The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กิติยา จากรัมย์, 2019-09-16 06:01:30

แบบประเมินการปฏิบัติงาน

3. ข้นั สรุปและประเมินผล
2. ผสู้ อนทบทวนควำมเขำ้ ใจและสรุปเน้ือหำเพื่อใหผ้ เู้ รียนมีควำมเขำ้ ใจในทิศทำงเดียวกนั
3. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยที่ 2 หนำ้ ที่ 54

7. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
6. เอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศาสตร์พืน้ ฐานอาชีพ
7. แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 2
8. แบบฝึกหดั บทที่ 2.1
9. แบบฝึกหดั บทที่ 2.2
10.แบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยที่ 2

8. การวดั และการประเมินผล

ก่อนเรียน

1. เอกสำรหน่วยท่ี 2 ระบบสมกำรเชิงเส้นสองตวั แปร
2. แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 2

ขณะเรียน

1. แบบฝึกหดั ท่ี 2.1
2. แบบฝึกหดั ท่ี 2.2

หลงั เรียน

1. แบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยท่ี 2
9. กจิ กรรม/งานทมี่ อบหมาย

1. แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 2
2. แบบฝึกหดั บทที่ 2.1
3. แบบฝึกหดั บทที่ 2.2
4. แบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยท่ี 2

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 หน่วยท่ี 3
ช่ือวชิ า วชิ า คณติ ศาสตร์พนื้ ฐานอาชีพ (20000-1401) สอนสัปดาห์ที่ 5-6
ช่ือหน่วย สถิติเบอื้ งต้น ชั่วโมง 4 ชั่วโมง

ชื่อเรื่อง สถติ ิเบอื้ งต้น ชั่วโมง 2 ชั่วโมง

1. หวั ข้อเร่ือง

1. ควำมหมำยของสถิติ
2. ควำมหมำยของขอ้ มูล
3. คำศพั ทท์ ำงสถิติท่ีควรทรำบ
4. ประเภทของขอ้ มูลทำงสถิติ
5. กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
6. กำรนำเสนอขอ้ มูล
2. สมรรถนะประจาหน่วย
- เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
3. สาระสาคัญ

สถิติ หมำยถึง ตวั เลขที่เรำสนใจศึกษำไดจ้ ำกกำรวิเครำะห์ขอ้ มูล แต่ขอ้ มูลอำจจะเป็ นสิ่งที่เรำสนใจเป็ น

ตวั เลขหรือไม่เป็นตวั เลขกไ็ ด้

4. จุดประสงค์การเรียนรู้
จุดประสงค์ทวั่ ไป

1. เพ่ือใหม้ ีควำมรู้เกี่ยวกบั ควำมหมำยของสถิติ (ด้านความรู้)
2. เพื่อใหม้ ีทกั ษะในกำรเก็บรวบรวมขอ้ มูล(ด้านทักษะ)
3. เพ่ือใหม้ ีเจตคติที่ดีในกำรเขำ้ ใจวธิ ีกำรนำเสนอขอ้ มูลในรูปแบบต่ำง ๆ (ด้านเจตคติ)
จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. อธิบำยควำมหมำยของสถิติได้ (ด้านความรู้)
2. บอกควำมหมำยของขอ้ มลู ได้ (ด้านความรู้)
3. อ่ำนคำศพั ทส์ ถิติที่ควรทรำบได้ (ด้านทักษะ)
4. จำแนกประเภทของขอ้ มูลทำงสถิติได้ (ด้านทักษะ)
5. เก็บรวบรวมขอ้ มูลได้ (ด้านทักษะ)
6. เขำ้ ใจวธิ ีกำรนำเสนอขอ้ มลู ในรูปแบบต่ำง ๆ (ด้านเจตคติ)

5. เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้

เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้

5.1 ความหมายของสถิติ

คำวำ่ สถิติ ซ่ึงตรงกบั ภำษำองั กฤษวำ่ Statistics มีที่มำจำกคำวำ่ (State)

ปัจจุบนั ควำมหมำยของสถิติตำมควำมเขำ้ ใจของนกั คณิตศำสตร์และนกั สถิติจำแนกได้ 2 ประกำร ดงั น้ี

1. สถิติ หมำยถึง ตวั เลขแทนขอ้ เท็จจริงของส่ิงที่สนใจศึกษำ ได้มำจำกกำรวิเครำะห์ขอ้ มูลจำนวนมำก
ไดแ้ ก่ สถิติแสดงปริมำณน้ำฝนในรอบปี สถิติแสดงปริมำณผลผลิตทำงดำ้ นกำรพิมพเ์ ป็ นตน้ ลกั ษณะสำคญั ของ
ขอ้ มูลตวั เลขที่ถือเป็ นสถิติ คือ เป็ นค่ำตวั เลขท่ีไดจ้ ำกกำรวเิ ครำะห์แลว้ อำจเป็ นค่ำร้อยละ ค่ำเฉลี่ย ค่ำอตั รำส่วน
เป็ นตน้

2. สถิติ หมำยถึง ศำสตร์ที่เป็นท้งั วทิ ยำศำสตร์และศิลปะศำสตร์ที่วำ่ ดว้ ยวธิ ีกำรศึกษำขอ้ มูลเรียกวำ่ ระเบียบ
วธิ ีทำงสถิติ ซ่ึงประกอบดว้ ย 4 ข้นั ตอนที่สำคญั ไดแ้ ก่

1. กำรเก็บรวบรวมขอ้ มูล
2. กำรนำเสนอขอ้ มูล
3. กำรวเิ ครำะห์ขอ้ มลู
4. กำรตีควำมหมำยขอ้ มลู
ประเภทของสถิติ
สถิติในควำมหมำยของศำสตร์ท่ีวำ่ ดว้ ยวธิ ีกำรศึกษำขอ้ มูลแบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภทคือ
1. สถิติเชิงพรรณนำ หมำยถึง สถิติท่ีใชใ้ นกำรบรรยำยถึงขอ้ เท็จจริงของขอ้ มูลท่ีเรำรวบรวมมำได้ อนั
ไดแ้ ก่กำรนำเสนอขอ้ มูลในลกั ษณะต่ำง ๆ และกำรวิเครำะห์ขอ้ มูลอยำ่ งง่ำยโดยไม่ตรงอำศยั ทฤษฎีควำมน่ำจะ
เป็นมำช่วยในกำรวเิ ครำะห์ เช่น กำรหำเฉลี่ยเลขคณิต มธั ยฐำน ฐำนนิยม ส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำนเป็นตน้
2. สถิติเชิงอนุมำน หมำยถึง สถิติที่ใชใ้ นกำรอำ้ งอิง หรืออนุมำน ลกั ษณะของประชำกรจำกกลุ่มตวั อยำ่ ง
โดยอำศยั ทฤษฎีควำมน่ำจะเป็นเขำ้ มำใชใ้ นกำรประมำณคำ่ และกำรทดสอบสมมติฐำน
5.2 ควำมหมำยของขอ้ มูล

ขอ้ มูล หมำยถึง ข่ำวสำร หรือขอ้ เท็จจริง ของสิ่งท่ีสนใจศึกษำซ่ึงขอ้ มูลอำจจะเป็ นตวั เลขหรือไม่เป็ น

ตวั เลขก็ได้

ขอ้ มูลสถิติ หมำยถึง ขอ้ มูลที่เป็ นตวั เลขประกอบกนั เป็ นกลุ่มหรือขอ้ ควำมท่ีเป็ นจำนวนมำก ขอ้ มูล

เพียงหน่วยเดียวไม่ถือวำ่ เป็ นขอ้ มูลสถิติ เช่นอำยุของนกั เรียนหน่ึงคนไม่ใช่ขอ้ มูลสถิติ แต่อำยุของนกั ศึกษำทุก

คนในระดบั ปวช. เป็นขอ้ มูลสถิติ

แหล่งที่มำของขอ้ มูลทำงสถิติ แบง่ ออกเป็น 2 ชนิดคือ

1. แหล่งปฐมภมู ิ

2. แหล่งทุติยภูมิ

5.3 คาศัพท์ทางสถติ ทิ ค่ี วรทราบ
1. ประชำกร (Population) หมำยถึง ขอ้ มูลท้งั หมดท่ีเป็ นไปตำมขอบข่ำยที่เรำสนใจศึกษำอำจจะเป็ นคน สัตว์
สิ่งของ หรือเหตุกำรณ์ต่ำง ๆ
2. ตวั อยำ่ ง (Sample) หมำยถึงขอ้ มูลส่วนหน่ึงของขอ้ มูลประชำกรท่ีเรำสุ่มเลือกมำเพอ่ื ศึกษำ

5.4 ประเภทของข้อมูลทางสถิติ
1. ขอ้ มูลเชิงคุณภำพ ( Qualitative clasification ) เป็ นขอ้ มูลทีแสดงสิ่งที่เรำศึกษำไม่อยใู่ นรูปของ

ตวั เลข ซ่ึงเป็นขอ้ มลู ที่แสดงถึงคุณสมบตั ิ สภำพ สถำนะ หรือควำมคิดเห็นเช่น เพศ อำชีพ ศำสนำ เป็นตน้
2. ขอ้ มูลเชิงปริมำณ (Qualitative data ) เป็ นขอ้ มูลท่ีเก็บไดเ้ ป็ นตวั เลข ที่เกิดจำกกำรวดั ชงั่ ตวง

หรือวธิ ีใดวธิ ีหน่ึงที่ไดค้ ่ำของขอ้ มลู แลว้ นำปริมำณมำเปรียบเทียบกนั ได้ เช่น อำยุ ส่วนสูง ควำมเร็ว เป็นตน้

5.5 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
วธิ ีกำรเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยทวั่ ไป แบ่งออกไดเ้ ป็น 4วธิ ีดงั ต่อไปน้ี

1. วธิ ีเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจำกทะเบียนประวตั ิ
2. วธิ ีเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยกำรสำรวจ
3. วธิ ีกำรเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยกำรทดลอง
4. วธิ ีเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดยกำรสงั เกต
5.6 การนาเสนอข้อมูล

เม่ือมีกำรรวบรวมขอ้ มลู แลว้ ข้นั ตอนตอ่ ไปคือกำรนำเสนอขอ้ มูลใหอ้ ยใู่ นรูปแบบที่สะดวกต่อกำรนำไป
วิเครำะห์ หรือเพื่อให้ทำควำมเขำ้ ใจไดง้ ่ำยใช้งำนได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งกำรนำเสนอขอ้ มูลแบ่งออกเป็ น 2
แบบ คือ กำรนำเสนอขอ้ มูลอยำ่ งไม่เป็นแบบแผน และกำรนำเสนอขอ้ มูลอยำ่ งเป็นแบบแผน

1. กำรนำเสนอขอ้ มูลอย่ำงไม่เป็ นแบบแผน เป็ นกำรนำเสนอขอ้ มูลโดยไม่มีกฎเกณฑ์หรือแบบอย่ำงที่
แน่นอน มกั เสนอตำมควำมเหมำะสม หรือตำมควำมคิดเห็นของผนู้ ำเสนอ

2. กำรนำเสนอขอ้ มูลอยำ่ งเป็นแบบแผน เป็นกำรนำเสนอขอ้ มูลท่ีมีกฎเกณฑ์จะตอ้ งปฏิบตั ิตำมมำตรฐำนท่ี
กำหนดไวเ้ ป็ นแบบอย่ำง กำรนำเสนอขอ้ มูลโดยวิธีน้ีที่สำคญั ไดแ้ ก่ กำรนำเสนอขอ้ มูลในรูปแบบตำรำง กำร
นำเสนอขอ้ มลู ในรูปแบบแผนภูมิและแผนภำพและกำรนำเสนอขอ้ มูลในรูปกรำฟเส้น

6. กจิ กรรมการเรียนการสอน
1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน

1. ผสู้ อนแจง้ จุดประสงคก์ ำรเรียนของหน่วยเรียนท่ี 3 สถิติเบ้ืองตน้
2. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 3 เรื่อง สถิติเบ้ืองตน้ และเฉลยใหผ้ เู้ รียนสลบั กนั
ตรวจ
2. ข้ันให้ความรู้
14.ผสู้ อนเปิ ด power point วิชำคณิตศำสตร์พ้ืนฐำน หน่วยท่ี 3 เร่ือง สถิติเบ้ืองตน้ ให้ผเู้ รียนจบั ใจควำม
สำคญั ของเน้ือหำในหน่วยกำรเรียนน้ี
15.ผสู้ อนเปิ ดเอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้ืนฐำน หน่วยท่ี 3 เรื่อง สถิติเบ้ืองตน้
16.ผสู้ อนเปิ ดโอกำสใหผ้ เู้ รียนซกั ถำมในขอ้ สงสัยเมื่ออธิบำยเน้ือหำในหน่วยเรียนจบ
3. ข้ันสรุปและประเมินผล
4. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหำที่ไดเ้ รียนใหม้ ีควำมเขำ้ ใจในทิศทำงเดียวกนั

7. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
11. เอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้ืนฐำน
12. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 3 เรื่อง สถิติเบ้ืองตน้
13. ทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยที่ 3 เร่ือง สถิติเบ้ืองตน้

8. การวดั และการประเมินผล
ก่อนเรียน
1. จดั เตรียมเอกสำร สื่อกำรเรียนกำรสอนหน่วยท่ี 3
2. ทำควำมเขำ้ ใจเก่ียวกบั จุดประสงคก์ ำรเรียนของหน่วยท่ี 3
3. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 3

9. กจิ กรรม/งานทมี่ อบหมาย
แบบทดสอบก่อนเรียน, , แบบทดสอบหลงั เรียน

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 หน่วยท่ี 4
ชื่อวชิ า วชิ า คณติ ศาสตร์พนื้ ฐานอาชีพ (20000-1401) สอนสัปดาห์ท่ี 7-8
ช่ือหน่วย การแจกแจงความถ่ี ช่ัวโมง 4 ช่ัวโมง

ชื่อเรื่อง การแจกแจงความถ่ี ช่ัวโมง 2 ชั่วโมง

1. หวั ข้อเร่ือง

7. กำรแจกแจงควำมถี่โดยใชว้ ธิ ีจดั เรียงคำ่ ของขอ้ มูลตำมลำดบั
8. กำรแจกแจงควำมถ่ีโดยวธิ ีจดั ขอ้ มลู เป็นช่วงหรืออนั ตรภำคช้นั
9. กำรแจกแจงควำมถ่ีโดยใชก้ รำฟ
10. กำรแจกแจงควำมถี่สะสมโดยใชก้ รำฟ
2. สมรรถนะประจาหน่วย
- สร้ำงตำรำงกำรแจกแจงควำมถ่ี
3. สาระสาคญั

กำรแจงควำมถี่ เป็นกำรนำขอ้ มลู ท้งั หมดท่ีรวบรวมไดม้ ำเรียงตำมลำดบั จำกนอ้ ยไปหำมำกหรือจำกมำก

ไปหำนอ้ ย โดยพิจำรณำจดั กลุ่มขอ้ มลู ท่ีมีคำ่ ซ้ำกนั ทำใหเ้ ห็นลกั ษณะกำรกระจำยของกลุ่มขอ้ มูลไดช้ ดั เจน และ

ทำใหว้ เิ ครำะห์ขอ้ มูลต่อไปไดอ้ ยำ่ งสะดวก

4. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ทวั่ ไป
4. เพ่ือใหม้ ีควำมรู้เกี่ยวกบั กำรสร้ำงตำรำงแจกแจงควำมถี่ (ด้านความรู้)
5. เพ่ือใหม้ ีทกั ษะในสร้ำงอิสโทแกรม(ด้านทักษะ)
6. เพื่อใหม้ ีเจตคติที่ดีในกำรอำ่ นคำ่ ของขอ้ มลู จำกอิสโทแกรม ได้อย่างถกู ต้อง (ด้านเจตคติ)

จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. อธิบำยกำรสร้ำงตำรำงกำรแจกแจงควำมถ่ีของขอ้ มลู เพ่ือหำค่ำตำ่ ง ๆ ได้ (ด้านความรู้)
2. สร้ำงอิสโทแกรม รูปหลำยเหล่ียมของควำมถ่ี เส้นโคง้ ของควำมถี่ และเส้นโคง้ ของควำมถี่สะสม จำก
ขอ้ มลู ที่กำหนดใหไ้ ด้ (ด้านทักษะ)
3. อ่ำนคำ่ ของขอ้ มลู จำกอิสโทแกรม และเส้นโคง้ ควำมถ่ีสะสมไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ ง (ด้านเจตคติ)

5. เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้

การแจกแจงความถโ่ี ดยวธิ ีจัดเรียงค่าของข้อมูลตามลาดับ

เป็นกำรนำขอ้ มลู ท้งั หมดมำเรียงลำดบั ควำมมำกนอ้ ย และพจิ ำรณำขอ้ มลู ที่มีค่ำซ้ำ ๆ กนั กำรสร้ำง
ตำรำงแจกแจงควำมถ่ีโดยวธิ ีน้ีเหมำะกบั ขอ้ มลู ที่มีจำนวนไมม่ ำกนกั เน่ืองจำกถำ้ ขอ้ มูลมีจำนวนมำกไมส่ ะดวก
ในกำรสร้ำงตำรำงและไม่เห็นลกั ษณะกำรกระจำยของขอ้ มูลไดช้ ดั เจน

6.2 การแจกแจงความถ่ีโดยวธิ ีข้อมูลเป็ นช่วง หรืออนั ตรภาคช้ัน

เป็นกำรแจกแจงขอ้ มูลโดยจดั กลุ่มของขอ้ มูลเป็นช้นั กำรสร้ำงตำรำงแจกแจงควำมถี่โดยวธิ ีน้ีใชไ้ ดก้ บั
ขอ้ มูลจำนวนมำก ทำให้เห็นลกั ษณะกำรกระจำยของขอ้ มูลไดช้ ดั เจน และมีประโยชน์ในกำรวิเครำะห์ขอ้ มูล
มำกกวำ่ กำรแจกแจงควำมถี่โดยวิธีจดั เรียงค่ำของขอ้ มูลตำมลำดบั ดงั น้นั จึงแบ่งขอ้ มูลออกเป็ นช่วง ซ่ึงเรียกว่ำ
อนั ตรภำคช้นั แลว้ หำรอยขีด จำกน้นั นบั รอยขีดเป็นควำมถ่ี

6.3 การแจกแจงความถ่ีโดยใช้กราฟ

กำรแจกแจงควำมถ่ีนอกจำกจะแสดงในรูปตำรำงแลว้ ยงั สำมำรถแสดงโดยวธิ ีของกรำฟไดด้ ว้ ยและ
แบ่งเป็น 3 วธิ ี ดงั น้ี

1. อิสโทแกรม เป็ นกำรนำขอ้ มูลเชิงปริมำณ ที่จะทำใหผ้ อู้ ่ำนเห็นภำพกำรแจกแจงควำมถ่ีโดยเสนอขอ้ มูล
ในรูปแท่งส่ีเหลี่ยมผนื ผำ้ ท่ีวำงต่อเนื่องกนั อยบู่ นแกนนอนซ่ึงควำมสูงแต่ละแท่ง จะแทนจำนวนควำมถ่ีของแต่
ละช้นั ของขอ้ มลู

2. รูปสำมเหล่ียมของควำมถี่ คือ รูปหลำยเหลี่ยมท่ีเกิดจำกกำรลำกโยงเส้นตรงระหวำ่ งจุดก่ึงกลำงของยอด
แท่งส่ีเหล่ียมมุมฉำกของฮิสโทแกรม

3. เส้นโคง้ ควำมถี่ คือ เส้นโคง้ ที่ไดจ้ ำกกำรปรับด้ำนของรูปหลำยเหล่ียมของควำมถี่ให้เรียบข้ึนโดยกำร
ปรับใหพ้ ้นื ท่ีใตเ้ ส้นโคง้ มีพ้ืนที่ใกลเ้ คียงกบั พ้นื ท่ีของรูปหลำยเหลี่ยมของควำมถี่

6.4 การแจกแจงความถีส่ ะสมโดยใช้กราฟ

กรำฟแสดงควำมถี่สะสม เรียกวำ่ เส้นโคง้ ควำมถี่สะสม หรือ เส้นโคง้ โอจีฟ เส้นโคง้ ควำมถ่ีสะสม เป็ น
กรำฟแสดงควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงขอบบนของอนั ตรภำคช้ันกับควำมถี่สะสมแล้วโยงจุดน้ันด้วยส่วนของ
เส้นตรงและปรับให้เป็ นเส้นโคง้ เรียบอนั ตรภำคช้นั กบั ควำมถี่สะสมแลว้ โยงจุดน้นั ดว้ ยส่วนของเส้นตรงและ
ปรับใหเ้ ป็นเส้นโคง้ เรียบ

6. กจิ กรรมการเรียนการสอน

1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1. ผสู้ อนแจง้ จุดประสงคก์ ำรเรียนของหน่วยเรียนท่ี 4 เรื่อง กำรแจกแจงควำมถ่ี
2. ผูส้ อนให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 4 เร่ือง กำรแจกแจงควำมถ่ี และเฉลยใหผ้ เู้ รียน

สลบั กนั ตรวจ
2. ข้นั ให้ความรู้

17.ผสู้ อนยกตวั อยำ่ ง เรื่อง กำรแจกแจงควำมถี่ ใหผ้ เู้ รียนจบั ใจควำมสำคญั ของเน้ือหำในหน่วยกำรเรียนน้ี
18.ผสู้ อนเปิ ดเอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ งำนสำรบรรณ หน่วยที่ 4 เร่ือง กำรแจกแจงควำมถี่
19.ผสู้ อนเปิ ดโอกำสใหผ้ เู้ รียนซกั ถำมในขอ้ สงสยั เม่ืออธิบำยเน้ือหำในหน่วยเรียน
3. ข้ันสรุปและประเมินผล
5. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหำท่ีไดเ้ รียนใหม้ ีควำมเขำ้ ใจในทิศทำงเดียวกนั
6. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยที่ 4 เร่ือง กำรแจกแจงควำมถี่

7. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
14. เอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้ืนฐำน
15. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 4 เร่ือง กำรแจกแจงควำมถ่ี
16. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 4 เร่ือง กำรแจกแจงควำมถี่
17. ทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยที่ 4 เรื่อง กำรแจกแจงควำมถี่

8. การวดั และการประเมินผล
ก่อนเรียน
ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน
ขณะเรียน
1. ตรวจแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 4
หลงั เรียน
1. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยท่ี 4

9. กจิ กรรม/งานทม่ี อบหมาย
ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน, แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 4, แบบทดสอบหลงั เรียน

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 หน่วยที่ 5
ชื่อวชิ า วชิ า คณติ ศาสตร์พนื้ ฐานอาชีพ (20000-1401) สอนสัปดาห์ท่ี 9-10
ชื่อหน่วย ค่าเฉลยี่ เลขคณติ ชั่วโมง 4 ชั่วโมง

ชื่อเรื่อง ค่าเฉลย่ี เลขคณติ ชั่วโมง 2 ชั่วโมง

1. หัวข้อเร่ือง

11. สัญลกั ษณ์กำรบวก
12. คำ่ เฉลี่ยเลขคณิต
2. สมรรถนะประจาหน่วย
- ค่ำเฉลี่ยเลขคณิต
3. สาระสาคญั

ค่ำเฉลี่ยเลขคณิต เป็ นค่ำท่ีไดจ้ ำกกำรหำรผลรวมของขอ้ มูลทุก ๆ ค่ำดว้ ยจำนวนขอ้ มลู ท้งั หมด

4. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ทวั่ ไป
1. เพือ่ ใหม้ ีควำมรู้ควำมเขำ้ ใจเก่ียวกบั เร่ืองกำรวดั แนวโนม้ เขำ้ สู่ส่วนกลำง
2. เพื่อใหป้ ระยกุ ตเ์ ร่ืองกำรวดั แนวโนม้ เขำ้ สู่ส่วนกลำงไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั อยำ่ งมีเหตุผล

พอประมำณ มีภูมิคุม้ กนั
3. เพ่ือใหม้ ีควำมรับผดิ ชอบ มีควำมตรงตอ่ เวลำ มีควำมซ่ือสตั ย์ มีมนุษยสัมพนั ธ์ท่ีดี

และมีควำมสนใจใฝ่ รู้

จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. ใชส้ ัญลกั ษณ์แสดงผลบวกได้
2. หำค่ำของจำนวนท่ีอยใู่ นรูปสญั ลกั ษณ์แสดงผลบวกได้
3. หำค่ำเฉลี่ยเลขคณิตของขอ้ มูลได้

5. เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้

1. สัญลกั ษณ์แทนการบวก

 เรำจะใชส้ ัญลกั ษณ์ “” เป็นอกั ษรกรีก อำ่ นวำ่ ซิกมำ หรือ summation เป็นสัญลกั ษณ์แทนกำรบวก

2. ค่าเฉลยี่ เขคณติ
คำ่ เฉล่ียเลขคณิตหรือมชั ณิมเลขคณิต คือค่ำกลำงของขอ้ มูลท่ีหำไดจ้ ำก ผมรวมของขอ้ มลู ท้งั หมด หำร

ดว้ ยจำนวนขอ้ มลู ท่ีมีอยใู่ นชุดน้นั ๆ นิยมใชก้ นั มำกเพรำะคำนวณไดส้ ะดวกเหมำะสำหรับขอ้ มลู ท่ีมีคำ่ ไม่
แตกต่ำงกนั มำกนกั และมีกำรกระจำยอยำ่ งสม่ำเสมอ ใชส้ ัญลกั ษณ์ แทนค่ำเฉล่ียเลขคณิต

ตวั อย่างท่ี 1 จำกกำรสอบถำมอำยขุ องนกั เรียนกลุ่มหน่ึงเป็นดงั น้ี 14 , 16 , 14 , 17 , 16 , 14 , 18 , 17 จงหำ
ค่ำเฉล่ียเลขคณิตของอำยนุ กั เรียนกลุ่มน้ี

