The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Rammet Suwannasri, 2022-06-11 23:42:33

บทที่ 1

บทที่ 1

บทที่ 1

บทนำ

ที่มาและความสำคัญ
เศรษฐศาสตร์ มคี วามสำคัญและเก่ยี วขอ้ งกับการดำเนนิ ชีวิตประจำวันของมนษุ ย์ทุกคน เศรษฐศาสตร์

ช่วยใหม้ นุษย์สามารถวางแผนและตดั สินใจในการกระทำการใด ๆ ได้อย่างรอบคอบ มีความระมัดระวัง และมี
เหตุผล เราสามารถนำเอาความรู้ด้านเศรษศาสตร์มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้หลากหลายวิธี ทั้ง
เศรษฐศาสตร์ในครัวเรือน เศรษฐศาสตร์ในการศกึ ษา เศรษฐศาสตร์ในการเลือกประกอบอาชีพ หรอื แม้แต่การ
ใช้หลักเศรษฐศาสตร์ในการวางแผนชีวิตในอนาคตได้ ดังนั้นหากเรามีความรู้ความเข้าใจในหลักเศรษฐศาสตร์
จะช่วยใหเ้ ราเป็นบุคคลทส่ี ามารถวางแผนหรือตัดสินใจทำอะไรด้วยความรอบคอบ ระมดั ระวัง มเี หตุผล ซ่ึงจะ
ทำใหเ้ ราสามารถดำเนนิ ชวี ติ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข

คำขวญั หมายถงึ ถอ้ ยคำหรือข้อความ ที่แต่งขนึ้ ดว้ ยคำทกี่ ะทัดรัด มีความกระชบั สั้น ได้ใจความ มี
จดุ มุ่งหมายในการเรียกร้องความสนใจ โน้มน้าวจติ ใจ หรือเตือนใจ เพื่อให้ผู้อา่ นมีความสนใจ เห็นความสำคัญ
ตระหนักในคุณค่า หรือถือเป็นแนวปฏิบัติ เช่น คำขวัญประจำจังหวัด ซึ่งเป็นคำขวัญที่แต่ละจังหวัดแต่งข้ึน
เพื่อบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ ความภาคภูมิใจ และความโดดเด่นที่มีอยู่ในจังหวัดนั้น ๆ หากเราพิจารณาจากคำ
ขวัญประจำจังหวัดแล้วพบว่า คำขวัญมักแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ลักษณะทางเศรษฐกิจ ลักษณะ
ทางวัฒนธรรมทีด่ ีงามของจังหวัดนัน้ ๆ ทั้งนี้พวกเราจึงมีความสนใจที่จะศึกษาว่าคำขวัญประจำจงั หวัดแต่ละ
จังหวัดได้บ่งบอกถึงสภาพบริบท สภาพเศรษฐกิจของจังหวัดเป็นอย่างไร จึงได้ศึกษาวิเคราะห์และบูรณาการ
ความรู้ระหว่างคำขวัญกับเนื้อหาด้านเศรษฐศาสตร์ เรื่อง การผลิต เพื่อแสดงให้เห็นถึงลักษณะสำคัญหรือ
สภาพเศรษฐกจิ ของจงั หวัดนนั้ ๆ วา่ ขนึ้ อยกู่ บั ปจั จัยทางเศรษฐกิจในด้านใดบา้ ง

วัตถปุ ระสงค์ในการทำโครงงาน
1. เพ่อื ศกึ ษาวิเคราะห์ความหมายและความสำคญั ของคำขวัญประจำจงั หวัดของจังหวดั

กลุม่ เป้าหมาย
2. เพ่อื ศึกษาวเิ คราะห์คำขวญั ประจำจงั หวัดกบั การบรู ณาการความรู้ สู่เน้ือหาเศรษฐศาสตร์

เร่ือง การผลิต

3. เพือ่ เผยแพร่ความรู้ท่ีได้จากการศึกษาวิเคราะห์คำขวัญประจำจงั หวัดกับการบูรณาการความรู้ สู่
เน้อื หาเศรษฐศาสตร์ เรอ่ื ง การผลติ ใหก้ บั นกั เรียน คณะครูและผู้ท่ีสนใจ

4. เพือ่ ศึกษาวเิ คราะห์ความคิดเห็นของนักเรยี นและคณะครูท่ีมตี อ่ โครงงาน เรือ่ ง คำขวัญประจำ
จงั หวดั กบั การบูรณาการความรู้ สเู่ นื้อหาเศรษฐศาสตร์ เรือ่ ง การผลติ

ขอบเขตในการศกึ ษา
1. ความหมายและความสำคัญของคำขวัญประจำจงั หวัด จังหวดั กลมุ่ เปา้ หมาย จำนวน 6 จังหวดั

ไดแ้ ก่ จงั หวัดนครราชสีมา จงั หวดั ระยอง จังหวดั ชลบุรี จังหวัดกาญจนบรุ ี จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี และจงั หวัด
พังงา ซ่ึงได้จากการเลือกแบบเจาะจง

2. การผลติ ทางเศรษฐศาสตร์

วธิ ีการดำเนินการ
ในการดำเนินการจัดทำโครงงาน เร่อื ง คำขวัญประจำจงั หวัดกับการบูรณาการความรู้สู่เน้ือหา

เศรษฐศาสตร์ เรื่อง การผลติ ได้มกี ารดำเนินงานตามลำดบั ขน้ั ตอน ดังนี้

1. รวมกลุ่มหาสมาชกิ กลุม่ เพ่ือจดั ทำโครงงาน
2. กำหนดครทู ่ปี รึกษาโครงงาน
3. กำหนดหัวข้อหรอื ประเดน็ ทสี่ นใจจะศึกษา
4. นำหวั ขอ้ หรือประเด็นปญั หาที่สนใจศกึ ษา ไปปรึกษาครทู ่ีปรกึ ษาโครงงาน
5. เกบ็ รวบรวมข้อมลู ทเ่ี ก่ียวข้องกับหวั ข้อหรือประเด็นปัญหาจากแหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ
6. นำขอ้ มูลที่ไดม้ าจัดระบบหมวดหมขู่ องข้อมูล
7. ทำการวิเคราะห์และสรปุ ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู
8. ทำการสรุปผลและเขียนรายงานผลข้อมูลจากการทำโครงงาน
9. นำเสนอผลการดำเนินงาน

ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการทำโครงงาน
ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการทำโครงงาน คอื วันท่ี 1 มิถุนายน - วนั ท่ี 16 มถิ ุนายน พ.ศ. 2565

งบประมาณในการจดั ทำโครงงาน

500 บาท สำหรบั จดั ทำ/จดั ซอื้ วัสดุอุปกรณ์ในการจัดทำโครงงาน ซง่ึ เบกิ จากเงนิ งบประมาณราย
หัวของนักเรยี น

อปุ สรรคความผดิ พลาดและการแก้ปญั หา
1. อุปสรรคดา้ นข้อจำกดั ในเรื่องของเวลา ทำให้ไมส่ ามารถนำเสนอคำขวัญประจำจังหวัดได้ครบทุก

จงั หวดั เนอื่ งจากมเี ป็นจำนวนมาก มีการแก้ปัญหาโดยมีการนำเสนอคำขวัญประจำจังหวัดของแตล่ ะจงั หวัดไว้
ในบทท่ี 2 ซ่งึ ผู้ท่สี นใจสามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ ได้

2. อุปสรรคในด้านการทำงานร่วมกันในช่วงเกดิ การแพรร่ ะบาดของโรคโควิด ซึ่งต้องมีความระมดั ระวัง
เป็นพิเศษ ทั้งน้ไี ด้มีการแก้ไขปญั หาโดยการปฏบิ ตั ิตามระเบียบขอ้ บังคับของกองสาธารสขุ ท่ีกำหนดไว้

ประโยชนท์ ่ไี ด้คาดวา่ จะได้รับจากการทำโครงงาน
1. มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ความหมายและความสำคัญของคำขวัญประจำจงั หวดั ต่าง ๆ ของ

ไทย
2. สามารถบรู ณาการความรู้ระหว่างคำขวญั ประจำจังหวัดกับเนือ้ หาเศรษฐศาสตร์ เรื่อง การผลิต

ได้
3. ไดม้ ีส่วนร่วมในการเผยแพรค่ วามรทู้ ไ่ี ดร้ บั จากการทำโครงงานในครั้งน้ี

4. สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรบั ประยุกตใ์ ชใ้ นการดำเนนิ ชีวิตหรือการวางแผนและ

ตัดสินใจได้อย่างสมเหตสุ มผล

บทที่ 2

เอกสารที่เก่ยี วขอ้ ง

ในการจัดทำโครงงาน เรอื่ ง คำขวญั ประจำจังหวดั กับการบูรณาการความรู้ ส่เู นื้อหาเศรษฐศาสตร์
เรื่อง ข้นั ตอนการผลิต คณะผจู้ ัดทำไดศ้ ึกษา รวบรวมและวเิ คราะห์ข้อมลู ตามลำดบั ขัน้ ตอนต่าง ๆ โดยได้
ศกึ ษา รวบรวมเอกสารทเี่ ก่ยี วขอ้ งดังนี้

1. ความหมายและความสำคัญของเศรษฐศาสตร์
2. การบูรณาการ
3. คำขวัญประจำจังหวดั

ความหมายของเศรษฐศาสตร์
วิชาเศรษฐศาสตร์ เปน็ สาขาวิชาหนึง่ ทีอ่ ย่ใู นแขนงวิชาสงั คมศาสตร์ (Social Science) เปน็ วชิ า ทีว่ า่

ดว้ ยการศกึ ษาพฤตกิ รรมของมนุษย์ในสงั คม ในเรอ่ื งทีเ่ กี่ยวกบั การจดั กิจกรรมเพื่อดำรงชีพ ซึง่ มนุษย์ ทกุ คน
ลว้ นดำรงฐานะท่เี ป็นท้งั ผู้ผลติ ผ้บู รโิ ภค ผ้ซู อ้ื ผขู้ ายในขณะเดียวกนั กล่าวคือ ในชีวิตประจำวันของ มนษุ ยน์ น้ั
บางคนอาจจะเปน็ ผ้ขู ายแรงงาน ขายวิชาชีพ เพือ่ ให้ได้รบั ค่าตอบแทนมาเป็นเงนิ และนำมา แลกเปล่ยี นโดย
การจบั จา่ ยใชส้ อยซ้ือสนิ คา้ และบรกิ ารตา่ ง ๆ ดังนั้น วิชาเศรษฐศาสตรจ์ ึงเปน็ เรื่องทีเ่ กี่ยวพนั กบั ชีวติ ของเรา
ทุกคน การทำความเขา้ ใจกบั เน้อื แท้ของเศรษฐศาสตร์ย่อมทำให้เราสามารถดำรงตนอย่ใู น สังคมมนษุ ย์ด้วย
ความรูจ้ ักคุณค่าและสถานภาพของตนเองอย่างแท้จรงิ ทำให้เข้าใจถึงกฎเกณฑ์ของสังคม และระบบเศรษฐกจิ
ทงั้ ในระดับครอบครวั ระดบั สังคม และระดบั ชาติไดต้ ่อไป

ความหมายของ “เศรษฐศาสตร์” ได้มผี ู้ให้ความหมายและคำนิยามไว้พอสรุปไดด้ ังนี้
ศาสตราจารย์ อลั เฟรด มาร์แชล (Alfred Marshall) นกั เศรษฐศาสตรช์ าวอังกฤษไดใ้ หค้ ำนยิ ามว่า
“เปน็ การศึกษาถงึ พฤติกรรมของมนุษย์ในการดำเนนิ ธรุ กิจเพอื่ ดำรงชพี (Business of Life) เพือ่ ให้ได้มาซ่ึง
วตั ถสุ ง่ิ ของ เครอ่ื งใช้เพื่อยงั ชีพ ให้ไดร้ ับความสมบรู ณ์พูนสุข”
ศาสตราจารยพ์ อล เอ แซมมวลสนั (Paul A Samuelson) ได้ให้คำนยิ ามว่า “เศรษฐศาสตร์ เป็นศาสตร์
ที่วา่ ด้วยวิธีการท่มี นุษยแ์ ละสงั คมจะเลือกใชท้ รพั ยากรการผลิตอันมีจำนวนจำกัด โดยมีการใช้เงนิ หรือไม่กต็ าม
ซึ่งอาจนำทรัพยากรน้ไี ปใช้อย่างอน่ื ได้หลายอยา่ ง เพื่อผลติ สินค้าต่าง ๆ เป็นเวลาต่อเน่ืองกนั และจำหนา่ ยจา่ ย
แจกสนิ คา้ เหลา่ น้นั ไปยังประชาชนท่ัวไปและกล่มุ ชนใดหรือสังคมใดเพอื่ การบรโิ ภค ท้งั ใน ปัจจุบนั และ
อนาคต”

ความสำคญั ของเศรษฐศาสตร์
เศรษฐศาสตรเ์ ป็นเร่ืองใกล้ตวั มากกวา่ ทีเ่ ราคิดซ่ึงเก่ียวข้องกับชวี ติ ประจำวันของมนุษยท์ ุกคน ทุกเพศ

ทุกวยั ทกุ อาชพี และทุกระดับการศกึ ษา ต้ังแตต่ ่ืนนอนจนถึงเขา้ นอน และต้ังแตเ่ กิดจนกระท่ังตาย เช่น การ
ตัดสินใจทางเลือกตา่ ง ๆ เช่น เลอื กต่ืนเช้าหรือต่ืนสาย ตน่ื กี่นาฬิกา การเลือกรับประทานอาหารเช้า เลือก
ยานพาหนะหรือรปู แบบการเดินทางไปเรียนหนังสือหรือทำงาน การเลือกสาขาวชิ าชีพที่ตัวเองชอบ และถนัด
การเลอื กซ้ือเนื้อหมเู นื้อปลา เน้อื ไก่ หรอื ผกั ซงึ่ ราคาผันผวนตลอดเวลา การตัดสินใจซื้อไอโฟน ด้วยเงินสดหรอื
เงนิ ผอ่ น ฯลฯตวั อยา่ งต่าง ๆ ข้างตน้ แสดงให้เห็นวา่ มนุษย์ต้องตดั สินใจเลือก (Makea Choice) ทางเลือกอยู่
ตลอดเวลา ซึง่ เก่ียวข้องกับวิชาเศรษฐศาสตร์โดยตรง
สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์

1. เศรษฐศาสตร์จลุ ภาค (Microeconomics) เป็นการศึกษาพฤติกรรมทางเศรษฐกจิ สว่ นย่อย ของ
หนว่ ยเศรษฐกจิ หนว่ ยใดหนว่ ยหน่งึ ซงึ่ เปน็ ส่วนหนง่ึ ของเศรษฐกจิ ท้งั ระบบ ได้แก่ การศึกษาพฤติกรรม ของ
มนษุ ย์ในการบริโภค การเลือกซอื้ สนิ ค้า ตลอดจนความพึงพอใจของแต่ละบุคคลที่มีต่อสนิ ค้าและบริการ
พฤติกรรมของผผู้ ลิตในการตง้ั ราคา การคิดตน้ ทุนการผลิตและการจำหนา่ ยจ่ายแจกสนิ ค้าและบรกิ ารทีผ่ ลติ
แล้วไปยงั ผ้บู ริโภค การศึกษากลไกตลาดและการใช้ระบบราคาเขา้ มาจัดสรรสินค้าหรอื บริการและทรัพยากร
อนื่ ๆ ศึกษากลไกตลาดและการใช้ระบบราคาเพื่อการจดั สรรสนิ คา้ บรกิ ารและทรัพยากรต่าง ๆ ทมี่ ีอยู่อยา่ ง
จำกดั ใหไ้ ด้ประโยชน์สงู สุด เศรษฐศาสตร์จลุ ภาคมักจะกล่าวถึงเร่อื งทฤษฎรี าคา อุปสงค์ อปุ ทาน ซ่ึงมผี ลต่อ
การผลิต การบริโภค และการตลาด การกำหนดราคาในตลาดต่าง ๆ จึงมักเรยี กอีกชือ่ หน่ึงวา่ ทฤษฎีราคา
(Price Theory) เป็นตน้

2. เศรษฐศาสตรม์ หภาค (Macroeconomics) เปน็ การศึกษาภาวะเศรษฐกจิ โดยส่วนรวมทงั้ ระบบหรือ
ศกึ ษาระบบเศรษฐกิจของประเทศ เชน่ ระบบการผลติ การบริโภค การออมของประชาชน การวา่ จ้างงาน
ภาวะการลงทนุ ภายในประเทศและการระดมทนุ จากต่างประเทศ ภาวะการเงินและการคลงั ของประเทศ ฯลฯ
เศรษฐศาสตรม์ หภาคจึงครอบคลุมถึงเร่ืองของรายไดป้ ระชาชาติ วัฏจักรเศรษฐกจิ เงนิ เฟ้อและระดบั ราคา การ
คลังและหนี้สาธารณะ เศรษฐศาสตรร์ ะหว่างประเทศ การเงนิ สถาบนั การเงนิ และเศรษฐศาสตรก์ ารพฒั นา
ฯลฯ หรืออาจจะกลา่ วไดว้ า่ เศรษฐศาสตรม์ หภาค คือ การนำเอาหนว่ ยย่อย ๆ ท้ังหมดที่ศกึ ษาในเศรษฐศาสตร์
จุลภาคมาศึกษาเปน็ ระบบเดียว หรอื มองในด้านส่วนรวมมากกวา่ จะมองใน แงส่ ว่ นบุคคล
ความสมั พันธ์ของวิชาเศรษฐศาสตร์กับวิชาอื่น ๆ

เศรษฐศาสตร์เป็นวชิ าท่ศี ึกษาพฤติกรรมของมนุษยใ์ นด้านต่าง ๆ เชน่ การเลือกการผลติ การบรโิ ภค
การดำรงชีพ และการปฏบิ ตั ติ ่อบุคคลต่าง ๆ ท่ีอย่ใู นสงั คมเดยี วกันหรือตา่ งกัน ดงั นนั้ เศรษฐศาสตร์จงึ เป็นวชิ า
หน่ึงของสงั คมศาสตร์ ซ่ึงเปน็ การศกึ ษาปญั หาต่าง ๆ ทีเ่ กิดข้ึนในสังคมมนุษย์ท่มี ีผล มาจากการอย่รู วมกนั ใน
สงั คมและมกี ารกระทำกิจกรรมต่าง ๆ รว่ มกัน ซง่ึ ในการศึกษาและการแก้ไขปญั หาตา่ ง ๆ ตลอดจนการจดั

ระเบียบวธิ ีท่เี กีย่ วกบั มนษุ ย์ จำเป็นท่ีวิชาเศรษฐศาสตร์ต้องไปเกี่ยวข้องหรือสมั พันธ์ กับวชิ าอืน่ ๆ ใน
สังคมศาสตร์ เชน่ การบริหารธุรกิจ การศึกษา รัฐศาสตร์ จติ วทิ ยา ภูมศิ าสตร์ ประวัติศาสตร์ นติ ิศาสตร์ และ
อื่น ๆ ดังนี้
ประโยชนข์ องวชิ าเศรษฐศาสตร์

ก่อนท่จี ะกล่าวถึงประโยชน์ของวิชาเศรษฐศาสตร์ คำถามหน่งึ ท่นี ่าสนใจคือ ทำไมเราจงึ ตอ้ งศกึ ษาวิชา
เศรษฐศาสตร์ จาก ความหมายของวชิ าเศรษฐศาสตร์ดังกล่าวมาแลว้ จะเห็นไดว้ า่ ประเทศต่าง ๆในโลกต่าง
ตอ้ งประสบกบั ปัญหาพน้ื ฐานทางเศรษฐกจิ รว่ ม กนั อันเน่ืองมาจากความไมส่ มดลุ ระหว่างปรมิ าณของ
ทรพั ยากรทางเศรษฐกจิ ท่ีมอี ยู่ อย่างจำกดั กับความต้องการของมนุษยท์ ่ีมีไม่จำกัด ทำให้จำเป็นต้องมีการศึกษา
วชิ าเศรษฐศาสตรเ์ พื่อหาวิธีการที่ดที ่ีสุดทีจ่ ะนำ มาใช้จัดสรรทรัพยากรทม่ี ีอยู่อยา่ งจำกัดไปในการผลิตสนิ ค้า
และบริการเพอื่ ตอบ สนองความตอ้ งการของมนษุ ยท์ ่ีมไี ม่จำกดั ให้เกิด ประสทิ ธภิ าพสูงสดุ อย่างไรกต็ าม ไม่ใช่
วา่ เฉพาะแต่ผู้เรียนทางดา้ นเศรษฐศาสตร์เทา่ นนั้ ทจี่ ำเปน็ ต้อง ศึกษาวิชาการนี้ ผ้เู รยี นในสาขาอ่นื ๆรวมทัง้
ประชาชนทัว่ ไปก็ควรมีความรู้พน้ื ฐานทางด้าน เศรษฐศาสตร์ด้วย เพอ่ื จะได้มีความเข้าใจในปัญหาเศรษฐกิจ ไม่
ว่าจะเป็นในระดับสว่ นตวั ครอบครวั หรอื ระดับของประเทศ ซ่ึงเปน็ ทีย่ อมรับกนั ทัว่ ไปว่าปัญหาด้านเศรษฐกิจ
เป็นปัญหาท่ที ุก ๆคนไม่ สามารถหลกี เลยี่ งได้เนอ่ื งจากเป็นปญั หาในชวี ติ ประจำวันของแต่ละบุคคล ดังนั้นการ
มคี วามรู้พ้ืนฐาน ทางดา้ นเศรษฐศาสตร์จะเปน็ ประโยชน์ต่อตวั ของบคุ คลนนั้ ทั้งทางตรงและทางออ้ ม

