียนปัญหาที่สำคัญที่สุดของตนเองพร้อมบันทึกลงในกระดาษโน้ต ขั้นที่ 2 ทำความเข้าใจปัญหา 3. นักเรียนแต่ละคนวิเคราะห์ถึงสภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาของตนเองแล้วบันทึก ลงในกระดาษโน้ต (ใบเดิม) ขั้นที่ 3 ดำเนินการศึกษาค้นคว้า 4. นักเรียนศึกษาขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้นทั้ง 4 ขั้นตอนจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งประกอบไปด้วยขั้นตอนดังนี้ - พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหา - วางแผนการแก้ปัญหา - ลงมือแก้ปัญหา - ตรวจสอบผลการแก้ปัญหา 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมถึงรายละเอียดของขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้น ดังนี้ 1. พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหาคือ การวิเคราะห์ว่าปัญหาคืออะไร มีข้อมูล และ เงื่อนไขอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้น ๆ 2. วางแผนการแก้ปัญหา คือ การกำหนดวิธีการแก้ปัญหาและผลลัพธ์ที่ต้องการ 3. ลงมือแก้ปัญหา คือ การแก้ปัญหาตามแนวทางที่ได้วางแผนไว้ให้ประสบความสำเร็จ ตามที่ต้องการ 4. ตรวจสอบผลการแก้ปัญหา คือ การตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้ว่าตรงตามแนวทางการแก้ไข หรือไม่ หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามแนวทางให้ดำเนินการปรับปรุงขั้นตอนการแก้ปัญหาอีกครั้ง 6. เปิดโอกาสให้นักเรียนศึกษาสถานการณ์การแก้ปัญหาจากตัวอย่างในหนังสือเรียนที่วิเคราะห์ ตามขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้น โดยให้นักเรียนทำความเข้าใจกับสถานการณ์การแก้ปัญหา อย่างเป็นขั้นตอน เริ่มจากการพิจารณาและทำความเข้าใจปัญหาของสถานการณ์ โดยวิเคราะห์ ว่าปัญหาคืออะไร มีข้อมูลหรือเงื่อนไขใดบ้างที่เกี่ยวข้อง จากนั้นศึกษาขั้นตอนการวางแผน การแก้ปัญหาว่ามีการกำหนดหรือการจัดลำดับขั้นตอนเพื่อแก้ปัญหาอย่างไร มีวิธีการลงมือ แก้ปัญหาให้ประสบความสำเร็จตามที่กำหนดไว้ได้หรือไม่ และศึกษาวิธีการตรวจสอบผล การแก้ปัญหาว่าผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปตามแนวทางการแก้ปัญหาที่วางไว้หรือไม่ 7. ครูอธิบายเกร็ดน่ารู้ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันว่า“ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณมาช่วยในการดำเนินการ เพราะจะช่วยให้ลงมือ แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ” ขั้นที่ 4 สังเคราะห์ความรู้ 8. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะการแก้ปัญหาในหนังสือเรียน โดยให้นักเรียนวิเคราะห์ สถานการณ์ และอธิบายวิธีการแก้ปัญหาแต่ละขั้นตอนลงในสมุดประจำตัว


61 9. ครูสุ่มนักเรียน 1-2 คน ออกมาอธิบายวิธีการแก้ปัญหาหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 5 สรุปและประเมินค่าของคำตอบ 10. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย และครูให้ความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนเข้าใจ มากยิ่งขึ้น 11. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง แก้ปัญหากันดีกว่า โดยให้นักเรียน บอกปัญหาที่นักเรียนพบในชีวิตประจำวัน และเขียนอธิบายวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้น แต่ละขั้นตอนให้ชัดเจน และนำมาส่งในชั่วโมงถัดไป ขั้นที่ 6 นำเสนอและประเมินผลงาน 12. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคำถาม การทำใบงาน และสมุดประจำตัว 13. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานที่ 1.1.1 และกิจกรรมฝึกทักษะ ขั้นสรุป 1. ครูให้นักเรียนนำกระดาษโน้ตที่ได้บอกถึงผลการวิเคราะห์สภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไข ปัญหาของตนเองมาแปะบนกระดานหน้าชั้นเรียน 2. จากนั้นครูสุ่มกระดาษโน้ตจำนวน 2-3 ใบ โดยให้เจ้าของผลงานออกมานำเสนอแนวทาง การวิเคราะห์สภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาหน้าชั้นเรียน โดยครูให้ข้อเสนอแนะ เพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น 3. นักเรียนและครูสรุปร่วมกันว่า“คนเราทุกคนย่อมมีปัญหาที่แตกต่างกันอย่างหลากหลาย บางปัญหาสามารถแก้ไขได้ บางปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นเมื่อพบปัญหาควรมีสติ ในขณะที่ลงมือแก้ไขปัญหาโดยใช้วิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมและถูกวิธีก็จะทำให้ปัญหา ที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์” Note วัตถุประสงค์ของกิจกรรมเพื่อให้นักเรียน - มีทักษะการแก้ปัญหาที่นักเรียนพบในชีวิตประจำวัน และเขียนขั้นตอน การแก้ปัญหาเบื้องต้นได้อย่างชัดเจนโดยใช้การคิดเชิงคำนวณ - มีทักษะการสื่อสาร โดยการตอบคำถามและการอธิบายวิธีการแก้ปัญหา จากกิจกรรมฝึกทักษะในหนังสือเรียน - มีทักษะการสังเกต โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษาตัวอย่างสถานการณ์ การแก้ปัญหาที่วิเคราะห์ตามขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้นจากหนังสือเรียน


