41
เมอื่ S แทน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนของกล่มุ ตัวอย่าง
แทน ผลรวมของคะแนนแตล่ ะตัวยกกำลงั สอง
̅2 แทน ค่าของจำนวนขอ้ มลู (กลุม่ ตัวอยา่ ง)
n
42
บทท่ี 4
ผลการวิจยั
ผลการวิจัย เรื่อง การศึกษาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง
การเปลีย่ นแปลงของสาร โดยใช้เกมรว่ มกับส่ือมัลตมิ ีเดียของนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียน
บา้ นตะโละใส ผ้วู ิจยั ไดว้ เิ คราะหด์ งั น้ี
ตอนท่ี 1 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ทวั่ ไปของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามเพศ
ตารางท่ี 2 ข้อมลู ทวั่ ไปของกล่มุ ตัวอยา่ ง (จำแนกตามเพศ)
เพศ จำนวน(คน) ร้อยละ
ชาย 13 48
หญงิ 14 52
รวม 27 100
จากตารางที่ 2 แสดงให้เห็นว่า กลุ่มตัวอย่างเพศชายจำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 48
และ เพศหญิงจำนวน 14 คน คิดเปน็ ร้อยละ 52
ตอนที่ 2 การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้
กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall ของนักเรียนชั้น
ประถมศกึ ษาปีที่ 5
ตารางที่ 3 ระดับคุณภาพของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้
โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้รว่ มกับบทเรยี นเกมออนไลน์ Word wall
ระดับคะแนน ระดับคุณภาพ กอ่ นเรียน หลังเรยี น
(รอ้ ยละ) (ร้อยละ)
15-20 ดีมาก 0 88.89
10-14 ดี 0 11.11
5-9 พอใช้ 85.19 0
0-4 ปรับปรุง 14.81 0
จากตารางที่ 3 พบว่าก่อนการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับ
บทเรียนเกมออนไลน์ Word wall เรอ่ื ง แรงและพลงั งาน คะแนนผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนอยู่ในระดับ
พอใช้จำนวน 23 คนคิดเป็นร้อยละ 85.19 และระดับปรับปรุงจำนวน 4 คนคิดเป็นร้อยละ 14.81
43
และคะแนนหลังจากนักเรียนได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับบทเรียน
เกมออนไลน์ Word wall เรื่อง แรงและพลังงาน คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในระดับดีมาก
จำนวน 24 คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ 88.89 และระดบั ดีจำนวน 3 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 11.11 จากข้อมูลทำให้
ทราบว่าหลังเรียนนักเรียนท่ีได้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ที่อยู่ในระดับดีขึ้นไปจำนวน 27
คนคดิ เป็นร้อยละ 100
ตารางที่ 4 สรุปคะแนนก่อนเรยี นและหลงั เรียน
การทดสอบ จำนวน คะแนนเตม็ ̅ S.D. t-test
กอ่ นเรียน 20 20 6.30 1.90 19.34
หลังเรยี น 20 20 16.74 2.23
จากตารางท่ี 4 ผลการตรวจสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนโดยการจดั กระบวนการเรียนรู้
แบบสบื เสาะหาความร้รู ่วมกับบทเรยี นเกมออนไลน์ Word wall เรอื่ ง แรงและพลังงาน พบวา่ คะแนน
เฉลี่ยก่อนเรยี นและหลังเรยี น มี คา่ เท่ากบั 6.30 และ 16.74 ตามลำดับ สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D)
ก่อนและหลงั เรียน มคี ่าเท่ากับ 1.90 และ 2.23 ตามลำดบั และมีค่าสถิติ t-test เทา่ กบั 19.34 เมือ่
เปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังเรยี นปรากฏวา่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนหลงั เรยี นสงู กวา่ กอ่ นเรียน
อยา่ งมีนัยสำคัญที่ 0.05
ตอนท่ี 3 ผลการวิเคราะหร์ ะดบั เจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตรข์ องนักเรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 ท่ี
ไดร้ ับการจัดกระบวนการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรูร้ ่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall
เรือ่ ง แรงและพลังงาน
ตารางที่ 5 ผลการศึกษาเจตคตอต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 โดยได้รับการจัด
กระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์Word wall เรื่อง แรงและ
พลงั งาน
รายการประเมนิ เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์
1.นกั เรียนตัง้ ใจเรยี นวิชาวิทยาศาสตรม์ ากกว่าวิชาอนื่
̅ S.D. ระดบั
4.63 0.56 มากทส่ี ุด
2.มีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมหลังจากเรียนวิชา 4.70 0.54 มากทสี่ ุด
วทิ ยาศาสตร์
3.นักเรียนรู้สึกว่าครูใช้สื่อและยกตัวอย่างประกอบที่ทำ 4.48 0.58 มาก
ให้เข้าใจเน้อื หาไดง้ า่ ยขึ้น
4.นักเรียนมีความกระตือรือร้นในกิจกรรมการเรียนการ 4.67 0.55 มากที่สดุ
สอนในช้นั เรยี น
44
รายการประเมิน เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์
5.นกั เรียนร้สู ึกสนกุ เมื่อไดท้ ำการทดลองวิทยาศาสตร์
̅ S.D. ระดบั
4.74 0.45 มากท่ีสดุ
6.เมื่อถึงชั่วโมงเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ จะเข้าเรียนตรง 4.74 0.45 มากทส่ี ุด
เวลา
7.สามารถนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ใน 4.70 0.47 มากทส่ี ุด
ชวี ติ ประจำวนั ได้
8.วิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ทำให้นักเรียนกล้าคิดกล้า 4.63 0.56 มากทส่ี ุด
ทำและกลา้ แสดงความ คิดเหน็ อย่างมีเหตผุ ล
9.นักเรียนเกิดความภูมิใจทุกครั้งที่สามารถทำกิจกรรม 4.67 0.48 มากท่ีสุด
วิชาวิทยาศาสตร์ ได้สำเร็จ
10.ความรูท้ างวิทยาศาสตรท์ ำใหค้ น้ พบส่งิ ใหม่ๆ มากขนึ้ 4.67 0.62 มากท่สี ุด
การวิเคราะห์ระดับเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยได้รับการ
จัดกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรูร้ ่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์Word wall เรื่อง แรงและ
พลังงาน พบว่าข้อคำถามข้อที่ 1 นักเรียนตั้งใจเรียนวิชาวิทยาศาสตร์มากกว่าวิชาอื่น ข้อที่ 2 มี
การศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมหลังจากเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ ข้อที่ 4 มีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมหลังจาก
เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ข้อที่ 5 นักเรียนรู้สึกสนุกเมื่อได้ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ ข้อที่ 6 เมื่อถึง
ชั่วโมงเรียนวิชาวิทยาศาสตร์จะเข้าเรียนตรงเวลา ข้อท่ี 7 สามารถนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มา
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ข้อที่ 8 วิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ทำให้นักเรียนกล้าคิดกล้าทำและ
กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างมเี หตผุ ล ขอ้ ที่ 9 นกั เรยี นเกิดความภูมใิ จทุกครั้งทส่ี ามารถทำกิจกรรมวิชา
วิทยาศาสตร์ได้สำเร็จ และข้อที่ 10 ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทำให้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ มากขึ้น เป็นข้อ
คำถามที่มีระดับเจตคติสูงสุด รองลงมาคือข้อที่ 3 นักเรียนรู้สึกว่าครูใช้สื่อและยกตัวอย่างประกอบที่
ทำให้เขา้ ใจเนือ้ หาได้งา่ ยข้ึน
ตอนที่ 4 ผลการวิเคราะหร์ ะดับความพงึ พอใจของนกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 ท่ีได้รับการจดั
กระบวนการเรียนรูแ้ บบสบื เสาะหาความร้รู ่วมกับบทเรยี นเกมออนไลน์ Word wall เรอ่ื ง แรงและ
พลงั งาน
ตารางที่ 6 การวิเคราะห์หาคา่ ระดบั ความพึงพอใจของนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 ที่ได้รบั การจัด
กระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั บทเรยี นเกมออนไลน์ Word wall เร่อื ง แรงและ
พลังงาน
45
กิจกรรม ̅ S.D. ระดบั
1. การจดั บรรยากาศห้องเรยี นเอือ้ ต่อการเรียนการ 4.04 0.85 มาก
สอน
2. ครูแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูช้ ัดเจน 4.26 0.76 มาก
3. กจิ กรรมการเรยี นการสอนสอดคล้องกบั 4.07 0.73 มาก
จุดประสงค์การเรียนการสอน
4. ครสู ง่ เสริมให้นกั เรียนทำงานร่วมกนั เป็นกล่มุ 4.44 0.80 มาก
และรายบคุ คล
5. ครูสง่ เสริมใหน้ ักเรียนมีความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ 4.19 0.96 มาก
และรว่ มกนั อภิปราย
6. กิจกรรมการเรยี นสนุกและนา่ สนใจ 4.33 0.83 มาก
7. ครูใหโ้ อกาสนักเรียนซกั ถามปัญหา 4.30 0.87 มาก
8. ครใู ช้วธิ กี ารสอนและใชส้ อื่ อยา่ งหลากหลาย 4.41 0.80 มาก
9. ครูยอมรับความคดิ เห็นของนกั เรยี น 4.15 0.86 มาก
10. ครใู หค้ วามสนใจแกน่ ักเรียนอยา่ งท่วั ถึงขณะ 4.70 0.47 มากที่สุด
สอน
จากตารางที่ 6 พบว่าความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ต่อการจัด
กระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall เรื่อง แรงและ
พลงั งาน ข้อที่ 1 การจดั บรรยากาศห้องเรียนเอ้ือต่อการเรยี นการสอน ข้อท่ี 2 ครแู จ้งจุดประสงค์การ
เรียนรู้ชัดเจน ข้อที่ 3 กิจกรรมการเรียนการสอนสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนการสอน ข้อที่ 4
ครูส่งเสริมให้นักเรียนทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มและรายบุคคล ข้อที่ 5 ครูส่งเสริมให้นักเรียนมีความคิด
รเิ รม่ิ สร้างสรรค์และร่วมกันอภปิ ราย ขอ้ ที่ 6 กิจกรรมการเรียนสนกุ และน่าสนใจ ข้อที่ 7 ครูให้โอกาส
นักเรียนซักถามปัญหา ข้อที่ 8 ครูใช้วิธีการสอนและใช้สื่ออย่างหลากหลาย และข้อที่ 9 ครูยอมรับ
ความคิดเห็นของนักเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.04, 4.26, 4.07, 4.44, 4.19, 4.33, 4.30, 4.41, 4.15
และ4.70 ค่า S.D. เท่ากับ 0.85, 0.76, 0.73, 0.80, 0.96, 0.83, 0.87, 0.80 และ0.86 อยู่ในระดับ
มาก และข้อที่ 10 ครูให้ความสนใจแก่นักเรียนอย่างทั่วถึงขณะสอน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.70 ค่า S.D.
