แบบฝึกทักษะการแก้โจทยป์ ญั หาวชิ าเคมี
เร่ือง ปริมาณสารสมั พนั ธ์ รว่ มกับเทคนิค KWDL
ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4
นางสาวปิยวรรณ นันตี
โรงเรยี นสารสาสน์วิเทศเชยี งใหม่
ก
คำนำ
แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาเคมี เรื่อง ปริมาณสารสัมพันธ์ ร่วมกับ
เทคนคิ KWDL สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชุดนี้จัดทาขึ้นเพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มี
ความรู้ ความเข้าใจวิธีการแก้โจทย์ปัญหา และเป็นการเพ่ิมพูนทักษะกระบวนการต่างๆ
ในการเรียนวิชาเคมี เรื่องปริมาณสารสัมพันธ์ของช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) จากน้ันนามา
สร้างนวัตกรรมสาหรับครูนาไปใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ผ่านแบบฝึก ทักษะวิชาเคมี
เร่ือง ปริมาณสารสมั พันธ์ โดยแบ่งออกเปน็ 4 เรือ่ ง ดงั นี้
เรื่องที่ 1 การคานวณสตู รโมเลกลุ และสตู รอย่างงา่ ย
เรอ่ื งท่ี 2 ความเข้มข้นของสารละลาย
เรื่องท่ี 3 การเตรียมสารละลาย
เรือ่ งที่ 4 สมบัตขิ องสารละลาย
แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา วิชาเคมี เรื่อง ปริมาณสารสัมพันธ์ ร่วมกับ
เทคนคิ KWDL สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ชดุ นจี้ ะประกอบด้วยจุดประสงค์การ
ทาแบบฝกึ เสรมิ ทักษะการแกโ้ จทย์ปัญหาวิชาเคมี คาแนะนาในการใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
การแกโ้ จทย์ปัญหาวชิ าเคมี แบบทดสอบก่อนเรียน ใบความรู้ แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์
ปัญหา และแบบทดสอบหลงั เรยี น
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่าแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาเคมี เรื่อง
ปรมิ าณสารสัมพันธ์ รว่ มกับเทคนิค KWDL สาหรบั นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่มน้ีจะ
เอื้อประโยชน์แก่ครู ช่วยให้ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วย
พัฒนาให้นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจในเร่ืองการแก้โจทย์ปัญหาปริมาณสารสัมพันธ์มาก
ย่งิ ขึน้ มผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นสูงขนึ้ และมีเจตคติท่ดี ีตอ่ วิชาเคมี
ปิยวรรณ นนั ตี
สำรบญั ข
เรอ่ื ง หนำ้
คานา ก
สารบญั ข
การแก้โจทย์ปญั หาโดยใชเ้ ทคนิค KWDL 1
คาแนะนาการใชแ้ บบฝกึ ทักษะสาหรบั ครู 2
คาแนะนาการใช้แบบฝกึ ทักษะสาหรับนกั เรยี น 3
สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 4
แบบทดสอบก่อนเรียน 5
7
- กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น 8
ใบความรู้ เรื่องที่ 1 การคานวณสูตรโมเลกลุ และสตู รอยา่ งงา่ ย 17
20
- แบบฝึกทกั ษะที่ 1 32
ใบความรู้ เรอื่ งที่ 2 ความเข้มข้นของสารละลาย 35
40
- แบบฝึกทักษะที่ 2 45
ใบความรู้ เรือ่ งที่ 3 การเตรียมสารละลาย 52
57
- แบบฝกึ ทักษะท่ี 3 59
ใบความรู้ เร่ืองท่ี 4 สมบตั ิของสารละลาย 60
61
- แบบฝกึ ทกั ษะที่ 4 62
แบบทดสอบหลงั เรียน 63
67
- กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลังเรียน 68
แบบบันทึกคะแนน 72
บรรณานกุ รม 75
ภาคผนวก 80
- คูม่ ือการใช้โปรแกรม Zipgrade สาหรับตรวจคาตอบ
- เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรียน
- เฉลยแบบฝึกทักษะท่ี 1
- เฉลยแบบฝึกทกั ษะท่ี 2
- เฉลยแบบฝกึ ทักษะที่ 3
- เฉลยแบบฝกึ ทักษะท่ี 4
1
กำรแกโ้ จทยป์ ญั หำโดยใชเ้ ทคนิค KWDL
What we know
- ทบทวนความรู้เดิมทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั หวั ข้อทีจ่ ะเรยี นรู้
K - พจิ ารณาวา่ โจทย์กาหนดอะไรให้บ้าง
- อา่ น/พิจารณาโจทยอ์ ย่างละเอยี ดและอา่ นอย่างวิเคราะห์
What we want to know
W - หาส่ิงทีโ่ จทยต์ ้องการทราบ/ส่ิงทน่ี กั เรียนต้องการรู้
- มวี ธิ ีการแก้ปัญหาเพื่อหาคาตอบไดอ้ ยา่ งไร
- ใช้วิธีการใดไดบ้ า้ งในการหาคาตอบ
What we do to find out
D - ดาเนินการตามแผนและขนั้ ตอน วธิ กี ารทว่ี างไวเ้ พื่อหาคาตอบ
- ต้องทาอย่างไรบ้าง มวี ธิ กี ารใดบา้ ง เพอื่ หาคาตอบ
- ลงมอื แกป้ ัญหาโดยเขยี นประโยคสญั ลกั ษณแ์ ละวิธที าอย่างชดั เจน
What we learned
L - ไดเ้ รียนรอู้ ะไรจากการแกป้ ัญหา
- มขี นั้ ตอนการแก้ปัญหาอยา่ งไร
- สรุปสงิ่ ที่ได้เรยี นร้จู ากโจทย์ เชน่ ได้คาตอบมาอย่างไร
2
คำแนะนำกำรใช้แบบฝึกทกั ษะ
สำหรบั ครู
การจดั กจิ กรรมการเรียนรูโ้ ดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะการแกโ้ จทยว์ ิชาเคมี เร่ือง ปริมาณ
สารสัมพันธ์ ร่วมกับเทคนิค KWDL ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 มีจุดมุ่งหมายเพ่ือช่วยให้การ
ดาเนินกิจกรรมการเรียนรู้ ให้บรรลุวัตถุประสงค์การเรียนรู้และมีประสิทธิภาพ ครูควร
เตรยี มความพร้อม และปฏิบตั ติ ามคาแนะนาดังต่อไปนี้
1. ศึกษาแบบฝึกทักษะและอ่านเน้ือหาอย่างละเอียดรอบคอบพร้อมทั้งทาความเข้าใจ
กับเน้อื หากอ่ นการใช้งาน
2. แบบฝกึ ทักษะเล่มนี้ สามารถใชไ้ ดท้ ้ังแบบ e-book และหนงั สอื รปู เลม่ ครูควรเตรียม
วสั ดุอปุ กรณ์ สอ่ื การสอนต่าง ๆ ใหเ้ หมาะสมและเพยี งพอกบั จานวนนักเรียน
