The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nongna_kampang, 2023-03-21 06:20:54

ครุนิพนธ์

ครุนิพนธ์

การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube นางสาวสุจิณนา อุสมา แผนพัฒนาฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาครุนิพนธ์ สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา พ.ศ.2565


SELF-DEVELPPMWNT IN TEACHER PROFESSIONAL ETHICS TO BECOME A PROFESSIONAL TEACHER BY USING SELF-STUDY FROM LEARNING RESOURCES THROUGH VIDEO CLIP ON YOUTUBE SUJINNA USAMA THIS IS DEVELOPMENT PLAN IS PART OF THE THESIS CURRICULUM DEPARTMENT OF SOCIAL STUDIES, FACULTY OF EDUCATION, SONGKHLLA RAJABHAT UNAVERSITY 2022


ก ชื่อครุนิพนธ์ การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube ผู้จัดท า นางสาวสุจิณนา อุสมา ปีการศึกษา 2565 ปริญญา ครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชา สังคมศึกษา อาจารย์ที่ปรึกษา ดร.กุลพัฒน์ ยิ่งด านุ่น บทคัดย่อ การพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมือ อาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube 2) เพื่อ เปรียบเทียบผลการตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube ระยะเวลาในการพัฒนา 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง รวมระยะเวลาทั้งหมด 20 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ในภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 เครื่องมือที่ใช้1) อินเตอร์เน็ต 2) คลิปวิดีโอจาก Youtube 3) งานวิจัย 4) แบบทดสอบ ผลการพัฒนาพบว่า 1) ผลการพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 12 และ คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 17 คะแนน 2) ผลเปรียบเทียบผลการตนเองด้าน จรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่าน คลิปวิดีโอใน Youtube มีคะแนนพัฒนาการหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน 80% ขึ้น ไป ค าส าคัญ : จรรยาบรรณวิชาชีพครู, การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง, Youtube


ข Research Title Self-development in teacher professional ethics to become a professional teacher by using self-study from learning resources through video clips on Youtube Researcher Sujinna Usama Academic year : 2022 Degree Bachelor of Education Department of Social Studies Advisor Dr.Kulphat Yingdamnun Abstract The objectives of this development were 1) to develop oneself in professional ethics of teachers. to become a professional teacher By using self-study from learning resources via video clips on Youtube 2) to compare self-efficacy on teacher professional ethics. to become a professional teacher By using self-study from learning resources through video clips on Youtube The duration of development was 4 weeks, 5 hours per week, totaling 20 hours, from 19 January to 15 February 2023 in the second semester of the academic year 2022. Tools used 1) Internet 2) Video clips from Youtube 3) Research 4) Quizzes The results of the development revealed that to become a professional teacher By using self-study from learning resources through video clips on Youtube, the average score before learning was 12 and the average score after learning was 17 points. to become a professional teacher By using self-study from learning resources through video clips on Youtube, post-learning developmental scores were higher than before. Passed the assessment criteria of 80% or more Keywords : teacher professional ethics, self-study, Youtube


ค กิตติกรรมประกาศ งานครุนิพนธ์นี้ส าเร็จได้ด้วยความกรุณาจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องท าให้ครุนิพนธ์ในครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ คณะผู้จัดท า ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ ขอขอบพระคุณอาจารย์ ดร.กุลพัฒน์ ยิ่งด านุ่น อาจารย์ที่ปรึกษาในการท าครุนิพนธ์ในครั้งนี้ที่ให้ การสนับสนุนงานครุนิพนธ์พร้อมมีค าแนะน าที่เป็นประโยชน์ต่องานครุนิพนธ์ครั้งนี้ให้มีคุณภาพอย่างดี เสมอมา ขอกราบขอบพระคุณ คุณบิดาคุณมารดาที่คอยให้ค าแนะน าเป็นก าลังใจในการท าครุนิพนธ์ตลอด มาจนส าเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขอขอบพระคุณ เพื่อน ๆ ทุกคนที่คอยให้ความช่วยเหลือ ให้ค าปรึกษา ค าแนะน าต่าง ๆ ที่มี ประโยชน์ต่อครุนิพนธ์ ขอกราบขอบพระคุณผู้ที่ส่วนร่วมและที่ไม่ได้กล่าวนามแต่มีส่วนเกี่ยวข้อง จนงานครุนิพนธ์เสร็จ เรียบร้อยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย สุจิณนา อุสมา มีนาคม 2566


ง สารบัญ หน้า บทคัดย่อภาษาไทย ………………………………………………………………………………………………………..… ก บทคัดย่อภาษาอังกฤษ …………………………………………………………………………………………………..…. ข กิตติกรรมประกาศ ………………………………………………………………………………………………………..…. ค สารบัญ ………………………………………………………………………………………………………………………..…. ง สารบัญตาราง ……………………………………………………………………………………………………………..…… ฉ สารบัญภาพ ………………………………………………………………………………………………………………..…… ช บทที่ 1 บทน า ………………………………………………………….………………………………………………. 1 หลักการและเหตุผล ………………………………………….……………………………………………… 1 วัตถุประสงค์…………………………………………………………………………………………………….. 3 ขอบเขตของการพัฒนาตนเอง …………………………………………………………………………… 3 นิยามศัพท์……………………………………………………………………………………………………….. 4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ …………………………………………...…………………………………… 5 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ………………………………………………………………… 6 จรรยาบรรณวิชาชีพครู …………………………………….………………………………………………. 7 ยูทูป (Youtube) …………………………………………………………………………………………….. 18 การพัฒนาตนเองสู่การเป็นครูมืออาชีพ ……………………………………………….……………… 23 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ………………………………………………………………………………………..… 29 บทที่ 3 วิธีด าเนินการ …………………..………………………………………………………………………..… 33 เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาตนเอง ………………………………………………………………………. 33 ขั้นตอนการพัฒนาตนเอง ……………………………………………………………….…………………. 33 การเก็บรวบรวมข้อมูล …………………………………………………………………………………..…. 34 การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ …………………………………………………………..……………. 34


จ สารบัญ (ต่อ) หน้า บทที่4 ผลการด าเนินการ …………………………………………………………………………….…….… 35 ผลการด าเนินการพัฒนาตนเอง .………………………………………………………………………. 35 บทที่ 5 อภิปรายผล ………………………………………...…………………………………………………….. 41 อภิปรายผลการพัฒนาตนเอง …………………………………………………………………………… 41 ข้อจ ากัดในการพัฒนาตนเอง …………………………………………….……………………………… 43 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………..……………………………………………… 43 บทสรุป ………………………………………….………………………………………………………………………… 45 สรุปผลการพัฒนาตนเอง ………………………………………….……………………………………… 45 เอกสารอ้างอิง ……………………….…..……………………………………………………………………………………. 46 ภาคผนวก ………………………..……………………………………………………………………………………………… 48 ประวัติผู้วิจัย …………………………………………………………………………………………………….……………… 54


ฉ สารบัญตาราง ตาราง หน้า 1 การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู ……………………………………….……………. 34


ช สารบัญภาพ ภาพ หน้า 1 แบบทดสอบก่อนเรียน ……………………………………………………………………………….……. 35 2 จรรยาบรรณวิชาชีพครู ……………………………………………………………….…………….…….. 36 3 E-book …………………………………………………………………………………………….……….….. 36 4 การอบรมเชิงปฏิบัติการ (1) ……………………………………………………………….…………….. 37 5 การอบรมเชิงปฏิบัติการ (2) …………………………………………………………….……………….. 37 6 การอบรมเชิงปฏิบัติการ (3) ………………………………………………………….………………….. 38 7 บันทึกการติดตามข่าวสาร ………………………………………………………….…………………….. 39 8 แบบทดสอบหลังเรียน …………………………………………………………….……………………….. 40


บทที่ 1 บทน า หลักการและเหตุผล การพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่10 (พ.ศ. 2550 –2554) ก าหนดขึ้นบนพื้นฐานการเสริมสร้างทุนของประเทศโดยยึด “คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา” จึงจ าเป็นต้อง พัฒนาคุณภาพคนให้ เพียบพร้อมทั้งด้านคุณธรรมและความรู้ น าไปสู่การคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล รอบคอบและระมัดระวังด้วยจิตส านึกในศีลธรรมและคุณธรรม (คณะกรรมการการ พัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ, 2550: 47) ดังนี้รากฐานที่ส าคัญในการพัฒนาคน คือ “การศึกษา” เนื่องจากการศึกษา เป็นเครื่องมือในการพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ ทัศนคติค่านิยม คุณธรรมของบุคคล รวมทั้ง เป็นกระบวนการที่ช่วยให้คนพัฒนาตนเองพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในทุกด้าน (ภาวิณี เจริญ ยิ่ง, 2544: 18) และตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มาตราที่ 49 ให้มี ข้อบังคับว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ ประกอบด้วย มาตรฐานความรู้และประสบการณ์ มาตรฐานการ ปฏิบัติงาน และมาตรฐานการปฏิบัติตน และมาตรา 50 มาตรฐานการปฏิบัติตน ให้ก าหนดเป็น ข้อบังคับ ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ ประกอบด้วย จรรยาบรรณ 5 ด้าน ดังนี้1) จรรยาบรรณต่อตนเอง 2) จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ 3) จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ 4) จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ และ 5) จรรยาบรรณต่อสังคม ซึ่งครูถือว่าเป็นบุคลากรที่มีบทบทส าคัญอย่างยิ่งในการจัดการเรียนการสอน โดย มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความสมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม รวมไปถึงการมี จริยธรรมในการด ารงชีวิต และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การศึกษาจะสามารถพัฒนาคน ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากการเตรียมพร้อมในด้านครอบครัว ทรัพยากร และเทคโนโลยี แล้ว นั้นบุคคลที่มีบทบาทส าคัญในการพัฒนาคุณภาพของคนในสังคมคือครู เพราะครู มีหน้าที่หลักในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ อบรม สั่งสอน แนะ แนวทางที่ถูกต้องทั้งความรู้ที่น าไปประกอบอาชีพ และความรู้ใน การน าไปด ารงชีวิต จึงเป็นที่ยอมรับว่าคุณภาพของคนนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของการศึกษา และคุณภาพ ของ การศึกษานั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของครูเป็นหลัก (กรมวิชาการ, 2541: 1) การประพฤติปฏิบัติตนตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพครู ถือว่าเป็นเรื่องที่มีส าคัญเป็นอย่างมาก ที่สุด ที่ครูทุกคนจ าเป็นจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยครูจะต้องมีวินัย และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ มี ความรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่อวิชาชีพ เป็นสมาชิกที่ดีขององค์กร มอบความรัก ความเมตตา ดูแลเอาใจใส่ศิษย์ ด้วยความเท่าเทียมกัน ส่งเสริมการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงาม เป็น แบบอย่างที่ดีทั้งทาง กาย วาจา ใจ ส่งเสริมความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมแก่


2 ศิษย์ ให้ความ ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันแก่ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้าง ความสามัคคีในหมู่คณะ มีความเป็นผู้น าการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม (ครูเชียงราย, 2564) เพราะบทบาทหน้าที่ครูย่อมมีความเกี่ยวข้องกับผู้คน เป็น จ านวนมาก ครูจ าเป็นต้องเป็นผู้ที่มีระเบียบวินัยสามารถปฏิบัติตนได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ และรวมไปถึง ในปัจจุบันสังคมไทยเองก็ประสบปัญหาในด้านการศึกษาที่ผู้ประกอบวิชาชีพครูที่ปรากฏในข่าวอยู่เสมอ ที่ มีพฤติกรรมขาดจริยธรรมและประพฤติตนไม่พึงประสงค์ทั้งต่อผู้เรียนและสังคม ไม่ว่าจะเป็นความผิด ที่ เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว การพนัน การปลอมแปลงเอกสารทางราชการ หรือเรียกรับสินบน และเนื่องด้วยการไปลงฝึกประสบการณ์ในโรงเรียนที่ผ่านมา และประสบการณ์ภายนอกที่ได้สัมผัสพบเจอ มา ครูให้ความสนใจและความส าคัญแก่นักเรียนน้อยมาก ไม่สนใจความรู้เดิม และความต้องการของ นักเรียน เพียงแต่เตรียมเนื้อหาที่จะสอน และครูจ านวนมากไม่เตรียมการสอนเพียงอาศัยประสบการณ์ที่ เคยสอนรวมทั้งสังคมไทยยังขาดการพัฒนาวิชาชีพครูในการประพฤติตนที่เหมาะสม จึงได้เห็นถึง ความส าคัญของจรรยาบรรณในวิชาชีพครูเป็นอย่างมากที่ความประพฤติยึดถือไว้อย่างสม่ าเสมอ มี ความส าคัญกับตัวครูผู้สอน นักเรียน เพื่อนร่วมวิชาชีพของเรา หรือแม้กระทั่งผู้ปกครอง จึงได้ ท าการศึกษาเรื่องของจรรยาบรรณวิชาชีพให้ตัวเองมีความรู้ที่ทันสมัย พร้อมที่จะพัฒนาตนเองอยู่ ตลอดเวลา และไม่กระท าในสิ่งที่ผิดต่อจรรยาบรรณ และเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพครูต่อไปใน อนาคต ท าให้ครูได้พิจารณา วิเคราะห์ ประมวลผลตนเองอยู่ตลอดว่าเรามีพฤติกรรมที่เหมาะสมแล้วหรือ ยัง พร้อมที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียนต่อไป การปฏิบัติตนให้เหมาะสมต่อจรรยาบรรณวิชาชีพครูนั้นมีได้หลากหลายวิธี การน าวิธีการทาง ศาสนาเข้ามาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่น าไปปฏิบัติ โดยน้อมน าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ สอดคล้องกับการปฏิบัติตนใน สภาวะปัจจุบันโดยการปฏิบัติตามคุณธรรม 3 ประการ คือ ศีล สมาธิ และ ปัญญา การศึกษาที่ถูกทางควรใช้หลักไตรสิกขา ซึ่งจะท าให้แนวคิดทางการศึกษาบรรลุเป้าหมายและเกิด ความสมบูรณ์ได้(สุหัชชา พิมพ์เนาว์, 2561) การสัมนา การอบรมเชิงปฏิบัติการ สามารถน าไปต่อยอดสู่ การลงมือปฏิบัติก็ยังคงเป็นวิธีที่มีผู้คนในปัจจุบันนิยมใช้กันทั้งในรูปแบบของออนไลน์และออนไซต์อีกทั้ง ยังได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับผู้คนอื่น ๆ ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน สร้างสัมพันธไมตรีต่อ กัน สามารถพัฒนาขีดความสามารถของตนเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการท างานให้ดียิ่งขึ้น และสร้าง ผลส าเร็จได้ดียิ่งขึ้น เกิดองค์ความรู้ใหม่ ๆ ขึ้น หรือแม้กระทั่งวิธีการพัฒนาตนเองโดยการค้นคว้าด้วย ตนเองจากหนังสือ Youtube ประสบการณ์เดิมที่สั่งสมมา เรียนรู้ที่จะปรับปรุงตนเองให้เกิดทักษะใหม่ ๆ ในด้านต่าง ๆ อยู่เสมอ