62 การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน การประเมินก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การแก้ปัญหา อย่างเป็นขั้นตอน - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - แบบทดสอบ ก่อนเรียน ประเมินตามสภาพจริง การประเมินระหว่างการจัด กิจกรรม 1) แก้ปัญหากันดีกว่า - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 - ใบงานที่ 1.1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน 2) ใบงานที่ 1.3 เรื่อง แก้ปัญหากันดีกว่า 3) กระดาษโน้ต แหล่งการเรียนรู้ ห้องสมุด


63 บัตรภาพ


64


65 ใบงานที่ 1 แก้ปัญหากันดีกว่า ชื่อ ชั้น เลขที่ คำชี้แจง : ให้นักเรียนบอกปัญหาที่นักเรียนพบในชีวิตประจำวัน และเขียนขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้น ให้ชัดเจน มีขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้นดังนี้ ปัญหาที่นักเรียนพบในชีวิตประจำวันคือ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 1.พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหา …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… 2.วางแผนการแก้ปัญหา …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… 3.ลงมือแก้ปัญหา …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… 4.ตรวจสอบผลการแก้ปัญหา …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… ……………………………………………………………………


66 เฉลย ใบงานที่ 1 แก้ปัญหากันดีกว่า ชื่อ ชั้น เลขที่ คำชี้แจง : ให้นักเรียนบอกปัญหาที่นักเรียนพบในชีวิตประจำวัน และเขียนขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้น ให้ชัดเจน มีขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้นดังนี้ ปัญหาที่นักเรียนพบในชีวิตประจำวันคือ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 1.พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหา …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… 2.วางแผนการแก้ปัญหา …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… 3.ลงมือแก้ปัญหา …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… 4.ตรวจสอบผลการแก้ปัญหา …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… มาโรงเรียนสาย มาโรงเรียนสาย เพราะ ไม่ยอมทำการบ้าน หลังจากเลิกเรียน จึงทำให้ต้องนอนดึกและทำให้ มาโรงเรียนสาย รีบทำการบ้านหลังจากเลิกเรียน และเข้านอนเร็ว จะทำให้มาโรงเรียนได้ทันเวลา ตรวจสอบผลว่าเมื่อเข้านอนเร็วจะทำให้ มาโรงเรียนได้ทันเวลาหรือไม่ถ้าหากไม่ทัน จะต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาต่อไป ลงมือแก้ปัญหาตามแนวทางที่กำหนด


67 ใบงานที่ 2 การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา ชื่อ ชั้น เลขที่ คำชี้แจง : ให้นักเรียนแสดงลำดับขั้นตอนการทอดไข่เจียวโดยการเขียนบอกเล่า และการวาดภาพ ขั้นตอนการทอดไข่เจียวโดยการวาดภาพ เฉลย ใบงานที่ 2 การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา ชื่อ ชั้น เลขที่ คำชี้แจง : ให้นักเรียนแสดงลำดับขั้นตอนการทอดไข่เจียวโดยการเขียนบอกเล่า และการวาดภาพ ขั้นตอนการทอดไข่เจียวโดยการเขียนบอกเล่า .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ขั้นตอนการทอดไข่เจียวโดยการเขียนบอกเล่า .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 1. ตอกไข่ใส่ชาม 2. ใส่เครื่องปรุงรสที่ต้องการ 3. ตีไข่ผสมให้เข้ากัน 4. ตั้งกระทะเทน้ำมัน 5. นำไข่ลงในกระทะ 6. กลับด้านไข่ 7. ตักใส่จานเสิร์ฟ