เทา่ กบั 0.47 อย่ใู นระดับมากที่สุด
46
บทที่ 5
สรปุ อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ
การวจิ ยั เรือ่ ง การพัฒนาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน เรือ่ ง แรงและพลังงาน โดยใชก้ ระบวนการ
จดั การเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) รว่ มกับบทเรยี นเกมออนไลน์ Word wall เพ่ือส่งเสริมเจต
คตติ อ่ วิทยาศาสตร์ของนกั เรยี นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรยี นชุมชนบา้ นปยู ุด
5.1 สรปุ
1. การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ) ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall เรื่อง แรงและพลังงาน
พบว่า กลุ่มตัวอย่างมคี ะแนนก่อนเรียนระดับคะแนนสูงสุด 9 คะแนน และระดับคะแนนต่ำสุดอยู่ท่ี 2
คะแนน ซงึ่ คะแนนเฉลยี่ จากการทำแบบทดสอบก่อนเรียนอยู่ที่ 6.30 อยู่ในระดับพอใช้ ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐานมีค่าเท่ากับ 1.90 และคะแนนหลังเรียนระดับคะแนนสูงสุดอยู่ที่ 20 คะแนน และ ระดับ
คะแนนต่ำสุดอยู่ที่ 12 คะแนน ซึ่งคะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบหลังเรียนอยู่ที่ 16.74 อยู่ใน
ระดับดีมาก ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมีค่าเท่ากับ 2.23 โดยที่คะแนนก่อนที่นักเรียนจะได้รับจัดการ
เรียนรูแ้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5E) ) รว่ มกบั บทเรียนเกมออนไลน์ Word wall เรอื่ ง แรงและพลังงาน
อยู่ในระดับพอใช้ จำนวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 85.19 ระดับปรับปรงุ จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ
14.81 และคะแนนหลังจากนักเรียนได้รับกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall เรื่อง แรงและพลังงาน อยู่ในระดับดีมาก จำนวน 24 คน
คดิ เป็นร้อยละ 88.89 และระดบั ดี จำนวน 3 คน คิดเปน็ ร้อยละ 11.11 จากขอ้ มูลทำให้ทราบว่า หลัง
เรียนนักเรียนที่ได้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ที่อยู่ในระดับดีขึ้นไป จำนวน 24 คน คิดเป็น
ร้อยละ 100 เป็นไปตาม สมมติฐานที่ตั้งไว้ในข้อ 1 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนเรียนมีค่าเท่ากบั
1.90 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 2.23 และค่าสถิติ t-test เท่ากับ 19.34 เม่ือ
เปรียบเทียบคะแนนนักเรียนที่ทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน ปรากฏว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
หลงั เรียนสูงกวา่ กอ่ น เรยี นอยา่ งมนี ยั สำคญั ทร่ี ะดับ .05
2. การศึกษาระดับเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบ
เสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall เรื่อง แรงและพลังงาน พบว่า คะแนน
เฉลี่ยของแบบวัดเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์มีค่าเฉลี่ย ̅ เท่ากับ 4.66 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
เท่ากับ 0.36 ดังนั้นนักเรียนที่ใช้กระบวนการจัดการเรียนเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับ
บทเรยี นเกมออนไลน์ Word wall เกิดเจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์อยา่ งมีนยั สำคัญทีร่ ะดบั .05
47
3. การศกึ ษาระดับความพึงพอใจ นักเรยี นมีความพงึ พอใจต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ
สบื เสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรยี นเกมออนไลน์ Word wall เร่อื ง แรงและพลังงาน ภาพรวมอยู่
ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.29, S.D. = 0.49) เมอ่ื พจิ ารณาแตล่ ะข้อโดยเรียงลำดบั จากความพึงพอใจ
มากไปยงั ความพงึ พอใจน้อยดังน้ี
o ครูให้ความสนใจแก่นักเรียนอย่างทั่วถึงขณะสอน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
(ค่าเฉลยี่ = 4.70 ,S.D. = 0.47)
o ครูส่งเสริมให้นักเรียนทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และรายบุคคล ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
ทส่ี ดุ (คา่ เฉลีย่ = 4.44 ,S.D. = 0.80)
o ครูใช้วิธีการสอนและใช้สื่ออย่างหลากหลาย มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย =
4.41 ,S.D. = 0.80)
o กิจกรรมการเรียนสนุกและน่าสนใจ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.33 ,S.D.
= 0.83)
o ให้โอกาสนักเรียนซักถามปัญหา มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.30 ,S.D. =
0.87)
o ครูแจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ชดั เจน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.26 ,S.D.
= 0.76)
o ครูส่งเสริมให้นักเรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และร่วมกันอภิปราย มีความพึงพอใจอยู่ใน
ระดบั มาก (คา่ เฉลี่ย = 4.19 ,S.D. = 0.96)
o ครูยอมรับความคิดเห็นของนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.15 ,S.D.
= 0.86)
o กิจกรรมการเรียนการสอนสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนการสอน มีความพึงพอใจอยู่ใน
ระดบั มาก (คา่ เฉล่ยี = 4.07 ,S.D. = 0.73)
o การจัดบรรยากาศห้องเรียนเอื้อต่อการเรียนการสอน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
(คา่ เฉลย่ี = 4.04 ,S.D. = 0.85)
5.2 อภปิ รายผลการวิจยั
จากการศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรยี นเกมออนไลน์
Word wall เร่ือง แรงและพลังงาน ทม่ี ีต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิชา
วทิ ยาศาสตรข์ องนกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 สามารถอภิปรายผลการวจิ ัยได้ดงั น้ี
1. ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ ด้านความรู้ความจำ ความเข้าใจ การ
คิดวิเคราะห์และการประยุกต์ใช้ เรื่องแรงและพลังงานของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบ
48
เสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน
และหลังเรยี นทเ่ี รยี นโดยใช้การจดั การเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกบั บทเรียนเกมออนไลน์
Word wall ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลัง เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทาง
สถิติที่ระดับ .05 (t = 19.34) โดยมีคะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นก่อนเรียนคะแนนเฉลี่ย ̅ เท่ากับ
6.30 จากคะแนนเตม็ 10 คะแนน คิดเป็นรอ้ ยละ 23.33 และหลงั เรยี นคะแนนเฉลีย่ ̅ เทา่ กับ 16.74
คิดเป็นร้อยละ 62 อีกทั้งยังทำให้นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนอยู่ในระดับสูง (high gain)
จากคะแนนนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรียนเกม
ออนไลน์ Word wall นักเรียนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งนักเรียนที่มีผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนวิทยาศาสตร์อยู่ในระดับดีขึ้นไปจำนวน 27 คน คิด เป็นร้อยละ 100 เนื่องจากการ
จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall เรื่อง แรงและ
พลังงาน เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ทำให้นักเรียนมีสมาธิในการเรียน กระตุ้นให้นักเรียนมีความคิด
สร้างสรรค์ มีความสนุกสนาน เกิดความเพลิดเพลิน สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ในการเรียน
ไดแ้ ละยงั ทำให้นักเรยี นสามารถจดจำและเข้าใจในเนื้อหาได้เป็นอย่างดี ทำให้ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
วทิ ยาศาสตร์ เร่ือง แรงและพลงั งาน อย่ใู นระดบั ดีขนึ้ ไป ซึ่งสอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ วารณุ ี ไชยรงศรี
(2557) การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง ระบบต่อมไร้ท่อ
ด้วยการจัดการเรียนรสู้ ืบเสาะแบบ 5E และเกมวทิ ยาศาสตร์ ผลการวิจัยพบว่า เกมวิทยาศาสตร์ เร่ือง
ระบบต่อมไร้ท่อ ตามการจัดการเรียนรู้สืบเสาะแบบ 5E มีประสิทธิภาพเท่ากับ 79.90/75.33 ตาม
เกณฑ์ที่ตั้งไว้ นักเรียนมีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมนี ัยสำคัญทางสถิตทิ ่ี
ระดับ 0.05 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้สืบเสาะแบบ 5E ร่วมกับการใช้เกม
วิทยาศาสตร์อยู่ในระดับพึงพอใจมาก (ค่าเฉลี่ย=4.13) นอกจากนี้ยังพบว่าการจัดการเรียนรู้สืบเสาะ
แบบ 5E และเกมวิทยาศาสตร์กระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง เพิ่มแรงจูงใจในการเรียน
และช่วยพฒั นาทกั ษะการคิดของนกั เรียนได้
2. การส่งเสริมเจตคติที่มีต่อวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบ
เสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall เรื่อง แรงและพลังงาน ผลการ
วิเคราะหเ์ จตคติต่อวชิ าวิทยาศาสตร์พบว่า นักเรียนเกดิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์เรื่อง แรงและพลังงาน
ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( ̅ = 4.66 , S.D. = 0.36) ซึ่งนักเรียนเกิดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ใน
ระดับมากที่สุดในการจัดการเรียนการสอนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall เรือ่ ง แรงและพลังงาน เนอื่ งจากเปน็ วธิ กี ารจดั การเรยี นการ
สอนโดยใช้นักเรียนเป็นหลัก ทำให้นักเรียนสามารถตอบคำถามตามความรู้ความเข้าใจ โดยมีผู้สอน
เป็นผู้ช่วยในการให้ความรู้เพิ่มเติม อีกทั้งยังมีรูปแบบของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่แปลก
ใหม่จากเดมิ มกี ารนำเกมมาประยุกต์ใช้ในกจิ กรรม ทำใหน้ กั เรยี นเกดิ ความ สนกุ สนาน ต่นื เต้น อยาก
49
ที่จะค้นคว้าหาความรู้ ไม่เกิดความเครียดในการเรียนรู้ นอกจากนี้ผู้วิจัยได้นำสื่อ เทคโนโลยีเข้ามาใช้
ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ น้ำฝน ศรีนวล (2563) ผลการวิจัยพบว่า
นักเรียนที่เรียนด้วยคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียประกอบการบรรยาย เรื่องระบบประสาทและอวัยวะรับ
ความรู้สึก มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (ค่าเฉลี่ย 23.13 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
2.16) สูงกว่ากอ่ นเรยี น (ค่าเฉลี่ย 11.85 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.62) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ี
ระดับ .05 และเมื่อตรวจสอบเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้
คอมพิวเตอร์มัลตมิ ีเดียประกอบการบรรยายเรื่อง ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สกึ พบว่าก่อน
เรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.74 และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.71 และหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ
4.09 และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.59 เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยเจตคติต่อวิทยาศาสตร์
ก่อนและหลังเรียน พบว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ โดยคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียมีคะแนนเจต
คตติ อ่ วิทยาศาสตรห์ ลังเรยี นสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมนี ัยสำคัญทางสถิตทิ รี่ ะดบั .05
3. การศึกษาระดับความพึงพอใจนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบ
เสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรยี นเกมออนไลน์ Word wall เรื่อง แรงและพลังงาน ในภาพรวมอยู่
ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.29, S.D. = 0.49) เมื่อพิจารณารายข้อโดยเรียงลำดับจากความพึง
พอใจมากไปยังความพึงพอใจน้อย พบว่า ข้อที่ 10 ครูให้ความสนใจแก่นักเรียนอย่างทั่วถึงขณะสอน
มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ข้อที่ 4 ครูส่งเสริมให้นักเรียนทำงานร่วมกันเป็น
กลุ่ม และรายบุคคล ข้อที่ 8 ครูใช้วิธีการสอนและใช้สื่ออย่างหลากหลาย ข้อที่ 6 กิจกรรมการเรียน
สนุกและน่าสนใจ ข้อที่ 7 ให้โอกาสนักเรียนซักถามปัญหา ข้อที่ 2 ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้
ชัดเจน ข้อที่ 5 ครูส่งเสริมให้นักเรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และร่วมกันอภิปราย ข้อที่ 9 ครู
ยอมรับความคิดเห็นของนักเรียน ข้อที่ 3 กิจกรรมการเรียนการสอนสอดคล้องกับจุดประสงค์การ
เรียนการสอน และข้อที่ 1 การจัดบรรยากาศห้องเรียนเอื้อต่อการเรียนการสอน อยู่ในระดับมาก
ตามลำดับ
5.3 ข้อเสนอแนะ
จากผลการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word
wall เรื่อง แรงและพลังงาน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนา
คุณภาพการศกึ ษา ผวู้ ิจยั มขี ้อเสนอแนะดงั นี้
1. ขอ้ เสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้
1.1 หนว่ ยงานท่เี กีย่ วข้องกบั การศึกษา ไดแ้ ก่ สำนกั งานคณะกรรมการ การศึกษาขน้ั
พน้ื ฐาน เป็นตน้ สามารถนำผลการศึกษาในครง้ั น้ไี ปปรบั ใช้ในการจดั ทำนโยบายสง่ เสริมและสนบั สนุน
การมีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของผเู้ รยี น โดยการจดั ทำหลกั สูตรอบรมครูระยะสน้ั เกีย่ วกับการพัฒนา
50
กระบวนการจดั การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall
1.2 ผู้บริหารโรงเรียนสามารถนำผลการศึกษาในครั้งนี้ในการผลักดันครู โดยสามารถนำ
กระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรียนออนไลน์ Word wall
ไปพัฒนาผู้เรียนในการยกระดบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นเกยี่ วกบั รายวิชาวิทยาศาสตร์
2) ขอ้ เสนอแนะในการทำวจิ ัยต่อไป
2.1 ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนการสอน
แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรียนเกมออนไลน์ Word wall โดยศึกษาเกมที่มีความ
หลากหลายรูปแบบมากขึ้น
2.2 จากการวิจัยครั้งนี้ พบว่า เมื่อดูจากคะแนนเฉลี่ยแบบวัดเจตคติต่อการเรียน
วิทยาศาสตร์ นักเรยี นท่มี รี ะดบั เจตคตติ ่อการเรยี นวทิ ยาศาสตร์ อยใู่ นระดับมากทสี่ ุดซ่ึงมีคะแนนเฉลี่ย
ท่ากับ 4.67 ดังนั้นในการวิจัยครั้งต่อไปควรศึกษาว่าเหตุใดคะแนนเฉลี่ยเจตคติต่อการเรียน
วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนกลุม่ น้ี จงึ สงู มากกวา่ นักเรียนคนอ่ืน
51
บรรณานกุ รม
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางขั้นพื้นฐานพุทธศักราช2551. กรุงเทพฯ : โรง
พมิ พ์ ชมุ ชนการเกษตรแห่งประเทศไทย.
