ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๓๘
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ว่ำด้วยกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ
พ.ศ. ๒๕๔๔
อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๗(๑) แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำร
ศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ และมำตรำ ๑๕ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำร
ื่
พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ออกระเบียบเพอก ำหนดมำตรฐำนกำรศึกษำ
อบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่ำ “ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศึกษำ
อบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ พ.ศ. ๒๕๔๔”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ิ
ข้อ ๓ ระเบียบนี้มิให้ใช้บังคับแก่ผู้ช่วยผู้พพำกษำที่เข้ำรับกำรอบรมตำมระเบียบกระ
ทรวงยุติธรรมว่ำด้วยกำรอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ พ.ศ. ๒๕๓๙ ก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ
ข้อ ๔ ให้ประธำนศำลฎีกำรักษำกำรตำมระเบียบนี้
หมวด ๑
บททั่วไป
ข้อ ๕ กำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำมี ๓ ประเภท คือ
(๑) กำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศ
(๒) กำรศึกษำอบรมกำรพิจำรณำพิพำกษำคดี
(๓) กำรศึกษำอบรมภำควิทยำกำร
ข้อ ๖ ผู้ช่วยผู้พิพำกษำที่ได้รับกำรบรรจุใหม่ ให้เข้ำรับกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศ
ตำมหลักสูตรกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศท้ำยระเบียบนี้
๑
ิ
้
ข้อ ๗ เมื่อผู้ช่วยผู้พพำกษำได้รับกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศแลว ให้ไปรับกำรศึกษำอบรม
กำรพิจำรณำพิพำกษำคดีในศำลตำมที่คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมก ำหนด โดยกำรศึกษำอบรม
ิ
ิ
ให้กระท ำเป็น ๒ รอบ เมื่อเข้ำรับกำรศึกษำอบรมกำรพจำรณำพพำกษำคดีในรอบแรกแล้ว
ให้เข้ำรับกำรศึกษำอบรมภำควิทยำกำรก่อนแล้วจึงไปเข้ำรับกำรศึกษำอบรมกำรพิจำรณำพิพำกษำคดี
ึ
ึ
๑ หลักสูตรกำรศกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำปรับปรุงใหม่ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศกษำอบรม
ผู้ช่วยผู้พิพำกษำ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๐
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๓๙
ในรอบที่ ๒ ต่อไป เว้นแต่มีเหตุจ ำเป็นอำจให้เข้ำรับกำรศึกษำอบรมกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีทั้ง ๒ รอบ
ติดต่อกันไปก่อนก็ได้
ข้อ ๘ กำรศึกษำอบรมภำควิทยำกำร ให้เป็นไปตำมหลักสูตรกำรศึกษำอบรม
ภำควิทยำกำรท้ำยระเบียบนี้
ข้อ ๙ ระยะเวลำในกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พพำกษำตำมข้อ ๖ ข้อ ๗ และข้อ ๘
๑
ิ
ให้เป็นไปตำมที่ประธำนศำลฎีกำก ำหนดโดยควำมเห็นชอบของ ก.ต.
กำรด ำเนินกำรศึกษำอบรมตำมหลักสูตรแนบท้ำยระเบียบในข้อ ๖ และข้อ ๘ ให้เป็นไป
ตำมวัตถุประสงค์และประเด็นส ำคัญของแต่ละวิชำที่ก ำหนด
ิ
๑
ข้อ ๐ ผู้ช่วยผู้พพำกษำมีหน้ำที่เข้ำรับกำรศึกษำอบรมทุกวันเวลำรำชกำร
เมื่อผู้อ ำนวยกำรศึกษำอบรมหรือคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมเห็นสมควรให้มีกำรศึกษำอบรม
ในเวลำอื่นหรือในวันหยุดรำชกำรเมื่อใด ผู้ช่วยผู้พิพำกษำก็มีหน้ำที่เข้ำรับกำรศึกษำอบรมตำมนั้น
หมวด ๒
คณะกรรมกำร
ส่วนที่ ๑
ผู้อ ำนวยกำรศึกษำอบรมและผู้ให้กำรศึกษำอบรม
๒
ั
ข้อ ๑๑ ให้เลขำธิกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมเป็นผู้อ ำนวยกำร
ศึกษำอบรม โดยให้มีอ ำนำจดังต่อไปนี้
(๑) ดูแลกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำให้เป็นไปด้วยควำมเรียบร้อย
ิ่
(๒) เพมเติม งด หรือเปลี่ยนแปลงหัวข้อวิชำกำรศึกษำอบรม ระยะเวลำในหัวข้อวิชำ
และวิทยำกรได้ตำมควำมจ ำเป็น แล้วเสนอให้คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมทรำบ
ิ
(๓) อนุญำตกำรขอไม่เข้ำรับกำรศึกษำอบรมของผู้ช่วยผู้พพำกษำเป็นรำยชั่วโมง
ั
ซึ่งไม่ถึงกับเป็นกำรลำรำชกำรในระหว่ำงเข้ำรับกำรศึกษำอบรมที่สถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำร
ศำลยุติธรรม
(๔) ตรวจ ให้ค ำแนะน ำ และด ำเนินกำรให้มีกำรแก้ไขกำรบันทึกค ำบรรยำยกำรศึกษำ
อบรมที่ผู้ช่วยผู้พิพำกษำจัดท ำขึ้นก่อนเสนอต่อคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรม
(๕) อนุญำตในกำรขอออกนอกสถำนที่หลังจำกเสร็จสิ้นกำรศึกษำอบรมของ
ผู้ช่วยผู้พิพำกษำในวันที่ต้องพักอยู่ที่สถำบันพัฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม
๑ ข้อ ๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑
๒ ข้อ ๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๐
๘๔๐ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ิ
(๖) ดูแลและให้ค ำแนะน ำหรือตักเตือนในกำรประพฤติปฏิบัติของผู้ช่วยผู้พพำกษำ
ทั้งในและนอกเวลำกำรศึกษำอบรม หรือเสนอต่อคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมเพอตัดคะแนน
ื่
กำรศึกษำอบรม
(๗) รำยงำนผลกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศและกำรศึกษำอบรมภำควิทยำกำร
ในรำยงำนประจ ำตัวตำมแบบรำยงำนผลกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศและกำรศึกษำอบรมภำควิทยำกำร
๓
ของผู้ช่วยผู้พิพำกษำท้ำยระเบียบนี้
(๘) ด ำเนินกำรใด ๆ เกี่ยวกับกำรศึกษำอบรมที่ไม่ได้ก ำหนดไว้ในระเบียบหรือหลักเกณฑ ์
กำรปฏิบัติ ทั้งนี้เมื่อได้รับควำมเห็นชอบจำกคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรม
ตลอดระยะเวลำระหว่ำงกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศและกำรศึกษำอบรมภำควิทยำกำร
ิ
ั
หรือกำรศึกษำอบรมกำรพจำรณำพพำกษำคดีในกรณีจ ำเป็น ให้เลขำธิกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำร
ิ
ฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมปฏิบัติหน้ำที่ในฐำนะผู้อ ำนวยกำรศึกษำอบรม
ในกรณีที่ผู้อ ำนวยกำรศึกษำอบรมไม่สำมำรถอยู่ปฏิบัติหน้ำที่ได้ ให้รองเลขำธิกำรสถำบัน
ั
ั
พฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมท ำกำรแทน หำกรองเลขำธิกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำร
ฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมไม่สำมำรถอยู่ปฏิบัติหน้ำที่ได้ ให้กรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมที่คณะกรรมกำร
อ ำนวยกำรศึกษำอบรมมอบหมำยท ำกำรแทน
ิ
ิ
ิ
ข้อ ๑๒ ในระหว่ำงที่ผู้ช่วยผู้พพำกษำเข้ำรับกำรศึกษำอบรมกำรพจำรณำพพำกษำคดี
ิ
ิ
ในศำลใด ให้อธิบดีผู้พพำกษำหรือผู้พพำกษำหัวหน้ำศำลนั้น มีอ ำนำจตำมข้อ ๑๑(๑) (๖) (๗) และ (๘)
โดยอนุโลม
ข้อ ๑๓ ผู้ให้กำรศึกษำอบรมกำรพจำรณำพพำกษำคดีแก่ผู้ช่วยผู้พพำกษำในศำลใด
ิ
ิ
ิ
ได้แก่ บุคคลดังต่อไปนี้ คือ
(๑) อธิบดีผู้พิพำกษำ
(๒) รองอธิบดีผู้พิพำกษำ
(๓) ผู้พิพำกษำหัวหน้ำศำล
(๔) ผู้พิพำกษำในศำลนั้นที่ได้รับกำรคัดเลือกตำมข้อ ๑๔
ิ
ิ
ข้อ ๑๔ กำรพจำรณำคัดเลือกผู้พพำกษำผู้ให้กำรศึกษำอบรมกำรพจำรณำพพำกษำคดี
ิ
ิ
ตำมข้อ ๑๓ (๔) ให้เป็นหน้ำที่ของคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรม โดยให้ค ำนึงถึงควำมรู้
ควำมสำมำรถในกำรปฏิบัติงำน ควำมประพฤติ ควำมสำมำรถในกำรให้กำรศึกษำอบรม และควำมสมัคร
ใจที่จะเป็นผู้ให้กำรศึกษำอบรมเป็นส ำคัญยิ่งกว่ำล ำดับอำวุโส และให้น ำควำมเห็นของอธิบดีผู้พพำกษำ
ิ
๓ แบบรำยงำนผลกำรศกษำอบรมกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีปรับปรุงใหม่ตำมท้ำยระเบียบนี้ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำร
ึ
ศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๐
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๔๑
ิ
หรือผู้พพำกษำหัวหน้ำศำลมำประกอบกำรพจำรณำด้วย ส่วนคุณสมบัติประกำรอื่นและหน้ำที่ของ
ิ
ผู้ที่ได้รับกำรคัดเลือกให้เป็นผู้ให้กำรศึกษำอบรม ให้เป็นไปตำมคู่มือผู้ให้กำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ
ที่ ก.บ.ศ. ก ำหนด
ข้อ ๑๕ ให้ผู้ให้กำรศึกษำอบรมบันทึกรำยละเอียดเกี่ยวกับควำมรู้ควำมสำมำรถ อุปนิสัย
ควำมประพฤติ จรรยำมำรยำท และบุคลิกลักษณะของผู้ช่วยผู้พิพำกษำเป็นรำยบุคคล ตำมแบบรำยงำน
ิ
ิ
ผลกำรศึกษำอบรมกำรพจำรณำพพำกษำคดีท้ำยระเบียบนี้ และรำยงำนให้คณะกรรมกำรอ ำนวยกำร
ศึกษำอบรมทรำบทุกระยะเวลำ ๓ เดือน หรือระยะเวลำน้อยกว่ำนั้นเท่ำที่ผู้ช่วยผู้พพำกษำรับกำรศึกษำ
ิ
ิ
อบรมอยู่กับตน โดยจัดส่งร่ำงค ำพพำกษำที่ให้ผู้ช่วยผู้พพำกษำเขียน โดยเจ้ำของส ำนวนกับองค์คณะ
ิ
ลงนำมแล้วให้คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมพิจำรณำตำมเงื่อนไขกำรศึกษำอบรมท้ำยระเบียบนี้ด้วย
๔
ิ
ิ
ิ
ข้อ ๑๖ ผู้ช่วยผู้พพำกษำย่อมนั่งพจำรณำคดีร่วมกับผู้พพำกษำผู้ให้กำรศึกษำอบรมได้
ิ
ิ
แต่จะลงชื่อในค ำพพำกษำหรือค ำสั่งไม่ได้ และในกำรเดินเผชิญสืบผู้ช่วยผู้พพำกษำย่อมร่วมไปกับ
ผู้พิพำกษำผู้ให้กำรศึกษำอบรมได้
ในกำรขึ้นบัลลังก์พจำรณำคดี ผู้ช่วยผู้พพำกษำสวมครุยตุลำกำรศำลยุติธรรมได้ตำม
ิ
ิ
ระเบียบว่ำด้วยกำรนั้น
ส่วนที่ ๒
คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรม
๕ ข้อ ๑๗ ในกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พพำกษำแต่ละรุ่น ให้มีคณะกรรมกำรอ ำนวยกำร
ิ
ศึกษำอบรม ประกอบด้วยข้ำรำชกำรตุลำกำรที่คัดเลือกโดยประธำนศำลฎีกำ ๑ คน ประธำนศำลอุทธรณ์
๑ คน และ ก.บ.ศ. คัดเลือกจำกข้ำรำชกำรตุลำกำรอีกไม่น้อยกว่ำ ๕ คน แต่ไม่เกิน ๑๐ คน ซึ่งปฏิบัติ
หน้ำที่ในศำลฎีกำ ศำลชั้นอุทธรณ์และศำลชั้นต้นที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหำนครและปริมณฑล เป็นกรรมกำร
โดยให้ผู้มีอำวุโสสูงสุดในขณะแต่งตั้งเป็นประธำนกรรมกำร ผู้อ ำนวยกำรศึกษำอบรมเป็นกรรมกำร
รองเลขำธิกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมเป็นกรรมกำรและเลขำนุกำร
ั
ผู้อ ำนวยกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมและผู้อ ำนวยกำรวิทยำลัยข้ำรำชกำร
ั
ตุลำกำรศำลยุติธรรม เป็นผู้ช่วยเลขำนุกำร แล้วเสนอประธำนศำลฎีกำเพื่อแต่งตั้ง
๔ แบบรำยงำนผลกำรศกษำอบรมกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีปรับปรุงใหม่ตำมท้ำยระเบียบนี้ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำร
ึ
ศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๐
๕ ข้อ ๑๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๓
๘๔๒ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
๖
ข้อ ๑๘ คุณสมบัติของกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมมีดังนี้
(๑) มีชื่อเสียงเกียรติคุณทั้งในด้ำนกำรด ำรงตน กำรปฏิบัติงำนและด้ำนวิชำกำร
(๒) มีควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอดควำมรู้ทั้งด้ำนวิชำกำรและประสบกำรณ์
(๓) มีประสบกำรณ์กำรท ำงำนในหน้ำที่ทำงตุลำกำรมำแล้วไม่น้อยกว่ำสิบห้ำปีหรือ
เคยด ำรงต ำแหน่งผู้พิพำกษำหัวหน้ำศำลหรือต ำแหน่งที่เทียบเท่ำมำแล้ว
(๔) มีคุณสมบัติอื่นตำมที่ ก.บ.ศ. ก ำหนด
(๕) ต้องไม่เป็นกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม กรรมกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม หรือ
อนุกรรมกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม
๗ (๖) ต้องไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่ำงถูกด ำเนินกำรทำงวินัยหรือเคยถูกลงโทษทำงวินัยมำก่อน
ข้อ ๑๙ ให้คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมมีอ ำนำจหน้ำที่ดังต่อไปนี้
(๑) ก ำหนดวิทยำกรในกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศและกำรศึกษำอบรมภำควิทยำกำร
ก ำหนดศำลและคัดเลือกผู้ให้กำรศึกษำอบรมกำรพจำรณำพพำกษำคดีตำมข้อ ๑๔ หรือเปลี่ยนแปลง
ิ
ิ
รอบกำรศึกษำอบรมในกรณีมีเหตุจ ำเป็นตำมข้อ ๗
(๒) ก ำหนดให้มีกำรศึกษำอบรมในเวลำอื่นหรือในวันหยุดรำชกำรตำมข้อ ๑๐
(๓) ให้ค ำปรึกษำและให้ควำมเห็นชอบแก่ผู้อ ำนวยกำรศึกษำอบรมเกี่ยวกับกำรศึกษำ
อบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ
ิ
(๔) ดูแลและให้ค ำแนะน ำหรือว่ำกล่ำวตักเตือนในกำรประพฤติปฏิบัติของผู้ช่วยผู้พพำกษำ
ตลอดระยะเวลำกำรศึกษำอบรมทั้งในและนอกสถำนที่รำชกำร
(๕) พจำรณำและมีมติตัดคะแนนกำรศึกษำอบรมของผู้ช่วยผู้พพำกษำตำมที่ผู้อ ำนวยกำร
ิ
ิ
ศึกษำอบรมเสนอหรือตำมที่คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมเห็นสมควร
(๖) เสนอควำมเห็นต่อเลขำนุกำร ก.ต. โดยได้รับควำมเห็นชอบจำก ก.บ.ศ. ในกรณี
ที่มีเหตุตำมมำตรำ ๑๕ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม
พ.ศ. ๒๕๔๓ เกิดขึ้นในระหว่ำงกำรศึกษำอบรม เพอเสนอต่อประธำนศำลฎีกำโดยควำมเห็นชอบ
ื่
ิ
ของ ก.ต. เพอสั่งให้ผู้ช่วยผู้พพำกษำออกจำกรำชกำรหรือด ำเนินกำรเพอให้มีกำรโอนเป็นข้ำรำชกำร
ื่
ื่
ศำลยุติธรรม
(๗) ให้ควำมเห็นในรำยงำนผลกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศและกำรศึกษำอบรม
ภำควิทยำกำรผู้ช่วยผู้พพำกษำตำมแบบรำยงำนผลกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศและแบบรำยงำนผล
ิ
กำรศึกษำอบรมภำควิทยำกำร
๖ ข้อ ๑๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑
๗ ข้อ ๑๘ (๖) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๐
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๔๓
ิ
(๘) ประมวลผลกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พพำกษำ รวบรวมข้อมูลประจ ำตัวผู้ช่วยผู้พพำกษำ
ิ
แต่ละคนทั้งจำกสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมและศำลที่ผู้ช่วยผู้พพำกษำเข้ำรับ
ิ
ั
ิ
ิ
กำรศึกษำอบรมกำรพจำรณำพพำกษำคดี และพจำรณำเสนอควำมเห็นต่อคณะกรรมกำรประเมินผล
ิ
กำรศึกษำอบรมภำยใน ๑๕ วัน นับแต่วันสิ้นสุดกำรศึกษำอบรม ควำมเห็นดังกล่ำวให้ระบุรำยละเอียด
เกี่ยวกับสภำพร่ำงกำยและจิตใจของผู้ช่วยผู้พิพำกษำเป็นรำยบุคคลด้วย ทั้งนี้ในกรณีจ ำเป็นอำจให้แพทย์
ตรวจสภำพร่ำงกำยและสภำพจิตใจเป็นกำรเฉพำะรำยก็ได้
(๙) จัดท ำหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงทั้งหมดหรือแต่บำงส่วนซึ่งคู่มือผู้ให้กำรศึกษำอบรม
ผู้ช่วยผู้พพำกษำ หลักสูตรกำรศึกษำอบรม และรำยงำนประจ ำตัวท้ำยระเบียบนี้โดยควำมเห็นชอบ
ิ
ของ ก.บ.ศ.