3. ชี้แจงให้นักเรียนทราบถึงลาดับข้ันตอนและวิธีการสอนโดยแบบฝึกทักษะอย่าง
ชดั เจน และประโยชนท์ ี่ได้จากการสอนโดยแบบฝึกทกั ษะ
4. ชแี้ จงใหน้ ักเรียนทราบเกี่ยวกับบทบาทของนักเรียนในการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ
ให้เข้าใจและเนน้ ย้าเร่ืองความซ่ือสตั ยโ์ ดยไม่คดั ลอกเพ่ือนหรือดูเฉลยล่วงหนา้
5. ในขณะท่ีนักเรียนกาลังศึกษาเนื้อหาหรือปฏิบัติกิจกรรม ครูควรคอยให้ความ
ช่วยเหลือ แนะนากระตุ้นให้นักเรียนทากิจกรรมอย่างกระตือรือร้นและตอบข้อสงสัย
ตา่ ง ๆ ระหว่างเรียนพรอ้ ม ทง้ั สังเกตและประเมนิ พฤตกิ รรมการทางานของนักเรยี น
6. เวลาที่ใช้ในการเรียนจากแบบฝึกทักษะของนักเรียนแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ครูควร
ยืดหยนุ่ ไดต้ ามความเหมาะสมกับสถานการณ์
7. ในกรณที ่ีนักเรยี นคนใดขาดเรยี น ให้นกั เรยี นศึกษาเป็นรายบุคคล จากแบบฝึกทักษะ
ท่ีครูเตรยี มไว้
8. สาหรับห้องเรียนที่ใช้ในการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะนั้นสามารถเรียนได้ทั้งใน
ห้องเรียน และนอกหอ้ งเรียนตามความเหมาะสมกับสถานการณ์
9. เม่ือนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมครบถ้วน ให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน แล้วนา
ผลทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนแจ้งให้นกั เรียนทราบความกา้ วหน้าทางการเรยี น
10. เมื่อนักเรียนเรียนรู้จากแบบฝึกทักษะครบทั้งเล่มแล้ว ให้นักเรียนทาแบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธ์ิหลังเรียน เร่ือง ปริมาณสัมพันธ์ จานวน 10 ข้อ เพื่อทราบผลการพัฒนา
ในภาพรวม
3
คำแนะนำกำรใชแ้ บบฝกึ ทักษะ
สำหรบั นกั เรียน
การเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์วิชาเคมี เรื่อง ปริมาณสารสัมพันธ์
ร่วมกับเทคนิค KWDL ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้นักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอนด้วยความ
ซื่อสัตย์และต้งั ใจ ดงั นี้
1. อ่านคาชแ้ี จง คาแนะนาการใชแ้ ละปฏิบตั ิตามข้นั ตอนการใชแ้ บบฝกึ ทกั ษะ
2. ศกึ ษามาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน จานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 15 นาที บันทึกผลคะแนนท่ีได้ลง
ในแบบบันทึกคะแนน
4. ศึกษาแบบฝึกทักษะและร่วมแสดงความคิดเหน็ ในกลมุ่ และในช้ันเรยี นอยา่ งมเี หตผุ ล
5. ทาแบบฝึกทักษะตามทก่ี าหนดไว้ ด้วยความละเอยี ดรอบคอบ
6. ตอบคาถามในแบบฝกึ ทักษะด้วยความตง้ั ใจโดยไมเ่ ปดิ ดเู ฉลยก่อน
7. ตรวจคาตอบจากเฉลยแนวคาตอบ
8. ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น จานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 15 นาที
9. ตรวจคาตอบจากเฉลยแบบทดสอบหลังเรียน พร้อมบันทึกผลคะแนนท่ีได้ เพื่อ
ตรวจสอบความก้าวหน้าทางการเรียน ซ่ึงนักเรียนต้องทาแบบทดสอบหลังเรียนได้ร้อย
ละ 80 ข้นึ ไป จงึ จะผ่านเกณฑ์ ถ้านักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่กาหนดให้ทบทวนเน้ือหา
แลว้ ให้ทาแบบทดสอบหลงั เรียนอีกครงั้
10. หากมีข้อสงสยั ให้ขอคาอธิบายหรือถามครูผสู้ อน เพ่ือรว่ มกนั สรปุ ข้อสงสัยน้นั ๆ
4
สำระกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรียนรู้
จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้
สำระเคมี
2. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิริยาเคมี อัตราการ
เกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี สมดลุ ในปฏิกริ ยิ าเคมี สมบัตแิ ละปฏิกริ ยิ าของกรด-เบส ปฏิกิรยิ ารีดอกซ์และเซลล์
เคมีไฟฟ้า รวมทงั้ การนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
3. เข้าใจหลักการทาปฏิบตั กิ ารเคมี การวดั ปริมาณสาร หนว่ ยวัดและการเปลยี่ นหน่วย การ
คานวณปริมาณของสาร ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย รวมทัง้ การบรู ณาการความรู้และทักษะในการ
อธบิ ายปรากฏการณ์ในชวี ติ ประจาวนั และการแกป้ ญั หาทางเคมี
ผลกำรเรยี นรู้
1. คานวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมที เี่ กย่ี วข้องกับมวลสาร
2. คานวณปริมาณของสารในปฏกิ ิริยาเคมที เ่ี กย่ี วขอ้ งกับความเขม้ ขน้ ของสารละลาย
3. คานวณปริมาณของสารในปฏกิ ริ ยิ าเคมีทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั ปริมาตรแกส๊
4. อธบิ าย และคานวณปรมิ าณใดปริมาณหนึง่ จากความสมั พนั ธข์ องโมล จานวนอนภุ าค มวลและ
ปรมิ าตรของแกส๊ ที่ STP
5. คานวณอัตราส่วนโดยมวลของธาตุองค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดสว่ นคงท่ี
6. คานวณสตู รอยา่ งง่ายและสูตรโมเลกลุ ของสาร
7. คานวณความเขม้ ขน้ ของสารละลายในหน่วยต่าง ๆ
8. อธิบายวธิ กี าร และเตรียมสารละลายให้มคี วามเขม้ ขน้ ในหน่วยโมลารติ ีและปรมิ าตรสารละลาย
ตามทกี่ าหนด
9. เปรยี บเทียบจดุ เดอื ดและจุดเยอื กแข็งของสารละลายกับสารบรสิ ทุ ธ์ิรวมท้งั คานวณจุดเดือดและ
จดุ เยือกแขง็ ของสารละลาย
จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้
1. บอกความแตกตา่ งระหวา่ งสูตรโมเลกลุ และสตู รเอมพริ คิ ลั ได้ (K)
2. บอกสตู รความสมั พนั ธร์ ะหว่างของโมล จานวนอนุภาค มวลและปรมิ าตรของแก๊สที่ STP ได้ (K)
