รายงานประจ าปี 2565 48 | P a g e
รายงานประจ าปี 2565 49 | P a g e
รายงานประจ าปี 2565 50 | P a g e ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ผ่านมายังคงเกิดขึ้นทุกปี และส่งผลกระทบต่อคุณภาพ ชีวิตและเศรษฐกิจของประชาชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม ของทุกปี ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณจำนวนมากในการ เยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนและการฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติกลับสู่สภาพเดิม ดังนั้น เพื่อให้การ ปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานภาคพื้นดิน ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคอากาศ โดยศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน สำนักงาน ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการเชิงรุกในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่มีอากาศยาน ซึ่งมีความพร้อมและประสบการณ์ดับไฟป่าทางภาคอากาศ และที่ผ่านมาทุกปี มีการใช้อากาศยานเข้าทำการบิน สำรวจ เฝ้าระวัง ส่งกำลัง เสบียง อุปกรณ์ และทิ้งน้ำ ดับไฟป่ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการพัฒนารูปแบบ การปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานพื้นที่ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการบินโครงการปฏิบัติการบิน บูรณาการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน สำหรับ การปฏิบัติการบินป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ในพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย 15 จังหวัด ตามสถิติพื้นที่เสี่ยง ต่อการเกิดไฟป่า (ข้อมูลจุดความร้อนสะสม ปี 2562 –2563) โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานในสังกัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานระดับจังหวัด แผนปฏิบัติการบินโครงการปฏิบัติการบินบูรณาการ แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กำหนดชั่วโมงปฏิบัติการบิน จำนวน 160 ชั่วโมง โดยใช้ชั่วโมงปฏิบัติการบินทั้งสิ้น จำนวน 75 :35 ชั่วโมง เนื่องจากสถานการณ์ไฟป่าในปี พ.ศ. 2565 สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ในช่วง เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 โดยมีจุดความร้อน สะสม (Hotspot) ลดลงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับ ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี (2562 -25654) (ที่มา: กรมป่าไม้) ดังนั้น ในการปฏิบัติภารกิจ จึงดำเนินการแล้วเสร็จ ภายในเดือนเมษายน 2565 และมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ ปฏิบัติการบินเชิงรุกในการป้องกันแก้ไข ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่เป้าหมาย โดยปฏิบัติการบินลาดตระเวนและการบินดับไฟป่า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 พบไฟป่าทั้งสิ้น จำนวน 42 จุด ส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเข้าควบคุม และดับไฟป่า ทั้งนี้ มีการใช้อากาศยานสนับสนุนดับไฟป่า โดยการทิ้งน้ำดับไฟในบริเวณที่มีไฟป่ารุนแรง จำนวน 140 เที่ยวบิน จำนวนปริมาณน้ำ 70,000 ลิตร ใช้ชั่วโมงทำการบิน รวมทั้งสิ้น จำนวน 75:35 ชั่วโมงบิน
รายงานประจ าปี 2565 51 | P a g e จุดความร้อนสะสมในพื้นที่ที่ใช้อากาศยาน เข้าดำเนินการ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ตาก และน่าน น้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยปี 2564 มีจุดความร้อนสะสมรวมทั้งสิ้น จำนวน 33,816 จุด ปี 2565 มีจุดความร้อนสะสมรวมทั้งสิ้น จำนวน 12,730 จุด ดังนั้น จุดความร้อนสะสมในพื้นที่ฯ ลดลง จำนวน 21,086 จุด คิดเป็นลดลงร้อยละ 62.36 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (อ้างอิงข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลจุดความร้อน จากภาพถ่ายดาวเทียม Suomi NPP ระบบ VIIRS ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ช่วงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 -30 มิถุนายน 2564 เปรียบเทียบกับ ช่วงวันที่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 -30 มิถุนายน 2565) ไม่มี 1. การบำรุงรักษาอากาศยาน การบำรุงรักษากาศยานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมอากาศยานสำหรับสนับสนุน ภารกิจการบิน โดยมีอากาศยานที่พร้อมใช้งาน และสามารถรองรับภารกิจการบินได้ จำนวนทั้งสิ้น 5 ลำ ได้แก่ อากาศยานเฮลิคอปเตอร์แบบ AS 350 จำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย อากาศยานหมายเลขทรัพยากร 1105 1106 1110 และ 1114 อากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ แบบ EC-135T2+ จำนวน 1 ลำ ได้แก่ อากาศยานหมายเลขทรัพยากร 2215 และอากาศยาน ปีกตรึง แบบ KODIAK 100 จำนวน 1 ลำ ได้แก่ อากาศยานหมายเลขทรัพยากร 3116 รวมทั้ง มีการพัฒนาระบบอากาศยานไร้คนขับ การซ่อมบำรุงอากาศยานให้มีความพร้อม สำหรับรองรับภารกิจ โดยมีกิจกรรมการซ่อมบำรุง ในระดับหน่วย ได้แก่ การซ่อมบำรุงตามอายุการใช้งาน ของอากาศยานและการซ่อมบำรุงกรณีการเกิดเหตุฉุกเฉิน ภายใต้ขีดความสามารถของหน่วยซ่อมบำรุงของ ศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน ส่งผลให้สามารถ ปฏิบัติภารกิจได้ทุกเที่ยวบินด้วยความปลอดภัย
รายงานประจ าปี 2565 52 | P a g e 2. การดำเนินการด้านมาตรฐานการบิน การฝึกบินทบทวนท่ามาตรฐานและตรวจสอบ มาตรฐานการบินอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ 1 เครื่องยนต์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ณ ศูนย์ปฏิบัติการ พื้นที่ภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างวันที่ 10 – 21 กันยายน 2565 ซึ่งเป็นการดำเนินงาน ตามมาตรฐานการบินสากลที่ได้กำหนดให้หน่วยบิน ต้องมีแผนปฏิบัติการบินทบทวนท่าบินตามมาตรฐาน และการตรวจสอบมาตรฐานการบินอย่างสม่ำเสมอ เป็นประจำทุกปี และเป็นไปตามระเบียบกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าด้วยการบิน พ.ศ. 2562 หมวดที่ 9 การควบคุมมาตรฐานการบิน เพื่อให้นักบินทุกนาย ได้มีห้วงเวลาของการทบทวน ท่าทางการบินตามคู่มือมาตรฐานของผู้สร้างอากาศยาน ท่าบินกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน การบินตามภารกิจ ของหน่วยงาน และนำประสบการณ์จากการทำงาน ในแต่ละปีมาถ่ายทอดซึ่งกันและกัน ผลการฝึกบินทบทวนท่ามาตรฐานและตรวจสอบ มาตรฐานการบินอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ 1 เครื่องยนต์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ใช้ชั่วโมงปฏิบัติการบิน สำหรับการฝึกบินอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ 1 เครื่องยนต์ จำนวน 32 ชั่วโมง และมีผลคะแนนภาคอากาศ และคะแนนภาคพื้น (การสอบข้อเขียน) ของนักบิน จำนวน 7 นาย อยู่ในระดับร้อยละ 90 ขึ้นไป ทั้งนี้ ในการฝึกบินฯ ดังกล่าว มีการฝึกบินในท่าการตักน้ำดับไฟ - ทิ้งน้ำดับไฟ (AVIATION FIRE FIGHTING) ทำให้นักบิน ได้รับการฝึกฝนและเกิดความชำนาญในการบินดับไฟป่า มากยิ่งขึ้นและเป็นไปตามมาตรฐานการบิน 3. การพัฒนาการปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติการบินป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควัน มีการติดตั้งชุดกล้องตรวจการณ์ กลางวัน/กลางคืน Electro Optical (EO/IR) ร่วมกับ อากาศยาน (เฮลิคอปเตอร์หมายเลขทรัพยากร 1106) เพื่อจัดเก็บข้อมูลสำหรับการแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควัน โดยกล้องฯ ดังกล่าว มีขีดความสามารถ ในการถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงตามระบบเซนเซอร์ ได้แก่ กล้องถ่ายภาพความร้อน (Thermal Imager) แสดงความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิเป้าหมาย และอุณหภูมิพื้นหลังกล้องถ่ายภาพสีความละเอียดสูง (High Definition Color Camera) เป็นกล้องถ่ายภาพสี ต่อเนื่องกล้องอินฟาเรดคลื่นสั้น (Short Wave IR Camera) สามารถถ่ายภาพความร้อนที่แสดงความแตกต่าง ระหว่างอุณหภูมิของเป้าหมายและพื้นหลัง สามารถ บันทึกภาพในสภาวะที่มีเมฆ หมอก และควันปกคลุม หนาแน่นได้เครื่องวัดระยะทางด้วยเลเซอร์ (Laser Rangefinder) ระหว่างเป้าหมายและเครื่องวัด โดยวัดได้ไกลที่สุดไม่ต่ำกว่า 12 กิโลเมตร ด้วยสมรรถนะ ของชุดกล้องฯ จึงทำให้ได้ข้อมูลภาพถ่ายสภาพพื้นที่ ที่เป็นปัจจุบัน รวดเร็ว และสามารถนำข้อมูลไปใช้ ในการวางแผนบริหารจัดการพื้นที่ ตรวจสอบการบุกรุก การดูแนวลุกลามของไฟ และการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ การใช้ประโยชน์ที่ดิน ไม่มี
รายงานประจ าปี 2565 53 | P a g e 1. การปฏิบัติการบินแก้ไขปัญหาไฟป่าบริเวณพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยประชุม วางแผนการปฏิบัติงานในพื้นที่กับทางเจ้าหน้าที่ พร้อมปฏิบัติการบินสำรวจไฟป่าตรวจสอบสถานการณ์ไฟป่า และบินทิ้งน้ำดับไฟป่าบริเวณจุดเกิดไฟป่า 2. การปฏิบัติการบินแก้ไขปัญหาไฟป่า บริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ มีการประชุมวางแผนการปฏิบัติงานในพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ พร้อมปฏิบัติการบินสำรวจไฟป่าตรวจสอบสถานการณ์ไฟป่า และบินทิ้งน้ำดับไฟป่าบริเวณจุดเกิดไฟป่า
รายงานประจ าปี 2565 54 | P a g e ปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มีความซับซ้อนและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรม จารีต ประเพณีของประชาชนในพื้นที่ ประกอบกับ ปัญหาไฟป่าและหมอกควันสามารถส่งผลกระทบ ต่อประชาชนเป็นบริเวณกว้าง ไม่สามารถระบุพื้นที่ เกิดได้แน่นอนเหมือนแหล่งกำเนิดอื่น ๆ ดังจะเห็นได้จาก ปัญหาหมอกควันข้ามแดนจากประเทศอินโดนีเซีย ในปี พ.ศ. 2558 ส่งผลให้พื้นที่หลายจังหวัดในภาคใต้ ของประเทศไทยมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่น ปริมาณ ฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบ ต่อสุขภาพของเด็กและผู้ป่วย ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นจาก หมอกควันข้ามแดนดังกล่าวทำให้การจัดการปัญหา มลพิษอากาศจากแหล่งกำเนิดมีความยากลำบาก มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การจัดการปัญหาหมอกควันและไฟป่า จะต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ มีความสอดคล้องทั้งบริบทของพื้นที่ ภารกิจของหน่วยงาน และการประสานงาน โดยจะต้องดำเนินไปในลักษณะ ของการป้องกัน การรณรงค์ ส่งเสริม ประชาสัมพันธ์ ให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องของทุกภาคส่วน ต้องมีการพัฒนาปรับปรุงรูปแบบระบบบริหารจัดการ ด้านเทคนิควิชาการ และการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ร่วมกับการเสริมสร้างศักยภาพการจัดการปัญหา มลพิษทางอากาศให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน รวมถึงการมีระบบการเฝ้าระวัง การเตือนภัย และการประสานงานระหว่างภาคีต่าง ๆ เพื่อให้การจัดการปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ 1. ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำ แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ฝุ่นละอองจากไฟป่า และการเผาในที่โล่ง แผนบริหาร จัดการเชื้อเพลิง และมาตรการป้องกันและควบคุมไฟป่า ของจังหวัด 2. ติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศประจำวัน และประสานงานเครือข่ายเพื่อเฝ้าระวังแจ้งเตือน มลพิษทางอากาศและหมอกควัน และกำหนดเวลา ช่วงห้ามเผา 3. ฝึกอบรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำปุ๋ยหมักจากวัสดุเหลือใช้ การจัดทำฝายชะลอน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในพื้นที่ป่า และลดปัญหาการเกิด ไฟป่า 4. รณรงค์ เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักถึงปัญหาไฟป่า และหมอกควัน และวิธีป้องกันอันตรายจากหมอกควัน ให้แก่เครือข่ายและภาคประชาชน 5.ถอดบทเรียนผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไข ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง เพื่อเป็นข้อมูล ประกอบการจัดทำแผนปฏิบัติการให้มีความเหมาะสม ในปีถัดไป
