The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-book การพยาบาลผู้สูงอายุฉบับเทส1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chutima121472, 2021-10-23 13:03:07

E-book การพยาบาลผู้สูงอายุฉบับเทส1

E-book การพยาบาลผู้สูงอายุฉบับเทส1

หลกั กำรดูแลรักษำผู้ปว่ ยโรคอลั ไซเมอร์
เนือ่ งจากโรคนีเ้ ปน็ โรคทร่ี ักษาไม่หาย และการดาเนินโรคก็จะเปน็ มากข้นึ เร่ือย ๆ

เป้าหมายของการดแู ลรกั ษาจงึ เน้นการรักษาอาการตา่ ง ๆ เพ่อื ให้ผู้ป่วยสามารถ
ช่วยเหลือตัวเอง และมีคณุ ภาพชีวิตทีด่ ขี นึ้

การดแู ลรักษาผูป้ ่วยโรคอัลไซเมอร์ มี 2 แบบ ดงั นี้
1. แบบท่ไี ม่ใชย้ ำ (Non-pharmacological) เชน่ ให้ผูป้ ่วยจดบันทึกกจิ วตั ร
ต่างๆ ทผ่ี ้ปู ว่ ยจาเปน็ ต้องทาเพ่ือเตอื นความจา การจดั สภาวะแวดล้อมท่ีผู้ป่วยอยอู่ าศัย
ให้เรียบรอ้ ยเพ่อื ลดการสับสน และลดอันตรายต่าง ๆที่อาจจะเกิดขึ้นกบั ผู้ปว่ ยการลดสิง่
กระตนุ้ ทอี่ าจทาใหผ้ ้ปู ่วยเกิดความผดิ ปกติทางอารมณ์ และพฤติกรรม เช่น ลดการ
โต้แย้งกับผู้ป่วย การจดั เตรียมใหผ้ ูป้ ว่ ยได้บริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อหลีกเล่ยี ง
ภาวะการขาดสารอาหาร พกั ผ่อนใหเ้ พยี งพอ ออกกาลงั กายอย่างสม่าเสมอ เพอื่ ให้
สขุ ภาพทวั่ ไปดี
2. แบบใชย้ ำ (Pharmacological) ยาในกล่มุ นที้ ่สี าคัญ ไดแ้ ก่ ยาท่ยี บั ย้ัง
เอนไซม์ (Enzyme) โคลีนเอสเตอเรส (Cholinesterase inhibitors) ซง่ึ มที งั้ แบบยาเม็ด
ยาน้า และยาแผ่นแปะ ส่วนยาอกี ลมุ่ หน่ึงที่ใชร้ กั ษาโรคอัลไซเมอร์ ไดแ้ ก่ ยาท่ียับย้งั
ตวั รบั เอนเอม็ ดีเอ (NMDA receptor antagonists)

7.1.2 กระดูก/ขอ้ ต่อ (osteoporosis)
ภาวะกระดกู พรุน เปน็ ภาวะที่ความหนาแนน่ ของกระดูกต่อปริมาตร 1 ยนู ติ

ลดลงทาให้เนือ้ กระดกู บาง ป็นรพู รนุ และหักง่าย
ชนดิ ของภำวะกระดกู พรุน

กระดูกพรุนเปน็ โรคท่ีเกยี่ วกบั ความผดิ ปกติในการเผาผลาญกระดกู ทีพ่ บได้
บอ่ ยมี 2 ชนดิ เพือ่ ประโยชน์ในการรกั ษา คือ

ชนดิ ท่ี 1 ภำวะกระดูกพรุนหลังหมดประจำเดือน(Type 1 post
menopausal osteoporosis) เกิดข้นึ จากระดบั เอสโตรเจนทตี่ ่ำลง ทาให้มีการ
สลายแคลเซยี มจากกระดูก (bone resorption) มากขนึ้

ชนิดท่ี 2 กระดกู พรุนในวยั สูงอำยุ (Type ll senile or age-related
osteoporosis) อัตราการสลายกระดกู (bone resorption) มากกวา่ อตั ราการสรา้ ง
(bone formation) ทาให้สญู เสยี เน้อื กระดูกท่ีสะสมไว้จึงเกิดกระดูกหกั ไดง้ ่าย
สำเหตุหรือปจั จัยเสย่ี ง

1. เพศ อายุ และเช้อื ชาตโิ ดยเพศหญิงมีโอกาสเกิดภาวะกระดูกพรุนมากกว่า
เพศชายเพราะปรมิ าณเนือ้ กระดกู สะสมน้อยกว่าเพศชายประมาณ 10 - 25%

2. พนั ธกุ รรม ผทู้ ่มี ภี าวะกระดูกบางมีแนวโนม้ จะเกดิ ในครอบครวั เดียวกัน

3. การหมดประจาเดือน เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนมีบทบาทสาคัญในการป้องกนั
การเกดิ ภาวะกระดกู พรุนโดยจะช่วยยับยง้ั การสลายแคลเซยี มโดย

3.1 เพ่ิมการดูดซมึ แคลเซยี มจากสาไส้ และการขบั ถา่ ยแคลเซยี มทางปัสสาวะ
3.2 ระดบั ฮอร์โมนเอสโตรเจนท่ีสูงทาใหร้ ะดบั วิตามนิ ดี มรี ะดบั สงู ข้นึ ซึง่ จะ
ช่วยดดู ซมึ แคลเซยี มจากลาไสไ้ ด้ดขี ึ้น
3.3 กระตุ้นการผลติ แคลเซยี มซไี ทนิน ซึ่งยับยัง้ การทางานของ Osteoclast
4. ปจั จยั ทที่ าใหส้ ญู เสยี แคลเซียม ไดแ้ ก่ การขาดวติ ามนิ ดี การรับประทานอาหารทม่ี ี
ไขมันสงู การสูบบหุ ร่ี การด่มื สุรา
5. รูปแบบการดาเนนิ ชวี ิตของแต่ละบคุ คล จะสง่ ผลใหม้ ีการสูญเสยี เนอ้ื กระดกู ท่ี
แตกต่างกัน
6.โรคและยาบางชนดิ มผี ลตอ่ การสญู เสียเนื้อกระดกู เช่น hyperparathyroidism,
hyperthyroid, Cushing’s

อำกำรและอำกำรแสดง
อาการปวดหลัง อาจทาให้รูปร่างเปลี่ยนไป ตัวเตยี้ ลง หลังคอ่ มงอ ในรายท่ีกระดกู สัน
หลังยบุ หกั หลายท่อนจะทาใหข้ องอกเลก็ ลงสง่ ผลต่อการหายใจและขยายตัวของปอด

กำรพยำบำล
1. แนะนาการรับประทานอาหารท่ีมีแคลเซียมสูง เช่น นม ผลิตภัณฑ์จากนม, ปลา
หรือสตั ว์ที่รับประทานได้ท้ังกระดกู , อาหารประเภทถัว่ , เต้าหู้, นมถว่ั เหลือง, ถ่ัวเมล็ด
แหง้ , ผกั ใบเขียวเข้ม
2. หลกี เลี่ยงปจั จัยที่ทาให้การดูดซึมแคลเซียมจากอาหารลดลง เช่น อาหารที่มีไขมัน
สูง สุรา บหุ รี่
3. แนะนาใหผ้ สู้ งู อายอุ อกกาลงั กายอยา่ งสม่าเสมอ
4. ปอ้ งกนั และควบคมุ โรค และยาบางชนดิ ท่ที าให้สูญเสียเนือ้ กระดูก
5. แนะนาผ้สู ูงอายุให้ได้รบั การประเมนิ สภาวะกระดูก
6. การฟื้นฟูสภาพให้สามารถดาเนนิ ชีวติ ประจาวันไดใ้ กล้เคยี งปกติมากที่สดุ

