The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนครูเรวดี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaimath2514, 2021-11-11 01:50:44

การงานอาชีพ 2

แผนการสอนครูเรวดี

46

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชพี รหสั วชิ า ง 21102
รายวิชา การงานอาชีพ จานวน 1 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรอื่ ง เกษตรน่ารู้ จานวน 1 ชั่วโมง
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 เรือ่ ง การจดั สวนถาด

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทางาน มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ มที กั ษะกระบวนการทางาน ทักษะการจดั การ ทกั ษะ
กระบวนการแกป้ ญั หา ทกั ษะการทางานรว่ มกนั และทกั ษะการแสวงหาความรู้ มีคณุ ธรรม และลกั ษณะนิสัยใน
การทางาน มจี ติ สานกึ ในการใช้พลังงาน ทรพั ยากรและสง่ิ แวดลอ้ ม เพอื่ การดารงชีวติ และครอบครวั
ตัวชว้ี ดั ท่ี

ง 1.1 ม.1/1 วิเคราะหข์ ้นั ตอนการทางานตามกระบวนการทางาน
ง 1.1 ม.1/2 ใชก้ ระบวนการกลมุ่ ในการทางาน ด้วยความเสยี สละ
ง 1.1 ม.1/3 ตดั สินใจแกป้ ญั หาการทางานอยา่ งมีเหตุผล
2. สาระสาคญั
การจดั สวนถาด เป็นการปลกู ตน้ ไมล้ งในกระถางขนาดเล็ก เพ่ือใหเ้ กดิ ความสวยงาม โดยใชห้ ลักศลิ ปะ
มาประยุกต์ใชใ้ นการออกแบบและตกแตง่ ใหส้ วนมีความสวยงาม
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้

1. นกั เรียนสามารถอธบิ ายความหมายและความสาคญั ในการจัดสวนถาดได้
3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ

1. นักเรยี นใชว้ ิธกี ารจัดสวนแบบตา่ ง ๆ ได้
3.3 ด้านเจตคติ/คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์/คณุ ธรรมจรยิ ธรรมท่สี อดแทรก

1 นักเรียนดูแลออกแบบและจดั สวนอยา่ งสวยงามอย่างสมา่ เสมอ
4. สมรรถนะของผู้เรียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. สาระการเรยี นรู้
1. การจดั สวนในถาด
2. การจดั สวนในตู้
3. การจัดสวนในขวด
4. การจดั สวนในโหลแกว้
6. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชว่ั โมงท่ี 1

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎรธ์ านี

47

ข้นั ท่ี 1 ระบุคาถาม
1. ครนู ารูปภาพทเ่ี กยี่ วกบั การจดั สวนถาดในรปู แบบต่าง ๆ มาให้นักเรยี นดู เพอ่ื กระตนุ้

ความคดิ และความสนใจของนกั เรียน ตัวอย่างคาถาม เช่น

การจดั

สวนถาด ใน

รปู แบบ ตา่ ง



- นกั เรียนคนใดเคยเห็นสวนถาด แบบในรปู ท่คี รนู ามาให้ดูบ้าง

- นกั เรยี นคิดวา่ การจัดสวนถาดมีวิธกี ารจัดอยา่ งไรบ้าง

- นกั เรียนอยากจดั สวนถาดแบบใดบา้ ง เพราะเหตใุ ด

ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาความรู้

1. ครใู หน้ ักเรยี นนาคาถาม ที่ครูไดต้ ัง้ คาถามไว้ มาร่วมกนั สนทนาความรู้ โดยครเู ปดิ โอกาส

ใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เห็นไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่

2. ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาความรู้ ในเร่อื ง การจดั สวนถาด จากหนงั สอื เรียนรายวชิ า การงาน

อาชีพ ม. 1 หนา้ 96-98 ของบรษิ ทั ศูนย์หนังสือเมอื งไทย จากดั

ขัน้ ที่ 3 สรา้ งความรแู้ ละสรุปความรู้

1. ให้นักเรยี นท่แี บง่ กลุ่ม 4 กลมุ่ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนจบั ฉลากเลือกหวั ขอ้ ท่จี ะต้อง

ทาการศึกษาคน้ คว้าและสรุปเปน็ ความรู้ กลุ่มละ 1 หัวข้อเรื่อง ดังน้ี

กล่มุ ท่ี 1 การจดั สวนในถาด

กลุ่มท่ี 2 การจดั สวนในตู้

กลมุ่ ท่ี 3 การจัดสวนในขวด

กลมุ่ ท่ี 4 การจัดสวนในโหลแก้ว

2. ครรู ว่ มกบั นักเรยี นวเิ คราะหแ์ ละสรุปความร้ใู นเรื่อง การจัดสวนถาดในรูแบบตา่ ง ๆ

ข้ันท่ี 4 สอ่ื สารและนาเสนอ

1. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอความรู้ ในหัวขอ้ ท่ีแตล่ ะกลุ่มไดร้ ับ

มอบหมาย ใหเ้ พือ่ น ๆ ฟงั หน้าชั้นเรียน โดยครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนได้แสดงความคดิ เห็นอยา่ ง เต็มที่

2. ครูเพิ่มเตมิ ความร้ทู ถี่ กู ตอ้ งใหก้ ับนกั เรยี น และให้นักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความรใู้ นเร่อื งที่

เกย่ี วกับการจดั สวนถาดในรปู แบบต่าง ๆ โดยครเู ขยี นสรุปความร้ไู วบ้ นกระดานดา

ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ และบรกิ ารสงั คม

1. ครูประเมนิ นักเรยี น โดยการตั้งคาถาม ในเร่ืองทเี่ กยี่ วกบั การจัดสวนถาด เพ่อื ทดสอบความรู้

และความเข้าใจของนักเรยี น เพือ่ ทีน่ กั เรยี นจะไดน้ าความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประวนั ได้

ตัวอย่างคาถามเช่น

- นกั เรยี นคิดว่า การจดั สวนถาด มลี ักษณะการจดั แบบใด

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎรธ์ านี

48

- การจดั สวนถาดแตกตา่ งจากการจดั สวนหยอ่ มอยา่ งไร

- การจดั สวนถาดมีลกั ษณะการจดั ในรปู แบบใดบ้าง

- ถ้าใหน้ กั เรียนจดั สวนถาดเพื่อใชต้ กแต่งบา้ น นกั เรยี นจะจัดสวนถาดในรปู แบบ

ใดจึงจะเหมาะสม

2. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคาตอบ

7. การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (3 หว่ ง 2 เง่อื นไข)

หลักความพอประมาณ กาหนดเวลาที่ใช้เวลาเหมาะสมกับเน้ือหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานท่ีได้รับ
มอบหมาย

หลกั มีเหตุผล สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรูไ้ ดต้ ามเวลาท่กี าหนด

วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องเวลาที่อาจจะ

หลกั สรา้ งภมู ิคมุ้ กันในตวั ท่ีดี เกิดขึ้นได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนท่ีกาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า นักเรียนได้

เรยี นร้อู ยา่ งเต็มที่ ครบกจิ กรรมที่วางแผนไว้

-พ้ืนฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์

สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี ศิลปะ (ดนตรี) ที่ใช้ใน

เงือ่ นไขความรู้ การเรยี นรเู้ รอ่ื งทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการแก้ปัญหา และหลกั การทางานเพื่อ
การดารงชีวิต

-หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

เงื่อนไขคุณธรรม -ความร่วมมือในการทากจิ กรรม
-ไม่เห็นแกต่ วั มีน้าใจ เอ้ืออาทร ให้ความช่วยเหลือเพอ่ื นในกลุม่
-มีความมุ่งม่นั ในการทางาน
-มีจิตอาสา

เศรษฐกจิ สังคม สิ่งแวดล้อม วฒั นธรรม

8. ส่อื การเรียนรู/้ แหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรียน รายวิชาพนื้ ฐานการงานอาชีพ ม.1 ของบริษัท ศนู ย์หนงั สือ เมอื งไทย จากดั
2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือที่เกี่ยวกับการการออกแบบจัดสวน หนังสือบ้านและสวน
3. เวบ็ ไซต์เกี่ยวกับ เก่ยี วกบั การจดั สวนถาด เชน่
-จดั สวนถาดง่ายๆ ไดด้ ว้ ยตวั คณุ เอง – Weloveshopping portal.weloveshopping.com

› Home › บ้าน สวน และสัตว์เลี้ยง
- รวมไอเดยี จัด สวนถาด สวยๆ - แตง่ บา้ น – Mthai decor.mthai.com › สวนของฉนั
4. รูปภาพการจัดสวนถาด

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี

49

9. การวดั และการประเมินผล

ประเดน็ การพจิ ารณา วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน

ความรู้ (K) - ประเมินผลงานจาก แบบประเมินผลงาน ผา่ นข้นั ตา่ ไมน่ ้อยกวา่ ร้อย
นกั เรยี นสามารถอธิบาย ใบงาน นักเรียน ละ 60

ความหมายและความสาคญั ใน

การจดั สวนถาดได้

ทกั ษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสังเกตการตอบ คะแนนตงั้ แต่ 4-9 ผ่าน
นักเรียนใช้วิธกี ารจัดสวนแบบ - การตอบคาถาม คาถาม
ต่าง ๆ ได้ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นกั เรียนทไ่ี ด้ระดับคุณภาพ
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ การสงั เกตพฤติกรรม รายบุคคล พอใช้ขนึ้ ไป ถอื วา่ ผ่าน
(A) รายบุคคล

นักเรยี นดูแลออกแบบและจดั

สวนอย่างสวยงามอย่าง

สมา่ เสมอ
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ตาม ประเมนิ คณุ ลักษณะอัน แบบประเมนิ คุณลักษณะ
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษา พึงประสงคข์ องผูเ้ รยี น อันพงึ ประสงคข์ อง ผ่านข้นั ตา่ ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ย
ข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ผเู้ รียน ละ 60
2551
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของ ประเมินสมรรถนะ แบบประเมินสมรรถนะ ผา่ นข้นั ตา่ ไมน่ ้อยกวา่ ร้อย
ผู้เรยี น สาคัญของผเู้ รียน สาคัญของผ้เู รียน ละ 60
- ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ กั ษะ
ชวี ิต
- ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ลงชอ่ื ..................................................ครูผู้สอน
(นางสาวเรวดี ศรีขาว)
.........../.............../.................

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี

50

บนั ทกึ หลงั สอนแผนการสอนที่ 5
1. ผลการสอนระดับช้ัน ม.1

 สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้
 สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ เน่ืองจาก .............................................................................
3. ผลทเ่ี กิดกบั ผู้เรยี น
1.) การประเมินผลความรหู้ ลงั การเรียน โดยใช…้ …………………….....................................พบวา่ นกั เรียน
ผ่านการประเมนิ คิดเปน็ ร้อยละ................... ไมผ่ า่ นเกณฑ์ขนั้ ตา่ ทีก่ าหนดไว้คดิ เปน็ ร้อยละ...................................
ไดแ้ ก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมินด้านทกั ษะกระบวนการเรยี น โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นกั เรยี น
ผ่านการประเมนิ คดิ เป็นร้อยละ.....................……. ไมผ่ า่ นเกณฑข์ ัน้ ตา่ ทีก่ าหนดไว้คดิ เปน็ รอ้ ยละ.........................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ เรียน โดย
ใช…้ …………………….............................................พบว่านักเรียนผา่ นการประเมินคดิ เปน็ ร้อยละ............... ไมผ่ ่าน
เกณฑ์ขั้นตา่ ทก่ี าหนดไวค้ ิดเปน็ รอ้ ยละ.................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
 กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
 มนี กั เรียนทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ นั ตามกาหนดเวลา
 มนี ักเรียนท่ีไมส่ นใจเรียน
 อนื่ ๆ ................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนาแผนไปปรับปรุง เร่อื ง ..........................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนกั เรยี นทไ่ี มผ่ า่ นการประเมิน .....................................................................................
 ไม่มีขอ้ เสนอแนะ

ลงชอื่ ผสู้ อน
( นางสาวเรวดี ศรขี าว )

วันที่......../.................../.................

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

51

ความคิดเห็นของหวั หน้ากลุม่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหัวหน้าวิชาการ
1.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง …………………………………………………………………………………….
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้
 ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงชือ่ ................................................
(นางณฐั ิญา คาโส)
เหมาะสมกับศกั ยภาพท่แี ตกตา่ งกันของผเู้ รียน
 ที่ยงั ไม่เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นา ความคดิ เหน็ ของผูอ้ านวยการโรงเรยี นพนมศกึ ษา
ตอ่ ไป ……………………………………………………………………………………
3.เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรับปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ
……………………………………………………………………..……… ลงชอ่ื ................................................
( นางผกา สามารถ )
ลงชอื่ .......................................................
( นางสาวพนชั ฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎรธ์ านี

52

แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 6 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1
กล่มุ สาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ รหสั วชิ า ง 21102
รายวชิ า การงานอาชีพ จานวน 1 ช่วั โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 เร่ือง งานช่างและการซอ่ มแซมเสอ้ื ผ้า จานวน 1 ชัว่ โมง
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 6 เรือ่ ง ความหมายความสาคัญของงานช่าง

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐาน ง 1.1 เข้าใจการทางาน มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ มที กั ษะกระบวนการทางาน ทักษะการจดั การ ทกั ษะ
กระบวนการแก้ปัญหา ทกั ษะการทางานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ มคี ณุ ธรรม และลกั ษณะนิสยั ใน
การทางาน มจี ิตสานึกในการใชพ้ ลงั งาน ทรพั ยากรและสง่ิ แวดล้อม เพ่ือการดารงชวี ติ และครอบครวั
ตวั ช้ีวัดที่

ง 1.1 ม.1/1 วิเคราะหข์ น้ั ตอนการทางานตามกระบวนการทางาน
ง 1.1 ม.1/2 ใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทางาน ด้วยความเสียสละ
ง 1.1 ม.1/3 ตดั สนิ ใจแกป้ ัญหาการทางานอยา่ งมีเหตผุ ล
2. สาระสาคญั
งานช่างพ้ืนฐาน เปน็ งานช่างทท่ี ุกคนสามารถทาไดด้ ว้ ยตัวเอง สว่ นใหญ่เป็นงานท่เี ก่ียวขอ้ งกับการ
ซอ่ มแซมสิ่งของเครอื่ งใช้ ท่ีไมย่ งุ่ ยากหรือลงทนุ สูง เป็นการประหยัดคา่ ใช้จา่ ย ประหยัดเวลา ทาให้ยดื อายกุ ารใช้
งานของเครอ่ื งมือ เครื่องใช้
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้