วธิ ีทำ =

= =

= 15.75
ดงั น้นั คำ่ เฉลี่ย อำยนุ กั เรียนกลุ่มน้ี = 15.75 ปี

ตวั อย่างที่ 2 จำกกำรสอบถำมอำยขุ องนกั เรียนกลุ่มหน่ึงเป็นดงั น้ี 14 , 16 , 14 , 17 , 16 , 14 , 18 , 17 จงหำ
คำ่ เฉล่ียเลขคณิตของอำยนุ กั เรียนกลุ่มน้ี

วธิ ีทำ สร้ำงตำรำงแจกแจกควำมถ่ีขอ้ มลู

ค่ำขอ้ มลู ( ) ควำมถี่( ) 42
14 3 32
16 2 34
17 2 18
18 1
. =8 = 126

แทนค่ำสูตร =

=
= 15.75
ดงั น้นั ค่ำเฉลี่ย อำยนุ กั เรียนกลุ่มน้ี = 15.75 ปี
กำรหำคำ่ เฉล่ียเลขคณิตขอ้ มูลท่ีแจกแจงควำมถี่ในกรณีที่ขอ้ มลู เป็นอนั ตรภำคช้นั (Class Interval) หรือ
เรียกส้นั ๆ วำ่ ช้นั หมำยถึง ช่วงของคะแนนในแต่ละพวกท่ีแบง่
ตัวอย่างที่ 3 จำกขอ้ มูลในตำรำงแจกแจงควำมถ่ี จงหำค่ำเฉล่ียเลขคณิต

คะแนน ควำมถี่
5-9 3
10-14 4
15-19 3
20-24 7
25-29 6
30-34 4
35-39 2
40-44 3

. N=32

วธิ ีทำ

คะแนน ควำมถ่ี( จุดกื่งกลำงอนั ตรภำคช้นั (
) )

5-9 3 7 21
48
10-14 4 12 51
154
15-19 3 17 162
128
20-24 7 22 74
126
25-29 6 27
=
30-34 4 32 764

35-39 2 37

40-44 3 42

. N=32 .

แทนคำ่ สูตร =

=
= 23.86 ปี

ดงั น้นั คำ่ เฉล่ีย อำยนุ กั เรียนกลุ่มน้ี = 23.86 ปี

6. กจิ กรรมการเรียนการสอน

ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน
1. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนต้งั คำถำมเกี่ยวกบั สญั ลกั ษณ์แทนกำรบวก
2. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 5 เร่ือง ค่ำกลำงของขอ้ มูล และเฉลยใหผ้ เู้ รียนสลบั กนั ตรวจ

2. ข้ันให้ความรู้
20.ผสู้ อนอธิบำย เร่ือง กำรหำค่ำเฉล่ีย สำคญั ของเน้ือหำในหน่วยกำรเรียนน้ี
21.ผสู้ อนเปิ ดเอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้นื ฐำน หน่วยท่ี 5 เรื่อง กำรหำคำ่ เฉลี่ย
22.ผสู้ อนเปิ ดโอกำสใหผ้ เู้ รียนซกั ถำมในขอ้ สงสยั เม่ืออธิบำยเน้ือหำในหน่วยเรียนจบ

3. ข้ันสรุปและประเมินผล
7. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหำท่ีไดเ้ รียนใหม้ ีควำมเขำ้ ใจในทิศทำงเดียวกนั
8. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยท่ี 5 เร่ือง กำรหำคำ่ เฉลี่ย

7. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
1. เอกสำรประกอบกำรสอนหน่วยที่ 5 เร่ือง กำรหำค่ำเฉล่ีย
2. แบบฝึกทกั ษะที่ 5.1 - 5.2
8. การวดั และการประเมนิ ผล
1. ตรวจแบบฝึกทกั ษะท่ี 5.1 - 5.2
2. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน

9. กจิ กรรม/งานทมี่ อบหมาย
ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน, แบบทดสอบหลงั เรียน

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 หน่วยท่ี 6
ช่ือวชิ า วชิ า คณติ ศาสตร์พนื้ ฐานอาชีพ (20000-1401) สอนสัปดาห์ท่ี 11
ช่ือหน่วย มัธยฐาน ชั่วโมง 2 ชั่วโมง

ชื่อเร่ือง มธั ยฐาน ช่ัวโมง 2 ชั่วโมง

1. หัวข้อเรื่อง

13. กำรหำมธั ยฐำนของขอ้ มูลท่ีไม่ไดแ้ จกแจงควำมถ่ี
14. กำรหำมธั ยฐำนของขอ้ มลู ที่แจกแจงควำมถ่ี
2. สมรรถนะประจาหน่วย
- กำรหำมธั ยฐำน
3. สาระสาคญั

มธั ยฐำน คือ คำ่ กลำงของขอ้ มลู ที่อยตู่ รงตำแหน่งงำน เมื่อเรียงขอ้ มลู จำกนอ้ ยไปหำมำมำก ดงั น้นั คำ่
กลำงของมธั ยฐำนจะอยตู่ รงกลำงของขอ้ มลู ท้งั หมดใชส้ ัญลกั ษณ์ Med

4. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ทวั่ ไป
7. เพื่อใหม้ ีควำมรู้เกี่ยวกบั มธั ยฐำน (ด้านความรู้)
8. เพอื่ ใหม้ ีทกั ษะในกำรหำคำ่ มธั ยฐำน (ด้านทักษะ)
9. เพื่อใหม้ ีเจตคติท่ีดีต่อในกำรหำคำ่ ฐำนนิยม และนำไปใชใ้ นวชิ ำชีพได้ (ด้านเจตคติ)

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง

1. หำค่ำมธั ยฐำนของขอ้ มลู ท่ียงั ไม่แจกแจงควำมถ่ี จำกขอ้ มลู ท่ีกำหนดใหไ้ ด้

2. หำคำ่ มธั ยฐำนของขอ้ มูลท่ีแจกแจงควำมถ่ีแลว้ จำกขอ้ มลู ท่ีกำหนดใหไ้ ด้

5. เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้

มธั ยฐาน

มธั ยฐำน คือ ค่ำกลำงของขอ้ มูลที่อยตู่ รงตำแหน่งกลำง เม่ือเรียงขอ้ มูลจำกนอ้ ยไปหำมำกดงั น้นั ในกำร
หำค่ำมธั ยฐำนของขอ้ มูลใด ๆ หำไดโ้ ดยกำรนำขอ้ มูลเรียงตำมลำดบั จำกค่ำน้อยไปยงั ค่ำมำกแลว้ หำตำแหน่ง

มธั ยฐำนของขอ้ มูลชุดน้นั ซ่ึงจะเป็นตำแหน่งท่ีอยกู่ ่ึงกลำงของขอ้ มลู ท้งั หมด

ตวั อยำ่ งท่ี 1 จงหำมธั ยฐำนของขอ้ มูลต่อไปน้ี 9,10,5,11,14,6,16,17,13

วธิ ีทำ เรียงขอ้ มูลท่ีมีคำ่ นอ้ ยท่ีสุดไปหำขอ้ มลู ที่มีคำ่ มำกที่สุดคือ 5, 6, 9, 10, 11, 13, 14, 16,17

N 1 91

หำตำแหน่งมธั ยฐำน =   5

22

มธั ยฐำนของขอ้ มูล = 11

ตวั อยำ่ งท่ี 2 จงหำมธั ยฐำนของขอ้ มูลต่อไปน้ี 40, 35, 24, 28, 26, 29, 36, 31, 42, 20, 23, 32
วธิ ีทำ เรียงขอ้ มลู จำกขอ้ มูลท่ีมีค่ำนอ้ ยที่สุดไปหำขอ้ มลู ทีมีคำ่ มำกท่ีสุดคือ 20, 23, 24, 26, 28, 29, 31, 32, 35, 36,

40, 42, ซ่ึง n = 12

ตำแหน่งมธั ยฐำน = N 1 12 1

  6.5
22

มธั ยฐำนอยใู่ นตำแหน่ง ท่ี 6.5 อยรู่ ะหวำ่ ง 29 กบั 31

มธั ยฐำน = 29  31

2  30

มธั ยฐำนคือ 30

การหามัธยฐานของข้อมูลที่แจกแจงความถ่ี

 N   fL 
 2 
คำนวณไดจ้ ำกสูตร  L   I
 fm 



เมื่อ Mdn = มธั ยฐำน ( Median )

N

คือ ตำแหน่งของมธั ยฐำน

2

L คือ ขอบล่ำงที่แทจ้ ริงของช้นั ท่ีมีมธั ยฐำนอยู่
i คือ ควำมกวำ้ งของอนั ตรภำคช้นั
 fL คือ ควำมถ่ีสะสมช้นั ท่ีอยกู่ ่อนช้นั ท่ีมีมธั ยฐำนไปหำคะแนนนอ้ ย
fm คือ ควำมถ่ีของช้นั ท่ีมีมธั ยฐำน

ตวั อย่าง จงหำคำ่ มธั ยฐำนของขอ้ มลู ตอ่ ไปน้ี

คะแนน ควำมถี่

1-10 6

11-20 12

21-30 10

31-40 2

วธิ ีทา กำรทำขอ้ น้ีใหท้ ำกำรหำควำมถี่สะสมก่อนเพ่อื คำนวนหำตำแหน่งของมธั ยฐำน

คะแนน ควำมถี่(f) ควำมถี่สะสม(F)

1-10 6 6

11-20 12 18

21-30 10 28

31-40 2 30

จำกตำรำงจะเห็นวำ่ ควำมถ่ึสะสมในอนั ตรภำคช้นั สุดทำ้ ยคือ 30 นน่ั หมำยควำมวำ่ มีขอ้ มูลอยู่ 30 ตวั

N

น้นั เอง ต่อไปก็คำนวณหำตำแหน่งของ มธั ยฐำน โดยใชส้ ูตร

2

N 30

ตำแหน่งมธั ยฐำน   15 นนั่ หมำยควำมวำ่ มธั ยฐำนคือขอ้ มูลตวั ที่ 15 และจำกตำรำงขำ้ งบนในช่อง

22

ควำมถ่ีสะสมทำใหเ้ รำรู้วำ่ ขอ้ มูลตวั ที่ 15 อยใู่ นอนั ตรภำคช้นั ท่ี 2

จำกสูตรมธั ยฐำน

 N   f L 
 2 
 L   I
 fm 



 15  6 10
 12
 10.5 

 18

6. กจิ กรรมการเรียนการสอน

ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน

1. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนต้งั คำถำมเกี่ยวกบั สัญลกั ษณ์แทนกำรบวก
2. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 6 เร่ือง มธั ยฐำน และเฉลยใหผ้ เู้ รียนสลบั กนั ตรวจ

2. ข้นั ให้ความรู้

23.ผสู้ อนอธิบำย เร่ือง มธั ยฐำน สำคญั ของเน้ือหำในหน่วยกำรเรียนน้ี
24.ผสู้ อนเปิ ดเอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้นื ฐำน 6 เร่ือง มธั ยฐำน
25.ผสู้ อนเปิ ดโอกำสใหผ้ เู้ รียนซกั ถำมในขอ้ สงสยั เมื่ออธิบำยเน้ือหำในหน่วยเรียนจบ
3. ข้ันสรุปและประเมินผล

9. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหำท่ีไดเ้ รียนใหม้ ีควำมเขำ้ ใจในทิศทำงเดียวกนั
10. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยที่ 6 เรื่อง มธั ยฐำน

7. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
1. เอกสำรประกอบกำรสอนหน่วยท่ี 6 เร่ือง มธั ยฐำน
2. แบบฝึกทกั ษะท่ี 6
8. การวดั และการประเมนิ ผล
1. ตรวจแบบฝึกทกั ษะท่ี 6

2. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน

9. กจิ กรรม/งานทมี่ อบหมาย

ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน, แบบทดสอบหลงั เรียน

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 หน่วยที่ 7
ช่ือวชิ า วชิ า คณติ ศาสตร์พนื้ ฐานอาชีพ (20000-1401) สอนสัปดาห์ท่ี 12
ชื่อหน่วย ฐานนิยม ชั่วโมง 2 ช่ัวโมง

ชื่อเร่ือง ฐานนิยม ชั่วโมง 2 ชั่วโมง

1. หัวข้อเร่ือง

15. ฐำนนิยม
16. ขอ้ สงั เกตและหลกั เกณฑท์ ี่สำคญั ในกำรใชค้ ำ่ กลำงชนิดต่ำงๆ
2. สมรรถนะประจาหน่วย
- ฐำนนิยม
3. สาระสาคญั

ฐำนนิยม คือ คำ่ ของขอ้ มลู ที่มีควำมถ่ีสูงสุด หรือขอ้ มลู ตวั ที่ซ้ำกนั มำกท่ีสุดใชส้ ัญลกั ษณ์ Mod

4. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ทวั่ ไป
10. เพื่อใหม้ ีควำมรู้เกี่ยวกบั ฐำนนิยม (ด้านความรู้)
11. เพอื่ ใหม้ ีทกั ษะในกำรหำฐำนนิยม (ด้านทักษะ)
12. เพื่อใหม้ ีเจตคติที่ดีต่อในกำรหำคำ่ ฐำนนิยม และนำไปใชใ้ นวชิ ำชีพได้ (ด้านเจตคติ)

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง

1. หำฐำนนิยมของขอ้ มลู ท่ีมีแจกแจงควำมถี่ จำกขอ้ มลู ที่กำหนดใหไ้ ด้

5. เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้

ฐานนิยม

ฐำนนิยมคือ คำ่ ของขอ้ มลู ท่ีมีควำมถ่ีสูงสุด หรือ ขอ้ มลู ตวั ท่ีซ้ำกนั มำกที่สุดใชส้ ัญลกั ษณ์ Mo หรือ Mode
แทนฐำนนิยม

ฐานนิยมของข้อมูลทยี่ งั ไม่แจกแจงความถ่ี

หำไดจ้ ำกกำรพิจำรณำบรรดำขอ้ มูลท้งั หมด ขอ้ มูลค่ำใดท่ีมีควำมถี่สูงสุดขอ้ มูลค่ำน้นั จะเป็ นฐำนนิยม
ของขอ้ มูลชุดน้นั

ตวั อยำ่ ง
ขอ้ มลู ชุดท่ี 1 คือ 3,5,6,6,6,7,10,2 จะไดว้ ำ่ ฐำนนิยมคือ 6
ขอ้ มูลชุดที่ 2 คือ 2,5,5,8,9,10,11,8 จะไดว้ ำ่ ฐำนนิยมของขอ้ มูลชุดน้ีมี 2 ค่ำ คือ 5 และ 8 เน่ืองจำกขอ้ มูลท้งั สอง
คำ่ มีจำนวน 2 ตวั เทำ่ กนั และขอ้ มลู ค่ำอ่ืน ๆ มีเพยี งตวั เดียว
ขอ้ มูลชุดท่ี 3 คือ 1,1,1,2,3,3,3,5,6,6,6,7 จะไดว้ ำ่ ขอ้ มูลชุดน้ีจำนวนตวั ที่ซ้ำมำกท่ีสุดคือ 3 ตวั ซ่ึงมีขอ้ มูลถึงสำม
คำ่ ในชุดน้ีที่ซ้ำกนั 3 ตวั น้นั คือ 1,3 และ 6 ดงั น้นั ขอ้ มูลชุดน้ีถือวำ่ ไม่มีฐำนนิยม
ฐานนิยมของข้อมูลทแ่ี จกแจงความถี่แล้ว

ตวั อย่างที่ 1 จงหำฐำนนิยมของขอ้ มูลแจกแจงควำมถี่ต่อไปน้ี

คะแนน จานวน
นักเรียน

40−49 2

50−59 5

60−69 17

70−79 9

80−89 8

จำกตำรำงแจกแจงควำมถ่ีที่กำหนดให้ สงั เกตุวำ่ ควำมกวำ้ งทุกช้นั เทำ่ กนั เรำจึงสำมำรถบอกไดเ้ ลยวำ่ ฐำนนิยม
อยใู่ นช้นั ท่ีควำมถี่สูงสุด น้นั กค็ ือ ช้นั ที่ 33

 ขอบล่ำงของช้นั ที่ 3 คือ 59.5
 ควำมกวำ้ งช้นั คือ I=10

 ผลตำ่ งของจำนวนคนช้นั น้นั กบั ช้นั ก่อนหนำ้ คือ d1  17  5  12
 ผลตำ่ งของจำนวนคนช้นั น้นั กบั ช้นั ถดั ไป คือ d2  17  9  8

จำกสูตรฐำนนิยม  L  I  d1 
 d1  d2 

 59.5  10 12 8 
12  

 59.5  6

 65.5

6. กจิ กรรมการเรียนการสอน

ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน

1. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนต้งั คำถำมเกี่ยวกบั ฐำนนิยม
2. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 7 เร่ือง ฐำนนิยม และเฉลยใหผ้ เู้ รียนสลบั กนั ตรวจ

2. ข้นั ให้ความรู้

26.ผสู้ อนอธิบำย เร่ือง ฐำนนิยม สำคญั ของเน้ือหำในหน่วยกำรเรียนน้ี
27.ผสู้ อนเปิ ดเอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้ืนฐำน 7 เรื่อง ฐำนนิยม
28.ผสู้ อนเปิ ดโอกำสใหผ้ เู้ รียนซกั ถำมในขอ้ สงสยั เม่ืออธิบำยเน้ือหำในหน่วยเรียนจบ
3. ข้นั สรุปและประเมินผล

11. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหำท่ีไดเ้ รียนใหม้ ีควำมเขำ้ ใจในทิศทำงเดียวกนั
12. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยที่ 7 เรื่อง ฐำนนิยม
7. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
1. เอกสำรประกอบกำรสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง ฐำนนิยม
2. แบบฝึกทกั ษะท่ี 7
8. การวดั และการประเมินผล

1. ตรวจแบบฝึกทกั ษะท่ี 7

2. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน

9. กจิ กรรม/งานทมี่ อบหมาย

ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน, แบบทดสอบหลงั เรียน

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 8 หน่วยที่ 8
ชื่อวชิ า วชิ า คณติ ศาสตร์พนื้ ฐานอาชีพ (20000-1401) สอนสัปดาห์ท่ี 13
ช่ือหน่วย การวดั ตาแหน่งข้อมูล ช่ัวโมง 2 ช่ัวโมง

ช่ือเร่ือง การวดั ตาแหน่งข้อมูล ช่ัวโมง 2 ช่ัวโมง

1. หวั ข้อเร่ือง

1. กำรวดั ตำแหน่งของขอ้ มูลแบบเปอร์เซ็นตไ์ ทล์
2. กำรหำเปอร์เซ็นตไ์ ทลข์ องขอ้ มลู ท่ีไม่ไดแ้ จกแจงควำมถี่
3. กำรหำเปอร์เซ็นตไ์ ทลข์ องขอ้ มลู ที่แจกแจงควำมถี่
2. สมรรถนะประจาหน่วย
- วดั ตำแหน่งของขอ้ มลู
3. สาระสาคญั

เปอร์เซ็นไทล์เป็ นกำรวดั ตำแหน่งของขอ้ มูลที่แบ่งขอ้ มูลท้งั หมดออกเป็ น 100 ส่วนเท่ำ ๆ กนั เม่ือเรียง

ขอ้ มูลจำกน้อยไปหำมำก ค่ำที่ตรสงกบั จุดแบ่ง 99 จุด เรียกว่ำ เปอร์เซ็นไทล์ที่หน่ึง เปอร์เซ็นต์ไทล์ท่ีสอง

เปอร์เซ็นตไ์ ทลท์ ่ีสำม ……… เปอร์เซ็นตไ์ ทลท์ ี่สิบเกำ้ ตำมลำดบั

4. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ทวั่ ไป
13. เพื่อใหม้ ีควำมรู้เกี่ยวกบั กำรวดั ตำแหน่งของขอ้ มลู (ด้านความรู้)
14. เพอื่ ใหม้ ีทกั ษะในกำรหำเปอร์เซ็นตไ์ ทลข์ องขอ้ มลู แจกแจงควำมถี่ ด้านทักษะ)
15. เพือ่ ใหม้ ีเจตคติที่ดีนำเอำควำมรู้เรื่องกำรวดั ตำแหน่งของขอ้ มลู ไปประยกุ ตใ์ นวชิ ำชีพ (ด้านเจตคติ)

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง

1. อธิบำยกำรวดั ตำแหน่งของขอ้ มลู แบบเปอร์เซ็นตไ์ ทลไ์ ด้ (ด้านความรู้)
2. หำเปอร์เซ็นตไ์ ทลข์ องขอ้ มลู ท่ีไม่ไดแ้ จกแจงควำมถ่ีได้ (ด้านทักษะ)
3. นำเอำควำมรู้เร่ืองกำรวดั ตำแหน่งของขอ้ มลู ไปประยกุ ตใ์ นวชิ ำชีพ (ด้านเจตคติ)

5. เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้
1. การวดั ตาแหน่งข้อมูลแบบเปอร์เซ็นไทล์

กำรแปลงข้อมูลที่กำหนดให้เป็ นตำแหน่งเปอร์เซ็นไทล์ ใช้มำกในกำรวิจยั ทำงกำรศึกษำและจิตวิทยำ
อุตสำหกรรม เช่น เม่ือสร้ำงแบบทดสอบข้ึนมำฉบบั หน่ึง ผูส้ ร้ำงจะตอ้ งนำขอ้ สอบไปสอบกบั กลุ่มเป้ ำหมำย
จำนวนมำก ๆ ตำแหน่งของเปอร์เซ็นไทล์ จะเป็นตวั ช้ีวดั วำ่ ผเู้ ขำ้ สอบแตล่ ะคนอยใู่ นตำแหน่งใดของกลุ่ม

เปอร์เซ็นไทล์ เป็ นกำรวดั ตำแห่นงของขอ้ มูลท่ีแบ่งขอ้ มูลท้งั หมดออกเป็ น 100 ส่วนเท่ำ ๆ กนั เมื่อเรียง
ขอ้ มลู จำกนอ้ ยไปหำมำก ค่ำที่ตรงกบั จุด 99 จุด เรียกวำ่ เปอร์เซ็นไทลท์ ่ีหน่ึง เปอร์เซ็นไทลท์ ี่สอง เปอร์เซ็นไทล์
ที่สำม………..เปอร์เซ็นไทลท์ ่ีเกำ้ สิบเกำ้ ตำมลำดบั

2 การหาเปอร์เซ็นไทล์ของข้อมูลทไี่ ม่ได้แจกแจงความถ่ี
ใชว้ ธิ ีกำรหำแบบเดียวกบั กำรหำมธั ยฐำน ตำมลำดบั ข้นั ตอน ดงั น้ี

1. นำเอำขอ้ มลู ท้งั หมดมำเรียงจำกนอ้ ยไปหำมำก
2. หำตำแหน่งของคำ่ เปอร์เซ็นไทลท์ ่ีตอ้ งกำรดงั น้ี

3 การหาเปอร์เซ็นไทล์ของข้อมูลทแ่ี จกแจงความถ่ีแล้ว
สำหรับขอ้ มูลท่ีแจกแจงควำมถี่แลว้ เรำตอ้ งสร้ำงควำมถี่สะสม และปรับตำแหน่งของเปอร์เซ็นไทล์

ดว้ ยกำรเทียบจำนวนของขอ้ มลู ท้งั หมด (N) ไม่ใช่ N + 1 นนั่ คือ
1. เรียงขอ้ มูลจำกนอ้ ยไปหำมำก
2. หำตำแหน่งเปอร์เซ็นไทลด์ งั น้ี

6. กจิ กรรมการเรียนการสอน

6. กจิ กรรมการเรียนการสอน
1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน

1. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 8 เรื่อง กำรวดั ตำแหน่งของขอ้ มูล และเฉลยให้
ผเู้ รียนสลบั กนั ตรวจ
2. ข้ันให้ความรู้

29.ผสู้ อนเปิ ด power point วชิ ำคณิตศำสตร์พ้ืนฐำน หน่วยที่ 8 เรื่อง กำรวดั ตำแหน่งของขอ้ มูล ให้ผเู้ รียน
จบั ใจควำมสำคญั ของเน้ือหำในหน่วยกำรเรียนน้ี

30.ผสู้ อนเปิ ดเอกสำรประกอบกำรสอนวิชำ คณิตศำสตร์พ้ืนฐำน หน่วยท่ี 8 เร่ือง กำรวดั ตำแหน่งของ
ขอ้ มูล

31.ผสู้ อนเปิ ดโอกำสใหผ้ เู้ รียนซกั ถำมในขอ้ สงสยั เม่ืออธิบำยเน้ือหำในหน่วยเรียนจบ
3. ข้นั สรุปและประเมินผล

13. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหำที่ไดเ้ รียนใหม้ ีควำมเขำ้ ใจในทิศทำงเดียวกนั
14. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยที่ 8 เรื่อง กำรแปรผนั

7. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
18. เอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้ืนฐำน
19. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 8 เร่ือง กำรวดั ตำแหน่งของขอ้ มูล
20. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 8 เร่ือง กำรวดั ตำแหน่งของขอ้ มูล
21. ทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยท่ี 8 เรื่อง กำรวดั ตำแหน่งของขอ้ มลู

8. การวดั และการประเมนิ ผล
1. จดั เตรียมเอกสำร สื่อกำรเรียนกำรสอนหน่วยท่ี 8
2. ทำควำมเขำ้ ใจเก่ียวกบั จุดประสงคก์ ำรเรียนของหน่วยท่ี 8
3. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 8

9. กจิ กรรม/งานทมี่ อบหมาย

แบบทดสอบก่อนเรียน, แบบฝึกหดั หน่วยที่ 8, แบบทดสอบหลงั เรียน

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9 หน่วยท่ี 9
ช่ือวชิ า วชิ า คณติ ศาสตร์พนื้ ฐานอาชีพ (20000-1401) สอนสัปดาห์ท่ี 14-15
ชื่อหน่วย การวดั การกระจายของข้อมูล ชั่วโมง 4 ช่ัวโมง