ผูศ้ ึกษาวชิ าเศรษฐศาสตรส์ ามารถนำเอาความรทู้ ่ีได้รับมาใช้ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ มากมาย
ดังน้ี

1. ในฐานะผู้บริโภค ทำใหผ้ ้บู รโิ ภคตัดสนิ ใจเลือกบริโภคสินค้าและบริการทีท่ ำให้ตนไดร้ ับความพอใจ
สงู สุดภายใตร้ ะดบั รายได้ทม่ี ีอยู่ เป็นการใช้ทรพั ยากรอย่างประหยัด คุม้ คา่ และเกดิ ประโยชน์มากท่สี ุด
นอกจากน้ี ยงั ทำใหผ้ บู้ รโิ ภคมีความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณท์ างเศรษฐกิจที่ เกิดขน้ึ และ
สามารถปรบั ตัวใหเ้ ขา้ กับสถานการณ์นน้ั ๆ ได้เป็นอยา่ งดี เช่น สามารถคาดคะเนการเปลยี่ นแปลงของราคา
สินค้าและบรกิ ารได้อย่างถกู ต้องและมี เหตมุ ผี ล กำหนดแผนการบริโภค การออม และการดำเนินกิจกรรมทาง
เศรษฐกจิ ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม เปน็ ตน้

2. ในฐานะผผู้ ลิต ทำใหผ้ ู้ผลติ ตัดสนิ ใจเลอื กใชท้ รพั ยากรท่ีมีอยู่อย่างจำกัดไปในการผลิต สินค้าและ
บริการอยา่ งค้มุ ค่า ประหยัด ชว่ ยลดต้นทนุ การผลติ ทำใหธ้ ุรกจิ ได้รับกำไรเพม่ิ ขึ้น และใน ทำนองเดยี วกบั
ผ้บู รโิ ภคคอื ทำใหผ้ ผู้ ลิตมีความเขา้ ใจในปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจ ที่เกิดขึ้น เช่น เขา้ ใจ ในความเป็นไปของ
ปรากฏการณ์ของวฏั จักรเศรษฐกจิ วา่ โดยปกตเิ ศรษฐกิจจะมีการ เปลยี่ นแปลงขนึ้ ๆ ลงๆอยา่ งนเ้ี รื่อยไป ทำให้
ผผู้ ลติ สามารถตดั สินใจเลอื กลงทนุ ในการดำเนนิ ธุรกิจเหมาะสมกับสถานการณ์ ในขณะนั้นๆ เป็นต้น

3. ในฐานะรฐั บาล การที่รฐั บาลมีความรู้ทางเศรษฐศาสตรจ์ ะทำให้เขา้ ใจลักษณะและโครงสรา้ งทาง
เศรษฐกจิ ของประเทศ สามารถวิเคราะห์ถงึ สาเหตขุ องปญั หาทางเศรษฐกจิ และหาแนวทาง แก้ไข โดยกำหนด

ออกมาเปน็ แผนและนโยบายทางเศรษฐกิจที่จะนำไปใช้แก้ปัญหาใหเ้ กดิ ประสทิ ธิภาพ และประโยชน์สงู สุดแก่
ประเทศ

ภาคเหนือ[แก]้

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81
%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B8%A
7%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%
88%E0%B8%B3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8
%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B
9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

จังหวดั เชียงราย

• เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวฒั นธรรมลา้ นนา ล้าค่าพระธาตุดอยตงุ [1]
จังหวดั เชียงใหม่

• ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสงา่ บปุ ผชาตลิ ว้ นงามตา นามล้าค่านครพิงค์
จังหวดั น่าน

• แข่งเรือลอื เลอื่ ง เมอื งงาชา้ งดา จิตรกรรมวดั ภูมนิ ทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง[2]
จงั หวดั พะเยา

• กวา๊ นพะเยาแหลง่ ชีวิต ศกั ด์ิสิทธ์ิพระเจา้ ตนหลวง บวงสรวงพอ่ ขนุ งาเมือง งามลือเลอ่ื งดอยบษุ ราคมั
จงั หวดั แพร่

• หมอ้ หอ้ มไมส้ กั ถิ่นรักพระลอ ชอ่ แฮศรีเมอื ง ลอื เลอื่ งแพะเมอื งผี คนแพร่น้ีใจงาม
จงั หวดั แม่ฮ่องสอน

• หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่ าเขียวขจี ผูค้ นดี ประเพณีงาม ลอื นามถน่ิ บวั ตอง
จังหวดั ลาปาง

• ถา่ นหินลือชา รถมา้ ลือลนั่ เครื่องป้ันลอื นาม งามพระธาตลุ อื ไกล ฝึกชา้ งใชล้ อื โลก[3]
จังหวดั ลาพูน

• พระธาตเุ ด่น พระรอดขลงั ลาไยดงั กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวศี รีหริภุญไชย
จังหวดั อุตรดติ ถ์

• เหล็กน้าพ้ลี อื เลอ่ื ง เมอื งลางสาดหวาน บา้ นพระยาพิชยั ดาบหกั ถน่ิ สกั ใหญข่ องโลก

ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ[แก]้

จงั หวดั กาฬสินธ์ุ

• หลวงพอ่ องคด์ าลือเลอื ง เมอื งฟ้าแดดสงยาง โปงลางเลิศล้า วฒั นธรรมภูไท ผา้ ไหมแพรวา ผาเสวยภูพาน มหาธารลาปาว ไดโนเสาร์สัตวโ์ ลกลา้ นปี[4]
จังหวดั ขอนแก่น

• พระธาตขุ ามแก่น เสียงแคนดอกคนู ศนู ยร์ วมผา้ ไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแกน่ นครใหญ่ ไดโนเสาร์สิรินธรเน่ สุดเทเ่ หรียญทองแรกมวยโอลมิ ปิ ก
จังหวดั ชัยภมู ิ

• คำขวัญประจำจังหวดั : กาเนิดแม่น้าชี สดุดีพญาแลผกู้ ลา้ ปรางคก์ เู่ ป็นสง่า ล้าคา่ พระธาตชุ ยั ภูมิ สมบรู ณ์ป่ าเขาสรรพสัตว์ เดน่ ชดั ลายผา้ ไหม ดอก
กระเจียวงามลอื ไกล อารยธรรมไทยทวารวดี

• คำขวัญส่งเสริมกำรท่องเท่ียว : ทวิ ทศั นส์ วย รวยป่ าใหญ่ มีชา้ งหลาย ดอกไมง้ าม ลอื นามวรี บุรุษ สุดยอดผา้ ไหม พระใหญท่ วารวดี
จงั หวดั นครพนม

• พระธาตพุ นมค่าล้า วฒั นธรรมหลากหลาย เรณูผไู้ ท เรือไฟโสภา งามตาฝ่ังโขง
จังหวดั นครราชสีมา

• เมืองหญิงกลา้ ผา้ ไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินดา่ นเกวยี น
จังหวดั บงึ กาฬ

• ภูทอกแหลง่ พระธรรม ค่าล้ายางพารา งามตาแกง่ อาฮง บึงโขงหลงเพลินใจ น้าตกใสเจด็ สี ประเพณีแขง่ เรือ เหนือสุดแดนอสี าน นมสั การหลวงพอ่ ใหญ่
ศนู ยร์ วมใจศาลสองนาง[5]

จงั หวดั บรุ รี ัมย์

• เมอื งปราสาทหิน ถิ่นภเู ขาไฟ ผา้ ไหมสวย รวยวฒั นธรรม เลิศล้าเมอื งกีฬา
จังหวดั มหาสารคาม

• พุทธมณฑลอสี าน ถน่ิ ฐานอารยธรรม ผา้ ไหมล้าเลอค่า ตกั สิลานคร
จงั หวดั มุกดาหาร

• หอแกว้ สูงเสียดฟ้า ภผู าเทบิ แกง่ กะเบา แปดเผา่ ชนพ้ืนเมอื ง ลือเลอ่ื งมะขามหวาน กลองโบราณล้าเลศิ ถิ่นกาเนิดลาผญา ตระการตาชายโขง เชื่อมโยงอิน
โดจีน

จงั หวดั ยโสธร

• เมืองบ้งั ไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวานผา้ ขดิ แหลง่ ผลิตขา้ วหอมมะลิ
จงั หวดั ร้อยเอ็ด

• สิบเอ็ดประตูเมืองงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผา้ ไหมสาเกต บญุ ผะเหวดประเพณี มหาเจดียช์ ยั มงคล งามน่ายลบงึ พลาญชยั เขตกวา้ งไกลทงุ่ กลุ า โลกลือ
ชาขา้ วหอมมะลิ[6]

จงั หวดั เลย

• เมอื งแห่งทะเลภเู ขา สุดหนาวในสยาม ดอกไมง้ ามสามฤดู ถิ่นท่ีอยอู่ ริยสงฆ์ มน่ั คงความสะอาด
จงั หวดั ศรสี ะเกษ

• หลวงพอ่ โตคบู่ า้ น ถิน่ ฐานปราสาทขอม ขา้ ว หอม กระเทียมดี มสี วนสมเดจ็ เขตดงลาดวน หลากลว้ นวฒั นธรรม เลิศล้าสามคั คี
คาขวญั ส่งเสริมการท่องเท่ียว

• เที่ยวผามออแี ดง แหล่งดงลาดวน ชวนไปช่องสะงา รสทเุ รียนภเู ขาไฟ แหลง่ ไหม หอม กระเทียมดี”
จงั หวดั สกลนคร

• พระธาตุเชิงชุมคบู่ า้ น พระตาหนกั ภูพานคเู่ มอื ง งามลอื เล่ืองหนองหาน แลตระการปราสาทผ้งึ สวยสุดซ้ึงสาวภไู ท ถ่นิ มนั่ ในพุทธธรรม
จงั หวดั สุรินทร์

• สุรินทร์ ถ่นิ ชา้ งใหญ่ ผา้ ไหมงาม ประคาสวย ร่ารวยปราสาท ผกั กาดหวาน ขา้ วสารหอม งามพร้อมวฒั นธรรม
จงั หวดั หนองคาย

• วรี กรรมปราบฮอ่ หลวงพอ่ พระใส สะพานไทย-ลาว[7]
จังหวดั หนองบวั ลาภู

• ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อทุ ยานแห่งชาตภิ เู กา้ ภูพานคา แผน่ ดินธรรมหลวงป่ ขู าว เดน่ สกาวถ้าเอราวณั นครเขอื่ นขนั ธก์ าบแกว้ บวั บาน
จงั หวดั อานาจเจริญ

• พระมงคลมงิ่ เมือง แหล่งรุ่งเรืองเจ็ดลุ่มน้า งามล้าถ้าศกั ด์สิ ิทธ์ิ เทพนิมิตพระเหลา เกาะแกง่ เขาแสนสวย เลอค่าดว้ ยผา้ ไหม ราษฎร์เลอื่ มใสใฝ่ ธรรม
จังหวดั อดุ รธานี

• กรมหลวงประจกั ษฯ์ สร้างเมอื ง ลอื เลอ่ื งแหล่งธรรมะ อารยธรรมหา้ พนั ปี ธานีผา้ หมีข่ ิด ธรรมชาตเิ นรมติ ทะเลบวั แดง
จงั หวดั อบุ ลราชธานี

• อบุ ลเมอื งดอกบวั งาม แม่น้าสองสี มปี ลาแซ่บหลาย หาดทรายแกง่ หิน ถนิ่ ไทยนกั ปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ ธรรม งามล้าเทยี นพรรษา ผาแตม้ ก่อน
ประวตั ศิ าสตร์ ฉลาดภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ดินแดนอนุสาวรียค์ นดีศรีอบุ ล

ภาคกลาง[แก]้

กรุงเทพมหานคร

• กรุงเทพฯ ดจุ เทพสร้าง เมอื งศูนยก์ ลางการปกครอง วดั วงั งามเรืองรอง เมอื งหลวงของประเทศไทย
จังหวดั กาแพงเพชร

• กรุพระเครื่อง เมอื งคนแกร่ง พระแสงฯ ล้าคา่ ศิลาแลงใหญ่ กลว้ ยไข่หวาน น้ามนั ลานกระบอื เลอื่ งลอื มรดกโลก
จังหวดั ชัยนาท

• หลวงป่ ศู ขุ ลอื ชา เขอื่ นเจา้ พระยาลือช่ือ นามระบือสวนนก สม้ โอดกขาวแตงกวา
จังหวดั นครนายก

• นครนายก เมอื งในฝันทใี่ กลก้ รุง ภเู ขางาม น้าตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ
จงั หวดั นครปฐม

• ส้มโอหวาน ขา้ วสารขาว ลกู สาวงาม ขา้ วหลามหวานมนั สนามจนั ทร์งามลน้ พทุ ธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดียเ์ สียดฟ้า สวยงามตาแม่น้าทา่ จีน
จงั หวดั นครสวรรค์

• เมอื งสี่แคว แห่มงั กร พกั ผอ่ นบงึ บอระเพด็ ปลารสเด็ดปากน้าโพ
จังหวดั นนทบุรี

• พระตาหนกั สงา่ งาม ลอื นามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วดั เกา่ นามระบอื เลือ่ งลอื ทเุ รียนนนท์ งามน่ายลศูนยร์ าชการ[8]
จงั หวดั ปทมุ ธานี

• ถิ่นบวั หลวง เมอื งรวงขา้ ว เช้อื ชาวมอญ นครธรรมะ พระตาหนกั รวมใจ สดใสเจา้ พระยา กา้ วหนา้ อตุ สาหกรรม[9]
จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา

• ราชธานีเก่า อขู่ า้ วอนู่ ้า เลศิ ล้ากานทก์ วี คนดีศรีอยธุ ยา เลอคณุ คา่ มรดกโลก
จงั หวดั พจิ ติ ร

• ถน่ิ ประสูติพระเจา้ เสือ แขง่ เรือยาวประเพณี พระเคร่ืองดีหลวงพอ่ เงิน เพลดิ เพลินบงึ สีไฟ ศนู ยร์ วมใจหลวงพอ่ เพชร รสเด็ดส้มทา่ ขอ่ ย ขา้ วเจา้ อร่อยลอื
เลอื่ ง ตานานเมอื งชาละวนั [10]

จังหวดั พษิ ณุโลก

• พระพทุ ธชินราชงามเลศิ ถ่ินกาเนิดพระนเรศวร สองฝ่ังน่านลว้ นเรือนแพ หวานฉ่าแทก้ ลว้ ยตาก ถ้าและน้าตกหลากตระการตา
จงั หวดั เพชรบรู ณ์

• เมอื งมะขามหวาน อทุ ยานน้าหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาคอ้ อนสุ รณ์ นครพอ่ ขนุ ผาเมือง
จังหวดั ลพบรุ ี

• วงั นารายณค์ ู่บา้ น ศาลพระกาฬคเู่ มอื ง ปรางคส์ ามยอดลอื เลอื่ ง เมอื งแห่งดินสอพอง เขอ่ื นป่ าสกั ชลสิทธ์ิเกริกกอ้ ง แผ่นดินทองสมเดจ็ พระนารายณ์
จังหวดั สมุทรปราการ

• ป้อมยทุ ธนาวี พระเจดียก์ ลางน้า ฟาร์มจระเขใ้ หญ่ งามวิไลเมอื งโบราณ สงกรานตพ์ ระประแดง ปลาสลิดแหง้ รสดี ประเพณีรบั บวั ครบถว้ นทวั่
อุตสาหกรรม

จังหวดั สมุทรสงคราม

• เมอื งหอยหลอด ยอดลน้ิ จี่ มอี ทุ ยาน ร.2 แม่กลองไหลผา่ น นมสั การหลวงพอ่ บา้ นแหลม
จงั หวดั สมทุ รสาคร

• เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวตั ศิ าสตร์
จังหวดั สระบุรี

• พระพทุ ธบาทสูงค่า เข่ือนป่ าสักชลสิทธ์ิ ฐานผลิตอุตสาหกรรม เกษตรนาล้าแหลง่ เทีย่ ว หน่ึงเดียวกะหรี่ปั๊บนมดี ประเพณีตกั บาตรดอกไมง้ าม เหลอื ง
อร่ามทุ่งทานตะวนั ลอื ลนั่ เมอื งชุมทาง

จังหวดั สิงห์บรุ ี

• ถน่ิ วรี ชนคนกลา้ คูห่ ลา้ พระนอน นามกระฉ่อนช่อนแมล่ า เทศกาลกินปลาประจาปี
จังหวดั สุโขทยั

• มรดกโลกล้าเลศิ กาเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง ดารงพทุ ธศาสนา งามตาผา้ ตีนจก สังคโลกทองโบราณ สกั การแมย่ า่ พอ่ ขนุ รุ่งอรุณแห่งความสุข
จงั หวดั สุพรรณบรุ ี

• สุพรรณบุรี เมอื งยทุ ธหตั ถี วรรณคดีข้นึ ชื่อ เล่อื งลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้าประวตั ศิ าสตร์ แหลง่ ปราชญศ์ ิลปิ น ภาษาถน่ิ ชวนฟัง
จงั หวดั อ่างทอง

• พระสมเด็จเกษไชโย หลวงพอ่ โตองคใ์ หญ่ วีรไทยใจกลา้ ต๊กุ ตาชาววงั โดง่ ดงั จกั สาน ถนิ่ ฐานทากลอง เมอื งสองพระนอน
จงั หวดั อทุ ยั ธานี

• อทุ ยั ธานี เมอื งพระชนกจกั รี ปลาแรดรสดี ประเพณีเทโว ส้มโอบา้ นน้าตก มรดกโลกหว้ ยขาแขง้ แหลง่ ตน้ น้าสะแกกรงั ตลาดนดั ดงั โคกระบอื

ภาคตะวนั ออก[แก]้

จังหวดั จันทบรุ ี

• น้าตกลอื เลือ่ ง เมอื งผลไม้ พริกไทยพนั ธุด์ ี อญั มณีมากเหลอื เสื่อจนั ทบูร สมบรู ณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช รวมญาตกิ ชู้ าตทิ ี่จนั ทบรุ ี
จังหวดั ฉะเชิงเทรา

• แมน่ ้าบางปะกงแหล่งชีวติ พระศกั ด์ิสิทธ์ิหลวงพอ่ โสธร พระยาศรีสุนทรปราชญภ์ าษาไทย เขาอา่ งฤๅไนป่ าสมบรู ณ์
จังหวดั ชลบรุ ี

• ทะเลงาม ขา้ วหลามอร่อย ออ้ ยหวาน จกั สานดี ประเพณีวิง่ ควาย
จังหวดั ตราด

• เมืองเกาะคร่ึงร้อย พลอยแดงค่าล้า ระกาแสนหวาน หลงั อานหมาดี ยทุ ธนาวีเกาะชา้ ง สุดทางบูรพา
จงั หวดั ปราจนี บรุ ี

• ศรีมหาโพธ์ิค่บู า้ น ไผต่ งหวานค่เู มอื ง ผลไมล้ ือเล่ือง เขตเมอื งทวารวดี
จงั หวดั ระยอง

• ผลไมร้ สล้า อุตสาหกรรมกา้ วหนา้ น้าปลารสเดด็ เกาะเสมด็ สวยหรู สุนทรภู่กวเี อก
จังหวดั สระแก้ว

• ชายแดนเบ้อื งบรู พา ป่ างามน้าตกสวย มากดว้ ยรอยอารยธรรมโบราณ ยา่ นการคา้ ไทย-เขมร

ภาคตะวนั ตก[แก]้

จังหวดั กาญจนบรุ ี

• แควน้ โบราณ ดา่ นเจดีย์ มณีเมอื งกาญจน์ สะพานขา้ มแม่น้าแคว แหล่งแร่น้าตก
จังหวดั ตาก

• ธรรมชาติน่ายล ภมู พิ ลเข่ือนใหญ่ พระเจา้ ตากเกรียงไกร เมืองไมแ้ ละป่ างาม
จังหวดั ประจวบคีรขี นั ธ์

• เมอื งทองเน้ือเกา้ มะพร้าวสบั ปะรด สวยสด หาด เขา ถ้า งามล้าน้าใจ
จังหวดั เพชรบุรี

• เขาวงั คบู่ า้ น ขนมหวานเมอื งพระ เลิศล้าศิลปะ แดนธรรมะ ทะเลงาม
จงั หวดั ราชบรุ ี

• คนสวยโพธาราม คนงามบา้ นโป่ ง เมอื งโอง่ มงั กร วดั ขนอนหนงั ใหญ่ ต่นื ใจถ้างาม ตลาดน้าดาเนินฯ เพลนิ คา้ งคาวรอ้ ยลา้ น ยา่ นยส่ี กปลาดี

ภาคใต[้ แก]้

จังหวดั กระบี่

• คำขวญั ประจำจงั หวัด : กระบ่ี เมอื งน่าอยู่ ผคู้ นน่ารัก[11]

• คำขวัญส่งเสริมกำรท่องเทยี่ ว : แหลง่ ถ่านหิน ถนิ่ หอยเกา่ เขาตระหงา่ น ธารสวย รวยเกาะ เพาะปลูกปาลม์ งามหาดทราย ใตท้ ะเลสวยสด มรกตอนั ดามนั
สวรรคเ์ กาะพีพี

จังหวดั ชุมพร

• ประตูภาคใต้ ไหวเ้ สด็จในกรมฯ ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกลว้ ยเล็บมอื ข้นึ ชอื่ รังนก
จงั หวดั ตรงั

• คำขวญั ประจำจังหวดั : ชาวตรังใจกวา้ ง สรา้ งแตค่ วามดี[12]
• คำขวัญส่งเสริมกำรท่องเทีย่ ว : เมืองพระยารษั ฎา ชาวประชาใจกวา้ ง หมูยา่ งรสเลศิ ถิน่ กาเนิดยางพารา เดน่ สง่าดอกศรีตรงั ปะการงั ใตท้ ะเล เสน่หห์ าด

