วิธีท่ี (2) การปักชาํ (cutting) เป็นการขยายพันธ์พุ ืชโดยใช้สว่ นต่างๆ ของพชื เช่น ราก ใบ หรอื ลาํ ตน้ ไปปักชํา หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
และสว่ นของพืชเหลา่ นี้ จะเจริญเปน็ ลาํ ตน้ ตอ่ ไป ไดแ้ ก่ ชบา เฟ่ืองฟา้ เป็นตน้
การขยายพนั ธแุ์ บบ : ไม่อาศัยเพศ
วธิ ที ี่ (3) การตอนกงิ่ (marcotting) ใชก้ ับกิง่ ของพืชใบเลี้ยงคู่ทมี่ ีอายุพอสมควร ต้นใหมท่ ี่ได้ จากการตอนจะมี
ลักษณะเหมือนต้นเดิมแต่แข็งแรงน้อยกวา่ เนื่องจากไม่มีรากแกว้ ตน้ ไมท้ ่ีสามารถตอนก่ิงได้ เชน่ พทุ รา จาํ ปา เงาะ
ส้ม กหุ ลาบ มะมว่ ง ฝร่งั เปน็ ต้น
วิธีท่ี 4) การติดตา (budding) เป็นการขยายพนั ธ์ุพืชโดยใชต้ าของกงิ่ พันธ์ุ (scion) ทด่ี ี ไปตดิ บนตน้ ตอ (stock) ท่ี หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
แขง็ แรง ทนต่อสภาพอากาศได้ดี ขอ้ ดีของการขยายพนั ธ์แุ บบนี้คือได้พนั ธ์ดุ ี ออกดอกออกผลเรว็ ไดล้ าํ ต้นท่ีแข็งแรง
เพราะมรี ากแก้วและทนตอ่ สภาพอากาศไดด้ ี ตน้ ไม้ที่สามารถติดตาได้ เชน่ ยางพารา พุทรา กหุ ลาบ เปน็ ต้น
วธิ ีที่ (5) การตอ่ กิ่งหรอื การทาบกิ่ง (grafting) เป็นการขยายพันธพ์ุ ืชทีม่ วี ิธีการเหมอื นการติดตา คือใชต้ ้นตอมา
ทาบกับกิ่งพนั ธุ์และมขี ้อดีเหมือนกบั การตดิ ตา ต้นไมท้ ส่ี ามารถทาบกิ่งได้ เชน่ ทเุ รียน องุ่น มะม่วง เปน็ ต้น
การขยายพนั ธุ์แบบ : ไม่อาศัยเพศ
จุดเดน่ : 1) ได้ตน้ พืชท่ีเหมอื นตน้ แมท่ ุกประการ
2) มรี ากแกว้ เพราะตน้ ตอมีรากแก้ว
หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
วิธีที่ (6) การเพาะเล้ียงเนอ้ื เย่อื
การเพาะเล้ียงเนือ้ เยื่อ หมายถงึ การนําเอาส่วนใดสว่ นหน่ึงของพืช ไมว่ ่าจะเปน็ อวัยวะ เนื้อเย่ือ
เซลล์ หรือเซลลไ์ ม่มีผนงั มาเล้ียงในอาหารเล้ยี งในสภาพปลอดเชื้อจุลินทรยี ์ และอยใู่ นสภาพควบคุมอุณหภูมิ แสง
และความชน้ื เพ่ือใหเ้ ซลล์พชื ที่นํามาเพาะเลี้ยงนน้ั ปราศจากเชื่อทีม่ ารบกวนและทาํ ลายการเจริญเติบโตของพชื
วธิ กี ารเพาะเลย้ี งเน้ือเย่ือ : การเพาะเล้ยี งเน้ือเย่ือต้องทําในสภาพแวดล้อมท่ีปลอดเชือ้ หรือปราศจากจลุ ินทรีย์ทุก
ข้ันตอน อุณหภูมิท่ีพอเหมาะคอื 23 - 30 องศาเซลเซยี ส และแสงสวา่ งทใ่ี ห้กับเนื้อเย่ือประมาณ 1,000 - 2,000
ลกั ซ์ โดยเล้ยี งในห้องท่ีควบคุมอณุ หภูมิได้ ขน้ั ตอนในการเพาะเลย้ี งเน้ือเย่ือมดี งั น้ี
****ประโยชน์ของการเพาะเลยี้ งเนอื้ เย่ือ**** หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
1. สามารถผลติ ตน้ พันธ์ุพชื ปริมาณมาก ๆ ในระยะเวลาอนั รวดเร็ว
2. ตน้ พืชทผ่ี ลิตไดจ้ ะปลอดโรค โดยเฉพาะโรคท่ีมสี าเหตุจากเช้อื ไวรัสมายโคพลาสมา ด้วยการตดั เนอื้ เยื่อเจรญิ ที่
อยบู่ รเิ วณปลายยอดของลาํ ต้น ซงึ่ ยังไม่มีท่อน้ำท่ออาหาร อันเปน็ ทางเคล่อื นยา้ ยของเชอื้ โรคดงั กล่าว
3. ตน้ พชื ท่ผี ลิตได้ จะมีลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมเหมือนต้นแม่ คอื มีลักษณะตรงตามพันธ์ุ
4. ต้นพืชที่ผลติ ไดจ้ ะมขี นาดสม่ำเสมอ ผลผลิตที่ได้มมี าตรฐานและเกบ็ เก่ียวได้คราวละมาก ๆ พร้อมกัน หรอื ใน
เวลาเดยี วกนั
5. เพื่อการเกบ็ รักษาหรือแลกเปล่ียนพนั ธพุ์ ืชระหว่างประเทศ เช่น การมอบเชื้อพันธก์ุ ลว้ ยในสภาพปลอดเชื้อ ของ
องค์กรกล้วยนานาชาติ (INIBAP) ให้กรมส่งเสรมิ การเกษตร เม่อื ปี พ.ศ. 2542
6. เพื่อประโยชนด์ า้ นการสกดั สารจากพืช นํามาใชป้ ระโยชน์ด้านตา่ ง ๆ เชน่ ยาฆา่ แมลง ยารักษาโรค
จากทก่ี ลา่ วมาข้างต้นจะเห็นว่าข้นั ตอนการเพาะเลีย้ งเน้ือเย่ือต้องทาํ ในห้องปฏิบัติการทป่ี ราศจากเชอ้ื โรค
และมีอุปกรณ์ทีเ่ พยี งพอ ซง่ึ ขั้นตอนในการเพาะเล้ียงเนื้อเย่ือยงั จาํ เปน็ ต้องอาศัยผทู้ ่ีมีความรู้ ความชาํ นาญ และมี
ประสบการณ์มากพอ ดังน้ันวธิ ีนจ้ี งึ มคี า่ ใชจ้ ่ายค่อนขา้ งสูง
จะเหน็ วา่ การขยายพนั ธ์พุ ืชมีทงั้ แบบอาศยั เพศและไม่อาศัยเพศ รวมไปถึงการใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพ ในการ
ขยายพนั ธุพ์ ชื ซึ่งพชื ทไ่ี ด้จะมีลักษณะท่ีแตกตา่ งกัน ดงั นน้ั ในการเลือกวธิ ที ี่จะขยายพันธ์ุพชื ควรพจิ ารณาจาก
ลกั ษณะของพืชท่ีต้องการ ขน้ั ตอน และงบประมาณ หรือปัจจัยท่ใี ชใ้ นการขยายพนั ธุพ์ ชื
บทท่ี 2 : การสงั เคราะห์ด้วยแสง หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
เรื่องที่ 1 : ปจั จัยและผลผลิตของการสังเคราะห์ด้วยแสง
© กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis)
๏กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง คอื “กระบวนการสร้างอาหารของพืช”
๏กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ตอ้ งอาศัย 4 ปัจจัย ได้แก่ แสง, คลอโรฟลิ ล์, นำ้
และแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
๏เปน็ กระบวนการท่ีนําเอาพลังงานจากแสงสวา่ งมาใชส้ ร้างอาหาร
© ปัจจยั ที่ต้องมีในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
1. คลอโรฟลิ ล์ (Chlorophyll) เปน็ สารประกอบพวกรงควตั ถุ มีสีเขียว คลอโรฟลิ ลม์ ีอย่หู ลายชนิด เช่น
คลอโรฟิลล์ a, คลอโรฟลิ ล์ b, คลอโรฟลิ ล์ c, คลอโรฟิลล์ d ซง่ึ แตล่ ะชนดิ มสี ว่ นประกอบและโครงสรา้ งโมเลกลุ
คล้ายคลงึ กัน