1. นักเรยี นสามารถอธบิ ายความหมายและความสาคัญของงานชา่ งได้
2. นักเรียนสามารถอธิบายลกั ษณะของงานช่างและหลักการทางานช่างได้
3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ
1. นักเรยี นมีทักษะต่าง ๆ ในการทางานช่างได้

3.3 ด้านเจตคต/ิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค/์ คุณธรรมจรยิ ธรรมที่สอดแทรก
1 นักเรียนเห็นความสาคญั ของงานช่าง

4. สมรรถนะของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. สาระการเรยี นรู้
1 ความหมายของงานชา่ ง
2 ประโยชนข์ องงานชา่ ง
3 ลักษณะของงานชา่ ง
4 แผนภมู แิ สดงกระบวนการทางานตามลักษณะของงานชา่ ง

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี

53

5 ลักษณะการทางานชา่ ง
6 กระบวนการทางานผลติ
7 ทักษะการทางานชา่ ง
8 ทักษะการทางานรว่ มกับผู้อนื่
9 ทกั ษะการทางานกลมุ่
10 ทกั ษะกระบวนการแกป้ ัญหา
11 หลกั การจดั การงานชา่ ง
12 ความสาคัญของงานชา่ ง
6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชวั่ โมงท่ี 1
ขนั้ ท่ี 1 ระบคุ าถาม

1. ครูนารูปภาพท่ีเกย่ี วกบั การงานชา่ งพืน้ ฐาน เช่น การเปลีย่ นหลอดไฟ การซอ่ มแซม กอ๊ ก
น้า แล้วครตู ัง้ คาถามในเรอื่ งทีเ่ กี่ยวกบั ความร้พู ืน้ ฐานงานชา่ ง เพื่อกระตุ้นความคดิ และความ สนใจของ
นักเรยี น ตวั อยา่ งคาถาม เชน่

การเปลี่ยนหลอดไฟ

การซ่อมแซมกอ๊ กน้า
- นักเรียนคิดวา่ งานชา่ ง เป็นงานทีเ่ ก่ยี วกบั อะไรบ้าง

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎร์ธานี

54

- ถ้าวสั ดอุ ุปกรณ์ เครอ่ื งมือ เคร่อื งใช้ ท่ีบา้ นของนกั เรยี นชารุด นักเรยี นจะทา
อยา่ งไร
ข้นั ที่ 2 แสวงหาความรู้ (15 นาที)
1. ครใู หน้ กั เรียนนาคาถาม ทีค่ รูไดต้ ั้งคาถามไว้ มารว่ มกันสนทนาความรู้ โดยครเู ปิด โอกาส
ให้นกั เรยี นแสดงความคดิ เห็นไดอ้ ย่างเต็มที่
2. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาความรู้ ในเรือ่ ง งานช่างพนื้ ฐาน จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ า การงาน
อาชีพ ม. 1 หนา้ 102-107 ของบรษิ ทั ศนู ย์หนังสอื เมืองไทย จากดั
ขั้นท่ี 3 สร้างความรแู้ ละสรปุ ความรู้ (20 นาที)
1. ใหน้ กั เรียนทแี่ บง่ กล่มุ 6 กลมุ่ ให้แต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนจบั ฉลากเลือกหวั ขอ้ ท่ีจะตอ้ ง
ทาการศึกษาคน้ คว้าและสรุปเปน็ ความรู้ กล่มุ ละ 1 หวั ขอ้ เรอื่ ง ดังนี้

กลุ่มท่ี 1 ความหมายและประโยชน์ของงานชา่ ง
กลุม่ ท่ี 2 ลักษณะและกระบวนการทางานของงานช่าง
กลุม่ ที่ 3 หลักการทางานช่างและกระบวนการทางานผลิต
กลมุ่ ที่ 4 ทักษะกระบวนการทางานช่างและทกั ษะการทางานรว่ มกับผ้อู นื่
กลุ่มที่ 5 กระบวนการในการทางานกลมุ่ และกระบวนการแกป้ ัญหา
กลุ่มท่ี 6 หลกั การจดั การงานชา่ งและความสาคัญของงานชา่ ง
2. ครรู ่วมกบั นักเรยี นวเิ คราะห์และสรุปความรใู้ นเรื่องทเี่ กี่ยวกับ ความหมายของงานชา่ ง
ประโยชนข์ องงานช่าง ลกั ษณะของงานชา่ ง แผนภมู แิ สดงกระบวนการทางานตามลักษณะของ งาน
ชา่ ง แผนภูมแิ สดงกระบวนการทางานตามลกั ษณะของงานช่าง ลกั ษณะการทางานชา่ ง กระบวนการทางานผลติ
ทักษะการทางานชา่ ง ทกั ษะการทางานรว่ มกับผอู้ ่ืน ทกั ษะการทางาน กลมุ่ ทกั ษะกระบวนการแกป้ ญั หา
หลกั การจดั การงานชา่ ง ความสาคญั ของงานช่าง
ข้ันท่ี 4 สื่อสารและนาเสนอ (10 นาท)ี
1. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอความรู้ ในหวั ข้อทแี่ ตล่ ะกลมุ่ ได้รบั
มอบหมาย ใหเ้ พื่อนๆฟงั หน้าชน้ั เรียน โดยครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรียนไดแ้ สดงความคิดเหน็ อย่าง เต็มท่ี
2. ครูเพม่ิ เตมิ ความรู้ที่ถกู ตอ้ งใหก้ ับนกั เรียน และให้นักเรียนร่วมกนั สรุป ความรใู้ นเรือ่ งท่ี
เก่ียวกบั งานชา่ งพน้ื ฐาน โดยครเู ขียนสรุปความรู้ไวบ้ นกระดานดา

ข้นั ท่ี 5 ประเมินและบรกิ ารสังคม (10 นาท)ี
1. ครูประเมนิ นกั เรียน โดยการต้งั คาถาม ในเรือ่ งท่ีเก่ียวกับงานช่างพ้นื ฐาน เพือ่ ทดสอบ ความรู้

และความเขา้ ใจของนกั เรียน เพอ่ื ทนี่ กั เรียนจะไดน้ าความรไู้ ปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประวันได้
ตัวอย่างคาถามเช่น
- นกั เรยี นคดิ ว่า งานช่างพื้นฐานมคี วามสาคญั อยา่ งไรบา้ ง
- ถา้ วัสดุ อปุ กรณ์ เครื่องมอื เครื่องใช้ ท่ีบา้ นของนักเรียนชารดุ นักเรยี นจะทา
อยา่ งไร เพราะเหตุใด
- ลกั ษณะของงานช่าง มอี ะไรบ้าง
- กระบวนการทางานชา่ งที่สาคัญ มอี ะไรบ้าง
- ทักษะทจ่ี าเป็นในการทางานชา่ ง มอี ะไรบ้าง
- นกั เรียนมวี ธิ ีการจัดการงานช่างอยา่ งไร

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎรธ์ านี

55

2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยคาตอบ

7. การบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (3 หว่ ง 2 เงื่อนไข)

หลกั ความพอประมาณ กาหนดเวลาท่ีใช้เวลาเหมาะสมกับเนื้อหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานที่ได้รับ
มอบหมาย

หลกั มเี หตุผล สามารถจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ได้ตามเวลาที่กาหนด

วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพ่ือป้องกันปัญหาเร่ืองเวลาที่อาจจะ

หลักสร้างภูมิคุ้มกนั ในตัวท่ดี ี เกิดขึ้นได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนที่กาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า นักเรียนได้

เรียนรู้อย่างเต็มที่ ครบกิจกรรมที่วางแผนไว้

-พื้นฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์

สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี ศิลปะ (ดนตรี) ที่ใช้ใน

เง่ือนไขความรู้ การเรียนรู้เรอื่ งทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการแก้ปัญหา และหลกั การทางานเพ่ือ
การดารงชวี ติ

-หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

เงอ่ื นไขคุณธรรม -ความร่วมมอื ในการทากิจกรรม
-ไม่เห็นแกต่ ัว มีนา้ ใจ เอื้ออาทร ให้ความช่วยเหลือเพื่อนในกลมุ่
-มคี วามม่งุ มั่นในการทางาน
-มจี ิตอาสา

เศรษฐกจิ สังคม สง่ิ แวดล้อม วัฒนธรรม

8. สอื่ การเรยี นรู้/แหล่งการเรยี นรู้

1. หนังสอื เรยี น รายวชิ าพนื้ ฐานการงานอาชีพ ม.1 ของบริษัท ศนู ยห์ นงั สอื เมอื งไทย จากดั
2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือที่เกี่ยวกับงานช่างพื้นฐาน

3. เวบ็ ไซต์เกยี่ วกบั เกยี่ วกบั การงานช่างพื้นฐาน เช่น

- coggle.it › diagram › WL22_IqVIgABgSB1 › งานชา่ งพ้ืนฐาน งานชา่ งพื้นฐาน –
Coggle

- jayhandcraft.blogspot.com › 2012/09 › blog-post งานช่างพนื้ ฐาน - งานช่าง
4. รปู ภาพทีเ่ กี่ยวกบั การงานชา่ งพนื้ ฐาน เช่น การเปลย่ี นหลอดไฟ การซอ่ มแซมก๊อก

น้า

แหลง่ เรยี นรู้
1. ห้องสมดุ โรงเรียน

9. การวัดและการประเมนิ ผล

ประเด็นการพจิ ารณา วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน

ความรู้ (K) - ประเมินผลงานจาก แบบประเมินผลงาน ผ่านขนั้ ตา่ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ย
1. นักเรยี นสามารถอธบิ าย ใบงาน นกั เรยี น ละ 60
ความหมายและความสาคัญ

ของงานชา่ งได้

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

56

2. นกั เรยี นสามารถอธิบาย

ลักษณะของงานช่างและ

หลกั การทางานชา่ งได้

ทกั ษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสงั เกตการตอบ คะแนนตงั้ แต่ 4-9 ผ่าน
นักเรียนมที ักษะตา่ ง ๆ ในการ - การตอบคาถาม คาถาม
ทางานช่างได้ - การทางานกลุ่ม - แบบประเมนิ งานกลมุ่
ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ การสังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นักเรยี นที่ไดร้ ะดบั คณุ ภาพ
รายบคุ คล รายบคุ คล
(A) พอใช้ข้นึ ไป ถือวา่ ผ่าน

นักเรยี นเห็นความสาคัญของ

งานช่าง
คุณลกั ษณะอันพึงประสงคต์ าม ประเมินคณุ ลักษณะอัน แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา พงึ ประสงคข์ องผู้เรียน อนั พงึ ประสงคข์ อง ผ่านขัน้ ตา่ ไมน่ อ้ ยกว่าร้อย
ขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ผเู้ รยี น ละ 60
2551
ด้านสมรรถนะสาคัญของ ประเมินสมรรถนะ แบบประเมินสมรรถนะ
ผู้เรียน สาคญั ของผู้เรียน สาคัญของผ้เู รียน
- ความสามารถในการสอื่ สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ ักษะ ผ่านขัน้ ตา่ ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ย
ชีวติ ละ 60

- ความสามารถในการแกป้ ญั หา
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ลงชอ่ื ..................................................ครูผูส้ อน
(นางสาวเรวดี ศรขี าว)
.........../.............../..................

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี

57

บันทึกหลังสอนแผนการสอนที่ 6
1. ผลการสอนระดับชน้ั ม.1

 สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้
 สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจดั การเรียนรู้ เน่อื งจาก .............................................................................
4. ผลที่เกดิ กับผเู้ รยี น
1.) การประเมินผลความรหู้ ลงั การเรยี น โดยใช…้ …………………….....................................พบว่านกั เรยี น
ผ่านการประเมนิ คดิ เป็นรอ้ ยละ................... ไม่ผา่ นเกณฑ์ขั้นต่าทีก่ าหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ...................................
ได้แก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมินด้านทกั ษะกระบวนการเรยี น โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นกั เรยี น
ผ่านการประเมินคิดเป็นรอ้ ยละ.....................……. ไม่ผ่านเกณฑ์ขนั้ ต่าที่กาหนดไว้คิดเปน็ ร้อยละ.........................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ เรียน โดย
ใช…้ …………………….............................................พบวา่ นักเรียนผา่ นการประเมนิ คิดเปน็ ร้อยละ............... ไมผ่ า่ น
เกณฑข์ ั้นตา่ ทกี่ าหนดไวค้ ดิ เป็นร้อยละ.................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปญั หาและอุปสรรค
 กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
 มนี กั เรยี นทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ ันตามกาหนดเวลา
 มนี กั เรียนท่ีไมส่ นใจเรียน
 อน่ื ๆ ................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนาแผนไปปรบั ปรุง เรอ่ื ง ..........................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นการประเมิน .....................................................................................
 ไม่มีขอ้ เสนอแนะ

ลงช่อื ผูส้ อน
( นางสาวเรวดี ศรีขาว )
วนั ที.่ ......./.................../.................