(๑๐) แต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อด ำเนินกำรใดๆ ตำมแต่จะมอบหมำย
ข้อ ๒๐ คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมอำจพจำรณำตัดคะแนนผู้ช่วยผู้พิพำกษำ
ิ
ได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ไม่เคำรพอำวุโส
(๒) ท ำตนผิดนิติประเพณี
(๓) ละเลยไม่ปฏิบัติตำมกฎ ระเบียบ ของรำชกำรศำลยุติธรรม
(๔) ท ำให้แตกควำมสำมัคคีในหมู่คณะ
(๕) ประพฤติตนไม่เหมำะสม
(๖) ถือประโยชน์ส่วนตนมำกกว่ำประโยชน์ส่วนรวม
(๗) ท ำงำนหรือเข้ำสังคมกับคนอื่นไม่ได้
(๘) ไม่ตรงต่อเวลำ มำสำยโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
(๙) แต่งกำยหรือใช้กิริยำวำจำไม่เหมำะสม
(๑๐) ขำดควำมรับผิดชอบในกำรศึกษำอบรมหรือในงำน
(๑๑) เหตุอื่น ๆ ที่คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมเห็นสมควร
กำรตัดคะแนนและจ ำนวนคะแนนที่ตัดให้พจำรณำตำมควำมร้ำยแรงแห่งกำรกระท ำ
ิ
และเมื่อตัดคะแนนแล้วให้ผู้อ ำนวยกำรศึกษำอบรมแจ้งมติให้ผู้ช่วยผู้พิพำกษำนั้นทรำบ
ในกรณีที่คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมเห็นว่ำมีเหตุอันควรสงสัยในควำม
ิ
ซื่อสัตย์สุจริตของผู้ช่วยผู้พพำกษำผู้ใดก็ให้ผู้อ ำนวยกำรศึกษำอบรมรำยงำนต่อเลขำธิกำรส ำนักงำน
ศำลยุติธรรม เพื่อด ำเนินกำรต่อไป
๘๔๔ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ส่วนที่ ๓
คณะกรรมกำรประเมินผลกำรศึกษำอบรม
๘ ข้อ ๒๑ ให้มีคณะกรรมกำรประเมินผลกำรศึกษำอบรมคณะหนึ่ง ประกอบด้วย
(๑) ผู้อ ำนวยกำรศึกษำอบรม
(๒) กรรมกำรซึ่งคัดเลือกกันเองจำกคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรม จ ำนวน ๓ คน
(๓) ข้ำรำชกำรตุลำกำรที่ไม่ได้เป็นกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมซึ่งได้รับกำรคัดเลือก
จำก ก.บ.ศ. จ ำนวน ๘ คน
(๔) รองเลขำธิกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมเป็นกรรมกำร
ั
และเลขำนุกำร
โดยให้ข้ำรำชกำรตุลำกำรผู้มีอำวุโสสูงสุดในขณะแต่งตั้งเป็นประธำนกรรมกำร
ั
ให้ผู้อ ำนวยกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมและผู้อ ำนวยกำรวิทยำลัยข้ำรำชกำร
ตุลำกำรศำลยุติธรรมเป็นผู้ช่วยเลขำนุกำร
ข้อ ๒๒ กำรแต่งตั้งและคุณสมบัติของกรรมกำรประเมินผลกำรศึกษำอบรมให้น ำควำม
ในข้อ ๑๗ และข้อ ๑๘ มำใช้บังคับโดยอนุโลม
ข้อ ๒๓ ให้คณะกรรมกำรประเมินผลกำรศึกษำอบรมมีอ ำนำจหน้ำที่ดังต่อไปนี้
ิ
(๑) ด ำเนินกำรทดสอบคุณธรรม จริยธรรม สภำพร่ำงกำยและจิตใจของผู้ช่วยผู้พพำกษำ
รวมทั้งควำมรู้ควำมสำมำรถในกำรปฏิบัติรำชกำร เช่น กำรตรวจรับค ำคู่ควำม กำรชี้สองสถำน
ิ
กำรสั่งค ำร้องค ำขอ กำรเตรียมคดี กำรบันทึกค ำพยำน กำรเขียนค ำพพำกษำและค ำสั่งกำรใช้ดุลพนิจ
ิ
และอื่น ๆ ตำมที่เห็นสมควร
ิ
์
(๒) ประเมินผลกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พพำกษำ ตำมหลักเกณฑและวิธีกำรใน (๑)
ให้สอดคล้องกับแบบรำยงำนประจ ำตัวผู้ช่วยผู้พพำกษำท้ำยระเบียบนี้ ทั้งนี้ กำรประเมินผลให้ค ำนึงถึง
ิ
ิ
ควำมรู้ควำมสำมำรถ อุปนิสัย ควำมประพฤติ จรรยำมำรยำทและบุคลิกลักษณะของผู้ช่วยผู้พพำกษำ
เป็นรำยบุคคลตลอดจนกำรถูกตัดคะแนนกำรเข้ำรับกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศ กำรเข้ำรับกำรศึกษำ
อบรมภำควิทยำกำรและกำรเข้ำรับกำรศึกษำอบรมกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีประกอบด้วย
๙ (๓)เสนอผลกำรประเมินผลกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พพำกษำต่อเลขำนุกำร ก.ต.
ิ
เพอเสนอ ก.ต. มีมติ ทั้งนี้ ภำยใน ๑ เดือน นับแต่วันที่ได้รับควำมเห็นจำกคณะกรรมกำรอ ำนวย
ื่
กำรศึกษำอบรมตำมข้อ ๑๙(๘) โดยให้มีอ ำนำจเสนอควำมเห็นตำมควำมเหมำะสม
๘ ข้อ ๒๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๐
๙ ข้อ ๒๓ (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๔๕
ื่
ิ
(๔) เรียกให้บุคคลใดมำให้ถ้อยค ำหรือส่งเอกสำรเพอประกอบกำรพจำรณำได้ตำมที่
เห็นสมควร
ื่
์
(๕) เสนอควำมเห็นต่อ ก.บ.ศ. เพอปรับปรุงแก้ไขกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑที่เกี่ยวข้อง
กับกำรประเมินผลกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ
(๖) แต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อด ำเนินกำรใดๆ ตำมแต่จะมอบหมำย
หมวด ๓
กำรประเมินผลกำรศึกษำอบรม
ข้อ ๒๔ ผู้ช่วยผู้พพำกษำที่จะผ่ำนกำรศึกษำอบรมผลกำรศึกษำอบรมต้องเป็นไปตำม
ิ
มำตรฐำนของคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรมว่ำเป็นผู้มีควำมซื่อสัตย์สุจริต ควำมรู้ควำมสำมำรถ
ควำมรับผิดชอบ และควำมประพฤติเหมำะสมที่จะเป็นผู้พพำกษำ โดยต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ ์
ิ
ต่อไปนี้
(๑) คะแนนกำรศึกษำอบรมตำมข้อ ๒๐ นอกเหนือจำกคะแนนกำรศึกษำอบรมตำม (๓)
มี ๑๐๐ คะแนน ผู้ช่วยผู้พิพำกษำต้องไม่ถูกตัดคะแนนเกินกว่ำ ๒๐ คะแนน
(๒) ผู้ช่วยผู้พพำกษำต้องเข้ำรับกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศ และกำรศึกษำอบรมภำค
ิ
วิทยำกำรเป็นเวลำไม่น้อยกว่ำร้อยละ ๘๕ ของระยะเวลำกำรศึกษำอบรมแต่ละประเภท และ
ผลกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศและผลกำรศึกษำอบรมภำควิทยำกำรเป็นที่พอใจของคณะกรรมกำร
ประเมินผลกำรศึกษำอบรม
ิ
กำรเปลี่ยนแปลงระยะเวลำกำรศึกษำอบรมของผู้ช่วยผู้พพำกษำผู้ใดให้เหลือน้อยกว่ำ
เกณฑผ่ำนกำรศึกษำอบรมที่ก ำหนดไว้ข้ำงต้น ให้อยู่ในดุลพนิจของคณะกรรมกำรประเมินผลกำรศึกษำ
ิ
์
ิ
อบรมโดยค ำนึงถึงเหตุจ ำเป็นอันสมควรของผู้ช่วยผู้พพำกษำผู้นั้นเป็นส ำคัญ และหำกจะเปลี่ยนแปลง
ระยะเวลำกำรศึกษำอบรมของผู้ช่วยผู้พิพำกษำผู้ใดให้เหลือน้อยกว่ำร้อยละ ๗๐ ของระยะเวลำกำรศึกษำ
อบรมแต่ละประเภทต้องได้รับควำมเห็นชอบจำก ก.บ.ศ ก่อน
(๓) ในกำรเข้ำรับกำรศึกษำอบรมกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีแพ่งและคดีอำญำ
ของผู้ช่วยผู้พพำกษำ ผู้ให้กำรศึกษำอบรมต้องประเมินผลกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พพำกษำตำมแบบ
ิ
ิ
ิ
รำยงำนผลกำรศึกษำอบรมกำรพจำรณำพพำกษำคดีที่แบ่งเป็น ๒ ตอน คือประเมินกำรปฏิบัติงำน
ิ
และประเมินกำรปฏิบัติตน ผู้ช่วยผู้พพำกษำต้องได้รับคะแนนจำกกำรประเมินผลกำรศึกษำอบรม
ิ
แต่ละตอนไม่น้อยกว่ำร้อยละ ๖๐
ิ
ในกรณีผู้ช่วยผู้พพำกษำคนหนึ่งได้รับกำรศึกษำอบรมกำรพจำรณำพพำกษำคดี
ิ
ิ
จำกผู้ให้กำรศึกษำอบรมหลำยคน ให้ผู้ให้กำรศึกษำอบรมแต่ละคนประเมินผลกำรศึกษำอบรมของ
๘๔๖ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ิ
ิ
ผู้ช่วยผู้พพำกษำผู้นั้นแล้วน ำคะแนนของผู้ให้กำรศึกษำอบรมแก่ผู้ช่วยผู้พพำกษำทุกคนรวมกันหำรด้วย
จ ำนวนผู้ให้กำรศึกษำอบรมแล้วจึงคิดเป็นคะแนนร้อยละของแต่ละตอนตำมแบบรำยงำน ท้ำยระเบียบนี้
๑๐
(๔) กำรด ำเนินกำรทดสอบควำมรู้ควำมสำมำรถตำมข้อ ๒๓ (๑) ผู้ช่วยผู้พิพำกษำต้องได้
คะแนนจำกกำรทดสอบควำมรู้ไม่น้อยกว่ำร้อยละ ๖๐
ข้อ ๒๕ เมื่อผู้ช่วยผู้พพำกษำได้รับกำรศึกษำอบรมครบก ำหนดแล้ว ให้คณะกรรมกำร
ิ
ประเมินผลกำรศึกษำอบรมพจำรณำผลกำรศึกษำอบรมปฐมนิเทศ ผลกำรศึกษำอบรมภำควิทยำกำร
ิ
ิ
และผลกำรศึกษำอบรมกำรพจำรณำพพำกษำคดีเป็นรำยบุคคล หำกผลกำรศึกษำอบรมของ
ิ
ิ
ิ
ผู้ช่วยผู้พพำกษำคนใดเป็นไปตำมมำตรฐำนของ ก.บ.ศ. ให้เสนอขอแต่งตั้งเป็นผู้พพำกษำประจ ำศำล
ตำมหลักเกณฑ์ในข้อ ๒๓ (๒) (๓) และข้อ ๒๔ แต่ถ้ำผู้ช่วยผู้พิพำกษำผู้ใดไม่เหมำะสมที่จะด ำรงต ำแหน่ง
ิ
ข้ำรำชกำรตุลำกำร หรือเป็นผู้ช่วยผู้พพำกษำมำเป็นเวลำเกินกว่ำระยะเวลำที่ก ำหนดตำมข้อ ๖ ข้อ ๗
และข้อ ๘ ถึงหนึ่งปีแล้ว และผลของกำรศึกษำอบรมยังไม่เป็นไปตำมมำตรฐำนของ ก.บ.ศ. ให้เสนอ
ควำมเห็นต่อเลขำนุกำร ก.ต. โดยได้รับควำมเห็นชอบจำก ก.บ.ศ. เพอด ำเนินกำรตำมพระรำชบัญญัติ
ื่
ระเบียบข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ มำตรำ ๑๕ วรรคสองต่อไป
ประกำศ ณ วันที่ ๖ กันยำยน พ.ศ. ๒๕๔๔
(ลงชื่อ) ธวัชชัย พิทักษ์พล
(นำยธวัชชัย พิทักษ์พล)
ประธำนกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
๑๐ แบบรำยงำนผลกำรศกษำอบรมกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีปรับปรุงใหม่ตำมท้ำยระเบียบนี้ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำร
ึ
ศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พิพำกษำ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๐
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๔๗
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ว่ำด้วยกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม
พ.ศ. ๒๕๔๖
ื่
โดยที่เป็นกำรสมควรให้มีระเบียบเพอก ำหนดแนวทำงและวิธีกำรบริหำรหลักสูตร
และอ ำนวยกำรอบรมข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมให้เป็นไปตำมเป้ำหมำยอย่ำงมีประสิทธิภำพ
อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๗ (๑) แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำร
ศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่ำ “ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรม
และพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๖”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกำศเป็นต้นไป
ั
ข้อ ๓ ให้ส ำนักงำนศำลยุติธรรมด ำเนินกำรจัดกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำร
ศำลยุติธรรมตำมหลักสูตรท้ำยระเบียบนี้ ๑
๒ ข้อ ๔ ในกำรบริหำรหลักสูตรท้ำยระเบียบนี้ให้มีคณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตรและ
แผนกำรพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมท ำหน้ำที่ดูแลบริหำรหลักสูตรต่ำง ๆ และ
ั
ให้มีคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม ท ำหน้ำที่ดูแลบริหำร
ั
ิ
หลักสูตรผู้พพำกษำประจ ำศำลและหลักสูตรผู้พพำกษำหัวหน้ำศำลท้ำยระเบียบนี้ ตำมอ ำนำจหน้ำที่
ิ
ที่ก ำหนดไว้
๓ ข้อ ๕ คณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตรและแผนกำรพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม
ประกอบด้วย
(๑) ประธำนศำลอุทธรณ์ เป็นประธำนกรรมกำร
๑ หลักสูตรกำรอบรมผู้พิพำกษำประจ ำศำลและหลักสูตรกำรอบรมผู้พิพำกษำผู้บริหำรศำลชั้นต้นปรับปรุงใหม่ตำมท้ำยระเบียบ และแก้ไขเพิ่มเติม
โดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๗) และ (ฉบับที่ ๘)
พ.ศ. ๒๕๖๐
๒ ข้อ ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๗)
พ.ศ. ๒๕๖๐
๓ ข้อ ๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๕)
พ.ศ. ๒๕๕๙
๘๔๘ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ิ
(๒) กรรมกำรโดยต ำแหน่ง ได้แก่ รองประธำนศำลฎีกำคนที่สอง อธิบดีผู้พพำกษำ
ิ
่
ิ
ิ
ิ
ศำลแพง อธิบดีผู้พพำกษำศำลอำญำ อธิบดีผู้พพำกษำศำลช ำนัญพเศษหรือศำลพเศษที่มีอำวุโสสูงสุด
และอธิบดีผู้พิพำกษำภำค ๑
(๓) เลขำธิกำรส ำนักงำนศำลยุติธรรมหรือผู้แทน เป็นกรรมกำร
(๔) กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิจ ำนวนไม่เกิน ๕ คน ซึ่งคัดเลือกและแต่งตั้งโดย ก.บ.ศ.