ทรายงาม น้าตกสวยตระการตา
จงั หวดั นครศรีธรรมราช

• คำขวัญประจำเมือง : เราชาวนครฯ อยเู่ มอื งพระ มน่ั อยใู่ นสจั จะศีลธรรม กอปรกรรมดี มีมานะพากเพียร ไมเ่ บียดเบียนทาอนั ตรายผใู้ ด
• คำขวัญส่งเสริมกำรท่องเที่ยว : เมอื งประวตั ศิ าสตร์ พระธาตทุ องคา ช่ืนฉ่าธรรมชาติ แร่ธาตุอุดม เคร่ืองถมสามกษตั ริย์ มากวดั มากศลิ ป์ ครบสิ้นกงุ้ ปู
จงั หวดั นราธวิ าส

• ทกั ษณิ ราชตาหนกั ชนรักศาสนา นราทศั น์เพลินตา ปาโจตรึงใจ แหลง่ ใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน
จังหวดั ปัตตานี

• เมอื งงามสามวฒั นธรรม ศูนยฮ์ าลาลเลิศล้า ชนนอ้ มนาศรัทธา ถ่ินธรรมชาติงามตา ปัตตานีสันตสิ ุขแดนใต[้ 13]
จังหวดั พงั งา

• แร่หมื่นลา้ น บา้ นกลางน้า ถ้างามตา ภผู าแปลก แมกไมจ้ าปูน บริบูรณด์ ว้ ยทรัพยากร
จังหวดั พัทลุง

• เมอื งหนงั โนราห์ อนู่ าขา้ ว พราวน้าตก แหลง่ นกน้า ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้าพุร้อน
จงั หวดั ภูเกต็

• ไข่มุกอนั ดามนั สวรรคเ์ มอื งใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมหี ลวงพอ่ แช่ม
จงั หวดั ยะลา

• ใตส้ ุดสยาม เมอื งงามชายแดน[14]
จงั หวดั ระนอง

• คอคอดกระ ภูเขาหญา้ กาหยหู วาน ธารน้าแร่ มุกแทเ้ มอื งระนอง
จงั หวดั สงขลา

• นกน้าเพลินตา สมิหลาเพลนิ ใจ เมอื งใหญ่สองทะเล เสน่หส์ ะพานป๋ า ศนู ยก์ ารคา้ แดนใต[้ 15]
จงั หวดั สตลู

• สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธ์ิ[16]
จังหวดั สุราษฎร์ธานี

• เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ[17]

ปัญหาพืน้ ฐานทางเศรษฐกจิ
เนอ่ื ง จากความต้องการของมนุษยโ์ ดยทว่ั ไปมอี ยู่ไม่จำกดั (unlimited wants) แต่ทรัพยากร ของโลกมี

อยู่อยา่ งจำกัด (limited resources) หรือเปน็ ของหายากและใชห้ มด (scarce) จงึ เกิดปัญหาว่าจะทำอย่างไร
จงึ จะจดั สรรหรอื ใช้ทรัพยากรทม่ี อี ยู่อยา่ งจำกดั นัน้ ไปในการผลิตสนิ ค้าและบริการเพ่ือบำบดั ความตอ้ งการของ
มนษุ ยใ์ ห้ไดม้ ากท่ี สดุ และเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ ปญั หานก้ี ็คือปญั หาพ้ืนฐานทางเศรษฐกจิ ซ่ึงทุกๆประเทศในโลก
ไม่วา่ จะมีระบบ เศรษฐกิจแบบใดก็ตามต่างต้องประสบกับปัญหาดังกล่าวท้งั ส้นิ ซง่ึ สามารถแบ่ง
ออกเปน็ 3 ปญั หา คือ

1. ผลติ อะไร (what to produce) เนื่องจากทรพั ยากรทางเศรษฐกิจของโลกมจี ำกัดและไม่สามารถ
ตอบสนองความต้องการ ทง้ั หมดของมนษุ ย์ได้ จงึ จำเปน็ ต้องมกี ารเลือกวา่ จะผลิตสนิ ค้าและบริการอะไรบ้าง
ผลิตในจำนวนเทา่ ใด ลำดับของการผลิตควรเป็นอย่างไร อะไรควรผลิตก่อน อะไรควรผลิตหลัง เนอ่ื งจาก
ทรพั ยากรมีจำกดั ไม่พอเพียงกับความต้องการ เราจึงควรเลือกผลิตสนิ คา้ และบรกิ ารซ่ึงเปน็ ทตี่ อ้ งการและมี
ความจำเปน็ มากท่สี ุดก่อนเป็นลำดับแรก และผลติ ตามความต้องการ ลดหล่ันลงมาเร่ือยๆ ทง้ั น้ี เพ่ือให้สนิ ค้า
และบรกิ ารท่ีผลติ ขน้ึ มาไดน้ น้ั สามารถนำไปใชต้ อบสนองความ ต้องการของมนุษยใ์ หไ้ ด้มากทส่ี ุด เพราะถ้าไม่
ผลิตตามความต้องการแล้วสินคา้ และบริการทผี่ ลิตข้ึนมา ไดก้ จ็ ะเกดิ การสูญเปลา่ เนื่องจากไม่ได้ถูกนำไปใช้ ถือ
เปน็ การสญู เสยี ทรพั ยากรไปโดยเปล่าประโยชน์

2. ผลติ อย่างไร (how to produce) เมื่อทราบแลว้ วา่ จะผลติ อะไร จำนวนเทา่ ใด ปญั หาตอ่ มาก็คือ
จะเลือกใช้เทคนิคการผลิตอย่างไรจงึ จะทำให้การผลติ สินคา้ และ บรกิ ารนน้ั เป็นไปอย่างมีประสทิ ธิภาพ
กล่าวคอื มตี ้นทุนการผลติ ต่อหน่วยต่ำที่สุด โดยให้ไดผ้ ลผลติ ตามทต่ี ้องการ
คำวา่ ประสิทธิภาพ (ต้นทนุ การผลติ ตอ่ หนว่ ยตำ่ ท่สี ดุ ) หมายถงึ

1. ผลติ สินค้าและบริการให้ได้จำนวนหน่วยของผลผลิตตามท่ีตอ้ งการ โดยใชท้ รพั ยากร
หรือปัจจัยการผลิตให้น้อยท่สี ุด

2. ผลติ สินค้าและบรกิ ารให้ไดจ้ ำนวนหน่วยของผลผลิตมากทีส่ ดุ ภายใตต้ น้ ทนุ การผลิต
จำนวนหน่ึง ซึง่ ถ้าเป็นไปในลกั ษณะใดลักษณะหนงึ่ ดงั กลา่ วจะถอื ว่าเปน็ การผลิตทมี่ ี ประสิทธภิ าพสงู สุด

3. ผลิตเพอื่ ใคร (for whom to produce) ปัญหาสดุ ท้ายคือ สนิ ค้าและบริการทผี่ ลิตขึ้น มาได้แล้ว
น้ันจะจำหน่ายจ่ายแจกหรือกระจายไปยังบุคคลตา่ งๆในสงั คมอยา่ งไร (ให้แกใ่ คร จำนวนเทา่ ใด) จึงจะ
เหมาะสมและเกิดความยุติธรรม เพือ่ แต่ละบุคคลจะได้ประโยชนส์ งู สุดจากสินค้าและบริการน้ัน

การผลิต
4.1. การผลิต หมายถงึ การนำเอาปัจจยั การผลิตอันได้แก่ ท่ดี ิน ทนุ แรงงาน และความสามารถในการ

ประกอบการมาผา่ นกระบวนการอย่างใดอย่างหนงึ่ ภายใตเ้ ทคโนโลยีระดับหน่งึ ผสมผสานกันเพ่ือให้เกิดสนิ ค้า
และบริการเพื่อตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์ หรือกล่าวอกี นัยหนึง่ ก็คอื การผลิต เปน็ กระบวนการเพ่ิม
คณุ คา่ หรือประโยชนท์ างเศรษฐกิจ (economic utility) ให้กับปัจจัยการผลิตตา่ ง ๆ เพื่อตอบสนองความ
ต้องการของมนษุ ย์ให้เกดิ ประโยชนม์ ากที่สุด ตวั อยา่ งของการผลิต ไดแ้ ก่ การนำข้าวเปลือกมาผา่ น
กระบวนการสเี ปน็ ขา้ วสาร การเอาดา้ ยมาทอเป็นผ้าผืน การให้บริการทางการแพทย์ การศึกษา การขนสง่
ฯลฯ

จากที่กลา่ วมาแลว้ การผลติ จะตอ้ งประกอบไปด้วยการทำใหเ้ กดิ สนิ คา้ หรอื บริการอยา่ งใดอย่างหนึ่งซ่ึง
เปน็ สิ่งทม่ี ีประโยชนใ์ นทางเศรษฐกิจท่ีเรยี กวา่ อรรถประโยชน์ โดยอาศยั แรงงานของมนุษย์ ทง้ั กำลงั กายและ
กำลงั ความคิด แรงงานของสตั ว์ หรอื เคร่อื งมือเครื่องจักรต่าง ๆ

การผลิตมคี วามสำคัญ ต่อระบบเศรษฐกจิ มากเพราะถ้าไม่มีการผลติ เกิดขึ้น ผู้บริโภคจะต้อง ไดร้ บั ความ
เดอื ดรอ้ นในการดำรงชวี ติ อย่างมากมายเนื่องจากไมม่ ีสินค้าและบรกิ ารตอบสนองความ ตอ้ งการ การ
ผลิตเปน็ กจิ กรรมท่ีเกีย่ วข้องกับการบริโภคอย่างใกล้ชิด เนอ่ื งจากการบริโภคเป็นเปา้ หมาย สูงสดุ ของการ
ดำเนนิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ การบรโิ ภคจะเกิดขึ้นได้ตอ้ งมีการผลิตเกดิ ข้ึนก่อน โดยท่ัวไปการท่ีผู้ผลติ จะ
ตัดสินใจผลิตสินค้าและบริการชนดิ ใดบ้างนั้นขน้ึ อยู่กับปัจจัยตา่ ง ๆ หลายประการ เช่น ปรมิ าณและคุณภาพ
ของทรพั ยากร หรือปัจจัยการผลิตท่มี ีอยู่ ความถนัดและชำนาญในการผลิต นโยบาย เก่ยี วกบั การผลติ เปน็ ต้น

ซ่ึงมผี ลทำให้แต่ละสังคม แต่ละระบบเศรษฐกจิ หรือแต่ละประเภททำการผลิตสินค้าแตกตา่ งกันออกไป แต่การ
ผลิตสนิ คา้และบริการต่าง ๆ น้ันเกดิ ขึ้นเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการผู้บรโิ ภคท้ังสิ้น

4.2. การผลิตกับกระบวนการทางเศรษฐกิจ กระบวนการทางเศรษฐกิจมีองค์ประกอบท่ีสำคญั 4
ประการ คือ - การผลติ - การบริโภค - การแลกเปลยี่ น - การกระจายรายได้ การผลิตจงึ เปน็ ส่วนหน่ึงของ
กระบวนการทางเศรษฐกิจ

4.3. ลักษณะการผลติ การผลติ ต้องมลี ักษณะดังนี้
1.) การทำให้เกิดสนิ ค้าอย่างใดอย่างหนึ่งเพอื่ ตอบสนองความต้องการของมนุษย์
2.) การทำให้เกิดสนิ ค้าหรือบริการต้องเกดิ จากการใช้แรงกาย สมอง หรอื เคร่ืองจักร

ตัวอยา่ งการผลิตสนิ คา้ เช่น การทำนาการผลติ สินค้าอุตสาหกรรม การทำน้ำแขง็ เป็นต้น การผลิตการ
บรกิ าร เชน่ อาชพี การตัดผม การรกั ษาผู้ปว่ ยของแพทย์ เป็นต้น

3) สินคา้ หรือบริการท่ีผลติ ขึ้นนั้นจะตอ้ งมปี ระโยชน์ในทางเศรษฐกจิ ทเ่ี รียกวา่ อรรถประโยชน์
ประโยชนท์ ่กี ลา่ วถึงนี้เปน็ ความรู้สึกพึงพอใจของผู้บรโิ ภคไม่มีหนว่ ยวัด ไมอ่ าจบอกเปน็ ตัวเลขได้เม่ือซ้ือสินคา้
แล้วเรารสู้ กึ พอใจเรียกว่าสินค้ามปี ระโยชน์

4.4 ลำดบั ขนั้ การผลิต ลำดบั ขนั้ การผลติ แบง่ ออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ
1. การผลติ ขน้ั ปฐมภูมิเปน็ การผลติ แบบด้ังเดมิ ของมนษุ ย์โดยการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้

ประโยชนโ์ ดยตรงการผลติ จะไมส่ ลับซับซ้อน ได้แก่ การเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ การประมง การปา่ ไม้ เปน็ ต้น
2. การผลิตขน้ั ทุตยิ ภูมิเป็นการผลติ ท่ีนำผลผลติ จากการผลติ ขั้นปฐมภมู มิ าแปรรูป ให้เกดิ ประโยชน์

ขน้ึ ใหม่ ได้แก่ การทำอุตสาหกรรม แปรรปู ต่าง ๆ
3. การผลติ ขน้ั ตติยภมู เิ ปน็ การผลิตทเ่ี กยี่ วข้องกบั การให้บริการการอำนวยความสะดวก เช่น การ

ขนสง่ การธนาคาร การคา้ การประกันภัย
## ประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจการผลติ ส่วนใหญจ่ ะเปน็ การผลติ ขั้นทุตยิ ภมู แิ ละ ตตยิ

ภูมิ
## ประเทศท่ีไมม่ ีความเจริญทางเศรษฐกิจการผลิตส่วนใหญ่จะเป็นการผลติ ข้ันปฐมภูมิ

4.5 ปัจจยั การผลติ (Factor of production) ปัจจัยการผลิต หมายถึง ส่งิ ตา่ ง ๆ ทผี่ ลู้ ติ นำมาผ่าน
กระบวนการผลติ ข้ึนเป็นสินค้าหรอื บรกิ าร เพือ่ ตอบสนองความต้องการของผู้บรโิ ภค สามารถแบง่ ปนั ปัจจัย
การผลิต แบ่งอออกได้เปน็ 4 อย่างคือ

4.6.1. ทด่ี นิ และทรัพยากร (land and natural resources) หมายถงึ ปจั จัยการผลติ ทุกชนิดที่
เกดิ ขึ้นเองธรรมชาติ เช่น ทด่ี ิน แร่ธาตตุ า่ ง ๆ ป่าไม้และแหลง่ น้ำตามธรรมชาติ เป็นตน้ ทีด่ นิ ก่อใหเ้ กดิ การผลติ

อย่างอน่ื เช่น ใช้ต้งั โรงงานอุตสาหกรรม หรอื สถานท่ผี ลติ เป็นบ่อเกิดอาหารโดยธรรมชาติ ท่ดี นิ ท่อี ุดม
สมบรู ณ์หรืออยู่ในยา่ นชมุ ชนจะมรี าคาแพง ผลตอบแทนจากการใช้ท่ีดนิ และทรพั ยากรธรรมชาติ เรียกว่า ค่า
เช่า (Rent)

4.6.2.แรงงาน หรอื ทรพั ยากรมนษุ ยห์ มายถึง การใช้แรงกายบุคคล หรือกา ลงคั วามคิดเพอ่ื ก่อใหเ้กิ
ดผลผลิตข้นึ หรอื การทา งานทกุ ชนดิ ก่อใหเก้ ิดผลผลติ แรงงานในฐานะการผลิตแบ่งไดเ้ป็น 3 ประเภท คือ
1)แรงงานท่ีไมม่ ีทกัษะเป็นแรงงานท่ีท างานโดยใชก้า ลงัเพียงอยา่ งเดยี วในการทา งานโดยไม่ ต้องมีความรู้
และรับการฝึ กฝนทักษะ ความชา นาญเปน็ พิเศษ เชน่ งานแบกหาม งานขดุ ดิน ขนดิน เป็ นต้น แรงงาน
ประเภทนี้เปน็ แรงงานทหี่ าไดง้่ายเพราะบุคคลทว่ั ไปสามารถทา งานประเภทน้ีได้

2)แรงงานก่งึ ทกัษะเป็นแรงงานท่ีตอ้งฝึกฝน หรอื มคี วามร้บู าง้ เลก็ นอย้ จึงจะทา ได้เชน่ พวกช่าง กอ่ อิฐถือปนู
ช่างไมแ้ ละชา่ งเครื่องยนต์แรงงานประเภทนีจ้ า เป็นตอ้งผา่ นการฝกึ อบรมมาบา้งจงึ จะทา งาน ไดด้ีแต่ไมต่ อง้
ใชเ้วลาในการฝึกฝนนานนกั
3)แรงงานท่ีมที ักษะ เป็ นแรงงานทไี่ ดร้ ับการศึกษา ต้องมีฝี มือในการท างานเป็ นพเิ ศษ ไดแ้ก่ ชา่ ง แกะสลกั
ช่างปนั้ และช่างเจยี รนยัเพชรพลอยแรงงานประเภทนี้จา เป็นตอง้ ไดรบ้ั การฝึกหดอั บรมเป็น ระยะเวลานานจงึ
จะสามารถทา งานประเภทนไี้ ด้

นอกจากนีแ้ รงงานอีกประเภทนต้ี อง้ ใชคว้ ามรู้ความสามารถระดบั สูงในการทา งาน แรงงาน ประเภทน้ี
ส่วนใหญจ่ ะเปน็ แรงงานทางเทคนิคและวชาิ การ ไดแก้ ่ พวกแพทย์ พยาบาล วิศวกร นัก กฎหมาย และนกับญั
ชแี รงงานประเภทน้ตี อง้ ไดร้ ับการศกึ ษาในระดับสงู ซึง่ ตอ้ งใช้ระยะเวลานาน ผลตอบแทนที่แรงงานไดรั้บจะอยใู่
นรูปของคา่ จา้ งหรือคา่ แรง (Wage)

ประสิทธภิ าพของแรงงาน หมายถึง ความสามารถของแรงงานในการทา ใหเ้กิดผลผลติ ซง่ึ จะมี มากนอ้
ยเพียงใดข้ึนอยกู่ บั ปจั จยัต่าง ๆ ไดแก้ ่สุขภาพของคนงาน สภาวะการท างาน การศึกษาและการ ฝึ กอบรม
คนงาน ตลอดจนการจดั ระบบงาน เป็ นต้น การแบง่ งานกันท า หมายถึงการแบง่ กระบวนการผลติ ออกเป็น
หน่วยยอ่ ย ๆ แลวก้ ระจายงานให้ บคุ คลท างานตามความถนดั ความรู้ความสามารถของแตล่ ะคน การแบ่งงา
นกนั ทา ก่อใหเ้กิดผลดหี ลาย ประการไดแก้ ่ - ทา ใหส้ ามารถเพิ่มผลผลติ ของแรงงานไดม้ากขึ้น - ทา ใหเ้กิด
ความชา นาญเฉพาะอยา่ ง - ทา ใหกา้ รทา งานเปน็ ไปอยา่ งมรี ะบบ - ท าให้มีการฝึ กอบรมคนงานเป็ นไป
โดยสะดวก 4.6.3. ทุน หมายถึง สง่ิ ทีม่ นษุ ยใ์ชใน้ การผลิตสินคา้และบริการตา่ ง ๆ โดยตรง เช่น เครือ่ งมือ
เครอื่ งจกรั และอปุ กรณท์ ุกชนดิ ทีใ่ ชใน้ การผลติ รวมถึงอาคารโรงงาน และสิ่งก่อสร้างทกุ ชนดิ ทสี่ ร้างเพื่อ ใช้
ประโยชนใ์ นการผลติ โดยทวั่ ไปทนุ แบง่ ออกไดเ้ป็น 3 ประเภท 1) ทุนแทจร้ งิ คือ สิง่ ท่ีใชผล้ ติ สินคา้และบรกิ าร
โดยตรง เช่น - ทุนทางเกษตรกรรม ไดแ้ก่ เคร่ืองมือเคร่ืองใชท้ างการเกษตร ปยุ๋ เคมยี าฆ่าแมลงสัตรพู ชื - ทนุ
ทางอตุ สาหกรรม ไดแ้ก่อาคารโรงงาน วตถั ดุ บิ เครอื่ งจกัรรถยนต์เป็ นตน้

- ทุนทางพาณชิ ยกรรม ไดแก้ ่ เคร่ืองส านักงาน อาคารพาณิชยร์ า้ นค้า อุปกรณอ์ านวยความ สะดวกเป็ นต้น
2) เงินทุน คือ สื่อกลางที่นา ไปซื้อทุนแทจ้ริงเพ่ือนา มาผลิตสินคาอ้ ีกตอ่ หนึ่งในทาง เศรษฐศาสตรเ์ งนิ ทุนจึง
ไม่ใช่ทุนที่แทจร้ งิ เพราะไมส่ ามารถผลติ สนิ คา้โดยตรงได้ 3) ทนุ สงั คม คือ ทนุ ที่ไม่ไดถู้กนา มาใชใ้นการผลิต
โดยตรง เปน็ ตวัชว่ ยเสรมิ สร้างใหก้ารใชท้ นุ ทง้ สั องประเภทขาง้ ตน้ เป็นไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ เชน่
สวนสาธารณะ โรงเรยี น โรงพยาบาล สนาม กีฬา สระวา่ ยนา้ เหล่าน้ลี ว้นเป็นตน้ของประเทศโดยส่วนรวม มี
สว่ นช่วยเพิ่มประสทิ ธิภาพการผลติ โดย ออ้ม คือ ชว่ ยใหค้ วามรู้ การรักษาสุขภาพอนามัย การพฒั นาในเรื่อง
คณุ ภาพชวี ติ ของบคุ คลในสังคม ทุนทุกชนิดที่ใช้ในการผลิต ซง่ึ อาจอยใู่ นรปู เงนิ ทุน ( money capital) ซ่ึงใช้
ในการด าเนินการ หรือในรูปของสินทรัพย์ประเภททนุ (capital goods) ก็ไดส้ ินทรัพยป์ ระเภททุนทถี่ ือเป็น
ปัจจยกั ารผลติ ก็ คือ ขนึ้ ซ่งึ ผลตอบแทนจากการใชท้ นุ ก็คือ ดอกเบีย้ (interest) 4.6.4. ผู้ประกอบการ
หมายถึง ผ้ทู ีน่ าเอาทด่ี นิ ทนุ แรงงาน มาด าเนินการผลติ สินคา้ และบริการ เพื่อตอบสนองความตอ้ งการของ
ผู้บรโิ ภค ผูป้ ระกอบการถอื เป็ นปจั จัยการผลิตท่สี าคัญที่สุด เพราะเป็ นผู้ รเิ ร่มิ ทา การผลิต โดยรวมปจั จยทั ง้ ั
3 ชนิด เขาด้ ว้ยกนั เพื่อผลิตเปน็ สนิ คา้และบริการ ผปูร้ ะกอบการมี ความแตกต่างจากแรงงานธรรมดาในแง่ที่
วา่ ผปู้ ระกอบการท าหนา้ ทีเ่ กี่ยวกบัการตดัสินใจและวาง นโยบายต่างๆในการผลิต ซ่งึ ผลตอบแทนของผปู้ระ
กอบการก็คือ ก าไร (profit) สรปุ ผลตอบแทนจากปัจจยั การผลติ

