The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by amfinels4, 2021-07-12 13:10:48

แผนการจัดการเรียนรู้ ม.ปลาย

102


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 14


กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ การประกอบอาชีพ รายวชา ช่องทางการขยายอาชีพ อช31001
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 2 ช่องทางการขยายอาชีพ 3 การตัดสินใจเลือกขยายอาชีพ
วันที่ 9 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.


1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติทีดีในงานอาชีพ มองเห็นช่องทาง และตัดสินใจประกอบอาชีพได้
ตามความต้องการ และศักยภาพของตนเอง
2. จุดประสงค์การเรียนรู้

ื่
2.1 เพอให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของช่องทางการขยายอาชีพและการตัดสินใจเลือกขยาย
อาชีพได้
2.2 เพอให้ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับช่องทางการขยายอาชีพและการตัดสินใจเลือก
ื้
ื่
ขยายอาชีพได้อย่างคล่องแคล่ว
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระการประกอบอาชีพ
4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง

4.1 ความสำคัญของช่องทางการขยายอาชีพและการตัดสินใจเลือกขยายอาชีพ
4.2 ฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับช่องทางการขยายอาชีพและการตัดสินใจเลือกขยายอาชีพได้อย่าง
ื้
คล่องแคล่ว
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย

5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา อธิบายความสำคัญเกี่ยวกับช่องทางการขยายอาชีพและการตัดสินใจ
เลือกขยายอาชีพ

5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
กลุ่มที่ 1. การกำหนดวิธีการ ขั้นตอนการขยายอาชีพและเหตุผลของการขยายอาชีพ

กลุ่มที่ 2. ภารกิจเพื่อความมั่นคงการทำในธุรกิจอาชีพ
กลุ่มที่ 3. การวัดผลและประเมินผลความมั่นคงในอาชีพ
กลุ่มที่ 4. การตัดสินใจขยายอาชีพด้วยการวิเคราะห์ศักยภาพ
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า

ชั้นเรียน
5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน
5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1. ความหมายและประโยชน์และประเภทของเงิน
กลุ่มที่ 2. การวางแผนการเงิน
กลุ่มที่ 3. การบันทึกรายรับ-รายจ่าย
กลุ่มที่ 4. การออม

103


5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)

5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต
6. การวัดผลประเมินผล

6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์
7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน

7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้

8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ
9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้

9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของช่องทางการขยายอาชีพและการตัดสินใจ
เลือกขยายอาชีพได้
ื้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับช่องทางการขยายอาชีพและการตัดสินใจ
เลือกขยายอาชีพได้อย่างคล่องแคล่ว

9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้
มอบหมายได้

ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล

ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพนฐาน

ื้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย
ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…


ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา
(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

105


ใบความรู้ที่ 1
ความจำเป็นในการมองเห็นช่องทางการประกอบอาชีพ
การมองเห็นช่องทางการประกอบอาชีพ
โอกาสและความสามารถที่จะนำมาประกอบอาชพได้ก่อนผู้อื่น เป็นหัวใจสำคัญของการประกอบอาชพ หากผู้ประกอบอาชพ



ตามที่ตลาดต้องการและเป็นอาชพที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น ย่อมทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จ สามารถพัฒนาตนเองให้

มองเห็นโอกาสในการประกอบอาชีพได้ คือ
1. ความชำนาญจากงานที่ทำในปัจจุบัน จะเป็นแหล่งความรู้ ความคิด ที่จะช่วยให้มองเห็นโอกาสในการประกอบอาชพได้มาก เช่น บางคน

มีความชำนาญทางด้านการทำอาหาร ตัดเย็บเสื้อผ้า ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ต่อท่อน้ำประปา ชางไม้ ช่างปูกระเบื้อง ชางทาสี ฯลฯ ซึ่งสามารถ



นำความชำนาญดังกล่าวมาพัฒนาและประกอบอาชพขึ้นมาได้ บางคนเคยทำงานที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เมื่อกลับมาภูมิลำเนาเดิมของ
ตนเอง ก็นำความรู้ความสามารถและความชำนาญมาใช้เป็นช่องทางการประกอบอาชีพของตนเองได้
2. ความชอบความสนใจส่วนตัว เป็นอีกทางหนึ่งที่ชวยให้มองเห็นช่องทางโอกาส ในการประกอบอาชีพ บางคนชอบประดิษฐ์ดอกไม้ บาง

คนชอบวาดรูป ทำให้บุคคลเหล่านี้ พัฒนางานที่ชอบ ซึ่งเป็นงานอดิเรกได้กลายเป็นอาชีพหลัก ทำรายได้เป็นอย่างดี
3. การฟังความคิดเห็นจากแหล่งต่าง ๆ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคล เป็นแหล่งความรู้และก่อให้เกิดความคิดริเริ่มเป็นอย่างดี

ในบางครั้งเรามีความคิดแล้ว และได้พูดคุยกับบุคคลต่าง ๆ จะชวยให้การวิเคราะห์ความคิดชดเจนขึ้น ชวยให้มองไปข้างหน้าได้อย่าง


รอบคอบก่อนที่จะลงมือทำงานจริง
4. การศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ การดูวีดีทัศน์ ฟังวิทยุ ดูรายการโทรทัศน์ จะช่วยให้เกิดความรู้และความคิดใหม่ ๆ
5. ข้อมูล สถิติ รายงาน ข่าวสารจากหน่วยราชการและเอกชน รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในการมองหาชองทางในการ


ประกอบอาชพ ผู้ที่จะมองหาอาชพ พัฒนาอาชพ ควรให้ความสนใจข้อมูลต่าง ๆ ในการติดตามเหตุการณ์ให้ทัน แล้วนำมาพิจารณา


ประกอบการตัดสินใจประกอบอาชีพ
องค์ประกอบ ร่วมกัน 6 องค์ประกอบ ในแต่ละองค์ประกอบมีตัวแปรดังนี้
1. รูปแบบการขยายอาชีพ มีตัวแปรร่วม ดังนี้
1.1 ผลผลิต
1.2 กระบวนการผลิต
1.3 ปัจจัยนำเข้าการผลิต
2. ความยากง่ายของการดำเนินการจัดการ มีตัวแปรร่วม ดังนี้
2.1 การบริหารจัดการ แรงงาน เงินทุน
2.2 แผนธุรกิจ
3. การรับได้ของลูกค้า มีตัวแปรร่วมดังนี้
3.1 ผลผลิตอยู่ในความนิยม
3.2 เป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต
3.3 ราคา
4. การรับได้ของสังคมชุมชน มีตัวแปรร่วม ดังนี้
4.1 สภาพแวดล้อม
4.2 วัฒนธรรมประเพณี
5. ความเหมาะสมของเทคนิควิทยาการที่ใช้ในการขยายอาชีพ
5.1 เทคนิควิทยาการเพื่อการลดต้นทุน
5.2 เทคนิควิทยาการเพื่อการลดของเสีย
วิธีการวิเคราะห์
การวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจมีความจำเป็นที่เจ้าของธุรกิจจะต้องประเมินตัดสินใจด้วยตนเองสำหรับกรณีที่ธุรกิจมีหุ้นส่วนหรือผู้เกี่ยวข้อง
ควรจะใชวิธีสนทนาเจาะลึกและวิธีความสัมพันธ์ร่วมกัน โดยมีวิธีการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบด้วยตนเอง ด้วย

รายละเอียดและความเป็นไปได้ ความเป็นพวกเดียวกัน โดยทบทวนหลาย ๆ ครั้งจนมั่นใจแล้วจึงตัดสินใจ
การกำหนดวิธีการขั้นตอนการขยายอาชีพและเหตุผลของการขยายอาชีพ


เป็นขั้นตอนการปฏิบัติการในอาชพที่จะต้องใชองค์ความรู้ที่ยกระดับคุณค่า เพื่อมาใชปฏิบัติการจึงเป็นกระบวนการของการทำงานที่เริ่ม

จากการนำองค์ความรู้ที่จัดทำในรูปของคู่มือคุณภาพหรือเอกสารคู่มือดำเนินงานมาศึกษาวิเคราะห์จัดระบบปฏิบัติการจัดปัจจัยนำเข้า
ดำเนินการ ทำงานตามขั้นตอนและการควบคุมผลผลิตให้มีคุณภาพเป็นไปตามข้อกำหนดดำเนินการตรวจสอบหาข้อบกพร่องในการทำงาน

106

และปฏิบัติแก้ไขข้อบกพร่องเป็นวงจรอย่างต่อเนื่อง และมีการปรับปรุงพัฒนาเอกสารคู่มือดำเนินงานไปเป็นระยะ ๆ ก็จะทำให้การ
ปฏิบัติการในกิจกรรมอาชีพประสบความสำเร็จสู่ความเข้มแข็ง มั่นคง ยั่งยืน
1. การปฏิบัติการใช้ความรู้ โดยใช้วงจรเด็มมิ่ง เป็นกรอบการทำงาน
- P-Plan ด้วยการทำเอกสารคู่มือดำเนินงาน (ซึ่งได้มาจากกิจกรรมยกระดับความรู้) มาศึกษาวิเคราะห์จัดระบบปฏิบัติการที่ประกอบด้วย
กิจกรรมขั้นตอน และผู้รับผิดชอบกำหนดระยะเวลาการทำงาน กำหนดปัจจัยนำเข้าดำเนินงานให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- D-Do การปฏิบัติการทำงานตามระบบงานที่จัดไว้อย่างเคร่งครัด ควบคุมการผลิตให้เสียหายน้อยที่สุด ได้ผลผลิตออกมามีคุณภาพเป็นไป
ตามข้อกำหนด
- C-Check การตรวจสอบหาข้อบกพร่องในการทำงานโดยผู้ปฏิบัติการหาเหตุผลของการเกิดข้อบกพร่องและจดบันทึก
- A-Action การนำข้อบกพร่องที่ตรวจพบของคณะผู้ปฏิบัติการมาร่วมกันเรียนรู้หาแนวทางแก้ไขข้อบกพร่อง จนสรุปได้ผลแล้วนำข้อมูลไป
ปรับปรุงเอกสารคู่มือดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ก็จะทำให้องค์ความรู้สูงส่งขึ้นโดยลำดับ แล้วส่งผลต่อประสิทธิภาพของธุรกิจ ประสบผลสำเร็จ
นำไปสู่ความเข้มแข็งยั่งยืน