ชื่อเร่ือง การวดั การกระจายของข้อมูล ช่ัวโมง 2 ช่ัวโมง

1. หัวข้อเร่ือง

17. กำรวดั กำรกระจำยสมั บูรณ์
18. กำรวดั กำรกระจำยสมั พนั ธ์
2. สมรรถนะประจาหน่วย
- กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มลู
3. สาระสาคญั

กำรวดั กำรกระจำยสัมบูรณ์เป็ นกำรวดั กระจำยของขอ้ มูลเพียงชุดเดียวเพื่อศึกษำวำ่ ขอ้ มูลนน่ั มีค่ำ

ใกลเ้ คียงกนั หรือแตกต่ำงกนั มำกนอ้ ยเพียงใด ซ่ึงมีท้งั หมด 4 วธิ ี 1. พิสัย 2. ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์ 3. ส่วน

เบี่ยงเบนเฉลี่ย 4. ส่วนเบี่ยงมำตรฐำน

4. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ทว่ั ไป
16. เพ่ือใหม้ ีควำมรู้เกี่ยวกบั กำรวดั กำรกระจำยสัมบรู ณ์ (ด้านความรู้)
17. เพื่อใหม้ ีทกั ษะในกำรคำนวณหำคำ่ ส่วนเบ่ียงแบนมำตรฐำนจำกขอ้ มลู ที่กำหนดให้ (ด้านทักษะ)
18. เพ่ือใหม้ ีเจตคติท่ีดีในกำรเปรียบเทียบกำรกระจำยของขอ้ มูลต่ำงชุดกนั โดยกำรใชส้ ัมประสิทธ์ิของ
กำรแปรผนั เป็นเกณฑใ์ นกำรตดั สินได้ (ด้านเจตคติ)

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง

1. อธิบำยกำรวดั กำรกระจำยสัมบรู ณ์ได้ (ด้านความรู้)
2. เขำ้ ใจกำรวดั กำรกระจำยสัมพนั ธ์ได้ (ด้านความรู้)
3. คำนวณหำคำ่ ส่วนเบ่ียงแบนมำตรฐำนจำกขอ้ มูลที่กำหนดใหไ้ ด้ (ด้านทักษะ)
4. คำนวณหำคำ่ กำรแปรปรวนจำกขอ้ มลู ที่กำหนดใหไ้ ด้ (ด้านทักษะ)
5. คำนวณหำค่ำสัมประสิทธ์ิของกำรแปรผนั จำกขอ้ มลู ท่ีกำหนดใหไ้ ด้ (ด้านทักษะ)
6. เปรียบเทียบกำรกระจำยของขอ้ มูลต่ำงชุดกนั โดยกำรใชส้ ัมประสิทธ์ิของกำรแปรผนั เป็ นเกณฑใ์ นกำร

ตดั สินได้ (ด้านเจตคติ)

5. เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้
1. การวดั การกระจายสัมบูรณ์

เป็นกำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มลู เพยี งชุดเดียว เพือ่ ศึกษำวำ่ ขอ้ มลู นน่ั มีคำ่ ใกลเ้ คียงกนั หรือแตกต่ำงกนั
มำกนอ้ ยเพียงใด ซ่ึงมีท้งั หมด 4 วธิ ีดงั น้ี

1. พิสัย
2. ส่วนเบ่ียงเบนควอไทล์
3. ส่วนเบี่ยงเบนเฉลี่ย
4. ส่วนเบ่ียงมำตรฐำน

สมบตั บิ างประการของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
1. ส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำนของขอ้ มลู ชุดหน่ึง ๆ จะมีค่ำเป็ นบวกหรือศูนยเ์ สมอ
2. ถำ้ ขอ้ มูลแตล่ ะตวั มีคำ่ เพมิ่ ข้ึนหรือลดลงเทำ่ ๆ กนั ทุกจำนวนค่ำของส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำนจะยงั มีคำ่ เท่ำ
เดิม
3. ถำ้ ขอ้ มลู แต่ละตวั คูณหรือหำรดว้ ยค่ำคงตวั ท่ีใด ๆ แลว้ คำ่ ของส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำนจะมีคำ่ เท่ำกบั ส่วน
เบี่ยงเบนมำตรฐำนเดิมคูณหรือหำรดว้ ยคำ่ สมั บูรณ์ของคำ่ คงที่น้นั
4. ถำ้ ขอ้ มูลชุดหน่ึงมีค่ำเท่ำกนั หมดแลว้ ส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำนของขอ้ มูลชุดน้นั จะมีค่ำเท่ำกบั ศูนย์
ควำมแปรปรวน เนื่องจำกส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำนมีควำมยงุ่ ยำก ในกำรถอดรำกท่ีสองจะนิยมใชค้ วำม

แปรปรวนแทน ควำมแปรปรวนคือคำ่ ของส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำนยกกำลงั สอง ใชส้ ัญลกั ษณ์

2. การวดั การกระจายสัมพทั ธ์

กำรวดั กำรกระจำยสัมพทั ธ์เป็ นกำรวดั กระจำยขอ้ มูลต้งั แต่สองชุดข้ึนไป เพ่ือนำมำเปรียบเทียบกำร
กระจำยของขอ้ มลู

กำรวดั กำรกระจำยสัมพทั ธ์จะใชอ้ ตั รำส่วนของค่ำกำรวดั กำรกระจำยสัมบูรณ์กบั ค่ำกลำงของขอ้ มูลชุด
น้นั ๆ

กำรวดั กำรกระจำยสัมพทั ธ์มีท้งั หมด 4 วธิ ีดงั น้ี

1. สัมประสิทธ์ิของพิสัย
2. สัมประสิทธ์ิของส่วนเบ่ียงเบนควอร์ไทล์
3. สมั ประสิทธ์ิของส่วนเบี่ยงบนเฉล่ีย
4. สัมประสิทธ์ิกำรแปรผนั

เน่ืองจำกส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำน เป็ นค่ำของกำรวดั กระจำยท่ีนิยมใชก้ นั มำกในกำรคำนวณสถิติข้นั สูง
ดงั น้นั ในท่ีน้ีจึงจะขอกล่ำวถึงเฉพำะสัมประสิทธ์ิกำรแปรผนั ซ่ึงมีควำมเกี่ยวขอ้ งกบั ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน
เทำ่ นน่ั

6. กจิ กรรมการเรียนการสอน
1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน

1. ผสู้ อนแจง้ สำระสำคญั ของหน่วยเรียนที่ 9 เร่ือง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มลู
2. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 9 เรื่อง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มูล และเฉลยให้
ผเู้ รียนสลบั กนั ตรวจ
2. ข้นั ให้ความรู้
1. ผสู้ อนยกตวั อยำ่ ง เน้ือหำ หน่วยที่ 9 เร่ือง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มลู ใหผ้ เู้ รียนจบั ใจควำมสำคญั
ของเน้ือหำในหน่วยกำรเรียนน้ี
2. ผสู้ อนเปิ ดเอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้นื ฐำน หน่วยที่ 9 เรื่อง กำรวดั กำรกระจำยของ
ขอ้ มลู
3. ผสู้ อนเปิ ดโอกำสใหผ้ เู้ รียนซกั ถำมในขอ้ สงสัยเม่ืออธิบำยเน้ือหำในหน่วยเรียนจบ

4. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหำท่ีไดเ้ รียนใหม้ ีควำมเขำ้ ใจในทิศทำงเดียวกนั

5. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยที่ 8 เรื่อง กำรแปรผนั

3. ข้นั สรุปและประเมินผล

1. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยท่ี 9 เรื่อง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มูล

1. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหำท่ีไดเ้ รียนใหม้ ีควำมเขำ้ ใจในทิศทำงเดียวกนั
7. สื่อและแหล่งการเรียนรู้

22. เอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้ืนฐำน
23. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 9 เรื่อง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มลู
24. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 9 เร่ือง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มลู
25. ทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยที่ 9 เรื่อง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มูล
8. การวดั และการประเมนิ ผล
ก่อนเรียน

ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

2. ตรวจแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 9
หลงั เรียน

2. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยท่ี 9
9. กจิ กรรม/งานทม่ี อบหมาย

แบบทดสอบก่อนเรียน, แบบฝึกหดั หน่วยที่ 9, แบบทดสอบหลงั เรียน

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 10 หน่วยที่ 10
ช่ือวชิ า วชิ า คณติ ศาสตร์พนื้ ฐานอาชีพ (20000-1401) สอนสัปดาห์ที่ 16-17
ช่ือหน่วย การวดั การกระจายของข้อมูล (ต่อ) ช่ัวโมง 4 ช่ัวโมง

ช่ือเรื่อง การวดั การกระจายของข้อมูล (ต่อ) ชั่วโมง 2 ชั่วโมง

1. หวั ข้อเรื่อง

19. ควำมสมั พนั ธ์ของเส้นโคง้ ควำมถี่กบั ค่ำกลำงของขอ้ มูล
20. กำรเปรียบเทียบกำรกระจำยของขอ้ มูลจำกโคง้ ปกติ
21. คะแนนมำตรฐำน
2. สมรรถนะประจาหน่วย
- กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มูล
3. สาระสาคญั

ควำมสัมพนั ธ์ของเส้นโคง้ ควำมถี่กบั ค่ำกลำงของขอ้ มูล เป็ นขอ้ มูลท่ีอยู่ในรูปของอนั ตรภำคช้นั
หรือขอ้ มูลที่แจกแจงควำมถี่แลว้ เมื่อนำมำเขียนกรำฟเส้นโคง้ ควำมถ่ีจะเกิดกรำฟ 3 ลกั ษณะ 1. เส้นโคง้ ปกติ

หรือรูประฆงั 2. เส้นโคง้ เบข้ วำหรือทำงบวก 3. เส้นโคง้ เบซ้ ำ้ ยหรือทำงลบ

4. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ทว่ั ไป
19. เพ่ือใหม้ ีควำมรู้เกี่ยวกบั ควำมหมำยของคะแนนมำตรฐำน (ด้านความรู้)
20. เพอ่ื ใหม้ ีทกั ษะในกำรคำนวณคำนวณหำคำ่ คะแนนมำตรฐำน (ด้านทักษะ)
21. เพ่อื ใหม้ ีเจตคติที่ดีในกำรเปรียบเทียบกำรกระจำยของขอ้ มูลต่ำงชุดกนั โดยกำรใชส้ ัมประสิทธ์ิของ
กำรแปรผนั เป็นเกณฑใ์ นกำรตดั สินได้ (ด้านเจตคติ)

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง

1. อธิบำยควำมหมำยของคะแนนมำตรฐำนได้ (ด้านความรู้)
2. บอกลกั ษณะของเส้นโคง้ ควำมถี่ได้ (ด้านความรู้)
3. คำนวณหำค่ำคะแนนมำตรฐำนได้ (ด้านทักษะ)
4. แกโ้ จทยป์ ัญหำเกี่ยวกบั คะแนนมำตรฐำนได้ (ด้านทักษะ)
5. เปรียบเทียบกำรกระจำยของขอ้ มลู จำกโคง้ ปกติได้ (ด้านเจตคติ)

5. เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้
1. ความสัมพนั ธ์ของเส้นโค้งความถก่ี บั ค่ากลางของข้อมูล

ขอ้ มูลที่อยใู่ นรูปของอนั ตรภำคช้นั หรือขอ้ มลู ที่แจกแจงควำมถ่ีแลว้ เม่ือนำมำเขียนกรำฟเส้นโคง้ ควำมถ่ี
แลว้ จะเกิดกรำฟ 3 ลกั ษณะ ดงั น้ี

1. เส้นโคง้ ปกติหรือรูประฆงั กรำฟชนิดน้ีจะมีคำ่ เฉล่ีย เลขคณิต มธั ยฐำน ฐำนนิยม อยทู่ ี่ตำแหน่งเดียวกนั
คือตำแหน่งท่ีมีควำมถี่สูงสุด ดงั รูป

2. เส้นโคง้ เบท้ ำงขวำหรือทำงบวก กรำฟชนิดน้ีจะมีส่วนของเส้นโคง้ ท่ีมีควำมชนั นอ้ ยอยทู่ ำงขวำมือ โดย
มีคำ่ เฉลี่ยเลขคณิตมำกท่ีสุดรองลงมำคือมธั ยฐำนและฐำนนิยมจำมลำดบั ดงั รูป

3. เส้นโคง้ เบท้ ำงซำ้ ยหรือทำงลบ กรำฟชนิดน้ีจะมีส่วนของเส้นโคง้ ท่ีมีควำมชนั นอ้ ยอยทู่ ำงซำ้ ย โดยมีคำ่
ฐำนนิยมมำกท่ีสุด รองลงมำคือมธั ยฐำน และค่ำเฉล่ียเลขคณิตตำมลำดบั ดงั รูป