กิดานันทม์ ลทิ อง. (2548). เทคโนโลยกี ารศึกษาและนวตั กรรม. กรุงเทพฯ : อรณุ การพมิ พ.์ กนกรัตน์
กุลธิดา ชูเสน และกาญจนา ธนนพคุณ. (2560). การใช้เกมเพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ เรื่อง พฤติกรรมบางประการของสัตว์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4.
โครงการประชุมสัมมนาวิชาการน าเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ. มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูล
สงคราม จังหวดั พษิ ณโุ ลก.
กุลิสรา จิตรชญาวณิช. (2562). การจัดการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กล่มุ
ชวนิ โรจน พจนประบญุ . (2558). ผลการสอนโดยใชกจิ กรรมเกมโชววิชาวิทยาศาสตร์เร่ืองพลังงาน
ทดแทนกับการใชประโยชนที่มีตอผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและสมรรถนะทางวิทยาศสตร
ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที่ 3 โรงเรียนบ้านสวน (จั่นอนุสรณ). วิทยานพิ นธการศกึ ษา
มหาบัณฑติ มหาวิทยาลัยบรู พา.
ณัชชากัญญ์ วิรัตนชัยวรรณ. (2555). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการสืบเสาะหา
ความรู้ (5E) เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จิตวิทยาศาสตร์และ
ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนวิทยาศาสตร์ของนกั เรียนช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6.บัณฑติ วิทยาลัย :
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งราย.
ทศิ นาแขมมณ.ี (2560). ศาสตรก์ ารสอนองคค์ วามรเู้ พ่ือการจดั กระบวนการเรยี นร้ทู มี่ ปี ระสิทธิภาพ.
พมิ พ์ครง้ั ที่ 21กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.
ธนเทพพร เดชประสาท. (2558). การประยุกตใชเกมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในการสงเสริม
กระบวนการเขยี นเรยี งความแกกระทใู นหลักสูตรธรรมศกึ ษาช้นั ตรี. วิทยานิพนธศิลปศาสต
รมหาบณั ฑติ มหาวิทยาลยั ศิลปากร.
ประสาทเนอื งเฉลิม. (2558). การเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่21. พมิ พ์ครั้งท1ี่ กรงุ เทพฯ: บริษัท
แอคทฟี พรนิ้ ท์ จำกัด.
พรรณี อุนละมาย. (2560). การจัดกิจกรรมเสริมการเรียนรู เรื่อง อัตราสวนตรีโกนมิติโดยใช
โปรแกรม Kahoot สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 โรงเรียนปราโมชวิทยาราม
อนิ ทรา. วิทยานพิ นธครศุ าสตรมหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนคร.
พิมพ์ใจ เกตุการณ์. (2558). ผลการจดัการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิ
ทางการ เรยี นวิชาวิทยาศาสตรค์ วามสามารถในการแกป้ ัญหาและเจตคติทางวิทยาศาสตร์
52
ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6.วิทยานิพนธ์หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิตสาขาวิชา
หลักสตู รและการสอนคณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบูรพา.
รุสดา จะปะเกีย. (2558). ผลของการจัดการเรียนร้แู บบใช้ปญั หาเป็นฐานท่ีมตี ่อผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนชีววิทยาและความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6.
วิทยานพิ นธค์ ณะ ศึกษาศาสตรม์ หาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตปตั ตานี.
วิไลลกั ษณ์ โภคาพานชิ ย์. (2559). การพฒั นาทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรเ์ รอ่ื ง แรงการ
เคลอื่ นทีแ่ ละพลังงาน กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โดยการ
จดั การเรยี นรูแ้ บบใช้ปัญหาเป็นฐาน,จาก
dhttps://jci.snru.ac.th/ArticleView?ArticleID=229.
วุฒิวิชาภรณ์. (2555). ผลการใช้สื่อมัลติมีเดียร่วมกับวิธีเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ที่มีผลต่อ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาสำหรับนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนทวาร
วดีจงั หวัดนครปฐม. (วิทยานิพนธป์ ริญญาวทิ ยาศาสตรม์ หาบณั ฑติ ). นครปฐม: มหาวิทยาลยั
ศิลปากร.
สาริญา และสุม. (2560). ผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนวิชาชีววิทยาทักษะการสื่อสารทางวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี6.ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอน
วิทยาศาสตรแ์ ละ คณิตศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร.์
53
ภาคผนวก
54
ภาคผนวก ก
เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการวิจยั
55
แผนการจัดการเรยี นรู้
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั ว15101
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 แรงและพลังงาน ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5
ภาคเรยี นท่ี 1 แผนการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง แรงลพั ธ์ เวลา 4 คาบ (4 ชวั่ โมง)
สอนวนั ที่ 14 เดอื น มิถุนายน พ.ศ. 2565 ผสู้ อน : โซฟียะห์ แวยะโกะ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ติ ประจำวนั ผลของแรงท่ีกระทำต่อวตั ถุ
ลักษณะการเคลอ่ื นท่ีแบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ตัวชี้วดั
ป.5/1 อธบิ ายวิธีการหาแรงลัพธข์ องแรงหลายแรงในแนวเดยี วกันที่กระทำต่อวัตถุในกรณีท่ี
วตั ถอุ ยูน่ ง่ิ จากหลักฐานเชิงประจักษ์
ป.5/2 เขียนแผนภาพแสดงแรงท่กี ระทำต่อวัตถุท่ีอย่ใู นแนวเดยี วกนั และแรงลัพธท์ ี่กระทำต่อ
วัตถุ
ป.5/3 ใช้เครอ่ื งชัง่ สปริงในการวัดแรงทก่ี ระทำต่อวตั ถุ
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 นกั เรยี นสามารถอธิบายการหาแรงลพั ธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันท่ีกระทำต่อวัตถุ
ได้ (K)
3.2 นกั เรยี นสามารถทำการทดลองเก่ยี วกับการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกัน
ทก่ี ระทำตอ่ วตั ถไุ ด้ (P)
3.3 นักเรียนสามารถเขียนแผนภาพแสดงแรงท่กี ระทำตอ่ วัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันได้ (P)
3.4 นักเรยี นมีความมุ่งมั่นในการเรียนร้แู ละการทำงานที่ได้รับมอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรยี นรู้
การหาแรงลพั ธข์ องแรงหลายแรงในแนวเดยี วกันที่กระทำต่อวตั ถใุ นกรณีทวี่ ัตถุอยู่น่งิ
56
4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
แรงลัพธ์เป็นผลรวมของแรงท่ีกระทำต่อวัตถโุ ดยแรงลัพธ์ของแรง 2 แรงที่กระทำตอ่ วัตถุ
เดยี วกัน จะมีขนาดเท่ากบั ผลรวมของแรงท้ังสองเมื่อแรงทั้งสองอยใู่ นแนวเดยี วกันและมที ิศทาง
เดียวกนั แตจ่ ะมีขนาดเท่ากับผลตา่ งของแรงทง้ั สอง เม่ือแรงทงั้ สองอยใู่ นแนวเดียวกนั แต่มีทิศทางตรง
ขา้ มกนั สำหรบั วัตถุทอี่ ยู่นง่ิ แรงลัพธท์ ี่ กระทำต่อวัตถุมีค่าเปน็ ศนู ย์
การเขยี นแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุ สามารถเขียนได้โดยใชล้ ูกศร โดยหวั ลูกศรแสดง
ทิศทางของแรง และความยาวของลกู ศรแสดงขนาดของแรงท่ีกระทำต่อวัตถุ
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
5.1.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
5.1.2 ความสามารถในการคดิ
1) ทกั ษะการสงั เกต
2) ทกั ษะการเชอ่ื มโยง
3) ทกั ษะการใหเ้ หตุผล
5.1.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
5.2 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
5.2.1 มีวินัย
5.2.2. ใฝ่เรยี นรู้
5.2.3 มุง่ มั่นในการทำงาน
6.กิจกรรมการเรียนรู้
6.1 ข้ันสรา้ งความสนใจ
คาบที่ 1
6.1.1 ครูถามนกั เรียนวา่ “นักเรยี นร้จู กั แรงอะไรบา้ งพร้อมยกตัวอย่าง (แนวการตอบ แรง
ผลัก ตอนเปดิ ประตู แรงดึง ตอนปิดประตู เปน็ ตน้ )” ครเู ขยี นคำตอบของนกั เรยี นลงบนกระดาน
6.1.2 ครูให้สถานการณก์ ับนักเรยี นว่า “หากนักเรยี นจะเคลอ่ื นยา้ ยโต๊ะของครทู ีอ่ ยู่ในห้อง
หลงั ชั้นเรยี นไปยงั ห้องสมุด นักเรยี นมีวธิ กี ารเคลื่อนย้ายอย่างไรให้รวดเรว็ และสะดวก” ใหน้ กั เรียน
ช่วยกันแสดงความคิดเหน็ โดยครตู ัง้ คำถามดงั น้ี
1) ถ้านกั เรียนพาเพื่อนๆ ย้ายโต๊ะครู นกั เรยี นจะให้เพ่อื นช่วยอย่างไร (แนวตอบ ช่วยกัน
ออกแรง
57
ผลกั ดนั และดงึ โตะ๊ ใหเ้ คลอื่ นที)่
2) นักเรียนจะมีวิธกี ารออกแรงอย่างไรใหเ้ คลื่อนโต๊ะไดเ้ ร็วขึ้น (แนวตอบ ช่วยกันออกแรง
ผลักหรอื ดงึ ไปในทางเดยี วกัน)
3) นกั เรียนสงั เกตเหน็ การออกแรงและการเคลอื่ นทขี่ องโต๊ะนัน้ เป็นอยา่ งไร (แนวตอบ
แรงทกี่ ระทำและทิศทางการเคลือ่ นที่ของตู้ไปในทิศทางเดยี วกนั )
6.1.3 ให้นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่อื ง แรงในชีวติ ประจำวนั
6.1.4 ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนคิดกิจกรรมคนละ 1 กจิ กรรม เกี่ยวกับการใช้แรงในชีวิตประจำวนั
และครูสุ่มนักเรียน 3 - 4 คน ออกมาเขียนกจิ กรรมที่นักเรียนคิดไว้บนกระดานหน้าชั้นเรียน จากนน้ั
ครูและนักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นวา่ กิจกรรมท่เี ขยี นบนกระดานใช้แรงอะไร
6.2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา
คาบท่ี 2
6.2.1 แบง่ นกั เรียนออกเป็น 3-4 กล่มุ
6.2.2 นักเรยี นแต่ละกล่มุ อา่ นชอ่ื บท และแนวคดิ สำคญั ในหนังสอื เรยี นหนา 26 จากนั้นครู
