The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by amfinels4, 2021-07-12 13:10:48

แผนการจัดการเรียนรู้ ม.ปลาย

45


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 5

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ ทักษะการเรียนรู้ รายวชา ทักษะการเรียนรู้ ทร31001

เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 1 การเรียนรู้ด้วยตนเอง
วันที่ 14 เดือน มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.


1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติทีดีต่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
2.1 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการเรียนรู้ด้วยตนเองได้

2.2 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเองได้อย่างคล่องแคล่ว
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระทักษะการเรียนรู้


4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง
4.1 ความสำคัญของการเรียนรู้ด้วยตนเอง
4.2 ฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเองได้อย่างคล่องแคล่ว
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย

5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา อธิบายความสำคัญเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง
5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)

5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
กลุ่มที่ 1. ความหมาย ความสำคัญ และกระบวนการของการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ื้
กลุ่มที่ 2. ทักษะพนฐานทางการศึกษาหาความรู้ ทักษะการแก้ปัญหาและเทคนิคใน
การเรียนรู้ด้วยตนเอง

กลุ่มที่ 3. ปัจจัยที่ทำให้การเรียนรู้ด้วยตนเองประสบความสำเร็จ
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า

ชั้นเรียน
5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน
5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. แหล่งเรียนรู้ประเภทห้องสมุด
กลุ่มที่ 2. การใช้แหล่งเรียนรู้สำคัญๆ ในประเทศ

กลุ่มที่ 3. ความหมาย ความสำคัญ หลักการการจัดการความรู้
ื่
กลุ่มที่ 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ การรวมกลุ่มเพอต่อยอดความรู้ และการจัดทำ
สารสนเทศเพื่อเผยแพร่ความรู้

5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)
5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต

46


6. การวัดผลประเมินผล

6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์

7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน
7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้

8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ

9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้
9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการเรียนรู้ด้วยตนเองได้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเองได้อย่างคล่องแคล่ว
9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้

มอบหมายได้



ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล



ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพื้นฐาน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน

(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย
ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…


ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา
(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

47


ใบความรู้ที่ 1
ความหมาย และความสำคัญ ของการเรียนรู้ด้วยตนเอง

ในปัจจุบันโลกมีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความรู้ต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้นเป็น อันมาก การเรียนรู้
จากสถาบันการศึกษาไม่อาจทำให้บุคคลศึกษาความรู้ได้ครบทั้งหมด การไขว่คว้าหาความรู้ด้วยตนเอง จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะสนอง

ความต้องการของบุคคลได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่บุคคลมีใจรักที่จะศึกษา ค้นคว้า สิ่งที่ตนต้องการจะรู้ บุคคลนั้นกจะดำเนินการศึกษาเรียนรู้
อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีใครต้องบอก ประกอบกับระบบการศึกษาและปรัชญาการศึกษาเพื่อเตรียมคนให้สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต แสวงหา
ความรู้ด้วยตนเอง ใฝ่หาความรู้ รู้แหล่งทรัพยากรการเรียน รู้วิธีการหาความรู้ มีความสามารถในการคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น มีนิสัย
ในการทำงานและการดำรงชีวิต และมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ


การเรยนรดวยตนเอง สามารถชวยให้ผู้เรียนพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของตนเองโดยการค้นพบความสามารถและสิ่งที่มีคุณค่า
ู้

ในตนเองที่เคยมองข้ามไป (“...it is possible to help learners expand their potential by discovered that which is yet
untapped…”) (Brockett & Hiemstra, 1991)
การศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นการจัดการศึกษา
ที่มีความเหมาะสมกับสภาพปัญหา และความต้องการของผู้เรียนที่อยู่นอกระบบ ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์จากการทำงานและการประกอบ
อาชพ โดยการกำหนดสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ให้การพัฒนากับกลุ่มเป้าหมาย

ด้านจิตใจ ให้มีคุณธรรม ควบคู่ไปกับการพัฒนาการเรียนรู้ สร้างภูมิคุ้มกัน สามารถจัดการกับองค์ความรู้ ทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นและ
เทคโนโลยี เพื่อให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สร้างภูมิคุ้มกันตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้ง
คำนึงถึงธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้ที่อยู่นอกระบบ และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง ความเจริญก้าวหน้า
ของเทคโนโลยีและการสื่อสาร ดังนั้น ในการศึกษาแต่ละรายวิชา ผู้เรียนจะต้องตระหนักว่า การศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ
ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ จะสัมฤทธิ์ผลได้ด้วยดีหากผู้เรียนได้ศึกษาพร้อมทั้งการปฏิบัติตามคำแนะนำของครูแต่ละ
วิชาที่ได้กำหนดเนื้อหาเป็นบทต่าง ๆ โดยแต่ละบทจะมีคำถาม รายละเอียดกิจกรรมและแบบฝึกปฏิบัติต่าง ๆ ซึ่งผู้เรียนจะต้องทำ
ความเข้าใจในบทเรียน และทำกิจกรรม ตลอดจนทำตามแบบฝึกปฏิบัติที่ได้กำหนดไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งในหนังสือแบบฝึกปฏิบัติของแต่ละ
วิชาได้จัดให้มีรายละเอียดต่าง ๆ ดังกล่าว ตลอดจนแบบประเมินผลการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนได้วัดความรู้เดิมและวัดความก้าวหน้าหลัง
จากที่ได้เรียนรู้รวมทั้งการที่ผู้เรียนจะได้มีการทบทวนบทเรียน หรือสิ่งที่ได้เรียนรู้ อันจะเป็นประโยชน์ในการเตรียมสอบต่อไปได้อีกด้วย

การเรียนรู้ในสาระทักษะการเรียนรู้ เป็นสาระเกี่ยวกับรายวิชาการเรียนรู้ด้วยตนเอง รายวิชาการใชแหล่งเรียนรู้ รายวิชา

การจัดการความรู้ รายวิชาการคิดเป็น และรายวิชาการวิจัยอย่างง่าย ในส่วนของรายวิชาการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นสาระการเรียนรู้เกี่ยวกบ
การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ในด้านการเรียนรู้ด้วยตนเอง เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า ฝึกทักษะในการเรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อมุ่ง
เสริมสร้างให้ผู้เรียนมีนิสัยรักการเรียนรู้ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานของบุคคลแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน เพื่อใชเป็นเครื่องมือในการชนำตนเองใน

ี้
การเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Directed Learning) เป็นแนวทางการเรียนรู้หนึ่งที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพปัจจุบัน
และเป็นแนวคิดที่สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตของสมาชิกในสังคมสู่การเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ โดยการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นการเรียนรู้
ที่ทำให้บุคคลมีการริเริ่มการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีเป้าหมายในการเรียนรู้ที่แน่นอน มีความรับผิดชอบในชวิตของตนเอง ไม่พึ่งคนอื่น


มีแรงจูงใจ ทำให้ผู้เรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ที่มีการเรียนรู้ตลอดชวิต เรียนรู้ วิธีเรียน สามารถเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้มากกว่า
การเรียนที่มีครูป้อนความรู้ให้เพียงอย่างเดียว
การเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นหลักการทางการศึกษาซึ่งได้รับความสนใจมากขึ้นโดยลำดับในทุกองค์กรการศึกษา เพราะเป็นแนวทางหนึ่ง

ที่สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวต ในอันที่จะ หล่อหลอมผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้ตลอดชวิต ตามที่มุ่งหวังไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษา

แห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 การเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นหลักการทางการศึกษาที่มีแนวคิดพื้นฐาน
มาจากทฤษฎีของกลุ่มมนุษย์นิยม (Humanism) ซึ่งเชื่อว่า มนุษย์ ทุกคนมีธรรมชาติเป็นคนดี มีเสรีภาพและความเป็นตนเอง มีความเป็น
ปัจเจกชนและศักยภาพ มีตนและการรับรู้ตนเอง มีการเป็นจริงในสิ่งที่ตนสามารถเป็นได้ มีการรับรู้ มีความรับผิดชอบและความเป็นมนุษย์

ดังนั้น การที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้นับว่าเป็นคุณลักษณะที่ดีที่สุดซึ่งมีอยู่ใน ตัวบุคคลทุกคน ผู้เรียนควรจะมี
คุณลักษณะของการเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้ด้วยตนเองจัดเป็นกระบวนการเรียนรู้ตลอดชวิต ยอมรับในศักยภาพของผู้เรียนว่าผู้เรียน


ทุกคนมีความสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง เพื่อที่ตนเองสามารถที่ดำรงชวิตอยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ได้อย่างมีความสุข

48


ใบงานที่ 1
รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ (ทร31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
(1) สิ่งที่ท่านประทับใจในการเรียนรู้รายวิชาการเรียนรู้ด้วยตนเองตนเอง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
(2) ปัญหา / อุปสรรค ที่พบในการเรียนรู้รายวิชาการเรียนรู้ด้วยตนเอง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
(3) ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

49



บันทึกหลังการสอน
กศน.ตำบลกาวะ
ครั้งที่............... วันที่................................................ ผู้สอน นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊

สถานที่พบกลุ่ม กศน.ตำบลกาวะ ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
สาระ...................................................รายวิชา............................................................รหัสวิชา...........................
ผู้เรียนระดับมัธยมศกษาตอนปลาย จำนวน ๖๐ คน เข้าพบกลุ่ม..............คน ไม่พบกลุ่ม..............คน

เนื้อหา/สาระ/รายวิชา

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

กิจกรรมการเรียนการสอน
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
ปัญหา/อุปสรรค
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
แนวทางการแก้ปัญหา
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
ความเห็น/ข้อเสนอแนะผู้บริหาร
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ..............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ................................................ผู้รับรองข้อมูล
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊) (นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ตำแหน่ง ครูกศน.ตำบล ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอสุไหงปาดี

50


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 6


กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ ทักษะการเรียนรู้ รายวชา ทักษะการเรียนรู้ ทร31001
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 2 การใช้แหล่งการเรียนรู้ 3 การจัดการความรู้
วันที่ 21 เดือน มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.


1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติทีดีต่อการใช้แหล่งเรียนรู้
1.2 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติทีดีต่อการจัดการความรู้
2. จุดประสงค์การเรียนรู้

2.1 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการใช้แหล่งการเรียนรู้และการจัดการความรู้ได้
2.2 เพอให้ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับการใช้แหล่งการเรียนรู้และการจัดการความรู้ได้
ื่
ื้
อย่างคล่องแคล่ว
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระทักษะการเรียนรู้

4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง
4.1 ความสำคัญของการใช้แหล่งการเรียนรู้และการจัดการความรู้

4.2 ฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการใช้แหล่งการเรียนรู้และการจัดการความรู้ได้อย่างคล่องแคล่ว
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย
5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)

ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา อธิบายความสำคัญเกี่ยวกับการใช้แหล่งการเรียนรู้และการจัดการ
ความรู้
5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

กลุ่มที่ 1. แหล่งเรียนรู้ประเภทห้องสมุด
กลุ่มที่ 2. การใช้แหล่งเรียนรู้สำคัญๆ ในประเทศ
กลุ่มที่ 3. ความหมาย ความสำคัญ หลักการการจัดการความรู้

กลุ่มที่ 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ การรวมกลุ่มเพอต่อยอดความรู้ และการจัดทำ
ื่
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า
ชั้นเรียน
5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน

5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. ความเชื่อพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่กับกระบวนการคิดเป็น
กลุ่มที่ 2. ระบบข้อมูล การจำแนกลักษณะของข้อมูล การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์

สังเคราะห์ ข้อมูลทั้งด้านวิชาการ
กลุ่มที่ 3. ระบบข้อมูล การจำแนกลักษณะของข้อมูล การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์
สังเคราะห์ ข้อมูลทั้ง ด้านตนเอง
กลุ่มที่ 4. ระบบข้อมูล การจำแนกลักษณะของข้อมูล การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์

สังเคราะห์ ข้อมูลทั้งด้านสังคมสภาวะแวดล้อม

51


5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)

5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต
6. การวัดผลประเมินผล

6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์
7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน

7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้

8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ
9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้

9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการใช้แหล่งการเรียนรู้และการจัด
การความรู้ได้
ื้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับการใช้แหล่งการเรียนรู้และการจัดการ
ความรู้ได้อย่างคล่องแคล่ว

9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้
มอบหมายได้



ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน

(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล


ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพื้นฐาน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย

