The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนครูเรวดี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaimath2514, 2021-11-11 01:50:44

การงานอาชีพ 2

แผนการสอนครูเรวดี

- ความสามารถในการสอื่ สาร 96
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ กั ษะ ลงช่ือ ..................................................ครผู ้สู อน
ชีวติ (นางสาวเรวดี ศรีขาว)
- ความสามารถในการแกป้ ญั หา .........../.............../..................
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎรธ์ านี

97

บันทึกหลังสอนแผนการสอนท่ี 12
1. ผลการสอนระดับชนั้ ม.1

 สอนได้ตามแผนการจดั การเรียนรู้
 สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนอื่ งจาก .............................................................................
10.ผลที่เกดิ กบั ผเู้ รยี น
1.) การประเมินผลความรหู้ ลังการเรียน โดยใช…้ …………………….....................................พบว่านักเรียน
ผ่านการประเมินคดิ เป็นรอ้ ยละ................... ไม่ผา่ นเกณฑข์ ั้นตา่ ทก่ี าหนดไว้คิดเปน็ ร้อยละ...................................
ได้แก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการเรียน โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นกั เรียน
ผา่ นการประเมนิ คดิ เปน็ รอ้ ยละ.....................……. ไมผ่ ่านเกณฑข์ น้ั ตา่ ท่กี าหนดไวค้ ดิ เปน็ ร้อยละ.........................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ดา้ นคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ เรียน โดย
ใช…้ …………………….............................................พบว่านักเรียนผา่ นการประเมินคดิ เป็นร้อยละ............... ไมผ่ ่าน
เกณฑข์ น้ั ต่าทีก่ าหนดไวค้ ดิ เป็นร้อยละ.................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค
 กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
 มีนักเรยี นทาใบงาน/ใบกิจกรรมไมท่ นั ตามกาหนดเวลา
 มีนักเรยี นทไ่ี มส่ นใจเรยี น
 อ่นื ๆ ................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนาแผนไปปรับปรงุ เร่อื ง ..........................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนกั เรยี นท่ไี ม่ผ่านการประเมิน .....................................................................................
 ไมม่ ขี อ้ เสนอแนะ

ลงช่อื ผู้สอน
( นางสาวเรวดี ศรีขาว )
วันที.่ ......./.................../.................

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี

98

ความคิดเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระฯ ความคิดเหน็ ของหวั หนา้ วิชาการ
1.เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง ……………………………………………………………………………………
2.การจัดกจิ กรรมการเรยี นรูไ้ ด้นาเอากระบวนการเรียนรู้
 ที่เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงช่ือ................................................
(นางณฐั ญิ า คาโส)
เหมาะสมกบั ศักยภาพที่แตกต่างกนั ของผู้เรียน
 ทย่ี ังไม่เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นา ความคิดเห็นของผูอ้ านวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา
ต่อไป ……………………………………………………………………………………
3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใชไ้ ดจ้ ริง  ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอ่ืน ๆ
…………………………………………………… ลงชอื่ ................................................
(นายโสภณ ทองจติ ร)
ลงชอ่ื .......................................................
( นางสาวพนชั ฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สุราษฎร์ธานี

99

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 13

กล่มุ สาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1

รายวิชา การงานอาชีพ รหสั วชิ า ง 21102

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 เรอื่ ง งานประดิษฐ์ จานวน 1 ชวั่ โมง

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13 เรอ่ื ง อปุ กรณใ์ นงานชา่ งและงานประดิษฐ์ผลติ ภัณฑ์จากวสั ดุท้องถ่ิน

จานวน 1 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ดั
มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทางาน มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการทางาน ทักษะการจดั การ ทักษะ
กระบวนการแก้ปัญหา ทกั ษะการทางานร่วมกนั และทักษะการแสวงหาความรู้ มีคณุ ธรรม และลกั ษณะนิสัยใน
การทางาน มจี ิตสานกึ ในการใช้พลังงาน ทรพั ยากรและส่งิ แวดลอ้ ม เพื่อการดารงชวี ติ และครอบครวั
ตัวช้ีวัดท่ี

ง 1.1 ม.1/1 วิเคราะหข์ ้ันตอนการทางานตามกระบวนการทางาน
ง 1.1 ม.1/2 ใชก้ ระบวนการกลุม่ ในการทางาน ดว้ ยความเสยี สละ
ง 1.1 ม.1/3 ตดั สนิ ใจแก้ปญั หาการทางานอย่างมเี หตุผล
2. สาระสาคัญ
งานการทางานชา่ งและงานประดิษฐผ์ ลิตภัณฑจ์ ากวัสดทุ ้องถิน่ ตอ้ งร้จู กั ใชว้ สั ดุอุปกรณใ์ นการทางานให้
เหมาะสม ใชอ้ ุปกรณด์ ว้ ยความระมดั ระวงั เม่ือใช้เครื่องมือเสร็จควรจดั เก็บและรกั ษาอปุ กรณใ์ หถ้ ูกวิธี
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้

1. นกั เรียนสามารถอธบิ ายความสาคัญของงานชา่ งและงานประดษิ ฐไ์ ด้

3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ
1. นกั เรยี นเลือกใชอ้ ุปกรณว์ สั ดุและเศษวัสดทุ ่ใี ชใ้ นงานช่างและงานประดษิ ฐ์ได้

3.3 ด้านเจตคติ/คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค/์ คุณธรรมจรยิ ธรรมที่สอดแทรก
3.3.1 นกั เรียนใชอ้ ุปกรณอ์ ย่างระมัดระวัง

4. สมรรถนะของผูเ้ รยี น
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. สาระการเรยี นรู้
1. ความสาคญั ของงานชา่ งและงานประดษิ ฐ์
2. อุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นงานชา่ งและงานประดษิ ฐ์
3. วสั ดุและเศษวสั ดุทใี่ ช้ในงานประดิษฐ์

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎร์ธานี

100

6. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมการเรียนรู้

ขนั้ ท่ี 1 ระบคุ าถาม
1. ครูนารูปภาพหรือของจริง ท่เี กยี่ วกบั อปุ กรณแ์ ละวสั ดุ และเศษวัสดุทใ่ี ช้ในงาน ประดษิ ฐ์ เช่น
กรรไกร เข็มและด้าย มดี หรือคตั เตอร์ ไม้บรรทดั และดินสอ กล่องกระดาษ ขวดแกว้ ฝานา้ อดั ลม หลอดดดู
เปลือกหอย เศษผ้า มาให้นักเรียนดู แลว้ ครตู ้งั คาถามในเรื่องทีเ่ กีย่ วกับ อุปกรณ์และวสั ดุ และเศษวัสดทุ ี่
ใช้ในงานประดิษฐ์ เพอ่ื กระตุน้ ความคิดและความสนใจของ นักเรียน ตวั อยา่ งคาถาม เช่น

อุปกรณ์และวสั ดุทีใ่ ชใ้ นงานประดษิ ฐ์

เศษวัสดทุ ่ีใช้ในงานประดิษฐ์
- นักเรยี นคนใดเคยเห็นหรือเคยใช้ เครอื่ งมือในรปู ภาพบ้าง
- ให้นกั เรยี นบอกชอื่ อุปกรณท์ ่ใี ชใ้ นงานชา่ งและงานประดษิ ฐท์ ่ีนกั เรยี นรูจ้ ัก มาคน
ละ 1 ชนิด
- วสั ดุและเศษวสั ดทุ ีใ่ ชใ้ นงานประดษิ ฐ์ ท่ีนักเรยี นร้จู ักและสามารถนามาประดิษฐ์
เป็นผลิตภณั ฑ์จากวัสดทุ อ้ งถ่นิ มอี ะไรบ้าง
ข้นั ที่ 2 แสวงหาความรู้ (15 นาที)
1. ครใู ห้นักเรียนนาคาถาม ท่คี รูไดต้ ง้ั คาถามไว้ มารว่ มกนั สนทนาความรู้ โดยครเู ปิด โอกาส
ให้นกั เรียนแสดงความคดิ เหน็ ไดอ้ ยา่ งเต็มท่ี
2. ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาความรู้ ในเร่ืองอปุ กรณใ์ นงานชา่ งและงานประดิษฐผ์ ลิตภัณฑจ์ าก
วสั ดุท้องถิน่ จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ า การงานอาชีพ ม. 1 หนา้ 144-147 ของบรษิ ัทศนู ย์หนังสอื
เมอื งไทย จากดั

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี

101

ขั้นที่ 3 สรา้ งความร้แู ละสรุปความรู้ (30 นาที)
1. ครตู ง้ั คาถามในเรื่องเกยี่ วกับ อุปกรณใ์ นงานชา่ งและ วสั ดแุ ละเศษวสั ดทุ ใ่ี ช้ในงาน

ประดิษฐ์เพื่อให้นกั เรยี นได้ศึกษาค้นควา้ หาความรู้ และสรุปเป็นความรู้รว่ มกนั ตัวอยา่ งคาถาม เช่น

- นกั เรียนรู้จกั อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นงานประดษิ ฐผ์ ลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดุทอ้ งถน่ิ อะไรบ้าง
และมวี ธิ ีการใชง้ านและวธิ ีการบารุงรกั ษาเคร่ืองมอื แต่ละชนดิ อย่างไร

- วสั ดแุ ละเศษวสั ดุแตกตา่ งกนั อย่างไร
- วัสดทุ ี่สามารถนามาประดษิ ฐ์เปน็ ผลิตภณั ฑ์จากวสั ดทุ อ้ งถนิ่ มอี ะไรบ้าง และมี
วิธกี ารเก็บรกั ษาอยา่ งไร
- เศษวัสดทุ ีส่ ามารถนามาประดษิ ฐ์เปน็ ผลติ ภัณฑจ์ ากวสั ดทุ ้องถ่ิน มีอะไรบ้าง
และมวี ธิ กี ารเก็บรกั ษาอย่างไร
ขน้ั ที่ 4 ส่อื สารและนาเสนอ (10 นาที)
1. ครสู ุ่มเลอื กนักเรียน 3-4 คน ออกมาอธบิ ายความรใู้ นเรอื่ งอปุ กรณใ์ นงานชา่ งและ วสั ดุ
และเศษวสั ดทุ ่ใี ชใ้ นงานประดษิ ฐ์ ทค่ี รไู ดต้ ้ังคาถามไว้ ใหเ้ พื่อน ๆ ฟงั หนา้ ชน้ั เรียน โดยครเู ปดิ โอกาส
ให้นักเรียนไดแ้ สดงความคิดเหน็ อยา่ งเตม็ ที่
2. ครเู พม่ิ เตมิ ความร้ทู ่ถี ูกต้องให้กับนักเรียน และใหน้ กั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความรใู้ นเร่อื งที่
เกยี่ วกบั อปุ กรณ์ในงานชา่ งและ วัสดุและเศษวัสดุท่ีใชใ้ นงานประดษิ ฐ์ โดยครเู ขยี นสรปุ ความรไู้ ว้ บน
กระดานดา
ขน้ั ที่ 5 ประเมินและบริการสงั คม (10 นาท)ี
1. ครูประเมินนกั เรียน โดยการต้ังคาถาม ในเรอ่ื งทเ่ี กย่ี วกบั อุปกรณใ์ นงานชา่ งและ วสั ดุ และ
เศษวัสดุทีใ่ ช้ในงานประดษิ ฐ์ เพื่อทดสอบความร้แู ละความเข้าใจของนกั เรยี น เพื่อทน่ี กั เรยี นจะ ไดน้ าความรู้ไป
ประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประวนั ได้ ตัวอย่างคาถามเช่น
- อปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ นงานช่างและงานประดิษฐ์ มอี ะไรบา้ ง ให้นักเรียนยกตวั อยา่ งมา
คนละ 1 ชนดิ พร้อมทงั้ อธบิ ายวิธกี ารใช้งาน และวิธีการเกบ็ รกั ษา
- ถา้ ให้นกั เรียนประดิษฐผ์ ลติ ภัณฑ์จากวสั ดุท้องถ่นิ จานวน 1 ชนดิ นกั เรียนจะ
เลอื กประดิษฐผ์ ลิตภณั ฑจ์ ากวัสดุท้องถนิ่ อะไร และเลือกใช้อุปกรณ์และวสั ดุ หรือเศษวสั ดุ
ในการประดิษฐ์อะไรบา้ ง
- นักเรยี นคดิ ว่า วสั ดุและเศษวสั ดุ มคี วามแตกตา่ งกนั อย่างไร
- วัสดแุ ละเศษวสั ดทุ ่ีสามารถนามาใช้ในงานประดษิ ฐม์ ีอะไรบ้าง แต่ละชนดิ มี
วธิ ีการเก็บรักษาอยา่ งไร
2. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยคาตอบ
7. การบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 ห่วง 2 เงื่อนไข)

หลกั ความพอประมาณ กาหนดเวลาที่ใช้เวลาเหมาะสมกับเน้ือหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานท่ี
ได้รับมอบหมาย
หลักมีเหตุผล
หลกั สร้างภูมิค้มุ กนั ในตัว สามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นร้ไู ดต้ ามเวลาท่กี าหนด
ที่ดี
วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพ่ือป้องกันปัญหาเร่ืองเวลาท่ี
อาจจะเกิดข้ึนได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนที่กาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี

102

เงอื่ นไขความรู้ นกั เรยี นได้เรยี นรูอ้ ยา่ งเตม็ ที่ ครบกจิ กรรมท่ีวางแผนไว้

-พ้ืนฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ศิลปะ (ดนตรี) ท่ีใช้ในการเรียนรู้เรื่องทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการ
แกป้ ญั หา และหลกั การทางานเพ่อื การดารงชีวิต
-หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

เง่ือนไขคณุ ธรรม -ความรว่ มมอื ในการทากจิ กรรม
-ไมเ่ หน็ แก่ตวั มีนา้ ใจ เออ้ื อาทร ให้ความชว่ ยเหลอื เพอื่ นในกลุ่ม
-มคี วามม่งุ มน่ั ในการทางาน -มีจิตอาสา

เศรษฐกจิ สังคม สิง่ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม

8. สือ่ การเรียนรู้/แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียน รายวชิ าพืน้ ฐานการงานอาชพี ม.1 ของบริษทั ศนู ย์หนงั สือ เมืองไทย จากดั
2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น ผลติ ภัณฑ์จากวัสดุท้องถิ่น
3. เว็บไซตเ์ กีย่ วกบั อุปกรณ์ทใี่ ช้ในงานประดิษฐผ์ ลติ ภณั ฑจ์ ากวัสดุท้องถนิ่ งาน ประดิษฐ์จาก

วสั ดแุ ละเศษวสั ดุ เช่น
- sites.google.com › site › koonayareep › phaenkar-cadkar-reiyn-ru › print วัสดุ

สังเคราะห์ - Google Sites
- sidasun.blogspot.com › 2010/04 › blog-post วัสดทุ ใ่ี ชใ้ นการสรา้ งส่ิงประดษิ ฐ์ –

sidasun
- kru1plaka.wordpress.com › ... การเลือกใชเ้ ศษวัสดุ | ประดิษฐ์ดอกไม้จากเศษวัสดุเหลือ

ใช้
4. รปู ภาพหรือของจรงิ ทเ่ี กี่ยวกับ อุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นงานประดษิ ฐ์ และวัสดแุ ละเศษวัสดุทใี่ ช้ ในงาน

ประดิษฐ์
แหลง่ เรียนรู้
1. หอ้ งสมุดโรงเรียน

9. การวดั และการประเมนิ ผล

ประเดน็ การพจิ ารณา วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
ความรู้ (K) ผา่ นขั้นตา่ ไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ย
นักเรยี นสามารถอธบิ าย - ประเมินผลงานจาก แบบประเมนิ ผลงาน/
ความสาคญั ของงานช่างและ ใบงาน/ชนิ้ งาน ชน้ิ งานนกั เรยี น ละ 60
งานประดิษฐ์ได้
ทักษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสังเกตการตอบ คะแนนต้ังแต่ 4-9 ผ่าน

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี

103

นกั เรียนเลอื กใชอ้ ปุ กรณว์ ัสดุ - การตอบคาถาม คาถาม
และเศษวสั ดุท่ีใช้ในงานชา่ งและ
งานประดิษฐ์ได้
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ การสังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม
(A) รายบคุ คล รายบุคคล นักเรียนทไ่ี ด้ระดับคณุ ภาพ
นกั เรยี นใชอ้ ปุ กรณอ์ ยา่ ง พอใช้ข้นึ ไป ถือวา่ ผ่าน

ระมดั ระวัง
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคต์ าม ประเมนิ คุณลักษณะอัน แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษา พงึ ประสงค์ของผูเ้ รยี น อันพงึ ประสงคข์ อง ผา่ นขัน้ ต่าไม่น้อยกวา่ รอ้ ย
ขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ผเู้ รียน ละ 60
2551
ดา้ นสมรรถนะสาคัญของ ประเมนิ สมรรถนะ แบบประเมนิ สมรรถนะ
ผเู้ รียน สาคัญของผ้เู รยี น สาคัญของผูเ้ รียน
- ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ ักษะ ผ่านขั้นต่าไม่นอ้ ยกว่าร้อย
ชีวิต ละ 60

- ความสามารถในการแก้ปญั หา
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ลงช่อื ..................................................ครูผู้สอน
(นางสาวเรวดี ศรขี าว)
.........../.............../..................

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎร์ธานี

104

บันทึกหลงั สอนแผนการสอนที่ 13
1. ผลการสอนระดบั ชั้น ม.1

 สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้
 สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ เน่ืองจาก .............................................................................
11.ผลทเ่ี กิดกับผเู้ รียน
1.) การประเมินผลความรูห้ ลังการเรยี น โดยใช…้ …………………….....................................พบวา่ นกั เรียน
ผ่านการประเมินคิดเป็นรอ้ ยละ................... ไม่ผา่ นเกณฑ์ขน้ั ตา่ ท่ีกาหนดไว้คิดเป็นรอ้ ยละ...................................
ได้แก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมินด้านทกั ษะกระบวนการเรยี น โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นกั เรยี น
ผ่านการประเมนิ คดิ เปน็ รอ้ ยละ.....................……. ไมผ่ า่ นเกณฑข์ ้ันตา่ ทีก่ าหนดไวค้ ิดเปน็ ร้อยละ.........................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ เรยี น โดย
ใช…้ …………………….............................................พบวา่ นกั เรียนผา่ นการประเมนิ คดิ เป็นรอ้ ยละ............... ไม่ผ่าน
เกณฑข์ นั้ ตา่ ที่กาหนดไวค้ ิดเป็นรอ้ ยละ.................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปญั หาและอปุ สรรค
 กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มีนักเรียนทาใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามกาหนดเวลา
 มีนักเรียนทีไ่ มส่ นใจเรยี น
 อน่ื ๆ ................................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนาแผนไปปรับปรุง เรื่อง ..........................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนกั เรยี นทไี่ มผ่ า่ นการประเมนิ .....................................................................................
 ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ

ลงชือ่ ผ้สู อน
( นางสาวเรวดี ศรีขาว )
วันที.่ ......./.................../.................

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี

105

ความคดิ เห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหัวหน้าวิชาการ
1.เป็นแผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง ……………………………………………………………………………………
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ไู ดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
 ทีเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงชื่อ................................................
(นางณฐั ญิ า คาโส)
เหมาะสมกบั ศกั ยภาพที่แตกตา่ งกันของผู้เรยี น
 ทยี่ ังไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นา ความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียนพนมศึกษา
ต่อไป ……………………………………………………………………………………
3.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอ่ืน ๆ
…………………………………………………… ลงชือ่ ................................................
(นางผกา สามารถ)
ลงชื่อ.......................................................
( นางสาวพนัชฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรียนพนมศึกษา

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี

106

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 14 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ การงานอาชพี รหัสวิชา ง 21102
รายวิชา การงานอาชพี จานวน 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 เร่อื ง งานประดษิ ฐ์ จานวน 1 ชวั่ โมง
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 14 เร่ือง การประดษิ ฐ์ผลิตภณั ฑจ์ ากวัสดุทอ้ งถนิ่

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ง 1.1 เข้าใจการทางาน มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ มีทักษะกระบวนการทางาน ทักษะการจดั การ ทักษะ
กระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการทางานร่วมกัน และทกั ษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม และลักษณะนิสยั ใน
การทางาน มจี ติ สานึกในการใชพ้ ลงั งาน ทรพั ยากรและส่งิ แวดลอ้ ม เพ่ือการดารงชีวติ และครอบครวั
ตวั ชว้ี ัดท่ี

ง 1.1 ม.1/1 วเิ คราะหข์ น้ั ตอนการทางานตามกระบวนการทางาน
ง 1.1 ม.1/2 ใชก้ ระบวนการกลุม่ ในการทางาน ดว้ ยความเสยี สละ
ง 1.1 ม.1/3 ตดั สินใจแก้ปญั หาการทางานอย่างมเี หตผุ ล

2. สาระสาคญั
การนาเอาวสั ดทุ ้องถิน่ มาประดษิ ฐเ์ ป็นผลติ ภณั ฑ์ ทาให้เกดิ ความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละจินตนาการในการ

ประดิษฐผ์ ลิตภัณฑ์ เพือ่ ให้เกิดประโยชนใ์ ช้สอยในด้านตา่ ง ๆ และเปน็ ช่องทางในการเพ่มิ รายได้ใหก้ ับครอบครวั
3. จุดประสงค์การเรียนรู้

3.1 ด้านความรู้
1. นักเรียนสามารถมคี วามคดิ สร้างสรรค์ในการประดิษฐ์ผลิตภณั ฑ์

3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ
1. นักเรียนสามารถประดิษฐ์ผลิตภัณฑจ์ ากวัสดุทอ้ งถ่ินได้

3.3 ดา้ นเจตคต/ิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค/์ คณุ ธรรมจริยธรรมที่สอดแทรก
3.3.1 นักเรยี นนาผลติ ภณั ฑ์มาประดิษฐเ์ พื่อกอ่ ประโยชน์ในดา้ นตา่ ง ๆ

4. สมรรถนะของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
4.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. สาระการเรยี นรู้
1. การประดษิ ฐผ์ ลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดทุ ้องถ่ิน
2. การประดิษฐด์ อกรวงข้าว
3. การประดิษฐ์ไฟดอกไม้สรา้ งสรรคจ์ ากใบยางพารา

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎร์ธานี

107

4. การประดษิ ฐด์ อกไมส้ รา้ งสรรคจ์ ากใบยางพารา
5. การประดิษฐด์ อกกหุ ลาบสรา้ งสรรค์จากใบยางพารา

6. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมการเรียนรู้

ขัน้ ที่ 1 ระบคุ าถาม
1. ครนู ารูปภาพหรือของจริง ทีเ่ กย่ี วกบั การประดิษฐผ์ ลิตภัณฑจ์ ากวสั ดุทอ้ งถ่นิ เชน่ ดอก รวง
ข้าวจากใบลาน ดอกไมไ้ ฟสร้างสรรคจ์ ากใบยางพารา ดอกกุหลาบสรา้ งสรรค์จากใบยางพารา มาใหน้ ักเรยี นดู
แลว้ ครูต้งั คาถามในเรื่องท่ีเก่ยี วกบั การประดษิ ฐผ์ ลิตภณั ฑจ์ ากวัสดุท้องถ่ิน เพอื่ กระตนุ้ ความคดิ และความสนใจ
ของนักเรยี น ตวั อย่างคาถาม เช่น

ดอกรวงข้าวจากใบลาน

ดอกไม้ไฟสรา้ งสรรคจ์ ากใบยางพารา
- นกั เรียนคนใดเคยเหน็ หรอื เคยประดษิ ฐผ์ ลิตภณั ฑจ์ ากวัสดุท้องถนิ่ บ้าง
- วัสดแุ ละเศษวัสดทุ ใ่ี ชใ้ นงานประดษิ ฐ์ ทน่ี ักเรียนรู้จักและสามารถนามาประดิษฐ์
เปน็ ผลติ ภณั ฑ์จากวสั ดุทอ้ งถ่นิ มอี ะไรบ้าง
ข้นั ที่ 2 แสวงหาความรู้ (15 นาที)
1. ครใู หน้ กั เรยี นนาคาถาม ทคี่ รไู ดต้ ัง้ คาถามไว้ มาร่วมกันสนทนาความรู้ โดยครูเปิด โอกาส
ใหน้ กั เรียนแสดงความคดิ เห็นได้อย่างเตม็ ท่ี
2. ครใู หน้ กั เรียนศึกษาความรู้ ในเรอ่ื งการประดษิ ฐ์ผลติ ภัณฑ์จากวสั ดุท้องถ่ิน จากหนังสอื
เรยี นรายวิชา การงานอาชพี ม. 1 หนา้ 148-152 ของบรษิ ทั ศนู ยห์ นงั สอื เมืองไทย จากดั
ขั้นที่ 3 สรา้ งความรแู้ ละสรปุ ความรู้ (20 นาท)ี
1. ครใู ห้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 4 กลมุ่ ให้แตล่ ะกลุ่มจับฉลากเลือกหวั ขอ้ ท่จี ะต้อง ทางาน
กลุ่ม กลมุ่ ละ1 หัวข้อ ดงั นี้
กลมุ่ ที่ 1 การประดษิ ฐด์ อกรวงขา้ ว