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี

58

ความคิดเห็นของหวั หน้ากลุม่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหัวหน้าวิชาการ
1.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง …………………………………………………………………………………….
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้
 ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงชือ่ ................................................
(นางณฐั ญิ า คาโส)
เหมาะสมกับศกั ยภาพท่แี ตกตา่ งกันของผเู้ รียน
 ที่ยงั ไม่เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นา ความคดิ เหน็ ของผูอ้ านวยการโรงเรยี นพนมศกึ ษา
ตอ่ ไป ……………………………………………………………………………………
3.เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรับปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ
……………………………………………………………………..……… ลงชอ่ื ................................................
( นางผกา สามารถ )
ลงชอื่ .......................................................
( นางสาวพนชั ฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎรธ์ านี

59

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 7 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 1
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ การงานอาชีพ รหัสวชิ า ง 21102
รายวิชา การงานอาชีพ จานวน 1 ช่ัวโมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 เรอ่ื ง งานชา่ งและการซอ่ มแซมเสื้อผ้า จานวน 1 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7 เรื่อง วสั ดุอุปกณ์งานชา่ งพน้ื ฐาน

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชีว้ ัด
มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทางาน มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการทางาน ทักษะการจดั การ ทกั ษะ
กระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการทางานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม และลักษณะนสิ ัยใน
การทางาน มจี ติ สานึกในการใช้พลงั งาน ทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ ม เพือ่ การดารงชีวติ และครอบครวั
ตัวช้วี ดั ท่ี

ง 1.1 ม.1/1 วิเคราะหข์ น้ั ตอนการทางานตามกระบวนการทางาน
ง 1.1 ม.1/2 ใชก้ ระบวนการกล่มุ ในการทางาน ด้วยความเสยี สละ
ง 1.1 ม.1/3 ตดั สนิ ใจแกป้ ญั หาการทางานอย่างมีเหตุผล
2. สาระสาคญั
วัสดุอปุ กรณ์งานช่างพ้นื ฐาน ทใี่ ชภ้ ายในบา้ นจะมหี ลากหลายแบบ และมีการใชง้ านท่แี ตกต่างกัน ฉะนนั้
ควรศกึ ษาวธิ กี ารใช้งานและวธิ ีการดูแลรักษา และเลอื กใชว้ สั ดุอุปกรณใ์ หเ้ หมาะสมกับงาน ซ่งึ จะทาใหท้ างานได้
อยา่ งมีปลอดภัยและมีประสทิ ธิภาพเตม็ ท่ี
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้

1. นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายและความสาคญั ของวสั ดอุ ปุ กรณ์งานช่างพืน้ ฐานได้
3.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ

1. นกั เรียนมวี ธิ ีการใช้งานและการดแู ลรกั ษา วสั ดอุ ุปกรณ์งานชา่ งพื้นฐานแต่ละชนิดได้
2. นักเรียนสามารถเลือกใช้วสั ดอุ ปุ กรณ์งานชา่ งพนื้ ฐานแตล่ ะชนิดได้ถูกต้อง

3.3 ด้านเจตคต/ิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์/คุณธรรมจริยธรรมทส่ี อดแทรก
1 นกั เรยี นเหน็ ความสาคญั ของการเลือกใช้วัสดุอปุ กรณง์ านช่างพืน้ ฐานแต่ละชนิด

4. สมรรถนะของผูเ้ รยี น
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. สาระการเรยี นรู้
1 ความหมายของวัสดอุ ุปกรณ์งานช่างพื้นฐาน
2 เครื่องมือชา่ งในบ้าน

6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สุราษฎรธ์ านี

60

ชว่ั โมงที่ 1
ขั้นท่ี 1 ระบุคาถาม
1. ครนู ารปู ภาพหรอื ของจริง วสั ดุอุปกรณ์งานช่างพน้ื ฐาน เชน่ ไขควง คอ้ นตตี ะปู ตลับ เมตร

มาให้นกั เรียนดู แลว้ ต้ังคาถามในเรอื่ งท่ีเกีย่ วกับ วสั ดอุ ุปกรณง์ านชา่ งพนื้ ฐาน เพือ่ กระตุ้น ความคดิ และ
ความสนใจของนักเรยี น ตัวอยา่ งคาถาม เช่น

ไข

ควง

คอ้ นตตี ะปู ตลบั เมตร

- นักเรยี นคนใดเคยใช้วัสดุอุปกรณ์ เครอ่ื งมือ ในรปู ภาพบ้าง ใชท้ าอะไรบ้าง

- ใหน้ ักเรียนบอกชือ่ วัสดอุ ปุ กรณ์ ท่ใี ช้ในงานชา่ งที่นกั เรยี นรจู้ ักมาคนละ 1 ชนิด

- จากรูปภาพที่ครนู ามาใหน้ กั เรยี นดู เป็นวสั ดอุ ปุ กรณเ์ กีย่ วกับงานดา้ นใด

ขั้นท่ี 2 แสวงหาความรู้ (15 นาท)ี

1. ครใู ห้นักเรียนนาคาถาม ที่ครูไดต้ ้ังคาถามไว้ มารว่ มกันสนทนาความรู้ โดยครูเปดิ โอกาส

ใหน้ ักเรยี นแสดงความคดิ เห็นไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี

2. ครใู หน้ ักเรียนศึกษาความรู้ ในเร่อื ง วัสดุอปุ กรณ์งานชา่ งพ้นื ฐาน จากหนังสือเรยี น

รายวชิ า การงานอาชพี ม. 1 หนา้ 108-112 ของบรษิ ทั ศนู ยห์ นงั สอื เมอื งไทย จากดั

3. ครใู ห้นักเรียนศึกษาความร้เู พมิ่ เติมเร่ือง เครอื่ งมือช่างในบ้าน จากสื่อวดี ิทศั น์ โดยการ

สแกน QR Code หน้า 111

ขั้นท่ี 3 สร้างความร้แู ละสรปุ ความรู้ (20 นาท)ี
1. ครตู ัง้ คาถามในเร่ืองเกย่ี วกับ วสั ดุอุปกรณ์งานช่างพน้ื ฐาน เพอ่ื ให้นกั เรยี นได้ศกึ ษา

ค้นควา้ หาความรู้ เพ่อื นามาใชใ้ นการตอบคาถาม และสรปุ เป็นความรู้รว่ มกัน ตัวอยา่ งคาถาม เช่น
- วัสดุอปุ กรณง์ านช่างพนื้ ฐานท่จี าเป็น มอี ะไรบ้าง
- ให้นกั เรียนแตล่ ะคน บอกชอ่ื วัสดอุ ปุ กรณง์ านชา่ งพน้ื ฐานทจ่ี าเปน็ ภายในบา้ น

มาคนละ 1 ชนิดพร้อมทง้ั บอกวธิ ีใช้งานและวธิ กี ารดแู ลรักษา
ขน้ั ที่ 4 สือ่ สารและนาเสนอ (10 นาที)

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี

61

1. ครูส่มุ เลือกนักเรียน 2-3 คน บอกชื่อวัสดอุ ปุ กรณ์งานชา่ งพ้นื ฐานทจี่ าเป็นภายในบา้ น
คนละ 1 ชนิด พรอ้ มทั้งบอกวิธใี ชง้ านและวิธีการดแู ลรกั ษาให้เพื่อนๆฟังหนา้ ช้ันเรยี น โดยครูเปดิ โอกาส
ใหน้ ักเรียนได้แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งเต็มที่

2. ครูเพ่มิ เติมความรทู้ ่ีถกู ต้องใหก้ ับนักเรียน และให้นกั เรียนร่วมกันสรปุ ความรใู้ นเรอ่ื งที่
เก่ียวกับวัสดอุ ปุ กรณง์ านชา่ งพนื้ ฐาน โดยครูเขยี นสรปุ ความรูไ้ วบ้ นกระดานดา

ขั้นท่ี 5 ประเมินและบรกิ ารสังคม (10 นาท)ี

1. ครูประเมนิ นกั เรียน โดยการตั้งคาถาม ในเร่ืองที่เก่ียวกับวัสดุอุปกรณง์ านชา่ งพนื้ ฐาน

เพ่ือทดสอบความรแู้ ละความเขา้ ใจของนกั เรียน เพ่ือท่นี ักเรยี นจะไดน้ าความรู้ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ

ประวนั ได้ ตวั อยา่ งคาถาม เช่น

- นักเรยี นคิดว่า วสั ดอุ ุปกรณง์ านชา่ งพื้นฐานมีความสาคัญอยา่ งไรบา้ ง

- นักเรียนมีวธิ ีการใชง้ านและดแู ลรกั ษาประแจ อย่างไรบ้าง

- นักเรียนบอกวิธกี ารใชง้ านและวิธกี ารดูแลรกั ษาวัสดอุ ปุ กรณง์ านชา่ งพนื้ ฐาน

อย่างไรบา้ ง

2. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั เฉลยคาตอบ

7. การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (3 ห่วง 2 เงอ่ื นไข)

หลักความพอประมาณ กาหนดเวลาที่ใช้เวลาเหมาะสมกับเน้ือหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานที่ได้รับ
มอบหมาย

หลักมีเหตผุ ล สามารถจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ได้ตามเวลาทีก่ าหนด

วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพ่ือป้องกันปัญหาเรื่องเวลาท่ีอาจจะ

หลักสร้างภมู ิค้มุ กันในตวั ที่ดี เกิดขึ้นได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนท่ีกาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า นักเรียนได้

เรยี นรู้อยา่ งเต็มที่ ครบกจิ กรรมทีว่ างแผนไว้

-พ้ืนฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์

สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี ศิลปะ (ดนตรี) ท่ีใช้ใน

เงอื่ นไขความรู้ การเรยี นร้เู ร่ืองทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการแก้ปัญหา และหลกั การทางานเพื่อ
การดารงชีวิต

-หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

เงื่อนไขคณุ ธรรม -ความร่วมมือในการทากจิ กรรม
-ไม่เห็นแก่ตัว มนี ้าใจ เอือ้ อาทร ใหค้ วามช่วยเหลอื เพื่อนในกลมุ่
-มคี วามมงุ่ มั่นในการทางาน
-มจี ติ อาสา

เศรษฐกจิ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม

8. ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสอื เรียน รายวิชาพื้นฐานการงานอาชีพ ม.1 ของบรษิ ัท ศนู ย์หนังสือ เมอื งไทย จากดั

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎร์ธานี

62

2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือที่เกี่ยวกับวัสดุอุปกรณง์ านชา่ งพ้นื ฐาน
3. เว็บไซต์เกีย่ วกับ วสั ดอุ ปุ กรณง์ านชา่ งพ้นื ฐาน เช่น
- arif4374.blogspot.com เครื่องมอื วัสดแุ ละอปุ กรณ์งานช่าง
- www.baanandbeyond.com › basic-hand-tools-must-have 15 เครื่องมือช่าง
สามัญประจาบ้าน ทคี วรมี | baan & BEYOND
4. รปู ภาพทีเ่ กย่ี วกบั วัสดุอุปกรณง์ านชา่ งพ้ืนฐานเช่น รูปภาพประแจ คอ้ น ไขควง
5. QR Code เครื่องช่างในบ้าน
แหล่งเรียนรู้
1. หอ้ งสมดุ โรงเรียน

9. การวัดและการประเมินผล

ประเดน็ การพจิ ารณา วธิ ีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ

ความรู้ (K) - ประเมนิ ผลงานจาก แบบประเมินผลงาน
นักเรยี นสามารถอธบิ าย ใบงาน นักเรียน
ความหมายและความสาคญั
ของวสั ดุอุปกรณ์งานชา่ ง ผา่ นข้ันตา่ ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ย
ละ 60

พื้นฐานได้

ทักษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสังเกตการตอบ
1. นกั เรยี นมีวิธกี ารใช้งานและ - การตอบคาถาม คาถาม
การดแู ลรกั ษา วสั ดุอุปกรณ์งาน แบบสังเกตพฤตกิ รรม
ชา่ งพน้ื ฐานแตล่ ะชนดิ ได้ รายบคุ คล คะแนนต้ังแต่ 4-9 ผ่าน
2. นักเรียนสามารถเลอื กใช้วสั ดุ
อปุ กรณง์ านช่างพื้นฐานแตล่ ะ นกั เรียนทไ่ี ดร้ ะดบั คุณภาพ
ชนิดได้ถูกตอ้ ง พอใช้ข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ น
ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ การสังเกตพฤตกิ รรม
(A) รายบคุ คล

นกั เรยี นเห็นความสาคัญของ

การเลอื กใชว้ สั ดุอปุ กรณง์ าน

ช่างพน้ื ฐานแตล่ ะชนดิ
คุณลักษณะอันพงึ ประสงคต์ าม ประเมนิ คุณลกั ษณะอัน แบบประเมินคณุ ลักษณะ
หลักสตู รแกนกลางการศึกษา พงึ ประสงค์ของผูเ้ รียน อนั พึงประสงค์ของ ผา่ นขน้ั ตา่ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ย
ขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ผ้เู รียน ละ 60
2551
ด้านสมรรถนะสาคัญของ ประเมินสมรรถนะ แบบประเมนิ สมรรถนะ ผา่ นขน้ั ต่าไม่น้อยกว่ารอ้ ย
ผู้เรยี น สาคัญของผูเ้ รียน สาคัญของผู้เรียน ละ 60
- ความสามารถในการสอื่ สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ ักษะ
ชีวิต

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี

- ความสามารถในการแกป้ ญั หา 63
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี ลงช่อื ..................................................ครผู ้สู อน
(นางสาวเรวดี ศรขี าว)
.........../.............../..................

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎรธ์ านี

64

บนั ทึกหลงั สอนแผนการสอนท่ี 7
1. ผลการสอนระดับชนั้ ม.1

 สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้
 สอนไม่ได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนอ่ื งจาก .............................................................................
5. ผลท่เี กดิ กบั ผเู้ รยี น
1.) การประเมนิ ผลความรหู้ ลังการเรียน โดยใช…้ …………………….....................................พบว่านกั เรียน
ผา่ นการประเมนิ คิดเปน็ ร้อยละ................... ไม่ผา่ นเกณฑข์ น้ั ตา่ ทก่ี าหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ...................................
ได้แก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมินดา้ นทักษะกระบวนการเรยี น โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นกั เรียน
ผา่ นการประเมินคดิ เปน็ ร้อยละ.....................……. ไม่ผา่ นเกณฑ์ขน้ั ตา่ ทก่ี าหนดไว้คิดเปน็ รอ้ ยละ.........................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมินดา้ นคุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ เรียน โดย
ใช…้ …………………….............................................พบวา่ นักเรียนผา่ นการประเมินคิดเปน็ รอ้ ยละ............... ไมผ่ ่าน
เกณฑ์ขั้นตา่ ท่ีกาหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ.................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปญั หาและอปุ สรรค
 กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มนี ักเรยี นทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกาหนดเวลา
 มนี กั เรียนท่ไี มส่ นใจเรยี น
 อน่ื ๆ ................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนาแผนไปปรับปรุง เรื่อง ..........................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนท่ีไมผ่ า่ นการประเมิน .....................................................................................
 ไม่มีขอ้ เสนอแนะ

ลงชื่อ ผสู้ อน
( นางสาวเรวดี ศรีขาว )
วันท.ี่ ......./.................../.................