คลอโรฟิลล์ a เปน็ คลอโรฟิลล์ทีพ่ บในพืชและสาหร่ายทุกชนิด มีสีเขียวแกมนํา้ เงินเปน็ คลอโรฟลิ ล์ ทีม่ ี
ความสาํ คัญทสี่ ดุ ในกระบวนการสรา้ งอาหารของพชื ทั้งนีเ้ พราะสามารถนําพลังงานท่ีได้รบั ไปใชไ้ ด้โดยตรง แต่
คลอโรฟลิ ล์ชนดิ อื่นไมส่ ามารถนําไปใช้ไดโ้ ดยตรงต้องถา่ ยทอดพลังงานทค่ี ลอโรฟิลล์ 2 อีกทอดหน่ึงก่อน จึง
สามารถนาํ ไปใช้ได้ สาเหตุที่พวกคลอโรฟลิ ลต์ า่ ง ๆ มสี ีเขยี ว เพราะมนั ดูดแสงสีเขียวจากแสงสวา่ งได้น้อยมากหรือ
อาจจะไม่ดดู เลย แต่ดดู แสงสีอ่นื ได้ดี ดังนน้ั เม่ือแสงตกบนคลอโรฟิลลแ์ สงสีเขียวจงึ จะสะท้อนออกมามากกว่าแสงสี หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
อืน่ ๆ ทําให้เรามองเหน็ วา่ คลอโรฟลิ ล์มีสีเขยี ว
2. แสงสวา่ ง (Light) แสงจากดวงอาทติ ย์ หรอื แสงจากหลอดไฟมบี ทบาทสําคัญตอ่ การสงั เคราะห์ ด้วย
แสงของพชื ในแงท่ ี่เปน็ ผใู้ ห้พลงั งานสาํ หรบั การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมรี ะหวา่ งน้าํ และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมี
คลอโรฟิลลท์ าํ หนา้ ที่เปน็ ตวั รบั แสง
3. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เปน็ วตั ถดุ ิบสําหรบั การสร้างอาหารของพชื ทําหน้าท่ีเป็น คารบ์ อน
(C) สําหรับสารประกอบคารโ์ บไฮเดรต (น้ำตาลและแป้ง)
4. น้ำ (H2O) เปน็ วตั ถุดิบสาํ หรับการสรา้ งอาหารของพชื โดยเปน็ สารทใี่ ห้ไฮโดรเจน (H) เพ่ือรวมตวั กับ
คารบ์ อน (C) ซึง่ ได้จากแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ แล้วสรา้ งเปน็ สารอาหารคือ คารบ์ อนไดออกไซด์
แผนภาพการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง
ความร้เู พิม่ เติม :
• น้ำตาลโมเลกุลเด่ียวทเ่ี กดิ ข้ึนคอื น้ำตาลกลโู คส (C6H12O6) จะถกู เปลย่ี นเปน็ แป้งและเก็บสะสม
ไว้ในส่วนตา่ ง ๆ ของพชื เชน่ ใบ ลาํ ต้น ราก ผล เมล็ด เป็นตน้
• เมือ่ พชื ต้องการน้ำตาลมาใชใ้ นการเจริญเตบิ โตอีก จงึ เปลยี่ นน้ำตาลกลบั มาใช้อีกครง้ั หนงึ่
วไฟสว่างขน้ึ
• น้ำและแกส๊ ออกซเิ จนทีเ่ กดิ ข้ึนจากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงจะถูกขบั ออกมาภายนอกทางปากใบ
ส่ิงท่ีมีผลต่ออัตราการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
1. น้ำ เป็นวัตถุดบิ ในการสงั เคราะห์ด้วยแสง หากพืชขาดน้ำอตั ราการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงจะลดลง
เนอ่ื งจากปากใบจะปิดทําให้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่เซลลป์ ากใบพชื น้อยลง
2. แสงและความเข้มข้นของแสง เมอื่ ความเข้มของแสงสูงข้นึ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื จะมากข้ึน
ความเขม้ ของแสงมากเกินไปจะทาํ ให้เน้ือเยื่อของพืชเกดิ อันตรายจนไม่สามารถสังเคราะห์ ดว้ ยแสงได้ และแสงสี
มว่ งมผี ลตอ่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงมากทสี่ ุด แสงสเี ขียวมีผลตอ่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง น้อยทส่ี ดุ
3. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ เปน็ วตั ถดุ ิบในการสังเคราะห์ด้วยแสง ในอากาศมแี ก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์
ประมาณ 0.04% และถ้าเพิ่มความเขม้ ของแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดอ์ ัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงกจ็ ะสงู ขึ้น
4. อุณหภูมิ มีผลต่อการสงั เคราะหด์ ้วยแสงคือ เม่ืออุณหภมู สิ ูงขนึ้ ทําให้อตั ราการสังเคราะห์ด้วยแสงสูงขน้ึ
เนอ่ื งจากทําใหป้ ฏกิ ิรยิ าเคมีเกิดไดเ้ รว็ ขน้ึ แตข่ ้อเสียคือการเพ่ิมอุณหภมู ิสงู อาจทาํ ให้เอนไซมใ์ น เสอ่ื มสภาพไปได้
5. แรธ่ าตขุ องพชื แรธ่ าตุบางชนดิ ที่จาํ เป็นตอ่ การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงมีดังนี้
- ธาตุเหล็ก จาํ เปน็ ตอ่ การสร้างคลอโรฟิลล์
- ธาตแุ มงกานสี และคลอรนี จําเป็นตอ่ การแตกตวั ของนํ้าในปฏกิ ริ ิยาสังเคราะห์ดว้ ย
- ธาตแุ มกนีเซียมและธาตุไนโตรเจน เป็นธาตอุ งค์ประกอบของคลอโรฟิลล์ และถา้ ขาดแรธ่ าตุนี้
จะทาํ ใหใ้ บพชื เหลอื งซดี
ความสาํ คญั ของกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืชทมี่ ีต่อสง่ิ มชี ีวิตและสิง่ แวดล้อม
1. แหลง่ อาหารทีส่ ําคญั พชื สเี ขียวสามารถสังเคราะหด์ ้วยแสงสรา้ งเป็นสารอาหารประเภทน้ำตาลและ
แป้ง ซึง่ ส่ิงมีชวี ติ อน่ื ๆ สามารถนําไปใชป้ ระโยชน์เป็นแหล่งพลงั งานสําคัญของสิ่งมีชวี ติ ต่างๆ
2. แหล่งผลติ แก๊สออกซิเจนและลดปรมิ าณแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ แกส๊ ออกซเิ จนเป็นผลผลิตจาก
กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงซง่ึ พืชสเี ขยี วสามารถเกิดกระบวนการนี้ สิ่งมีชวี ิตทกุ ชนดิ ใช้แก๊สออกซเิ จนใน
กระบวนการหายใจเพ่ือให้ได้พลังงานมาดํารงชีวติ ตอ่ ไป แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์เปน็ วัตถดุ ิบในกระบวนการ
สงั เคราะหด์ ้วยแสง เม่ือมีพชื มากก็จะใช้ปริมาณแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดม์ ากทําใหแ้ ก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ลดลง