โรคข้อเส่ือม (Degenerative joint disease)
โรคขอ้ เสอื่ มเป็นโรคในกลมุ่ ข้ออกั เสบ (Osteoarthritis : OA) ภาวะปวดเขา้ /เข่า

อักเสบเป็นปญั หาที่มีความสาคัญอยใู่ นอนั ดบั 1 ในผู้สงู อายุหญิง โดยทั่วไปความเสย่ี ง
ที่จะเกดิ เข่าเสอ่ื ม

ปัจจัยเส่ียงของกำรเกิดโรคขอ้ เสือ่ ม
1. อายุ
2. กรรมพันธุ์
3. ความหนาแนน่ ของกระดูกสตลงทาให้ความทนรับแรงกระแทกลดลง
4. การใชง้ านเกินขนาด สมั พันธ์อยา่ งมากต่อการเส่ือมของขอ้ ในผู้สงู อายุ
5. ความอ้วนทาใหแ้ รงกด ต่อขอ้ มากขึน้
6. ข้อหย่อนหรอื ข้อหลวมทเ่ี กดิ จากความออ่ นแอของกลา้ มเน้ือหรือเอ็นยดึ ข้อต่อ
ชนดิ ของขอ้ เสือ่ ม แบง่ เป็น 2 กลมุ่
1. Prinary Osteoarthritis หมายถึง ขอ้ เส่อื มทเ่ี กดิ ข้ึนเองพบบ่อยท่สี ดุ ในวยั
ผูส้ ูงอายพุ บได้บ่อยบริเวณข้อเข่า สะโพก คอ หลัง เอว และข้อนิ้วมอื
2. Secondary Osteoarthritis เป็นผลจากการบาดเจ็บท่ีข้อนน้ั ๆ หรอื อาจ
เกิดจากความผิดปกติแตก่ าเนิด
อำกำรและอำกำรแสดง
- ระยะเรม่ิ ต้น คือ ปวด บวม แดง รอ้ น ตามขอ้
- ระยะกลำง จะพบว่าผ้สู งู อายจุ ะมอี าการปวดขอ้ ร่วมกับอาการปวดเมื่อย
และการอ่อนแรงของกลา้ มเน้ือรอบขอ้ มากขนึ้ การเคลือ่ นไหวของข้อเริ่มตดิ ขดั
- ระยะรนุ แรง จะพบเมื่อมกี ารสึกกร่อนของกระดูกออ่ นอยา่ งมากทาให้ข้อหลวม
ไมม่ ั่นคง ข้อโก่ง งอ ผิดรปู ชัดเจน โดยเฉพาะการเสือ่ มของขอ้ เขา่ และขอ้ สะโพก

กำรรกั ษำโรคข้อเสอื่ ม (Degenerative joint disease) วธิ กี ารรักษาอาจแบ่งได้ 4 วธิ ี
1. กำรไม่ใช้ยำ ไดแ้ ก่ การควบคมุ นา้ หนกั การรกั ษาท่าทางการบริหารกลา้ มเนื้อ

รอบขอ้ การออกกาลังกาย การพักและลดการใชง้ านขอ้ นน้ั ๆ
2. กำรใช้ยำ เช่น ยาแก้ปวด ยาตา้ นการอกั เสบ (NSAIDs) ยาคลายกล้ามเน้ือ

ยากลอ่ มประสาท เป็นต้น
3. กำรใช้เวชศำสตรฟ์ นื้ ฟู เช่น การดงึ (traction) การใสป่ ลอกคอ (Collar)

การใส่เผอื กข้างหลงั (Jacket)
4. กำรผำ่ ตดั เชน่ การผา่ ตดั จดั กระดูกให้อย่ใู นแนวปกติ การผ่าตัดใสข่ อ้ เขา่ เทียม

ขอ้ สะโพกเทียม
กำรพยำบำล

1. การดูแลเพ่ือบรรเทาปวด และชะลอความเสื่อมสภาพของขอ้ โดยการ
ลดน้าหนกั ตวั พกั หรือลดการใช้งานของขอ้ หลีกเลี่ยงการใชง้ านของข้อมากเกนิ ไป
รักษาท่าทางและอริ ยิ าบถในชวี ิตประจาวนั ให้ถูกตอ้ ง

2. ดแู ลผู้ปว่ ยใหไ้ ดร้ บั ยาถกู ต้อง เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้อกั เสบ ยาคลายกลา้ มเน้อื
และยาคลายความวติ กกังวล รวมทั้งผลขา้ งเคยี งของยา

3. ผปู้ ว่ ยท่ีทุเลาจากความเจบ็ ปวดแลว้ ควรเรม่ิ บริหารรา่ งกาย เพื่อเพมิ่ ความ
แขง็ แรงของกลา้ มเนอ้ื รอบข้อ และชว่ ยใหข้ ้อนนั้ ๆเคล่อื นไหวเต็มศกั ยภาพโดยเรว็
(Isometric exercise)

7.1.3 ปญั หำกำรไหลเวยี นของเลือด
โรคควำมดันโลหติ สูง(hypertension)

ความดันโลหิตสูง (hypertension) หมายถึง ระดับความดนั โลหิตซสิ โตลิก
(systolic blood pressure, SBP) ≥ 140 มม.ปรอท และ/หรือ ความดนั โลหิตได
แอสโตลิก (diastolic blood pressure, DBP) ≥ 90 มม.ปรอท
- Isolated systolic hypertension (ISH) หมายถึง ระดบั SBP ≥ 140 มม.ปรอท
แต่ ระดบั DBP < 90 มม.ปรอท
- Isolated office hypertension หรือ white-coat hypertension หมายถงึ
อยู่ในเกณฑ์สูงผิดปกติ (SBP ≥ 140 มม.ปรอท และ/หรือ DBP ≥ 90 มม.ปรอท)
แต่ระดบั ความดนั โลหิตจากการวดั ที่บา้ นเปน็ ปกติ (SBP < 135 มม.ปรอท และ DBP
< 85 มม.ปรอท)
- Masked hypertension หมายถึง (SBP < 140 มม.ปรอทและ DBP < 90 มม.
ปรอท) แตร่ ะดบั ความดันโลหติ จากการวัดที่บ้านสงู ผดิ ปกติ (SBP ≥ 135 มม.ปรอท
และ/หรือ DBP ≥ 85 มม.ปรอท)
สำเหตุ
1. สาเหตุของโรคความดันโลหติ สูงจาแนกตามสาเหตกุ ารเกิดไดเ้ ปน็ 2 ชนิด ไดแ้ ก่

1.1 ควำมดนั โลหติ สูงชนดิ ไม่ทรำบสำเหตุ(primaryoressential
hypertension) ได้แก่ กรรมพันธุ์ อว้ น รบั ประทานเกลอื โซเดยี มในปรมิ าณมาก
ขาดการออกกาลังกาย เครยี ด ดมื่ สรุ า และสูบบุหรี่

1.2. โรคควำมดนั โลหิตสงู ชนดิ ทรำบสำเหตุ (secondary
hypertension) สว่ นใหญเ่ กิดจากการมีพยาธสิ ภาพของอวยั วะตา่ ง ๆ ในร่างกาย
โดยจะสง่ ผลทาให้เกิดแรงดันเลอื ดสูง ส่วนใหญม่ สี าเหตมุ าจาก โรคไต
โรคของต่อมไร้ท่อ โรคระบบ
2. ความเส่ียงโรคความดนั โลหิตสงู จากสาเหตคุ วามเสอ่ื มของอวยั วะต่าง ๆ

