The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaimath2514, 2022-05-26 10:28:22

ประว้ติศาสตร์ 1

ส21103

บตั รคำ 

พทุ ธศักราช
คริสต์ศักราช
ฮจิ เราะหศ์ กั ราช
มหาศกั ราช
จุลศักราช
รัตนโกสินทร์ศก

ใบงานท่ี 1.5

การเปรยี บเทียบศกั ราชแบบตา่ งๆ

คำช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี
1. นักเรยี นท่เี ขา้ เรียนชั้น ม. 1 ปี พ.ศ. 2555 จะต้องมีอายุครบ 13 ปี ดังนั้นนกั เรียนที่จะเขา้ เรียนไดจ้ ะต้องเกดิ
ใน พ.ศ. ใด และตรงกับ ค.ศ. ใด
นักเรยี นทีจ่ ะเขา้ เรยี นชั้น ม. 1 ในปี พ.ศ. 2555 จะต้องเกดิ ปี พ.ศ. 2542 ตรงกับ ค.ศ. 1999 รงุ
2. ขนุ เดชเขา้ ทำงานเป็นเจ้าหนา้ ทอ่ี นุรกั ษโ์ บราณสถานในอุทยานประวตั ิศาสตรส์ โุ ขทยั เมือ่ 20 เมษายน
ร.ศ. 127 แสดงวา่ ขนุ เดชทำงานเป็นเจ้าหนา้ ที่อนุรกั ษโ์ บราณสถานในอทุ ยานประวัติศาสตร์สโุ ขทยั ในปี
พ.ศ. ใด
นักเรียนท่จี ะเขา้ เรยี นชน้ั ม. 1 ในปี พ.ศ. 2555 จะตอ้ งเกดิ ปี พ.ศ. 2542 ตรงกบั ค.ศ. 1999 รงุ
3. “ศุภมัศดุ จลุ ศักราช 1236 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ เปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ ในรัชกาล
ท่ี 5 ทรงพระราชดำริวา่ ได้ทรงประกาศตงั้ เคาน์ซลิ ลอร์ออฟสเตด ทปี่ รึกษาราชการแผน่ ดิน ไวแ้ ตว่ ันศกุ รเ์ ดือน
หก แรมแปดคำ่ ปจี อศก เพ่ือจะได้ช่วยคิดราชการแผ่นดิน” พระราชบญั ญัตดิ ังกลา่ วประกาศใน
พ.ศ. ใด
นักเรยี นทจ่ี ะเขา้ เรยี นช้นั ม. 1 ในปี พ.ศ. 2555 จะต้องเกดิ ปี พ.ศ. 2542 ตรงกบั ค.ศ. 1999 รงุ
4. ถา้ นักเรียนนับถือศาสนาอิสลาม แล้วสำนักจุฬาราชมนตรปี ระกาศวันออกบวชของชาวมสุ ลิม ให้ตรงกบั
วนั ที่ 30 สงิ หาคม พ.ศ. 2555 จะตรงกบั ฮิจเราะห์ศกั ราชใด
นกั เรยี นท่จี ะเข้าเรียนชัน้ ม. 1 ในปี พ.ศ. 2555 จะต้องเกิดปี พ.ศ. 2542 ตรงกบั ค.ศ. 1999 รุง
5. “๑๒๐๕ ศก ปีมะแม พ่อขุนรามคำแหงหาใครใจในใจ แลใส่ลายสือไทยน้ี” แสดงให้เห็นวา่ พ่อขุนรามคำแหง-
มหาราชทรงประดิษฐ์อักษรไทยขนึ้ ใน พ.ศ. ใด และตรงกับ จ.ศ. ใด
นักเรียนทจ่ี ะเขา้ เรยี นชนั้ ม. 1 ในปี พ.ศ. 2555 จะตอ้ งเกิดปี พ.ศ. 2542 ตรงกับ ค.ศ. 1999 รงุ

บทสรุป

การเปรยี บเทียบศกั ราชแบบต่างๆ มคี วามสำคญั ต่อการศึกษาประวตั ิศาสตร์อย่างไรบ้าง

เฉลยใบงานที่ 1.5
การเปรยี บเทียบศักราชแบบตา่ งๆ

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. นักเรียนท่ีเข้าเรียนช้ัน ม. 1 ปี พ.ศ. 2555 จะตอ้ งมีอายุครบ 13 ปี ดงั น้ันนกั เรยี นที่จะเขา้ เรียนไดจ้ ะตอ้ งเกดิ
ใน พ.ศ. ใด และตรงกบั ค.ศ. ใด
นกั เรยี นท่จี ะเขา้ เรยี นชัน้ ม. 1 ในปี พ.ศ. 2555 จะตอ้ งเกดิ ปี พ.ศ. 2542 ตรงกบั ค.ศ. 1999

2. ขุนเดชเข้าทำงานเป็นเจ้าหนา้ ทอ่ี นรุ ักษ์โบราณสถานในอุทยานประวตั ิศาสตร์สุโขทัยเมื่อ 20 เมษายน
ร.ศ. 127 แสดงว่า ขนุ เดชทำงานเปน็ เจา้ หนา้ ท่ีอนุรกั ษ์โบราณสถานในอุทยานประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทัยในปี
พ.ศ. ใด
พ.ศ. 2452พ.ศ. 2452……………………………………………………………………………………………………………….

3. “ศุภมัศดุ จุลศักราช 1236 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ เป็นพระเจ้าแผน่ ดนิ ในรชั กาล
ที่ 5 ทรงพระราชดำรวิ ่าได้ทรงประกาศตง้ั เคานซ์ ิลลอร์ออฟสเตด ทีป่ รึกษาราชการแผ่นดิน ไวแ้ ตว่ ันศุกร์เดือน
หกแรมแปดค่ำ ปจี อศก เพอื่ จะไดช้ ว่ ยคิดราชการแผน่ ดิน” พระราชบญั ญตั ิดงั กล่าวประกาศใน พ.ศ. ใด
พ.ศ. 2417 พ.ศ. 2417 รุงศรีอยุ…………………………………………………………………………………………………

4. ถ้านกั เรยี นนับถือศาสนาอสิ ลาม แล้วสำนกั จุฬาราชมนตรีประกาศวนั ออกบวชของชาวมสุ ลิม ให้ตรงกับ
วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555 จะตรงกบั ฮิจเราะห์ศักราชใด
ฮ.ศ. 1433 ฮ.ศ. 1433 กรุงใศรอี ยุ………………………………………………………………………………………………

5. “๑๒๐๕ ศก ปีมะแม พ่อขนุ รามคำแหงหาใครใจในใจ แลใส่ลายสอื ไทยน้”ี แสดงใหเ้ หน็ ว่าพ่อขุนรามคำแหง-
มหาราชทรงประดิษฐอ์ ักษรไทยขนึ้ ใน พ.ศ. ใด และตรงกับ จ.ศ. ใด
พ.ศ. 1826 และตรงกับ จ.ศ. 645พ.ศ. 1826 และตรงกบั จ.ศ. 645กรงุ ศรีอยุ……………………………

บทสรุป
การเปรยี บเทียบศกั ราชแบบต่างๆ มคี วามสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์อย่างไรบา้ ง

(พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยใู่ นดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน)

แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1

คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. เวลามีความสำคัญต่อการศึกษาประวัตศิ าสตร์อยา่ งไร 6. เราทราบได้อยา่ งไรว่า พ.ศ. 2555 ตรงกับ ค.ศ.
ก. ใช้พิจารณาว่าเหตุการณ์นนั้ เป็นประวัติศาสตร์
หรอื ไม่ 2012
ข. ใชใ้ นการลำดับเหตุการณ์ทางประวัตศิ าสตร์
ค. ใช้บอกรายละเอียดเหตุการณ์ที่สำคญั ก. นำ 543 มาลบ เพราะพระพุทธเจ้าสน้ิ พระชนม์
ง. ใชห้ าขอ้ มลู ทางประวตั ิศาสตร์
กอ่ นพระเยซู 543 ปี
2. การแบ่งยุคสมยั ทางประวัติศาสตร์มีประโยชน์อยา่ งไร
ก. ทำใหเ้ กดิ ความเข้าใจเร่อื งราวในอดีตได้ดีขนึ้ ข. ไม่มีหลักเกณฑ์แนน่ อน แตท่ ราบเพราะเข้าใจกัน
ข. ทำใหศ้ ึกษาเรื่องราวในอดีตได้สะดวกขึ้น
ค. ทำให้เรอ่ื งราวในอดีตเป็นจรงิ ขึ้นมากกว่าเดมิ โดยทว่ั ไปอยแู่ ลว้
ง. ทำให้ประหยดั เวลาการทำงานของนัก
ประวัตศิ าสตร์ ค. นำ 543 มาลบ เพราะ ค.ศ. ช้ากว่า พ.ศ. อยู่

3. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้อง 543 ปี
ก. พ.ศ. 1 เริม่ ใชเ้ ม่ือมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
เป็นระบอบประชาธิปไตย ง. นำ 543 มาลบ เพราะนกั ประวัตศิ าสตรก์ ำหนดไว้
ข. ร.ศ. 1 เทา่ กบั พ.ศ. 2411 (ปที ่รี ัชกาลที่ 5
ขน้ึ ครองราชย์) 7. “ศักราช 895 มะเส็งศก สมเด็จพระบรมราชา
ค. การนบั ศักราชแบบรัตนโกสนิ ทร์ศกเร่มิ ใช้ในสมยั
รัชกาลท่ี 5 หนอ่ พุทธางกรู เจ้านฤพาน จึงสมเดจ็ พระราชกุมารได้
ง. พงศาวดารไทยสมยั อยธุ ยาใช้การนับแบบ
พุทธศักราช เสวยราชสมบตั ”ิ เหตุการณน์ ้ีเกิดขึน้ เมื่อ พ.ศ. ใด

4. ศักราชแบบใดท่เี ป็นท่ีนยิ มใช้มากที่สุดและเปน็ ศักราช ก. 2076 ข. 2017
สากล
ก. ฮิจเราะห์ศกั ราช ข. พุทธศักราช ค. 1516 ง. 1438
ค. มหาศักราช ง. คริสตศ์ ักราช
8. หลักเกณฑ์สำคัญในการแบ่งยุคสมัยเปน็ สมยั ก่อน
5. ฮจิ เราะห์ศกั ราช (ฮ.ศ.) เป็นการนับศักราชทเ่ี กีย่ วข้อง
กับศาสนาใด ประวัตศิ าสตร์และสมัยประวัติศาสตรค์ ืออะไร
ก. ครสิ ตศ์ าสนา ข. ศาสนาอิสลาม
ค. พระพุทธศาสนา ง. ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู ก. การประดิษฐเ์ ครือ่ งมือเครื่องใชท้ ่ที นั สมยั

ข. การปกครองดว้ ยระบบกษตั ริย์

ค. การประดิษฐ์ตวั อักษร

ง. การต้งั บ้านเรือน

9. มนุษย์ทย่ี งั เร่ร่อนอาศยั อยตู่ ามเพงิ ผา ใชเ้ คร่ืองมือหิน

แบบง่ายๆ เปน็ มนุษย์ยุคใด

ก. ยุคโลหะ ข. ยคุ หินเก่า

ค. ยคุ หนิ ใหม่ ง. ยุคหนิ กลาง

10. การแบง่ สมัยก่อนประวัติศาสตรเ์ ปน็ ยคุ หนิ และยุค

โลหะ มหี ลักเกณฑ์ในการแบ่งอยา่ งไร

ก. เครอ่ื งมือเครอ่ื งใชท้ ่มี ีประสทิ ธิภาพมากกว่า

ข. การต้ังบ้านเรือนอยรู่ ิมน้ำ

ค. ภาษาพูดและภาษาเขียน

ง. รูปรา่ งหน้าตาของมนุษย์

แผนการจัดการเรยี นรู้

รายวิชา ประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส 21103 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1
โรงเรยี นพนมศึกษา
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม จำนวน 5 ชั่วโมง
จำนวน ๑ ช่วั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรื่อง วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์
เวลา
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 6 เร่อื ง ความหมายและความสำคัญของประวตั ิศาสตร์

ผสู้ อน นางสาวสุดารัตน์ ทองคำ

ใชส้ อนชัน้ ชวั่ โมง วนั ท่ี เดือน พ.ศ.

1. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคญั ของเวลาและยุคสมัยทางประวัตศิ าสตร์ สามารถใชว้ ิธีการทาง

ประวัติศาสตรม์ าวเิ คราะห์เหตุการณ์ตา่ งๆ อยา่ งเป็นระบบ

2. สาระสำคัญ
ประวัตศิ าสตรเ์ ปน็ การศกึ ษาเร่อื งราวในอดีตของมนุษย์ ซง่ึ มีความสำคัญตอ่ วถิ ีการดำเนินชวี ิตของคนในปจั จบุ นั

3. ตวั ช้ีวดั
3.1 ตัวชีว้ ัด ม. 1/3 นำวิธีการทางประวัติศาสตรม์ าใชศ้ ึกษาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
3.2 จุดประสงค์การเรียนรู้
อธิบายความหมายและความสำคญั ของประวัตศิ าสตรไ์ ด้

4. สาระการเรียนรู้
ความหมายและความสำคัญของประวัติศาสตร์ และวิธีการทางประวัติศาสตรท์ ่ีมีความสัมพนั ธเ์ ชือ่ มโยงกัน

5. สมรรถนะสำคญั
5.1 ความสามารถในการส่ือสาร
5.2 ความสามารถในการคดิ
5.2.1 ทักษะการสำรวจค้นหา
5.2.2 ทกั ษะการวิเคราะห์
5.2.3ทกั ษะการให้คำจำกัดความ
5.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต

6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มีวินยั
6.2 ใฝเ่ รียนรู้
6.3 มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

7. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้
วิธสี อนแบบ กระบวนการกล่มุ สมั พันธ์

นักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2

ขั้นที่ 1 ขน้ั นำเขา้ ส่บู ทเรยี น คำถามกระตุน้ ความคิด

1ส.่ือคกราแูรเบร่งียนนักรเู้ รยี :นเ-ปน็ กลมุ่ กลุม่ ละ 4 คน คละกันตาม เพราะเหตใุ ด เราจงึ ตอ้ งศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์
(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยให้อย่ใู น
1. ครูแบ่งนกั เรยี นเปน็ กล่มุ กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตาม ดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)
ความสามารถ

2. ครูให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันอภปิ รายความหมายของ
คำว่า “ประวัตศิ าสตร์” ตามความเขา้ ใจของนกั เรียน
โดยครูคอยกระตุ้นใหน้ กั เรียนทุกคนมีสว่ นรว่ มในการ
แสดงความคิดเหน็ เพอ่ื นำเขา้ สู่บทเรียน

3. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 กลุ่ม ใหบ้ อกความหมายของคำวา่
ประวตั ศิ าสตร์ ตามความเข้าใจของกล่มุ ตนเองแลว้ ให้
กลุ่มอ่ืนไดน้ ำเสนอเพ่ิมเตมิ ในสว่ นทแ่ี ตกต่างกันออกไป

4. ครูอธิบายใหน้ กั เรียนเข้าใจวา่ ประวตั ศิ าสตร์ มหี ลาย
ความหมายเนอื่ งจากมีผใู้ ห้คำนิยามเอาไวห้ ลากหลาย
ซ่ึงนักเรยี นจะได้ศกึ ษาต่อไป

5. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด

ข้นั ที่ 2 จดั การเรยี นรู้

ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ :

1. หนังสอื เรียน ประวตั ิศาสตร์ ม.1

2. ใบงานที่ 2.1
1. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มจับคู่กันเป็น 2 คู่ ใหแ้ ต่ละครู่ ว่ มกนั ศึกษาความรเู้ รือ่ ง ความหมายและความสำคัญของ

ประวัตศิ าสตร์ จากหนังสอื เรียน หนังสือ ในประเด็นท่กี ำหนดให้ ดงั นี้
- ค่ทู ี่ 1 ศึกษาความรู้เรื่อง ความหมายของประวัติศาสตร์ - คู่ที่ 2 ศึกษาความรูเ้ ร่ือง ความสำคัญของประวตั ิศาสตร์
แล้วบันทกึ ความรูท้ ไี่ ด้จากการศึกษาลงในแบบบนั ทึกการอ่าน
2. นักเรียนแตล่ ะคนู่ ำความรู้ท่ีได้จากการศึกษามาอธบิ ายใหเ้ พ่อื นอกี ค่หู น่ึงฟัง ผลดั กันซักถามขอ้ สงสยั และอธิบาย
จนทกุ คนมคี วามเขา้ ใจชัดเจนตรงกนั
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั ทำใบงานที่ 2.1 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของประวตั ิศาสตร์ เมือ่ ทำเสรจ็ แล้ว
ชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง และเติมเตม็ คำตอบให้สมบรู ณ์
4. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอผลงานในใบงานท่ี 2.1 หน้าชัน้ เรียน ครูและเพ่ือนกลุ่มอนื่ ช่วยกนั ตรวจสอบ
ความถูกต้อง และใหข้ ้อเสนอแนะ

ขน้ั ท่ี 3 วดั และประเมนิ ผล

ครวู ัดและประเมนิ ผลงานนกั เรียนจากการทำใบงานที่ 2.1

8. ส่อื อปุ กรณ์และแหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สอื่ การเรยี นรู้
8.1.1 หนงั สือเรยี น ประวตั ิศาสตร์ ม.1
8.1.2 หนงั สือค้นคว้าเพิม่ เตมิ

คาร,์ อ.ี เอช. 2531. ประวตั ศิ าสตร์ คอื อะไร. แปลโดย ชาติชาย พณานานนท.์ พิมพ์คร้งั ท่ี

กรงุ เทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์.