ตามไปดว้ ย ซึ่งแก๊สคาร์บอนไดออกไซดเ์ ป็นสาเหตทุ ่ีทําใหเ้ กิดปรากฏการณ์ภาวะเรือนกระจกสง่ ผลใหโ้ ลกร้อนขน้ึ
ด้วย
บทท่ี 3 : การลําเลียงน้ำ ธาตุอาหารและอาหารของพืช หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
เร่ืองท่ี 1 : ธาตอุ าหารของพืช
๏ บทบาทและหนา้ ท่ีของธาตอุ าหารพืช
พืชต้องการธาตุอาหาร (plant nutrients) ในการเจริญเตบิ โตและการดาํ รงชีวติ เพราะธาตอุ าหารเปน็
องค์ประกอบของโครงสรา้ งต่างๆ ของพืช และยังเป็นส่วนประกอบของสารท่ีทําหน้าท่ีในกระบวนการสาํ คญั เช่น
การสงั เคราะหด์ ้วยแสง การหายใจ ในดินมธี าตุอาหารหลายชนดิ ทจี่ ําเปน็ ตอ่ พืช แต่ดนิ ในแต่ละพนื้ ทอ่ี าจมชี นิดและ
ปริมาณของธาตุอาหารแตกต่างกันขน้ึ อยกู่ ับชนิดของอินทรียวตั ถแุ ละอนินทรียวตั ถุท่ีเป็นส่วนประกอบของดนิ
ธาตุอาหารท่จี าํ เปน็ สาํ หรบั พชื จะมอี ยู่ดว้ ยกัน 17 ธาตุ คือ คารบ์ อน ไฮโดรเจน ออกซเิ จน ไนโตรเจน
ฟอสฟอรัส โพแทสเซยี ม แมกนเี ซียม กํามะถัน แคลเซียม เหล็ก แมงกานสี สงั กะสี ทองแดง โบรอน โมลบิ ดินัม
คลอรีน และนเิ กลิ โดยธาตคุ าร์บอน ไฮโดรเจน และออกซเิ จน พชื ไดจ้ ากน้ำและอากาศส่วนทเ่ี หลอื อีก 14 ธาตุ
แบ่งออกเปน็ ธาตหุ ลัก 6 ธาตุ และธาตอุ าหารเสริม 8 ธาตุ ดังน้ี
ธาตุหลกั 3 ธาตุ
1. ไนโตรเจน หน้าที่และความสําคญั ต่อพชื
1. ทาํ ให้พชื เจริญเติบโต และต้ังตวั ได้เรว็ โดยเฉพาะในระยะแรกของการเจริญเตบิ โต
2. สง่ เสริมการเจริญเติบโตของใบ และลาํ ต้น ทําใหล้ าํ ต้น และใบมีสเี ขียวเข้ม
3. ส่งเสรมิ การสร้างโปรตีนใหแ้ กพ่ ชื
4. ควบคุมการออกดอก และตดิ ผลของพืช
5. เพ่มิ ผลผลิตให้สูงข้นึ โดยเฉพาะพชื ทใ่ี หใ้ บ และลําตน้
อาการขาดธาตุไนโตรเจน
เม่ือพชื ขาดไนโตรเจน การเจริญเตบิ โตจะชะงัก ใบมสี ีเหลืองหรอื เหลืองปนสม้ เน่ืองจากขาดคลอโรฟิลล์
หากเปน็ มากใบจะมีสนี ้ำตาล โดยจะเร่ิมจากใบแกส่ ่วนลา่ งก่อน สว่ นใบอ่อนในระยะแรกจะยงั มีธาตุไนโตรเจนใหใ้ ช้
อยูจ่ ากการไดร้ ับจากใบแก่ที่อยดู่ า้ นลา่ ง หากไนโตรเจนยังมีอยู่นอ้ ยมากใบดา้ นล่างจะเหลอื ง หลดุ รว่ ง และลุกลาม
ไปยังใบออ่ นทอี่ ยดู่ ้านบน ทําใหใ้ บอ่อนมสี ีเขยี วซีด และเหลอื ง การเจริญเติบโต ของยอดหยุดชะงกั ลําต้นผอมสงู
แคระแกร็น ใบ กิ่งกา้ นลีบเลก็ และมจี ํานวนนอ้ ย การแตกกิ่งก้าน และการแตกกอของธัญพืชมนี อ้ ย ในพชื บางชนิด
รากของพืชยดื ยาวผดิ ปกติ และมกี ารแตกแขนงเพียงเล็กน้อย พชื มีการสะสมแปง้ หรือน้ำตาลมากกว่าปกติ การ
สรา้ งเซลลูโลสมากขึน้ ทําให้เนอ้ื เยือ่ พชื แขง็ กระด้าง มีความเหนยี ว ไม่น่ารบั ประทาน
พชื แตล่ ะชนดิ จะแสดงอาการแตกตา่ งกนั เช่น ขา้ วโพดทีข่ าดไนโตรเจนใบจะมีสีเหลืองท่ีปลายใบ แลว้ หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
ลกุ ลามเข้ามาสกู่ ลางใบ ซ่ึงจะมองเห็นรูปรา่ งคล้ายตวั วี
2. ฟอสฟอรสั : หนา้ ท่แี ละความสาํ คญั ต่อพืช
1. ส่งเสริมการเจริญเติบโตของราก ทั้งรากแก้ว รากฝอย และรากแขนง โดยเฉพาะในระยะแรก ของการ
เจรญิ เติบโต
2. ช่วยเร่งใหพชื แก่เรว็ ช่วยการออกดอก การติดผล และการสรา้ งเมล็ด
3. ชว่ ยให้รากดดู โพแทสเซียมจากดินมาใชป้ ระโยชนไ์ ด้มากข้ึน
4. ช่วยเพิ่มความตา้ นทานต่อโรคบางชนิด ทําให้ผลผลติ มีคุณภาพดี
5. ช่วยใหล้ ําต้นแข็งแรง ไมล่ ้มงา่ ย
6. ลดผลกระทบทีเ่ กดิ จากพืชไดร้ ับไนโตรเจนมากเกินไป
อาการขาดธาตฟุ อสฟอรสั
พชื ที่ขาดธาตุฟอสฟอรัสจะมีอัตราการหายใจลดลง พืชสะสมคารโ์ บไฮเดรตมากข้ึน ใบพืชมสี เี ขยี วเขม้ มี
การสะสมรงควัตถแุ อนโทไซยานินทล่ี ําต้น และก้านใบ ทําใหก้ ้านใบมีสมี ่วง อาการจะเร่มิ ทีใ่ บแก่ก่อน ใบมขี นาด
เลก็ จาํ นวนใบน้อย ใบแหง้ เป็นจดุ ๆ การเจรญิ เติบโตของพืชหยุดชะงกั ลาํ ตน้ แคระแกร็น รากเปลย่ี นเป็นสีเหลือง
หรอื น้ำตาล
การขาดธาตุฟอสฟอรัสยงั มผี ลตอ่ การออกดอกชา้ จาํ นวนดอก ผล และเมล็ดน้อยลง ผลผลิตต่ำ จากใบพชื
ทีเ่ สอื่ ม และรว่ งหล่นเรว็ กวา่ ปกติ แตห่ ากไดร้ บั ฟอสฟอรัสมากเกนิ ไปพืชจะแก่เรว็
การขาดธาตุฟอสฟอรสั เป็นสาเหตุหนึ่งท่ีทําให้รากพืชขยายยาว แมล้ ําต้นเหนือดนิ หยุดการเจริญเตบิ โต
แล้ว เพราะมีการกระจายคาร์โบไฮเดรตลงมาส่รู ากพืชมากข้ึน เนอ่ื งจากพืชมีความพยายามทจี่ ะรักษาสภาพของ
ราก เพ่ือทาํ หน้าที่ดดู หาอาหารที่ขาดแคลนมาเพ่มิ เติม
3. โพแทสเซยี ม : หนา้ ท่แี ละความสาํ คัญต่อพืช
1. สง่ เสริมการเจรญิ เติบโตของราก ทําใหร้ ากดดู น้ำ และธาตอุ าหารได้ดีข้ึน
2. จาํ เป็นตอ่ การสร้างเนื้อผลไม้ การสร้างแป้งของผลและหัว จึงนิยมใหป้ ุย๋ โพแทสเซยี มมากในระยะเร่ง
ดอก ผล และหวั
3. ช่วยใหพ้ ืชต้านทานการเปลี่ยนแปลงปริมาณแสง อณุ หภูมิหรือความชืน้
4. ชว่ ยให้พืชตา้ นทานตอ่ โรคตา่ งๆ
5. ช่วยเพมิ่ คณุ ภาพของพชื ผกั และผลไม้ ทาํ ให้พชื มีสีสัน เพ่มิ ขนาด และเพ่มิ ความหวาน
6. ช่วยป้องกันผลกระทบจากการท่ีพชื ไดร้ ับไนโตรเจน และฟอสฟอรัสมากเกินไป
อาการขาดธาตุโพแทสเซียม หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
พืชท่ขี าดโพแทสเซียม จะทําให้โพแทสเซียมทีส่ ะสมในใบแก่ และเซลลอ์ นื่ ๆ เคลอ่ื นไปเล้ยี งเน้ือเย่อื ที่
กาํ ลังเจรญิ ทําให้สว่ นดงั กลา่ วมอี าการผิดปกติ เช่น ใบเหลอื งเป็นแนว ซง่ึ มักเกิดข้นึ ในใบแกก่ ่อน และใบแห้งตาย