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎรธ์ านี

65

ความคิดเห็นของหวั หน้ากลุม่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหัวหน้าวิชาการ
1.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง …………………………………………………………………………………….
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้
 ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงชือ่ ................................................
(นางณฐั ญิ า คาโส)
เหมาะสมกับศกั ยภาพท่แี ตกตา่ งกันของผู้เรียน
 ที่ยงั ไม่เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นา ความคดิ เหน็ ของผูอ้ านวยการโรงเรยี นพนมศกึ ษา
ตอ่ ไป ……………………………………………………………………………………
3.เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรับปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ
……………………………………………………………………..……… ลงชอ่ื ................................................
( นางผกา สามารถ )
ลงชอื่ .......................................................
( นางสาวพนชั ฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎรธ์ านี

66

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 8 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ รหัสวชิ า ง 21102
รายวิชา การงานอาชพี จานวน 1 ช่วั โมง
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 เร่ือง งานชา่ งและการซอ่ มแซมเสื้อผ้า จานวน 1 ช่วั โมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 8 เรอื่ ง การซอ่ มแซมบา้ นของเรา

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทางาน มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ มีทักษะกระบวนการทางาน ทักษะการจดั การ ทักษะ
กระบวนการแกป้ ัญหา ทกั ษะการทางานร่วมกัน และทกั ษะการแสวงหาความรู้ มคี ณุ ธรรม และลักษณะนสิ ัยใน
การทางาน มจี ิตสานกึ ในการใชพ้ ลังงาน ทรพั ยากรและสิง่ แวดล้อม เพอ่ื การดารงชีวติ และครอบครวั
ตัวชว้ี ัดที่

ง 1.1 ม.1/1 วเิ คราะหข์ ั้นตอนการทางานตามกระบวนการทางาน
ง 1.1 ม.1/2 ใชก้ ระบวนการกล่มุ ในการทางาน ด้วยความเสยี สละ
ง 1.1 ม.1/3 ตดั สินใจแก้ปญั หาการทางานอย่างมเี หตผุ ล
2. สาระสาคญั
ปญั หาท่ีทุกบา้ นตอ้ งประสบสว่ นใหญเ่ ชน่ หลงั คารัว่ ฝนสาดเข้าตามรอ่ งหน้าตา่ ง ก๊อกร่วั กระเบ้ือง
ห้องนา้ หลดุ เครอ่ื งใชใ้ นบา้ นชารดุ หลอดไฟไมต่ ดิ ดงั นั้นเราจึงควรเรยี นรวู้ ิธกี ารซ่อมแซมปญั หาดังกล่าว
เพ่ือที่จะได้ซ่อมแซมบา้ นด้วยตวั เองได้
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้

1. นักเรียนสามารถอธบิ ายวธิ กี ารซอ่ มแซมบา้ นดว้ ยวธิ ตี ่าง ๆ ได้
3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ

1. นักเรยี นมวี ธิ กี ารซ่อมแซมบา้ นดว้ ยวธิ ีตา่ ง ๆ ได้
3.3 ดา้ นเจตคต/ิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์/คุณธรรมจริยธรรมทสี่ อดแทรก

1 นักเรียนดูแลซ่อมแซมบา้ นอย่างสม่าเสมอ
4. สมรรถนะของผูเ้ รยี น

4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. สาระการเรียนรู้

1. การซ่อมแซมหลังคารวั่
2. การซ่อมแซมฝนสาดเขา้ หน้าตา่ ง
3. หอ้ งนา้ ซมึ
4. ก๊อกนา้ รว่ั
5. กระเบอื้ งหอ้ งนา้ หลุด
6. หลอดไฟไมต่ ดิ

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎร์ธานี

67

7. สายไฟหรอื ปลัก๊ เตารดี ชารุด
6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมการเรยี นรู้
ชว่ั โมงที่ 1

ขน้ั ท่ี 1 ระบคุ าถาม
1. ครตู ้งั คาถามในเร่ืองทเี่ กย่ี วกับ การซอ่ มแซมบ้าน เพ่ือกระต้นุ ความคดิ และความสนใจ

ของนกั เรียน ตัวอย่างคาถาม เชน่
- ท่ีบ้านของนักเรยี นคนใดเคยมีปญั หาหลังคาบ้านรัว่ บา้ ง แล้วมวี ิธีการซ่อมแซม

อย่างไร
- ถา้ หลอดไฟฟา้ ที่ห้องนอนของนักเรยี นไมต่ ิด นกั เรียนจะมวี ธิ กี ารซอ่ มอย่างไร
- กอ๊ กนา้ ทบ่ี า้ นนกั เรยี นรวั่ นกั เรียนจะมีวธิ กี ารซอ่ มแซมอย่างไร

ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาความรู้ (15 นาท)ี
1. ครใู ห้นกั เรียนนาคาถาม ทคี่ รไู ดต้ ั้งคาถามไว้ มาร่วมกันสนทนาความรู้ โดยครูเปดิ โอกาส

ใหน้ ักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ ไดอ้ ย่างเตม็ ที่
2. ครใู ห้นักเรยี นศกึ ษาความรู้ ในเรื่อง การซ่อมแซมบา้ นของเรา จากหนงั สอื เรียนรายวชิ า

การงานอาชพี ม. 1 หนา้ 113 - 114 ของบรษิ ทั ศูนยห์ นังสอื เมืองไทย จากัด
ขน้ั ที่ 3 สร้างความรู้และสรปุ ความรู้ (20 นาท)ี

1. ครตู ้ังคาถามในเร่ืองเกี่ยวกับ การซอ่ มแซมบา้ นของเรา เพื่อใหน้ ักเรียนได้ศกึ ษาค้นควา้
หาความรู้ เพอ่ื นามาใชใ้ นการตอบคาถาม และสรปุ เปน็ ความร้รู ่วมกนั ตวั อย่างคาถาม เช่น

- ปัญหาหลังคาบา้ นรั่ว มวี ิธกี ารซ่อมแซมอยา่ งไร
- กอ๊ กนา้ รว่ั จะซอ่ มแซมอย่างไร
- นกั เรียนมวี ธิ กี ารเปลย่ี นหลอดไฟที่ไม่ตดิ อยา่ งไร
ขน้ั ที่ 4 สื่อสารและนาเสนอ (10 นาที)
1. ครสู ุ่มเลือกนกั เรยี น 2-3 คน ออกมาเล่าประสบการณใ์ นการซอ่ มแซมบา้ น คนละ 1
ชนิด พรอ้ มทัง้ บอกวธิ ีซอ่ มแซม ให้เพือ่ น ๆ ฟังหนา้ ชนั้ เรยี น โดยครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนไดแ้ สดง ความ
คิดเหน็ อย่างเตม็ ที่
2. ครเู พ่มิ เติมความรทู้ ถ่ี กู ต้องใหก้ ับนกั เรยี น และใหน้ ักเรียนร่วมกนั สรุปความรใู้ นเรือ่ งที่
เกย่ี วกบั การซอ่ มแซมบ้าน โดยครูเขยี นสรุปความร้ไู วบ้ นกระดานดา
ขน้ั ท่ี 5 ประเมินและบริการสงั คม (10 นาท)ี
1. ครปู ระเมนิ นักเรยี น โดยการตง้ั คาถาม ในเร่อื งที่เก่ยี วกบั การซอ่ มแซมบา้ น เพ่ือทดสอบ
ความรแู้ ละความเข้าใจของนักเรียน เพอื่ ที่นักเรียนจะไดน้ าความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประวันได้
ตัวอยา่ งคาถามเชน่
- นกั เรยี นมีวธิ กี ารซอ่ มแซมหลงั คาบ้านรวั่ อยา่ งไร
- ถ้ากระเบ้ืองห้องนา้ หลุดนกั เรียน จะแกป้ ัญหาอย่างไร
- หลอดไฟฟ้าทบ่ี ้านนักเรยี นไมต่ ิด นักเรยี นจะแกป้ ัญหาอย่างไรบ้าง

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี

68

7. การบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (3 ห่วง 2 เงื่อนไข)

หลักความพอประมาณ กาหนดเวลาที่ใช้เวลาเหมาะสมกับเนื้อหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานท่ีได้รับ
มอบหมาย

หลกั มเี หตุผล สามารถจดั กจิ กรรมการเรียนรูไ้ ด้ตามเวลาทก่ี าหนด

วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องเวลาท่ีอาจจะ

หลักสรา้ งภูมิคุ้มกนั ในตัวท่ดี ี เกิดข้ึนได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนที่กาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า นักเรียนได้

เรยี นร้อู ยา่ งเต็มที่ ครบกจิ กรรมที่วางแผนไว้

-พื้นฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์

สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี ศิลปะ (ดนตรี) ที่ใช้ใน

เงื่อนไขความรู้ การเรยี นรู้เรือ่ งทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการแก้ปัญหา และหลกั การทางานเพ่ือ
การดารงชีวติ

-หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

เงือ่ นไขคุณธรรม -ความรว่ มมือในการทากจิ กรรม
-ไมเ่ หน็ แก่ตัว มีนา้ ใจ เอือ้ อาทร ให้ความชว่ ยเหลอื เพอ่ื นในกลมุ่
-มคี วามม่งุ มั่นในการทางาน
-มจี ิตอาสา

เศรษฐกจิ สังคม ส่งิ แวดล้อม วัฒนธรรม

8. ส่ือการเรียนร้/ู แหล่งการเรยี นรู้

1. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพื้นฐานการงานอาชีพ ม.1 ของบริษทั ศนู ยห์ นงั สือ เมืองไทย จากดั

2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือที่เกี่ยวกับการซอ่ มแซมบ้าน

3. เวบ็ ไซต์เกย่ี วกับ การดูแลและซอ่ มแซมบ้าน เชน่

- www.saangbaan.com › ... ซ่อมบ้าน ซอ่ มแซมบา้ น ซ่อมอาคาร ซอ่ มแซมอาคาร

บารุงรักษาบา้ น ..

- www.fixzy.net Fixzy | ช่วยทาให้เร่อื งดแู ลและซ่อมแซมบ้านเป็นเรอ่ื งง่าย

แหล่งเรยี นรู้

1. หอ้ งสมดุ โรงเรียน

9. การวดั และการประเมนิ ผล

ประเด็นการพิจารณา วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน

ความรู้ (K) - ประเมินผลงานจาก แบบประเมนิ ผลงาน ผ่านข้ันต่าไม่นอ้ ยกว่าร้อย
นักเรียนสามารถอธิบายวธิ กี าร ใบงาน นักเรียน ละ 60

ซ่อมแซมบ้านด้วยวธิ ตี ่าง ๆ ได้

ทักษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสังเกตการตอบ
นกั เรียนมวี ิธีการซ่อมแซมบา้ น - การตอบคาถาม คาถาม คะแนนตง้ั แต่ 4-9 ผ่าน
ดว้ ยวธิ ีตา่ ง ๆ ได้ แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียนทีไ่ ด้ระดบั คุณภาพ
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ การสงั เกตพฤตกิ รรม รายบคุ คล
(A) รายบุคคล

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี

69

นักเรยี นดแู ลซ่อมแซมบา้ นอยา่ ง พอใชข้ ึน้ ไป ถือว่า ผ่าน

สมา่ เสมอ
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคต์ าม ประเมนิ คุณลักษณะอัน แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ
หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา พงึ ประสงคข์ องผเู้ รียน อนั พึงประสงค์ของ ผา่ นขัน้ ตา่ ไม่น้อยกว่าร้อย
ข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ผเู้ รียน ละ 60
2551
ด้านสมรรถนะสาคญั ของ ประเมินสมรรถนะ แบบประเมนิ สมรรถนะ
ผูเ้ รียน สาคญั ของผู้เรียน สาคัญของผเู้ รียน
- ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ ักษะ ผา่ นขนั้ ต่าไม่น้อยกวา่ รอ้ ย
ชีวติ ละ 60

- ความสามารถในการแกป้ ญั หา
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ลงช่อื ..................................................ครูผ้สู อน
(นางสาวเรวดี ศรีขาว)
.........../.............../..................

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี

70

บนั ทกึ หลงั สอนแผนการสอนที่ 8
1. ผลการสอนระดับชั้น ม.1

 สอนได้ตามแผนการจดั การเรียนรู้
 สอนไม่ได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนือ่ งจาก .............................................................................
6. ผลทเ่ี กดิ กับผู้เรียน
1.) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรยี น โดยใช…้ …………………….....................................พบวา่ นักเรยี น
ผา่ นการประเมินคดิ เปน็ รอ้ ยละ................... ไมผ่ า่ นเกณฑข์ นั้ ต่าท่ีกาหนดไวค้ ิดเป็นรอ้ ยละ...................................
ไดแ้ ก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมินดา้ นทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นกั เรยี น
ผา่ นการประเมนิ คิดเปน็ ร้อยละ.....................……. ไมผ่ ่านเกณฑข์ นั้ ต่าทก่ี าหนดไวค้ ิดเปน็ ร้อยละ.........................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมินดา้ นคุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ เรยี น โดย
ใช…้ …………………….............................................พบวา่ นกั เรยี นผ่านการประเมินคิดเปน็ รอ้ ยละ............... ไม่ผ่าน
เกณฑข์ ้นั ตา่ ท่ีกาหนดไวค้ ดิ เป็นร้อยละ.................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
 กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มนี กั เรียนทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ ันตามกาหนดเวลา
 มนี กั เรียนท่ีไมส่ นใจเรยี น
 อน่ื ๆ ................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนาแผนไปปรับปรุง เรอื่ ง ..........................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ีไมผ่ ่านการประเมิน .....................................................................................
 ไม่มีขอ้ เสนอแนะ

ลงชอื่ ผูส้ อน
( นางสาวเรวดี ศรขี าว )
วนั ท.ี่ ......./.................../.................