8.1.3 ใบงานท่ี 2.1 เร่ือง ความหมายและความสำคญั ของประวตั ิศาสตร์
8.2 แหลง่ การเรียนรู้

8.2.1 แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ

- www.aksorn.com/LC/Hist/M1/2

- http://th.wikipedia.org/wiki/ประวตั ศิ าสตร์

8.2.2 หอ้ งสมดุ

๙. การบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (๓ ห่วง ๒ เงอ่ื นไข ๔ มิติ)

หลกั ความพอประมาณ - วิเคราะหส์ มรรถนะและคุณลกั ษณะอันพึงประสงคท์ ่ีสอดคล้องกัน
- ออกแบบกิจกรรมทส่ี อดคล้องกับตัวช้วี ดั
หลักมีเหตุผล - ใชเ้ ครือ่ งมือวิธปี ระเมนิ ทีห่ ลากหลายเหมาะสมกบั ตวั ชีว้ ัด

หลักสรา้ งภูมิคุ้มกนั ในตัวทด่ี ี - จัดกระบวนการเรยี นร้ทู ี่คำนกึ ถงึ ความรคู้ วามสามารถของผู้เรียน

เงื่อนไขความรู้ - ศกึ ษาเนื้อหาสาระรูปแบบกจิ กรรมใหบ้ รรลตุ ามตัวช้วี ดั
เง่ือนไขคุณธรรม - จัดทำแผนการเรียนรู้อย่างละเอียดสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียน

การสอนและสามารถนำไปใชไ้ ด้ในกรณีขาดแคลนครูสอน

- อธิบายความหมายและความสำคัญของประวตั ิศาสตร์ได้

- มีความรับผิดชอบต่อการทำงาน

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๔ มิติ

เศรษฐกิจ สังคม ส่งิ แวดล้อม วฒั นธรรม

10. การวัดผลและประเมินผล

วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์

ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบกอ่ นเรียน (ประเมินตามสภาพจริง)
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2
ตรวจใบงานที่ 2.1 ใบงานท่ี 2.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจแบบบนั ทึกการอ่าน แบบบันทกึ การอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มน่ั แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ในการทำงาน

ใบงานท่ี 2.1
ความหมายและความสำคญั ของประวัติศาสตร์

คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามท่ีกำหนดให้ถกู ต้อง
1. ประวัตศิ าสตร์ หมายถึงอะไร

2. เพราะเหตุใด การศกึ ษาประวัตศิ าสตร์จำเปน็ ต้องอาศัยความรทู้ างดา้ นโบราณคดี

3. การศึกษาประวตั ิศาสตร์มีความสำคญั อย่างไร

เฉลยใบงานท่ี 2.1
ความหมายและความสำคัญของประวตั ิศาสตร์

คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนตอบคำถามท่ีกำหนดใหถ้ ูกต้อง

1. ประวัติศาสตร์ หมายถึงอะไร
ประวัติศาสตร์ คอื การศึกษาเร่อื งราวหรอื ประสบการณข์ องมนุษยใ์ นอดตี โดยอาศยั จากหลกั ฐานตา่ งๆ

ทั้งทเ่ี ป็นลายลักษณ์อกั ษรและไมเ่ ป็นลายลกั ษณ์อักษร แลว้ นำมาวิเคราะหต์ ีความเพื่อสรา้ งเร่อื งราวทาง
ประวัติศาสตร์ซึ่งครอบคลุมทุกเรื่องทุกด้าน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวหรือ
ประสบการณ์ของมนษุ ยไ์ ด้ถูกต้องชดั เจนท่สี ุด

2. เพราะเหตุใด การศกึ ษาประวัตศิ าสตร์จำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางด้านโบราณคดี
เนื่องจากหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรมีน้อย ไม่เพียงพอต่อการศึกษา ซึ่งอาจเกิดจากมนุษย์ไม่ได้

จดบนั ทกึ เรอ่ื งราวไว้ หรอื หลักฐานเกิดการสญู หาย หรือถูกทำลาย ดังน้ันนักประวตั ศิ าสตรจ์ งึ ตอ้ งอาศยั
หลักฐานทางโบราณคดี เช่น โบราณวัตถุ โบราณสถาน ภาพวาดบนฝาผนัง เครื่องประดับ เครื่องปั้นดินเผา
โครงกระดูกมนุษย์ เป็นตน้ และตอ้ งพ่งึ พาความรจู้ ากนักโบราณคดดี ้วย

3. การศึกษาประวตั ิศาสตร์มีความสำคัญอย่างไร
ทำให้ทราบความเป็นมาของมนษุ ยท์ กุ เรื่อง ซ่ึงจะเป็นบทเรียน เปน็ ตัวอยา่ งใหค้ นรุ่นหลังได้ปฏบิ ัตติ ามใน

เรือ่ งทด่ี ีและละเวน้ เรื่องที่ไมด่ ี ประวตั ศิ าสตรย์ งั เปน็ รากฐานความเจรญิ ของมนุษย์ในปัจจุบนั ทงั้ ยังทำให้มนษุ ย์
มวี ธิ ีการคิดอยา่ งฉลาด มเี หตุมผี ล มีความละเอยี ดรอบคอบในการศึกษาค้นคว้าและเขยี นงานทางประวตั ิศาสตร์

แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2

คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ขั้นตอนแรกของวธิ ีการทางประวัติศาสตร์ คือข้ันตอน 6. เรื่องราวท่ปี รากฏในพงศาวดารสว่ นใหญ่จะเป็นเรอ่ื ง

ใด เกี่ยวกับอะไร

ก. ปรกึ ษาผรู้ หู้ รือผู้เช่ียวชาญ ก. สงครามกับเพื่อนบา้ น

ข. เลือกเรียนวชิ าประวัติศาสตร์ ข. ความเปน็ อยู่ของไพรฟ่ า้

ค. กำหนดหวั เร่อื งทนี่ ่าสนใจหรอื เราสนใจ ค. การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา

ง. ค้นหาหลกั ฐานเพ่ือกำหนดเร่ืองใหส้ อดคลอ้ งกัน ง. พระราชกรณียกิจของกษัตรยิ ์

2. เพราะเหตุใด จึงต้องมีการประเมินคุณคา่ หลักฐานทาง 7. เรอ่ื งราวของมะกะโทท่ีเข้ามารบั ราชการในสมยั พระ

ประวตั ิศาสตร์ ร่วงจัดเปน็ หลกั ฐานประเภทใด

ก. หลักฐานอาจมีหรือไม่มี ก. พงศาวดาร

ข. หลกั ฐานอาจจริงหรอื เท็จ ข. บนั ทึกชาวต่างชาติ

ค. หลกั ฐานอาจมากหรอื น้อย ค. หลักฐานโบราณคดี

ง. หลักฐานอาจเก่าหรือใหม่ ง. ตำนานหรือนิทานพื้นบา้ น

3. หากมนี ักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศ 8. ลกั ษณะนสิ ัยใดที่มคี วามจำเป็นนอ้ ยสำหรับ

ไทย แล้วไปเขียนหนงั สือบรรยายวา่ ประเทศไทยล้า นักประวัตศิ าสตร์

หลงั ด้อยพฒั นา เพราะยังมกี ารกินอาหารดว้ ยมือ ก. ชอบสังเกต ข. ชอบคน้ หา

หรอื ไมส่ วมเส้ือผา้ นกั เรียนคิดวา่ ขอ้ ความนี้จะใชเ้ ปน็ ค. ชอบจดบันทึก ง. ชอบวาดภาพ

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ในอนาคตได้หรอื ไม่ 9. เรอ่ื งราวในประวตั ิศาสตร์ทเ่ี กิดขนึ้ มาแล้ว จะมีความ

ก. ได้ เพราะเป็นหลกั ฐานชนั้ ต้น น่าเชื่อถอื หากเปน็ กรณใี ด

ข. ได้ แตต่ ้องมีการตคี วามหลักฐาน ก. ผเู้ ขยี นเปน็ ราชนิกูล

ค. ไม่ได้ เพราะเปน็ หลกั ฐานเท็จ ข. มีหลกั ฐานอา้ งองิ สนับสนนุ

ง. ไม่ได้ เพราะผู้เขยี นไม่ใชค่ นไทย ค. มีการเรยี บเรียงอยา่ งสละสลวย

4. บนั ทกึ เหตกุ ารณ์ของ วันวลิต ชาวตา่ งชาติท่เี ขา้ มาใน ง. ผเู้ ขียนเป็นบคุ คลที่มคี วามรู้ ความสามารถ

สมัยอยุธยา เปน็ หลักฐานประเภทใด 10. บิดาแหง่ ประวัติศาสตร์ชาติไทย คอื ใคร

ก. หลักฐานช้ันต้น – เป็นลายลักษณอ์ ักษร ก. ศาสตราจารยข์ จร สขุ พานชิ

ข. หลกั ฐานชนั้ รอง – เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร ข. สมเด็จฯ กรมหม่นื นราธิปพงศ์ประพันธ์

ค. หลกั ฐานชัน้ ตน้ – ไมเ่ ปน็ ลายลกั ษณ์อักษร ค. สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

ง. หลกั ฐานชน้ั รอง – ไมเ่ ป็นลายลักษณ์อักษร ง. พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั

5. หลกั ฐานทเ่ี ดน่ มากในเรอ่ื งของรายละเอยี ดและความ

ถูกต้องของเวลา คือหลกั ฐานใด

ก. จารกึ ข. ตำนาน

ค. จดหมายเหตุ ง. พงศาวดาร

แผนการจัดการเรียนรู้

รายวชิ า ประวตั ศิ าสตร์ รหัสวิชา ส 21103 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1
โรงเรียนพนมศึกษา
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม จำนวน 5 ชว่ั โมง
จำนวน ๑ ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรือ่ ง วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์
เวลา
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7 เรอ่ื ง วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์

ผู้สอน นางสาวสุดารัตน์ ทองคำ

ใช้สอนชน้ั ชั่วโมง วันท่ี เดือน พ.ศ.

1. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการ

ทางประวตั ศิ าสตรม์ าวิเคราะหเ์ หตุการณต์ ่างๆ อยา่ งเปน็ ระบบ

2. สาระสำคญั
การนำขน้ั ตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ มาใช้ในการศึกษาประวัติศาสตร์ย่อมทำให้ได้ข้อมลู ท่ีถูกต้องและ

น่าเชอ่ื ถอื

3. ตวั ชวี้ ัด
3.1 ตัวชว้ี ัด ม. 1/3 นำวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตรม์ าใช้ศกึ ษาเหตุการณ์ทางประวตั ิศาสตร์
3.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.2.1 อธบิ ายความหมายและความสำคัญของวธิ กี ารทางประวัติศาสตรไ์ ด้
3.2.2 บอกขัน้ ตอนของวิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ได้

4. สาระการเรียนรู้
ความหมายและความสำคัญของประวัติศาสตร์ และวธิ ีการทางประวัติศาสตรท์ ่มี ีความสมั พันธ์เชือ่ มโยงกนั

5. สมรรถนะสำคญั
5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
5.2 ความสามารถในการคิด
5.2.1 ทกั ษะการสำรวจค้นหา
5.2.2 ทักษะการวเิ คราะห์
5.2.3ทักษะการให้คำจำกัดความ
5.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ

6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มวี นิ ยั
6.2 ใฝเ่ รียนรู้
6.3 มุง่ มนั่ ในการทำงาน

7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้
กิจกรรมการเรียนรู้
วิธสี อนแบบ สบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)

ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ คำถามกระตุ้นความคิด
ถ้านักเรียนตอ้ งการศึกษาขอ้ มลู หรือเร่อื งราว
1. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ ทางประวัตศิ าสตร์ ควรศกึ ษาดว้ ยวิธกี ารใด
2. ครูเปิดวีดทิ ศั นส์ ารคดเี กยี่ วกับประวตั ิศาสตร์ (วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ตามวธิ ีการ
ทางประวัติศาสตร)์
ไทยให้นกั เรียนดู แลว้ ใหน้ ักเรียนตอบ
คำถามต่อไปน้ี
- สารคดีดังกลา่ วเก่ียวกบั เรอื่ งอะไร
- นกั เรยี นคดิ ว่า กว่าจะเปน็ สารคดเี รอื่ ง
ดังกล่าว ผ้จู ดั ทำจะตอ้ งทำอย่างไรบ้าง
โดยครูคอยกระตุน้ ให้นักเรียนทุกคน
มสี ว่ นรว่ มในการตอบคำถาม

ขน้ั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา คำถามกระต้นุ ความคิด
เพราะเหตุใด เราจึงต้องใช้วิธีการทางประวตั ิศาสตร์
1. นกั เรียนแตล่ ะคนศึกษาความรเู้ รอื่ ง วิธีการทาง ในการศกึ ษาเรื่องราวทางประวตั ิศาสตร์
(เพื่อให้ได้ขอ้ มูลทมี่ ีความถูกต้องและชัดเจนมากทส่ี ดุ )
ประวตั ิศาสตร์จากหนงั สือเรียน และหนังสือค้นควา้
คำถามกระตนุ้ ความคิด
เพิ่มเติม ในประเด็นท่กี ำหนดให้ ดังนี้ ถ้าไมใ่ ช้วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตรใ์ นการศึกษา
เร่ืองราวทางประวตั ศิ าสตร์ สามารถใช้วิธใี ดได้
- ความหมายและความสำคัญของวธิ ีการ อกี บ้าง อธิบายเหตุผล
(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ใน
ทางประวตั ศิ าสตร์ ดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน)