52


ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…


ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา

(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

53


ใบความรู้ที่ 1
ความหมาย ความสำคัญ ประเภทของแหล่งเรียนรู้

ความรู้หรือข้อมูลสารสนเทศเกิดขึ้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และมีการเผยแพร่ ถึงกันโดยใชเทคโนโลยีสารสนเทศ

ภายในไม่กี่วินาที ทำให้มนุษย์ต้องเรียนรู้กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เพื่อให้สามารถรู้เท่าทันเหตุการณ์ และนำมาใชให้เกิดประโยชน์ต่อ
การดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข ความรู้หรือข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ ดังกล่าวมีอยู่ในแหล่งเรียนรู้ล้อมรอบตัวเรา ดังนั้นการเรียนรู้ที่ เกิดขึ้น
ภายในห้องเรียนย่อมเป็นการไม่เพียงพอในความรู้ที่ได้รับ
ความหมายของแหล่งเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้ หมายถึง บริเวณ ศูนย์รวม บ่อเกิด แห่ง หรือทที่มีสาระเนื้อหาเป็นข้อมูล ความรู้
ี่
ความสำคัญของแหล่งเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ดังนี้
1. เป็นแหล่งที่มีข้อมูล/ ความรู้ ตามวัตถุประสงค์ของแหล่งเรียนรู้นั้น เชน สวนสัตว์ ให้ความรู้เรื่องสัตว์ พิพิธภัณฑ์ให้ความรู้

เรื่องโบราณวัตถุสมัยต่าง ๆ
2. เป็นสื่อการเรียนรู้สมัยใหม่ที่ความรู้ก่อให้เกิดทักษะ และช่วยการเรียนรู้สะดวกรวดเร็ว เช่น อินเทอร์เน็ต
3. เป็นแหล่งช่วยเสริมการเรียนรู้ของการศึกษาประเภทต่าง ๆ ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
4. เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มนุษย์เข้าไปหาความรู้ได้ด้วยตนเองตามความสนใจ และความสามารถ



5. เป็นแหล่งที่มนุษย์สามารถเข้าไปปฏิบัติได้จริง เชน การประดิษฐ์เครื่องใชต่าง ๆ การ ซ่อมเครื่องยนต์ เป็นต้น ชวยกระตุ้นให้เกิด
ความสนใจ ความใฝ่รู้
6. เป็นแหล่งที่มนุษย์สามารถเข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกบวิทยาการใหม่ ๆ ยังไม่มีของจริงให้เห็น หรือไม่สามารถเข้าไปดูจากของจริงได้โดยเรียนรู้

การดูภาพยนตร์ วีดิทัศน์ หรือสื่ออื่น ๆ
7. เป็นแหล่งส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนในท้องถิ่นให้เกิดความตระหนักและ เห็นคุณค่าของแหล่งเรียนรู้
8. เป็นสิ่งที่ช่วยเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ค่านิยมให้เกิดการยอมรับสิ่งใหม่ แนวคิดใหม่ เกิด จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์กับผู้เรียน

9. เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้แหล่งเรียนรู้ของชุมชน
ประเภทของแหล่งเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้มีการแบ่งแยกตามลักษณะได้ 6 ประเภท ดังนี้

1. แหล่งเรยนรู้ประเภทบุคคล ได้แก่ บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถด้านต่าง ๆ ที่สามารถถ่ายทอดความรู้ด้วยรูปแบบวิธีต่าง ๆ
ที่ตนมีอยู่ให้ผู้สนใจหรือผู้ต้องการเรียนรู้ เช่น ผู้เชยวชาญในสาขาวิชาการต่าง ๆ ผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์มามาก หรืออาจจะเป็นบุคคล
ี่

ที่ ได้รับแต่งตั้งเป็นทางการ มีบทบาทสถานะทางสังคม หรืออาจเป็นบุคคลที่เป็นโดยการงานอาชพ หรือบุคคลที่เป็นโดยความสามารถ
เฉพาะตัว หรือบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นภูมิปัญญา

ู้

2. แหล่งเรยนรประเภทธรรมชาต ได้แก่ สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และให้ ประโยชน์ต่อมนุษย์ เชน ดิน น้ำ อากาศ

พืช สัตว์ ต้นไม้ แร่ธาตุ ทรัพยากรธรรมชาติ เหล่านี้อาจถูกจัดให้เป็นอุทยาน วนอุทยาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สวนพฤกษศาสตร์
ศูนย์ ศึกษาธรรมชาติ เป็นต้น
ู้


3. แหล่งเรยนรประเภทวัสดและสถานที่ ได้แก่ อาคาร สิ่งก่อสร้าง วัสดุ อุปกรณ์ และสิ่งต่าง ๆ ที่ประชาชนสามารถศึกษา
หาความรู้ให้ได้มาซึ่งคำตอบ หรือสิ่งที่ต้องการจากการเห็น ได้ยิน สัมผัส เชน ห้องสมุด ศาสนสถาน ศูนย์การเรียน พิพิธภัณฑ์

สถานประกอบการ ตลาด นิทรรศการ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ต่าง ๆ
4. แหล่งเรียนรู้ประเภทสื่อ ได้แก่ สิ่งที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเนื้อหา ความรู้สารสนเทศ ให้ถึงกันโดยผ่านประสาท
สัมผัส ได้แก่ หู ตา จมูก ลิ้น กาย และใจ แหล่งเรียนรู้ ประเภทนี้ ทำให้กระบวนการเรียนรู้เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพสูง ทั้งสื่อ
อิเล็กทรอนิกส์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศน
ู้
5. แหล่งเรยนรประเภทเทคนิค สิ่งประดิษฐ์คิดค้น ได้แก่ สิ่งที่แสดงถึงความก้าวหน้าทาง นวัตกรรม เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ

ที่ได้มีการประดิษฐ์คิดค้นหรือพัฒนาปรับปรุงขึ้นมาให้มนุษย์ได้ เรียนรู้ถึงความก้าวหน้า เกิดจินตนาการ แรงบันดาลใจ
6. แหล่งเรยนรประเภทกิจกรรม ได้แก่ การปฏิบัติการด้านประเพณีวัฒนธรรม ตลอดจน การปฏิบัติการความเคลื่อนไหว

ู้
เพื่อแก้ปัญหา และปรับปรุงพัฒนาสภาพต่าง ๆ ในท้องถิ่น การที่ มนุษย์เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เชน การรณรงค์ป้องกัน

ยาเสพติด การส่งเสริมการเลือกตั้ง ตามระบบประชาธิปไตย การรณรงค์ความปลอดภัยของเด็กและสตรีในท้องถิ่น

54

ความหมายของการจัดการความรู้
การจัดการ (Management) หมายถึง กระบวนการในการเข้าถึงความรู้ และการถ่ายทอด ความรู้ที่ต้องดำเนินการ่วมกันกับ
ี้

ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งอาจเริ่มต้นจากการบ่งชความรู้ที่ต้องการใช การ สร้างและแสวงหาความรู้ การประมวลเพื่อกลั่นกรองความรู้ การจัดการ
ความรู้ให้เป็นระบบ การ สร้างช่องทางเพื่อการสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้อง การแลกเปลี่ยนความรู้ การจัดการสมัยใหม่กระบวนการ ทางปัญญา
เป็นสิ่งสำคัญในการคิด ตัดสินใจ และส่งผลให้เกิดการกระทำ การจัดการจึงเน้นไปที่ การปฏิบัติ
ื่
ความรู้ (Knowledge) หมายถึง ความรู้ที่ควบคู่กับการปฏิบัติ ซึ่งในการปฏิบัติจำเป็น ต้องใชความรู้ที่หลากหลายสาขาวิชามาเชอมโยง

บูรณาการเพื่อการคิดและตัดสินใจ และลงมือปฏิบัติ จุดกำเนิดของความรู้คือสมองของคน เป็นความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในสมอง ชี้แจงออกมาเป็น
ถ้อยคำหรือ ตัวอักษรได้ยาก ความรู้นั้นเมื่อนำไปใช้จะไม่หมดไป แต่จะยิ่งเกิดความรู้เพิ่มพูนมากขึ้นอยู่ในสมอง ของผู้ปฏิบัติ


ในยุคแรก ๆ มองว่า ความรู้ หรือทนทางปัญญา มาจากการจัดกระบวนการตีความ สารสนเทศ ซึ่งสารสนเทศก็มาจากการประมวลข้อมูล
ขั้นของการเรียนรู้
ความรู้แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
ความรเดนชัด (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่เป็นเอกสาร ตำรา คู่มือปฏิบัติงาน สื่อต่าง ๆ กฎเกณฑ์ กติกา ข้อตกลง

ู้
ตารางการทำงาน บันทึกจากการทำงาน ความรู้เด่นชัดจึงมี ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ความรู้ในกระดาษ”
2. ความรู้ซ่อนเร้น / ความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่แฝงอยู่ในตัวคน พัฒนาเป็นภูมิปัญญา ฝังอยู่ในความคิด ความเชอ
ื่
ค่านิยม ทคนได้มาจากประสบการณ์สั่งสมมา นาน หรือเป็นพรสวรรค์อันเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่มีมาแต่กำเนิด หรือเรียกอีก
ี่
อย่างหนึ่ง ว่า “ความรู้ในคน” แลกเปลี่ยนความรู้กันได้ยาก ไม่สามารถแลกเปลี่ยนมาเป็นความรู้ที่เปิดเผยได้ ทั้งหมด ต้องเกิด
จากการเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านการเป็นชุมชน เช่นการสังเกต การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างการทำงาน หากเปรียบความรู้เหมือนภูเขาน้ำแข็ง

ส่วนของน้ำแข็งที่ลอยพ้นน้ำ เปรียบเหมือนความรู้ที่เด่นชด คือความรู้ที่อยู่ในเอกสาร ตำรา ซีดี วดีโอ หรือสื่ออน ๆ ที่จับต้องได้ ความรู้นี้

ื่
มีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์
ส่วนของน้ำแข็งที่จมอยู่ในน้ำ เปรียบเหมือนความรู้ที่ยังฝังลึกอยู่ในสมองคน มีความรู้จาก สิ่งที่ตนเองได้ปฏิบัติ ไม่สามารถถ่ายทอดออกมา
เป็นตัวหนังสือให้คนอื่นได้รับรู้ได้ ความรู้ที่ฝังลึกใน ตัวคนนี้มีประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์
ความรู้ 2 ยุค
ความรยุคที่ เน้นความรู้ในกระดาษ เน้นความรู้ของคนส่วนน้อย ความรู้ที่สร้างขึ้นโดย นกวิชาการที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน
ู้

ี่
เรามักเรียกคนเหล่านั้นว่า “ผู้มีปัญญา” ซึ่งเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ไม่มีความรู้ ไม่มีปัญญา ไม่สนในทจะใช้ความรู้ของคนเหล่านั้น โลกทัศน์ใน
ยุคที่ 1 เป็นโลกทัศน์ที่ คับแค้น
ู้
ความรยุคที่ เป็นความรู้ในคน หรืออยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างคน เป็นการค้นพบ “ภูมิปัญญา” ที่อยู่ในตัวคน ทุกคนมีความรู้
ั้
เพราะทุกคนทำงาน ทุกคนมีสัมพันธ์กับผู้อื่น จึงย่อมมี ความรู้ที่ฝังลึกในตัวคนที่เกิดจากการทำงาน และการมีความสัมพันธ์กันนน เรียกว่า
“ความรู้อันเกิด จากประสบการณ์” ซึ่งความรู้ยุคที่ 2 นี้มีคุณประโยชน์ 2 ประการ คือประการแรก ทำให้เราเคารพ ซึ่งกันและกัน

ต่างก็มีความรู้ ประการที่ 2 ทำให้หน่วยงานหรือองค์กรที่มีความเชอเชนนี้ สามารถใช ศักยภาพแฝงของทุกคนในองค์กรมาสร้างผลงาน
ื่

สร้างนวัตกรรมให้กับองค์กร ทำให้องค์กรมีการ พัฒนามากขึ้น
การจัดการความรู้
การจัดการความรู้ (Knowledge Management) หมายถึง การจัดการกับความรู้และ ประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวคนและความรู้
เด่นชด นำมาแบ่งปันให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัว ด้วยการผสมผสานความสามารถของคนเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม มี