2. การเปรียบเทยี บการกระจายของข้อมูลจากโค้งปกติ
ในกำรเปรียบเทียบกำรกระจำยของขอ้ มลู จำกโคง้ ปกติ เรำจะพิจำรณำจำกรูปลกั ษณะของกรำฟถำ้ โคง้

ปกติมีลกั ษณะโด่งมำก ขอ้ มูลจะมีกำรกระจำยนอ้ ย ถำ้ โคง้ ปกติมีลกั ษณะโด่งนอ้ ยหรือคอ่ นขำ้ งแบน ขอ้ มูลจะ
กระจำยมำก ดงั รูป

4. คะแนนมาตรฐาน
คะแนนมำตรฐำน คือ คำ่ ของตวั เลขท่ีใชเ้ ปรียบเทียบคำ่ ของขอ้ มลู ของตวั แปรท้งั สองตวั ข้ึนไป ซ่ึงกำร

เปรียบเทียบน้ีจะเป็ นกำรเปรียบเทียบในเชิงคุณภำพ เช่น ตอ้ งกำรเปรียบเทียบผลกำรเรียนวิชำคณิตศำสตร์กบั
วชิ ำสงั คมศึกษำ ของนกั เรียนคนหน่ึง วำ่ เขำจะเรียนวชิ ำใดไดด้ ีกวำ่ เรำจะนำคะแนนดิบท่ีนกั เรียนคนน้ีทำให้ได้
ท้งั สองวชิ ำมำเปรียบเทียบกนั แลว้ สรุปเลยไม่ไดถ้ ึงแมว้ ชิ ำท้งั สองจะมีคะแนนเต็มเท่ำกนั ก็ตำม เพรำะควำมยำก
ง่ำยของแต่ละวิชำไม่เหมือนกัน ดังน้ันเรำจึงต้องแปลงคะแนนที่เขำสอบได้ในแต่ละวิชำให้เป็ นคะแนน
มำตรฐำนก่อนโดยกำรนำคะแนนท่ีสอบได้น้ันลบออกด้วยค่ำเฉล่ียเลขคณิต แล้วหำรด้วยส่วนเบี่ยงเบน
มำตรฐำน ในแตล่ ะวชิ ำ ถำ้ คะแนนมำตรฐำนของวชิ ำใดสูงกวำ่ ถือวำ่ เขำสอบไดด้ ีกวำ่

6. กจิ กรรมการเรียนการสอน

1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน

1. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 10 เรื่อง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มูล(ต่อ) หนำ้ ท่ี

174 และเฉลยใหผ้ เู้ รียนสลบั กนั ตรวจ

2. ข้นั ให้ความรู้ (120 นาท)ี

32.ผสู้ อนเปิ ด power point วิชำคณิตศำสตร์พ้ืนฐำน หน่วยท่ี 10 เร่ือง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มูล (ต่อ)
ใหผ้ เู้ รียนจบั ใจควำมสำคญั ของเน้ือหำในหน่วยกำรเรียนน้ี

33.ผสู้ อนเปิ ดเอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้นื ฐำน หน่วยท่ี 10 เร่ือง กำรวดั กำรกระจำยของ
ขอ้ มูล(ต่อ)

34.ผสู้ อนเปิ ดโอกำสใหผ้ เู้ รียนซกั ถำมในขอ้ สงสยั เมื่ออธิบำยเน้ือหำในหน่วยเรียนจบ
3. ข้นั สรุปและประเมินผล

1. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยท่ี 10 เร่ือง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มูล (ต่อ)

2. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหำที่ไดเ้ รียนใหม้ ีควำมเขำ้ ใจในทิศทำงเดียวกนั
7. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้

26. เอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้ืนฐำน
27. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 10 เรื่อง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มูล
28. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 10 เร่ือง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มูล(ต่อ) ทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยที่

10 เรื่อง กำรวดั กำรกระจำยของขอ้ มูล
8. การวดั และการประเมนิ ผล

ก่อนเรียน

ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน

ขณะเรียน

3. ตรวจแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 10
หลงั เรียน

3. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยท่ี 10
9. กจิ กรรม/งานทมี่ อบหมาย

แบบทดสอบก่อนเรียน, แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 10, แบบทดสอบหลงั เรียน

วชิ า คณิตศาสตร์พนื้ ฐานอาชีพ บนั ทกึ หลงั การสอน
ชื่อหน่วย
รหัสวิชา 20000 – 1401 หน่วยที่ สอนครงั้ ที่ 0
จานวนชว่ั โมง 2 ช่วั โมง

บนั ทึก วธิ แี ก้ปัญหา

สอนตามจดุ ประสงค์ที่กาหนดไว้
เน้ือหาครบสมบูรณต์ ามแผนการสอน
กิจกรรมการเรยี นการสอนเป็นไปตามแผนการสอน
ใช้ส่ือการสอนตามแผนการสอน
การวดั ผลประเมนิ ผลเป็นไปตามแผนการสอน
อื่น ๆ ระบุ......................................................
ปัญหาและการแกไ้ ขปญั หา

ปัญหาท่ีพบหลงั การสอน

จานวนนกั เรยี นท่ีสอน......................คน
นกั เรียนท่ขี าดเรียน..........................คน
หมายเหตุ (ใส่ช่ือ-สกลุ /เลขที่/แผนกวิชา) ……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………….

ลงช่ือ.........................................................
( นางสาวกิติยา จากรัมย์ )
ครูผูส้ อน

วนั ท่.ี ........เดือน .............................พ.ศ. ...........

วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออก

แบบสรุปผลการประเมินดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์(จิตพิสยั )

รหสั วชิ า20000-1401 รายการประเมิน
ช่ือวิชา คณิตศาสตร์พ้นื ฐานอาชีพ ความ ีมม ุนษสัมพัน ์ธ
ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2562 ความ ีม ิวนัย
แผนกวชิ าก่อสร้าง ความ ัรบ ิผดชอบ
อาจารยท์ ่ีปรึกษา นายมณี คาเสมอ ความ ่ืซอสัตว์ ุสจ ิรต
ความเ ื่ชอมั่นในตนเอง
ท่ี ชื่อ-นามสกุล การประหยัด
1 นางสาวกนกกร พลอยคีรี ความสนใจไ ่ฝ ู้ร
2 นายคณิติณ ศรีจนั ทร์ ความ ัรกสามัค ีค
3 นางสาวจีรนนั ทร์ ผิวอ่อนดี ความกตัญ ูญ
4 นายณฐั พงษ์ ฉายพนั ธุ์ ละเว้น ิ่สงเสพ ิตด/การพนัน
5 นางสาวณฐั วรรณ วงั เวง ความ ิคด ิรเ ิ่รมส ้รางสรรค์
6 นายธนศาสตร์ มาลาสุวรรณ การ ่ึพงตนเอง
7 นางสาวธนสร งามศรีทอง ความปลอดภัย
8 นายธีรภทั ร์ อินทร์ทอง ความอดทนและอดก ้ลัน
9 นางสาวบวั ศรี คงเพช็ ร์ ความ ีม ุคณธรรม/จ ิรยธรรม
10 นางสาวบษุ รา เกษมสิทธ์ิ การตรง ่ตอเวลา
11 นายพงศกร ดวงรัตน์
12 นางสาวภทั รวดี ซูประโคน คะแนน
13 นายวริทธ์ิธร สาระคร คะแนน ิจต ิพสัย
14 นางสาววีรยา ศรีสาม
15 นางสาวศศิพมิ พ์ เจริญพชื 22222 22 22 2 20 20
16 นายศุภณฐั แจม่ ใส
17 นายสิทธิกร เซี่งไฮ้
18 นางสาวสุภสั สร นิคมคาย
19 นายสุรเชษฐ์ ชุนรัมย์
20 นายอนุภทั ร แกลม้ กระโทก

ระดบั 2 หมายถึง ปฏิบตั ิเป็นประจา ลงชื่อ ................................................. ลงชื่อ ..............................................
ระดบั 1 หมายถึง ปฏิบตั ิเป็นคร้งั คราว ( นางสาวกิติยา จากรัมย์) ( นางสาววราภรณ์ วงศไ์ ตรรัตน์ )
ระดบั 0 หมายถึง ไม่เคยปฏิบตั ิ อาจารยป์ ระจาวชิ า หวั หนา้ หมวดวชิ า

หมายเหตุ แบบสรุปผลการประเมินจิตพสิ ยั น้ี ให้แนบมากบั แบบบนั ทึกเวลาเรียนและประเมินผลการเรียนส่งงานวดั ผลฯ เม่ือสิ้นภาคเรียน

กลุม่ เลขท่ี แบบประเมินความตร
ชอื่ -สกลุ
รหสั วชิ า……………………………………..
ระดบั ชน้ั ……………………………………..

วัน/เดอื น/ปี

ครั้งท่ี 1234567
ผูล้ งคะแนน
อาจารย์ผสู้ อน ได้ 8 คะแนน หมาย
เกณฑก์ ารประเมิน ได้ 7 คะแนน
เขา้ เรียนตรงต่อเวลา ได้ 6 คะแนน ……
เข้าเรยี นช้าไม่เกนิ 5 นาที ได้ 5 คะแนน ……
เข้าเรียนชา้ ไม่เกนิ 10 นาที ได้ 0 คะแนน ……
เขา้ เรยี นช้าไมเ่ กิน 15 นาที ได้ - ……
เขา้ เรียนชา้ เกนิ 15 นาที ……
ไมม่ าเรียน ……

รวมรงตอ่ เวลา/เวลาเรยี น
วชิ า…………………………………………

. แผนก………………………………………

8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18

ยเหตุ
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………

เร่อื งการศึกษาพฤติกรรมการเรียนของนกั เรยี นในวิชาคณิตศาสตร์
ของนักเรียนระดับชัน้ ปวช.1 แผนกอาหารและโภชนาการ

ผู้วจิ ัย
นางสาวกติ ิยา จากรัมย์

ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2562



หวั ข้องานวิจัย การศึกษาพฤติกรรมการเรยี นของนักเรียนในวิชาคณิตศาสตร์
ของนักเรียนระดับชั้นปวช.1 แผนกอาหารและโภชนาการ
ผวู้ จิ ัย นางสาวกิตยิ า จากรัมย์
สังกดั วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง จังหวัดระยอง
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษากระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ. 2562

บทคัดย่อ

การวจิ ยั เรอ่ื งการศึกษาพฤติกรรมการเรียนของนกั เรียนในวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นปวช.1
แผนกอาหารและโภชนาการสามารถสรุปผลการวจิ ัยได้ดังน้ี

ผลการวิจัยพบว่านักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนในช้ันเรียนโดยรวมอยู่ในระดับมากเม่ือพิจารณาเป็น
รายข้ออยู่ในระดับมากทุกข้อดังนี้ไม่คุยกันขณะสอนไม่เล่นเกมขณะสอนความสนใจใฝ่รู้ซักถามปัญหาหรือ
เนอื้ หาทไ่ี มเ่ ข้าใจการมปี ฏสิ มั พนั ธ์กบั เพ่ือนรว่ มชั้นเรยี นและความรบั ผิดชอบและเพยี รพยายาม

โดยสรุปการสร้างพฤติกรรมของผู้เรียนให้มีความกระตือรือร้นและมีความเอาใจใส่ต่อการเรียน
ครูผู้สอนต้องสร้างจิตสานึกให้กับผู้เรียนอยู่เสมอตลอดจนการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่มีความ
หลากหลายเพื่อมิให้ผู้เรียนเกิดความเบ่ือหน่ายและมีความสนใจมากขึ้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วย
ระบบใบงานเป็นอีกหนึ่งวธิ กี ารสอนมีส่วนสาคัญในการปรับพฤติกรรมของผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นและ
เอาใจใส่ตอ่ การเรยี นการสอนเปน็ อย่างดี



กติ ตกิ รรมประกาศ

การทาการวจิ ัยเรอ่ื งการศึกษาพฤติกรรมการเรยี นของนกั เรียนในวิชาคณติ ศาสตร์ของนักเรยี นระดบั ช้นั ปวช.1
แผนกอาหารและโภชนาการ

ในคร้ังน้ีบรรลุวัตถุประสงค์สาเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาและช่วยเหลือเป็นอย่างดีย่ิงจากคณะครู
แผนกอาหารและโภชนาการ วิทยาลัยเทคนิคระยองทุกท่าน และผู้ทรงคุณวุฒิที่กรุณาเสียสละเวลาให้
คาแนะนาตรวจแก้ไขข้อบกพร่องของบทเรียนและแบบทดสอบของงานวิจัยผู้วิจัยรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณา
ของผูท้ รงคุณวฒุ ิและขอขอบคณุ เปน็ อยา่ งสงู ไว้ ณ ท่นี ดี้ ้วย