- ขนั้ ตอนของวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์

แลว้ บันทึกความรูท้ ไี่ ด้จากการศึกษาลงใน

แบบบนั ทกึ การอ่าน

2. นกั เรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ
ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้
1. นกั เรยี นรวมกลุ่มเดิม (จากแผนการจัดการเรยี นรู้

ที่ 1) แล้วนำความรู้ทไี่ ดจ้ ากการศกึ ษามาอธบิ าย
ใหเ้ พ่อื นในกลุ่มฟงั ผลดั กันซักถามข้อสงสยั และ
อธบิ ายจนทุกคนมีความเข้าใจชัดเจนตรงกนั
2. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั สรุปความรู้เรอื่ ง
ความหมาย ความสำคญั และขั้นตอนของวิธีการ
ทางประวัตศิ าสตร์
3. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ

ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล
ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกันเฉลยคำตอบในใบงานท่ี 2.2
1. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันทำใบงานท่ี 2.2 เร่ือง
วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ เมื่อทำเสรจ็ แล้วชว่ ยกนั
ตรวจสอบความถกู ต้อง และเตมิ เต็มคำตอบใหส้ มบูรณ์

คำถามกระตนุ้ ความคดิ
นกั เรยี นสามารถนำวิธีการทางประวัติศาสตร์ไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้อย่างไรบา้ ง

(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยูใ่ นดุลยพินิจของครผู ู้สอน)

8. ส่ืออปุ กรณแ์ ละแหลง่ การเรียนรู้
8.1 ส่ือการเรียนรู้
8.1.1 หนังสอื เรียน ประวตั ิศาสตร์ ม.1
8.1.2 หนงั สือค้นควา้ เพ่มิ เติม
คาร,์ อ.ี เอช. 2531. ประวตั ิศาสตร์ คอื อะไร. แปลโดย ชาตชิ าย พณานานนท.์ พมิ พ์ครง้ั ที่ 2.
กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทศั น์.
8.1.3 วีดทิ ัศน์สารคดีเกี่ยวกบั ประวตั ศิ าสตร์ไทย
8.1.4 ใบงานที่ 2.2 เรอื่ ง วิธกี ารทางประวัติศาสตร์
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
8.2.1 แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ

http://www.aksorn.com/LC/Hist/M1/01

8.2.2 หอ้ งสมดุ

๙. การบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (๓ ห่วง ๒ เงอ่ื นไข ๔ มิต)ิ

หลกั ความพอประมาณ - วิเคราะห์สมรรถนะและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ที่สอดคล้องกัน
- ออกแบบกิจกรรมท่ีสอดคลอ้ งกับตัวชว้ี ัด
หลกั มีเหตุผล - ใชเ้ คร่ืองมอื วิธปี ระเมนิ ท่หี ลากหลายเหมาะสมกบั ตวั ชว้ี ัด

หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกันในตวั ทดี่ ี - จัดกระบวนการเรยี นรู้ท่ีคำนกึ ถึงความรู้ความสามารถของผเู้ รยี น

เง่ือนไขความรู้ - ศกึ ษาเนอ้ื หาสาระรปู แบบกิจกรรมใหบ้ รรลุตามตวั ช้วี ดั
เง่ือนไขคณุ ธรรม - จัดทำแผนการเรียนรู้อย่างละเอียดสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียน

การสอนและสามารถนำไปใชไ้ ดใ้ นกรณขี าดแคลนครูสอน

- อธบิ ายความหมายและความสำคญั ของวิธกี ารทางประวัติศาสตร์ได้

- มีความรับผิดชอบตอ่ การทำงาน

ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ๔ มติ ิ

เศรษฐกจิ สังคม ส่ิงแวดล้อม วัฒนธรรม

10. การวดั ผลและประเมินผล

วธิ กี าร เครื่องมอื เกณฑ์

ตรวจใบงานที่ 2.2 ใบงานที่ 2.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่าน
ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบบนั ทกึ การอ่าน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และ
มุ่งมน่ั แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ในการทำงาน
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

ใบงานที่ 2.2
เร่อื ง วิธีการทางประวัติศาสตร์

คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. การกำหนดหัวข้อเรอื่ งท่ีจะศึกษา ควรพจิ ารณาจากอะไรบ้าง

2. ข้อควรคำนงึ ในการหาข้อมูลหรือหลกั ฐานตา่ งๆ มาใชใ้ นการศึกษาประวัตศิ าสตร์ คืออะไรบา้ ง

3. นกั เรยี นจะทราบได้อยา่ งไรวา่ หลกั ฐานหรือขอ้ มลู ทไี่ ดม้ าจะมีความน่าเชื่อถือหรือไม่

4. ข้อควรระมดั ระวงั ในการตีความหลกั ฐานมอี ะไรบา้ ง ตรงกับวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ขน้ั ใด

5. เพราะเหตใุ ด การนำเสนอเรอ่ื งราวทางประวัติศาสตรท์ ่ีไดจ้ ากการศึกษามาจึงมีความสำคัญ อธบิ ายเหตผุ ล

เฉลยใบงานท่ี 2.2
เรื่อง วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์
คำช้แี จง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนว้ี ิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์

1. การกำหนดหวั ข้อเร่อื งที่จะศกึ ษา ควรพจิ ารณาจากอะไรบ้าง

2. ข้อควรคำนงึ ในการหาข้อมูลหรอื หลกั ฐานตา่ งๆ มาใช้ในการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ คืออะไรบ้าง

3. นักเรยี นจะทราบได้อย่างไรว่า หลกั ฐานหรอื ขอ้ มลู ท่ไี ดม้ าจะมีความน่าเช่อื ถือหรอื ไม่

4. ขอ้ ควรระมดั ระวังในการตีความหลักฐานมอี ะไรบา้ ง ตรงกับวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ขัน้ ใด

5. เพราะเหตใุ ด การนำเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ท่ีไดจ้ ากการศึกษามาจึงมีความสำคัญ อธบิ ายเหตผุ ล

(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยให้อย่ใู นดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน)

แผนการจัดการเรยี นรู้

รายวชิ า ประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส 21103 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1
โรงเรยี นพนมศึกษา
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม จำนวน 5 ชว่ั โมง
จำนวน ๑ ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์
เวลา
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เร่อื ง หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ไทย

ผสู้ อน นางสาวสดุ ารตั น์ ทองคำ

ใช้สอนชน้ั ชว่ั โมง วนั ที่ เดือน พ.ศ.

1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการ

ทางประวตั ิศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเปน็ ระบบ

2. สาระสำคัญ
การศกึ ษาเร่ืองราว หรือเหตุการณ์ทางประวัตศิ าสตร์จำเปน็ ต้องอาศยั หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์มาใช้

ประกอบการศึกษา เพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีถกู ต้องนา่ เชอ่ื ถือ

3. ตัวช้วี ดั
3.1 ตวั ชวี้ ดั ม. 1/3 นำวิธกี ารทางประวัติศาสตรม์ าใชศ้ กึ ษาเหตุการณท์ างประวัตศิ าสตร์
3.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.2.1 อธิบายลักษณะของหลกั ฐานทางประวัติศาสตรไ์ ด้
3.2.2 ระบปุ ระเภทของหลักฐานทางประวตั ิศาสตรไ์ ทยได้

4. สาระการเรียนรู้
ตวั อยา่ งหลักฐานในการศึกษาประวัติศาสตรไ์ ทยสมัยสโุ ขทยั ทง้ั หลกั ฐานชั้นต้น และหลักฐานช้ันรอง
(เชอื่ มโยงกบั มฐ.ส 4.3) เชน่ ข้อความในศลิ าจารึกสมยั สโุ ขทัย

5. สมรรถนะสำคัญ
5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
5.2 ความสามารถในการคิด
5.2.1 ทักษะการสำรวจค้นหา
5.2.2 ทักษะการวิเคราะห์
5.2.3ทกั ษะการสรา้ งความรู้
5.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ

6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
6.1 มวี ินัย
6.2 ใฝ่เรยี นรู้
6.3 มงุ่ มัน่ ในการทำงาน

7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้
กิจกรรมการเรยี นรู้
วิธสี อนโดยการจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื : เทคนิคคคู่ ิดสสี่ หาย

1. ขน้ั นำเข้าสู่บทเรยี น
ครูนำภาพหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ มาให้นกั เรยี นดู แลว้ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกัน

บอกประเภทและความสำคัญของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โดยครูคอยกระตุ้นให้
นกั เรยี นทกุ คนมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม เพ่อื นำเขา้ สูบ่ ทเรียน

1. ครใู หน้ กั เรียนกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรู้ คำถามกระตุน้ ความคดิ
ที่ 1) จบั คกู่ นั เป็น 2 คู่ ใหแ้ ตล่ ะคู่รว่ มกันศึกษา 1. ถ้านักเรียนต้องการศกึ ษาประวตั ิศาสตร์ใน
ความรู้เร่ือง ลักษณะ ประเภท และแหล่งท่มี าของ
หลักฐานทางประวัติศาสตรไ์ ทยจากหนังสือเรยี น ทอ้ งถน่ิ ทีต่ นเองอาศยั อยจู่ ะต้องอาศัยหลักฐาน
และแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ จากนนั้ ร่วมกันสรุป ทางประวตั ศิ าสตรอ์ ะไรบา้ ง
สาระสำคญั
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อยูใ่ น
2. นกั เรยี นแตล่ ะคชู่ ่วยกันทำใบงานที่ 2.3 เรอ่ื ง ดลุ ยพนิ จิ ของครผู ูส้ อน)
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ เมือ่ ทำเสร็จแลว้
ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง 2. นักเรยี นคดิ ว่า ข้อจำกัดของหลักฐานทาง
ประวตั ิศาสตร์ไทยมอี ะไรบ้าง
3. นักเรยี นแต่ละครู่ วมกลุ่มเดิม (4 คน) แลว้ ผลัดกัน
เลา่ ผลงานในใบงานท่ี 2.3 ของตนใหเ้ พื่อนอีกคูห่ นึง่ (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ใน
ฟงั ผลดั กนั ซักถามข้อสงสัยและอธิบายจนทุกคน ดลุ ยพินิจของครผู สู้ อน)
มคี วามเข้าใจชัดเจนตรงกัน จากนั้นร่วมกนั สรุป
เป็นคำตอบของกล่มุ

4. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันเฉลยคำตอบในใบงานที่2.3
5. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด ข้อ 1-2

ขัน้ สรปุ
1. นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปความรู้เร่อื ง หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ไทย ครูตรวจสอบความถูกต้อง

และอธบิ ายเพม่ิ เตมิ
2. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด ข้อ 1-2
คำถามกระตนุ้ ความคดิ
1. นักเรยี นคิดวา่ บันทกึ ของชาวต่างชาติมคี วามน่าเชอื่ ถือเพียงพอท่จี ะนำมาใช้เป็นหลักฐาน

ทางประวัตศิ าสตรไ์ ดห้ รือไม่ อธบิ ายเหตผุ ล
(พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยูใ่ นดุลยพินิจของครูผู้สอน)
2. นกั เรยี นคิดว่า หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ของประเทศในอาเซยี น สามารถนำมาใช้
ในการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์ไทยไดห้ รอื ไม่ อธบิ ายเหตุผล
(พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพินจิ ของครผู ูส้ อน)

8. ส่อื อุปกรณแ์ ละแหล่งการเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรียนรู้
8.1.1 หนงั สอื เรยี น ประวัตศิ าสตร์ ม.1
8.1.2 บัตรภาพ
8.1.3 ใบงานที่ 2.3 เรือ่ ง หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
8.2.1 แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ

- http://www.aksorn.com/LC/Hist/M1/03

8.2.2 หอ้ งสมดุ

๙. การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (๓ ห่วง ๒ เง่ือนไข ๔ มิต)ิ

หลักความพอประมาณ - วิเคราะหส์ มรรถนะและคุณลักษณะอันพงึ ประสงคท์ ่สี อดคล้องกนั
- ออกแบบกิจกรรมที่สอดคลอ้ งกับตัวชี้วัด
หลกั มีเหตุผล - ใชเ้ ครอื่ งมือวิธีประเมินท่หี ลากหลายเหมาะสมกบั ตัวชีว้ ดั

หลกั สรา้ งภมู ิคุ้มกันในตวั ทดี่ ี - จัดกระบวนการเรียนรู้ทคี่ ำนกึ ถึงความรู้ความสามารถของผู้เรยี น

เง่อื นไขความรู้ - ศึกษาเน้ือหาสาระรปู แบบกจิ กรรมให้บรรลุตามตัวชี้วัด
เง่ือนไขคุณธรรม - จัดทำแผนการเรียนรู้อย่างละเอียดสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียน

การสอนและสามารถนำไปใช้ไดใ้ นกรณขี าดแคลนครูสอน

- อธบิ ายลกั ษณะของหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ได้

- มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ การทำงาน

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๔ มติ ิ

เศรษฐกิจ สงั คม สิ่งแวดล้อม วฒั นธรรม

10. การวัดผลและประเมินผล เคร่อื งมือ เกณฑ์

วิธีการ ใบงานที่ 2.3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ตรวจใบงานท่ี 2.3 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมน่ั แบบประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ในการทำงาน

บตั รภาพ



ภาพจารกึ วดั ศรีชมุ ภาพพระราชพงศาวดาร ฉบบั หลวงประเสริฐฯ

ภาพคัมภรี ใ์ บลาน ภาพหนังสือจดหมายเหตุบางกอกรคี อร์เดอร์

ภาพหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ภาพอทุ ยานประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทยั

ทม่ี า : ณรงค์ พว่ งพศิ และวุฒิชัย มูลศลิ ป.์ 2552. หนังสอื เรยี น รายวิชาพน้ื ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม.1. พิมพ์ครงั้ ที่ 9.
กรุงเทพมหานคร : อักษรเจรญิ ทัศน์.