อำกำรและอำกำรแสดง
ภาวะความดนั โลหติ สูงอาการทีพ่ บไดแ้ ก่ ปวดศรี ษะ มักปวดทีบ่ ริเวณท้าย

ทอยโดยเฉพาะเวลาตน่ื นอนในชว่ งเช้า เวียนศรี ษะ(dizziness) พบเกดิ รว่ มกับอาการ
ปวดศรี ษะ เลอื ดกาเดาไหล(epistaxis) และเหนื่อยหอบขณะทางาน หรอื อาการ
เหนอื่ ยหอบนอนราบไม่ได้ แสดงถึงการมีภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายลม้ เหลว
กำรวินจิ ฉยั
1. การซักประวัตผิ ูท้ ่เี ป็นโรคความดันโลหิตสูง

1. ปัจจัยเสยี่ งของโรคความดนั โลหติ สูง ควรซกั ประวัติเก่ยี วกบั การด่ืม
แอลกอฮอล์ ประวัติการสบู บหุ ร่ี การรับประทานอาหารที่ มีโซเดียมสูง ประวัติโรคไต
ประวตั กิ ารนอนกรน ประวตั คิ รอบครัวของโรคความดันโลหิตสงู

2. ประวตั ิเกยี่ วกบั อวัยวะท่ถี กู ผลกระทบจากโรคความดันโลหิตสูง ประวัติ
โรคหัวใจและหลอดเลือด ประวัติโรคเบาหวาน และโรคไต

3. ประวัตทิ ี่อาจบ่งชถ้ี งึ โรคความดนั โลหติ สูงแบบทุติยภูมิ ควรซักประวัติการ
ตรวจพบความดนั โลหติ สูงผิดปกติ (SBP ตงั้ แต่ 160 มม.ปรอทขึ้นไปและ DBP
ต้งั แต่ 100 มม.ปรอทขึน้ ไป)

4. ประวตั ิการใชย้ าลดความดันโลหติ สูง
2 .การตรวจร่างกายผ้ทู ่เี ปน็ โรคความดนั โลหติ สงู

การช่ังน้าหนักและวดั ส่วนสูง พร้อมการคานวณค่าดชั นมี วลกาย เส้นรอบเอว
และควรตรวจวดั ความดันโลหติ เทยี บกนั จากแขนทั้ง 2 ข้าง

3. การตรวจทางหอ้ งปฏิบัตกิ าร
ควรสง่ ตรวจหา hemoglobin หรอื hematocrit ตรวจการทางานของไต

และคานวณ glomerular filtration rate (eGFR) ตรวจหาระดับโพแทสเซยี ม
โซเดียม พลาสมากลโู คสขณะอดอาหารและ hemoglobin A1C ระดับไขมันในเลอื ด
(lipid profile) กรดยูริค ตรวจปัสสาวะและแอลบมู ินในปสั สาวะ นอกจากน้ีควรตรวจ
คลนื่ ไฟฟ้าหวั ใจและเอกซเรยท์ รวงอก (Thai Hypertension Society,2562)
กำรพยำบำล
1. การให้ความร้ใู นการปรับเปลีย่ นพฤติกรรมสุขภาพใน

1.1 ควบคมุ น้าหนักตวั ใหอ้ ยใู่ นเกณฑ์ปกติหรือใกลเ้ คียงปกติ
1.2 แนะนาการออกกาลงั กายหรือการเพ่มิ กจิ กรรมทางกาย
1.3 จากัดหรืองดเคร่อื งด่มื แอลกอฮอล์
1.7 จดั การความเครยี ด
1.8 การรักษาโดยการใช้ยาลดความดนั โลหติ
2. การสนบั สนุนใหค้ รอบครวั มสี ว่ นร่วมในการดแู ลผปู้ ่วยโรคความดนั โลหิตสูง
(นวพร วฒุ ิธรรม,2562)

7.1.4 ระบบกำรขับถ่ำยปสั สำวะ
ภำวะกล้นั ปสั สำวะไม่อยู่ (urinary incontinence)

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เป็นการเป็นการถ่ายปัสสาวะออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ไมเ่ ลือกเวลา สถานท่ี
ชนดิ ของภำวะกลน้ั ปัสสำวะไมไ่ ด้

ภาวะกลั้นปสั สาวะไม่ไดส้ ามารถแบ่งไดเ้ ป็น 4 ชนิด
1. ปัสสำวะเล็ด (stress incontinence) เป็นผลมาจากการที่ตัวหู รูด
ท่อปัสสาวะหดรัดตวั ได้ไมด่ ี หรอื มีการหยอ่ นตวั ของกล้ามเน้ือองุ้ เชงิ กราน
ดังน้ัน เมื่อมีการเพิ่มความดันในช่องท้องอย่างกะทันหัน เช่น จากการท่ีผู้สูงอายุ
ไอ จาม หวั เราะ วง่ิ กา้ วข้ึนบนั ได หรือก้มลงยกของหนักๆ เปน็ ตน้
2. ปัสสำวะรำด(urge incontinence) เป็นภาวะที่เมื่อผู้สูงอายุเกิดอาการปวด
ปัสสาวะอย่างทันทีทันใด จะมีปัสสาวะราดออกมาทันทีโดยไม่สามารถไปเข้า
ห้องน้าได้ทัน เกิดข้ึนเนื่องจากกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติ (OAB:over
active bladder
3. ปสั สำวะเล็ดรำด (overflow incontinence) เปน็ ภาวะท่ีเกดิ จาก
กล้ามเนือ้ เรยี บของกระเพาะปัสสาวะสญู เสียความสามารถในการบบี ตวั
4. ภำวะกลน้ั ปสั สำวะไมไ่ ด้ท่ีเกดิ จำกภำวะหรือโรคทำงกำย ที่ไม่ใช่ความผิดปกติ
ของทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (functional incontinence) แต่เกิดจากมีปัญหา
ทางสมอง (ปนิฏฐา นาคช่วย,2559)

สำเหตุ
1. การทางานของกลา้ มเนอ้ื กระเพาะปัสสาวะผดิ ปกติ (Unstable bladder)
2. กล้ามเนอ้ื หูรดู อ่อนกาลงั (Sphincter weakness)
3. ปสั สาวะไหลทนั (Overflow Incontinence)
4. กระเพาะปัสสาวะทาหน้าทีผ่ ิดปกตเิ นื่องจากความเจบ็ ป่วย (Functional

Incontinence) )
5. ได้รบั การรกั ษาด้วยยาบางชนิด (Catrogenic Course)
สาเหตทุ เ่ี ปน็ เชน่ นเ้ี กดิ จากการเปลยี่ นแปลงทางร่างกายของระบบไต

และทางเดินปสั สาวะกล่าวคือ น้าหนักและขนาดของไตลดลง การไหลเวยี นเลอื ดใน
ไตลดลง อตั ราการกรองของไตลดลงขนาดของกระเพาะปัสสาวะลดลง กลา้ มเน้ือ
กระเพาะปสั สาวะอ่อนกาลัง ปรมิ าณปัสสาวะค้างในกระเพาะปสั สาวะเพ่มิ ข้ึน
กำรพยำบำล