3 จากแนวทางดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น จึงได้เล็งเห็นวิธีที่ใช้ในการพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณ วิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube ที่ถือว่ายังคงเป็นนวัตกรรมที่ยังคงมีความนิยมกันอยู่อย่างมากเพราะใช้งานได้ง่าย สะดวก และ รวดเร็ว ผู้จัดท าแผนการพัฒนาตนเอง จึงสนใจที่จะพัฒนาตนเองโดยใช้ Youtube เป็นนวัตกรรมที่จะ น ามาใช้ในการแก้ปัญหาที่พบเจอในครั้งนี้เพื่อให้ตนเองได้พัฒนาจรรยาบรรณให้เหมาะสมและสอดคล้อง กับการประกอบอาชีพครูมากยิ่งขึ้นและเป็นแนวทางในการประพฤติตนที่ดี และเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่น ได้ รวมทั้งสามารถปฏิบัติตนให้เป็นบุคลากรที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ ได้สอดคล้องกับการเป็นครูใน ยุคปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วหรือการเตรียมความพร้อมในทุกด้านให้ทันต่อยุค ศตวรรษที่ 21 วัตถุประสงค์ การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube ผู้ศึกษาได้ก าหนดวัตถุประสงค์ของการพัฒนาตนเอง ไว้ ดังนี้ 1. เพื่อพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้า ด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube 2. เพื่อเปรียบเทียบผลการตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube ขอบเขตของการพัฒนาตนเอง 1. ระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนาตนเอง ด าเนินการพัฒนาตนเองเป็นเวลา 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง รวมระยะเวลาทั้งหมด 40 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 2. ตัวแปรที่ศึกษา 2.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ การพัฒนาตนเองโดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube 2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลการพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ


4 นิยามศัพท์ การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube ผู้ศึกษาได้ก าหนดนิยามศัพท์ของการพัฒนาตนเองไว้ ดังนี้ 1. จรรยาบรรณวิชาชีพครู หมายถึง กรอบแนวทาง ประมวลมาตรฐานความประพฤติที่ผู้ ประกอบวิชาชีพหรือกฎแห่งความประพฤติส าหรับสมาชิกวิชาชีพครูซึ่งองค์กรวิชาชีพครูเป็นผู้ก าหนด และสมาชิกในวิชาชีพทุกคนต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด เหมาะสม แสดงถึงคุณธรรม และจริยธรรมที่พึง ปฏิบัติในแนวทางที่ถูกต้องที่สังคมยอมรับแล้ว การมีจิตส านักที่ดีมีจิตใจงาม มีความเมตตา โอบอ้อมอารี ซื่อสัตย์สุจริต ถูกต้อง ผดุงเกียรติและสถานะของวิชาชีพนั้น หากมีการละเมิดผู้กระท าผิดจรรยาบรรณ จะมีการลงโทษ ได้รับโทษโดยว่ากล่าว ตักเตือน ถูกพักงาน หรือถูกยกเลิกใบประกอบวิชาชีพได้ 2. ก า ร ศึ กษ า ค้ น ค ว้ า ด้ ว ย ต น เ อง ห ม า ย ถึง เ ป็ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ศึ กษ า ค้ น ค ว้ า ห า ความรู้(Knowledge) จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ต ารา หรือจากอินเทอร์เน็ต ที่มีการ คิดค้นหาประเด็นสิ่งใหม่ ๆ หรือแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัยอยู่เสมอ มีความเต็มใจที่ผู้เรียนศึกษาเรียนรู้ด้วย ตนเอง อันไม่ได้เกิดจากการบังคับ จนท าให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้สิ่งเดิมให้มีองค์ความรู้มากยิ่งขึ้นและ ดีขึ้น จากแหล่งศึกษาค้นคว้าต่าง ๆ ด้วยตัวเอง แล้วน าความรู้มาทดลองใช้ดูว่ามีความเหมาะสม สอดคล้องกับแต่ละบริบท พร้อมทั้งมีการฝึกฝน ปรับปรุง พัฒนา จนเกิดความช านาญ และเกิด ผลประโยชน์ทั้งตนเอง ส่วนรวม และได้รับประสิทธิภาพมากที่สุด 3. Youtube หมายถึง เว็บไซต์ที่มีการให้บริการแลกเปลี่ยนภาพ วิดีโอ ข้อมูลเนื้อหารวมถึงคลิป ภาพยนตร์สั้นๆ และคลิปที่มาจากรายการโทรทัศน์ มิวสิกวิดีโอระหว่างผู้ใช้ได้ฟรีไม่ต้องเสียตังค์โดยน า เทคโนโลยีของ Adobe Flash Player มาใช้ในการแสดงภาพ วิดีโอ โดยผู้ใช้สามารถเข้าดูวีดีโอต่างๆ พร้อมทั้งเป็นผู้อัปโหลดวีดีโอ ผ่าน Youtube ได้ฟรี เมื่อสมัครสมาชิกแล้วผู้ ใช้จะสามารถใส่ภาพวิดีโอเข้า ไป แบ่งปันภาพวิดีโอให้คนอื่นดูด้วย แต่หากไม่ได้สมัครสมาชิกก็สามารถเข้าไปเปิดดูภาพวิดีโอที่ผู้ใช้คนอื่น ๆ ใส่ไว้ใน Youtube ได้ แต่ไม่สามารถเป็นผู้อัปโหลดวีดีโอได้


5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube มีประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเอง ครูและบุคลากร ทางการศึกษา ดังนี้ 1. ผู้ศึกษาเกิดความรู้ ความเข้าใจ และเห็นถึงความส าคัญของการพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณ วิชาชีพครู โดยการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 2. ครูหรือบุคลากรทางการศึกษาได้พัฒนาตนเองจนสู่การเป็นครูมืออาชีพ และเป็นหน้าเป็นตา ให้กับตนเอง และวิชาชีพทางการศึกษา 3. ครูหรือบุคลากรทางการศึกษาสามารถน าความรู้ไปต่อยอด และพัฒนาตนเองในด้านการ ประพฤติปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพครูในการประกอบอาชีพทางการศึกษาได้


บทที่ 2 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube ผู้ศึกษาได้ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องเพื่อ น ามาใช้เป็นข้อมูลในการด าเนินการพัฒนาตนเองในหัวข้อ ดังต่อไปนี้ 1. จรรยาบรรณวิชาชีพครู 1.1 แนวคิดเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพ 1.2 ความหมายของจรรยาบรรณวิชาชีพครู 1.3 ความส าคัญของจรรยาบรรณวิชาชีพครู 1.4 พฤติกรรมการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพของครู 2. ยูทูบ (Youtube) 2.1 ประวัติความเป็นมาของ Youtube 2.2 ความหมายของยูทูบ Youtube 2.3 เทคนิคการใช้ Youtube ในศตวรรษที่ 21 2.4 ประโยชน์ของยูทูบ Youtube 3. การพัฒนาตนเองสู่การเป็นครูมืออาชีพ 3.1 ความหมายของการพัฒนาตนเอง 3.2 ความส าคัญของการพัฒนาตนเอง 3.3 ความหมายของครูมืออาชีพ 3.4 แนวทางการพัฒนาตนเองสู่การเป็นครูมืออาชีพ 4. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง


7 1. จรรยาบรรณวิชาชีพครู 1.1 แนวคิดเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพ ในวิชาชีพทุกวิชาชีพจะต้องมีจรรยาบรรณในการท างาน การประกอบอาชีพ เป็นแนวทางในการ ปฏิบัติงานที่ดี หรือปฏิบัติงานเพราะจรรยาบรรณ เป็นสิ่งที่ส าคัญ ที่สังคมมนุษย์ทุกคน ทุกหมู่เหล่าจะต้อง มีไว้เพื่อคอยควบคุมความประพฤติและการกระท าโดย ณรงค์ สิทธิประเสริฐ (2537: 26) ให้ความส าคัญ ของจรรยาบรรณไว้ว่า จรรยาบรรณช่วยควบคุม มาตรฐาน รับประกันคุณภาพ ปริมาณที่ถูกต้องในการ ประกอบอาชีพ และจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพ และผู้ผลิต ส่งเสริมมาตรฐานคุณธรรมและปริมาณที่ ดีมีคุณค่าและเผยแพร่รู้จักเป็นที่นิยม เชื่อถือและจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพและผู้ผลิต ลดปัญหาการ คดโกง ฉ้อฉล การเอารับเอา เปรียบ เห็นแก่ตัว ฯลฯ เน้นให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นในภาพพจน์ที่ดีของผู้มี คุณธรรม และท าหน้าที่ พิทักษ์สิทธิ์ตามกฎหมายส าหรับผู้ประกอบอาชีพให้เป็นไปอย่างถูกต้องตาม ท านองคลองธรรม การพัฒนาคุณภาพก าลังคนให้สามารถปฏิบัติงานได้เต็มตามศักยภาพ มีความคล่องตัวที่จะ ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ด้วยจิตส านึกในการท างานเพื่อ ประโยชน์ขององค์กรและสังคมโดยส่วนรวม คือ กุญแจส าคัญต่อความส าเร็จของระบบการบริหารงาน บุคคล ที่ส่งผลถึงประสิทธิภาพในการบริหารองค์กร และความเจริญของสังคม (สินี เจริญพจน์ 2540 : 28) บุคคลถึงเป็นปัจจัยอันส าคัญอย่างยิ่ง ที่จะช่วยพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อ บรรลุเป้าหมายขององค์กรที่ได้วางแผนเอาไว้ ผู้บริหารหรือสมาชิกในองค์กรจะปล่อยปละละเลย หรือ ขาดความเอาใจใส่ในหลักการสร้างความเข้าใจอันดี ระหว่างบุคคลขององค์กรนั้น ๆ มิได้ต้องอาศัยการ ร่วมมือประสานงานของบุคคลทั้งหลายเป็นส าคัญ เพราะเหตุนี้จึงจ าเป็นที่จะต้องให้ความสนใจ และ ความส าคัญต่อบุคคลในองค์กร (เครือวัลย์ ลิ่มปิยะศรีสกุล 2530 : 1) องค์กรหรือหน่วยงานทั้งหลายมักจะประสบปัญหาอันเกี่ยวกับความประพฤติของบุคคลใน องค์กร การที่จะให้ความประพฤติปฏิบัติของบุคคลในองค์กรเป็นไปโดยถูกต้อง และมีความราบรื่น เรียบร้อย องค์กรหรือสถาบันจึงได้มีการก าหนดแนวทาง หรือกรอบแนวทางปฏิบัติที่ดีงาม ที่จะให้บุคคล ภายในองค์กรได้ประพฤติปฏิบัติ แนวทางหรือข้ออันควรประพฤติที่ก าหนดขึ้นนั้นจะต้องสอดคล้องกับ


8 สภาพสังคม หลักธรรม ที่สภาพสังคมได้ยึดถือและเห็นดียอมรับปฏิบัติอยู่ ซึ่งแนวทางนี้เรียกว่า “จรรยาบรรณ” (ประชุม รอดประเสริฐ 2526 : 108) สรุปได้ว่า ทุกวิชาชีพส าคัญเหมือนกันมีการก าหนดจรรยาบรรณไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้ที่ ประกอบอาชีพต่าง ๆ ได้ประพฤติปฏิบัติ เป็นแนวทางในการด ารงชีวิต การท างาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิชาชีพทางการศึกษาต้องมีการก าหนดจรรยาบรรณไว้อย่างชัดเจน เป็นลายลักษณ์อักษรไว้เพื่อรักษาหรือ ส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียง และฐานะของวิชาชีพต่อไป เพราะขึ้นชื่อว่าครูจะต้องดีทุกประการให้สมกับที่ เป็นแม่พิมพ์ของชาติ ให้เด็ก และผู้คนอื่นได้ปฏิบัติตามในสิ่งที่ดีต่อไป 1.2 ความหมายของจรรยาบรรณวิชาชีพครู ปัทมา สิงหนุต (2540: 77) ได้กล่าวไว้ว่า จรรยาบรรณวิชาชีพครู หมายถึง เป็นประมวลความ ประพฤติหรือกริยาอาการที่ผู้ประกอบวิชาชีพครูควรประพฤติปฏิบัติเพื่อรักษาส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อเสียง และฐานะของความเป็นครู พิชัย ไชยสงคราม (2542: 126) ได้กล่าวไว้ว่า จรรยาบรรณครูหมายถึง เป็นข้อก าหนดหรือ ข้อ ปฏิบัติที่ผู้มีอาชีพครูควรประพฤติปฏิบัติเพื่อรักษาส่งเสริมผู้ประกอบวิชาชีพครูให้มีพฤติกรรม ที่เหมาะสม กับความเป็นครู ผกา สัตยธรรม (2544: 43) ได้กล่าวไว้ว่า จรรยาบรรณครูหมายถึง เป็นการก าหนด ข้อปฏิบัติ หรือคุณธรรมเพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติในวิชาชีพครูของผู้ที่เป็นครูเพื่อให้เกิดความพอใจทั้งผู้ที่ก าหนดเองคือ ครูและผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยคือศิษย์โดยมีหลักการที่ถูกต้องและเหมาะสม ยนต์ชุ่มจิต (2550: 200) ได้กล่าวไว้ว่า จรรยาบรรณครูหมายถึง เป็นประมวลความ ประพฤติ หรือกริยาอาการที่ผู้ประกอบวิชาชีพครูควรปฏิบัติเพื่อรักษาส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียงและ ฐานะของความ เป็นครูและสถาบันวิชาชีพครู ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ.2556 ก าหนดความหมายของ จรรยาบรรณ ของวิชาชีพ หมายความว่า มาตรฐานการปฏิบัติตนที่ก าหนดขึ้นเป็นแบบแผนในการ ประพฤติตนซึ่งผู้ ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อเสียงและฐานะของผู้ป ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคมอันจะน ามาซึ่งเกียรติและ ศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ (ราชกิจจานุเบกษา, 2556)