68 ขั้นตอนการทอดไข่เจียวโดยการวาดภาพ แบบทดสอบ ชื่อ ชั้น เลขที่ คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใด ไม่ใช่ขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้น ก. วางแผนการแก้ปัญหา ข. ตรวจสอบความถูกต้อง ค. ลงมือแก้ปัญหา 2. ขั้นตอนในข้อใด คือ ขั้นตอนการตรวจสอบว่า ปัญหาคืออะไร ก. พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหา ข. วางแผนการแก้ปัญหา ค. ลงมือแก้ปัญหา 3. ข้อใด ไม่ใช่การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา ก. การพูดบรรยาย ข. การวาดภาพ 6. เมื่อพบปัญหาควรทำสิ่งใดเป็นขั้นตอนแรก ก. ลงมือแก้ปัญหา ข. พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหา ค. วางแผนการแก้ปัญหา 7. เมื่อลงมือแก้ปัญหาแล้วควรทำสิ่งใดเป็นขั้นตอนต่อไป ก. จบการแก้ปัญหา ข. ตรวจสอบผลการแก้ปัญหา ค. แก้ปัญหาอื่นต่อๆไป 8. สัญลักษณ์ทิศทางข้อมูล เป็นแบบใด ก. ข. ค. 1 2 3 4 7 6 5


69 ค. การใช้สัญลักษณ์ 4. ข้อใด ไม่ใช่สัญลักษณ์ของผังงานอย่างง่าย ก. ข. ค. 5. สัญลักษณ์ในข้อใดหมายถึงการเริ่มต้น หรือสิ้นสุดการทำงาน ก. ข. ค. 9. การใช้สัญลักษณ์ในการแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา นิยมใช้กับข้อใด ก. ผังความคิด ข. แผนภาพ ค. ผังงาน 10. เมื่อเล่นเกมตัวต่อควรทำสิ่งใดเป็นขั้นตอนแรก ก. แยกตัวต่อตามโทนสีที่คล้ายกันเอาไว้ในกลุ่ม เดียวกัน ข. ต่อตัวต่อที่เป็นส่วนด้านขอบก่อน ค. ต่อตัวต่อจนครบ เฉลย 1. ข 2. ก 3. ก 4. ค 5. ข 6. ข 7. ข 8. ก 9. ค 10. ก แบบประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียน ประกอบหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แผนการเรียนรู้ที่ 1 คำชี้แจง ครูสังเกตพฤติกรรมการเรียน และการปฏิบัติงานของนักเรียน แล้วขีด / ให้คะแนนลงในช่อง ที่ตรง กับพฤติกรรมของนักเรียน เลขที่ คุณลักษณะที่ประเมิน ความสนใจ และ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ความ ซื่อสัตย์ ความมี ระเบียบ ความรับผิด ชอบ ต่องาน การตรงต่อ เวลาในการ ทำงาน สรุปผล การประเมิน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 15 ผ่าน/ไม่ ผ่าน 1 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 13 ผ่าน 2 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 3 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 13 ผ่าน 4 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน


70 5 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 13 ผ่าน6 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน7 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน8 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน9 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 10 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน 11 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 12 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน 13 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน 14 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 15 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน 16 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 17 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 13 ผ่าน 18 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน 19 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 20 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน 21 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 22 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน 23 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 24 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 25 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน 26 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 27 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 28 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 13 ผ่าน 29 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 30 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน 31 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 32 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 33 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน 34 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน 35 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 36 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ผ่าน


71 37 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 38 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 ผ่าน 39 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 12 ผ่าน 40 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 13 ผ่าน เกณฑ์การประเมิน ผู้ที่ผ่านเกณฑ์ประเมินต้องได้คะแนน 12 คะแนนขึ้นไป ถือว่าผ่าน ลงชื่อ นางสาวชุติมณฑน์ หาระคุณโน ผู้ประเมิน (…………........…………………………………..)


72 แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียนรายบุคคล ชื่อ ชั้น เลขที่ คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนนที่กำหนด ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 3 การทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมีน้ำใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม


73 แบบแสดงความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีต่อแบบทดสอบการประเมินผลตามจุดประสงค์ คำชี้แจง ขอให้ท่านผู้เชี่ยวชาญได้กรุณาแสดงความคิดเห็นของท่านที่มีต่อแบบทดสอบการประเมินผลตาม จุดประสงค์โดยใส่เครื่องหมาย ( ✓) ลงในช่องความคิดเห็นของท่านพร้อมเขียนข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ใน การนำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไป +1 คือ แน่ใจ ว่าข้อสอบนั้นสอดคล้องกับตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้/วัตถุประสงค์ที่กำหนด 0 คือ ไม่แน่ใจ ว่าข้อสอบนั้นสอดคล้องกับตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้/วัตถุประสงค์ที่กำหนด -1 คือ แน่ใจ ว่าข้อสอบนั้นไม่สอดคล้องกับตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้/วัตถุประสงค์ที่กำหนด รายการขอความคิดเห็น ความคิดเห็น เหมาะสม ข้อเสนอแนะ 1 ไม่แน่ใจ 0 ไม่ เหมาะสม -1 1. ความสอดคล้องเหมาะสมกับหลักสูตร 2. ความสอดคล้องเหมาะสมกับธรรมชาติวิชา 3. ความสอดคล้องเหมาะสมกับวัยของผู้เรียน 4. ความสอดคล้องเหมาะสมกับสภาพปัจจุบันและ ปัญหา 5. ความเหมาะสมต่อกระบวนการพัฒนาผู้เรียน 6. ความเหมาะสมของเนื้อหา 7. ความเหมาะสมของขนาดตัวอักษร 8. ความเหมาะสมของการใช้ภาษา 9. ความเหมาะสมกับความสนใจของนักเรียน 10.ความเหมาะสมของรูปแบบ ขอแสดงความขอบคุณอย่างยิ่ง ............................................ (..............................................)