เป้าหมาย เพื่อการพัฒนางาน พัฒนาคน และพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
ในปัจจุบันและในอนาคต โลกจะปรับตัวเข้าสู่การเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งความรู้กลาย เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคน ทำให้คน
จำเป็นต้องสามารถแสวงหาความรู้ พัฒนาและสร้าง องค์กรความรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำพาตนเองสู่ความสำเร็จ และนำพาประเทศชาติไปสู่
การพัฒนา มีความเจริญก้าวหน้าและสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
การจัดการความรู้เป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติ นำผลจากการปฏิบัติมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กัน เสริมพลังของการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ด้วยการชนชม ทำให้เป็นกระบวนการแห่งความสุข ความภูมิใจ และการเคารพเห็นคุณค่าซึ่งกันและกัน ทักษะเหล่านี้นำไปสู่การ
ื่
สร้างนิสัยคิดบวกทำบวก มองโลก ในแงดี และสร้างวัฒนธรรมในองค์กรที่ผู้คนสัมพันธ์กันด้วยเรื่องราวดี ๆ ด้วยการแบ่งปันความรู้ และ

แลกเปลี่ยนความรู้จากประสบการณ์ซึ่งกันและกัน โดยที่กิจกรรมเหล่านี้สอดคล้องแทรกอยู่ในการ ทำงานประจำทุกเรื่อง ทุกเวลา

55


ใบงานที่ 1
รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ (ทร31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
(1) ให้อธิบายความหมายของ “การจัดการความรู้” มาพอสังเขป
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
(2) ให้อธิบายความสำคัญของ “การจัดการความรู้” มาพอสังเขป
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
(3) ให้อธิบายหลักของ “การจัดการความรู้” มาพอสังเขป
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

56



บันทึกหลังการสอน
กศน.ตำบลกาวะ
ครั้งที่............... วันที่................................................ ผู้สอน นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊

สถานที่พบกลุ่ม กศน.ตำบลกาวะ ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
สาระ...................................................รายวิชา............................................................รหัสวิชา...........................
ผู้เรียนระดับมัธยมศกษาตอนปลาย จำนวน ๖๐ คน เข้าพบกลุ่ม..............คน ไม่พบกลุ่ม..............คน

เนื้อหา/สาระ/รายวิชา

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

กิจกรรมการเรียนการสอน
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
ปัญหา/อุปสรรค
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
แนวทางการแก้ปัญหา
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
ความเห็น/ข้อเสนอแนะผู้บริหาร
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ..............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ................................................ผู้รับรองข้อมูล
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊) (นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ตำแหน่ง ครูกศน.ตำบล ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอสุไหงปาดี

57


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 7

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ ทักษะการเรียนรู้ รายวชา ทักษะการเรียนรู้ ทร31001

เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 4 การคิดเป็น
วันที่ 28 เดือน มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.


1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติทีดีต่อการคิดเป็น
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
2.1 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการคิดเป็นได้

2.2 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการคิดเป็นได้อย่างคล่องแคล่ว
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระทักษะการเรียนรู้


4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง
4.1 ความสำคัญของการคิดเป็น
4.2 ฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการคิดเป็นได้อย่างคล่องแคล่ว
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย

5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา อธิบายความสำคัญเกี่ยวกับการคิดเป็น
5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)

5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
กลุ่มที่ 1. ความเชื่อพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่กับกระบวนการคิดเป็น
กลุ่มที่ 2. ระบบข้อมูล การจำแนกลักษณะของข้อมูล การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์
สังเคราะห์ ข้อมูลทั้งด้านวิชาการ

กลุ่มที่ 3. ระบบข้อมูล การจำแนกลักษณะของข้อมูล การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์
สังเคราะห์ ข้อมูลทั้ง ด้านตนเอง
กลุ่มที่ 4. ระบบข้อมูล การจำแนกลักษณะของข้อมูล การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์

สังเคราะห์ ข้อมูลทั้งด้านสังคมสภาวะแวดล้อม
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า
ชั้นเรียน
5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน

5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. ความหมาย ความสำคัญของการวิจัย
กลุ่มที่ 2. กระบวนการและขั้นตอนการทำวิจัยอย่างง่าย

กลุ่มที่ 3. ความหมาย ความสำคัญของศักยภาพหลักของพื้นที่
กลุ่มที่ 4. กลุ่มอาชีพใหม่ 5 ด้าน และศักยภาพหลักของพื้นที่ 5 ประการ
5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)
5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ

การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต

58


6. การวัดผลประเมินผล

6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์

7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน
7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้

8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ

9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้
9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการคิดเป็นได้
ื้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับการคิดเป็นได้อย่างคล่องแคล่ว
9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้

มอบหมายได้



ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล


ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพื้นฐาน

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน

(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย

ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…


ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา
(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)

ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

59


ใบความรู้ที่ 1
ื้
ทบทวนความเชื่อพนฐานทางการศึกษาผใหญ่ของคนคิดเป็นและการเชื่อมโยงไปสู่ปรชญาคิดเป็น การแก้ปัญหาอย่าง

ู้
เป็นระบบของคนคิดเป็น
ในชวิตประจำวันทุกคนต้องเคยพบกับปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเรียน การงาน การเงิน หรือแม้แต่ การเล่นกีฬาหรือ

ปัญหาอื่นๆ เช่น ปัญหาขัดแย้งของเด็ก หรือปญหาการแต่งตัวไปงานต่างๆ เป็นต้น เมื่อเกิดปัญหาก็เกิดทุกข์ แต่ละคนก็จะมีวีแก้ไขปัญหา

หรือแก้ทุกข์ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละคน แต่ละวิธีการอาจเหมือนหรือต่างกัน และอาจให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันหรือต่างกันก็ได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความเชื่อ ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ของบุคคลนั้น หรืออาจจะขึ้นอยู่กับทฤษฎีและหลักการของความ
เชื่อที่ต่างกัน เหล่านั้น
“คิดเป็น” เป็นกระบวนการคิดและตัดสินใจแก้ปัญหาวิธหนึ่งของคนทำงาน กศน.ที่ทานอาจารย์ ดร.โกวท วรพิพัฒน์ อดีตอธบดี




กรมการศึกษานอกโรงเรียนและอดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้นำเสนอไว้เป็นทิศทางและหลักการสำคัญในการดำเนินงานโครงการ
การศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษานอกโรงเรียนในสมัยนั้น และใชเป็นปัญหาส่องนำทางในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม

อัธยาศัยในระยะต่อมาด้วย
ื่
“คิดเป็น” ตั้งอยู่บนความเชอพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่ที่เป็นหลักความจริงของมนุษย์ที่ว่า คนเรา มีความ
หลากหลายแตกต่างกัน แต่ทุกคนต้องการความสุขเป็นเป้าหมายสูงสุด คน กศน.เชื่อว่าปัญหาหรือความทุกข์เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้



ก็สามารถแกไขได้ ความทุกข์หรือปญหาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนมากน้อย หนกเบา ต่างกันออกไป เมื่อเกิดปัญหาหรือความทุกขคนเราก็ต้อง

พยายามหาทางแก้ปัญหาหรือคลี่คลายความทุกข์ให้หมดไปให้ความสุขกลับคืนมา ความสุขของมนุษย์จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมนุษย์กับสภาวะ
แวดล้อมที่เป็นวิถีชวิตของตนสามารถปรับตัวกับสภาวะแวดล้อมให้กลมกลืนกันได้นี้ มนุษย์ต้องรู้จักแสวงหาข้อมูลที่หลากหลายและ

เพียงพออย่างน้อย 3 ด้านด้วยกัน คือ ข้อมูลด้านวิชาการ ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง และข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะแวดล้อมทางสังคม ชุมชน นำมา
วิเคราะห์ศึกษารายละเอียดอย่างรอบคอบและสังเคราะห์เพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดนำมาใช้แก้ปัญหา
ความเชื่อพื้นฐานของคนคิดเป็นหรือความเชื่อพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่คืออะไร

เพื่อให้ผู้เรียนมีความเข้าใจและเข้าถึง “คิดเป็น” ได้อย่างลึกซึ้งและชัดเจน ผู้เรียนที่เคยเรียนเรื่อง “คิดเป็น” มาก่อนในระดับ

ประถมศึกษาหรือระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ขอให้ข้ามไปอานต่อและร่วมกิจกรรมกระบวนการ
สำหรับผู้เรียนที่ยังไม่เคยเรียนเรื่อง “คิดเป็น” มาก่อนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น ขอให้ร่วมกันทำความเข้าใจ
ื่
ื่
เรื่องความเชอพื้นฐานของคนคิดเป็นหรือความเชอพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่เสียก่อน ทั้งนี้เพราะกระบวนการ “คิดเป็น” เน้นการทำ

ความเข้าใจด้วยกระบวนการคิดและสร้างความเข้าใจด้วยตนเองเป็นหลัก ให้ใชกรณีตัวอย่างในแบบเรียนคิดเป็น ระดับประถมศึกษาเป็น
เอกสารประกอบการสนทนาและร่วมสรุปแนวคิดดังต่อไปนี้
ความเชื่อพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่ ปฐมบทของปรัชญา คิดเป็น

ครั้งหนึ่ง ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเคยเป็นอธิบดีกรมการศึกษานอกโรงเรียนมาก่อนเคยเล่าให้ฟังว่า
มีเพื่อนฝรั่งถามท่านว่า ทำไมคนไทยบางคนจนก็จน อยู่กระต๊อบเก่าๆทำงานก็หนัก หาเชากินค่ำ แต่เมื่อกลับบ้านยังมีแก่ใจนั่งเป่าขลุ่ย

ตั้งวงสนทนา สนุกสนาน เฮฮากับเพื่อนบ้านหรือโขกหมากรุกกับเพื่อน ได้อย่างเบิกบานใจ ตกเย็นก็นั่งกินข้าวคลุกน้ำพริก คลุกน้ำปลากับ
ลูกเมียอย่างมีความสุขได้ ท่านอาจารย์ตอบไปว่า เพราะเขาคิดเป็น เขาจึงมีความสุข มีความพอเพียง ไม่ทุกข์ ไม่เดือดร้อนทุรนทุรายเหมือน
คนอื่นๆ เท่านั้นแหละ คำถามก็ตามมาเป็นหางว่าว เช่น ก็เจ้า “คิดเป็น” มันคืออะไร อยู่ที่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไร หาได้อย่างไร หายาก

ไหม ทำอย่างไรจึงจะคิดเป็น ต้องไปเรียนจากพระอาจารย์ทิศาปาโมกขหรือเปล่า ค่าเรียนแพงไหม มีค่ายกครูไหม ใครเป็นครูอาจารย์หรือ
ศาสดา ฯลฯ ดูเหมือนว่า “คิดเป็น” ของท่านอาจารย์จะเป็นคำไทยง่ายๆ ธรรมดาๆ แต่ก็ออกจะลึกล้ำ ชวนให้ใฝ่หาคำตอบยิ่งนัก

ประมาณปี พ.ศ.2513 เป็นต้นมา ท่านอาจารย์ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ และคณะได้นำแนวคิดเรื่อง “คิดเป็น” มาเป็นเป้าหมาย
สำคัญในการจัดการศึกษาผู้ใหญ่หลายโครงการ เชน โครงการการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ โครงการรณรงค์เพื่อการรู้หนังสือแห่งชาติ

โครงการการศึกษาประชาชนและการศึกษาผู้ใหญ่ขั้นต่อเนื่องเป็นต้น*ต่อมาท่านย้ายไปเป็นอธิบดีกรมวิชาการ ท่านก็นำคิดเป็นไปเป็น
แนวทางจัดการศึกษาสำหรับเด็กในโรงเรียนจนเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพื่อให้การทำความเข้าใจกับการคิดเป็นงายขึ้นพอที่จะให้คนที่จะมา

มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอนตามโครงการดังกล่าวเข้าใจและสามารถดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับหลักการ

ื่
“คิดเป็น” ได้ จึงมีการนำเสนอแนวคิดเรื่อง ความเชอพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใชกระบวนการคิดเป็น ในการทำ
ความเข้าใจกับความเชอพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่ให้กับผู้ที่จะจัดกระบวนการเรียนการสอนตามโครงการดังกล่าวในรูปแบบของ
ื่
การฝึกอบรม** ด้วยการฝึกอบรมผู้ร่วมโครงการการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ และโครงการการศึกษาผู้ใหญ่ขั้นต่อเนื่องระดับ 3-4-5
เป็นที่รู้จักฮือฮากันมากในสมัยนั้นผู้เข้ารับการอบรมยังคงรำลึกถึงและนำมาใช้ประโยชน์จนทุกวันนี้