3. อธิบายขัน้ ตอนการแก้โจทยป์ ัญหาโดยใช้เทคนิค KWDL ได้ (K)
4. เขียนแสดงวธิ ีแก้โจทย์ปัญหาเรอื่ งปรมิ าณสารสัมพันธด์ ว้ ยเทคนคิ KWDL ได้ (P)
5. นาวิธีแก้โจทยป์ ญั หาเปน็ เคร่อื งมือในการหาคาตอบในวิชาอนื่ ๆได้ (P)
6. นักเรยี นแสดงความสนใจในการใชเ้ ทคนิค KWDL แกโ้ จทยป์ ัญหา (A)
5
แบบทดสอบก่อนเรยี น
เรือ่ ง ปริมำณสำรสัมพนั ธ์
คำชแ้ี จง
1. แบบทดสอบเป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จำนวน 10 ขอ้ (10 คะแนน)
2. ให้นักเรยี นเลอื กคำตอบทถ่ี ูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียวแล้วกำกบำท (X) ลงในกระดำษคำตอบ
1. แก๊สชนิดหน่ึง ประกอบดว้ ยธาตุคาร์บอน รอ้ ยละ 85.7 และธาตไุ ฮโดรเจน ร้อยละ
14.3 โดยมวล ถา้ แกส๊ ชนดิ น้ี มคี วามหนาแนน่ 2.50 กรัมตอ่ ลูกบาศก์เดซิเมตรท่ี STP
สตู รโมเลกุลของแก๊สนเี้ ปน็ อย่างไร
ก. C4H8 ข. C4H10 ค. C5H8 ง. C5H10
2. ในการศึกษาองค์ประกอบของสารชนิดหน่ึง เม่ือนาสารมาจานวน 1.05 กรัม เผา
ไหม้จนสมบูรณ์พบว่า เกิดแก๊ส CO2 1.32 กรัมและไอน้า 0.63 กรัม สูตรเอมพิริคัล
ของสารนเ้ี ปน็ อยา่ งไร
ก. C2H6O4 ข. C2H7O4 ค. C3H6O4 ง. C3H7O4
3. สารประกอบชนิดหนึ่ง มีมวลโมเลกุล 160 ประกอบด้วยธาตุ A ร้อยละ 50 โดย
มวล ทเี่ หลอื เปน็ ธาตุ X ถ้ามวลอะตอมของธาตุ A เท่ากับ 20 และธาตุ X เท่ากับ 40
สตู รโมเลกุลของสารประกอบนเี้ ป็นอย่างไร
ก. A2X2 ข. A4X2 ค. A6X4 ง. A8X4
4. นา Na2SO4 2.84 กรัม มาละลายน้าจนได้สารละลาย 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร
สารละลายทไี่ ดจ้ ะมีความเข้มข้นกโ่ี มล/ลูกบาศก์เดซิเมตร
ก. 0.02 ข. 0.04 ค. 0.06 ง. 0.08
6
5. นาสารละลายโซเดียมคลอไรดเ์ ขม้ ขน้ 2 โมลาร์ มาจานวน 100 cm3 แล้วให้ความ
ร้อนเพอ่ื ให้นา้ ระเหยออกไป 20 cm3 สารละลายใหม่จะมคี วามเขม้ ขน้ กโี่ มลาร์
ก. 2.4 ข. 2.5 ค. 2.6 ง. 2.7
6. น้าส้มสายชูชนิดหนึ่งมีความหนาแน่น 1.13 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร ระบุว่า มี
กรดแอซิติกละอยู่ร้อยละ 8 โดยมวล น้าส้มสายชูนี้มีความเข้มข้นก่ีโมล/ลูกบาศก์
เดซเิ มตร
ก. 1.50 ข. 1.34 ค. 1.25 ง. 1.17
7. ใชก้ ลโู คส 18 กรมั ละลายในนา้ 200 กรมั สารละลายที่ไดม้ ีความเข้มข้นกโี่ มแลล
ก. 0.15 ข. 0.20 ค. 0.50 ง. 0.55
8. นาน้าตาลซูโครส 17.1 กรัม ละลายในน้า 200 กรัม สารละลายท่ีได้จะมีจุดเยือก
แข็งกี่องศาเซลเซียส (กาหนดให้ Kf ของนา้ = 1.86 C/m)
ก. –0.125 ข. –0.265 ค. –0.325 ง. –0.465
9. หาจุดเดือดของสารละลายท่ีประกอบด้วยน้า 36 กรัม และสาร X 46 กรัมโดย
สารละลายมีเศษสว่ นโมลของน้าเท่ากบั 0.8 (กาหนดให้ Kb ของน้า =0.51 C/m)
ก. 103.9 ข. 105.02 ค. 106.05 ง. 107.08
10. สารละลายที่เกิดจากสาร 1 กรัมในน้า 20 ลูกบาศก์เซนติเมตร สารใดมีจุดเยือก
แขง็ ท่ตี า่ ท่สี ดุ
ก. กลูโคส (C6H12O6) ข. น้าตาลทราย (C12H22O11)
ค. ยูเรยี (H2NCONH2) ง. กรดแอซติ กิ (CH3COOH)
7
กระดำษคำตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน
เรื่อง ปรมิ ำณสำรสมั พันธ์
คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด้
10
8
ใบควำมรู้ที่ 1
เรอ่ื ง กำรคำนวณสูตรโมเลกลุ และสูตรอย่ำงง่ำย
สตู รโมเลกลุ
เป็นสูตรทีแ่ สดงจานวนอะตอมของธาตุองค์ประกอบทีม่ ีอยู่จริงใน 1 โมเลกุล
ของสาร เช่น น้า มีสูตรโมเลกุลเป็น H2O แสดงว่า 1 โมเลกุลประกอบด้วย
ไฮโดรเจน 2 อะตอมและออกซเิ จน 1 อะตอม
กำรคำนวณสูตรโมเลกุล สำมำรถหำได้จำก 2 วิธี ดงั นี้
วิธีท่ี 1 หาจากสูตรเอมพิริคลั วธิ ที ่ี 2 สาหรับสูตรโมเลกุลของสาร
ท่ีมีสถานะแกส๊ โดยใชก้ ฎของแกส๊
คานวณหาสูตรเอมพิริคลั กอ่ น เขียนสมการเคมี แลว้ หาปริมาตรของแกส๊ ที่
เขา้ ทาปฏกิ ริ ิยาและทเ่ี กิดจากปฏิกริ ยิ า
สมมติสตู รโมเลกุลโดยใชค้ วามสัมพนั ธ์ หาอัตราส่วนต่าสดุ โดยปรมิ าตร
สตู รโมเลกุล = (สตู รเอมพริ คิ ลั )n ตามกฎของเกย-์ ลูสแซก
คานวณหาคา่ n โดยใข้ขอ้ มลู จากมวลโมเลกลุ เปลย่ี นเปน็ อตั ราส่วนต่าสุดโดยจานวนโมเลกุล
คือ n = มวลโมเลกุล ตามกฎของอาโวกาโดร
มวลสตู รเอมพริ ิคลั นาตวั เลขแสดงจานวนโมเลกุลของแก๊สแต่ละชนดิ
ไปใส่ในสมการและดลุ สมการเพอื่ หาสูตรโมเลกลุ
9
สูตรอยำ่ งง่ำย
เรียกอีกช่ือหน่ึงว่า สูตรเอมพิริคัล เป็นสูตรท่ีแสดงอัตราส่วนอย่างต่าของ
จานวนอะตอมของธาตอุ งคป์ ระกอบเช่น กลูโคส มีสูตรโมเลกุลเป็น C6H12O6
อัตราส่วนของจานวนอะตอมหรือโมลของ C : H : O เท่ากับ 1 : 2 : 1
กลูโคสจึงมีสูตรเอมพิริคลั เปน็ CH2O
กำรคำนวณสูตรอย่ำงง่ำย มหี ลกั กำรดงั นี้
พิจารณาว่าสารทีจ่ ะหาสตู รเอมพิริคัลมีธาตุใดประกอบอยู่
หามวลของแตล่ ะธาตุทเี่ ปน็ องคป์ ระกอบในสูตร
หาอตั ราสว่ นโดยโมล โดยนามวลอะตอมของธาตุ
ไปหารมวลของธาตนุ ั้น
ทาเป็นอตั ราสว่ นอย่างต่า ถ้าเป็นทศนิยม ใหป้ ดั จุดทศนิยม
โดยใชห้ ลกั การคอื
0.1 – 0.2 ใหป้ ัดลง
0.8 – 0.9 ใหป้ ัดข้นึ
อยูใ่ นชว่ ง 0.3 – 0.7 ใหน้ าตวั เลขที่มีจานวนตา่ ท่สี ุด
มาคณู จนกระท่ังปดั ได้
10
กำรคำนวณหำมวลร้อยละของธำตุ
ถ้าทราบสูตรโมเลกลุ ของสารประกอบและมวลอะตอมของธาตุสามารถ
คานวณหามวลร้อยละของธาตุจากสูตรเคมีได้ ซึ่งมวลร้อยละของธาตุใน
สารประกอบแต่ละชนิดเป็นค่าคงที่ เช่น น้า (H2O) มีธาตุไฮโดรเจน ร้อยละ