74 ตารางวิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบกับตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้/วัตถุประสงค์ จากผู้เชี่ยวชาญ ข้อสอบ ข้อที่ คะแนนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ คนที่1 คนที่2 คนที่3 รวม IOC สรุป 1 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 3 +1 0 +1 2 0.67 ใช้ได้ 4 +1 0 +1 2 0.67 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 6 +1 0 +1 2 0.67 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 10 +1 +1 0 2 0.67 ใช้ได้


75 9.บันทึกหลังจัดการเรียนรู้ 9.1 ผลความรู้ที่เกิดขึ้นกับนักเรียน (K) นักเรียนร้อยละ 84 มีความเข้าใจในบทเรียนและ สามารถอธิบายเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง และสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งปฏิบัติกิจกรรมตาม เนื้อหาการเรียนรู้ที่กำหนดให้ได้อย่างถูกต้อง เกิดความรู้ความเข้าใจที่คงทนคิดวิเคราะห์ได้ 9.2 กระบวนการ/สมรรถนะ (P) นักเรียนร้อยละ 83 มีความสามารถในการเรียนรู้ บทเรียนและสามาถสร้างแนวคิดจากกระบวนการสอนมาเป็นความเข้าใจของตนเองได้อย่างดีมีทักษะการคิด วิเคราะห์ที่ดี และสามารถสังเคราะห์ความคิดจากความเข้าใจของตนเองออกมาได้ สามารถอธิบายได้ 9.3 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียน (A) นักเรียนร้อยละ 91 มีวินัยในการเรียนรู้ มีความรับผิดชอบในการทำงานร่วมกันและงานส่วนตัวที่ได้รับมอบหมายจากครูผู้สอน มีมารยาทให้ห้องเรียน ตั้งใจ เรียน และให้ความเคารพครูผู้สอนขณะทำการเรียนการสอน และมีคุณลักษณะของผู้เรียนที่ดีตามคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ตามหลักสูตร ลงชื่อ............................................................ (...................................................) ครูผู้สอน ลงชื่อ............................................................ (...................................................) หัวหน้ากลุ่มสาระฯ


76 แบบฝึกทักษะวิทยาการคำนวณ เรื่องการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2


77 คำนำ แบบฝึกเสริมทักษะวิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาการคำนวณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2ฉบับ นี้ ทางผู้ศึกษาได้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งมีเนื้อหาตรง ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีการจัดทำเนื้อหาและแบบฝึกใบงานพร้อมเฉลยให้สามารถ ศึกษาได้เอง ผู้จัดทำขอกราบขอบพระคุณ เพื่อนครู ครูผู้อาวุโส ครูชำนาญการ ศึกษานิเทศก์ และผู้อำนวยการ โรงเรียนที่ได้กรุณาให้คำแนะนำและตรวจสอบความถูกต้องของแบบฝึกเสริมทักษะวิทยาการคำนวณ เรื่องการ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาการคำนวณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ฉบับนี้ด้วยดีและ ขอบใจนักเรียนทุกคนที่ให้ความร่วมมือในการเรียนและช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดบางประการจนทำให้เอกสาร ฉบับนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ผู้จัดทำหวังว่าแบบฝึกเสริมทักษะเล่มนี้ เป็นประโยชน์ต่อนักเรียนและครูผู้สอนที่จะ นาไปใช้เป็นอย่างยิ่ง นางสาวชุติมณฑน์ หาระคุณโน ผู้จัดทำ