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎรธ์ านี

108

กลมุ่ ท่ี 2 การประดษิ ฐ์ไฟดอกไมส้ รา้ งสรรคจ์ ากใบยางพารา
กลมุ่ ท่ี 3 การประดษิ ฐด์ อกไม้สรา้ งสรรค์จากใบยางพารา
กลุ่มท่ี 4 การประดษิ ฐด์ อกกหุ ลาบสร้างสรรคจ์ ากใบยางพารา
2. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาความร้ใู นเรอ่ื งท่ี กลมุ่ ได้รบั ผิดชอบ แลว้ ให้สมาชกิ ในกลมุ่
ร่วมกันลงมอื ประดษิ ฐผ์ ลิตภัณฑ์จากวสั ดทุ อ้ งถิน่ ที่กลุ่มไดร้ บั ผิดชอบ โดยครมู อี ปุ กรณแ์ ละ
เครอ่ื งมือให้
ขน้ั ท่ี 4 สอื่ สารและนาเสนอ (10 นาที)
1. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่ม ส่งตวั แทนออกมาแสดงผลงาน และอธบิ ายวธิ กี ารและ
ขนั้ ตอนในการประดษิ ฐ์ผลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดุทอ้ งถนิ่ หนา้ ชั้นเรียน
2. ครูเพิม่ เติมความรู้ที่ถูกตอ้ งใหก้ ับนักเรียน และใหน้ ักเรยี นร่วมกนั สรุปความรใู้ นเร่อื งที่
เกีย่ วกับ การประดิษฐผ์ ลติ ภัณฑจ์ ากวสั ดุท้องถ่ิน
ขั้นท่ี 5 ประเมนิ และบริการสังคม (10 นาที)
1. ครูประเมนิ นักเรยี น โดยการตรวจผลงานการประดษิ ฐ์ผลติ ภณั ฑจ์ ากวสั ดทุ ้องถิน่ ของแตล่ ะ
กล่มุ

7. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (3 หว่ ง 2 เงอ่ื นไข)

หลักความพอประมาณ กาหนดเวลาที่ใช้เวลาเหมาะสมกับเน้ือหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานที่
หลักมีเหตุผล ได้รับมอบหมาย

หลักสร้างภูมิคุ้มกันในตวั สามารถจัดกิจกรรมการเรยี นรูไ้ ด้ตามเวลาทก่ี าหนด
ท่ีดี
วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องเวลาที่
เง่อื นไขความรู้ อาจจะเกิดข้ึนได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนท่ีกาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า
นักเรยี นไดเ้ รียนรูอ้ ย่างเตม็ ท่ี ครบกิจกรรมท่ีวางแผนไว้

-พื้นฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ศิลปะ (ดนตรี) ที่ใช้ในการเรียนรู้เร่ืองทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการ
แก้ปญั หา และหลกั การทางานเพ่ือการดารงชีวิต
-หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

เง่อื นไขคณุ ธรรม -ความร่วมมอื ในการทากิจกรรม
-ไม่เหน็ แก่ตวั มีนา้ ใจ เอือ้ อาทร ใหค้ วามช่วยเหลือเพอ่ื นในกล่มุ
-มคี วามมงุ่ ม่นั ในการทางาน -มีจติ อาสา

เศรษฐกจิ สังคม ส่งิ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎร์ธานี

109

8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพน้ื ฐานการงานอาชพี ม.1 ของบริษัท ศูนยห์ นังสือ เมอื งไทย จากัด
2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือท่ีเกย่ี วกบั งานฝึกฝมี อื งานประดิษฐ์จากวัสดแุ ละเศษวัสดุ
3. เว็บไซตง์ านประดิษฐผ์ ลติ ภณั ฑ์จากวัสดทุ อ้ งถน่ิ เชน่
- productsilathong.blogspot.com งานผลิตภณั ฑ์จากวัสดใุ นทอ้ งถนิ่
- prezi.com › presentation การประดิษดิษฐข์ องใชข้ องตกแต่งจากวัสดทุ อ้ งถนิ่ by Mon
Nuntasan
- www.filesthaischool1.com › uppic › news งานประดษิ ฐจ์ ากเศษวสั ดเุ หลอื ใช้. -
filesthaischool1.com
4. รปู ภาพหรอื ของจริงที่เกย่ี วกับ ดอกรวงขา้ วจากใบลาน ดอกไม้ไฟสรา้ งสรรค์จากใบ ยางพารา
แหล่งเรยี นรู้
1. หอ้ งสมดุ โรงเรียน

9. การวัดและการประเมินผล

ประเด็นการพจิ ารณา วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน

ความรู้ (K) - ประเมินผลงานจาก แบบประเมนิ ผลงาน/
นกั เรยี นสามารถมคี วามคดิ ใบงาน/ชนิ้ งาน ชิน้ งานนักเรยี น
สรา้ งสรรค์ในการประดิษฐ์ ผ่านขัน้ ต่าไม่น้อยกวา่ ร้อย
ละ 60

ผลติ ภัณฑ์

ทักษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสังเกตการตอบ คะแนนตัง้ แต่ 4-9 ผา่ น
นกั เรยี นสามารถประดษิ ฐ์ - การตอบคาถาม คาถาม
ผลติ ภณั ฑจ์ ากวัสดุท้องถ่นิ ได้
ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ การสังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
(A) รายบุคคล รายบุคคล นักเรียนที่ได้ระดับคณุ ภาพ
นกั เรยี นนาผลิตภัณฑ์มา พอใช้ขึน้ ไป ถือวา่ ผา่ น

ประดิษฐ์เพอ่ื ก่อประโยชน์ใน

ดา้ นตา่ ง ๆ
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ตาม ประเมินคุณลกั ษณะอนั แบบประเมินคุณลักษณะ
หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา พึงประสงค์ของผเู้ รยี น อนั พึงประสงคข์ อง ผ่านขัน้ ตา่ ไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ย
ขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช ผู้เรยี น ละ 60
2551
ด้านสมรรถนะสาคัญของ ประเมนิ สมรรถนะ แบบประเมนิ สมรรถนะ
ผู้เรยี น สาคญั ของผ้เู รียน สาคญั ของผู้เรยี น
- ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ความสามารถในการคดิ ผ่านขนั้ ต่าไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ย
- ความสามารถในการใชท้ ักษะ ละ 60

ชวี ิต
- ความสามารถในการแก้ปัญหา

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี

- ความสามารถในการใช้ 110
เทคโนโลยี
ลงช่ือ ..................................................ครผู ้สู อน
(นางสาวเรวดี ศรขี าว)
.........../.............../..................

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎร์ธานี

111

บันทกึ หลังสอนแผนการสอนที่ 14
1. ผลการสอนระดบั ช้ัน ม.1

 สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้
 สอนไม่ไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนือ่ งจาก .............................................................................
12.ผลทีเ่ กดิ กับผเู้ รยี น
1.) การประเมนิ ผลความร้หู ลังการเรียน โดยใช…้ …………………….....................................พบว่านกั เรียน
ผา่ นการประเมนิ คดิ เปน็ รอ้ ยละ................... ไม่ผา่ นเกณฑข์ น้ั ตา่ ทก่ี าหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ...................................
ไดแ้ ก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมินด้านทกั ษะกระบวนการเรียน โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นกั เรยี น
ผา่ นการประเมินคิดเปน็ รอ้ ยละ.....................……. ไม่ผา่ นเกณฑข์ ั้นต่าท่กี าหนดไว้คิดเป็นรอ้ ยละ.........................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ดา้ นคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ เรียน โดย
ใช…้ …………………….............................................พบว่านกั เรียนผ่านการประเมนิ คดิ เป็นร้อยละ............... ไม่ผา่ น
เกณฑ์ขั้นต่าท่กี าหนดไวค้ ิดเป็นรอ้ ยละ.................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
 กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
 มีนักเรียนทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ นั ตามกาหนดเวลา
 มนี กั เรียนทไี่ มส่ นใจเรียน
 อ่นื ๆ ................................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนาแผนไปปรบั ปรุง เรื่อง ..........................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนกั เรยี นทไ่ี มผ่ ่านการประเมนิ .....................................................................................
 ไม่มขี ้อเสนอแนะ

ลงชอื่ ผูส้ อน
( นางสาวเรวดี ศรีขาว )
วนั ที.่ ......./.................../.................

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎร์ธานี

112

ความคดิ เหน็ ของหวั หน้ากลมุ่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหัวหนา้ วชิ าการ
1.เป็นแผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง ……………………………………………………………………………………
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรูไ้ ดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
 ทีเ่ น้นผูเ้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงช่ือ................................................
(นางณฐั ิญา คาโส)
เหมาะสมกบั ศักยภาพที่แตกตา่ งกันของผู้เรยี น
 ทยี่ ังไมเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นา ความคิดเหน็ ของผอู้ านวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา
ต่อไป ……………………………………………………………………………………
3.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใชไ้ ด้จรงิ  ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ
…………………………………………………… ลงช่อื ................................................
(นางผกา สามารถ)
ลงช่ือ.......................................................
( นางสาวพนัชฎา เทวรรณะ ) ผู้อานวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี

113

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 15 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ การงานอาชพี รหัสวชิ า ง 21102
รายวิชา การงานอาชพี จานวน 1 ช่วั โมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7 เรอื่ ง อาชีพแหละบคุ ลกิ ภาพ จานวน 1 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 15 เร่อื ง หลกั ในการเลือกอาชพี

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน ง 1.1 เข้าใจ มีทักษะทจี่ าเป็น มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชีพ ใช้เทคโนโลยีเพอ่ื พัฒนา
อาชพี มีคณุ ธรรมและเจตคติทด่ี ีต่ออาชพี

ตวั ชีว้ ดั ท่ี
ง 1.1 ม.1/1 อธิบายแนวทางสอู่ าชพี ทส่ี นใจ
ง 1.1 ม.1/2 เลอื ก และใช้เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมกบั อาชพี
ง 1.1 ม.1/3 มีประสบการณใ์ นอาชพี ทถ่ี นัดและสนใจ
ง 1.1 ม.1/4 มคี ณุ ลักษณะทีด่ ตี ่ออาชพี

2. สาระสาคัญ
การตดั สินใจเลอื กอาชพี เป็นสง่ิ ท่สี าคัญที่ตอ้ งรหู้ ลกั การ วธิ กี าร และขน้ั ตอนในการเลอื กอาชีพ เพราะถา้

ตดั สินใจเลือกอาชพี ทเี่ หมาะสมกับตนเอง กจ็ ะทาให้มคี วามสุขและมีความกา้ วหน้าในอาชพี
3. จุดประสงค์การเรียนรู้

3.1 ดา้ นความรู้
1. นักเรยี นสามารถอธิบายหลกั ในการเลือกอาชพี ได้

3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ
1. นกั เรยี นสามารถวิเคราะหป์ ัญหาในการเลอื กอาชพี ได้

3.3 ดา้ นเจตคต/ิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค/์ คุณธรรมจริยธรรมที่สอดแทรก
3.3.1 นักเรียนเลอื กอาชีพทเ่ี หมาะสมกบั ตวั เองได้

4. สมรรถนะของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. สาระการเรยี นรู้
1. หลกั ในการเลอื กอาชพี
2. ปญั หาก่อนตดั สินใจเลือกอาชพี

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสรุ าษฎร์ธานี

114

6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมการเรียนรู้

ขน้ั ท่ี 1 ระบุคาถาม
1. ครูนารปู ภาพ ทเ่ี ก่ยี วกบั การประกอบอาชีพตา่ งๆ เชน่ อาชีพครู อาชพี หมอ อาชพี พยาบาล อาชพี
ตารวจ เพอื่ กระตนุ้ ความคดิ และความสนใจของนักเรียน ตัวอยา่ งคาถาม เช่น

อาชพี ครู อาชีพตารวจ อาชพี หมอ

- เมอื่ จบการศึกษาแลว้ นักเรียนอยากประกอบอาชพี อะไรบ้าง

- นักเรียนคดิ วา่ อาชพี แตล่ ะอาชีพ มคี วามสาคญั อยา่ งไรบา้ ง

- นกั เรยี นมวี ธิ กี ารวางแผนในการเลอื กประกอบอาชพี ไว้อย่างไรบ้าง

ขั้นท่ี 2 แสวงหาความรู้ (15 นาที)
1. ครใู ห้นักเรียนนาคาถาม ท่ีครูไดต้ งั้ คาถามไว้หลักในการเลือกอาชพี และปัญหาก่อน

ตดั สนิ ใจเลือกอาชพี มารว่ มกนั สนทนาความรู้ โดยครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนแสดงความคิดเหน็ ได้ อยา่ ง
เตม็ ที่

2. ครูให้นกั เรยี นศกึ ษาความรู้ ในเรอ่ื งหลักในการเลือกอาชพี และปญั หากอ่ นตดั สนิ ใจ เลือก
อาชีพ จากหนังสอื เรียนรายวิชา การงานอาชีพ ม. 1 หนา้ 155-157 ของบริษัทศูนย์หนังสือ เมืองไทย จากดั

ขน้ั ที่ 3 สรา้ งความรแู้ ละสรปุ ความรู้ (20 นาท)ี
1. ครตู ัง้ คาถามในเรื่องทเ่ี กี่ยวกบั หลกั ในการเลอื กอาชพี และปญั หาก่อนตดั สนิ ใจเลอื ก อาชีพ

เพ่อื ให้นกั เรยี นไดแ้ สวงหาความรู้ และรว่ มกนั สรปุ เป็นความรู้ ตวั อยา่ งคาถาม เชน่
- นกั เรียนอยากประกอบอาชพี อะไรบ้าง
- นกั เรยี นมหี ลักในการเลือกประกอบอาชีพอยา่ งไร
- นักเรียนคิดว่าปญั หาในการตดั สนิ ใจเลือกอาชพี มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
- เพราะเหตุใดจงึ ต้องตดั สนิ ใจเลอื กและวางแผนในการประกอบอาชพี