รายงานประจ าปี 2565 55 | P a g e 1. มีศูนย์การข้อมูลข่าวสาร รับแจ้งเหตุ เพื่อประสานและเตรียมความพร้อม 2. หน่วยงานราชการ อำเภอ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน/ตำบล/หมู่บ้าน ในพื้นที่เสี่ยงมีส่วนร่วมในการควบคุม ดูแล แก้ไข ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ 3. ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน 4. การบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปฏิบัติงาน โครงการแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควันมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ ทรัพยากรป่าไม้และระบบนิเวศฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ 5. สร้างทางเลือกในการลดการเผาในพื้นที่ 6. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการติดตาม ประสานกับเครือข่าย เพื่อแก้ไขปัญหาตามสถานการณ์ ที่เกิดความสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงาน ตามแผนงานที่กำหนดไว้ 1. หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน 2. มีแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหา ไฟป่าหมอกควัน 3. มีการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูล อย่างต่อเนื่อง 4. ทุกภาคส่วนมีการบูรณาการร่วมกัน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน 5. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชน ในพื้นที่รับผิดชอบ มีความรู้ ตระหนักในการป้องกัน และควบคุมการเกิดมลพิษจากหมอกควันและไฟป่า ในพื้นที่ ไม่มี ไม่มี ไม่มี
รายงานประจ าปี 2565 56 | P a g e ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ทันสมัย มีระบบยุติธรรมสิ่งแวดล้อม ที่มีมาตรฐาน และบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เท่าเทียม และเป็นธรรม กฎหมายของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการพิจารณาทบทวน ปรับปรุง แก้ไข โดยสามารถดำเนินการตามแผนพัฒนากฎหมาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. 2565 – 2567 รวม 175 ฉบับ แบ่งเป็นร่างพระราชบัญญัติจำนวน 6 ฉบับ ร่างกฎหมายลำดับรอง จำนวน 169 ฉบับ ดังนี้ (1) ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จำนวน 34 ฉบับ (2) ส่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา จำนวน 5 ฉบับ (3) อยู่ระหว่างนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้เป็นกฎหมาย จำนวน – ฉบับ (4) อยู่ระหว่างเสนอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม/ประธานกรรมการ พิจารณาลงนามและเตรียมส่งราชกิจจานุเบกษา จำนวน 1 ฉบับ (5) แจ้งยืนยันร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา จำนวน – ฉบับ (6) อยู่ระหว่างตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จำนวน 4 ฉบับ (7) อยู่ระหว่างเสนอเตรียมเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี จำนวน 24 ฉบับ (8) อยู่ระหว่างดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 107 ฉบับ 1. แผนพัฒนากฎหมาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. 2565 – 2567 2. กฎหมายที่มีการดำเนินการตามแผนพัฒนากฎหมาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. 2565 - 2567 จำนวน 175 ฉบับ กฎหมายของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการทบทวน ปรับปรุง แก้ไข โดยมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จำนวน 34 ฉบับ ไม่มี ไม่มี ไม่มี
รายงานประจ าปี 2565 57 | P a g e
รายงานประจ าปี 2565 58 | P a g e กองตรวจราชการ มีภารกิจหลักในการสนับสนุนการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อตรวจติดตาม และกำกับการปฏิบัติงานของหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมาย ให้บรรลุเป้าประสงค์ของการตรวจราชการที่กำหนด ตามแผนการตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสอดรับกับแผนการตรวจราชการ แบบบูรณาการร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี 1. จัดทำแผนการตรวจราชการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 การจัดทำแผนการตรวจราชการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 กำหนดประเภทการตรวจ ราชการครอบคลุมอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจราชการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับ มอบหมายในฐานะกำกับดูแลแทนรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 4 ประเภท ดังนี้ 1) การตรวจราชการตามนโยบาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจติดตามการดำเนินงานตามประเด็นนโยบาย สำคัญภายใต้นโยบายและยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ของรัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรร มชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการผลักดันและขับเคลื่อน การแก้ไขปัญหาอุปสรรคของหน่วยงานในสังกัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งระดับ นโยบายและระดับพื้นที่ให้สามารถดำเนินงานบรรลุ ตามเป้าหมายและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้ การดำเนินงานตามภารกิจหลัก จำนวน 3 ด้าน ประกอบด้วย (1) ด้านทรัพยากรธรรมชาติ : การแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัย และทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และโครงการปลูกป่า เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู ป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน และป้องกันไฟป่า และ (2) ด้านทรัพยากรน้ำ : การจัดหาแหล่งน้ำต้นทุน ผิวดินและน้ำบาดาล 2) การตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการ แบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรีตรวจติดตาม การดำเนินงานร่วมกับผู้ตรวจราชการสำนัก นายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงต่าง ๆ ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน และภาคส่วน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ ตามประเด็นนโยบายสำคัญ ของรัฐบาล โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 2 ประเด็น ได้แก่ การจัดการสิ่งแวดล้อมสีเขียว เพื่อความยั่งยืน ตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ ชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) และการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ 3 ) ก า ร ต ร ว จ ร า ช ก า ร ห น ่ ว ย ง า น ที่รับผิดชอบ ตรวจติดตามการดำเนินงานตามภารกิจ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชน ครอบคลุมจำนวน 15 หน่วยงาน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามข้อสั่งการ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
รายงานประจ าปี 2565 59 | P a g e และสิ่งแวดล้อม รวมถึงผลักดันการแก้ไขปัญหา อุปสรรคสำคัญที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามขั้นตอนปกติ 4) การตรวจราชการตามเหตุการณ์ สถานการณ์ และการมอบหมายของผู้บังคับบัญชา ตรวจติดตามการดำเนินงานผลักดันการแก้ไขปัญหา ต่าง ๆ ตามนโยบายและข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่เขตตรวจราชการที่รับผิดชอบ ประกอบด้วย (1) การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (2) การแก้ไข ปัญหากรณีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ที่เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 และวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 (2) การจัดทำเขตบริหาร เพื่อการอนุรักษ์เพื่อประกอบแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา (3) การจัดการสิ่งแวดล้อมสีเขียวอย่างยั่งยืน ตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจ หมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) (4) การติดตามประเมินผลโครงการที่ได้รับการสนับสนุน เงินกองทุนสิ่งแวดล้อม และ (5) การติดตามเรื่องร้องเรียน 2. สนับสนุนการตรวจราชการตามแผนการ ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กองตรวจราชการ ได้สนับสนุนการตรวจ ร า ช ก า ร ข อ ง ค ณ ะ ผู้ต ร ว จ ร า ช ก า ร ก ร ะ ท ร ว ง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยการประชุมผ่านระบบ การประชุมทางไกล (VDO Conference) และลงพื้นที่ เพื่อตรวจติดตามผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค และผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะผู้ตรวจ ราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้ไว้กับหน่วยรับตรวจ ครอบคลุม 18 เขตตรวจ ราชการ และ 15 หน่วยงาน แบ่งเป็น 2 รอบ ดังนี้ รอบที่ 1 (Project and Progress Reviews) จำนวน 59 ครั้ง ระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม 2565 เพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และติดตามผลการดำเนินงานพร้อมปัญหาอุปสรรคจากการดำเนินงานของหน่วยรับตรวจ รอบที่ 2 (Monitoring and Evaluation) จำนวน 119 ครั้ง ระหว่างเดือนเมษายน – กันยายน 2565 เพื่อติดตามความก้าวหน้าพร้อมปัญหาอุปสรรคจากการดำเนินงานของหน่วยรับตรวจ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กันยายน 2565) ผลผลิตของงาน/โครงการ/กิจกรรมหลัก หน่วย นับ ผลผลิต ปี 2564 ผลผลิต ปี 2565 เป้าหมาย ปี 2566 1. แผนการตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 แผน 1 1 1 เล่ม 150 E-book E-book 2. การตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (1) เอกสารประกอบการตรวจราชการ ชุด 36 56 36 (2) รายงานสรุปผลการตรวจราชการ (รายครั้ง) ฉบับ 36 56 36 (3) รายงานสรุปผลการตรวจราชการ เสนอผู้บริหาร (รายรอบ) ฉบับ 2 2 2 (4) ข้อเสนอแนะของคณะผู้ตรวจราชการกระทรวง ข้อ 107 136 -
รายงานประจ าปี 2565 60 | P a g e ผลผลิตของงาน/โครงการ/กิจกรรมหลัก หน่วย นับ ผลผลิต ปี 2564 ผลผลิต ปี 2565 เป้าหมาย ปี 2566 3. การสนับสนุนการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการ แบบบูรณาการร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี (1) เอกสารประกอบการตรวจราชการ ชุด 36 43 18 (2) รายงานสรุปผลการเข้าร่วมการตรวจราชการ (รายครั้ง) ฉบับ 36 43 18 (3) รายงานสรุปภาพรวมการตรวจราชการแบบบูรณาการ (รายรอบ) ฉบับ 2 2 2 (4) ข้อเสนอแนะของคณะผู้ตรวจราชการกระทรวง ข้อ 6 19 - 4. การตรวจราชการหน่วยงานรับผิดชอบ (1) เอกสารประกอบการตรวจราชการ ชุด 15 23 15 (2) รายงานสรุปผลการเข้าร่วมการตรวจราชการ (รายครั้ง) ฉบับ 15 23 15 (3) ข้อเสนอแนะของคณะผู้ตรวจราชการกระทรวง ข้อ 19 92 - 5. การตรวจราชการตามเหตุการณ์ สถานการณ์ และการมอบหมายของผู้บัญชา และการร่วมงานสำคัญต่าง ๆ (1) เอกสารประกอบการตรวจราชการ ชุด 15 56 36 (2) รายงานสรุปผลการเข้าร่วมการตรวจราชการ (รายครั้ง) ฉบับ 15 56 36 (3) ข้อเสนอแนะของคณะผู้ตรวจราชการกระทรวง ข้อ 1 129 - 6.จัดทำรายงานผลการตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 รูปเล่ม เล่ม E-book 20 เล่ม E-book E-book กองตรวจราชการ สนับสนุนคณะผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งหน่วยงาน ส่วนกลางและหน่วยงานในพื้นที่ให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหา การดำเนินงานของหน่วยรับตรวจที่สำคัญ ดังนี้ 1) การติดตามเร่งรัดการจัดที่ดินทำกิน ให้ชุมชนในพื้นที่ลุ่มน้ำ 3,4,5(อยู่ก่อน 30 มิถุนายน 2541) และการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 3,960,476 ไร่ อนุญาตแล้ว จำนวน 1,126,809 ไร่ อยู่ระหว่างการอนุญาต จำนวน 2,543,752 ไร่ และยังไม่เสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการนโยบาย ที่ดินจังหวัด จำนวน 1,910 ไร่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ ทับซ้อนกับหน่วยงานอื่นจึงต้องตรวจสอบพื้นที่ ให้มีความชัดเจน พบในจังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดนครพนม และมีการยกเลิกจำนวน 1 พื้นที่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งจากการตรวจราชการพบว่า พื้นที่เป้าหมายที่ส่วนใหญ่ ผ่านความเห็นชอบในหลักการจากคณะกรรมการ พิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังคงมีพื้นที่เป้าหมาย บางส่วนที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมจังหวัด และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ รวบรวมเอกสารหลักฐานประกอบการขออนุญาต ไม่ครบถ้วน จึงเห็นควรให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัด และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้