ถามวา จากการอา่ นแนวคิดสำคญั นกั เรียนคิดวาจะไดเ้ รียนเกี่ยวกบั เรอื่ งอะไรบา้ ง (แนวการตอบ จะ
ไดเ้ รียนเรอื่ งแรงลัพธ์ท่ีกระทำตอวตั ถุ การหาแรงลพั ธ์ )
6.2.3 นักเรยี นทำแบบสำรวจความรูก้ ่อนเรยี นในหนงั สอื เรียนหนา้ 27
6.2.4 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มศึกษาขอ้ มลู ในหนังสือเรยี นหน้า 28 – 29 โดยครูตัง้ คำถามดังนี้
1) แรงลัพธค์ อื อะไร
2) เราสามารถเขยี นแผนภาพแสดงแรงทก่ี ระทำต่อวตั ถุไดอ้ ยา่ งไร
นกั เรยี นแลกเปลี่ยนความรรู้ ว่ มกนั ภายในกล่มุ และเขียนคำตอบลงในกระดาษ A4 เปน็ ราย
กลุ่ม
6.2.5 ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมาหนา้ ชั้นเรียน แล้วส่มุ เลอื กบตั รคำถามที่ครู
เตรียมไว้ เพ่ือตอบคำถาม ซ่ึงจะมีคำถามดังนี้
1) แรงลัพธ์คืออะไร
2) เราสามารถเขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำตอ่ วตั ถุไดอ้ ย่างไร
3) เขยี นแผนภาพแสดงขนาดและทิศทางของแรง จากโจทยด์ งั นี้ “เดก็ ชาย ก ออกแรง
ผลกั วตั ถุไปทางทิศซา้ ย 10 นิวตนั ”
4) เขยี นแผนภาพแสดงขนาดและทิศทางของแรง จากโจทย์ดงั น้ี “เดก็ ชาย ข ออกแรง
ผลกั วัตถไุ ปทางทศิ ขวา 20 นิวตัน”
58
5) เด็กชาย ง ออกแรงผลักวตั ถไุ ปทางทิศซ้าย 8 นิวตนั เด็กชาย จ ตอ้ งการให้วัตถุอยนู่ งิ่
เด็กชาย จ ต้องออกแรงขนาดเท่าใดและทศิ ทางใด
6) ยกตัวอยา่ งกิจกรรมที่ต้องใช้แรงจากหลายคนช่วยกัน กิจกรรมดังกลา่ วใช้แรงอะไร
อย่างไร
7) เดก็ หญงิ ง ผลักโตะ๊ ไปในทิศทางขวา ขนาด 5 นวิ ตัน เดก็ ชาย ก ผลกั โต๊ะไปทศิ
ทางขวา 5 นวิ ตนั แรงลัพธ์ท่ีกระทำต่อโตะ๊ มีคา่ เท่าใด ทิศทางใด
8) เด็กหญงิ ก ผลกั วตั ถุไปทางทศิ ขวา ขนาด 3 นิวตนั เด็กหญงิ ข ผลักวัตถุไปทางทศิ ซาย
ขนาด 2 นวิ ตนั แรงลัพธ์ท่ีกระทำต่อวัตถุมีค่าเทา่ ใด ทิศทางใด
9) เมื่อมีแรง 2 ขนาดเท่ากัน มากระทำต่อวตั ถุในทิศทางตรงกันข้าม แล้ววัตถุหยดุ น่ิง แรง
ลพั ธม์ คี ่าเท่าใด
10) แรงมีหนว่ ยเป็นอะไร
โดยกลมุ่ ไหนสามารถตอบไดถ้ ูกต้องมากทีส่ ุด จะเปน็ ฝา่ ยชนะ
คาบท่ี 3
6.2.6 แบง่ นกั เรยี นออกเป็น 4 กลมุ่
6.2.7 ครูแนะนำวัสดอุ ุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นกิจกรรมการทดลอง ได้แก่ เคร่ืองช่งั สปรงิ ถุงพลาสติกมี
หูห้ิว วัสดทุ ีม่ ีนำ้ หนกั เช่น ถงุ ทราย กลอ่ งดินสอ ขวดน้ำ เป็นตน้ พรอ้ มบอกวิธีการใชง้ านเคร่อื งช่ัง
สปรงิ
6.2.8 ครสู าธิตการทดลองโดยการห้วิ ถุงทม่ี สี ิ่งของอยู่ด้านในด้วยการรวบหูหว้ิ เข้าดว้ ยกนั
จากนน้ั ครถู ามนกั เรียนดังนี้
1) ขณะท่ีครหู ว้ิ ถงุ นักเรยี นสังเกตเห็นอะไรบ้าง เหตใุ ดจงึ เปน็ เชน่ น้ัน (แนวการตอบ
นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ เช่น สิง่ ของที่อยู่ในถุงจะดงึ เครื่องช่งั สปริงลง เพราะส่งิ ของมนี ้ำหนกั )
2) ถ้าครูหวิ้ ถงุ ไวน่ิง ๆ แรงที่ครใู ชห้ิวถงุ จะมีค่าเป็นอย่างไรเมือ่ เทียบกบั น้ำหนักของถงุ
(นกั เรยี นตอบตามความเขาใจ)
3) ถ้าครูใหตวั แทนนักเรยี นหนง่ึ คนมาช่วยหิ้วถงุ อีกข้างหนง่ึ แล้วครูดงึ ห้วิ ข้างท่เี หลอื เมอื่
เปรยี บเทยี บแรงท่ีนักเรียนกบั ครูใชห้วิ ถงุ คนละหนง่ึ ข้างกับแรงทค่ี รูหิ้วถงุ คนเดยี วจะเป็นอย่างไร
(นกั เรียนตอบตามความเขาใจ)
6.2.9 นักเรยี นศึกษากจิ กรรมที่ 1 เรือ่ ง หาแรงลัพธ์ท่กี ระทำตอ่ วตั ถุได้อยา่ งไร จากหนงั สอื
เรียนหนา้ 30 ครูรว่ มกนั อภิปรายถงึ ข้ันตอนการทำกิจกรรมการทดลองในตอนท่ี 1 ตอนท่ี 2 และตอน
ท่ี 3
6.2.10 เมอื่ นักเรยี นเขา้ ใจขนั้ ตอนการทดลองแล้วใหน้ กั เรียนเร่มิ ปฏบิ ัติตามขน้ั ตอนดงั กล่าว
6.2.11 นักเรยี นบันทกึ ผลการทดลองในแบบฝึกหดั หน้า 28 – 31
59
6.2.12 นักเรียนตอบคำถามในแบบฝึกหัดหนา้ 32 - 34
6.3 ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
6.3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงขอสรุปวาการหาแรงลัพธ์ของแรงที่กระทำต
อวัตถุทำได้ โดยถาแรงที่กระทำตอวัตถุอยู่ในทิศทางเดียวกัน ใหนําคาของแรงหลายๆแรงมารวมกัน
แต่ถาแรงที่กระทำตอวัตถุอยูใ่ นทิศทางตรงกันข้าม ใหนําคาของแรงทั้งสองทศิ ทางมาลบ หรือหักล้าง
กัน สำหรับวัตถุที่อยู่นิ่งแรงลัพธ์จะมีค่าเป็นศูนย์ การเขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำตอวัตถุทำได้
โดยใชลูกศรแสดงแรง
6.4 ขัน้ ขยายความรู้
6.4.1 นักเรยี นดูภาพประกอบที่ 1 เรอื่ งทำความสะอาดบ้าน นักเรียนรว่ มกนั แสดงความ
คดิ เหน็ โดยครูซักถามดงั นี้
1) จากภาพดังกล่าว กิจกรรมใดบา้ งทใี่ ชแ้ รง และใชแ้ รงใด (แนวการตอบ กวาดบา้ น ถู
บา้ น ใชท้ ง้ั แรงดงึ และแรงผลัก เป็นตน้ )
2) หากนักเรยี นต้องการเคลอ่ื นย้ายวตั ถุในภาพ
“วตั ถใุ ดบ้างท่ตี ้องใชแ้ รงลัพธ์มาก เพราะเหตใุ ด” (แนวการตอบ ตู้เก็บของ โซฟา และ
ต้เู ย็น เพราะมีมวลมาก ทำให้ตอ้ งใชแ้ รงลัพธ์มาก)
“วตั ถใุ ดบ้างทต่ี อ้ งใช้แรงลัพธ์น้อยกวา่ เพราะเหตใุ ด” (แนวการตอบ ถังขยะ กระถาง
ต้นไม้ และทโี่ กยขยะ เพราะมีมวลนอ้ ยกวา่ ทำให้ตอ้ งใชแ้ รงลพั ธน์ อ้ ยกวา่ )
ภาพประกอบท่ี 1 เรอื่ งทำความสะอาดบ้าน
60
คาบที่ 4
6.5 ขนั้ ประเมนิ
6.5.1 ครูเขียนโจทย์แบบฝกึ หัดเรือ่ งแรงลัพธ์ลงบนกระดาน
6.5.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเร่อื งแรงลัพธล์ งในสมดุ จดของนกั เรยี น
6.5.3 นกั เรยี นใช้บทเรยี นเกมออนไลน์ (Word wall) เรื่องแรงลัพธ์
7.สือ่ การเรยี นรู้
7.1 กระดานดำ
7.2 หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.5
7.3 บตั รคำถาม
7.4 ภาพประกอบที่ 1 เร่ืองทำความสะอาดบา้ น
7.5 เครอื่ งชัง่ สปริง
7.6 บทเรยี นออนไลน์ (word wall)
7.7 วสั ดอุ นื่ ๆ ( ถงุ ทราย ขวดน้ำ กลอ่ งดนิ สอ ถงุ หวิ้ และอื่นๆ)
61
8.การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เคร่อื งมอื การวดั วธิ ีการวัด เกณฑก์ ารประเมนิ
1. นกั เรยี นสามารถอธบิ าย แบบสงั เกต สงั เกตพฤตกิ รรม 3 คือ อธิบายการหาแรงลัพธ์ของ
การหาแรงลพั ธข์ องแรง พฤติกรรม แรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่
หลายแรงในแนวเดียวกันที่ กระทำตอ่ วตั ถไุ ด้ถกู ตอ้ ง
กระทำต่อวัตถุได้ 2 คือ อธิบายการหาแรงลัพธ์ของ
แรงหลายแรงในแนวเดียวกันท่ี
กระทำต่อวัตถุได้ถูกต้อง บางส่วน
แต่ไม่มสี ว่ นผิด
1 คือ อธิบายการหาแรงลัพธ์ของ
แรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่
กระทำต่อวตั ถคุ ลาดเคลื่อน
2. นกั เรียนสามารถทำการ แบบสงั เกต สงั เกตพฤติกรรม 3 คือ สามารถทำการทดลอง
ทดลองเกย่ี วกบั การหาแรง พฤติกรรม
ลัพธ์ของแรงหลายแรงใน เก่ยี วกับการหาแรงลัพธ์ไดถ้ ูกต้อง
แนวเดียวกนั ท่กี ระทำต่อ
วัตถุได้ 2 คือ สามารถทำการทดลอง
เกี่ยวกับการหาแรงลัพธ์ได้ถูกต้อง
บางสว่ นแต่ไมม่ ีสว่ นผิด
1 คือ ไม่สามารถทำการทดลอง
เก่ยี วกับการหาแรงลัพธ์
3. นักเรยี นสามารถเขียน แบบฝึกหัด ตรวจจากแบบฝึกหัด รอ้ ยละ 60 ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
แผนภาพแสดงแรงท่ี
กระทำตอ่ วัตถุทอ่ี ยู่ในแนว แบบสงั เกต สังเกตพฤติกรรม 3 คือ มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้
เดียวกันได้ พฤติกรรม และการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
4. นกั เรยี นมคี วามมุ่งม่นั ใน มาก
การเรยี นรู้และการทำงาน 2 คือ มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้
ที่ไดร้ บั มอบหมาย และการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
ปานกลาง
62
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เครือ่ งมือการวดั วธิ กี ารวดั เกณฑ์การประเมิน
1 คือ มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้
และการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
น้อย
9.บันทกึ หลงั การสอน
...จ..า..ก...ก..า..ร..จ..ดั..ก...า..ร..เ.ร..ีย..น...ก..า..ร..ส..อ..น...พ...บ..ว..่า....น..กั..เ..ร..ีย..น..จ...าํ ..น..ว..น....2..7....ค..น....ม..ีก...า..ร.ต...อ..บ...โ.ต...้ .ใ.ห...้ค..ว..า..ม...ร..่ว..ม..ม..อื...ใ.น...ก..า..ร..จ..ัด...ก..า..ร..เ.ร..ีย..น.............
...ก...า.ร..ส...อ..น...ไ.ด..ด้...ี .ส..า..ม...า..ร..ถ..ท..ํา..ก...า..ร..ท..ด..ล...อ..ง..อ..ย..า่..ง..เ.ป...น็...ต..อ..น...ไ.ด...้ .แ..ล..ะ...ม..ที...ัก..ษ...ะ..ก..า..ร..จ..ัด..ก...ร..ะ..ท..าํ..แ...ล..ะ..ส..่ือ...ค..ว..า..ม..ห...ม..า..ย...ข..อ..ง..ข..อ้...ม..ูล...........
....................................................................................................................................................................................
กิจกรรมเสนอแนะ
ความคดิ เหน็ ของครูพี่เลย้ี ง ........................................................................................................................... ............
............................................................................................................................................................................. .......
...…………………………………………………………………………………………………....................................................................
ลงชอื่ .................................................