60


ใบงานที่ 1
รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ (ทร31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
กรณีตัวอย่างเรื่อง สมศักดิ์ติดเกม
“สมศักดิ์ เป็นเด็กที่ทำอะไรก็ทำอย่างจริงจัง เมื่อชอบเล่นเกมก็เล่นจนน่าเป็นห่วง เขากลายเป็นเด็ก
ติดเกม เขาเล่นเกมจนแทบไม่มีเวลากินข้าว ความคลั่งไคล้ในเกมของเขาทำให้เพอน ๆ ตั้งฉายาเขาว่า เกมแมน
ื่
เวลาส่วนใหญ่ของเขาหมดไปกับการเล่นเกม เวลาสำหรับการเรียนจึงเหลือน้อยลง ๆ จนเขาล้มป่วย อ่อนเพลีย

ื่
มากต้องต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ในวันนี้เขาไม่คิดจะเล่นเกมอกแล้ว เพอน ๆ มาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล


ื่
เขาถามเพอนถึงเรื่องที่โรงเรียน เพอนบอกว่าอาทิตย์หน้าจะสอบ สมศักดิ์ไม่ได้อานหนังสือเลย หลังออกจาก
ื่
โรงพยาบาลสมศักดิ์เร่งอ่านหนังสืออย่างหนัก จนเขาง่วงหลับไปฝันถึงแต่เกมที่ตัวเองเล่น สมศักดิ์รู้สึกเบื่อหน่าย
ี่

ื่
การอานหนังสือ ทันใดนั้น สมศักดิ์ก็นึกถึงคำที่เพอนรุ่นพบอกเขาไว้ว่า ยาขยันกินแล้วตาแข็ง ไม่มีหลับ
อ่านหนังสือได้คืนละหลายเล่ม สมศักดิ์คิดจะไปหาเพื่อนรุ่นพี่ชื่อเสือเพื่อขอใช้สักเม็ด
ื่
รุ่งเช้าสมศักดิ์ไปหาเสือตามที่ตั้งใจไว้โดยหวังว่าถ้าได้ยาคงอ่านหนังสือทันแน่นอน สมศักดิ์เดินผ่านไปเจอเพอน
ๆ เพอน ๆ ถามเขาว่าจะไปไหน เขาบอกว่าจะไปหาพเสือ เพอนได้ยินก็ชี้ให้สมศักดิ์ดูพเสือซึ่งนอนช็อกหมดสติ
ี่
ื่
ี่
ื่

เพราะใช้ยาบ้าจนติดงอมแงม จากนั้นเพอนถามสมศักดิ์ว่า นายยังจะคิดใช้ยาบ้าอกหรือ นายควรตั้งใจอาน

ื่


หนังสือโดยไมพึ่งยาเสพติด สมศกดิ์ไม่คิดว่ายาบ้าอันตรายขนาดนี้ เขาไม่กล้าใช้แล้ว เขาจะใช้ความสามารถของ


เขาเอง วางแผนการอานหนังสือดี ๆ แม้จะอานไม่จบทั้งหมด แต่ก็น่าจะรู้เรื่องบ้าง พวกเพอน ๆ บอกสมศักดิ์
ื่



ว่าจะเป็นกำลังใจให้ สมศักดิ์อานหนังสืออย่างตั้งใจและอดทน ไม่ลืมที่จะพกผ่อนอย่างเพยงพอ ไม่ลืมที่จะกิน
อาหารให้เป็นเวลา เมื่อถึงวันสอบสมศักดิ์ตั้งใจทำข้อสอบ วันประกาศผลสอบ สมศักดิ์สอบผ่านหมดทุกวิชา
สมศักดิ์ดีใจเป็นที่สุดแม้คะแนนจะไม่สูงนักแต่ก็สอบผ่านหมด ความสำเร็จจากการสอบครั้งนี้เป็นความสามารถ
ของเขาล้วน ๆ ไม่มีสิ่งเสพติดมาเกี่ยวข้อง”
(1) ปัญหาเรื่องสมศักดิ์ติดเกม มีสาเหตุเนื่องมาจากอะไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

(2) การแก้ปัญหาของสมศกดิ์โดยกระบวนการคิดเป็น จะต้องใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 ประการต่อไปนี้อย่างไร
ี่
บ้าง จะได้ข้อมูลจากทใดในชุมชน
- ข้อมูลทางวิชาการ

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง (สมศักดิ์)

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- ข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะแวดล้อม
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

61



บันทึกหลังการสอน
กศน.ตำบลกาวะ
ครั้งที่............... วันที่................................................ ผู้สอน นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊

สถานที่พบกลุ่ม กศน.ตำบลกาวะ ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
สาระ...................................................รายวิชา............................................................รหัสวิชา...........................
ผู้เรียนระดับมัธยมศกษาตอนปลาย จำนวน ๖๐ คน เข้าพบกลุ่ม..............คน ไม่พบกลุ่ม..............คน

เนื้อหา/สาระ/รายวิชา

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

กิจกรรมการเรียนการสอน
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
ปัญหา/อุปสรรค
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
แนวทางการแก้ปัญหา
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
ความเห็น/ข้อเสนอแนะผู้บริหาร
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ..............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ................................................ผู้รับรองข้อมูล
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊) (นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ตำแหน่ง ครูกศน.ตำบล ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอสุไหงปาดี

62


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 8


กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ ทักษะการเรียนรู้ รายวชา ทักษะการเรียนรู้ ทร31001
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 5 การวิจัยอย่างง่าย 6 ทักษะการเรียนรู้และศักยภาพหลักของพื้นที่ในการพัฒนาอาชีพ
วันที่ 4 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.


1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติทีดีต่อการวิจัยอย่างง่าย
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
2.1 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการวิจัยอย่างง่ายและทักษะการเรียนรู้และศักยภาพ

หลักของพื้นที่ในการพัฒนาอาชีพได้
ื้
2.2 เพอให้ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับการวิจัยอย่างง่ายและทักษะการเรียนรู้และ
ื่
ศักยภาพหลักของพื้นที่ในการพัฒนาอาชีพได้อย่างคล่องแคล่ว
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระทักษะการเรียนรู้

4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง
4.1 ความสำคัญของการวิจัยอย่างง่ายและทักษะการเรียนรู้และศักยภาพหลักของพนที่ในการพฒนา
ื้

อาชีพ
ื้

4.2 ฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการวิจัยอย่างง่ายและทักษะการเรียนรู้และศกยภาพหลักของพนที่ในการ
พัฒนาอาชีพได้อย่างคล่องแคล่ว
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย

5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา อธิบายความสำคัญเกี่ยวกับการวิจัยอย่างง่ายและทักษะการเรียนรู้
และศักยภาพหลักของพื้นที่ในการพัฒนาอาชีพ

5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
กลุ่มที่ 1. ความหมาย ความสำคัญของการวิจัย

ั้
กลุ่มที่ 2. กระบวนการและขนตอนการทำวิจัยอย่างง่าย
กลุ่มที่ 3. ความหมาย ความสำคัญของศักยภาพหลักของพื้นที่
กลุ่มที่ 4. กลุ่มอาชีพใหม่ 5 ด้าน และศักยภาพหลักของพื้นที่ 5 ประการ
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า

ชั้นเรียน
5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน
5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1. การออกเสียงพยัญชนะ sz ch sh
กลุ่มที่ 2. การติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆ
กลุ่มที่ 3. การติดต่อทางโทรศัพท์เพอการประกอบอาชีพ
ื่
กลุ่มที่ 4. การเปรียบเทียบสำนวนภาษา

63


5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)

5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต
6. การวัดผลประเมินผล

6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์
7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน

7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้

8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ
9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้

9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการวิจัยอย่างง่ายและทักษะการเรียนรู้และ
ศักยภาพหลักของพื้นที่ในการพัฒนาอาชีพได้
ื้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับการวิจัยอย่างง่ายและทักษะการเรียนรู้
และศักยภาพหลักของพื้นที่ในการพัฒนาอาชีพได้อย่างคล่องแคล่ว

9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้
มอบหมายได้



ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน

(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล

ื้

ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพนฐาน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย

64


ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…


ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา

(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

65


ใบความรู้ที่ 1
ความหมาย ความสำคัญของการวิจัย

เมื่อได้ยินคำว่า “การวิจัย” คนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ทำยาก มีขั้นตอนมาก ต้องใชเวลานาน ต้องมีความรู้ในการสร้าง
เครื่องมือการวิจัย และการใช้สถิติต่างๆ ทำให้หลายคนไม่อยากทำวิจัย

ข้อเท็จจริงคือ การวิจัยมีหลายระดับตั้งแต่ระดับยากๆ ซับซ้อน ที่ต้องใชความรู้ทางวิชาการด้านต่างๆ และใชเวลาเป็นปี ๆ

ในการทำวิจัยแต่ละเรื่อง จนถึงการวิจัยที่งายๆ แม้แต่เด็กอนุบาลหรือเด็กประถมในเมืองนอกก็มีการทำวิจัยหรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า

Research เป็นว่าเล่น ดังนั้นการวิจัยจึงไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดเสมอไป
คำถามคือ การวิจัยคืออะไร ทำไมต้องทำวิจัย ทำแล้วได้ประโยชน์อย่างไร การวิจัยเป็นการหาคำตอบที่อยากรู้ ที่สงสัย ที่เป็น
ปัญหาข้อข้องใจ แต่คำตอบนั้นต้องเชื่อถือได้ ไม่ใช่การคาดเดา หรือคิดสรุปไปเองโดยใช้ความรู้สึก วิธีการหาคำตอบจึงต้องเป็นกระบวนการ
ขั้นตอนอย่างเป็นระบบ
ตัวอย่าง เช่น ถ้าต้องการทราบว่านักร้องในดวงใจของนักศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายใน ศรช. วัดแจ้งเป็นใคร จะคาดเดาเอาเอง

หรือไปสอบถามนักศึกษาเพียงคน สองคน แล้วมาสรุปว่านักร้องในดวงใจของนักศึกษาตอนปลายใน ศรช. วดแจ้ง เป็นคนนั้น คนนี้ไม่ได้
แต่ต้องทำแบบสอบถามไปให้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของนักศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายใน ศรช. วัดแจ้ง เป็นผู้ตอบ แล้วนำมาสรุป
คำตอบข้อค้นพบที่ได้ เป็นต้น
ผลที่ได้จากการทำวิจัย นอกจากจะได้รับคำตอบที่ต้องการรู้แล้ว ผู้วิจัยเองก็ได้ประโยชน์จากการทำวิจัย คือ การเป็นคนชางคิด

ช่างสังเกต ศึกษาค้นคว้าหาความรู้และเขียนเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ นอกจากนั้นการวิจัยจะเกิดประโยชน์ในภาพรวม ดังนี้
1. การวิจัยทำให้เกิดความรู้ทางวิชาการใหม่ๆ
2. การวิจัยช่วยให้เกิดนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ แนวคิดใหม่ๆ
3. การวิจัยช่วยตอบคำถามที่อยากรู้ ให้เข้าใจปัญหาและช่วยในการแก้ไขปัญหา
4. การวิจัยช่วยในการวางแผนและการตัดสินใจ
5. การวิจัยช่วยให้ทราบผลและข้อบกพร่องจากการดำเนินงาน
กระบวนการและขั้นตอนการทำวิจัยอย่างง่าย
การทำวิจัย ดำเนินการเป็นขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนแรก มักจะเริ่มต้นจากผู้วิจัยอยากรู้อะไร มีปัญหาข้อสงสัยอะไร เป็นขั้นตอนการกำหนดคำถามวิจัย/ปัญหาวิจัย
ตัวอย่างคำถามการวิจัย เช่น นักร้องในดวงใจวัยรุ่นคือใคร นักการเมืองในดวงใจวัยรุ่นคือใคร วัยรุ่นใช้เวลาว่างทำอะไร เป็นต้น
ตัวอย่างปัญหาวิจัย เช่น ปัญหาการติดเกมส์ของวัยรุ่น ปัญหาการใช้เวลาว่างของวัยรุ่น ฯลฯ เป็นต้น
เมื่อกำหนดคำถามการวิจัย/ปัญหาวิจัยแล้ว
ขั้นตอนที่สอง คือ การเขียนโครงการวิจัย ซึ่งต้องเขียนก่อนการทำวิจัยจริง โดยเขียนให้ครอบคลุมว่า จะทำวิจัยเรื่องอะไร
ื่
(ชอโครงการวิจัย) ทำไมจึงทำเรื่องนี้ (ความเป็นมาและความสำคัญ) อยากรู้อะไรบ้างจากการวิจัย (วัตถุประสงค์ของการวิจัย) มีแนวทาง
ขั้นตอนการดำเนินงานวิจัยอย่างไร (วิธีดำเนินการวิจัย) ระยะเวลาการวิจัยและแผนการดำเนินงาน (ปฏิทินปฏิบัติงาน) การวิจัยนี้
จะเป็นประโยชน์อย่างไร (ประโยชน์ของการวิจัยหรือผลที่คาดว่าจะได้รับ)
ขั้นตอนที่สาม คือการดำเนินงานวิจัยตามแผนที่กำหนดไว้ในโครงการวิจัย
ขั้นตอนที่สี่ คือการเขียนรายงานการวิจัย ส่วนใหญ่ประกอบด้วยหัวข้อ คือ
1. ชื่อเรื่อง
2. ชื่อผู้วิจัย
3. ความเป็นมาของการวิจัย
4. วัตถุประสงค์ของการวิจัย
5. วิธีดำเนินการวิจัย
6. ผลการวิจัย
7. ข้อเสนอแนะ
8. เอกสารอ้างอิง (ถ้ามี)
ขั้นตอนสุดท้าย คือ การเผยแพร่ผลงานวิจัย เพื่อให้บุคคล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลงานวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์ต่อไป