เป็นจดุ ๆ โดยเฉพาะบริเวณขอบ และปลายใบ ใบม้วนงอ ลําตน้ มีปลอ้ งส้นั ยอดใบเป็นจุด ๆ
นอกจากน้ี พบวา่ พชื ท่ีไดร้ ับโพแทสเซยี มไม่เพยี งพอ จะทาํ ให้กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงลดลง
การควบคมุ การเปดิ -ปดิ ปากใบผิดปกติ ปากใบเปิดเลก็ น้อย ทาํ ให้มผี ลต่อกระบวนการสร้าง และเคลื่อนย้ายน้ำตา
ลดลง มีผลต่อคณุ ภาพของสี ขนาด น้ำหนัก ความหวาน และคณุ ภาพของผลหรือเมลด็
ธาตุรอง 3 ธาตุ
1) แคลเซียม (Ca)
• เปน็ องคป์ ระกอบของผนังเซลลพ์ ชื และจําเปน็ ต่อการแบ่งเซลล์พืช
• ชว่ ยใหก้ ารงอกรากและใบของพืชได้ดแี ละเร็ว
• ชว่ ยในการเคลอ่ื นยา้ ยแปง้ น้ำตาล และโปรตนี ในพืช
2) แมกนเี ซียม (Mg)
• เป็นองค์ประกอบสําคญั ของคลอโรฟิลล์ (สเี ขียว) ในพชื
• ช่วยสร้างโปรตนี ไขมัน วิตามิน และน้ำตาลในพืช
• สง่ เสรมิ การนําธาตุฟอสฟอรัสไปสลู่ ําต้น
• ทําใหส้ ภาพกรดดา่ งในเซลล์เหมาะสม
3) กาํ มะถนั (S)
• สร้างกรดอะมโิ น โปรตีน และวติ ามินบี ในพืช
• ช่วยสร้างสี กล่ิน และน้ำมนั ในพืช
• ช่วยในการสังเคราะหค์ ลอโรฟิลล์
ธาตเุ สรมิ 8 ชนดิ
1) เหล็ก (Fe)
• ช่วยในการสังเคราะหค์ ลอโรฟิลล์
• มบี ทบาทสาํ คญั ต่อกระบวนการสงั เคราะหแ์ สงและการหายใจในพชื ใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งสมบูรณ์
2) แมงกานีส (Mn) หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
• ชว่ ยในการสงั เคราะห์แสงในใบพชื
• กระตนุ้ การทํางานของเอนไซม์ (Enzyme) ในตน้ พชื
3) โบรอน (B)
• สง่ เสริมการออกดอกในพืช
• ชว่ ยในการผสมเกสรและการติดผล
• ชว่ ยใหพ้ ชื ใชป้ ระโยชน์จากไนโตรเจนและแคลเซยี มไดด้ ียิ่งข้นึ
• ชว่ ยในการเคล่ือนย้ายฮอรโ์ มนในพืช
4) โมลิบดินมั (Mo)
• ชว่ ยพชื สงั เคราะห์โปรตนี
• ชว่ ยให้พืชใช้ประโยชนจ์ ากไนโตรเจนได้ดยี ิ่งขน้ึ
5) ทองแดง (Cu)
• ช่วยในการสงั เคราะหค์ ลอโรฟลิ ล์
• กระตุ้นการทาํ งานของเอนไซม์ (Enzyme)
• เกี่ยวข้องกับกระบวนการหายใจ การใช้โปรตีน และแป้งในพชื
6) สังกะสี (Zn)
• ชว่ ยสรา้ งคลอโรฟิลล์ และแป้ง
• ช่วยสรา้ งฮอร์โมนออกซิเจน ทําให้ขอ้ ปลอ้ งของพืชมีขนาดสมบรู ณ์
7) คลอรนี (Cl)
• ชว่ ยสรา้ งฮอร์โมนบางชนิดในพืช
• ช่วยเพิม่ ความสุกแกใหก้ บั พืชเร็วขึน้
8) นิกเกลิ (Ni)
• นกิ เกิลเปน็ ธาตทุ ่ีสําคญั ตอ่ เอนไซม์ ยเู รยี โดยทําหน้าท่ชี ่วยปลอดปล่อยไนโตรเจนให้อยู่ในรปู ท่ีพืช
นําไปใชไ้ ด้ นอกจากนี้ ยงั จําเปน็ ตอ่ กระบวนการดดู ซับธาตุเหล็ก ช่วยในกระบวนการงอกของเมล็ด หากนิกเกลิ ไม่
เพยี งพอต่อความตอ้ งการ พชื อาจไม่ใหผ้ ลผลิตเต็มท่ี
เรือ่ งที่ 2 : การลําเลียงในพืช หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
พืชมรี ะบบทอ่ ลาํ เลียงในการลําเลียงสารอาหาร น้ำ และแร่ธาตเพ่ือให้ แบง่ เปน็ 2 ประเภท ดงั นี้
1. ทอ่ ลาํ เลยี งน้ำ เรยี กว่า ไซเลม็ (xylem)
2. ทอ่ ลาํ เลียงอาหาร เรยี กว่า โฟลเอม็ (phloem)
พืชใบเล้ียงเด่ียวและพชื ใบเลย้ี งคู่มีการจัดเรียงตัวของท่อลาํ เลยี งน้ำและท่อลําเลียงอาหารแตกต่างกัน
- พชื ใบเลย้ี งคู่ ทอ่ ลําเลียงน้ำและท่อลาํ เลยี งอาหารเรียงตวั เปน็ วงรอบลําตน้ โดยทอ่ ลาํ เลียงน้ำ อยใู่ นเน้ือ
ไม้ ส่วนท่อลําเลยี งอาหารอยู่ทเ่ี ปลือกไม้
- พืชใบเลี้ยงเด่ียว ท่อลําเลียงน้ำและท่อลาํ เลียงอาหารกระจายอยู่ทว่ั ลําตน้
ลักษณะของท่อลาํ เลียงน้ำและทอ่ ลาํ เลยี งอาหารท่ีแตกต่างกนั ในพชื ใบเลี้ยงคแู่ ละพืชใบเลี้ยงเดี่ยว
พชื ใบเลี้ยงคู่ พืชใบเลย้ี งเดย่ี ว
© ระบบลําเลียงน้ำและแรธ่ าตุ
การลําเลียงน้ำและแร่ธาตขุ องพืชเกิดขึ้นท่ีบริเวณปลายรากโดยมขี นรากทําหนา้ ที่ดูดซึมน้ำและแร่ธาตุ
น้ำจากดนิ จะแพรเ่ ข้าสู่รากพืชโดยวธิ ีออสโมซสิ สว่ นแร่ธาตจุ ะเขา้ สูร่ ากโดยกระบวนการแอกทฟี ทรานส
ปอร์ต (active transport) ซ่ึงเป็นกระบวนการทต่ี ้องอาศยั พลงั งานมาช่วยในการดูดซึมแรธ่ าตุเข้าราก
น้ำและแร่ธาตจุ ากรากจะถูกลําเลยี งตอ่ ไปยงั ลําต้นตามกล่มุ เซลลท์ ท่ี ําหน้าท่ีลําเลยี งน้ำและแร่ธาตุ หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
ภายในท่อลาํ เลยี งน้ำทเ่ี ชื่อมต่อกันจากรากไปยงั ลาํ ต้น กิ่ง และใบ
การลําเลยี งน้ำและแรธ่ าตุจะลําเลยี งจาก ขนราก ลาํ ต้น กิ่งกา้ น ใบ
(โดยลําเลียงผ่านท่อลําเลยี งน้ำหรอื ไซเล็ม)
ทอ่ ไซเล็ม (xylem) มีหนา้ ที่ลาํ เลยี งน้ำและธาตอุ าหาร เพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง และ
กระบวนการอน่ื ๆ ท่อไซเล็มมลี กั ษณะเป็นท่อกลวงยาวตัง้ แตร่ ากจนถึงใบ ประกอบดว้ ย กลุ่มเซลลไ์ ม่มีชวี ติ บาง
เซลล์เม่ือเจริญเต็มที่ นิวเคลียสจะสลายไป ทาํ ให้ภายในเซลล์กลวง ซง่ึ เหมาะแก่การลาํ เลียงน้ำและธาตุอาหารจาก
รากไปยงั สว่ นต่าง ๆ ของพืช นอกจากนี้ ผนงั เซลลย์ ังมีชอ่ งวา่ ง เรยี กวา่ พธิ (pith) ซง่ึ ทําให้เซลล์สามารถลาํ เลียงน้ำ
ไปยังเซลลด์ ้านข้างได้
โครงสร้างของทอ่ ไซเล็ม
การคายน้ำของพชื ทาํ ใหเ้ กิดแรงดึงจากการคายน้ำ (transpiration pull) ส่งผลให้น้ำออสโมซิสเข้าส่รู าก หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
มากข้ึน ซ่ึงอัตราการคายนํ้าของพืชจะขึ้นอยู่กบั ปจั จยั ตา่ ง ๆ ดงั นี้
1. ความชื้น ถ้าความชนื้ สงู อัตราการคายน้ำของพืชจะต่ำ