2. ทุนทางปัญญา ผลจากการนำองค์ความรู้ไปใช มีการตรวจสอบหาข้อบกพร่อง และปฏิบัติการแก้ไขข้อบกพร่องเป็นระยะ ๆ อย่าง
ต่อเนื่องที่ผลทำให้องค์ความรู้สูงขึ้นเป็น ลำดับ จนกลายเป็นทุนทางปัญญาของตนเอง หรือของชุมชนที่จะเกิดผลต่อธุรกิจ ดังนี้
- องค์ความรู้สามารถใช้สร้างผลผลิตที่คนอื่นไม่สามารถเทียบเคียงได้ และไม่สามารถทำตามได้ จึงได้เปรียบทางการแข่งขัน
- การเปลี่ยนแปลงยกระดับคุณภาพผลผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น ภักดีต่อการทำธุรกิจร่วมกัน
- เป็นการสร้างทุนทางมนุษย์ผู้ร่วมงานได้เรียนรู้บริหารระบบธุรกิจด้วยตนเอง สามารถเกิด ภูมิปัญญาในตัวบุคคล ทำให้ชุมชนพร้อมรุกคืบ
ขอบข่ายอาชีพออกสู่ความเป็นสากล

3. ธุรกิจสู่ความเข้มแข็งยงยืน การจัดการความรู้ทำให้องค์ความรู้สูงส่งขึ้นโดยลำดับ การขยายของอาชพจึงเป็นการทำงานที่มีภูมิคุ้มกัน
ั่

โอกาสของความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ต่ำลง ดังนั้นความน่าจะเป็นในการขยายอาชพจึงประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง เพราะมีการจัดการ

ความรู้ ยกระดับความรู้นำไปใชและปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลทำให้ธุรกิจเข้มแข็ง ยั่งยืนได้ เพราะรู้จักและเข้าใจ
ตนเองตลอดเวลา
การจัดทำแผนปฏิบัติการ (P)
การจัดทำแผนปฏิบัติการทางอาชีพ เป็นการดำเนินการที่มีองค์ประกอบร่วม ดังนี้
1. เหตุการณ์หรือขั้นตอนการทำงาน ซึ่งจะบอกวาเหตุการณ์ใดควรทำพร้อมกัน หรือควรทำทีหลัง เป็นการลำดับขั้นตอนในแต่ละกิจกรรม

ให้เป็นแผนการทำงาน
2. ระยะเวลาที่กำหนดว่าในแต่ละเหตุการณ์ จะใช้เวลาได้ไม่เกินเท่าไร เพื่อออกแบบการใช้ปัจจัยดำเนินงานให้สัมพันธ์กัน
3. ปัจจัยนำเข้าและแรงงานเป็นการระบุปัจจัยนำเข้า และแรงงานในแต่ละเหตุการณ์ว่าควรใช้เท่าไร


การจัดทำแผนปฏิบัติการทางอาชพ มักจะนิยมใชผังการไหลของงานมาใชออกแบบการทำงานให้มองเห็นความสัมพันธ์ร่วมระหว่าง

เหตุการณ์ ระยะเวลา ปัจจัยนำเข้าและแรงงานจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานและ

ผู้จัดการได้ขับเคลื่อนการทำงานสู่ความสำเร็จได้ ดังนั้น ในการออกแบบแผนปฏิบัติงาน จำเป็นต้องใชองค์ความรู้ที่สรุปได้ในรูป
ของเอกสารขั้นตอนการทำงานมาคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์ให้เกิดแผนปฏิบัติการ

107


ใบงานที่ 1
รายวิชา ช่องทางการขยายอาชีพ (อช31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
คำชี้แจง : ให้ผู้เรียนจัดทำแผนปฏิบัติการอาชีพของตนเองโดยใช้วงจรเด็มมิ่ง
1. การจัดแผนปฏิบัติการ (P)
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
2. การทำงานตามแผนปฏิบัติการ (D)
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
3. การตรวจสอบหาข้อบกพร่อง (C)
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

4. การปฏิบัติการแกไขและพฒนา (A)

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

109


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 15

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ การพัฒนาสังคม รายวิชา การเงินเพื่อชีวิต 3 สค32029
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 1 ว่าด้วยเรื่องของเงิน 2 การวางแผนการเงิน
วันที่ 11 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.


1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง
การปกครองในโลก และนามาปรับใช้ในการดาเนินชีวิต เพื่อความมั่นคงของชาติ
2. จุดประสงค์การเรียนรู้

2.1 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของเงินและการวางแผนการเงินได้
2.2 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับเงินและการวางแผนการเงินได้อย่างคล่องแคล่ว
ื้
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้

3. สาระการเรียนรู้ สาระการพัฒนาสังคม
4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง

4.1 ความสำคัญของเงินและการวางแผนการเงิน
4.2 ฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับเงินและการวางแผนการเงินได้อย่างคล่องแคล่ว

4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย
5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา อธิบายความสำคัญเกี่ยวกับเงินและการวางแผนการเงิน

5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
กลุ่มที่ 1. ความหมายและประโยชน์และประเภทของเงิน
กลุ่มที่ 2. การวางแผนการเงิน

กลุ่มที่ 3. การบันทึกรายรับ-รายจ่าย
กลุ่มที่ 4. การออม
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)

5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า
ชั้นเรียน
5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน
5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. การประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจก่อหนี้

กลุ่มที่ 2. เครดิตบูโร
กลุ่มที่ 3. บทบาทศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศดง.) และหน่วยงานที่รับ
เรื่องร้องเรียนอื่น ๆ

กลุ่มที่ 4. ขั้นตอนการร้องเรียนและหลักการเขียนหนังสือร้องเรียน
5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)
5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต

110


6. การวัดผลประเมินผล

6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์

7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน
7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้

8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ

9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้
9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของเงินและการวางแผนการเงินได้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับเงินและการวางแผนการเงินได้อย่าง
ื้
คล่องแคล่ว

9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้
มอบหมายได้


ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน

(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล
ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพนฐาน

ื้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย
ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…


ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา
(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)

ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

ข้อสอบก่อนเรียน / หลังเรียน 111


แบบทดสอบก่อนเรียน สาระการพัฒนาสังคม รายวิชา การเงินเพื่อชีวิต 3 (สค32029)

ให้ผู้เรียนขีดเครื่องหมาย x หน้าคำตอบที่ถกที่สุด
1. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของ “เงิน” ในความหมายทาง 7. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่หน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศ

เศรษฐศาสตร์ ไทย
ก. เป็นสิ่งที่เก็บรักษามูลค่า ก. เป็นนายธนาคารของธนาคารพาณิชย์
ข. เป็นสิ่งที่กำหนดโดยรัฐบาล ข. เป็นนายธนาคารของรัฐบาล

ค. เป็นมาตรฐานในการวัดมูลค่า ค. ออกและพมพ์เหรียญกษาปณ์

ง. เป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยน ง. ออกและพมพธนบัตร

2. กิจกรรมการคลังของรัฐบาลเกี่ยวข้องกับข้อใด 8. ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบาลควรดำเนินนโยบาย
ก. การใช้จ่าย การเก็บภาษีอากรและการกู้ยืมเงิน งบประมาณแผ่นดินแบบใด
ข. การใช้จ่าย การเก็บภาษีอากรและการกำหนดอัตรา ก. งบประมาณเกินดุล

ดอกเบี้ย ข. งบประมาณได้ดุล
ค. การเก็บภาษีอากร การกำหนดอัตราดอกเบี้ยและ ค. งบประมาณขาดดุล
การกู้ยืมเงิน ง. งบประมาณแบบพเศษ

ง. การกำหนดอัตราดอกเบี้ย การกู้ยืมเงินและการใช้ 9. ข้อใดเป็นสถาบันการเงิน

จ่าย ก. ธนาคารข้าว

3. สิ่งใดบอกให้รู้ว่าเกิดภาวะเงินเฟอขึ้น ข. บริษัทประกันภัย
ก. ระดับรายได้ของประชาชนสูงขึ้น ค. บริษัทบัตรเครดิต

ข. ระดับราคาสินค้าสูงขึ้น ง. บริษัทเงินออม
ค. อตราดอกเบียสูงขึ้น 10. ข้อใดที่เกี่ยวข้องกับระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา

ง. อตราการว่างงานสูงขึ้น ต่างประเทศของไทย

4. ข้อใดไม่นับว่าเป็นสถาบันทางการเงินตาม ก. รัฐควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ความหมายทางเศรษฐศาสตร์ โดยตรง

ก. บริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์ ข. อตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวได้อย่างเสรี

ข. บริษัทธุรกิจการเช่าซื้อ ค. กำหนดอัตราแลเปลี่ยนคงที่เมื่อเทียบกับเงินดอล
ค. สหกรณ์การเกษตร ล่าร์สหรัฐ

ง. สถานธนานุเคราะห์ ง. อัตราแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงกับเงินตราสกุลสำคัญๆ
5. ข้อใดตรงกับความหมายของงบประมาณเกินดุล หลายสกุล
ก. ปริมาณเงินไหลเข้าประเทศมากกว่าปริมาณเงินไหล 11. การเปลี่ยนแปลงปริมาณเงินตามความหมายแคบ
ออก เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินประเภทใด

ข. มูลค่าสินค้าส่งออกมากกว่าทูลค่าสินค้านำเข้า ก. ธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์
ค. รายได้ของรัฐบาลมากกว่ารายจ่ายของรัฐบาล ข. ธนาคารลางและตลาดหลักทรัพย์
ง. รายรับของรัฐบาลมากกว่ารายจ่ายของรัฐบาล ค. ตลาดหลักทรัพย์และบริษัทเงินทุน
6. ผลกระทบของการเกิดภาวะเงินเฟอที่ถูกต้อง ง. บริษัทเงินทุนและธนาคารพาณิชย์


ก. ทำให้เจ้าหนี้ได้เปรียบ แต่ลูกหนี้เสียเปรียบ 12. ข้อใดแสดงว่าเกิดภาวะเงินเฟอขึ้นในประเทศไทย
ข. ทำให้ลูกหนี้ได้เปรียบ แต่เจ้าหนี้เสียเปรียบ ก. ราคาไข่ไก่และไข่เป็ดสูงขึ้นมาก
ค. ทำให้ผู้ซื้อได้เปรียบ แต่ผู้ขายเสียเปรียบ ข. อตราดอกเบี้ยสูงขึ้น

ง. ทำให้ธนาคารผู้ให้บริษัทห้างร้านกู้ได้ประโยชน์มาก ค. ดัชนีราคาสูงขึ้น

ง. ค่าจ้างแรงงานสูงขึ้น



ศูนย์การศกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี หน้า 111


112

เฉลยข้อสอบก่อน-หลังเรียน
1. ข
2. ก

3. ข
4. ง
5. ก
6. ค

7. ก
8. ก
9. ง
10. ง

11. ค
12. ง































































ศูนย์การศกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี หน้า 112

113


ใบความรู้ที่ 1
ความหมายและประโยชน์ของเงิน
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ให้ความหมายของ “เงิน” คือ วัตถุที่กาหนดให้ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
หรือชาระหนี้ ปัจจุบันส่วนใหญ่ คือ ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ อย่างไรก็ดี เงินอาจไม่ได้จากัดอยู่ในรูปธนบัตรและเหรียญกษาปณ์เท่านั้น
แต่อาจอยู่ในรูปแบบอื่น ๆ อีก เช่น เงินอิเล็กทรอนิกส์