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี

71

ความคิดเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระฯ ความคดิ เหน็ ของหวั หน้าวิชาการ
1.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง …………………………………………………………………………………….
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ไู ด้นาเอากระบวนการเรียนรู้
 ที่เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงชื่อ................................................
(นางณฐั ิญา คาโส)
เหมาะสมกับศักยภาพท่แี ตกตา่ งกันของผเู้ รียน
 ที่ยงั ไม่เน้นผ้เู รยี นเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นา ความคิดเหน็ ของผูอ้ านวยการโรงเรยี นพนมศกึ ษา
ตอ่ ไป ……………………………………………………………………………………
3.เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใช้ได้จริง  ควรปรับปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
……………………………………………………………………..……… ลงชือ่ ................................................
( นางผกา สามารถ )
ลงชอื่ .......................................................
( นางสาวพนชั ฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรยี นพนมศกึ ษา

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี

72

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 9 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ รหสั วชิ า ง 21102
รายวิชา การงานอาชีพ จานวน 1 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 เรอ่ื ง งานชา่ งและการซอ่ มแซมเส้ือผา้ จานวน 1 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9 เร่อื ง ยดื ชวี ิตให้หนา้ บาน (ตู้)

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้วี ดั
มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทางาน มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ มีทักษะกระบวนการทางาน ทกั ษะการจดั การ ทักษะ
กระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการทางานรว่ มกนั และทักษะการแสวงหาความรู้ มคี ุณธรรม และลกั ษณะนิสยั ใน
การทางาน มจี ิตสานกึ ในการใช้พลงั งาน ทรพั ยากรและสิง่ แวดลอ้ ม เพอ่ื การดารงชีวติ และครอบครวั
ตัวชี้วดั ท่ี

ง 1.1 ม.1/1 วิเคราะหข์ ้นั ตอนการทางานตามกระบวนการทางาน
ง 1.1 ม.1/2 ใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทางาน ดว้ ยความเสียสละ
ง 1.1 ม.1/3 ตดั สนิ ใจแก้ปญั หาการทางานอย่างมีเหตผุ ล
2. สาระสาคญั
บานพับประตบู า้ น ตูเ้ ส้ือผ้า เม่ือใชง้ านไประยะหน่งึ ก็ไม่สามารถปดิ ไดส้ นทิ หรอื ปดิ ไดไ้ มน่ มุ่ นวล อาจมี
สาเหตมุ าจากบานพบั ถ้วยทางานไม่ปกติ ดังนั้นเราควรเรยี นรูว้ ธิ กี ารซ่อมแซมบานพับตา่ ง ๆ ให้กลบั มาใชง้ านได้
ตามปกติ
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้
1. นักเรียนสามารถอธบิ ายวธิ ีการซ่อมแซมบานพบั ด้วยวิธตี า่ ง ๆ ได้
3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ
1. นกั เรียนมวี ธิ กี ารซ่อมแซมบานพับด้วยวิธตี า่ ง ๆ ได้
3.3 ด้านเจตคติ/คณุ ลักษณะอันพึงประสงค/์ คุณธรรมจรยิ ธรรมทสี่ อดแทรก
1. นกั เรียนดแู ลซ่อมแซมบา้ นอยา่ งสมา่ เสมอ
4. สมรรถนะของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. สาระการเรียนรู้
1. การซอ่ มแซมบานพับ
6. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมการเรยี นรู้
ชั่วโมงที่ 1
ขัน้ ท่ี 1 ระบคุ าถาม

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี

73

1. ครนู ารปู ภาพทเ่ี ก่ยี วกบั การซ่อมแซมบานพบั ประตู ตเู้ สื้อผ้า แลว้ ตั้งคาถามในเรื่องท่ี
เกีย่ วกบั การซ่อมแซมบานพบั เพ่ือกระตนุ้ ความคิดและความสนใจของนกั เรยี น ตวั อยา่ งคาถาม เช่น

การซ่อมแซมบานพับประตู ต้เู สื้อผา้
- ทีบ่ า้ นของนกั เรียนคนใดเคยมปี ัญหาบานพับประตู ตู้เส้ือผา้ ต้เู กบ็ จาน-ชาม

ชารดุ บ้างหรอื ไม่ แลว้ นักเรียนแกป้ ัญหาอยา่ งไร
ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาความรู้

1. ครใู ห้นกั เรียนนาคาถาม ท่ีครไู ดต้ ัง้ คาถามไว้ มารว่ มกันสนทนาความรู้ โดยครเู ปดิ โอกาส
ใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เห็นได้อยา่ งเต็มท่ี

2. ครใู หน้ กั เรียนศึกษาความรู้ ในเร่ือง ยดื ชวี ติ ใหห้ น้าบา้ น(ต)ู้ จากหนงั สอื เรียนรายวชิ า
การงานอาชพี ม. 1 หนา้ 114-115 ของบรษิ ทั ศูนยห์ นงั สอื เมืองไทย จากดั
ข้นั ที่ 3 สรา้ งความรแู้ ละสรุปความรู้

1. ครตู ั้งคาถามในเรื่องเกี่ยวกับ การซ่อมแซมบานพบั ถว้ ย เพอื่ ใหน้ ักเรียนได้ศึกษาคน้ ควา้
หาความรู้ เพ่ือนามาใชใ้ นการตอบคาถาม และสรปุ เปน็ ความร้รู ว่ มกนั ตวั อยา่ งคาถาม เช่น

- ในการซ่อมแซมบานพับถว้ ย มีวธิ กี ารอยา่ งไร
- บานพับถว้ ยใช้ในการทาบานพบั อะไรบา้ ง
ขั้นท่ี 4 ส่ือสารและนาเสนอ
1. ครูสุม่ เลอื กนักเรยี น 2-3 คน ออกมาอธบิ ายความรใู้ นการซ่อมแซมบานพบั ประตูบา้ น
ตเู้ ส้อื ผ้า ให้เพ่ือน ๆ ฟงั หนา้ ชั้นเรยี น โดยครูเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นไดแ้ สดงความคดิ เห็นอย่างเตม็ ที่
2. ครเู พิม่ เตมิ ความร้ทู ีถ่ ูกต้องใหก้ บั นกั เรียน และใหน้ กั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความรใู้ นเร่อื งที่
เกี่ยวกับการซ่อมแซมบานพับถ้วย โดยครเู ขยี นสรปุ ความรไู้ วบ้ นกระดานดา
ขน้ั ที่ 5 ประเมินและบริการสังคม
1. ครปู ระเมินนกั เรียน โดยการตั้งคาถาม ในเร่ืองท่เี ก่ยี วกบั การซ่อมแซมบานพับถ้วย เพอื่
ทดสอบความร้แู ละความเขา้ ใจของนกั เรียน เพือ่ ท่นี ักเรียนจะได้นาความร้ไู ปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประ
วันได้
ตวั อย่างคาถามเชน่
- นักเรยี นมวี ธิ กี ารซ่อมแซมบานพับประตบู า้ น บานพบั ตู้เสื้อผ้า อย่างไร

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี

74

7. การบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เงอ่ื นไข)

หลกั ความพอประมาณ กาหนดเวลาท่ีใช้เวลาเหมาะสมกับเนื้อหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานท่ีได้รับ
มอบหมาย

หลักมีเหตผุ ล สามารถจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ไดต้ ามเวลาทก่ี าหนด

วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องเวลาท่ีอาจจะ

หลักสรา้ งภูมิคุม้ กันในตวั ท่ดี ี เกิดขึ้นได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนท่ีกาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า นักเรียนได้

เรยี นรอู้ ยา่ งเต็มที่ ครบกิจกรรมทวี่ างแผนไว้

-พ้ืนฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์

สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี ศิลปะ (ดนตรี) ท่ีใช้ใน

เงื่อนไขความรู้ การเรียนรเู้ ร่อื งทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการแก้ปัญหา และหลกั การทางานเพ่ือ
การดารงชวี ติ

-หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

เงอื่ นไขคุณธรรม -ความร่วมมือในการทากิจกรรม
-ไมเ่ หน็ แกต่ วั มีน้าใจ เอ้ืออาทร ใหค้ วามชว่ ยเหลอื เพือ่ นในกลุม่
-มคี วามมงุ่ ม่ันในการทางาน
-มีจติ อาสา

เศรษฐกจิ สังคม สิง่ แวดล้อม วฒั นธรรม

8. สื่อการเรยี นรู้/แหลง่ การเรียนรู้

1. หนงั สอื เรยี น รายวิชาพื้นฐานการงานอาชีพ ม.1 ของบริษทั ศนู ยห์ นงั สอื เมอื งไทย จากัด

2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือที่เกี่ยวกับการซอ่ มแซมเครื่องมือ เครื่องใช้ภายในบ้าน

3. เว็บไซต์เกยี่ วกับ การดูแลและซอ่ มแซมเครอ่ื งมือ เครอ่ื งใช้ภายในบา้ น เชน่

- การบารุงรักษาเคร่อื งใช้ภายในบ้าน (ไมโครเวฟ) – เขา้ ระบบ 119.46.166.126 › self_all

› selfaccess7 › lesson1 › lesson01

- www.thaigoodview.com › node การซอ่ มแซมเคร่อื งมือเครื่องใช้ | สาระ ความรู้

ขา่ วสาร ความบันเทิง

- หลกั การของงานช่างพนื้ ฐาน – การบารงุ รกั ษาเคร่อื งมอื ช่างในบ้าน

napawan123.blogspot.com › 2014/11 › blog-post_24

4. รปู ภาพที่เก่ยี วกับ การซอ่ มแซมบานพบั ประตู ตเู้ สือ้ ผ้า

9. การวัดและการประเมนิ ผล

ประเด็นการพจิ ารณา วิธีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน
แบบประเมินผลงาน ผา่ นขน้ั ตา่ ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ย
ความรู้ (K) - ประเมินผลงานจาก นกั เรียน
นักเรียนสามารถอธิบายวิธีการ ใบงาน ละ 60

ซอ่ มแซมบานพบั ด้วยวิธตี า่ ง ๆ

ได้

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สุราษฎรธ์ านี

75

ทกั ษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสงั เกตการตอบ คะแนนต้งั แต่ 4-9 ผา่ น
นกั เรียนมวี ธิ ีการซอ่ มแซมบาน - การตอบคาถาม คาถาม
พบั ด้วยวธิ ตี า่ ง ๆ ได้
ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ การสงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
(A) รายบคุ คล รายบคุ คล นักเรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพ
นักเรียนดูแลซ่อมแซมบ้านอย่าง พอใช้ข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน

สม่าเสมอ
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ตาม ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษา พงึ ประสงค์ของผูเ้ รียน อนั พึงประสงคข์ อง ผา่ นขน้ั ต่าไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อย
ขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ผู้เรียน ละ 60
2551
ด้านสมรรถนะสาคัญของ ประเมินสมรรถนะ แบบประเมินสมรรถนะ
ผู้เรยี น สาคญั ของผ้เู รียน สาคญั ของผ้เู รยี น
- ความสามารถในการสอื่ สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ กั ษะ ผา่ นขั้นตา่ ไมน่ อ้ ยกว่าร้อย
ชีวิต ละ 60

- ความสามารถในการแกป้ ญั หา
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ลงชื่อ ..................................................ครผู ู้สอน
(นางสาวเรวดี ศรีขาว)
.........../.............../.................

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎร์ธานี

76

บนั ทึกหลงั สอนแผนการสอนที่ 9
1. ผลการสอนระดับชั้น ม.1

 สอนได้ตามแผนการจดั การเรียนรู้
 สอนไม่ไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนอ่ื งจาก .............................................................................
7. ผลท่เี กิดกับผเู้ รียน
1.) การประเมนิ ผลความรู้หลังการเรียน โดยใช…้ …………………….....................................พบวา่ นักเรยี น
ผา่ นการประเมนิ คิดเปน็ ร้อยละ................... ไมผ่ า่ นเกณฑ์ขน้ั ตา่ ท่ีกาหนดไว้คดิ เป็นรอ้ ยละ...................................
ได้แก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมินด้านทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นักเรยี น
ผา่ นการประเมินคดิ เปน็ รอ้ ยละ.....................……. ไมผ่ ่านเกณฑข์ ้ันต่าท่กี าหนดไว้คิดเป็นรอ้ ยละ.........................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ด้านคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ เรยี น โดย
ใช…้ …………………….............................................พบวา่ นกั เรียนผา่ นการประเมินคดิ เป็นร้อยละ............... ไมผ่ ่าน
เกณฑ์ขนั้ ตา่ ท่ีกาหนดไวค้ ิดเปน็ ร้อยละ.................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปญั หาและอปุ สรรค
 กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มนี ักเรยี นทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ นั ตามกาหนดเวลา
 มนี กั เรยี นทไ่ี ม่สนใจเรยี น
 อน่ื ๆ ................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนาแผนไปปรับปรุง เรอื่ ง ..........................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ ่านการประเมิน .....................................................................................
 ไม่มีข้อเสนอแนะ

ลงช่อื ผ้สู อน
( นางสาวเรวดี ศรีขาว )
วนั ที.่ ......./.................../.................

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี

77

ความคิดเห็นของหวั หน้ากลุม่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหัวหน้าวิชาการ
1.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง …………………………………………………………………………………….
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้
 ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงชือ่ ................................................
(นางณฐั ญิ า คาโส)
เหมาะสมกับศกั ยภาพท่แี ตกตา่ งกันของผเู้ รียน
 ที่ยงั ไม่เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นา ความคดิ เหน็ ของผูอ้ านวยการโรงเรยี นพนมศกึ ษา
ตอ่ ไป ……………………………………………………………………………………
3.เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรับปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ
……………………………………………………………………..……… ลงชอ่ื ................................................
( นางผกา สามารถ )
ลงชอื่ .......................................................
( นางสาวพนชั ฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรยี นพนมศกึ ษา

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎรธ์ านี

78

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 10 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การงานอาชีพ รหัสวิชา ง 21102
รายวชิ า การงานอาชีพ จานวน 1 ชัว่ โมง
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 เรอื่ ง งานช่างและการซอ่ มแซมเสอ้ื ผา้ จานวน 1 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 10 เร่อื ง เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการซ่อมแซมเส้อื ผา้

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั
มาตรฐาน ง 1.1 เข้าใจการทางาน มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการทางาน ทกั ษะการจดั การ ทกั ษะ
กระบวนการแกป้ ัญหา ทกั ษะการทางานรว่ มกนั และทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม และลักษณะนสิ ัยใน
การทางาน มจี ิตสานกึ ในการใช้พลังงาน ทรพั ยากรและส่งิ แวดล้อม เพ่ือการดารงชีวติ และครอบครวั
ตวั ชี้วัดที่

ง 1.1 ม.1/1 วิเคราะหข์ ้ันตอนการทางานตามกระบวนการทางาน
ง 1.1 ม.1/2 ใชก้ ระบวนการกล่มุ ในการทางาน ดว้ ยความเสยี สละ
ง 1.1 ม.1/3 ตดั สนิ ใจแก้ปญั หาการทางานอย่างมเี หตผุ ล
2. สาระสาคัญ
เส้อื ผ้าเคร่ืองแตง่ กายเปน็ สง่ิ จาเป็นต่อการดารงชวี ิตทตี่ อ้ งใชท้ ุกวัน เมื่อใชบ้ ่อยๆเส้ือผา้ จะเกดิ การชารุด
ดังนัน้ ควรซ่อมแซมหรือดัดแปลงเสื้อผ้า เพ่อื ให้สามารถนากลบั มาใช้งานได้อกี เพื่อเปน็ การประหยดั ค่าใชจ้ า่ ย ใน
การซอ่ มแซมหรอื ดดั แปลงเสือ้ ผ้านัน้ สิ่งท่ีต้องเรยี นรู้คือเครื่องมอื และวธิ กี ารใช้เคร่อื งมอื ในการซอ่ มแซมเส้อื ผ้าให้
ถูกต้องและเหมาะสม
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้

1. นกั เรียนสามารถอธบิ ายวิธีการใช้เคร่อื งมอื และวธิ กี ารดูแลรกั ษาเครอื่ งมอื ท่ีใช้ในการ
ซ่อมแซมเสอ้ื ผ้าได้
3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ
1. นกั เรยี นเลือกใชเ้ ครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการซ่อมแซมเสือ้ ผา้ ได้ถกู ตอ้ งและ

3.3 ดา้ นเจตคต/ิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์/คุณธรรมจริยธรรมท่สี อดแทรก
1. นกั เรยี นดแู ลซ่อมแซมเส้อื ผา้ อย่างสมา่ เสมอ

4. สมรรถนะของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. สาระการเรยี นรู้
1 เคร่ืองมอื ที่ใชใ้ นการซ่อมแซมเส้อื ผ้าชนิดตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ กรรไกรตัดผา้ ด้ามโค้ง ดา้ มตรง กรรไกร