2. ความเข้มของแสง ถ้าความเขม้ ของแสงมาก ปากใบจะเปิดกวา้ ง นำ้ และธาตุอาหาร
3. อุณหภูมิ เมอื่ อุณหภมู ิสูง อัตราการคายน้ำของพชื จะสูง
4. กระแสลม ส่งผลใหไ้ อน้ำบรเิ วณโดยรอบปากใบมีปรมิ าณลดลง หรอื บรเิ วณนั้นมีความช้นื ต่ำลง ซึ่งทาํ
ใหพ้ ืชมอี ัตราการคายน้ำสูงข้นึ (active transport)
© ระบบลำเลี้ยงอาหารในพืช
ในกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงสิ่งท่ไี ด้คอื น้ำตาล แก๊สออกซิเจน และน้ำ นำ้ ตาลซง่ึ เป็นอาหารของพืช
จะถกู ลาํ เลยี งเพื่อนําไปเลีย้ งสว่ นตา่ งๆ ของพชื หรอื เพ่ือซ่อมแซมในเซลล์ที่เสียหาย โดยผ่านทอ่ ลำเลียงอาหารที่
เรียกว่า โฟลเอ็ม (phloem) โดยวิธีการแพร่
การจดั เรยี งตวั ของกลุ่มเซลล์ท่อลาํ เลียงอาหารของพืชใบเล้ยี งคู่จะเรยี งเป็นวงอย่ใู นรัศมีเดียวกันรอบลําต้น
ทบ่ี รเิ วณเปลอื กไม้ ส่วนพืชใบเลีย้ งเด่ยี วจะมีการจัดเรียงตัวของกลมุ่ เซลล์กระจัดกระจายอยู่ทัว่ ไปไม่อยู่ในรัศมี
เดียวกนั พชื ใบเล้ยี งคจู่ ะพบเนื้อเยอื่ เจริญแคมเบียม (Cambium) ทําหน้าที่แบ่งเซลลอ์ อกทางดา้ นขา้ งทำให้ลาํ ตน้
ขยายขนาดใหญ่ได้ ส่วนพืชใบเล้ียงเด่ยี วไมม่ ีแคมเบยี มจงึ ไม่มีการแบง่ เซลลอ์ อกทางด้านข้าง การลาํ เลียง
อาหารของพชื ท่ีเจรญิ เตบิ โตเต็มทีจ่ ะมีทิศทางดังนี้
ใบ กิ่งกา้ น ลําตน้ ราก
การลําเลยี งอาหารของพืชขณะทเ่ี ปน็ ต้นออ่ นจะมีทิศทางดงั นี้
ใบเลย้ี งหรือเอนโดสเปริ ์ม ราก ยอด
เซลล์ท่ีทาํ หนา้ ท่ีลําเลียงอาหารโดยตรงตอ้ งเป็นเซลล์ทีย่ ังมีชวี ิตอยู่เทา่ นัน้ ถ้าเซลล์บริเวณใดตาย การ
ลําเลียงอาหารกจ็ ะหยุดทันที อัตราการลําเลยี งอาหารในทอ่ ลาํ เลียงอาหารจะเกิดได้ชา้ กว่าการลาํ เลยี งนำ้ และแร่
ธาตุ การควั่นโคนต้นไม้ของพืชใบเลยี้ งคู่เป็นเวลานานๆ จะทาํ ให้รากไม่ได้รบั สารอาหารทล่ี ําเลียงมาจากใบ อาจทาํ
ให้ต้นไมต้ ายได้
พชื ลาํ เลยี งอาหารท่ีได้จากการสังเคราะหด์ ้วยแสงไปสสู่ ่วนต่าง ๆ ของ พืช โดยใชเ้ นือ้ เยื่อลําเลียง เรียกว่า หน่วยที่ 4 การดํารงชีวิตของ ืพช
โฟลเอม็ (phloem) ประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนดิ คือ เซลล์ตะแกรง (sieve cell) และคอมพาเนียนเซลล์
(companion cell) ซ่ึงเป็นกลุ่มของเซลลท์ มี่ ีชีวิต โดยเซลล์ตะแกรงเป็นเซลลท์ ีม่ ีลกั ษณะเปน็ แท่งยาว แต่ไม่มี
นวิ เคลียส หวั และทา้ ยเปน็ รูพรุน (sieve plate) ทาํ หน้าที่ ลาํ เลียงอาหาร ส่วนคอมพาเนียนเซลลเ์ ป็นเซลล์ทีม่ ี
นิวเคลียส และอยู่ใกล้ เซลลต์ ะแกรง ทําหน้าท่ีควบคุมการทํางานของเซลล์ตะแกรง พืชจะลาํ เลียงอาหารในรูปของ
น้ำตาลซูโครส โดยน้ำตาลซโู ครสทผี่ ลติ ขึ้นจากใบจะแพรเ่ ข้าสู่โฟลเอม็ ดว้ ยกระบวนการแพร่แบบใช้พลงั งาน
(active transport) คอมพาเนียนเซลล์ โดยนํา้ จากทอ่ ไซเล็มจะออสโมซิสเขา้ สู่ทอ่ โฟลเอ็ม ทําใหเ้ กดิ แรงดันภายใน
ท่อโฟลเอม็ สง่ ผลใหพ้ ชื ลาํ เลียงน้ำตาล ซโู ครสไปยังเซลลเ์ ปา้ หมายได้ เรียกกระบวนการนีว้ ่า ทรานสโลเคชัน
(translocation)
โครงสรา้ งของท่อโฟลเอ็ม
______________________________________________ _____________ ____________
2.
2.1
2.2
2.3
2.4
2.5
______________________________________________ _____________ ____________
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7
8.
9.
10.
______________________________________________ _____________ ____________
1.
2.
3.
4.
5.
6.
.
7.
8.
9.
10.
______________________________________________ _____________ ____________
1.
2.
3.
4.
5. 2
6.
7.
8.
9.
10.
______________________________________________ _____________ ____________
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
1
______________________________________________ _____________ ____________
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
______________________________________________ _____________ ____________
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9. 2
10.
______________________________________________ _____________ ____________
1. 2
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
______________________________________________ _____________ ____________
1.
2.
3.
4.
5. 1
______________________________________________ _____________ ____________
1.
1.1
1.2
2.
3.
4.
5.
ใบงานวชิ าวิทยาศาสตร์
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1
ภาคเรยี นท่ี 1
หน่วยท่ี 4 การดำรงชวี ิตของพชื
บทที่ 2 การสงั เคราะห์ด้วยแสง
ใบงานวิชาวิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1
หน่วยท่ี 4 การดำรงชีวติ ของพชื
บทที่ 2 การสงั เคราะหด์ ้วยแสง
เร่ืองท่ี 1 ปจั จยั และผลผลติ ของการสังเคราะหด์ ้วยแสง (1)
ชอื่ – สกลุ ______________________________________________ ช้นั _____________ เลขท่ี ____________
คำช้แี จง : ให้นักเรยี นตอบคำถามให้ถกู ต้องสมบูรณ์
1. พืชสรา้ งอาหารได้อย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................................................................................. ..........