“เงิน” เป็นสิ่งสาคัญที่มีผลต่อการดารงชวิตในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นสิ่งที่ใชในการซื้อหาสิ่งของหรือบริการเพื่อให้สามารถดารง
ชีพได้ หรือเพื่อความสะดวกสบาย เช่น การซื้อหาอาหาร สิ่งของจาเป็น การศึกษา การรักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายเดินทาง ดังนั้น ทุกคนจึงจา
เป็นต้องประกอบอาชีพ สร้างอาชีพให้ตนเองเพื่อให้มีเงินหรือมีรายได้เลี้ยงตนเองและคนในครอบครัว

เมื่อได้เงนมาแล้วก็ควรรู้จักวางแผนการเงนของตนเอง เพื่อให้ใชเงนอย่างรู้คุณค่าและมีเงินเพียงพอต่อการดารงชพ เชน เมื่อมี





รายได้ให้นาไปเก็บออมส่วนหนึ่งก่อน โดยลาดับแรกควรออมเผื่อฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะได้ดึงเงินที่ออมมาใช้จ่ายได้ หรือการ
รู้จัก วางแผนการใช้จ่าย โดยใช้จ่ายในสิ่งที่จาเป็นก่อน หรือหากมีเงินออมเพียงพอแล้ว อาจนาเงินออมบางส่วนไปสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น
เช่น การฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจาเพื่อรับดอกเบี้ย ที่สูงขึ้น หรือการลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อให้เงินที่หามาได้สร้างมูล
ค่าที่เพิ่มขึ้น
การให้เงินและการให้ยืมเงิน


การให้เงิน หมายถึง การให้เงนโดยไม่ได้หวังผลตอบแทน และไม่ได้หวังให้มีการนาเงนดังกล่าวมาจ่ายคืนให้ เช่น พ่อแม่ให้ค่า
ขนมแก่ลูก การบริจาคเงินเพื่อการกุศล

การให้ยืมเงิน หมายถึง การให้เงนโดยคาดหวังให้มีการจ่ายคืนภายในระยะเวลาที่กาหนด และมีการกาหนดอัตราผลตอบแทน
ของการให้ยืมเงินนั้นด้วย ซึ่งเรียกว่า “ดอกเบี้ย” เช่น สมชายให้สมหญิงกู้ยืม 10,000 บาท คิดดอกเบี้ย 2% ต่อปีและให้ใช้คืนเมื่อครบ 1 ปี
หมายความว่า สมหญิงต้องจ่ายเงินคืนสมชาย 10,200 บาท เมื่อครบ 1 ปี
จะเห็นว่าการให้เงนเป็นการให้เปล่าไม่ต้องคืน แต่สาหรับการให้ยืมเงนเป็นการคาดหวังให้มีการจ่ายเงนคืน ซึ่งผู้ให้ยืมอาจ






ต้องการดอกเบี้ยหรือไม่ต้องการดอกเบี้ยก็ได้ ดังนั้น ก่อนที่จะให้เงนหรือให้ยืมเงน ผู้ให้ยืมควรอธิบายให้ชดเจนและเข้าใจตรงกันว่า
ต้องการให้เงิน
หรือต้องการให้ยืมเงิน ซึ่งหากเป็นการให้ยืมเงิน ผู้ให้ยืมควรแจ้งอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาที่ต้องชาระคืน และควรทาเอกสารเป็นลายลักษณ์
อักษรเพื่อเป็นหลักฐานการให้ยืมเงินไว้ด้วย
เงินเฟ้อ เงินฝืด
เงินเฟ้อ หมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้าโดยทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นภาวะที่ข้าวของแพงขึ้นไปเรื่อย ๆ
ลองเปรียบเทียบราคาก๋วยเตี๋ยวในปัจจุบัน เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และอีก 10 ปีข้างหน้า ในวันนี้เราอาจซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ในราคาชามละ 30 บาท
เมื่อ 10 ปีก่อน เงิน 30 บาท อาจซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ถึง 2 ชาม แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้าอาจจะซื้อก๋วยเตี๋ยวไม่ได้สักชามก็เป็นไปได้
นั่นแสดงให้เห็นอย่างชดเจนว่า เงินเฟ้อทาให้เงนในกระเป๋าสตางค์ของเรา ที่มีอยู่เท่าเดิมแต่กลับมีค่าลดลง เพราะซื้อของได้น้อยลง หรือ


อาจต้องใชเงินมากขึ้นเพื่อให้สามารถซื้อสินค้าได้จานวนเท่าเดิม หรือที่เรียกว่า “มูลค่าของเงิน” หรือ “อานาจซื้อ” ของเราลดลง เมื่อเวลา

ผ่านไปนั่นเอง
ในภาวะที่ตรงข้ามกับเงินเฟ้อคือ เงนฝืด หมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้าโดยทั่วไปลดต่าลงเรื่อย ๆ หรือพูดงาย ๆ ว่าเป็นภาวะ


ที่ข้าวของมีราคาถูกลงเรื่อย ๆ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ดีหากข้าวของถูกลงเพราะต้นทุนถูกลง แต่หากข้าวของถูกลงเพราะบริษัทต่าง ๆ ผลิต
สินค้าออกมาขายมากเกินกว่าความต้องการซื้อของประชาชน บริษัทอาจจาเป็นต้องลดราคาสินค้าลงเพื่อให้ขายได้หมด หรือไม่ก็ต้องลด
การผลิตลงเพราะว่าถ้าผลิตออกมาเท่าเดิม ก็ขายได้ไม่หมด ผลที่ตามมาก็คือ การจ้างงานจะลดลงตามไปด้วย ดังนั้น ภาวะเงนฝืดจึงส่ง

ผลกระทบเป็นลูกโซ่เศรษฐกิจโดยรวม
ประเภทของเงิน
เงินตราไทย เงินตราที่ใช้ในประเทศไทย ปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ั้
ธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานที่ทาหน้าที่บริหารจัดการธนบัตรภายในประเทศทุกขนตอน เริ่มตั้งแต่การผลิต
นาธนบัตรใหม่ออกใช้หมุนเวียนและทาลายธนบัตรเก่า รวมทั้งประเมินความต้องการใช้ธนบัตรใหม่ในแต่ละปีว่าควรจะผลิตธนบัตรชนิด
ราคาใดออกมาจานวนมากน้อยเพียงใด เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้จ่ายของประชาชน ในประเทศ ซึ่งในแต่ละปีปริมาณการผลิต
ธนบัตรจะผันแปรไปตามความต้องการใช้ธนบัตร ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ

114


ู้
ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้มีสิทธิ์พิมพ์และออกใช้ธนบัตรในประเทศไทยแตเพียงผเดียว โดยปฏิบัติตามที่พระราชบัญญัติ
เงินตรา พ.ศ. 2501 กาหนดไว้ว่าการนาธนบัตรออกใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจสามารถทาได้ 2 กรณี คือ
1. แลกเปลี่ยนทันทีกับธนบัตรที่ออกใช้หมุนเวียนอยู่แล้วในมูลค่าที่เท่ากัน เช่น ธนบัตรชนิดราคา 1000 บาท 10 ฉบับ มูลค่า 10,000 บาท
แลกเปลี่ยนกับธนบัตรใหม่ชนิดราคาเดียวกันหรือชนิดราคาอื่นในมูลค่าที่เท่ากัน อาทิ ธนบัตรชนิดราคา 500 บาท จานวน 20 ฉบับ
2. แลกเปลี่ยนทันทีกับสินทรัพย์ที่กฎหมายกาหนดให้เป็นทุนสารองเงินตรา ในมูลค่าที่เท่ากัน เช่น นาทองคามูลค่า 100 ล้านบาทมาเข้า
บัญชีทุนสารองเงินตรา แลกเปลี่ยนกับธนบัตรเพื่อนาออกใช้มูลค่า 100 ล้านบาทเท่ากัน
ทุนสำรองเงินตรา คือสินทรัพย์ที่ใช้หนุนหลังธนบัตรออกใช้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และเป็นหลักประกันว่า
ธนบัตรออกใช้ทุกฉบับมีมูลค่าตามราคาที่ระบุไว้บนหน้าธนบัตร โดยสินทรัพย์ที่กฎหมายกาหนดให้เป็นทุนสารองเงินตรา เช่น ทองคา
เงินตราต่างประเทศที่อยู่ในรูปของเงินฝากในธนาคารนอกราชอาณาจักรหรือในสถาบันการเงินระหว่างประเทศ หลักทรัพย์ต่างประเทศ
หลักทรัพย์รัฐบาลไทย ตั๋วเงินในประเทศ
ธนบัตรที่ใช้หมุนเวียนในปัจจุบัน

นับจากป พ.ศ. 2445 ที่เริ่มนาธนบัตรแบบแรกออกใช จนถึงปัจจุบันปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยมีธนบัตรออกใช้หมุนเวียนรวม

จานวน 16 แบบ โดยธนบัตรแบบปัจจุบัน คือ ธนบัตรแบบสิบหก1 มี 5 ชนิดราคา ได้แก่ 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท และ
1000 บาท
ขนาดมาตรฐานของธนบัตรแบบปัจจุบัน2 (แบบสิบหก)