จะเห็นไดว้ ่าวธิ ีการทางประวัติศาสตร์เปน็ วิธีการศึกษาประวัตศิ าสตร์อย่างมรี ะบบ มคี วามระมัดระวงั
รอบคอบ มเี หตผุ ลและเป็นกลาง ซื่อสัตย์ตอ่ ขอ้ มูลตามหลักฐานทคี่ ้นคว้ามาอาจกล่าวได้วา่ วิธีการทาง
ประวตั ิศาสตรเ์ หมือนกบั วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ จะแตกต่างกนั กเ็ พยี ง วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตรส์ ามารถ
ทดสอบได้หลายครั้ง จนเกดิ ความแนใ่ จในผลการทดลอง แตเ่ หตุการณ์ทางประวตั ศิ าสตร์ ไม่สามารถทำให้
เกดิ ข้นึ ใหมไ่ ด้อีก ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ทีด่ ีจึงเป็นผฟู้ น้ื อดตี หรือจำลองอดตี ให้มคี วามถูกตอ้ งสมบรู ณ์ทีส่ ดุ โดย
ใชว้ ิธีการทางประวตั ศิ าสตร์เพ่ือจะไดเ้ กดิ ความเข้าใจในอดตี อนั จะนำมาสคู่ วามเข้าใจในปัจจบุ นั

ในการศึกษาในครั้งน้ีคณะผู้จัดทำโครงงานได้ประยุกต์การศึกษาคน้ ควา้ ในแตล่ ะข้นั ตอนใหเ้ หมาะสมกับ
ลักษณะการศึกษาและลักษณะของข้อมลู ทตี่ ้องการ

ตามรอยภมู ิศาสตร์ไทย

ท่ีมา : http://amitamahamad.blogspot.com

วงแหวนไฟ (Ring of Fire)

วงแหวนไฟ (อังกฤษ: Ring of Fire) เป็นบริเวณในมหาสมุทรแปซิฟกิ ที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟ
ระเบดิ บอ่ ยคร้งั มีลักษณะเป็นเสน้ เกอื กมา้ ความยาวรวมประมาณ 40,000 กโิ ลเมตร และวางตัวตามแนวร่อง
สมทุ ร แนวภูเขาไฟและบรเิ วณขอบแผ่นเปลอื กโลก โดยมภี ูเขาไฟทีต่ ้ังอยภู่ ายในวงแหวนไฟท้ังหมด 452 ลูก
และเปน็ พ้ืนท่ที ม่ี ีภูเขาไฟคุกกรุ่นอยกู่ ว่ารอ้ ยละ 75 ของภูเขาไฟคุกรนุ่ ท้งั โลก ซงึ่ บางคร้ังจะเรยี กว่า circum-
Pacific belt หรอื circum-Pacific seismic belt

ภเู ขาไฟในประเทศไทย

ในประเทศไทยมีภเู ขาไฟอยู่ในทุกภูมภิ าค ลักษณะของภเู ขาไฟในประเทศไทยสว่ นใหญ่จะเปน็ ภเู ขา
ไฟแบบโล่ (Shield Volcano) ซงึ่ คุณสมบตั ิของลาวาจะไหลไดง้ ่าย ดังน้นั หากมีการระเบิดขนึ้ กจ็ ะไมร่ นุ แรง ซำ้
ภเู ขาไฟในทกุ ภมู ิภาคของไทยเปน็ ภเู ขาไฟที่ดบั สนทิ แล้ว

ภาคเหนือ พบในเขตจงั หวัด ลำปาง เชยี งราย แพร่ น่าน และอุตรดิตถ์
ภาคกลาง พบในเขตจังหวดั สุโขทัย กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ สระบรุ ี และลพบุรี
ภาคตะวันออก พบในเขตจังหวัด ปราจีนบรุ ี จันทบุรี นครนายก และตราด
ภาคตะวันตก พบในเขตจังหวดั กาญจนบุรีและจังหวัดตาก
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ พบในเขตจังหวดั นครราชสมี า ศรษี ะเกษ อุบลราชธานี บรุ รี มั ย์ เลย และ
สรุ นิ ทร์

ภเู ขาไฟท่เี ก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยอยใู่ นเขตจังหวดั เลย โดยมอี ายุราว 395 - 435 ล้านปีมาแล้ว ซึ่ง
มีอายุมากกว่าปล่องภเู ขาไฟที่พบในจงั หวัดสุโขทัยและบุรีรัมย์ทม่ี ีอายเุ พยี ง 20 -30 ล้านปีเทา่ นนั้ เอง การเกดิ
ระเบดิ ของภเู ขาไฟใช่วา่ จะนำพามาแตค่ วามหายนะอย่างเดียว ประโยชนจ์ ากการเปลยี่ นแปลงธรรมชาตทิ ่เี กิด
จากภเู ขาไฟระเบดิ ก็ยังมีอยู่เช่นกนั การระเบิดของภเู ขาไฟถอื เปน็ การปรบั สภาพของ เปลอื กโลกใหม้ ีความ
สมดุลยิง่ ข้นึ ฝุ่นละอองซึ่งเกิดจากแรงระเบดิ ของภเู ขาไฟจะฟุ้งกระจายอยใู่ นชนั้ บรรยากาศสตราโตสเฟียรท์ ำ
ให้อุณหภมู โิ ลกเยน็ ลงจากสภาวะเรือนกระจก นอกจากน้ีดินท่ีเกิดจากแหล่งภเู ขาไฟจะเต็มไปด้วยแรธ่ าตุ ซึง่
เหมาะสำหรับทำการเกษตร ทง้ั ยงั ทำให้เกดิ แหล่งแรท่ สี่ ำคัญเชน่ เพชรเหลก็ เป็นตน้

แม้ภัยธรรมชาตจิ ากภูเขาไฟระเบิดแทบจะไมม่ ีโอกาสเกิดข้ึนกบั เมืองไทยในยคุ ปัจจุบนั แตส่ งิ่ เหล่านี้
คือ การเปลยี่ นแปลงทางธรรมชาตกิ ่อเกดิ เปน็ ภัยทสี่ ่งผลกระทบโดยตรงต่อมนุษย์ ธรรมชาตมิ ีสิง่ ทีใ่ ห้เราเรยี นรู้
และทำความเขา้ ใจอย่เู สมอ การเปล่ียนแปลงจากสิ่งทีเ่ รามองไมเ่ หน็ ดว้ ยตาเปล่าจากภายใตโ้ ลกใบน้ี นำความ
รบั รู้ใหม่ๆ มาให้เราได้ทำความเข้าใจว่าธรรมชาติเปลี่ยนแปลงเกิดจากอะไร ซง่ึ มีความน่าสนใจพอๆกับตำนาน
ที่เล่าขานกนั ว่ามีสัตว์ขนาดมหมึ านอนหนนุ โลกอยู่ตามความรบั ร้เู ดมิ ๆของมนษุ ยเ์ รา น้ีอาจจะเปน็ เสน่หข์ อง
การเรยี นรู้จากธรรมชาติเพื่อความเข้าใจอยา่ งเทา่ ทนั และอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล

กำเนิดภเู ขาไฟ

ภเู ขาไฟมกี ารกำเนิด 6 แบบ ดงั นี้
1. การกำเนดิ ในบริเวณจุดรอ้ น (Hot Spot) บริเวณท่ีความรอ้ นภายในโลกระบายออกมาสผู่ ิว

โลกมีการเคลื่อนท่ขี องหินหลอมละลายพงุ่ ข้ึนมาบนผวิ โลกและกลายเปน็ ภูเขาไฟ เช่น ทห่ี มู่เกาะฮาวาย เปน็
ตน้

2. การกำเนิดจากแผ่นเปลอื กโลก (Plate) เคลอื่ นที่แยกออกจากกนั จะมหี นิ หลอมละลายแทรกดนั
ออกมา เกิดเปน็ ภูเขาไฟเปน็ แนวตดิ ตอ่ กนั เช่น แนวสนั เขาใต้สมทุ ร (Mid-Oceanic Ridge) ของมหาสมุทร
แอตแลนติก ตอ่ เน่ืองไปยังมหาสมุทรอินเดยี และมหาสมุทรแปซฟิ ิก เทอื กเขาใต้สมุทรดังกลา่ วบางจดุ ก่อตวั สงู
พ้นผิวนำ้ ทะเลขน้ึ มา เชน่ เกาะไอซแ์ ลนด์ หมู่เกาะคานารี ซ่ึงตลอดแนวทิวเขาใตส้ มุทรน้ีก็คือ แนวภูเขาไฟ
นน้ั เอง และเป็นบรเิ วณทมี่ ีเปลือกโลกกำเนิดขน้ึ ใหม่ตลอดเวลา

3. ภเู ขาไฟทเ่ี กดิ จากการมดุ สอด (Subduction) ของแผ่นสมุทร (Oceanic Plate) เขา้ ไปใตท้ วีป
เมือ่ แผน่ สมุทรมดุ ลงไปลึกประมาณ 80 – 100 กโิ ลเมตร ความรอ้ นภายในโลกจะทำใหแ้ ผน่ ทวปี หลอมละลาย
และมวลสารทหี่ ลอมละลายน้ีจะลอยตวั ขนึ้ มาสู่ผวิ โลก (เพราะมีความหนาแน่นตำ่ (เบา) กวา่ มวลหินหลอม
ละลายในชนั้ เน้ือโลกเอง) ท้ังความรอ้ นและแรงดันขึ้นมาของมวลสารเหล่าน้ีจะทำให้เปลือกโลกบริเวณนนั้ ถูก
หลอมละลายเป็นชอ่ งว่าง เป็นช่องทางใหห้ นิ หลอมละลายดันตัวปะทุออกมาเปน็ ภูเขาไฟ ภูเขาไฟแบบน้จี ะเกดิ
เป็นแนวขนานกับแนวมุดตวั (Subductive Zone) ของแผ่นสมทุ ร และมักจะพบกระจายอยู่ตามริมฝั่งทวีป
โดยจะอยหู่ า่ งจากแนวมุดตัวประมาณ 100 กม. เช่น แนวเทือกเขา รอกกี้ (Rocky Mts.) เทือกเขา แอนดีส

(Andes Mts.) เทือกเขาแคสเคด (Cascades Mts.) เป็นต้น การเกิดของภเู ขาไฟแบบนท้ี ำใหเ้ ปลอื กโลกถกู
ทำลายไป โดยอัตราการถูกทำลายไมเ่ ทา่ กนั อาทแิ ผ่นสมทุ รนาซกา (Nazca Plate) มดุ เข้าไปใต้ทวปี อเมริกาใต้
ปีละประมาณ 10 – 12 ซม.

4. ภเู ขาไฟทเ่ี กิดจากการมดุ สอดของแผ่นสมุทรด้วยกนั โดยแผ่นสมทุ รท่มี ีความหนาแนน่ สงู กวา่ จะ
มดุ เข้าไปใต้แผน่ สมุทรทม่ี ีความหนาแน่นต่ำกว่า เช่น แผน่ ปาซิฟิก (Pacific Plate) มดุ เข้าไปใตแ้ ผน่ อินโด –
ออสเตเลยี (Indo – Australian Pacific) ทำให้เกดิ แนวภูเขาไฟประเทศนิวซีแลนด์ การมุดของแผน่ ปแปซิฟกิ
เขา้ ไปใตแ้ ผ่นเปลอื กโลกส่วนเปน็ ทีต่ ้ังของประเทศญีป่ นุ่ ไต้หวัน และการมดุ ตัวของแผ่นอินโด - ออสเตเลียเข้า
ไปใตแ้ ผ่นเปลือกโลกส่วนท่เี ป็นไหลท่ วีปของแผ่นเอเชยี เกิดเปน็ หมู่เกาะภูเขาไฟและเป็นที่ต้ังของประเทศอนิ
โดนีเชยี เป็นต้น

5. ภูเขาไฟเกิดจากการแตกแยกออกของแผ่นเปลอื กโลกบนทวีป ภเู ขาไฟแบบน้จี ะเกดิ ข้ึนโดย มี
ธารลาวาไหลออกมาเยน็ ตวั ทับถมกลายเปน็ ท่รี าบสงู ลาวา (Lava Plateau) เชน่ ที่ราบสูงโคลัมเบยี
(Columbia Plateau) ทางภาคตะวนั ตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาและซากภูเขาไฟในเขตอำเภอโชคชัย –
ครบุรี การประทขุ องภูเขาไฟแบบน้ลี าวาจะดนั ออกมาตามรอยแยกขึ้นสู่ผวิ โลกซงึ่ เรียกวา่ Fussure Erupton
หรอื Flood Basalt รอยแตกเหล่าน้จี ะมีระยะทางต้งั แต่ 2 – 3 ไมล์ จนถงึ หลายรอ้ ยไมล์

6. ภูเขาไฟท่ีเกดิ ในรอยเลือ่ น (Fault Line) ในเขตหุบเขาผาชนั (Rift Valley) ลาวาจะไหลออกมา
ตามแนวรอยเลื่อน ซ่ึงเป็นรอยแตกของเปลือกโลกเปน็ ช่องทางระบายลาวาปะทุออกมาของหนิ หลอมละลาย
หรือลาวาข้ึนมาสผู่ วิ โลก เชน่ ภูเขาไฟในอีสานใต้ ภาคเหนอื ของไทยและภาคตะวันออกของอัฟรกิ า เปน็ ตน้

จากการศึกษาลักษณะธรณสี ัณฐานของภเู ขาไฟบริเวณตอนใต้ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของ
วโิ รจน์ เอ่ยี มเจรญิ (2525) สรุปว่ากระบวนการกำเนดิ ภูเขาไฟบรเิ วณตอนใต้ของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือมี
กำเนิดเนื่องจากหินหนดื พุ่งขึ้นมาตามรอยแยกของแผ่นดนิ แลว้ แผ่ธารลาวากระจายออกจากชอ่ งประทุ ปก
คลมุ พื้นท่ีบรเิ วณตอนใต้ การประทขุ ้นึ มานนั้ มี 2 ชว่ ง คอื ช่วงแรกประทุข้ึนทางทศิ ตะวนั ตกเฉียงใต้ เป็น
ภเู ขาครบุรี ช่วงหลงั ไดแ้ ก่ ภูเขาไฟกระโดง ภเู ขาไฟหลบุ ภูเขาไฟองั คาร ภูเขาไฟไปรบัด ภเู ขาไฟพนมรุ้ง
การทแ่ี บ่งชว่ งเวลาของการประทุแตกตา่ งกนั ออกไปเปน็ 2 ระยะนน้ั เพราะจากการศึกษาในสนามบ่งชัดวา่ หนิ
ภูเขาไฟครบรุ ี มีการผุพังสลายตัวมากและเกือบท่ัวพน้ื ที่ สว่ นภูเขาไฟกระโดง ภูเขาไฟหลุบ ภเู ขาไฟอังคาร
ภเู ขาไฟไปรบดั ภเู ขาไฟพนมรุ้ง นน้ั หนิ ภูเขาไฟ ยังมีการผุสลายตัวกลายเปน็ วตั ถตุ น้ กำเนิดดินนอ้ ย สว่ นภเู ขา
ไฟครบุรี มชี น้ั ดินหนามาก การท่เี ป็นเช่นน้ีแสดงวา่ มีระยะเวลาของการสร้างดนิ ยาวนานกว่า นนั่ คือ มีอายุ
มากกว่าน่ันเอง ส่วนภูเขาไฟกระโดง ภเู ขาไฟหลบุ ภเู ขาไฟองั คาร ภูเขาไฟไปรบัด ภูเขาไฟพนมรุ้ง นน้ั ช้ันดนิ
บางและมีหนิ ผสมอยูม่ าก ลักษณะของหนิ ภเู ขาไฟยังสดอยู่มาก และภเู ขาไฟบางลูก เชน่ ภเู ขาไฟกระโดง ยัง
ปรากฏบอมบภ์ ูเขาไฟอยู่ และยงั มรี ปู รา่ งเกือบสมบรู ณ์ นั้นแสดงว่าสภาพของพื้นทีย่ ังมีอายนุ อ้ ยอยู่

ภเู ขาไฟระเบิด

ภเู ขาเกดิ จากการเปลยี่ นแปลงลกั ษณะของเปลือกโลก ซง่ึ แผน่ ธรณีทวีปดันกันทำใหช้ น้ั หินคดโค้ง
(Fold) เปน็ รปู ประทนุ คว่ำและประทนุ หงายสลับกัน ภเู ขาทม่ี ียอดแบนราบอาจเกิดจากการยกตัวของเปลือก
โลกตามบรเิ วณรอยเลื่อน (Fault) แตภ่ เู ขาไฟ (Volcano) มกี ำเนิดแตกต่างจากภเู ขาท่ัวไป ภเู ขาไฟเกดิ จากการ
ยกตวั ของแมกมาใต้เปลอื กโลก

ประเภทของภูเขาไฟ

ภูเขาไฟมีรปู รา่ งสัณฐานต่างๆ กนั เนื่องจากเกิดข้นึ จากแมกมา ซึ่งมแี หล่งกำเนดิ แตกตา่ งกัน และมี
องค์ประกอบของแร่แตกต่างกนั จำแนกชนิดของภูเขาไฟตามลกั ษณะทางกายภาพได้ 4 ประเภท ดังน้ี

1. ท่ีราบสงู ลาวา (Basalt Plateau) : เกดิ จากแมกมาบะซอลตแ์ ทรกตัวข้นึ มาตามรอยแตกของเปลือก
โลกแล้วกลายเป็นลาวาไหลท่วมบนพนื้ ผวิ ในลักษณะเชน่ เดยี วกบั น้ำท่วม เม่ือลาวาเยน็ ตวั ลงกจ็ ะกลายเปน็ ท่ี
ราบสงู ลาวาขนาดใหญ่ประมาณ 100,000 ถึง 1,000,000 ตารางกิโลเมตร เชน่ เกาะสกาย ประเทศอังกฤษ

ภาพ : ท่ีราบสงู ลาวา (เกาะสกาย)
2. ภเู ขาไฟรปู โล่ (Shield volcano) : เกิดขึ้นจากแมกมาบะซอลต์ทม่ี คี วามหนืดสงู ไหลออกมา
ฟอรม์ ตวั เป็นทีร่ าบสูงลาวา แต่ความหนืดทำให้แมกมาก่อตัวเปน็ ภูเขาไฟขนาดใหญ่และอาจสูงได้ถงึ 9,000
เมตร แต่มีลาดชันเพียง 6 - 12 องศาภเู ขาไฟรปู โล่มักเกดิ ขึ้นจากแมกมาซ่งึ ยกตัวขึ้นจากจดุ รอ้ น (Hotspot) ใน
เนื้อโลกชนั้ ลา่ ง (Lower mantle) ตวั อยา่ งเช่น ภเู ขาไฟมอนาคี บนเกาะฮาวาย ที่กลางมหาสมทุ รแปซิฟกิ

ภาพ : ภเู ขาไฟรูปโล่ (มอนาค)ี
3. กรวยกรวดภูเขาไฟ (Cinder cone) : เปน็ ภูเขาไฟขนาดเล็กมาก สงู ประมาณ 100 - 400 เมตร
ความลาดชนั ปานกลาง เกิดจากการสะสมตัวของแกส๊ ร้อนในแมกมาทย่ี กตวั ขึ้นมา เมื่อมีความดันสูงเพียงพอ ก็
จะระเบดิ ทำลายพน้ื ผิวโลกดา้ นบนเกิดเปน็ ปลอ่ งภูเขาไฟ กรวดและเถ้าภเู ขาไฟ กระเด็นขึ้นสอู่ ากาศแลว้ ตกลง

มากองทบั ถมกนั บรเิ วณปากปลอ่ งเกดิ เป็นเนินเขารปู กรวย ขอ้ สงั เกต คอื ภเู ขาไฟแบบนี้ ไม่มีธารลาวา ซง่ึ
เกดิ ขึน้ จากแมกมาไหล แต่จะมีลักษณะเปน็ กรวดกลมๆ พุ่งออกมาจากปากปล่อง แลว้ กองสะสมกันทำให้เกิด
ความลาดชันประมาณ 30 - 40 องศา เชน่ กรวยภูเขาไฟในรฐั โอรกี อน ประเทศสหรัฐอเมริกา