รายงานประจ าปี 2565 61 | P a g e เร่งรัดจัดส่งเอกสารให้กรมป่าไม้ ภายในเดือนกันยายน 2565 เพื่อดำเนินการพิจารณาอนุญาตการใช้ประโยชน์ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติต่อไป 2) โครงการปลูกป่าเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟู ป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน และป้องกันไฟป่า มีพื้นที่เป้าหมาย ทั้งหมด จำนวน 400,000 ไร่ ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 353,821.51 ไร่ อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 46,178.49 ไร่ ซึ่งยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจาก การปลูกป่าแบบจิตอาสาไม่มีการกำหนดพื้นที่ ดำเนินการที่ชัดเจน และต้องอาศัยความร่วมมือ จากประชาชนเป็นหลัก รวมทั้งไม่มีงบประมาณ ในการบำรุงรักษาในปีถัดไป จึงเห็นควรให้กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่ง ส่งเสริมการปลูกไม้ผล ซึ่งเป็น ไม้เศรษฐกิจแบบผสมผสานเพื่อให้ประชาชนสามารถ นำไปจำหน่ายและสร้างรายได้ และเป็นการสร้างแรงจูงใจ ให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ควรจัดทำข้อมูลพิกัดแปลงปลูกให้มีความชัดเจน และกำหนดเงื่อนไขให้ภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ แบบ CSR สนับสนุนงบประมาณในการบำรุงดูแลรักษา จนถึงระยะเวลาที่ต้นไม้สามารถเติบโตได้เอง ตามธรรมชาติ 3) การจัดหาแหล่งน้ำต้นทุนผิวดิน และแหล่งน้ำบาดาล โดยดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เป้าหมายจำนวน 232 แห่ง ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 120 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 51.72 ซึ่งยังไม่ เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากโครงการบางแห่ง มีพื้นที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น ทำให้ต้องปรับแผน และใช้เวลาในการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ รวมทั้งการลงนามในสัญญาล่าช้า เนื่องจากผู้ยื่นเสนอราคา ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกได้ยื่นอุทธรณ์ไปยังกรมบัญชีกลาง จึงเห็นควรให้กรมทรัพยากร น้ำจัดทำ TOR และดำเนินงานในขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน เดือนตุลาคมของทุกปีและเห็นควรให้ยื่นขออนุญาต ใช้ประโยชน์พื้นที่ไว้ล่วงหน้าก่อนได้รับการจัดสรร งบประมาณ และตรวจสอบพื้นที่ดำเนินการ ว่าเป็นประเภทใดบ้าง เช่น ที่ราชพัสดุ พื้นที่ป่า ฯลฯ เพื่อขออนุญาตหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ ให้ครอบคลุมครบถ้วน สำหรับโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร และการอุปโภคบริโภค เป้าหมายจำนวน 281 แห่ง ดำเนินการแล้วเสร็จตามเป้าหมาย คิดเป็นร้อยละ 100 ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ดำเนินโครงการ เติมน้ำใต้ดินระดับตื้น ซึ่งพบว่าการประเมินผลสำเร็จ ของโครงการยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยไม่มีการ สรุปผลการทดสอบการสูบน้ำจากบ่อเติมน้ำที่สามารถ บ่งชี้ประสิทธิภาพของการเติมน้ำใต้ดินที่ชัดเจน จึงเห็นควรให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ติดตาม ประเมินผลการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดิน รวมทั้ง ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลด้านวิชาการ เช่น ปริมาณ น้ำต้นทุนรายจังหวัด ศักยภาพ/คุณภาพน้ำบาดาล เป็นต้น ให้กับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพื่อนำไปใช้ในการบริหารจัดการ และสามารถคาดการณ์แนวโน้มระดับน้ำบาดาล ในพื้นที่จังหวัดให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ควบคู่กับ การอนุรักษ์ให้เกิดความยั่งยืน 4) การแก้ไขมลพิษทางอากาศ พบว่า เดือนที่มีจุดความร้อนสูงสุดในปี 2565 คือ เดือนมีนาคม จำนวน 7,273 จุด รองลงมาเดือนกุมภาพันธ์ จำนวน 5,839 จุด และเดือนเมษายน จำนวน 4,547 จุด แต่หากเปรียบเทียบปริมาณจุดความร้อน Hotspot (VIIRS) ระหว่าง ปี 2565 กับ ปี 2564 พบว่า ลดลง คิดเป็นร้อยละ 63.47 จึงเห็นควรให้กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณา ทบทวนระเบียบ/กฎหมายการเก็บขนเศษวัสดุในพื้นที่ป่า และการซื้อ – ขายเชื้อเพลิงเชิงพาณิชย์ภายใต้ การดำเนินโครงการชิงเก็บ ลดเผาเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง
รายงานประจ าปี 2565 62 | P a g e ในการดำเนินโครงการ รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชน ลงทะเบียนการจัดการเชื้อเพลิง (Burn Check) เพื่อควบคุมปัญหาไฟป่าหมอกควันในพื้นที่สำหรับ การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 กรมควบคุมมลพิษ มีแผนดำเนินการติดตั้งสถานี ตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติเพิ่มเติม จำนวน 9 จังหวัด และปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 12 จังหวัด ซึ่งจะครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด (ติดตั้ง เรียบร้อยแล้ว จำนวน 76 จังหวัด) จึงเห็นควรให้ กรมควบคุมมลพิษ ติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ แบบอัตโนมัติให้ครอบคลุมในพื้นที่เสี่ยงภัย และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความเชื่อถือข้อมูล คุณภาพอากาศจากการตรวจวัดของสถานีตรวจวัด คุณภาพอากาศ ที่ดำเนินการติดตั้งโดยกรมควบคุมมลพิษ ซี่งมีความเสถียรและได้มาตรฐาน รวมถึงเสริมสร้าง องค์ความรู้ให้กับภาคเอกชนและประชาชนเกี่ยวกับ การใช้เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศประเภท Low Cost Sensor และการบำรุงรักษาวัสดุ อุปกรณ์ เพื่อให้ระบบคงความแม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การตรวจราชการประจำปีของคณะผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำแนก ตามภารกิจหลัก ๆ ได้แก่ 1) การตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 2) การตรวจราชการภารกิจเร่งด่วน ตามเหตุการณ์ สถานการณ์ และการมอบหมายของผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็น การตรวจเพิ่มเติมนอกเหนือจากแผน และต้องเร่งรัดดำเนินงานภายในระยะเวลาที่จำกัด จึงทำให้บางครั้งมีผลกระทบ กับการตรวจราชการตามแผนปกติที่ได้กำหนดแผนและนัดหมายหน่วยรับตรวจต้องเลื่อนออกไป รวมถึงต้องปรับ แผนการตรวจเป็นระยะ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 คณะผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายภารกิจเร่งด่วนอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ต้องใช้งบประมาณจากการตรวจราชการปกติ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตรวจติดตามงานที่ได้รับมอบหมายเพิ่มเติม จึงทำให้งบประมาณไม่เพียงพอต่อการลงพื้นที่ ตรวจราชการ ผู้บริหาร ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ หน่วยรับตรวจ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญและเล็งเห็น ถึงประโยชน์ของการตรวจราชการ ส่งผลให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงาน และร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมทั้งข้อเสนอแนะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เห็นผลเป็นรูปธรรม และนำปัจจัยความสำเร็จจากปีที่ผ่านมาเป็นต้นแบบ ในการขับเคลื่อนการตรวจราชการของปีถัดไป ควรจัดทำแผนการตรวจราชการเน้นประเด็นสำคัญเร่งด่วน ตามเหตุการณ์ สถานการณ์ปัจจุบัน สอดรับกับ นโยบายกระทรวงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนโยบายสำคัญของรัฐบาล ประกอบกับ ควรคาดการณ์แนมโน้มสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อประกอบการกำหนดประเด็นการตรวจติดตามเชิงรุก รวมถึงสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควรตั้งกรอบวงเงินงบประมาณให้กับผู้บริหาร กรณีได้รับมอบหมายภารกิจพิเศษเพื่อใช้วงเงินดังกล่าวเป็นการเฉพาะ
รายงานประจ าปี 2565 63 | P a g e 1. การตรวจราชการ รอบที่ 1
รายงานประจ าปี 2565 64 | P a g e 2. การตรวจราชการ รอบที่ 2
รายงานประจ าปี 2565 65 | P a g e
รายงานประจ าปี 2565 66 | P a g e รัฐบาลให้ความสำคัญในการดูแลคุณภาพชีวิต ให้กับประชาชนโดยการกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไข ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะ เรื่องสิทธิในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการ ตามนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับคุณภาพชีวิต ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น โดยการอนุรักษ์ และฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการ จัดการการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งการดำเนินงานอาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ดั้งเดิมของประชาชน จึงมีข้อเรียกร้องให้ หน่วยงานภาครัฐดำเนินการแก้ไขปัญหา กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นถึงความสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้กำหนดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน จำนวน 8 ช่องทาง ดังนี้ (1) ผู้ร้องเรียนทำหนังสือร้องเรียนมาที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (2) ผู้ร้องเรียนแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านระบบ รับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และส่งต่อมาที่ระบบ e-Petition ของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (3) ผู้ร้องเรียนโทรมาที่สายด่วนรัฐบาล 1111 และเจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำเข้าระบบรับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักงานปลัดสำนัก นายกรัฐมนตรี และส่งต่อมาที่ระบบ e-Petition ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (4) ผู้ร้องเรียนเดินทางมายื่นเรื่องที่สำนักงาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำเข้าระบบร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและส่งต่อมาที่ ระบบ e-Petition ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (5) ผู้ร้องเรียนโทรมาที่ Green Call 1310 และเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการร่วมกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเข้าระบบ e-Petition ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (6) ผู้ร้องเรียนแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านระบบ e-Petition ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมด้วยตนเอง (7) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือหน่วยงานอื่น ๆ ส่งหนังสือแจ้งเรื่องร้องเรียนมาที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (8) ผู้ร้องเรียน/องค์กรภาคประชาช น มายื่นเรื่องร้องเรียนด้วยตนเองที่ศูนย์บริการร่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชั้น 1 อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก 8 ช่องทาง สรุปได้ดังนี้ 1) ตารางสรุปเรื่องร้องเรียน แบ่งตามภูมิภาค ภาค จำนวน (เรื่อง) คิดเป็นร้อยละ ภาคเหนือ 151 17.12 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 159 18.03 ภาคตะวันออก 73 8.28 ภาคกลาง 324 36.73 ภาคใต้ 175 19.84 รวม 882 100