การกาหนดขนาดธนบัตรมุ่งเน้นถงความสะดวกในการพกพาเป็นหลัก และเพื่อประโยชน์ต่อการสังเกตของประชาชน โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งผู้ที่มีความบกพร่องทางสายตาซึ่งสามารถแยกแยะชนิดราคาธนบัตรด้วยการสัมผัสเท่านั้น จึงกาหนดให้ธนบัตรทุกชนิดราคา มี
ความกว้างเท่ากันคือ 72 มิลลิเมตร แต่มีความยาวที่ลดหลั่นกันชนิดราคาละ 6 มิลลิเมตร
วิธีการตรวจสอบธนบัตรแบบสิบหก
1. สัมผัส
1.1 กระดาษธนบัตร ธนบัตรทาจากกระดาษชนิดพิเศษที่มีใยฝ้ายเป็นส่วนประกอบหลัก จึงมีความแกร่ง ทนทาน ไม่
ยุ่ยง่าย เมื่อจับสัมผัสจะให้ความรู้สึกแตกต่างจากกระดาษทั่วไป
1.2 ลายพิมพ์เส้นนูน สามารถสัมผัสความนูนตามจุดต่าง ๆ ได้แก่ ตัวเลขอารบิกแจ้งชนิดราคาที่มุมขวาบนของธนบัตร
ตัวอักษรคาว่า “รัฐบาลไทย” และตัวเลขไทยแจ้งชนิดราคาด้านหน้าธนบัตร
นอกจากน ที่บริเวณมุมล่างด้านขวาของธนบัตรทุกชนิดราคาจะมีลายพิมพ์ เส้นนูนรูปดอกไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แจ้งชนิดราคา
ี้
ธนบัตรที่ประยุกต์มาจากอักษรเบรลล์ เพื่ออานวยความสะดวกแก่ผู้มีความบกพร่องทางสายตา
2. ยกส่อง
2.1 ลายน้า ลายน้าเกิดขึ้นในขั้นตอนการผลิตกระดาษที่ทาให้เนื้อกระดาษมีความหนาไม่เท่ากัน เมื่อยกธนบัตรส่องกับแสงสว่าง
จึงมองเห็นภาพที่มีการไล่ระดับของแสงเงา และตัวเลขไทยตามชนิดราคาธนบัตรที่มีความโปร่งแสงเป็นพิเศษ ประดับควบคู่ลายน้าพระ
บรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2.2 แถบสีและแถบสี่เหลี่ยมเคลื่อนไหวสลับสี ธนบัตรทุกชนิดราคามีแถบสีต่าง ๆ ตามชนิดราคาธนบัตรที่ฝังไว้ใน เนื้อกระดาษ
ตามแนวตั้ง มีบางส่วนของแถบปรากฏให้เห็นเป็นระยะ ๆ ที่ด้านหลังของธนบัตร เมื่อยกส่องดูกับแสงสว่างจะเห็นเป็นเส้นตรงยาวต่อเนื่อง
บนแถบมีตัวเลขและตัวอักษร โปร่งแสงแจ้งชนิดราคาธนบัตรที่มองเห็นได้ทั้งสองด้าน และสามารถมองเห็นการเปลี่ยนสีของแถบนี้
เมื่อพลิกเอียงธนบัตรไปมา
2.3 ภาพซ้อนทับ บริเวณมุมบนด้านซ้ายของธนบัตรมีตัวเลขอารบิกแจ้งชนิดราคาธนบัตร ที่พิมพ์แยกไว้ในตาแหน่งตรงกันของ
ด้านหน้าและด้านหลังธนบัตร จะมองเห็นเป็นตัวเลข ที่สมบูรณ์เมื่อยกธนบัตรส่องกับแสงสว่าง
3. พลิกเอียง
3.1 หมึกพิมพ์พิเศษสลับสี เป็นจุดสังเกตสาหรับธนบัตรชนิดราคา 500 บาท และ 1000 บาทเท่านั้น โดยให้สังเกตที่มุมล่าง

ด้านซ้ายของธนบัตรเมื่อพลิกขอบล่างธนบัตรขึ้น ลายประดิษฐ์ สีทองจะเปลี่ยนเปนสีเขียว
3.2 แถบฟอยล์ 3 มิติ แถบฟอยล์ 3 มิติที่ผนึกอยู่บนด้านหน้าธนบัตรชนิดราคา 100 บาท 500 บาท และ 1000 บาท จะ
มองเห็นเป็นหลายมิติแตกต่างกันตามชนิดราคาและจะเปลี่ยนสีสะท้อนแสงวาววับเมื่อพลิกเอียงธนบัตรไปมา
3.3 ตัวเลขแฝง ในลายประดิษฐ์มุมล่างซ้ายของธนบัตรทุกชนิดราคาเมื่อยกธนบัตรเอียงเข้าหาแสงสว่างและมองผ่านจากมุม
ล่างซ้ายเข้าหากึ่งกลางธนบัตรในมุมที่เหมาะสม จะเห็นตัวเลขอารบิกแจ้งชนิดราคาธนบัตรฉบับนั้น

115


ใบงานที่ 1
รายวิชา การเงินเพื่อชีวิต 3 (สค32029) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
คำชี้แจง : ให้ผู้เรียนตอบคำถามให้ถูกต้องที่สุด
1. ให้ผู้เรียนอธิบายความหมายและประโยชน์ของเงิน
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
2. ให้ผู้เรียนอธิบายประเภทของเงิน
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
3. ให้ผู้เรียนอธิบายวิธีการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
4. ให้ผู้เรียนอธิบายการวางแผนการเงิน
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

117


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 16

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ การพัฒนาสังคม รายวิชา การเงินเพื่อชีวิต 3 สค32029
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 3 สินเชื่อ 4 สิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้บริการทางการเงิน
วันที่ 18 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.


1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง
การปกครองในโลก และนามาปรับใช้ในการดาเนินชีวิต เพื่อความมั่นคงของชาติ
2. จุดประสงค์การเรียนรู้

2.1 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของสินเชื่อ สิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้บริการทางการเงินได้
ื่
2.2 เพอให้ผู้เรียนสามารถฝึกทกษะพนฐานเกี่ยวกับสินเชื่อ สิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้บริการทางการเงิน

ื้
ได้อย่างคล่องแคล่ว
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระการพัฒนาสังคม

4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง
4.1 ความสำคัญของสินเชื่อ สิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้บริการทางการเงิน

4.2 ฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับสินเชื่อ สิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้บริการทางการเงินได้อย่างคล่องแคล่ว
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย
5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)

ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา อธิบายความสำคัญเกี่ยวกับสินเชื่อ สิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้บริการ
ทางการเงิน
5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

กลุ่มที่ 1. การประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจก่อหนี้
กลุ่มที่ 2. เครดิตบูโร
กลุ่มที่ 3. บทบาทศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศดง.) และหน่วยงานที่รับ

เรื่องร้องเรียนอื่น ๆ
กลุ่มที่ 4. ขั้นตอนการร้องเรียนและหลักการเขียนหนังสือร้องเรียน
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า
ชั้นเรียน

5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน
5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. หนี้นอกระบบ

กลุ่มที่ 2. แชร์ลูกโซ่
กลุ่มที่ 3. แก๊งคอลเซนเตอร์
กลุ่มที่ 4. ภัยออนไลน์

118


5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)

5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต
6. การวัดผลประเมินผล

6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์
7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน

7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้

8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ
9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้

9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของสินเชื่อ สิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้บริการทาง
การเงินได้
ื้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับสินเชื่อ สิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้บริการ
ทางการเงินได้อย่างคล่องแคล่ว

9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้
มอบหมายได้

ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล

ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพนฐาน

ื้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย
ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…


ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา
(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

120


ใบความรู้ที่ 1
การประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจก่อหนี้
หากทุกคนสามารถเลือกได้ คงไม่มีใครอยากเป็นหนี้ แต่หลายคนก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะความจาเป็นในการดารงชีวิต หรือบางคนเป็น

หนี้เพราะตกหลุมพรางสิ่งล่อตาล่อใจภายนอก แต่จะทาอย่างไรให้การเป็นหนี้ไม่กลายเป็นปัญหาในภายหลัง ดังนั้น กอนตัดสินใจ กอหนี้

ควรทาความรู้จักกับหนี้ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทตามประโยชน์ที่จะได้รับจากการเป็นหนี้ ดังนี้
1. หนี้ดี คือ หนี้ที่ช่วยสร้างรายได้และสร้างความมั่นคงในอนาคต เช่น หนี้เพื่อการศึกษา หนี้เพื่อการประกอบอาชีพ หนี้เพื่อที่อยู่อาศัย

2. หนี้พึงระวัง คือ หนี้ที่เกิดจากการนาเงินไปซื้อของที่ไม่จาเป็นหรือของฟุ่มเฟือย และไม่สร้างรายได้ในอนาคต เชน หนี้ที่เกิดจากการซื้อ


ของใชราคาแพงเกินฐานะ หนี้ที่เกิดจากการพนัน ไม่ว่าจะเป็นหนี้ประเภทใดต้องคานึงไว้เสมอวา หนี้ไม่ใชของฟรี แต่เป็นสิ่งที่มีราคาที่ต้อง

จ่ายในรูปของดอกเบี้ย ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเป็นหนี้ ต้องถามตัวเองอย่างน้อย 2 คาถามก่อนว่า
1. หนี้ที่จะก่อ “จาเป็นหรือไม่”
สิ่งที่จำเป็น คือ สิ่งที่ต้องใช้ในการดารงชีวิต เช่น ปัจจัยสี่ (อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย)




สิ่งที่ไม่จำเปน คือ สิ่งที่หากไม่มีก็ยังสามารถดารงชีวิตอยู่ตอไปได้หรือมี สิ่งอื่นทดแทนกันได เช่น ต้องการมีโทรศัพท์มือถอรุ่นใหม่ล่าสุด
ทั้งที่เครื่องเดิมยังใช้ได้อยู่
2. หนี้ที่จะก่อ “รอได้หรือไม่” หมายถึง หากพิจารณาแล้วว่ามีความจาเป็น ก็ควรดูว่าสิ่งที่ต้องการจะซื้อนนสามารถรอได้หรือไม่ หากยังไม่
ั้
มีความจาเป็นที่จะต้องซื้อตอนนี้ ก็ควรวางแผนเก็บเงินจนครบก่อน แต่หากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเห็นว่าจาเป็นต้องซื้อของสิ่งนั้นทันที ก็อาจนา
เงินออมเผื่อฉุกเฉินออกมาใช้แล้วรีบเก็บเงินเติมเข้าไปใหม่ และหากเงินออม เผื่อฉุกเฉินไม่เพียงพอ จึงค่อยไปกู้ยืม
นอกจากนี้ จะต้องประเมินความสามารถในการชาระหนี้ที่กาลังจะเกิดขึ้นด้วย กล่าวคือ ภาระหนี้ต่อเดือนที่ต้องจ่าย (หนี้เดิมที่มี
อยู่แล้วรวมกับหนี้ที่กาลังจะเกิดขึ้น) ไม่ควรเกิน 1 ใน 3 (33%) ของรายได้ต่อเดือน
ลักษณะของสินเชื่อรายย่อยและการคานวณดอกเบี้ย
เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าจาเป็นต้องขอกู้ยืม ในลาดับต่อมาผู้ขอสินเชื่อควรพิจารณาว่าจะเลือกกู้ยืมจากแหล่งใด โดยควร
เลือกกู้ยืมจากผู้ให้บริการในระบบเพราะมีหน่วยงานของทางการกากับดูแล ปัจจุบันมีผู้ให้บริการสินเชื่อในระบบหลายประเภท ทั้งที่เป็น
สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และผู้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) เช่น บริษัทผู้
ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกากับ (สินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่ต้องใช้หลักประกัน) นอกจากเลือกการกู้ยืมกับผู้ให้บริการใน
ระบบแล้ว ผู้ใช้บริการไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือภาคธุรกิจก็ต้องเลือกประเภทสินเชื่อที่ตรงกับความต้องการที่จะใช้ด้วย เช่น อุปโภค
บริโภค ประกอบอาชีพ
จากความแตกต่างของทั้งประเภทของผู้ใช้บริการ และวัตถุประสงค์ของการขอสินเชื่อ สินเชื่อจึงถูกออกแบบให้มีความ
หลากหลายทั้งในเรื่องของการกาหนดคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ ระยะเวลา ตลอดจนอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความ
ต้องการของผู้ขอสินเชื่อ และรองรับความเสี่ยงของสถาบันการเงินในกรณีที่ลูกหนี้ไม่สามารถชาระหนี้ได้