9 สรุปได้ว่า จรรยาบรรณครูหมายถึง เป็นการก าหนด ข้อปฏิบัติ หรือคุณธรรมเพื่อใช้เป็นหลัก ปฏิบัติในวิชาชีพครูควรปฏิบัติเพื่อรักษาส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียงและ ฐานะของความเป็นครูและสถาบัน วิชาชีพครูพร้อมทั้งส่งเสริม สนับสนุนให้มีการประพฤติที่ดี ได้ยึดถือปฏิบัติตนเพื่อเป็นแบบอย่างให้สมกับ การเป็นแม่พิมพ์ของชาติต่อไป 1.3 ความส าคัญของจรรยาบรรณวิชาชีพครู พฤทธิ์ ศิริบรรณพิทักษ์ (2560:1) ได้กล่าวไว้ว่า จรรยาบรรณวิชาชีพครูมีความส าคัญ ต่อวิชาชีพ ครูเช่นเดียวกับที่จรรยาบรรณวิชาชีพ มีความส าคัญ ต่อวิชาชีพอื่น ๆ ซึ่งสรุปได้3 ประการ คือ 1. ปกป้องการปฏิบัติงานของสมาชิกในวิชาชีพ 2. รักษามาตรฐานวิชาชีพ 3. พัฒนาวิชาชีพ รัตนวดี โชติกพนิช (2550:1) จรรยาบรรณวิชาชีพครูมีความส าคัญ ดังนี้ 1. ช่วยควบคุมมาตรฐานคุณภาพของครูให้ครูมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ทั้งด้านการ ประพฤติปฏิบัติตนเละจริยธรรมของครู 2. ช่วยส่งเสริมมาตรฐานคุณภาพและปริมาณที่ดีมีคุณค่าสู่สังคม ท าให้ครูได้รับความ เชื่อถือศรัทธาจากผู้พบเห็น 3. ช่วยพิทักษ์สิทธิในการประกอบวิชาชีพครูและควบคุมมาตรฐานในการประกอบ วิชาชีพ 4. ช่วยลดปัญหาความประพฤติปฏิบัติของครูที่ไม่เหมาะสมไม่สมควร ผิดหลักศีลธรรม คุณธรรม เช่น ความประพฤติผิดทางเพศ การท าร้ายร่างกายเด็ก การเอารัดเอาเปรียบเด็ก 5. ช่วยเน้นภาพลักษณ์ของครูที่มีคุณธรรมจริยธรรมให้เห็นเด่นชัดยิ่งขึ้นเช่น ความรัก ความเมตตา ความเสียสละ อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ความรับผิดชอบในหน้าที่การงานและอาชีพ ความโอบอ้อมอารี 6. ช่วยรักษาชื่อเสียง เกียรติยศ และศักดิ์ศรีของผู้อยู่ในวงการวิชาชีพ 7. ช่วยให้ครูได้ตระหนักรู้ในความส าคัญของบทบาทหน้าที่ และภาระงานของตนต่อ สังคม 8. ช่วยปลูกฝังคุณลักษณะที่พึงประสงค์และการประพฤติปฏิบัติตนของครูให้ถูกต้องตาม ครรลองครองธรรม


10 ปฐมสุข สีลาดเลา (2552, น.37) ได้กล่าวถึง จรรยาบรรณวิชาชีพทางการศึกษาไว้ว่ามี ความส าคัญในแง่ของการเป็นหลักในการประพฤติปฏิบัติตนของสมาชิก เป็นเสมือนเครื่องมือที่สร้าง มาตรฐานให้แก่วิชาชีพ สร้างคุณค่า เป็นที่ยอมรับแก่คนทั่วไป ในปัจจุบันได้มีการเรียกร้องให้ผู้ที่อยู่ ใน แวดวงวิชาชีพชั้นสูงต่างๆ ค านึงถึงจรรยาบรรณวิชาชีพมากขึ้น ทั้งนี้เพราะว่าวิถีชีวิตของมนุษย์ 24 ยุคนี้มี การเบี่ยงเบนไปจากหลักการและคุณธรรมที่เคยยึดถือกนมา ดังนั้น ความเสื่อมเสียและความไม่ สงบสุขจึง เกิดขึ้นทั้งต่อตนเอง และส่วนรวม ซึ่งเป็นผลกระทบจากการไม่เคร่งครัดต่อศีลธรรม จริยธรรม ไพฑูรย์ สินลารัตน์ (2558, น.12) กล่าวถึงความส าคัญของจรรยาบรรณวิชาชีพทาง การศึกษา ใน แง่มุมของความรับผิดชอบ และบทบาทหน้าที่ที่บุคคลในวิชาชีพจะต้องปฏิบัติตาม พฤติกรรมที่พึงประสงค์ งดเว้นจากพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งจะเป็นการสร้างคุณค่าให้แก่ตัว ผู้ปฏิบัติเอง แต่ในปัจจุบันกลับ พบว่า บุคคลในวิชาชีพทางการศึกษา โดยส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบสาระส าคัญของจรรยาบรรณวิชาชีพ อย่างแท้จริง จะให้ความส าคัญเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องสอบ ใบประกอบวิชาชีพ หรือเมื่อตอนศึกษาเล่า เรียนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการละเลยและบกพร่องต่อ จรรยาบรรณวิชาชีพจึงเป็นเรื่องที่จะต้องเร่งแกไข และร่วมมือกันทั้งองค์กรวิชาชีพ สรุปได้ว่า จากการศึกษาความส าคัญของจรรยาบรรณครูที่กล่าวมาข้างต้น จรรยาบรรณวิชาชีพ ครูมีความส าคัญต่อผู้ประกอบวิชาชีพครูดังนี้ 1) ช่วยควบคุมมาตรฐานคุณภาพของครูให้ครูมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ทั้งด้านการ ประพฤติปฏิบัติตนและจริยธรรมของครู 2) ช่วยส่งเสริมมาตรฐานคุณภาพและปริมาณที่ดีมีคุณค่าสู่สังคม ท า ให้ครูได้รับความ เชื่อถือศรัทธาจากผู้พบเห็น 3) ช่วยพิทักษ์สิทธิในการประกอบวิชาชีพครูและควบคุมมาตรฐานในการประกอบ วิชาชีพ 4) ช่วยลดปัญหาความประพฤติปฏิบัติของครูที่ไม่เหมาะสมไม่สมควร ผิดหลัก ศีลธรรม คุณธรรม เช่น ความประพฤติผิดทางเพศการท าร้ายร่างกายเด็กการเอารัดเอาเปรียบเด็ก 5) ช่วยเน้นภาพลักษณ์ของครูที่มีคุณธรรมจริยธรรมให้เห็นเด่นชัดยิ่งขึ้น เช่น ความรัก ความเมตตาความเสียสละอุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ความรับผิดชอบในหน้าที่การงานและ อาชีพ ความโอบอ้อมอารี 6) ช่วยรักษาชื่อเสียง เกียรติยศและศักดิ์ศรีของผู้อยู่ในวงการวิชาชีพ


11 7) ช่วยให้ครูได้ตระหนักรู้ในความส าคัญ ของบทบาทหน้าที่และภาระงานของตนต่อ สังคม 8) ช่วยปลูกฝังคุณลักษณะที่พึงประสงค์และการประพฤติปฏิบัติตนของครูให้ถูกต้อง ตามครรลองครองธรรม 1.4 พฤติกรรมการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพของครู 1. จรรยาบรรณต่อตนเอง ก าหนดว่า ครูต้องมีวินัยในตนเองพัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอโดยต้อง ประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังนี้ (ก) พฤติกรรมที่พึงประสงค์ (1) ประพฤติตนเหมาะสมกบสถานภาพและเป็นแบบอย่างที่ดี (2) ศึกษาค้นคว้าริเริ่มสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ในการพัฒนาวิชาชีพอยูเสมอ (3) ส่งเสริมและพัฒนาครูในการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการจัดการ เรียนรู้ (4) สร้างผลงานที่แสดงถึงการพัฒนาความรู้และความคิดในวิชาชีพจนเป็นที่ยอมรับ (5) ส่งเสริมการปฏิบัติงานโดยมีแผนปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม และใช้ นวัตกรรม เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพปัจจุบันและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในอนาคต (ข) พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ (1) เกี่ยวข้องกับอบายมุขหรือเสพสิ่งเสพติดจนขาดสติ หรือแสดงกิริยาไม่สุภาพเป็น ที่น่ารังเกียจในสังคม (2) ประพฤติผิดทางชู้สาวหรือมีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ (3) ไม่พัฒนาความรู้ในวิชาชีพเพื่อพัฒนาตนเองและองค์การ (4) ไม่ส่งเสริมการน าเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อไปปรับปรุงพัฒนาการจัดการศึกษา อย่างต่อเนื่อง (5) ไม่มีแผนหรือไม่ปฏิบัติงานตามแผนไม่มีการประเมินผลหรือไม่น าผลการ ประเมินมาจัดท าแผนปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง


12 ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ (2556) กล่าวว่า จรรยาบรรณต่อตนเอง หมายถึง ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเอง ด้าน วิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง อยู่ เสมอ สรุปได้ว่า จรรยาบรรณต่อตนเอง หมายถึง ครูต้องประพฤติตนเหมาะสมกับสถานภาพ และเป็น แบบอย่างที่ดี ศึกษาค้นคว้าริเริ่มสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ในการพัฒนาวิชาชีพอยู่ เสมอท างานตามหน้าที่ที่ ได้รับมอบหมายให้ส าเร็จอยางมีคุณภาพตามเป้าหมายที่ก าหนด สร้างผลงาน ที่แสดงถึงการพัฒนาความรู้ และความคิดในวิชาชีพจนเป็นที่ยอมรับ มีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเอง ตามแนวทางวิชาชีพ หมันศึกษาหา ความรู้ เข้าร่วมประชุม อบรม สัมมนา ศึกษาต่อเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ และมีความ กระตือรือร้นในการปฏิบัติหน้าที่ที่รับผิดชอบ 2. จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ก าหนดว่า ครูต้องรักศรัทธาซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพโดยต้องประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผน พฤติกรรม ดังนี้ (ก) พฤติกรรมที่พึงประสงค์ (1) แสดงความชื่นชมและศรัทธาในคุณค่าของวิชาชีพ (2) รักษาชื่อเสียงและปกป้องศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ (3) ยกยองและเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานในวิชาชีพให้สาธารณชนรับรู้ (4) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบซื่อสัตย์สุจริต ตามกฎระเบียบและแบบ แผนของ ทางราชการ (5) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมันตั้งใจและใช้ความรู้ความสามารถในการพัฒนา ครู และบุคลากร (6) สนับสนุนการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาครูการเรียนการสอน และการบริหาร สถานศึกษา (7) ส่งเสริมให้ครูและบุคลากรได้ศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์วิจัย และน าเสนอ ผลงานที่ เกี่ยวข้องกบวิชาชีพ


13 (8) เข้าร่วมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์กิจกรรมของวิชาชีพหรือองค์กรวิชาชีพ อย่าง สร้างสรรค์ (ข) พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ (1) วิพากษ์หรือวิจารณ์องค์การหรือวิชาชีพจนท าให้เกิดความเสียหาย (2) ดูหมิ่นเหยียดหยามให้ร้ายผู้ร่วมประกอบวิชาชีพศาสตร์ในวิชาชีพหรือองค์กรวิชา ชีพ (3) ประกอบการงานอื่นที่ไม่เหมาะสมกบการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา (4) ไม่ซื่อสัตย์สุจริตไม่รับผิดชอบหรือไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือแบบแผน ของทาง ราชการจนก่อให้เกิดความเสียหาย (5) ละเลยเพิกเฉยหรือไม่ด าเนินการต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพที่ประพฤติผิด จรรยาบรรณ (6) คัดลอกหรือน าผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน (7) บิดเบือนหลักวิชาการในการปฏิบัติงานจนก่อให้เกิดความเสียหาย (8) ใช้ความรู้ทางวิชาการวิชาชีพหรืออาศัยองค์กรวิชาชีพแสวงหาประโยชน์ เพื่อ ตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ (2556) กล่าวว่า จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ หมายถึง ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่าง สร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ สรุปได้ว่า จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ หมายถึง ครูต้องมีความรักแสดงความชื่นชมและ ศรัทธาใน คุณค่าของวิชาชีพภูมิใจในความเป็นครู รักษาชื่อเสียงและปกป้องศักดิ์ศรี แห่งวิชาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วย ความรับผิดชอบซื่อสัตย์สุจริต ตามกฎระเบียบ และแบบแผนของทางราชการด้วย ความเต็มใจ เข้าร่วม กิจกรรมที่องค์กรจัดขึ้น และเป็นกรรมการหรือคณะท างานขององค์กร ชื่นชมในเกียรติรางวัลที่ได้รับจาก การประกอบอาชีพ และรักษาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย เผยแพร่ผลงานทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ผ่าน สื่อให้ผู้ร่วมงานและผู้อื่นรับทราบ มีความสามัคคีและช่วยเหลือซึ่งกัน และกันในสังคมวิชาชีพครูอย่าง สม่ าเสมอ