ใบงานท่ี 2.3
เรื่อง หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์

คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนตอบคำถามต่อไปน้ี

1. หลกั ฐานทางประวัติศาสตรไ์ ทย แบง่ ออกเปน็ ก่ีประเภท อะไรบา้ ง
หลักฐานทางประวัติศาสตรไ์ ทยแบง่ ออกเปน็ ประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท ได้แก่
1) หลักฐานท่ีเป็นลายลกั ษณอ์ ักษร ไดแ้ ก่ ตำนาน จารกึ พงศาวดาร บนั ทึกของชาวตา่ งชาติ จดหมายเหตุ
ทางราชการ
2) หลกั ฐานที่ไมเ่ ป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่ โบราณสถาน โบราณวัตถตุ ่างๆ

2. เพราะเหตุใด การนำตำนานมาใชเ้ ปน็ หลักฐานทางประวัติศาสตรจ์ งึ ตอ้ งใชด้ ว้ ยความระมัดระวัง
หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ไทยแบ่งออกเปน็ ประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท ได้แก่
1) หลกั ฐานทเ่ี ปน็ ลายลกั ษณ์อักษร ได้แก่ ตำนาน จารกึ พงศาวดาร บันทกึ ของชาวต่างชาติ จดหมายเหตุ
ทางราชการ
2) หลักฐานที่ไมเ่ ป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่ โบราณสถาน โบราณวตั ถตุ า่ งๆ

3. ถ้านกั เรยี นศึกษาหาความรู้ทางประวตั ิศาสตรจ์ ากพงศาวดาร นักเรยี นจะไดร้ บั ความรู้เร่ืองใดบ้าง เพราะเหตุใด
หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรไ์ ทยแบ่งออกเปน็ ประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท ได้แก่
1) หลกั ฐานท่ีเป็นลายลักษณอ์ ักษร ได้แก่ ตำนาน จารกึ พงศาวดาร บันทกึ ของชาวตา่ งชาติ จดหมายเหตุ
ทางราชการ
2) หลักฐานทไ่ี ม่เป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่ โบราณสถาน โบราณวัตถุต่างๆ

4. การนำบนั ทึกของชาวต่างชาติทเี่ ดนิ ทางเขา้ มาในประเทศไทยมาใชเ้ ปน็ หลักฐานทางประวัติศาสตร์จะต้อง
คำนงึ ถึงอะไรบ้าง
หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ไทยแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท ได้แก่
1) หลักฐานท่ีเปน็ ลายลักษณอ์ ักษร ไดแ้ ก่ ตำนาน จารกึ พงศาวดาร บนั ทึกของชาวตา่ งชาติ จดหมายเหตุ
ทางราชการ
2) หลักฐานทไ่ี มเ่ ป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่ โบราณสถาน โบราณวัตถุตา่ งๆ

5. นกั เรียนคดิ วา่ จดหมายเหตสุ ามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ได้หรือไม่ อธบิ ายเหตุผล
หลักฐานทางประวตั ิศาสตรไ์ ทยแบง่ ออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท ได้แก่
1) หลกั ฐานท่ีเป็นลายลกั ษณอ์ ักษร ได้แก่ ตำนาน จารึก พงศาวดาร บนั ทึกของชาวต่างชาติ จดหมายเหตุ
ทางราชการ

เฉลยใบงานท่ี 2.3
เร่อื ง หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์

คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปนี้
1. หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ไทย แบง่ ออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ไทย แบ่งออกเปน็ ประเภทใหญๆ่ ได้ 2 ประเภท ได้แก่
1) หลกั ฐานทเ่ี ปน็ ลายลกั ษณ์อักษร ไดแ้ ก่ ตำนาน จารกึ พงศาวดาร บันทกึ ของชาวตา่ งชาติ จดหมายเหตุ
เอกสารทางราชการ
2) หลกั ฐานท่ไี มเ่ ป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่ โบราณสถาน โบราณวัตถุต่างๆ

2. เพราะเหตุใด การนำตำนานมาใชเ้ ปน็ หลักฐานทางประวัตศิ าสตรจ์ งึ ตอ้ งใช้ด้วยความระมัดระวงั
เพราะตำนานเปน็ เรื่องที่เล่าต่อๆ กันมา แล้วมีการนำมาบนั ทกึ เป็นลายลกั ษณ์อกั ษรในภายหลัง เรอื่ งที่อยู่ใน
ตำนานจึงอาจถูกเปลีย่ นแปลงจากเร่อื งเดมิ ได้ ทงั้ ยังไม่มีการระบเุ วลาแน่ชัดอีกด้วย

3. ถ้านกั เรียนศึกษาหาความร้ทู างประวัตศิ าสตรจ์ ากพงศาวดาร นักเรยี นจะได้รับความรเู้ ร่ืองใดบ้าง เพราะเหตุใด
เหตกุ ารณ์เกย่ี วกบั อาณาจักร และพระราชกรณียกจิ ของพระมหากษตั ริย์ผคู้ รองอาณาจักรนนั้ ๆ เนอ่ื งจาก
พงศาวดารเป็นการบันทึกเรือ่ งราวในอดีตภายใต้การอุปถมั ภ์ของราชสำนัก จงึ มีเน้ือหาเกี่ยวข้องกบั
ราชอาณาจักรและพระมหากษตั รยิ ์เปน็ ส่วนใหญ่

4. การนำบันทึกของชาวต่างชาติที่เดินทางเขา้ มาในประเทศไทยมาใชเ้ ป็นหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์จะต้อง
คำนึงถงึ อะไรบ้าง
ความเขา้ ใจผดิ ในวัฒนธรรมของคนไทย เน่ืองจากชาวตา่ งชาติมพี ้ืนฐานทางความคดิ และวฒั นธรรมทแี่ ตกตา่ ง
จากคนไทย

5. นกั เรียนคิดว่า จดหมายเหตสุ ามารถนำมาใช้เปน็ หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ไดห้ รอื ไม่ อธิบายเหตผุ ล
จดหมายเหตุสามารถนำมาใช้เปน็ หลักฐานในการศึกษาเร่ืองราวทางประวัตศิ าสตรไ์ ด้เปน็ อย่างดี เพราะมกี าร
ระบเวลาทีแ่ นน่ อน ใหร้ ายละเอียดของเหตุการณ์อย่างชดั เจน พรอ้ มทัง้ สอดแทรกความคิดเหน็ ของผบู้ นั ทึกลง
ไปด้วย

แผนการจดั การเรียนรู้

รายวชิ า ประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส 21103 ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1
โรงเรยี นพนมศึกษา
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม จำนวน 5 ช่ัวโมง
จำนวน ๑ ช่วั โมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์
เวลา
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๙ เรอ่ื ง การศกึ ษาประวตั ิศาสตร์ท้องถิ่น

ผูส้ อน นางสาวสุดารตั น์ ทองคำ

ใช้สอนชน้ั ชว่ั โมง วนั ท่ี เดือน พ.ศ.

1. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการ

ทางประวตั ศิ าสตรม์ าวเิ คราะห์เหตกุ ารณ์ต่างๆ อยา่ งเป็นระบบ

2. สาระสำคญั
การศกึ ษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของตนเอง สามารถทำได้โดยการนำวธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ไปใชใ้ นการศกึ ษา

เพอ่ื ให้เขา้ ใจเร่ืองราวในอดีต และเกิดความรกั ความภาคภูมิใจในท้องถนิ่ ของตน

3. ตัวชี้วัด
3.1 ตัวชีว้ ัด ม. 1/3 นำวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์มาใชศ้ ึกษาเหตุการณท์ างประวัติศาสตร์
3.2 จุดประสงค์การเรียนรู้
นำวิธีการทางประวัติศาสตรไ์ ปใชศ้ ึกษาประวัติศาสตรใ์ นทอ้ งถนิ่ ตนเองได้

4. สาระการเรยี นรู้
นำวิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ไปใช้ศกึ ษาเรอื่ งราวของประวตั ิศาสตรไ์ ทยที่มีอยู่ในท้องถิ่นตนเองในสมยั ใดก็ได้

(สมัยกอ่ นประวตั ิศาสตร์ สมยั กอ่ นสุโขทยั สมัยสุโขทัย สมัยอยธุ ยา สมัยธนบรุ ี สมยั รัตนโกสนิ ทร)์ และเหตุการณ์

สำคัญในสมยั สโุ ขทยั

5. สมรรถนะสำคญั 5.2.2 ทักษะการวเิ คราะห์
5.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 5.2.4 ทักษะการตง้ั สมมตฐิ าน
5.2 ความสามารถในการคดิ
5.2.1 ทักษะการสำรวจค้นหา
5.2.3 ทกั ษะการสรา้ งความรู้
5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
6.1 มีวนิ ยั
6.2 ใฝ่เรยี นรู้
6.3 มุ่งมัน่ ในการทำงาน

7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้
กิจกรรมการเรียนรู้
วธิ สี อนโดยใช้ วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์

ข้ันท่ี 1 กำหนดประเดน็ ปัญหา คำถามกระตนุ้ ความคดิ
1. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ ถา้ นกั เรียนต้องการสืบคน้ เรอ่ื งราวเกย่ี วกับท้องถิน่
2. ครทู บทวนความร้เู ดมิ เก่ยี วกบั ขั้นตอนของวิธกี าร ของตนเอง สามารถสืบค้นได้จากท่ใี ดบ้าง
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อยใู่ น
ทางประวัติศาสตร์ ใหน้ กั เรียนฟงั แลว้ ใหน้ ักเรยี น ดุลยพินิจของครูผู้สอน)
ร่วมกันอภปิ รายวา่ การตรวจสอบหลกั ฐานและ
การตีความหลกั ฐานมีความสำคญั อย่างไรบ้าง
3. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ (กล่มุ เดิมจากแผนการจดั การ
เรียนรูท้ ่ี 1) รว่ มกันศึกษาความรูเ้ รือ่ ง ตวั อยา่ ง
การนำวิธีการทางประวตั ศิ าสตรไ์ ปใช้ในการศกึ ษา
ประวัติศาสตร์ทอ้ งถ่ินจากหนังสอื เรียน แลว้ รว่ มกัน
สรปุ สาระสำคญั
4. นกั เรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั กำหนดหวั ข้อท่สี นใจ
เกีย่ วกบั เรอื่ งราวในท้องถ่ิน กลุ่มละ 1 หัวขอ้
แลว้ ใชข้ ้นั ตอนของวิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์
ในการศึกษาเรื่องราวดงั กล่าว

ขน้ั ที่ 2 รวบรวมหลักฐาน คำถามกระต้นุ ความคิด
1. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั วางแผนในการทำงาน การรวบรวมหลักฐานในการศึกษาประวตั ศิ าสตร์
ท้องถ่นิ ควรคำนึงถึงอะไรบา้ ง
และแบง่ หน้าทีใ่ ห้กบั สมาชิกแตล่ ะคนในกลุ่ม (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี นโดยให้อยใู่ น
ตามความเหมาะสม ดุลยพินิจของครูผสู้ อน)
2. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสืบค้นข้อมูลตามประเด็น
ท่ีกำหนดจากแหลง่ หลักฐานตา่ งๆ ในท้องถน่ิ
แล้วบนั ทึกผลลงในใบงาน ที่ 2.4 เรอื่ ง
การศกึ ษาประวัตศิ าสตรใ์ นท้องถ่นิ
3. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด

ขน้ั ที่ 3 วเิ คราะหแ์ ละประเมนิ คณุ ค่าขอ้ มลู คำถามกระตนุ้ ความคิด
1. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ ถา้ นกั เรียนได้หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์เกี่ยวกับ
2. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนำผลการสืบค้นขอ้ มูลจาก ท้องถิ่นของตนเองมาหลายชิ้น ซ่ึงแต่ละช้ินให้ข้อมลู
ไมต่ รงกนั นกั เรียนควรทำอย่างไรบา้ ง
แหลง่ ขอ้ มูลต่างๆ มาเปรียบเทียบ วิเคราะห์
และประเมนิ ผลจากข้อมูลทไี่ ดร้ วบรวมมา (ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของหลักฐาน โดยใช้วิธีการ

ทางประวตั ิศาสตร์)

ขั้นท่ี 4 ตคี วามและสังเคราะห์ คำถามกระตุ้นความคิด
1. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนำผลสรปุ จากการเปรียบเทียบ ถา้ ทอ้ งถิ่นของนักเรยี นไม่พบข้อมูลหลกั ฐาน
ทางประวัตศิ าสตรใ์ ดๆ เลยจะสามารถใชค้ ำบอกเลา่
วเิ คราะห์ และประเมนิ ผลจากข้อมลู ท่ีไดร้ วบรวม ของผู้อาวุโสในท้องถิ่นได้หรือไม่ อธบิ ายเหตผุ ล
มาตีความและสังเคราะหว์ ่าขอ้ มลู ท่ีได้จากหลกั ฐาน (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยใู่ น
ใดมคี วามสำคัญ มีความน่าเชือ่ ถอื ถกู ต้องตาม ดุลยพนิ จิ ของครูผู้สอน)
เหตกุ ารณ์มากกวา่ กัน แล้วบันทึกข้อมูลลงในใบงาน
ท่ี 2.4
2. นกั เรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ

ขั้นท่ี 5 นำเสนอข้อมูล คำถามกระตุ้นความคดิ
1. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมานำเสนอ ถ้านกั เรยี นรวบรวมหลกั ฐานในการศกึ ษา
ประวตั ิศาสตร์ในทอ้ งถิน่ ไม่ถูกต้องจะส่งผลต่อ
ผลงานในใบงานที่ 2.4 หน้าชน้ั เรียน ครูและเพื่อน การนำเสนอข้อมลู หรือไม่ อธบิ ายเหตุผล
กลมุ่ อ่นื รว่ มกัน แสดงความคดิ เห็น (สง่ ผลต่อการนำเสนอข้อมลู เพราะอาจทำใหน้ ำเสนอ
2. ครูและนักเรยี นร่วมกนั บอกประโยชน์ท่ีไดร้ บั ข้อมลู ท่ีผิดพลาดหรืออาจเปล่ียนแปลงเหตกุ ารณ์
จากการสืบค้นข้อมลู และแนวทางในการนำความรู้ ไปจากเดิม)
ไปปรบั ใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ในการดำเนิน
ชวี ติ ประจำวนั
3. นกั เรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด

8. ส่อื อุปกรณแ์ ละแหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้

8.1.1 หนังสือเรยี น ประวตั ศิ าสตร์ ม.1

8.1.2 ใบงานท่ี 2.4 เรอื่ ง การศึกษาประวตั ศิ าสตร์ในท้องถิน่

8.2 แหล่งการเรียนรู้

8.2.1 แหลง่ การเรียนรู้

แหลง่ หลักฐานในท้องถิ่น

๙. การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (๓ หว่ ง ๒ เงอ่ื นไข ๔ มติ ิ)

- วิเคราะห์สมรรถนะและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ที่สอดคลอ้ งกนั

หลกั ความพอประมาณ - ออกแบบกิจกรรมทสี่ อดคล้องกับตวั ช้ีวดั

- ใช้เครือ่ งมอื วธิ ีประเมนิ ท่ีหลากหลายเหมาะสมกบั ตวั ชี้วัด

หลกั มีเหตุผล - จดั กระบวนการเรียนรู้ทีค่ ำนกึ ถงึ ความร้คู วามสามารถของผู้เรียน

- ศึกษาเน้อื หาสาระรปู แบบกิจกรรมใหบ้ รรลตุ ามตัวช้ีวัด

หลกั สรา้ งภมู ิคุ้มกันในตวั ที่ดี - จัดทำแผนการเรียนรู้อย่างละเอียดสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียน

การสอนและสามารถนำไปใชไ้ ดใ้ นกรณขี าดแคลนครสู อน

เง่ือนไขความรู้ - อธิบายการนำวิธีการทางประวัติศาสตร์ไปใช้ศึกษาประวัติศาสตร์ใน
ทอ้ งถน่ิ ตนเองได้

เงื่อนไขคุณธรรม - มีความรบั ผิดชอบต่อการทำงาน

ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ๔ มติ ิ

เศรษฐกิจ สงั คม สิง่ แวดล้อม วฒั นธรรม

10. การวดั ผลและประเมินผล เครอื่ งมือ เกณฑ์

วิธกี าร ใบงานที่ 2.4 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ตรวจใบงานท่ี 2.4 แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ประเมินการนำเสนอผลงาน
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สังเกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมั่น
ในการทำงาน แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

ใบงานท่ี 2.4
การศกึ ษาประวตั ิศาสตรใ์ นทอ้ งถิ่น

คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นกำหนดหัวข้อทีส่ นใจเกย่ี วกับเรื่องราวในท้องถ่นิ แล้วใชข้ ้ันตอนของวธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ใน
การสบื ค้นข้อมลู และบนั ทึกผล
ประวัตศิ าสตรใ์ นท้องถ่ิน เร่ือง

1. การกำหนดหัวเรือ่ งทจ่ี ะศึกษา
2. การรวบรวมหลกั ฐาน (บอกแหล่งทีม่ าของหลกั ฐาน/ข้อมูล)

3. การประเมินคณุ ค่าของหลกั ฐาน

4. การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดหมวดหมูข่ ้อมลู

5. การเรยี บเรยี งหรอื การนำเสนอข้อมลู

เฉลยใบงานที่ 2.4
การศึกษาประวัติศาสตร์ในทอ้ งถิ่น

คำช้แี จง ให้นกั เรยี นกำหนดหัวข้อท่ีสนใจเกย่ี วกบั เรื่องราวในท้องถน่ิ แล้วใช้ขั้นตอนของวิธกี ารทางประวตั ิศาสตรใ์ น
การสืบคน้ ข้อมูล และบนั ทกึ ผล
ประวตั ศิ าสตรใ์ นท้องถิ่น เร่ือง

1. การกำหนดหวั เร่อื งทจ่ี ะศกึ ษา
2. การรวบรวมหลักฐาน (บอกแหล่งทมี่ าของหลกั ฐาน/ข้อมลู )

3. การประเมนิ คุณคา่ ของหลักฐาน

4. การวเิ คราะห์ สังเคราะห์ และจัดหมวดหมูข่ อ้ มลู

5. การเรียบเรียงหรอื การนำเสนอข้อมูล

(พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน)

แผนการจัดการเรียนรู้

รายวชิ า ประวัตศิ าสตร์ รหัสวิชา ส 21103 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1
โรงเรียนพนมศึกษา
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม จำนวน 5 ช่วั โมง
จำนวน ๑ ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 เร่อื ง วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์
เวลา
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 เรอื่ ง เหตุการณ์สำคญั ในสมยั สุโขทยั

ผ้สู อน นางสาวสุดารัตน์ ทองคำ

ใช้สอนชน้ั ชวั่ โมง วันที่ เดอื น พ.ศ.

1. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการ

ทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะหเ์ หตกุ ารณ์ตา่ งๆ อย่างเป็นระบบ

2. สาระสำคญั
การนำวธิ ีการทางประวตั ิศาสตรม์ าใชใ้ นการศกึ ษาเหตุการณส์ ำคัญในสมัยสโุ ขทยั ทำให้ไดข้ อ้ มูลทถ่ี ูกต้อง

น่าเชอ่ื ถอื

3. ตวั ช้ีวดั
3.1 ตวั ชว้ี ดั ม.1/3 นำวิธีการทางประวัตศิ าสตร์มาใชศ้ ึกษาเหตุการณท์ างประวัติศาสตร์
3.2 จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.2.1 ยกตวั อยา่ งเหตุการณ์สำคญั ในสมยั สุโขทัยได้
3.2.2 นำวิธีการทางประวัตศิ าสตร์ไปใชใ้ นการศกึ ษาเหตุการณ์สำคญั ในสมยั สโุ ขทยั ได้

4. สาระการเรียนรู้
นำวิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ไปใช้ศกึ ษาเร่อื งราวของประวัติศาสตรไ์ ทยที่มอี ยู่ในท้องถิ่นตนเองในสมยั ใดก็ได้
(สมัยก่อนประวัตศิ าสตร์ สมยั ก่อนสุโขทัย สมยั สโุ ขทยั สมัยอยธุ ยา สมยั ธนบุรี สมัยรตั นโกสนิ ทร)์ และเหตุการณ์
สำคญั ในสมัยสุโขทยั

5. สมรรถนะสำคัญ
5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
5.2 ความสามารถในการคดิ
5.2.1 ทกั ษะการสำรวจค้นหา 5.2.2 ทกั ษะการวิเคราะห์
5.2.3 ทกั ษะการตั้งสมมติฐาน5.2.4 ทกั ษะการสร้างความรู้
5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
6.1 มวี นิ ยั
6.2 ใฝ่เรยี นรู้
6.3 มงุ่ มั่นในการทำงาน

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
กิจกรรมการเรยี นรู้
วิธสี อนโดยเน้นกระบวนการ: กระบวนการเรยี นความรู้ความเข้าใจ

ขั้นท่ี 1 สงั เกต ตระหนัก
1. ครใู ห้นกั เรยี นดูวีดิทศั น์เก่ียวกับเหตกุ ารณส์ ำคัญในสมยั สุโขทัย แลว้ ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็

เกีย่ วกบั เหตกุ ารณ์ดังกลา่ ว
2. ครูอธิบายใหน้ กั เรยี นเข้าใจว่า อาณาจกั รสโุ ขทัยเปน็ อาณาจกั รที่มคี วามรุ่งเรือง และเป็นรากฐานการพัฒนา

มาจนเป็นไทยทุกวันนี้ เราจงึ ควรศกึ ษาประวตั คิ วามเปน็ มา และเหตุการณส์ ำคัญในสมยั สโุ ขทัย
3. ครใู ห้นักเรยี นกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1) รว่ มกนั ศึกษาตวั อยา่ งการนำวิธีการทางประวัติศาสตร์

ไปใช้ในการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์สุโขทัย และตวั อย่างการนำหลักฐานทางประวตั ิศาสตรไ์ ปใช้ในการศกึ ษา
ประวตั ิศาสตร์สโุ ขทยั ในหวั ข้อท่กี ำหนดให้ ดงั น้ี

- การกำหนดหัวเร่ืองท่จี ะศึกษา
- การรวบรวมหลักฐาน
- การประเมนิ คณุ คา่ หลกั ฐาน
- การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจดั หมวดหมู่ขอ้ มลู

-ขนั้ ที่ 2 กาลรงเมรือยี ปบเฏรบิยี ัตงหิ รือการนำเสนอ คำถามกระตนุ้ ความคดิ

1. สมาชิกในแตล่ ะกลมุ่ ร่วมมือกันศึกษาความรตู้ ัวอย่าง นกั เรยี นคิดวา่ ข้อจำกัดของหลกั ฐานทาง

การนำวธิ ีการทางประวัตศิ าสตรไ์ ปใช้ในการศกึ ษา ประวตั ิศาสตร์ไทยในสมัยสุโขทยั มอี ะไรบา้ ง

ประวตั ิศาสตร์สุโขทัย และตวั อยา่ งการนำหลักฐาน (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ใน

ทางประวัตศิ าสตร์ไปใช้ในการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ ดลุ ยพินิจของครูผ้สู อน)

สุโขทัยจากหนงั สือเรยี น ตามแผนท่รี ่วมกนั วางไว้

2. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด

ขั้นท่ี 3 พัฒนาความรู้ ความเข้าใจ คำถามกระตุ้นความคดิ

1. สมาชกิ แตล่ ะคนในกลมุ่ ผลัดกันอธิบายความรูเ้ กี่ยวกบั การนำวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์มาใชใ้ นการศึกษา
เหตกุ ารณ์สำคัญในสมยั สโุ ขทยั และการนำวธิ กี ารทาง เหตุการณ์สำคญั ในสมยั สุโขทัยมีประโยชน์อยา่ งไรบา้ ง
ประวตั ิศาสตร์ และหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรไ์ ปใช้ใน (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยใู่ น
การศึกษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทัย ผลดั กนั ซักถามขอ้ ดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)

สงสยั
และอธบิ ายจนทกุ คนมคี วามเข้าใจชัดเจนตรงกัน

2. นกั เรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด

นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2

8. สอ่ื อุปกรณแ์ ละแหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียน ประวตั ิศาสตร์ ม.1

2) วีดทิ ศั นเ์ กยี่ วกบั เหตุการณ์สำคญั ในสมยั สโุ ขทยั
8.2 แหล่งการเรียนรู้

-
๙. การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข ๔ มติ )ิ

หลกั ความพอประมาณ - วิเคราะห์สมรรถนะและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ทส่ี อดคล้องกัน
- ออกแบบกิจกรรมทสี่ อดคล้องกับตัวชวี้ ดั
หลักมีเหตุผล - ใชเ้ คร่อื งมือวิธปี ระเมนิ ทหี่ ลากหลายเหมาะสมกับตัวชี้วัด

หลักสร้างภมู คิ ุ้มกันในตัวทีด่ ี - จดั กระบวนการเรียนรทู้ ่คี ำนกึ ถึงความรคู้ วามสามารถของผ้เู รยี น

เงื่อนไขความรู้ - ศึกษาเน้อื หาสาระรูปแบบกจิ กรรมให้บรรลุตามตัวชว้ี ัด
เง่อื นไขคณุ ธรรม - จัดทำแผนการเรียนรู้อย่างละเอียดสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียน

การสอนและสามารถนำไปใช้ไดใ้ นกรณีขาดแคลนครูสอน

- อธบิ ายและยกตัวอยา่ งเหตกุ ารณส์ ำคัญในสมยั สุโขทยั ได้

- มคี วามรับผิดชอบต่อการทำงาน

ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ๔ มิติ

เศรษฐกจิ สงั คม ส่งิ แวดล้อม วฒั นธรรม

10. การวัดผลและประเมินผล

วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์

ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สงั เกตความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มนั่ แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ในการทำงาน

ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2

แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2

คำชี้แจง ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. บิดาแหง่ ประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทย คอื ใคร 7. บนั ทกึ เหตกุ ารณข์ อง วนั วลติ ชาวตา่ งชาติทเ่ี ขา้ มา

ก. พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว ในสมัยอยธุ ยา เป็นหลักฐานประเภทใด

ข. สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก. หลกั ฐานชั้นรอง – ไมเ่ ป็นลายลกั ษณ์อกั ษร

ค. สมเด็จฯ กรมหม่ืนนราธปิ พงศ์ประพนั ธ์ ข. หลกั ฐานชั้นตน้ – ไมเ่ ป็นลายลกั ษณ์อกั ษร

ง. ศาสตราจารยข์ จร สขุ พานชิ ค. หลักฐานช้ันรอง – เปน็ ลายลักษณ์อักษร

2. ลกั ษณะนิสัยใดที่มคี วามจำเป็นนอ้ ยสำหรับ ง. หลักฐานชัน้ ต้น – เป็นลายลักษณอ์ ักษร

นักประวัตศิ าสตร์ 8. หากมีนักท่องเท่ยี วชาวต่างชาตเิ ดนิ ทางเข้ามา

ก. ชอบวาดภาพ ข. ชอบจดบันทกึ ประเทศไทย แลว้ ไปเขยี นหนังสอื บรรยายว่า

ค. ชอบค้นหา ง. ชอบสังเกต ประเทศไทยล้าหลัง ด้อยพฒั นา เพราะยังมกี ารกิน

3. เร่ืองราวในประวัติศาสตรท์ ่เี กิดขึ้นมาแลว้ จะมี อาหารดว้ ยมือหรือไมส่ วมเสื้อผ้า นักเรยี นคดิ ว่า

ความน่าเชอ่ื ถือหากเปน็ กรณีใด ข้อความนจ้ี ะใชเ้ ปน็ หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ใน

ก. ผูเ้ ขยี นเปน็ บคุ คลท่ีมคี วามรู้ ความสามารถ อนาคตไดห้ รอื ไม่

ข. มกี ารเรียบเรยี งอย่างสละสลวย ก. ได้ เพราะเปน็ หลกั ฐานชั้นตน้

ค. มีหลกั ฐานอ้างองิ สนับสนุน ข. ไมไ่ ด้ เพราะเป็นหลกั ฐานเท็จ

ง. ผ้เู ขียนเปน็ ราชนิกูล ค. ได้ แต่ต้องมีการตคี วามหลักฐาน

4. เรอ่ื งราวทปี่ รากฏในพงศาวดารสว่ นใหญจ่ ะเป็นเร่ือง ง. ไม่ได้ เพราะผเู้ ขียนไมใ่ ชค่ นไทย

เก่ียวกบั อะไร 9. ขน้ั ตอนแรกของวิธีการทางประวัติศาสตร์ คือ

ก. พระราชกรณียกิจของกษตั ริย์ ขั้นตอนใด

ข. การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ก. เลือกเรยี นวิชาประวตั ิศาสตร์

ค. ความเปน็ อยู่ของไพร่ฟ้า ข. ปรึกษาผรู้ ู้หรือผู้เช่ยี วชาญ

ง. สงครามกบั เพื่อนบา้ น ค. คน้ หาหลักฐานเพื่อกำหนดเร่ืองใหส้ อดคลอ้ งกัน

5. เร่อื งราวของมะกะโททเ่ี ขา้ มารับราชการในสมัยพระ ง. กำหนดหัวเรื่องทนี่ ่าสนใจหรือเราสนใจ

รว่ งจัดเป็นหลักฐานประเภทใด 10. เพราะเหตุใด จึงต้องมีการประเมนิ คุณคา่

ก. ตำนานหรอื นทิ านพ้ืนบ้าน หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์

ข. หลกั ฐานโบราณคดี ก. หลกั ฐานอาจเกา่ หรือใหม่

ค. บนั ทกึ ชาวตา่ งชาติ ข. หลกั ฐานอาจมากหรอื น้อย

ง. พงศาวดาร ค. หลกั ฐานอาจจรงิ หรอื เทจ็

6. หลกั ฐานทเ่ี ด่นมากในเรอ่ื งของรายละเอยี ดและ ง. หลักฐานอาจมหี รือไม่มี

ความถกู ต้องของเวลา คือหลักฐานใด

ก. พงศาวดาร ข. จดหมายเหตุ

ค. ตำนาน ง. จารึก

แผนการจดั การเรยี นรู้

รายวิชา ประวตั ศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส 21103 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1
โรงเรยี นพนมศึกษา
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม จำนวน 10 ชว่ั โมง

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง สมยั ก่อนสุโขทัยในดินแดนไทย จำนวน 2 ชว่ั โมง

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 เรอื่ ง เรอื่ งราวสมัยกอ่ นประวัติศาสตร์ในดนิ แดนไทย

ผ้สู อน นางสาวสดุ ารัตน์ ทองคำ

ใช้สอนชั้น ชว่ั โมง วนั ท่ี เดือน พ.ศ. เวลา

1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ส 4.3 เข้าใจความเปน็ มาของชาตไิ ทยวฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาไทย มีความรัก ความภมู ิใจและธำรง

ความเปน็ ไทย
2. สาระสำคญั

การศกึ ษาเร่ืองราวสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในดนิ แดนไทยโดยใชห้ ลกั เกณฑ์การแบ่งยุคสมัยกอ่ นประวตั ศิ าสตร์
ทำใหเ้ ข้าใจการขยายตัวของชุมชนในสวุ รรณภมู ิ

3. ตัวชีว้ ัด
3.1 ตวั ชวี้ ดั ม.1/1 อธิบายเร่ืองราวทางประวัตศิ าสตร์สมัยกอ่ นสุโขทยั ในดนิ แดนไทยโดยสังเขป
3.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.2.1 อธิบายหลักเกณฑ์การแบง่ ยุคสมัยก่อนประวตั ศิ าสตรใ์ นประเทศไทยได้
3.2.2 อธบิ ายการขยายตวั ของชมุ ชนในสวุ รรณภูมไิ ด้

4. สาระการเรยี นรู้
สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ในดินแดนไทยโดยสงั เขป