ตัวอย่าง สินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่ต้องใช้หลักประกันในการขอสินเชื่อ มีระยะเวลาในการผ่อนสั้นกวา และมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อ
เพื่อที่อยู่อาศัย เพราะมีความเสี่ยงที่ธนาคารหรือบริษัทที่ให้สินเชื่อจะไม่ได้เงินคืนเลยหากลูกหนี้ไม่ชาระหนี้ตามที่ตกลงไว้ เนื่องจากลูกหนี้
ไม่มีหลักประกันใด ๆ ที่เจ้าหนี้จะนาไปขายเพื่อนาเงินมาชดเชยในกรณีที่ลูกหนี้ไม่จ่ายได้ ในขณะที่สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมีหลักประกัน เช่น
ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราดอกเบี้ยจึง ต่ำกว่า และด้วยจานวนเงินกู้ที่มากกว่าจึงออกแบบให้ผ่อนนานกว่า
ในบทเรียนนี้จะกล่าวถึงเฉพาะสินเชื่อรายย่อย เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่เกี่ยวข้องในการดารงชีวิตของประชาชน
สินเชื่อรายย่อย เป็นสินเชื่อที่สถาบันการเงินให้แก่บุคคลธรรมดา เพื่อนาไปใชตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่คือนาไปใช ้

จ่ายซื้อสินค้าและบริการที่ไม่ได้นาไปใช้ประกอบธุรกิจ ในที่นี้จะขอกล่าวถึงตัวอย่างสินเชื่อรายย่อยและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการ

ได้รับสินค้าและบริการก่อน โดยยังไม่ต้องจ่ายเงินทั้งก้อนในทันท ดังนี้

121


ใบงานที่ 1
รายวิชา การเงินเพื่อชีวิต 3 (สค32029) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
คำชี้แจง : ให้ผู้เรียนตอบคำถามให้ถูกต้องที่สุด
1. ให้ผู้เรียนอธิบายลักษณะที่สำคัญของสินเชื่อประเภทต่าง ๆ
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
2. ให้ผู้เรียนอธิบายประเภทและวิธีคานวณดอกเบี้ยเงินก ู้
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
3. ให้ผู้เรียนอธิบายความหมาย บทบาทหน้าที่และข้อมูลต่าง ๆ ที่สำคัญเกี่ยวกับเครดิตบูโร


.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
4. ให้ผู้เรียนอธิบายวิธีการป้องกันปัญหาหนี้

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................

123


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 17

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ การพัฒนาสังคม รายวิชา การเงินเพื่อชีวิต 3 สค32029
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 5 ภัยการเงิน
วันที่ 23 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.


1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง
การปกครองในโลก และนามาปรับใช้ในการดาเนินชีวิต เพื่อความมั่นคงของชาติ
2. จุดประสงค์การเรียนรู้

2.1 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของภัยการเงิน ได้
2.2 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับภัยการเงินได้อย่างคล่องแคล่ว
ื้
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้

3. สาระการเรียนรู้ สาระการพัฒนาสังคม
4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง

4.1 ความสำคัญของภัยการเงิน
4.2 ฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับภัยการเงิน ได้อย่างคล่องแคล่ว

4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย
5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา อธิบายความสำคัญเกี่ยวกับภัยการเงิน

5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
กลุ่มที่ 1. หนี้นอกระบบ
กลุ่มที่ 2. แชร์ลูกโซ่

กลุ่มที่ 3. แก๊งคอลเซนเตอร์
กลุ่มที่ 4. ภัยออนไลน์
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)

5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า
ชั้นเรียน
5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน
5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1. สาเหตุของการทุจริตและทิศทางการป้องกันและการทุจริตในประเทศไทย

กลุ่มที่ 2. ทฤษฎี ความหมายและรูปแบบของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน
และผลประโยชน์ส่วนรวม (โลก)
กลุ่มที่ 3. บทบาทของรัฐ/เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันปราบปราม

เกี่ยวกับการทุจริต
กลุ่มที่ 4 การทุจริต
5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)
5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ

การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต

124


6. การวัดผลประเมินผล

6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม
7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์

7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน
7.3 หนังสือเรียน
7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้

8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ
8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ

9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้
9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของภัยการเงิน ได้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับภัยการเงิน ได้อย่างคล่องแคล่ว
9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้

มอบหมายได้



ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)
ครู กศน.ตำบล


ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพนฐาน

ื้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน

(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย

ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…


ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา
(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)

ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

ข้อสอบก่อนเรียน / หลังเรียน 125


แบบทดสอบก่อนเรียน สาระการพัฒนาสังคม รายวิชา การเงินเพื่อชีวิต 3 (สค32029)

ให้ผู้เรียนขีดเครื่องหมาย x หน้าคำตอบที่ถกที่สุด
1. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของ “เงิน” ในความหมายทาง 7. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่หน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศ

เศรษฐศาสตร์ ไทย
ก. เป็นสิ่งที่เก็บรักษามูลค่า ก. เป็นนายธนาคารของธนาคารพาณิชย์
ข. เป็นสิ่งที่กำหนดโดยรัฐบาล ข. เป็นนายธนาคารของรัฐบาล

ค. เป็นมาตรฐานในการวัดมูลค่า ค. ออกและพมพ์เหรียญกษาปณ์

ง. เป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยน ง. ออกและพมพธนบัตร

2. กิจกรรมการคลังของรัฐบาลเกี่ยวข้องกับข้อใด 8. ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบาลควรดำเนินนโยบาย
ก. การใช้จ่าย การเก็บภาษีอากรและการกู้ยืมเงิน งบประมาณแผ่นดินแบบใด
ข. การใช้จ่าย การเก็บภาษีอากรและการกำหนดอัตรา ก. งบประมาณเกินดุล

ดอกเบี้ย ข. งบประมาณได้ดุล
ค. การเก็บภาษีอากร การกำหนดอัตราดอกเบี้ยและ ค. งบประมาณขาดดุล
การกู้ยืมเงิน ง. งบประมาณแบบพเศษ

ง. การกำหนดอัตราดอกเบี้ย การกู้ยืมเงินและการใช้ 9. ข้อใดเป็นสถาบันการเงิน

จ่าย ก. ธนาคารข้าว

3. สิ่งใดบอกให้รู้ว่าเกิดภาวะเงินเฟอขึ้น ข. บริษัทประกันภัย
ก. ระดับรายได้ของประชาชนสูงขึ้น ค. บริษัทบัตรเครดิต

ข. ระดับราคาสินค้าสูงขึ้น ง. บริษัทเงินออม
ค. อตราดอกเบียสูงขึ้น 10. ข้อใดที่เกี่ยวข้องกับระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา

ง. อตราการว่างงานสูงขึ้น ต่างประเทศของไทย

4. ข้อใดไม่นับว่าเป็นสถาบันทางการเงินตาม ก. รัฐควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ความหมายทางเศรษฐศาสตร์ โดยตรง

ก. บริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์ ข. อตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวได้อย่างเสรี

ข. บริษัทธุรกิจการเช่าซื้อ ค. กำหนดอัตราแลเปลี่ยนคงที่เมื่อเทียบกับเงินดอล
ค. สหกรณ์การเกษตร ล่าร์สหรัฐ

ง. สถานธนานุเคราะห์ ง. อัตราแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงกับเงินตราสกุลสำคัญๆ
5. ข้อใดตรงกับความหมายของงบประมาณเกินดุล หลายสกุล
ก. ปริมาณเงินไหลเข้าประเทศมากกว่าปริมาณเงินไหล 11. การเปลี่ยนแปลงปริมาณเงินตามความหมายแคบ
ออก เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินประเภทใด

ข. มูลค่าสินค้าส่งออกมากกว่าทูลค่าสินค้านำเข้า ก. ธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์
ค. รายได้ของรัฐบาลมากกว่ารายจ่ายของรัฐบาล ข. ธนาคารลางและตลาดหลักทรัพย์
ง. รายรับของรัฐบาลมากกว่ารายจ่ายของรัฐบาล ค. ตลาดหลักทรัพย์และบริษัทเงินทุน
6. ผลกระทบของการเกิดภาวะเงินเฟอที่ถูกต้อง ง. บริษัทเงินทุนและธนาคารพาณิชย์


ก. ทำให้เจ้าหนี้ได้เปรียบ แต่ลูกหนี้เสียเปรียบ 12. ข้อใดแสดงว่าเกิดภาวะเงินเฟอขึ้นในประเทศไทย
ข. ทำให้ลูกหนี้ได้เปรียบ แต่เจ้าหนี้เสียเปรียบ ก. ราคาไข่ไก่และไข่เป็ดสูงขึ้นมาก
ค. ทำให้ผู้ซื้อได้เปรียบ แต่ผู้ขายเสียเปรียบ ข. อตราดอกเบี้ยสูงขึ้น

ง. ทำให้ธนาคารผู้ให้บริษัทห้างร้านกู้ได้ประโยชน์มาก ค. ดัชนีราคาสูงขึ้น

ง. ค่าจ้างแรงงานสูงขึ้น



ศูนย์การศกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี หน้า 125


126

เฉลยข้อสอบก่อน-หลังเรียน
1. ข
2. ก

3. ข
4. ง
5. ก
6. ค

7. ก
8. ก
9. ง
10. ง

11. ค
12. ง































































ศูนย์การศกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี หน้า 126

127


ใบความรู้ที่ 1
หนี้นอกระบบ
เมื่อจาเป็นต้องใช้เงิน แต่ไม่สามารถขอกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ หลายคนคงนึกถึงการกู้เงินนอกระบบที่ได้เงนเร็ว ไม่ยุ่งยาก ไม่