2. พืชมีความสําคัญต่อส่ิงมชี วี ิตและสง่ิ แวดลอ้ มอย่างไร
ตอบ ..............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
3. ถ้าไม่มีการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืชจะส่งผลต่อส่ิงมีชวี ิตและสิ่งแวดลอ้ มอย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
.................................................................................................................................................. .....................................................
4. น้ำตาลและแก๊สออกซเิ จนท่ีเกิดจากการสังเคราะหด์ ้วยแสงมีความสาํ คัญต่อมนุษย์อย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
5. พชื สามารถใชแ้ สงจากแหลง่ อ่นื ท่ีไมใ่ ช่ดวงอาทติ ยใ์ นการสังเคราะห์ด้วยแสงไดห้ รอื ไม่
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
6. ถา้ ขาดปัจจยั ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสงปัจจัยใดปจั จยั หนึ่งพืชจะสามารถสังเคราะหด์ ้วยแสงไดห้ รอื ไม่
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
7. การทดสอบแปง้ ในพืชเพราะเหตใุ ดต้องต้มใบพชื ในแอลกอฮอล์
ตอบ .................................................................................................................................. ............................................................
................................................................................................................................................................................................... ....
8. ผลผลติ ทีไ่ ดจ้ ากกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงมอี ะไรบ้าง
ตอบ ..............................................................................................................................................................................................
9. แกส๊ ออกซเิ จนเปน็ ผลผลติ ท่ไี ดก้ ระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงถูกปลดปลอ่ ยสู่อากาศทางใด
ตอบ ........................................................................................................................................................................... ...................
10. รากของพืชท่ีมสี ีเขียว เชน่ รากกลว้ ยไม้ สามารถเกดิ การสงั เคราะหด์ ้วยแสงไดห้ รอื ไม่
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
ใบงานวิชาวิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1
หน่วยที่ 4 การดำรงชวี ติ ของพชื
บทท่ี 2 การสงั เคราะห์ด้วยแสง
เรอ่ื งที่ 1 ปัจจยั และผลผลิตของการสังเคราะห์ด้วยแสง (2)
ชอื่ – สกุล ______________________________________________ ชั้น _____________ เลขที่ ____________
คำชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นเขยี นเคร่อื งหมาย √ หน้าข้อท่ีถกู เขียนเครื่องหมาย X หน้าขอ้ ทผ่ี ดิ
1. ใบมหี นา้ ทีส่ ร้างอาหาร
2. การสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืชจะเกิดขน้ึ ในช่วงเวลากลางวันเท่านนั้
3. การทดสอบแปง้ สามารถทําไดโ้ ดยใช้สารละลายไอโอดีน
4. แสงสีแดงและสีน้ำเงนิ เป็นแสงทพ่ี ืชใชใ้ นการสังเคราะห์ด้วยแสงไดด้ ที ่สี ุด
5. รากมีหน้าทด่ี ดู อาหารจากดนิ แลว้ สง่ ไปยังสว่ นตา่ งๆ ของพืช
6. พืชทกุ ชนดิ มคี วามตอ้ งการแสงในปริมาณทีเ่ ท่ากนั เสมอ
7. แป้งเปน็ อาหารสะสมที่พืชสร้างขึ้น
8. พชื ต้องการน้ำ อากาศ และแสงในการดาํ รงชวี ิตและการเจริญเติบโต
9. การสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื ต้องใช้แกส๊ ออกซเิ จน
10. คลอโรฟิลลเ์ ป็นออร์แกเนลลท์ ม่ี ีหนา้ ท่สี ร้างอาหารของพชื
ใบงานวชิ าวิทยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1
หน่วยที่ 4 การดำรงชวี ติ ของพชื
บทที่ 2 การสงั เคราะห์ด้วยแสง
เรือ่ งที่ 1 ปัจจยั และผลผลิตของการสังเคราะหด์ ้วยแสง (3)
ชอ่ื – สกลุ ______________________________________________ ชัน้ _____________ เลขท่ี ____________
คำชี้แจง : ใหน้ กั เรียนตอบคำถามให้ถกู ตอ้ งสมบูรณ์
1. จากสมการการสงั เคราะห์ด้วยแสงต่อไปนี้ ให้นักเรยี นเขียนชื่อของสารเคมแี ต่ละชนดิ ใหถ้ กู ต้อง
6 CO2 + 12 H2O >แสง C6H12O6 + 6 H2O + 6 O2
................................................. .........................
คลอโรฟิลล์
.................................. .................... .................................
2. สมการการหายใจเป็นสมการท่ตี รงข้ามกบั สมการการสงั เคราะห์ด้วยแสง ให้นักเรียนเขียนช่ือของสารเคมีแต่ละชนิดใหถ้ กู ต้อง
C6H12O6 + 6 H2O + 6 O2 → 6 CO2 + 12 H2O
................................................. .........................
............................ .......................... ........................................
3. จากภาพทก่ี ำหนดใหใ้ ช้ประกอบการตอบคำถามต่อไปน้ี
3.1 กระบวนการ 1 เป็นกระบวนการสร้างอาหารของพืชที่เรียกว่า .......................................................................................
สว่ นกระบวนการ 2 เป็นกระบวนการสรา้ งพลังงานของพืชทเ่ี รียกว่า ....................................................................................
3.2 สาร X คือ ....................................................................................................................................... ................................
แกส๊ A คอื .......................................................................................................................................................................
แกส๊ B คือ ......................................................................................................................... ..............................................
3.3 ในกระบวนการ 1 วัตถดุ ิบ คือ ........................................................................................................................................
ผลผลิต คอื ........................................................................................................................................
3.4 ในกระบวนการ 2 วตั ถุดิบ คอื ............................................................................................................................. ...........
ผลผลิต คือ ........................................................................................................................................
ใบงานวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1
หน่วยที่ 4 การดำรงชีวติ ของพืช
บทที่ 2 การสังเคราะห์ด้วยแสง
เร่ืองท่ี 1 ปจั จยั และผลผลติ ของการสังเคราะห์ดว้ ยแสง (4)
ชื่อ – สกุล ______________________________________________ ชัน้ _____________ เลขท่ี ____________
คำชแ้ี จง : ให้นักเรยี นตอบคำถามใหถ้ กู ตอ้ งสมบรู ณ์
1. ผลผลิตทไี่ ด้จากกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงมีอะไรบ้าง
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
2. น้ำตาลทพ่ี ืชสรา้ งขนึ้ อนั ดบั แรกคืออะไร
ตอบ ................................................................................................................................................ ..............................................
3. น้ำตาลทพี่ ืชสร้างขนึ้ จะถกู เปลยี่ นไปเป็นอะไร
ตอบ .............................................................................................................................................................. ................................
4. การทดสอบสารอาหารในพชื จะต้องทดสอบหาแปง้ หรือหาน้ำตาล
ตอบ ..............................................................................................................................................................................................
5. เพราะเหตุใดในครง้ั แรกจะต้องต้มใบไม้ในน้ำเดือด
ตอบ ................................................................................................................................................................................. .............
6. คลอโรฟลิ ล์ละลายได้ในน้ำหรือแอลกอฮอล์
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
7. ในวันท่ไี ม่มีแสงแดดถ้านําใบไม้มาทดสอบหาแป้งจะพบหรือไม่
ตอบ ............................................................................................................................... ...............................................................