ซิกแซ็ก กรรไกรตัดเจาะรงั ดมุ เข็มจักร เข็มมอื เขม็ หมดุ ดา้ ย หมอนปักเขม็ สายวัด ทีเ่ ลาะผา้ ชอล์กเขียน
ผา้ ลกู กลิง้ กระดาษกดรอย หรือกระดาษคารบ์ อน จักรเยบ็ ผ้าธรรมดา จักรเยบ็ ผ้าไฟฟา้

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี

79

6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมการเรยี นรู้
ชั่วโมงที่ 1

ขั้นที่ 1 ระบคุ าถาม
1. ครูนารูปภาพหรือของจรงิ ท่เี ป็นเครื่องมือท่ีใชใ้ นการซ่อมแซมเสือ้ ผ้า เชน่ กรรไกรแบบ

ต่าง ๆ เข็ม ดา้ ย สายวัด ท่ีเลาะผ้า ชอลก์ เขียนผ้า ลกู กลง้ิ กระดาษคาร์บอน แลว้ ครตู งั้ คาถามใน เรื่องที่
เกีย่ วกบั เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้ในการซ่อมแซมเส้ือผ้า เพอ่ื กระต้นุ ความคดิ และความสนใจของ นกั เรียน ตวั อยา่ งคาถาม
เชน่

อุปกรณ์ในการซ่อมแซมเส้ือผ้า
- นักเรียนคนใดเคยใชเ้ ครอื่ งมือ ท่คี รูนามาให้ดบู ้าง นาไปใช้ทาอะไร
- ให้นกั เรียนบอกชอื่ เครอื่ งมือทีใ่ ชใ้ นการซอ่ มแซมเส้ือผา้ ทนี่ กั เรียนร้จู กั มาคนละ
1 ชนิด
- นักเรยี นคนใดเคยซ่อมแซมหรอื ดัดแปลงเส้อื ผ้าด้วยตวั เองบา้ ง
ขั้นที่ 2 แสวงหาความรู้ (15 นาที)
1. ครใู หน้ ักเรยี นนาคาถาม ทคี่ รูไดต้ ัง้ คาถามไว้ มาร่วมกันสนทนาความรู้ โดยครูเปิด โอกาส
ใหน้ กั เรียนแสดงความคดิ เหน็ ได้อยา่ งเตม็ ท่ี
2. ครูใหน้ กั เรยี นศึกษาความรู้ ในเร่อื งเครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการซอ่ มแซมเส้ือผ้า จากหนังสอื เรยี น
รายวชิ า การงานอาชพี ม. 1 หนา้ 116-123 ของบริษทั ศนู ยห์ นงั สอื เมืองไทย จากดั
3. ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาความรู้เพิม่ เติมเร่อื ง เครอ่ื งมือเคร่อื งใช้ในการซอ่ มแซมเสือ้ ผา้ จาก
สื่อวีดิทศั น์ โดยการสแกน QR Code หนา้ 116

ขั้นที่ 3 สร้างความรูแ้ ละสรปุ ความรู้ (20 นาที)
1. ครตู ง้ั คาถามในเร่อื งเก่ยี วกบั เครื่องมือทใ่ี ช้ในการซ่อมแซมเสื้อผ้า เพ่ือใหน้ กั เรยี นได้ ศกึ ษา

ค้นควา้ หาความรู้ เพ่ือนามาใชใ้ นการตอบคาถาม และสรุปเป็นความร้รู ว่ มกนั ตัวอยา่ ง คาถาม เช่น
- เครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นการซ่อมแซมเสอื้ ผา้ ทีน่ ักเรียนรจู้ กั มีอะไรบา้ งให้บอกช่ือมาคน

ละ 1 ชนดิ พร้อมทั้งแนะนาวิธีการใช้งานและวิธกี ารดูแลรักษา
ข้ันที่ 4 สอื่ สารและนาเสนอ (10 นาที)

1. ครูสุม่ เลอื กนกั เรียน 2-4 คน ออกมาอธบิ ายความรใู้ นเร่ืองเครื่องมือทใี่ ช้ในการ
ซอ่ มแซมเสอื้ ผา้ ทีน่ ักเรยี นได้ศึกษา จากหนงั สือเรยี นรายวิชา การงานอาชพี ม. 1 หนา้ 116-123

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎร์ธานี

80

ของบริษทั ศนู ย์หนงั สือเมืองไทย จากัด คนละ 1 ชนดิ โดยไมซ่ ้ากนั ใหเ้ พอ่ื น ๆ ฟงั หน้าชั้นเรียน โดย
ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นไดแ้ สดงความคดิ เห็นอย่างเตม็ ที่

2. ครเู พิ่มเติมความรู้ที่ถกู ตอ้ งให้กับนักเรียน และใหน้ กั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความรู้ในเรอ่ื งที่
เกีย่ วกบั การเครอ่ื งมือท่ีใช้ในการซอ่ มแซมเสอื้ ผ้า โดยครเู ขียนสรปุ ความรไู้ วบ้ นกระดานดา

ข้ันที่ 5 ประเมนิ และบริการสงั คม (10 นาที)

1. ครูประเมนิ นักเรยี น โดยการต้งั คาถาม ในเร่ืองท่เี ก่ยี วกับการเครอื่ งมือทใี่ ช้ในการ

ซอ่ มแซมเสอื้ ผา้ เพ่ือทดสอบความรู้และความเข้าใจของนกั เรยี น เพื่อท่นี กั เรียนจะได้นาความรูไ้ ป

ประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประวนั ได้

ตวั อยา่ งคาถามเช่น

- นักเรียนรจู้ กั เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการซอ่ มแซมเสือ้ ผ้าชนดิ ใดบ้าง มวี ธิ กี ารใช้งานและ

วธิ ีการดแู ลรกั ษาอยา่ งไร

- ถ้านกั เรียนจะซ่อมแซมเสื้อผ้าด้วยมอื นกั เรียนจะต้องใช้เครือ่ งมือทใี่ ชใ้ นการ

ซ่อมแซมเสอ้ื ผา้ อะไรบา้ ง

- การดดั แปลงเสอื้ ผา้ จาเป็นจะตอ้ งใช้เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการซอ่ มแซมเส้อื ผา้ ชนิด

ใดบ้าง

- จกั รเย็บผา้ แบบธรรมดาและแบบไฟฟา้ มีวกี ารใช้งานอย่างไร และเหมาะสาหรับ

การซอ่ มแซมเสื้อผา้ แบบใด

- กระดาษคารบ์ อนมีวีการใช้และดูแลรกั ษาอย่างไร

- ลูกกล้งิ มีไว้ใช้งานอะไร

2. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั เฉลยคาตอบ

7. การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (3 หว่ ง 2 เง่ือนไข)

หลกั ความพอประมาณ กาหนดเวลาที่ใช้เวลาเหมาะสมกับเน้ือหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานท่ีได้รับ
มอบหมาย

หลกั มเี หตผุ ล สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรูไ้ ด้ตามเวลาทก่ี าหนด

วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องเวลาที่อาจจะ

หลักสรา้ งภมู คิ ุม้ กนั ในตัวทดี่ ี เกิดข้ึนได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนที่กาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า นักเรียนได้

เรยี นรู้อยา่ งเตม็ ท่ี ครบกจิ กรรมท่ีวางแผนไว้

-พื้นฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์

สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี ศิลปะ (ดนตรี) ท่ีใช้ใน

เงอ่ื นไขความรู้ การเรยี นรู้เรื่องทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการแก้ปัญหา และหลักการทางานเพ่ือ
การดารงชวี ติ

-หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

เงอ่ื นไขคุณธรรม -ความรว่ มมอื ในการทากจิ กรรม
-ไม่เหน็ แก่ตวั มีนา้ ใจ เออื้ อาทร ใหค้ วามชว่ ยเหลอื เพื่อนในกลุ่ม
-มคี วามมงุ่ ม่ันในการทางาน
-มีจิตอาสา

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสรุ าษฎร์ธานี

81

เศรษฐกจิ สังคม สงิ่ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม

8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี น รายวิชาพื้นฐานการงานอาชีพ ม.1 ของบรษิ ทั ศูนย์หนงั สือ เมอื งไทย จากดั

2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือท่ีเกยี่ วกับเคร่ืองมือทใ่ี ชใ้ นการซ่อมแซมเส้อื ผ้า
3. เวบ็ ไซตเ์ ก่ยี วกับ เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการซอ่ มแซมเส้ือผา้ และการซอ่ มแซมเส้ือผา้ เชน่
- dltv.ac.th › utils › files › download เรอ่ื ง การซอ่ มแซมเสือ้ ผา้ เครือ่ งแตง่ กาย รายว –

DLTV
- www.baanlaesuan.com › tag › การซอ่ มแซมเส้ือผ้า การซ่อมแซมเส้อื ผา้ –

Baanlaesuan
-mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com › ..เคร่อื งมือและอุปกรณ์การตดั เยบ็ เสอ้ื ผ้า -

เสอื้ ผ้าสตรี5

4. รูปภาพทีเ่ กีย่ วกับ การซอ่ มแซมบานพบั ประตู ตเู้ สื้อผ้า
แหล่งเรยี นรู้

1. ห้องสมดุ โรงเรยี น
9. การวดั และการประเมินผล

ประเด็นการพิจารณา วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ

ความรู้ (K) - ประเมนิ ผลงานจาก แบบประเมินผลงาน
นักเรยี นสามารถอธบิ าย ใบงาน นักเรียน
วิธกี ารใช้เครือ่ งมือและวธิ กี าร
ดแู ลรักษาเครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการ ผ่านข้ันต่าไมน่ ้อยกว่ารอ้ ย
ละ 60

ซ่อมแซมเส้อื ผา้ ได้

ทักษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสงั เกตการตอบ
นกั เรยี นเลือกใช้เคร่ืองมอื ท่ีใช้ - การตอบคาถาม คาถาม
ในการซอ่ มแซมเสือ้ ผา้ ไดถ้ ูกต้อง คะแนนตงั้ แต่ 4-9 ผ่าน

และเหมาะสม
ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ การสงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม นกั เรียนท่ไี ด้ระดบั คุณภาพ
(A) รายบุคคล รายบคุ คล
นักเรยี นดแู ลซอ่ มแซมเสื้อผา้ พอใช้ข้ึนไป ถือว่า ผา่ น

อย่างสม่าเสมอ
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคต์ าม ประเมนิ คณุ ลกั ษณะอัน แบบประเมินคณุ ลักษณะ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษา พึงประสงคข์ องผเู้ รียน อนั พึงประสงคข์ อง ผ่านขน้ั ตา่ ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ย
ข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ผ้เู รยี น ละ 60
2551
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของ ประเมินสมรรถนะ แบบประเมนิ สมรรถนะ
ผเู้ รียน สาคญั ของผ้เู รียน สาคญั ของผ้เู รียน ผ่านขัน้ ต่าไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ย
- ความสามารถในการสอ่ื สาร ละ 60
- ความสามารถในการคดิ

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี

- ความสามารถในการใชท้ กั ษะ 82
ชวี ิต
- ความสามารถในการแก้ปญั หา ลงชือ่ ..................................................ครผู ้สู อน
- ความสามารถในการใช้ (นางสาวเรวดี ศรขี าว)
เทคโนโลยี .........../.............../.................

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สุราษฎรธ์ านี

83

บันทึกหลังสอนแผนการสอนท่ี 10
1. ผลการสอนระดับช้ัน ม.1

 สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
 สอนไม่ไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนื่องจาก .............................................................................
8. ผลที่เกิดกบั ผู้เรยี น
1.) การประเมนิ ผลความรหู้ ลังการเรียน โดยใช…้ …………………….....................................พบว่านกั เรียน
ผา่ นการประเมนิ คดิ เป็นรอ้ ยละ................... ไม่ผา่ นเกณฑข์ ัน้ ตา่ ทก่ี าหนดไว้คิดเปน็ ร้อยละ...................................
ได้แก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการเรยี น โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นักเรยี น
ผ่านการประเมินคิดเป็นรอ้ ยละ.....................……. ไมผ่ ่านเกณฑ์ขน้ั ตา่ ท่กี าหนดไวค้ ดิ เปน็ ร้อยละ.........................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ เรียน โดย
ใช…้ …………………….............................................พบว่านักเรียนผ่านการประเมินคดิ เป็นร้อยละ............... ไมผ่ า่ น
เกณฑ์ขนั้ ต่าที่กาหนดไวค้ ิดเปน็ ร้อยละ.................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปญั หาและอปุ สรรค
 กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มีนกั เรยี นทาใบงาน/ใบกิจกรรมไมท่ นั ตามกาหนดเวลา
 มีนักเรียนทีไ่ ม่สนใจเรียน
 อืน่ ๆ ................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนาแผนไปปรับปรุง เร่อื ง ..........................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนักเรียนท่ไี ม่ผ่านการประเมิน .....................................................................................
 ไมม่ ีขอ้ เสนอแนะ

ลงช่อื ผู้สอน
( นางสาวเรวดี ศรีขาว )
วนั ที.่ ......./.................../.................