1. บริหารกล้ามเนือ้ องุ้ เชิงกราน และหูรดู โดยการขมบิ กนั บา่ ยๆ
2. แนะนาใหป้ ัสสาวะทันทที ี่ต่ืนนอน กอ่ น และหลังรับประทานอาหาร
กอ่ นอาบนา้ และกอ่ นนอน หรอื สงั เกตพบวา่ กระสับกระสา่ ยในเวลานอน
3. ดูแลใหไ้ ด้รบั น้า 2 - 3 ลิตร ตอ่ วัน เพอื่ ชว่ ยเพิม่ ความตึงตวั ให้กบั กระเพาะ
ปัสสาวะ และลดการระคายเคอื ง
4. เตรียมหอ้ งน้า อุปกรณใ์ ห้อยู่ใกล้ เพ่อื ความสะดวกในการปสั สาวะ
โดยห้องนา้ ไม่ควรอยู่หา่ งจากหอ้ งนอนเกนิ 30 ฟตุ
5.ดูแลความสะอาดของผิวหนังใหแ้ ห้งอย่เู สมอ แล้วทาครมี หรือโลช่นั ใหท้ กุ
ครงั้ เพอื่ ความสขุ สบาย และลดอาการคนั
6. จดั ทา่ ทจี่ ะทาใหก้ ารขบั ถา่ ยสะดวก และออกได้หมด

กำรฝกึ ถ่ำยปัสสำวะ
1. บนั ทึกเวลาถา่ ยปัสสาวะวา่ หา่ งกนั เปน็ เวลาเท่าใด
2. กาหนดตารางการปสั สาวะ ทกุ 2 ช่วั โมง ไม่ควรบอ่ ยกว่า 2 ช่วั โมง

เพราะจะทาใหก้ ระเพาะปสั สาวะมีน้าน้อยเร้อื รงั กลา้ มเนอ้ื กระเพาะปัสสาวะหด
ตัวมากขน้ึ และผนงั ของกระเพาะปสั สาวะหนาขนึ้ ทาให้เสน้ รอบวงของกระเพาะ
ปัสสาวะแคบ การกลั้นปัสสาวะไม่อยยู่ งิ่ เลวลง ถ้าได้ผลเล่ือนออกไปเปน็ ทกุ 4
6 ชว่ั โมง

3. ด่มื นา้ ประมาณ 1 แกว้ กอ่ นถงึ กาหนดปัสสาวะ 30 นาที
4. เขา้ ห้องนา้ ปัสสาวะ
5. ภายใน 5 นาที ถ้าปสั สาวะไมอ่ อก ใหน้ วดบรเิ วณเหนือหวั เหนา่
(กระเพาะปสั สาวะ) เบาๆหรือลูบตน้ ขา หรือหายใจลกึ ๆ แลว้ เบง่ หรอื เปิดนา้
หรือโยกตัวไปมา

โรคตอ่ มลกู หมำกโต (BPH - Benign Prostatic Hyperplasia)
คอื ภาวะทตี่ อ่ มลูกหมากมีขนาดใหญ่ผิดปกติ

อำกำรและอำกำรแสดง
1. ลกุ ขน้ึ ถา่ ยปสั สาวะกลางดึก หลังจากทีห่ ลบั ไปแล้วมากกวา่ 1 - 2 ครั้ง
2. ปสั สาวะไมพ่ ุ่ง ไหลชา้ หรอื ไหลๆ หยุดๆ
3. เกิดความรสู้ ึกว่าการขบั ถ่ายปัสสาวะเปน็ เรอื่ งวนุ่ วายในชวี ติ ประจาวนั
4. ไมส่ ามารถกลนั้ ปัสสาวะได้ จะตอ้ งรีบเขา้ หอ้ งนา้ ทันทที ่ีปวดปัสสาวะ
5. ต้องเบง่ หรือรอนานกวา่ จะสามารถปสั สาวะออกมาได้
6. ปสั สาวะไม่สุด และรูส้ ึกเหลือคา้ ง
7. ปสั สาวะบอ่ ย ห่างกนั ไม่เกิน 2 ช่ัวโมง

ขัน้ ตอนกำรรักษำ
1. หากผู้ป่วยมีอาการไม่มากนักและไม่รบกวนชีวิตประจาวัน แพทย์อาจ

แนะนาใหร้ อดอู าการสกั ระยะหนง่ึ และนัดติดตามอาการเปน็ ระยะ
2. ถ้าผู้ป่วยปัสสาวะบ่อยเพราะดื่มน้ามาก โดยเฉพาะก่อนนอนก็ควรลด

ปริมาณการดื่มน้า และถ้าถ่ายปัสสาวะบ่อยเพราะรีบไปถ่ายเม่ือปวดก็ควรเว้น
ระยะห่างของการปัสสาวะแต่ละครั้งให้นานข้ึน ปริมาณปัสสาวะที่เหมาะสม ใน
การขบั ถา่ ยแตล่ ะคร้งั ประมาณ 1 แก้ว หรอื ห่างกัน 2 ชั่วโมง

3. เม่ือพบว่าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติมากข้ึนแพทย์จึงจะเริ่มให้ยาในการรักษา
ซ่งึ ปจั จบุ ันมีอย่ปู ระมาณ 2-3 ชนิด บางชนิดเป็นยาลดอาการหดเกรง็ กล้ามเน้ือที่บีบรัด
ทอ่ ปัสสาวะ บางชนิดมสี รรพคณุ ลดขนาดต่อมลูกหมาก และบางชนดิ เป็นสมุนไพร
ทส่ี กัดขน้ึ เพอื่ ลดอาการบวม ซง่ึ แพทย์จะเปน็ ผพู้ ิจารณาการใหย้ าตามความเหมาะสม

4. การใช้คลื่นความร้อน เช่น ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ หรือเลเซอร์ ผ่านเข้าไป
ทต่ี อ่ มลกู หมาก เพ่ือทาใหต้ ่อมลูกหมากฝอ่ และเลก็ ลง ซึ่งเปน็ วิธีทแี่ พทย์เลือกใช้ในราย
ผูป้ ่วยทีไ่ ม่เหมาะกบั การผ่าตัด

5. การผา่ ตดั เป็นวิธีรกั ษาโดยขดู ตอ่ มลูกหมากดว้ ยกล้องผ่านทาง
ท่อปัสสาวะ หรือท่ีเรียกว่า TUR-P (Transurethral Prostatectomy) เพื่อตัดต่อม
ลูกหมากออกเป็นชิน้ เลก็ ๆ โดยใชพ้ ลังงานไฟฟา้ หรอื การผา่ ตดั โดยใช้เลเซอร์

ภำวะแทรกซ้อน
1. ปัสสาวะไมอ่ อกทันที หรอื ค่อยเป็นคอ่ ยไป
2. ปัสสาวะเป็นเลอื ดเนือ่ งจากตอ่ มลกู หมากบวม
3. กระเพาะปัสสาวะครากหรือมีนิว่ ในกระเพาะปสั สาวะทาให้ไม่สามารถขบั ปัสสาวะ
ออกได้หมด สง่ ผลใหก้ ระเพาะปสั สาวะอักเสบ
4. การทางานของไตเส่อื มลง และไตวายได้
(กติ ตพิ งษ์ พนิ ธุโสภณ,2563)

7.1.5 ประสำทสัมผัส (กำรมองเหน็ )
ปัญหาทพ่ี บบ่อยในผสู้ ูงอายุ เกี่ยวกับการมองเหน็ คือตอ้ กระจก ส่งผลให้เกดิ

ปัญหาเรอ่ื งอบุ ัติเหตุ และการปฏิบัติกจิ วัตรประจาวนั ตอ้ กระจก มอี าการตามวั ลง
อยา่ งช้าๆ และมวั มากขน้ึ สามารถแบ่งเปน็ 3 ระยะ

- ตอ้ กระจกที่ยังไมส่ ุก (Immature Cateract) ระยะเริ่มเป็นและแก้วตา
ยังรขนุ่ ไมม่ าก มีลกั ษณะที่ขนุ่ ของเปลอื กหุม้ แกว้ ตา แต่ Nucleus ตาใส และขนุ่
ตรงกลางแกว้ ตา แต่รอบๆยงั ใส