ภาพ : กรวยกรวดภูเขาไฟ
4. ภูเขาไฟกรวยสลบั ช้ัน (Composite cone volcano) : เปน็ ภูเขาไฟขนาดปานกลาง ท่ีมี
รปู ทรงสวยงามเป็นรปู กรวยคว่ำ สงู ประมาณ 100 เมตร ถงึ 3,500 เมตร เรยี งตัวอยู่บรเิ วณเขตมุดตัว
(Subduction zone) เกิดขน้ึ จากแผ่นธรณมี หาสมุทรที่หลอมละลายเปน็ แมกมา แล้วยกตัวขึ้นดันเปลอื กโลก
ข้ึนมาเปน็ แนวภเู ขาไฟรปู โค้ง (Volcanic arc) สิ่งที่ภเู ขาไฟพ่นออกมามที ั้งธารลาวา และกรวดเถ้าภเู ขาไฟ
สลบั ช้นั กันไป เนือ่ งจากในบางครั้งแมกมาแข็งตัวปดิ ปากปลอ่ งภเู ขาไฟ ทำใหเ้ กดิ แรงดันจากแก๊สร้อน ดันให้
ภูเขาไฟระเบิดและเปลี่ยนรปู ทรง ตัวอยา่ งเชน่ ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญ่ีปุ่น ภเู ขาไฟพินาตูโบ ประเทศ
ฟิลิปปนิ ส์, ภูเขาไฟเซนตเ์ ฮเลน รฐั วอชงิ ตัน ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ภูเขาไฟรปู กรวยเป็นแนวภูเขาไฟรูปโค้ง
(Volcano arc) ซึ่งเกดิ ข้ึนจากแมกมาในบรเิ วณเขตมุดตวั ของเปลอื กโลกมหาสมุทรที่หลอมละลาย ประเภทนี้
ระเบดิ จะมีความรนุ แรงสงู และก่อใหเ้ กิดความเสียหายเป็นอย่างมาก

ภาพ : ภเู ขาไฟกรวยสลบั ชนั้ (ฟจู ิ)

การประทขุ องภูเขาไฟ

ภูเขาไฟไม่มคี าบการระเบดิ ทีแ่ น่นอน ท้งั น้ีข้นึ อยู่กบั แรงดันภายใน คุณสมบตั ิและปริมาณหินที่กด
ทบั โพรงแมกมา อยา่ งไรก็ตามนกั ธรณีวทิ ยาสามารถทำการพยากรณ์อย่างครา่ วๆ โดยการวิเคราะห์ความถ่ี

ของคล่ืนไหวสะเทือน ความรุนแรงของแผ่นดินไหว ความเปน็ กรดของน้ำใต้ดินซง่ึ เกิดจากแมกมาอุณหภูมิสูงทำ
ใหแ้ ร่ธาตุละลายตวั และความผิดปกตขิ องพฤติกรรมสัตว์

ภาพ : การปะทขุ องภูเขาไฟ ภาพ : กรวดและเถา้ ภเู ขาไฟ (Pyroclastic flow)

การปะทขุ องภเู ขาไฟทร่ี นุ แรงเกิดขน้ึ เม่ือแมกมาบะซอลต์ยกตวั ข้ึนลอยตัวขึน้ จากชน้ั ฐานธรณภี าค จะ
ทำให้แผน่ เปลอื กโลกธรณี ซ่งึ เป็นหินแกรนติ หลอมละลายกลายเป็นแมกมาแกรนติ แล้วดนั พ้ืนผิวโลกใหโ้ กง่ ตวั
ขึน้ แรงอดั ของแก๊สร้อนดันให้ปากปล่องภเู ขาไฟระเบิด พน่ ฝุน่ เถา้ ภเู ขาไฟ (Pyroclastic flow) ซ่ึงมีคามรอ้ น
ถงึ 900 องศาเซลเซียส ขนึ้ สูช่ น้ั บรรยากาศ แลว้ ตกลงมาทับถมกันทีบ่ ริเวณเนนิ ภเู ขาไฟ ทั้งลาวาที่ไหลออกมา
และเศษวสั ดทุ ่ตี กลงมาทับถมกัน ทำใหบ้ รเิ วณรอบปากปล่องภูเขามีน้ำหนกั มาก จงึ ทรุดตัวกลายเป็นแอง่ ภูเขา
ไฟรูปกระจาด (Caldera) เม่ือเวลาผ่านไปน้ำฝนตกลงมาสะสมกัน ทำใหเ้ กิดเปน็ ทะเลสาบ

ประโยชน์และโทษของภเู ขาไฟ

ภูเขาไฟระเบิดใกลช้ ุมชนทำใหเ้ กดิ มหนั ตภัยคร้ังยิง่ ใหญ่ แผ่นดินไหวทำใหอ้ าคารพงั พินาศ ถนนขาด
และไฟไหม้ เนอ่ื งจากท่อแกส๊ ถกู ทำลาย ธารลาวา กรวดและเถา้ ภเู ขาไฟท่ไี หลลงมา (Pyroclastic flow)
สามารถทับถมหมบู่ า้ นและเมืองท่ีอยูร่ อบขา้ ง ถ้าภเู ขาไฟอยู่ชายทะเล แรงส่ันสะเทือนจากแผน่ ดินไหวจะทำให้
เกดิ คลื่นสนึ ามิ ขนาดยักษ์กระจายตวั ออกไปได้ไกลหลายร้อยกโิ ลเมตร ฝ่นุ และเถ้าภูเขาไฟสามารถปลวิ ไปตาม
กระแสลมเป็นอปุ สรรคต่อการจราจรทางอากาศ แต่อย่างไรก็ตามภูเขาไฟระเบิด เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจกั รธรณี
แปรสัณฐาน ซง่ึ หมุนเวยี นธาตุอาหารให้แก่ผวิ โลก ดินทเ่ี กิดจากการสลายตัวของหนิ ภเู ขาไฟ มีความอุดม
สมบูรณส์ ูงใช้ปลกู พืชพรรณได้งอกงาม แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ซ่งึ ปล่อยออกมาจากปลอ่ งภูเขาไฟ ทำให้พืช
สามารถสังเคราะหธ์ าตุอาหารด้วยแสง แมกมาใต้เปลือกโลกนำแรธ่ าตุและ อญั มณีทีห่ ายาก เชน่ เพชร
พลอย ขึ้นมา เป็นต้น และดว้ ยเหตทุ ี่ภูเขาไฟนำมาซึง่ ความม่งั คงั่ อดุ มสมบูรณ์ ดงั นั้นชมุ ชนจงึ มักตง้ั อยู่ทีเ่ ชงิ
ภูเขาไฟ

แผนท่ี : แสดงทต่ี ้งั ภเู ขาไฟในเขตจงั หวัดบุรีรมั ย์
ที่มา : http://learn.gistda.or.th/the-surveyor/note021/

แหล่งธรรมชาติทางธรณวี ทิ ยา

ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย แม้ไม่ได้ตั้งอยู่ในบริเวณแนวภูเขาไฟ (Ring of fire) และไม่มี
การประทุของภูเขาไฟเกดิ ขน้ึ ในปจั จุบัน แต่พบลักษณะธรณีสัณฐานภูเขาไฟ และลาวาหลากทเี่ กิดจากการปะทุ
ตามรอยแตกของเปลือกโลกขนาดใหญ่ เมอื่ ครง้ั อดีตคงสภาพให้เหน็ หลายแห่ง พ้ืนทจี่ งั หวดั บรุ รี ัมย์พบหนิ อัคนี
จำพวกหนิ ภเู ขาไฟชนดิ บะซอลต์ แผ่กระจายบรเิ วณทางใต้ของตวั เมืองบรุ ีรมั ย์ มจี ดุ ศูนย์กลางทเี่ ขากระโดงและ
เขาใหญ่ ซ่ึงเปน็ ปากปล่องภูเขาไฟท่ดี ั และยังคงเหลอื สภาพสณั ฐานภเู ขาไฟให้เห็น บรเิ วณท่ีเปน็ ปล่องภูเขาไฟ
จะพบชิ้นสว่ นของหินตะกรันภเู ขาไฟ และหนิ บะซอลตโ์ พรงขา่ ย (vasicular basalt) สีดาํ รพู รุนมาก และหิน
บอมบ์ ภเู ขาไฟขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลางตงั้ แต่นอ้ ยกวา่ 10 - 50 เซนติเมตร รูปรา่ งแบบกระสวย (bipolar
fusiform, fusiform bomb) ทรงกระบอกยาว (cylindrical ribbon bomb) และเมด็ อัลมอนด์ (almond
shaped bomb) บางบริเวณหินบะซอลตจ์ ะแสดงลักษณะการไหลของลาวาแบบลอนคลื่นและเกลียวเชอื ก
“ปาฮอยฮอย (pahoehoe)” ซ่งึ แสดงถึงลาวาตน้ กำเนดิ มีปริมาณซลิ ิกาคอ่ นข้างตํ่า ความหนดื นอ้ ย จึงไหลปก
คลุมพ้ืนท่ีเป็นบริเวณกว้าง บริเวณทีม่ ีการเปิดหนา้ ดนิ ลกึ ลงไปเพอื่ ทำเหมือง มักจะพบลำดับชัน้ การไหลท่ี
ส่วนบนเปน็ หนิ บะซอลตโ์ พรงข่าย เน้ือหนิ ละเอียด สีเทาดําถึงดาํ ความหนาตั้งแต่ 0.5 – 5 เมตร สว่ นกลาง
เป็นหินบะซอลตเ์ นอื้ แนน่ แสดงการแตกเสาเหลีย่ ม (columnar jointing) และส่วนลา่ งเป็นหินบะซอลต์เนือ้
แนน่ แสดงการแตกเป็นระนาบแนวนอน (platy joint) ความหนาตงั้ แต่ 15 - 30 เมตร ความหนาของหินบะ
ซอลต์จะมากสดุ บริเวณใกล้ปากปล่องและบางลงเมือ่ หา่ งออกไป การวัดหาอายุของหินบะซอลต์บรเิ วณเขา
กระโดง โดยวธิ ี K/Ar ได้อายุ 0.92± 0.30 ล้านปี (Barr & Mac Donald, 1981)

หินบะซอลตแ์ บบโพรงขา่ ย หินบะซอลต์แบบปาฮอยฮอย ลำดบั ช้นั การไหลของลาวา

บุรีรัมย์ดนิ แดนแหง่ ภเู ขาไฟ

จังหวดั บรุ รี มั ย์เป็นจังหวดั หน่ึงทางภาคอสี านตอนใตข้ องไทย ดินแดนทางประวัติศาสตร์และปราสาท
หินทสี่ วยงามปัจจุบันนับว่าเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเชิงประวัตศิ าสตร์และแหลง่ ชมกีฬาตา่ งๆโดยเฉพาะฟุตบอลและ
แขง่ รถ แต่ในอดีตก่อนจะมาเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ อาณาจกั รตา่ งๆ รวมถึงจังหวัดทีม่ ีความเจริญอย่างใน
ปจั จุบนั นนั้ ในอดีตพ้ืนท่ขี องจังหวัดบรุ รี ัมยน์ ัน้ เตม็ ไปด้วยภเู ขาไฟมากมาย ดงั่ คำขวญั ประจำจังหวดั ท่วี า่ “เมอื ง
ปราสาทหนิ ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม” โดยในบรุ รี มั ยม์ ีภเู ขาไฟต้ังอย่ถู ึง 6 ลูกด้วยกัน ซ่งึ ภูเขาไฟ
ดงั กลา่ วนี้นับว่าดบั สนทิ แล้ว ซ่งึ ปะทุครง้ั สุดทา้ ยราว 8 ลา้ นปีก่อน โดยภเู ขาไฟท้ัง 6 แห่ง มดี ังนี้ ภูเขาไฟพนม
รุ้ง เปน็ ภเู ขาไฟท่ตี ัง้ อยู่ในบรเิ วณภายในเขตอุทยานประวตั ิศาสตรพ์ นมรุ้ง ซ่ึงจดั วา่ เป็นภเู ขาไฟท่มี ีช่ือเสยี งทสี่ ดุ
ในจังหวัด โดยตง้ั อยู่ห่างจากปราสาทหินพนมรุ้งราว 200 เมตร เป็นภูเขาไฟทีด่ บั สนิทแล้วและเป็นประเภท
ภเู ขาไฟแบบกรวยสลบั ช้ันขนาดปานกลาง โดยในปัจจบุ ันบริเวณปล่องภูเขาไฟน้ันถกู กลบด้วยดนิ และปา่ ไม้จน
หมดแลว้ , ภูเขาไฟกระโดง ตง้ั อยู่ในวนอุทยานแหง่ ชาติเขากระโดงมคี วามสูงจากระดบั น้ำทะเล 275 เมตร เปน็
ภเู ขาไฟประเภทรูปโล่ ภูเขาไฟแหง่ นี้มีอายรุ าว 3 – 9 แสนปี และในพน้ื ทยี่ ังคงมีร่องรอยของปากปลอ่ งภูเขาไฟ
ให้เหน็ อยา่ งชัดเจนจดั ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างหน่ึง ปจั จุบนั ปากปล่องภูเขาไฟน้ันยงั คงมีสภาพ
ให้เห็นเป็นรอ่ งอยู่เลยและมีสภาพเป็นสระนำ้ ธรรมชาติและมีต้นไม้และหญ้าข้ึนปกคลุม นอกจากนย้ี ังมีหินภเู ขา
ไฟโบราณลูกน้ใี ห้ชมกันดว้ ย ภเู ขาไฟกระโดงจัดว่าเปน็ ซากภูเขาไฟทยี่ งั คงสภาพดีอยมู่ ากทสี่ ุด รวมถึงยงั มีอายุ
น้อยกวา่ ภูเขาไฟลูกอื่นๆดว้ ย, ภูเขาไฟเขาอังคาร ต้ังอยู่ที่อำเภอเฉลมิ พระเกยี รติ ไม่ใกลไ้ ม่ไกลจากภูเขาไฟพนม
ร้งุ ท่ียอดเขาองั คารแห่งน้ี เป็นทีต่ ง้ั ของ “วดั เขาพระอังคาร”, ภูเขาไฟไปรบัด ตงั้ อยูใ่ นเขตอำเภอประโคนชัย
และอำเภอเฉลมิ พระเกยี รติ ภเู ขาไฟลูกน้ี มีลักษณะเปน็ เนนิ เขาเตี้ยจัดเป็นภเู ขาไฟขนาดเลก็ ซง่ึ เช่อื วา่ ในอดีต
อาจเป็นประเภทกรวยกรวดภูเขาไฟ ปัจจบุ ันปากปล่องอยูท่ ับถมดว้ ยหนิ และดินและป่าไม้หมดเลยและยอด
ดา้ นบนเป็นปราสาทหนิ โบราณช่อื ว่า ปราสาทหนิ ไปรบดั สันนิฐานว่าสรา้ งขึ้นในชว่ งพุทธศตวรรษท่ี 15, ภูเขา
ไฟหลุบ และ ภเู ขาไฟเขาคอก

การกำเนดิ และการแจกกระจายของภเู ขาไฟในจังหวัดบรุ รี ัมย์

ภเู ขาไฟในบรุ ีรมั ย์ เกดิ จากการไหลทะลักของลาวา (อาจมีการประทรุ ะเบดิ บ้าง ถ้ามีก๊าซและไอนำ้
รอ้ นเดอื ดมาก) ตามแนวรอยเลอ่ื น แบบรอยเล่ือนย้อน (Thrust – Fault) โดยภเู ขาไฟกระจาย (Distribution)
อยู่หา่ งจากแนวรอยเลอื่ นข้ึนไปทางเหนอื เปน็ ระยะ ๆ ภูเขาไฟแนวแรกอยหู่ า่ งจากแนวรอยเล่ือนประมาณ 40

กโิ ลเมตร ได้แก่ ภูเขาไฟคอก แนวทีส่ องหา่ งจากแนวรอยเลื่อน ประมาณ 45 กโิ ลเมตร ไดแ้ ก่ ภูเขาไฟหลุบ
และภเู ขาไฟไปรบดั แนวที่สามห่างจากแนวรอยเลอ่ื นประมาณ 50 กโิ ลเมตร ได้แก่ ภูเขาไฟพนมรุง้ ภเู ขาไฟ
องั คาร และภเู ขาไฟกระโดง ซึ่งอยหู่ า่ งจากแนวรอยเล่ือนมากที่สุด ประมาณ 75 กโิ ลเมตร ภูเขาไฟแตล่ ะแนว
เป็นภเู ขาไฟที่ดบั แล้วมีอายุแตกต่างกนั ไป แนวท่ีอย่ใู กล้รอยเลือ่ นมากท่สี ดุ (แนวแรก) มีอายุเก่าแก่ทส่ี ุด คือ
ประมาณไม่เกิน 2 ลา้ นปี ซึ่งมีสัณฐานและร่องรอยการไหลของธารลาวา ถูกทำลายเกือบหมด หนิ ท่ีผกุ ล่อนง่าย
สลายกลายเป็นดนิ หมดแล้ว คงเหลอื แต่หินท่แี ข็งแกรง่ เทา่ นนั้ และภเู ขาไฟแนวทางเหนือสุด ได้แก่ ภเู ขาไฟ
กระโดง มีอายุนอ้ ยทีส่ ุดลกู หนง่ึ ของประเทศไทย รอ่ งรอยการประทุระเบดิ การไหลหลากของธารลาวา เศษหนิ
ทีผ่ ุสลายตัวง่าย เชน่ Slag, Cinder, Bomb, Volcanic Tuff, Breccia เป็นตน้ ยงั คงพบอยูท่ ่วั ไป ตามบริเวณ
ชอ่ งประทุระเบิด (Vent) หรือเขตไหลเ่ นนิ ภูเขาไฟ

ซากภเู ขาไฟในจงั หวดั บุรรี ัมย์

ซากภเู ขาไฟในจังหวดั บุรีรัมย์สว่ นใหญ่ มสี ณั ฐานของช่องปล่องประทรุ ะเบดิ ชัดเจน เนินภเู ขาไฟเกิด
จากการทบั ถมของเศษหินภูเขาไฟ (Pyroclastic Materials) ซึ่งเกดิ จากแรงดันของก๊าซ (Gas) ตา่ ง ๆ ที่แทรก
อยใู่ นหนิ หลอมละลาย เชน่ ไอน้ำ (70.75%) คาร์บอนไดออกไซด์ (14.07%) ไฮโดรเจน (0.33%) ไนโตรเจน
(5.45%) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (6.40%) ซลั เฟอร์ไฮออกไซด์ (1.93%) เปน็ ตน้ เศษหนิ ภเู ขาไฟเหลา่ นีเ้ ปน็ มวล
หนิ หลอมละลายที่ถูกดนั ประทุขนึ้ ไปและเย็นแข็งตัวในอากาศ มีขนาดต่าง ๆ กัน และมชี ื่อเฉพาะเรียกแตกตา่ ง
กนั

ถา้ จำแนกหนิ ภูเขาไฟเหลา่ นีต้ ามลกั ษณะโครงสรา้ ง สามารถจำแนกได้ดังต่อไปน้ี
1. พวกเนอื้ แน่น (Massive Structure) ได้แก่ หินบะซอลต์เนือ้ แนน่ ซงึ่ โรงโม่หินใช้บดและยอ่ ยให้
เปน็ วัสดุก่อสร้าง
2. พวกหินมรี พู รนุ คิดเปน็ ร้อยละน้อยกว่า 50 โดยปรมิ าตร (Vesicular Structure) เชน่ Vesicular
Basalt ตามชอ่ งว่างมกั จะมแี รท่ ุติยภูมิ (Secondary Mineral) เชน่ แคลไซด์ ซีโอไลต์ หรอื ควอรต์ (Quartz)
ตกผลึกแทรกอยู่ ซึ่งเรียกโครงสร้างแบบนว้ี ่า Amygdaloidal Structure หนิ ภูเขาไฟแบบน้ี จะพบในเขตใกล้
ช่องประทุ
3. พวกมรี ูพรุนคิดเปน็ รอ้ ยละเกิน 50 โดยปริมาตร (Scoriaceous Structure) ไดแ้ ก่ หิน สกอ
เรยี (Scoria or Slag) สว่ นมากเปน็ Scoraceous Basalt หนิ เหลา่ นีจ้ ะพบในเขตชอ่ งปลอ่ งประทุและนำ้ หนัก
เบา บางก้อนลอยน้ำได้คลา้ ยหินพมั มิส (Pumice) แต่หนิ พัมมิสไม่พบในเขตอีสานใต้

ชนดิ ของภูเขาไฟ

ภเู ขาไฟ หมายถงึ ภูเขาทเี่ กดิ ข้ึนจากการประทุของหนิ หนืด กา๊ ซ และเถ้าธุลีของภเู ขาไฟ จากใต้
เปลือกโลก แล้วปรากฏตัวเป็นสภาพเด่นอย่างหน่ึงในทางภูมิศาสตร์ ภูเขาไฟมหี ลายชนดิ แบง่ ตามรูปรา่ งได้ 3
กลุ่ม คอื

1. ภูเขาไฟรูปโล่ มีรูปรา่ งลักษณะเหมือนโลค่ วำ่ เกดิ จากการระเบิดแบบมลี าวาไหลออกมา
2. ภูเขาไฟแบบกรวยกรวด มีรปู ร่างเป็นกรวยคว่ำคล้ายกระดง้ เกิดจากการระเบดิ ของภเู ขาไฟ แบบ
ไม่มีลาวาไหลออกมา
3. ภเู ขาไฟแบบสลบั ชนั้ ของลาวาและหนิ ตะกอน ภูเขาไฟกลุ่มทมี่ รี ปู ร่างสวยงาม เช่น ภเู ขาไฟฟูจิ ใน
ญี่ปุน่
ภเู ขาไฟในบุรรี มั ย์ เปน็ ภเู ขาแบบโล่ คือ มลี ักษณะกวา้ ง เตี้ย คล้ายรปู โลค่ ว่ำ มคี วามลาดชนั นอ้ ย
ประมาณ 4 - 10 องศา ภเู ขาไฟแบบนเี้ กิดจากการไหลของ ลาวาบะซอลท์ ซง่ึ คอ่ นขา้ งเหลว จงึ ไหลแผ่ออกไป
เปน็ บริเวณกวา้ ง เช่น ภเู ขาไฟกระโดง ภูเขาไฟพนมร้งุ ภเู ขาไฟเขาอังคาร ภูเขาไฟหลบุ และภเู ขาไฟไปรบัด