รายงานประจ าปี 2565 67 | P a g e 2) ตารางสรุปเรื่องร้องเรียน แบ่งตามประเภทเรื่องร้องเรียน ประเภทเรื่องร้องเรียน จำนวน (เรื่อง) คิดเป็นร้อยละ 2.1) เรื่องฝุ่นละออง/ควัน/กลิ่น/เสียง 186 21.09 2.2) เรื่องอื่นๆ เช่น ขอให้ทบทวนการออก กฎหมายลำดับรองของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช/คัดค้านการดำเนิน โครงการต่างๆ ในพื้นที่ป่า/ขอให้ตรวจสอบ การลักลอบขโมยรังนก เป็นต้น 127 14.40 2.3) เรื่องสิทธิทำกินในพื้นที่ป่าไม้ 112 12.70 2.4) เรื่องบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ 105 11.90 2.5) เรื่องแนะนำ/ให้ข้อเสนอแนะ 65 7.37 ข้อมูล ณ วันที่ 20 กันยายน 2565
68 | P a g e 1. กลุ่มมวลชนหลักๆ ที่ยื่นข้อเรียกร้องขอให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการแก้ไขปัญหา ดังนี้ 1) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) (P-Move) 2) กลุ่มสมัชชาคนจน (สคจ.) 3) กลุ่มสมัชชาเกษตรกรภาคอีสาน 4) กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากร และทองคำ ขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหาข้อพิพาทสิทธิ ในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยที่มีคำขอและอาชญาบัตรพิเศษ สำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ลพบุรี และสระบุรี และคัดค้าน การนำที่ดินเข้าโครงการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ 2. การดำเนินการแก้ไขปัญหาของกลุ่มมวลชน ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ได้ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา ของกลุ่มมวลชน ดังนี้ 1) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) (P-Move) (1) แ ต ่ ง ต ั ้ ง ค ณ ะ อ น ุ ก ร ร ม ก า ร / คณะทำงาน ดังนี้ (1.1) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไข ปัญหาที่ดินที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานอนุกรรมการ และมีผู้อำนวยการสำนัก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ เป็นอนุกรรมการและเลขานุการร่วม และภายใต้ คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน จำนวน 2 คณะ ดังนี้ (1.1.1) คณะทำงานติดตาม การแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคม ที่เป็นธรรม โดยมีรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (นายจงคล้าย วรพงศธร) เป็นประธาน คณะทำงาน และมีผู้อำนวยการสำนัก กรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ เป็นคณะทำงานและเลขานุการร่วม เพื่อเร่งรัดติดตาม การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร และเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา (1.1.2) คณะทำงานตรวจสอบ ข้อเท็จจริง โดยมีหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายปรมินทร์ วงศ์สุวัฒน์) เป็นประธานคณะทำงาน และผู้อำนวยการ สำนัก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้เป็นคณะทำงานและเลขานุการร่วม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีปัญหาคดีความ ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายทวงคืนผืนป่าและการบังคับใช้ กฎหมายระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคม ที่เป็นธรรม (1.2) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไข ปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ ทางจิตวิญญาณ ของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและ ชาวกะเหรี่ยง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน อนุกรรมการ และมีผู้อำนวยการกองตรวจราชการ เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ และภายใต้ คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน จำนวน 1คณะ คือ คณะทำงานติดตามการแก้ไขปัญหา ความมั่นคงในที่อยู่อาศัยพื้นที่ทำกิน และพื้นที่ ทางจิตวิญญาณของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง โดยมีรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม (นายจงคล้าย วรพงศธร) เป็นประธาน คณะทำงาน และมีผู้อำนวยการกองตรวจราชการ เป็นคณะทำงานและเลขานุการ เพื่อติดตามผลการ ดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 และเมื่อวันที่ 3สิงหาคม 2553 แนวนโยบายการฟื้นฟู วิถีชีวิตชาวเลและชาวกะเหรี่ยง ปัจจุบัน ได้มีหนังสือ
รายงานประจ าปี 2565 69 | P a g e คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม ที่ นร 0105.04/1816 ลงวันที่ 11สิงหาคม 2565 ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ แก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล และชาวกะเหรี่ยง (2) การตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทาง การแก้ไขปัญหา ดังนี้ (2.1) ห ั ว ห น ้ า ผ ู ้ ต ร ว จ ร า ช ก า ร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายปรมินทร์ วงศ์สุวัฒน์) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีปัญหาเร่งด่วนของขบวนการประชาชนเพื่อสังคม ที่เป็นธรรม จำนวน 1 ครั้ง คือ พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ ป่าห้วยศาลา พื้นที่บ้านจะแวะ ตำบลกันทรอม และบริเวณภูติ๊กต๊อก ตำบลห้วยจันทร์ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ 2) กลุ่มสมัชชาคนจน (สคจ.) กรณีปัญหามีทั้งหมด 5 กรณี ได้แก่ (1) กรณีปัญหาการตัดโค่นต้นยางพาราที่หมดสภาพ เพื่อปลูกใหม่ ในพื้นที่จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง และจังหวัดนครศรีธรรมราช (2) กรณีพื้นที่เตรียมการ ประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่ากุดทิง ตำบลโนนสมบูรณ์ ตำบลบึงกาฬ ตำบลโคกก่อง อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ (3) กรณีปัญหาป่าสงวนแห่งชาติป่าดงใหญ่ (บ้านเก้าบาตร) ตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์(4) กรณีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ ภูผาเหล็ก ทับที่ดินทำกินของราษฎร อำเภอวาริชภูมิ อำเภอนิคมน้ำอูน และอำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร และ (5) กรณีปัญหาราษฎรได้รับผลกระทบจาก แผนปฏิบัติการทวงคืน (พลิกฟื้น) ผืนป่าชายเลน ตามนโยบายทวงคืนผืนป่าชายเลน ท้องที่หมู่ที่ 9 บ้านปากน้ำท่าเคย ตำบลท่าเคย อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื่องจากประเด็นข้อเรียกร้องดังกล่าว เป็นประเด็นปัญหากรณีเร่งด่วนของสมัชชาคนจน ในคราวประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของสมัชชา คนจน ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 และการประชุมคณะอนุกรรมการประสานงานเร่งรัด ต ิ ด ต า ม ก า ร แ ก ้ ไ ข ป ั ญ ห า ข อ ง ส ม ั ช ช า ค น จน ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการหน่วยงานในสังกัดพิจารณาเร่งรัดดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ของสมัชชาคนจนต่อไป 3) กลุ่มสมัชชาเกษตรกรภาคอีสาน (สกอ.) กรณีปัญหามีทั้งหมด 7 กรณี สามารถ ดำเนินการได้สำเร็จ 1 กรณี คือ ราษฎรกลุ่มสมัชชา เกษตรกรภาคอีสาน ร้องขอที่ทำกินในพื้นที่สวนป่าสมเด็จ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยคณะอนุกรรมการ จัดหาที่ดิน กรมป่าไม้ ได้ส่งมอบพื้นเป้าหมาย ได้แก่ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่านาจารและป่าดงขวาง จังหวัด กาฬสินธุ์ 900 ไร่ ซึ่งจะดำเนินการจัดที่ดินทำกิน ให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลให้กรมที่ดิน ในฐานะเลขานุการ คณะอนุกรรมการจัดที่ดินดำเนินการต่อไปแล้ว 4) กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ นำโดย นางอารมย์ คำจริง และนางวันเพ็ญ พรมรังสรรค์ ขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหาข้อพิพาทสิทธิในที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย โดยคัดค้านการนำที่ดิน ส.ป.ก. และที่ดินนิคมสหกรณ์ของประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ลพบุรี และสระบุรี เพื่อเข้าร่วมโครงการคณะกรรมการ นโยบายที่ดินแห่งชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้กรมป่าไม้ดำเนินการและประสาน นางอารมย์ คำจริง และนางวันเพ็ญ พรมรังสรรค์ แกนนำกลุ่มประชาคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ และผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน จัดทำประเด็นความเดือดร้อน
รายงานประจ าปี 2565 70 | P a g e และความต้องการในแต่ละจังหวัดให้ชัดเจน และ เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดิน ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ซึ่งกำหนดให้ มีการประชุมในวันที่ 4 ตุลาคม 2565 เพื่อหาแนวทาง ในการแก้ไขปัญหาก่อนการประชุมต่อไป กองตรวจราชการได้รับเรื่องร้องเรียน และประสานส่งเรื่องให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงาน ภายนอก ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง จำนวน ทั้งสิ้น 882 เรื่อง กองตรวจราชการ ได้ขับเคลื่อนการแก้ไข ปัญหาเรื่องร้องเรียนของประชาชนโดยการประสาน ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในสังกัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงาน ภายนอก เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มมวลชน ซึ่งเป็นการรวมตัวกัน ของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ได้เดินทาง มายื่นหนังสือร้องเรียนที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จากการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหา เรื่องร้องเรียนที่ผ่านมา สามารถแก้ไขปัญหาให้กับ ผู้ร้องเรียนได้อย่างรวดเร็ว และมีการผลักดันการแก้ไข ปัญหาในการจัดที่ดินทำกินให้ราษฎร เข้าสู่กระบวนการ จัดที่ดินทำกินตามแนวทางคณะกรรมการนโยบาย ที่ดินแห่งชาติ เพื่อให้ราษฎรมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นต่อไป การแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนบางกรณี ยังมีความล่าช้า อาจเนื่องจากหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย มีภารกิจต้องดำเนินการจำนวนมากเช่นกัน และบางกรณี ข้อร้องเรียนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขระเบียบ กฎหมาย ซึ่งหน่วยงานเจ้าของกฎหมายจะต้องพิจารณา ด้วยความรอบคอบ จึงอาจใช้ระยะเวลาในการ ดำเนินการ เอกสารเรื่องร้องเรียนบางเรื่องที่มีการกล่าวอ้าง ถึงข้อกฎหมาย พระราชบัญญัติต่าง ๆ และมีข้อมูล รายละเอียดในด้านเทคนิค เช่น กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การถ่ายทอดแนวเขตที่ดิน ทำให้ต้องใช้เวลา ในการอ่านและตีความเอกสาร หรือต้องขอความรู้ จากเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานโดยตรง จึงจะสามารถ สรุปเรื่องร้องเรียนได้ถูกต้องครบถ้วน ผู้บริหารให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหา เรื่องร้องเรียน โดยมีนโยบายให้มีการติดตามเร่งรัด หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายลงพื้นที่ตรวจสอบ ข้อเท็จจริง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาพร้อมกับ รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในระยะเวลา ที่เหมาะสม รวมถึงมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ และคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชนให้สำเร็จโดยเร็ว ควรมอบหมายให้ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน ระดับกรมให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหา เรื่องร้องเรียน โดยเฉพาะกรณีที่มีกลุ่มมวลชนมาชุมนุม ร้องเรียนที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานระดับกรม ที่เกี่ยวข้องกับข้อร้องเรียนดังกล่าวซึ่งมีอำนาจตัดสินใจ มารับฟังและเจรจากับกลุ่มมวลชนด้วยตนเอง จะมีส่วนช่วยให้สถานการณ์การชุมนุมร้องเรียน คลี่คลายได้โดยเร็ว