8. ส่งิ ท่ีไดจ้ ากการสงั เคราะหด์ ้วยแสงพชื จะนําไปเกบ็ ไวใ้ นรูปของสงิ่ ใด
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
9. พชื สเี ขียวที่เกดิ การสงั เคราะห์ด้วยแสงไดจ้ ะต้องประกอบด้วยส่ิงใด
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
10. คลอโรฟลิ ลม์ ีความสาํ คัญอย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
ใบงานวิชาวิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1
หนว่ ยท่ี 4 การดำรงชีวติ ของพชื
บทท่ี 2 การสังเคราะห์ด้วยแสง
เร่อื งท่ี 1 ปจั จยั และผลผลิตของการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง (5)
ช่ือ – สกลุ ______________________________________________ ชัน้ _____________ เลขที่ ____________
คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนเขยี นเครอ่ื งหมาย √ หนา้ ข้อความท่ีถูก เขยี นเครื่องหมาย X หนา้ ข้อความท่ีผิด
1. แหลง่ กาํ เนดิ ของคาร์โบไฮเดรตท้งั หมดมาจากกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง น้ำกบั คารบ์ อนไดออกไซด์
รวมตัวกันภายใต้อทิ ธิพลของแสงสว่างจากดวงอาทิตย์และคลอโรฟลิ ล์
2. คลอโรฟิลล์มอี ยูห่ ลายชนิด เช่น คลอโรฟิลล์ a คลอโรฟลิ ล์ b คลอโรฟิลล์ c และคลอโรฟิลล์ d แตล่ ะชนิด
มีส่วนประกอบและโครงสร้างโมเลกุลคล้ายคลึงกัน
3. คลอโรฟลิ ลท์ กุ ชนิดสามารถนําพลังงานแสงมาใช้ในการสงั เคราะห์อาหารโดยกระบวนการเมแทบอลิซึม
4. คลอโรฟลิ ล์เปน็ คารโ์ บไฮเดรตชนดิ หนึง่ ละลายไดด้ ใี นตวั ทําละลายบางตวั เช่น เอทิลแอลกอฮอล์ แอซโี ตน
5. เหตุที่คลอโรฟลิ ล์มสี เี ขยี วเพราะคลอโรฟิลล์ดูดแสงสีเขยี วจากแสงสวา่ งไดด้ ีจึงสะท้อนแสงสเี ขียวออกมา
มากกว่าแสงสีอ่ืนๆ
6. การสงั เคราะห์อาหารในพืชใชแ้ กส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ เม่อื อาหารท่ีถูกสรา้ งข้นึ เช่น แปง้ ถกู ใช้ในการ
ดํารงชีวิต แปง้ จะใหแ้ ก๊สออกซเิ จนและน้ำ
7. ผลผลติ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื นอกจากได้กลูโคสแลว้ ยังไดแ้ กส๊ ออกซิเจนดว้ ย
8. แกส๊ ออกซิเจนที่เปน็ ผลผลิตจากการสังเคราะห์ดว้ ยแสงน้นั พืชจะขับออกมาทางปากใบ
9. เวลากลางวันอตั ราการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื จะน้อยกวา่ อตั ราการหายใจ พชื จึงใช้
แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ไปสังเคราะหด์ ว้ ยแสงมากกว่าแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ท่ีพชื หายใจออกมา
10. เวลากลางคนื พืชมีแตก่ ารหายใจอย่างเดียวโดยรับออกซิเจนจากสิง่ แวดล้อมพร้อมกับให้
แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์สู่ส่ิงแวดล้อม
ใบงานวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1
หน่วยที่ 4 การดำรงชีวติ ของพชื
บทที่ 2 การสงั เคราะหด์ ้วยแสง
เรอื่ งท่ี 1 ปจั จัยและผลผลติ ของการสังเคราะห์ด้วยแสง (6)
ชอื่ – สกลุ ______________________________________________ ช้นั _____________ เลขท่ี ____________
คำช้แี จง : ให้นักเรียนตอบคำถามใหถ้ กู ตอ้ งสมบรู ณ์
1. จากภาพเซลล์ เซลลช์ นิดใดเกดิ การสงั เคราะห์ด้วยแสงได้ เพราะเหตุใด
เซลล์ขนราก เซลล์เย่ือหอม เซลลค์ ุมบรเิ วณใบ
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
......................................................................................................................................................................... ..............................
.................................................................................................... ...................................................................................................
2. จากการทดลองเพือ่ ศึกษาเกย่ี วกบั การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื โดยนําพืชท่ีมีใบที่มีสีเขยี วบรเิ วณขอบใบ และสขี าว
บริเวณกลางใบ ไปวางไว้ในที่มืด 2 - 3 วนั จดั ชดุ ทดลอง ดงั ภาพ รดน้ำแลว้ นําไปวางกลางแดดเปน็ เวลา 3 ชั่วโมง
จากภาพ บรเิ วณ A B C และ D บรเิ วณใดทข่ี าดปัจจยั ท่จี ําเปน็ ในการสังเคราะห์
ด้วยแสงเพยี ง 1 ปัจจัยและ ปัจจัยนัน้ คือส่ิงใด
ตอบ …………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………..
3. การสังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื มผี ลตอ่ ชุมชนและชีวิตของนกั เรียนหรือไม่ อย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................................................................................. ..........
........................................................................................................................ ...............................................................................
4. การตดั ไม้ทาํ ลายป่าจะส่งผลตอ่ สง่ิ มีชีวติ และส่งิ แวดล้อมอย่างไร
ตอบ ..............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
ใบงานวิชาวิทยาศาสตร์
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1
ภาคเรยี นที่ 1
หน่วยที่ 4 การดำรงชีวติ ของพืช
บทที่ 3 การลำเลยี งนำ้ ธาตุอาหาร และอาหารของพืช
ใบงานวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1
หนว่ ยที่ 4 การดำรงชวี ติ ของพืช
บทที่ 3 การลำเลยี งนำ้ ธาตุอาหาร และอาหารของพชื
เรือ่ งที่ 1 ธาตุอาหารของพืช (1)
ชือ่ – สกุล ______________________________________________ ชนั้ _____________ เลขที่ ____________
คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามใหถ้ กู ต้องสมบูรณ์
1. การขาดไนโตรเจนเกีย่ วข้องอย่างไรกบั การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพืช
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
2. พืชชนิดหนึ่งแตกใบและออกดอกช้ามาก เมอื่ แตกใบและออกดอกใบใหม่ และดอกจะหงกิ งอ พชื ชนิดน้นี า่ จะขาดธาตอุ าหาร
ชนิดใด
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
3. พชื ตอ้ งการธาตุอาหารชนิดใดในปรมิ าณมาก และถ้าขาดธาตุอาหารเหลา่ น้ันจะมีผลอย่างไรต่อพชื
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................................................................................. ..........
........................................................................................................................ ...............................................................................
4 ถ้าพชื ขาดธาตโุ พแทสเซยี มจะมแี นวทางแก้ไขอย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................ ..................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
5. ธาตุอาหารทีจ่ าํ เป็นต่อพืชมกี ีช่ นิดและธาตุอาหารที่พชื ต้องการในปรมิ าณมากไดแ้ ก่ธาตอุ าหารใดบา้ ง
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
6. ธาตุอาหารพืชชนดิ ใดท่ีพืชตอ้ งการในปริมาณมากและมีอยใู่ นดิน น้ำ และอากาศอยแู่ ล้ว
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
7. ท่กี ระสอบปุ๋ยมตี ัวเลขกํากับไวว้ า่ 20-16-0 หมายความวา่ อย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
8. สงิ่ ต่อไปนสี้ ่ิงใดเปน็ สว่ นประกอบของดิน
ฮิวมสั อากาศ ไส้เดอื นดิน ทราย เศษขยะ นำ้
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
9. ธาตอุ าหารหลกั ของพืชไดแ้ ก่ธาตุใด
ตอบ ...................................................................................................................................................... ........................................
10. จบั คขู่ ้อความที่สมั พนั ธก์ ัน
………………. 10.1 ชว่ ยเสรมิ สรา้ งเปลอื กและลาํ ตน้ ให้แข็งแรง ก. ไนโตรเจน
………………. 10.2 เป็นองคป์ ระกอบสาํ คญั ของคลอโรฟลิ ล์ ข. โพแทสเซียม
………………. 10.3 ชว่ ยสรา้ งความเจรญิ ของผลและช่วยให้ใบของพชื มีสเี ขียว ค. แคลเซยี ม
………………. 10.4 ชว่ ยในการแบง่ เซลล์ การผสมเกสร และการงอกของเมลด็ ง. แมกนีเซยี ม
ใบงานวชิ าวิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1
หน่วยท่ี 4 การดำรงชีวิตของพชื
บทท่ี 3 การลำเลียงน้ำ ธาตุอาหาร และอาหารของพชื
เร่ืองท่ี 1 ธาตอุ าหารของพชื (2)
ช่ือ – สกลุ ______________________________________________ ช้นั _____________ เลขท่ี ____________
คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นตอบคำถามให้ถกู ต้องสมบูรณ์
1. นักเรียนคนหน่ึงปลกู พืชในสารตา่ ง ๆ ดังนี้
ก. น้ำกลน่ั
ข. น้ำกลนั่ เตมิ ฟอสฟอรสั และโพแทสเซยี ม
ค. น้ำกลนั่ เตมิ ไนโตรเจนและฟอสฟอรสั
ง. น้ำกลนั่ เตมิ ไนโตรเจนและโพแทสเซียม
จ. น้ำกลน่ั เติมไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซยี ม
หลงั จากปลูกพชื ในสภาพแวดล้อมเดียวกนั ไปเป็นระยะเวลาหนึ่งได้ผลดังภาพนักเรยี นคนน้ีจะอธิบายผลการปลูกพืชนี้
ไดว้ า่ อย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................................................................................. ..........