5. สมรรถนะสำคญั
5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
5.2 ความสามารถในการคิด
5.2.1 ทักษะการสำรวจค้นหา
5.2.2 ทกั ษะการวิเคราะห์
5.2.3 ทักษะการสรุปลงความเห็น
5.2.4 ทักษะการตีความ
5.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต

6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
6.1 มวี นิ ัย
6.2 ใฝ่เรียนรู้
6.3 มงุ่ ม่นั ในการทำงาน

7. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้
วธิ สี อนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)

นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3

ขน้ั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) (ชั่วโมงท่ี 1)
1. ครูแบง่ นกั เรียนเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มช่วยกันวาดภาพ

เก่ยี วกับมนุษย์ในสมัยก่อนประวตั ศิ าสตร์ ตามความเข้าใจของนักเรยี น พร้อมระบายสีให้สวยงาม
(ครกู ำหนดเวลาตามความเหมาะสม)

2. ครสู ่มุ นกั เรยี น 2-3 กล่มุ ออกมานำเสนอผลงานการวาดภาพท่หี น้าช้ันเรียน พร้อมอธบิ ายเหตุผลประกอบ
3. ครเู ปดิ วีดทิ ศั นเ์ กย่ี วกับมนุษยใ์ นสมัยก่อนประวัติศาสตร์ใหน้ กั เรยี นดู แล้วใหน้ กั เรยี นร่วมกันแสดงความ
คิดเห็นว่ามีความคลา้ ยคลงึ หรือแตกตา่ งจากท่ีนกั เรียนคดิ ไว้หรือไม่ พร้อมอธบิ ายเหตุผลประกอบ

ขนั้ ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
นักเรียนแตล่ ะคนศึกษาความร้เู ร่ือง หลกั เกณฑ์การแบง่ ยุคสมยั กอ่ นประวัตศิ าสตรใ์ นประเทศไทย และการ

ขยายตวั ของชมุ ชนในสุวรรณภูมิ จากหนงั สือเรยี น และจากใบความรู้ เรื่อง สมัยก่อนประวัตศิ าสตรใ์ นประเทศไทย

ข้ันที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
นักเรยี นแตล่ ะคนนำความรู้ทไี่ ด้จากการศึกษามาอธิบายใหเ้ พือ่ นในกล่มุ ฟงั ผลดั กันซักถามข้อสงสยั และอธบิ าย

จนทุกคนมีความเข้าใจชดั เจนตรงกัน

ขั้นท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Expand) (ชวั่ โมงท่ี 2)
1. นกั เรียนแต่ละคนทำใบงานท่ี 3.1 เรอ่ื ง สมยั ก่อนประวัตศิ าสตร์ในดินแดนไทย เม่ือทำเสรจ็ แล้วช่วยกัน

ตรวจสอบความถูกต้องและเติมเต็มคำตอบให้สมบรู ณ์
2. นักเรยี นแต่ละคนผลัดกันเลา่ ผลงานในใบงานที่ 3.1 ของตนใหเ้ พ่ือนในกล่มุ ฟัง ผลัดกันซกั ถามข้อสงสัยและ

หลอมรวมเป็นผลงานของกลุ่ม

ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานในใบงานที่ 3.1 หน้าช้นั เรียน ครแู ละเพื่อนกลุ่มอื่นร่วมกัน

ตรวจสอบความถูกต้อง
2. นักเรียนรว่ มกันสรปุ ความรเู้ รือ่ ง หลักเกณฑ์ในการแบ่งยคุ สมยั ก่อนประวัตศิ าสตร์ในประเทศไทย และการ

ขยายตวั ของชุมชนในสวุ รรณภูมิ

8. ส่อื อปุ กรณ์และแหล่งการเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียน ประวัติศาสตร์ ม.1

2) วีดิทศั นเ์ กย่ี วกับมนษุ ย์ในสมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์

3) ใบงานที่ 3.1 เรื่อง สมยั ก่อนประวตั ศิ าสตร์ในดนิ แดนไทย
4) ใบความรู้ เร่ือง สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ในดนิ แดนไทย
5) กระดาษขนาด A4
6) สีไมห้ รอื สเี มจิก
8.2 แหลง่ การเรียนรู้

-

๙. การบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (๓ ห่วง ๒ เงอื่ นไข ๔ มิต)ิ

- วิเคราะหส์ มรรถนะและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงคท์ ีส่ อดคล้องกนั

หลกั ความพอประมาณ - ออกแบบกิจกรรมที่สอดคลอ้ งกับตวั ชี้วดั

- ใช้เครื่องมือวิธปี ระเมนิ ทหี่ ลากหลายเหมาะสมกับตัวชี้วัด

หลกั มีเหตุผล - จดั กระบวนการเรยี นรทู้ ค่ี ำนกึ ถึงความรู้ความสามารถของผเู้ รยี น

- ศกึ ษาเนื้อหาสาระรปู แบบกจิ กรรมให้บรรลตุ ามตวั ช้ีวดั

หลักสร้างภมู ิคุ้มกนั ในตวั ที่ดี - จัดทำแผนการเรียนรู้อย่างละเอียดสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียน

การสอนและสามารถนำไปใชไ้ ดใ้ นกรณีขาดแคลนครสู อน

เงื่อนไขความรู้ - อธิบายหลักเกณฑก์ ารแบง่ ยคุ สมัยก่อนประวตั ิศาสตรใ์ นประเทศไทยได้

เงื่อนไขคุณธรรม - มีความรับผิดชอบตอ่ การทำงาน

ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ๔ มิติ

เศรษฐกิจ สงั คม ส่งิ แวดล้อม วัฒนธรรม

10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์
วธิ ีการ

ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน (ประเมินตามสภาพจรงิ )
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3

ตรวจใบงานท่ี 3.1 ใบงานท่ี 3.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ตรวจแบบบันทกึ การอ่าน แบบบันทกึ การอ่าน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมั่น แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ในการทำงาน

ใบความรู้

สมยั ก่อนประวัตศิ าสตรใ์ นประเทศไทย
นักโบราณคดชี าวตะวันตกและชาวไทย ดงั เช่น ดร.แวน ฮิกเกอเรน นายแพทย์สดุ แสงวิเชยี ร และศาสตราจารย์ชนิ อยู่
ดี ไดแ้ บง่ สมัยประวัตศิ าสตร์ในดินแดนประเทศไทยไว้ 4 ยุค
1. ยคุ หินเกา่
ร่องรอยของมนุษย์หินเก่าในประเทศไทยพบค่อนข้างน้อย โดยหลังสงครามโลกรั้งที่ 2 พบเครื่องมือหินที่สถานีบ้านเกา่
จงั หวัดกาญจนบุรี โดยดร. แวน ฮิกเกอเรน นกั โบราณคดีชาวฮอลันดาซ่งึ ขณะนัน้ เปน็ เชลยศึกของญ่ีปนุ่ ถูกเกณฑม์ าสร้าง
ทางรถไฟสายกาญจนบุรี-มะละแหม่ง เมื่อสงครามสงบลงเขาได้ส่งเครื่องมือหินเหล่านั้นไปตรวจสอบ ที่พิพิธภัณฑ์พีบอด้ี
มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด พบว่าเป็นเครื่องมือกรวดกะเทาะหน้าเดียว 6 ก้อน และขวานหินขัดสมัยใหม่ 2 ก้อน จึงเป็นหลักฐาน
ยืนยันว่ามีมนุษย์ที่ใช้เครื่องมือหินเก่าอาศัยอยู่ในดินแดนที่เปน็ ประเทศไทยปัจจุบัน และยังพบเครื่องมือหินเก่าที่อำเภอเชียง
แสน จงั หวดั เชียงรายดว้ ย
2. ยคุ หนิ กลาง
จากการขุดคน้ ทางโบราณคดีของคณะสำรวจก่อนประวตั ศิ าสตร์ไทย-เดนมาร์ก ท่ถี ้ำพระ ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค
จงั หวัดกาญจนบรุ ี เมือ่ พ.ศ. 2504 ได้พบรอ่ งรอยของมนุษย์โบราณยคุ หนิ กลางในประเทศไทย ดังพบ โครงกระดูกมนุษย์
เครื่องมือหินกะเทาะทำด้วยหนิ กรวดที่มีความประณีต (นอกจากที่กาญจนบรุ ีแลว้ ยังพบเครื่องมือหินกะเทาะที่จังหวัดอื่นๆ
อกี เชน่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ สระบรุ )ี กระดูกสัตว์ เปลือกหอยกาบ เศษเคร่ืองป้นั ดินเผา เปน็ ตน้ สำหรับชวี ติ ความเป็นอยู่
ของมนุษย์ยุคนี้มักอาศัยอยู่ในถ้ำหรือตามเพิงผา ยังคงล่าสัตว์และเก็บผลไม้เหมือนกับมนุษย์ยุคหินเก่า เมื่อพิจารณาอายุ
โดยประมาณของยุคหินกลางในประเทศไทยนา่ จะอยู่ระหว่าง 10,000 ถงึ 30,000 ปีกอ่ น ค.ศ.
3. ยคุ หนิ ใหม่
จากการขดุ คน้ ของคณะสำรวจก่อนประวตั ิศาสตรไ์ ทย-เดนมาร์กทบ่ี ้านเก่า จังหวัดกาญจนบรุ ี ได้พบโครงกระดูกมนุษย์
ยุคหินใหม่กว่า 50 โครง (นอกจากที่กาญจนบุรีแล้ว ยังมีการพบโครงกระดกู มนุษย์ยุคหินใหม่ที่จังหวัดอื่นด้วย เช่น ราชบุรี
นครสวรรค์ ลพบรุ ี) เครื่องมอื เครื่องใช้ท่ที ำดว้ ยหนิ ท่เี รยี กว่า ขวานหินขัด หรอื ขวานฟ้า ชาวบา้ นเช่ือวา่ เปน็ ขวานศกั ด์ิสิทธิ์ ที่
ตกลงมาจากฟา้ ขณะทฟี่ ้าแลบหรือฟา้ ผา่ มอี ายุประมาณ 4,000 ปี นอกจากนีย้ ังพบเครื่องมือ ที่ทำด้วยกระดกู เปลอื กหอย
นักโบราณคดีสันนิษฐานว่ามนุษย์ยุคหินใหม่ดำรงชีวิตด้วยการเพาะปลูก รู้จักทำเครื่องประดับจากเปลือกหอย ลูกปัด กำไล
หิน-กระดูก มีการฝังศพผู้ตายในท่านอนหงาย แขนแนบลำตัว วางเครื่องปั้นดินเผาไว้เหนือศีรษะปลายเท้าและบริเวณเข่า
นอกจากนนั้ ยังใสส่ ิ่งของเคร่อื งใช้ และเครือ่ งประดับในหลมุ ฝงั ศพดว้ ย
4. ยคุ โลหะ
นักโบราณคดีขุดพบโครงกระดูกมนุษย์และเครื่องมือที่ทำด้วยสำริดทีบ่ ้านนาดี ตำบลโนนนกทา อำเภอภูเวียง จังหวัด
ขอนแก่น มีอายุประมาณ 4,475 – 4,075 ปีมาแล้ว เก่ากว่ายุคสำริดที่พบที่ดองซอน ประเทศเวียดนาม แหล่งที่พบ
เครื่องมือสำริดอีกแห่งหนึ่ง คือ ที่ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี นักโบราณคดี พบทั้งเครื่องมือสำริด
เครื่องมือเหล็ก เครื่องประดับสำริด เครื่องป้ันดินเผารปู ทรงแปลกตา และมีลายเขยี นด้วยสีแดงเป็นลายต่างๆ เครื่องประดับ
ทำด้วยแก้วสีเขียว นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า วัฒนธรรมบ้านเชียงมีอายุประมาณ 5,000 - 7,000 ปีมาแล้ว นอกจากนี้
นักวชิ าการยงั ไดแ้ บง่ ยุคสมัยกอ่ นประวัติศาสตรต์ ามลักษณะเศรษฐกจิ และสงั คมโดยแบ่งออกเปน็ 3 กลุ่ม คือ
1. สังคมนายพราน เปน็ ยุคที่มนุษยด์ ำรงชวี ิตดว้ ยการล่าสตั ว์ จบั สตั วน์ ำ้ เกบ็ อาหารท่ีได้จากธรรมชาติ ยงั ไมไ่ ด้ต้ังบ้านเรือนท่ี
อยู่อาศยั ถาวร มกั อพยพตามฝูงสัตว์
2. สงั คมเกษตรกรรม เปน็ ยุคท่มี นษุ ย์รู้จกั การเพราะปลูกและเลย้ี งสตั ว์ ยงั คงมกี ารลา่ สัตว์ จับสัตวน์ ำ้ และเกบ็ อาหารที่ได้จาก
ธรรมชาติ มกั จะตง้ั บ้านเรือนถาวรบนพืน้ ที่ทเ่ี หมาะสมแก่การเกษตรกรรม มีการรวมกล่มุ เป็นหม่บู ้าน เป็นเมือง มีแลกเปล่ียน
ผลผลิต และมีระบบการปกครองในสังคม
3. สงั คมเมือง เปน็ สงั คมทม่ี ีผ้คู นอาศยั อยู่รวมกนั เป็นจำนวนมาก มกี ารสร้างระเบียบกฎเกณฑ์ร่วมกัน มกี ารจดั
ระเบียบการปกครอง ประชากรมีการแบง่ งานกันทำตามอาชีพ ตามความสามารถและความถนัด

ใบงานท่ี 3.1
สมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร์ในดินแดนไทย

คำช้แี จง ให้นกั เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี
1. หลกั ฐานใดทแ่ี สดงว่า ดนิ แดนประเทศไทยในปจั จบุ ันมีมนุษยอ์ าศัยอยมู่ านาน
2. นักโบราณคดีใชห้ ลกั เกณฑ์ใดในการแบง่ ยุคสมยั ก่อนประวัติศาสตรใ์ นดินแดนไทย

3. การดำรงชวี ิตของมนษุ ยส์ มยั ก่อนประวัตศิ าสตรใ์ นดนิ แดนไทยมลี กั ษณะอยา่ งไร
4. ปัจจยั ใดทที่ ำให้เกิดชมุ ชนในสุวรรณภูมิ

5. เพราะเหตุใด เราจงึ ต้องศึกษาพฒั นาการของชุมชนโบราณก่อนประวัตศิ าสตร์ในดินแดนไทย

เฉลยใบงานที่ 3.1
สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ในดนิ แดนไทย

คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี
1. หลกั ฐานใดทแี่ สดงว่า ดนิ แดนประเทศไทยในปจั จุบนั มมี นุษย์อาศัยอยมู่ านาน
การค้นพบเคร่ืองมือหนิ ในยคุ หินเก่า เชน่ เคร่อื งมอื ขดุ เคร่ืองมือสบั ตดั และขวานทม่ี ีขนาดใหญแ่ ละหนัก
แสดงใหเ้ หน็ ว่ามีการตั้งถน่ิ ฐานของมนุษยใ์ นดินแดนแถบนี้มาก่อน

2. นักโบราณคดีใชห้ ลกั เกณฑใ์ ดในการแบง่ ยุคสมยั ก่อนประวตั ศิ าสตร์ในดินแดนไทย
1)แบง่ ตามเทคโนโลยีการทำเคร่ืองมือเคร่ืองใช้
2) แบ่งตามลกั ษณะการดำรงชวี ิตของผคู้ น

3. การดำรงชีวิตของมนุษย์สมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร์ในดินแดนไทยมลี ักษณะอย่างไร
อาศยั อยใู่ นถ้ำ หรอื เพิงผา มีการใชเ้ ครือ่ งมือหนิ กะเทาะแบบต่างๆ มกี ารล่าสตั ว์และนำสัตวป์ า่ มาเลีย้ ง