66


ใบงานที่ 1
รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ (ทร31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
(1) ให้ผู้เรียนบอกความหมาย ความสำคัญของการวิจัย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
(2) ให้ผู้เรียนบอกกระบวนการและขั้นตอนการทำวิจัยอย่างง่าย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
(3) ให้ผู้เรียนบอกสถิติง่ายๆ เพื่อการวิจัย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

67



บันทึกหลังการสอน
กศน.ตำบลกาวะ
ครั้งที่............... วันที่................................................ ผู้สอน นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊

สถานที่พบกลุ่ม กศน.ตำบลกาวะ ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
สาระ...................................................รายวิชา............................................................รหัสวิชา...........................
ผู้เรียนระดับมัธยมศกษาตอนปลาย จำนวน ๖๐ คน เข้าพบกลุ่ม..............คน ไม่พบกลุ่ม..............คน

เนื้อหา/สาระ/รายวิชา

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

กิจกรรมการเรียนการสอน
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
ปัญหา/อุปสรรค
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
แนวทางการแก้ปัญหา
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
ความเห็น/ข้อเสนอแนะผู้บริหาร
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ..............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ................................................ผู้รับรองข้อมูล
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊) (นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ตำแหน่ง ครูกศน.ตำบล ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอสุไหงปาดี

68


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 9

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ ความรู้พื้นฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม พต31001
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 1 Everyday English 2 What should you do? 3 Hello could you tell me……?
4 Cultural Difference

วันที่ 11 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.

1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพนฐาน เกี่ยวกับภาษาและการสื่อสาร
ื้
2. จุดประสงค์การเรียนรู้

ื่
2.1 เพอให้ผู้เรียนสามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก เบา สูง
ต่ำได้

2.2 เพอให้ผู้เรียนสามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของผู้พดได้
ื่
อย่างคล่องแคล่ว
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระความรู้พื้นฐาน

4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง
4.1 สามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก เบา สูงต่ำได้
4.2 สามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของผู้พดได้อย่าง

คล่องแคล่ว
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย

5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา ออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก
เบา สูงต่ำ เกี่ยวกับ Everyday English, What should you do?, Hello could you tell me……?,

Cultural Difference
5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

กลุ่มที่ 1. การออกเสียงพยัญชนะ sz ch sh
กลุ่มที่ 2. การติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆ
ื่
กลุ่มที่ 3. การติดต่อทางโทรศัพท์เพอการประกอบอาชีพ
กลุ่มที่ 4. การเปรียบเทียบสำนวนภาษา
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)

5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า
ชั้นเรียน
5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน

5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. ประเภทของข่าว
กลุ่มที่ 2. โครงสร้างของข่าว
กลุ่มที่ 3. ลักษณะคำและเครื่องหมายวรรคตอน

กลุ่มที่ 4. บทความเกยวกับการออกกำลังกาย
ี่

69


5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)

5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต
6. การวัดผลประเมินผล

6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์
7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน

7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้

8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ
9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้

9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก
เบา สูงต่ำได้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของ
ผู้พูดได้อย่างคล่องแคล่ว

9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้
มอบหมายได้


ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล
ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพนฐาน
ื้

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน

(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย
ความคดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…

ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา

(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

ข้อสอบก่อนเรียน / หลังเรียน 71


แบบทดสอบก่อนเรียน สาระความรู้พื้นฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001)

ให้ผู้เรียนขีดเครื่องหมาย x หน้าคำตอบที่ถกที่สุด
1. I ………..four cups of coffee since 9. Have you…………..seen some bad storms

eight o’clock. in this area ?
a. drink a. never b. ever

b. will drink c. just d. yet

c. have drunk 10. Richard hasn’t arrived ………….
d. am drinking a. already b. just

2. Jill has…………bought a new blouse. c. never d. yet
a. yet b. already 11. The students have studied English

c. since d. for lesson…………two hours.
3. He……….just…….me the tape I asked a. for b. since

for. c. never d. ever
a. has, given b. is, giving 12. We………..Mr. and Mrs. Smith for a

c. was, given d. doesn’t, long time.
give a. know b. are knowing

4. She…………her brother for five years. c. knew d. have known

a. won’t see b. doesn’t see 13. Has Betty already…..……that lesson ?
c. isn’t seeing d. hasn’t seen a. do b. does

5. ……..you…….the new words from the c. did d. done
blackboard yet. 14. Suda………….her homework yet.

a. Will, study b. Are, studying a. has finished
c. Have, studied d. Do, study b. hasn’t finished

6. I…………….never………..by plane. c. finishes
a. don’t, travel d. finished

b. am, travelling 15. I’ve been a teacher ………….more than
c. haven’t, travelled twenty years.

d. have, travelled a. for b. since

7. He…………..ill since Monday. c. already d. never
a. has been b. is
c. was d. had

8. Have you ever………….a camel?

a. ride b. rode
c. ridden d. riding





ศูนย์การศกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี หน้า 71


72

เฉลยข้อสอบก่อน-หลังเรียน
1. c
2. b

3. a
4. d
5. c
6. d

7. a
8. c
9. b
10. d

11. a
12. d
13. d
14. b

15. a






















































ศูนย์การศกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี หน้า 72


73


ใบความรู้ที่ 1
การออกเสียงพยัญชนะ sz ch sh
a) การออกเสียง sz
การออกเสียง s และ z ในการออกเสียง s ที่เป็นพยัญชนะต้นคำจะออกเสียงเหมือนตัว ส ขณะที่การออกเสียงตัว z จะออกเสียงเหมือน ซ

แต่จะต้องออกเสียงก้อง มีการสั่นของเสียง (Voice sound) โดยใชลิ้นแตะที่โคนฟนและออกเสียงสอดแทรกออกมาด้วยเสียงผึ้งบิน

b) การออกเสียง sh ch

คำในภาษาอังกฤษที่คนไทยมีปัญหาในการออกเสียงคำหนึ่ง คือ คำที่มีเสียง sh เชน She, English และ Shoes เป็นต้น โดยส่วนใหญ่
มักจะออกเสียงเป็นเสียงตัว ช ช้าง ซึ่งมีความใกล้เคียงกับเสียง ch มากกว่า จะไม่เป็นปัญหา ถ้าหากว่าคำนั้นมีคำเดียวในภาษาอังกฤษ แต่
ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะว่าคำในภาษาอังกฤษที่ออกเสียงเหมือนกันแต่ต่างกันที่เสียง sh และ ch มีอยู่หลายคำ
การออกเสียง sh และ ch
เสียง sh ออกเสียงคล้าย ช ช้าง แต่ต้องห่อปาก และพ่นลมตลอดค่อนข้างยาว
เสียง ch ออกเสียงคล้าย ช ช้าง มากกว่าเสียง sh มีการกักลมในปากก่อนออกเสียงและเสียงพ่นลมไม่ยาวเหมือนเสียง sh
ข้อสังเกต
บางครั้งเสียง sh หรือ ch อาจปรากฏในคำศัพท์อื่นที่ไม่ปรากฏรูปพยัญชนะ sh หรือ ch แต่ออกเสียงเช่นเดียวกัน
ตัวอย่าง ออกเสียง sh ออกเสียง ch
Mission (มิชชั่น) Nature (เนเชอร์)
Ocean (โอเชี่ยน) Measure (เมเชอร์)
Tissue (ทิชชู)
การออกเสียงคำกริยาที่เติม ed
คำกริยาช่องที่ 2 (Past form of verb) เป็นคำกริยาที่ใช้ในประโยคที่เขียนด้วย Past Simple Tense (อดีต) ซึ่งการเปลี่ยน
คำกริยาให้เป็นรูปช่องที่ 2 มี 3 วิธี คือ
1) โดยการเติม ed ข้างท้ายกริยา เช่น
กริยาช่องที่ 1 กริยาช่องที่ 2
walk walked
learn learned
talk talked
2) โดยการคงรูปกริยาตัวเดิม เช่น
กริยาช่องที่ 1 กริยาช่องที่ 2
cut cut
put put
let let
3) โดยการเปลี่ยนรูปกริยา
ี่
กริยาช่องท 1 กริยาช่องที่ 2
make made
go went
come came
หลักในการออกเสียงคำกริยาช่องที่ 2 ที่เติม ed
กริยาช่องที่ 2 ที่เติม ed มีหลัก 3 ประการในการออกเสียงดังนี้
1. ออกเสียง/id/ = อิด(เอ็ด) สำหรับคำกริยาที่ลงท้ายด้วย t และ d เช่น
กริยาช่องที่ 1 กริยาช่องที่ 2
want (ว๊อนท) wanted (ว๊อนทิด)
need (นีด) needed (นีดดิด)
cheat (ชีท) cheated (ชีททิด)

74


ใบงานที่ 1
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
Jane dropped a stack of plates on the floor because they were too slippery. Her mother wasn’t
at all happy….
Mother : Jane, Oh no! What is going on in the kitchen?
Jane : I’m sorry. I’ve just dropped a stack of plates.

Mother : Were you hurt?
Jane : Fortunately, no. But I’m terribly sorry.
Mother : I’m glad you’re not hurt, but please, you must be careful next time!

Jane : I will. I will. Trust me.
กิจกรรมที่ 3.1 Answer these questions from the dialogue above.
1. Who dropped the plates?
a. Jane

b. Mother
c. A cat.
2. Was “Mother” happy when she heard the noise?
a. Yes.

b. No, of course not.
c. She did not hear the noise.
3. Why were the plates dropped?
a. They were too slippery.

b. They were piled up too high.
c. The holder was very careless.
4. What did Jane promise to do the next time?

a. To drop more plates.
b. To pay the money for the plates.
c. To be more careful.
5. How many plates were broken?
a. Just one plate.

b. Many plates.
c. We don’t know the exact number.

76


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 10

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ ความรู้พื้นฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม พต31001
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 5 News & News Headline 6 Self – Sufficiency Economy 7 Have you exercised
today? 8 Shall we save the energy?

วันที่ 18 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.

1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพนฐาน เกี่ยวกับภาษาและการสื่อสาร
ื้
2. จุดประสงค์การเรียนรู้

ื่
2.1 เพอให้ผู้เรียนสามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก เบา สูง
ต่ำได้

2.2 เพอให้ผู้เรียนสามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของผู้พดได้
ื่
อย่างคล่องแคล่ว
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระความรู้พนฐาน
ื้
4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง

4.1 สามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก เบา สูงต่ำได้
4.2 สามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของผู้พดได้อย่าง

คล่องแคล่ว
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย

5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา ออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก
เบาสูงต่ำเกี่ยวกับNews & News Headline,Self – Sufficiency Economy, Have you exercised today?