- ต้อกระจกทส่ี กุ แลว้ (Mature Cateract) แกว้ ตาขนุ ทั้งหมด มคี วามแขง็
ในขนาดพอดี เมื่อส่องไฟจะไมพ่ บเงาม่านตา

- ต้อกระจกทส่ี ุกเกินไป (Hypermature Cateract) เป็นระยะทแ่ี กว้ ตา
บวม และแข็งมากขึน้ หากปลอ่ ยทิง้ ไว้อาจตาบอดการรกั ษาคือการผา่ ตดั เอาแก้วตา
ออก ทาในระยะต้อสกุ พอดี วิธีที่นิยมคอื Extra Capsular Cateract
Extrection (ECCT)

กำรดูแลหลังผ่ำตดั
1. นอนราบไมห่ นุนหมอน (Absolute bed rest) 8 ช่ัวโมง
2. ประเมินอาการปวด และให้ยาแกป้ วดตามแผนการรกั ษา
3. สงั เกตสขี อง discharge การตติ กนั ของแผล การ form ตวั ของช่องหน้า

มา่ นตา และสีของตาขาว
4. แนะนาไอ หรอื จามไมค่ วรเบ่งถา่ ย นอนคว่า
5. คาแนะนาเมื่อกลบั บ้าน
- ดูแลอย่าให้นา้ เขา้ ตา
- ไมย่ กของหนัก และไอจามที่รนุ แรง
- หยอดยา และรบั ประทานยาให้ครบตามแผนการรักษามาตรวจตาม
นดั และสังเกตอาการผดิ ปกติ
- สวมแวน่ ดา และครอบ eye shield กอ่ นนอนประมาณ
2 สัปดาห์

7.1.6. กำรสูญเสยี กำรไดย้ ินในผสู้ ูงอำยุ (Presbycusis)
ภาวะหูออื้ หรอื หตู งึ หมายถงึ ภาวะทค่ี วามสามารถในการรบั เสยี งแยล่ ง

มกี ารแบ่งระดับความรุนแรงของการเสียการได้ยิน ดังตาราง

สำเหตุ
ปญั หาการได้ยนิ ในผสู้ ูงอายุ อาจเกิดจากความผดิ ปกตขิ องกลไก 2 ส่วน คอื

1. สว่ นนำเสียงและขยำยเสียง ได้แก่
- หชู ั้นนอก เช่น ขห้ี ูอุดตัน, เยอื่ แกว้ หทู ะลุ, หูชน้ั นอกอกั เสบ, เนอ้ื งอกของหชู น้ั นอก
- หูช้ันกลาง เชน่ หูชน้ั กลางอกั เสบ, นา้ ขงั อยู่ในหชู ั้นกลาง, ท่อยสู เตเซยี น

2. สว่ นประสำทรับเสยี ง ไดแ้ ก่ สว่ นของหูชน้ั ในไปจนถงึ สมอง ความผิดปกติ
บรเิ วณน้ขี องผสู้ ูงอายุ ส่วนใหญท่ าใหเ้ กดิ ภาวะหตู งึ หรอื หูหนวกถาวรได้ และบาง
โรคทาให้เกดิ อนั ตรายถงึ ชวี ิตได้ สาเหตุมักเกดิ จากความผิดปกติของ

- หูชั้นใน สาเหตุท่พี บไดบ้ ่อยสดุ คอื ประสาทหเู สื่อมจากอายุ
- สมอง โรคของเสน้ เลือด เชน่ เสน้ เลอื ดในสมองตบี , เลือดออกใน
สมอง จากไขมนั ในเลือดสูง, ความดนั โลหิตสงู , เนื้องอกในสมอง เชน่ เนือ้ งอกของ
เสน้ ประสาทหู และ/หรือ ประสาทการทรงตวั
- สาเหตุอืน่ ๆ เช่น โรคโลหิตจาง, โรคแพภ้ มู ติ วั เอง, โรคมะเร็งเมด็
เลือดขาว, โรคเกล็ดเลอื ดสูงผิดปกติ, โรคทีม่ ีระดบั ยรู กิ ในเลอื ดสูง, โรคไต,

โรคเบาหวาน, ความดันโลหติ ตา่ หรือสูง, ไขมันในเลอื ดสงู

กำรวินิจฉยั
- การตรวจหชู ั้นนอก ชอ่ งหู แก้วหู หชู นั้ กลาง และบรเิ วณรอบหู
- การตรวจเลอื ด เพ่อื หาความผดิ ปกติของเคมใี นเลือด, การตรวจปัสสาวะ
- การตรวจการได้ยิน เพ่ือยืนยัน และประเมนิ ระดับความรุนแรงของการเสยี
การไดย้ ิน
- การตรวจคลืน่ สมองระดับก้านสมอง และการถา่ ยภาพรงั สี เชน่ เอก็ ซเ์ รย์
คอมพวิ เตอร์สมอง หรอื กระดูกหลงั หู หรอื ตรวจคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ และการ
ฉดี สารรังสีเข้าหลอดเลอื ด ถา้ มขี ้อบง่ ช้ี

(ปารยะ อาศนะเสน ,2557)
กำรพยำบำล:

1. ฝึกทกั ษะการฟังให้ผูส้ ูงอายุ
2. เม่ือสนทนากบั ผสู้ ูงอายุควรพดู ตรงหนา้ ให้ง่ายตอ่ การสงั เกตริม

ฝปี าก
3. ปรึกษาแพทย์เรือ่ งการใชเ้ ครื่องช่วยฟัง
4. ใชเ้ สียงทมุ้ ต่า พูดเปน็ คาๆ ชา้ ๆ สนั้ ๆ กระชับ ชัดเจน ไม่ตะโกน

หรือตะคอก
5. ใชภ้ าษากายรว่ มด้วย เพอ่ื ให้งา่ ยต่อการเข้าใจ

7.1.7 กำรพยำบำลเพ่ือฟ้ืนฟูสภำพ
โรคเบำหวำน (Diabetes mellitus)

โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus) เป็นความผิดปกติของร่างกายท่ีมี
การผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ อันส่งผลทาให้ระดับน้าตาลในกระแส
เลือดสงู เกนิ
ชนิดและสำเหตุ สามารถแบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ ไดแ้ ก่
- โรคเบำหวำนชนิดที่ 1 เกิดจากภูมิต้านทานของร่างกายทาลายเซลล์ที่สร้าง
อินซูลินในตับอ่อน ทาให้ร่างกายหยุดการสร้างอินซูลิน ดังน้ันผู้ป่วยเบาหวาน
ชนดิ ท่ี 1 จึงจาเป็นตอ้ งฉดี อนิ ซูลิน เพอ่ื ควบคมุ นำ้ ตำลในเลือดระยะยำว
- โรคเบำหวำนชนดิ ที่ 2 สาเหตุท่แี ท้จริงยังไม่ทราบชัดเจน แต่มีส่วนเกี่ยวข้อง
กับพันธุกรรม นอกจากน้ี ยังมีความสัมพันธ์กับภาวะน้าหนักตัวมาก การขาด
การออกกาลังกาย และวยั ท่เี พมิ่ ขน้ึ เซลล์ของผ้ปู ่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ยังคง
มกี ารสรา้ งอินซลู ิน แตท่ างานไม่เปน็ ปกตเิ นื่องจากมภี าวะด้อื ตอ่ อนิ ซลู นิ
สำเหตุ

1. ความผดิ ปกตจิ ากการทางานของอินซลู นิ
2. ความเครยี ด
3. ความอ้วน
4. ผลจากยาหรอื สารเคมี
5. ขาดการออกกาลงั กาย
6. พนั ธุกรรม