14 3. จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ก าหนดว่า ครูต้องรักเมตตาเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริมให้ ก าลังใจ แก่ศิษย์และผู้รับบริการ สถานศึกษาต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะและนิสัยที่ถูกต้อง ดีงามแก่ศิษย์ และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ ครูต้อง ประพฤติปฏิบัติตน เป็นแบบอย่างที่ดีทั้งทางกายวาจาและจิตใจ ครูต้องไม่กระท าตนเป็นปฏิปักษ์ต่อ ความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์และผู้รับบริการ และครูต้องให้บริการ ด้วยความจริงใจและ เสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ต าแหน่งหน้าที่โดย มิชอบ โดยต้องประพฤติ และละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังนี้ (ก) พฤติกรรมที่พึงประสงค์ (1) ปฏิบัติงานหรือให้บริการอย่างมีคุณภาพโดยค านึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของ ผู้รับบริการ (2) ส่งเสริมให้มีการด าเนินงานเพื่อปกป้องสิทธิเด็กเยาวชนและผู้ด้อยโอกาส (3) บริหารงานโดยยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (4) รับฟังความคิดเห็นที่มีเหตุผลของศิษย์และผู้รับบริการ (5) ให้ครูและบุคลากรมีส่วนร่วมวางแผนการปฏิบัติงานและเลือกวิธีการปฏิบัติ ที่เหมาะสม กับตนเอง (6) เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ศิษย์และผู้รับบริการด้วยการรับฟังความ คิดเห็นยกย่อง ชมเชย และให้ก าลังใจอย่างกัลยาณมิตร (7) ให้ศิษย์และผู้รับบริการได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนวคิด หรือวิธีการที่เป็นประโยชน์ต่อ การพัฒนาวิชาชีพ (ข) พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ (1) ปฏิบัติงานมุ่งประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้องไม่เป็นธรรมหรือมีลักษณะ เลือกปฏิบัติ (2) เรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้รับบริการในงานตามบทบาทหน้าที่ ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ (2556) กล่าวว่า จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ หมายถึง ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา 1) ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้ก าลังใจแก่ศิษย์และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า 2) ต้องส่งเสริมให้ เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็ม


15 ความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ 3) ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็น แบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจาและจิตใจ 4) ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องไม่กระท าตนเป็น ปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญาจิตใจอารมณ์และสังคมของศิษย์และผู้รับบริการ 5) ผู้ประกอบ วิชาชีพทางการศึกษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือยอมรับ ผลประโยชน์จากการใช้ต าแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ สรุปได้วา จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ หมายถึง ครูให้ค าปรึกษา ความช่วยเหลือด้วย ความรัก และความเมตตาแก่ผู้เรียนโดยเสมอภาคเท่าเทียมกัน ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งกาย วาจา และ จิตใจ เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้เรียน โดยการรับฟังความคิดเห็น ยกย่อง ชมเชย และให้ก าลังใจ อย่างกัลยาณมิตร ไม่ละทิ้งชั้นเรียน หรือลาโดยไม่จ าเป็นจัดกิจกรรมเพื่อฝึกให้ผู้เรียนมีความซื่อสัตย์สุจริต ต่อตนเองและส่วนรวม อบรมสั่งสอนให้ผู้เรียนเคารพกฏระเบียบของ โรงเรียน และสังคม ส่งเสริมให้ ผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองจากสื่ออุปกรณ์ แหล่ง เรียนรู้อย่างหลากหลาย ครูเน้น กิจกรรมที่ให้ผู้เรียนรู้จักคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ละเว้นการกระท าที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และ กระทบกระเทือนต่อจิตใจของผู้เรียน ครูไม่หารายได้จากผู้เรียน และไม่หารายได้จากการประกอบอาชีพ เสริมในเวลาราชการ ให้บริการแก่ผู้มาติดต่อราชการด้วยความเต็มใจ และเสมอภาค 4. จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ก าหนดว่า ครูช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อย่าง สร้างสรรค์ โดยยึดมันในระบบคุณธรรมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ โดยพึงประพฤติและละเว้นการ ประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังนี้ (ก) พฤติกรรมที่พึงประสงค์ (1) ริเริ่มสร้างสรรค์ในการบริหารเพื่อให้เกิดการพัฒนาทุกด้านต่อผู้ร่วม ประกอบวิชาชีพ (2) ส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิของผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ (3) เป็นผู้น าในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา (4) ใช้ระบบคุณธรรมในการพิจารณาผลงานของผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ (5) มีความรักความสามัคคีและร่วมใจกันผนึกก าลังในการพัฒนาการศึกษา (6) ยอมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ


16 (ข) พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ (1) น าเสนอแง่มุมทางลบต่อวิชาชีพ ข้อเสนอไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา (2) ปกปิดความรู้ไม่ช่วยเหลือผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ 49 (3) แนะน าในทางไม่ถูกต้องต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพจนท าให้เกิดผลเสียต่อ ผู้ร่วม ประกอบวิชาชีพ (4) ไม่ให้ความช่วยเหลือหรือร่วมมือกับผู้ร่วมประกอบวิชาชีพในเรื่องที่ตนมีความถนัดแม้ ได้รับการร้องขอ (5) ปฏิบัติหน้าที่โดยค านึงถึงความพึงพอใจของตนเองเป็นหลัก ไม่ตระหนักถึงความ แตกต่างระหว่างบุคคลของผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ (6) ใช้อ านาจหน้าที่ปกป้องพวกพ้องของตนที่กระท าผิดโดยไม่ค านึงถึงความเสียหายที่ เกิดขึ้นกับผู้ร่วมประกอบวิชาชีพหรือองค์การ (7) ยอมรับและชมเชยการกระท าของผู้ร่วมประกอบวิชาชีพที่บกพร่องต่อ หน้าที่หรือ ศีลธรรมอันดี (8) วิพากษ์วิจารณ์ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพในเรื่องที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือ แตกความ สามัคคี ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ (2556) กล่าวว่า จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ หมายถึง ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือเกื้อกูล ซึ่ง กันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ สรุปได้วา จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ หมายถึง ครูมีความสามัคคีระหว่าง เพื่อนครู และช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการปฏิบัติงานให้ค าปรึกษาแก่เพื่อนครูในการท าผลงานทาง วิชาการด้วย ความเต็มใจ ครูไม่ปิดบังข้อมูลข่าวสารในการปฏิบัติงาน จนท าให้เกิดความเสียหาย 50 ต่องาน หรือผู้ร่วม ประกอบวิชาชีพ ให้ก าลังใจต่อเพื่อนครูที่ได้รับความเดือดร้อนประสบเคราะห์กรรม และยินดีให้ความ ช่วยเหลือตามสมควร ร่วมงานประเพณีต่างๆ กับเพื่อนครูตามโอกาสอันควร เช่น บวชนาค แต่งงาน ขึ้น บ้านใหม่ เป็นต้น ร่วมการกุศล และจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่นินทาว่าร้ายต่อเพื่อนครู


17 ด้วยกัน และเมื่อมีผู้เข้าใจผิดชี้แจงท าความเข้าใจให้ถูกต้องให้เกียรติและ เคารพเพื่อนร่วมวิชาชีพด้วย ความจริงใจ 5. จรรยาบรรณต่อสังคม ก าหนดว่า ครูพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้น าในการอนุรักษ์ และพัฒนา เศรษฐกิจสังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของ ส่วนรวม และยึด มันในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยพึงประพฤติและละเว้น การประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังนี้ (ก) พฤติกรรมที่พึงประสงค์ (1) ยึดมั่นสนับสนุนและส่งเสริมการปกครองระบอประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข (2) ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือในทางวิชาการหรือวิชาชีพแก่ชุมชน (3) ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อให้ศิษย์และผู้รับบริการเกิดการเรียนรู้ และ สามารถด าเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง (4) เป็นผู้น าในการวางแผนและด าเนินการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมพัฒนาเศรษฐกิจภูมิ ปัญญาท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม (ข) พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ (1) ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนที่จัดเพื่อประโยชน์ต่อ การศึกษาทั้ง ทางตรงหรือทางอ้อม (2) ไม่แสดงความเป็นผู้น าในการอนุรักษ์หรือพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา หรือสิ่งแวดล้อม (3) ไม่ประพฤติตนเป็นแบบอยางที่ดีในการอนุรักษ์หรือพัฒนาสิ่งแวดล้อม (4) ปฏิบัติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อวัฒนธรรมอันดีงามของชุมชนหรือสังคม ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ (2556) กล่าวว่า จรรยาบรรณต่อสังคม หมายถึงผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้น าในการ อนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ ของส่วนรวม และยึดมันในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข


18 สรุปได้ว่า จรรยาบรรณต่อสังคม หมายถึง ครูให้ความร่วมมือกับชุมชน ในการประกอบกิจกรรม ในวันส าคัญของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ กิจกรรมตามประเพณี และกิจกรรมพัฒนา ชุมชน สม่ าเสมอ เผยแพร่ข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับชุมชน และยินดีให้ค าปรึกษาเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ๆ แก่ ชุมชน ส่งเสริมให้บุคคลในชุมชนมีคุณธรรม ค่านิยมที่ถูกต้อง สนับสนุนให้มีการจัดงาน เกี่ยวกับ ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ครูน าภูมิปัญญาท้องถิ่นมาบูรณาการในการเรียนการสอน เชิญบุคลากรที่มีความรู้ ในชุมชนมาเป็นวิทยากรในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน น าผู้เรียนไปศึกษา แหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่ใน ท้องถิ่น จัดสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาให้เป็นแบบอย่างในชุมชน เช่น สถานศึกษาพอเพียง ศูนย์ อาเซียนศึกษา โรงเรียนสุจริต เป็นต้น มีส่วนร่วมกับชุมชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชน สนับสนุนให้ มีการรณรงค์การใช้สินค้าพื้นเมือง เช่น การแต่งกายผ้าไทย เป็นต้น 2. ยูทูป (Youtube) 2.1 ประวัติความเป็นมาของ Youtube ยูทูป (Youtube) เกิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2548 โดยผู้ก่อตั้งก็คือ นายแชด เฮอร์ลีย์, นายสตีฟ เชง และ นายยาวิด คาริม โดยทั้งสามคนนี้เป็นอดีตพนักงานจากเว็บไซต์การเงิน ออนไลน์ Paypal โดยส านักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ที่เมือง ซานบรูโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเดิมทียูทูป เป็นเว็ปไซต์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะท าการแชร์วีดีโอให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มดูเท่านั้น แต่เมื่อก่อตั้งได้ไม่นานก็มี คนสนใจเข้าชมกันอย่างมาก เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ปี2549 ทางด้านบริษัท Google ก็ได้มีการเข้าซื้อ กิจการของบริษัทยูทูปเป็นจ านวนเงินมูลค่ามหาศาลถึง 1.65 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยได้มีการ ประกาศ ครอบครองกิจการอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ 2549 และเมื่อทางด้าน Google ได้เข้า ครอบครองกิจการของยูทูป ก็มีการตั้งสโลแกนของเว็บไซต์แห่งนี้ว่า Broadcast Yourself หรือแปลตรง ตัวว่า คลื่นเสียงแห่งนี้เป็นของคุณ และมีการพัฒนาขึ้นมาอย่างมากมาย ทั้ง รูปแบบการใช้งาน และ ความเร็วในการประมวลผลของวีดีโอ พร้อมรูปแบบการใช้งานมากมาย ทั้ง เพลลิสต์ ประวัติการเข้าชม และอื่นๆให้ใช้งานเช่นเดียวกับในปัจจุบัน (นภดล ยิ่งยงสกุล, 2553) 2.2 ความหมายของ Youtube ธัญธัช นันท์ชนก (2558) ได้กล่าวว่า ยูทูบ หมายถึง เว็บไซต์สังคมออนไลน์ ที่เป็นวิดีโอ ซึ่งมี เนื้อหาที่มีความหลากหลาย เช่น เป็นวิดีโอโฆษณา วิดีโอเพลง รายการโทรทัศน์ย้อนหลัง และคลิปวิดีโอ


19 จากบุคคลทั่วไป โดยคลิปวิดีโอที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ยู ทูบ ส่วนมากจะเป็นคลิปวิดีโอที่ถ่ายท าโดย ประชาชนทั่วไป และอัพโหลดโดยมีการแบ่งประเภทและจัดอันดับคลิปโดยง่าย ศตพล จันทร์ณรงค์ (2558 อ้างใน อิศราวุฒิ กิจเจริญ, 2560) ได้กล่าวว่า ยูทูบ (YouTube) หมายถึง เว็บไซต์โชเชียลมีเดีย (Social Media) ที่เป็นวิดีโอ ซึ่งมีเนื้อหาที่มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็น วิดีโอโฆษณา มิวสิควิดีโอ รายการโทรทัศน์ย้อนหลัง และคลิปวิดีโอจาก บุคคลทั่วไป โดยคลิปวิดีโอที่ เผยแพร่บนเว็บไซต์ยูทูบ (YouTube) ส่วนมากจะเป็นคลิปวิดีโอที่ถ่ายท า โดยประชาชนทั่วไป และอัพ โหลดโดยมีการแบ่งประเภทและจัดอันดับคลิปโดยง่าย อุไรพร ชลสิริรุ่งสกุล (2555) กล่าวไว้ในหนังสือ Digital Commerce: Turn Buyers to Buyers: Turn Browsers to Buyers ว่า “ยูทูบ” ถือเป็นเสิร์ชเอนจินที่มีผู้ใช้งานจ านวนมาก และยูทูบได้เปิด โอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างยูทูบชาแนลได้ พร้อมทั้งสามารถหารายได้จากวิดีโอที่ผลิต ก่อให้เกิดความ หลากหลายในเนื้อหาที่ช่วยตอบโจทย์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้เวลาอยู่กับโซเชียลมีเดียค่อนข้างมาก และดู วิดีโอออนไลน์มากกว่าทีวี ท าให้ยูทูบกลายเป็น The “Third Wave of Media” ต่อจากทีวี เน็ตเวิร์ค และ เคเบิลเน็ตเวิร์คแล้ว สรุปได้ว่า ยูทูบ (YouTube) หมายถึง เว็บไซต์โชเชียลมีเดีย (Social Media) ที่เป็นวิดีโอที่มี ผู้ใช้งานจ านวนมากซึ่งมีเนื้อหาที่มีความหลากหลาย เช่น เป็นวิดีโอโฆษณา วิดีโอเพลง รายการโทรทัศน์ ย้อนหลังส่วนมากจะเป็นคลิปวิดีโอที่ถ่ายท าโดยประชาชนทั่วไปและยูทูบได้เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถ สร้างยูทูบชาแนลได้ พร้อมทั้งสามารถหารายได้จากวิดีโอที่ผลิต ก่อให้เกิดความหลากหลายในเนื้อหาที่ ช่วยตอบโจทย์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้เวลาอยู่กับโซเชียลมีเดียค่อนข้างมาก 2.3 เทคนิคการใช้ YouTube ในศตวรรษที่ 21 1. ใช้ YouTube เพื่อดึงดูดความสนใจก่อนเข้าเนื้อหาการเรียนรู้กิจกรรมการเรียนการสอนในขั้น น าเข้าสู่บทเรียน ครูจะต้องดึงดูดความสนใจของนักเรียนให้เกิดความสนใจและอยากมีส่วนร่วมในเรื่องที่ จะเรียน เนื้อหาการเรียนในหลายเรื่องสามารถเพิ่มวีดีโอที่เหมาะสมในการเรียนการสอนเพื่อลดความเบื่อ หน่ายของนักเรียนได้เป็นอย่างดี การค้นหาวีดีโอจาก YouTube เพื่อสร้างบรรยายกาศและการเรียนให้ สนุกสนานนั้นเป็นเรื่องง่ายเพราะใน YouTube มีวีดีโอหลากหลายให้เรียนรู้และสามารถเข้าใช้งานได้ฟรี แต่การแสดงวีดีโอนั้นจะต้องมีความสอดคล้องกับเนื้อหา การค้นหาวีดีโอใน YouTube ไม่ใช่เรื่องยากเพียง แค่ใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการก็สามารถหาวีดีโอได้ง่าย ๆ โดยคัดเลือกวีดีโอที่เหมาะสมกับหัวข้อที่ครูจะ ด าเนินการสอน นอกจากวีดีโอจะช่วยสร้างความสนุกสนานและดึงดูดความสนใจของผู้เรียนแล้ว ครูยัง สามารถตั้งค าถามหรือสร้างกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวีดีโอเพื่อช่วยให้นักเรียนได้รับความรู้และประโยชน์จาก