Shall we save the energy?
5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

กลุ่มที่ 1. ประเภทของข่าว
กลุ่มที่ 2. โครงสร้างของข่าว
กลุ่มที่ 3. ลักษณะคำและเครื่องหมายวรรคตอน
ี่
กลุ่มที่ 4. บทความเกยวกับการออกกำลังกาย
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)

5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า
ชั้นเรียน
5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน

5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. โครงสร้าง have something done
กลุ่มที่ 2. โครงสร้าง Reported Speech
กลุ่มที่ 3. การเขียนแนะนำตนเองถึง Pen Pal โดยส่งทาง e – mail

77



กลุ่มที่ 4. บทอานเกี่ยวกับ Earthquake, Tornado หรือ Flood จากหนังสือพมพ ์

หรือ Website ของหนังสือพิมพ์ The Nation หรือ Bangkok Post
5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)
5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ

การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต
6. การวัดผลประเมินผล
6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์

7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน
7.3 หนังสือเรียน

7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้
8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ

8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ
9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้
9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก
เบา สูงต่ำได้

9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของ
ผู้พูดได้อย่างคล่องแคล่ว
9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้
มอบหมายได้




ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล


ื้
ความคิดเห็นหัวหน้างานการศึกษาขั้นพนฐาน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(นางมัทมา แวนาแว)

ครูผู้ช่วย

78




ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…




ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา
(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

79


ใบความรู้ที่ 1
ประเภทของข่าว
ข่าวต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ในปัจจุบันนี้ มีหลากหลายประเภท ได้แก่
1. ข่าวการเมือง
2. ข่าวการศึกษา
3. ข่าวเศรษฐกิจ
4. ข่าวสังคม
5. ข่าวสิ่งแวดล้อม
6. ข่าวศิลปวัฒนธรรม
7. ข่าวกีฬา
8. ข่าวอุบัติภัย
9. ข่าวอาชญากรรม
ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีข่าวอื่น ๆ ที่ผ่านตากันมาบ้าง เช่น ข่าวประชาสัมพันธ์ ซึ่งขึ้นอยู่กับบุคคล หนวยงานทั้งภาครัฐและเอกชน บริษัท
ี่
ห้างร้าน สถาบันการศึกษา มูลนิธิต่าง ๆ ทต้องการบอกรายละเอียดกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือบอกผู้อ่านให้ทราบว่าได้ดำเนินกิจกรรม
ใดมาบ้าง เรื่องราวเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจ ได้รับความรู้ เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว รวมทั้งสามารถให้ข้อมูล
แก่ผู้อื่นในสังคมได้ ข่าวลักษณะนี้อาจเรียกว่าข่าวบริการก็ได้ เนื่องจากเป็นข่าวที่เปิดกว้างสำหรับผู้สนใจ

ตัวอย่างข่าวบรการ
• สถาบันการศึกษาเปิดรับสมัครนักศึกษา
• หน่วยงานภาครัฐเปิดอบรมหลักสูตรต่าง ๆ
• โรงพยาบาลให้ความรู้เฉพาะโรคฟรี
• คณะทันตแพทย์ศาสตร์ตรวจฟันฟรี
• โรงเรียนช่างกลตรวจสภาพรถในช่วงเทศกาลแก่ผู้เดินทาง
• เปิดหลักสูตรฝึกอาชีพระยะสั้น
• ชมรมสัตว์เลี้ยงจัดประกวดแมวไทย
• เปิดแข่งขันทำอาหารเพื่อสุขภาพ
• ประกวดคำขวัญ เรื่องสั้น ตราสัญลักษณ์ฯ
• จัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ปลูกปะการัง ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ฯ
• มูลนิธิจัดพิธีล้างป่าช้า เผาศพไม่มีญาติฯ
• วัดจัดงานประจำป
• เชิญชวนทำบุญบริจาคผู้พิการ เช่น ทำแขนขาเทียม จัดซื้อรถเข็น เป็นต้น
• จัดแสดงนิทรรศการ ภาพเขียน ภาพถ่าย ฯ
• หน่วยงานจัดประชุม สัมมนา ปาฐกถา ฯ
องค์ประกอบที่สำคัญ
ข่าวจากหนังสือพิมพ์ มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ส่วน คือ
1. พาดหัวข่าว (Headline) คือ ข้อสรุปของข่าวที่จะนำเสนอ เป็นประเด็นทมีความสำคัญที่สุด เมื่ออ่านแล้วสามารถดึงดูดใจผู้อ่านได้
ี่
รวมทั้งพิมพ์ด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ที่เป็นตัวหนา
2. ข่าวนำ (Lead) เริ่มตั้งแต่ย่อหน้าแรกต่อจากพาดหัวข่าวหรือบางข่าวที่มีพาดหัวรอง ก็เริ่มข่าวนำหลังจากพาดหัวรอง ข่าวนำเป็นการเริ่ม
บอกเนื้อเรื่องของข่าว ซึ่งครอบคลุมใจความสำคัญและข้อเท็จจริงของข่าวที่เกิดขึ้น ข่าวนำช่วยขยายความพาดหัวข่าวให้ผู้อ่านเข้าใจ
มากกว่าการอ่านเฉพาะพาดหัวข่าว
3. เนื้อข่าว (Details) หมายถึงรายละเอียดทั้งหมดของข่าว โดยรายละเอียดเหล่านี้ครอบคลุม
- ประเด็นข่าว (main point)
- ใจความสำคัญ (main idea)
- รายละเอียด (support detail)

80


ใบงานที่ 1
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
1. ข่าวต่อไปนี้ พาดหัวข่าวว่าอย่างไร และส่วนใดเป็นพาดหัวรอง
2. ข้อความใดเป็นข่าวนำ
3. ส่วนใดเป็นเนื้อข่าว


SOUTH UNDER WATER
Schools hit by flood can resume within a few days
By The Nation

Schools that have been closed due to the flooding in Narathiwat province should be
reopened within three days as the rains have now stopped, a senior regional education
official said Monday.
Heavy floods and continuous rains have forced suspension of schools in 13 districts of

Narathiwat, which were declared flood disaster zones on Sunday, said Adul Promsaeng,
director of the Education Service Area 2 Office.
“Some schools should be able to reopen within three days after the has water receded.
They will be restored with help from soldiers and classes can resume by Thursday,

January 13.
The flood prevention and mitigation centre for Narathiwat said the floods have affected
36.908 people from 11,053 families in 284 villages in the 13 districts. The torrential rains
caused the three main rivers in the province to burst their banks and flooded houses

nearby ruining 9,000 rai of farmland and washing out 67 roads.
Vegetable exportations to Malaysia were severely disrupted as the road connecting
Thailand to her neighbour was covered with water making travel and transport in both

directions and resulting in products going rotten inside warehouses,
On Sunday, Narathiwat Govenor Kissada Boonrat urged people to closely monitor their
surroundings and move immediately to the second floor of their houses if water levels
rose further.

82


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 11

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ ความรู้พื้นฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม พต31001
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 9 What have I done? 10 What is your e – mail address? 11 Natural Disaster
12 Let’s Travel

วันที่ 25 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.

1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพนฐาน เกี่ยวกับภาษาและการสื่อสาร
ื้
2. จุดประสงค์การเรียนรู้

2.1 เพอให้ผู้เรียนสามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก เบา สูง
ื่
ต่ำได้
2.2 เพอให้ผู้เรียนสามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของผู้พดได้
ื่

อย่างคล่องแคล่ว
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้
ื้
3. สาระการเรียนรู้ สาระความรู้พนฐาน

4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง
4.1 สามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก เบา สูงต่ำได้
4.2 สามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของผู้พดได้อย่าง

คล่องแคล่ว
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย

5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา ออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก
เบาสูงต่ำเกี่ยวกับ What have I done?, What is your e – mail address?, Natural Disaster, Let’s

Travel
5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

กลุ่มที่ 1. โครงสร้าง have something done
กลุ่มที่ 2. โครงสร้าง Reported Speech
กลุ่มที่ 3. การเขียนแนะนำตนเองถึง Pen Pal โดยส่งทาง e – mail


กลุ่มที่ 4. บทอานเกี่ยวกับ Earthquake, Tornado หรือ Flood จากหนังสือพมพ ์
หรือ Website ของหนังสือพิมพ์ The Nation หรือ Bangkok Post
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า
ชั้นเรียน

5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน
5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. การบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ
กลุ่มที่ 2. บทสนทนาเกี่ยวกับการลดภาวะโลกร้อน

กลุ่มที่ 3. โฆษณารับสมัครงาน (Job Advertisement)

83


กลุ่มที่ 4. จดหมายสมัครงาน (Employment Letter)

5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)
5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต

6. การวัดผลประเมินผล
6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์
7.1 ใบความรู้

7.2 ใบงาน
7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต

8. แหล่งเรียนรู้
8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ

9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้
9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก
เบา สูงต่ำได้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของ

ผู้พูดได้อย่างคล่องแคล่ว
9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้
มอบหมายได้



ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล
ื้

ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพนฐาน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพนฐาน
ื้
(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย

84


ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…


ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา

(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

85


ใบความรู้ที่ 1
บทสนทนาเกี่ยวกับการไปตัดเสื้อ
ที่ร้านตัดเสื้อผ้า (At the Tailor's)
Dressmaker : Hello. May I help you ?
Client : Yes, I would like to have a dress made.
Dressmaker : Of course, Madame. Have you got any design in your mind?
Client : Yes, a dark green dress with a white lace around the collar and at the hem of skirt.
Dressmaker : Now, let's take a measurement, please.
Client : O.K.
Dressmaker : How long of dress would you like?
Client : I like it in shorten above my knees.
Dressmaker : And how would you like your sleeves?
Client : I like them long and seam at the edge.
Dressmaker : I will make it as you like. When will you like to get this dress?
Client : Next Sunday, please.
Dressmaker : Yes, I will try. It will be ready at that day.
Client : Thank you.
โครงสร้าง have something done
ประโยค Present perfect tense
ประธาน + (have, has) + past participle (กริยาช่องที่3)
เชิงบอกเล่า โครงสร้าง : ประธาน + have , has + กริยาช่อง 3
ตัวอย่าง : 1. I have studied English for 2 years.
ฉันเรียนภาษาอังกฤษมา 2 ปีแล้ว
2. She has seen that movie many times.
เธอดูหนังเรื่องนั้นมาหลายครั้งแล้ว
3. They have been abroad two times. พวกเขาไปต่างประเทศมาสองครั้งแล้ว
4. You have done a lot of work this morning.
คุณทำงานเยอะมากเช้านี้
5. I have lost my keys.
ฉันทำกุญแจหาย
เชิงปฏิเสธ โครงสร้าง : ประธาน + have , has + not + กริยาช่อง 3
เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ
ให้เติม not หลัง Verb to have
ตัวอย่าง : 1. I have not studied English for 2 years.
ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาไม่ถึง 2 ปี
2. She has not seen that movie many times.
เธอไม่ได้ดูหนังเรื่องนั้นหลายครั้ง
3. They have not been abroad two times. พวกเขาไปต่างประเทศไม่ถึงสองครั้ง
4. You have not done a lot of work this morning.
ี้
คุณไม่ได้ทำงานเยอะมากเช้าน
5. I have not lost my keys.
ฉันไม่ได้ทำกุญแจหาย

86


ใบงานที่ 1
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
ี่


เตมบทสนทนาให้สมบูรณ โดยใช้ค าศัพท์ทให้
above get in long like make please seam When would

Dressmaker : How………….. of dress would you…………….?
Client : I like it……. shorten……………. my knees.

Dressmaker : And how…………… you like your sleeves?
Client : I like them long and………….. at the edge.
Dressmaker : I will………… it as you like. ……..will you like to…….. this dress?
Client : Next Sunday,……………..


ให้นักศกษาเขียนประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาอังกฤษ

1. คุณมีแบบเสื้อหรือยังคะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


2. คุณชอบกระโปรงยาวแคไหนคะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ฉันชอบกระโปรงยาวคลุมเข่า
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4. ฉันชอบแขนเสื้อสั้น
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. เสื้อมีลูกไม้ที่ปกด้วย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ทำประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
1. (you ever see) the ghosts? …………………………………………………………..…………………………………..…………
2. John (not write) to me since last year. ………………………………………………………………………………………

3 It (not rain) here since June. ……………………………………………………………..…………………………………………
4. Joan (has study) two foreign languages. ……………………….……………………………………………………………
5. I (have work) in this company since 1995. …………………………………………………………………………………

6. I (have see) him before. ………………………………………………………………………………………………………………
7. (Have you) ever (be) abroad ? …………………………………………………………….………………………………………
8. She (has be) to Chiang Mai twice. ………………………………………………………………………………………………

88


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 12

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ ความรู้พื้นฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม พต31001
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 13 Will it rain tomorrow? 14 Global Warming 15 Urgently Wanted
วันที่ 2 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.