ขอขอบคณุ ทกุ ทา่ นท่ีให้ความรว่ มมือในการรวบรวมข้อมูลท้ังหมดและขอบพระคุณครูอาจารย์ที่อบรม
ส่ังสอนให้คาแนะนามาโดยตลอดขอขอบพระคุณบิดามารดาที่สนับสนุนในการศึกษาและกาลังใจและ
ขอขอบคุณเป็นอย่างย่ิงสาหรับผู้เขียนเอกสารวจค้นคว้าตาราหนังสือที่ทาให้เข้าใจการทาโครงการชัดเจนขึ้น
คุณค่าและประโยชน์อันพึงมีจากการการวิจัยน้ีผู้จัดทาขอมอบเป็นเคร่ืองบูชาพระคุณบิดามารดาผู้ให้ชีวิตผู้มี
พระคุณตลอดจนอาจารย์และทกุ คนท่ีมสี ่วนสร้างพ้นื ฐานการศกึ ษาให้แก่ผ้จู ดั ทา

(นางสาวกิติยา จากรัมย)์
ผวู้ จิ ยั

สารบญั ค

บทคดั ย่อ หนา้
กติ ติกรรมประกาศ ก
สารบัญ ข
สารบัญตาราง ค

1 บทนา 1
ความสาคญั และความเป็นมาของการวจิ ัย 1
ความมุ่งหมายของการวิจยั 1
ความสาคญั ของการวิจัย 1
ขอบเขตของการวิจยั 1
สมมตุ ฐิ านการวจิ ยั 1
นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 1
2
2 เอกสารและงานวิจัยท่เี กี่ยวข้อง 3
แนวความคดิ พฤติกรรม 5
งานวิจยั ทีเ่ ก่ยี วข้อง 8
6
3 วิธีดาเนนิ การวจิ ัย 6
ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 6
เครือ่ งมือท่ีใชใ้ นการวจิ ัย 7
การเก็บรวบรวมข้อมูล 7
การจดั กระทาข้อมลู และการวิเคราะหข์ ้อมลู 8
สถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 9
10
4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู
5 สรปุ ผลอภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ
บรรณานกุ รม

สารบัญตาราง ง

ตารางที่ หน้า
1 พฤติกรรมการเรยี นของนักเรียน 12

1

บทท่ี 1
บทนา

ความสาคญั และความเปน็ มาของการวจิ ยั

จากการที่ได้มีการจดั การเรยี นการสอนวชิ าคณติ ศาสตรพ์ ืน้ ฐานอาชีพ ในระดับชัน้ ปวช.1 แผนกอาหารและ
โภชนาการมจี านวนนักเรยี น 39 คน ซึ่งเปน็ วิชาทีม่ ีการคานวณคอ่ นข้างมาก พบปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ คือนักเรียนมี
พฤติกรรมไมช่ อบคานวณเป็นส่วนมาก
จากเหตผุ ลดังกลา่ วผู้วิจัยจึงได้ศกึ ษาการแกไ้ ขปญั หาพฤติกรรมดงั กลา่ วของนกั เรยี นในวชิ าคณิตศาสตร์พ้ืนฐาน
อาชพี ของนกั เรยี นระดบั ช้ันปวช.1 แผนกอาหารและโภชนาการ โดยการให้ผูเ้ รียนได้มปี ฏสิ ัมพันธก์ บั เพ่ือน
ร่วมชน้ั เรยี นเพิ่มมากขึน้ การคิดเป็นกลุม่ และสรปุ เนอ้ื หาแบบยอ่ แต่ได้ใจความสามารถเข้าใจได้งา่ ย ใช้
สื่อการ Powerpoint ให้สอดคล้องกับเนอ้ื หาสอนของรายวิชา เพื่อให้ผเู้ รียนได้เกดิ ความสนใจมากขึ้นแล
ไม่น่าเบื่อในการเรยี น

ความมงุ่ หมายของการวิจยั

เพอื่ ศกึ ษาพฤติกรรมการเรียนของนักเรียนระดับชน้ั ปวช.1 แผนกอาหารและโภชนาการ

ความสาคัญของการวิจัย

1. เพอ่ื เปน็ แนวทางในการพฒั นาคณุ ภาพของผูเ้ รียน
2. เพ่อื เป็นแนวทางในการแก้ไขปญั หาความไม่ชอบของนักเรียนในขณะสอน

ขอบเขตของการวิจัย

1. ประชากรกลุ่มตวั อย่างไดแ้ กน่ กั เรยี นในระดบั ช้ันปวช.1แผนกอาหารและโภชนาการท่ีศกึ ษา
วชิ าคณิตศาสตรพ์ ื้นฐานอาชพี จานวน 39 คน

2. พืน้ ที่ทีใ่ ช้ในการวิจัยไดแ้ ก่นักเรยี นปวช.1แผนกอาหารและโภชนาการวิทยาลัยเทคนคิ ระยอง
3. ระยะเวลาท่ใี ช้ในการวิจัย 1 มถิ ุนายน – 20 กนั ยายน 2562
4. ตัวแปรท่ใี ช้ในการวจิ ัย
4.1 ตัวแปรอสิ ระได้แกว่ ิธกี ารแก้ไขปัญหาด้วยสือ่ การสอน powerpoint
4.2 ตัวแปรตามได้แก่พฤติกรรมการเรียน

สมมตุ ฐิ านการวิจยั

นักเรยี นมีพฤตกิ รรมการเรยี นท่ดี ขี ึ้นโดยรวมร้อยละ 80

นิยามศพั ท์เฉพาะ

นกั เรียนหมายถึงนกั เรียนที่กาลังศึกษาวชิ าคณติ ศาสตร์พื้นฐานอาชพี ของนักเรียนปวช.1แผนกอาหาร
และโภชนาการ

วทิ ยาลยั หมายถึงวิทยาลัยเทคนิคระยอง สังกดั สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา

2

บทท่ี 2
เอกสารและงานวิจยั ท่เี กีย่ วขอ้ ง

การวจิ ยั เร่ืองการศึกษาพฤติกรรมการเรยี นของนกั เรยี นในวชิ าคณติ ศาสตร์พ้ืนฐานอาชีพ ของนักเรยี น
ปวช.1แผนกอาหารและโภชนาการ ผ้วู ิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่เี ก่ียวข้องโดยกาหนดเปน็ กรอบแนวคดิ
ในการวิจัยดงั ต่อไปน้ี

1. แนวความคิดพฤตกิ รรม
2. งานวิจยั ที่เกย่ี วข้อง

แนวความคดิ เกีย่ วกบั พฤตกิ รรม

1. ความหมายพฤตกิ รรม
พฤติกรรม (Behavior) คือกริยาอาการที่แสดงออกหรือปฏิกิริยาโต้ตอบเม่ือเผชิญกับส่ิงเร้า
(Stimulus) หรอื สถานการณ์ต่างๆอาการแสดงออกต่างๆเหล่าน้ันอาจเป็นการเคลื่อนไหวที่สังเกตได้หรือวัดได้
เช่นการเดินการพูดการเขียนการคิดการเต้นของหัวใจเป็นต้นส่วนสิ่งเร้าที่มากระทบแล้วก่อให้เกิดพฤติกร รมก็
อาจจะเป็นสิ่งเร้าภายใน (Internal Stimulus) และส่ิงเร้าภายนอก (External Stimulus)สิ่งเร้าภายในได้แก่
สิ่งเร้าที่เกิดจากความต้องการทางกายภาพเช่นความหิวความกระหายส่ิงเร้าภายในนี้จะมีอิทธิพลสูงสุดในการ
กระตุ้นเด็กให้แสดงพฤติกรรมและเมื่อเด็กเหล่าน้ีโตขึ้นในสังคมสิ่งเร้าใจภายในจะลดความสาคัญลงส่ิงเร้า
ภายนอกทางสังคมท่ีเด็กได้รับรู้ในสังคมจะมีอิทธิพลมากกว่าในการกาหนดว่าบุคคลควรจะแสดงพฤติกรรม
อยา่ งใดตอ่ ผอู้ ่นื สิ่งเรา้ ภายนอกไดแ้ ก่สิ่งกระตนุ้ ต่างๆสิ่งแวดล้อมทางสังคมท่ี สามารถสัมผัสได้ด้วยประสาทท้ัง5
คือหูตาคอจมูกการสัมผัสส่ิงเร้าที่มีอิทธิพลที่จะจูงใจให้บุคคลแสดงพฤติกรรมได้แก่สิ่งเร้าท่ี ทาให้บุคคลเกิด
ความพึงพอใจที่เรียกว่าการเสริมแรง (Reinforcement) ซ่ึงแบ่งออกได้เป็น2ชนิดคือการเสริมแรงทางบวก
(Positive Reinforcement) คือส่ิงเร้าท่ีพอใจทาให้บุคคลมีการแสดงพฤติกรรมเพ่ิมข้ึนเช่นคาชมเชยการ
ยอมรับของเพ่ือนส่วนการเสริมแรงทางลบ (Negative Reinforcement) คือส่ิงเร้าที่ไม่พอใจหรือไม่พึงปารถ
นานามาใช้เพอ่ื ลดพฤตกิ รรมท่ไี ม่พึงปารถนานาให้น้อยลงเชน่ การลงโทษเด็กเมื่อลักขโมยการปรับเงินเม่ือผู้ขับข่ี
ยานพาหนะไม่ปฏบิ ตั ิตามกฎจราจรเป็นตน้
จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องมีผูใ้ หค้ วามหมายคาว่า “พฤติกรรม”ไว้หลายประการซ่ึง
มที งั้ ที่คลา้ ยกนั หรือแตกต่างกันดงั ตอ่ ไปนี้โสภาชูพิกุลชัย (2521 : 82) ได้ให้ความหมายไว้ว่ากระทาหรือกิจการ
ตา่ งๆของมนุษย์หรือสง่ิ มชี ีวิตกระทาลงไปหรอื แสดงออกด้วยกิริยาความคิดเช่นการกินการนอนการเดินการพูด
แสดงความรสู้ กึ ความคดิ เหน็ เป็นตน้ สิ่งทไี่ ดแ้ สดงออกมานนั้ สามารถสังเกตและใชเ้ คร่ืองมือทดสอบได้
ชุดาจิตพิทักษ์ (2525 : 25) ได้ให้ความหมายไว้ว่าพฤติกรรมหมายถึงการกระทาของบุคคลไม่เฉพาะ
แสดงปรากฏออกมาภายนอกเท่านั้นแต่รวมถึงส่ิงที่อยูภ่ ายในจติ ใจของบคุ คล
สังเกตเห็นไม่ได้โดยตรงเช่นคุณค่าที่เขายึดถือเป็นหลักในการประเมินสิ่งต่างๆทัศนคติหรือเจตคติที่เขามีต่อสิ่ง
ตา่ งๆความคิดเห็นความเช่ือรสนิยมและสภาพจิตใจซึ่งถือได้ว่าเป็นลักษณะของบุคลิกภาพของบุคคลที่กาหนด
พฤติกรรม

3

สมโภชน์เอี่ยมสุภาษิต (2526 : 45) ได้ให้ความหมายไว้ว่าพฤติกรรมหมายถึงส่ิงที่บุคคลกระทา
แสดงออกตอบสนองตอ่ ส่ิงใดสง่ิ หน่ึงในสถานการณใ์ ดสถานการณ์หนึ่งที่สามารถสังเกตได้หรือได้ยินอีกทั้งวัดได้
ตรงกันด้วยเครื่องมือท่ีเป็นวัตถุนิสัยไม่ว่าการแสดงออกหรือการตอบสนองนั้นจะเกิดข้ึ นภายในหรือภายนอก
รา่ งกาย

สุดาวรรณขันธมิตร (2538 : 56) ได้ให้ความหมายไว้วา่ พฤติกรรมหมายถึงปฏิกิริยาหรือการแสดงออก
ของบุคคลต่อสิ่งเร้าซ่ึงอาจจะเป็นไปโดยไม่รู้สึกตัวหรือมีการตรึกตรองมาอย่างดีแล้วโดยมีความรู้ความเข้าใจ
และการปฏบิ ัติเปน็ ตัวก่อให้แสดงออกมาโดยท่ีบุคคลอ่นื ท่ีอย่รู อบๆจะสังเกตการณ์กระทานั้นได้หรือไม่ก็ตามซึ่ง
สามารถใช้เครือ่ งมอื ทดสอบวัดได้

จากความหมายท่ีนกั วชิ าการไดใ้ หค้ วามหมายไว้ขา้ งต้นผู้วจิ ัยสามารถสรุปได้ว่าพฤติกรรมหมายถึงการ
กระทาที่แสดงออกของบุคคลท่ีกระทาตอบสนองสิ่งกระต้นซ่ึงการกระทาที่แสดงออกมาน้ันมีทั้งท่ีพึงประสงค์
และไม่พึงประสงค์พฤติกรรมหรือการแสดงออกนั้นสามารถวัดได้ท้ังนี้เป็นการแสดงออกท่ีสังเกตได้และสังเกต
ไม่ได้

2. องคป์ ระกอบของพฤตกิ รรม
Cronbach (อา้ งอิงในสุดาวรรณขันธมติ ร. 2538 : 11) ได้อธิบายวา่ พฤติกรรมมนุษยม์ ีองคป์ ระกอบ 7
ประการไดแ้ ก่