20 วีดีโอมากขึ้นยกตัวอย่าง เช่น หากจะสอนเรื่อง การตลาด ค้นหาวีดีโอที่ดึงดูดความสนใจเกี่ยวกับการขาย อาจหาตัวอย่างวีดีโอที่น ามาใช้ดึงดูดความสนใจในขั้นน าเข้าสู่บทเรียน เช่น วีดีโอจาก โครงการสานรัก เรื่อง สับปะรด เป็นต้น 2. ใช้ YouTube เป็นสื่อการสอนในเนื้อหา YouTube เป็นสื่อที่มีความเคลื่อนไหวที่ นอกเหนือจากการบรรยายธรรมดา ดังนั้นการน า YouTube มาเป็นสื่อในการสอนจะท าให้นักเรียนเกิด ความสนใจในเนื้อหาที่ได้ศึกษามากยิ่งขึ้น ครูสามารถเลือกวีดีโอที่มีผู้คนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้บน YouTube มาใช้เป็นสื่อการสอนได้ฟรี การน า YouTube มาเป็นสื่อการสอนในชั้นเรียน ถือได้ว่าเป็นการ ใช้เทคโนโลยีจัดการเรียนการสอนได้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะ YouTube เป็นสื่อที่ช่วยให้นักเรียนมี ความเข้าใจ และมีความสนใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นสื่อที่มีการเคลื่อนไหว มีเสียง ท าให้นักเรียน เห็นสถานการณ์จริง เสียงจริง นอกจากจะเป็นสื่อที่มีความส าคัญในชั้นเรียนแล้ว ครูยังสามารถตั้งค าถาม หรือหัวข้อ เพื่อให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองได้ทุกเวลาและทุกสถานที่อีกด้วย วีดีโอ จาก YouTube เป็นสื่อการสอนนี้สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนครูของโรงเรียน ยกตัวอย่างเช่น ให้ครู กลุ่มสาระอื่นมาสอนในกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ ก็สามารถใช้วีดีโอจากช่องรายการต่างๆ ใน YouTube ประกอบการสอน ใช้เป็นสื่อสร้างความรู้ให้กับนักเรียนได้เป็นอย่างดี YouTube มีช่องรายการ มาตรฐานทางการศึกษามากมายที่สามารถน าวีดีโอมาใช้เป็นสื่อการสอนในเนื้อหาทุกกลุ่มสาระฯ เช่น TruePlookpanya Channel, DLIT PLC พัฒนาวิชาชีพครู, DLIT Classroom ห้องเรียน DLIT, DLIT Resources คลังสื่อการสอน เป็นต้น 3. ให้นักเรียน ใช้ YouTube เป็นเครื่องมือน าเสนอหรืออภิปรายชิ้นงาน การเรียนการสอนบาง เนื้อหามีการจัดกิจกรรมให้นักเรียนสร้างผลงานและน าเสนอผลงาน เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ครูสามารถ ให้นักเรียนจัดท าผลงาน แล้วใช้โทรศัพท์มือถืออัดวีดีโอการน าเสนอผลงานอัพโหลดลง YouTube จากนั้น เผยแพร่ผลงานของผู้เรียน น าเสนอผลงานผ่านทาง YouTube และแบ่งปันให้เพื่อนสามารถเข้าไปดู ผลงานได้ง่าย ๆ โดยการแชร์ลิงค์สู่กลุ่มเรียนที่ครูได้สร้างขึ้นแต่ละกลุ่ม เช่น Google Classroom , Facebook เป็นต้น 4. ครูสามารถเผยแพร่เนื้อหาความรู้ลง YouTube โดยการสร้าง Channel ครูทุกคนสามารถ ถ่ายทอดความรู้ของตนเองโดยถ่ายวีดีโอลง YouTube เพื่อให้นักเรียนได้รับโอกาสการเรียนได้ทั่วถึงกัน ไม่ใช่แค่เพียงเด็กในชั้นเรียนที่ได้รับความรู้แต่เป็นเด็กไทยทุกคนที่มาเรียนรู้เพิ่มเติมจากวีดีโอที่บันทึกไว้ลง YouTube ครูสามารถบันทึกบทเรียนหรือบรรยากาศในชั้นเรียนขณะท าการสอนแล้วให้ YouTube เป็น พื้นที่จัดเก็บวีดีโอและแบ่งปันกิจกรรมในชั้นเรียนที่บันทึกไว้แก่ผู้ที่สนใจเนื้อหาที่สอน นอกจากนั้นนักเรียน


21 ที่เรียนเนื้อหานั้นผ่านไปก็สามารถกลับมาย้อนดูการเรียนการสอนในอนาคตได้ หากนักเรียนคนใดขาด เรียนครูก็สามารถส่งลิงค์วีดีโอใน YouTube ไปให้นักเรียนที่พลาดชั้นเรียนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ครูได้สอน หรือ นักเรียนต้องการทบทวนความรู้ก่อนสอบ YouTube ก็สามารถช่วยให้นักเรียนเข้าทบทวนบทเรียนได้ ง่ายดาย การเผยแพร่เนื้อหาความรู้โดยการสร้าง Channel ของตนเองมีวิธีง่าย ๆ ดังนี้ 1. ท าการสร้าง Account YouTube (ถ้าหากใช้ Gmail อยู่สามารถใช้ Account เดียวกับ Google เพื่อ Login ได้เลย) 2. ครูสร้างสื่อไฟล์วีดีโอของตนเอง นามสกุล ดังนี้ .Windows Media Video(.avi) /3GP(cell phones)/AVI(windows)/MOV(mac)/.MP4(ipod/psp)/.MPEG/.FLV(adobeflash).SWF(shockwav e flash)/.MKV (h.264) 3. เตรียมวีดีโอให้พร้อม อัพโหลดวีดีโอ 4. สร้าง Playlist เพื่อจัดกลุ่มวีดีโอ 5. ตกแต่ง Channel ของตนเอง 6. น าลิงค์ YouTube ฝังในเว็บไซต์ บล็อก เพจโรงเรียน หรือโพสลง Facebook เป็นต้น 5. ใช้ YouTube เป็นสื่อช่วยสรุปเนื้อหาท้ายบทเรียน การสอนในแต่ละท้ายหน่วยการเรียนรู้ ครูสามารถน าวีดีโอสั้น ๆ จาก YouTube ตามเนื้อหา เปิด ให้นักเรียนดูสรุปความรู้ในภาพรวม ให้นักเรียนถอดความรู้จากวีดีโอเพื่อทบทวนความรู้ที่ได้เรียนรู้มา ทั้งหมดในหน่วยการเรียนรู้นั้น ๆ หรือครูอาจหาหนังสั้นที่สอดคล้องกับเนื้อหาตั้งค าถามให้มีความเชื่อมโยง สัมพันธ์กันระหว่างวีดีโอกับเนื้อหาวิชา เพื่อส่งเสริมทักษะที่ส าคัญในศตวรรษที่ 21 ฝึกนักเรียนให้เกิด ทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ หรือเป็นวีดีโอสรุปความรู้เป็นแนวข้อสอบ O-net นักเรียนจะได้มีความ เข้าใจในบทเรียนนั้นมากขึ้นโดยความยาวของวีดีโอไม่เกิน 5 นาที เพราะความสนใจของผู้เรียนจะอยู่ไม่ เกิน 5 นาที ต่อ 1 วีดีโอ การใช้วีดีโอจาก YouTube สรุปเนื้อหาให้นักเรียนสามารถท าให้นักเรียนเข้าใจ มากขึ้นเพราะวีดีโอจะมีภาพ มีเสียง มีความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ดึงดูดความสนใจของผู้เรียน สรุปได้ว่า การน าเทคโนโลยีในยุคศตวรรษที่ 21 เข้าช่วยนั้นท าให้โลกได้เปลี่ยนไปอย่างมากมาย ทั้งน ามาใช้ในการเรียน การสอน การท างาน มีความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงได้ง่าย ช่วยให้เข้าใจเนื้อหา ได้เร็วขึ้นเพราะมีทั้งภาพ เสียง และวิดีโอ ที่มีความน่าสนใจช่วยดึงดูดผู้คนไดในระดับนึง และไม่ว่าจะเป็น ครู หรือผู้เรียนก็สามารถที่จะอัปโหลดคลิปวิดีโอลงในยูทูป โดยการเผยแพร่ให้ผู้อื่นสามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ 2.4 ประโยชน์ของยูทูบ Youtube มณีรัตน์ (2557:14) ได้กล่าวถึง ประโยชน์ของ Youtube ไว้ดังนี้


22 1. เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้ข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งสามารถท าความเข้าใจได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น การสอน การแต่งหน้า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ท าความเข้าใจยาก ถ้าศึกษาจากหนังสือหรือนิตยสาร เราก็ไม่สามารถเห็น การลงมือปฏิบัติแต่งหน้าที่ชัดเจน เช่น การเลือกสี การลงสี และน้ าหนักหนัก-เบา แต่การศึกษาจาก youtube เราสามารถท าความเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 2. เป็นแหล่งรวมความบันเทิง เช่น เพลง มิวสิควิดีโอ เป็นต้น 3. เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ศึกษาการทดลองทางวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก เช่น การทดลองทางด้าน biological molecular ได้แก่ การท า PCR , พันธุวิศวกรรม เป็นต้น 4.ท าให้สามารถติตามรายการหรือละครต่างๆย้อนหลังได้ 5. ฝากไฟล์ VDO จากเครื่องคอมพิวเตอร์ 6. สามารถใช้เป็นสื่อการสอนทางไกลโดยท าการอัพไฟล์วิดีโอเหล่านั้นไว้บนเว็บไซต์youtube นั่นเอง 7. ฟรีเว็บไซต์ที่สามารถเก็บไฟล์vdo บนเว็บ สกุลชัย เก่งอนันตานนท์(2565:2) ได้กล่าวถึง ประโยชน์ของ Youtube ไว้ดังนี้ 1. YouTube ปล่อยฟีเจอร์ใหม่ซึ่งจะช่วยให้ผู้รับชมสามารถเรียนรู้กับสิ่งที่หลงใหลได้อย่างลึกซึ้ง ยิ่งขึ้น และยังช่วยให้ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถสร้างเนื้อหาด้านการศึกษาได้ดียิ่งขึ้น 2. เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการดูเพื่อช่วยแก้ปัญหางานที่ได้รับมอบหมาย การเรียนรู้ภาษา ใหม่ หรือเสาะหาอาชีพที่แตกต่างออกไป ผู้คนต่างใช้ YouTube เพื่อเรียนรู้ข้อมูลใหม่ๆ ซึ่งช่วยให้ชีวิตของ พวกเขาดีขึ้นได้ 3. ช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการที่ผู้เรียนสามารถโฟกัสกับเนื้อหาโดยที่ไม่มี เนื้อหาอื่นๆ มารบกวนสมาธิ เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้เป็นพาร์ตเนอร์รายแรกๆ กับ YouTube เพื่อ น าเสนอ Player for Education และท าให้ EDpuzzle สามารถช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านวิดีโอได้ดียิ่งขึ้น ศรัณย์ บุญทา (2558:7) ได้กล่าวถึง ประโยชน์ของ Youtube คือ การน ายูทูบมาปรับใช้ให้เข้ากับ การเรียนการสอนในห้องเรียน เนื่องจากมีความเชื่อว่าเทคโนโลยีออนไลน์สามารถช่วยเพิ่มพูนศักยภาพ ด้านการศึกษา จุดประกายให้เยาวชนได้เข้าถึงองค์ความรู้ที่กว้างไกล และรวดเร็ว สามารถถ่ายทอดความรู้