ต้องมีหลักประกันหรือใช้บุคคลค้าประกัน จนอาจลืมนึกถึงเล่ห์เหลี่ยมหรือกลโกงที่อาจแฝงมากับการกู้เงินนอกระบบ
ลักษณะกลโกงหนี้นอกระบบ
1. ใช้ตัวเลขน้อย ๆ เพื่อจูงใจ
นายทุนเงินกู้นอกระบบมักบอกตัวเลขน้อยเพื่อจูงใจผู้กู้ ไม่ว่าจะเป็นจานวนเงินผ่อนต่องวดหรือดอกเบี้ย เช่น กู้เงิน 10,000 บาท
ให้ผ่อนวันละ 150 บาทเป็นระยะเวลา 90 วัน แต่เมื่อคานวณแล้วต้องจ่ายหนี้คืน 13,500 บาทภายใน 3 เดือน ดอกเบี้ยสูงถึง 35% ต่อสาม
เดือนหรือ 140% ต่อปี
เจ้าหนี้บางรายก็บอกแค่อัตราดอกเบี้ย แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อวัน ต่อเดือน หรือต่อปี เชน เจ้าหนี้รายหนึ่งปล่อยเงนกู้ 3%



ลูกหนี้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าสถาบันการเงินก็แห่ไปกู้เงน แต่เมื่อคานวณดอกเบี้ยทั้งปีแล้ว ลูกหนี้ก็ตกใจ เพราะดอกเบี้ย 3% นั้น
เป็นดอกเบี้ยต่อวัน ถ้าคิดเป็นต่อปี ก็สูงถึง 1,080%
2. ให้เซ็นเอกสารที่ไม่ได้กรอกตัวเลข
นอกจากจะใช้ตัวเลขค่างวดหรือดอกเบี้ยน้อย ๆ ดึงดูดลูกหนี้แล้ว เจ้าหนี้ บางรายก็ให้ลูกหนี้เซ็นสัญญากู้ยืมโดยที่ยังไม่ได้กรอก
ี่

ั้
ตัวเลข ลูกหนี้รายหนึ่งต้องใช้เงินคืนเจ้าหนี้ 100,000 บาท ทง ๆ ทกู้เงนมาแค่ 20,000 บาท เพียงเพราะไปเซ็นสัญญาในเอกสารที่ยังไม่ได้
กรอกจานวนเงินกู้
3. ไม่ให้ลูกหนี้อ่านเอกสารที่ต้องเซ็น

เจ้าหนี้บางรายไม่ยอมให้ลูกหนี้อ่านเอกสารที่จะต้องเซ็น เชน เจ้าหนี้หวังจะ ยึดเอาที่ดินของลูกหนี้ที่นามาค้าประกันเงนกู้

จึงหลอกว่าเป็นการทาสัญญาจานอง แต่แท้จริงเป็นสัญญาขายฝาก
4. บีบให้เซ็นสัญญาเงินกู้เกินจริง


เจ้าหนี้บางรายบีบบังคับให้ลูกหนี้เซ็นสัญญาเงนกู้เกินจริง เชน ขอกู้ 10,000 บาท แต่บังคับให้เซ็นในเอกสารที่เขียนว่าขอกู้
30,000 บาท ลูกหนี้บางรายมีความจาเป็นต้องใช้เงิน ก็จาใจเซ็นสัญญานั้น
5. ทาสัญญาขายฝากแทนสัญญาจานอง

เจ้าหนี้หลายรายหลอกลูกหนี้ให้ทาสัญญาขายฝากแทนสัญญาจานอง ถึงแม้เจ้าหนี้จะอ้างว่าเป็นการค้าประกันเงนกู้เหมือนกัน
แต่การบังคับหลักประกันต่างกัน สัญญาขายฝากจะทาให้กรรมสิทธิ์ของบ้านหรือที่ดินนั้นตกเป็นของเจ้าหนี้ตั้งแต่วันที่ทาสัญญา ซึ่งลูกหนี้

จะต้องไถ่บ้านหรือที่ดินคืนภายในเวลาที่กาหนด หากชาเพียงวันเดียว บ้านหรือที่ดินนั้นก็จะ ตกเป็นของเจ้าหนี้ทันที โดยเจ้าหนี้ไม่ต้องมี
หนังสือแจ้งหรือฟ้องศาลเพื่อบังคับคดี
ด้วยเหตุนี้เจ้าหนี้นอกระบบบางคนจึงบ่ายเบี่ยง หลบหน้าลูกหนี้เพื่อไม่ให้มีโอกาสได้ไถ่ถอนบ้านหรือที่ดินนั้นคืนในเวลาที่กาหนด หรือไม่
ยอมขยายเวลาไถ่ให้ (การขยายเวลาไถ่ ต้องทาหลักฐานเป็นหนังสือพร้อมลงลายมือชื่อ) โดยเฉพาะบ้านหรือทดินที่อยู่ในทำเลดีและมีมูลค่า
ี่
มากกว่ายอดหนี้
6. หลีกเลี่ยงให้กู้โดยตรง



หลายครั้งที่สัญญาอาพรางเงินกู้ถูกนามาใชเพื่อหลอกล่อผู้ที่เดือดร้อนเรื่องเงน เชน ลูกหนี้รายหนึ่งติดต่อขอกู้เงินกับเจ้าหนี้นอก
ี่
ระบบจานวน 20,000 บาท เจ้าหนี้บังคับให้ลูกหนี้ใช้บัตรผ่อนสินค้าหรือบัตรเครดิตซื้อสินค้าที่กาลังเป็นทนิยมมูลค่า 23,000 บาท เพื่อมา
แลกกับเงินกู้ 20,000 บาท
ลูกหนี้ได้เงินมาแค่ 20,000 บาท แต่กลับต้องแบกภาระเงินกู้สูงถึง 23,000 บาทกับบริษัทบัตรผ่อนสินค้าหรือบริษัทบัตรเครดิต และยังมี
ภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายอีกต่างหาก ส่วนเจ้าหนี้แทบจะไม่มีความเสี่ยงใดเลย แถมยังได้สินค้าในราคาถูกอีกด้วย
7. ทวงหนี้โหด
นอกจากภาระดอกเบี้ยที่แสนแพงแล้ว ลูกหนี้เงินกู้นอกระบบอาจต้องเจอกับการทวงหนี้โหดหากไม่ชาระตรงตามเวลา ซึ่งเจ้าหนี้
อาจไม่ได้แค่ขู่หรือประจานให้ได้อาย แต่ บางรายก็ถึงขั้นทาร้ายร่างกาย
วิธีป้องกันภัยหนี้นอกระบบ
1. หยดใช้เงินเกินตัว – ตรวจสอบพฤติกรรมการใช้เงินของตนเองโดยการจดบันทกรายรับ-รายจ่าย แล้ววางแผนใช้เงินอย่างเหมาะสมกับ


รายได้และความจาเป็น

2. วางแผนการเงนล่วงหน้า – คานึงถึงค่าใชจ่ายก้อนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เชน ค่าเล่าเรียนลูก แล้ววางแผนทยอยออมล่วงหน้า


รวมถึงออมเงินเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินด้วย

128





3. คิดให้ดก่อนตดสินใจก่อหนี้ – ทบทวนดูความจาเป็นว่าต้องใชเงนจริง ๆ หรือไม่ และหากต้องกู้จริง ๆ จะสามารถชาระหนี้ได้หรือไม่
เพราะนอกจากดอกเบี้ยที่แสนแพงแล้ว อาจต้องเจอกับเหตุการณ์ทวงหนี้แบบโหด ๆ อีกด้วย
4. เลือกกู้ในระบบ – หากจาเป็นต้องกู้ ควรเลือกกู้ในระบบดีกว่า เพราะนอกจากจะมีหน่วยงานภาครัฐคอยดูแลแล้ว ยังระบุดอกเบี้ยใน
สัญญาชัดเจนและเป็นธรรมกว่า
5. ศึกษารายละเอียดผให้กู้ – ดูว่าผู้ให้กู้นั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ มีเงื่อนไขชาระเงินหรืออัตราดอกเบี้ยที่เอาเปรียบผู้กู้เกินไปหรือไม่
ู้

6. ศึกษาวิธีคิดดอกเบี้ย –หนี้นอกระบบมักคิดอัตราดอกเบี้ยด้วยวิธีเงนต้นคงที่ (flat rate) ซึ่งทาให้ลูกหนี้ต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าการคิด
ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (effective rate) เพราะดอกเบี้ยจะถูกคิดจากเงินต้นทั้งก้อนแม้ว่าจะทยอยจ่ายคืนทุกเดือน ก็ตาม
7. หากจาเป็นต้องกู้เงินนอกระบบต้องใส่ใจ
ไม่เซ็นสัญญาในเอกสารที่ยังไม่ได้กรอกข้อความหรือวงเงินกู้ไม่ตรงกับความจริง
ตรวจสอบข้อความในสัญญาเงินกู้ รวมถึงดูว่าเป็นเงื่อนไขที่เราทำได้จริง ๆ
เก็บสัญญาคู่ฉบับไว้กับตัวเพื่อเป็นหลักฐานการกู้
ทาสัญญาจานองแทนการทาสัญญาขายฝาก เพราะการขายฝากจะทาให้กรรมสิทธิ์ตกเป็นของเจ้าหนี้ทันทีหากผู้กู้ไม่มาไถ่คืนตาม
กำหนด
8. ติดตามข่าวสารกลโกงเป็นประจา
ทาอย่างไรเมื่อตกเป็นเหยื่อหนี้นอกระบบ


หากเป็นเหยื่อหนี้นอกระบบแล้ว ผู้กู้ควรหาแหล่งเงินกู้ในระบบที่มีดอกเบี้ย ถกกวามาชาระคืน แต่หากไม่สามารถกู้ยืมในระบบได้ ผู้กู้อาจ
ั้
ต้องยอมขายทรัพย์สินบางส่วนเพื่อนามาชาระหนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจนไม่สามารถชาระคืนได้ ทงนี้ ลูกหนี้เงินกู้นอกระบบ
สามารถขอรับคาปรึกษาได้จากองค์กรดังต่อไปนี้
1. ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ กระทรวงการคลัง โทร. 1359
2. กองบังคับการปราบปรามการกระทาผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค
สานักงานตารวจแห่งชาติ โทร. 1135
3. สายด่วนรัฐบาล สานักนายกรัฐมนตรี โทร. 1111
4. สานักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สานักอัยการสูงสุด โทร. 0 2142 2034
5. ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม โทร. 0 2575 3344

6. ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย โทร. 1567


7. หน่วยงานที่รบเรื่องร้องเรยนเกี่ยวกับการทวงถามหนี้ไม่เหมาะสม ได้แก่ กรมการปกครอง สานักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่ทาการ
ปกครองจังหวัด กองบัญชาการตำรวจนครบาล สถานีตำรวจท้องที่ และที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง

แชร์ลูกโซ

แชร์ลูกโซ่เป็นภัยทางการเงินที่อาจสร้างความเสียหายได้ตั้งแต่เงินจานวนน้อย ๆ จนไปถึงเงินหลักแสนหลักล้าน มิจฉาชพมักใช ้
“โอกาสรวย” หรือ “สินค้าราคาถูกมาก” มาหลอกล่อให้เหยื่อร่วมลงทุนหรือซื้อสินค้าแล้วเชิดเงินหนีไป
ลักษณะกลโกงแชร์ลูกโซ่
1. แชร์ลูกโซ่ในคราบธุรกิจขายตรง
2. แชร์ลูกโซ่หลอกลงทุน
3. แชร์ลูกโซ่หลอกขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต
วิธีป้องกันภัยแชร์ลูกโซ่
1. ไม่โลภไปกับผลตอบแทนหรือสินค้าราคาถูกที่นามาหลอกล่อ เพราะผลตอบแทนยิ่งสูง ยิ่งมีความเสี่ยงมากที่จะเป็นแชร์ลูกโซ่
2. ไม่กรอกข้อมูล หรือให้ข้อมูลส่วนตัวในเว็บไซต์ หรือตอบกลับอีเมลที่ ไม่น่าเชื่อถือ เพราะอาจกลายเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่
3. หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มธุรกิจที่ไม่แน่ใจ เพราะอาจถูก หว่านล้อมให้ร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่
4. อย่าเกรงใจจนไม่กล้าปฏิเสธ เมื่อมีคนชักชวนทาธุรกิจที่มีลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ เพราะอาจทาให้สูญเสียเงินได้

5. ศึกษาที่มาที่ไปของการลงทุนหรือสินค้าให้ดีก่อนการลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจหรือสินค้าที่ให้ผลตอบแทนสูงมากในเวลาอันสั้น หรือมีราคา
ถูกผิดปกติ
6. ติดตามข่าวสารกลโกงเป็นประจำ

129


ใบงานที่ 1
รายวิชา การเงินเพื่อชีวิต 3 (สค32029) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
คำชี้แจง : ให้ผู้เรียนตอบคำถามให้ถูกต้องที่สุด
1. ให้ผู้เรียนอธิบายประเภทและลักษณะของภัยทางการเงิน และยกตัวอย่างภัยทางการเงินที่มีในชุมชน
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
2. ให้ผู้เรียนอธิบายวิธีการป้องกันตนเองจากภัยทางการเงิน
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

3. ให้ผู้เรียนอธิบายวิธีแก้ปัญหาที่เกิดจากภัยทางการเงิน
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

131


แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 18

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระ การพัฒนาสังคม รายวิชา การป้องกันการทุจริต สค32036
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 1 การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม 2 ความละอาย
และความไม่ทนต่อการทุจริต

วันที่ 25 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถึง 13.00 น. - 16.00 น.

1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ ดำเนินชีวิตตามวิถีประชาธิปไตย กฎ ระเบียบของประเทศต่าง ๆ ในโลก
1.2 มีความรู้ ความเข้าใจหลักการพฒนาชุมชน สังคม สามารถวิเคราะห์ข้อมูล และเป็นผู้นำผู้ตามใน


การพฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม ให้สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์
ปัจจุบัน
2. จุดประสงค์การเรียนรู้

ื่
2.1 เพอให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับ
ผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริตได้
ื่
2.2 เพอให้ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับ
ื้
ผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริตได้อย่างคล่องแคล่ว
2.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระการพัฒนาสังคม
4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวง

4.1 ความสำคัญของการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม

ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต
4.2 ฝึกทักษะพนฐานเกี่ยวกับการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม
ื้
ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริตได้อย่างคล่องแคล่ว
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย

5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขั้นการกำหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา อธิบายความสำคัญเกี่ยวกับการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์

ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต
5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
กลุ่มที่ 1. สาเหตุของการทุจริตและทิศทางการป้องกันและการทุจริตในประเทศไทย
กลุ่มที่ 2. ทฤษฎี ความหมายและรูปแบบของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน

และผลประโยชน์ส่วนรวม (โลก)
กลุ่มที่ 3. บทบาทของรัฐ/เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันปราบปราม
เกี่ยวกับการทุจริต

กลุ่มที่ 4 การทุจริต
5.3 การปฏิบัติและการนำไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนำเสนอหน้า
ชั้นเรียน

5.3.2 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ร่วมกัน

132


5.3.3 ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ออกเป็น 4 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1. พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรม
นาถ แบบอย่างในเรื่องความพอเพียง
กลุ่มที่ 2. ความหมายและแนวคิดเกี่ยวกับการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง

กลุ่มที่ 3. แนวทางการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี
กลุ่มที่ 4 พลโลกที่มีความรับผิดชอบต่อการป้องกันการทุจริต
5.4 ขั้นการประเมินผล (E : evaluation)
5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนำเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทำทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสังเกต

6. การวัดผลประเมินผล
6.1 การสังเกต
6.2 การนำเสนอ และการซักถาม

7.สื่อและวัสดุอุปกรณ์
7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน
7.3 หนังสือเรียน

7.4 อินเทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้
8.1 กศน.ตำบล
8.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอ

8.3 สถาบันศึกษาปอเนาะ
9. ตัวชี้วัดการเรียนรู้
9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถอธิบายความสำคัญของการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วน
ตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริตได้


9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทกษะพนฐานเกี่ยวกับการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วน
ื้
ตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริตได้อย่างคล่องแคล่ว
9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้

มอบหมายได้


ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊)

ครู กศน.ตำบล

133


ื้

ความคิดเห็นหัวหน้างานการศกษาขั้นพนฐาน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ลงชื่อ..............................................หัวหน้างานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(นางมัทมา แวนาแว)
ครูผู้ช่วย


ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…




ลงชื่อ................................................ผู้บริหารสถานศึกษา
(นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์)
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี

ข้อสอบก่อนเรียน / หลังเรียน 134


แบบทดสอบก่อนเรียน สาระการพัฒนาสังคม รายวิชา การป้องกันการทุจริต (สค 32036)

ให้ผู้เรียนขีดเครื่องหมาย x หน้าคำตอบที่ถกที่สุด
1. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุของการทุจริต 6. เมื่อนำผลการตัดสินใจไปปฏิบัติแล้วยังไม่พอใจ ควร

ก. กฎหมาย ระเบียบ ข้อกำหนดมีช่องว่าง ทำอย่างไร
ข. เจ้าหน้าที่มีอำนาจสิทธิขาดในการใช้ดุลพินิจ ก. ทิ้งไวระยะหนึ่งเพื่อให้สภาพสังคมมีการเปลี่ยนแปลง
ค. ไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม ข. ค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม แล้วกลับไปดำเนินการตาม
ง. การเปลี่ยนตำแหน่งของผู้ปฏิบัติงาน กระบวนการใหม่

2. ข้อใดไมเกี่ยวข้องกบทิศทางการป้องกนและการทุจริต ค. ยกเลิกผลการตัดสินใจนั้นเพราะเห็นว่าไม่ถูกต้อง



ในประเทศไทย ง. ให้กลับไปทบทวนกระบวนการใหม่ เพอหา
ื่
ก. แผนพฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ข้อบกพร่อง

(พ.ศ. 2560 - 2564) 7. กรณีใดเข้าข่ายการทุจริต
ข. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ก. การลักทรัพย์
ค. ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ข. การซื้อขายหวยใต้ดิน
ง. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ค. หัวหน้างานข่มขู่พนักงาน
3. ข้อใดคือหลักสำคัญในการควบคุมพฤติกรรมของ ง. ลาป่วยโดยใช้ใบรับรองแพทย์ปลอม

เจ้าหน้าที่ของรัฐ 8. สิ่งที่ทำให้เกิดการทุจริต
ก. หลักธรรม ก. โอกาส ความกดดันจิตใจ ความเครียด
ข. คติธรรม ข. แรงจูงใจ เหตุผล ความยากจน

ค. จริยธรรม ค. โอกาส แรงจูงใจ ความยากจน
ง. มโนธรรม ง. โอกาส แรงจูงใจ เหตุผล
4. บริษัทให้ของขวัญเป็นทองคำแก่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ 9. ข้อใดตรงกับความหมายคำว่าทุจริต
ก็เร่งรัดคืนภาษีให้ก่อนโดยวิธีลัดคิว ก. ลูกขอเงินไปเที่ยว
ื่
เพอต้องการ ได้ของขวัญอกครั้ง เป็นการทุจริตใน ข. ผู้เรียน กศน. มาพบกลุ่ม

รูปแบบใด ค. พนักงานบริษัทให้เพื่อนลงชื่อทำงานแทน
ก. การรู้ข้อมูลภายใน ง. ผู้ปกครองซื้ออุปกรณ์การสอนให้โรงเรียน
ข. การรับผลประโยชน์ 10. การปฏิบัติตนในข้อใดแสดงถึงความมีวินัยในตนเอง

ค. คู่สัญญากับเอกชน ก. การเข้าคิวซื้ออาหาร
ง. การสร้างถนนในชุมชน ข. การแบ่งขนมให้เพื่อน
5. ข้อใดสำคัญที่สุดในการจัดกระบวนการคิดเป็น ค. การทำความสะอาดบ้าน
ก. ผู้เรียน ง. การมอบของขวัญให้ผู้ใหญ่

ข. ผู้สอน
ค. กระบวนการ
ง. สภาพปัญหา











ศูนย์การศกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี หน้า 134


135

11. ถ้าท่านรู้ว่าสิ่งที่กระทำนั้นไม่ดี ไม่ถูกต้องตรงกับ 17. ข้อใดไม่ใช่ความหมายของ “พลเมืองศึกษา”
ความหมายข้อใด ก. ให้มีความภาคภูมิใจในความเป็นพลเมืองดี

ื่
ก. ความไม่ทน ข. การจัดการศึกษาและประสบการณ์เรียนรู้เพอพฒนา
ข. ความละอาย ให้เป็นพลเมืองดี
ค. ความไม่กลัว ค. ตนเองเป็นเพยงผู้น้อยต้องคอยรับการอปถัมภ์จาก


ง. ความเกรงใจ ผู้อื่น
12. ความไม่ทนต่อการทุจริตตรงกับความหมายข้อใด ง. สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับรัฐบาล กฎหมาย ระบบการเมือง

ก. ให้เพื่อนลอกการบ้าน การปกครอง
ข. มีคนแซงคิวก่อนหน้าจึงเข้าไปเตือน 18. ความเป็นพลเมืองได้แก่ข้อใด
ค. ใช้รถยนต์ของราชการไปเที่ยวในวันหยุด ก. ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ง. เห็นคนหยิบสินค้า แล้วไม่จ่ายเงินก็ทำเฉย ๆ ข. เคารพหลักความเสมอภาค