78 คำแนะนำสำหรับครูการใช้แบบฝึกเสริมทักษะวิทยาการคำนวณ การนำแบบฝึกทักษะวิทยาการคำนวณฉบับนี้ไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ครูควรให้คำแนะนำใน การเรียนรู้พร้อมทำข้อตกลงในการเรียน และปฏิบัติดังนี้ 1. ครูผู้สอนควรให้คำแนะนำขั้นตอนการใช้แบบฝึกเสริมทักษะวิทยาการคำนวณ เรื่องการแก้ปัญหา อย่างเป็นขั้นตอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาการคำนวณแก่นักเรียนอย่างละเอียด เพื่อให้นักเรียนแต่ละคน เข้าใจตรงกัน รวมทั้งการให้คะแนนทั้งการทดสอบก่อนเรียนหลังเรียน และคะแนนจากแบบฝึกเสริมทักษะ แต่ละกิจกรรม 2. แบบฝึกเสริมทักษะฉบับนี้ นอกจากการใช้สอนตามแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว ยังสามารถนำใช้ สอนเสริมนอกเวลาเรียนปกติ หรือตามความเหมาะสม 3. ครูผู้สอนต้องอธิบายขั้นตอนการใช้แบบฝึกเสริมทักษะนี้กับนักเรียนทีละขั้นตอน โดยให้นักเรียน ทำแบบทดสอบก่อนศึกษาเนื้อหาและทำแบบฝึกเสริมทักษะครูจะต้องบันทึกคะแนนทุกครั้งไว้ด้วย 4. ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามความเหมาะสม โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาการคำนวณ เป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ 5. ครูผู้สอนให้นักเรียนศึกษาองค์ความรู้ ที่อยู่ในแบบฝึกเสริมทักษะโดยศึกษา ทำความเข้าใจ อธิบาย ซักถาม ประกอบแล้วจึงให้นักเรียนทำแบบฝึกเสริมทักษะในแต่ละกิจกรรม 6. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนทำแบบฝึกทักษะตั้งแต่ต้นจนจบตามลำดับในแผนการสอน 7. ครูผู้สอนตรวจแบบฝึกเสริมทักษะที่นักเรียนได้ทำใบกิจกรรมพร้อมบันทึกคะแนนทุกครั้งให้ เรียบร้อยให้ทำแบบทดสอบหลังเรียน 8. ครูดำเนินการตรวจแบบฝึกทักษะ แบบทดสอบ และสังเกตพฤติกรรมการร่วมกิจกรรมของ นักเรียน บันทึกคะแนน และแจ้งผลแก่นักเรียน


79 คำแนะนำสำหรับนักเรียนการใช้แบบฝึกเสริมทักษะวิทยาการคำนวณ แบบฝึกเสริมทักษะวิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาการคำนวณฉบับนี้ จัดทำขึ้นเป็น นวัตกรรมสำหรับจัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนใช้ได้ถูกต้อง ดังนั้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการ เรียนรู้ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ 1. นักเรียนควรฟังคำแนะนำวิธีการใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เกณฑ์การวัดผลและประเมินผลจากครูผู้สอนให้ เข้าใจ 2. นักเรียนควรอ่านและทำแบบทดสอบก่อนเรียนตามที่กำหนดไว้ในแบบฝึกเสริมทักษะให้ครบทุกกิจกรรม 3. นักเรียนควรตั้งใจศึกษาและทำความเข้าใจคำชี้แจง และคำสั่งก่อนที่จะลงมือปฏิบัติกิจกรรมในแบบฝึกเสริม ทักษะต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ในแบบฝึกเสริมทักษะ 4. นักเรียนควรอ่านทบทวนแบบฝึกเสริมทักษะแต่ละแบบฝึกที่ทำทุกครั้งก่อนส่งครู เพื่อตรวจทานความ ถูกต้อง 5. นักเรียนควรสำรวจตนเองว่าทำคะแนนในแบบฝึกเสริมทักษะในแต่ละแบบฝึกและแบบประเมินต่างๆ ผ่าน เกณฑ์อยู่ในระดับใด เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องและพัฒนาตนเองให้มีความสามารถมากขึ้น 6. ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเรียนการสอนโดยการใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่องการแก้ปัญหาอย่างเป็น ขั้นตอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาการคำนวณฉบับนี้ ควรสอบถามจากครูผู้สอนให้เข้าใจ 7. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อวัดความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่เรียนมาแล้ว


80 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การแก้ปัญหาอย่างง่าย แผนผังการเรียนรู้แบบบูรณาการ การแก้ปัญหา อย่างง่าย วิทยาศาสตร์ สาระที่ 4 เทคโนโลยี • การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา โดยการเขียน บอกเล่า วาดภาพ หรือใช้สัญลักษณ์ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม • การแสดงออกถึงการเคารพในสิทธิ เสรีภาพของตนเองและผู้อื่น ภาษาไทย • การเขียนผังความคิดเพื่อแสดงความเข้าใจจากเรื่องที่อ่าน • การอภิปรายแสดงความคิดเห็นและข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน • การเขียนบรรยายประสบการณ์โดยระบุสาระสำคัญและรายละเอียดสนับสนุน • การพูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู • การพูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา


81 ตัวชี้วัด แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ (ว 4.2 ป.2/1) มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็น ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม ตัวชี้วัด ว 4.2 ป.2/1 แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายเกี่ยวกับการค้นพบปัญหา (K) 2. วิเคราะห์ปัญหา (P) 3. เห็นความสำคัญของการค้นพบปัญหา (A) สาระการเรียนรู้ ในชีวิตประจำวันของนักเรียนแต่ละคนจะพบปัญหามากมาย ซึ่งในแต่ละปัญหาที่พบนั้นอาจแตกต่างกันไปตาม สถานการณ์ และสภาพแวดล้อม เช่น การลืมสิ่งของที่จะนำไปโรงเรียน การค้นพบปัญหานั้นจะช่วยให้เรา สามารถหาวิธีการแก้ปัญหาได้สำเร็จ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นในการทำงาน


82 3. รับผิดชอบ คำถามสำคัญ นักเรียนมีวิธีการอย่างไรในการทำความเข้าใจกับปัญหา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล (Gathering) 1. นักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับปัญหาที่พบในชีวิตประจำวัน โดยเขียนบันทึกคำตอบของนักเรียนเป็น แผนภาพความคิดบนกระดาน แล้วตอบคำถาม ดังนี้ • ปัญหาใดที่นักเรียนพบบ่อยที่สุด (ตัวอย่างคำตอบ อากาศในช่วงบ่ายค่อนข้างร้อน) • นักเรียนคิดว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร (ตัวอย่างคำตอบ ในช่วงพักกลางวันวิ่งเล่นทำให้เหงื่อออกตามร่างกาย) 2. นักเรียนร่วมกันสังเกตภาพเกี่ยวกับการแก้ปัญหาลืมปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน แล้วตอบคำถาม ดังนี้ ปัญหาที่พบใน ชีวิตประจ าวัน เส้ือหลุดออกนอก กางเกง นอนตื่น สาย การทิ้งขยะไม่เป็นที่ ลืมนา ร่มมาโรงเรียน อากาศในช่วง บ่ายค่อนขา้ง ร้อน เส้ือผา้เป้ือน คราบสกปรก น้า ดื่มที่ โรงเรียนไม่ ค่อยสะอาด รับประทานอาหารเลอะ เทอะ


83 • จากภาพนักเรียนเห็นอะไรบ้าง (ตัวอย่างคำตอบ แก้วน้ำ โทรทัศน์ ตู้เก็บของ โต๊ะ หนังสือ ป้ายเตือนอย่าลืมปิดไฟ) • จากภาพนักเรียนคิดว่าเกิดปัญหาอะไร (ตัวอย่างคำตอบ ลืมปิดไฟ) • จากภาพนักเรียนคิดว่ามีการแก้ปัญหาอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ ติดป้ายเตือนป้องกันการลืมปิดไฟ) • นักเรียนคิดว่าการแก้ปัญหาด้วยวิธีการนี้ได้ผลหรือไม่ (ตัวอย่างคำตอบ ได้ผล/ไม่ได้ผล) 3. นักเรียนร่วมกันศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับการค้นพบปัญหา จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย เช่น การสอบถามจากครูหรือผู้ปกครอง และห้องสมุด ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ (Processing) (Gathering) 4. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน จากนั้นแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาการลืมปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยเขียนบันทึกคำตอบของนักเรียนเป็นแผนภาพความคิดบนกระดาน ดังตัวอย่าง ไฟดบัแลว้ลืมถอดปลกั๊ไฟ เกิดอาการอ่อนเพลียเลยเผลอ หลับไป ไม่ตรวจสอบความเรียบร้อย ก่อนออกจากบา้น อยใู่นภาวะเร่งรีบ ปัญหาการลืมปิ ด อุปกรณ์ไฟฟ้า สาเหตุ


84 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสังเกตและวิเคราะห์ภาพเกี่ยวกับการทิ้งขยะไม่เป็นที่ จากนั้นเลือก ภาพมาเรียงลำดับเป็นแผนภาพ ดังตัวอย่าง 6. นักเรียนร่วมกันสังเกตและวิเคราะห์ภาพและบัตรคำเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาการอ่านหนังสือไม่คล่อง บนกระดาน จากนั้นจับคู่ภาพและบัตรคำให้สัมพันธ์กัน ดังตัวอย่าง ต้งัใจเรียนเวลาครูสอน เข้าห้องสมุด รวมกลุ่มกบัเพื่อน ฝึกอ่านหนงัสือเวลาพกัเที่ยง ท าแบบฝึ กหัดการเขียน สะกดค าเป็ นประจ า ฝึกอ่านหนงัสือทุกวนั