ข้นั ท่ี 4 ส่ือสารและนาเสนอ (10 นาที)
1. ครสู ุ่มเลอื กนักเรียน 2-3 คน ออกมาตอบคาถามหน้าชนั้ เรยี น โดยเปิดโอกาสให้

นกั เรยี นไดแ้ สดงความคดิ เหน็ ไดเ้ ต็มที่
2. ครเู พม่ิ เตมิ ความรทู้ ีถ่ กู ตอ้ งใหก้ ับนกั เรยี น และให้นกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความรใู้ นเร่อื งท่ี

เกีย่ วกับ หลักในการเลือกอาชีพและปญั หาก่อนตดั สินใจเลอื กอาชพี โดยครเู ขียนสรุปความรไู้ ว้บน
กระดานดา

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี

115

ข้นั ท่ี 5 ประเมินและบริการสงั คม (10 นาที)
1. ครปู ระเมินนกั เรยี น โดยการต้ังคาถามใหน้ ักเรยี นตอบ เพอื่ ทดสอบความรู้และความ เข้าใจ

เพื่อท่ีนกั เรียนจะได้นาความรู้ ไปปรับใช้ในการเลอื กประกอบอาชพี ตวั อยา่ งคาถาม เช่น
- นกั เรียนมีหลกั ในการเลือกอาชพี อย่างไรบา้ ง
- เพราะเหตุใดนกั เรียนจงึ ต้องวางแผนก่อนการตดั สินใจเลือกประกอบอาชพี
- นักเรยี นคดิ วา่ ปัจจัยใดบ้างทีถ่ ือเปน็ สง่ิ สาคญั ในการตดั สนิ ใจเลือกอาชพี
- นักเรียนคิดวา่ การเลือกอาชีพทตี่ ัวเองถนัดและตรงกบั ความสนใจของตวั เอง มี

ผลดีและผลเสียอยา่ งไร
- กอ่ นการตดั สนิ ใจเลือกอาชีพ นกั เรียนจะต้องทาอยา่ งไรบา้ ง เพราะเหตใุ ด

2. ครใู ห้ความรู้เพิม่ เติมทถ่ี ูกต้องแก่นกั เรยี น แล้วใหน้ กั เรยี นร่วมกันสรปุ เป็นความรู้

7. การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (3 ห่วง 2 เงื่อนไข)

หลักความ กาหนดเวลาที่ใช้เวลาเหมาะสมกับเน้ือหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานท่ีได้รับ

พอประมาณ มอบหมาย

หลักมีเหตุผล สามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นรไู้ ด้ตามเวลาทกี่ าหนด

หลกั สร้างภูมิค้มุ กัน วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพื่อป้องกันปัญหาเร่ืองเวลาท่ีอาจจะ
ในตวั ทด่ี ี เกิดข้ึนได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนที่กาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า นักเรียนได้
เรยี นรู้อยา่ งเต็มที่ ครบกจิ กรรมทีว่ างแผนไว้

-พ้ืนฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์

สงั คมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี ศิลปะ (ดนตร)ี ท่ีใช้ใน

เง่ือนไขความรู้ การเรียนรู้เรื่องทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการแก้ปัญหา และหลักการทางาน
เพอ่ื การดารงชีวติ

-หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

-ความร่วมมือในการทากิจกรรม
เงอ่ื นไขคุณธรรม -ไมเ่ หน็ แกต่ วั มีนา้ ใจ เอื้ออาทร ใหค้ วามชว่ ยเหลอื เพ่อื นในกลมุ่

-มีความมุ่งมน่ั ในการทางาน -มีจติ อาสา

เศรษฐกจิ สังคม สิ่งแวดลอ้ ม วฒั นธรรม

8. สอ่ื การเรียนร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี น รายวิชาพืน้ ฐานการงานอาชพี ม.1 ของบรษิ ทั ศูนยห์ นงั สือ เมืองไทย จากัด
2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนงั สอื ทีเ่ กย่ี วกบั งานอาชพี หนังสือแหล่งสมคั รงาน
3. เวบ็ ไซต์งานและอาชพี ท่นี า่ สนใจ การวดั ความถนัด แหลง่ สมคั รงาน เชน่
- www.manulife.co.th › top-ten-highest-paying-jobs-2018 10 อาชีพโดดเดน่ สร้าง
รายไดด้ ีประจาปี 2561 คณุ เปน็ อาชพี นนั้ หรือ
- www.posttoday.com › ไลฟส์ ไตล์ › work-life-balance 10 อาชพี ในไทยท่ีอาจไมไ่ ด้ไป
ตอ่ ในปี 2020 - โพสตท์ ูเดย์ work-life

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สุราษฎรธ์ านี

116

4. รปู ภาพท่ีเก่ยี วกบั อาชีพต่าง ๆ เช่น รูปภาพครู พยาบาล หมอ ตารวจ
แหลง่ เรียนรู้

1. หอ้ งสมดุ โรงเรียน

9. การวัดและการประเมินผล

ประเดน็ การพิจารณา วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

ความรู้ (K) - ประเมินผลงานจาก แบบประเมนิ ผลงาน/ ผ่านขัน้ ต่าไม่นอ้ ยกวา่ ร้อย
นักเรยี นสามารถอธิบายหลักใน ใบงาน/ชน้ิ งาน ชิ้นงานนักเรยี น ละ 60

การเลอื กอาชพี ได้

ทักษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสงั เกตการตอบ
นักเรียนสามารถวิเคราะห์ - การตอบคาถาม คาถาม คะแนนต้ังแต่ 4-9 ผา่ น
ปญั หาในการเลอื กอาชพี ได้ แบบสังเกตพฤตกิ รรม
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ การสงั เกตพฤติกรรม รายบคุ คล นกั เรยี นท่ไี ด้ระดบั คุณภาพ
(A) รายบุคคล พอใชข้ ้ึนไป ถือวา่ ผ่าน

นกั เรยี นเลอื กอาชีพทีเ่ หมาะสม

กับตวั เองได้
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ตาม ประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษา พงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี น อนั พงึ ประสงคข์ อง ผ่านขนั้ ต่าไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ย
ข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช ผ้เู รยี น ละ 60
2551
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของ ประเมินสมรรถนะ แบบประเมนิ สมรรถนะ ผ่านขน้ั ต่าไม่น้อยกว่ารอ้ ย
ผ้เู รยี น สาคัญของผู้เรียน สาคญั ของผเู้ รียน ละ 60
- ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ กั ษะ
ชีวิต
- ความสามารถในการแกป้ ญั หา
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ลงช่ือ ..................................................ครูผ้สู อน
(นางสาวเรวดี ศรีขาว)
.........../.............../..................

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี

117

บันทึกหลงั สอนแผนการสอนที่ 15
1. ผลการสอนระดบั ชั้น ม.1

 สอนไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้
 สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจดั การเรียนรู้ เน่อื งจาก .............................................................................
13.ผลทเี่ กิดกับผเู้ รยี น
1.) การประเมินผลความรูห้ ลังการเรยี น โดยใช…้ …………………….....................................พบวา่ นกั เรียน
ผ่านการประเมินคดิ เปน็ ร้อยละ................... ไม่ผา่ นเกณฑ์ขั้นต่าท่ีกาหนดไวค้ ดิ เปน็ ร้อยละ...................................
ได้แก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นักเรียน
ผ่านการประเมนิ คดิ เป็นร้อยละ.....................……. ไม่ผา่ นเกณฑข์ น้ั ตา่ ทก่ี าหนดไวค้ ิดเปน็ รอ้ ยละ.........................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมินดา้ นคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ เรยี น โดย
ใช…้ …………………….............................................พบว่านกั เรียนผ่านการประเมินคิดเป็นรอ้ ยละ............... ไม่ผ่าน
เกณฑข์ ั้นตา่ ทก่ี าหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ.................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค
 กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มีนกั เรียนทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ นั ตามกาหนดเวลา
 มนี ักเรียนทไ่ี ม่สนใจเรยี น
 อ่ืน ๆ ................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนาแผนไปปรบั ปรงุ เรือ่ ง ..........................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนักเรียนท่ไี ม่ผา่ นการประเมนิ .....................................................................................
 ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ

ลงช่ือ ผ้สู อน
( นางสาวเรวดี ศรขี าว )
วนั ท.่ี ......./.................../.................

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี

118

ความคดิ เห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหัวหน้าวชิ าการ
1.เป็นแผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง ……………………………………………………………………………………
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ไู ดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
 ทีเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงชื่อ................................................
(นางณฐั ญิ า คาโส)
เหมาะสมกบั ศกั ยภาพที่แตกตา่ งกันของผู้เรยี น
 ทยี่ ังไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นา ความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียนพนมศึกษา
ต่อไป ……………………………………………………………………………………
3.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอ่ืน ๆ
…………………………………………………… ลงชือ่ ................................................
(นางผกา สามารถ)
ลงชื่อ.......................................................
( นางสาวพนัชฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรยี นพนมศกึ ษา

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี

119

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 16 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชพี รหัสวชิ า ง 21102
รายวชิ า การงานอาชพี จานวน 1 ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 7 เรือ่ ง อาชพี แหละบุคลกิ ภาพ จานวน 1 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 16 เรอ่ื ง ขั้นตอนการตัดสินใจเลือกอาชีพ

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้ีวดั
มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจ มีทักษะที่จาเปน็ มีประสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชพี ใช้เทคโนโลยีเพ่ือพัฒนา
อาชพี มีคณุ ธรรมและเจตคตทิ ด่ี ตี อ่ อาชพี

ตัวชวี้ ัดท่ี
ง 1.1 ม.1/1 อธบิ ายแนวทางส่อู าชพี ทีส่ นใจ
ง 1.1 ม.1/2 เลอื ก และใช้เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมกับอาชพี
ง 1.1 ม.1/3 มปี ระสบการณใ์ นอาชพี ทีถ่ นดั และสนใจ
ง 1.1 ม.1/4 มคี ณุ ลกั ษณะท่ดี ีตอ่ อาชีพ

2. สาระสาคัญ
ขน้ั ตอนในการตดั สินใจเลือกอาชพี เป็นขนั้ ตอนท่สี าคัญต่อการประกอบอาชีพ จะต้องเข้าใจหลักการ

และปัจจยั ต่าง ๆ ที่จะนามาชว่ ยในการตัดสนิ ใจเลอื กอาชพี การตดั สินใจเลอื กอาชพี ท่ีดี จะต้องเลอื กใหเ้ หมาะสม
และเป็นประโยชนก์ บั ตัวเอง
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

3.1 ดา้ นความรู้
1. นกั เรียนสามารถอธิบายขนั้ ตอนการตดั สนิ ใจเลือกอาชีพได้

3.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
1. นักเรียนสามารถปฏบิ ัติตามชัน้ ตอนในการเลอื กอาชพี ได้

3.3 ดา้ นเจตคติ/คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์/คุณธรรมจริยธรรมทสี่ อดแทรก
3.3.1 นกั เรยี นเลือกอาชีพท่เี หมาะสมกบั ตัวเองได้

4. สมรรถนะของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. สาระการเรียนรู้
1. ขัน้ ตอนในการตัดสินใจเลอื กอาชพี
2. กระบวนการตดั สินใจเลือกอาชพี

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี

120

6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้

ขน้ั ท่ี 1 ระบคุ าถาม
1. ครตู ง้ั คาถามในเรอ่ื งทเี่ กย่ี วกับขนั้ ตอนการตดั สนิ ใจเลือกอาชพี เพื่อกระตุ้นความคดิ และความสนใจ
ของนักเรยี น ตัวอย่างคาถาม เชน่