รายงานประจ าปี 2565 71 | P a g e
รายงานประจ าปี 2565 72 | P a g e
รายงานประจ าปี 2565 73 | P a g e
รายงานประจ าปี 2565 74 | P a g e งานตรวจสอบภายในเป็นเครื่องมือหรือผู้ช่วย ที่สำคัญของผู้บริหารในการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงาน ในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการที่ดีในหน่วยงาน จึงย่อมได้รับการคาดหวังจากผู้บริหารของหน่วยงาน ในการให้ข้อเสนอแนะและการรายงานต่าง ๆ เพื่อใช้ในการบริหารสั่งการและกำกับการปฏิบัติงาน ของหน่วยงานจะสำเร็จบรรลุเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ ที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตาม หลักธรรมาภิบาล มีการบริหารจัดการที่ดีจากเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งจะก่อให้เกิดการกำกับดูแลที่ดี และมีการพัฒนาหน่วยงานอย่างยั่งยืน : ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กลุ่มตรวจสอบภายใน ดำเนินงานเพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานของหน่วยงาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ดังนี้ 1. ด้านการตรวจสอบภายใน 1.1 งานให้ความเชื่อมั่น (Assurance Service) เป็นการตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ อย่างเที่ยงธรรม เพื่อให้ได้มาซึ่งการประเมินผลอย่างอิสระในกระบวนการ กำกับดูแล การบริหารความเสี่ยงและการควบคุม ของหน่วยงานของรัฐ เช่น การตรวจสอบการเงิน (Financial Audit) การตรวจสอบการปฏิบัติตาม กฎ ระเบียบ (Compliance Audit) การตรวจสอบ การดำเนินงาน (Performance Audit) และการ ตรวจสอบอื่น ๆ เป็นต้น 1.1.1 การตรวจสอบตามแผนการ ตรวจสอบประจำปี ประกอบด้วย 1) การตรวจสอบด้าน Financial & Compliance Auditing กองกลาง สำนักงานปลัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านพัสดุ -การตรวจสอบการปฏิบัติงาน จัดซื้อจัดจ้างตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ด้านการเงิน การบัญชี - การบริหารงานด้านการเงิน การบัญชี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - การตรวจสอบการรับ – จ่ายเงิน - นำส่งเงิน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-payment) และระบบ GFMIS ผ่าน KTB Corporate Online ด้านยานพาหนะ - การตรวจสอบการบริหาร รถยนต์ราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 2) การตรวจสอบด้าน Performance Audit ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - โครงการพัฒนาระบบ บริหารจัดการคลังข้อมูลภูมิสารสนเทศด้านทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี - โครงการปฏิรูปการบริหาร จัดการทรัพยากรแร่ กิจกรรมค่าใช้จ่ายในการปฏิรูป การบริหารจัดการทรัพยากรแร่
รายงานประจ าปี 2565 75 | P a g e กรมทรัพยากรน้ำบาดาล -โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล ส่งเสริมการดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 1.2 งานให้คำปรึกษา (Consulting Audit) การบริการให้คำปรึกษา แนะนำ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 หน่วยงานเข้ารับการบริการขอคำปรึกษา ให้ความเห็นในข้อพิจารณารวมทั้งสิ้น 46 เรื่อง 1.3 การปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย 1.3.1 การสรุปรายงานผลการตรวจสอบ และข้อเสนอแนะของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่เข้าตรวจสอบหน่วยรับตรวจในสังกัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมติดตามผล การแก้ไขตามข้อทักท้วงและข้อเสนอแนะ 1.3.2 จัดทำรายงานสรุปผลการตรวจสอบ ของผู้ตรวจสอบภายในจังหวัดที่เข้าตรวจสอบ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งติดตามผลการแก้ไข ตามข้อเสนอแนะ 1.3.3 ประเมินระบบการควบคุมภายใน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 1.3.4 งานสอบบัญชีกองทุนสวัสดิการ สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงิน พร้อมข้อเสนอแนะในฐานะผู้สอบบัญชี 1.3.5 ตรวจสอบการใช้จ่ายค่าสาธารณูปโภค ค้างชำระในภาพรวมของกระทรวง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 พร้อมทั้งรายงานให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบ 1.3.6 รายงานสรุปผลการดำเนินการ ตามข้อเสนอแนะจากการตรวจสอบการจัดเก็บรายได้ ค่าใช้น้ำบาดาลและค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล ของสำนักงาน ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2. ด้านการสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการ ตรวจสอบและประเมินผลประจำกระทรวง (ค.ต.ป.ทส.) 2.1 การจัดประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ และประเมินผลประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ค.ต.ป.ทส. ประจำเดือน 2. 2 การตรว จสอบและประเมินผล ในประเด็นการตรวจสอบหลักตามห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) และประเด็นการตรวจสอบตามภารกิจ กระทรวงตามที่คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผล ประจำกระทรวงสำนักงานคณะสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาระบบราชการกำหนดแนวทางการตรวจสอบ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดังนี้ (1) ประเด็นการตรวจสอบหลัก ตามห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) - การส่งเสริมและการพัฒนา แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติคุณภาพสูง - การบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไข ปัญหาภัยพิบัติ (2) ประเด็นการตรวจสอบตามภารกิจ กระทรวง - ประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการ นอกสถานที่ตั้งหรือการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ของส่วนราชการ -การปฏิรูประบบการบริหารจัดการ เขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด 2.3 คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผล ประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่การปฏิบัติงานเพื่อติดตามตรวจสอบในแต่ละ ประเด็นที่กำหนดนอกเหนือจากการตรวจสอบติดตาม จากการประชุมประจำเดือน ดังต่อไปนี้
รายงานประจ าปี 2565 76 | P a g e (1) ประเด็น : การส่งเสริมและพัฒนา แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติคุณภาพสูง หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรธรณี - ลงพื้นที่ตรวจสอบ ติดตาม ผลการดำเนินงาน รับฟังปัญหา อุปสรรคการดำเนินงาน โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และวัฒนธรรม ของอุทยานธรณีโคราช และบ้านส้มกบงาม อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 19 – 20 พฤษภาคม 2565 (2) ประเด็น : การบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากร น้ำบาดาล - ลงพื้นที่ตรวจสอบ ติดตาม ผลการ ดำเนินงาน รับฟังปัญหา อุปสรรคการดำเนินงาน โครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำด้วยพลังงาน แสงอาทิตย์ บึงพระ ตำบลท่าลาดยาว อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 19 –20 พฤษภาคม 2565 - ตรวจสอบ ติดตาม ผลการ ดำเนินงาน รับฟังปัญหา อุปสรรคการดำเนินงาน โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ พื้นที่ 120 ไร่ บ้านโนนสำโรง ตำบลลำนางแก้ว อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 19 – 20 พฤษภาคม 2565 (3) ประเด็น : การปฏิรูประบบการบริหาร จัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผล ประจำกระทรวงได้เข้าร่วมรับฟังการระดมความคิดเห็น ต่อการพิจารณาความเหมาะสมในการยกเลิก เขตควบคุมมลพิษตามแผนการปฏิรูปประเทศ ของเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ในการหารือ กลุ่มย่อยเมื่อวันที่ 7 - 8 มีนาคม 2565 ผ่านระบบ ออนไลน์ Zoom Cloud Meeting ของกลุ่มเป้าหมาย องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มเป้าหมาย ภาครัฐระดับจังหวัด 2.4 รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผล ภาคราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตามกรอบแนวทางการรายงานผลการตรวจสอบ และประเมินผลที่คณะกรรมการตรวจสอบ และประเมินผลประจำกระทรวง สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการกำหนด ดังนี้ คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผล ประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผล ภาคราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 รอบ 6 เดือน ของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลประจำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตามหนังสือ ที่ ทส 0208/122 และ 0208/123 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2565 ซึ่งทางคณะกรรมการ ตรวจสอบและประเมินผลประจำกระทรวง สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการกำหนดให้ คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลประจำ กระทรวง นำเข้ารายงานผ่านระบบสารสนเทศการ ตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ระบบ PAEC) และเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 ได้ดำเนินการ เรียบร้อยแล้ว จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ 1) การปฏิรูป ระบบการบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณี เขตควบคุมมลพิษมาบตาพุด และ 2) ประสิทธิภาพ การปฏิบัติราชการนอกสถานที่ตั้งหรือการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ของส่วนราชการ คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผล ประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผล ภาคราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 รอบ 12 เดือน ดังนี้
รายงานประจ าปี 2565 77 | P a g e (1) ตามหนังสือ กตน. สป.ทส. ที่ ทส 0208/267 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 เรื่อง รายงาน ผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในประเด็น การตรวจสอบหลักตามห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เรื่อง การส่งเสริมและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทางธรรมชาติคุณภาพสูง และการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ เสนอประธานกรรมการ ตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการประจำ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (2) ตามหนังสือ กตน. สป.ทส. ที่ ทส 0208/348 ลงวันที่ 23 กันยายน 2565 เรื่อง รายงาน ผลการตรวจสอบและประเมินผลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ฉบับสมบูรณ์) ในประเด็นการตรวจสอบ ตามภารกิจกระทรวง เรื่อง ประสิทธิภาพการปฏิบัติ ราชการนอกสถานที่ตั้งหรือการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ของส่วนราชการ และการปฏิรูประบบ การบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุม มลพิษมาบตาพุด เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (3) ตามหนังสือ กตน.สป.ทส. ที่ ทส 0208/350 ลงวันที่ 26 กันยายน 2565 รายงานผล การตรวจสอบและประเมินผลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ฉบับสมบูรณ์) ในประเด็นการตรวจสอบ ตามภารกิจกระทรวง เรื่องประสิทธิภาพการปฏิบัติ ราชการนอกสถานที่ตั้งหรือการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ของส่วนราชการ และการปฏิรูประบบ การบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ กรณีเขตควบคุม มลพิษมาบตาพุด สำเนารายงานเสนอปลัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2.5 คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผล ประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประเมินตนเองผ่านทาง http://paec.opdc.go.th ในรอบ 6 เดือน และ 12 เดือน