(นางวรรณี อาลี)
ปญั หา/อปุ สรรค
...ม...ีน..ัก...เ.ร..ยี..น....5....ค..น....ท...่ีล..ืม...ห..น...ัง..ส..อื..ท...าํ..ใ..ห..ก้...า..ร..จ..ัด..ก...า..ร..เ.ร..ีย..น...ก..า..ร..ส..อ...น..ข...อ..ง..น...ัก..เ.ร..ีย...น....5...ค...น.น...้ี.เ..ก..ิด..ก...า..ร..เ.ร..ยี..น...ร..ู้ไ..ม..่เ.ต...็ม..ท...ี่ .จ..งึ...........
...ต...กั ..เ.ต...อื ..น...อ..ย..า่..ใ..ห..้ม...คี..ร..้งั..ต...่อ..ไ.ป....ห...า..ก..ม...ีค..ร..้งั..ต...อ่ ..ไ.ป...จ..ะ..ถ..กู...ล..ง..โ..ท..ษ......................................................................................……
…………………………………………………………………………………………….............................................................................
ข้อเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………......................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
ลงชื่อ.................................................ครผู สู้ อน
(นางสาวโซฟยี ะห์ แวยะโกะ)
63
แผนการจดั การเรียนรู้ รหัส ว15101
ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 2 คาบ (2ช่ัวโมง)
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 แรงและพลังงาน ผสู้ อน : โซฟียะห์ แวยะโกะ
ภาคเรยี นท่ี 1 แผนการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่อื ง แรงเสียดทาน
สอนวนั ที่ 28 เดอื น มิถนุ ายน พ.ศ. 2565
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวตั ถุ
ลักษณะการเคล่อื นท่ีแบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ตวั ชว้ี ัด
ป.5/4 ระบผุ ลของแรงเสยี ดทานทม่ี ตี ่อการเปลย่ี นแปลง การเคลื่อนที่ของวัตถจุ ากหลักฐาน
เชิงประจักษ์ ป.5/5 เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงที่อยู่ในแนวเดยี วกันที่กระทำต่อ
วตั ถุ
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 นักเรียนสามารถอธิบายการเกดิ แรงเสยี ดทานได้ (K)
3.2 นักเรยี นสามารถเขียนแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทานที่กระทำต่อวตั ถุได้ (P)
3.4 นักเรียนมคี วามมุง่ มนั่ ในการเรียนรูแ้ ละการทำงานที่ได้รับมอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรยี นรู้
แรงเสียดทาน เป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุน้ัน
ซึ่งแรงเสียดทานจะมีทิศตรงข้ามกับแรงที่มากระทำเสมอ มผี ลทำใหวัตถุเคล่ือนทช่ี า หรือขัดขวางการ
เคลอ่ื นท่ีของวตั ถุ
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัส ของวัตถุ เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุน้ัน
โดย ถ้าออกแรงกระทำต่อวัตถทุ ีอ่ ยูน่ ่ิงบนพ้ืนผวิ หน่ึง ให้เคลื่อนที่แรงเสยี ดทานจากพื้นผิวนัน้ ก็จะตา้ น
การเคลื่อนทข่ี องวตั ถุแต่ถ้าวตั ถกุ ำลงั เคลือ่ นท่ี แรงเสียดทานกจ็ ะทำให้วตั ถุน้ันเคล่ือนทชี่ า้ ลง หรอื หยุด
น่ิง
64
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
5.1 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
5.1.1 ความสามารถในการสื่อสาร
5.1.2 ความสามารถในการคดิ
1) ทกั ษะการสงั เกต
2) ทักษะการเช่อื มโยง
3) ทกั ษะการใหเ้ หตุผล
5.1.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
5.2 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.2.1 มีวนิ ยั
5.2.2. ใฝ่เรียนรู้
5.2.3 ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
6.กิจกรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 1
6.1 ขั้นสร้างความสนใจ
6.1.1 ครทู วนความรเู้ ดิมเร่ืองแรงลัพธด์ ังน้ี
- ครูถามนักเรียนว่า จากทเี่ รียนคาบทแี่ ลว้ แรงลัพธ์คืออะไร (แนวการตอบ ผลรวม
ของแรงหลายแรงที่กระทำของวัตถุ ถา้ แรงท่ีกระทำต่อวตั ถุมีทศิ ทางเดียวกัน นำแรงทัง้ หมดมาบวกกัน
ถา้ แรงที่กระทำต่อวัตถมุ ที ิศตรงกนั ขา้ ม นำแรงทงั้ หมดมาลบกัน)
- ครูยกตัวอยา่ งสถานการณ์ หากนกั เรียนต้องการเคล่ือนย้ายกล่องทอี่ ยบู่ นพ้นื
นักเรียนสามารถทำโดยวิธีใดบ้าง (แนวการตอบ ใช้แรงผลักกลอ่ งใหเ้ คลื่อนที่ เป็นตน้ )
- ครูถามนกั เรียนวา่ ในการเคล่ือนยา้ ยกล่องดังกลา่ ว มแี รงอะไรเกดิ ขน้ึ อีกบ้าง (แนว
การตอบ ตอบตามความเขา้ ใจของนักเรยี น)
6.2 ขั้นสำรวจและคน้ หา
6.2.1 ครูให้นักเรยี นอ่านจดุ ประสงค์การเรียนรูท้ จ่ี ะไดเ้ รียนในบทน้ี พร้อมถามนกั เรียนวา่
นกั เรยี นคิดว่าจะไดเ้ รียนเกีย่ วกับเรอื่ งอะไร (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจ)
6.2.2 นกั เรียนอา่ นหนงั สือหน้า 37 เร่อื ง แรงเสยี ดทาน พร้อมถามนกั เรียนวา่ จากทีน่ กั เรียน
อา่ น แรงเสียดทาน คืออะไร เกดิ ข้ึนบรเิ วณใด (แนวการตอบ แรงเสยี ดทาน แรงที่ต้านการเคลือ่ นท่ี
ของวตั ถุ และเกิดข้ึนบรเิ วณผิวของวัตถุกับพื้น)
65
6.2.3 ครูถามคำถามนักเรยี นดงั นี้ หากเราเคลื่อนยา้ ยวตั ถทุ ี่อยู่บนพืน้ แต่วตั ถยุ งั อยนู่ ิง่ แสดง
ว่าแรงลพั ธ์ท่กี ระทำต่อวตั ถเุ ท่ากับศนู ย์ หมายความว่ามีอกี แรงหนง่ึ ท่ีต้านการเคลื่อนท่ขี องวัตถุ แรงดัง
กลา่ วคอื แรงอะไร อธบิ ายตามความเขา้ ใจ (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจ ดงั นี้ แรงท่เี กดิ ขึ้นคอื แรง
เสียดทาน แรงทตี่ ้านการเคลื่อนทข่ี องวัตถุ ทำให้วตั ถุเคลือ่ นทช่ี า้ ลงหรือหยดุ นงิ่ )
6.2.4 ครสู มุ่ นักเรียนออกมาเขยี นแผนภาพของแรงเสยี ดทานที่เกดิ ข้ึนกบั วัตถุ
6.2.5 นกั เรียนเปิดศกึ ษาหนังสือ หนา้ 41 เกร็ดน่ารู้ แรงเสียดทานกบั พ้ืนรองเท้า พร้อมถาม
นกั เรียนว่า จากภาพรองเท้าดังกลา่ ว เพราะเหตใุ ดจึงต้องมีพนื้ ทเ่ี ปน็ ร่องหยกั (แนวการตอบ เพ่ือเพ่ิม
แรงเสียดทาน ทำใหย้ ึดเกาะพื้นไดด้ ขี ้นึ ไมท่ ำให้ลืน่ ไหล)
6.2.6 ใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่าง กจิ กรรมทีเ่ กดิ แรงเสยี ดทานตามความเข้าใจของตนเอง ครเู ขยี น
คำตอบลงบนกระดาน และรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ ว่า แรงเสียดทานเกิดขนึ้ บรเิ วณใด และสามารถ
เขียนแผนภาพการเกดิ แรงเสียดทานได้อย่างไร
6.3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป
6.3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงขอสรุปวา แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้น
ระหวา่ งผวิ สัมผัส ของวัตถุ เพือ่ ต้านการเคลื่อนทีข่ องวัตถุน้ัน โดยถา้ ออกแรงกระทำต่อวัตถุท่ีอยู่นิ่งบน
พื้นผิวหนึ่ง ให้เคลื่อนที่แรงเสียดทานจากพื้นผิวนั้นก็จะต้าน การเคลื่อนที่ของวัตถุแต่ถ้าวัตถุกำลัง
เคล่ือนท่ี แรงเสยี ดทานกจ็ ะทำให้วัตถุนนั้ เคลื่อนท่ีชา้ ลง หรือหยุดน่งิ
6.4 ขัน้ ขยายความรู้
6.4.1 นกั เรียนดูภาพประกอบท่ี 1 เรื่องแรงเสยี ดทาน นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น
โดยครซู ักถามดังนี้
- จากภาพดงั กลา่ ว นกั เรยี นสังเกตเหน็ อะไรบา้ ง (แนวการตอบ ตอบตามความเขา้ ใจ
เช่น ล้อรถมีดอกยาง ถนนท่ีขรขุ ระ เปน็ ตน้ )
- จากภาพดังกลา่ ว เพราะเหตุใดลอ้ รถ จึงต้องมีดอกยาง (แนวการตอบ เพ่ือเพิม่ แรง
เสยี ดทาน ทำใหร้ ถไม่ลื่นไหล เป็นต้น)
- นอกจากดอกยางบรเิ วณพนื้ ผวิ ของล้อรถแล้ว อะไรบา้ งท่ีเปน็ การเพ่ิมแรงเสยี ด
ทาน อยา่ งไร (แนวการตอบ ถนนทขี่ รขุ ระ ทำให้เพ่ิมแรงเสียดทานในการเคลือ่ นทขี่ องรถ ทำ
ใหร้ ถสามารถเคลอ่ื นได้อย่างไมเ่ ล่อื นไหล ทำให้ไม่เกิดอบุ ัติเหตุได้ )
66
ภาพประกอบที่ 1 เรอื่ งรถยนต์บนถนน
คาบที่ 2
6.5 ข้นั ประเมนิ
6.5.1 นักเรียนทำแบบฝกึ หัดเรอื่ งแรงเสยี ดทาน
6.5.2 นักเรียนใชบ้ ทเรยี นออนไลน์ (Word wall) เร่อื งแรงเสยี ดทาน
7.ส่ือการเรยี นรู้
7.1 กระดานดำ
7.2 หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.5
7.3 ภาพประกอบที่ 1 เร่อื งรถยนต์บนถนน
7.4 บทเรยี นออนไลน์ (Word wall)
67
8.การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เคร่อื งมือการวดั วิธีการวดั เกณฑก์ ารประเมนิ
1. นกั เรยี นสามารถอธิบาย แบบสงั เกต สังเกตพฤตกิ รรม 3 คือ สามารถอธิบายการเกิดแรง
การเกดิ แรงเสียดทานได้ พฤติกรรม เสยี ดทานไดถ้ กู ตอ้ ง
2 คือ สามารถอธิบายการเกิดแรง
เสียดทานได้ถูกต้องบางส่วนแต่ไม่
มีสว่ นผดิ
1 คือ สามารถอธิบายการเกิดแรง
เสียดทานคลาดเคลื่อน
2. นักเรยี นสามารถเขยี น แบบฝึกหดั ตรวจจากแบบฝึกหดั ร้อยละ 60 ถือว่าผ่านเกณฑ์
แผนภาพแสดงแรงเสยี ด
ทานทกี่ ระทำต่อวตั ถุได้ แบบสังเกต สงั เกตพฤตกิ รรม 3 คือ มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้
พฤติกรรม และการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
3. นักเรียนมีความมุ่งม่ันใน มาก
การเรียนรูแ้ ละการทำงาน 2 คือ มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้
ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย และการทำงานที่ได้รับมอบปาน
ตลอดเวลา กลาง
1 คือ ไม่มคี วามมงุ่ มั่นในการเรียนรู้
และการทำงานท่ไี ด้รับมอบหมาย
68
9.บันทึกหลังการสอน
...จ..า..ก...ก..า..ร..จ..ัด..ก...า..ร..เ.ร..ยี ..น...ก..า..ร..ส..อ..น...พ...บ..ว..่า....น..ัก..เ..ร..ีย..น..จ...ํา..น..ว..น....2..7....ค..น....ม..ีก...า..ร.ต...อ..บ...โ.ต...้ .ใ.ห...ค้..ว..า..ม...ร..่ว..ม..ม..ือ...ใ.น...ก..า..ร..จ..ัด...ก..า..ร..เ.ร..ีย..น.............