มกี ารเพาะปลูก และรวมตวั กันอยู่เป็นชุมชน

4. ปัจจยั ใดทที่ ำใหเ้ กิดชุมชนในสุวรรณภมู ิ
เพราะสุวรรณภมู หิ รือดินแดนเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ในปัจจบุ ัน เปน็ ดินแดนทีม่ ีความอุดมสมบูรณม์ าก

เหมาะแก่การต้ังหลกั แหลง่ ของชมุ ชน ทำให้มนษุ ย์เขา้ มาตั้งหลกั แหล่งแลว้ คอ่ ยๆ ขยายตัวเปน็ ชมุ ชนเลก็ ๆ
ชุมชนบางแห่งขยายตัวเปน็ ชมุ ชนขนาดใหญ่ มกี ารตดิ ตอ่ แลกเปลี่ยนสิ่งของกบั ชมุ ชนใกล้เคียงและชมุ ชนที่อยู่
ห่างไกล เหน็ ไดจ้ ากหลกั ฐานทาง
โบราณคดีท่ีพบ เชน่ ตะเกยี งโรมนั ที่ตำบลพงตกึ อำเภอท่ามะกา จงั หวัดกาญจนบุรี
เปน็ ต้น

5. เพราะเหตุใด เราจงึ ต้องศึกษาพฒั นาการของชมุ ชนโบราณก่อนประวตั ศิ าสตร์ในดนิ แดนไทย
เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจรากฐานอารยธรรมไทยมากยงิ่ ขนึ้ เพราะไทยได้รับมรดกทางวัฒนธรรมจากชมุ ชมโบราณ

ตา่ งๆ เหล่าน้ี

แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3

คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. สิง่ ทีใ่ ชเ้ ปน็ เกณฑ์ในการแบง่ ยุคสมยั เปน็ ยคุ ก่อนและ 6. อาณาจักรตามพรลงิ ค์มศี ูนย์กลางอยู่ที่ใด

หลังประวตั ศิ าสตร์ คือสง่ิ ใด ก. ปตั ตานี

ก. เคร่ืองมอื เคร่อื งใช้ ข. สุราษฎรธ์ านี

ข. การประดิษฐต์ ัวอกั ษร ค. นครศรีธรรมราช

ค. อายุของโครงกระดูกที่พบ ง. เมืองปาเล็มบัง ประเทศอนิ โดนเี ซยี

ง. การเริ่มรบั วัฒนธรรมจากอนิ เดีย 7. อาณาจักรใดท่ีมหี ลักฐานและบันทึกอันแน่นอนที่

2. คำว่า “สวุ รรณภมู ”ิ หมายถงึ ดินแดนใด แสดงถงึ การต้งั อาณาจักรในแผ่นดนิ ไทย

ก. ดนิ แดนทร่ี ำ่ รวย ก. โยนกเชยี งแสน ข. ทวารวดี

ข. ดินแดนท่มี ีความสงบ ค. อศี านปรุ ะ ง. ละโว้

ค. ดินแดนท่มี ีประชากรมาก 8. จากบันทึกของจีนท่เี รยี กอาณาจักรหนงึ่ ว่า “โถ-โล-

ง. ดินแดนทมี่ ีความอุดมสมบูรณ์ โป-ต้ี” หมายถึงอาณาจกั รใด

3. เครอ่ื งมือหินกะเทาะ เปน็ เคร่ืองมือของมนุษย์ยคุ ใด ก. ละโว้ ข. ลงั กาสกุ ะ

ก. ยคุ หนิ เก่า ข. ยุคหินกลาง ค. ทวารวดี ง. โยนกเชียงแสน

ค. ยุคหินใหม่ ง. ยุคสำรดิ 9. จากจดหมายเหตุจนี “เมืองหลอห”ู คืออาณาจักรใด

4. ชุมชนโบราณของไทยแหง่ ใดที่ไดร้ ับการประกาศให้ ก. ละโว้ ข. ทวารวดี

เปน็ “มรดกโลก” ค. โคตรบรู ณ์ ง. โยนกเชียงแสน

ก. ถำ้ ผี จังหวดั แม่ฮ่องสอน 10. หลกั ฐานสำคัญทแ่ี สดงว่าอาณาจกั รโบราณในดินแดน

ข. คลองท่อม จังหวดั กระบ่ี ภาคใตข้ องประเทศไทยนับถอื พระพทุ ธศาสนานิกาย

ค. บ้านเชยี ง จงั หวดั อดุ รธานี มหายาน คอื สง่ิ ใด

ง. บา้ นเก่า จงั หวัดกาญจนบุรี ก. เสมาหนิ

5. เรือ่ งราวของอาณาจกั รหรภิ ญุ ชยั ส่วนใหญเ่ กี่ยวขอ้ ง ข. ธรรมจกั ร

กบั ใคร ค. ปราสาทหนิ

ก. ฤๅษวี าสเุ ทพ ข. พระนางจามเทวี ง. พระโพธิสัตวอ์ วโลกเิ ตศวร

ค. พระเจา้ ชัยวรมันท่ี 7 ง. พ่อขุนศรีอินทราทติ ย์

แผนการจัดการเรียนรู้

รายวชิ า ประวตั ิศาสตร์ รหัสวิชา ส 21103 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1
โรงเรยี นพนมศึกษา
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม จำนวน 10 ชว่ั โมง

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรือ่ ง สมัยก่อนสุโขทัยในดินแดนไทย จำนวน 2 ช่วั โมง

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 12 เร่อื ง พัฒนาการของชมุ ชนโบราณในภาคตา่ งๆ ของไทย

ผสู้ อน นางสาวสุดารัตน์ ทองคำ

ใช้สอนชั้น ชัว่ โมง วันที่ เดือน พ.ศ. เวลา

1. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ส 4.3 เขา้ ใจความเป็นมาของชาติไทยวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาไทย มีความรัก ความภูมใิ จและธำรง

ความเปน็ ไทย
2. สาระสำคัญ

สมยั กอ่ นประวัตศิ าสตรใ์ นดินแดนไทย มีการสรา้ งชุมชนตา่ งๆ อยูท่ ่ัวทุกภมู ภิ าค ซง่ึ มีพฒั นาการในแตล่ ะยคุ

3. ตัวชีว้ ดั
3.1 ตวั ช้ีวัด ม.1/1 อธบิ ายเร่อื งราวทางประวตั ศิ าสตรส์ มยั กอ่ นสโุ ขทัยในดนิ แดนไทยโดยสงั เขป
3.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
อธบิ ายพฒั นาการของชุมชนโบราณในภาคตา่ งๆ ของไทยได้

4. สาระการเรียนรู้
สมยั ก่อนประวัติศาสตร์ในดินแดนไทยโดยสังเขป

5. สมรรถนะสำคญั
5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
5.2 ความสามารถในการคดิ
5.2.1 ทกั ษะการสำรวจค้นหา
5.2.2 ทักษะการวิเคราะห์
5.2.3 ทักษะการสรุปลงความเหน็
5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ

6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มวี นิ ยั
6.2 ใฝเ่ รียนรู้
6.3 มุ่งมน่ั ในการทำงาน

7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้
วิธสี อนโดยการจัดการเรยี นรแู้ บบร่วมมอื : เทคนิคการต่อเร่อื งราว (Jigsaw)

ขัน้ ท่ี 1 นำเข้าส่บู ทเรียน
1. ครนู ำภาพหลกั ฐานทางโบราณคดสี มัยก่อนประวัตศิ าสตร์ในดนิ แดนไทย มาให้นักเรียนดู แลว้ ใหน้ กั เรียน

ตอบคำถามต่อไปนี้
- หลกั ฐานดังกล่าวคอื อะไร และอยู่ในยุคใด
- หลกั ฐานดงั กลา่ วพบได้ในภูมิภาคใดของประเทศ
- หลักฐานดงั กล่าวมคี วามสำคญั อยา่ งไร

โดยครูคอยกระตุ้นใหน้ ักเรียนทุกคนมีส่วนรว่ มในการตอบคำถาม เพื่อนำเขา้ สบู่ ทเรยี น
2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ

คำถามกระตุ้นความคดิ

นักเรยี นคดิ ว่า ชุมชนโบราณในสมยั กอ่ นประวัตศิ าสตรใ์ นดนิ แดนไทยมอี ยู่ทกุ ภูมิภาคของ
ประเทศไทยหรือไม่ อธิบายเหตผุ ล

(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยใู่ นดุลยพินจิ ของครผู ูส้ อน)

ขน้ั ท่ี 2 สอน
1.นกั เรียนกล่มุ เดิม (จากแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1) กำหนดหมายเลขประจำตัวให้สมาชกิ แตล่ ะคนในกลมุ่

เปน็ หมายเลข 1-4 ตามลำดับ เรยี กกลุ่มน้วี า่ กลมุ่ บ้าน แลว้ ใหน้ กั เรยี นทม่ี หี มายเลขเดียวกันมารวมกนั เป็นกลุ่มใหม่
เรียกกลมุ่ นีว้ ่า กล่มุ ผู้เชยี่ วชาญ

2.สมาชิกในกลุ่มผู้เชย่ี วชาญรว่ มกนั ศึกษาความรู้เร่ือง พัฒนาการของชมุ ชนโบราณในภาคต่างๆ ของไทย จาก
หนังสือเรียน ในหวั ข้อทกี่ ำหนดให้ ดังนี้

- กลมุ่ หมายเลข 1 ศึกษาความรเู้ รือ่ ง พัฒนาการของชุมชนโบราณบริเวณภาคกลาง
- กลมุ่ หมายเลข 2 ศึกษาความรเู้ รอ่ื ง พัฒนาการของชุมชนโบราณบรเิ วณภาคเหนือ
- กลมุ่ หมายเลข 3 ศึกษาความรเู้ ร่ือง พฒั นาการของชมุ ชนโบราณบริเวณภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
- กลมุ่ หมายเลข 4 ศึกษาความรู้เร่ือง พฒั นาการของชมุ ชนโบราณบริเวณภาคใต้
แล้วร่วมกันสรุปสาระสำคญั
3.นักเรยี นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญแยกย้ายกันกลบั เข้าสกู่ ลมุ่ เดิมหรือกลุ่มบา้ น แลว้ นำความรทู้ ี่ไดจ้ ากการศกึ ษามาเลา่ ให้
เพอื่ นในกล่มุ บ้านฟัง เรียงตามลำดบั หมายเลข 1-4 ผลดั กันซกั ถามข้อสงสยั และอธิบายจนทกุ คน มีความเขา้ ใจชดั เจน
ตรงกัน
4.นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทำใบงานที่ 3.2 เรอื่ ง พัฒนาการของชมุ ชนโบราณในภาคตา่ งๆ ของไทย เสรจ็ แลว้
ช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้อง
5.ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกันเฉลยคำตอบในใบงานที่ 3.2
ขัน้ ที่ 3 สรปุ
นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั สรุปความรู้เรื่อง พัฒนาการของชุมชนโบราณในภาคตา่ งๆ ของไทย

คำถามกระตนุ้ ความคิด

นกั เรียนคิดวา่ ประเทศใดบา้ งในกลมุ่ อาเซียนท่นี ่าจะมชี ุมชนโบราณสมยั ก่อนประวัตศิ าสตร์

ร่วมกันกบั ไทย อธบิ ายเหตผุ ล

(ลาว พมา่ และกัมพชู า เพราะมีลกั ษณะทางสถาปัตยกรรม และประเพณีบางอย่างท่ีคลา้ ยคลงึ กนั )

8. สื่ออปุ กรณ์และแหล่งการเรียนรู้
8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียน ประวัตศิ าสตร์ ม.1
2) หนังสือคน้ คว้าเพ่มิ เติม
- ดนยั ไชยโยธา. 2550. ประวัติศาสตรไ์ ทย : ยุคก่อนประวตั ิศาสตร์ถึงสน้ิ อาณาจกั รสโุ ขทยั .
กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์.

3) ใบงานที่ 3.2 เร่ือง พฒั นาการของชุมชนโบราณในภาคตา่ งๆ ของไทย
4)บตั รภาพ
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
แหล่งข้อมลู สารสนเทศ
http://www.aksorn.com/LC/Hist/M1/04

๙. การบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (๓ ห่วง ๒ เงอื่ นไข ๔ มติ ิ)

- วิเคราะหส์ มรรถนะและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ทสี่ อดคล้องกนั

หลกั ความพอประมาณ - ออกแบบกิจกรรมทีส่ อดคลอ้ งกับตัวชว้ี ัด

- ใชเ้ ครือ่ งมอื วิธีประเมินท่หี ลากหลายเหมาะสมกับตวั ชีว้ ดั

หลกั มีเหตุผล - จดั กระบวนการเรยี นร้ทู ีค่ ำนกึ ถึงความรู้ความสามารถของผเู้ รยี น

- ศกึ ษาเนอ้ื หาสาระรปู แบบกจิ กรรมใหบ้ รรลุตามตวั ช้วี ดั

หลักสรา้ งภูมิคุ้มกันในตวั ที่ดี - จัดทำแผนการเรียนรู้อย่างละเอียดสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียน

การสอนและสามารถนำไปใชไ้ ด้ในกรณีขาดแคลนครูสอน

เงื่อนไขความรู้ - อธิบายพัฒนาการของชุมชนโบราณในภาคต่างๆ ของไทยได้

เงือ่ นไขคุณธรรม - มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อการทำงาน

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๔ มิติ

เศรษฐกจิ สงั คม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม

10. การวัดผลและประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์
วธิ กี าร

ตรวจใบงานที่ 3.2 ใบงานท่ี 3.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ตรวจแบบบนั ทึกการอา่ น แบบบนั ทึกการอ่าน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ มั่น แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ในการทำงาน

บัตรภาพ



ภาพภาชนะดินเผาสามขา พบที่บ้านเก่า จ. กาญจนบุรี ภาพโครงกระดูกมนษุ ย์ พบที่บา้ นโคกพนมดี จ. ชลบรุ ี

ภาพกำไลสำริด พบทบ่ี ้านยางทองใต้ จ. เชยี งใหม่ ภาพเครื่องป้ันดินเผาเขียนสแี ดง พบทบ่ี ้านเชยี ง
จ. อดุ รธานี

ภาพขวานสำรดิ พบทบี่ า้ นเชยี ง จ. อุดรธานี ภาพกลองมโหระทึก
พบทว่ี ัดตลิง่ พงั (ครี ีวงการาม) จ. สรุ าษฎรธ์ านี

ทมี่ า : ณรงค์ พ่วงพศิ และวุฒิชยั มลู ศลิ ป์. 2552. หนังสือเรยี น รายวิชาพ้นื ฐาน ประวัติศาสตร์ ม.1. พมิ พ์ครั้งที่ 9.
กรุงเทพมหานคร : อักษรเจรญิ ทศั น.์

ใบงานที่ 3.2
พัฒนาการของชมุ ชนโบราณในภาคต่างๆ ของไทย

คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่างหลกั ฐานทางโบราณคดีทีแ่ สดงให้เห็นพัฒนาการของชมุ ชนโบราณในภาคต่างๆ ของ
ไทย พร้อมระบุแหล่งท่ีพบ

หลักฐานทางโบราณคดที ีแ่ สดงให้เห็นพฒั นาการของชุมชนโบราณในภาคตา่ งๆ ของไทย

ชุมชนยคุ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาค ภาคใต้
ตะวันออกเฉยี งเหนอื