23 ในรูปแบบที่แตกต่างจากการเรียนแบบปกติในห้องเรียน จะเป็นเสมือนแหล่งรวมวิดีโอให้ความรู้เชิงลึก ภายนอกห้องเรียน หรือจะเรียกได้ว่าเป็นห้องเรียนแห่งใหม่ให้แก่เยาวชนก็ได้ สรุปได้ว่า แพลตฟอร์มยูทูป มีประโยชน์มากมายทั้งด้านการเรียน การสอน การท างานซึ่งใช้ได้กับ ทุกเพศ ทุกวัย ช่วยแก้ปัญหาในการท างานที่ได้รับมอบหมาย การเรียนรู้ภาษา การหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่ เสมอเพราะมีการอัปโหลดวิดีโออยู่เรื่อย ๆ ตามช่องของผู้อัปโหลด เป็นแหล่งรวมความบันเทิง 3. การพัฒนาตนเองสู่การเป็นครูมืออาชีพ 3.1 ความหมายของการพัฒนาตนเอง อัจศรา ประเสริฐสิน (2556:5) การพัฒนาตนเองคือ การกระท าที่เสริมสร้างความรู้ ทักษะ ความสามารถ และคุณลักษณะต่าง ๆ ให้แก่ตนเอง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานโดยอาศัย วิธีการ กระบวนการ และขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งอาจจะมีทั้งในกรณีที่กระท าด้วยตนเองหรือได้รับการสนับสนุน จากองค์กรด้วย วงจรการพัฒนาตนเอง ประกอบด้วย 4 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 วงจรการพัฒนาเริ่มด้วยสิ่งที่ท าให้ เกิดความวิตกกังวลอย่างแท้จริง ขั้นที่ 2 การใช้ความคิดเกี่ยวกับปัญหา ขั้นที่ 3 แนวทางการพัฒนา และ ขั้นที่ 4 การน าแนวทางการพัฒนามาปฏิบัติ เอกชัย บุญอาจ (2556: 10) การพัฒนาตนเอง หมายถึง การสร้างความสามารถ ของคุณเองให้มี มากขึ้นและการพัฒนาความสามารถ ที่ยังไม่ได้พัฒนาของคุณเองด้วย โดยเหตุที่มนุษย์เรามีความ ต้องการ ที่จะให้ตนเองเจริญก้าวหน้า (ความต้องการความเจริญก้าวหน้าส่วนตัว และการรับรู้ศักยภาพของตนเอง) ดังนั้นทุกคนจึงต้องพยายามพัฒนาตนเองเพื่อให้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (2566 : 15) การพัฒนาตนเอง หมายถึง การพัฒนาตนคือ การที่บุคคลพยายามที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนด้วยตนเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม เหมาะสมกว่าเดิม ท าให้ สามารถด าเนินกิจกรรม แสดงพฤติกรรม เพื่อสนองความต้องการ แรงจูงใจ หรือเป้าหมายที่ตนตั้งไว้ สรุปได้ว่า การพัฒนาตนเอง หมายถึง การพัฒนาศักยภาพของตนด้วยตนเองให้ดีขึ้นทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม เพื่อให้ตนเป็นสมาชิกที่มีประสิทธิภาพของสังคม เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ตลอดจนเพื่อการด ารงชีวิตอย่างสันติสุขของตน


24 3.2 ความส าคัญของการพัฒนาตนเอง เอกชัย บุญอาจ (2556: 10) ได้กล่าวว่า ความส าคัญของการพัฒนาตนเอง มีด้วยกันหลาย ประการ ดังนี้ 1. สร้างโอกาสให้กับตัวเอง โอกาสเป็นสิ่งที่หลายคนอยากได้ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสทางด้าน การศึกษา หรือโอกาสความก้าวหน้าชีวิตการท างาน แต่โอกาสเป็นสิ่งที่ไม่ได้มากันทุกวัน และไม่ใช่ทุกคนที่ จะได้รับโอกาส ฉะนั้นการมุ่งมั่นพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ จึงเท่ากับเป็นการสร้างโอกาสให้กับตัวเอง อาทิ ผู้ที่ท างานในสายโปรแกรมเมอร์ ซึ่งเขียนโปรแกรมด้วยภาษาทางคอมพิวเตอร์เป็นหลัก สามารถ พัฒนาตนเองในงานอาชีพ โดยการศึกษาภาษาส าหรับเขียนโปรแกรมเพิ่มเติม จากเดิมที่รู้แค่ภาษา C หรือ Java ก็เรียนรู้ภาษา C#, JavaScript, Kotlin หรือ Python เป็นต้น ย่อมช่วยเพิ่มโอกาสในการท างานให้ ได้มากขึ้น ทั้งในองค์กรของตนหรือในตลาดแรงงาน 2. สร้างเป้าหมายในการด าเนินชีวิต เบื่อ เครียด เหวี่ยง กับงานที่ท าอยู่ จนต้องมาระบายลงใน โซเชียลมีเดีย อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน แน่นอนว่า ความรู้สึกเหล่านี้ส่งผลต่อจิตใจและร่างกาย หากปล่อยไว้นาน อาจท าให้ตกอยู่ในภาวะหมดไฟ หมดใจในการท างาน จนน าไปสู่การขาดเป้าหมายใน การด าเนินชีวิต หากรู้สึกแบบนั้น ลองตั้งเป้าหมายแล้วพัฒนาตัวเองดู โดยอาจเริ่มต้นในเรื่องง่าย ๆ อย่าง ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ว่า วันนี้เราจะเคลียร์งานในเสร็จก่อนเลิกงานประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ มีเวลาทบทวนเนื้อหาของงานว่า มีจุดไหนที่ต้องแก้ไขหรือไม่ นอกจากนี้อาจหมั่นสร้างพลังบวกให้กับ ตัวเอง ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจในตัวเองได้มากขึ้น บุคคลล้วนต้องการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ หรืออย่างน้อยก็ต้องการมีชีวิตที่เป็นสุขในสังคม ประสบ ความส าเร็จตามเป้าหมายและความต้องการของตนเอง พัฒนาตนเองได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในสังคมโลก การพัฒนาตนจึงมีความส าคัญดังนี้ ก. ความส าคัญต่อตนเอง จ าแนกได้ดังนี้ 1. เป็นการเตรียมตนให้พร้อมในด้านต่างๆ เพื่อรับกับสถานการณ์ทั้งหลายได้ด้วยความรู้สึกที่ดีต่อ ตนเอง 2. เป็นการปรับปรุงสิ่งที่บกพร่อง และพัฒนาพฤติกรรมให้เหมาะสม ขจัดคุณลักษณะที่ไม่ ต้องการออกจากตัวเอง และเสริมสร้างคุณลักษณะที่สังคมต้องการ


25 3. เป็นการวางแนวทางให้ตนเองสามารถพัฒนาไปสู่เป้าหมายในชีวิตได้อย่างมั่นใจ 4. ส่งเสริมความรู้สึกในคุณค่าแห่งตนสูงให้ขึ้น มีความเข้าใจตนเอง สามารถท าหน้าที่ตามบทบาท ของตนได้เต็มศักยภาพ ข. ความส าคัญต่อบุคคลอื่น เนื่องจากบุคคลย่อมต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน การพัฒนาในบุคคล หนึ่งย่อมส่งผลต่อบุคคลอื่นด้วย การปรับปรุงและพัฒนาตนเองจึงเป็นการเตรียมตนให้เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดี ของผู้อื่น ทั้งบุคคลในครอบครัวและเพื่อนในที่ท างาน สามารถเป็นตัวอย่างหรือเป็นที่อ้างอิงให้เกิดการ พัฒนาในคนอื่นๆ ต่อไป เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งชีวิตส่วนตัวและการท างานและการอยู่ร่วมกันอย่างเป็น สุขในชุมชน ที่จะส่งผลให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Ebook Serenity (2562 :19) ได้กล่าวถึงความส าคัญของการพัฒนาตนเอง ไว้ดังนี้ 1. สร้างความท้าทายให้กับตัวเอง ความท้าทายนับว่าเป็นแรงผลักดันอย่างหนึ่งของมนุษย์เช่นกัน ความท้าทายบางอย่างท าให้มนุษย์พัฒนาตัวเองมากขึ้นเพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านั้นให้ได้ 2. สร้างเป้าหมายในการด าเนินชีวิต เราเคยเป็นไหมว่า รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการใช้ชีวิต รู้สึก เหมือนขาดเป้าหมายในการด าเนินชีวิตหากรู้สึกแบบนั้น ลองตั้งเป้าหมายแล้วพัฒนาตัวเองดูสิ อาจจะเป็น เรื่องง่ายในชีวิตประจ าวันก็ได้ 3. สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง การที่เราพัฒนาตัวเองจนประสบความส าเร็จได้นั้น ไม่ได้ ให้ผลลัพธ์แก่เราอย่างเดียว มันอาจจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้างตัวเองอีกด้วย สรุปได้ว่า ความส าคัญของการพัฒนาตนเอง คือ การพัฒนาตนเองให้มีความต้องการของสังคม สังคมให้การยอมรับ และเห็นว่ามีความสามารถที่จะกระท าการต่าง ๆ ต่าง และเห็นความประพฤติในการ ปฏิบัติที่น าไปสู่ความส าเร็จในอนาคตได้ อีกทั้งยังช่วยให้คนรอบข้างเห็นถึงความส าคัญ กลายเป็นแรงบัล ดาลใจในการใช้ชีวิตต่อไป และพร้อมที่จะเรียนรู้ ปรับปรุงตนเองอยู่ตลอดเวลา เกิดสภาพแวดล้อมในการ ท างานและการใช้ชีวิตที่ดี 3.3 ความหมายของครูมืออาชีพ เอกชัย กี่สุขพันธ์(2561:89) ได้กล่าวว่า ครูมืออาชีพ หมายถึง ครูที่ประสบความส าเร็จในวิชาชีพ ครูสามารถปฏิบัติหน้าที่ครูได้อย่างดีจนประสบความส าเร็จในหน้าที่การงานและมีความเจริญงอกงาม ก้าวหน้าในอาชีพครูอย่างต่อเนื่อง จนสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นได้


26 Natthavadee Chankla (2559:10) ได้กล่าวว่า ครูมืออาชีพ หมายถึง ครูที่ได้รับการพัฒนาอย่าง ต่อเนื่อง จนมีความรู้ ทักษะความสามารถในการจัดกิจกรรมให้แก่ผู้เรียนและได้รับการยกย่อง มีสมรรถนะ ในด้านความสามารถในการจัดการเรียนการสอน การประเมินองค์รวมที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ การพัฒนา และประเมินหลักสูตร การศึกษาค้นคว้าวิจัย การเป็นผู้น า การส่งเสริมและแก้ปัญหาของผู้เรียน ตลอดจน สร้างความสัมพันธ์และร่วมมือกับชุมชน กรมวิชาการ (2561:43) ได้ให้ความหมายไว้ว่า คือ ครูที่มีความพร้อมในทุก ๆ ด้านที่จะเป็นครู คือ มีความรู้ความสามารถ มีทักษะในการให้การศึกษาอบรมศิษย์ในทุก ๆ ด้าน มีความประพฤติดี วางตัว ดี เอาใจใส่ดูแลศิษย์ดี มีวิญญาณของความเป็นครู และปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณ ซึ่งจากความหมายนี้ เราจะเห็นได้ว่า ระดับของครูมืออาชีพนั้น แตกต่างจากระดับคนที่ประกอบอาชีพครูอยู่พอสมควร ครูทุก คนถึงแม้จะมีความรู้ทางวิชาชีพทัดเทียมกัน เพราะส่วนใหญ่ต่างจบจากสถาบันผลิตครูเหมือนๆกัน หรือจะ แตกต่างกันบ้างก็ตรงชื่อของมหาวิทยาลัยที่เรียนจบ แต่เมื่อผ่านการคัดเลือกเข้ามาบรรจุครูในสถานศึกษา ของรัฐหรือได้ท างานในสถานศึกษาของเอกชน ครูทุกคนก็มีจุดเริ่มต้นในการท างานที่แทบจะไม่ต่างกัน แต่ อะไรเล่า? ที่เป็นตัววัดว่า ใครคือผู้ประกอบอาชีพครูธรรมดาๆ และใครควรจะถูกเรียกว่าเป็นครูมืออาชีพ สรุปได้ว่า ครูมืออาชีพ หมายถึง ครูที่มีความพร้อมในทุก ๆ ด้านที่จะเป็นครูมีความรู้ ความสามารถ มีทักษะในการให้การศึกษาอบรมศิษย์ในทุก ๆ ด้าน มีความประพฤติดี วางตัวดี เอาใจใส่ ดูแลศิษย์ดี มีวิญญาณของความเป็นครูสามารถปฏิบัติหน้าที่ครูได้อย่างดีจนประสบความส าเร็จในหน้าที่ การงานและมีความเจริญงอกงามก้าวหน้าในอาชีพครูอย่างต่อเนื่อง สามารถเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่นได้ 3.4 แนวทางการพัฒนาตนเองสู่การเป็นครูมืออาชีพ ครูมืออาชีพ ตามความหมายของกรมวิชาการ ได้ให้ความหมายไว้ว่า คือครูที่มีความพร้อมในทุก ๆ ด้านที่จะเป็นครู คือ มีความรู้ความสามารถ มีทักษะในการให้การศึกษาอบรมศิษย์ในทุก ๆ ด้าน มีความ ประพฤติดี วางตัวดี เอาใจใส่ดูแลศิษย์ดี มีวิญญาณของความเป็นครู และปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณ ซึ่ง จากความหมายนี้ เราจะเห็นได้ว่า ระดับของครูมืออาชีพนั้น แตกต่างจากระดับคนที่ประกอบอาชีพครูอยู่ พอสมควร ครูทุกคนถึงแม้จะมีความรู้ทางวิชาชีพทัดเทียมกัน เพราะส่วนใหญ่ต่างจบจากสถาบันผลิตครู เหมือน ๆ กัน หรือจะแตกต่างกันบ้างก็ตรงชื่อของมหาวิทยาลัยที่เรียนจบ แต่เมื่อผ่านการคัดเลือกเข้ามา บรรจุครูในสถานศึกษาของรัฐหรือได้ท างานในสถานศึกษาของเอกชน