รายงานประจ าปี 2565 78 | P a g e ผลผลิตของงาน/โครงการ/กิจกรรมหลัก หน่วยนับ ผลผลิตปี 64 เป้าหมายปี 65 ผลผลิตปี 65 1. หน่วยงานที่ได้รับการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงาน - ตรวจสอบการบริหารด้านการเงิน การบัญชี และปฏิบัติตามกฎระเบียบ - ตรวจสอบการดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบ บ ร ิ ห า ร จ ั ด ก า ร ค ล ั ง ข ้ อ ม ู ล ภ ู ม ิ ส า ร ส น เ ท ศ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - ตรวจสอบการดำเนินงานโครงการปฏิรูปการบริหาร จัดการทรัพยากรแร่ กิจกรรมค่าใช้จ่ายในการปฏิรูป การบริหารจัดการทรัพยากรแร่ -ตรวจสอบการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล ส่งเสริมการดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 หน่วยงาน หน่วยงาน หน่วยงาน หน่วยงาน 7 1 1 1 3 1 1 1 3 1 1 1 2. การสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการ ตรวจสอบและประเมินผลประจำกระทรวง (ค.ต.ป.ทส.) 2.1 การจัดประชุม ค.ต.ป. 2.2 การจัดทำรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผล ภาคราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 รอบ 6 เดือน 2.3 การจัดทำรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผล ภาคราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 รอบ 12 เดือน (ฉบับสมบูรณ์) 2.4 รายงานการประเมินตนเองของคณะกรรมการ ตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ครั้ง ครั้ง รายงาน ครั้ง รายงาน ครั้ง 12 1 3 1 3 2 12 1 2 1 4 2 12 1 2 1 4 2 1. เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง เป็นไปตามกฎ ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง 2. หน่วยงานสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด 3. ผู้บริหารเกิดความมั่นใจต่อความมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของการดำเนินงานและเป็นไปตามหลักการบริหาร บ้านเมืองที่ดี
รายงานประจ าปี 2565 79 | P a g e 1. บุคลากรมีความรู้ความเข้าใจในระเบียบปฏิบัติไม่ครอบคลุมทุกด้าน เนื่องจากกฎระเบียบ ข้อบังคับ และวิธีปฏิบัติมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน 2. การพัฒนาองค์ความรู้ในการเข้ารับการอบรมจากหน่วยงานกลาง (กรมบัญชีกลาง) ยังมีไม่เพียงพอ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 1. การให้ความสำคัญของผู้บริหาร และการประสานความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอก (กรมบัญชีกลาง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน) ในการให้คำปรึกษาหารือ 2. หน่วยงานกลาง (กรมบัญชีกลาง) ได้กำหนดหลักเกณฑ์แนวทางปฏิบัติการตรวจสอบภายในและหลักเกณฑ์ การประกันคุณภาพงานตรวจสอบภายในให้เป็นมาตรฐานสากล สร้างความน่าเชื่อถือต่อการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน 1. ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรได้เข้ารับการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มพูนความรู้อย่างต่อเนื่อง สามารถ ถ่ายทอดความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ 2. ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จัดทำคู่มือและการสอนงานภายในหน่วยงานอย่างสม่ำเสมอ 3. ศึกษา ข้อกฎหมาย ระเบียบ แนวทางการปฏิบัติที่หน่วยงานกลาง (กรมบัญชีกลาง) กำหนด และนำมาใช้ประโยชน์ให้เป็นปัจจุบัน
รายงานประจ าปี 2565 80 | P a g e กลุ่มตรวจสอบภายใน ทำการเปิดตรวจการปฏิบัติงานด้านการเงิน การบัญชี และการปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ (Financial & Compliance Auditing) ของกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 - 28 มกราคม 2565 ได้รับความร่วมมือจากกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี ภาพการเปิดตรวจ
รายงานประจ าปี 2565 81 | P a g e
รายงานประจ าปี 2565 82 | P a g e กลุ่มตรวจสอบภายใน โดยส่วนตรวจสอบ 1 และส่วนตรวจสอบ 2 ทำการเปิดตรวจการปฏิบัติงานตรวจสอบ ด้าน Performance Auditing โครงการปฏิรูปการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ กิจกรรมค่าใช้จ่ายในการปฏิรูป การบริหารจัดการทรัพยากรแร่ ของกรมทรัพยากรธรณี และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลส่งเสริมการดำเนินงาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กำหนดเข้าตรวจสอบ ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2565 - 29 กรกฎาคม 2565 กลุ่มตรวจสอบภายใน โดยส่วนตรวจสอบ 3 ทำการเปิดตรวจการปฏิบัติงานตรวจสอบ ด้าน Performance Auditing ตรวจสอบโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการคลังข้อมูลภูมิสารสนเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กำหนดเข้าตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2565 - 15 กรกฎาคม 2565
รายงานประจ าปี 2565 83 | P a g e กลุ่มตรวจสอบภายใน สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยส่วนตรวจสอบ 2 ลงพื้นที่ตามแผนการตรวจสอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อตรวจสอบ การดำเนินงานตรวจสอบโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลส่งเสริมการดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2564 ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี และนครปฐม ระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม 2565 โดยการดำเนินงานตรวจสอบได้รับความร่วมมือจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในการอำนวย ความสะดวกในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างดี การลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี การลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี
รายงานประจ าปี 2565 84 | P a g e การลงพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม
รายงานประจ าปี 2565 85 | P a g e คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ การปฏิบัติงานเพื่อติดตามตรวจสอบประเด็นการตรวจสอบย่อยตามห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ด้านเศรษฐกิจ ในจังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 19 - 20 พฤษภาคม 2565 ประเด็น : การส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติคุณภาพสูง (กรมทรัพยากรธรณี) - ตรวจสอบ ติดตาม ผลการดำเนินงาน รับฟังปัญหา อุปสรรคการดำเนินงาน โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม ของอุทยานธรณีโคราช และบ้านส้มกบงาม อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ประเด็น : การบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ(กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล) - ตรวจสอบ ติดตามผลการดำเนินงาน รับฟังปัญหา อุปสรรคการดำเนินงานโครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำ ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ บึงพระ ตำบลท่าลาดยาว อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา - ตรวจสอบ ติดตามผลการดำเนินงาน รับฟังปัญหา อุปสรรคการดำเนินงานโครงการพัฒนาน้ำบาดาล เพื่อการเกษตรแปลงใหญ่พื้นที่ 120 ไร่ บ้านโนนสำโรง ตำบลลำนางแก้ว อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา
รายงานประจ าปี 2565 86 | P a g e
รายงานประจ าปี 2565 87 | P a g e โครงการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมชุมชนตามแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ ประยุกต์ ตามแนวพระราชดำริ (ปิดทองหลังพระ) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน การพัฒนาตามแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ ตามแนวพระราชดำริ โดยมีหลักการให้ประชาชน เป็นเจ้าของโครงการ และขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เป้าหมาย ในการขยายผลโครงการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่รัฐและชุมชน ในการสร้างต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืน และขยายผล ไปสู่การพัฒนาในพื้นที่ชุมชนอื่น ๆ โดยมีหลักคิด ในการดำเนินงาน 5 ประการ ดังนี้ 1. นำหลักการทรงงานและโครงการพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ เป็นต้นแบบ เพื่อนำไปสู่การขยายผล การพัฒนาในชุมชนเป้าหมาย 2. ยึดองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ 6 มิติ ได้แก่ น้ำ ดิน เกษตร ป่า พลังงานทดแทน และสิ่งแวดล้อม โดยพิจารณาความสอดคล้องกับภูมิสังคม องค์ความรู้ ที่เป็นสากล และองค์ความรู้ของครูภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นกรอบการทำงาน 3. ปฏิรูปการทำงานโดยสร้างระบบพัฒนา ภูมิภาค ยึดพื้นที่เป็นหลัก และมุ่งเน้นความสำเร็จ จากระดับชุมชน 4. ปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงาน โดยยึดถือ ความคิด ความต้องการ และศักยภาพของประชาชน เป็นที่ตั้ง ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ และเป็นเจ้าของโครงการเอง 5. สร้างต้นแบบ “แผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ ประยุกต์ตามพระราชดำริ” ที่บูรณาการการทำงาน ของทีมปฏิบัติการของส่วนราชการระดับอำเภอ และระดับจังหวัด 1. สนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ ประยุกต์ตามแนวพระราชดำริในพื้นที่ขยายผล ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด และหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันสร้างความเข้าใจในทิศทาง การพัฒนาตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประชาชน ในพื้นที่และให้ประชาชน ได้ร่วมกันคิดและจัดทำ แผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามแนวพระราชดำริ ที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ และความต้องการ ของประชาชน 2. ดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาชนบท เชิงพื้นที่ประยุกต์ตามแนวพระราชดำริ ในพื้นที่ ที่จัดทำแผนแล้วเสร็จ ซึ่งสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัด เป็นหน่วยงานหลักในการ ประสานกับชุมชน เพื่อแปลงแผนงานเป็นโครงการ และร่วมกับชุมชนในการจัดทำโครงการในมิติ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ มิติน้ำโดยการพัฒนาระบบ การจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคจากแหล่งน้ำ ที่มีอยู่ในพื้นที่ มิติป่าโดยการร่วมกันลดการบุกรุกพื้นที่ป่า และการสร้างเครือข่ายในการป้องกันและอนุรักษ์ ทรัพยากรป่าไม้ รวมทั้งการร่วมกันฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ ภายในพื้นที่ และมิติสิ่งแวดล้อมโดยการร่วมกันรักษา สภาวะแวดล้อมภายในชุมชนให้มีความยั่งยืน