จำกข้ำรำชกำรตุลำกำรซึ่งด ำรงต ำแหน่งในศำลฎีกำและศำลอุทธรณ์ศำลละ ๒ คน และบุคคล
ั
ที่มีควำมเชี่ยวชำญทำงด้ำนกำรบริหำรงำนบุคคล กำรพฒนำองค์กร กำรบริหำรและกำรจัดกำร หรือ
ด้ำนอื่นใดที่ ก.บ.ศ. เห็นสมควรอีกจ ำนวน ๑ คน
ั
(๕) เลขำธิกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม เป็นกรรมกำรและ
เลขำนุกำร
เลขำธิกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมอำจแต่งตั้งข้ำรำชกำร
ั
ฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม เป็นกรรมกำรและผู้ช่วยเลขำนุกำร ได้ตำมที่เห็นสมควร
ข้อ ๖ กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิตำมข้อ ๕ (๔) อำจเป็นหรือไม่เป็นข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำร
ศำลยุติธรรมก็ได้ กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิมีวำระอยู่ในต ำแหน่งครำวละสองปี ในกรณีที่กรรมกำร
ผู้ทรงคุณวุฒิพนจำกต ำแหน่งก่อนครบวำระให้ผู้ได้รับกำรแต่งตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งแทนอยู่ในต ำแหน่ง
้
เท่ำกับวำระที่เหลืออยู่ของกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว
กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจำกต ำแหน่งตำมวำระอำจได้รับแต่งตั้งอีกได้
ข้อ ๗ นอกจำกพนจำกต ำแหน่งตำมวำระตำมข้อ ๖ กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ
้
พ้นจำกต ำแหน่งเมื่อ
(๑) ตำย
(๒) ลำออก
(๓) เป็นบุคคลล้มละลำย
(๔) เป็นคนไร้ควำมสำมำรถ หรือเสมือนไร้ควำมสำมำรถ
ิ
(๕) ได้รับโทษจ ำคุกโดยค ำพพำกษำถึงที่สุดให้จ ำคุก เว้นแต่เป็นโทษส ำหรับควำมผิด
ที่ได้กระท ำโดยประมำท หรือควำมผิดลหุโทษ
ข้อ ๘ คณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตรและแผนกำรพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม
มีอ ำนำจและหน้ำที่ควบคุมดูแลให้กำรอบรมหลักสูตรต่ำง ๆ ท้ำยระเบียบนี้ ด ำเนินไปด้วยควำมเรียบร้อย
ั
ตรงตำมวัตถุประสงค์ รวมทั้งมีอ ำนำจในกำรเสนอแนวนโยบำยต่อ ก.บ.ศ. เพอกำรพฒนำหลักสูตร
ื่
กำรอบรมและพัฒนำกระบวนกำรฝึกอบรมให้มีประสิทธิภำพยิ่งขึ้น
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๔๙
ั
๔ ข้อ ๙ คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม
หลักสูตรผู้พิพำกษำหัวหน้ำศำลท้ำยระเบียบนี้ มีจ ำนวนไม่น้อยกว่ำ ๕ คน แต่ไม่เกิน ๑๐ คน โดย ก.บ.ศ.
คัดเลือกจำกข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมซึ่งปฏิบัติหน้ำที่ในศำลฎีกำและศำลชั้นอุทธรณ์ที่ตั้งอยู่
ในกรุงเทพมหำนคร โดยมีวำระกำรด ำรงต ำแหน่งตั้งแต่วันที่ ก.บ.ศ. มีค ำสั่งแต่งตั้งจนถึงวันที่เสร็จสิ้น
กำรท ำหน้ำที่ตำมข้อ ๑๐ (๓) ให้กรรมกำรผู้มีอำวุโสสูงสุดเป็นประธำนกรรมกำร เลขำธิกำรสถำบันพัฒนำ
ั
ข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมเป็นกรรมกำร รองเลขำธิกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำร
ศำลยุติธรรมเป็นกรรมกำรและเลขำนุกำร และเลขำนุกำรคณะกรรมกำรอำจเลือกข้ำรำชกำร
ศำลยุติธรรม สังกัดสถำบันพัฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม เป็นผู้ช่วยเลขำนุกำรได้ตำมจ ำนวน
ที่เห็นสมควร ส ำหรับคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรศึกษำอบรมหลักสูตรกำรศึกษำอบรมผู้ช่วยผู้พพำกษำ
ิ
ั
ให้เป็นคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมหลักสูตรกำรอบรม
ผู้พิพำกษำประจ ำศำลต่อเนื่องอีกหลักสูตรหนึ่ง
๕ ข้อ ๙/๑ กรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม
ั
จะต้องไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่ำงถูกด ำเนินกำรทำงวินัยหรือเคยถูกลงโทษทำงวินัยมำก่อน
ั
๖ ข้อ ๙/๒ กรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม
เลขำธิกำรสถำบันพัฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม หรือรองเลขำธิกำรสถำบันพัฒนำข้ำรำชกำร
ฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมต้องไม่เป็นกรรมกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม กรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
หรืออนุกรรมกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมประจ ำชั้นศำล
ั
ข้อ ๑๐ ให้คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม
หลักสูตรต่ำง ๆ ท้ำยระเบียบนี้ มีอ ำนำจหน้ำที่ดังต่อไปนี้
ั
(๑) ดูแลกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมให้ด ำเนินไป
อย่ำงมีประสิทธิภำพ
(๒) ก ำหนดวิทยำกรในหลักสูตรที่รับผิดชอบ รวมทั้งเพมเติม งดหรือเปลี่ยนแปลง
ิ่
หัวข้อวิชำกำรอบรม ระยะเวลำในหัวข้อวิชำ ได้ตำมควำมจ ำเป็น
๔ ข้อ ๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๙)
พ.ศ. ๒๕๖๓
๕ ข้อ ๙/๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๗)
พ.ศ. ๒๕๖๐
๖ ข้อ ๙/๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๗)
พ.ศ. ๒๕๖๐
๘๕๐ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ั
(๓) ประเมินผลกำรอบรมตำมเงื่อนไขกำรอบรมและพฒนำแต่ละหลักสูตรแล้วสรุปผล
ื่
กำรอบรมและรำยงำนพร้อมแจ้งควำมเห็นไปยังเลขำธิกำรส ำนักงำนศำลยุติธรรม เพอน ำเสนอ ก.บ.ศ.
และ ก.ต. พิจำรณำต่อไป
ข้อ ๑๑ กำรประชุมคณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตรและแผนกำรพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำร
ศำลยุติธรรม หรือคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมต้องมีกรรมกำร
มำประชุมไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของจ ำนวนกรรมกำรทั้งหมดจึงจะครบองค์ประชุม
ในกำรประชุมของคณะกรรมกำร หำกประธำนไม่มำหรือไม่อำจปฏิบัติหน้ำที่ได้ให้ที่ประชุม
เลือกกรรมกำรคนหนึ่งเป็นประธำนที่ประชุม
กำรวินิจฉัยชี้ขำดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้ำงมำก
กรรมกำรคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในกำรลงคะแนน ถ้ำคะแนนเสียงเท่ำกันให้ประธำน
ออกเสียงเพิ่มขึ้นหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขำด
ข้อ ๑๒ ในกำรประชุมคณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตรและกำรพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำร
ั
ศำลยุติธรรมอำจเชิญประธำนกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมหลักสูตรใดหรือ
ผู้แทนเข้ำร่วมประชุมเพื่อให้ควำมเห็นต่อที่ประชุมได้ตำมที่เห็นสมควร
ั
๗ ข้อ ๑๓ ให้คณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตรและแผนกำรพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำร
ศำลยุติธรรมและคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมได้รับเบี้ยประชุม
ตำมบัญชี ๓ แนบท้ำยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรมว่ำด้วยเบี้ยประชุมกรรมกำร อนุกรรมกำร
และค่ำตอบแทนบุคคลหรือคณะบุคคล
ข้อ ๑๔ ให้เลขำธิกำรส ำนักงำนศำลยุติธรรมรักษำกำรตำมระเบียบนี้
ประกำศ ณ วันที่ ๓ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕๔๖
(ลงชื่อ) อรรถนิติ ดิษฐอ ำนำจ
(นำยอรรถนิติ ดิษฐอ ำนำจ)
ประธำนกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
๗ ข้อ ๑๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๔)
พ.ศ. ๒๕๕๗
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๕๑
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม
(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ ลว. ๒๗ มีนำคม ๒๕๖๐
ิ
ข้อ ๗ ให้ยกเลิกหลักสูตรกำรอบรมผู้พพำกษำประจ ำศำลและหลักสูตรกำรอบรม
ิ
ผู้พพำกษำผู้บริหำรในศำลชั้นต้นท้ำยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรมและ
ิ
ั
พฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้หลักสูตรกำรอบรมผู้พพำกษำประจ ำศำล
และหลักสูตรกำรอบรมผู้พิพำกษำหัวหน้ำศำลท้ำยระเบียบนี้แทน
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม
(ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๐ ลว. ๒๘ ธันวำคม ๒๕๖๐
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกหลักสูตรกำรอบรมผู้พิพำกษำศำลชั้นต้น หลักสูตรกำรอบรมผู้พิพำกษำ
ิ
ศำลอุทธรณ์และศำลอุทธรณ์ภำค หลักสูตรกำรอบรมผู้พพำกษำหัวหน้ำคณะในศำลอุทธรณ์
และศำลอุทธรณ์ภำค และหลักสูตรกำรอบรมผู้พพำกษำศำลฎีกำท้ำยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำร
ิ
ั
ศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้
ิ
หลักสูตรกำรอบรมผู้พพำกษำศำลชั้นต้น (ชั้น ๓) หลักสูตรกำรอบรมผู้พพำกษำหัวหน้ำคณะชั้นต้น
ิ
หลักสูตรกำรอบรมผู้พพำกษำศำลชั้นอุทธรณ์ หลักสูตรกำรอบรมผู้พพำกษำหัวหน้ำคณะในศำลชั้น
ิ
ิ
อุทธรณ์ และหลักสูตรกำรอบรมผู้พิพำกษำศำลฎีกำท้ำยระเบียบนี้แทน
๘๕๒ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ว่ำด้วยคณะกรรมกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม
พ.ศ. ๒๕๔๙
โดยที่เป็นกำรสมควรให้มีระเบียบเพอก ำกับหลักสูตรและแผนกำรพฒนำข้ำรำชกำร
ั
ื่
ศำลยุติธรรม และอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมให้เป็นไปตำมเป้ำหมำย
ั
อย่ำงมีประสิทธิภำพ
อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๗ (๑) แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำร
ศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่ำ “ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วย
คณะกรรมกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๙”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกำศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ส ำนักงำนศำลยุติธรรมด ำเนินกำรจัดกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำร
ั
ศำลยุติธรรมตำมที่คณะกรรมกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมก ำหนด
ข้อ ๔ คณะกรรมกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม หมำยถึง คณะกรรมกำร
ั
ซึ่งมีหน้ำที่ก ำกับดูแลบริหำรหลักสูตรต่ำง ๆ ท้ำยระเบียบนี้ ได้แก่ คณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตร
และแผนกำรพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม และคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำร
ั
ั
ศำลยุติธรรมประจ ำหลักสูตร
ั
๑ ข้อ ๕ ให้มีคณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตรและแผนกำรพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม
๑ ชุด ประกอบด้วย
(๑) ประธำนศำลอุทธรณ์ เป็นประธำนกรรมกำร
(๒) เลขำธิกำรส ำนักงำนศำลยุติธรรมหรือผู้แทน เป็นกรรมกำร
(๓) เลขำธิกำรสถำบันพัฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม เป็นกรรมกำร
(๔) กรรมกำร จ ำนวน ๓ คน คัดเลือกและแต่งตั้งโดย ก.ศ. จำกข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม
๒
ซึ่งด ำรงต ำแหน่งในส ำนักอ ำนวยกำรประจ ำศำลฎีกำหรือส ำนักอ ำนวยกำรประจ ำศำลชั้นอุทธรณ์
๑ ข้อ ๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยคณะกรรมกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๕๙
๒ ข้อ ๕ (๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยคณะกรรมกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๕)
พ.ศ. ๒๕๖๒
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๕๓
จ ำนวน ๑ คน ส ำนักอ ำนวยกำรหรือส ำนักงำนประจ ำศำลชั้นต้น หรือส ำนักศำลยุติธรรมประจ ำภำค
ิ
จ ำนวน ๑ คน และส ำนักอ ำนวยกำรประจ ำศำลช ำนัญพเศษหรือส ำนักอ ำนวยกำรหรือส ำนักงำน
ประจ ำศำลพิเศษอื่น จ ำนวน ๑ คน
(๕) กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ จ ำนวน ๔ คน ซึ่งคัดเลือกและแต่งตั้งโดย ก.บ.ศ.