27 ครูทุกคนก็มีจุดเริ่มต้นในการท างานที่แทบจะไม่ต่างกัน สิ่งที่ท าให้ครูมืออาชีพ แตกต่างจากผู้ ประกอบอาชีพครูโดยทั่วไปนั้น คือการสามารถปฏิบัติตนให้ด ารงไว้ซึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมความเป็นครูที่ดี 4 ประการ ซึ่งปรากฏในหนังสือคู่มือเส้นทางครูมืออาชีพส าหรับครูผู้ช่วย ของส านักพัฒนาระบบบริหารงาน บุคคลและนิติกร ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อันได้แก่ 1. อุดมการณ์ของครู ส าหรับครูมืออาชีพ จะเน้นในเรื่องในของการด ารงไว้ซึ่งอุดมการณ์ความเป็นครูมากกว่าจะ ค านึงถึงอามิสสินจ้าง โดยพร้อมแสดงความเมตตากรุณาต่อศิษย์ เสียสละและมุงมั่นในการท างานเพื่อ เป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนอย่างเต็มศักยภาพตามความสามารถที่ตัวเองพึงกระท าได้ 2. คุณลักษณะของการเป็นครูที่ดี ครูมืออาชีพส่วนใหญ่จะมีลักษณะของการเป็นครูที่ดี ซึ่งการเป็นครูที่ดีนั้น ถ้ามองตามเกณฑ์ มาตรฐานวิชาชีพแล้วจะสามารถสรุปได้คร่าวดังนี้ คือ - ต้องเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องของนโยบายการศึกษา เข้าใจในหลักสูตรและเนื้อหาวิชาที่สอน มีทักษะในการสอน วัดและประเมินผลผู้เรียนได้อย่างถูกต้อง - ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างสม่ าเสมอ สามารถจับประเด็นและวิเคราะห์ปัญหา ต่างๆได้ - สามารถสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนการสอน ทั้งในเรื่องของการดูแลผู้เรียน การ จัดการสื่อการเรียนการสอน และการช่วยเหลืองานสนับสนุนการจัดการในโรงเรียนต่างๆ เช่น งานพัสดุ หรืองานธุรการ เป็นต้น - มีคุณธรรมจริยธรรมตามหลักของจรรยาบรรณวิชาชีพ - รู้จักพัฒนาตนเองและส่งเสริมชุมชนอยู่เสมอ ซึ่งจากคุณลักษณะการเป็นครูที่ดี โดยสังคราะห์จากเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ จะเห็นว่าครูมือ อาชีพนั้นจะต้องเป็นปฏิบัติดีทั้งต่อตัวเอง ผู้เรียน โรงเรียน รวมไปถึงชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงด้วย 3. ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปัจจุบันนี้ อาชีพครูกลายเป็นอาชีพหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึงในเรื่องของหนี้สิน ซึ่งเป็นเรื่อง ที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าครูจะไม่ใช่อาชีพที่ท ารายได้ในระดับที่สูงมากนัก แต่รายได้ของครูก็ เพียงพอต่อการใช้สอย ถ้ามีความพอเพียงและสามารถบริหารจัดการได้ดี การมีหนี้สิน ถ้าอยู่ในระดับที่ ดูแลจัดการได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่ส่วนใหญ่ที่พบมักเป็นลักษณะของการมีหนี้สินติด พันรุงรังจนกระทบต่อการท างาน ท าให้ครูไม่อาจท างานได้เต็มที่ กังวลกับเรื่องหนี้สินตลอดเวลา ซึ่ง ส าหรับครูมืออาชีพนั้น จะเป็นผู้ที่หยิบยกแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชด ารัสของพระบาทสมเด็จ


28 พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาใช้ในการด าเนินชีวิตคือ พอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันที่ดีใน ตัวเอง ท าให้สามารถใช้ชีวิตในวิชาชีพครูได้เป็นแบบอย่างที่ดีและมีความสุข 4. คุณธรรมที่ใช้ในการปฏิบัติงาน การเป็นครูมืออาชีพ จะต้องยึดถือคุณธรรมในการท างาน ซึ่งคุณธรรมในการประกอบวิชาชีพครู นั้น ตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ จะประกอบด้วย (1) ความมีเมตตากรุณาต่อศิษย์ (2) มีความยุติธรรม (3) มีความรับผิดชอบ (4) มีวินัย (5) ขยันขันแข็ง (6) อดทน (7) ประหยัด (8) รักและศรัทธาในวิชาชีพครู (9) มีความเป็นประชาธิปไตยในการปฏิบัติงานและการด ารงชีวิต ส าหรับการแนวทางในการฝึกฝน เพื่อก้าวสู่การเป็นครูมืออาชีพนั้น จากบทความเรื่อง คมคิด 12 ประการ สู่ความเป็นครู สควค. มืออาชีพ ของนายเดชา การรัมย์ ผู้อ านวยการ โรงเรียนบ้านม่วงหนองตาด จังหวัดสุรินทร์ (ต าแหน่ง ณ ขณะนั้น) ได้เขียนไว้ในวารสาร สควค. ปีที่ 2 ฉบับที่ 7 เมษายน-มิถุนายน 2551 นั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์และสามารถน ามาเป็นแนวทางในการฝึกฝนและพัฒนาตนเองเพื่อ ก้าวสู่ความเป็นครูมืออาชีพได้ จึงน ามาเรียบเรียงใหม่ให้เหมาะสมตามความคิดเห็นของข้าพเจ้า ซึ่ง สามารถสรุปได้เป็นแนวทาง ดังนี้ 1. ผู้สอนควรปฏิบัติตนให้มีความเหมาะสมตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ของของบุคคลทั่วไป 2. ควรศึกษาแนวทางการจัดการศึกษาของชาติ ตามนโยบายต่าง ๆ ของทางกระทรวงศึกษา ธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม 3. ต้องศึกษากฎหมายและหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา เพื่อให้สามารถออกแบบ กระบวนการเรียนรู้อย่างเหมาะสม 4. ต้องท าความรู้จักผู้เรียน เพื่อให้ทราบถึงอุปนิสัยใจคอ จุดเด่น และจุดที่ต้องพัฒนาเรียน สามารถ วิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคลได้ ซึ่งข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนรู้ 5. จัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ เน้นทักษะการปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมให้เด็ก เกิดความเข้าใจและสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตัวเอง โดยครูท าหน้าที่เป็นผู้แนะแนวทางและให้ค าปรึกษา มากกว่าเป็นผู้ชี้น าในการเรียนการสอน 6. ควรจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้มีการบูรณาการแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ในส่วนของเนื้อหาที่ สัมพันธ์กัน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนมีความคิดเชื่อมโยงและสามารถน าความรู้ไปใช้ได้ในชีวิตจริง 7. เลือกใช้วิธีการวัดผลการเรียนรู้อย่างหลากหลายตามสภาพที่เหมาะสมของผู้เรียน เพื่อให้ทราบ ถึงผลลัพธ์ที่ถูกต้องและแม่นย า


29 8. เลือกจัดกิจกรรมหรือโครงการที่เน้นให้ผู้เรียนให้เกิดความรู้ ทักษะ หรือคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ตามหลักสูตรแกนกลางและหลักสูตรสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง 9. ควรมีการอบรมพัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง และใช้การวิจัยในชั้นเรียนเป็นเครื่องมือในการ ส่งเสริมและแก้ไขปัญหาต่างๆของผู้เรียน 10. หมั่นศึกษาและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ควรร่วมกิจกรรมการฝึกอบรมหรือกิจกรรมการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนครูทั้งในและนอกโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง 11. ฝึกฝนทักษะในการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ 12. พัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีกับบุคคลอื่น สามารถท างานร่วมกับผู้อื่นได้ สรุปได้ว่า แนวทางในการฝึกฝนเพื่อก้าวสู่การเป็นครูมืออาชีพนี้ จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยที่ จะสามารถด าเนินการให้ถึงเป้าหมายได้ในเร็ววัน ครูผู้สอนทุกคนจ าเป็นต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองในด้าน ต่างๆอยู่ตลอดเวลาและสม่ าเสมอ เพื่อให้สามารถเติบโตไปที่ละขั้น ซึ่งต้องใช้เวลาและประสบการณ์ พอสมควร แต่อย่างไรก็ดี การเริ่มต้นนับหนึ่ง ก็นับว่าเป็นก้าวแรกที่ส าคัญ อันจะแสดงให้เห็นว่า เราพร้อม ที่จะก้าวขึ้นไปเป็นครูมืออาชีพแล้ว และถึงแม้ว่าหนทางจะอีกยาวไกลและเต็มไปด้วยอุปสรรคจากทั้ง ภายในและภายนอกมากมาย แต่ผมก็หวังว่าครูทุกท่านจะมุ่งมั่นกับการเดินตามเป้าหมายในการเป็นครูมือ อาชีพนี้ เพื่อประโยชน์ของตัวเองและของผู้เรียนในภายภาคหน้าต่อไป 4. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จุฬาลักษณ์ นาคะชาติ(2563) ศึกษาการตัดสินใจเลือกรับชมรายการผ่านสื่อยูทูบ (Factors Affecting to Watching on YouTube Program) ผลการศึกษา พบว่าผู้ที่มีอายุต่างกัน ท าให้การ ตัดสินใจเลือกรับชมรายการผ่านสื่อยูทูบ แตกต่างกัน โดยอายุที่แตกต่างกัน ท าให้มีความสนใจในแต่ละ ด้านที่แตกต่างกัน และผู้ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกัน ท าให้การตัดสินใจเลือก รับชมรายการผ่านสื่อยู ทูบแตกต่างกัน โดยรายได้เฉลี่ยต่อเดือนสามารถก าหนดการตัดสินใจเลือกรับชม รายการผ่านสื่อยูทูบ เนื่องจากผู้ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงจะมีก าลังในการใช้จ่ายสูง นอกจากนี้ ปัจจัยด้าน สังคมมีผลต่อการ ตัดสินใจเลือกรับชมรายการผ่านสื่อยูทูบ โดยด้านที่มีผลมากที่สุด คือ ด้านรูปแบบการ ด าเนินชีวิต และ ค่านิยม ประณาลี เหมเวช (2561) ศึกษาอิทธิพลของรูปแบบการน าเสนอเนื้อหา การสื่อสารแบบปากต่อ ปากทางอิเล็กทรอนิกส์ และความไว้วางใจที่ส่งผลต่อความตั้งใจมีส่วนร่วมของผู้ใช้โซเชียลมีเดียยูทูบใน ช่อง ส่วนตัวของยูทูบเบอร์ ผลการศึกษาพบว่า การน าเสนอเนื้อหาในรูปแบบของเพลง (Music) เนื้อหาใน


30 รูปแบบ ของรีวิว (Review) เนื้อหาในรูปแบบตลก (Comedy) และเนื้อหาในรูปแบบแนะน าวิธีการ (How-to) มีอิทธิพลต่อความตั้งใจมีส่วนร่วมของกลุ่มผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียยูทูบในช่องส่วนตัวของยูทูบ เบอร์อย่าง มีนัยส าคัญ ในส่วนของการสื่อสารแบบปากต่อปากอิเล็กทรอนิกส์ ผลการศึกษาพบว่ามีอิทธิพล ต่อความตั้งใจ มีส่วนร่วมของผู้ใช้โซเชียลมีเดียยูทูบในช่องส่วนตัวของยูทูบเบอร์อย่างมีนัยส าคัญ เพราะ การสื่อสารแบบปาก ต่อปาก คือรูปแบบการบอกต่อในรูปแบบของการบอกต่อข้อความ หรือสิ่งที่ต้องการ สื่อสารจากบุคคลหนึ่งไป ยังอีกบุคคลหนึ่ง โดยการรับรู้ข้อมูลจากการแชร์เรื่องราวต่าง ๆ ในเครือข่าย สังคมออนไลน์ การใช้ดาราหรือ บุคคลผู้มีชื่อเสียง และการบอกปากต่อปากในโซเชียลมีเดีย ท าให้เกิด ความมั่นใจ และมีความเชื่อถือ ซึ่งการ สื่อสารแบบปากต่อปากผ่านทางวิดีโอออนไลน์และการสื่อสารแบบ ปากต่อปากทางเครือข่ายสังคมออนไลน์8 ล้วนส่งผลส่งผลให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่ง่ายมากยิ่งขึ้น ในส่วน ของความไว้วางใจที่ส่งผลต่อความตั้งใจมีส่วน ร่วมของผู้ใช้โซเชียลมีเดียยูทูบในช่องส่วนตัวของยูทูบเบอร์ ผลการศึกษาพบว่ามีอิทธิพลต่อความตั้งใจมีส่วน ร่วมของผู้ใช้โซเชียลมีเดียยูทูบในช่องส่วนตัวของยูทูบ เบอร์อย่างมีนัยส าคัญ เนื่องจากผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่อาจจะมีความกังวลต่อข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ ในโลกออนไลน์ ที่มีทั้งข้อมูลจริงและเท็จ ดังนั้นการสร้าง ความไว้ใจจะช่วยให้ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียเกิด ความเชื่อมั่น และเกิดการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยูทูบถือเป็น เว็บไซต์ออนไลน์ขนาดใหญ่ที่มีมาตรฐาน ด้านความปลอดภัยที่ชัดเจน ทั้งด้านการก าหนดลิขสิทธิ์ ด้านการ ก าหนดอายุของผู้ใช้งานในบางรายการ รวมไปถึงระบบการยืนยันตัวตน ผกาทิพย์ ทรัพย์วิริยะกุล (2560) ศึกษาการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู ของครูกลุ่ม โรงเรียน สหวิทยาเขตเบญจสิริ ผลการศึกษาพบว่า1) การปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู ของครู กลุ่มโรงเรียน สหวิทยาเขตเบญจสิริ สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2 โดยภาพรวม และรายด้านอยู่ในระดับมาก 2) ครูที่มีเพศต่างกันมีการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู โดย ภาพรวมและรายด้านไม่ต่างกัน 3) ครูกลุ่มโรงเรียน สหวิทยาเขตเบญจสิริ ที่มีวุฒิการศึกษาต่างกันมีระดับ การปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู ภาพรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ ระดับ .05 ส่วนในด้านจรรยาบรรณวิชาชีพ ด้านจรรยาบรรณต่อผู้ร่วม ประกอบวิชาชีพ ไม่แตกต่างกัน 4) ครูกลุ่มโรงเรียน สหวิทยาเขตเบญจสิริ ที่มีประสบการณ์การปฏิบัติงานต่างกันมีระดับการปฏิบัติตนตาม จรรยาบรรณวิชาชีพครู ภาพรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทาง สถิติที่ระดับ .05 จึงน าด้าน ที่พบความแตกต่างกันไปท าการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยรายคู่โดยวิธี ของ Scheffe (Scheffe Post hoc Comparison) โดยด้านจรรยาบรรณต่อสังคม ครูที่มีประสบการณ์น้อยกว่า 10 ปี มีระดับการ