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎร์ธานี

84

ความคิดเห็นของหวั หน้ากลุม่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหัวหน้าวิชาการ
1.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง …………………………………………………………………………………….
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้
 ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงชือ่ ................................................
(นางณฐั ญิ า คาโส)
เหมาะสมกับศกั ยภาพท่แี ตกตา่ งกันของผเู้ รียน
 ที่ยงั ไม่เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นา ความคดิ เหน็ ของผูอ้ านวยการโรงเรยี นพนมศกึ ษา
ตอ่ ไป ……………………………………………………………………………………
3.เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรับปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ
……………………………………………………………………..……… ลงชอ่ื ................................................
( นางผกา สามารถ )
ลงชอื่ .......................................................
( นางสาวพนชั ฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

85

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 11

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การงานอาชพี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1

รายวิชา การงานอาชีพ รหสั วชิ า ง 21102

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 6 เร่อื ง งานประดิษฐ์ จานวน 2 ชัว่ โมง

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 11 เร่ือง คณุ ค่าของผลติ ภณั ฑจ์ ากวัสดทุ อ้ งถ่ิน จานวน 2

ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั

มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทางาน มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ มที กั ษะกระบวนการทางาน ทกั ษะการจดั การ ทักษะ

กระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการทางานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ มคี ุณธรรม และลักษณะนิสยั ใน

การทางาน มจี ิตสานกึ ในการใชพ้ ลงั งาน ทรพั ยากรและสงิ่ แวดล้อม เพื่อการดารงชวี ติ และครอบครวั

ตัวชี้วดั ที่

ง 1.1 ม.1/1 ใช้ทักษะการแสวงหาความรู้เพื่อพฒั นาการทางาน

ง 1.1 ม.1/2 ใชท้ กั ษะกระบวนการแกป้ ัญหาในการทางาน

ง 1.1 ม.1/3 มจี ติ สานกึ ในการทางานและใช้ทรพั ยากรในการปฏิบตั ิงานอย่างประหยัดคุ้มค่า

2. สาระสาคัญ
ผลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดทุ อ้ งถ่นิ ถือได้วา่ เป็นส่งิ ทมี่ คี ณุ ค่าตอ่ การดารงชวี ติ ของมนษุ ย์ โดยการเลือกสรรวัสดุ

พ้ืนบ้านท่มี อี ยตู่ ามธรรมชาตมิ าประดษิ ฐ์เป็นส่ิงของต่าง ๆ โดยมงุ่ ประโยชนด์ ้านการใชส้ อยเปน็ หลัก บางชนิดให้
ความสาคัญด้านความสวยงาม สง่ ผลให้ผลิตภัณฑบ์ างอย่างกลายเปน็ ศลิ ปหตั ถกรรมทม่ี ีคณุ คา่

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้
1. นกั เรียนสามารถอธิบายความสาคัญและประโยชน์ของงานประดษิ ฐผ์ ลิตภณั ฑจ์ ากวสั ดทุ อ้ งถ่ินได้

3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ
1. นักเรยี นเลอื กใชว้ สั ดทุ อ้ งถ่ินให้เหมาะสมกับการใชง้ านได้

3.3 ดา้ นเจตคติ/คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค/์ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมที่สอดแทรก
1. นกั เรียนเห็นคุณค่าและความสาคัญของผลติ ภัณฑจ์ ากวสั ดุทอ้ งถ่นิ

4. สมรรถนะของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สุราษฎร์ธานี

86

5. สาระการเรียนรู้
1. คณุ คา่ ทางดา้ นประโยชน์ในการใชส้ อย
2. คุณคา่ ทางด้านความงดงาม
3. ความสาคัญและประโยชนข์ องงานประดิษฐ์ผลติ ภัณฑ์จากวสั ดทุ อ้

6. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมการเรยี นรู้
ช่ัวโมงท่ี 1

ข้ันที่ 1 ระบุคาถาม (5 นาที)
1. ครนู ารปู ภาพหรือของจริง ที่เกีย่ วกบั ผลิตภัณฑจ์ ากวสั ดทุ อ้ งถ่นิ มาใหน้ ักเรยี นดู เชน่ ตะกร้า

จากผกั ตบชวา หมวกจากใบลาน แล้วครตู ัง้ คาถามในเร่อื งทเ่ี ก่ยี วกบั ความสาคญั และ ประโยชน์ของงาน
ประดิษฐ์ผลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดุท้องถน่ิ เพือ่ กระต้นุ ความคิดและความสนใจของ นักเรียน ตัวอยา่ งคาถาม เช่น

ตะกร้าจากผักตบชวา หมวกจากใบลาน

- นักเรยี นคนใดเคยเหน็ หรือเคยใช้ผลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดทุ ้องถ่นิ ในรูปภาพทค่ี รูนามา
ให้ดูบ้าง

- ใหน้ กั เรียนบอกชือ่ ผลติ ภัณฑ์จากวัสดทุ อ้ งถิน่ ทน่ี ักเรยี นรูจ้ ักมาคนละ 1 ชนดิ
โดยไมซ่ ้ากัน

- นกั เรียนคิดว่าผลติ ภณั ฑ์จากวสั ดุท้องถิ่นมีปะโยชน์อยา่ งไรบา้ ง
ขัน้ ท่ี 2 แสวงหาความรู้ (15 นาท)ี

1. ครใู ห้นักเรียนนาคาถาม ที่ครไู ดต้ ั้งคาถามไว้ มาร่วมกนั สนทนาความรู้ โดยครูเปดิ โอกาส
ให้นกั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ ได้อยา่ งเตม็ ที่

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎร์ธานี

87

2. ครใู หน้ ักเรยี นศกึ ษาความรู้ ในเรอ่ื งคณุ คา่ ของผลติ ภัณฑ์จากวัสดทุ อ้ งถ่ินและ
ความสาคญั และประโยชนข์ องงานประดษิ ฐ์ผลิตภณั ฑ์จากวัสดทุ ้องถ่ิน จากหนงั สอื เรียนรายวิชา การ
งานอาชพี ม. 1 หน้า 135-136 ของบริษทั ศูนยห์ นังสอื เมืองไทย จากัด

3. ครใู ห้นักเรยี นศกึ ษาความรเู้ พิม่ เติมเร่ือง คุณคา่ ของผลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดทุ ้องถน่ิ จากสื่อ
วดี ทิ ศั นโ์ ดยสแกน QR Code หนา้ 135

ขั้นท่ี 3 สรา้ งความรู้และสรุปความรู้ (20 นาท)ี
1. ครตู งั้ คาถามในเรื่องเกีย่ วกบั คุณค่าของผลิตภณั ฑ์จากวสั ดุท้องถ่นิ และความสาคัญ และ

ประโยชนข์ องงานประดิษฐ์ผลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดทุ ้องถนิ่ เพื่อใหน้ กั เรียนได้ศกึ ษาค้นคว้าหา ความรู้ และสรุปเป็น
ความรรู้ ว่ มกัน ตวั อยา่ งคาถาม เช่น

- ผลติ ภณั ฑ์จากวสั ดทุ อ้ งถน่ิ มคี ณุ ค่าทางด้านประโยชนใ์ ชส้ อยอย่างไร
- นกั เรียนคดิ วา่ ผลติ ภัณฑจ์ ากวสั ดุท้องถิ่น มคี ณุ ค่าทางดา้ นความงดงามอยา่ งไร
- ท่ีบา้ นของนักเรียนใช้ผลิตภณั ฑ์จากวัสดทุ ้องถิ่นหรอื ไม่ ใชผ้ ลติ ภณั ฑ์จากวัสดุ
ท้องถิ่นอย่างไร
ขน้ั ที่ 4 สือ่ สารและนาเสนอ (10 นาที)
1. ครูส่มุ เลอื กนกั เรยี น 3-4 คน ออกมาอธิบายความรใู้ นเรอ่ื ง คณุ คา่ ของผลติ ภัณฑ์จาก
วัสดทุ ้องถิ่นและประโยชน์ของงานประดษิ ฐ์จากวสั ดุทอ้ งถิ่น ทค่ี รูไดต้ ัง้ คาถามไวแ้ ลว้ ให้เพอ่ื น ๆ ฟงั
หน้าชน้ั เรียน โดยครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนได้แสดงความคดิ เห็นอย่างเตม็ ที่
2. ครเู พิ่มเตมิ ความรทู้ ถี่ ูกตอ้ งให้กับนักเรียน และให้นักเรยี นร่วมกันสรปุ ความรใู้ นเรือ่ งที่
เก่ยี วกบั คุณคา่ ของผลิตภณั ฑจ์ ากวสั ดุท้องถนิ่ และประโยชน์ของงานประดิษฐว์ สั ดุท้องถน่ิ โดยครู เขยี น
สรุปความรู้ไว้บนกระดานดา
ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ และบรกิ ารสังคม (10 นาที)
1. ครูประเมินนักเรียน โดยการตง้ั คาถาม ในเรื่องทเ่ี ก่ยี วกับคุณค่าของผลติ ภัณฑจ์ ากวสั ดุ
ทอ้ งถน่ิ และประโยชนข์ องงานประดษิ ฐ์จากวสั ดทุ อ้ งถิ่น เพ่อื ทดสอบความรู้และความเขา้ ใจของ
นักเรียน เพือ่ ทนี่ กั เรียนจะได้นาความรูไ้ ปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประวนั ได้ ตวั อย่างคาถามเชน่
- งานประดษิ ฐจ์ ากวสั ดทุ อ้ งถ่นิ มคี วามสาคญั อยา่ งไรบา้ ง
- นักเรียนคิดวา่ งานผลติ ภัณฑ์จากวสั ดุท้องถ่นิ มปี ระโยชนอ์ ยา่ งไรบ้าง
2. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคาตอบ

7. การบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (3 หว่ ง 2 เง่ือนไข)

หลักความพอประมาณ กาหนดเวลาท่ีใช้เวลาเหมาะสมกับเน้ือหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานท่ีได้รับ
มอบหมาย
หลักมีเหตุผล สามารถจดั กิจกรรมการเรยี นรูไ้ ด้ตามเวลาทกี่ าหนด
หลักสรา้ งภูมิคุม้ กันในตัวทีด่ ี วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพ่ือป้องกันปัญหาเร่ืองเวลาที่อาจจะ

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี

88

เงือ่ นไขความรู้ เกิดข้ึนได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนท่ีกาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า นักเรียนได้
เรยี นรอู้ ย่างเต็มท่ี ครบกิจกรรมท่วี างแผนไว้

-พ้ืนฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี ศิลปะ (ดนตรี) ท่ีใช้ใน
การเรยี นร้เู ร่อื งทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการแก้ปัญหา และหลักการทางานเพ่ือ
การดารงชีวิต
-หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

เงอื่ นไขคณุ ธรรม -ความรว่ มมือในการทากิจกรรม
-ไมเ่ ห็นแกต่ ัว มีน้าใจ เอ้ืออาทร ให้ความชว่ ยเหลือเพื่อนในกลุม่
-มคี วามมุ่งมั่นในการทางาน
-มจี ิตอาสา

เศรษฐกจิ สังคม สิง่ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม

8. ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพ้ืนฐานการงานอาชีพ ม.2 ของบริษัท ศนู ยห์ นังสือ เมืองไทย จากดั
2. เว็บไซต์งานประดิษฐ์ ความรทู้ ่ัวไปเก่ียวกบั งานประดิษฐ์ เช่น
- sites.google.com › site › ngan-pradisth › prapheth-khxng-ngan-pradisth
ประเภทของงานประดษิ ฐ์ - E-Learning - Google Sites
- creativeofnairongschool.blogspot.com › 2011/12 › blog-post_17ความรทู้ ัว่ ไป
เกยี่ วกับงานประดษิ ฐ์ - Creative of Matthayom ...
- 119.46.166.126 › self_all › selfaccess7 › lesson1 › lesson1_1เรยี นรูเ้ รือ่ งงาน
ประดษิ ฐ์
3. รูปภาพงานประดษิ ฐห์ รือของประดษิ ฐจ์ รงิ เชน่ ตุ๊กตาประดิษฐจ์ ากเศษผ้า
รปู ภาพ โคมไฟ
4. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนงั สอื เก่ยี วกับการงานประดิษฐ์ หนังสืองานฝมี อื
5. QR Code ประเภทของงานประดิษฐ์
แหล่งเรียนรู้
1. ห้องสมุดโรงเรยี น

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี

89

9. การวดั และการประเมินผล

ประเด็นการพจิ ารณา วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน

ความรู้ (K) - ประเมนิ ผลงานจาก แบบประเมนิ ผลงาน
นกั เรยี นสามารถอธิบาย ใบงาน นกั เรียน

ความสาคญั และประโยชน์ของ ผา่ นขนั้ ต่าไม่น้อยกว่าร้อย
ละ 60
งานประดิษฐผ์ ลติ ภัณฑจ์ ากวสั ดุ

ทอ้ งถน่ิ ได้

ทักษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสังเกตการตอบ
นกั เรยี นเลือกใชว้ สั ดุท้องถน่ิ ให้ - การตอบคาถาม คาถาม คะแนนต้ังแต่ 4-9 ผา่ น
เหมาะสมกับการใช้งานได้ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ การสงั เกตพฤติกรรม รายบุคคล นกั เรยี นที่ไดร้ ะดับคณุ ภาพ
(A) รายบคุ คล พอใช้ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน

นกั เรยี นเหน็ คุณค่าและ

ความสาคัญของผลติ ภัณฑ์จาก

วสั ดุท้องถน่ิ
คุณลักษณะอันพงึ ประสงคต์ าม ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั แบบประเมินคุณลักษณะ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษา พึงประสงค์ของผู้เรียน อนั พงึ ประสงคข์ อง ผา่ นขน้ั ต่าไม่น้อยกวา่ รอ้ ย
ขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ผเู้ รยี น ละ 60
2551
ดา้ นสมรรถนะสาคัญของ ประเมนิ สมรรถนะ แบบประเมนิ สมรรถนะ ผ่านขนั้ ตา่ ไม่นอ้ ยกว่าร้อย
ผูเ้ รยี น สาคญั ของผู้เรียน สาคญั ของผเู้ รยี น ละ 60
- ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ ักษะ
ชวี ติ
- ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ลงชื่อ ..................................................ครูผู้สอน
(นางสาวเรวดี ศรีขาว)
.........../.............../..................

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี

90

บันทึกหลังสอนแผนการสอนที่ 11
1. ผลการสอนระดบั ชั้น ม.1

 สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้
 สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ เน่ืองจาก .............................................................................
9. ผลทเี่ กิดกบั ผเู้ รียน
1.) การประเมนิ ผลความร้หู ลงั การเรียน โดยใช…้ …………………….....................................พบวา่ นักเรียน
ผา่ นการประเมินคิดเปน็ รอ้ ยละ................... ไม่ผา่ นเกณฑข์ น้ั ต่าที่กาหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ...................................
ได้แก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการเรียน โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นกั เรยี น
ผ่านการประเมนิ คดิ เป็นรอ้ ยละ.....................……. ไมผ่ ่านเกณฑข์ น้ั ตา่ ที่กาหนดไว้คิดเปน็ ร้อยละ.........................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ เรียน โดย
ใช…้ …………………….............................................พบวา่ นกั เรยี นผ่านการประเมนิ คดิ เป็นรอ้ ยละ............... ไม่ผ่าน
เกณฑ์ขนั้ ต่าทก่ี าหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ.................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปญั หาและอปุ สรรค
 กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
 มนี ักเรยี นทาใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามกาหนดเวลา
 มีนกั เรยี นที่ไม่สนใจเรยี น
 อืน่ ๆ ................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนาแผนไปปรบั ปรุง เรอ่ื ง ..........................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ ่านการประเมิน .....................................................................................
 ไม่มขี อ้ เสนอแนะ

ลงช่ือ ผสู้ อน
( นางสาวเรวดี ศรขี าว )
วนั ท่.ี ......./.................../.................