จำกข้ำรำชกำรตุลำกำรซึ่งด ำรงต ำแหน่งในแต่ละชั้นศำล ชั้นศำลละ ๑ คน และบุคคลที่มีควำมเชี่ยวชำญ
ทำงด้ำนกำรบริหำรงำนบุคคล กำรพฒนำองค์กร กำรบริหำรและกำรจัดกำร หรือด้ำนอื่นใดที่ ก.บ.ศ.
ั
เห็นสมควร ซึ่งอำจเป็นหรือไม่เป็นข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมก็ได้ จ ำนวน ๑ คน
ั
(๖) ผู้อ ำนวยกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม เป็นกรรมกำร
และเลขำนุกำร
ั
เลขำธิกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมอำจแต่งตั้งข้ำรำชกำร
ศำลยุติธรรมในสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมเป็นผู้ช่วยเลขำนุกำรได้ตำมจ ำนวน
ั
ที่เห็นสมควร
ข้อ ๖ กรรมกำรตำมข้อ ๕ (๔) และกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิตำมข้อ ๕ (๕)
มีวำระอยู่ในต ำแหน่งครำวละสองปี แต่ถ้ำกรรมกำรที่ระบุพนจำกต ำแหน่งก่อนครบวำระ และวำระ
้
กำรอยู่ในต ำแหน่งที่ว่ำงลงนั้นเหลือตั้งแต่หกเดือนขึ้นไป ให้ด ำเนินกำรคัดเลือกและแต่งตั้งกรรมกำรแทน
ต ำแหน่งที่ว่ำง และให้ผู้ได้รับกำรแต่งตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งแทนอยู่ในต ำแหน่งเท่ำกับวำระที่เหลืออยู่
ของกรรมกำรซึ่งได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว
ในกรณีที่วำระกำรอยู่ในต ำแหน่งที่ว่ำงลงนั้นเหลือน้อยกว่ำหกเดือนจะไม่คัดเลือก
และแต่งตั้งกรรมกำรแทนต ำแหน่งที่ว่ำงก็ได้
้
กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพนจำกต ำแหน่งตำมวรรคหนึ่ง อำจได้รับแต่งตั้งอีกได้
ทั้งนี้กรรมกำรดังกล่ำวจะได้รับกำรแต่งตั้งสองครำวติดต่อกันไม่ได้
้
ข้อ ๗ นอกจำกพนจำกต ำแหน่งตำมวำระตำมข้อ ๖ กรรมกำรตำมข้อ ๕ (๔)
และกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิตำมข้อ ๕ (๕) พ้นจำกต ำแหน่งเมื่อ
(๑) ตำย
(๒) ลำออก
(๓) เป็นบุคคลล้มละลำย
(๔) เป็นคนไร้ควำมสำมำรถ หรือเสมือนไร้ควำมสำมำรถ
(๕) ได้รับโทษจ ำคุกโดยค ำพิพำกษำถึงที่สุด เว้นแต่เป็นโทษส ำหรับควำมผิดที่ได้กระท ำ
โดยประมำทหรือควำมผิดลหุโทษ
(๖) มิได้ด ำรงต ำแหน่งตำมที่ระบุในข้อ ๕ (๔) และ (๕) หลังจำกได้รับกำรคัดเลือกและแต่งตั้ง
๘๕๔ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ั
ข้อ ๘ คณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตรและแผนกำรพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม
ั
มีอ ำนำจและหน้ำที่พฒนำหลักสูตรและแผนกำรพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมให้สอดคล้องกับ
ั
แผนยุทธศำสตร์ศำลยุติธรรม ควบคุมดูแลให้กำรอบรมหลักสูตรต่ำง ๆ ท้ำยระเบียบนี้ด ำเนินไป
ด้วยควำมเรียบร้อยตรงตำมวัตถุประสงค์ ประเมินผลกำรอบรมในภำพรวม รวมทั้งเสนอแนวทำง
ั
ั
ต่อ ก.บ.ศ. เพอกำรพฒนำหลักสูตรกำรอบรมและกำรพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมให้มีประสิทธิภำพ
ื่
และเป็นประโยชน์กับงำนสนับสนุนภำรกิจของศำลยุติธรรมมำกยิ่งขึ้น
ข้อ ๙ ให้มีคณะกรรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม
ั
ประจ ำหลักสูตรตำมที่เห็นสมควร ประกอบด้วยกรรมกำรไม่น้อยกว่ำ ๓ คน แต่ไม่เกิน ๕ คน ซึ่ง ก.บ.ศ.
คัดเลือกและแต่งตั้งจำกข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม โดยมีวำระกำรด ำรงต ำแหน่ง จนเสร็จสิ้น
กำรปฏิบัติหน้ำที่ตำมข้อ ๑๐ (๓) ให้กรรมกำรผู้มีอำวุโสสูงสุดเป็นประธำนกรรมกำร และกรรมกำร
ผู้มีอำวุโสน้อยสุดเป็นเลขำนุกำร และเลขำนุกำรคณะกรรมกำรอำจเลือกข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมในสังกัด
สถำบันพัฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมเป็นผู้ช่วยเลขำนุกำรได้ตำมจ ำนวนที่เห็นสมควร
ข้อ ๑๐ คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมมีอ ำนำจ
ั
หน้ำที่ ดังต่อไปนี้
(๑) ดูแลกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมให้ด ำเนินไปตำมเป้ำหมำย
ั
อย่ำงมีประสิทธิภำพ
(๒) ก ำหนดวิทยำกรส ำหรับกำรอบรมและพฒนำตำมหลักสูตรท้ำยระเบียบ
ั
ิ่
รวมทั้งเพมเติม งด หรือเปลี่ยนแปลงหัวข้อวิชำกำรอบรม ระยะเวลำในหัวข้อวิชำได้ตำมควำมจ ำเป็น
แล้วรำยงำนให้คณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตรและแผนกำรพัฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมทรำบ
(๓) ประเมินผลกำรอบรมหลักสูตร เสนอแนะต่อคณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตรและ
แผนกำรพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมเพอกำรพฒนำแต่ละหลักสูตร สรุปผลกำรอบรมและรำยงำน
ั
ั
ื่
พร้อมแจ้งควำมเห็นไปยังเลขำธิกำรส ำนักงำนศำลยุติธรรม เพื่อน ำเสนอ ก.บ.ศ. และ ก.ศ. พิจำรณำต่อไป
๓ ข้อ ๑๑ หลักสูตรที่ไม่มีคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำร
ั
ั
ศำลยุติธรรมประจ ำหลักสูตร ให้เลขำธิกำรสถำบันพฒนำข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม มีอ ำนำจ
หน้ำที่ตำมข้อ ๑๐ เพื่ออ ำนวยกำรอบรมหลักสูตรดังกล่ำว
ั
ข้อ ๑ ๒ กำรประชุมคณะกรรมกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม
ต้องมีกรรมกำรมำประชุมไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของจ ำนวนกรรมกำรทั้งหมด จึงจะครบองค์ประชุม
๓ ข้อ ๑๑ แก้ไขเพิ่มเตมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยคณะกรรมกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๔)
ิ
พ.ศ. ๒๕๕๙
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๕๕
ในกำรประชุมของคณะกรรมกำร หำกประธำนไม่มำหรือไม่อำจปฏิบัติหน้ำที่ได้
ให้ที่ประชุมเลือกกรรมกำรคนหนึ่งเป็นประธำนที่ประชุม
กำรวินิจฉัยขี้ขำดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้ำงมำก
กรรมกำรคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในกำรลงคะแนน ถ้ำคะแนนเสียงเท่ำกัน ให้ประธำน
ออกเสียงเพิ่มขึ้นหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขำด
ื่
ข้อ ๑๓ เพอประโยชน์ในกำรอบรมและพฒนำหลักสูตร คณะกรรมกำรก ำกับหลักสูตร
ั
ั
ั
และแผนกำรพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมอำจเชิญคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมและพฒนำ
ข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมเข้ำร่วมประชุมได้ตำมที่เห็นสมควร
ั
๔ ข้อ ๑๔ ให้คณะกรรมกำรอบรมและพฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมได้รับเบี้ยประชุม
ตำมบัญชี ๓ แนบท้ำยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยเบี้ยประชุมกรรมกำร
อนุกรรมกำร และค่ำตอบแทนบุคคลหรือคณะบุคคล
ข้อ ๑๕ ให้เลขำธิกำรส ำนักงำนศำลยุติธรรมรักษำกำรตำมระเบียบนี้
ประกำศ ณ วันที่ ๑๖ พฤศจิกำยน พ.ศ. ๒๕๔๙
(ลงชื่อ) ปัญญำ ถนอมรอด
(นำยปัญญำ ถนอมรอด)
ประธำนกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
๔ ข้อ ๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยคณะกรรมกำรอบรมและพัฒนำข้ำรำชกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๙
๘๕๖ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ว่ำด้วยหลักเกณฑ์กำรเดินทำงไปดูงำน และฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ
ของข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม
พ.ศ. ๒๕๕๗
โดยที่เป็นกำรสมควรให้มีระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรมว่ำด้วยหลักเกณฑ ์
กำรเดินทำงไปดูงำน และฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ ของข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม
เพื่อให้กำรใช้งบประมำณเป็นประโยชน์แก่รำชกำร
อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๗ (๑) แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำร
ศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) จึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่ำ “ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ ์
กำรเดินทำงไปดูงำน และฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ ของข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๗”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกำศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดำระเบียบ ข้อบังคับ หรือค ำสั่งอื่นใดในส่วนที่มีก ำหนดไว้ในระเบียบนี้
หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ข้อ ๔ ในระเบียบนี้
“ปี” หมำยควำมว่ำ ปีงบประมำณ
“ข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม” หมำยควำมว่ำ ข้ำรำชกำรตุลำกำรและข้ำรำชกำร
ศำลยุติธรรม ตำมพระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม ซึ่งเลขำธิกำรส ำนักงำน
ศำลยุติธรรมมีอ ำนำจอนุมัติให้เดินทำงไปรำชกำรต่ำงประเทศ
ิ่
ู
“ดูงำน” หมำยควำมว่ำ กำรเพมพนควำมรู้หรือประสบกำรณ์ด้วยกำรสังเกตกำรณ์
และกำรแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นในต่ำงประเทศ โดยงบประมำณส ำนักงำนศำลยุติธรรมทั้งหมดหรือ
บำงส่วน กำรเดินทำงไปดูงำนโดยหลักสูตรที่ก ำกับดูแลโดยส ำนักงำนศำลยุติธรรม และกำรเดินทำง
ไปดูงำนที่ได้รับกำรสนับสนุนงบประมำณจำกภำยนอก
ู
ิ่
“ฝึกอบรม” หมำยควำมว่ำ กำรเพมพนควำมรู้ ควำมช ำนำญ หรือประสบกำรณ์
ด้วยกำรเรียนตำมหลักสูตรของกำรฝึกอบรมที่จัดขึ้นในต่ำงประเทศ โดยงบประมำณส ำนักงำน
ศำลยุติธรรม และกำรเดินทำงไปฝึกอบรมที่ได้รับกำรสนับสนุนงบประมำณจำกภำยนอก
ข้อ ๕ ให้เลขำธิกำรส ำนักงำนศำลยุติธรรมรักษำกำรตำมระเบียบนี้
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๕๗
หมวด ๑
กำรดูงำน ณ ต่ำงประเทศ
ข้อ ๖ กำรพิจำรณำก ำหนดกำรดูงำน ณ ต่ำงประเทศ ให้ค ำนึงถึงหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(๑) ควำมสอดคล้องกับแผนยุทธศำสตร์ในกำรพฒนำศำลยุติธรรม และนโยบำย
ั
ประธำนศำลฎีกำ และเป็นประโยชน์ต่อรำชกำรมำกที่สุดเป็นล ำดับแรก
(๒) สถำนที่ที่ไปดูงำนในต่ำงประเทศไม่ควรซ้ ำกับสถำนที่ที่ส ำนักงำนศำลยุติธรรม
เคยส่งบุคคลหรือคณะบุคคลไปดูงำนมำแล้วในปีงบประมำณที่ผ่ำนมำ
(๓) กำรประสำนสถำนที่ดูงำน ณ ต่ำงประเทศ ให้หน่วยงำนแจ้งควำมประสงค์
มำยังส ำนักงำนศำลยุติธรรม ไม่น้อยกว่ำ ๖ สัปดำห์ ก่อนวันเดินทำง เพอขอควำมอนุเครำะห์
ื่
จำกกระทรวงกำรต่ำงประเทศในกำรติดต่อสถำนที่ดูงำน หรือเป็นไปตำมที่กระทรวงกำรต่ำงประเทศ
ก ำหนด
หมวด ๒
กำรฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ
ข้อ ๗ ข้ำรำชกำรตุลำกำรผู้ใดไปฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) เป็นข้ำรำชกำรตุลำกำรตั้งแต่ต ำแหน่งผู้พิพำกษำศำลชั้นต้นขึ้นไป
(๒) ไม่อยู่ระหว่ำงกำรรับทุนไปศึกษำหรือฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศจำกแหล่งทุนอื่นใด
๑ (๓) กรณีเคยได้รับทุนไปศึกษำ และฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ รวมถึงกรณีที่ได้รับ
กำรคัดเลือกให้ไปฝึกอบรมในระบบโควตำ จะต้องกลับมำปฏิบัติรำชกำรแล้วไม่น้อยกว่ำ ๑ ปี นับถึง
วันปิดรับสมัคร เว้นแต่กำรได้รับทุนไปศึกษำ และฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ ที่มีระยะเวลำไม่เกิน
๑ สัปดำห์ หรือประธำนศำลฎีกำเห็นว่ำ กรณีมีเหตุจ ำเป็นอย่ำงยิ่งเพื่อประโยชน์ของรำชกำรศำลยุติธรรม
้
(๔) เป็นผู้ที่ไม่อยู่ในระหว่ำงถูกตั้งกรรมกำรสอบสวนทำงวินัย หรือถูกฟองคดีอำญำ
้
เว้นแต่กรณีถูกฟองคดีอำญำในควำมผิดที่ไม่อยู่ในข่ำยต้องรอกำรเลื่อนเงินเดือนตำมระเบียบ ก.ต.