31 ปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู สูงกว่าครู ที่มีประสบการณ์ 10-20 ปี ส่วนด้านจรรยาบรรณต่อผู้ ร่วมประกอบวิชาชีพและภาพรวมเมื่อน ามาทดสอบหาคู่เชฟเฟ่แต่ไม่พบความแตกต่างกัน เนื่องจากมี ค่าเฉลี่ย ใกล้เคียงกัน อัจฉริยา ทุ่งแจ้ง (2560) ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกรับชมรายการผ่านทางสื่อ ออนไลน์ ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกรับชมรายการผ่านทางสื่อ ออนไลน์ ซึ่งประกอบด้วย ภาพและเสียงของรายการคมชัด ไม่กระตุก เนื้อหามีความสร้างสรรค์ สนุกสนาน และเพลิดเพลิน ตลอดจนรูปแบบการด าเนินรายการน่าสนใจ และโฆษณาคั่นรายการมีไม่มาก นัก จึงท าให้ผู้บริโภค/ผู้ชมตัดสินใจเลือกรับชมรายการผ่านทางสื่อออนไลน์ ปัจจัยด้านรูปแบบการด าเนิน ชีวิตแบบ สมัยใหม่ ค่านิยม และกลุ่มอ้างอิง ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกรับชมรายการผ่านทางสื่อออนไลน์ เนื่องจาก การรับชมรายการผ่านทางสื่อออนไลน์ท าให้ดูเป็นคนทันสมัย อยู่ในกระแสสังคม รับรู้ข่าวสาร ทันเหตุการณ์9 และรวดเร็ว และน าเรื่องราวไปสนทนากับผู้อื่น รวมถึงบุคคลที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์มี ชื่อเสียงและกระตุ้น ความสนใจ และบุคคลใกล้ชิดท าให้อยากชมรายการผ่านทางสื่อออนไลน์ ปัจจัยด้าน ประชากรศาสตร์ด้าน เพศ มีการตัดสินใจเลือกรับชมรายการผ่านทางสื่อออนไลน์แตกต่างกัน โดยเพศ หญิงมีการตัดสินใจรับชม รายการมากกว่าเพศชาย อาจเนื่องมาจากจิตใจและอารมณ์อ่อนไหวง่าย ท าให้ เกิดความเครียดได้ง่ายกว่า เพศชาย จึงต้องการความบันเทิงและผ่อนคลายความเครียดที่สั่งสมด้วยการ รับชมรายการผ่านทางสื่อออนไลน์ เซน ร่มพฤกษ์(2563) ศึกษาการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพของครูใน โรงเรียนบ้านนาสาร อ าเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานีผลการศึกษาพบว่า 1) สภาพปัญหาคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณของครู โดยรวมอยู่ในระดับมาก เรียงล าดับดังนี้ ด้านการควบคุมอารมณ์ตนเอง ด้านการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ด้านการปฏิบัติ ตามจรรยาบรรณวิชาชีพ ด้านความรับผิดชอบในการท างาน และ ด้านความซื่อสัตย์ 2) การพัฒนา คุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพของครู โดยการจัดอบรมตาม หลักสูตร เรียงล าดับดังนี้ ด้านพฤติกรรมตามจรรยาบรรณวิชาชีพ และด้านพฤติกรรมเชิงจริยธรรม 3) การเปรียบเทียบผล การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพของครูก่อนและหลังการพัฒนา พบว่า ค่าเฉลี่ยหลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนการพัฒนา อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ 4) การศึกษาความพึง


32 พอใจในการ พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพของครู โดยรวมอยู่ในระดับมาก เรียงล าดับดังนี้ ด้านสถานที่/ระยะเวลา ด้านวิทยากร และด้านการน าความรู้ไปใช้ อุษา พรหมรินทร์(2561) ศึกษาการปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพครูของครูในสถานศึกษาของ รัฐ สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2 ผลการศึกษาพบว่า 1) การ ปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพครูของครูในสถานศึกษาของรัฐ สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มี ค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ ด้านจรรยาบรรณต่อตนเอง รองลงมาคือ ด้านจรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ด้าน จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ด้านจรรยาบรรณต่อสังคม และด้านจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ตามล าดับ 2) ผลการเปรียบเทียบการปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู ของครูในสถานศึกษาของรัฐ สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2 จ าแนกตามเพศ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ท างาน โดยรวมไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ .05 จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับด้านจรรยาบรรณวิชาชีพ โดยพบว่างานวิจัยเหล่านั้นมีประโยชน์และ เป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพครูเป็นอย่างมาก รวมทั้งวิจัยที่มี ความเกี่ยวข้องกับสื่อการค้นคว้าด้วยตนเองจากแพลตฟอร์มยูทูป ที่สามารถรับชมย้อนหลังได้ มีความ น่าสนใจ ผู้อัปโหลดวิดีโอมีรายได้จากช่องทางนี้เช่นกัน และสามารถที่จะเลือกรับชมการอบรม สัมมนาใน ช่องที่ตัวเองสนใจได้เช่นกัน และงานวิจัยนี้สามารถพัฒนาตนเองในด้านจรรยาบรรณวิชีพครูสู่การเป็นครู มืออาชีพได้


บทที่ 3 วิธีด าเนินการ การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube มีวิธีด าเนินการตามขั้นตอนดังนี้ 1. เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาตนเอง 1.1 เว็บไซต์ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น 1.2 คลิปวิดีโอจาก Youtube 1.3 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 1.4 แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพครู20 ข้อ จาก Google Forms 1.5 แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพครู20 ข้อ จาก Google Forms 2. ขั้นตอนการพัฒนาตนเอง 2.1 ท าแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพครู20 ข้อ จาก Google Forms ใช้ เวลาประมาณ 20 นาที 2.2 ศึกษาข้อมูลด้านเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพครูจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ และเลือกแหล่งที่ให้ข้อมูลที่น่าสนใจจากอินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น 2.3 หาแหล่งอบรมทั้งออนไลน์ และออนไซต์ที่มีการเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้าร่วม และดู คลิปวิดีโอย้อนหลังการอบรมในช่องยูทูป ซึ่งเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการ ด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครูโดย วิทยากรจากคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาในรูปแบบออนไลน์ ผ่านทางยูทูป 2.4 ศึกษาเรียนรู้พัฒนาตนเองในด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู และพยายามประพฤติปฏิบัติตน ตามจรรยาบรรณวิชาชีพอยู่เรื่อย ๆ มา ตลอดจนการติดตามข่าวสาร และแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่นเพื่อ น ามาพัฒนาปรับปรุงตนเอง


34 2.5 ท าแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพครู20 ข้อ จาก Google Forms ใช้เวลา ประมาณ 20 นาที 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.1 รวบรวมคะแนนจากแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพครู 3.2 รวบรวมคะแนนจากแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพครู 4. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ 4.1 ท าแบบทดสอบผ่านเกณฑ์ 80% ขึ้นไป หรือ 16 คะแนน ขึ้นไป ตารางที่ 1 การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สัปดาห์ที่ วัน เดือน ปี เรื่อง เวลา (ชั่วโมง) ท าแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพครู 1 25 มกราคม 2566 ศึกษาความรู้ผ่านเว็บไซต์ E-book 5 2 1 กุมภาพันธ์ 2566 ศึกษาความรู้/อบรมเชิงปฏิบัติการ ผ่านคลิปวิดีโอจากยูทูป (Youtube) 5 3 8 กุมภาพันธ์ 2566 ศึกษาความรู้จากงานวิจัยที่ เกี่ยวข้อง 5 1-4 19 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2566 ติดตามข่าวสารประจ าวัน 5 ท าแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพครู


บทที่ 4 ผลการด าเนินการ การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube มีผลการด าเนินการตามขั้นตอนดังนี้ ผลการด าเนินการพัฒนาตนเอง 2.1 การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู โดยการศึกษาดูคลิปวิดีโอจาก Youtube นั้น โดยได้มีการท าแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพครู20 ข้อ จาก Google Forms ใช้เวลา ประมาณ 20 นาทีซึ่งผลปรากฏว่าการท าข้อสอบก่อนเรียนนั้นไม่ผ่านเกณฑ์ 80% ที่ก าหนดไว้ ภาพที่ 1 แบบทดสอบก่อนเรียน 2.2 ศึกษาข้อมูลในด้านเนื้อหาเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพครู จากหนังสือออนไลน์ E-book อินเตอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลต่าง ๆ โดยอ่านท าความเข้าใจให้ละเอียดในเรื่องของการปฏิบัติตน แนวทาง


36 สู่ครูมืออาชีพ การเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียน พัฒนาความเป็นผู้น า และพัฒนาความรู้ หมั่น หาความรู้ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม ภาพที่ 2 ผลการค้นหาจากอินเตอร์เน็ต ภาพที่ 3 E-book 2.3 หาแหล่งอบรมทั้งออนไลน์ และออนไซต์ที่มีการเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้าร่วม และดูคลิป วิดีโอย้อนหลังการอบรมในช่องยูทูป ในเรื่องของจรรยาบรรณวิชาชีพครู โดยเข้ารับการฝึกอบรมทั้งหมด 3 คลิป ซึ่งจะเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เลือกคลิปวิดีโอจากยูทูปที่มี


37 ความน่าสนใจ เนื้อหาเหมาะกับหัวข้อเรื่องที่ต้องการพัฒนา และท ากิจกรรมหรือสรุปบทเรียนในการ ฝึกอบรมแต่ละครั้ง เพื่อน าความรู้ที่ได้มาพัฒนาตนเองต่อไป จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ดังนี้ ภาพที่ 4 การอบรมเชิงปฏิบัติการ (1) ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=swAqg3J2gFA ภาพที่ 5 การอบรมเชิงปฏิบัติการ (2) https://www.youtube.com/watch?v=swAqg3J2gFA


38 ภาพที่ 6 การอบรมเชิงปฏิบัติการ (3) https://www.youtube.com/watch?v=6S_P45vFAds 2.4 ศึกษาเรียนรู้พัฒนาตนเองในด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู และพยายามประพฤติปฏิบัติตน ตามจรรยาบรรณวิชาชีพอยู่เรื่อย ๆ มา เช่น การติดตามข่าวสารให้ทันต่อเหตุการณ์ ในด้านจรรยาบรรณ ต่อตนเอง ติดตามข่าวสารที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาว่าในช่วงระหว่างวันที่ 19 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้าง และท าการบันทึก เพื่อฝึกตนเองให้เรียนรู้ รับรู้สิ่งใหม่ ๆ เพราะสามารถน า ข่าวสารที่เกิดขึ้นในแต่ละวันไปพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดกับนักเรียนได้ หรือการเสนอแนะข้อคิดจาก เพื่อร่วมวิชาชีพได้


39 ภาพที่ 7 บันทึกการติดตามข่าวสาร 2.5 ท าแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง จรรยาบรรณวิชาชีพครู 20 ข้อ จาก Google Forms ใช้เวลา ประมาณ 20 นาทีผลปรากฏว่า ผ่านเกณฑ์การทดสอบที่ 80% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการศึกษาค้นคว้าจาก แหล่งข้อมูลต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ต และจากการอบรมเชิงปฏิบัติการจากคลิปวิดีโอในยูทูป เมื่อผ่าน ขั้นตอนการท าแบบทดสอบแล้ว จะได้รับเกียรติบัตรในการท าแบบทดสอบ


40 ภาพที่ 8 แบบทดสอบหลังเรียน


บทที่ 5 อภิปรายผล การพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเองจากแหล่งเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ อภิปรายผลการพัฒนาตนเอง ผลการพัฒนาตนเองด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู สู่การเป็นครูมืออาชีพ โดยใช้การศึกษาค้นคว้า ด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้จาก Youtube โดยพบว่า พบว่า มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 12 และ คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 17 คะแนน และเมื่อเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า มี คะแนนพัฒนาการหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน 80% ขึ้นไป อย่างมีนัยส าคัญทาง สถิติที่ระดับ .05 ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า การดูคลิปวิดีโอจากยูทูปในเรื่องของการอบรมเชิงปฏิบัติการ การ สัมมนาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทานั้น มีการให้ข้อมูลที่ตรงตามความเป็นจริงครอบคลุมประเด็น เนื้อหา และมาตรฐานความประพฤติที่ครูควรจะปฏิบัติเหมาะสมส าหรับบุคคลที่ต้องการจะพัฒนาตนเอง ในเรื่องของการประพฤติปฏิบัติให้สอดคล้องกับหลักของจรรยาบรรณวิชาชีพ ความเป็นครูที่ดี ซึ่ง สอดคล้องกับแนวคิดของ (ราชกิจจานุเบกษา, 2556) ได้กล่าวว่า จรรยาบรรณวิชาชีพครู หมายถึง มาตรฐานการปฏิบัติตนที่ก าหนดขึ้นเป็นแบบแผนในการ ประพฤติตนซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อเสียงและฐานะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้ เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคมอันจะน ามาซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ การน าสื่อมา ช่วยในการพัฒนาต้องมีเนื้อหาความรู้ที่เข้าใจง่าย ไม่น่าเบื่อ รวมทั้งสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา เนื่องจากการแลกเปลี่ยนข้อมูล หรือน าคลิปวิดีโออัปโหลดผ่านยูทูปนั้นจะท าให้บุคคลอื่นสารถเข้ามา ศึกษาได้ตลอดเวลาเพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต กระทั่งการยอมรับข้อตกลงของการใช้งานผ่าน Youtube ด้วย และเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ศึกษา พัฒนาตนเอง เวลาในการอบรมเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งจึงท าให้มีความ กระตือรือร้นและเกิดกระบวนการคิดอยู่ตลอดระยะเวลาซึ่งประกอบไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณของความเป็นครูที่ทุกคนต้องปฏิบัติ เรียนรู้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาของตนเองและ เปรียบเทียบการปฏิบัติตนเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การเป็นครูมืออาชีพ และสอดคล้องกับการศึกษาของ จุฬาลักษณ์ นาคะชาติ(2563) ได้ท าการวิจัย การตัดสินใจเลือกรับชมรายการผ่านสื่อยูทูบ ของประชากร


Click to View FlipBook Version