85 7. นักเรียนร่วมกันสรุปความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการค้นพบปัญหา ดังนี้ ปัญหารอบตัวเรามีมากมายหลายปัญหา เช่น ปัญหาการลืมปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า ปัญหาการทิ้งขยะไม่ เป็นที่ และปัญหาการอ่านหนังสือไม่คล่อง เมื่อเราพบเจอปัญหาจะต้องทำความเข้าใจกับปัญหา เพื่อให้เราค้นพบ สาเหตุ และวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทำให้นำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง และถูกวิธีจนสำเร็จ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมที่ 1.1 รู้จักปัญหา โดยบันทึกคำตอบลงในแบบบันทึก ดัง ตัวอย่าง 2. นักเรียนเลือกปัญหาในชีวิตประจำวัน 1 ปัญหา แล้วบอกสาเหตุของปัญหานั้น แบบบันทึกกจิกรรม รู้จกัปัญหา 1. ในการด าเนินชีวิตประจ าวัน นักเรียนพบปัญหาอะไรบ้าง เขียนข้อความลงในแผนภาพความคิด แลว้ร่วมกนัแลกเปลี่ยนประสบการณ์(ตวัอยา่งคา ตอบ) (ตวัอยา่งคา ตอบ ตื่นสายเพราะนอนดึกทา ใหร้่างกายพกัผอ่นไม่เพียงพอ) ปัญหาที่พบใน ชีวิตประจ าวัน ___________________ ___________________ ___________________ ___________________ ___________________ ___________________ ___________________ ___________________ ___________________ ___________________ (มลพิษทางอากาศ) (ปัญหาขยะ) (น้า เน่าเสีย) (ลืมกุญแจบ้าน) (ตื่นสาย)


86 ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ 3. นักเรียนระบุปัญหาที่พบในโรงเรียน 1 ปัญหา พร้อมบอกสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทาง การแก้ปัญหาลงในแผนภาพความคิด (ตัวอย่างคำตอบ) กิจกรรมนี้สร้างเสริมทักษะศตวรรษที่ 21 ด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดแก้ปัญหา การร่วมมือทำงานเป็นทีม และความรอบรู้ในสารสนเทศ ____________________ ____________________ ผลกระทบต่อตนเอง ____________________ ____________________ ____________________ ____________________ ____________________ ____________________ _______________ _______________ __________ ปัญหา (ถังขยะมีจ านวนไม่ เพียงพอ) (ทิ้งขยะไม่เป็นที่) (ไม่มีการคดัแยกขยะ) (ขาดความรับผิดชอบ ในการทิ้งขยะ) (ปริมาณขยะ จ านวนมาก) ผลกระทบต่อผู้อื่น แนวทางการแก้ปัญหา ___________________________ ___________________________ ___________________________ ___________________________ __ (ช่วยกนัทิ้งขยะใหล้งถงั ตามประเภทของขยะ และรณรงค์ หรือจดักิจกรรม เพื่อรักษาความ สะอาดภายในโรงเรียน) _____________________ _____________________ _____________________ (ส่งกลิ่นเหมน็และอาจ ไดร้ับเช้ือโรคจากขยะได)้ _____________________ _____________________ _____________________ สาเหตุ (เกิดการแพร่ระบาดของ เช้ือโรคและอาจเกิด โรคติดต่อได)้


87 9. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ร่วมกัน ดังนี้ ในชีวิตประจำวันของนักเรียนแต่ละคนจะพบปัญหามากมาย ซึ่งในแต่ละปัญหาที่พบนั้นอาจแตกต่างกัน ไปตามสถานการณ์ และสภาพแวดล้อม เช่น การลืมสิ่งของที่จะนำไปโรงเรียน การค้นพบปัญหานั้นจะช่วยให้เรา สามารถหาวิธีการแก้ปัญหาได้สำเร็จ ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอแบบบันทึกกิจกรรม การค้นพบปัญหา ของกลุ่มตนเองหน้าชั้นเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน อาจใช้ PowerPoint ในการนำเสนอเพื่อให้เห็นข้อมูลได้ชัดเจนและน่าสนใจ 11. นักเรียนร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยตอบคำถาม ดังนี้ • นักเรียนมีวิธีการอย่างไรในการทำความเข้าใจกับปัญหา (ตัวอย่างคำตอบ จำแนกปัญหาออกเป็นส่วน ๆ เช่น ปัญหานี้มีสาเหตุมาจากอะไร มีลักษณะอย่างไร และมักเกิดขึ้นเมื่อใด เพราะอะไรจึงเกิดขึ้น) 12. นักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปเกี่ยวกับวิธีการทำงานให้เห็นการคิดเชิงระบบและวิธีการทำงานที่มีแบบ แผน ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) 13. นักเรียนนำความรู้เกี่ยวกับการค้นพบปัญหาที่ได้ไปอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ เพื่อเผยแพร่ความรู้ ให้ผู้อื่นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 14. นักเรียนประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สึกหลังการเรียนและหลังการทำกิจกรรม ในประเด็นต่อไปนี้ • สิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้ในวันนี้คืออะไร • นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้มากน้อยเพียงใด • เพื่อนักเรียนในกลุ่มมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด • นักเรียนพึงพอใจกับการเรียนในวันนี้หรือไม่ เพียงใด กิจกรรมนี้สร้างเสริมทักษะศตวรรษที่ 21 ด้านการสื่อสาร