รอ่ งรอยภูเขาไฟในบรุ รี ัมย์

1. ภูเขาไฟกระโดง
สภาพแหลง่ และลกั ษณะธรณีวิทยา ลักษณะเปน็ ภูเขา

ขนาดเลก็ 2 ลูกอยูต่ ดิ กัน คือ เขากระโดงอยูท่ างทิศเหนือ และเขา

ใหญ่ อยู่ทางทศิ ใต้ เขากระโดงเปน็ ภูเขาไฟเก่า ท่ีแสดงลกั ษณะ

ปากปล่องให้เห็นชดั เจน เปน็ หลักฐานจากการประทุของภูเขาไฟ

เมื่อประมาณ 9 แสนปีทีแ่ ลว้ พ่นเอาลาวาชนดิ บะซอลต์ออกมา ภเู ขาไฟกระโดง
จากปลอ่ ง และไหลปดิ ทับหินทรายสีนำ้ ตาลแดงของหมวดหนิ ทม่ี า : http://kanchanapisek.or.th/kp8/

มหาสารคามในกลมุ่ หินโคราช หินบะซอลต์เปน็ ชนิดฮาวายไอต์ เนื้อหนิ มที ั้งแบบเน้ือแน่น และเนือ้ โพรงข่าย

นอกจากนย้ี งั พบหินตะกรันภเู ขาไฟ หรือ “หนิ ลอยน้ํา” และบอมบ์ภูเขาไฟขนาดและรูปร่างตา่ ง ๆ ท่เี ป็น

หลักฐานการระเบดิ และการไหลของลาวา จำนวนมากมายกระจายอยูบ่ นทีล่ าดเชิงเขา

หินตะกรนั ภูเขาไฟ (Scoria) ปากปล่องภเู ขาไฟกระโดง

ภูเทข่มี าาไ:ฟเพก็ชรระชโมุ ดพงวงตส้งั วุอรยรณ่ทู ศีบ่ รีา้ นนำ้ ซับ ตำบลเสมด็ อำเภอเมทือ่ีมงาบ:ุรเพีร็ชัมรยช์มุ จพังวหง วสดั ุวรบรุรณีรศมัรีย์ เป็นภูเขาไฟที่ดบั

สนทิ แลว้ มปี ากปล่องทะลุเห็นไดช้ ดั เจน รอบบรเิ วณแวดล้อมด้วยปา่ ไมท้ ่ีอุดมสมบูรณ์ เปน็ แหลง่ อาศยั ของสัตว์

ป่าขนาดเล็ก โดยเฉพาะนกนานาชนดิ บนเขากระโดง ยังมีโบราณสถานสมยั ขอม รอยพระพุทธบาทจำลอง และ
พระพุทธรปู ขนาดใหญ่ เป็นท่ีเคารพสกั การะของคนในทอ้ งถิน่ นักท่องเทยี่ วนิยมขึน้ ไปชมทวิ ทัศนข์ องตัวเมอื ง
บุรรี ัมย์และไหว้พระเพ่ือเป็นสิริมงคล ป่าเขากระโดงมีพ้ืนท่ี 6,212 ไร่ กรมป่าไมไ้ ดป้ ระกาศให้เปน็ วนอทุ ยาน
เขากระโดงเม่ือวนั ท่ี 23 ตุลาคม (วันปิยะมหาราช) พ.ศ. 2521 ปจั จบุ นั อยู่ในความดูแลของสำนักงานปา่ ไม้
เขตนครราชสีมา วนอุทยานเขากระโดง ชื่อเดมิ ชาวบา้ นเรียกเขากระโดงว่า “พนมกระดอง” เป็นภาษาเขมร
แปลวา่ “ภูเขากระดอง (เตา่ )” เพราะมรี ปู ลักษณค์ ล้ายกระดองเตา่ ต่อมา จึงเรียกเพ้ียนเป็น “กระโดง” ภเู ขา
ไฟกระโดงนับเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแลว้ และเป็น 1 ใน 6 ลูกของภูเขาไฟในบรุ รี ัมย์ ทงั้ ยังเป็นภเู ขาไฟที่มีสภาพ
ปากปล่องสมบูรณ์ ปจั จบุ นั ได้มีการบรู ณะเปน็ แหลง่ ท่องเท่ียวทสี่ ำคญั ของจังหวัด โดยในแตล่ ะปจี ะมีประชาชน
และนักท่องเทย่ี วเดนิ ทางข้ึนไปกราบไหว้ขอพรพระสภุ ัทรบพติ ร และชมปากปลอ่ งภเู ขาไฟเปน็ จำนวนมาก

ภูเขาไฟกระโดง อยู่ในเขตอำเภอเมืองบุรีรมั ย์ หา่ งจากพน้ื ที่ต้งั จงั หวัดบรุ รี ัมย์ ประมาณ 6 กโิ ลเมตร
ลกั ษณะซากปลอ่ งประทเุ ปน็ รูปพระจันทร์คร่งึ ซีก เน่อื งจากสว่ นชอ่ งประทดุ า้ นตะวนั ออกและตะวันตก
พังทลาย ซึง่ เป็นหินทหี่ ลอมละลาย (Lava) ไหลออกไปสบู่ รเิ วณโดยรอบแตก่ ็ยังปรากฏรูปทรงของปากปล่อง
ชอ่ งประทุอยา่ งชดั เจน มีน้ำขังกลายเปน็ ทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟที่สวยงามทสี่ ุดในประเทศไทย สงู จาก
ระดับนำ้ ทะเลประมาณ 283 เมตร ประกอบด้วยหินบะซอลต์ท่มี ีรูพรุนพวก Vesicular Basalt และ
Scoriaceous Basalt หินตะกรนั ภูเขาไฟ (Pyroclastic Materials) เป็นพวกวสั ดทุ ีถ่ กู แรงระเบดิ โยนขึน้ ไปใน
อากาศแลว้ ตกลงมา อาจเป็นลาวาเย็นตัวในอากาศ หรือตกลงมาแล้ว เย็นแข็งตวั ก็ตาม เชน่ Volcanic Bomb,
Ash, Breccia และ Cinder หินเหลา่ นจ้ี ะตกลงมาทับถมอยโู่ ดยรอบของปากปล่องช่องประทุ
เนนิ ภูเขาไฟกระโดง มธี ารลาวาไหลแผ่กระจายโดยรอบปลอ่ งช่องประทุ ซ่งึ อยู่ในเขตศูนย์กลางเนินภูเขาไฟนี้
ธารลาวาแผ่กระจายคลุมพ้นื ที่ประมาณ 120 ตารางกโิ ลเมตร เปน็ ภเู ขาท่มี ขี นาดพืน้ ท่ีมากที่สุดของจังหวัด
บุรีรัมย์ บริเวณตอนกลางของเนนิ ยงั คงเหน็ ร่องรอยรูปทรงปากปล่องประทุทีม่ ีการพน่ ประทุ (ระเบดิ ) ของหนิ
ตะกรันภูเขาไฟ กล่มุ ฝนุ่ เถ้าถ่าน (Dust and Ash) กล่มุ กา๊ ซ ไอนำ้ เดือดจดั และการไหลหลากของธารลาวา
ออกมา หินบะซอลตบ์ รเิ วณปากปล่องจะมีฟองอากาศ ฟองก๊าซตา่ ง ๆ แทรก บางกอ้ นมีรูพรนุ คล้ายรังปลวกที่
เรียกว่า “Scoria” หากมีขนาดใหญ่พอ จะสามารถลอยนำ้ ได้ หินบะซอลต์บางก้อนเนือ้ แนน่ และถ้าผิวก้อนหนิ
มรี ้ิวรอยการหลอมละลายการไหล ผวิ หนิ เรียบ บดิ ตัว เห็นไดช้ ดั เจน ลักษณะต่างๆ ท่ีกลา่ วมาน้ี เกอื บจะไมพ่ บ
ในภเู ขาไฟลูกอืน่ ๆ ในประเทศไทยเลย ท้ังนี้เพราะภเู ขาไฟกระโดง มีอายุน้อยท่ีสุด คือ ประมาณ 0.9 – 0.3
ล้านปี ดังน้ัน ลกั ษณะของหนิ ยงั สด ผสุ ลายตัวยงั ไม่มากนัก โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงภูเขาไฟกระโดงเปน็ ภูเขาไฟลกู
เดยี วในประเทศไทยท่ีพบ “Bomb” มากทส่ี ุด มีความหลากหลายทง้ั รปู รา่ งและขนาดอีกดว้ ย

พวก Bombs จะมีมากกว่าภเู ขาไฟอืน่ ในเขตอีสานใต้ และในประเทศไทยมลี กั ษณะรูปร่างเป็น
แบบหยดนำ้ จานบนิ หวั มนั เทศ (Fusiform Bomb) มีขนาดเล็กตงั้ แตเ่ ส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-3 ซม. ถงึ
เกือบ 2 เมตร และแต่ละก้อนแสดงรอ่ งรอยการหลอมละลาย และการบดิ ตวั เน่ืองจากถกู แรงเหวยี่ งปลิวข้นึ ไป
ในอากาศ หนิ บะซอลต์ใกลช้ อ่ งประทรุ ะเบิดมีลักษณะแสดงการไหล (Lava Flow) ชนดิ Pahoehoe มผี วิ เรียบ

(Dermolithic Solidification) แบบบดิ เปน็ เกลียวเชอื ก (Ropy or Tape Stry Like) หรือคล้ายผ้าพบั ทับซ้อน
กันเป็นชนั้ ๆ (Thin Sheets) เนื้อหนิ เป็นเนอ้ื ละเอยี ด สีดำถงึ เทา มีผลึกแรข่ นาดเล็กของแร่โอลิวนี (Olivine)
เน้อื พน้ื (Groundmass) เปน็ แรเ่ ฟลต์สปาร์ชนิดแพลจิโอเคลส มีผลึกของแร่อะพาไทต์ (Apatite) และแมกนี
ไทต์ (Magnetite) ออไจต์ (Augite) และพบแรซ่ ีโอไลด์แคลไซด์ (Calcite) ตกผลึกในช่องวา่ งของหิน

การใชป้ ระโยชน์จากพนื้ ที่ พ้นื ทเี่ ขากระโดงส่วนใหญ่ได้รบั การจดั ตั้งเป็นวนอุทยาน ภเู ขาไฟกระโดง
เปน็ แหล่งท่องเทีย่ วนันทนาการและเรยี นร้ดู า้ นธรรมชาติวิทยาทีม่ ีชอื่ เสยี งของจังหวดั สภาพพน้ื ท่ีบริเวณปาก
ปล่องภเู ขาไฟมีการจดั ภมู ทิ ัศน์ และทางเดินไปชมปากปล่องภเู ขาไฟ พร้อมแผ่นป้ายนิทรรศการใหค้ วามรู้
เกยี่ วกับกำเนิดภเู ขาไฟ พ้ืนที่บางส่วนเป็นเขตวดั เขากระโดง สว่ น บรเิ วณเชงิ เขากระโดงเป็นแหลง่ หินก่อสร้าง
สำคัญอีกแหลง่ ของจงั หวดั บรุ ีรัมย์ และมีการทำเหมืองหิน อยูใ่ นปจั จบุ ัน

2. ภเู ขาไฟพนมรุ้ง

สภาพแหลง่ และลกั ษณะธรณีวทิ ยา เขาพนมรงุ้ เปน็ ภเู ขา

ลกู โดด บรเิ วณโดยรอบเป็นทุ่งนา สัณฐานภเู ขาเม่ือมองจากท่รี าบ

คล้ายกบั กรวยคว่ำ บรเิ วณยอดเขาเป็นทต่ี ั้งของ ปราสาทหินพนม

รุง้ โบราณสถานศิลปะสมัยลพบรุ ี เขาพนมร้งุ เปน็ ภเู ขาไฟดับ

แลว้ แต่ยังคง สัณฐานภเู ขาไฟให้เหน็ เปน็ ผลจากกระบวนการแปร

สณั ฐานยคุ เทอร์เชียรี ส่งแรงดึงกระทำต่อบรเิ วณภาค

ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย จนเกดิ ลาวาหลากไหลข้ึน

ภูเขาไฟพนมรุ้ง กลางแผ่นทวปี ปิดทบั บนหนิ ทราย และหินทรายแป้งปนกรวดของ

ทมี่ า : เพช็ รชุมพวง สวุ รรณศรี หมวดหนิ โคกกรวด เม่ือเยน็ ตัวกลายเป็น

หินบะซอลตช์ นดิ ฮาวายไอตส์ ีเทาดํา มกั แสดงลักษณะการไหลของลาวา บริเวณยอดเขาพบหินตะกรันภเู ขาไฟ

(scoria) และ หนิ บอมบ์ภูเขาไฟหลายขนาดเป็นหลักฐานบ่งชถ้ี งึ บรเิ วณซึง่ เปน็ ปากปลอ่ งภเู ขาไฟ

ภูเขาไฟพนมรงุ้ อยู่ในเขตอำเภอเฉลมิ พระเกียรติ และอำเภอประโคนชยั อยูห่ ่างจากตัวเมืองไปทาง

ใตป้ ระมาณ 70 กโิ ลเมตร มีเนอื้ ท่ปี ระมาณ 24 ตารางกโิ ลเมตร กวา้ ง 4 กิโลเมตร ยาว 6 กิโลเมตร เปน็ ภเู ขา

ไฟท่ีดบั สนิทแลว้ ที่มชี อื่ เสยี งมากทส่ี ดุ ของทางจงั หวัดบรุ ีรัมย์ เพราะบรเิ วณยอดเขาเป็นทต่ี งั้ ของ “ปราสาทหิน

พนมรงุ้ ” สถานทที่ ่องเท่ยี วยอดนิยมของจงั หวดั ปราสาทหินพนมรงุ้ นนั้ เปน็ โบสถ์พราหมณล์ ทั ธไิ ศวะ

สนั นษิ ฐานวา่ สรา้ งข้นึ ในพุทธศตวรรษท่ี 15-18

ด้วยหนิ ทรายสีชมพู ทม่ี ีการสลักลวดลายไวอ้ ย่างสวยงาม

อีกทั้งยงั มปี รากฏการณ์แสงอาทิตยล์ อดประตูทง้ั 15 ของ

ปราสาทในวนั ข้นึ 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี ให้ได้ชม เป็น

ภูเขาไฟทส่ี งู ท่ีสดุ ในจงั หวดั บุรีรมั ย์ มปี ลอ่ งช่องปะทรุ ะเบดิ

อยตู่ รงศนู ย์กลางของเขตภูเขาไฟและมีลักษณะคลา้ ยชาม

ยกั ษว์ างหงายอยู่บนเนนิ กวา้ งประมาณ 300 เมตร มลี ักษณะ อทุ ยานประวตั ศิ าสตรเ์ ขาพนมรงุ้

ทมี่ า : http://aworldconnect.com/index.php/

เปน็ เนินเขาอยโู่ ดดเดี่ยวล้อมรอบดว้ ยท่ีราบจุดสงู สดุ ประมาณ
383 เมตร จากระดบั น้ำทะเล รูปร่างเปน็ เนนิ คล้ายหลงั เต่า วางตัวเป็นแนวเหนือ - ใต้ มหี ุบปล่องปะทรุ ะเบิด
กวา้ งประมาณ 800 เมตร และลกึ ประมาณ 60 เมตร ลกั ษณะเกอื บกลมท่ีขอบปล่องทางทิศใต้เป็นที่ตง้ั
ปราสาทหนิ พนมรงุ้ แอง่ ปะทุมนี ำ้ ขงั ตลอดปี เรียกว่า ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ (Crater lake) น้ำภายใน
ทะเลสาบจะไหลส่หู ุบเขาทางทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ เกดิ เปน็ ลำธารที่ไหลอยบู่ นไหล่เขาทส่ี ูงชนั เปน็ ต้น
กำเนดิ ของลำหว้ ยหลายสายไหลลงสู่ลำปะเทียบ ลำชี และไหลไปรวมกับลำมาศ ลงสู่แมน่ ้ำมลู แม่น้ำโขงและ
ทะเลในท่ีสุด บริเวณปากปล่องช่องปะทเุ ปน็ แอง่ ลึกและลาดชันมาก รปู รา่ งกลมไม่มรี อ่ งรอยการยบุ ตัว หากมี
นำ้ ขงั มากจะกลายเปน็ ทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟท่สี วยงามแหง่ หนึ่ง ขอบปากปล่องชอ่ งปะทุทางทิศใต้ เป็น
ท่ตี ้ังของปราสาทหนิ พนมรงุ้ ที่สวยงาม และอยู่บนเนนิ ภูเขาไฟสูงทส่ี ดุ ในประเทศไทย

การใช้ประโยชน์พื้นที่ กรมศลิ ปากรได้ประกาศข้ึนทะเบยี นเปน็ โบราณสถาน ปราสาทพนมรงุ้ ต้งั แต่ปี
พ.ศ.2478 และจดั ต้ังเปน็ อุทยานประวตั ศิ าสตร์พนมรงุ้ เมื่อวนั ท่ี 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 เป็นแหลง่
ทอ่ งเทย่ี วทางประวัติศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมท่ีสำคัญของประเทศ พืน้ ทบ่ี างส่วนของ เขาพนมรงุ้ เปน็ เขตทหาร มี
การตั้งสถานีทวนสญั ญาณเรดาหข์ องทหารอากาศบริเวณใกล้กบั ยอดสงู สดุ

3. ภเู ขาไฟเขาพระอังคาร

สภาพแหลง่ และลกั ษณะธรณีวิทยา เขาพระอังคารเป็นภเู ขา

ขนาดเล็ก บรเิ วณโดยรอบเป็นทุ่งนา สณั ฐานเปน็ ภูเขารปู

ฝาชคี ว่ำ ฐานกว้างประมาณ 7.5 กโิ ลเมตร กวา้ งประมาณ

5 กิโลเมตร วางตวั ในแนวเหนอื -ใต้ เชน่ เดียวกับเขาพนมรุ้ง

ครอบคลุมพืน้ ที่ประมาณ 37 ตารางกิโลเมตร เขาพระ

ภูเขาไฟเขาพระองั คาร องั คารเป็นภเู ขาไฟเก่าทย่ี ังคงสัณฐานภูเขาไฟใหเ้ ห็น และ

ทม่ี า : https://pleum2540.wordpress.com/ พบช่องทางการไหลของหนิ ลาวาออกมาหลายจุดตามไหล่เขา

ทางด้านทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ มปี ล่องประทุชัดเจนอยู่บริเวณเกอื บศนู ยก์ ลางของภเู ขา เป็นแบบแคลดรี า

(caldera) ซง่ึ เกดิ จากการทรุดถลม่ เป็นแนวซ้อนกนั หลายช้ัน พ้ืนทภ่ี ายในแอง่ ทรดุ ตวั มีพ้ืนท่ีประมาณ 40,000

ตารางเมตร สนั นษิ ฐานว่าแตเ่ ดมิ เป็นทะเลสาบ แต่ภายหลังน้ำถูกระบายออกทางชอ่ งดา้ นตะวนั ออก ภายใน

แอ่งทรดุ ตัวยงั พบปากปล่องภเู ขาไฟขนาดเล็ก (15 - 20 เมตร) ซง่ึ เกดิ จากการประทุภายหลัง หินบะซอลตเ์ ขา

พระอังคารเปน็ ชนิดฮาวายไอต์ ลาวาตน้ กำเนิดมีความหนืดตำ่ จึงไหลเอ่อท้น ปกคลุมพื้นท่ีไดเ้ ป็นบริเวณ

กว้าง นอกจากนบี้ รเิ วณปากปล่องยังพบหินตะกรันภูเขาไฟ (scoria) ซ่ึงเกดิ จากการระเบิดของหินหลอมเหลว

ขึ้นไปในอากาศ ขอบปลอ่ งภเู ขาไฟด้านหน่ึงเปน็ ท่ีประดิษฐานพระพทุ ธบาทจำลองและเปน็ ที่ตั้งของวัดเขาพระ

องั คาร พ้ืนที่โดยรอบเขาพระอังคารมีการเปิดทำเหมืองหนิ บะซอลต์ จนเห็นหน้าตัดของหินบะซอลต์ทเี่ ย็นตวั

จากลาวาหลากหลายชน้ั ซึง่ แต่ละชั้นการไหลประกอบด้วย สว่ นบน เปน็ หนิ บะซอลตโ์ พรงข่าย เนอ้ื ละเอียด สี

เทาถงึ ดาํ สว่ นกลางเป็นหินบะซอลต์เน้ือแน่น แสดงแนวแตก แบบเสาเหล่ยี ม และสว่ นลา่ งเป็นหินบะซอลต์

เนื้อแนน่ แสดงการแตกเป็นระนาบในแนวนอน

ภเู ขาไฟเขาพระองั คารเป็นภูเขาไฟท่ดี ับสนิทแลว้ อยูใ่ นเขตอำเภอเฉลิมพระเกยี รติและอำเภอ

ละหานทราย เกดิ จากการปะทขุ องภูเขาไฟยุคควอเทอร์นารี อายุประมาณ 700,000 ปี จดุ ท่เี ป็นปากปล่อง

ใหญ่อยทู่ เ่ี ขากระดูก ซง่ึ เปน็ จุดสงู สุด เกดิ จากหนิ หลอมละลายปะทุออกมาแลว้ เย็นตวั เรว็ จงึ พอกสะสมในทาง