11.11 โดยมวล, ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) มีธาตุไฮโดรเจนร้อยละ
5.88 โดยมวล การหามวลรอ้ ยละของธาตจุ ากสูตรเคมคี านวณไดด้ ังน้ี
มวลร้อยละของธาตุ A ในสารประกอบ = มวลของธาตุ A × 100
มวลโมเลกลุ ของสารประกอบ
= จานวนอะตอมธาตุ A x มวลอะตอม A × 100
มวลโมเลกุลของสารประกอบ
ตวั อยำ่ ง มวลรอ้ ยละของธำตุคำร์บอน และไฮโดรเจนในสำรประกอบ C3H8
มคี ำ่ เท่ำไร
KW D L
โจทย์บอกอะไรบ้ำง โจทย์ใหห้ ำอะไร ทำอยำ่ งไร คำตอบทีไ่ ดค้ อื อะไร
1. มวลอะตอม หา %C และ %H 1. หา %C จากสูตร ในสารประกอบ
ธาตุ H เทา่ กับ 1 ใน C3H8 C3H8 มี %C เทา่ กับ
ธาตุ C เท่ากบั 12 %C = จน. อะตอม C x มวล C × 100 81.81 และ %H
Mw ของ C3H8 เทา่ กับ 18.18
= 3 x 12 × 100 = 81.81
(3x12)+(8xC1)
2. หา %H จากสูตร
%H = จน. อะตอม H x มวล H × 100
Mw ของ C3H8
= 8x1 × 100 = 18.18
(3x12)+(8x1)
11
ตวั อย่ำงกำรคำนวณ
ตัวอย่ำงท่ี 1 สารบริสุทธ์ิชนิดหน่ึงประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน 0.250 กรัม คาร์บอน
1.500 กรัม และคลอรีน 8.875 กรัม จงคานวณสูตรเอมพิริคัลของสารนี้ (กาหนดมวล
อะตอม H = 1, C = 12, Cl = 35.5)
K W D L
โจทย์บอกอะไรบำ้ ง โจทยใ์ ห้หำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบทไ่ี ดค้ ืออะไร
1. สารบรสิ ทุ ธิ์ สตู รเอมพริ คิ ลั ของ 1. หาอัตราส่วนโดยโมล โดย ตอบ สูตรเอมพิริคัล
ประกอบดว้ ย สารน้ี นามวลอะตอมของธาตุไป ของสารบริสุทธิ์นี้คือ
ธาตุ H 0.250กรัม หารมวลของธาตุนนั้ CH2Cl2
ธาตุ C 1.500 กรมั mol C = 1.500/12 = 0.125
ธาตุ Cl 8.875 กรมั mol H = 0.250/1 = 0.25
2. มวลอะตอม mol Cl = 8.875/35.5 = 0.25
ธาตุ H เท่ากับ 1 2.ทาเป็นอตั ราสว่ นอย่างต่า
ธาตุ C เท่ากับ 12
ธาตุ Cl เท่ากับ 35.5 โเลดขยทหี่นารอ้ ดยว้ ทย่ีสCดุ0.125 ซงึ่ เป็น
mol C = 0.125/0.125 = 1
mol H = 0.25/0.125 = 2
mol Cl = 0.25/0.125 = 2
3. เขยี นสูตรเอมพริ ิคัล โดย
นาอัตราส่วนอย่างตา่ ไปห้อย
ไวท้ ้ายธาตุนัน้ ๆ
CH2Cl2
ข้ันตอน K และ W
เป็นการฝึกทกั ษะการส่อื สาร สอ่ื ความหมาย และการนาเสนอ
ขั้นตอน D จะเนน้
1.ฝึกทักษะการเชื่อมโยงความรรู้ ะหว่างข้อมลู ในขน้ั K และ W
2. ฝกึ ทักษะการแกป้ ญั หา โดยใชส้ ตู รการคานวณ
ขน้ั ตอน L
เปน็ การแสดงเหตุผลไดว้ ่า คาตอบนี้ถูกต้อง
12
ตวั อย่ำงท่ี 2 เหลก็ ออกไซด์ 12 กรัม เมอื่ นามาวิเคราะห์ พบว่า มธี าตุออกซิเจน
3.315 กรมั จงคานวณสตู รเอมพิริคัลของเหล็กออกไซดช์ นดิ น้ี (กาหนดให้ มวลอะตอม
ของ Fe = 55.8 และ O = 16)
KW D L
โจทย์บอกอะไรบ้ำง โจทย์ใหห้ ำอะไร ทำอยำ่ งไร คำตอบทไ่ี ด้คืออะไร
1. เหลก็ ออกไซด์ สูตรเอมพิรคิ ัลของ 1. หามวลของเหลก็ ตอบ สูตรเอมพิริคัล
หนัก 12 กรัม มี เหล็กออกไซด์ Fe =12 – 3.315 =8.685 กรมั ของเหล็กออกไซด์นี้
ธาตุ O 3.315 กรัม 2. หาอตั ราสว่ นโดยโมล คือ Fe3O4
2. มวลอะตอม mol Fe = 8.685/55.8 = 0.156
ธาตุ Fe = 55.8 mol O = 3.315/16 = 0.207
ธาตุ O = 16 2.ทาเป็นอัตราส่วนอย่างตา่
โดยหารดว้ ย 0.156
mol Fe = 0.156/0.156 = 1
mol O = 0.207/0.156 = 1.33
3. คูณดว้ ยเลข 3 จะไดเ้ ลข
ทศนิยมที่ปดั ได้
mol Fe = 1 x 3 = 3
mol O = 1.33 x 3 = 3.99 = 4
4. เขียนสูตรเอมพริ คิ ัล Fe3O4
กำรหำมวลของธำตุท่เี หลือ
หำได้จำก นาน้าหนักของสารประกอบ ลบออก
ด้วยธาตุท่โี จทย์บอกมาทั้งหมด
Note : การบอกน้าหนักเป็น %โดยมวล %โดย
นา้ หนกั ถอื เป็นการบอกน้าหนักสารในหน่วยกรัม
สามารถนาไปคานวณตอ่ ได้เลย
13
ตัวอย่ำงที่ 3 จากการวิเคราะห์แร่ชนิดหน่ึงพบว่าแรช่ นิดน้ี 12.05 กรมั ประกอบดว้ ย
CaO 2.80 กรมั K2O 2.35 กรัม และ SO3 6.00 กรัม ท่เี หลือเป็นน้า จงคานวณสูตร
เอมพริ คิ ัลของแร่ชนดิ น้ี (H = 1, O = 16, S = 32, K = 39, Ca = 40)
KW D L
โจทย์บอกอะไรบ้ำง โจทย์ให้หำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบท่ไี ด้คอื อะไร
1. แรช่ นดิ หนงึ่ หนกั สตู รเอมพริ ิคลั ของ 1. หาอัตราสว่ นโดยโมล ตอบ สูตรเอมพิริคัล
12.05 กรัม มี แร่ชนดิ น้ี โดยนามวลโมเลกลุ ของสารไป ของแรน่ ีค้ ือ
CaO 2.80 กรัม หารมวลของสารนน้ั (CaO)2K2O(SO3)32
K2O 2.35 กรัม mol CaO = 2.8/56 = 0.05 H2O
SO3 6.00 กรัม mol K2O = 2.35/94 = 0.025
H2O (12.05– 2.80 – 2.35 mol SO3 = 6.00/80 = 0.075
– 6.00)= 0.90 กรัม mol H2O = 0.90/18 = 0.05
2. มวลอะตอม 2.ทาเป็นอัตราส่วนอยา่ งต่า
H = 1 O = 16 โดยหารด้วย 0.025
S = 32 K = 39 mol CaO = 0.05/0.025 = 2
Ca = 40 mol K2O = 0.025/0.025 = 1
mol SO3 = 0.075/0.025 = 3
mol H2O = 0.05/0.025 = 2
3. เขียนสตู รเอมพริ คิ ลั
(CaO)2K2O(SO3)32 H2O
สูตรเอมพิริคัลของแร่
การวิเคราะห์แร่ ส่วนใหญ่จะทาในรูปของออกไซด์ของธาตุ
องคป์ ระกอบ เชน่ K2O, SiO2, CaO เป็นต้น สูตรเอมพิริคัลของ
แร่ก็คือ อัตราส่วนของจานวนโมเลกุลของออกไซด์ในแร่
เหลา่ น้ันน่นั เอง
Note : การหาสูตรเอมพิริคัลของแร่ทาได้ในทานองเดียวกับ
การหาสตู รเอมพิริคัลทั่วๆ ไป แต่จะใชอ้ ตั ราส่วนจานวนโมเลกุล
หรือจานวนโมลของออกไซด์ต่างๆ ที่มีอยู่ในแร่นั้นแทนน้าหนัก
ของอะตอมในสตู รเอมพริ คิ ลั
14
ตัวอย่ำงที่ 4 สารประกอบชนิดหนงึ่ ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน 24.3% ธาตุไฮโดรเจน