1. ความมุ่งหมาย (Goal) เปน็ ความต้องการหรือวตั ถุประสงคท์ ี่ทาให้เกิดกิจกรรมท่ีคนต้องทา
กิจกรรมเพอื่ ตอบสนองความต้องการทีเ่ กดิ ข้ึนของกิจกรรมบางอย่างก็ให้ความพอใจหรือสนองความต้องการได้
ทันทีแต่ความต้องการหรือวัตถุประสงค์บางอย่างก็ต้องใช้เวลา นานจึงจะสามารถบรรลุผลสมความต้องการ
หลายๆอย่างในเวลาเดียวกันและมักจะต้องเลือกสนองความต้องการท่ีรีบด่วนก่อนและสนองความต้องการท่ี
หา่ งออกไปในภายหลัง

2. ความพร้อม (Readiness) หมายถึงระดับวุฒิภาวะหรือความสามารถท่ีจาเป็นในการทา
กิจกรรมเพื่อสนองความต้องการคนเราไม่สามารถสนองความต้องการได้หมดทุกอย่างความต้องการบางอย่าง
อย่นู อกเหนือความสามารถของเขา

3. สถานการณ์ (Situation) เป็นเหตุการณ์ที่เปิดโอกาสให้เลือกทากิจกรรมเพ่ือสนองความ
ตอ้ งการ

4. การแปลความหมาย (Interpretation) ก่อนที่คนเราจะทากิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึงลงไป
เขาจะต้องพิจารณาสถานการณเ์ สยี ก่อนแล้วตดั สนิ ใจเลือกวธิ ที ่ีคาดวา่ จะได้ความพอใจ
มากท่ีสุด

5. ตอบสนอง (Response) เป็นพฤติกรรมเพ่ือตอบสนองความต้องการโดยวิธีการที่ได้เลือก
แล้วในขนั้ แปลความหมาย

6. ผลท่ไี ดร้ บั หรอื ผลที่ตามมา (Consequence) เม่อื ทากิจกรรมแล้วย่อมได้รับผลการกระทา
นั้นผลท่ีไดร้ ับอาจจะตามทค่ี าดคิดไว้ (Confirm) หรืออาจตรงกันข้ามกับความคาดหมาย (Contradict) ได้

4

7. ปฏิกิริยาต่อความคาดหวังหากคนเราไม่สามารถสนองความต้องการได้ก็กล่าวได้ว่าเขา
ประสบกับความผิดหวังในกรณีเช่นน้ีเขาอาจจะย้อนกลับไปแปลความหมายของสถานะเสียใหม่ และเลือก
วิธกี ารตอบสนองใหมก่ ็ได้

3. ส่ิงที่กาหนดพฤติกรรมมนุษย์จากความหมายและองค์ประกอบของพฤติกรรมดังกล่าวจะเห็นได้ว่า
การแสดงของพฤตกิ รรมต่างๆของมนุษยน์ น้ั จะต้องมีสิ่งท่ีเปน็ ตัวกาหนดพฤติกรรมซึ่งจะทาใหก้ ารแสดงออก
ของพฤติกรรมของมนุษย์แต่ละบคุ คลแตกต่างกันไปดงั นั้นควรเขา้ ใจถึงสงิ่ ท่ีกาหนดพฤติกรรม
มนุษยด์ งั ตอ่ ไปนี้

ชุดาจิตพิทักษ์ (อ้างอิงจากสุดาวรรณ. 2538 : 13) กล่าวว่าสิ่งที่กาหนดพฤติกรรมมนุษย์มีหลาย
ประการซึง่ อาจจะแยกได้ 2 ประเภทคือ

1. ลักษณะนิสัยส่วนตัวได้แก่ความเช่ือหมายถึงการที่บุคคลคิดถึงอะไรก็ได้ในแง่ของ
ข้อเท็จจริงซ่ึงไม่จาเป็นจะต้องถูกหรือผิดเสมอไปความเช่ืออาจมาโดยการเห็นการบอกเล่าการอ่านรวมทั้งการ
คิดข้ึนมาเอง

2. กระบวนการอื่นๆทางสังคมได้แก่สิ่งท่ีกระตุ้นพฤติกรรม (StimulusObject) และความ
เขม้ ข้นของส่งิ กระตุน้ พฤติกรรมลกั ษณะนสิ ัยของบุคคลคือความเช่อื ทศั นคติบุคลิกภาพมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมก็
จรงิ แตพ่ ฤติกรรมจะเกดิ ขึ้นไม่ได้ถ้าไมม่ สี ง่ิ กระตุน้ พฤติกรรม

สุชาจันทร์เอม (2536 : 86) ส่งิ ท่ีมอี ทิ ธพิ ลต่อพฤตกิ รรมของมนุษย์มดี ังนี้
1. ความเช่ือคือการท่ีบุคคลยอมรับข้อเท็จจริงต่างๆซึ่งความคิดของเราอาจจะถูกต้องหรือไม่

ถูกต้องตามความเป็นจริงก็ได้ความเชื่อเป็นส่ิงที่หักห้ามได้ยากและมีอิทธิพลต่อบุคคลมากบุคคลใดมีความเช่ือ
ย่างใดกจ็ ะมพี ฤติกรรมเปน็ ไปตามความเชื่อของเขา

2. คา่ นิยมเปน็ เครอ่ื งชว้ี ดั แนวปฏบิ ัติของบคุ คลว่าอะไรเป็นจดุ มุ่งหมายของชวี ิตค่านิยมอาจมา
จากการอ่านคาบอกเลา่ หรือคดิ เองก็ได้

3. บุคลิกภาพเป็นลกั ษณะของแตล่ ะบุคคลซ่ึงมีอทิ ธพิ ลต่อพฤตกิ รรมของบุคคลน้นั
4. ส่งิ ท่มี ากระตุ้นพฤตกิ รรม (Stimulus Object) ส่ิงท่ีมากระตุ้นพฤติกรรมน้ีจะเป็นอะไรก็ได้
เช่นความสวยความหิวอาหารฯลฯส่ิงท่ีกระตุ้นพฤติกรรมอย่างหนึ่งก็อาจมีพลังกระตุ้ นพฤติกรรมของแต่ละ
บุคคลไมเ่ ทา่ กัน
5. ทัศนคติหมายถึงความรู้สึกหรือท่าทีของบุคคลที่มีต่อบุคคลวัตถุสิ่งของหรือสถานการณ์
ต่างๆเกิดจากประสบการณ์และการเรียนรู้ของบุคคลทัศนคติจึงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาซ่ึงข้ึนอยู่กับการ
เรยี นร้แู ละประสบการณ์ใหมๆ่ ทบี่ ุคคลได้รบั
6. สถานการณ์หมายถึงสภาพแวดล้อมหรือสภาวะท่ีบุคคลกาลังจะมีพฤติกรรมโดยสรุป
พฤติกรรมเกิดจากการแสดงออกทางความร้สู กึ อารมณ์ทัศนคติค่านิยมความเช่ือหรือการเลียนแบบท่ีแสดงออก
ท้ังมองเห็นและไม่สามารถมองเห็นได้พฤติกรรมนอกจากน้ันแล้วส่ิงที่กาหนดพฤติกรรมของมนุษย์คือลักษณะ
นสิ ยั สว่ นตัวและกระบวนการอนื่ ของสังคมเป็นสาคญั

5

งานวจิ ัยท่เี กยี่ วขอ้ ง

1. งานวจิ ัยภายในประเทศ
ประพันธ์ขันติธีระกุล (2550 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมพบว่านักศึกษามีความรู้เกี่ยวกับการบริโภคอาหารส่วนใหญ่อยู่ในระดับพอใช้
64.20 ความรู้ท่ีอยู่ในระดับดีคิดเป็นร้อยละ 17.10 ได้แก่ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดโรค
ความรู้ที่อยู่ในระดับปรับปรุงเป็นความรู้ที่เกี่ยวกับอาหารที่ให้โปรตีนวิตาเมินและเกลือแร่ส่วนพฤติกรรมการ
บริโภคอาหารโดยส่วนรวมมีพฤติกรรมอยู่ในระดับพอใช้คิดเป็นร้อยละ 71.90 พฤติกรรมที่ดีของนักศึกษาเช่น
การดื่มนมเป็นประจาทุกวันการล้างผักผลไม้ก่อนรับประทานการรับประทานอาหารเย็นตรงเวลาสาหรับ
พฤตกิ รรมที่นักศึกษาต้องปรบั ปรุงเปน็ เรือ่ งเกี่ยวกับสขุ วิทยาส่วนบุคคลวิธีการรับประทานอาหารและการเลือก
รับประทานอาหารได้แก่รับประทานอาหารโดยไม่ใช้ช้อนกลางด่ืมน้าอัดลมและรับประทานอาหารโดยไม่
คานงึ ถึงการได้รบั สารอาหารครบ 5 หมู่
Cusatis (1995 : Abstract) ไดศ้ ึกษาอิทธพิ ลของปจั จยั ทางสงั คมจิตวทิ ยาท่มี ตี อ่ พฤตกิ รรมการบริโภค
ของวัยรุ่นมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการบริโภคอาหารกับพฤติกรรมของบุคคล
พบว่านักเรียนชายและหญิงส่วนใหญ่มีการบริโภคนิสัยที่ชอบรับประทานอาหารมื้อหลักและอาหารว่างจาก
บ้านมีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจของตนเองความพร้อมของครัวครัวและจานวนม้ืออาหารของครอบครัว
โดยท่ีนกั เรียนชายมีกิจกรรมการออกกาลังกายร่วมดว้ ยส่วนบรโิ ภคนสิ ัยเก่ียวกับไขมันน้าตาลและความถ่ีในการ
บรโิ ภคอาหารระหว่างนักเรียนชายและนักเรียนหญิงไม่มีความแตกต่างกันนอกจากน้ีพบว่าปัจจัยท่ีแตกต่างกัน
สง่ ผลให้พฤติกรรมการบริโภคอาหารของวยั รนุ่ แตกต่างกนั

6

บทที่ 3
วธิ ดี าเนนิ การวจิ ยั

การวิจยั เร่ืองการศกึ ษาพฤติกรรมการเรียนของนกั เรยี นในวิชาคณิตศาสตร์พน้ื ฐานอาชีพของนักเรยี น
ปวช.1แผนกอาหารและโภชนาการ ผ้วู ิจยั ไดด้ าเนนิ การตามข้ันตอนดังต่อไปนี้

1. ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง
2. เครื่องมือท่ใี ชใ้ นการวิจยั
3. การเก็บรวบรวมข้อมูล
4. สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมูล

ประชาการและกลมุ่ ตัวอย่าง

ประชาการกลุ่มตวั อย่างท่ใี ช้ในการวิจัยได้แกน่ กั เรียนระดับช้ันปวช.1แผนกอาหารและโภชนาการ

เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นการวิจัย

แบบสงั เกตพฤติกรรม

การเก็บรวบรวมข้อมูล

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนีผ้ ู้วจิ ัยได้ดาเนินการตามขัน้ ตอนดงั ต่อไปน้ี
1. ผวู้ จิ ัยดาเนนิ การจัดทาแบบสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นโดยครอบเนอ้ื หาเกีย่ วกับพฤติกรรม
2. ผูว้ จิ ยั สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนแลว้ ทาการบนั ทกึ ข้อมูลเปน็ ทางสถติ ิในสปั ดาห์ท่ี 5 – 10
3. ผู้วจิ ยั นาแบบสงั เกตไปวเิ คราะห์ข้อมลู ตอ่ ไป

การจัดกระทาข้อมูลและการวิเคราะห์ขอ้ มูล

การวิเคราะหข์ ้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบสังเกตพฤตกิ รรมโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู เพ่อื การวิจัยโดยใช้
สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistic) โดยการหาค่าเฉล่ีย (Mean)ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard
Deviation) และค่าร้อยละ (Percentage) การนาเสนอข้อมูลในรูปแบบตารางควบคู่กับการบรรยายและสรุป
ผลการวิจัยโดยการกาหนดให้คะแนนคาตอบของแบบสังเกตุพฤติกรรมดังน้ี (บุญชมศรีสะอาด. 2545 : 102 –
103) ดังน้ี

ระดบั พฤติกรรมมากที่สุดกาหนดให้ 5 คะแนน
ระดับพฤตกิ รรมมากกาหนดให้ 4 คะแนน
ระดบั พฤติกรรมปานกลางกาหนดให้ 3 คะแนน
ระดบั พฤติกรรมนอ้ ยกาหนดให้ 2 คะแนน
ระดับพฤติกรรมนอ้ ยที่สุดกาหนดให้ 1 คะแนน
คา่ เฉลย่ี ของคาตอบแบบสอบถามโดยใช้เกณฑใ์ นการแปลความหมายของคา่ เฉลย่ี (บุญชมศรีสะอาด.
2545 : 103) กาหนดให้
ค่าเฉล่ียระดบั พฤติกรรมมากทส่ี ดุ กาหนดให้ 4.51-5.00 คะแนน
ค่าเฉลี่ยระดับพฤตกิ รรมระดับมากกาหนดให้ 3.51-4.50 คะแนน


Click to View FlipBook Version