- นักเรียนอยากประกอบอาชีพอะไรบ้าง เพราะเหตุใด
- นกั เรียนจะเลอื กประกอบอาชีพท่นี กั เรยี นชอบ หรอื อาชพี ท่เี หมาะสม เพราะเหตใุ ด
- นกั เรียนมีขนั้ ตอนในการตัดสินใจเลอื กอาชพี อยา่ งไรบ้าง
ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาความรู้ (15 นาท)ี
1. ครใู ห้นักเรียนนาคาถาม ท่ีครูไดต้ ง้ั คาถามไวใ้ นเร่ืองขัน้ ตอนการตดั สนิ ใจเลือกอาชพี มารว่ ม
กันสนทนาความรู้ โดยครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นแสดงความคิดเห็นได้อย่างเตม็ ท่ี
2. ครใู ห้นักเรยี นศึกษาความรู้ ในเรอ่ื งขั้นตอนการตัดสนิ ใจเลือกอาชพี จากหนังสือเรยี น
รายวชิ า การงานอาชพี ม. 1 หน้า 158 ของบรษิ ัทศูนยห์ นงั สือเมืองไทย จากดั
ขั้นที่ 3 สรา้ งความรู้และสรปุ ความรู้ (20 นาท)ี
1. ครตู ง้ั คาถามในเร่ืองทเี่ ก่ยี วกับ ขั้นตอนการตัดสนิ ใจเลือกอาชพี เพือ่ ใหน้ ักเรยี นได้
แสวงหาความรู้ และรว่ มกนั สรุปเป็นความรู้ ตวั อย่างคาถาม เชน่
- ขั้นตอนในการตดั สินใจเลอื กอาชีพทส่ี าคัญมอี ะไรบา้ ง
- ในการตัดสินใจเลอื กอาชีพ นกั เรียนคดิ ว่าขนั้ ตอนใดสาคญั ทสี่ ดุ เพราะเหตุใด
- การตดั สนิ ใจเลือกอาชพี ควรเป็นหน้าท่ขี องใคร เพราะเหตุใด
ข้ันที่ 4 สื่อสารและนาเสนอ (10 นาที)
1. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 คน ออกตอบคาถามหน้าชั้นเรียน โดยครูเปดิ โอกาสให้
นกั เรียนไดแ้ สดงความคดิ เห็นได้อย่างเตม็ ที่
2. ครคู วรเพิ่มเตมิ ความรทู้ ่ถี ูกต้องให้กับนักเรยี น และใหน้ ักเรยี นรว่ มกันสรุปความรใู้ นเรอื่ ง
ทเ่ี ก่ยี วกบั ขั้นตอนการตดั สนิ ใจเลือกอาชพี โดยครเู ขียนสรปุ ความรไู้ ว้บนกระดานดา
ขั้นที่ 5 ประเมนิ และบรกิ ารสงั คม (10 นาท)ี
1. ครูประเมินนักเรยี น โดยการตั้งคาถามให้นักเรยี นตอบ เพ่อื ทดสอบความรูแ้ ละความ เข้าใจ
เพอื่ ท่นี ักเรยี นจะได้นาความรู้ ไปปรบั ใช้ในการตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี ตวั อยา่ งคาถาม เช่น
- นักเรียนมีขนั้ ตอนในการเลือกอาชพี อยา่ งไรบา้ ง
- นักเรยี นคดิ วา่ การตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี ทดี ี จะตอ้ งทาอย่างไรบา้ ง
- การตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี ควร เป็นหนา้ ที่ของใคร เพราะเหตุใด
- กระบวนการตดั สินใจเลอื กอาชพี มีอะไรบ้าง
2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยคาตอบ
7. การบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (3 หว่ ง 2 เง่ือนไข 4 มิติ)

หลกั ความพอประมาณ กาหนดเวลาท่ีใช้เวลาเหมาะสมกับเนื้อหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานที่
ไดร้ บั มอบหมาย
หลักมเี หตผุ ล
หลักสรา้ งภมู ิค้มุ กันในตัว สามารถจดั กิจกรรมการเรียนรูไ้ ด้ตามเวลาท่ีกาหนด
วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพ่ือป้องกันปัญหาเร่ืองเวลาท่ี

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี

121

ทด่ี ี อาจจะเกิดข้ึนได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนท่ีกาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า
เงอื่ นไขความรู้ นกั เรียนได้เรียนรู้อย่างเตม็ ท่ี ครบกิจกรรมทวี่ างแผนไว้

-พื้นฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ศิลปะ (ดนตรี) ที่ใช้ในการเรียนรู้เร่ืองทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการ
แก้ปญั หา และหลักการทางานเพอื่ การดารงชีวิต
-หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

เง่อื นไขคณุ ธรรม -ความรว่ มมือในการทากิจกรรม
-ไมเ่ ห็นแกต่ วั มนี า้ ใจ เอื้ออาทร ใหค้ วามชว่ ยเหลือเพอื่ นในกลุ่ม
-มีความมุ่งม่นั ในการทางาน -มีจติ อาสา

เศรษฐกจิ สังคม สิ่งแวดล้อม วฒั นธรรม

8. ส่อื การเรยี นร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียน รายวชิ าพื้นฐานการงานอาชีพ ม.1 ของบรษิ ทั ศนู ยห์ นังสอื เมืองไทย จากัด
2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือท่เี กยี่ วกบั งานอาชพี หนังสอื แหล่งสมัครงาน
3. เว็บไซตง์ านและอาชพี ท่ีน่าสนใจ การวดั ความถนัด แหล่งสมัครงาน ขัน้ ตอนการเลอื กอาชีพ เชน่
- sites.google.com › kar-leuxk-xachiph-thi-hemaa-kab-laksna-taw-xeng
การเลือกอาชีพท่เี หมาะกับลกั ษณะตัวเอง – การประกอบอาชพี
- th.jobsdb.com › บทความงาน › บทความผหู้ างาน › เทคนิคหางาน
เทคนิคการเลอื กอาชพี ให้ไดง้ านที่เหมาะกบั คณุ | จอ๊ บส์ดีบี ประเทศไทย
แหล่งเรยี นรู้
1. หอ้ งสมุดโรงเรียน

9. การวัดและการประเมนิ ผล

ประเดน็ การพจิ ารณา วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน

ความรู้ (K) - ประเมนิ ผลงานจาก แบบประเมนิ ผลงาน/ ผ่านขัน้ ตา่ ไมน่ ้อยกว่าร้อย
นักเรยี นสามารถอธบิ ายข้นั ตอน ใบงาน/ชน้ิ งาน ช้ินงานนักเรียน ละ 60

การตัดสนิ ใจเลือกอาชพี ได้

ทักษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสังเกตการตอบ คะแนนตั้งแต่ 4-9 ผา่ น
นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ติ ามช้ัน - การตอบคาถาม คาถาม
ตอนในการเลือกอาชพี ได้ แบบสงั เกตพฤติกรรม นกั เรยี นทไ่ี ด้ระดบั คุณภาพ
ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ การสังเกตพฤตกิ รรม รายบุคคล พอใชข้ ึน้ ไป ถอื ว่า ผา่ น
(A) รายบคุ คล

นักเรยี นเลอื กอาชีพท่ีเหมาะสม

กับตวั เองได้

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎรธ์ านี

122

คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคต์ าม ประเมินคณุ ลกั ษณะอัน แบบประเมนิ คุณลักษณะ ผา่ นขั้นตา่ ไมน่ ้อยกวา่ ร้อย
หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา พึงประสงค์ของผ้เู รยี น อันพงึ ประสงคข์ อง ละ 60
ข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ผูเ้ รียน
2551 ผา่ นข้นั ตา่ ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ย
ด้านสมรรถนะสาคญั ของ ประเมินสมรรถนะ แบบประเมนิ สมรรถนะ ละ 60
ผู้เรียน สาคัญของผเู้ รยี น สาคญั ของผู้เรยี น
- ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ กั ษะ
ชวี ิต
- ความสามารถในการแก้ปญั หา
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ลงชื่อ ..................................................ครูผู้สอน
(นางสาวเรวดี ศรขี าว)
.........../.............../..................

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สุราษฎรธ์ านี

123

บันทกึ หลังสอนแผนการสอนที่ 16
1. ผลการสอนระดบั ช้ัน ม.1

 สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้
 สอนไม่ไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนือ่ งจาก .............................................................................
14.ผลทีเ่ กดิ กับผเู้ รยี น
1.) การประเมนิ ผลความร้หู ลังการเรียน โดยใช…้ …………………….....................................พบวา่ นกั เรียน
ผา่ นการประเมนิ คดิ เปน็ รอ้ ยละ................... ไม่ผา่ นเกณฑข์ น้ั ตา่ ทก่ี าหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ...................................
ไดแ้ ก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมินด้านทกั ษะกระบวนการเรียน โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นกั เรยี น
ผา่ นการประเมินคิดเปน็ รอ้ ยละ.....................……. ไม่ผา่ นเกณฑข์ ั้นต่าท่กี าหนดไว้คิดเป็นรอ้ ยละ.........................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ดา้ นคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ เรียน โดย
ใช…้ …………………….............................................พบว่านกั เรียนผ่านการประเมนิ คดิ เป็นร้อยละ............... ไมผ่ า่ น
เกณฑ์ขั้นต่าท่กี าหนดไวค้ ิดเป็นรอ้ ยละ.................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
 กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
 มีนักเรียนทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ นั ตามกาหนดเวลา
 มนี กั เรียนทไี่ มส่ นใจเรียน
 อ่นื ๆ ................................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนาแผนไปปรบั ปรุง เรื่อง ..........................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนกั เรยี นทไ่ี มผ่ ่านการประเมนิ .....................................................................................
 ไม่มขี ้อเสนอแนะ

ลงชอื่ ผูส้ อน
( นางสาวเรวดี ศรีขาว )
วนั ที.่ ......./.................../.................

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎร์ธานี

124

ความคดิ เหน็ ของหวั หน้ากลมุ่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหัวหนา้ วชิ าการ
1.เป็นแผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง ……………………………………………………………………………………
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรูไ้ ดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
 ทีเ่ น้นผูเ้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงช่ือ................................................
(นางณฐั ิญา คาโส)
เหมาะสมกบั ศักยภาพที่แตกตา่ งกันของผู้เรยี น
 ทยี่ ังไมเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นา ความคิดเหน็ ของผอู้ านวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา
ต่อไป ……………………………………………………………………………………
3.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใชไ้ ด้จรงิ  ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ
…………………………………………………… ลงช่อื ................................................
(นางผกา สามารถ)
ลงช่ือ.......................................................
( นางสาวพนัชฎา เทวรรณะ ) ผู้อานวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี

125

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 17 ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชพี รหัสวชิ า ง 21102
รายวชิ า การงานอาชีพ จานวน 1 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 เรอื่ ง อาชพี แหละบคุ ลิกภาพ จานวน 1 ชวั่ โมง
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 17 เรื่อง ความรเู้ กี่ยวกับบุคลิกภาพ

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ดั
มาตรฐาน ง 1.1 เข้าใจ มีทักษะทจี่ าเป็น มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชีพ ใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อพัฒนา
อาชพี มีคณุ ธรรมและเจตคติทด่ี ีต่ออาชีพ

ตวั ชี้วดั ที่
ง 1.1 ม.1/1 อธบิ ายแนวทางสู่อาชีพท่สี นใจ
ง 1.1 ม.1/2 เลอื ก และใช้เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมกับอาชพี
ง 1.1 ม.1/3 มีประสบการณใ์ นอาชพี ท่ถี นัดและสนใจ
ง 1.1 ม.1/4 มคี ุณลกั ษณะที่ดตี อ่ อาชีพ

2. สาระสาคญั
บคุ ลิกภาพ เปน็ คุณลักษณะของบุคคลแต่ละคนทีแ่ สดงพฤติกรรมท้งั ทางดา้ นรา่ งกายทมี่ องเห็นไดช้ ดั เจน

จากภายนอก และด้านจติ ใจทซ่ี ่อนอยูภ่ ายในไมอ่ าจมองเหน็ ทาให้บคุ ลิกภาพของแตล่ ะคนแตกตา่ งกนั ออกไป
บคุ ลิกภาพจงึ เปน็ สว่ นสาคญั ตอ่ การเลือกอาชพี ทเี่ หมาะสม แตบ่ คุ ลกิ ภาพสามารถปรบั เปลี่ยนแกไ้ ขได้ ดว้ ยการ
ปรบั ปรุง และพฒั นาใหด้ ขี ้นึ
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

3.1 ดา้ นความรู้
1. นักเรียนสามารถอธบิ ายความหมายของบุคลิกภาพได้

3.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
1. นกั เรยี นสามารถปรับเปลี่ยนและแก้ไขบุคลิกภาพของตวั เองได้

3.3 ด้านเจตคติ/คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์/คณุ ธรรมจรยิ ธรรมที่สอดแทรก
3.3.1 นักเรยี นพัฒนาบุคลกิ ภาพตัวเองใหด้ ีย่ิงขนึ้

4. สมรรถนะของผูเ้ รยี น
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
4.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. สาระการเรยี นรู้
1. ความรูเ้ บอ้ื งต้นเกยี่ วกบั บคุ ลิกภาพ

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี

126

2. ความหมายของบุคลิกภาพ
6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขัน้ ที่ 1 ระบคุ าถาม
1. ครตู ง้ั คาถามในเรื่องทเ่ี กีย่ วกับความรู้เบ้อื งต้นกบั บุคลิกภาพ เพือ่ กระตุ้นความคดิ และ ความสนใจของ
นกั เรยี น ตัวอยา่ งคาถาม เช่น

- นกั เรยี นคดิ ว่า บุคลิกภาพ คอื อะไร มคี วามสาคญั ตอ่ นกั เรียนหรือไม่
- นักเรียนคดิ วา่ ตัวเองมบี ุคลกิ ภาพ อยา่ งไร
- โดยทั่วไปบุคลิกภาพของแต่ละคน จะแสดงออกมาในลักษณะใดบ้าง
ขนั้ ท่ี 2 แสวงหาความรู้ (15 นาท)ี
1. ครใู หน้ ักเรยี นนาคาถาม ทีค่ รูไดต้ ้งั คาถามไวใ้ นเรอื่ งขน้ั ตอนการตดั สินใจเลือกอาชพี มาร่วม
กันสนทนาความรู้ โดยครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเหน็ ได้อย่างเต็มที่
2. ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาความรู้ ในเร่อื งความรู้เบอ้ื งตน้ เก่ียวกบั บคุ ลกิ ภาพ จากหนงั สือเรียน
รายวชิ า การงานอาชพี ม. 1 หนา้ 159-161 ของบรษิ ัทศูนย์หนงั สอื เมอื งไทย จากัด
3. ครใู ห้นักเรยี นศกึ ษาความรู้เพมิ่ เติมเร่อื ง ความหมายและความสาคัญของบุคลิกภาพ จาก
ส่อื วดี ิทศั น์ โดยการสแกน QR Code หนา้ 161