4.1 % และท่ีเหลือเปน็ ธาตคุ ลอรนี ถ้าสารนี้มมี วลโมเลกุลเทา่ กับ 99 จงคานวณสูตร
โมเลกลุ ของสารน้ี (H = 1, C = 12, Cl = 35.5)
KW D L
โจทยบ์ อกอะไรบำ้ ง โจทยใ์ หห้ ำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบท่ีไดค้ อื อะไร
1. สารประกอบนีม้ ี สตู รโมเลกลุ ของ 1. หาสูตรเอมพริ คิ ลั ก่อน ตอบ สูตรโมเลกลุ
ธาตุ C 24.3 กรมั สารนี้ - หามวลของธาตุ Cl ของสารประกอบนี้
ธาตุ H 4.1 กรมั 100 – 24.3 – 4.1 = 71.6 กรัม คอื C2H4Cl2
2. มวลโมเลกลุ = 99 - หาอตั ราสว่ นโดยโมล
3. มวลอะตอม mol C = 24.3/12 = 2.025
H = 1 C = 12 mol H = 4.1/1 = 4.1
Cl = 35.5 mol Cl = 71.6/35.5 = 2.017
- ทาเป็นอตั ราส่วนอยา่ งตา่
โดยหารด้วย 2.017
mol C = 2.025/2.017 = 1
mol H = 4.1/2.017 = 2
mol Cl = 2.017/2.017 = 1
- เขียนสตู รเอมพริ ิคลั
คอื CH2Cl
2. หาสตู รโมเลกุล
- มวลโมเลกลุ = (มวลของCH2Cl)n
99 = (12 + 2x1 + 35.5) x n
n=2
- สูตรโมเลกลุ = (สตู รเอมพิรคิ ัล)n
= (CH2Cl)2
= C2H4Cl2
15
ตวั อยำ่ งท่ี 5 สารอนิ ทรยี ช์ นดิ หน่งึ ประกอบด้วยธาตุ C, H, และ O นาสารชนดิ น้ี 2.3
กรมั มาเผาจะให้ CO2 4.4 กรมั และไอนา้ 2.7 กรัม ถ้าสารน้ี 0.5 โมล มีมวล 46 กรัม
สูตรโมเลกุลของสารอนิ ทรีย์นเ้ี ป็นอย่างไร
(H = 1, C = 12, O = 16)
KW D L
โจทยบ์ อกอะไรบ้ำง โจทย์ให้หำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบทไ่ี ด้คอื อะไร
1. สารอินทรีย์ชนิด สูตรโมเลกุลของ 1. หามวลของธาตุ C ใน CO2 ตอบ สตู รโมเลกลุ
ห น่ึ ง ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย สารน้ี มธี าตุ C ใน CO2 ของสารประกอบนี้
ธาตุ C, H, O 12 g ×4.4 g คอื C4H12O2
2. นาสารน้ี 2.3 กรมั = 44 g = 1.2 g
มาเผาจะได้
CO2 = 4.4 กรมั 2. หามวลของธาตุ H ใน H2O
H2O = 2.7 กรัม มธี าตุ H ใน H2O
3. สารนี้ 0.5 โมล มี 2 g × 2.7 g
มวล 46 กรมั = 18 g = 0.3 g
4. มวลอะตอม
H = 1 C = 12 3. หามวลของธาตุ O
O = 16
= 2.3 – (1.2 + 0.3) = 0.8 g
4. หาสูตรเอมพิริคัล
- หาอัตราส่วนโดยโมล
mol C = 1.2/12 = 0.1
mol H = 0.3/1 = 0.3
mol O = 0.8/16 = 0.05
- ทาเป็นอัตราส่วนอยา่ งต่า
โดยหารด้วย 0.05
mol C = 0.1/0.05 = 2
กำรหำมวลของธำตใุ นสำรประกอบ mol H = 0.3/0.05 = 6
ทำได้ 2 วธิ ี mol O = 0.05/0.05 = 1
เทยี บบญั ญัติไตรยางค์ - เขียนสตู รเอมพิรคิ ลั คอื C2H6O
5. หาสูตรโมเลกุล
เช่น หามวลของธาตุ C ใน CO2 - หามวลโมเลกุล = 46/0.5 = 92
CO2 12 + (2x16) g มธี าตุ C = 12 g - หา n
12 g× 4.4 g
CO2 4.4 g มีธาตุ C = 44 g 92 = ((12x2) + (6x1) + 16) x n
= 1.2 g n=2
หาจากสูตร - สูตรโมเลกุล = (สตู รเอมพิริคัล)n
= (C2H6O)2
มวลของธาตุ = มวลอะตอมของธาตุ x มวลของสารประกอบ = C4H12O2
มวลโมเลกลุ ของสารประกอบ
12 g× 4.4 g
มวลของธาตุ C = 44 g
16
ตัวอย่ำงท่ี 6 แกส๊ X2 50 cm3 ทาปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน 125 cm3 ไดผ้ ลติ ภณั ฑ์
เป็นแกส๊ G เพียงอย่างเดยี ว 50 cm3 ถ้าทาการทดลองน้ีที่อุณหภูมหิ ้องและความดนั
คงท่ี สูตรโมเลกลุ ของแกส๊ G นเี้ ป็นอยา่ งไร
K W D L
โจทยบ์ อกอะไรบ้ำง โจทย์ให้หำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบทีไ่ ดค้ ืออะไร
1. แก๊ส X2 50 cm3 สูตรโมเลกุลของ 1. สมมตสิ ูตรโมเลกุลแกส๊ G ตอบ สูตรโมเลกลุ
ทาปฏิกิรยิ ากบั แกส๊ แก๊ส G เปน็ XaOb และแกส๊ 1 cm3 มี ของแก๊ส G คือ X2O5
O2 125 cm3 ได้ n โมเลกุล
ผลิตภัณฑ์เป็นแก๊ส G 2. เขยี นสมการเคมี
50 cm3
2. ทาการทดลองนี้ท่ี X2 + O2 → XaOb
อุ ณ ห ภู มิ ห้ อ ง แ ล ะ ปริมาตร 50 125 50
ความดนั คงที่ 3. หาอตั ราสว่ นอย่างตา่ โดย
ปริมาตร
X2 = 50/25 = 2
O2 = 125/25 = 5
XaOb = 50/25 = 2
4. นาอัตราส่วนไปใสใ่ น
สมการเคมี
2X2 + 5O2 → 2XaOb
5. หา a และ b จากการดุล
สมการ จะได้ a = 2, b = 5
6. สูตรโมเลกุลของแก๊ส G
คอื X2O5
กำรหำสตู รโมเลกลุ ของแกส๊ คำนวณได้จำกปรมิ าตรแกส๊ ท่ีเป็นสารต้งั ตน้ และผลิตภณั ฑ์
โดยทาเป็นอัตราส่วนอย่างต่าโดยปริมาตร ตามกฎของเกย์-ลูสแซก และเปลีย่ นเป็นอัตราส่วนตา่ สุด
โดยจานวนโมเลกุลตามกฎของอาโวกาโดร
17
แบบฝึกทกั ษะที่ 1
เรอ่ื ง สตู รโมเลกุลและสูตรอย่ำงงำ่ ย
คำชี้แจง
1. แบบฝกึ ทักษะชุดน้มี ที ั้งหมด 5 ขอ้ ข้อละ 2 คะแนน (10 คะแนน)
2. ให้นักเรยี นแสดงวิธีทำลงในช่องวำ่ งให้ถกู ต้อง
1. จากการวเิ คราะหส์ ารประกอบทม่ี ีนา้ ผลกึ ชนดิ หนง่ึ พบว่า ในสารประกอบน้ี 7.15 กรัม
มี Na 1.15 กรัม C 0.30 กรัม และ O 5.20 กรัม ที่เหลือเป็น H จงหาสูตรเอมพิริคัล
ของสารประกอบท่มี นี ้าผลกึ น้ี
KW D L
โจทย์บอกอะไรบ้ำง โจทย์ใหห้ ำอะไร ทำอยำ่ งไร คำตอบทไ่ี ดค้ อื อะไร
18
2. จงคานวณสูตรเอมพิริคัลของแร่ซิลิเกตชนิดหนึ่งซ่ึงประกอบด้วย K2O 21.53% Al2O3
23.36 % และ SiO2 55.06% โดยมวล
KW D L
โจทยบ์ อกอะไรบ้ำง โจทยใ์ หห้ ำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบท่ีได้คอื อะไร
3. แก๊สไฮโดรคาร์บอนชนิดหนึ่งประกอบด้วยธาตุคารบ์ อน 82.7% และธาตุไฮโดรเจน
17.3% โดยมวล ถ้าแก๊สนม้ี คี ่าความหนาแนน่ เป็น 2.59 กรมั /ลิตร ที่ STP จงคานวณสูตร
โมเลกลุ ของแก๊สนี้
KW D L