อำกำรและอำกำรแสดง
- ปสั สาวะบ่อย โดยเฉพาะตอ้ งตืน่ มาปสั สาวะตอนกลางคนื
- หวิ น้าบอ่ ย
- หวิ บอ่ ย รบั ประทานจุ แต่นา้ หนกั ลด
- ผิวแห้ง
- เปน็ แผลแล้วหายยาก
- ตาพร่ามวั
- ชาบรเิ วณปลายมอื ปลายเทา้
- หย่อนสมรรถภาพทางเพศ

ภำวะแทรกซ้อน
1. ภำวะแทรกซอ้ นทำงสำยตำ (Diabetic retinopathy)

เกิดจากการท่นี า้ ตาลเขา้ ไปใน endothelium ของหลอดเลือดเล็กๆ ใน
ลกู ตา ทาให้หลอดเลือดเหลา่ น้ีมกี ารสรา้ งไกลโคโปรตนี ซ่ึงจะถูกขนย้ายออกมา
เป็น Basement membrane มากขึ้น ทาให้ Basement membrane หนา
แต่เปราะ หลอดเลือดเหล่าน้ีจะฉีกขาดได้ง่าย เลือดและสารบางอย่างที่อยู่ใน
เลือดจะรั่วออกมา และมีส่วนทาให้ Macula บวมซึ่งจะทาให้เกิด Blurred
vision หลอดเลอื ดทฉ่ี ีกขาดจะสร้างแขนงของหลอดเลือดใหม่ออกมามากมาย
จนบดบงั แสงทม่ี าตกกระทบยงั Retina ทาใหก้ ารมองเห็นแยล่ ง

2. ภำวะแทรกซ้อนทำงไต (Diabetic nephropathy)
พยาธิสภาพของหลอดเลือดเล็กๆ ที่ Glomeruli จะทาให้ Nephron

ยอมให้ albumin ร่ัวออกไปกับ filtrate ได้ Proximal tubule จึงต้องรับภาระ
ในการดดู กลับสารมากขนึ้ ซ่ึงถ้าเปน็ นานๆ กจ็ ะทาให้เกดิ Renal failure ได้
ซ่งึ ผปู้ ว่ ยมกั จะเสยี ชวี ิตภายใน 3 ปี นบั จากแรกเริ่มมอี าการ
3. ภำวะแทรกซอ้ นทำงระบบประสำท (Diabetic neuropathy)

หากหลอดเลือดเล็กๆ ท่ีมาเล้ียงเส้นประสาทบริเวณปลายมือปลายเท้า
เกดิ พยาธสิ ภาพ กจ็ ะทาใหเ้ ส้นประสาทนน้ั ไม่สามารถนาความรู้สึกต่อไปได้ เม่ือ
ผูป้ ่วยมแี ผล ผปู้ ว่ ยก็จะไมร่ ตู้ วั และไม่ดแู ลแผลดังกลา่ ว ประกอบกับเลือดผู้ป่วย
มีน้าตาลสูง จึงเป็นอาหารอย่างดีให้กับเหล่าเช้ือโรค และแล้วแผลก็จะเน่า
และนาไปสู่ Amputation
กำรพยำบำล

1. ควบคุมอาหาร
2. ออกกาลงั กาย
3. การใชย้ าในการรกั ษา
4. ทาบัตรประจาตวั โรคเบาหวาน
5. ดูแลรักษาเท้า

อำ้ งอิง

กติ ตพิ งษ์ พนิ ธุโสภณ.(2563). รูร้ อบโรคตอ่ มลกู หมากโต(Benign Prostatic
Hyperplasia).(ออนไลน)์ .สืบค้นวนั ที่ 8 ตลุ าคม 2564.จาก
https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/epl/articledetail.asp?
id=189.

กรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ .(2562). ความดนั โลหิตสงู คอื
อะไร?.(ออนไลน์).สืบค้นวันท่ี 8 ตุลาคม 2564.จากhttps://xn--
12c8b3afcz5g8i.com/knowledge/detail/26/data.html.

กรมสขุ ภาพจติ กระทรวงสาธารณสขุ .(2562). อัลไซเมอร์ รู้จักและเขา้ ใจกบั ชีวิต
ทไ่ี ม่ง่ายของคนใกลต้ วั .(ออนไลน์).สืบค้นวนั ท่ี 8 ตลุ าคม 2564.
จากhttps://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=29955.

ชชั วาล วงค์สารและคณะ.(2561). ภาวะสมองเส่ือมในผูส้ ูงอายุ :การพยาบาลและ
การดแู ลญาติผู้ดูแล(Dementia Syndrome in the Elderly: Nursing
Care and Caring for Relatives Caregiver).
วารสาร มฉก. วิชาการ,22(43-44) : 166-177.

ปารยะ อาศนะเสน.(2557). ปัญหาการได้ยนิ ในผ้สู งู อายุ. (ออนไลน์).
สบื ค้นวนั ที่ 8 ตลุ าคม 2564.จาdhttps://www.si.mahidol.ac.th
/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=1102.

ปนิฏฐา นาคช่วย.(2559). บทความฟน้ื วิชา :ภาวะกลนั้ ปสั สาวะไม่ได้ในผ้สู ูงอายุ.
เวชสารแพทย์ทหารบก,69(1):39-43.

นวพร วุฒธิ รรม.(2562). บทบาทพยาบาลในการส่งเสรมิ การควบคมุ ระดบั ความ
ดนั โลหติ ในผูป้ ว่ ยความดนั โลหิตสูง. พยาบาลสาร,46(4) :
173-182.

วีรศกั ดิ์ เมอื งไพศาล.(ม.ป.ป.).ภาวะสมองเส่อื ม.(ออนไลน์).สืบค้นวนั ที่ 8 ตลุ าคม
2564.จาก https://www.si.mahidol.ac.th/project/geriatr
ics/network_title1_2.html.

อำ้ งองิ

วรนาถ พรหมศวร.(2558).การพยาบาลผูส้ งู อายุ. วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี
สุรนิ ทร.์

บทที่ 8
กำรใชย้ ำอย่ำงสมเหตสุ มผลในผูส้ ูงอำยุ

1. เภสัชจลศำสตรใ์ นผ้สู งู อำยุ และกำรทำปฏิกริ ิยำตอ่ กันของยำ
เภสชั จลศาสตร์ (pharmacokinetics) ในผู้สูงอายุ กระบวนการเภสัชจลศาสตร์

(pharmacokinetics) หมายถึง การทางานของร่างกายต่อยาท่ีได้รับ ได้แก่ การดูด
ซึมของยา (absorption) การกระจายตัวของยา (distribution) การเผาผลาญยา
(biotransformation) และการขบั ถา่ ยยา (elimination)

กำรดดู ซึมของยำ (absorption)

ยาท่ีเป็นกรดอ่อนจะถูกดูดซึมได้ดีในกระเพาะอาหารซ่ึงมีภาวะเป็นกรดสูง
เนื่องจากยาไม่ถูกทาใหแ้ ตกตัวจึงซึมผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ดี ส่วนยาที่เป็นด่างอ่อน จะถูก
ดดู ซึมได้ดีในลาไส้ ซง่ึ มสี ภาพเปน็ ด่างสงู

กำรกระจำยตวั ของยำ (Drug distribution)
หลังจากท่ยี าถกู ดดู ซึมเขา้ สู่กระแสเลอื ด ยาดังกลา่ วจะกระจายตัวไปตาม