ว่ำด้วยกำรเลื่อนเงินเดือน
(๕) เป็นผู้ที่มีสุขภำพอนำมัยดีพอที่จะไปฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศได้
(๖) กรณีอื่น ๆ ให้เป็นไปตำมที่ส ำนักงำนศำลยุติธรรมก ำหนด
๑ ข้อ ๗ (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์กำรเดินทำงไปดูงำน และฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ
ของข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑
๘๕๘ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ข้อ ๘ ข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมผู้ใดไปฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(๑) เป็นข้ำรำชกำรศำลยุติธรรมซึ่งมีระยะเวลำรับรำชกำรไม่น้อยกว่ำ ๒ ปี
(๒) ไม่อยู่ในระหว่ำงกำรรับทุนไปศึกษำหรือฝึกอบรมต่อต่ำงประเทศจำกแหล่งทุนอื่นใด
๒
(๓) กรณีเคยได้รับทุนไปศึกษำ และฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ จะต้องกลับมำ
ปฏิบัติรำชกำรแล้วไม่น้อยกว่ำ ๑ ปี นับถึงวันปิดรับสมัคร เว้นแต่กำรได้รับทุนไปศึกษำ และฝึกอบรม ณ
ต่ำงประเทศ ที่มีระยะเวลำไม่เกิน ๑ สัปดำห์ หรือประธำนศำลฎีกำเห็นว่ำ กรณีมีเหตุจ ำเป็น
อย่ำงยิ่งเพื่อประโยชน์ของรำชกำรศำลยุติธรรม
(๔) เป็นผู้ที่ไม่อยู่ในระหว่ำงถูกตั้งกรรมกำรสอบสวนทำงวินัย หรือถูกฟองคดีอำญำ
้
้
เว้นแต่กรณีถูกฟองคดีอำญำในควำมผิดที่ไม่อยู่ในข่ำยต้องรอกำรเลื่อนเงินเดือนตำมกฎ ก.พ.
ว่ำด้วยกำรเลื่อนเงินเดือน
(๕) เป็นผู้ที่มีสุขภำพอนำมัยดีพอที่จะไปฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศได้
(๖) กรณีอื่น ๆ ให้เป็นไปตำมที่ส ำนักงำนศำลยุติธรรมก ำหนด
ข้อ ๙ ให้ข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมซึ่งเป็นผู้รับทุนส ำนักงำนศำลยุติธรรม
ท ำสัญญำหรือข้อตกลงให้ข้ำรำชกำรที่ไปฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ ดังต่อไปนี้
(๑) ผู้มีสิทธิรับทุนต้องส่งแบบรำยงำนตัวไปยังกองกำรต่ำงประเทศ ส ำนักงำนศำลยุติธรรม
เพื่อยืนยันกำรรับทุนภำยในระยะเวลำที่ก ำหนด ซึ่งจะได้แจ้งในประกำศรำยชื่อผู้ที่มีสิทธิรับทุน มิฉะนั้น
จะถือว่ำสละสิทธิ์กำรรับทุน แต่หำกมีกำรยืนยันกำรรับทุนแล้วสละสิทธิ์ภำยหลัง ผู้ที่สละสิทธิ์
จะต้องรับผิดชอบค่ำใช้จ่ำยที่เกิดขึ้นจำกเหตุดังกล่ำว
(๒) ผู้ได้รับทุนส ำนักงำนศำลยุติธรรมไปฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ เมื่อเสร็จสิ้น
์
กำรฝึกอบรมแล้ว ผู้ได้รับทุนต้องจัดท ำบทควำมเชิงวิชำกำร หรือรำยงำนตำมหลักเกณฑ รูปแบบ
์
ิ
และภำยในระยะเวลำที่ส ำนักงำนศำลยุติธรรมก ำหนด ซึ่งมีคุณภำพสำมำรถตีพมพได้ เสนอส ำนักงำน
ศำลยุติธรรม รวมทั้งจัดท ำแบบรำยงำนติดตำมผลกำรน ำควำมรู้ที่ได้มำประยุกต์ใช้หรือพฒนำงำน
ั
ศำลยุติธรรมตำมรูปแบบที่ก ำหนด เสนอต่อส ำนักงำนศำลยุติธรรม ภำยในระยะเวลำ ๑ ปี มิฉะนั้น
จะถือว่ำขำดคุณสมบัติในกำรสมัครสอบคัดเลือกเพื่อรับทุนของส ำนักงำนศำลยุติธรรม
(๓) ผู้ได้รับทุนต้องท ำสัญญำหรือข้อตกลงตำมแบบที่ส ำนักงำนศำลยุติธรรมก ำหนด
๒ ข้อ ๘ (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์กำรเดินทำงไปดูงำน และฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ
ของข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๕๙
ข้อ ๑๐ ภำยใต้บังคับของข้อ ๙ กำรเพกถอนกำรให้ทุนไปฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ
ิ
แก่ผู้ได้รับทุน หำกเข้ำกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) หลีกเลี่ยง ละเลยกำรรำยงำนตัว กำรท ำสัญญำหรือข้อตกลงตำมที่ส ำนักงำน
ศำลยุติธรรมก ำหนด
(๒) เป็นผู้มีควำมประพฤติเสื่อมเสีย หรือเป็นผู้ไม่มีควำมเหมำะสมที่จะได้รับทุน
โดยค ำนึงถึงประโยชน์ของทำงรำชกำรศำลยุติธรรมและส ำนักงำนศำลยุติธรรมเป็นส ำคัญ
(๓) ไม่ปฏิบัติตำมเงื่อนไขหรือก ำหนดกำรเดินทำงไปฝึกอบรมตำมที่ส ำนักงำนศำลยุติธรรม
ก ำหนด
(๔) หำกตรวจสอบในภำยหลัง พบว่ำขำดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง จะถูกตัดสิทธิ
ในกำรรับทุนครั้งนี้ทันที
(๕) ในกรณีมีกำรเพิกถอนทุนให้เป็นไปตำมที่ส ำนักงำนศำลยุติธรรมก ำหนด
หมวด ๓
หลักเกณฑ์กำรเดินทำงไปดูงำน และฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ
ข้อ ๑๑ ข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรมจะได้รับอนุมัติให้เดินทำงไปดูงำน
และฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ ได้เพียงไม่เกินปีละ ๒ ครั้ง เว้นแต่กรณีมีเหตุจ ำเป็นอย่ำงยิ่งเพื่อประโยชน์
ของรำชกำรศำลยุติธรรม โดยได้รับอนุมัติจำกคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรมด้วยคะแนนเสียง
ไม่น้อยกว่ำ ๒ ใน ๓ ของผู้มำประชุม ทั้งนี้ ไม่นับรวมกำรเดินทำงไปดูงำน ณ ต่ำงประเทศของข้ำรำชกำร
ฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม ซึ่งเป็นผู้เข้ำรับกำรอบรมหลักสูตรของหน่วยงำนภำยนอก
หมวด ๔
บทเฉพำะกำล
ข้อ ๑๒ ระเบียบนี้ให้มีผลใช้บังคับกับกำรเดินทำงไปดูงำน และฝึกอบรม ณ ต่ำงประเทศ
ของข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม ในปีงบประมำณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป เว้นแต่กรณีเดินทำงไป
เกินกว่ำหลักเกณฑตำมข้อ ๑๑ และกำรสมัครรับทุนฝึกอบรมของส ำนักงำนศำลยุติธรรมที่ได้ประกำศ
์
รับสมัครก่อนประกำศนี้บังคับใช้
ประกำศ ณ วันที่ ๒๗ มิถุนำยน พ.ศ. ๒๕๕๗
(ลงชื่อ) ดิเรก อิงคนินันน์
(นำยดิเรก อิงคนินันท์)
ประธำนศำลฎีกำ
ประธำนกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
๘๖๐ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ว่ำด้วยหลักเกณฑและวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรงต ำแหน่ง
์
ของผู้พิพำกษำประจ ำศำล
พ.ศ. ๒๕๔๕
อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๗ (๑) แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำร
ศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ และมำตรำ ๑๖ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำร
ศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ออกระเบียบเพอก ำหนดหลักเกณฑ ์
ื่
และวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรงต ำแหน่งของผู้พิพำกษำประจ ำศำลไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่ำ “ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์
และวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรงต ำแหน่งของผู้พิพำกษำประจ ำศำล พ.ศ. ๒๕๔๕”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกำศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
“คณะกรรมกำร” หมำยถึง คณะกรรมกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรง
ต ำแหน่งของผู้พิพำกษำประจ ำศำล
“กรรมกำร” หมำยถึง กรรมกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรงต ำแหน่ง
ของผู้พิพำกษำประจ ำศำล
ข้อ ๔ ให้ประธำนศำลฎีกำรักษำกำรตำมระเบียบนี้
หมวด ๑
บททั่วไป
ข้อ ๕ กำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรงต ำแหน่งของผู้พิพำกษำประจ ำศำล
มี ๒ ลักษณะ คือ
(๑) ประเมินกำรปฏิบัติงำน จริยธรรม และคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้พพำกษำ
ิ
๑
ประจ ำศำล โดยรองประธำนศำลฎีกำ รองประธำนศำลอุทธรณ์ รองประธำนศำลอุทธรณ์ภำค
ิ
รองประธำนศำลอุทธรณ์คดีช ำนัญพิเศษ ที่ได้รับมอบหมำย อธิบดีผู้พิพำกษำ หรือผู้พพำกษำหัวหน้ำศำล
ิ
แห่งศำลที่ผู้พพำกษำประจ ำศำลปฏิบัติหน้ำที่ในขณะนั้น หรือผู้พพำกษำที่ได้รับมอบหมำยจำกบุคคล
ิ
ดังกล่ำว
๑ ข้อ ๕ (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำง
กำรด ำรงต ำแหน่งผู้พิพำกษำประจ ำศำล (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๖๑
(๒) ประเมินกำรปฏิบัติงำนจำกกำรตรวจส ำนวนคดีที่อยู่ในควำมรับผิดชอบของ
ิ
ิ
ผู้พพำกษำประจ ำศำลตำมจ ำนวนที่คณะกรรมกำรเห็นสมควร โดยผู้พพำกษำที่ไดรับมอบหมำย
จำกคณะกรรมกำรซึ่งมิใช่กรรมกำรและบุคคลตำม (๑)
ิ
๒ ข้อ ๖ ผู้พพำกษำประจ ำศำลจะต้องได้รับกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำง
กำรด ำรงต ำแหน่งผู้พิพำกษำประจ ำศำล ปีละ ๒ ครั้ง
ั
ื่
ิ
๓ ส ำหรับกำรประเมินครั้งแรกให้กระท ำเพอแก้ไข ปรับปรุง และพฒนำผู้พพำกษำ
ประจ ำศำลโดยมิต้องด ำเนินกำรตำมข้อ ๘ (๕)
ิ
๔ ส ำหรับผู้พพำกษำประจ ำศำลที่ปฏิบัติรำชกำรในศำลฎีกำ ศำลอุทธรณ์ ศำลอุทธรณ์ภำค
ิ
หรือศำลอุทธรณ์คดีช ำนัญพเศษ ให้ใช้แบบประเมินของศำลฎีกำ ศำลอุทธรณ์ ศำลอุทธรณ์ภำค
หรือศำลอุทธรณ์คดีช ำนัญพิเศษ ท้ำยระเบียบนี้
หมวด ๒
คณะกรรมกำรประเมินควำมเหมำะสม
ในระหว่ำงกำรด ำรงต ำแหน่งของผู้พิพำกษำประจ ำศำล
ข้อ ๗ ให้มีคณะกรรมกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรงต ำแหน่ง
ของผู้พพำกษำประจ ำศำลแต่ละรุ่นคณะหนึ่ง จ ำนวนไม่น้อยกว่ำ ๗ คน แต่ไม่เกิน ๑๕ คน โดย ก.บ.ศ.