88 | P a g e 1. ประชาชนสามารถอยู่ได้อย่างพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ โดยร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2. สร้างต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่สามารถขยายผล ไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สำนักงาน ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้อนุมัติจัดสรรงบประมาณให้สำนักงานทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด จำนวน 23 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ เชียงราย เชียงใหม่ ตราด ตาก นครพนม นครราชสีมา นราธิวาส บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พะเยา พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี เลย สกลนคร สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุทัยธานี โดยมีผลการดำเนินงาน สอดคล้องตามวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนา ตามแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามแนว พระราชดำริ โดยมีหลักการให้ประชาชนเป็นเจ้าของ โครงการ และขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เป้าหมาย ในการขยายผลโครงการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ยกตัวอย่างเช่น 1) โครงการบริหารจัดการทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชน ตามแผนพัฒนา ชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ ตามแนวพระราชดำริ (ปิดทองหลังพระ) จังหวัดชัยภูมิ โดยการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ และพัฒนา คุณภาพชีวิตตามแนวพระราชดำริ จำนวน 3โครงการย่อย ได้แก่ โครงการเกษตรปลอดภัย โครงการท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ และโครงการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ระดับครัวเรือน พื้นที่ 6 หมู่บ้าน ท้องที่ตำบลหนองบัวแดง และตำบลนางแดด อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ 2) โครงการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง การปลูกป่ารวมกับการเกษตรกรรม (วนเกษตร) โครงการทำแนวป้องกันไฟป่าและกิจกรรมอบรมปลูกจิตสำนึกรักถิ่นฐานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้กับประชาชนในท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อมในชุมชน พื้นที่ตำบลน้ำก่ำ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
รายงานประจ าปี 2565 89 | P a g e 3) โครงการบริหารจัดการทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชน ตามแผนพัฒนา ชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามแนวพระราชดำริ (ปิดทอง หลังพระ) จังหวัดบึงกาฬ โดยจัดกิจกรรมประชุม เชิงปฏิบัติการร่วมกับชุมชน/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุน และจัดกิจกรรมจัดอบรมเพิ่มประสิทธิภาพ แกนนำชุมชนในพื้นที่เป้าหมาย ในพื้นที่ 3 ตำบล 2 อำเภอ ดังนี้ ตำบลคำนาดี อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ตำบลศรีวิไล อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ และตำบล นาสะแบง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ 4) โครงการประจวบคีรีขันธ์ เมืองสิ่งแวดล้อม ยั่งยืน ภายใต้โครงการบริหารจัดการทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชนตามแผนพัฒนาชนบท เชิงพื้นที่ประยุกต์ตามแนวพระราชดำริ (ปิดทองหลังพระ) โดยการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการจัดการขยะต้นทาง ไร้ถัง (ขยะ) เรื่องการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ ผลไม้ รสเปรี้ยว เรื่องป่าครอบครัว (ปิดทองหลังพระ) และเรื่องสำรวจพันธุ์ไม้พื้นถิ่นหมู่บ้านปิดทองหลังพระ หมู่บ้านพื้นที่ขยายผลปิดทองหลังพระสืบสาน แนวพระราชดำริจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (โครงการ ปิดทองหลังพระ) จำนวน 14 แห่ง
รายงานประจ าปี 2565 90 | P a g e 5) โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศต้นน้ำ ป่าชุมชน และทรัพยากรป่าไม้ โดยดำเนินการจัดกิจกรรมอบรม เชิงปฏิบัติการ การอนุรักษ์ฟื้นฟู ระบบนิเวศป่าชุมชน ป่าต้นน้ำและทรัพยากรป่าไม้ กิจกรรมสร้างฝายชะลอน้ำ สร้างความชุ่มชื้น (ฝายผสมผสาน) และกิจกรรมปลูกป่าใช้สอย ป่าอาหาร ป่าเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความมั่นคง ทางอาหาร เสริมสร้างรายได้และฟื้นฟูระบบนิเวศ พื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน 3 อำเภอ 5 ตำบล 6 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอปางมะผ้า 1. พื้นที่บ้านไม้ลัน หมู่ที่ 7 ตำบลปางมะผ้า จำนวน 97 ครัวเรือน 2. พื้นที่บ้านแอโก๋ แสนคำลือ หมู่ที่ 2 ตำบลถ้ำลอด จำนวน 160 ครัวเรือน 3. พื้นที่บ้านวนาหลวง หมู่ที่ 3 ตำบลถ้ำลอด จำนวน 245 ครัวเรือน อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน 1. พื้นที่บ้านห้วยผึ้ง หมู่ที่ 7 ตำบลห้วยผา จำนวน 165 ครัวเรือน 2. พื้นที่บ้านรักไทย หมู่ที่ 6 ตำบลหมอกจำแป่ จำนวน 222 ครัวเรือน อำเภอแม่สะเรียง 1. พื้นที่บ้านเสาหิน หมู่ที่ 1 ตำบลเสาหิน จำนวน 79 ครัวเรือน 6) การประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับชุมชน เพื่อจัดทำแผนหรือทบทวนแผนชุมชนด้านทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม สร้างเครือข่ายการอนุรักษ์ และเฝ้าระวัง ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมปลูกไม้ 3 อย่าง ให้ประโยชน์ 4 อย่าง พื้นที่หมู่บ้านที่อยู่รอบโครงการสวนป่าห้วยแก้วอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ ตำบลรัตนบุรี อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์
รายงานประจ าปี 2565 91 | P a g e ศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน สำนักงาน ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีหน้าที่ในการปฏิบัติงานด้านการบินอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติงาน ร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งในการปฏิบัติภารกิจ การบินที่ผ่านมายังคงมีความต้องการใช้อากาศยาน สำหรับปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เช่น การแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ ที่ดินในพื้นที่ป่า การเข้าดำเนินการกรณีการบุกรุก พื้นที่ป่าไม้ การแก้ไขข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่า การขนส่งกำลังเจ้าหน้าที่กรณีเร่งด่วน การช่วยเหลือ ชีวิตเจ้าหน้าที่กรณีเกิดเหตุขณะปฏิบัติงานในพื้นที่ป่า การค้นหาและกู้ภัย และการจัดทำข้อมูลภาพถ่ายพื้นที่ สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่ป่า ซึ่งภารกิจเหล่านี้ มีความเร่งด่วนจำเป็นต้องใช้อากาศยานเข้าปฏิบัติงานร่วม ประกอบกับในปัจจุบันมีการพัฒนาประสิทธิภาพ ในด้านการบิน โดยใช้เทคโนโลยีอากาศยานเพื่อการจัดทำ ข้อมูลเชิงพื้นที่สำหรับการบริหารจัดการด้านทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการบินโครงการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกำหนด ให้มีการบินตามภารกิจ ดังนี้ 1) การบินสนับสนุนภารกิจเร่งด่วน และพื้นที่ ที่มีความสำคัญด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2) การบินกู้ภัย กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน 3) การบินจัดทำข้อมูลติดตามการเปลี่ยนแปลง ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แผนปฏ ิบัติกา รบิ นโ ครง ก าร อน ุ ร ั ก ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 กำหนดชั่วโมงปฏิบัติการบิน จำนวน 180 ชั่วโมง และมีการขออนุญาตทำการบิน เพิ่มเติม จำนวน 150 ชั่วโมง รวมชั่วโมงปฏิบัติการบิน จำนวน 330 ชั่วโมง โดยใช้ชั่วโมงปฏิบัติการบินทั้งสิ้น จำนวน 297:30 ชั่วโมง และมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ สามารถปฏิบัติการบินภารกิจเร่งด่วน ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภารกิจ การบินกู้ภัย และกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ภารกิจการบิน ติดตามการเปลี่ยนแปลงด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ภารกิจการบินทดสอบอากาศยาน หลังซ่อม และการดำเนินการด้านมาตรฐานการบิน กิจกรรมการบินทบทวนตามมาตรฐานการบิน ได้สำเร็จและปลอดภัยทุกภารกิจ ผู้รับบริการมีความพึงพอใจในการปฏิบัติ ภารกิจการบิน ร้อยละ 82.66 โดยจากการสำรวจ ความพึงพอใจในการให้บริการของหน่วยงาน ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 สำหรับผู้รับบริการและผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียภายนอกหน่วยงาน พบว่า ภาพรวม ความพึงพอใจที่มีต่อการให้บริการด้านการบิน ของศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน มีค่าเฉลี่ย 4.13 ร้อยละความพึงพอใจ 82.66 อยู่ในระดับมาก ไม่มี
รายงานประจ าปี 2565 92 | P a g e 1. การบำรุงรักษาอากาศยาน การบำรุงรักษากาศยานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมอากาศยานสำหรับสนับสนุน ภารกิจการบิน โดยมีอากาศยานที่พร้อมใช้งาน และสามารถรองรับภารกิจการบินได้ จำนวนทั้งสิ้น 5 ลำ ได้แก่ อากาศยานเฮลิคอปเตอร์แบบ AS 350 จำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย อากาศยานหมายเลขทรัพยากร 1105 1106 1110 และ 1114 อากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ แบบ EC-135T2+ จำนวน 1 ลำ ได้แก่ อากาศยานหมายเลขทรัพยากร 2215 และอากาศยาน ปีกตรึง แบบ KODIAK 100 จำนวน 1 ลำ ได้แก่ อากาศยานหมายเลขทรัพยากร 3116 รวมทั้งมีการ พัฒนาระบบอากาศยานไร้คนขับ ซึ่งเริ่มนำมาใช้ในการ จัดทำภาพถ่ายทางอากาศสำหรับการจัดทำข้อมูล ติดตามการเปลี่ยนแปลงด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม การซ่อมบำรุงอากาศยานให้มีความพร้อม สำหรับรองรับภารกิจ โดยมีกิจกรรมการซ่อมบำรุง ในระดับหน่วย ได้แก่ การซ่อมบำรุงตามอายุการใช้งาน ของอากาศยานและการซ่อมบำรุงกรณีการเกิดเหตุ ฉุกเฉินภายใต้ขีดความสามารถของหน่วยซ่อมบำรุง ของศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน ส่งผลให้ สามารถปฏิบัติภารกิจได้ทุกเที่ยวบินด้วยความปลอดภัย 2. การดำเนินการด้านมาตรฐานการบิน 1) การฝึกบินทบทวนท่ามาตรฐานและตรวจสอบ มาตรฐานการบินอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ 1 เครื่องยนต์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และการฝึกบิน อากาศยานแบบปีกตรึง KODIAK 100 ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 ณ ศูนย์ปฏิบัติการพื้นที่ภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างวันที่ 10 –21 กันยายน 2565 ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามมาตรฐานการบินสากล ที่กำหนดให้หน่วยบินต้องมีแผนปฏิบัติการบินทบทวน ท่าบินตามมาตรฐานและการตรวจสอบมาตรฐานการบิน อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี และเป็นไปตามระเบียบ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าด้วยการบิน พ.ศ. 2562 หมวดที่ 9 การควบคุมมาตรฐานการบิน เพื่อให้นักบินทุกนาย ได้มีห้วงเวลาของการทบทวน ท่าทางการบินตามคู่มือมาตรฐานของผู้สร้างอากาศยาน ท่าบินกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน การบินตามภารกิจ ของหน่วยงาน และนำประสบการณ์จากการทำงาน ในแต่ละปีมาถ่ายทอดซึ่งกันและกัน ผลการฝึกบินทบทวนท่ามาตรฐาน และตรวจสอบมาตรฐานการบินอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ 1 เครื่องยนต์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และการฝึกบินอากาศยานแบบปีกตรึง KODIAK 100 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ใช้ชั่วโมงปฏิบัติการบิน สำหรับการฝึกบินอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ 1 เครื่องยนต์ จำนวน 32 ชั่วโมง และสำหรับการฝึกบินอากาศยาน แบบปีกตรึง KODIAK 100 จำนวน 16 ชั่วโมง และมีผลคะแนนภาคอากาศและคะแนนภาคพื้น (การสอบข้อเขียน) ของนักบินจำนวน 7 นาย อยู่ในระดับ ร้อยละ 90 ขึ้นไป 2) การเข้าร่วมการฝึกการค้นหาและช่วยเหลือ อากาศยานประสบภัย ประจำปี 2565 โดยการฝึก ภาคทฤษฎี ระหว่างวันที่ 10 – 11 สิงหาคม 2565 เป็นการอบรมความรู้เบื้องต้นให้กับหน่วยในระบบค้นหา และช่วยเหลือ การฝึกทดสอบการติดต่อ การทำงาน ของเครื่องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน การประสานงานและการฝึกซ้อมแก้ปัญหา ในสถานการณ์สมมุติและการฝึกภาคปฏิบัติ ระหว่าง วันที่ 17 – 19 สิงหาคม 2565 โดยเข้าร่วม จัดนิทรรศการด้านการค้นหา ช่วยเหลืออากาศยาน ประสบภัย การแสดงอุปกรณ์สำหรับการช่วยเหลือ อากาศยานประสบภัย (Static display) และเข้าร่วม สังเกตการณ์ฝึกซ้อมการค้นหาและช่วยเหลือประสบภัย ซึ่งเป็นการบูรณาการองค์ความรู้ระหว่างหน่วยงาน