1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
ื้
1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพนฐาน เกี่ยวกับภาษาและการสื่อสาร
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
2.1 เพอให้ผู้เรียนสามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก เบา สูง
ื่
ต่ำได้
2.2 เพอให้ผู้เรียนสามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของผู้พดได้
ื่

อย่างคล่องแคล่ว
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระความรู้พนฐาน
ื้
4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง

4.1 สามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก เบา สูงต่ำได้


4.2 สามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของผู้พดได้อย่าง
คล่องแคล่ว
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย
5. กิจกรรมการเรียนรู้

5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา ออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก
เบาสูงต่ำเกี่ยวกับ Will it rain tomorrow?, Global Warming, Urgently Wanted
5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)

5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
กลุ่มที่ 1. การบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ
กลุ่มที่ 2. บทสนทนาเกี่ยวกับการลดภาวะโลกร้อน

กลุ่มที่ 3. โฆษณารับสมัครงาน (Job Advertisement)
กลุ่มที่ 4. จดหมายสมัครงาน (Employment Letter)
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า
ชั้นเรียน

5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน
5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. ความสำคัญและความจำเป็นในการครองชีพ

กลุ่มที่ 2. การขยายอาชีพในชุมชน ประเทศ และโลก
กลุ่มที่ 3. คุณธรรม จริยธรรม
กลุ่มที่ 4. การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมในการขยายอาชีพในชุมชน สังคม
และภูมิภาค 5 ทวีป ได้แก่ ทวีปเอเซีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และทวีปอัฟริกา

89


5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)

5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต
6. การวัดผลประเมินผล

6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์
7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน

7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้

8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ
9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้

9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก
เบา สูงต่ำได้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถใช้น้ำเสียงในการแสดงความรู้สึก และตีความหมายจากน้ำเสียงของ
ผู้พูดได้อย่างคล่องแคล่ว

9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้
มอบหมายได้


ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล
ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพนฐาน
ื้

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน

(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย
ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…

ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา

(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

ข้อสอบก่อนเรียน / หลังเรียน 91


แบบทดสอบก่อนเรียน สาระความรู้พื้นฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001)

ให้ผู้เรียนขีดเครื่องหมาย x หน้าคำตอบที่ถกที่สุด
1. I ………..four cups of coffee since 9. Have you…………..seen some bad storms

eight o’clock. in this area ?
a. drink a. never b. ever

b. will drink c. just d. yet

c. have drunk 10. Richard hasn’t arrived ………….
d. am drinking a. already b. just

2. Jill has…………bought a new blouse. c. never d. yet
a. yet b. already 11. The students have studied English

c. since d. for lesson…………two hours.
3. He……….just…….me the tape I asked a. for b. since

for. c. never d. ever
a. has, given b. is, giving 12. We………..Mr. and Mrs. Smith for a

c. was, given d. doesn’t, long time.
give a. know b. are knowing

4. She…………her brother for five years. c. knew d. have known

a. won’t see b. doesn’t see 13. Has Betty already…..……that lesson ?
c. isn’t seeing d. hasn’t seen a. do b. does

5. ……..you…….the new words from the c. did d. done
blackboard yet. 14. Suda………….her homework yet.

a. Will, study b. Are, studying a. has finished
c. Have, studied d. Do, study b. hasn’t finished

6. I…………….never………..by plane. c. finishes
a. don’t, travel d. finished

b. am, travelling 15. I’ve been a teacher ………….more than
c. haven’t, travelled twenty years.

d. have, travelled a. for b. since

7. He…………..ill since Monday. c. already d. never
a. has been b. is
c. was d. had

8. Have you ever………….a camel?

a. ride b. rode
c. ridden d. riding





ศูนย์การศกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี หน้า 91


92

เฉลยข้อสอบก่อน-หลังเรียน
1. c
2. b

3. a
4. d
5. c
6. d

7. a
8. c
9. b
10. d

11. a
12. d
13. d
14. b

15. a






















































ศูนย์การศกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี หน้า 92


93


ใบความรู้ที่ 1
ลักษณะภูมิอากาศประจำวน (Weather Feature)

1. คำศัพท์สำนวนภาษาอังกฤษที่บ่งบอกถึงลักษณะภูมิอากาศ ซึ่งนักศึกษาควรทราบ มีดังนี้
- climate = ภูมิอากาศท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง
- weather = ลักษณะภูมิอากาศในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ (ประจำวัน, เดือน)
- isthmus = คอคอด
- monsoon = ฤดูมรสุม
- temperature average = อุณหภูมิเฉลี่ย
- tropical = เกี่ยวกับเขตร้อนหรือประเทศที่ร้อนมาก
- downpour = ฝนตกหนัก
- last = คงอยู่ต่อ
- humidity = ความชื้น
- dominate = มีอิทธิพลต่อ
- intermittent = เป็นช่วง ๆ ไม่ต่อเนื่อง
- breeze = ลมอ่อน ๆ
- rainfall = ปริมาณน้ำฝน
- tropical rainforest climate = ภูมิอากาศป่าเขตร้อนซึ่งมีฝนตกมาก
Notes : กริยาใน present simple ต้องสอดคล้องกับประธาน คือ
1. ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ คือ มีหนึ่งเดียว กริยาต้องเติม S เช่น
Dang walks to school every day.
He works on his farm every morning.
2. ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ คือ มีตั้งแต่ 2 คน/สิ่ง ขึ้นไปกริยาไม่ต้องเติม “S” เช่น
Dang and his friends go to school by bus everyday.
Two things help him to read well are to practice reading and to know language structures and vocabularies
well.
3. ประธานที่เป็นคำสรรพนาม I, we, you และ they กริยาที่ตามมาไม่ต้องเติม “S” เช่น
I/We/You/They sell food at the mark every morning.
4. กฎการเติม “S” ที่กริยา มีดังนี้ 4.1 กริยาที่ลงท้ายด้วย O ให้เติม es เช่น She goes to school everyday.
4.2 กริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม –es เช่น She carries her bag to school everyday.
4.3 กริยาที่ลงท้ายด้วย ss, ch, sh ให้เติม –es เช่น
He washes his clothes every Saturday.
He passes my school everyday.
She watches television every night.
4.4 กริยาอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากข้อ 4.1, 4.2 และ 4.3 ให้เติม “S” เช่น He eats rice everyday.
4.5 is ที่แปลว่า เป็นอยู่ คือ ใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์ are ใช้กับประธานที่เป็นพหูพจน์


4.6 “does” แปลว่า ทำและเป็นกริยาชวย ในประโยคคำถามและปฏิเสธใชกับประธานเอกพจน์ ส่วน “do” ใชกับประธานที่

เป็นพหูพจน์ เช่น
He does her homework everyday.
They do their homework everyday.
4.7 is เป็น verb to be ที่แปลว่า เป็นอยู่ คือ ใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์ are ใช้กับประธานที่เป็นพหูพจน์ ส่วน am ใช้กับ
ประธาน I เช่น
He is a student. They are students. I am a student.

94


ใบงานที่ 1
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
จงเปลี่ยนกริยาในวงเล็บให้อยู่ในรูปที่ถูกต้อง
Write the correct verb forms of the verbs in the brackets.
My friends and I (walk) ___(1)____ to school every day. During the first semester, it (rain)
____(2)____ a lot and walked in the rain to school every day. We also (carry) ___(3)____

umbrellas to school. Nimit (like) ____(4)_____ walking in the rain back home from school, so
he never (take) ____(5)____ an umbrella with him to school. When the weather (be)
____(6)____ sunny, we never (carry)____(7)____ umbrellas with us to school. Sometimes, the

weather (be) ____(8)____ there (be) _____(9)_____ a lot of grey clouds in the sky, but it (not
rain) _____(10)_____. In the mornings, when I (get)___(11)___ up, I (see) ____(12)____ a lot of
fog on the top of the grass and bushes, so the weather (be) ____(13)____ foggy and icy.
Everyone (not like) ____(14)_____ to walk through the fog because it always (make)

____(15)_____ them wet.


ให้นักศึกษาเขียนอกษร T หน้าประโยคที่ถูกต้องตามเรื่องข้างต้นและเขียนอกษร F หน้าประโยคที่ไม่ถูกตาม

เนื้อเรื่องข้างต้น
________1. In Thailand, it rains from June to October.
________2. The dry season in Thailand lasts six month.
________3. Southwest monsoon is from mid – May to September.
________4. Northeast monsoon is from November to mid – March.

________5. Southern isthmus is always hot and cool.
________6. Thailand’s climate is tropical high both in temperature and monsoon.
________7. The hottest months of the year are April and May.

_________8. The South West monsoon is from June to October.
_________9. The Monsoon brings the rain to Thailand is South West monsoon.
________10. The main tourist season in Thailand is from November to the end of February.
________11. In winter the weather in north and northeast is hotter than the weather
in Bangkok

________12. There are four seasons in Thailand.
________13. The weather in the North and Northeast is just less drier than the weather
in the ChaoPhraya Lowland

________14. The temperatures in Thailand vary only a little throughout the year.
________15. The Western visitors who want to visit Thailand have to wear hats
because of the sunlight.

96


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 13

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ การประกอบอาชีพ รายวชา ช่องทางการขยายอาชีพ อช31001

เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 1 การงานอาชีพ
วันที่ 4 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.


1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติทีดีในงานอาชีพ มองเห็นช่องทาง และตัดสินใจประกอบอาชีพได้
ตามความต้องการ และศักยภาพของตนเอง
2. จุดประสงค์การเรียนรู้

2.1 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการงานอาชีพได้
2.2 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับการงานอาชีพได้อย่างคล่องแคล่ว
ื้
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้

3. สาระการเรียนรู้ สาระการประกอบอาชีพ
4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง

4.1 ความสำคัญของการงานอาชีพ
4.2 ฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการงานอาชีพได้อย่างคล่องแคล่ว

4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย
5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา ออกเสียงพยัญชนะ คำ การออกเสียงเชื่อมโยง การออกเสียง หนัก

เบาสูงต่ำเกี่ยวกับ Will it rain tomorrow?, Global Warming, Urgently Wanted
5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
กลุ่มที่ 1. ความสำคัญและความจำเป็นในการครองชีพ

กลุ่มที่ 2. การขยายอาชีพในชุมชน ประเทศ และโลก
กลุ่มที่ 3. คุณธรรม จริยธรรม
กลุ่มที่ 4. การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมในการขยายอาชีพในชุมชน สังคม

และภูมิภาค 5 ทวีป ได้แก่ ทวีปเอเซีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และทวีปอัฟริกา
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า
ชั้นเรียน
5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน

5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. การกำหนดวิธีการ ขั้นตอนการขยายอาชีพและเหตุผลของการขยายอาชีพ
กลุ่มที่ 2. ภารกิจเพื่อความมั่นคงการทำในธุรกิจอาชีพ

กลุ่มที่ 3. การวัดผลและประเมินผลความมั่นคงในอาชีพ
กลุ่มที่ 4. การตัดสินใจขยายอาชีพด้วยการวิเคราะห์ศักยภาพ
5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)
5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ

การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต

97


6. การวัดผลประเมินผล

6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์

7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน
7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้

8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ

9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้
9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการงานอาชีพได้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการงานอาชีพได้อย่างคล่องแคล่ว
9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้

มอบหมายได้



ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล

ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพนฐาน
ื้

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(นางมัทมา แวนาแว)

ครูผู้ช่วย
ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…



ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา
(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

98


ใบความรู้ที่ 1
ความสำคัญและความจำเป็นในการครองชีพ
การขยายขอบข่ายอาชีพ หมายความถึง กิจกรรมอาชีพที่มีอยู่สามารถขยายกิจกรรมที่เกี่ยวข้องและสัมพันธ์ออกไปเป็นขอบข่ายอาชีพท ี่
สร้างรายได้ ใช้ทุน ทรัพยากรจากอาชีพหลักให้เกิดคุณค่า สร้างความเข้มแข็งยั่งยืนในอาชีพได้ เช่น
1. การขยายขอบขยายอาชีพจากการหมุนเวียนเปลี่ยนรูปผลผลิตภัณฑ์ หรือผลพลอยได้ไปสู่กิจกรรมใหม่ เช่น
1.1 สร้างธุรกิจแปรรูปหมูจากฟาร์มหมูของตนเอง
1.2 สร้างธุรกิจปุ๋ยหมักจากขี้หมู
1.3 สร้างธุรกิจขนมหวานเยลลี่จากหนังหมู
2. การขยายขอบข่ายอาชีพจากการสร้างและพัฒนาเครือข่ายจากอาชีพ เช่น
2.1 เฟรนชาย ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว
2.2 การสร้างเครือข่ายนาข้าวอินทรีย์
3. การขยายขอบข่ายอาชีพจากการตลาด เช่น
3.1 สวนมะพร้าวน้ำหอมแม่ตุ้ม ศูนย์กลางรับซื้อและขายส่งมะพร้าวน้ำหอมภายใต้การควบคุมคุณภาพของตนเอง