โจทยบ์ อกอะไรบ้ำง โจทยใ์ ห้หำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบทไี่ ด้คืออะไร
19
4. สารอินทรีย์ชนิดหน่ึงประกอบด้วยธาตุ C H และ O เท่าน้ัน เมื่อนาสารประกอบน้ีมา
5.560 g เผาในอากาศจะได้แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ 12.650 g และไอน้า 5.175 g จงหา
สตู รโมเลกุลของสารน้ี กาหนดให้สารนม้ี ีมวลโมเลกุลเท่ากับ 116
KW D L
โจทยบ์ อกอะไรบำ้ ง โจทยใ์ ห้หำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบท่ีไดค้ ืออะไร
5. แกส๊ ไนโตรเจน 10 cm3 ทาปฏิกิริยาพอดีกับแก๊สออกซิเจน 20 cm3 ได้ผลิตภัณฑ์เป็น
แก๊สออกไซดข์ องไนโตรเจนปรมิ าตร 10 cm3 สูตรเคมีของผลติ ภณั ฑ์เปน็ อย่างไร
KW D L
โจทย์บอกอะไรบำ้ ง โจทยใ์ หห้ ำอะไร ทำอยำ่ งไร คำตอบทไ่ี ด้คอื อะไร
20
ใบควำมรทู้ ี่ 2
เร่ือง ควำมเขม้ ขน้ ของสำรละลำย
สำรละลำย
เป็นสารผสมเน้ือเดียวท่ีประกอบด้วยตัวทาละลาย และ ตัวถูกละลาย สารละลายจึง
เตรียมไดจ้ ากการผสมสารต้งั แต่ 2 ชนิดขึน้ ไปเขา้ ดว้ ยกนั
ความเข้มข้นของสารละลายเป็นค่าที่แสดงปริมาณของตัวถูกละลายที่ละลาย
อยู่ในสารละลาย ดังน้ัน ความเข้มข้นของสารละลายจึงข้ึนอยู่กับปริมาณของตัวถูก
ละลายและปรมิ าณของตวั ทาละลาย
หน่วยความเข้มข้นของสารละลายเป็นหน่วยที่แสดงถึงปริมาณของตัวถูก
ละลายทล่ี ะลายอยูใ่ นสารละลายหรือตวั ทาละลาย ซ่งึ มีหลายหนว่ ย
▶ ควำมเข้มขน้ ของสำรละลำยหนว่ ยร้อยละ
ร้อยละ หรือ ส่วนในร้อยส่วน (Part per hundred : pph)
เป็นหน่วยความเขม้ ขน้ ทบ่ี อกปริมาณตัวถกู ละลายในสารละลาย 100 หนว่ ย
รอ้ ยละโดยมวล (%w/w) รอ้ ยละโดยปรมิ ำตร (%v/v) ร้อยละโดยมวลต่อปรมิ ำตร (%w/v)
เป็นหน่วยบอกมวลตัวถูก เป็นหนว่ ยบอกปริมาตรตัวถกู ละลาย เป็นหน่วยบอกมวลตัวถูกละลายใน
ละลายในสารละลาย 100 ในสารละลาย 100 หน่วยปริมาตร สารละลาย 100 หน่วยปริมาตร
หนว่ ยมวลเดียวกัน เดยี วกนั
21
▶ ควำมเขม้ ข้นของสำรละลำยหนว่ ยสว่ นในลำ้ นสว่ นและสว่ นในพันลำ้ นส่วน
สว่ นในลำ้ นส่วน (Part per million : ppm)
เป็นหน่วยที่บอกมวลหรือปริมาตรของตัวถูกละลายในสารละลาย 1 ล้าน
(106) หน่วยเดียวกนั
ส่วนในพันล้ำนส่วน (Part per billion : ppb)
เป็นหน่วยท่ีบอกมวลหรือปริมาตรของตัวถูกละลายในสารละลาย 1 พันล้าน
(109) หนว่ ยเดียวกนั
▶ ควำมเข้มข้นของสำรละลำยหน่วยโมลำรติ แี ละโมแลลติ ี
โมลำริตี (Molarity : M)
เป็นหน่วยที่บอกจานวนโมลของตัวถูกละลายในสารละลาย 1 ลูกบาศก์
เดซิเมตร ดงั นนั้ หนว่ ยของโมลารติ ี คือ mol/dm3 หรือ mol/L
โมแลลติ ี (Molality : m)
เป็นหน่วยท่ีบอกจานวนโมลของตัวถูกละลายในตัวทำละลำย 1 กิโลกรัม
ดงั น้นั หน่วยของโมแลลติ ี คอื mol/kg
▶ ควำมเข้มข้นของสำรละลำยหนว่ ยเศษส่วนโมล
เศษส่วนโมลของสารองค์ประกอบในสารละลาย หมายถึง อัตราส่วนจานวนโมลของ
สารชนิดหน่ึงต่อจานวนโมลรวมของสารองค์ประกอบทุกชนิดในสารละลาย
ใชส้ ัญลกั ษณ์ X
22
สตู รควำมเขม้ ข้นของสำรละลำยหน่วยรอ้ ยละ
รอ้ ยละโดยมวล = มวลของตวั ถูกละลาย (g) x 100
มวลสารละลาย (g)
รอ้ ยละโดยปรมิ ำตร = ปริมาตรของตัวถูกละลาย (cm3) x 100
ปริมาตรของสารละลาย (cm3)
รอ้ ยละโดยมวลต่อปริมำตร = มวลของตัวถูกละลาย (g) x 100
ปรมิ าตรของสารละลาย (cm3)
สูตรควำมเขม้ ขน้ ของสำรละลำยหนว่ ย ppm
ppm (มวล) = มวลของตัวถกู ละลาย (g) x 106
มวลสารละลาย (g)
ppm (ปรมิ ำตร) = ปรมิ าตรของตัวถูกละลาย (cm3) x 106
ปรมิ าตรของสารละลาย (cm3)
สตู รควำมเข้มขน้ ของสำรละลำยหนว่ ย ppb
ppb (มวล) = มวลของตัวถูกละลาย (g) x 109
มวลสารละลาย (g)
ppb (ปริมำตร) = ปริมาตรของตวั ถกู ละลาย (cm3) x 109
ปริมาตรของสารละลาย (cm3)
23
สตู รควำมเขม้ ข้นของสำรละลำยหนว่ ยโมลำริตี
โมลำรติ ี (M) = จานวนโมลของตัวถูกละลาย (mol)
ปริมาตรของสารละลาย (dm3 หรือ L)
โมลำรติ ี (M) = mol ตวั ถกู ละลาย x 1000 cm3
ปริมาตรของสารละลาย (cm3)
สูตรควำมเขม้ ข้นของสำรละลำยหน่วยโมแลลิตี
โมแลลิตี (m) = จานวนโมลของตัวถูกละลาย (mol)
มวลของตวั ทาละลาย (kg)
โมแลลิตี (m) = มวลตัวถูกละลาย (g) x 1000 g
มวลโมเลกลุ ของตวั ถูกละลาย (g/mol) x มวลของตวั ทาละลาย (g)
สูตรควำมเข้มข้นของสำรละลำยหนว่ ยเศษส่วนโมล
เศษสว่ นโมลของสำร (X) = จานวนโมลของสาร (mol)
จานวนโมลรวม (mol)
24
กำรเปลีย่ นหนว่ ยควำมเข้มขน้
หน่วยความเข้มข้นของสารละลายมีหลายหน่วย แต่ละหน่วยความเข้มข้นมี
ความสัมพันธ์กัน ดังน้ัน เม่ือทราบความเข้มข้นของสารละลายในหน่วยใดหน่วยหน่ึง
จะสามารถเปล่ยี นความเขม้ ขน้ เป็นหนว่ ยอืน่ ๆ ได้ ดงั นี้
▶ กำรเปลี่ยนหนว่ ยควำมเขม้ ขน้ ระหวำ่ งหนว่ ยรอ้ ยละโดยมวลกบั หนว่ ยโมลำร์
จะต้องเปลย่ี นมวลของตวั ถกู ละลายใหเ้ ปน็ โมล และมวลของสารละลายใหเ้ ป็นหน่วย
ปริมาตรโดยใช้ความหนาแน่นของสารละลาย จากน้ันคานวณหาจานวนโมลของตัวถูก
ละลายในสารละลาย 1 ลูกบาศกเ์ ดซิเมตร ดงั แผนภาพ
รอ้ ยละโดยมวล (%w/w) = มวลตัวถกู ละลำย มวลสำรละลำย
โมล ปรมิ าตร
mol= g D= m
Mw V
V = m
D
mol/dm3 cm3
mol dm3
mol/dm3
25
▶ กำรเปลี่ยนหนว่ ยควำมเขม้ ขน้ ระหว่ำงหน่วยรอ้ ยละโดยปริมำตรกับหนว่ ยโมลำร์
จะตอ้ งเปลี่ยนปริมาตรของตัวถูกละลายให้เป็นมวลโดยใช้ความหนาแน่นของตัวถูก