รายงานประจ าปี 2565 93 | P a g e และเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที 3. การดำเนินการด้านนิรภัย การดำเนินงานด้านนิรภัย (Safety) เพื่อสร้าง พฤติกรรมด้านการบินอย่างปลอดภัย โดยมีการบริหาร นิรภัยและดำเนินกิจกรรมด้านนิรภัย ในการกำกับดูแล และตรวจสอบการปฏิบัติภารกิจการบินให้เป็นไปตาม มาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน ส่งผลให้การปฏิบัติ การบินโดยใช้อากาศยานของกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามภารกิจเกิดความเรียบร้อย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับระเบียบ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าด้วย การบิน พ.ศ. 2562 ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ได้ดำเนินกิจกรรมด้านนิรภัย ดังนี้ 1) การตรวจสอบนิรภัยการบินลานจอดอากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์ปฏิบัติการ พื้นที่และตรวจนิรภัยศูนย์ปฏิบัติการพื้นที่ ทั้งนิรภัย ระบบป้องกันอัคคีภัย นิรภัยอากาศยานและลานจอด นิรภัยระบบสารณูปการ (อาคารสถานที่/ไฟฟ้า/ ประปา) สัตว์รบกวนที่เป็นอันตรายต่อการบิน และการ ฝึกซ้อมการปฏิบัติเมื่อเกิดอัคคีภัยศูนย์ปฏิบัติการพื้นที่ พร้อมทั้งปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ 2) การสนับสนุนภารกิจส่งกำลัง โดยแนะนำ การเตรียมพร้อมด้านร่างกาย และการแต่งกายในการ ปฏิบัติงานร่วมกับอากาศยาน การเข้าออกอากาศยาน อย่างปลอดภัย การปฏิบัติเมื่อนำอาวุธและสัมภาระ ขึ้นอากาศยาน วิธีการรับและส่งเฮลิคอปเตอร์โดยใช้ ทัศนสัญญาณ การเตรียมสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ในภูมิประเทศ และการเรียกเฮลิคอปเตอร์เข้าหาพื้นที่ เป้าหมายด้วยระบบนาฬิกาให้แก่เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานร่วมกับอากาศยาน 3) จัดกิจกรรม Big Cleaning Dayณ ศูนย์ปฏิบัติการ พื้นที่คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และศูนย์ปฏิบัติการ พื้นที่ภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อทำความสะอาด โรงเก็บอากาศยาน ขจัดคราบน้ำมันเปรอะเปื้อน ปรับปรุงสภาพพื้นผิวลานจอดอากาศยานและสภาพแวดล้อม ทั้งภายในและโดยรอบของศูนย์ปฏิบัติการพื้นที่ 4) กิจกรรมด้านนิรภัยห้วงฝึกบินทบทวนฯ ระหว่างวันที่ 10 -21 กันยายน 2565 ณ ศูนย์ปฏิบัติการ พื้นที่ภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ โดยทำการ ตรวจนิรภัยภาคพื้น ได้แก่ ระบบป้องกันอัคคีภัย ระบบสาธารณูปการ ตรวจอากาศยานและลานจอด และตรวจนิรภัยทั่วไป จำนวน 62 ข้อ และทำการตรวจ นิรภัยการบิน การฝึกภาคอากาศ ตามแบบตรวจสอบ (Check List) จำนวน 18 ข้อ (Preflight – Inflight – Postflight) โดยผลการตรวจพบว่า นิรภัยภาคพื้น โรงเก็บและลานจอด รวมทั้งอุปกรณ์ มีความปลอดภัย พร้อมใช้งาน และนิรภัยการบิน พบข้อขัดข้องของ ระบบกำลังและระบบสื่อสารขัดข้อง ซึ่งได้ดำเนินการ แก้ไขเรียบร้อย และพบกรณีขณะทำการฝึกบิน สีใบพัดหางหลุดร่อน ซึ่งต้องงดทำการบินและแก้ไขต่อไป 4. การพัฒนาการปฏิบัติงาน ศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน มีการพัฒนารูปแบบการปฏิบัติงานโดยมุ่งเน้นการพัฒนา เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีอากาศยาน ตลอดทั้ง กระบวนการทำงาน การวิเคราะห์ข้อมูล ระบบสารสนเทศ และระบบเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ ปฏิบัติภารกิจด้านการบินอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดำเนินการ ดังนี้ 1) การพัฒนาระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศสำหรับการบริหาร จัดการพื้นที่โดยใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่เป็นปัจจุบัน และการจัดทำฐานข้อมูลสำหรับการบริหารจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการลาดตระเวน ทางอากาศในพื้นที่เป้าหมาย
รายงานประจ าปี 2565 94 | P a g e 2) การติดตั้งชุดกล้องตรวจการณ์ กลางวัน/ กลางคืน Electro Optical (EO/IR) ร่วมกับอากาศยาน (เฮลิคอปเตอร์หมายเลขทรัพยากร 1106) เพื่อจัดเก็บ ข้อมูลสำหรับการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งป้องกันการบุกรุก ทำลายทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งเป็นการพัฒนาการ ปฏิบัติงานของศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน ในด้านการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับภารกิจ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 3) การใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ สำหรับการวิเคราะห์ความเสี่ยงของพื้นที่ต่อการบุกรุก ทำลายทรัพยากรป่าไม้ ไม่มี 1. การบินสำรวจความเสียหายจากอุทกภัยพื้นที่ จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดชัยนาท จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 พบว่า จังหวัดสุพรรณบุรี มีสภาพปัญหาน้ำท่วมที่อยู่ในสภาวะวิกฤต ได้แก่ พื้นที่อำเภอเมือง อำเภอเดิมบางนางบวช อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง สำหรับท้องที่อำเภอเมือง สุพรรณบุรี มีสภาพปัญหาน้ำหลาก น้ำท่วมขังเข้าบ้านเรือน และพื้นที่ทำการเกษตรหลายจุด บางพื้นที่เริ่มมีน้ำเน่าเสีย ทั้งนี้ ได้ส่งต่อข้อมูลผลปฏิบัติการบินให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รายงานประจ าปี 2565 95 | P a g e 2. การบินสนับสนุนการตรวจติดตามสถานการณ์ และการแก้ไขปัญหาคราบน้ำมัน บริเวณหาดแม่รำพึง อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง กรณีน้ำมันดิบรั่วบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยว กลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 3. สนับสนุนภารกิจการบินค้นหากู้ภัยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินค้นหาผู้พลัดหลงป่าฯ บริเวณป่าชุมชนภูผาแดง และป่าสงวนแห่งชาติป่าภูผักหนาม ตำบลหนองโพนงาม อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 โดยใช้อากาศยานบินสนับสนุนภารกิจค้นหาผู้พลัดหลงป่าฯ ทำให้พบร่องรอยการก่อกองไฟ จึงได้นำข้อมูลที่ได้จาก การบินค้นหา และการค้นหาของเจ้าหน้าที่ภาคพื้น มาร่วมวิเคราะห์ ประเมิน และวางแผนเส้นทางในการค้นหา ทั้งทางภาคอากาศและทางภาคพื้น โดยการค้นหาทางอากาศ กำหนดค้นหาใน 2 เส้นทางบิน และทำการขึ้นบินค้นหา ในเวลา 09.10 น. และได้พบผู้พลัดหลง ในเวลา 09.40 น. บริเวณเนินเขาป่าชุมชนภูผา
รายงานประจ าปี 2565 96 | P a g e ศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน สำนักงาน ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยงานซึ่งใช้อากาศยานในการปฏิบัติการบิน เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการปฏิบัติภารกิจ การบินในด้านการคุ้มครอง ป้องกัน ดูแลรักษาพื้นที่ป่าไม้ ป้องกันการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้มาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงาน ให้การบุกรุก พื้นที่ป่าลดลง ซึ่งได้มีการปฏิบัติการบินต่อเนื่อง มาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 และผลการ ดำเนินงานในภาพรวมปรากฏว่า สภาพปัญหาการบุกรุก พื้นที่ป่าในพื้นที่ที่มีการบินต่อเนื่องมีการบุกรุกลดลง และสภาพพื้นที่เสี่ยงต่อการบุกรุกลดลง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในส่วนของการใช้อากาศยาน มุ่งเน้น การจัดทำข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลผลการบิน ให้มีความถูกต้องครบถ้วน สามารถติดตามและประเมินผลได้ เพื่อให้หน่วยงานรับผิดชอบพื้นที่นำไปใช้ประโยชน์ ในการป้องกัน หรือดำเนินการตามกฎหมาย และกำหนดเป้าหมายในการใช้อากาศยานสนับสนุน การรักษาป่าด้วยการบิน ไม่น้อยกว่า 55 ล้านไร่ และความสำเร็จของการป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ เป้าหมาย ร้อยละ 80 ปฏิบัติการบินตรวจลาดตระเวน คุ้มครอง ป้องปรามและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวน แห่งชาติและพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งเป็นการปฏิบัติงาน เชิงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานรับผิดชอบ ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยทำการบิน ในพื้นที่เป้าหมายไม่น้อยกว่า 55 ล้านไร่ ภายใต้ ชั่วโมงการบิน 750 ชั่วโมง และมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ ปฏิบัติการบินตรวจลาดตระเวน คุ้มครอง ป้องปรามและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ รวมทั้งการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ การบินทดสอบ หลังการซ่อมบำรุงอากาศยาน และการบิน เพื่อดำเนินการ ด้านมาตรฐานการบิน โดยสามารถปฏิบัติการบิน ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 74,988,461.16 ไร่ ใช้ชั่วโมงปฏิบัติการบินทั้งสิ้น จำนวน 777:50 ชั่วโมง และจากผลการปฏิบัติการบิน มีการตรวจพบพื้นที่ ที่คาดว่ามีการกระทำผิด จำนวนทั้งสิ้น 724 จุด ประกอบด้วย การบุกรุกพื้นที่ป่า จำนวน 589 จุด การตัดไม้ จำนวน 93 จุด และไฟป่า จำนวน 42 จุด จึงได้ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ผลการบินและจัดทำเป็นข้อมูลสำหรับการติดตามผล การตรวจสอบภาคพื้นดิน จำนวนทั้งสิ้น 682 ชุดข้อมูล (ไม่รวมจุดตรวจพบไฟป่า เนื่องจากต้องแจ้งดำเนินการ ระงับสถานการณ์โดยทันที) พร้อมทั้งแจ้งผลปฏิบัติการบิน ดังกล่าว ไปยังกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงาน ตามแผนปฏิบัติการบิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ต่อไป
รายงานประจ าปี 2565 97 | P a g e 1. ความสำเร็จของการป้องกันไม่ให้มีการบุกรุก พื้นที่เป้าหมาย ร้อยละ 80 เป็นการเปรียบเทียบข้อมูล พื้นที่ป่าในพื้นที่ที่ทำการบิน โดยใช้ข้อมูลพื้นที่ป่าที่ได้ มีการวิเคราะห์พื้นที่ตามโครงการจัดทำข้อมูลสภาพพื้นที่ป่า ของกรมป่าไม้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างรอผลการวิเคราะห์ ดังกล่าวของปี 2565 2. ความครบถ้วน ถูกต้องของข้อมูลผลการบิน ที่ส่งมอบไปยังหน่วยงานรับผิดชอบพื้นที่ ร้อยละ 100 โดยจากผลการปฏิบัติการบินตามแผนปฏิบัติการบิน โครงการป้องกันปราบปรามการบุกทำลายทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยบูรณาการอากาศยาน กับภาคพื้นดิน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 - มิถุนายน 2565 มีการตรวจพบพื้นที่ที่คาดว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่า จำนวน 589 จุด และการตัดไม้ จำนวน 93 จุด จึงได้ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ผลการบินและจัดทำเป็นข้อมูลสำหรับการติดตามผล การตรวจสอบภาคพื้นดิน จำนวนทั้งสิ้น 682 ชุดข้อมูล (ไม่รวมจุดตรวจพบไฟป่า เนื่องจากต้องแจ้งดำเนินการ ระงับสถานการณ์โดยทันที) พร้อมทั้งแจ้งผลปฏิบัติการบิน ดังกล่าว ไปยังกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรียบร้อยแล้ว คิดเป็นร้อยละ 100 ของจำนวนชุดข้อมูลทั้งหมด 3. หน่วยงานมีการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ ร้อยละ 100 โดยจากข้อมูลพื้นที่ที่คาดว่ามีการกระทำผิด ตามผลการบิน จำนวนทั้งสิ้น 682 ชุดข้อมูล หน่วยงาน ที่รับผิดชอบพื้นที่ป่า มีการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ สำหรับการเข้าตรวจสอบพื้นที่แล้ว จำนวน 682 ชุดข้อมูล คิดเป็นร้อยละ 100 ของจำนวนชุดข้อมูลทั้งหมด