ด่ิงเกิดเป็นเนนิ เขาสูงชันแบบ Plug Dome รอบเขากระดกู เปน็ แอ่ง Caldera ซ่งึ เกิดจากการทรดุ ถล่มของ

ปากปล่องภเู ขาไฟเปน็ ตวั อยา่ งชัดเจนที่สดุ ในประเทศไทย ซึ่งวัดเขาอังคารก็ต้ังอยู่บนขอบของแอง่ นี้ อยหู่ ่าง

จากภเู ขาพนมรุ้งไปทางทิศตะวันตกประมาณ 8 กิโลเมตร หา่ งจากตวั จังหวัดบุรรี มั ยป์ ระมาณ 90 กโิ ลเมตร

เปน็ เนนิ เขาแผ่กว้างประมาณ 12 กิโลเมตร วางตัวทอดยาวในทศิ เหนือ - ทศิ ใต้ ยาวประมาณ 15 เมตร คลุม

พ้ืนที่ประมาณ 90 กิโลเมตร มยี อดเขาสงู ประมาณ 15 เมตร จากระดบั น้ำทะเลเนินเขาที่สงู ที่สุดชาวบ้าน

เรียกว่า " เขาป่าชา้ " หนิ ภเู ขาไฟท่ีพบเป็นเน้ือแนน่ พวกบะซอลท์ (Basalt) และมีหนิ ท่ีมรี ูพรนุ (Vesicular

Structure)

ตำนานลายแทงแห่งพระธาตุพนม กลา่ วว่า เมอ่ื

พ.ศ. 8 มีการนำพระอังคารธาตขุ องพระพุทธเจา้ มา

ประดิษฐานไว้ท่นี ่ี ตอ่ มาในปี 2520 พระอาจารย์ปญั ญา

วุฒิโธ ได้สรา้ งวัดขน้ึ บนยอดเขา เป็นสถาปัตยกรรมแบบ

ผสมผสานสวยงามแปลกตา ท่ีสำคญั คือ มโี บราณวตั ถุ

“ใบเสมาหนิ บะซอลต์” สมยั ทวาราวดี ซึง่ พบเพยี งแหง่

เดยี วในประเทศไทย ตั้งอยู่รอบอโุ บสถ สนั นษิ ฐานวา่ วัดเขาพระองั คาร เขา
สร้างขนึ้ ในพุทธศตวรรษท่ี 13-14 อายปุ ระมาณ 1,300 ปี ที่มา : http://aworldconnect.com/
เป็นหลกั ฐานวา่ ท่ีน่เี คยเปน็ พุทธสถานมาแต่โบราณ

องั คารยงั เปน็ แหล่งท่องเที่ยวเชิงนเิ วศท่ดี ี บริเวณรอบเขามีป่าเตง็ รงั ที่อุดมสมบรู ณ์ ในฤดูฝนจะมีเห็ด

หลากหลายชนดิ ขึ้นอยจู่ ำนวนมาก ชมุ ชนรอบเขาจงึ ได้มีการจัดประเพณีไตเ้ ห็ดเขาองั คาร สง่ เสรมิ การ

ท่องเที่ยว และเปดิ หมูบ่ ้านโฮมสเตย์ บา้ นเจรญิ สุข ซงึ่ มผี ลิตภัณฑ์ชมุ ชนท่มี ีชือ่ เสยี งเป็นเอกลักษณ์ของท้องถนิ่

คอื “ผา้ ภูอคั นี” ท่ียอ้ มสธี รรมชาติจากดนิ ภูเขาไฟ

4. ภูเขาไฟไปรบัด ภูเขาไฟลูกนเ้ี ปน็ เขาเตีย้ ๆ อีกลูกหน่งึ ของจังหวดั
บรุ รี มั ย์ อยู่ในเขตอำเภอประโคนชัย และอำเภอเฉลมิ
ภเู ขาไฟไปรบัด พระเกียรติ เขาไปรบัดเป็นภูเขาไฟแบบลาวาโดม อยู่
ท่ีมา : http://www.hugburiram.com/ ห่างจากตวั จงั หวดั ประมาณ 77 กโิ ลเมตร อยทู่ างทศิ
ใตข้ องเขาพนมรุ้ง ประมาณ 5 กโิ ลเมตร เป็นเนินเขา
มลี กั ษณะเกอื บกลมกวา้ งประมาณ 3 กโิ ลเมตร คลมุ

พ้ืนท่ีประมาณ 5 กโิ ลเมตร มีจุดยอดสงู สุดประมาณ 289
เมตร จากระดับนำ้ ทะเล มซี ากปลอ่ งปะทรุ ะเบดิ คลา้ ยรปู แอกวัว หรือรปู เกือกมา้ เปน็ ต้นกำเนิดของลำหว้ ย
ตะแบง ทีไหลลงไปรวมกบั ลำชี บริเวณยอดภเู ขาไฟมปี ราสาทหินทรายศิลปะขอมสร้างสมยั ใกลเ้ คยี งกบั
ปราสาทหนิ พนมรุง้ สภาพปรักหักพังเหลือแตฐ่ านและกรอบประตูผนงั ของปรางคป์ ระธาน ภายในองคป์ รางคม์ ี
หลุมลกึ แสดงรอ่ งรอยการขดุ หาสมบัติ พบชน้ิ ส่วนของโบราณสถานแตกกระจายอยู่ทัว่ ไป คำว่า “ปลายบัด”
แปลว่า ยอดด้วนหรอื ยอดหาย

5. ภเู ขาไฟหลุบหรือภูหลุบ

อยูใ่ นเขตอำเภอเฉลมิ พระเกยี รติ มีรูปร่างยาว

ในแนวทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนอื และตะวนั ตกเฉียงใต้ ยาวประมาณ

4 กิโลเมตร กว้างประมาณ 2 กโิ ลเมตร ครอบคลมุ พ้นื ทีป่ ระมาณ

6 ตารางกิโลเมตร มีซากปล่องปะทุระเบดิ เป็นรปู โคง้ ยอดสูงลกั ษณะ

Plug dome หรือซากหนิ ทเ่ี ย็นตวั ปิดช่องปะทุระเบิด สูงประมาณ

235 เมตร จากระดบั นำ้ ทะเล บนยอดเขามซี ากโบราณสถานอย่ดู ว้ ย ภเู ขาไฟหลุบ

6. ภูเขาไฟเขาคอก ทม่ี า : https://www.khaosod.co.th/

อย่ใู นเขตตำบลเขาคอก อำเภอประโคนชยั ห่างจากตวั จงั หวัดตามเสน้ ทางสายบรุ รี มั ย์ – ประ

โคนชยั ประมาณ 66 กโิ ลเมตร เขาคอกเป็นเนนิ ภเู ขาไฟไม่สูงมาก มปี ากปลอ่ งปะทุอยใู่ นวัดปา่ บำรงุ ธรรม ปาก

ปล่องภเู ขาไฟอยฝู่ ั่งขวามือของวัด ปากปลอ่ งปะทเุ ขาคอกมขี นาดเล็กๆ ร่องรอยปรากฏมสี ภาพให้ศึกษาได้น้อย

เพราะมีอายุการเกิดมานานแล้ว ที่บริเวณปากปล่องจะมีน้ำขังอยู่ วัดขนาดความกว้างประมาณ 2 เมตร และ

ส่วนลึกประมาณ 2 เมตร

สำหรบั ภูเขาไฟสองแห่งสุดท้ายน้ี คือ “ภูเขาไฟหปลากบุ ป”ลอ่ แงซลาะกภ“ูเขภาไเู ฟขคาอไกฟเขาคอก” ภเู ขาไฟ
ท้งั สองแห่งน้ี แมจ้ ะไม่ค่อยเป็นทร่ี จู้ ักมากนัก แต่กย็ ังเปน็ แทหมี่ าล:ง่ hศttึกpษ://าwเรwยีwน.hรuดู้gb้าuนriธraรmณ.cวีoทิmย/ าในเรื่องเก่ียวกบั ภเู ขา

ไฟของไทยได้เปน็ อย่างดี ภเู ขาไฟทง้ั 6 แห่งน้ี แมจ้ ะเหลอื เพยี งแคร่ ่องรอยความย่ิงใหญเ่ ม่ือคร้ังอดตี แต่ก็ยัง

เปน็ สถานที่ท่องเทยี่ วและแหล่งเรยี นรู้ ที่จะยังคงอยใู่ ห้ผู้คนร่นุ หลงั ได้เห็นต่อไปตราบนานเทา่ นาน

ภมู ปิ ัญญาชาวบา้ น “ผ้าภูอคั น”ี

ผา้ ภูอคั นี หรอื ผา้ ยอ้ มดินภูเขาไฟ หม่บู า้ นเจริญสขุ
เกดิ จากภมู ปิ ญั ญาชาวบ้าน ที่ไดน้ ำวัตถดุ ิบจาก
ธรรมชาติ ทหี่ าไดใ้ นท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ โดยเป็น

กรรมวิธีในการยอ้ มสีผา้ ให้ออกมามีสสี วยงามอยา่ งมี

เอกลักษณ์ ด้วยการนำผ้าฝ้ายหรือผ้าไหมไปย้อมกบั

ดินภเู ขาไฟ หนง่ึ ในวัตถุดิบสำคญั ทีห่ าไดไ้ มย่ าก เพราะ

ศนู ยท์ อผา้ ฝา้ ย ผา้ ไหม ตำบลเจรญิ สุข หม่บู ้านเจริญสขุ นั้น ตง้ั อยูใ่ กล้กบั “เขาพระอังคาร”
ทมี่ า : เพช็ รชุมพวง สวุ รรณศรี ซึ่งเป็นภเู ขาไฟเก่าแก่ทีด่ ับแล้ว 1 ใน 6 ลูก ของจงั หวัด

บุรรี ัมย์ ดนิ บรเิ วณน้ีจงึ อดุ มด้วยแร่ธาตุจากลาวาภูเขาไฟที่ปะทุออกมาในอดีต ซึ่งนอกจากเป็นประโยชน์ ใน

การเพาะปลกู แล้ว ชาวบ้านเจรญิ สขุ ยังคดิ คน้ วธิ ีการนำดินเหลา่ น้มี าใชย้ ้อมผ้าอีกดว้ ย จากการคน้ พบทรัพย์จาก

ผนื ดนิ ถกู นำมาผสมผสานภูมิปญั ญาของบรรพบุรุษ จนกลายเป็นผลิตภณั ฑ์สรา้ งช่ือ มีเอกลกั ษณ์ดา้ นสง่ิ ทอท่ีมี

ชื่อว่า “ผ้าภอู ัคนี” ทผ่ี า่ นการผสมผสานจากผ้าฝา้ ยสีขาวเปลย่ี นเป็นสดี นิ น้ำตาลอ่อนกบั น้ำตาลแดง แบบดนิ

ภูเขาไฟ

ภมู ิปัญญาชาวบา้ น สามารถสรรคส์ รา้ งส่งิ ทีส่ วยงามได้อย่างมากมาย หน่ึงในนน้ั ก็คอื “ผ้าภู

อคั นี” ผ้าสีสวย ที่ได้จากภมู ิปัญญาในการย้อมสผี ้า ของบา้ นเจริญสขุ อำเภอเฉลมิ พระเกียรติ จงั หวดั บุรรี ัมย์

อกี ท้ังบา้ นเจรญิ สขุ แห่งน้ี ยังไดเ้ ป็นรบั เลือกให้เปน็ “หมู่บา้ น OVC” (OTOP Village Champion) ที่ไดร้ ับ

การสนบั สนุนจากกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยอีกด้วย “ผา้ ภอู ัคนี” หรอื “ผ้าย้อมดินภูเขา

ไฟ” เกิดจากภมู ิปัญญาชาวบ้าน ทไ่ี ดน้ ำวตั ถดุ ิบจากธรรมชาติทีห่ าได้ในท้องถนิ่

"ผา้ ภูอัคนี" เปน็ ผา้ เอกลกั ษณ์พ้ืนถิน่ ทีย่ ้อมดว้ ยดนิ ภเู ขาไฟ ของอำเภอเฉลมิ พระเกยี รติจังหวดั บรุ ีรัมย์

เน่ืองจากบริเวณอำเภอเฉลิมพระเกยี รตินี้ เป็นทตี่ ัง้ ของภูเขาไฟที่ดบั สนิทแล้วถงึ 4 ลูก ได้แก่ ภเู ขาไฟพนมรงุ้

ภเู ขาไฟไปรบดั ภเู ขาไฟเขาหลบุ และภูเขาไฟเขาองั คาร นอกจากน้ี ในเขตพนื้ ที่จงั หวดั บุรีรัมย์ ยงั มภี ูเขาไฟอกี

2 ลกู คอื ภเู ขาไฟเขากระโดง ในเขตอำเภอเมือง และภูเขาไฟเขาคอกอยู่ในเขตอำเภอประโคนชยั หม่บู า้ นเจรญิ

สุข เป็นหมบู่ ้านท่ตี ้งั อยูใ่ นบริเวณภูเขาไฟเขาองั คาร ซึ่งนอกจากจะมีพน้ื ดินท่ีอุดมไปดว้ ยแร่ธาตุ ลาวาภูเขาไฟท่ี

เคยประทุออกมาในอดีต ซึง่ เหมาะแกก่ ารเพราะปลูกอยา่ งมากแล้ว ชาวบา้ นบริเวณน้ี ยงั ใชด้ นิ ภูเขาท่ีหาได้

งา่ ยๆในบริเวณหมู่บา้ น อยูห่ า่ งหมบู่ า้ นออกไปเพียง 4 กม. ดว้ ยวิธภี ูมปิ ญั ญา คดิ ค้นดว้ ยการเพิ่มมูลคา่ ให้กับดนิ

ภเู ขาไฟมาประยุกตใ์ ช้ ในการยอ้ มผา้ และได้สขี องผ้า ที่เปน็ สีดินจากธรรมชาติ อนั สวยงาม มคี วามโดดเด่นเป็น

เอกลกั ษณ์ ของชุมชน

กรรมวิธีการย้อม

1. นำดินจากเขาองั คาร (ดนิ จะมสี องส่วน สว่ นหนา้ ดนิ สีแดงกำ่ เข้ม เมอ่ื ขดุ ลงไป 2.5 เมตร จะได้ดนิ สี
ชมพ)ู นำดนิ ส่วนทีเ่ ปน็ สีชมพู 4 กก.ใส่ภาชนะ เตรียมการแชด่ ิน

2. นำเปลอื กไม้ประดู่ (อายุ15-20ปี) จำนวน 4 กก. มาแชน่ ้ำ 40 ลติ ร จนได้สแี ดงจากเปลือกประดู่ (แช่
ประมาณ 1-2 ช่ัวโมง) แบง่ น้ำออกเปน็ 2 สว่ นเท่าๆ กนั นำส่วนที่ 1 เทลงในภาชนะที่ใสด่ ินไว้แลว้ แชท่ ิ้งไว้ 4
ช่ัวโมง อีกสว่ นเทใส่ภาชนะ นำไปต้ม เมื่อน้ำได้รับความร้อนจากการต้ม สจี ะออกเข้มกวา่ น้ำท่ี ยงั ไมต่ ม้

3. เม่ือครบ 4 ชัว่ โมง ดินจะแตกตวั ออกจากกัน นวดขยำเนื้อดิน แล้วกรองด้วยตะแกรง จะไดน้ ำ้ ดินสี
ส้มสด

4. นำเสน้ ด้ายหรือฝา้ ย มาลงย้อมในนำ้ สีจากดนิ ยอ้ มนวดเส้นด้ายไปมา 3-4 ชวั่ โมง แลว้ บิดเส้นด้ายให้
หมาด

5. นำเสน้ ด้ายท่ียอ้ มนำ้ สีดินแลว้ ลงย้อมในหมอ้ ตม้ สีเปลอื กประดู ยอ้ มประมาณ 40 นาที กจ็ ะได้สีทเ่ี ข้ม
และคงทน ไม่ตกสี แล้วนำไป

6. กรอเสน้ ด้าย ใสห่ ลอด เพื่อเตรยี มในการทอ
7. ชาวบา้ นจะทอเปน็ ผ้าพันคอ/ผา้ ผืนใหญ่ เพื่อนำไปตัดเป็นเสอื้

บทที่ 3
วิธีการดำเนนิ งาน

ในการดำเนนิ การจดั ทำโครงงาน เรอ่ื ง คำขวญั ประจำจงั หวัดกับการบูรณาการความรู้ สู่เนือ้ หาเศรษฐศาสตร์
เรอื่ ง การผลติ ได้ดำเนนิ การตามลำดบั ขัน้ ตอน ดังต่อไปนี้
วิธดี ำเนนิ การ
1. รวมกล่มุ สมาชกิ ในการจัดทำโครงงาน ได้แก่

เด็กชายกติ ตนิ ันท์ สมลำ่ นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3/1
เด็กชายพงศพฒั น์ วาจาจิตต์ นักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3/1
เด็กชายธนวฒั น์ ชเู ลิศ นักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3/1

2. กำหนดครทู ป่ี รึกษาโครงงาน ไดแ้ ก่
นางเพช็ รชมุ พวง สุวรรณศรี ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ

3. กำหนดหัวขอ้ หรอื ประเด็นปญั หาทีส่ นใจจะศกึ ษา

4. นำหัวข้อหรอื ประเด็นปัญหาท่สี นใจศึกษา ไปปรึกษาครูท่ีปรกึ ษาโครงงาน
5. เกบ็ รวบรวมข้อมูลทีเ่ กี่ยวข้องกบั หวั ข้อหรือประเดน็ ปัญหาจากแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ
6. นำข้อมลู ท่ีไดม้ าจัดระบบหมวดหมขู่ องข้อมลู
7. ทำการวเิ คราะห์และสรปุ ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู
8. ทำการสรปุ ผลและเขยี นรายงานผลข้อมูลจากการทำโครงงาน
9. นำเสนอผลการดำเนินงาน
10. จดั ทำรปู เล่มรายงาน แผ่นพบั ความรู้ สือ่ ประกอบการเผยแพร่โครงงาน
11. จดั ทำแผงโครงงาน นำเสนอ
12. นำเสนอและเผยแพรผ่ ลการศึกษาต่อครู เพ่ือนนกั เรยี น และผทู้ ่ีสนใจ

ในการดำเนนิ การจดั ทำโครงงานกล่มุ ของพวกเราได้ดำเนินการตามปฏิทนิ ดังนี้
ตาราง แสดงปฏทิ นิ การดำเนินการทำโครงงาน

ลำดบั ระยะเวลา รายการ ผลการดำเนินการ
ท่ี

1 2 – 3 มถิ ุนายน พ.ศ. - รวมกลุม่ สมาชิก - ไดห้ ัวขอ้ / ประเดน็ ท่ี

2565 - กำหนดหัวข้อที่จะศึกษา สนใจจะศึกษาและทำ

โครงงาน

2 4 – 5 มถิ ุนายน พ.ศ. ศกึ ษาค้นควา้ ข้อมลู จากแหลง่ - ไดข้ อ้ มูลจากแหลง่ ความรู้

2565 ตา่ ง ๆ เช่น ต่าง ๆ

- จากเวบ็ ไซด์

- หนังสอื ตำรา

- สอบถาม / ปรกึ ษาครทู ่ี

ปรกึ ษาโครงงาน

3 6 – 10 มถิ นุ ายน พ.ศ. - รวบรวมข้อมลู จากแหล่งต่าง ๆ - ไดเ้ ครอื่ งมอื สำหรบั เกบ็

2565 - สร้างเครอื่ งมือ /แบบสอบถาม รวบรวมข้อมูล

ความคิดเห็น

4 11 – 12 มิถนุ ายน พ.ศ. - วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ข้อมลู และ - ไดข้ อ้ มลู ทน่ี า่ เช่ือถอื และ

25565 จัดระบบข้อมูลให้เปน็ หมวดหมู่ สัมพันธก์ นั

- จดั ทำสือ่ ประกอบการนำเสนอ - ไดส้ ่อื ประกอบการ

โครงงาน นำเสนอโครงงาน

ลำดบั ระยะเวลา รายการ ผลการดำเนนิ การ
ที่ - ไดผ้ งั โครงงาน
ประกอบการนำเสนอ
5 13 – 14 มถิ นุ ายน พ.ศ. - จดั เตรยี ม / จดั ทำผังโครงงาน - ไดส้ ่ือประกอบการ
เผยแพร่โครงงาน
2565 - ทดลองนำเสนอโครงงานต่อครู - ไดเ้ ผยแพร่ความรใู้ นเรอ่ื ง
ทไี่ ปศึกษาคน้ คว้ามา
และเพ่ือนนักเรยี น - ไดข้ อ้ มลู จากการประเมนิ
โดยใช้แบบสอบถาม
- ประเมนิ ความคิดเหน็ จากครู
- ได้รปู เล่มรายงาน
และเพื่อนนกั เรยี น - ไดส้ ื่อประกอบการ
เผยแพร่โครงงาน
- วิเคราะหข์ อ้ มูลจาก - ได้เผยแพรค่ วามรใู้ นเรอ่ื ง
ที่ไปศึกษาค้นควา้ มา
แบบสอบถามความคดิ เหน็
-
- ปรบั ปรงุ แกไ้ ขตามคำแนะนำ