ละลาย และคานวณหาจานวนโมลของตวั ถูกละลายในสารละลาย 1 ลูกบาศก์เดซิเมตร ดัง
แผนภาพ
รอ้ ยละโดยปรมิ ำตร (%v/v) = ปริมำตรตัวถูกละลำย ปริมำตรสำรละลำย
มวล
D = m
V
m = DV
โมล
mol= g cm3
Mw
mol dm3
mol/dm3 mol/dm3
26
▶ กำรเปล่ยี นหน่วยควำมเข้มขน้ ระหว่ำงหนว่ ยรอ้ ยละโดยมวลตอ่ ปริมำตรกบั
หน่วยโมลำร์
จะต้องเปลยี่ นมวลของตวั ถูกละลายใหเ้ ปน็ โมล และคานวณหาจานวนโมลของตัวถูก
ละลายในสารละลาย 1 ลูกบาศก์เดซิเมตร ดังแผนภาพ
ร้อยละโดยมวลต่อปรมิ ำตร (%w/v) = มวลตัวถูกละลำย ปรมิ ำตรสำรละลำย
mol= g
Mw
cm3
mol dm3
mol/dm3 mol/dm3
▶ กำรเปล่ียนหน่วยควำมเขม้ ข้นระหวำ่ งหนว่ ยโมแลลกับหน่วยโมลำร์
การเปล่ียนหน่วยความเข้มข้นจากโมแลลเป็นโมลาร์หรือโมลาร์เป็นโมแลล จะต้อง
ทราบความหนาแน่นของสารละลายเพื่อเปล่ียนมวลของสารละลายให้เป็นปริมาตร หรือ
เปลีย่ นปริมาตรของสารละลายให้เป็นมวล ดงั แผนภาพ
mol/kg = mol ตัวถูกละลำย kg ตัวทำละลำย
mol/dm3 g = mol x Mw มวลตวั ทาละลาย
มวลตวั ถกู ละลาย
มวลสารละลาย
mol
ปรมิ าตรสารละลาย
mol ใชV้ D==mDmV
/ dm3
27
ตัวอย่ำงกำรคำนวณ
ตัวอย่ำงท่ี 1 เมื่อละลายโซเดียมคลอไรด์ 5 กรัม ในน้า 75 กรัม สารละลายมีความ
เข้มขน้ ร้อยละโดยมวลเป็นเทา่ ไร
KW D L
โจทย์บอกอะไรบ้ำง โจทยใ์ ห้หำอะไร ทำอยำ่ งไร คำตอบท่ไี ดค้ ืออะไร
ละลาย NaCl (ตัวถูก ความเขม้ ข้นของ 1. แทนค่าในสตู ร ตอบ สารละลาย มี
ละลาย) 5 กรัม ในนา้ สารละลายในหนว่ ย ความเข้มข้นร้อยละ
(ตัวทาละลาย) 75 กรัม ร้อยละโดยมวล %w/w = มวลตัวถูก (g) x 100 6.67 โดยมวล
มวลCสารละลาย (g)
= 5 x 100
75
%w/w = 6.67%
ข้อสงั เกต
ตวั ถูกละลายจะมปี รมิ าณนอ้ ยกวา่ ตัวทาละลายเสมอ
และตวั ทาละลายจะมีสถานะเดียวกบั สารละลาย
ตัวอย่ำงท่ี 2 สารละลายกรดซัลฟิวริก เข้มข้นร้อยละ 96 โดยมวล มีความหนาแน่น
1.84 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ในสารละลายน้ี 1 ลูกบาศก์เดซิเมตร มีปริมาณกรด
ซลั ฟิวรกิ เทา่ ไร
KW D L
โจทยบ์ อกอะไรบ้ำง โจทย์ใหห้ ำอะไร ทำอยำ่ งไร คำตอบท่ไี ดค้ ืออะไร
สารละลาย H2SO4 ปรมิ าณกรดซัลฟวิ รกิ 1. หามวลสารละลาย ตอบ สารละลาย มี
เข้มขน้ ร้อยละ 96 โดย ป ริ ม า ณ ก ร ด
มวล มีความหนาแนน่ D = m จะได้ m = 1.84 x 1000 ซั ล ฟิ ว ริ ก 1766.4
1.84 กรัมตอ่ ลกู บาศก์ V m = 1840 กรัม กรัม
เซนตเิ มตร
2%. แwท/นwค=า่ ในมสวCลตู ตรวั ถกู (g) x 100
มวลสารละลาย (g)
มวลตัวถูก = 96 x 1840
100
มวล H2SO4 = 1766.4 g
28
ตัวอย่ำงท่ี 3 เม่ือใส่เอทานอล (C2H5OH) 1 ลูกบาศก์เซนติเมตรในน้า 25 ลูกบาศก์
เซนตเิ มตร สารละลายท่ีได้มคี วามเข้มขน้ รอ้ ยละเท่าไรโดยปรมิ าตร
K W D L
โจทยบ์ อกอะไรบ้ำง โจทย์ใหห้ ำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบทไ่ี ด้คอื อะไร
ใส่ C2H5OH (ตัวถกู ความเข้มข้นของ 1. หาปรมิ าตรสารละลาย ตอบ สารละลาย มี
ละลาย) 1 cm3 มา สารละลายในหน่วย จาก Vสลล. = Vตัวถกู + Vตัวทา ความเข้มข้นร้อยละ
ละลายในน้า (ตวั ทา %v/v 3.85 โดยปริมำตร
ละลาย) 25 cm3 = 1 + 25
= 26 cm3
2. แทนคา่ ในสูตCร
%v/v = ปริมาตร C2H5OH (cm3) x100
ปริมาตรสารละลาย (cm3)
= 1 cm3 x100
26 cm3
= 3.85%
ตัวอย่ำงท่ี 4 นา HCl จานวน 7.3 กรัม มาละลายในน้า 95 กรัม จนได้สารละลาย
110 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร สารละลายนีม้ คี วามเข้มขน้ กีโ่ มลาร์
KW D L
โจทย์บอกอะไรบำ้ ง โจทยใ์ หห้ ำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบที่ไดค้ อื อะไร
นา HCl (ตัวถกู ละลาย) ความเขม้ ข้นของ 1. เปลีย่ นตัวถกู ละลายให้อยใู่ น ตอบ สารละลาย
7.3 กรัม มาละลายใน สารละลายในหน่วย หน่วยโมล โดยนาน้าหนักทีเ่ ป็น HCl มีความเข้มข้น
นา้ (ตัวทาละลาย) 95 โมลาร์ กรมั หารดว้ ยมวลโมเลกุล 1.82 โมลำร์
กรัม ไดส้ ารละลาย
110 ลูกบาศก์ mol HCl ===3ม60วล..572โม.Cม3เgลmว/กลgmุลoHHolCClll(g(g)/mol)
เซนติเมตร
2. แทนค่าในสตู ร
กำรเปลีย่ นหนว่ ยปรมิ ำตร M = mol HCl x 1000 cm3
เปล่ียนหน่วย cm3 เป็นหน่วย dm3
ปริมาตรสารละลาย (cm3)
ทาได้โดย นาปริมาตรหน่วย cm3 ÷1000 = 0.2 x 1000
110
M = 1.82 mol/dm3
29
ตัวอย่ำงท่ี 5 สารละลายกรดไนตริกเข้มข้นร้อยละ 20 โดยมวลต่อปริมาตร จานวน
400 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร จะมีกรดไนตรกิ ละลายอยู่กี่กรัม
KW D L
โจทยบ์ อกอะไรบ้ำง โจทยใ์ ห้หำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบทไ่ี ด้คืออะไร
สารละลายกรดไนตริก มกี รดไนตรกิ ละลาย 1. แปลความหมาย 20%w/v ตอบ สารละลาย
เข้มข้นรอ้ ยละ 20 โดย ก่ีกรมั สารละลาย HNO3 20%w/v HNO3 400 cm3 มี
มวลตอ่ ปรมิ าตร หมายถงึ HNO3 20 กรัมละลาย HNO3 ล ะ ล า ย อ ยู่
จานวน 400 cm3 ในสารละลาย 100 cm3 80 กรัม
2. หากรดไนตรCกิ ทีล่ ะลายอย่ใู น
สารละลาย 400 cm3
มวลของตัวถกู =มวลตัวปถรูกิมจาาตกรส%าwรล/ะvลxายปจราิมกาต%รwสา/รvละลาย
= 20 x 400
100
มวลตวั ถูก = 80 กรัม
ตัวอย่ำงท่ี 6 จะตอ้ งเติมกลโู คสกี่กรมั ลงในสารละลายน้าตาลกลโู คสเขม้ ข้นร้อยละ 10
โดยมวล จานวน 400 กรมั เพอ่ื ให้ได้สารละลายมคี วามเขม้ ข้นร้อยละ 20 โดยมวล
KW D L
โจทย์บอกอะไรบำ้ ง โจทย์ใหห้ ำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบที่ได้คืออะไร