ข้ันท่ี 3 สร้างความรแู้ ละสรปุ ความรู้ (20 นาท)ี
1. ครตู ง้ั คาถามในเรอื่ งทเี่ ก่ยี วกบั ความรเู้ บื้องต้นเก่ยี วกบั บุคลกิ ภาพ เพ่อื ใหน้ ักเรียนได้

แสวงหาความรู้ และรว่ มกันสรุปเปน็ ความรู้ ตวั อยา่ งคาถาม เชน่
- บคุ ลิกภาพของแต่ละบุคคลเหมือนหรือแตกต่างกัน เพราะเหตุใด
- บุคลิกภาพ ท่สี ามารถสงั เกตเหน็ ได้ชัดเจน มอี ะไรบา้ ง
- บุคลกิ ภาพของคนทัว่ ไปสามารถแกไ้ ขไดห้ รือไม่ เพราะเหตใุ ด
- บคุ ลิกภาพมคี วามสาคญั ตอ่ การประกอบอาชพี อยา่ งไร

ข้นั ที่ 4 ส่ือสารและนาเสนอ (10 นาท)ี
1. ครูสุ่มเลอื กนักเรียน 2-4 คน ออกตอบคาถามหน้าชน้ั เรยี น โดยครูเปดิ โอกาสให้

นกั เรยี นได้แสดงความคดิ เห็นไดอ้ ย่างเตม็ ที่
2. ครคู วรเพ่มิ เตมิ ความรทู้ ่ีถูกตอ้ งให้กับนกั เรียน และให้นกั เรียนร่วมกนั สรุปความรใู้ นเรอ่ื ง

ท่ีเกีย่ วกับความรู้เบื้องต้นเกยี่ วกบั บุคลกิ ภาพ โดยครเู ขยี นสรปุ ความรไู้ วบ้ นกระดานดา
ขน้ั ท่ี 5 ประเมนิ และบริการสังคม (10 นาท)ี

1. ครูประเมินนักเรยี น โดยการต้งั คาถามให้นกั เรยี นตอบ เพื่อทดสอบความรู้และความ เขา้ ใจ
เพื่อท่ีนักเรียนจะไดน้ าความรู้ ไปปรบั บคุ ลกิ ภาพของตัวเองให้ดขี นึ้ ใหเ้ ป็นทยี่ อมรับของ สงั คมโดยทว่ั ไปตวั อยา่ ง
คาถาม เชน่

- นกั เรียนคิดว่าบุคลกิ ภาพของตัวเองเป็นอย่างไร ต้องปรับปรงุ แกไ้ ขหรือไม่

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎรธ์ านี

127

- นกั เรยี นคิดวา่ บุคลิกภาพของตวั นักเรยี นเอง เหมาะสมทจี่ ะประกอบอาชพี อะไร
เพราะเหตุใด

- บคุ ลกิ ภาพของบุคคลทัว่ ไป จะแสดงออกใหเ้ หน็ ในลักษณะใดบ้าง
- บคุ ลิกภาพใดบา้ งที่ทม่ี ลี ักษณะคงเสน้ คงวา และจะแสดงออกมาทกุ คร้ังหรือ
บอ่ ยๆคร้งั
2. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคาตอบ

7. การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เงื่อนไข 4 มติ ิ)

หลักความพอประมาณ กาหนดเวลาที่ใช้เวลาเหมาะสมกับเน้ือหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานที่
หลกั มีเหตุผล ได้รับมอบหมาย

หลกั สร้างภมู ิค้มุ กันในตัว สามารถจัดกจิ กรรมการเรียนร้ไู ดต้ ามเวลาที่กาหนด
ทดี่ ี
วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพื่อป้องกันปัญหาเร่ืองเวลาที่
เงอ่ื นไขความรู้ อาจจะเกิดข้ึนได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนท่ีกาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า
นักเรียนได้เรียนรู้อยา่ งเต็มที่ ครบกิจกรรมทว่ี างแผนไว้

-พ้ืนฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ศิลปะ (ดนตรี) ท่ีใช้ในการเรียนรู้เร่ืองทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการ
แกป้ ญั หา และหลักการทางานเพอื่ การดารงชวี ิต
-หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

เงื่อนไขคุณธรรม -ความร่วมมอื ในการทากิจกรรม
-ไมเ่ หน็ แก่ตัว มีน้าใจ เอือ้ อาทร ใหค้ วามชว่ ยเหลอื เพื่อนในกลมุ่
-มีความมุ่งม่นั ในการทางาน -มจี ิตอาสา

เศรษฐกจิ สังคม ส่ิงแวดล้อม วฒั นธรรม

8. สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี น รายวชิ าพนื้ ฐานการงานอาชพี ม.1 ของบริษัท ศูนยห์ นังสอื เมอื งไทย จากัด
2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือทีเ่ กยี่ วกบั งานอาชพี หนงั สือแหลง่ สมคั รงาน
3. เวบ็ ไซต์งานและอาชพี ทน่ี า่ สนใจ การวดั ความถนัด แหล่งสมัครงาน ข้นั ตอนการเลือกอาชพี เชน่
- sites.google.com › kar-leuxk-xachiph-thi-hemaa-kab-laksna-taw-xeng
การเลือกอาชีพทีเ่ หมาะกับลกั ษณะตวั เอง – การประกอบอาชพี
- th.jobsdb.com › บทความงาน › บทความผหู้ างาน › เทคนคิ หางาน
เทคนคิ การเลือกอาชีพใหไ้ ด้งานที่เหมาะกบั คณุ | จอ๊ บสด์ บี ี ประเทศไทย
แหล่งเรยี นรู้
1. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สุราษฎร์ธานี

128

9. การวัดและการประเมินผล

ประเด็นการพิจารณา วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน

ความรู้ (K) - ประเมินผลงานจาก แบบประเมินผลงาน/ ผา่ นขั้นต่าไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ย
นกั เรียนสามารถอธิบาย ใบงาน/ช้นิ งาน ช้ินงานนักเรียน ละ 60
ความหมายของบุคลิกภาพได้

ทกั ษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสังเกตการตอบ
นกั เรยี นสามารถปรับเปล่ียน - การตอบคาถาม คาถาม
และแก้ไขบคุ ลิกภาพของตวั เอง แบบสังเกตพฤตกิ รรม คะแนนตง้ั แต่ 4-9 ผ่าน
ได้ รายบุคคล
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ การสังเกตพฤติกรรม นักเรยี นที่ได้ระดับคณุ ภาพ
(A) รายบคุ คล พอใช้ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผ่าน

นักเรียนพัฒนาบุคลกิ ภาพ

ตวั เองใหด้ ยี ง่ิ ขึ้น
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคต์ าม ประเมินคณุ ลกั ษณะอนั แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ
หลักสตู รแกนกลางการศึกษา พงึ ประสงค์ของผู้เรยี น อันพึงประสงคข์ อง ผ่านขนั้ ต่าไม่น้อยกวา่ ร้อย
ข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ผเู้ รยี น ละ 60
2551
ด้านสมรรถนะสาคัญของ ประเมนิ สมรรถนะ แบบประเมินสมรรถนะ ผ่านขน้ั ต่าไมน่ ้อยกว่าร้อย
ผู้เรียน สาคัญของผ้เู รียน สาคญั ของผูเ้ รยี น ละ 60
- ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ ักษะ
ชีวติ
- ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ลงชื่อ ..................................................ครูผสู้ อน
(นางสาวเรวดี ศรขี าว)
.........../.............../..................

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎรธ์ านี

129

บันทึกหลงั สอนแผนการสอนท่ี 17
1. ผลการสอนระดับชัน้ ม.1

 สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้
 สอนไม่ไดต้ ามแผนการจดั การเรียนรู้ เน่อื งจาก .............................................................................
15.ผลที่เกิดกบั ผู้เรยี น
1.) การประเมนิ ผลความรูห้ ลังการเรียน โดยใช…้ …………………….....................................พบวา่ นกั เรยี น
ผา่ นการประเมนิ คดิ เป็นร้อยละ................... ไมผ่ า่ นเกณฑ์ข้ันต่าท่ีกาหนดไวค้ ิดเปน็ รอ้ ยละ...................................
ไดแ้ ก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมินด้านทักษะกระบวนการเรยี น โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นักเรียน
ผา่ นการประเมินคิดเปน็ ร้อยละ.....................……. ไม่ผา่ นเกณฑข์ ัน้ ตา่ ที่กาหนดไวค้ ิดเปน็ ร้อยละ.........................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ดา้ นคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ เรียน โดย
ใช…้ …………………….............................................พบว่านกั เรยี นผา่ นการประเมนิ คดิ เปน็ ร้อยละ............... ไมผ่ า่ น
เกณฑข์ ้นั ต่าทีก่ าหนดไวค้ ิดเปน็ ร้อยละ.................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปญั หาและอปุ สรรค
 กิจกรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มนี กั เรยี นทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกาหนดเวลา
 มนี ักเรยี นทไ่ี ม่สนใจเรยี น
 อ่ืน ๆ ................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนาแผนไปปรับปรุง เรือ่ ง ..........................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนกั เรยี นทีไ่ มผ่ ่านการประเมิน .....................................................................................
 ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ

ลงชอ่ื ผสู้ อน
( นางสาวเรวดี ศรีขาว )
วันท.่ี ......./.................../.................

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี

130

ความคดิ เห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหวั หน้าวิชาการ
1.เป็นแผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง ……………………………………………………………………………………
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ไู ดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
 ทีเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงช่อื ................................................
(นางณัฐิญา คาโส)
เหมาะสมกบั ศกั ยภาพที่แตกตา่ งกันของผู้เรยี น
 ทยี่ ังไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นา ความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี นพนมศกึ ษา
ต่อไป ……………………………………………………………………………………
3.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอ่ืน ๆ
…………………………………………………… ลงชื่อ................................................
(นางผกา สามารถ)
ลงชื่อ.......................................................
( นางสาวพนัชฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี

131

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 18

กล่มุ สาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 1

รายวิชา การงานอาชีพ รหัสวิชา ง 21102

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 เรอื่ ง อาชพี แหละบคุ ลกิ ภาพ จานวน 1 ช่วั โมง

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 18 เรอ่ื ง ความสาคญั และองคป์ ระกอบท่มี ีอิทธิพลต่อบคุ ลกิ ภาพ

จานวน 1 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด
มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจ มที ักษะที่จาเป็น มีประสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชีพ ใชเ้ ทคโนโลยเี พอ่ื พัฒนา
อาชพี มีคณุ ธรรมและเจตคติทดี่ ตี ่ออาชีพ

ตวั ชีว้ ดั ท่ี
ง 1.1 ม.1/1 อธบิ ายแนวทางสู่อาชพี ทส่ี นใจ
ง 1.1 ม.1/2 เลอื ก และใช้เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมกับอาชพี
ง 1.1 ม.1/3 มปี ระสบการณใ์ นอาชพี ทีถ่ นดั และสนใจ
ง 1.1 ม.1/4 มีคณุ ลักษณะท่ีดตี ่ออาชีพ

2. สาระสาคญั
บคุ ลกิ ภาพ มีความสาคญั ต่อการดารงชวี ติ ของมนษุ ยใ์ นการอยรู่ ่วมกันในสังคม สง่ ผลต่อความสาเรจ็ ใน

ด้านตา่ ง ๆ ท้ังในดา้ นการเรียน การทางาน การเข้าสงั คม อิทธพิ ลของพนั ธกุ รรมและสง่ิ แวดล้อมยอ่ มมีผลตอ่
บุคลกิ ภาพของบุคคล
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

3.1 ดา้ นความรู้
1. นกั เรยี นสามารถอธิบายความสาคัญและองคป์ ระกอบทมี่ อี ทิ ธิพลต่อบุคลกิ ภาพได้

3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ
1. นักเรียนสามารถปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมให้อยรู่ ว่ มกนั ในสังคมได้

3.3 ดา้ นเจตคต/ิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์/คุณธรรมจรยิ ธรรมท่สี อดแทรก
1. นักเรยี นมีเจตคตทิ ด่ี ใี นการทางาน การเขา้ สังคม

4. สมรรถนะของผูเ้ รียน
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี

132

5. สาระการเรยี นรู้
1. ความสาคญั ของบคุ ลิกภาพ
2. องคป์ ระกอบท่ีมีอทิ ธิพลตอ่ บุคลกิ ภาพ

6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้

ขัน้ ที่ 1 ระบุคาถาม
1. ครตู งั้ คาถามในเรื่องทเี่ กี่ยวกับความสาคญั และองค์ประกอบทม่ี ีอทิ ธิพลตอ่ บุคลิกภาพ เพอ่ื
กระตุ้นความคิดและความสนใจของนกั เรียน ตัวอยา่ งคาถาม เชน่