...ก...า.ร..ส...อ..น...ไ.ด..้ด...ี .ส..า..ม...า..ร..ถ..ท..าํ..ก...า..ร..ท..ด..ล...อ..ง..อ..ย..่า..ง..เ.ป...น็...ต..อ..น...ไ.ด...้ .แ..ล..ะ...ม..ที...ัก..ษ...ะ..ก..า..ร..จ..ัด..ก...ร..ะ..ท..ํา..แ...ล..ะ..ส..ือ่...ค..ว..า..ม..ห...ม..า..ย...ข..อ..ง..ข..้อ...ม..ลู...........
....................................................................................................................................................................................
กจิ กรรมเสนอแนะ
ความคดิ เห็นของครูพเ่ี ลยี้ ง ........................................................................................................................... ............
............................................................................................................................................................................. .......
...…………………………………………………………………………………………………....................................................................
ลงชือ่ .................................................
(นางวรรณี อาลี)
ปญั หา/อปุ สรรค
...ม...นี ..ัก...เ.ร..ยี..น....5....ค..น....ท...ี่ล..มื...ห..น...ัง..ส..ือ..ท...าํ..ใ..ห..ก้...า..ร..จ..ดั ..ก...า..ร..เ.ร..ีย..น...ก..า..ร..ส..อ...น..ข...อ..ง..น...กั ..เ.ร..ีย...น....5...ค...น.น...้ี.เ..ก..ิด..ก...า..ร..เ.ร..ยี..น...ร..ไู้..ม..เ่.ต...ม็ ..ท...ี่ .จ..ึง...........
...ต...กั ..เ.ต...ือ..น...อ..ย..า่..ใ..ห..้ม...คี..ร..้งั..ต...อ่ ..ไ.ป....ห...า..ก..ม...คี..ร..ัง้..ต...่อ..ไ.ป...จ..ะ..ถ..ูก...ล..ง..โ..ท..ษ......................................................................................……
…………………………………………………………………………………………….............................................................................
ข้อเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………......................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
ลงชื่อ.................................................ครผู ้สู อน
(นางสาวโซฟยี ะห์ แวยะโกะ)
69
แผนการจดั การเรียนรู้ รหัส ว15101
ระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 5
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 3 คาบ (3 ชั่วโมง)
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 แรงและพลังงาน ผูส้ อน : โซฟียะห์ แวยะโกะ
ภาคเรียนที่ 1 แผนการเรยี นรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง เสียง
สอนวันที่ 2 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2565
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจำวนั ผลของแรงทีก่ ระทำต่อวัตถุ
ลักษณะการเคลอื่ นที่แบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ตวั ชว้ี ดั
ป.5/1 อธิบายการไดย้ ินเสยี งผา่ นตัวกลางจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 นักเรียนสามารถอธบิ ายการได้ยินเสยี งจากแหล่งกำเนดิ เสียงมายังหผู ู้ฟังได้ (K)
3.2 นักเรียนเกดิ ทักษะการจัดกระทำและส่ือความหมายของข้อมลู ได้ (P)
3.3 นักเรียนมคี วามม่งุ มน่ั ในการเรียนรู้และการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรียนรู้
การได้ยินเสียงต้องอาศยั ตวั กลาง โดยอาจเปน็ ของแขง็ ของเหลว หรอื อากาศ เสียงจะ
ส่งผ่าน ตัวกลางมายังหู
4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
เสยี งทไ่ี ดย้ ินมีระดับสูงต่ำของเสยี งต่างกนั ข้ึนกับความถ่ีของการส่ันของแหล่งกำเนดิ เสยี ง โดย
เมื่อ แหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วยความถี่ต่ำจะเกิดเสียงต่ำ แต่ถ้าสั่นด้วยความถี่สูงจะเกิดเสียงสูง ส่วน
เสียงดังค่อยที่ได้ยินขึ้นกับพลังงานการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียง โดยเมื่อแหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วย
พลังงานมากจะเกดิ เสียงดังแต่ถ้าแหลง่ กำเนดิ เสียงสน่ั ดว้ ยพลงั งานน้อยจะเกดิ เสยี งค่อย
เสียงดังมาก ๆ เป็นอันตรายต่อการได้ยินและ เสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญเป็นมลพิษทาง
เสยี ง เดซเิ บลเป็นหนว่ ยทีบ่ อกถึงความดังของเสียง
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
70
5.1 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน
5.1.1 ความสามารถในการส่ือสาร
5.1.2 ความสามารถในการคิด
1) ทกั ษะการสงั เกต
2) ทักษะการเชอื่ มโยง
3) ทักษะการใหเ้ หตผุ ล
5.1.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
5.2 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
5.2.1 มีวนิ ัย
5.2.2. ใฝ่เรยี นรู้
5.2.3 มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
6.กจิ กรรมการเรยี นรู้
6.1 ขัน้ สร้างความสนใจ
คาบที่ 1
6.1.1 ให้นักเรียนหลับตาลงครูเปิดเสียงของสัตว์ต่างๆให้นักเรียนฟัง พร้อมถามนักเรียนว่า
เสียงที่ไดย้ นิ เป็นเสียงของสตั ว์ชนดิ ไหน (แนวการตอบ นกั เรยี นตอบตามทไี่ ดย้ ิน)
6.1.2 ครูถามนักเรียนต่อว่า เราได้ยินเสียงต่างๆดังกล่าวได้อย่างไร (แนวการตอบ นักเรียน
ตอบตามความเข้าใจ)
6.1.3 ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนคิดว่าเสียงเดินทางมายังหูของเราได้อย่างไร พร้อมให้
นักเรยี นออกมาเขยี นคำตอบของตนเองลงบนกระดาน
6.2 ข้ันสำรวจและคน้ หา
6.2.1 แบง่ นกั เรียนออกเป็น 3-4 กลมุ่
6.2.2 ครูใหนักเรียนอ่านช่ือบท และจดุ ประสงคการเรยี นรูประจำบทในหนังสือเรียนหนา 47
จากนน้ั ครูใชคําถามเพอ่ื ตรวจสอบความเขาใจของ นกั เรียน ดงั นี้
6.2.2.1 บทนี้ นักเรยี นจะได้เรียนรูเร่อื งอะไร (แนวการตอบ เร่ืองเสียง)
6.2.3 นกั เรยี นทำแบบสำรวจความรกู้ ่อนเรยี นในหนังสอื เรียนหนา้ 50
6.2.4 ครสู าธิตการสน่ั ของแหล่งกำเนิดเสยี งมายังหูผ้ฟู ัง โดยทำการทดลองดังน้ี
6.2.4.1 ครูนำถุงดำ (ถุงขยะ) ครอบกะละมังใบเล็ก แล้วมัดยางไว้ให้แน่นตรงปลาย
ข้างล่างกะละมงั ใหพ้ นื้ ผวิ หนา้ กะละมังตึงไว้ จากน้ันโรยเกลอื ละเอยี ดลงบนพ้ืนผวิ กะละมัง
71
6.2.5 นำสิ่งที่อยู่รอบตัวมาเคาะให้เกิดเสียง หรือให้นักเรียนตะโกนให้ได้ยินเสียง จากน้ัน
สงั เกตการณเ์ ปลี่ยนแปลง โดยครตู ั้งคำถามดังนี้
6.2.5.1 เมื่อเสียงเกิดขึ้น นักเรียนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง อย่างไร
(แนวการตอบ กลวั ทีอ่ ย่บู นพน้ื ผวิ ของกะละมงั เกิดการสั่นสะเทือน)
6.2.5.2 นักเรยี นคดิ วา่ การทดลองดงั กลา่ วเก่ียวข้องกบั การเกิดเสยี งได้อย่างไร (แนว
การตอบ เม่อื เราเคาะส่งิ ต่างๆใหไ้ ดย้ นิ เสยี ง แหล่งกำเนดิ เสียงจะเกดิ การสัน่ และถา่ ยโอนพลังงานมายัง
พื้นผิวของกะละมัง ทำให้เกลือเกดิ การสน่ั และเดินทางมายังหูของเรา โดยอาศัยตัวกลาง คืออากาศ)
6.2.6 นักเรียนเขียนคำตอบลงในกระดาษบรู๊ฟเพื่อนำเสนอหน้าชั้นเรียน โดยแลกเปลี่ยน
ความเห็นในแต่ละกลุม่ หากกลุ่มใดมขี ้อคำถามสามารถถามกลุ่มที่นำเสนอได้ ครูให้คำแนะนำเพิ่มเติม
ให้แก่นกั เรียน
คาบท่ี 2
6.2.6 แบ่งนักเรยี นออกเป็น 3-4 กล่มุ (กลมุ่ เดิมจากคาบท่แี ลว้ )
6.2.7 ครูทวนความรู้จากคาบที่แล้ว เสียงเกิดจากการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียง โดยการถ่าย
โอนพลงั งานมายังหขู องเรา ซึง่ อาศัยตัวกลาง ทำใหเ้ ราไดย้ ินเสียง
6.2.8 ครูให้นักเรียนทำเสียงสัตว์ต่างๆ พร้อมถามนักเรียนว่า เสียงสัตว์ชนิดใดที่เป็นเสียงสูง
เสยี งสัตว์ชนิดใดเปน็ เสียงต่ำ (แนวการตอบ เสยี งแมว เป็นเสียงสงู เสียวัวจะเสียงต่ำ)
6.2.9 แล้วเสยี งดงั เสยี งค่อย แตกตา่ งกันอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
6.2.9 ครแู จกใบความรู้ เรอ่ื ง ชนดิ ของเสียง (เสยี งสูง เสยี งต่ำ เสียงดงั เสยี งค่อย) โดยให้กลุ่ม
ที่ 1 ศึกษาเรื่อง เสยี งสูง กล่มุ ที่ 2 ศึกษาเร่ืองเสียงต่ำ กลมุ่ ท่ี 3 ศกึ ษาเร่อื งเสยี งดัง และกลมุ่ ที่ 4 ศึกษา
เร่ืองเสียงค่อย
6.2.10 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสรปุ สิ่งที่ได้ศึกษาลงในกระดาษบรู๊ฟ เพื่อนำเสนอหน้าชั้นเรยี น
ตามกลุม่ ของตนเอง
6.3 ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
6.3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงขอสรุปวาเสียงเกิดจากกการสั่นสะเทือนของ
แหล่งกำเนดิ เสียง โดยอาศัยตวั กลาง มายงั หูผ้ฟู งั หากขนาดแหลง่ กำเนดิ เสยี ง ตัวกลาง หรอื หู เสยี งไม่
เกิดขึ้น หากเราอยู่ในอวกาศ ซึ่งไม่มีอากาศ ที่เป็นตัวกลาง เราจะได้ยินเสียงนั่นเอง เสียงจะแบ่ง
ออกเปน็ 4 ได้แก่ เสียงสงู เสียงตำ่ เสยี งดงั เสยี งค่อย โดยเสียงสูง เสยี งตำ่ จะมคี วามแตกต่างที่ความถี่
ของเสียงในการสั่น ถ้าแหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วยความถี่มาก เสียงจะสูง ถ้าแหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วย
ความถี่น้อย เสียงจะต่ำ ส่วนเสียงดัง เสียงค่อย จะต่างกันที่พลังงานของแหล่งกำเนิดเสียงที่ถ่ายทอด
มายังหูผู้ฟงั หากมพี ลงั งานเยอะจะเกิดเสียงดัง หากมีพลงั งานนอ้ ยจะเกดิ เสียงค่อย
คาบท่ี 3
72
6.4 ขนั้ ขยายความรู้
6.4.1 ครูทวนความรู้เดิมจากคาบที่แล้วว่า องค์ประกอบของเสียงได้แก่ แหล่งกำเนิดเสียง
ตัวกลาง และอวัยวะรับฟัง นั่นก็คือหู หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง เสียงจะไม่เกิดขึ้น นักเรียยนคิดว่า
มนุษยเ์ ราสามารถไดย้ นิ เสียงได้ อยู่ทคี่ วามถ่เี ท่าไหร่ (แนวการตอบ นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
6.4.2 ครูเฉลยว่า มนุษย์เราจะได้ยินเสียง คลื่นความถี่ระหว่าง 20- 20,000 Hz หากคล่ืน
เสียงนอ้ ยกว่า หรือมากกวา่ มนุษยจ์ ะไมไ่ ด้ยินเสยี ง เชน่ เดยี วกับสัตว์แตล่ ะชนิด มีคลน่ื ความถีต่ า่ งกนั
6.4.3 นักเรียนดูภาพประกอบที่ 1 ครูแลกเปลีย่ นความคิดเห็นร่วมกับนักเรยี นดังนี้ จากภาพ
คือวาฬชนิดหน่ึง ที่อยู่ในมหาสมทุ รมหาสาร แต่มันขึ้นชื่อว่าเป็นวาฬที่โดดเด่ียวท่ีสดุ ในโลก เนื่องจาก
เสยี งของมันมคี ลื่นความถ่ีไม่เหมือนวาฬตัวอ่ืน วาฬตวั อืน่ มีคลน่ื ความถ่ีอยทู่ ่ี 12-25Hz แตว่ าฬ52 ตัวน้ี
มีคลื่นความถี่อยู่ที่ 52 Hz ดังนั้นมันจึงไม่สามารถสื่อสารกับวาฬตัวอื่นได้ วาฬตัวอื่นจะไม่สามารถได้
ยินเสยี งของมนั ได้
ภาพประกอบที่ 1 วาฬ 52
6.4.4 นักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั วาฬ 52 และรวมถงึ สตั วช์ นิดอ่ืนๆท่พี บเจอ
ในชวี ติ ประจำวนั
6.5 ขั้นประเมิน
6.5.1 นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน
73
7.สอ่ื การเรยี นรู้
7.1หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.5
7.2 กระดาษบรฟู๊
7.4 ภาพประกอบที่ 1 วาฬ 52
74
8.การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ วิธกี ารวดั เกณฑ์การประเมิน
ตรวจจาก ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เคร่อื งมือการวดั แบบทดสอบ
1. นักเรียนสามารถอธิบาย แบบทดสอบ
การได้ยินเสียงจาก
แหล่งกำเนิดเสียงมายังหู
ผ้ฟู ังได้ (K)
2 นักเรียนเกิดทักษะการ แบบสังเกต สังเกตพฤติกรรม 3 คือ สามารถจัดกระทำและสื่อ
จ ั ด ก ร ะ ท ำ แ ล ะ สื่ อ พฤติกรรม ความหมายของขอ้ มูลไดม้ าก
ความหมายของข้อมูลได้ 2 คือ สามารถจัดกระทำและส่ือ
(P) ความหมายของข้อมูลได้ปานกลาง
1 คือ สามารถจัดกระทำและส่ือ
ความหมายของขอ้ มลู ไดน้ ้อย
3. นักเรียนมคี วามมุ่งมน่ั ใน แบบสังเกต สงั เกตพฤติกรรม 3 คือ มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้
การเรียนรู้และการทำงาน พฤติกรรม และการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย มาก
2 คือ มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้
และการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
ปานกลาง
1 คือ มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้
และการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
นอ้ ย
75
9.บันทกึ หลังการสอน
...จ..า..ก...ก..า..ร..จ..ดั..ก...า..ร..เ.ร..ีย..น...ก..า..ร..ส..อ..น...พ...บ..ว..่า....น..ัก...เ.ร..ีย..น...ส..า..ม..า..ร..ถ..อ...ธ..บิ ..า..ย..ก...า..ร..ไ.ด..้ย...นิ ..เ.ส...ยี ..ง..จ..า..ก..แ...ห..ล..่ง..ก...าํ ..เ.น..ดิ...เ.ส..ีย..ง..ม...า..ย..งั ..ห..ู....