เคร่ืองมือหินขดุ สับ ตัด

ยคุ หินเก่า

ยุคหนิ กลาง

ยคุ หนิ ใหม่
ยุคสำริด
ยคุ เหลก็

เฉลยใบงานที่ 3.2
พัฒนาการของชุมชนโบราณในภาคต่างๆ ของไทย

คำชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นยกตวั อยา่ งหลักฐานทางโบราณคดีทีแ่ สดงใหเ้ ห็นพัฒนาการของชมุ ชนโบราณในภาคต่างๆ ของ
ไทย พร้อมระบุแหล่งที่พบ

หลกั ฐานทางโบราณคดที แี่ สดงให้เหน็ พัฒนาการของชุมชนโบราณในภาคตา่ งๆ ของไทย

ชมุ ชนยุค ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาค ภาคใต้
ยุคหนิ เก่า ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
ยคุ หินกลาง
ยุคหินใหม่ เคร่ืองมอื หินขุด สบั ตดั เคร่ืองมือหินกะเทาะ เครื่องมอื หินกะเทาะ เครือ่ งขุด
ยุคสำริด
ยุคเหลก็ ขวานหนิ พบทถ่ี ำ้ พบที่ถำ้ ผแี มน เครื่องขดุ สับ ตดั เครอ่ื งมือสบั ตดั และ

พระ อ.ไทรโยค จ.แม่ฮอ่ งสอน พบที่ อ.เชียงคาน จ.เลย ทพ่ี ำนกั อาศยั ของมนุษย์

ถำ้ เขาทะลุ ถ้ำเมน่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร พบที่ถำ้ หลังโรงเรยี น

อ.บ้านเกา่ จ.กาญจนบรุ ี ทับปรกิ อฺ.เมอื ง จ.กระบี่

เครือ่ งมือหินขุด สบั ตัด เคร่อื งมอื หนิ กะเทาะ เครอ่ื งมือหนิ กะเทาะ เคร่ืองขุด
ขวานหนิ พบที่ ถ้าผีแมน เครื่องขุด สับ ตดั เคร่ืองมอื สบั ตดั และ
ขวานหิน พบท่ี จ.แมฮ่ ่องสอน พบท่ี อ.เชยี งคาน จ.เลย ที่พำนกั อาศัยของมนษุ ย์
ถำ้ เขาทะลุ ถำ้ เม่น อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร พบทถ่ี ำ้ หลงั โรงเรยี น

อ.บา้ นเกา่ จ.กาญจนบรุ ี ทบั ปริก อฺ.เมือง จ.กระบ่ี

เคร่อื งมอื หนิ ขุด สบั ตัด เครอื่ งมือหินกะเทาะ เคร่ืองมือหินกะเทาะ เครื่องขุด

ขวานหิน พบที่ พบท่ถี ้าผีแมน เครอ่ื งขุด สับ ตดั เครื่องมือสบั ตดั และ

ถ้ำเขาทะลุ ถ้ำเม่น จ.แม่ฮอ่ งสอน พบท่ี อ.เชยี งคาน จ.เลย ท่ีพำนักอาศยั ของมนษุ ย์

อ.บา้ นเกา่ จ.กาญจนบรุ ี อ.ดอนตาล จ.มกุ ดาหาร พบทถ่ี ้ำหลังโรงเรยี น
ทบั ปริก อฺ.เมือง จ.กระบี่

เครื่องมอื หินขุด สับ ตัด เครอื่ งมือหนิ กะเทาะ เครอื่ งมอื หนิ กะเทาะ เครอื่ งขุด

ขวานหิน พบท่ี พบท่ถี ้าผแี มน เครื่องขดุ สบั ตดั เครอื่ งมอื สับ ตดั และ

ถ้ำเขาทะลุ ถำ้ เมน่ จ.แม่ฮ่องสอน พบที่ อ.เชียงคาน จ.เลย ทพ่ี ำนกั อาศัยของมนุษย์

อ.บ้านเก่า จ.กาญจนบรุ ี อ.ดอนตาล จ.มกุ ดาหาร พบท่ถี ้ำหลงั โรงเรยี น

ทบั ปรกิ อฺ.เมือง จ.กระบี่

เครื่องมือหินขุด สบั ตดั เครื่องมอื หินกะเทาะ เครอ่ื งมอื หนิ กะเทาะ เครอ่ื งขดุ
ขวานหนิ พบที่ พบท่ีถา้ ผแี มน เครอ่ื งขุด สบั ตดั เครอ่ื งมอื สับ ตดั และ
ถ้ำเขาทะลุ ถ้ำเม่น จ.แมฮ่ อ่ งสอน พบที่ อ.เชยี งคาน จ.เลย ท่ีพำนักอาศยั ของมนุษย์
อ.บา้ นเกา่ จ.กาญจนบรุ ี อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร พบที่ถ้ำหลังโรงเรยี น

ทับปริก อฺ.เมอื ง จ.กระบี่

(พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพินจิ ของครผู ู้สอน)

แผนการจดั การเรยี นรู้

รายวชิ า ประวัตศิ าสตร์ รหัสวิชา ส 21103 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1
โรงเรยี นพนมศึกษา
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม จำนวน 10 ชว่ั โมง

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เร่ือง สมัยกอ่ นสโุ ขทยั ในดินแดนไทย จำนวน 1 ชั่วโมง

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 เรอ่ื ง การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาของมนษุ ยก์ ่อนประวัตศิ าสตร์

ในดนิ แดนประเทศไทย

ผ้สู อน นางสาวสดุ ารัตน์ ทองคำ

ใช้สอนชัน้ ช่ัวโมง วนั ท่ี เดือน พ.ศ. เวลา

1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ส 4.3 เข้าใจความเปน็ มาของชาตไิ ทยวฒั นธรรม ภมู ิปัญญาไทย มีความรกั ความภมู ิใจและธำรง

ความเปน็ ไทย

2. สาระสำคัญ
มนษุ ยก์ ่อนประวตั ิศาสตรใ์ นดินแดนประเทศไทยมีการสร้างสรรคภ์ ูมิปญั ญาหลายดา้ นซ่ึงมผี ลดีต่อการนำไปใช้

ในการดำเนนิ ชีวิตของคนไทยในปจั จบุ นั

3. ตัวชี้วดั
3.1 ตวั ชวี้ ัด ม.1/1 อธบิ ายเร่อื งราวทางประวตั ิศาสตรส์ มยั ก่อนสโุ ขทัยในดนิ แดนไทยโดยสังเขป
3.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ระบุภูมิปัญญาของมนษุ ย์กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ในดินแดนประเทศไทยได้

4. สาระการเรียนรู้
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในดนิ แดนไทยโดยสังเขป

5. สมรรถนะสำคญั
5.1 ความสามารถในการส่อื สาร
5.2 ความสามารถในการคดิ
5.2.1 ทกั ษะการสำรวจค้นหา
5.2.2 ทกั ษะการวิเคราะห์
5.2.3 ทักษะการตคี วาม
5.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต

6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มวี นิ ัย
6.2 ใฝ่เรียนรู้
6.3 มุง่ มัน่ ในการทำงาน

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้
วิธสี อนโดยการจดั การเรยี นรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคคคู่ ิดสส่ี หาย

ขั้นที่ 1 นำเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครใู ห้นักเรยี นช่วยกนั ยกตัวอย่างภูมิปญั ญาในทอ้ งถ่นิ ท่นี ักเรียนชน่ื ชอบ พรอ้ มบอกเหตุผล
2. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกับปัจจัยสำคญั ในการสร้างสรรคภ์ มู ิปญั ญา ครคู อยกระตนุ้ ใหน้ ักเรียน

ทุกคนมสี ่วนรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ เพ่อื นำเข้าสู่บทเรยี น

ขั้นท่ี 2 สอน
1. ครูใหน้ กั เรียนกลุ่มเดมิ จบั คูก่ นั เปน็ 2 คู่ ใหแ้ ตล่ ะค่รู ่วมกนั ศึกษาความรเู้ รื่อง การสร้างสรรค์ภมู ิปญั ญาของ

มนษุ ยก์ ่อนประวตั ิศาสตรใ์ นดินแดนประเทศไทย จากหนังสือเรยี น
2. นักเรยี นแต่ละคนู่ ำความรู้ทีไ่ ด้จากการศึกษามาเป็นพนื้ ฐานในการทำใบงานที่ 3.3 เรือ่ ง การสร้างสรรค์

ภมู ปิ ัญญาของมนุษยก์ ่อนประวตั ิศาสตร์ในดนิ แดนประเทศไทย
3. นกั เรยี นแต่ละครู่ วมกลุ่มเดิม (4 คน) ผลัดกันนำความรูท้ ่ีได้จากการศึกษาและการทำใบงานท่ี 3.3

มาเลา่ ใหเ้ พ่ือนอีกคหู่ นึ่งฟงั ผลดั กนั ซกั ถามข้อสงสยั และอธิบายจนทกุ คนมคี วามเข้าใจชัดเจนตรงกนั
4. ครูอธิบายความรู้เกีย่ วกับการสรา้ งสรรค์ภมู ิปญั ญาของมนุษย์กอ่ นประวัติศาสตรใ์ นดินแดนประเทศไทย

ใหน้ ักเรยี นฟังเพิม่ เติม เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจชดั เจนมากยงิ่ ข้ึน
5. ครูและนักเรียนชว่ ยกนั เฉลยคำตอบในใบงานที่ 3.3

ขั้นที่ 3 สรปุ
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรเู้ รือ่ ง การสร้างสรรค์ภมู ิปัญญาของมนุษยก์ ่อนประวตั ิศาสตรใ์ นดินแดน

ประเทศไทย

8. สอื่ อปุ กรณ์และแหลง่ การเรยี นรู้

8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี น ประวัตศิ าสตร์ ม.1

2) ใบงานท่ี 3.3 เร่ือง การสรา้ งสรรคภ์ ูมิปัญญาของมนุษยก์ ่อนประวตั ิศาสตรใ์ นดินแดนประเทศไทย
8.2 แหลง่ การเรียนรู้

-

๙. การบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข ๔ มิต)ิ

หลกั ความพอประมาณ - วิเคราะหส์ มรรถนะและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคท์ ่สี อดคล้องกัน
- ออกแบบกจิ กรรมทส่ี อดคลอ้ งกับตวั ช้ีวดั
หลักมีเหตุผล - ใช้เครอ่ื งมอื วธิ ีประเมนิ ทห่ี ลากหลายเหมาะสมกบั ตวั ชีว้ ัด

หลักสร้างภูมิคุ้มกนั ในตวั ทีด่ ี - จัดกระบวนการเรียนรู้ทค่ี ำนกึ ถึงความรคู้ วามสามารถของผูเ้ รยี น

เงอ่ื นไขความรู้ - ศกึ ษาเน้ือหาสาระรปู แบบกิจกรรมให้บรรลุตามตัวช้ีวัด
เงือ่ นไขคุณธรรม - จัดทำแผนการเรียนรู้อยา่ งละเอียดสามารถนำไปใชใ้ นการจดั การเรียนการ

สอนและสามารถนำไปใชไ้ ด้ในกรณีขาดแคลนครสู อน

- อธิบายภมู ิปัญญาของมนุษยก์ อ่ นประวตั ิศาสตร์ในดนิ แดนประเทศไทยได้

- มคี วามรับผดิ ชอบต่อการทำงาน

ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ๔ มิติ

เศรษฐกิจ สังคม สง่ิ แวดล้อม วัฒนธรรม

10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เครอ่ื งมือ เกณฑ์
วธิ กี าร

ตรวจใบงานที่ 3.3 ใบงานที่ 3.3 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สังเกตความมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ และ
ม่งุ มนั่ ในการทำงาน

ใบงานที่ 3.3
การสร้างสรรคภ์ ูมิปัญญาของมนษุ ยก์ อ่ นประวัตศิ าสตร์ในดนิ แดนประเทศไทย

คำช้แี จง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปน้ี
1. ปัจจยั ใดบ้างทีม่ ีอิทธิพลต่อการสรา้ งสรรคภ์ ูมปิ ัญญาของมนุษย์ก่อนประวัตศิ าสตร์ในดนิ แดนประเทศไทย

1) ความต้องการความมัน่ คงในการดำรงชีวิตประจำวนั
2)

สภาพภมู ิศาสตรแ์ ละสง่ิ แวดล้อม
3) คติความเชื่อ

2. ภมู ปิ ญั ญาของมนุษยก์ ่อนประวัติศาสตรใ์ นดินแดนประเทศไทยมักเก่ยี วขอ้ งกับเร่ืองใด

ภมู ปิ ญั ญาเพอ่ื ความม่นั คงในการดำรงชวี ิตประจำวัน เชน่ การทำเกษตรเพอื่ การบริโภค เป็นต้น

3. ภมู ิปญั ญาของมนุษยก์ ่อนประวัติศาสตรใ์ นดินแดนประเทศไทย สามารถเรยี งลำดบั ได้อย่างไร

เครอ่ื งมือหิน  การสรา้ งท่พี กั พิง  การปลูกข้าว  เครื่องมอื เครือ่ งใช้สำรดิ  เคร่ืองมอื เครือ่ งใช้เหลก็

4. ตวั อย่างพัฒนาการภมู ปิ ัญญาของมนุษยก์ ่อนประวัตศิ าสตรใ์ นดินแดนประเทศไทยในด้านต่างๆ ได้แก่อะไรบ้าง

1) พัฒนาการดา้ นเกษตรกรรม เชน่ การทำไรเ่ ล่ือนลอย การทำเครอื่ งมอื เกษตร เครอ่ื งทุ่นแรง การทดน้ำ
2) พัฒนาการดา้ นโลหกรรม เชน่ การทำเคร่อื งมือเคร่ืองใช้ด้วยเหลก็ และสำรดิ
3) พัฒนาการดา้ นหตั ถกรรม เช่น การทอผ้าจากเสน้ ใยพชื ปา่ น กัญชา เส้นใยจากสตั ว์ ไหม การยอ้ มสดี ้วยเปลอื กไม้
4) พัฒนาการดา้ นการสร้างที่อยูอ่ าศัย เชน่ อาศัยถำ้ หรอื เพิงผาป้องกนั อนั ตรายจากธรรมชาติ
5) พฒั นาการดา้ นการรักษาโรค เชน่ การเจาะกะโหลกมนษุ ย์เพอ่ื รกั ษาโรคหรือปลดปล่อยผีร้าย

5. ตัวอย่างภมู ิปัญญาของมนษุ ย์ก่อนประวัติศาสตร์ในดินแดนประเทศไทยที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ไดแ้ กส่ ิ่งใดบ้าง

1) พฒั นาการด้านเกษตรกรรม เชน่ การทำเคร่ืองมือเกษตร การสรา้ งอ่างเก็บน้ำ
2) พัฒนาการดา้ นโลหกรรม เชน่ การทำเครื่องมอื จากเหล็กทไ่ี ม่เปน็ สนิม
3) พฒั นาการด้านหตั ถกรรม เชน่ การยอ้ มสีจากสงิ่ ทไี่ ดจ้ ากธรรมชาติ การทำเครือ่ งปัน้ ดนิ เผา
4) พฒั นาการด้านการสรา้ งท่ีอยู่อาศยั เชน่ การสรา้ งบ้านใต้ถนุ สูงปอ้ งกันน้ำท่วม
5) พัฒนาการด้านการรกั ษาโรค เชน่ การใชส้ มนุ ไพร การแพทย์แผนไทย


Click to View FlipBook Version