ิ
คัดเลือกจำกข้ำรำชกำรตุลำกำรที่มีประสบกำรณ์กำรท ำงำนในหน้ำที่ทำงตุลำกำรมำแล้ว
ไม่น้อยกว่ำสิบห้ำปี
ห้ำมมิให้แต่งตั้งกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม กรรมกำรตุลำกำร และอนุกรรมกำร
ตุลำกำรประจ ำชั้นศำลเป็นกรรมกำร
ให้มีประธำนคณะกรรมกำร ๑ คน โดยให้กรรมกำรคัดเลือกกันเอง และให้ผู้อ ำนวยกำร
ส ำนักคณะกรรมกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมเป็นเลขำนุกำร
ให้ผู้อ ำนวยกำรส ำนักคณะกรรมกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมแต่งตั้งข้ำรำชกำร
ในส ำนักคณะกรรมกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมเป็นผู้ช่วยเลขำนุกำร จ ำนวนไม่เกิน ๒ คน
๒ ข้อ ๖ วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำง
กำรด ำรงต ำแหน่งผู้พิพำกษำประจ ำศำล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗
๓ ข้อ ๖ วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำง
กำรด ำรงต ำแหน่งผู้พิพำกษำประจ ำศำล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗
๔ ข้อ ๖ วรรคสำม แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำง
กำรด ำรงต ำแหน่งผู้พิพำกษำประจ ำศำล (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐
๘๖๒ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ข้อ ๘ คณะกรรมกำรมีอ ำนำจหน้ำที่ดังต่อไปนี้
ิ
(๑) ประเมินผู้พพำกษำประจ ำศำลว่ำมีควำมเหมำะสมที่จะด ำรงต ำแหน่งต่อไปหรือไม่
โดยให้พิจำรณำจำก
๕ (ก) กำรประเมินกำรปฏิบัติงำน จริยธรรม และคุณลักษณะส่วนบุคคล
ตำม ข้อ ๕ (๑) ควำมเห็นของผู้ประเมิน ควำมเห็นของรองประธำนศำลฎีกำ รองประธำนศำลอุทธรณ์
ิ
รองประธำนศำลอุทธรณ์ภำค รองประธำนศำลอุทธรณ์คดีช ำนัญพเศษ ที่ได้รับมอบหมำย ควำมเห็นของ
ิ
ิ
รองอธิบดีผู้พพำกษำและอธิบดีผู้พพำกษำ หรือควำมเห็นของผู้พพำกษำหัวหน้ำศำลและอธิบดี
ิ
ผู้พิพำกษำภำค
(ข) กำรประเมินกำรปฏิบัติงำนจำกกำรตรวจส ำนวนคดีตำมข้อ ๕ (๒)
และควำมเห็นของผู้ประเมิน
(ค) ข้อเท็จจริงที่ปรำกฏแก่คณะกรรมกำรโดยทำงอื่น
ให้คณะกรรมกำรสรุปผลกำรประเมินและท ำควำมเห็นในแบบสรุปผลกำรประเมิน
และควำมเห็นของคณะกรรมกำรท้ำยระเบียบนี้
ิ
ื่
(๒) เรียกบุคคลใดมำให้ถ้อยค ำหรือส่งเอกสำรเพอประกอบกำรพจำรณำ
ได้ตำมควำมเหมำะสม
(๓) จัดให้มีกำรทดสอบ สัมภำษณ์ หรือด ำเนินกำรใด ๆ เพื่อประโยชน์ในกำรประเมิน
(๔) แต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อด ำเนินกำรใด ๆ ตำมแต่จะมอบหมำย
(๕) เสนอผลกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรงต ำแหน่งของผู้พพำกษำ
ิ
ื่
ประจ ำศำลต่อเลขำนุกำร ก.บ.ศ. เพอเสนอ ก.บ.ศ. ด ำเนินกำรต่อไปโดยเร็ว โดยให้มีอ ำนำจ
เสนอควำมเห็นในกำรจัดล ำดับอำวุโสเสียใหม่ตำมควำมเหมำะสม
ั
ื่
(๖) เสนอควำมเห็นต่อเลขำธิกำรส ำนักงำนศำลยุติธรรมเพอจัดให้มีกำรพฒนำควำมรู้
ทักษะ และทัศนคติของผู้พิพำกษำประจ ำศำลเพิ่มเติมในเรื่องที่คณะกรรมกำรเห็นสมควร
ื่
(๗) เสนอควำมเห็นต่อ ก.บ.ศ. เพอปรับปรุงแก้ไขกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ ์
ที่เกี่ยวข้อง กับกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรงต ำแหน่งของผู้พิพำกษำประจ ำศำล
๕ ข้อ ๘ (๑)(ก) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำง
กำรด ำรงต ำแหน่งผู้พิพำกษำประจ ำศำล (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๖๓
หมวด ๓
หลักเกณฑ์กำรประเมินควำมเหมำะสม
ในระหว่ำงกำรด ำรงต ำแหน่งของผู้พิพำกษำประจ ำศำล
ข้อ ๙ เมื่อคณะกรรมกำรเห็นสมควรให้ด ำเนินกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำง
กำรด ำรงต ำแหน่งของผู้พิพำกษำประจ ำศำล ให้คณะกรรมกำรด ำเนินกำรดังนี้
๖ (๑) แจ้งรองประธำนศำลฎีกำ รองประธำนศำลอุทธรณ์ รองประธำนศำลอุทธรณ์ภำค
รองประธำนศำลอุทธรณ์คดีช ำนัญพิเศษ ที่ได้รับมอบหมำย อธิบดีผู้พิพำกษำ หรือผู้พิพำกษำหัวหน้ำศำล
ิ
แห่งศำลที่ผู้พพำกษำประจ ำศำลปฏิบัติหน้ำที่ในขณะนั้น เพอให้เป็นผู้ประเมินกำรปฏิบัติงำน จริยธรรม
ื่
ิ
และคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้พพำกษำประจ ำศำล หรือมอบหมำยให้ผู้พพำกษำในศำลนั้น
ิ
เป็นผู้ประเมินแทน
ึ
ิ
(๒) ก ำหนดจ ำนวนส ำนวนคดีที่จะพงตรวจและมอบหมำยให้ผู้พพำกษำ
คนใดคนหนึ่งหรือหลำยคนเป็นผู้ประเมินกำรปฏิบัติงำนจำกกำรตรวจสำนวนคดีที่อยู่ในควำมรับผิดชอบ
ของผู้พิพำกษำประจ ำศำล
ิ
ผู้พพำกษำที่ได้รับมอบหมำยตำม (๑) ต้องมีประสบกำรณ์กำรท ำงำนในหน้ำที่ทำงตุลำกำร
มำแล้วไม่น้อยกว่ำแปดปี และตำม (๒) ต้องมีประสบกำรณ์กำรท ำงำนในหน้ำที่ทำงตุลำกำรมำแล้ว
ไม่น้อยกว่ำสิบปี
ข้อ ๑๐ ให้ผู้ประเมินตำมข้อ ๙ (๑) ด ำเนินกำรประเมินกำรปฏิบัติงำน จริยธรรม
และคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้พพำกษำประจ ำศำล กรอกแบบประเมิน และท ำควำมเห็น
ิ
ในแบบประเมินภำยในเวลำที่คณะกรรมกำรก ำหนด
๗ เมื่อผู้ประเมินด ำเนินกำรตำมวรรคหนึ่งแล้ว ให้เสนอแบบประเมินต่อรองประธำน
ศำลฎีกำ รองประธำนศำลอุทธรณ์ รองประธำนศำลอุทธรณ์ภำค รองประธำนศำลอุทธรณ์คดีช ำนัญ
ิ
ิ
พเศษ ที่ได้รับมอบหมำย รองอธิบดีผู้พพำกษำและอธิบดีผู้พพำกษำ หรือผู้พพำกษำหัวหน้ำศำล
ิ
ิ
ื่
และอธิบดีผู้พพำกษำภำคตำมล ำดับแล้วแต่กรณี เพอท ำควำมเห็นในแบบประเมินต่อไป เว้นแต่ในกรณี
ิ
ที่ข้ำรำชกำรตุลำกำรต ำแหน่งดังกล่ำวข้ำงต้นเป็นผู้ประเมินเอง ไม่ต้องท ำควำมเห็นในข้อ ๔.๒
ในแบบประเมินซ้ ำอีก
์
๖ ข้อ ๙(๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑและวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรง
ต ำแหน่งผู้พิพำกษำประจ ำศำล (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐
๗ ข้อ ๑๐ วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑและวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำง
์
กำรด ำรงต ำแหน่งผู้พิพำกษำประจ ำศำล (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐
๘๖๔ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
๘ เมื่อรองประธำนศำลฎีกำ รองประธำนศำลอุทธรณ์ รองประธำนศำลอุทธรณ์ภำค
รองประธำนศำลอุทธรณ์คดีช ำนัญพิเศษ ที่ได้รับมอบหมำย อธิบดีผู้พิพำกษำ หรืออธิบดีผู้พิพำกษำภำค
ท ำควำมเห็นแล้ว ให้ส่งแบบประเมินคืนคณะกรรมกำรภำยในเวลำที่คณะกรรมกำรก ำหนด
ข้อ ๑๑ ให้ผู้ประเมินตำมข้อ ๙ (๒) ด ำเนินกำรตรวจส ำนวนคดี กรอกแบบประเมิน
และท ำควำมเห็นในแบบประเมินจำกกำรตรวจส ำนวนคดี แล้วส่งคืนคณะกรรมกำรภำยในเวลำ
ที่คณะกรรมกำรก ำหนด
ิ่
กำรด ำเนินกำรตำมวรรคก่อน ให้ผู้ประเมินมีอ ำนำจสอบถำมข้อเท็จจริงเพมเติม
จำกผู้พิพำกษำประจ ำศำลผู้รับกำรประเมินหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๑๒ กำรประเมินตำมแบบประเมินแต่ละตอน ให้ประเมินโดยกำรให้คะแนน
เป็น ๕ ระดับ คือ
ดีมำก ๕ คะแนน
ดี ๔ คะแนน
ปกติ ๓ คะแนน
ควรปรับปรุง ๒ คะแนน
ต้องปรับปรุง ๑ คะแนน
ผลกำรประเมินให้ค ำนวณเป็นคะแนนเฉลี่ยโดยใช้จ ำนวนรวมของคะแนน
ที่ได้แต่ละตอนเป็นตัวตั้ง แล้วหำรด้วยจ ำนวนข้อกำรประเมินของแต่ละตอน
ิ
๙ ข้อ ๑๓ ผู้พพำกษำประจ ำศำลที่ผ่ำนกำรประเมินควำมเหมำะสมต้องประกอบด้วย
หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(๑) กำรประเมินกำรปฏิบัติงำน จริยธรรม และคุณลักษณะส่วนบุคคล ตำมข้อ ๕ (๑)
และกำรประเมินกำรปฏิบัติงำนจำกกำรตรวจส ำนวนคดีตำมข้อ ๕ (๒) ต้องได้คะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ ๓.๐
ขึ้นไป
(๒) ควำมเห็นของผู้ประเมิน ควำมเห็นของรองประธำนศำลฎีกำ รองประธำน
ิ
ศำลอุทธรณ์ รองประธำนศำลอุทธรณ์ภำค รองประธำนศำลอุทธรณ์คดีช ำนัญพเศษ ที่ได้รับมอบหมำย
ิ
ควำมเห็นของรองอธิบดีผู้พพำกษำและอธิบดีผู้พพำกษำ หรือผู้พพำกษำหัวหน้ำศำลและอธิบดี
ิ
ิ
ผู้พิพำกษำภำค และข้อเท็จจริงที่ปรำกฏแก่คณะกรรมกำรโดยทำงอื่นไม่มีข้อเสียหำย
๘ ข้อ ๑๐ วรรคสำม แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำง
กำรด ำรงต ำแหน่งผู้พิพำกษำประจ ำศำล (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐
๙ ข้อ ๑๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรง
ต ำแหน่งผู้พิพำกษำประจ ำศำล (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๖๕
์
ิ
ในกรณีที่ผลกำรประเมินของผู้พพำกษำประจ ำศำลคนใดไม่เป็นไปตำมหลักเกณฑ
ิ่
ิ
กำรประเมินตำมวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมกำรมีอ ำนำจตรวจสอบข้อเท็จจริงเพมเติม และให้เป็นดุลพนิจ
ของคณะกรรมกำรที่จะพจำรณำว่ำผู้พพำกษำประจ ำศำลผู้นั้นสมควรผ่ำนกำรประเมินหรือไม่
ิ
ิ
หำกเห็นสมควรให้ผ่ำนกำรประเมิน ให้แสดงเหตุผลโดยละเอียดในแบบสรุปผลกำรประเมิน
และควำมเห็นของคณะกรรมกำรประเมินในช่องควำมเห็นเพิ่มเติม
ให้คณะกรรมกำรแจ้งผลกำรประเมินให้รองประธำนศำลฎีกำ รองประธำนศำลอุทธรณ์
ิ
รองประธำนศำลอุทธรณ์ภำค รองประธำนศำลอุทธรณ์คดีช ำนัญพเศษ ที่ได้รับมอบหมำย
ิ
ิ
ิ
อธิบดีผู้พพำกษำ อธิบดีผู้พพำกษำภำค หรือผู้พพำกษำหัวหน้ำศำล และผู้พพำกษำประจ ำศำลทรำบ
ิ
เป็นรำยบุคคลทุกครั้ง
ข้อ ๑๔ ให้คณะกรรมกำรเสนอควำมเห็นต่อ ก.บ.ศ. พร้อมข้อมูลที่ได้จำกกำรประเมิน
ทั้งหมด หำกปรำกฏว่ำผู้พิพำกษำประจ ำศำลผ่ำนกำรประเมินตำมหลักเกณฑ์ในข้อ ๑๓ ให้คณะกรรมกำร
เสนอควำมเห็นต่อ ก.บ.ศ. ว่ำผู้พิพำกษำประจ ำศำลนั้นมีควำมเหมำะสมที่จะด ำรงต ำแหน่งต่อไปในล ำดับ
์
อำวุโสเดิมหรือล ำดับอำวุโสใหม่ แต่หำกผู้พิพำกษำประจ ำศำลไม่ผ่ำนกำรประเมินตำมหลักเกณฑดังกล่ำว
ให้คณะกรรมกำรเสนอควำมเห็นต่อ ก.บ.ศ. เพอให้ ก.บ.ศ. ด ำเนินกำรตำมพระรำชบัญญัติระเบียบ
ื่
ข้ำรำชกำรฝ่ำยตุลำกำรศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ มำตรำ ๑๖ วรรคสอง ต่อไป
ิ
๑๐ ข้อ ๑๕ กรณีที่ ก.บ.ศ. มีมติให้ผู้พพำกษำประจ ำศำลคนใดไม่สมควรผ่ำนกำรประเมิน
โดยผู้พิพำกษำประจ ำศำลดังกล่ำวนั้นมิใช่เป็นบุคคลที่ไม่เหมำะสมจะด ำรงต ำแหน่งผู้พพำกษำประจ ำศำล
ิ
ต่อไป ก็ให้ด ำเนินกำรตำมข้อ ๖ อีกครั้งหนึ่ง กำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรงต ำแหน่ง
ผู้พิพำกษำประจ ำศำลครั้งนี้ให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์และระยะเวลำที่ ก.บ.ศ. ก ำหนดแต่ไม่เกิน ๖ เดือน
ประกำศ ณ วันที่ ๑๑ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๕๔๕
(ลงชื่อ) สันติ ทักรำล
(นำยสันติ ทักรำล)
ประธำนกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
๑๐ ข้อ ๑๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรประเมินควำมเหมำะสมในระหว่ำงกำรด ำรง
ต ำแหน่งผู้พิพำกษำประจ ำศำล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗
๘๖๖ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
์
ว่ำด้วยหลักเกณฑและวิธีกำรอบรมควำมรู้ผู้พิพำกษำสมทบในศำลแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๕๐
โดยที่เป็นกำรสมควรให้มีระเบียบว่ำด้วยหลักเกณฑและวิธีกำรอบรมควำมรู้ผู้พพำกษำ
์
ิ
สมทบในศำลแรงงำน
อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๔/๒ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำน
ิ
และวิธีพจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพมเติมโดยพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำน
ิ่
ิ
และวิธีพจำรณำคดีแรงงำน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม (ก.บ.ศ.)
ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่ำ “ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ ์
และวิธีกำรอบรมควำมรู้ผู้พิพำกษำสมทบในศำลแรงงำน พ.ศ. ๒๕๕๐”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกำศเป็นต้นไป
37 ข้อ ๓ ให้ศำลแรงงำนกลำงหรือศำลแรงงำนภำคด ำเนินกำรจัดอบรมให้ควำมรู้
แก่ผู้พพำกษำสมทบที่จะเข้ำรับต ำแหน่งในศำลแรงงำนกลำงหรือศำลแรงงำนภำคนั้น แล้วแต่กรณี
ิ
ตำมหลักสูตรที่ส ำนักงำนศำลยุติธรรมก ำหนดโดยควำมเห็นชอบของประธำนศำลฎีกำ
ิ
ข้อ ๔ ให้มีคณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมควำมรู้ผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำนกลำง
และศำลแรงงำนภำค ประกอบด้วย
(๑) อธิบดีผู้พพำกษำศำลแรงงำนกลำงหรืออธิบดีผู้พพำกษำศำลแรงงำนภำค
ิ
ิ
ที่ผู้พิพำกษำสมทบจะเข้ำสังกัด เป็นประธำนกรรมกำร
(๒) กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกินสำมคน ซึ่งคัดเลือกและแต่งตั้งโดยอธิบดีผู้พพำกษำ
ิ
ศำลแรงงำนกลำงหรืออธิบดีผู้พิพำกษำศำลแรงงำนภำคในภำคที่ผู้พิพำกษำสมทบจะเข้ำรับต ำแหน่ง
ิ
(๓) เลขำนุกำรศำลแรงงำนกลำงหรือเลขำนุกำรศำลแรงงำนภำคในภำคที่ผู้พพำกษำ
สมทบจะเข้ำรับต ำแหน่ง เป็นกรรมกำรและเลขำนุกำร
(๔) ผู้อ ำนวยกำรส ำนักอ ำนวยกำรประจ ำศำลแรงงำนกลำงหรือผู้อ ำนวยกำรส ำนักงำน
ประจ ำศำลแรงงำนภำคในภำคที่ผู้พิพำกษำสมทบจะเข้ำรับต ำแหน่ง เป็นกรรมกำรและผู้ช่วยเลขำนุกำร
37 ข้อ ๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรอบรมควำมรู้ผู้พิพำกษำสมทบในศำลแรงงำน
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๖๗
ิ
ข้อ ๕ คณะกรรมกำรอ ำนวยกำรอบรมควำมรู้ผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำนกลำง
และศำลแรงงำนภำคมีอ ำนำจหน้ำที่ ดังต่อไปนี้
ิ
(๑) ควบคุมดูแลกำรอบรมหลักสูตรผู้พพำกษำสมทบให้เป็นไปด้วยควำมเรียบร้อย
และมีประสิทธิภำพ
(๒) ก ำหนดวัน เวลำ สถำนที่อบรม และก ำหนดวิทยำกรในกำรอบรมควำมรู้
(๓) แก้ไข เพมเติม หรือเปลี่ยนแปลงหัวข้อวิชำกำรอบรมหรือเวลำในหัวข้อวิชำกำร
ิ่
อบรมได้ตำมควำมจ ำเป็น
(๔) ประเมินผลกำรอบรมตำมเงื่อนไขกำรอบรมในหลักสูตร แล้วสรุปผลกำรอบรม
38
และรำยงำนพร้อมแจ้งควำมเห็นไปยังเลขำธิกำรส ำนักงำนศำลยุติธรรม เพอน ำเสนอคณะกรรมกำร
ื่
บริหำรศำลยุติธรรมและคณะกรรมกำรตุลำกำรศำลยุติธรรมทรำบต่อไป
(๕) แต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อด ำเนินกำรใด ๆ ตำมแต่จะมอบหมำย
ข้อ ๖ กำรเข้ำรับกำรอบรมต้องมีเวลำเข้ำรับกำรอบรมครบตำมหลักสูตร
ิ
เว้นแต่ อธิบดีผู้พพำกษำศำลแรงงำนกลำงหรืออธิบดีผู้พพำกษำศำลแรงงำนภำคที่ผู้พพำกษำสมทบ
ิ
ิ
ิ
จะเข้ำสังกัด แล้วแต่กรณี อำจพจำรณำอนุญำตให้ผู้พิพำกษำสมทบลำกำรอบรมควำมรู้ได้ตำมควำมจ ำเป็น
โดยก ำหนดเงื่อนไขใด ๆ เพื่อทดสอบควำมรู้ผู้พิพำกษำสมทบตำมที่เห็นสมควรด้วยก็ได้
ข้อ ๗ ในระหว่ำงที่ศำลแรงงำนภำคภำคใดยังไม่มีเลขำนุกำรศำลแรงงำนภำค
ให้เลขำนุกำรศำลยุติธรรมประจ ำภำคในภำคที่ผู้พพำกษำสมทบจะเข้ำรับต ำแหน่งปฏิบัติหน้ำที่
ิ
ตำมระเบียบนี้แทน
ข้อ ๘ ให้ประธำนศำลฎีกำรักษำกำรตำมระเบียบนี้
ประกำศ ณ วันที่ ๒๖ พฤศจิกำยน พ.ศ. ๒๕๕๐
(ลงชื่อ) วิรัช ลิ้มวิชัย
(นำยวิรัช ลิ้มวิชัย)
ประธำนศำลฎีกำ
ประธำนกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
38 ข้อ ๕ (๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรอบรมควำมรู้ผู้พิพำกษำสมทบในศำลแรงงำน
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗
๘๖๘ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
หลักสูตรการอบรม
ผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงาน
๑. หลักการและเหตุผล
โดยที่พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
ิ
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพจำรณำคดีแรงงำน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
ิ
มำตรำ ๑๔/๒ ก ำหนดให้ผู้ที่ได้รับกำรคัดเลือกเป็นผู้พิพำกษำสมทบในศำลแรงงำนจะต้องได้รับกำรอบรม
ควำมรู้ก่อนเข้ำรับต ำแหน่ง ในเรื่องเกี่ยวกับศำลแรงงำน อ ำนำจหน้ำที่ของผู้พพำกษำสมทบ
ิ
ิ
และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกำรด ำรงตนในฐำนะเป็นผู้พพำกษำสมทบตำมหลักเกณฑและ
์
วิธีกำรที่คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรมตำมกฎหมำยว่ำด้วยระเบียบบริหำรรำชกำรศำลยุติธรรม
ก ำหนด และข้อ ๓ ของระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑและวิธีกำรอบรม
์
ควำมรู้ผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมกำรบริหำร
ิ
ศำลยุติธรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑและวิธีกำรอบรมควำมรู้ผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำน (ฉบับที่ ๓)
์
ิ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ก ำหนดให้ศำลแรงงำนกลำงหรือศำลแรงงำนภำคด ำเนินกำรจัดอบรมให้ควำมรู้แก่
ผู้พพำกษำสมทบที่จะเข้ำรับต ำแหน่งในศำลแรงงำนกลำงหรือศำลแรงงำนภำคนั้น แล้วแต่กรณี
ิ
ตำมหลักสูตรที่ส ำนักงำนศำลยุติธรรมก ำหนดโดยควำมเห็นชอบของประธำนศำลฎีกำ
ื่
ิ
เพอให้ผู้ได้รับกำรคัดเลือกเป็นผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำนได้เข้ำรับกำรอบรม
ตำมที่กฎหมำยก ำหนด ตลอดจนมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับศำลแรงงำน อ ำนำจหน้ำที่ ระเบียบ
ที่เกี่ยวข้อง และตระหนักถึงกำรด ำรงตนในฐำนะที่เป็นผู้พพำกษำสมทบอันจะน ำไปสู่กำรปฏิบัติหน้ำที่
ิ
ด้วยควำมเที่ยงธรรม ถูกต้อง สุจริต และมีประสิทธิภำพ จึงได้จัดหลักสูตรกำรอบรม “ผู้พิพำกษำสมทบ
ในศำลแรงงำน” ขึ้น
๒. วัตถุประสงค์
หลักสูตรกำรอบรม “ผู้พิพำกษำสมทบในศำลแรงงำน” มีวัตถุประสงค์ส ำคัญ ดังนี้
๑) เพื่อให้ผู้เข้ำรับกำรอบรมได้รับกำรอบรมก่อนเข้ำรับต ำแหน่งตำมที่กฎหมำยก ำหนด
ื่
๒) เพอให้ผู้เข้ำรับกำรอบรมมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับควำมมุ่งหมำย เจตนำรมณ์
ในกำรจัดตั้งศำลแรงงำน นโยบำย ภำรกิจ และวัฒนธรรมองค์กรหรือลักษณะพเศษของศำลแรงงำน
ิ
ที่มีข้อสำระส ำคัญแตกต่ำงจำกศำลอื่นทั่วไป
๓) เพอให้ผู้เข้ำรับกำรอบรมมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในกฎหมำยแรงงำนและกฎหมำยอื่น
ื่
ที่เกี่ยวข้องกับกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีแรงงำน
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๖๙
๔) เพื่อให้ผู้เข้ำรับกำรอบรมมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในระเบียบ ข้อก ำหนด และแนวปฏิบัติ
ของศำลแรงงำนที่เกี่ยวข้องกับกำรปฏิบัติหน้ำที่
๕) เพื่อให้ผู้เข้ำรับกำรอบรมมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในบทบำท อ ำนำจหน้ำที่และตระหนัก
ถึงควำมรับผิดชอบ จริยธรรม และกำรด ำรงตนที่ถูกต้องเหมำะสม
๓. ผู้เข้ารับการอบรมตามหลักสูตร
ิ
ผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำนกลำงหรือศำลแรงงำนภำค ซึ่งจะเข้ำรับต ำแหน่งตำม
จ ำนวนที่คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรมก ำหนด
๔. วิธีด าเนินการ
กำรบรรยำย กำรศึกษำวิเครำะห์จำกกรณีศึกษำที่เกิดขึ้นจริง กำรอภิปรำย และ
แลกเปลี่ยนประสบกำรณ์ ควำมคิดเห็น หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
๕. ขอบเขตและเนื้อหาของหลักสูตร
กำรบรรยำย ประกอบด้วย ๓ หมวด ดังนี้
๑) ควำมรู้ทั่วไปเกี่ยวกับศำลแรงงำนและคดีแรงงำน
๒) กฎหมำยแรงงำนและกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับกำรปฏิบัติงำนคดีแรงงำน
๓) กำรปฏิบัติหน้ำที่และกำรด ำรงตนในต ำแหน่งผู้พิพำกษำสมทบในศำลแรงงำน
หมายเหตุ : รำยวิชำและรำยละเอียดหลักสูตรตำมเอกสำรแนบท้ำย
๖. ระยะเวลาในการอบรม
ระยะเวลำกำรอบรมตำมหลักสูตร ไม่เกินกว่ำ ๒๔ ชั่วโมง
๗. สถานที่จัดการอบรม
พิจำรณำตำมควำมเหมำะสมในกำรจัดกำรอบรมตำมหลักสูตรแต่ละครั้ง
๘. วิทยากร
ผู้ทรงคุณวุฒิจำกภำยในศำลยุติธรรมและภำยนอก
๙. งบประมาณในการด าเนินงาน
งบประมำณของส ำนักงำนศำลยุติธรรม
๑๐. การประเมินผล
๑๐.๑ กำรประเมินผลเพื่อพิจำรณำว่ำเป็นผู้ผ่ำนกำรอบรมตำมหลักสูตรมีเงื่อนไข ดังนี้
๑) ต้องมีเวลำเข้ำรับกำรอบรมครบตำมหลักสูตร
๘๗๐ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
๒) มีควำมสนใจ ให้ควำมร่วมมือ ซักถำม และแสดงควำมคิดเห็นในระหว่ำงกำรอบรม
๓) ผ่ำนกำรทดสอบควำมรู้หลังกำรอบรม
๑๐.๒ กำรประเมินผลเพื่อพิจำรณำควำมส ำเร็จในกำรจัดกำรอบรมตำมหลักสูตร
๑) โดยกำรสังเกตจำกควำมสนใจ ควำมร่วมมือ กำรซักถำม แสดงควำมคิดเห็น
และพฤติกรรมของผู้เข้ำรับกำรอบรม
ึ
๒) โดยกำรใช้แบบสอบถำมเป็นเครื่องมือวัดควำมส ำเร็จและควำมพงพอใจ
ภำยหลังเสร็จสิ้นกำรอบรม หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
๑๑. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ผู้เข้ำรับกำรอบรมมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ สำมำรถปฏิบัติหน้ำที่ และด ำรงตนในต ำแหน่ง
ผู้พิพำกษำสมทบในศำลแรงงำนได้อย่ำงถูกต้อง เหมำะสม และมีประสิทธิภำพ
๑๒. ผู้รับผิดชอบโครงการ
ิ
ศำลแรงงำนกลำงหรือศำลแรงงำนภำคที่ผู้พพำกษำสมทบจะเข้ำรับต ำแหน่ง แล้วแต่กรณี
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๗๑
รายละเอียด
หลักสูตรการอบรม
“ผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงาน”
ิ
หลักสูตรกำรอบรม “ผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำน” เป็นกำรบรรยำย ไม่เกินกว่ำ
จ ำนวน ๒๔ ชั่วโมง มีรำยละเอียด ดังนี้
วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ำรับกำรอบรมมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจถึงเจตนำรมณ์ในกำรจัดตั้ง
ศำลแรงงำน นโยบำย ควำมส ำคัญในกำรปฏิบัติงำนคดีแรงงำน คุณลักษณะพเศษของคดีแรงงำน
ิ
ที่มีควำมแตกต่ำงจำกคดีประเภทอื่น ควำมรู้เกี่ยวกับกฎหมำยแรงงำน กฎหมำยวิธีพจำรณำคดีแรงงำน
ิ
กฎหมำยอื่นที่เกี่ยวข้องและจ ำเป็นต่อกำรด ำเนินคดีแรงงำน หลักกำรส ำคัญในกำรไกล่เกลี่ยและ
ิ
ประนีประนอมข้อพพำทแรงงำน สถำนกำรณ์และปัญหำแรงงำนในปัจจุบัน ตลอดจนบทบำท อ ำนำจ
หน้ำที่ ควำมตระหนัก และควำมรับผิดชอบในกำรปฏิบัติรำชกำรในต ำแหน่งผู้พพำกษำสมทบ
ิ
ในศำลแรงงำน อันจะน ำไปสู่กำรปฏิบัติหน้ำที่และด ำรงตนในต ำแหน่งผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำน
ิ
ได้อย่ำงถูกต้อง เหมำะสมและมีประสิทธิภำพ
หมวดที่ ๑ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับศาลแรงงาน และคดีแรงงาน
(รวมระยะเวลำ ไม่เกิน ๓ ชั่วโมง)
๑) ระบบศาลไทย การจัดตั้งศาลแรงงาน และวัฒนธรรมองค์กรของศาลแรงงาน
เนื้อหา ควำมรู้ทั่วไปเกี่ยวกับระบบกำรศำลในประเทศไทย เจตนำรมณ์ในกำรจัดตั้ง
ศำลแรงงำน เขตอ ำนำจของศำลแรงงำน คุณลักษณะพเศษของศำล ตลอดจน
ิ
ปรัชญำกำรท ำงำนของบุคลำกรในศำลแรงงำน
วิธีการ บรรยำย ตัวอย่ำงกรณีศึกษำที่เกิดขึ้นจริง หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิจำกภำยในศำลยุติธรรมและภำยนอก
เวลาบรรยาย ๑.๓๐ ชั่วโมง
๒) นโยบาย ภารกิจ โครงสร้างศาลแรงงาน สถานการณ์แรงงานและปัญหาแรงงานในปัจจุบัน
เนอหา นโยบำยกำรบริหำรคดีแรงงำน โครงสร้ำงและหน่วยงำนภำยในศำลแรงงำน
ื้
ิ
ที่เกี่ยวข้องกับกำรปฏิบัติหน้ำที่ของผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำน สถำนกำรณ์
แรงงำนและปัญหำแรงงำนในปัจจุบัน แนวควำมคิดเกี่ยวกับโครงสร้ำงกำรจ้ำงงำน
สภำพกำรท ำงำน ข้อขัดแย้งระหว่ำงนำยจ้ำงกับลูกจ้ำงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และ
๘๗๒ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ั
แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนำคต แนวทำงกำรพฒนำแนวควำมคิด และหลักกำร
ส ำคัญของกฎหมำยแรงงำนในประเทศไทย
วิธีการ บรรยำย ตัวอย่ำงกรณีศึกษำที่เกิดขึ้นจริง หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิจำกภำยในศำลยุติธรรมและภำยนอก
เวลาบรรยาย ๑.๓๐ ชั่วโมง
หมวดที่ ๒ กฎหมายแรงงานและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานคดีแรงงาน
(รวมระยะเวลำ ไม่เกิน ๑๘ ชั่วโมง)
๑) กฎหมายคุ้มครองแรงงาน
เนื้อหา หลักกำรส ำคัญ แนวควำมคิด ขั้นตอน และกระบวนกำรระงับข้อพิพำทแรงงำนตำม
ิ
กฎหมำยคุ้มครองแรงงำน ประเด็นข้อพพำทส ำคัญตำมกฎหมำยคุ้มครองแรงงำน
้
ที่มำสู่ศำล เช่น กำรฟองเรียกร้องค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย ค่ำล่วงเวลำ สินจ้ำงแทนกำร
บอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำชดเชย ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม ฯลฯ รวมถึง
ข้อสังเกตและประเด็นปัญหำในกำรพิจำรณำคดีดังกล่ำว