กระแสเลือด เขา้ สู่ร่างกายในทันที ในผู้สงู อายุปรมิ าณเลอื ดทีอ่ อกจากหัวใจและ
การไหลเวยี นเลือดลดลง ซึ่งมีผลทาใหก้ ารกระจายตัวของยาชา้ ลง ตอ้ งใชเ้ วลานาน
กว่าปกติทีย่ าจะออกฤทธ์ิ และใชเ้ วลาในการออกฤทธ์นิ าน สง่ ผลใหค้ วามเขม้ ขน้
ของยาในเลือดสูง และการจับตัวของยากับเนอ้ื เยอ่ื

ตวั อย่างของยาที่ละลายในไขมนั เช่น Thiopental จะมีความเขม้ ข้นต่าใน
ไขมันอย่างน้อย 3 ชั่วโมงหลงั ได้รับยา ถา้ ให้ยาตวั นีซ้ า้ อกี ก่อนทย่ี าจะถกู ขบั ออก
จากร่างกาย ก็จะทาให้มฤี ทธิส์ ะสมมากข้นึ เนื่องจากมปี ริมาณยาท่ีเกบ็ ไวใ้ นเนอ้ื เย่อื
ไขมนั เพ่ิมขน้ึ ทาใหย้ าออกฤทธิ์นานขน้ึ

กำรเผำผลำญหรอื กำรเปล่ยี นแปลงของยำ
(drug metabolism or biotrans - formation)

ในผ้สู งู อายตุ บั มีขนาดเลก็ ลง และการไหลเวียนของเลือดไปยังตบั ลดลง
ทาให้มีการสรา้ งโปรตีนลดลง และการทางานของเอนไซม์ลดลง การเปลย่ี นแปลง
เหลา่ นท้ี าให้กระบวนการเปลย่ี นแปลงของยาตอ้ งใชเ้ วลานานขน้ึ ซง่ึ มผี ลทาให้ฤทธ์ิ
ของยาอยใู่ นรา่ งกายนานขน้ึ

กำรขบั ถำ่ ยยำ (Drug Excretion or Elimination)
ในช่วงอายุ 40-80 ปี ไตของคนเรามีขนาดลดลง และหลังอายุ 30 ปี

เลือดท่ีไปยังไต (renal blood flow) ลดลง ทาให้อัตราการกรองของไตลดลง
เกิดการสะสมของยาส่งผลให้เกิดพิษจากยา ยาท่ีอยู่ในรูปอิสระ หรือยาท่ีมี
คุณสมบัติละลายในน้าจะถูกกรองผ่านทาง glomerulus ในขณะท่ียาที่จับกับ
โปรตีนไม่สามารถถูกขับออกด้วยวิธีนี้ได้ ยาที่มีคุณสมบัติละลายในไขมันจะถูก
ดูดซึมกลับทางท่อไต และกลับเข้าไปในกระแสเลือดอีกครั้ง แต่ยาท่ีละลายน้า
จะไม่ถูกดูดซึมกลับ แต่จะถูกขับถ่ายออกจากร่างกาย ความเป็นกรด-ด่างของ
ปสั สาวะทไี่ มอ่ ยใู่ นช่วง 4.6-8.2 กม็ ีผลต่อปริมาณของยาที่ถูกดูด ซึมกลับทางท่อ
ไต ยาท่ีมีฤทธ์ิเป็นกรดอ่อนจะถูกขับออกได้มากในปัสสาวะท่ีมีฤทธิ์เป็นด่าง
ในทางตรงข้ามยาที่มีฤทธ์ิเป็นด่างอ่อนก็จะถูกขับออกได้มากในปัสสาวะท่ีเป็น
กรด ในรายที่ได้รับพิษจากยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน เช่น แอสไพริน หรือ
phenobarbital การทาใหป้ สั สาวะเป็นด่าง เชน่ ให้ Sodium bicarbonate จะ
ชว่ ยให้ขับยาเหลา่ นไ้ี ด้มากขน้ึ
กำรทำปฏกิ ริ ิยำต่อกนั ระหวำ่ งยำกับยำ

เกิดจากความแตกต่างระหว่างฤทธ์ิทางเภสัชวิทยาของยาแต่ละชนิด
ซงึ่ อาจเป็นความแตกตา่ งในด้านการดูดซมึ ยา การกระจายตัวของยา
การเปล่ยี นแปลงยาในร่างกาย การขบั ถ่ายออกจากรา่ งกาย หรือเกิดจาก
ความแตกต่างระหว่าง คารออกฤทธ์ิของยาต่อตัวรับยาในร่างกาย
(pharmacodynamics) ก็ได้ตัวอย่างเช่นปฏิกิริยาระหว่างยาต้านการแข็งตัว
ของเลือด คือ warfarin ถ้าให้ร่วมกับยาแอสไพริน อาจเพิ่มฤทธิ์ต้านการแข็งตัว
ของเลือดทาให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย หรือถ้าผู้ป่วยได้รับยาเพิ่มแรงบีบตัว
ของหัวใจ คือ ไดออกซิน (digoxin) และได้รับยาขับปัสสาวะที่มีผลทาให้
โปตัสเซยี มในเลือดต่าจะเกดิ พษิ จากยาไดออกซนิ เนื่องจากการขบั
ไดออกซนิ จากไตลดลง

2. ผลข้ำงเคียง และข้อพงึ ปฏบิ ตั จิ ำกกำรใชย้ ำอย่ำงสมเหตสุ มผลในผูส้ ูงอำยุ
1) ยำกลุม่ Anticholinergic

จะมีฤทธ์ยิ บั ยั้งการทางานของ acetylcholine ซึ่งในทางจิตเวช นยิ มใช้
ยาในกลุม่ น้ี เพื่อรกั ษาผลขา้ งเคยี งจากยารกั ษาอาการทางจิตเปน็ หลกั เชน่
diphenhydramine, chlorpheniramine, atropine

ผลขำ้ งเคียง: ตาพร่ามัว ท้องผกู ปากแห้ง งว่ งนอน สบั สน
กำรพยำบำล: สงั เกตผลข้างเคียง ระวงั อาการหน้ามดื หกลม้

2) NSAIDs
ยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือท่ีเรียกกันว่า “เอ็นเสด”

(NSIADs) ย่อมาจากคาว่า Non steroidal anti-inflammatory drugs เป็นยา
ทใี่ ช้ในการบรรเทำอำกำรปวด (analgesic) ลดไข้(antipyretic) และลดกำร
อักเสบ (anti-inflammation) ในโรคที่มีการอักเสบของเอ็น กล้ามเน้ือ
กระดกู และข้อ เช่น Ibuprofen, naproxen, diclofenac sodium

ผลข้ำงเคยี ง: มเี ลือดออกในกระเพาะอาหาร
กำรพยำบำล:
- สังเกตอาการปวดทอ้ ง อาเจียนเปน็ เลือด ถา่ ยเปน็ เลือด
- แนะนาทานยาพรอ้ มอาหาร หรอื นม
- ระวังใหย้ าค่กู บั warfarin (เลอื ดออกเพิ่มขึน้ )

3) ACEI
เปน็ กล่มุ ยาที่ใช้รกั ษา ปอ้ งกัน และบรรเทาภาวะหรอื โรคหลายชนดิ เช่น

ความดันโลหติ สงู โรคหลอดเลอื ดหวั ใจ ภาวะหวั ใจวาย โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรงั
บางชนดิ ภาวะหวั ใจขาดเลือด โรคหนังแขง็ ไมเกรน เปน็ ตน้ โดยยานอ้ี อกฤทธ์ิ
ยบั ยั้งเอนไซมใ์ นร่างกายทผ่ี ลิตฮอร์โมนแองจโี อเทนซนิ 2 ท่ที าใหห้ ลอดเลือดตบี ตัน
จนมผี ลเพม่ิ ความดันโลหิตให้สงู ขนึ้ โดยยาสง่ ผลให้หลอดเลือดคลายตวั และเพมิ่
การไหลเวยี นของเลือด ซงึ่ อาจชว่ ยให้หัวใจทางานหนักน้อยลงด้วย