จากครแู ละเพ่ือนที่ให้

ข้อเสนอแนะ

6 15 – 16 มถิ นุ ายน พ.ศ. - รวบรวมองคป์ ระกอบทั้งหมด

2565 ของโครงงาน

- เรียบเรียงและนำเสนอผล

การศกึ ษา

- เขียนรายงานการจัดทำ

โครงงาน

- จัดทำรปู เลม่ โครงงานฉบบั

สมบูรณ์

- ซกั ซอ้ มการนำเสนอโครงงาน

7 17 มถิ นุ ายน พ.ศ. - นำส่งรปู เลม่ ครูโครงงานต่อ

2565 คณะกรรมการตัดสินโครงงาน

วัสดุอุปกรณใ์ นการดำเนินการ

1. โทรศพั ท์มือถือ 2. ปากกา 3. สมุดจดบันทกึ 4. รปู ภาพ

5. เครือ่ งปริน้ 6. คอมพวิ เตอร์ 7. กระดาษ 8. แผน่ ฟวิ เจอรบ์ อรด์

9. สี 10. ผงั โครงงาน 11. วัสดุ อุปกรณ์ตกแต่งผังโครงงาน

เครอ่ื งมอื ในการศึกษา

เครือ่ งมอื ท่ีใช้ในการศกึ ษาเป็นแบบสอบถามความคิดเห็นจากนกั เรียน คณะครูทผ่ี ตู้ อบแบบสอบถาม เกย่ี วกับ

โครงงาน เร่อื ง คำขวัญประจำจงั หวดั กับการบูรณาการความรู้ สู่เนอื้ หาเศรษฐศาสตร์ เรื่อง การผลิต

มวี ธิ ดี ำเนนิ การ ดงั นี้
1. ศึกษา วเิ คราะห์ โครงงาน เรื่อง คำขวัญประจำจงั หวดั กับการบรู ณาการความรู้ สู่เนอ้ื หาเศรษฐศาสตร์
เร่ือง การผลติ

2. กำหนดกรอบการสรา้ งแบบสอบถามความคิดเหน็

3. กำหนดประเด็นในการสอบถามและนำเสนอครทู ่ีปรึกษาโครงงาน
4. ปรับปรุงแบบสอบถามตามคำแนะนำของครทู ีป่ รกึ ษาโครงงาน
5. จัดพิมพแ์ บบสอบถาม
6. นำไปสอบถามความคิดเห็นกับกลุม่ เป้าหมาย

การประเมนิ ความคิดเหน็ โดยใชห้ ลกั เกณฑก์ ารประเมนิ ของ ลเิ คอรท์ (Likert) เป็นมาตราส่วน
ประมาณค่า (Rating Scale) มี 5 ระดับ โดยมีเกณฑ์พิจารณา ดงั นี้

5 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดบั มากท่สี ดุ
4 หมายถึง มคี วามคิดเหน็ อยู่ในระดบั มาก

3 หมายถงึ มีความคดิ เหน็ อยู่ในระดบั ปานกลาง
2 หมายถึง มีความคดิ เหน็ อยู่ในระดับน้อย
1 หมายถงึ มีความคิดเห็นอยู่ในระดบั น้อยท่สี ดุ
สำหรบั การให้ความหมายของคา่ ที่วัดได้ ไดก้ ำหนดเกณฑท์ ่ีใชใ้ นการใหค้ วามหมายของคา่ เฉลี่ย (บญุ ชม ศรี
สะอาด. 2553 : 121) ดงั น้ี

4.51 – 5.00 หมายถงึ พึงพอใจมากที่สดุ
3.51 – 4.50 หมายถงึ พงึ พอใจมาก
2.51 – 3.50 หมายถึง พึงพอใจปานกลาง
1.51 – 2.50 หมายถงึ พงึ พอใจน้อย
1.00 – 1.50 หมายถงึ พึงพอใจน้อยท่ีสุด

แบบสอบถามความคดิ เหน็

แบบสอบถามความคดิ เห็นเก่ยี วกับโครงงาน
เร่ือง คำขวัญประจำจังหวัดกับการบูรณาการความรู้ สู่เนื้อหาเศรษฐศาสตร์

เร่ือง การผลติ

............................................................................................................................. ............................................................................................................................. .......................................

คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นทำเครื่องหมาย ลงในช่อง  ท่ีตรงกบั ระดบั ความคิดเหน็ ของนักเรียน

5 หมายถงึ มีความคดิ เห็นอยใู่ นระดับมากท่สี ุด
4 หมายถึง มคี วามคดิ เห็นอยู่ในระดับมาก

3 หมายถึง มีความคดิ เห็นอย่ใู นระดับปานกลาง
2 หมายถึง มคี วามคิดเห็นอยใู่ นระดับน้อย
1 หมายถงึ มีความคดิ เหน็ อยูใ่ นระดบั น้อยที่สุด

ข้อท่ี รายการ ระดับความคิดเห็น
54321
ดา้ นเนอ้ื หาโครงงาน
1. ความถูกต้องครบถว้ นสมบูรณ์ของเน้ือหาในโครงงาน
2. ความชดั เจนในการนำเสนอเน้ือหา
3. การเรียบเรยี งเน้ือหาท่ีเข้าใจง่าย
4. เนื้อหาสอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงคข์ องโครงงาน
5. เนือ้ หาโครงงานมสี าระและประโยชน์ สามารถนำไป

ประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวันได้
ด้านการนำเสนอ
6. นำ้ เสียง บคุ ลกิ ภาพ มีความเหมาะสม

7. ใชภ้ าษาในการนำเสนอถูกต้องเหมาะสม
8 การนำเสนอแปลกใหม่ รเิ ริ่มสร้างสรรค์ น่าสนใจ
9. การนำเสนอมีความต่อเนอ่ื ง เหมาะสมกบั เวลา
10. สือ่ ประกอบของโครงงานหลากหลาย น่าสนใจ
ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
.................................................................................................................................................

สถิติท่ใี ช้ในการวิเคราะหข์ ้อมลู
คา่ เฉล่ีย

การเก็บรวบรวมข้อมลู และการดำเนินการ
1. ศกึ ษาสืบค้น รวบรวมขอ้ มูล และวเิ คราะห์ขอ้ มลู

2. ออกแบบและจัดทำผงั โครงงาน

3. นำเสนอโครงงาน

4. จดั ทำสื่อประกอบอื่น ๆ สำหรบั การนำเสนอ

บทท่ี 4

การศึกษาวเิ คราะห์

ผลการจัดทำโครงงาน เรื่อง คำขวัญประจำจังหวัดกับการบูรณาการความรู้ สู่เนื้อหาเศรษฐศาสตร์
เรื่อง การผลิต มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาวิเคราะห์ความหมายและความสำคัญของคำขวัญประจำจังหวัด
ของจังหวัดกลุ่มเป้าหมาย (2) ศึกษาวิเคราะห์คำขวัญประจำจังหวัดกับการบูรณาการความรู้ สู่เนื้อหา
เศรษฐศาสตร์ เรื่อง การผลิต (3) เผยแพร่ความรู้ที่ได้จากการศึกษาวิเคราะห์คำขวัญประจำจังหวัดกับการบูร
ณาการความรู้ สู่เนื้อหาเศรษฐศาสตร์ เรื่อง การผลิต ให้กับนักเรียน คณะครูและผู้ที่สนใจ (4) ศึกษาวิเคราะห์
ความคิดเห็นของนักเรียนและคณะครูที่มีต่อโครงงาน เรื่อง คำขวัญประจำจังหวัดกับการบูรณาการความรู้ สู่
เนือ้ หาเศรษฐศาสตร์ เร่ือง การผลิต ขอนำเสนอผลการศึกษาค้นควา้ ตามลำดบั ดังตอ่ ไปนี้

1. ผลการศึกษาวิเคราะห์ความหมายและความสำคญั คำขวัญประจำจังหวดั แต่ละจังหวดั ทสี่ นใจ
จะศึกษา ไดแ้ ก่ จงั หวัดนครราชสมี า จงั หวดั ระยอง จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี จงั หวัดชลบุรี จังหวดั กาญจนบรุ ี
และจงั หวดั พังงา

1) จังหวดั นครราชสีมา

คำขวัญประจำจังหวัด ความหมาย

จังหวัดนครราชสีมา เมืองหญิงกล้า หมายถึง ทา้ วสรุ นารี หรือ ยา่ โม วรี

ไหมดี “เมืองหญิงกลา้ ผา้ สตรีผ้มู ีสว่ นกอบกู้เมอื งนครราชสมี า อนสุ าวรีย์ท้าวสุรนารี ตัง้ อยู่
หนิ หมี่โคราช ปราสาท บริเวณหนา้ ศาลากลางจังหวัด เพื่อเปน็ อนุสรณร์ ำลึกถึงวีรกรรม
ดนิ ดา่ นเกวียน” อันยิง่ ใหญ่

ผ้าไหมดี หมายถึง ผ้าไหมของชาวโคราชได้ช่อื ว่าเปน็

ผ้าไหมทีม่ ีคณุ ภาพดี มแี หลง่ ผลิตตามชุมชนตา่ ง ๆ หลายแห่ง

หมี่โคราช หมายถึง เสน้ หมี่ เปน็ อาหารข้ึนช่ือทมี่ ี
ชอื่ เสียงอกี อย่างหน่ึงของจังหวดั ทำจากข้าวเจา้ ซง่ึ จังหวัด
นครราชสมี ามีการปลูกข้าวเจ้ามาก เพ่ือเพิ่มความหลากหลาย
ของอาหาร และเป็นการแปรรูปการถนอมอาหารอีกรูปแบบหน่งึ

ปราสาทหิน หมายถึง อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย
หนึง่ ในอทุ ยานประวัตศิ าสตร์ของประเทศไทย ทตี่ ั้งอย่ใู นตัว
อำเภอพิมาย จงั หวัดนครราชสีมา สร้างขนึ้ ในสมัยพระเจ้าสุริยวร
มันที่ 1 ของขอมโบราณ

ดนิ ดา่ นเกวียน หมายถงึ ดนิ ที่ใชท้ ำเครือ่ งปนั้ ดนิ เผาที่มี
ช่ือเสยี ง ของชมุ ชนด่านเกวยี น เปน็ แหล่งผลติ เคร่ืองปนั้ ดินเผาอัน
เลื่องช่อื

2) จังหวดั ระยอง

คำขวญั ประจำจังหวัด ความหมาย

จงั หวดั ระยอง ผลไมร้ สล้ำ หมายถงึ ผลไมน้ านาชนดิ อาทิเช่น

“ผลไม้รสล้ำ ทุเรียน เงาะ สบั ปะรด มังคุด มะมว่ ง กล้วย ลองกอง ฯลฯ ซ่งึ
อตุ สาหกรรมกา้ วหน้า น้ำปลารส เปน็ ผลไม้ที่ข้ึนช่ือของจังหวัดและของไทย มรี สชาติอร่อย

เด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู อตุ สาหกรรมกา้ วหน้า หมายถงึ จังหวัดระยองมี

สนุ ทรภู่ กวีเอก” บทบาทให้เปน็ ฐานเศรษฐกจิ และอตุ สาหกรรมใหม่ของประเทศ

เปน็ แหล่งการผลติ ดา้ นอตุ สาหกรรมมากมาย

นำ้ ปลารสเดด็ หมายถงึ มโี รงงานนำ้ ปลามากท่ีสุดใน
ประเทศ มกี ารนำเอาทรัพยากรจากท้องทะเลมาแปรูปเปน็
นำ้ ปลา

เกาะเสมด็ สวยหรู หมายถึง เกาะเสม็ดมีที่ต้ังอยู่ใน
ตำบลเพ

อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ในพื้นทีข่ องอทุ ยาน
แหง่ ชาติเขาแหลมหญ้า-หมูเ่ กาะเสม็ด เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทีย่ วทม่ี ี
ช่ือเสยี งของระยอง ท่ีได้รับความนิยมทง้ั จากชาวไทยและ
ตา่ งประเทศ

สนุ ทรภกู่ วเี อก หมายถึง สนุ ทรภกู่ วเี อกของไทย เกิดที่
จังหวดั ระยอง และมีอนุสาวรยี ์สุนทรภู่ ไว้ทต่ี ำบลกร่ำ อำเภอแก
ลง จังหวัดระยอง บ้านเกดิ ของบิดาของทา่ นสุนทรภู่

3) จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี

คำขวญั ประจำจังหวดั ความหมาย

จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมอื งร้อยเกาะ หมายถึง มีเกาะน้อยใหญ่มากมาย มี
ลกั ษณะสวยงามเป็นธรรมชาติ เชน่ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะ
“เมืองร้อยเกาะ เงาะ เตา่ ฯลฯ
อร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่ง
ธรรม” เงาะอรอ่ ย หมายถึง เงาะโรงเรียนมชี ื่อเสียงทีส่ ุดใน
ประเทศ และมีรสชาติอรอ่ ย ปลูกกนั มากในจงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี

หอยใหญ่ หมายถงึ หอยนางรม ของข้นึ ชื่ออีกอย่าง
หน่ึงของจังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี

ไข่แดง หมายถงึ ไขเ่ คม็ ไชยาของฝากของดปี ระจำ
จังหวัด ทใี่ ครไปใครมาต้องแวะ ซื้อหาไปเป็นของฝากกัน

แหล่งธรรมะ หมายถึง สวนโมกข์พลาราม หรือวดั ธาร
นำ้ ไหล สวนโมกข์ พุทธทาส

4) จังหวัดชลบุรี

คำขวัญประจำจังหวดั ความหมาย

จงั หวัดชลบรุ ี ทะเลงาม หมายถึง ทะเลตะวันออกของไทย เชน่
ทะเลบางแสน
“ทะเลงาม ข้าวหลาม
อรอ่ ย อ้อยหวาน จกั สานดี ขา้ วหลามอร่อย หมายถงึ ข้าวหลามหนองมน เป็น
ประเพณีวิ่งควาย” อาหารขนึ้ ช่ือของจังหวดั ชลบุรี

ออ้ ยหวาน หมายถึง อ้อย เปน็ พชื เศรษฐกิจ เป็นพืชท่ี
สำคัญของจังหวดั ชลบุรี

จักสานดี หมายถงึ จักสานดี มีช่ือเสยี งในเร่ืองการจัก
สานไมไ้ ผ่ของอำเภอพนสั นคิ ม งานหตั ถกรรม จกั สานพนสั นิคม
นบั ว่าเป็นของขึน้ ช่อื อีกอยา่ งหน่ึงของจังหวดั ชลบรุ ี

ประเพณีวิง่ ควาย หมายถงึ ประเพณวี ่งิ ควาย เป็น
เอกลักษณ์ของจังหวดั ชลบุรี โดยการวิ่งแขง่ กันเปน็ ความบันเทิง
หลังจากทำนาของชาวนา แต่หลงั ๆ มากลายเป็นประเพณกี าร
แข่งขันทน่ี ่าสนใจ

5) จังหวดั กาญจนบุรี

คำขวญั ประจำจังหวัด ความหมาย

จงั หวัดกาญจนบุรี แควน้ โบราณ หมายถึง เปน็ ดินแดนทีม่ หี ลักฐานกอ่ น

“ แคว้นโบราณ ดา่ น ยคุ ประวัตศิ าสตร์หรือมากกว่า ๑๐,๐๐๐ ปีมาแลว้

เจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพาน ด่านเจดีย์ หมายถึง ด่านเจดยี ์ 3 องค์ ในอดตี ดา่ น

ขา้ มแมน่ ำ้ แคว แหลง่ แร่น้ำตก ” เจดยี ์เคยเป็นเมืองหนา้ ดา่ น เสน้ ทางประวตั ิศาสตร์ในการเดนิ ทพั

ระหวา่ งไทยกับพม่า

มณีเมอื งกาญจน์ หมายถงึ อัญมณที ีส่ วยงาม และเป็น
แหล่งท่ีมีอัญมณีทน่ี ยิ มแพรห่ ลายมาก อาทเิ ชน่ พลอยไพลิน หรอื
พลอย สีน้ำเงิน

สะพานขา้ มแมน่ ำ้ แคว หมายถึง สะพานท่ีมี
ความสำคัญทางประวัติศาสตรส์ มัยสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ซ่ึงญ่ปี นุ่
ตอ้ งการสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ข้ามแม่นำ้ แควผา่ น
ประเทศพม่า โดยเกณฑ์เชลยศึกสมั พันธมิตรเปน็ ผู้สรา้ ง

แหลง่ แร่ น้ำตก หมายถึง มีแหล่งธรรมชาติ แร่
ธาตุ และนำ้ ตก เชน่ นำ้ ตกไทรโยค ซง่ึ เหมาะแกก่ ารศกึ ษา
ธรรมชาตวิ ิทยาและเป็นแหล่งการทอ่ งเทยี่ ว

6) จังหวดั พังงา

คำขวัญประจำจังหวดั ความหมาย

จงั หวดั พังงา แร่หมื่นล้าน หมายถงึ แร่ดบี ุก ซ่งึ เป็นแหลง่ รายได้
หลักของจังหวัดพงั งาในสมัยก่อนทม่ี ีมากแถวพังงา ภูเกต็ และ
“แรห่ มื่นล้าน บา้ น ภาคใต้
กลางน้ำ ถำ้ งามตา ภูผาแปลก
แมกไม้จำปนู ” บ้านกลางนำ้ หมายถงึ หมู่บา้ นเกาะปนั หยีทต่ี ัง้ อยู่
กลางทะเลบรเิ วณอ่าวพงั งา ปัจจบุ นั กลายเป็นสถานที่ท่องเทีย่ วท่ี
สำคัญ แหง่ หน่งึ

ถ้ำงามตา หมายถงึ มเี ขาและมถี ำ้ สวย ๆ
มากมาย เชน่ วัดถ้ำสุวรรณคูหา ถำ้ ตาปาน ถำ้ ฤาษี เปน็ ต้น

ภูผาแปลก หมายถึง ภเู ขารูปทรงแปลกตามากมาย
อย่างเชน่ เขาพงิ กัน เขาตะปู เขาชา้ งมีถ้ำพงุ ชา้ ง

แมกไมจ้ ำปนู หมายถึง ดอกจำปูนซึ่งเป็นดอกไม้
ประจำจังหวดั ของจงั หวดั พังงา

2. ผลการศกึ ษาวเิ คราะหค์ ำขวญั ประจำจงั หวัดกบั การบรรู ณาการความรู้ สเู่ นอ้ื หาเศรษฐศาสตร์ เรอื่ ง การ
ผลิต

1) จังหวดั นครราชสีมา

คำขวัญประจำ การบูรณาการความรูส้ ูเ่ นือ้ หาเศรษฐศาสตร์
จงั หวดั

“เมืองหญิงกลา้ เมืองหญงิ กล้า

ผา้ ไหมดี หม่ี  แสดงใหเ้ หน็ ถึง กระบวนการได้ใช้ประโยชนจ์ ากกระบวน
โคราช ปราสาทหนิ ดิน ผลิตทเ่ี ก่ยี วข้องกบั การให้บรกิ าร การอำนวยความสะดวก มี
ดา่ นเกวยี น ” กระบวนการสลบั ซับซ้อน จดั เปน็ การผลติ ในข้นั ตติยภูมิ

ผ้าไหมดี

 แสดงให้เห็นถงึ กระบวนการผลติ มกี ารนำเสน้ ใยมาทอ
เป็นผนื ผ้า เป็นการใชป้ ระโยชน์จากธรรมชาติโดยตรง กระบวนการไม่
สลับซบั ซอ้ น จัดเป็นการผลติ ขั้นปฐมภูมิ (ยกเวน้ ท่ีมกี ารนำเทคโนโลยีมา
ใช้ในการผลติ ) จะอยู่ในขน้ั ทุติยภมู ิ

หมโี่ คราช

 แสดงให้เห็นถึง กระบวนการผลิตมีการแปรรปู จาก
ข้าวสารมาเปน็ แปง้ มีการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในการผลิต โดยนำ
ผลผลิตจากขัน้ ปฐมภูมิ มาแปรรปู ให้เกิดประโยชน์ใหม่ จดั เป็นการผลติ
ในขน้ั ทุติยภมู ิ

คำขวญั ประจำ การบรู ณาการความรู้สเู่ นือ้ หาเศรษฐศาสตร์
จงั หวดั

จังหวัด ปราสาทหนิ
นครราชสมี า
 แสดงให้เห็นถึง กระบวนการได้ใช้ประโยชนจ์ ากกระบวน
ผลิตทเี่ กี่ยวข้องกับการให้บริการ การอำนวยความสะดวก มี
กระบวนการสลบั ซบั ซ้อน จัดเปน็ การผลติ ในขั้นตตยิ ภูมิ

ดนิ ด่านเกวยี น

 แสดงให้เห็นถงึ กระบวนการผลติ มกี ารนำดินมาทำเปน็
เครือ่ งปนั้ ดินเผา ทมี่ กี ระบวนการผลิตไม่สลบั ซบั ซ้อน เปน็ การใช้
ประโยชน์จากธรรมชาตโิ ดยตรง จดั เป็นการผลติ ในข้ันปฐมภูมิ (ยกเว้นที่
มีเทคโนโลยเี ขา้ มาชว่ ยในการผลติ ) จะอย่ใู นขั้นทตุ ยิ ภมู ิ

2. จังหวดั ระยอง

คำขวญั ประจำ การบรู ณาการความรสู้ ู่เน้ือหาเศรษฐศาสตร์
จังหวดั

“ผลไม้รสลำ้ ผลไมร้ สล้ำ
อุตสาหกรรมก้าวหน้า
นำ้ ปลารสเด็ด เกาะเสม็ด  แสดงใหเ้ หน็ ถึง กระบวนการผลติ ไมส่ ลบั ซับซ้อน เป็น
สวยหรู สนุ ทรภ่กู วีเอก” การใช้ประโยชน์จากธรรมชาตโิ ดยตรง จัดเป็นการผลิตในข้ันปฐมภมู ิ

อุตสาหกรรมก้าวหนา้

 แสดงให้เหน็ ถงึ กระบวนการผลติ ทีส่ ลับซับซอ้ น มีการใช้
เทคโนโลยชี ว่ ยในการผลิตสนิ คา้ และบริการ โดยการนำเอาผลผลิตจาก
ขนั้ ปฐมภมู ิมาแปรรปู จัดเปน็ การผลิตในข้นั ทตุ ยิ ภมู ิ

น้ำปลารสเด็ด


Click to View FlipBook Version