4. การขยายขอบข่ายอาชพ จากการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น
4.1 จัดบริการท่องเที่ยวพักผ่อน กินอาหารเกษตรอินทรีย์ที่ไร่สุดปลายฟ้า
4.2 ท่องเที่ยวชิมผลไม้ ชมสวนชาวไร่จันทบุรี
5. การขยายขอบข่ายอาชีพกับการส่งเสริมสุขภาพและอนามัย เช่น
5.1 พักฟื้นรับประทานอาหารธรรมชาติไร้สารพิษ ปฏิบัติธรรมกับ Home stay ครองรางจระเข้
6. การขยายขอบข่ายอาชีพกับการเรียนรู้ เช่น
6.1 เรียนรู้ระบบนิเวศ ความพอเพียงที่ไร่นาสวนผสมคุณพิชต



การขยายอาชพในชุมชน ประเทศ และ ภูมิภาค 5 ทวีป ได้แก่ ทวีปเอเซีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และทวีปอฟ
ริกา กลุ่มอาชพใหม่


การเปลี่ยนแปลงในบริบทโลกทั้งในส่วนการรวมกลุ่มทางการเงน การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงของ
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ และประการสำคัญคือ การเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างประชากรทางสังคม ดังนั้น อาชพในปัจจุบันจะต้องมีการพัฒนาวิธีการและศักยภาพในการแข่งขันได้ในระดับโลก ซึ่งจะต้อง


คำนึงถึงบริบทภูมิภาคหลักของโลก หรือ “รู้ศักยภาพเขา” หมายถึงทวีปเอเซีย ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป ทวีปออสเตเลีย และทวปแอฟริกา
และจะต้อง “รู้ศักยภาพเรา” หมายถึงรู้ศักยภาพหลักของพื้นที่ประเทศไทย คือศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพื้นที่ ศักยภาพ

ของศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชวิตของแต่ละพื้นที่ และศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในแต่ละพื้นที่ ดังนั้นเพื่อให้การประกอบ
อาชีพสอดคล้องกับศักยภาพหลักของพื้นที่และสามารถแข่งขันในเวทีโลก จึงได้กำหนดกลุ่มอาชีพใหม่ 5 กลุ่มอาชีพ คือ กลุ่มอาชีพใหม่ด้าน

การเกษตร กลุ่มอาชพใหม่ด้านพาณิชยกรรม กลุ่มอาชีพใหม่ด้านอตสาหกรรม กลุ่มอาชีพใหม่ด้านความคิดสร้างสรรค์ และกลุ่มอาชพใหม่


ด้านบริหารจัดการและบริการ

1. กลุ่มอาชีพใหม่ดานการเกษตร คือการพัฒนาอาชพในด้านการเกษตรเกี่ยวกับการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ การประมง โดยนำ องค์ความรู้

ใหม่ เทคโนโลยี/นวัตกรรม มาพัฒนาให้สอดคล้องกับศักยภาพหลักของพื้นที่ คือศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพื้นที่ ตาม
ลักษณะภูมิอากาศ ศักยภาพของภูมิประเทศ และทำเลที่ตั้งของแต่ละพื้นที่ ศักยภาพของศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีของแต่ละพื้นท ี่


และศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในแต่ละพื้นที่ อาชพใหม่ด้านการเกษตร เชน เกษตรอินทรีย์ เกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ วน
เกษตร ธุรกิจการเกษตร เป็นต้น

2. กลุ่มอาชีพใหม่ด้านพาณิชยกรรม คือการพัฒนาหรือขยายขอบข่ายอาชพด้านพาณิชยกรรม เช่น ผู้ให้บริการจำหน่ายสินค้าทั้งแบบค้า
ปลีกและค้าส่งให้แก่ผู้บริโภคทั้งมีหน้าร้านเป็นสถานที่จัดจำหน่าย เช่น ห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์สโตร์ ร้านสะดวกซื้อ และการขาย
ที่ไม่มีหน้าร้าน เช่นการขายผ่านสื่ออิเลคทรอนิกส์
3. กลุ่มอาชีพใหม่ดานอุตสาหกรรม คือการพัฒนาอาชพที่อาศัยองค์ความรู้ เทคโนโลยี/นวัตกรรม อาชพเกี่ยวกับงานชาง ซึ่งได้แก่ชาง






ไฟฟ้า ช่างไม้ ช่างยนต์ ชางประปา ชางปูน และช่างเชื่อมให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศและศักยภาพ

ิ้
หลักของพื้นที่ เชน ผู้ผลิตชนส่วนอิเลคทรอนิกส์เครื่องใชไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์โดยทั่วไป เช่น IC PCB ผู้ประกอบรถยนต์และ


ยานยนต์ประเภทต่าง ๆ ผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ประกอบชิ้นส่วนหรืออะไหล่รถยนต์ ผู้ให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ ผู้จัดจำหน่ายและ


ศูนย์จำหน่ายรถยนต์ทั้งมือหนึ่งมือสอง ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรและเครื่องมือทกชนิด เชนเครื่องจักรกลหนัก เครื่องจักรกลเบา ผลิต

99

อุปกรณ์หรือส่วนประกอบพื้นฐานของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่นสายไฟ หลอดไฟ ฉนวนไฟฟ้า มอร์เตอร์ต่าง ๆ การผลิตอลูมิเนี่ยม ผลิตและ
ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็ก สเตนเลส ผู้ผลิตจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง สุขภัณฑ์ การก่อสร้าง อาคาร หรือที่อยู่อาศัย
4. กลุ่มอาชีพใหม่ด้านความคิดสร้างสรรค์
ท่ามกลางกระแสการแข่งขันของโลกธุรกิจที่ไร้พรมแดนและการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีการสื่อสารและการคมนาคม การ
ี่
แลกเปลี่ยนสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกสถานทที่อยู่ห่างไกลนั้นเป็นเรื่องง่ายในปัจจุบันเมื่อข้อจำกัดของการข้ามพรมแดนมิใช่อุปสรรคทางการ
ค้าต่อไปจึงทำให้ผู้บริโภคหรือผู้ซื้อมีสิทธิเลือกสินค้าใหม่ได้อย่างเสรีทั้งในด้านคุณภาพและราคา ซึ่งการเรียนรู้และพัฒนาสินค้าและบริการ


ต่าง ๆที่มีอยู่ในตลาดอยู่แล้วในยุคโลกไร้พรมแดนกระทำได้งาย ประเทศที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ เชนประเทศจีน อินเดีย เวียดนาม และ
ประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันออก จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านราคา ด้วยเหตุนี้ประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจหลายประเทศจึงหันมา
ส่งเสริมการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ และหลีกเลี่ยงการผลิตสินค้าที่ต้องต่อสู้ด้านราคา โดย
หลักการของเศรษฐกิจสร้างสรรค์คือแนวคิดหรือแนวปฏิบัติที่สร้าง/เพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการได้โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรมากนัก แต่ใช ้
ความคิด สติปัญญา และความสร้างสรรค์ให้มากขึ้น
ทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555 – 2559) ได้กำหนดยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้าง
เศรษฐกิจสู่การเจริญเติบโตอย่างคุณภาพและยั่งยืน ให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจบนฐานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์และ
ี่
ภูมิปัญญา ภายใต้ปัจจัยสนับสนุนทเอื้ออำนวยและระบบการแข่งขันที่เป็นธรรมเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประเทศ มุ่งปรับโครงสร้างและการ
ลงทุนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสาขาบริการที่มีศักยภาพบนพื้นฐานของ
นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาธุรกิจสร้างสรรค์และเมืองสร้างสรรค์ เพิ่มผลิตภาพของภาคเกษตรและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วย
เทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาภาคอุตสาหกรรมสู่อุตสาหกรรมฐานความรู้เชิงสร้างสรรค์และเป็นมิตรต่อ
สิ่งแวดล้อม พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโรจิสติกส์ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานควบคู่ไปกับการปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบต่าง
ๆทางเศรษฐกิจและการบริหารจัดการเศรษฐกิจส่วนรวมอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เป็นฐานเศรษฐกิจของประเทศที่เข้มแข็งและขยายตัว
อย่างมีคุณภาพ
กลุ่มอาชพใหม่ด้านความคิดสร้างสรรค์ จึงเป็นอาชีพที่อยู่บนพนฐานของการใชองค์ความรู้(Knowledge)การศึกษา(Education)


ื้
การสร้างสรรค์งาน (Creativity) และการใชทรัพย์สินทางปัญญา(Intellectual Property) ที่เชอมโยงกับพื้นฐานทางวัฒนธรรม(culture)

ื่
การสั่งสมความรู้ของสังคม(Wisdom) และเทคโลโลยี/นวัตกรรมสมัยใหม่ (Technology and Innovation) (อาคม เติมพิทยาไพสิฐ,2553)

ดังนั้นกลุ่มอาชพใหม่ด้านความคิดสร้างสรรค์ จึงเป็นการต่อยอดหรือการพัฒนาอาชพในกลุ่มอาชพเดิม คือกลุ่มอาชพเกษตรกรรม กลุ่ม



อาชีพอุตสาหกรรม กลุ่มอาชีพพาณิชยกรรม กลุ่มอาชีพคหกรรม กลุ่มอาชีพหัตถกรรม และกลุ่มอาชีพศิลปกรรม
ั่

กลุ่มอาชพใหม่ด้านความคิดสร้างสรรค์ เช่น แฟชนเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ทรงผม สปาสมุนไพร การออกแบบสื่อ/ภาพยนตร์/
โทรทัศน์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้างแบบประหยัดพลังงาน เซรามิก ผ้าทอ จักสาน แกะสลัก รถยนต์พลังงานทางเลือก ขากล
อัตโนมัติเพื่อผู้พิการ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ตลาดน้ำอโยธยา เป็นต้น
5.กลุ่มอาชีพใหม่ดานบริหารจัดการและบรการ เช่น ธุรกิจบริการท่องเที่ยว ธรกิจบริการสุขภาพ ธรกิจบริการโลจิสติกส์ ธรกิจภาพยนต์





ธุรกิจการจัดประชุมและแสดงนิทรรศการ บริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ปรึกษาทางธุรกิจ
งานอาชพใหม่ทั้ง 5 กลุ่ม ในอนาคตจะมีการเติบโตทางธุรกิจมากขึ้น จึงมีความต้องการเจ้าหน้าที่ บุคคล พนักงาน เพื่อควบคุม

และปฏิบัติงานที่มีความรู้ ความสามารถ และทักษะฝีมือเป็นจำนวนมาก

100


ใบงานที่ 1
รายวิชา ช่องทางการขยายอาชีพ (อช31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
คำชี้แจง : ให้ครูและนักเรียนร่วมกันนำผลการวิเคราะห์ของกลุ่มมาเทียบเคียงกับสาระ ความหมายความสำคัญ
และความจำเป็นในการขยายอาชีพ แล้วร่วมกันคิดให้ความหมายต่อคำต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในแบบบันทึกนี้ เพื่อ
สร้างความเข้าใจร่วมกันของชุมชนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
1. ขอบข่ายของการขายอาชีพ หมายความถึง

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

2. กิจกรรมอาชีพที่ทำอยู่ หมายความถึง
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

3. การสร้างรายได้ หมายความถึง
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

4. การใช้ทุน ใช้ทรัพยากร หมายความถึง
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

5. ความเข้มแข็งและความยั่งยืน หมายความถึง
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
6. การหมุนเวียนเปลี่ยนรูป หมายความถง

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

7. การสร้างและพัฒนาเครือข่ายจากอาชีพหลัก หมายความถึง
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................

8. การขยายอาชีพจากการตลาด หมายความถง
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version