ผลข้ำงเคยี ง: ไอแห้งๆ มเี สมหะ
กำรพยำบำล: ปรึกษาแพทยเ์ พือ่ ขอเปลย่ี นยา

4) ยำกล่มุ beta blocker
เปน็ กลุ่มยาทใ่ี ชร้ กั ษาภาวะหรอื โรคหลายชนิด เชน่ รักษาความดันโลหิตสูง

ภาวะหัวใจเตน้ ผดิ ปกตบิ างชนดิ โรคตอ้ หนิ โรควิตกกังวล ป้องกนั อาการเจบ็
หนา้ อก และปวดศีรษะ ไมเกรน ลดความเสย่ี งของการกลบั มาเปน็ โรคกล้ามเน้ือ
หวั ใจตายซา้ อีก ชว่ ยบรรเทาอาการภาวะตอ่ มไทรอยด์ทางานมากเกนิ เชน่
Propranolol

ผลขำ้ งเคียง: เกดิ ภาวะนา้ ตาลในเลอื ดตา่ หลอดลมหดเกร็ง ความดนั โลหิตต่า
กำรพยำบำล: ระวังในผูป้ ่วยเบาหวาน ระวงั งในผู้ปว่ ยหอบ

5) Digoxin
เป็นยาทีจ่ ัดอย่ใู นกลมุ่ ยาคารด์ ิแอก ไกลโคไซด์ (Cardiac Glycoside) ซึง่ มี

กลไกออกฤทธโิ์ ดยการส่งผลกระทบตอ่ แรธ่ าตุบางชนิดภายในเซลล์หวั ใจ ซึ่งจะช่วย
ลดความตึงเครยี ดของหวั ใจและชว่ ยรกั ษาจงั หวะการเต้นหวั ใจใหเ้ ป็นปกติ
และสม่าเสมอรวมไปถงึ ช่วยเพ่ิมแรงบบี ตัวใหก้ ล้ามเน้ือหัวใจและช่วยลดการนา
ไฟฟา้ หัวใจ ซึง่ ทาให้อตั ราการเต้นของหวั ใจช้าลง

ผลข้ำงเคยี ง: การมองเหน็ บกพรอ่ ง เปน็ ลม หมดสติ อ่อนเพลยี เบื่ออาหาร
กำรพยำบำล: ระวงั verapamil ทาให้ระดบั ยา digoxin เพ่มิ ขึ้น

6) Lasix
ยาขับปัสสาวะมคี ณุ สมบัติชว่ ยขับของเหลวส่วนเกินในร่างกายออกมาทาง

ปัสสาวะ และช่วยป้องกันรา่ งกายไม่ให้ดดู ซึมเกลอื หรือโซเดยี มมากจนเกินไป
ผลขำ้ งเคียง: ขาดน้า ความดันโลหติ ตา่ พษิ ต่อหู
กำรพยำบำล: ระวังการให้รว่ มกบั digoxin จะทาให้โพแทสเซียมต่า มผี ลต่อ

การเตน้ ของหวั ใจ

อ้ำงองิ

กฤษณาพร ทิพย์กาญนเรขา, สาลี สาลีกลุ . (2562). บทบาทพยาบาล
ในการปอ้ งกนั และการจัดการกับการใชย้ าท่ไี ม่เหมาะสมในผสู้ งู อายุ. วารสาร
พยาบาลทหารบก. 20(1). 31-38. https://he01.tci-thaijo.org › article ›
download

จรยิ า อินทนา, กนพิ ันธ์ุ ปานณรงค์, หยาดชล ทวธี นาวณิชย์, ปารชิ าติ ญาตินิยม, ลลิ ติ ศิริ
ทรพั ยจ์ นนั ท.์ (2564). การส่งเสริมการใชย้ าอย่างปลอดภยั ในผ้สู งู อายุ: แนว
ปฏิบัติสาํ หรบั พยาบาล. บทความวชิ าการ. 4(1). 19-30. https://he01.tci-
thaijo.org/index.php/pck/article/download/247269/168670/

ปวิช พากฏิพัทธ์, สณุ ี เลิศสนิ อดุ ม. (2563). การใชย้ าอย่างสมเหตสุ มผลในผู้สูงอายุ.
บทความวชิ าการ. 1-12.
https://ccpe.pharmacycouncil.org/index.php?option=ar
ticle_detail&subpage=article_detail&id=898

วาสนา นยั พฒั น.์ (2553). ปญั หาสขุ ภาพ ปัญหาการใชย้ า และพฤตกิ รรมการใช้ยาของ
ผู้สงู อายุในชุมชนบ้านพักข้าราชการโรงพยาบาลพระมงกฎุ เกล้า. วารสาร
การพยาบาลและการศึกษา. 3(1). 3-13. https://www.vajira.ac.th › res
pha_res_suchada.

ศิริรตั น์ ปานอุทัย, ทศพร คาผลศิร,ิ ณัฐธยาน์ สุวรรณคฤหาสห์,
จติ ตวดี เหรียญทอง. (2560). การพยาบาลผู้สงู อายุ เลม่ 2.
(พมิ พค์ รั้งที่2). เชยี งใหม:่ บริษัท สมาร์ทโคตรต้ิงแอนดเ์ ซอร์วสิ จากัด.

อไุ รวรรณ ชยั ชนะวโิ รจน์, นริ นาท วิทยโชคกิติตุณ. (2558).
พฤตกิ รรมการใชย้ าในผู้สงู้ อายุไทย. บทความวจิ ัย. 9(1).
33-43.http://www.nurse.nu.ac.th/research/pdf/58/2.3.2.3.pdf

อยำ่ ลืมทำแบบทดสอบหลังเรยี น
ด้วยนะคะ

แบบทดสอบหลงั เรยี น
คลิกทาข้อสอบ

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านท่ีเข้ามาอ่าน มาให้ความสนใจใน E-book เร่ือง การ
พยาบาลผู้สูงอายุ ขอบคณุ ทีม่ คี วามตั้งใจในการอา่ นหนงั สือเลม่ นี้จนจบเล่ม สามารถ
นาความรู้ไปใช้ในการพยาบาลผู้สูงอายุได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถ
สอบสภาการพยาบาล ในรายวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุผ่าน 100% สุดท้ายน้ีอยาก
ขอบพระคุณผู้สูงอายุทุกท่านท่ีได้มอบความรู้และประสบการณ์ดี ๆ ให้ลูกหลาน
สามารถนาความรทู้ ไี่ ดไ้ ปปรับใช้ในการดาเนินชีวิต และนาไปปรับใช้ หรือนาความรู้
ไปพัฒนาเพ่อื ทจ่ี ะใหก้ ารพยาบาลไดอ้ ย่างเขา้ ใจ และลึกซึ้ง ขอขอบพระคุณผู้สูงอายุ
ทุกท่านที่สามารถดาเนินชีวิตได้ด้วยตนเองอยู่อย่างมีคุณค่า สุขภาพดี และมี
ความสุขกายสบายใจในบ้ันปลายของชีวิต ดังคาท่ีว่า “เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของ
ลูกหลาน” ขอขอบพระคณุ คะ่

คณะผู้จดั ทา
21 ตลุ าคม 2564

ขอบคุณคะ่

การพยาบาลผสู้ งู อายุ Gerontological Nursing นักศึกษาพยาบาลชน้ั ปีท่ี 3


Click to View FlipBook Version