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี

91

ความคิดเหน็ ของหัวหน้ากลุม่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหัวหน้าวิชาการ
1.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง …………………………………………………………………………………….
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรูไ้ ดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้
 ที่เน้นผูเ้ รยี นเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงชือ่ ................................................
(นางณฐั ญิ า คาโส)
เหมาะสมกับศักยภาพท่แี ตกตา่ งกันของผเู้ รียน
 ที่ยงั ไม่เนน้ ผ้เู รยี นเปน็ สาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นา ความคดิ เหน็ ของผูอ้ านวยการโรงเรยี นพนมศกึ ษา
ตอ่ ไป ……………………………………………………………………………………
3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใชไ้ ด้จริง  ควรปรับปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ
……………………………………………………………………..……… ลงชอ่ื ................................................
( นางผกา สามารถ )
ลงชอ่ื .......................................................
( นางสาวพนชั ฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี

92

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12

กลุม่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1

รายวชิ า การงานอาชีพ รหัสวิชา ง 21102

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 6 เรื่อง งานประดิษฐ์ จานวน 1 ช่วั โมง

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12 เร่ือง ความสาคัญและประโยชน์ของงานประดิษฐ์จากวัสดุท้องถิ่น จานวน 1

ชัว่ โมง

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทางาน มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ มที ักษะกระบวนการทางาน ทกั ษะการจดั การ ทกั ษะ
กระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการทางานร่วมกัน และทกั ษะการแสวงหาความรู้ มคี ณุ ธรรมและลักษณะนสิ ยั ใน
การทางาน มจี ติ สานกึ ในการใชพ้ ลงั งาน และส่ิงแวดล้อม เพ่อื การดารงชวี ติ และครอบครวั
ตวั ชว้ี ดั ท่ี

ง 1.1 ม.1/1 วเิ คราะหข์ น้ั ตอนการทางานตามกระบวนการทางาน
ง 1.1 ม.1/2 ใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทางาน ด้วยความเสยี สละ
ง 1.1 ม.1/3 ตดั สนิ ใจแก้ปัญหาการทางานอย่างมีเหตุผล

2. สาระสาคัญ
หลักการสรา้ งสรรคง์ านประดิษฐ์ใหป้ ระสบผลสาเร็จน้ัน ผปู้ ระดิษฐจ์ ะตอ้ งมีนิสยั รักการทางานขยัน อดทน

และมองเห็นคุณคา่ ของงานประดิษฐ์ ซ่ึงในการประดิษฐ์ผลติ ภณั ฑ์จากวสั ดุท้องถ่นิ นั้นจะต้องเลอื กใช้เคร่ืองมือแต่
ละประเภท ใหเ้ หมาะสมกับงาน จงึ จะได้งานที่มคี ณุ ภาพ และประหยัดเวลาในการผลติ ชิน้ งาน
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

3.1 ดา้ นความรู้
1. นกั เรียนสามารถอธิบายหลกั การสร้างสรรคง์ านประดษิ ฐผ์ ลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดทุ ้องถิน่ ได้
2. นักเรียนสามารถเลือกใช้เคร่ืองมือไดเ้ หมาะสมกับประเภทของงานประดิษฐ์ผลิตภัณฑจ์ ากวสั ดุ

ทอ้ งถน่ิ ได้
3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ
1. นกั เรียนสร้างสรรค์งานประดษิ ฐผ์ ลิตภณั ฑจ์ ากวสั ดุทอ้ งถนิ่ ได้

3.3 ดา้ นเจตคต/ิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค/์ คณุ ธรรมจริยธรรมทสี่ อดแทรก
3.3.1 นักเรยี นเห็นคณุ ค่าและความสาคัญของผลติ ภัณฑจ์ ากวัสดุท้องถ่ิน

4. สมรรถนะของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี

93

5. สาระการเรยี นรู้
1. หลักการสรา้ งสรรค์งานประดิษฐ์ผลติ ภัณฑจ์ ากวสั ดุท้องถ่นิ
2. ความรเู้ ก่ียวกบั เคร่อื งมือทีใ่ ช้ในงานประดษิ ฐผ์ ลิตภณั ฑจ์ ากวัสดทุ อ้ งถิ่น
3. การใช้และการบารงุ รักษาเครอ่ื งมอื เครอื่ งใช้

6. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมการเรยี นรู้

ขนั้ ท่ี 1 ระบุคาถาม
1. ครนู ารูปภาพหรอื ของจรงิ ทเ่ี กีย่ วกบั เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในงานประดิษฐ์ผลติ ภัณฑ์จากวสั ดุ ท้องถิ่น มาให้
นกั เรยี นดู เช่น ครมี เหลก็ กรรไกร แลว้ ครตู งั้ คาถามในเร่ืองที่เกี่ยวกบั ความสาคัญ และประโยชน์ของงาน
ประดิษฐผ์ ลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดุทอ้ งถ่นิ เพือ่ กระตนุ้ ความคิดและความสนใจ ของนกั เรยี น ตวั อย่างคาถาม เช่น

ครมี เหลก็ กรรไกร

- นกั เรียนคนใดเคยเห็นหรอื เคยใช้ เครื่องมือในรปู ภาพบา้ ง
- ใหน้ กั เรียนบอกช่อื เครอ่ื งมือ ทใี่ ชใ้ นงานประดษิ ฐผ์ ลิตภัณฑ์จากวสั ดุทอ้ งถ่นิ ที่
นกั เรียนรู้จักมาคนละ 1 ชนิด
ข้ันท่ี 2 แสวงหาความรู้ (15 นาที)
1. ครใู ห้นักเรียนนาคาถาม ทีค่ รูไดต้ ้งั คาถามไว้ มารว่ มกันสนทนาความรู้ โดยครเู ปดิ โอกาส
ใหน้ ักเรยี นแสดงความคดิ เห็นได้อย่างเตม็ ท่ี
2. ครใู ห้นกั เรียนศกึ ษาความรู้ ในเรอื่ งหลกั การสรา้ งสรรคง์ านประดิษฐ์ผลติ ภณั ฑ์จากวสั ดุ
ทอ้ งถิน่ และความร้เู กี่ยวกับเคร่ืองมอื ท่ใี ช้ในงานประดิษฐ์ผลติ ภัณฑ์จากวัสดุทอ้ งถ่ิน จากหนงั สือ
เรียนรายวชิ า การงานอาชพี ม. 1 หนา้ 136-143 ของบรษิ ัทศูนย์หนังสือเมืองไทย จากดั
ขั้นท่ี 3 สรา้ งความรแู้ ละสรุปความรู้ (20 นาท)ี
1. ครตู ัง้ คาถามในเรื่องเก่ยี วกบั หลกั การสรา้ งสรรคง์ านประดษิ ฐ์ผลติ ภัณฑจ์ ากวัสดุ
ทอ้ งถ่ินและความรเู้ กย่ี วกบั เครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นงานประดษิ ฐผ์ ลิตภัณฑ์จากวสั ดทุ อ้ งถน่ิ เพ่อื ให้
นักเรียนไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ หาความรู้ และสรปุ เป็นความรรู้ ่วมกนั ตวั อย่างคาถาม เช่น
- นกั เรยี นมีหลกั การสรา้ งสรรค์งานประดิษฐจ์ ากวัสดุท้องถิน่ อยา่ งไรบ้าง

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี

94

- นกั เรยี นรูจ้ กั เครือ่ งมือที่ใชใ้ นงานประดิษฐ์ผลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดทุ ้องถ่ินอะไรบ้าง
และมวี ิธกี ารใชง้ านและวธิ กี ารบารุงรกั ษาเครอื่ งมอื แต่ละชนดิ อยา่ งไร
ขนั้ ที่ 4 ส่ือสารและนาเสนอ (10 นาที)
1. ครูสมุ่ เลือกนกั เรยี น 3-4 คน ออกมาอธิบายความรใู้ นเรอ่ื งเครอื่ งมอื ท่ีใช้ในงาน
ประดิษฐผ์ ลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดุท้องถ่ินและวิธีการบารงุ รักษาเครื่องมอื เครือ่ งใช้แตล่ ะชนิด ให้เพื่อน ๆ
ฟังหน้าช้ันเรียน โดยครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นไดแ้ สดงความคดิ เหน็ อย่างเต็มท่ี
2. ครเู พ่มิ เติมความรทู้ ถ่ี ูกตอ้ งให้กบั นกั เรียน และใหน้ ักเรยี นร่วมกันสรุปความรใู้ นเรื่องท่ี
เกี่ยวกับ ความรใู้ นเรอื่ งเครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นงานประดิษฐผ์ ลิตภณั ฑจ์ ากวสั ดุทอ้ งถิ่นและวิธีการ
บารุงรักษาเครื่องมอื เครอ่ื งใชแ้ ต่ละชนดิ โดยครเู ขียนสรปุ ความร้ไู ว้บนกระดานดา

ขัน้ ที่ 5 ประเมนิ และบรกิ ารสังคม (10 นาที)
1. ครปู ระเมนิ นกั เรยี น โดยการต้ังคาถาม ในเร่อื งท่เี กย่ี วกบั หลกั การสรา้ งสรรคง์ าน

ประดษิ ฐผ์ ลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดุท้องถน่ิ และความรู้เกยี่ วกับเครื่องมือที่ใชใ้ นงานประดษิ ฐ์ผลติ ภณั ฑ์ จาก
วัสดทุ ้องถ่ิน การใช้และการบารงุ รกั ษาเครอื่ งมอื เคร่อื งใช้ เพ่อื ทดสอบความรูแ้ ละความเข้าใจ ของนกั เรยี น
เพ่อื ท่ีนักเรียนจะได้นาความรูไ้ ปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประวันได้ ตวั อยา่ งคาถามเช่น

- ถา้ ให้นกั เรยี นประดิษฐผ์ ลิตภัณฑ์จากวัสดทุ อ้ งถ่นิ จานวน 1 ชนิด นกั เรียนจะ
เลือกประดิษฐ์ผลติ ภณั ฑจ์ ากวัสดทุ ้องถ่นิ อะไร และใช้เคร่อื งมือและอปุ กรณใ์ นการ
ประดิษฐ์อะไรบ้าง

-ใหน้ ักเรยี นบอกชอื่ เครื่องมอื ท่ใี ช้ในงานประดษิ ฐผ์ ลิตภัณฑ์จากวัสดุทอ้ งถิ่น มา
คนละ 2 ชนดิ พรอ้ มทั้งวิธกี ารใช้งานและการบารุงรกั ษาเครือ่ งมอื

2. ครูและนักเรียนรว่ มกนั เฉลยคาตอบ

7. การบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เง่ือนไข)

หลักความพอประมาณ กาหนดเวลาท่ีใช้เวลาเหมาะสมกับเน้ือหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานที่
ได้รับมอบหมาย

หลักมเี หตุผล สามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ไดต้ ามเวลาทีก่ าหนด

หลักสรา้ งภมู คิ มุ้ กันในตัว วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องเวลาท่ี
ที่ดี อาจจะเกิดข้ึนได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนที่กาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า
นกั เรยี นได้เรียนร้อู ยา่ งเตม็ ที่ ครบกิจกรรมที่วางแผนไว้

-พื้นฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์

คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี

เงื่อนไขความรู้ ศิลปะ (ดนตรี) ที่ใช้ในการเรียนรู้เรื่องทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการ
แก้ปัญหา และหลักการทางานเพ่ือการดารงชวี ติ

-หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

เงอ่ื นไขคุณธรรม -ความร่วมมอื ในการทากิจกรรม
-ไมเ่ ห็นแก่ตวั มีน้าใจ เอือ้ อาทร ให้ความชว่ ยเหลือเพอ่ื นในกลุ่ม
-มคี วามมงุ่ มนั่ ในการทางาน -มีจติ อาสา

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎรธ์ านี

95

เศรษฐกจิ สังคม สิ่งแวดลอ้ ม วฒั นธรรม

8. สือ่ การเรียนรู้/แหลง่ การเรยี นรู้
1. สอ่ื ส่งิ พมิ พ์ เช่น หนังสือเครือ่ งมือและอุปกรณใ์ นการทาความสะอาดบ้าน หลักการจดั และตกแตง่

บ้าน
2. รปู ภาพบา้ นในลักษณะต่าง ๆ เชน่ รปู ภาพบ้านทีส่ ะอาดเรยี บร้อย รปู ภาพบา้ นที่สกปรก รกรุงรัง
3. เว็บไซนเ์ ก่ียวกบั การจดั บ้านให้น่าอยู่
4. สถานที่ เชน่ โรงเรียน บา้ น ชมุ ชน รา้ นคา้ ทีจ่ าหนา่ ยวัสดุอุปกรณใ์ นการทาความสะอาด
5. บุคคล เชน่ ครู ผปู้ กครอง สถาปนิก นกั ออกแบบ เพ่ือน ผรู้ ู้ สมาชกิ ในชุมชน สมาชกิ ในครอบครวั
6. หนังสือเรยี น รายวชิ าพนื้ ฐาน การงานอาชพี ม.1 ของบริษทั ศูนย์หนังสือเมอื งไทย จากดั

9. การวดั และการประเมนิ ผล

ประเด็นการพจิ ารณา วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

ความรู้ (K) - ประเมินผลงานจาก แบบประเมินผลงาน/
1. นักเรยี นสามารถอธิบาย ใบงาน/ช้นิ งาน ช้ินงานนกั เรียน

หลกั การสร้างสรรคง์ าน

ประดษิ ฐ์ผลิตภัณฑจ์ ากวสั ดุ ผา่ นขั้นต่าไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ย
ท้องถน่ิ ได้ ละ 60
2. นกั เรียนสามารถเลอื กใช้

เคร่อื งมอื ได้เหมาะสมกับ

ประเภทของงานประดิษฐ์

ผลิตภณั ฑ์จากวสั ดทุ ้องถิ่นได้

ทกั ษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสังเกตการตอบ
นกั เรียนสร้างสรรค์งานประดษิ ฐ์ - การตอบคาถาม คาถาม คะแนนต้งั แต่ 4-9 ผ่าน
ผลิตภัณฑจ์ ากวสั ดุท้องถน่ิ ได้
ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ การสงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม นกั เรียนท่ไี ดร้ ะดับคณุ ภาพ
รายบุคคล รายบคุ คล
(A) พอใชข้ ้ึนไป ถือวา่ ผา่ น

นักเรียนเห็นคณุ คา่ และ

ความสาคญั ของผลติ ภณั ฑ์จาก

วัสดุทอ้ งถนิ่
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ตาม ประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั แบบประเมนิ คุณลักษณะ
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษา พงึ ประสงค์ของผู้เรียน อนั พึงประสงคข์ อง ผา่ นขนั้ ตา่ ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ย
ข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ผเู้ รียน ละ 60
2551
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของ ประเมินสมรรถนะ แบบประเมินสมรรถนะ ผ่านขัน้ ต่าไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ย
ผู้เรยี น สาคญั ของผ้เู รยี น สาคญั ของผเู้ รียน ละ 60

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี


Click to View FlipBook Version