วิธีการ บรรยำย ตัวอย่ำงกรณีศึกษำหรือคดีแรงงำนที่เกิดขึ้นจริง หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
วิทยากร วิทยำกรภำยใน
เวลาบรรยาย ๓ ชั่วโมง
๒) กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ และแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เนื้อหา หลักกำรส ำคัญ แนวควำมคิด ขั้นตอน และกระบวนกำรระงับข้อพิพำทแรงงำนตำม
ั
กฎหมำยแรงงำนสัมพนธ์และแรงงำนรัฐวิสำหกิจสัมพนธ์ ประเด็นข้อพพำทส ำคัญ
ิ
ั
ั
ั
ตำมกฎหมำยแรงงำนสัมพนธ์และแรงงำนรัฐวิสำหกิจสัมพนธ์ที่มำสู่ศำล เช่น
้
ิ
ั
กำรฟองขอให้เพกถอนค ำสั่งของคณะกรรมกำรแรงงำนสัมพนธ์ ฯลฯ รวมถึง
ข้อสังเกตและประเด็นปัญหำในกำรพิจำรณำคดีดังกล่ำว
วิธีการ บรรยำย ตัวอย่ำงกรณีศึกษำหรือคดีแรงงำนที่เกิดขึ้นจริง หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิจำกภำยในศำลยุติธรรมและภำยนอก
เวลาบรรยาย ๑.๓๐ ชั่วโมง
๓) กฎหมายเงินทดแทน และกฎหมายประกันสังคม
เนื้อหา หลักกำรส ำคัญ แนวควำมคิด หน้ำที่ของนำยจ้ำง สิทธิประโยชน์ทดแทนตำม
ิ
กฎหมำยเงินทดแทนและกฎหมำยประกันสังคม ประเด็นข้อพพำทส ำคัญตำม
้
กฎหมำยเงินทดแทน และกฎหมำยประกันสังคมที่มำสู่ศำล เช่น กำรฟองขอให้
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๗๓
เพิกถอนค ำสั่งส ำนักงำนประกันสังคม หรือคณะกรรมกำรกองทุนเงินทดแทน ฯลฯ
รวมถึงข้อสังเกตและประเด็นปัญหำในกำรพิจำรณำคดีดังกล่ำว
วิธีการ บรรยำย ตัวอย่ำงกรณีศึกษำหรือคดีแรงงำนที่เกิดขึ้นจริง หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิจำกภำยในศำลยุติธรรมและภำยนอก
เวลาบรรยาย ๓ ชั่วโมง
๔) สัญญาจ้างแรงงาน การกระท าละเมิดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างและระหว่างลูกจ้างกับลูกจ้าง
ที่เกิดจากการท างานในทางการที่จ้าง
เนื้อหา หลักกำรส ำคัญ แนวควำมคิด และสำระส ำคัญของสัญญำจ้ำงแรงงำนเปรียบเทียบกับ
สัญญำประเภทอื่นที่ใกล้เคียง เช่น สัญญำจ้ำงท ำของตัวแทน กำรรับงำนไปท ำที่บ้ำน
กำรท ำงำนในโรงเรียนเอกชนหรือสถำบันอุดมศึกษำเอกชน สิทธิและหน้ำที่ระหว่ำง
่
นำยจ้ำงและลูกจ้ำง ตำมที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมำยแพงและพำณิชย์
กำรกระท ำละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงกับลูกจ้ำง และควำมรับผิดของนำยจ้ำงและ
ลูกจ้ำง กำรกระท ำละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงที่เกิดจำกกำรท ำงำนในทำงกำร
้
ที่จ้ำง ประเด็นข้อพพำทส ำคัญตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนที่มำสู่ศำล เช่น กำรฟอง
ิ
เรียกร้องค่ำนำยหน้ำ เงินโบนัส ใบส ำคัญแสดงกำรท ำงำน ฯลฯ รวมถึงข้อสังเกตและ
ประเด็นปัญหำในกำรพิจำรณำคดีดังกล่ำว
วิธีการ บรรยำย ตัวอย่ำงกรณีศึกษำหรือคดีแรงงำนที่เกิดขึ้นจริง หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิจำกภำยในศำลยุติธรรมและภำยนอก
เวลาบรรยาย ๑.๓๐ ชั่วโมง
๕) วิธีพิจารณาคดีแรงงาน
เนื้อหา หลักกำรส ำคัญ แนวควำมคิด ขั้นตอน และกระบวนกำรพจำรณำคดีแรงงำน
ิ
เปรียบเทียบข้อเหมือน ข้อแตกต่ำงระหว่ำงกำรด ำเนินคดีแรงงำนกับคดี
ประเภทอื่น รวมตลอดถึงข้อสังเกตส ำคัญในกำรด ำเนินคดีแรงงำนตำมกฎหมำย
และข้อก ำหนดของศำลแรงงำน
วิธีการ บรรยำย ตัวอย่ำงกรณีศึกษำหรือคดีแรงงำนที่เกิดขึ้นจริง หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิจำกภำยในศำลยุติธรรมและภำยนอก
เวลาบรรยาย ๓ ชั่วโมง
๘๗๔ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
๖) การรับฟังข้อเท็จจริงและการชั่งน้ าหนักพยานหลักฐานในคดีแรงงาน
ั
์
เนื้อหา ควำมหมำย และประเภทของพยำนหลักฐำน หลักเกณฑกำรรับฟงพยำนหลักฐำน
ิ
กำรพจำรณำหรือกำรใช้เหตุผลในกำรชั่งน้ ำหนักพยำนหลักฐำน รวมถึงกำรน ำ
ประสบกำรณ์ที่มีมำปรับใช้ร่วมกับกำรพจำรณำพยำนหลักฐำนในคดีแรงงำน
ิ
เพื่อประโยชน์ในกำรร่วมพิจำรณำคดีกับผู้พิพำกษำศำลแรงงำน
วิธีการ บรรยำย ตัวอย่ำงกรณีศึกษำหรือคดีแรงงำนที่เกิดขึ้นจริง หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิจำกภำยในศำลยุติธรรมและภำยนอก
เวลาบรรยาย ๓ ชั่วโมง
๗) หลักการส าคัญ และข้อสังเกตในการไกล่เกลี่ยและการประนีประนอมข้อพิพาทแรงงาน
เนื้อหา หลักกำร แนวควำมคิด และวิธีกำรเกี่ยวกับกำรยุติข้อพพำทแรงงำนด้วยกำร
ิ
ไกล่เกลี่ยหรือกำรประนีประนอมยอมควำม ประสบกำรณ์หรือข้อเท็จจริง
ที่เกิดขึ้นในกำรน ำวิธีกำรไกล่เกลี่ยหรือประนีประนอมมำใช้ในคดีแรงงำน
ข้อสังเกตหรือข้อควรระวังในกำรไกล่เกลี่ย
วิธีการ บรรยำย ตัวอย่ำงกรณีศึกษำหรือคดีแรงงำนที่เกิดขึ้นจริง หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิจำกภำยในศำลยุติธรรมและภำยนอก
เวลาบรรยาย ๓ ชั่วโมง
หมวดที่ ๓ การปฏิบัติหน้าที่ และการด ารงตนในต าแหน่งผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงาน
(รวมระยะเวลำ ไม่เกิน ๓ ชั่วโมง)
้
๑) บทบาท อ านาจหนาที่ และความรับผิดช อ บ ในการปฏิบัติงานของผู้พพากษาสมทบ
ิ
ในศาลแรงงาน ข้อสังเกตเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงาน
เนื้อหา เน้นให้ตระหนักถึงควำมส ำคัญในบทบำท อ ำนำจหน้ำที่ และควำมรับผิดชอบในกำร
ื่
ิ
ปฏิบัติงำนในต ำแหน่งผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำน เพอให้สำมำรถปฏิบัติงำน
ในหน้ำที่ และด ำรงตนได้อย่ำงถูกต้องและเหมำะสม ข้อสังเกตที่เกิดขึ้นจำกกำร
ปฏิบัติงำนของผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำน ทั้งในส่วนงำนคดีและงำนด้ำนอื่น
ิ
ทั่วไป
วิธีการ บรรยำย ตัวอย่ำงกรณีศึกษำที่เกิดขึ้นจริง หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิจำกภำยในศำลยุติธรรมและภำยนอก
เวลาบรรยาย ๑.๓๐ ชั่วโมง
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๗๕
๒) จริยธรรมในการด ารงตน การร่วมพิจารณาและปรึกษาคดี และการวางตนของผู้พิพากษาสมทบ
ในศาลแรงงาน
ิ
เนื้อหา ประมวลจริยธรรมข้ำรำชกำรตุลำกำร กำรร่วมนั่งพจำรณำคดีในลักษณะที่ถูกต้อง
ึ
และหลักกำรส ำคัญในกำรปรึกษำคดีระหว่ำงองค์คณะ ข้อสังเกตและข้อพงระวัง
ิ
ในกำรร่วมพจำรณำและปรึกษำคดี ลักษณะกำรด ำรงตนที่ดีงำมและเหมำะสม
ิ
ของผู้พพำกษำสมทบในศำลแรงงำนทั้งในเวลำรำชกำรและนอกเวลำรำชกำร
วิธีการ บรรยำย ตัวอย่ำงกรณีศึกษำที่เกิดขึ้นจริง หรือวิธีกำรอื่นที่เหมำะสม
วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิจำกภำยในศำลยุติธรรมและภำยนอก
เวลาบรรยาย ๑.๓๐ ชั่วโมง
กลุ่มที่ ๖
ทั่วไป
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๗๗
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
เรื่อง ยกเลิกระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรมที่เกี่ยวกับกำรไกล่เกลี่ย
พ.ศ. ๒๕๖๐
โดยที่คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรมเห็นเป็นกำรสมควรให้มีกำรยกเลิกระเบียบ
ื่
ิ
คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรมบำงฉบับที่เกี่ยวกับกำรไกล่เกลี่ยข้อพพำท เพอมิให้เกิดควำมซ ำซ้อน
และกำรขัดกันในกำรใช้บังคับกฎหมำยล ำดับรอง
อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๗ (๑) แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำร
ศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี
ข้อ ๑ ระเบียบนี เรียกว่ำ “ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม เรื่อง ยกเลิก
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรมที่เกี่ยวกับกำรไกล่เกลี่ย พ.ศ. ๒๕๖๐”
ข้อ ๒ ระเบียบนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันประกำศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิก
(๑) ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรไกล่เกลี่ยเพื่อระงับข้อพิพำท
ทำงกำรเงิน พ.ศ. ๒๕๔๔
(๒) ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำท พ.ศ. ๒๕๔๔
ิ
(๓) ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรไกล่เกลี่ยข้อพพำท (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๗
ิ
(๔) ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรไกล่เกลี่ยข้อพพำท (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๕๙
ประกำศ ณ วันที่ ๒๒ สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๖๐
(ลงชื่อ) วีระพล ตั งสุวรรณ
(นำยวีระพล ตั งสุวรรณ)
ประธำนศำลฎีกำ
ประธำนกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
๘๗๘ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ว่ำด้วยกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทในคดีอำญำ
พ.ศ. ๒๕๖๐
ิ
ิ
โดยที่กำรไกล่เกลี่ยข้อพพำทเป็นกระบวนกำรระงับข้อพพำททำงเลือกที่ศำลยุติธรรม
ิ
น ำมำใช้ในกำรระงับข้อพพำท หำกมีกำรส่งเสริมให้น ำวิธีกำรไกล่เกลี่ยข้อพพำทไปใช้กับคดีอำญำ
ิ
บำงประเภท จะเป็นกำรอ ำนวยควำมยุติธรรมโดยผู้เสียหำยมีส่วนร่วม ดังนั น เพอให้กำรไกล่เกลี่ย
ื่
ิ
ข้อพพำทในคดีอำญำเป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพและเป็นมำตรฐำนเดียวกัน ควรก ำหนดประเภทคดี
หลักเกณฑ์ และวิธีกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทในคดีอำญำ จึงจ ำเป็นต้องออกระเบียบนี
อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๗ (๑) แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำร
ศำลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี
ข้อ ๑ ระเบียบนี เรียกว่ำ “ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ว่ำด้วยกำรไกล่เกลี่ย
ข้อพิพำทในคดีอำญำ พ.ศ. ๒๕๖๐”
ข้อ ๒ ระเบียบนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันประกำศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในกรณีที่ระเบียบนี มิได้ก ำหนดไว้โดยเฉพำะ ให้น ำข้อก ำหนดของประธำนศำลฎีกำ
ว่ำด้วยกำรไกล่เกลี่ย มำใช้บังคับโดยอนุโลม
ข้อ ๔ คดีอำญำที่อำจไกล่เกลี่ยได้ตำมระเบียบนี ได้แก่
(๑) คดีควำมผิดอันยอมควำมได้
(๒) คดีควำมผิดที่รำษฎรเป็นโจทก์ฟ้องกันเอง
ข้อ ๕ ก่อนเริ่มกำรไกล่เกลี่ย ให้ศำลแจ้งให้จ ำเลยทรำบว่ำหำกกำรไกล่เกลี่ยมิได้ท ำให้
สิทธิน ำคดีอำญำมำฟองระงับ ผลของกำรไกล่เกลี่ยไม่เป็นบทบังคับศำลที่จะต้องพพำกษำคดีให้เป็น
้
ิ
ประโยชน์แก่จ ำเลย
ข้อ ๖ ในกำรไกล่เกลี่ยคดีอำญำ ผู้เสียหำยมีสิทธิเข้ำร่วมในกระบวนกำรไกล่เกลี่ยได้
ตำมระเบียบนี
ข้อ ๗ ในคดีควำมผิดที่อำจไกล่เกลี่ยได้และไม่อำจไกล่เกลี่ยได้รวมกัน หำกผู้เสียหำย
ิ
และจ ำเลยมีควำมประสงค์จะให้ไกล่เกลี่ยเพอบรรเทำควำมเสียหำย ศำลอำจพจำรณำให้ด ำเนินกำร
ื่
ไกล่เกลี่ยเฉพำะควำมผิดที่อำจไกล่เกลี่ยได้ตำมข้อ ๔
ข้อ ๘ ในกรณีดังต่อไปนี ให้กระบวนกำรไกล่เกลี่ยสนสุดลง
ิ
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๗๙
(๑) คดีระงับไปด้วยกำรถอนค ำร้องทุกข์ ถอนฟองหรือยอมควำมกันโดยถูกต้อง
้
ตำมกฎหมำย
(๒) คู่ควำมฝ่ำยใดฝ่ำยหนึ่งไม่ประสงค์ให้ท ำกำรไกล่เกลี่ยอีกต่อไป
(๓) คู่ควำมไม่สำมำรถไกล่เกลี่ยกันได้ภำยในระยะเวลำที่ศำลก ำหนด
(๔) ผู้ประนีประนอมเห็นว่ำกำรไกล่เกลี่ยต่อไปจะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
(๕) ผู้รับผิดชอบรำชกำรศำลหรือองค์คณะผู้พพำกษำที่แต่งตั งเห็นว่ำคดีไม่อำจยุติได้
ิ
ด้วยวิธีกำรไกล่เกลี่ย หรือกำรไกล่เกลี่ยต่อไปจะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีหรือจะเกิดควำมไม่เป็นธรรม
ข้อ ๙ ผู้ประนีประนอมตำมระเบียบนี ที่ขึ นทะเบียนกับส ำนักงำนศำลยุติธรรม
ตำมข้อก ำหนดของประธำนศำลฎีกำว่ำด้วยกำรไกล่เกลี่ย มีสิทธิได้รับค่ำป่วยกำรและค่ำใช้จ่ำย
ค่ำป่วยกำรและค่ำใช้จ่ำยของผู้ประนีประนอมตำมระเบียบนี ให้เป็นไปตำมประกำศ
์
ส ำนักงำนศำลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑและวิธีกำรจ่ำยค่ำป่วยกำรและค่ำใช้จ่ำยของผู้ประนีประนอม
ที่ออกตำมควำมในข้อก ำหนดของประธำนศำลฎีกำว่ำด้วยกำรไกล่เกลี่ย โดยอนุโลม
บรรดำคดีที่กำรไกล่เกลี่ยยังไม่สิ นสุดลงในวันที่ระเบียบนี ใช้บังคับ ให้เบิกจ่ำยตำมควำม
ในวรรคสอง
ข้อ ๑๐ ให้ประธำนกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรมเป็นผู้รักษำกำรตำมระเบียบนี
และให้มีอ ำนำจตีควำมและวินิจฉัยปัญหำที่เกิดขึ นเนื่องจำกกำรใช้บังคับระเบียบนี
ประกำศ ณ วันที่ ๒๒ สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๖๐
(ลงชื่อ) วีระพล ตั งสุวรรณ
(นำยวีระพล ตั งสุวรรณ)
ประธำนศำลฎีกำ
ประธำนกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
๘๘๐ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๘๑
๘๘๒ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๘๓
๘๘๔ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๘๕
๘๘๖ ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม
ส ำนักคณะกรรมกำรบริหำรศำลยุติธรรม ๘๘๗