...ผ...ฟู้ ..งั..ไ.ด...้ .น...กั ..เ.ร..ีย..น...ม..ีค...ว..า..ม..ม...ุง่ .ม...่ัน..ใ..น..ก...า..ร.เ..ร..ีย..น..ร..ู้แ...ล..ะ..ก..า..ร..ท...ำ..ง..า..น..ท...่ีไ.ด...ร้ ..บั ..ม...อ..บ...ห..ม...า.ย....แ..ล...ะ..ม..ีค...ว..า..ม..ต..น่ื...เ.ต...้น..ก..บั...ก..า..ร.......
...แ...ล..ก..เ.ป...ยี..น...ค..ว..า..ม..ร..ูเ้..ร..่ือ..ง..เ.ส..ยี...ง...ข..อ..ง..ส..ตั...ว..ใ์ .น...ช..วี..ิต..ป...ร..ะ..จ..ํา..ว..นั....................................................................................
กจิ กรรมเสนอแนะ
ความคิดเห็นของครพู เี่ ล้ยี ง
........................................................................................................................... ...........................................
...................................................................................................................................................………………
ลงชือ่ .................................................
(นางวรรณี อาลี)
ปญั หา/อุปสรรค
.น..ัก...เ.ร..ยี ..น...บ..า..ง..ส...ว่ ..น..ไ..ม..ม่...ีแ..บ...บ..ฝ...ึก..ห...ัด...จ...งึ ..ต..อ้..ง..ด...กู ..บั...เ.พ...่ือ..น...แ..ล..ะ..บ...นั...ท..กึ...ล..ง..ใ.น...ส..ม...ดุ ..ป...ร..ะ..จ..าํ..ว..ิช..า...แ...น..ว..ท...า..ง..ก..า..ร..แ..ก...้ไ.ข....ว..า..ง..
.เ.ง..อ่ื ..น...ไ.ข..ข...้อ..ต...ก..ล..ง..ใ..น..ค...า..บ..ต...่อ..ไ..ป..................................................................................... .....................................
...…………………………………………………………………………………………………......................................................
ขอ้ เสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….........................................................
.......................................................................................................................................... ............................
ลงชอื่ .................................................ครผู ู้สอน
(นางสาวโซฟียะห์ แวยะโกะ)
76
แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั ว15101
ระดับชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 5
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 3 คาบ (3ชั่วโมง)
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 แรงและพลงั งาน ผูส้ อน : โซฟยี ะห์ แวยะโกะ
ภาคเรยี นที่ 1 แผนการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่อื ง เสยี ง
สอนวันที่ 19 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2565
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจำวนั ผลของแรงท่ีกระทำต่อวตั ถุ
ลักษณะการเคล่อื นท่ีแบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ตัวชว้ี ัด
ป.5/2 ระบุตัวแปร ทดลอง และอธบิ ายลักษณะและ การเกิดเสยี งสูง เสียงตำ่
ป.5/3 การทดลองและอธบิ ายลักษณะและ การเกิดเสยี งดงั เสยี งคอ่ ย
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 นักเรียนอธบิ ายลักษณะและ การเกดิ เสียงสูง เสยี งต่ำได้ (K)
3.2 นักเรยี นระบตุ ัวแปร ออกแบบและทดลองเป็นขั้นตอนได้ ได้ (P)
3.3 นักเรยี นมคี วามมงุ่ ม่นั ในการเรยี นรูแ้ ละการทำงานท่ีไดร้ ับมอบหมายตลอดเวลา (A)
3. สาระการเรียนรู้
การได้ยนิ เสยี งต้องอาศยั ตัวกลาง โดยอาจเป็น ของแข็ง ของเหลว หรืออากาศ เสียงจะ
ส่งผ่าน ตวั กลางมายังหู
4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
เสียงทไ่ี ดย้ ินมีระดับสงู ต่ำของเสียงตา่ งกนั ข้ึนกับความถ่ีของการส่นั ของแหลง่ กำเนดิ เสยี ง โดย
เมื่อ แหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วยความถี่ต่ำจะเกิดเสียงต่ำ แต่ถ้าสั่นด้วยความถี่สูงจะเกิดเสียงสูง ส่วน
เสียงดังค่อยที่ได้ยินขึ้นกับพลังงานการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียง โดยเมื่อแหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วย
พลังงานมากจะเกดิ เสยี งดงั แต่ถา้ แหลง่ กำเนดิ เสยี งสัน่ ดว้ ยพลงั งานน้อยจะเกิดเสียงค่อย
เสียงดังมาก ๆ เป็นอันตรายต่อการได้ยินและ เสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญเป็นมลพิษทาง
เสยี ง เดซเิ บลเป็นหนว่ ยทีบ่ อกถึงความดังของเสียง
77
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
5.1 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
5.1.1 ความสามารถในการส่อื สาร
5.1.2 ความสามารถในการคดิ
1) ทักษะการสังเกต
2) ทกั ษะการเชอ่ื มโยง
3) ทักษะการให้เหตผุ ล
5.1.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
5.2 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
5.2.1 มวี นิ ยั
5.2.2. ใฝ่เรยี นรู้
5.2.3 มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
6.กิจกรรมการเรียนรู้
6.1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ
คาบท่ี 1
6.1.1 ครูทวนความรู้ที่เรียนในคาบที่แล้วว่า เสียงเกิดจากกการสั่นสะเทือนของแหล่งกำเนิด
เสยี ง โดยอาศัยตัวกลาง มายงั หผู ู้ฟงั หากขนาดแหล่งกำเนิดเสยี ง ตัวกลาง หรือหู เสยี งไม่เกิดขึน้ หาก
เราอยู่ในอวกาศ ซึ่งไม่มีอากาศ ที่เป็นตัวกลาง เราจะได้ยินเสียงนั่นเอง เสียงจะแบ่งออกเป็น 4 ได้แก่
เสียงสงู เสียงตำ่ เสยี งดงั เสยี งค่อย โดยเสียงสงู เสยี งตำ่
6.1.2 นักเรียนอานชื่อกิจกรรม และทำเป็นคิดเป็น ในหนังสือเรียนหนา 51และหน้า 57
จากน้ันร่วมกันอภิปรายเพอ่ื ตรวจสอบความเขาใจจดุ ประสงคในการทำกจิ กรรม โดยครูใชคาํ ถามดังน้ี
6.1.2.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนรูเกี่ยวกับเรื่องอะไร (แนวการตอบ การ
เคล่ือนทขี่ องเสียงจากแหล่งกำเนดิ เสยี งมาถึงหผู ู้ฟง และการเกดิ เสยี งสงู เสียงต่ำ)
6.2 ข้นั สำรวจและค้นหา
6.2.1 แบ่งนกั เรยี นออกเป็น 3-4 กลมุ่
6.2.2 นักเรียนศกึ ษาขน้ั ตอนการทดลองในหนังสือหน้า 51 และ 57 จากน้นั ร่วมกันออกแบบ
และอภิปรายเพือ่ สรุปข้นั ตอนการทำกิจกรรมประกอบการสาธติ วิธที ำของทั้ง 2 กิจกรรม
6.2.3 กจิ กรรมที่ 1 เสียงเคลอ่ื นที่ไดอ้ ย่างไร โดยครูตงั้ คำถามดงั นี้
6.2.3.1 ขั้นแรกของการทำกิจกรรม นักเรียนตองทำอะไร (แนวการตอบ เคาะสอม
เสียงแลวนำปลายขาสอมเสยี งมาไวใกลหู สงั เกตสง่ิ ทเ่ี กดิ ขึ้น บนั ทึกผล)
78
6.2.3.2 หลังจากเคาะสอมเสียงครั้งที่สอง นักเรียนตองทำอะไร (แนวการตอบ นํา
ปลายขาสอมเสียงทีเ่ คาะแลวข้างหนึ่งไปแตะทีผ่ ิวน้ำสีที่อยู่ในภาชนะ สังเกตการเปล่ยี นแปลงที่เกิดขึ้น
บันทกึ ผล)
6.2.3.3 หลังจากเคาะสอมเสียงครั้งที่สาม นักเรียนตองทำอะไร (แนวการตอบ นํา
ปลายขาสอมเสียงที่เคาะแลวข้างหนึ่งไปแตะที่ผิวน้ำสีที่อยู่ในภาชนะ แลวใชหูแนบกับภาชนะทันที
สงั เกตสงิ่ ทเ่ี กิดขนึ้ บนั ทึกผล)
6.2.3.4 นักเรียนตองร่วมกันอภิปรายและสืบคนขอมามูลเกี่ยวกับเรื่องอะไร (แนว
การตอบ การเคลอื่ นทข่ี องเสียง)
6.2.4 กิจกรรมท่ี 2 เสียงสูงเสียงตำ่ เกดิ ไดอ้ ย่างไร โดยครูตัง้ คำถามดงั นี้
6.2.4.1 ครถู ามนักเรียนวาไม้บรรทดั สั่นครบ 1 รอบ ดูได้อย่างไร (แนวการตอบ ดูได้
จากไมบ้ รรทดั เคล่ือนที่ขน้ึ แลวลงกลบั มาทตี่ ําแหนงเดิม)
6.2.4.2 จากนน้ั ครูถามว่าถ้าความยาวของไม้บรรทดั สวนทยี่ ่ืนเลยพนขอบโต
ะเปลย่ี นไป เม่ือกดปลายไม้บรรทัดลงแล้วปล่อย ไมบ้ รรทัดจะสั่น โดยความถ่ีในการสัน่ และเสยี งทไ่ี ด้
ยินจะเปลีย่ นแปลงหรือไม่อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจ)
6.2.4.3 ปญหาของการทดลองนค้ี ืออะไร (แนวการตอบ ความถี่ในการส่นั ของไม้
บรรทัดมผี ลตอเสียงสูง เสยี งต่ำทีไ่ ด้ยนิ อย่างไร )
6.2.4.4 สมมติฐานของการทดลองคืออะไร (สมมตฐิ านที่ตั้งขึ้นกับความคดิ ของ
นกั เรยี น เชน ความถใี่ นการส่นั ของไม้บรรทดั มีผลตอเสียงสูง เสยี งต่ำทีไ่ ด้ยิน โดยถาไมบ้ รรทัดสวนทพ่ี
นจากขอบโตะส่ันด้วยความถ่ีน้อย เสียงที่ไดย้ ินจะเป็นเสยี งต่ำ แตถ่ าไมบ้ รรทัดสวนท่ีพนจากขอบโต
ะสั่นด้วยความถี่มาก เสยี งท่ีได้ยนิ จะเป็นเสยี งสูง)
คาบท2่ี
6.2.5 เมื่อนักเรียนเขาใจวิธีการทำกิจกรรมจากหน้า 51 และ57 ว่าทำอย่างไรแล้ว ครูแจก
วัสดุอุปกรณ และใหนกั เรียนเรมิ่ ปฏบิ ัติกิจกรรมตามขนั้ ตอนด้วยตนเอง โดยครูเปน็ ทปี่ รกึ ษาคอยช้แี นะ
6.2.6 ให้นักเรียนเขียนสรุปคำตอบจากคำถามครู จากข้อที่ 6.2.3 และ 6.2.4 ลงใน
กระดาษบรู๊ฟ และนำเสนอหน้าช้นั เรียน