- นักเรียนคิดว่า บคุ ลกิ ภาพ มคี วามสาคัญอย่างไรบา้ ง
- บุคลกิ ภาพทท่ี าให้คนทว่ั ไปประสบผลสาเรจ็ ในการทางาน ควรมลี ักษณะ
อย่างไรบา้ ง
- บุคลกิ ภาพที่สงั คมต้องการมีอะไรบา้ ง
ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาความรู้ (15 นาที)
1. ครใู หน้ ักเรียนนาคาถาม ทีค่ รูไดต้ ง้ั คาถามไวใ้ นเรอ่ื งความสาคัญและองคป์ ระกอบท่ีมี
อทิ ธพิ ลต่อบุคลกิ ภาพ โดยครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นแสดงความคิดเหน็ ได้อยา่ งเต็มท่ี
2. ครใู หน้ ักเรียนศกึ ษาความรู้ ในเร่อื งความสาคญั ของบุคลิกภาพและองค์ประกอบท่ีมี
อทิ ธพิ ลตอ่ บคุ ลิกภาพ จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ า การงานอาชพี ม. 1 หนา้ 162-164 ของบริษทั ศนู ย์
หนังสือเมืองไทย จากดั
ขน้ั ที่ 3 สร้างความรู้และสรุปความรู้ (20 นาท)ี
1. ครตู ้ังคาถามในเรื่องทเี่ ก่ียวกบั ความสาคญั ของบคุ ลิกภาพและองคป์ ระกอบทีม่ ีอทิ ธิพล
ตอ่ บุคลิกภาพ เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นไดแ้ สวงหาความรู้ และรว่ มกนั สรปุ เปน็ ความรู้ ตวั อย่างคาถาม เชน่
- บคุ ลิกภาพมคี วามสาคญั อยา่ งไรบา้ ง
- บุคลกิ ภาพทที่ าให้ประสบผลสาเรจ็ ในการทางาน มอี ะไรบา้ ง
- บคุ ลกิ ภาพของคนทพ่ี ฒั นาดา้ นตนเอง มอี ะไรบ้าง
- องค์ประกอบท่ีมอี ทิ ธพิ ลต่อบคุ ลกิ ภาพ มอี ะไรบา้ ง
- ชว่ งอายุมผี ลตอ่ การพฒั นาบคุ ลิกภาพของบุคคลอย่างไรบ้าง
ขั้นท่ี 4 ส่อื สารและนาเสนอ (10 นาที)
1. ครสู ่มุ เลือกนักเรยี น 2-4 คน ออกตอบคาถามหนา้ ช้ันเรียน โดยครูเปดิ โอกาสให้
นกั เรียนได้แสดงความคดิ เหน็ ได้อย่างเต็มที่
2. ครคู วรเพ่มิ เติมความรู้ท่ีถูกต้องใหก้ ับนักเรียน และใหน้ ักเรียนรว่ มกนั สรปุ ความรใู้ นเรื่อง
ทีเ่ กยี่ วกับความสาคญั ของบุคลกิ ภาพและองค์ประกอบทมี่ ีอทิ ธพิ ลตอ่ บุคลิกภาพ โดยครเู ขยี นสรปุ ความรู้
ไว้บนกระดานดา
ขนั้ ท่ี 5 ประเมินและบรกิ ารสงั คม (10 นาที)
1. ครปู ระเมนิ นักเรยี น โดยการต้ังคาถามให้นักเรยี นตอบ เพื่อทดสอบความรูแ้ ละความ เขา้ ใจ
เพ่อื ท่นี กั เรยี นจะไดน้ าความรู้ ไปปรับบคุ ลิกภาพของตวั เองให้ดีขึน้ เพ่ือให้เป็นทีย่ อมรับของ สังคมโดยท่วั ไป
ตวั อย่างคาถาม เชน่
- นกั เรียนคิดว่าบคุ ลิกภาพของตัวเองเปน็ อย่างไร
- บคุ ลิกภาพของคนเกง่ จะต้องมีลักษณะใดบา้ ง

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

133

- ถา้ นกั เรียนอยากมบี ุคลกิ ภาพเกง่ คน จะต้องฝกึ ฝนบุคลกิ ภาพของตวั เองอยา่ งไร
- องคป์ ระกอบที่มอี ิทธพิ ลต่อบุคลิกภาพ มอี ะไรบา้ ง
2. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยคาตอบ

7. การบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 ห่วง 2 เง่อื นไข 4 มติ ิ)

หลักความพอประมาณ กาหนดเวลาท่ีใช้เวลาเหมาะสมกับเน้ือหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานที่
หลกั มีเหตุผล ได้รับมอบหมาย

หลักสรา้ งภมู คิ ุม้ กนั ในตัว สามารถจดั กิจกรรมการเรียนรูไ้ ด้ตามเวลาที่กาหนด
ท่ดี ี
วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพ่ือป้องกันปัญหาเร่ืองเวลาท่ี
เงอ่ื นไขความรู้ อาจจะเกิดขึ้นได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนที่กาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า
นกั เรยี นไดเ้ รียนรอู้ ย่างเต็มท่ี ครบกจิ กรรมทว่ี างแผนไว้

-พ้ืนฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ศิลปะ (ดนตรี) ที่ใช้ในการเรียนรู้เรื่องทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการ
แก้ปญั หา และหลักการทางานเพื่อการดารงชีวิต
-หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง

เง่ือนไขคณุ ธรรม -ความรว่ มมือในการทากจิ กรรม
-ไม่เหน็ แก่ตัว มีนา้ ใจ เออื้ อาทร ใหค้ วามชว่ ยเหลอื เพ่ือนในกล่มุ
-มคี วามมงุ่ ม่ันในการทางาน -มจี ิตอาสา

เศรษฐกจิ สังคม ส่ิงแวดลอ้ ม วฒั นธรรม

8. สือ่ การเรียนรู/้ แหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพ้ืนฐานการงานอาชีพ ม.1 ของบริษัท ศูนย์หนังสอื เมอื งไทย จากดั
2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนงั สือท่ีเกี่ยวกบั บคุ ลิกภาพทว่ั ไป ทายใจจากบคุ ลกิ ภาพ
3. เว็บไซตอ์ งค์ประกอบทม่ี ีอิทธิพลต่อบคุ ลิกภาพ บุคลิกภาพทสี่ งั คมยอมรบั เชน่
- thansain1.wordpress.com › ปจั จยั ท่ีมีผลต่อบุคลิก ปัจจัยที่มผี ลตอ่ บุคลิกภาพของ
บคุ คล | - WordPress.com
แหล่งเรียนรู้
1. ห้องสมดุ โรงเรยี น

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี

134

9. การวัดและการประเมนิ ผล

ประเดน็ การพิจารณา วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน

ความรู้ (K) - ประเมินผลงานจาก แบบประเมินผลงาน ผ่านขนั้ ตา่ ไม่น้อยกวา่ รอ้ ย
นักเรียนสามารถอธิบาย ใบงาน นักเรยี น ละ 60

ความสาคญั และองคป์ ระกอบที่

มีอิทธพิ ลต่อบคุ ลกิ ภาพได้

ทกั ษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสังเกตการตอบ
นกั เรียนสามารถปรบั เปลย่ี น - การตอบคาถาม คาถาม
พฤติกรรมให้อยู่รว่ มกันในสงั คม แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนนต้ังแต่ 4-9 ผา่ น
ได้ รายบคุ คล
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ การสังเกตพฤตกิ รรม นกั เรียนทไี่ ด้ระดับคุณภาพ
(A) รายบคุ คล พอใช้ขนึ้ ไป ถอื ว่า ผา่ น

นกั เรยี นมเี จตคติท่ีดใี นการ

ทางาน การเข้าสงั คม
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคต์ าม ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษา พึงประสงค์ของผู้เรียน อนั พึงประสงคข์ อง ผา่ นขั้นตา่ ไมน่ อ้ ยกว่าร้อย
ข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ผ้เู รียน ละ 60
2551
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของ ประเมนิ สมรรถนะ แบบประเมินสมรรถนะ ผ่านข้นั ต่าไม่นอ้ ยกวา่ ร้อย
ผ้เู รียน สาคญั ของผู้เรยี น สาคัญของผเู้ รยี น ละ 60
- ความสามารถในการสอื่ สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ กั ษะ
ชีวิต
- ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ลงช่ือ ..................................................ครูผู้สอน
(นางสาวเรวดี ศรขี าว)
.........../.............../..................

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สุราษฎร์ธานี

135

บันทกึ หลงั สอนแผนการสอนท่ี 18
1. ผลการสอนระดับช้นั ม.1

 สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้
 สอนไม่ไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนื่องจาก .............................................................................
16.ผลที่เกิดกบั ผเู้ รยี น
1.) การประเมนิ ผลความร้หู ลังการเรยี น โดยใช…้ …………………….....................................พบว่านักเรยี น
ผ่านการประเมินคิดเปน็ ร้อยละ................... ไม่ผา่ นเกณฑ์ขน้ั ตา่ ทกี่ าหนดไว้คิดเปน็ ร้อยละ...................................
ได้แก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการเรยี น โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นกั เรียน
ผา่ นการประเมนิ คิดเป็นร้อยละ.....................……. ไมผ่ ่านเกณฑ์ขน้ั ตา่ ท่กี าหนดไวค้ ิดเปน็ รอ้ ยละ.........................
ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ เรียน โดย
ใช…้ …………………….............................................พบว่านักเรียนผ่านการประเมนิ คิดเปน็ รอ้ ยละ............... ไมผ่ ่าน
เกณฑ์ข้ันตา่ ทก่ี าหนดไวค้ ดิ เปน็ รอ้ ยละ.................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปญั หาและอปุ สรรค
 กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มนี กั เรียนทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ ันตามกาหนดเวลา
 มนี ักเรียนท่ีไมส่ นใจเรยี น
 อนื่ ๆ ................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนาแผนไปปรบั ปรงุ เร่อื ง ..........................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ไี ม่ผ่านการประเมนิ .....................................................................................
 ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ

ลงช่ือ ผู้สอน
( นางสาวเรวดี ศรขี าว )
วันที่......../.................../.................

โรงเรยี นพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี

136

ความคดิ เห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระฯ ความคิดเหน็ ของหัวหน้าวชิ าการ
1.เป็นแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง ……………………………………………………………………………………
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรไู้ ด้นาเอากระบวนการเรียนรู้
 ทีเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง ลงชื่อ................................................
(นางณัฐญิ า คาโส)
เหมาะสมกบั ศกั ยภาพที่แตกตา่ งกันของผู้เรยี น
 ทยี่ ังไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นา ความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี นพนมศึกษา
ต่อไป ……………………………………………………………………………………
3.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรับปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ขอ้ เสนอแนะอ่ืน ๆ
…………………………………………………… ลงชือ่ ................................................
(นางผกา สามารถ)
ลงชื่อ.......................................................
( นางสาวพนัชฎา เทวรรณะ ) ผอู้ านวยการโรงเรียนพนมศึกษา

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี

137

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 19 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชพี รหสั วิชา ง 21102
รายวชิ า การงานอาชีพ จานวน 1 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 เรือ่ ง อาชพี แหละบุคลกิ ภาพ จานวน 1 ช่ัวโมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 19 เร่อื ง บคุ ลกิ ภาพกบั การเลือกอาชพี

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ดั
มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจ มที กั ษะที่จาเป็น มปี ระสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพ ใชเ้ ทคโนโลยีเพ่ือพฒั นา
อาชีพ มคี ุณธรรมและเจตคตทิ ดี่ ีตอ่ อาชีพ

ตวั ช้ีวัดที่
ง 1.1 ม.1/1 อธิบายแนวทางสูอ่ าชีพทสี่ นใจ
ง 1.1 ม.1/2 เลือก และใช้เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมกบั อาชพี
ง 1.1 ม.1/3 มปี ระสบการณใ์ นอาชพี ท่ีถนดั และสนใจ
ง 1.1 ม.1/4 มีคณุ ลกั ษณะท่ดี ตี ่ออาชีพ

2. สาระสาคัญ
บุคลกิ ภาพนอกจากจะเปน็ ตวั ชว่ ยสง่ เสรมิ ให้บคุ คลแต่ละคน มีเอกลักษณ์เฉพาะตวั และบง่ บอกลกั ษณะ

นิสัยส่วนตัวของแตล่ ะบุคคลแล้ว ยังสามารถมีส่วนชว่ ยในการเลอื กอาชพี ใหเ้ หมาะสมกับตวั เองได้อกี บคุ คลท่ี
เลอื กอาชีพไดส้ อดคลอ้ งกับบุคลิกภาพของตนเองมากท่ีสดุ จะมีความพงึ พอใจในอาชพี และส่งผลให้ประสบ
ความสาเรจ็ ในอาชพี นน้ั ๆ ได้3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

3.1 ด้านความรู้
1. นักเรยี นสามารถอธิบายบคุ ลิกภาพของบุคคลในดา้ นตา่ ง ๆ ได้

3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ
1. นักเรียนสามารถเลือกอาชีพที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพตนเอง

3.3 ด้านเจตคติ/คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์/คณุ ธรรมจรยิ ธรรมที่สอดแทรก
1. นกั เรียนเหน็ ความสาคญั ของการปรบั เปล่ียนบคุ ลกิ ภาพ

4. สมรรถนะของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา
4.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. สาระการเรยี นรู้
1. บุคลิกภาพกบั การเลอื กอาชพี
2. รจู้ กั ตนเอง
3. รจู้ กั โลกของอาชพี

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎร์ธานี

138

6. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้

ข้ันที่ 1 ระบคุ าถาม
1. ครนู าภาพผู้ประกอบอาชพี ต่าง ๆ เช่น รปู ภาพ ครู พยาบาล ทหาร ตารวจ พนักงาน บญั ชี พนักงาน
ตอ้ นรบั พ่อคา้ -แม่คา้ แลว้ ตัง้ คาถามในเรือ่ งทเี่ กยี่ วกบั บคุ ลิกภาพกบั การเลอื กอาชพี ต่าง ๆ เพ่ือกระตุ้น
ความคดิ และความสนใจของนักเรยี น ตวั อย่างคาถาม เชน่

อาชีพครู

อาชพี ตารวจ อาชีพหมอ

- นักเรียนคิดว่า บคุ ลิกภาพของนักเรียนเหมาะสมกับการประกอบอาชพี อะไร

เพราะเหตใุ ด

- การเลือกอาชพี ทเ่ี หมาะสมกับบุคลิกภาพของตวั เอง จะส่งผลตอ่ อาชีพอยา่ งไร

บ้าง

- ความถนดั ของแตล่ ะบุคคลมผี ลต่อการเลือกอาชพี อย่างไร

ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาความรู้ (15 นาที)

1. ครใู ห้นกั เรียนนาคาถาม ที่ครูไดต้ ั้งคาถามไวใ้ นเรอื่ งบคุ ลกิ ภาพกบั การเลือกอาชพี โดย

ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนแสดงความคดิ เหน็ ไดอ้ ย่างเตม็ ที่

2. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาความรู้ ในเรือ่ งบคุ ลิกภาพกบั การเลอื กอาชีพ จากหนังสือเรยี น

รายวชิ า การงานอาชพี ม. 1 หน้า 166-173 ของบริษัทศนู ย์หนังสอื เมืองไทย จากัด

3. ครใู ห้นักเรียนศกึ ษาความรู้เพ่ิมเติมเรื่อง บคุ ลิกภาพกับการเลอื กอาชพี จากสอ่ื วดี ทิ ัศน์

โดยการสแกน QR Code หนา้ 166

ขน้ั ท่ี 3 สร้างความรู้และสรุปความรู้ (20 นาที)
1. ครตู ้งั คาถามในเรื่องทเ่ี กยี่ วกับ บคุ ลิกภาพกับการเลือกอาชพี เพอื่ ใหน้ กั เรียนไดแ้ สวงหา

ความรู้ และรว่ มกันสรปุ เปน็ ความรู้ ตวั อยา่ งคาถาม เช่น
- บุคลกิ ภาพของบุคคลแต่ละบคุ คลมผี ลตอ่ การเลือกอาชพี อย่างไรบ้าง
- นักเรยี นคิดว่าการเลือกอาชีพใหเ้ หมาะสมกับบคุ ลกิ ภาพ มคี วามสาคัญอยา่ งไร
- การร้จู กั ตนเองสง่ ผลดกี ับนักเรยี นอยา่ งไรบ้าง
- วธิ กี ารที่ใชใ้ นการคน้ พบตัวเองในด้านตา่ งๆ นยิ มใชว้ ิธกี ารใดบ้าง
- การทีน่ กั เรียนเลือกท่จี ะประกอบอาชีพตา่ งๆ นกั เรียนควรศึกษาอาชพี เหลา่ น้นั

อยา่ งไรบา้ ง

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี

139

- เม่ือนักเรียนตัดสนิ ใจเลือกทจ่ี ะประกอบอาชพี อะไร แล้วจะต้องมีการวางแผน
การศกึ ษาต่ออยา่ งไรบา้ ง
ขนั้ ท่ี 4 ส่อื สารและนาเสนอ
1. ครูสมุ่ เลอื กนักเรยี น 2-4 คน ออกตอบคาถามหน้าชั้นเรียน โดยครเู ปดิ โอกาสให้
นักเรยี นได้แสดงความคดิ เห็นได้อย่างเต็มท่ี
2. ครคู วรเพม่ิ เติมความร้ทู ีถ่ กู ตอ้ งให้กบั นักเรยี น และใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรใู้ นเร่ือง
บุคลกิ ภาพกบั การเลอื กอาชีพ โดยครูเขยี นสรปุ ความรไู้ ว้บนกระดานดา
ขน้ั ที่ 5 ประเมินและบริการสังคม
1. ครปู ระเมนิ นกั เรยี น โดยการให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หัดทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7
จานวน 8 ข้อ
2. ครใู หท้ าแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7 เรื่อง อาชพี และบคุ ลกิ ภาพ
จานวน 10 ข้อ

7. การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (3 ห่วง 2 เง่อื นไข 4 มติ ิ)

หลักความพอประมาณ กาหนดเวลาที่ใช้เวลาเหมาะสมกับเนื้อหากิจกรรม วัยของผู้เรียน และภาระงานท่ี
ไดร้ บั มอบหมาย

หลักมีเหตผุ ล สามารถจดั กิจกรรมการเรียนรู้ได้ตามเวลาทกี่ าหนด

หลักสรา้ งภูมิคมุ้ กันในตัว วางแผนเวลาในการทากิจกรรมไว้เกินจริงเล็กน้อย เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องเวลาท่ี
ท่ีดี อาจจะเกิดขึ้นได้ ทาให้ใช้เวลาพอเพียงกับคาบเรียนที่กาหนด ไม่ปล่อยนักเรียนช้า
นักเรียนไดเ้ รยี นร้อู ย่างเต็มท่ี ครบกิจกรรมท่ีวางแผนไว้

-พ้ืนฐานความรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์

คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี

เงอ่ื นไขความรู้ ศิลปะ (ดนตรี) ที่ใช้ในการเรียนรู้เร่ืองทักษะกระบวนการทางาน กระบวนการ
แกป้ ญั หา และหลักการทางานเพ่ือการดารงชวี ติ

-หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง

เงอื่ นไขคณุ ธรรม -ความรว่ มมอื ในการทากิจกรรม
-ไมเ่ หน็ แกต่ ัว มีน้าใจ เอื้ออาทร ใหค้ วามชว่ ยเหลือเพื่อนในกล่มุ
-มีความมงุ่ มั่นในการทางาน -มีจติ อาสา

เศรษฐกจิ สังคม สงิ่ แวดล้อม วฒั นธรรม

8. สื่อการเรยี นรู้/แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียน รายวิชาพืน้ ฐานการงานอาชพี ม.1 ของบรษิ ัท ศนู ย์หนังสือ เมืองไทย จากัด
2. สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือท่เี กย่ี วกบั บคุ ลกิ ภาพท่วั ไป ทายใจจากบุคลกิ ภาพ
3. เวบ็ ไซตก์ ารพฒั นาบคุ ลิกภาพ บคุ ลิกภาพท่ีสังคมยอมรบั อาชีพท่ีเหมาะสมกบั บุคลิกภาพ

แบบทดสอบวัดบคุ ลิกภาพ เช่น

โรงเรยี นพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี

140

- www.krungsri.com › ... › Guru Financial › Money tips อาชีพแบบไหนเหมาะกบั บุคลิก

แบบเรา

- th.jobsdb.com › บทความงาน › บทความผ้หู างาน › เทคนิคหางาน เลอื กอาชพี อย่างไร
ให้เหมาะกบั บคุ ลกิ ภาพ | จอ๊ บส์ดบี ี ประเทศไทย

แหลง่ เรียนรู้
1. หอ้ งสมดุ โรงเรียน

9. การวดั และการประเมนิ ผล

ประเด็นการพิจารณา วธิ ีการ เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมิน

ความรู้ (K) - ประเมนิ ผลงานจาก แบบประเมินผลงาน ผ่านขนั้ ตา่ ไม่น้อยกว่ารอ้ ย
นกั เรียนสามารถอธิบาย ใบงาน นักเรียน ละ 60
บุคลกิ ภาพของบคุ คลในดา้ น

ตา่ ง ๆ ได้

ทกั ษะกระบวนการ (P) - การออกมานาเสนอ แบบสังเกตการตอบ
นักเรยี นสามารถเลือกอาชพี ที่ - การตอบคาถาม คาถาม
สอดคลอ้ งกบั บุคลิกภาพตนเอง คะแนนต้ังแต่ 4-9 ผ่าน

ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ การสังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นกั เรยี นท่ไี ด้ระดับคณุ ภาพ
(A) รายบุคคล รายบคุ คล พอใช้ขนึ้ ไป ถือวา่ ผา่ น
นกั เรยี นเห็นความสาคญั ของ

การปรบั เปลี่ยนบคุ ลิกภาพ
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ตาม ประเมนิ คณุ ลักษณะอนั แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษา พงึ ประสงค์ของผเู้ รยี น อันพึงประสงคข์ อง ผา่ นขน้ั ตา่ ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ย
ข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ผเู้ รยี น ละ 60
2551
ด้านสมรรถนะสาคัญของ ประเมนิ สมรรถนะ แบบประเมนิ สมรรถนะ
ผู้เรยี น สาคัญของผเู้ รยี น สาคญั ของผเู้ รียน
- ความสามารถในการสอื่ สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ ักษะ ผา่ นขน้ั ต่าไม่น้อยกวา่ ร้อย
ชีวติ ละ 60

- ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ลงชอื่ ..................................................ครูผสู้ อน
(นางสาวเรวดี ศรขี าว)
.........../.............../..................

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี

141

บันทกึ หลังสอนแผนการสอนที่ 19
1. ผลการสอนระดบั ช้ัน ม.1

 สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้
 สอนไม่ไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนือ่ งจาก .............................................................................
17.ผลทีเ่ กดิ กับผเู้ รยี น
1.) การประเมนิ ผลความร้หู ลังการเรียน โดยใช…้ …………………….....................................พบว่านกั เรยี น
ผา่ นการประเมนิ คดิ เปน็ รอ้ ยละ................... ไม่ผา่ นเกณฑ์ข้นั ต่าทกี่ าหนดไวค้ ดิ เปน็ รอ้ ยละ...................................
ไดแ้ ก่ .....................................................................................................................................................................
2.) การประเมินด้านทกั ษะกระบวนการเรยี น โดยใช้…………………...….….........................พบวา่ นกั เรียน
ผา่ นการประเมินคิดเปน็ รอ้ ยละ.....................……. ไมผ่ า่ นเกณฑข์ น้ั ตา่ ที่กาหนดไวค้ ิดเปน็ ร้อยละ.........................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ดา้ นคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ เรยี น โดย
ใช…้ …………………….............................................พบวา่ นกั เรยี นผา่ นการประเมินคดิ เปน็ รอ้ ยละ............... ไม่ผ่าน
เกณฑ์ขั้นต่าท่กี าหนดไวค้ ิดเป็นรอ้ ยละ.................
ได้แก่ ......................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
 กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกบั เวลา
 มีนักเรียนทาใบงาน/ใบกิจกรรมไมท่ นั ตามกาหนดเวลา
 มนี กั เรียนทไี่ มส่ นใจเรียน
 อ่นื ๆ ................................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนาแผนไปปรบั ปรุง เรอ่ื ง ..........................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนกั เรยี นทไ่ี ม่ผ่านการประเมนิ .....................................................................................
 ไม่มขี ้อเสนอแนะ

ลงชอื่ ผสู้ อน
( นางสาวเรวดี ศรขี าว )
วันท.่ี ......./.................../.................

โรงเรียนพนมศกึ ษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี

142

ความคิดเหน็ ของหัวหน้ากล่มุ สาระฯ ความคดิ เหน็ ของหัวหน้าวิชาการ
1.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรงุ ……………………………………………………………………………………
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรไู้ ด้นาเอากระบวนการเรียนรู้
 ทเี่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่าง ลงชอ่ื ................................................
(นางณฐั ญิ า คาโส)
เหมาะสมกบั ศกั ยภาพทีแ่ ตกตา่ งกันของผูเ้ รียน
 ทย่ี ังไมเ่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นา ความคดิ เหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียนพนมศกึ ษา
ต่อไป ……………………………………………………………………………………
3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………
นาไปใช้ไดจ้ ริง  ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้ ……………………………………………………………………………………
4.ข้อเสนอแนะอื่น ๆ
…………………………………………………… ลงชอื่ ................................................
(นางผกา สามารถ)
ลงชอ่ื .......................................................
( นางสาวพนัชฎา เทวรรณะ ) ผู้อานวยการโรงเรียนพนมศึกษา

โรงเรียนพนมศึกษา ตาบลพนม อาเภอพนม จงั หวัดสุราษฎร์ธานี


Click to View FlipBook Version