........................................................................................................................ ...............................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
2. ถ้าต้องการปลูกคะน้า นักเรยี นจะเลอื กใชป้ ๋ยุ สตู รใด ระหวา่ ง 25-5-5 กบั 15-15-15 เพราะเหตุใด
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
ใบงานวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1
หน่วยที่ 4 การดำรงชวี ติ ของพืช
บทท่ี 3 การลำเลยี งน้ำ ธาตุอาหาร และอาหารของพืช
เร่อื งท่ี 2 การลำเลยี งในพชื (1)
ชือ่ – สกลุ ______________________________________________ ช้นั _____________ เลขที่ ____________
คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นตอบคำถามใหถ้ ูกตอ้ งสมบูรณ์
1. ธาตอุ าหารมคี วามสาํ คญั ต่อพชื อย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................................................................................. ..........
........................................................................................................................ ...............................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
2. พชื ลําเลียงน้ำ ธาตุอาหาร และอาหารไปยงั ส่วนต่างๆ ของพืชไดอ้ ย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................................................................................. ..........
3. ในการลาํ เลยี งอาหารของพืชมกี ารลาํ เลียงจากส่วนใดไปสว่ นใด
ตอบ ....................................................................................................................................................................................... .......
4. ถา้ พชื ไม่มีขนรากจะมีผลต่อการดูดน้ำและธาตุอาหารของพชื หรอื ไม่ อยา่ งไร
ตอบ ..............................................................................................................................................................................................
................................................................................................................. ......................................................................................
5. ปจั จยั ที่มีผลตอ่ การลาํ เลยี งน้ำและแรธ่ าตุของพืชมอี ะไรบ้าง
ตอบ ..............................................................................................................................................................................................
6. การลําเลียงน้ำและแร่ธาตุกับการลาํ เลยี งอาหารของพชื มที ศิ ทางในการลําเลยี งเหมือนหรอื แตกต่างกนั อย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................................
7. พชื ใบเลย้ี งค่กู บั พืชใบเลี้ยงเด่ยี วมกี ารจัดเรยี งท่อลาํ เลียงน้ำและแร่ธาตุกบั ทอ่ ลําเลยี งอาหารเหมอื นหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
8. โฟลเอม็ และไซเล็มคอื อะไร มีหนา้ ทอ่ี ย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
.......................................................................................................................................... .............................................................
9. โครงสร้างใดที่ทาํ หน้าทใี่ นการดูดน้ำของราก
ตอบ ................................................................................................................................................. .............................................
10. นำ้ ในดนิ เข้าสู่รากพืชได้อยา่ งไร
ตอบ ............................................................................................................................. .................................................................
ใบงานวิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1
หนว่ ยท่ี 4 การดำรงชีวิตของพชื
บทท่ี 3 การลำเลยี งนำ้ ธาตุอาหาร และอาหารของพชื
เรือ่ งท่ี 2 การลำเลียงในพืช (2)
ช่ือ – สกลุ ______________________________________________ ชน้ั _____________ เลขที่ ____________
คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนเขียนเคร่ืองหมาย √ หน้าข้อความทถี่ ูก เขยี นเครื่องหมาย X หนา้ ขอ้ ความที่ผดิ
1. ความแตกตา่ งของความเข้มขน้ ของสารละลายภายในรากและภายในดินเป็นปัจจัยสาํ คญั ในการดูดน้ำของพืช
2. การดดู นำ้ ของพชื ใช้กระบวนการออสโมซิส
3. ออสโมซสิ เปน็ การเคล่อื นที่ของน้ำจากบริเวณท่ีมีความเข้มขน้ ของสารละลายมากไปยังบรเิ วณทม่ี คี วามเข้มขน้ ของ
สารละลายนอ้ ย
4. การดดู นำ้ ได้มากหรือนอ้ ยขึ้นอยู่กับขนรากถ้าขนรากมากจะดดู น้ำได้มาก
5. สารจะแพร่จากบริเวณท่มี ีความเขม้ ข้นของสารมากไปยังบริเวณทม่ี คี วามเขม้ ข้นของสารนอ้ ยกว่า
6. ถา้ ท่อลาํ เลยี งอาหารถูกตดั พชื ใชท้ ่อลาํ เลยี งน้ำแทนได้
7. การลาํ เลียงอาหารและน้ำมอี ัตราการลาํ เลยี งเร็วเทา่ กัน
8. พชื ใบเลย้ี งค่มู ที ่อลําเลียงอาหารและน้ำเรียงเปน็ วง
9. การลําเลยี งอาหารของพืชมีทศิ ทางดังนี้ ราก ก่งิ ใบ
10. การลาํ เลียงอาหารในพืชเกดิ ในเวลากลางคนื มากกว่ากลางวัน
ใบงานวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1
หน่วยท่ี 4 การดำรงชวี ิตของพชื
บทท่ี 3 การลำเลยี งนำ้ ธาตุอาหาร และอาหารของพืช
เรื่องท่ี 2 การลำเลียงในพืช (3)
ช่อื – สกลุ ______________________________________________ ชัน้ _____________ เลขท่ี ____________
คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นเขียนเครอื่ งหมาย √ หน้าข้อความท่ีถกู เขียนเครือ่ งหมาย X หน้าข้อความที่ผิด
1. แอกทีฟทรานสปอรต์ เป็นการเคลอื่ นที่ของสารจากบริเวณที่มคี วามเข้มข้นของสารต่ำไปยงั บริเวณที่มีความ
เข้มขน้ ของสารสงู หรือความหนาแน่นของสารสงู
2. กลโู คสและสารอ่ืนๆ ที่ถูกลําเลียงไปตามก้านใบ กิ่ง และลาํ ตน้ ทางท่อลาํ เลียงอาหาร หรอื ไซเลม็
3. การลําเลียงน้ำและเกลอื แร่น้นั ผ่านทางท่อลาํ เลยี งท่ีเรียกว่า ไซเลม็
4. การลําเลยี งอาหาร น้ำ และแรธ่ าตุ เปน็ การลําเลยี งผา่ นเซลลท์ ย่ี ังมีชวี ติ
5. ธาตุอาหารรองของพชื ไดแ้ ก่ ธาตุไนโตรเจน ธาตฟุ อสฟอรัส และธาตุโพแทสเซยี ม
6. เนื้อเยือ่ โฟลเอม็ และเนือ้ เย่ือไซเล็มจะอยูใ่ นเซลล์ชนั้ วาสควิ ลาร์บันเดลิ โดยโฟลเอ็มจะเรียงอยูด่ ้านนอก
และไซเลม็ อยู่ดา้ นใน
7. ทศิ ทางการลําเลยี งในโฟลเอ็มสามารถเกดิ ข้นึ ได้ทง้ั ในแนวข้ึนและแนวลงในเวลาเดยี วกัน แตก่ ารลําเลียงใน
ไซเลม็ จะเกดิ ขนึ้ ในแนวข้ึนในทศิ ทางเดียว
8. คาร์โบไฮเดรต หมายถึง เฉพาะแปง้ เทา่ นั้น พบในพชื และสตั ว์
9. ธาตุอาหารหลกั ของพชื ได้แก่ ธาตแุ คลเซียม ธาตุแมกนีเซียม และธาตุกํามะถัน
10. แหล่งท่ีมาของธาตุอาหารพืชนัน้ มาจากทางอากาศ ทางนำ้ และทางดนิ