6.3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป
6.3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า เมื่อเคาะสอมเสียงทำใหสอมเสียง
เกิดการสั่น เมื่อนําขาสอมเสยี งแตะที่ผิวของน้ำ ทำใหน้ำเกิดการสั่นต่อเนื่องไปยังภาชนะ และเมื่อเรา
แนบหูกับภาชนะ เราจะได้ยินเสียงที่ส่งผานตัวกลางมายังหูของเรา ตัวกลางที่เสียงใชในการเคลื่อนท่ี
คือน้ำและภาชนะใสน้ำ ส่วนเสียงสูง เสียงต่ำ เกิดจากการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียง ถ้าแหล่งกำเนิด
79
เสียงสั่นด้วยความถี่มาก เสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงสูงหรือเสียงแหลม ถ้าแหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วย
ความถ่นี อ้ ยเสยี งที่ได้ยินจะเปน็ เสยี งต่ำหรือเสียงทุม
คาบท่ี 3
6.4 ข้ันขยายความรู้
6.4.1 ครูทวนความรูเ้ ดิมจากคาบทแ่ี ลว้ วา่ การสั่นของแหล่งกำเนดิ เสียง ถ้าแหล่งกำเนิดเสียง
สั่นด้วยความถี่มาก เสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงสูงหรือเสียงแหลม ถ้าแหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วยความถี่
น้อยเสียงท่ไี ดย้ ินจะเป็นเสียงต่ำหรอื เสียงทุม
6.4.2 นักเรียนดูภาพประกอบที่ 1 เรื่อง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ ครูถามนักเรียนว่า จาก
ภาพนักเรียนสงั เกตเห็นอะไร (แนวการตอบ รถพยาบาล มีเสยี ง)
6.4.3 เสยี งของรถพยาบาลที่ไดย้ ินเรยี กวา่ อะไร (แนวการตอบ นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ)
6.4.4 ครูแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักเรียนดังนี้ เสียงไซเรนที่ได้ยิน นักเรียนสังเกตไหมว่า
เวลาที่รถกำลังเคลื่อนที่เข้าหาเรา เราจะได้ยินเสียงไซเรนเสียงสูง เนื่องจากความถี่ของเสียงสูง และ
เมื่อรถเคลื่อนผ่านเรา เราจะได้ยินเสียงไซเรนตำ่ ลง เนื่องความถี่ต่ำลงนั่นเอง เรียกว่า ปรากฏการณด์
อปเพลอร์
ภาพประกอบที่ 1 เร่อื ง ปรากฏการณด์ อปเพลอร์
80
6.5 ขั้นประเมิน
6.5.1 นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน
7.สอื่ การเรยี นรู้
7.1หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.5
7.2 กระดาษบร๊ฟู
7.4 ภาพประกอบที่ 1 ปรากฏการณด์ อปเพลอร์
81
8.การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ วธิ กี ารวัด เกณฑ์การประเมนิ
ตรวจจาก รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เครอ่ื งมอื การวัด แบบทดสอบ
1. สามารถอธิบายลักษณะ แบบทดสอบ
และ การเกิดเสียงสูง เสียง
ตำ่ ได้ (K)
2. นกั เรยี นสามารถระบุตัว แบบสังเกต สังเกตพฤตกิ รรม 3 คือ สามารถระบุตัวแปร
แปร ออกแบบและทดลอง พฤติกรรม สงั เกตพฤตกิ รรม ออกแบบและทดลองเป็นขั้นตอน
เปน็ ขัน้ ตอนได้ (P) ไดม้ าก
2 คือ สามารถระบุตัวแปร
3. นกั เรยี นมีความมงุ่ มั่นใน แบบสงั เกต ออกแบบและทดลองเป็นขั้นตอน
การเรียนรู้และการทำงาน พฤติกรรม ไดป้ านกลาง
ที่ได้รับมอบหมาย 1 คือ สามารถระบุตัวแปร
ตลอดเวลา (A) ออกแบบและทดลองเป็นขั้นตอน
ไดน้ ้อย
3 คือ มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้
และการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
มาก
2 คือ มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้
และการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
ปานกลาง
1 คือ มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้
และการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
นอ้ ย
82
9.บันทกึ หลังการสอน
...จ..า..ก...ก..า..ร..จ..ดั..ก...า..ร..เ.ร..ีย..น...ก..า..ร..ส..อ..น...พ...บ..ว..่า....น..ัก...เ.ร..ีย..น...ส..า..ม..า..ร..ถ..อ...ธ..บิ ..า..ย..ก...า..ร..ไ.ด..้ย...นิ ..เ.ส...ยี ..ง..จ..า..ก..แ...ห..ล..่ง..ก...าํ ..เ.น..ดิ...เ.ส..ีย..ง..ม...า..ย..งั ..ห..ู....
...ผ...ฟู้ ..งั..ไ.ด...้ .น...กั ..เ.ร..ีย..น...ม..ีค...ว..า..ม..ม...ุง่ .ม...่ัน..ใ..น..ก...า..ร.เ..ร..ีย..น..ร..ู้แ...ล..ะ..ก..า..ร..ท...ำ..ง..า..น..ท...่ีไ.ด...ร้ ..บั ..ม...อ..บ...ห..ม...า.ย....แ..ล...ะ..ม..ีค...ว..า..ม..ต..น่ื...เ.ต...้น..ก..บั...ก..า..ร.......
...แ...ล..ก..เ.ป...ยี..น...ค..ว..า..ม..ร..ูเ้..ร..่ือ..ง..เ.ส..ยี...ง...ข..อ..ง..ส..ตั...ว..ใ์ .น...ช..วี..ิต..ป...ร..ะ..จ..ํา..ว..นั....................................................................................
กจิ กรรมเสนอแนะ
ความคิดเห็นของครพู เี่ ล้ยี ง
........................................................................................................................... ...........................................
...................................................................................................................................................………………
ลงชือ่ .................................................
(นางวรรณี อาลี)
ปญั หา/อุปสรรค
.น..ัก...เ.ร..ยี ..น...บ..า..ง..ส...ว่ ..น..ไ..ม..ม่...ีแ..บ...บ..ฝ...ึก..ห...ัด...จ...งึ ..ต..อ้..ง..ด...กู ..บั...เ.พ...่ือ..น...แ..ล..ะ..บ...นั...ท..กึ...ล..ง..ใ.น...ส..ม...ดุ ..ป...ร..ะ..จ..าํ..ว..ิช..า...แ...น..ว..ท...า..ง..ก..า..ร..แ..ก...้ไ.ข....ว..า..ง..
.เ.ง..อ่ื ..น...ไ.ข..ข...้อ..ต...ก..ล..ง..ใ..น..ค...า..บ..ต...่อ..ไ..ป..................................................................................... .....................................
...…………………………………………………………………………………………………......................................................
ขอ้ เสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….........................................................
.......................................................................................................................................... ............................
ลงชอื่ .................................................ครผู ู้สอน
(นางสาวโซฟียะห์ แวยะโกะ)
83
บทเรยี นเกมออนไลน์ Word wall
84
85
86
87
88
แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pretest)
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 แรงและพลงั งาน
คำช้ีแจง
แบบทดสอบความรู้ก่อนเรียนเรื่องแรงลัพธ์แรงเสียดทาน และเสียง มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ศกึ ษาความรูค้ วามเขา้ ใจเรอ่ื งแรงลพั ธ์ แรงเสยี ดทาน และเสียง
ดังนั้นจึงขอให้ท่านซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญได้กรุณาพิจารณาความสอดคล้องระหว่างตัวบ่งช้ี
ความร้เู กย่ี วกบั การวจิ ัยในช้ันเรยี นกับคำถามในแบบทดสอบโดยทำเครื่องหมาย ✓ลงในช่องท่ีตรงกับ
ระดับความคิดเห็นตามความคดิ ของทา่ น โดยคำตอบจะมี 3 ตัวเลอื ก คือ
+1 หมายถงึ คำถามมคี วามสอดคลอ้ ง
0 หมายถึง ไมแ่ นใ่ จว่าคำถามมคี วามสอดคล้อง
–1 หมายถงึ คำถามไม่สอดคลอ้ ง
และขอความกรุณาให้ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางในการปรบั ปรุงแก้ไข
ขอขอบคุณเปน็ อยา่ งยิ่ง
89
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวตั ถุ ลักษณะการ
เคลอื่ นท่ีแบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ช้ีวัด
- อธบิ ายวธิ ีการหาแรงลัพธข์ องแรงหลายแรงในแนว เดยี วกันที่กระทำต่อวัตถใุ นกรณที ่ี
วัตถุอย่นู ิ่ง จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์
- ระบผุ ลของแรงเสยี ดทานท่ีมตี ่อการเปลยี่ นแปลง การเคลื่อนท่ีของวตั ถุจากหลกั ฐานเชงิ
ประจักษ์
- อธบิ ายการไดย้ นิ เสียงผา่ นตัวกลางจากหลกั ฐานเชิงประจักษชิงประจักษ์
- เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทานและแรง ท่ีอยู่ในแนวเดียวกนั ที่กระทำต่อวัตถุ
- เขยี นแผนภาพแสดงแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุที่อยใู่ น แนวเดียวกันและแรงลัพธท์ ก่ี ระทำต่อ
วัตถุ
- อธิบายการได้ยินเสียงผา่ นตวั กลางจากหลักฐาน เชงิ ประจกั ษ์
90
แบบทดสอบวัดความร้คู วามเขา้ ใจเร่อื งแรงลัพธ์ แรงเสยี ดทาน และเสยี ง
ข้อ ข้อคำถาม ความสอดคล้อง (IOC) ขอ้ เสนอ
+1 0 –1 แนะ
คา่ แรงลัพธม์ ีหนว่ ยเป็นอะไร
1. ก. กรมั ข. นิวตัน
ค. เวกเตอร์ ง. ปาสกาล
2. จากภาพสามารถเขยี นแผนภาพแสดงแรงลัพธ์ไดด้ ังภาพในข้อใด
ก. ข.
ค. ง.
3. จากภาพนว้ิ ข้างใดออกแรงมากกวา่ กัน
ก. ข้างซา้ ยออกแรงมากกว่า
ข. ขา้ งขวาออกแรงมากกวา่
ค. ขา้ งซา้ ยออกแรงอย่างเดียว
ง. ทง้ั สองขา้ งออกแรงเทา่ กนั