88 • นักเรียนจะนำความรู้ที่ได้นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทั่วไปได้อย่างไร จากนั้นแลกเปลี่ยนตรวจสอบขั้นตอนการทำงานทุกขั้นตอนว่าจะเพิ่มคุณค่าไปสู่สังคม เกิดประโยชน์ต่อสังคมให้มากขึ้นกว่าเดิมในขั้นตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในครั้งต่อไป สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ของสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) 2. ภาพการแก้ปัญหาลืมปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน 3. ภาพการทิ้งขยะไม่เป็นที่ 4. ภาพและบัตรคำวิธีการแก้ปัญหาการอ่านหนังสือไม่คล่อง 5. แหล่งการเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน การประเมินการเรียนรู้ 1. ประเมินความรู้ เรื่อง การค้นพบปัญหา (K) ด้วยแบบทดสอบ 2. ประเมินกระบวนการทำงานกลุ่ม (P) ด้วยแบบประเมิน 3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) ด้วยแบบประเมิน แบบประเมินตามสภาพจริง (Rubrics) แบบประเมินกระบวนการทำงานกลุ่ม รายการการ ประเมิน ระดับคุณภาพ 4 3 2 1 กระบวนการ ทำงานกลุ่ม มีการกำหนดบทบาท สมาชิกชัดเจน และมีการชี้แจง เป้าหมาย การทำงาน มีการปฏิบัติงาน ร่วมกัน อย่างร่วมมือร่วมใจ พร้อมกับการประเมิน เป็นระยะ ๆ มีการกำหนดบทบาท สมาชิกชัดเจน มีการชี้แจงเป้าหมาย อย่างชัดเจนและ ปฏิบัติงานร่วมกัน แต่ไม่มีการประเมิน เป็นระยะ ๆ มีการกำหนดบทบาท เฉพาะหัวหน้า ไม่มีการชี้แจง เป้าหมาย อย่างชัดเจน ปฏิบัติงานร่วมกัน ไม่ครบทุกคน ไม่มีการกำหนด บทบาทสมาชิก และไม่มีการชี้แจง เป้าหมาย สมาชิก ต่างคนต่างทำงาน


89 แบบทดสอบก่อนเรียน ชื่อ ชั้น เลขที่ คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใด ไม่ใช่ขั้นตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้น ก. วางแผนการแก้ปัญหา ข. ตรวจสอบความถูกต้อง ค. ลงมือแก้ปัญหา 2. ขั้นตอนในข้อใด คือ ขั้นตอนการตรวจสอบว่า ปัญหาคืออะไร ก. พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหา ข. วางแผนการแก้ปัญหา ค. ลงมือแก้ปัญหา 3. ข้อใด ไม่ใช่การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา ก. การพูดบรรยาย ข. การวาดภาพ ค. การใช้สัญลักษณ์ 4. ข้อใด ไม่ใช่สัญลักษณ์ของผังงานอย่างง่าย ก. ข. ค. 5. ส ั ญ ล ั ก ษ ณ ์ ใ น ข ้ อ ใ ด ห ม า ย ถ ึ ง ก า ร เ ร ิ ่ ม ต้ น หรือสิ้นสุดการทำงาน ก. ข. ค. 6. เมื่อพ บปัญหา คว ร ทำ สิ่งใดเป็นขั้นต อนแรก ก. ลงมือแก้ปัญหา ข. พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหา ค. วางแผนการแก้ปัญหา 7. เมื่อลงมือแก้ปัญหาแล้วควรทำสิ่งใดเป็นขั้นตอนต่อไป ก. จบการแก้ปัญหา ข. ตรวจสอบผลการแก้ปัญหา ค. แก้ปัญหาอื่นต่อๆไป 8. สัญลักษณ์ทิศทางข้อมูล เป็นแบบใด ก. ข. ค. 9. การใช้สัญลักษณ์ในการแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา นิยมใช้กับข้อใด ก. ผังความคิด ข. แผนภาพ ค. ผังงาน 10. เมื่อเล่นเกมตัวต่อควรทำสิ่งใดเป็นขั้นตอนแรก ก. แยกตัวต่อตามโทนสีที่คล้ายกันเอาไว้ในกลุ่ม เดียวกัน ข. ต่อตัวต่อที่เป็นส่วนด้านขอบก่อน ค. ต่อตัวต่อจนครบ เฉลย 1. ข 2. ก 3. ก 4. ค 5. ข 6. ข 7. ข 8. ก 9. ค 10. ก


90 เรื่องการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ชื่อ...............................................................................เลขที่........................ ทดสอบก่อนเรียน ข้อ ก ข ค ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ใบความรู้ กระดาษคำตอบ คะแนนที่ได้__________คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน


Click to View FlipBook Version