13. การทุจริตข้อใดก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม ค. รับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม
ก. ค้ายาเสพติด ง. การรับรู้ เข้าใจกับการนับถือความรู้ ความสามารถ
ข. ลูกพูดโกหกพ่อแม่ 19. ข้อใดเป็นลักษณะของการเป็นพลเมืองดี
ค. เพื่อนขอลอกข้อสอบ ก. รับฟังความคิดเห็นต่างได้เสมอ

ง. จ้างเพื่อนทำชิ้นงานส่งครู ข. กระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมแก้ปัญหา
14. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุของการทุจริต ค. เคารพกฎ ระเบียบของชุมชน
ก. โครงสร้างสังคมไทยระบบอุปถัมภ์ ง. ถูกทุกข้อ

ข. กระบวนการยุติธรรมไม่เข้มแข็ง 20. ข้อใดเป็นแนวทางในการสร้างสำนึกความเป็น
ค. กระแสบริโภคนิยม วัตถุนิยม พลเมือง
ง. ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก. รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
15. การทุจริตในด้านศีลธรรม ตรงตามข้อใด ข. เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจการของชุมชน
ก. การลักทรัพย์ ค. เคารพกฎหมายของทุกประเทศ

ข. การโกหก ง. ถูกทุกข้อ
ค. การเห็นแก่ตัว
ง. การหลงผิด

16. ข้อใดเป็นความหมายของคำว่า“พลเมือง”
ก. ปฏิบัติตนตามหน้าที่เท่านั้น
ข. ยอมรับกฎหมาย นโยบาย กิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐ
ค. บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของสมาชิก

สังคมที่มีต่อรัฐ
ง. อำนาจอันชอบธรรมที่ต้องทำระหว่างบุคคล













ศูนย์การศกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี หน้า 135

136

เฉลยข้อสอบก่อน-หลังเรียน
1. ง 11. ข
2. ง 12. ข

3. ค 13. ก
4. ข 14. ง
5. ก 15. ค
6. ข 16. ค

7. ง 17. ค
8. ค 18. ข
9. ค 19. ง
10. ก 20. ข




































































ศูนย์การศกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสุไหงปาดี หน้า 136

137


ใบความรู้ที่ 1
1. สาเหตุของการทุจริต
สาเหตุของการทุจริต อาจเกิดขึ้นได้ในประเทศที่มีสถานการณ์ดังต่อไปนี้
1.1 มีกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อกำหนดจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางธุรกิจหากมาตรการหรือข้อกำหนดดังกล่าวมีความ
ซับซ้อน คลุมเครือ เลือกปฏิบัติเป็นความลับหรือไม่โปร่งใส จะส่งผลให้เป็นต้นเหตุของการทุจริตได้
1.2 มีสถานการณ์ โอกาส หรือมีกฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่นำไปสู่การทุจริตได้
1.3 กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมไม่มีความเข้มแข็ง ตลอดจนการพัฒนาให้ทันสมัย
2. ทิศทางการป้องกันการทุจริตในประเทศไทย
ปัจจุบันประเทศไทยมีหลายหน่วยงานเกิดการตื่นตัวพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการทุจริต โดยร่วมกันสร้างเครื่องมือ กลไก
และกำหนดเป้าหมายสำหรับการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในฐานะที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงานป.ป.ช.) เป็นองค์กรหลักด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้บูรณาการการทำงานด้าน
การต่อต้านการทุจริตเข้ากับทุกภาคส่วน ดังนี้
2.1 กำหนดเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หมวดที่ 4 หน้าที่ของประชาชนชาว
ไทยว่า “... บุคคลมีหน้าที่ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ” หมวดที่ 5 หน้าที่ของรัฐว่า “รัฐต้องส่งเสริม
สนับสนุนและให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายที่เกิดจากการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดให้มีมาตรการและ
กลไกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตอย่างเข้มงวด รวมทั้งกลไกในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วมในการ
รณรงค์ให้ความรู้ต่อต้านการทุจริต หรือชี้เบาะแสโดยได้รับความคุ้มครองจากรัฐ ตามที่กฎหมายบัญญัติ”
2.2 กำหนดให้มียุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหา 3 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย
1) ยุทธศาสตร์การปลูกฝัง “คนไทยไม่โกง” เพื่อปฏิรูป “คน” ให้มีจิตสำนึกและสร้างพลังร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน
2) ยุทธศาสตร์การป้องกันด้วยการเสริมสร้างสังคมธรรมาภิบาล เพื่อปฏิรูประบบและองค์กรเพื่อสร้างธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน
3) ยุทธศาสตร์การปราบปราม เพื่อปฏิรูประบบและกระบวนการจัดการต่อกรณีการทุจริตคอร์รัปชันให้มีประสิทธิภาพ
2.3 กำหนดไว้ในกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) โดยมีวิสัยทัศน์ “ประเทศไทย มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศ
พัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
2.4 กำหนดให้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) ว่าด้วยเรื่องสังคมไทยมีวินัย โปร่งใส ยึดมั่นใน
ความซื่อสัตย์ ยุติธรรม รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งเป็นภูมิคุ้มกันในสังคมไทย ครอบคลุมภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน และภาค
ประชาชน พร้อมทั้งสร้างพลังการขับเคลื่อนค่านิยมต่อต้านการทุจริตโดยปลูกฝังให้คนไทยไม่โกง

2.5 กำหนดให้มีโมเดลประเทศไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน (Thailand 4.0) เป็นโมเดล ที่นอมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มาเป็นแนวคิดหลักในการบริหารประเทศ ถอดรหัสออกมาเป็น 2 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ
1) การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน (Strength From Within)
2) การเชื่อมโยงกับประชาคมโลกในยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งจากภายในThailand 4.0 เน้นการปรับเปลี่ยน 4 ทิศทางและเน้น
การพัฒนาที่สมดุลใน 4 มิติ มิติที่หยิบยก คือ การยกระดับศักยภาพและคุณค่าของมนุษย์ (Human Wisdom) ด้วยการพัฒนาคนไทยให้
เป็น “มนุษย์ที่สมบูรณ์” ผ่านการปรับเปลี่ยนระบบนิเวศน์การเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ ปลูกฝังจิต
สาธารณะยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีวินัย มีคุณธรรมจริยธรรม มีความรับผิดชอบ เน้นการสร้างคุณค่าร่วม และ
ค่านิยมที่ดี คือ สังคมที่มีความหวัง (Hope) สังคมที่เปี่ยมสุข (Happiness) และสังคมที่มีความสมานฉันท (Harmony)

2.6 กำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) โดยกำหนดวิสัยทัศน์
“ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” (Zero Tolerance & Clean Thailand) หมายความว่า ประเทศไทยในระยะ 5 ปีข้างหน้า
จะมุ่งสู่การเป็นประเทศที่มีมาตรฐานทางคุณธรรม จริยธรรม เป็นสังคมมิติใหม่ที่ประชาชนไม่เพิกเฉยต่อการทุจริตทุกรูปแบบ โดยได้รับ
ความร่วมมือจากฝ่ายการเมืองหน่วยงานของรัฐ ตลอดจนประชาชน ในการพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติ และประชาชน เพื่อให้
ประเทศไทยมีศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิในด้านความโปร่งใสทัดเทียมนานาอารยประเทศ

138


ใบงานที่ 1
รายวิชา การป้องกันการทุจริต (สค32036) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

..................................................................................................
คำชี้แจง : ให้ผู้เรียนตอบคำถามให้ถูกต้องที่สุด
1. ให้ผู้เรียนอธิบายสาเหตุของการทุจริตและทิศทางการป้องกันการทุจริตในประเทศไทย
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
2. ให้ผู้เรียนอธิบายทฤษฎี ความหมายและรูปแบบของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์
ส่วนรวม (โลก)
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
3. ให้ผู้เรียนอธิบายกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

150


คณะผู้จัดทำ


ที่ปรึกษา

1. นายไพโรจน์ หมีนหวัง ประธานกรรมการสถานศึกษา
2. นายใหญ่ดี ดือราแม กรรมการสถานศึกษา
3. นายมะลูเด็ง เจ๊ะกา กรรมการสถานศึกษา
4. นายชิต รัตนบุญโน กรรมการสถานศึกษา

5. นายอภิชัย ยูโซ๊ะ กรรมการสถานศึกษา
6. นายอนิรุธ จารมะ กรรมการสถานศึกษา
7. นายอร่าม หะรอแม กรรมการสถานศึกษา

8. นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอสุไหงปาดี

คณะทำงาน

1. นางมัทมา แวนาแว ครูผู้ช่วย
2. นางสาววาทีณี ศรีจรัศ ครูผู้ช่วย
3. นายนุรอัสวาน สิงหะ ครูผู้ช่วย

4. นายสมบูรณ์ มามะ ครูผู้ช่วย
5. นายมูฮัมหมัดอัสรี ยูโซะ ครูผู้ช่วย
6. นายอัลนากิฟท์ ดารอเดร์ ครูผู้ช่วย

7. นางแวนูรไอนี ตาเยะ ครูผู้ช่วย
8. นางยูไนด๊ะ มะเก ครูผู้ช่วย
9. นางรจนา นิลวัตน์ ครูผู้ช่วย
10. นางสาวมธุรา วจีอิสมัย ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนประจำตำบล

11. นายนิไยลานี บินนิเด็ง ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนประจำตำบล
ประจำศูนย์การเรียนชุมชน
12. นายอาหามะ ตาเยะ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ประจำศูนย์การเรียนชุมชน

13. นางยามีละห์ สิงหะ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ประจำศูนย์การเรียนชุมชน
14. นางสาวจันทิรา สือแม ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ประจำศูนย์การเรียนชุมชน

15. นางสุทธิดา อุดมเพ็ชร์ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ประจำศูนย์การเรียนชุมชน
16. นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน

ประจำศูนย์การเรียนชุมชนตำบล
17. ว่าที่ร้อยตรีสหัฐ มะดาแฮ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ประจำสถาบันศึกษาปอเนาะ
18. นางมารียานา อับดุลเลาะ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ประจำสถาบันศึกษาปอเนาะ

151


สนับสนุนข้อมูล

1. นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอสุไหงปาดี
2. นางมัทมา แวนาแว ครูผู้ช่วย
3. นางสาววาทีณี ศรีจรัศ ครูผู้ช่วย
4. นายนุรอัสวาน สิงหะ ครูผู้ช่วย

5. นางสาวมธุรา วจีอิสมัย ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนประจำตำบล


เรียบเรียง/ทาน/ต้นฉบับ/จัดพิมพ์

1.นางสาวรุสนีดา ยูนุ๊ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
ประจำศูนย์การเรียนชุมชนตำบล


Click to View FlipBook Version