มีสารละลายกลโู คส ตอ้ งเติมกลูโคสกี่กรมั 1. หามวลกลโู คสในสารละลาย ตอ บ จ ะ ต้อง เ ติม
เขม้ ข้นรอ้ ยละ 10 โดย ลงในสารละลาย กลโู คส 50 กรัม
มวล 400 กรัม กลโู คส 10%w ใหไ้ ด้ 10%w 400 กรมั
สารละลายเขม้ ข้น 10 x 400
20%w มวลกลโู คส = 100
= 40 กรัม
120.%หาwมวใหลก้ไดลสู้โคารสลทCะเี่ลตามิ ยใน2ส0า%รลwะลาย
กาหนดใหก้ ลูโคสที่เตมิ ลงไปเพมิ่
คอื x กรมั
%w = มวลของตัวถกู x100
20 = มว((4ล40ข00อง++สาxxร))ลxะ1ล0าย0
x = 50 กรัม
30
ตัวอย่ำงท่ี 7 สารละลายกรด HBr เกิดจากแก๊ส HBr ละลายในน้า ถ้าสารละลายน้ี
จานวน 450 ลูกบาศก์เซนติเมตร มีแก๊ส HBr ละลายอยู่ 10 ลูกบาศก์เดซิเมตร ท่ี STP
สารละลายมคี วามเข้มข้นกโี่ มลาร์
K W D L
โจทย์บอกอะไรบ้ำง โจทยใ์ หห้ ำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบทไ่ี ดค้ ืออะไร
สารละลายกรด HBr สารละลายเขม้ ข้นกี่ 1. เปล่ียนปรมิ าตรแกส๊ HBr ให้ ตอบ สารละลาย
จานวน 450 cm3 มี โมลาร์ กรด HBr เข้มข้น 1
แก๊ส HBr ละลายอยู่ เปน็ โมล จากสูตร โมลำร์
10 cm3 ที่ STP
mmooll==ป2ร12ิม0.า4ตร=สาร0ล.ะ42ล52า.4ยm(doml3) ท่ี STP
2. เปล่ียนหน่วยปรมิ าตรจาก
cสาmรละ3ลเาปยน็(dm=d3)m1=403ป50Cร00มิ า=ตร10ห0.4น050ว่ ยdcmm33
3. หาความเข้มขน้ ในหน่วย
โมลาร์ จากสตู ร
M = mol ของตวั ถูกละลาย
= 00ป..4ร4มิ55าdmตmรoส3lาร=ละ1ลmายol(/ddmm33)
NOTE :
หากโจทยไ์ มไ่ ดก้ าหนดปรมิ าณโมล เราสามารถหาได้จาก
mol = g = molN x N x 1023 = V (dm3) ที่ STP
Mw 6.02 22.4
31
ตัวอย่ำงที่ 8 สารละลายอ่ิมตัวของ H2S ในน้า ท่ีอุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส มีความ
เข้มขน้ ก่โี มแลล ถ้าแก๊ส H2S ละลายได้ 0.34 กรัมในน้า 100 กรัม ท่ีอุณหภูมิ 20 องศา
เซลเซียส ความดัน 1 บรรยากาศ
D L
KW
โจทย์บอกอะไรบำ้ ง โจทยใ์ หห้ ำอะไร ทำอยำ่ งไร คำตอบท่ีได้คอื อะไร
แก๊ส H2S (ตวั ถูก) 0.34 สารละลายนีเ้ ขม้ ขน้ 1. หา mol ของตัวถูกละลาย ตอบ สารละลาย
กรมั ละลายในนา้ (ตวั ก่ีโมแลล อิ่มตัว H2S เข้มข้น
ทา) 100 กรัม mจ2.าoกเปlสล=ตู ่ียร0น3m.ห34oน4l่ว==ยCMตg0ัวwท.0า1ละmลาoยl 0.1 โมแลล
ทอ่ี ณุ หภมู ิ 20 องศา
เซลเซียส ความดัน 1 = 100/1000 = 0.1 kg
บรรยากาศ
3. หาความเข้มขน้ หนว่ ยโมแลล
m = โมลตวั ถกู ละลาย (mol)
มวลตัวทาละลาย (kg)
= 0.01 = 0.1 mol/kg
0.1
ตัวอย่ำงที่ 9 สารละลายชนิดหนึ่ง ประกอบดว้ ยนา้ 72 กรัม ยูเรีย 120 กรัม เศษส่วน
โมลของยเู รยี มีค่าเท่าไร
KW D L
โจทย์บอกอะไรบำ้ ง โจทยใ์ หห้ ำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบที่ได้คืออะไร
สารละลายประกอบ เศษส่วนโมลของ 1. หาโมลของนา้ ตอบ เศษสว่ นโมล
ด้วยนา้ 72 กรมั ยูเรีย ยูเรยี มีค่าเทา่ ไร 72 ของน้า เท่ากับ 0.67
(NH2CONH2) 120 กรมั molนา้ = 18 และเศษสว่ นโมลของ
ยูเรีย เทา่ กบั 0.33
= 4 mol
2. หาโมลของยูเรีย
120
molยเู รยี =
C 60
= 2 mol
3. หาจานวนโมลรวม
molรวม = 4 + 2 = 6 mol
4. หาเศษส่วนโมล
4
Xน้า = 6 = 0.67
Xยูเรีย = 2 = 0.33
6
32
แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 2
เรื่อง ควำมเข้มข้นของสำรละลำย
คำชแ้ี จง
1. แบบฝกึ ทกั ษะชุดนี้มที งั้ หมด 5 ข้อ ขอ้ ละ 2 คะแนน (10 คะแนน)
2. ใหน้ กั เรยี นแสดงวิธีทำลงในช่องว่ำงใหถ้ ูกต้อง
1. สารละลาย NaOH เข้มข้น 0.6 โมล/ลูกบาศก์เดซิเมตร จานวน 1,250 ลูกบาศก์
เซนติเมตร สารละลายดังกลา่ ว จะมีตวั ถกู ละลายอยู่กก่ี รัม
โจทย์บอกอะไรบ้ำง
L D WK โจทย์ใหห้ ำอะไร
ทำอย่ำงไร
คำตอบที่ไดค้ ืออะไร
L D WK 33
L D WK2. น้าส้มสายชูชนิดหนึ่งมีความหนาแน่น 1.13 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร มีความเข้มข้น
ร้อยละ 8 โดยมวล นา้ สม้ สายชูนจ้ี ะมคี วามเข้มข้นคิดเปน็ ก่ีโมล/ลกู บาศกเ์ ดซเิ มตร
โจทยบ์ อกอะไรบ้ำง
โจทย์ใหห้ ำอะไร
ทำอย่ำงไร
คำตอบท่ีได้คืออะไร
3. สารละลาย K2SO4 เข้มขน้ 0.50 โมลาร์ จะมีความเขม้ ข้นร้อยละเท่าใดโดยมวล/
ปริมาตร (กาหนดให้ มวลอะตอมของ K = 39 S = 32 และ O = 16)
โจทยบ์ อกอะไรบำ้ ง
โจทย์ใหห้ ำอะไร
ทำอยำ่ งไร
คำตอบทีไ่ ด้คอื อะไร
L D WK 34
L D WK4. สารละลายกรดซัลฟวิ ริกเขม้ ขน้ 1.25 โมลาร์ จะมีความเขม้ ขน้ ก่โี มแลล (กาหนด ความ
หนาแน่น = 1.07 กรมั /ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร)
โจทยบ์ อกอะไรบำ้ ง
โจทย์ให้หำอะไร
ทำอยำ่ งไร
คำตอบท่ีได้คืออะไร
5. สารละลายชนดิ หนึง่ ประกอบด้วยกลูโคส 171 กรมั ยูเรยี 12 กรมั และนา้ ตาลทราย
273.6 กรัม เศษส่วนโมลของกลูโคส ยูเรยี และน้าตาลทรายจะมีค่าเทา่ ใด ตามลาดบั
โจทยบ์ อกอะไรบ้ำง
โจทย์ให้หำอะไร
ทำอย่ำงไร
คำตอบทไ่ี ดค้ อื อะไร
35
ใบควำมรทู้ ่ี 3
เรื่อง กำรเตรียมสำรละลำย
การเตรียมสารละลายโดยทั่วไปมี 3 ลักษณะ คือ การนาของแข็งบริสุทธิ์มา
ละลายในตัวทาละลาย, การนาสารละลายที่มีอยู่แล้วมาทาให้เจือจาง หรือเข้มข้นขึ้น
และการนาสารละลายที่มคี วามเข้มข้นต่างกนั มาผสมกนั
▶ กำรเตรียมสำรละลำยจำกของแขง็
คำนวณหำมวลโมเลกลุ จำนวนโมลและมวลของตัวถกู ละลำยท่ีต้องกำร ดงั น้ี
molตวั ถูกละลำย = CV
1000
C = ความเขม้ ข้นของสารละลาย (M)
V = ปรมิ าตรของสารละลาย (cm3)
molตวั ถกู ละลาย = มวลตัวถกู ละลาย ÷ มวลโมเลกลุ ตวั ถกู ละลาย
ของแข็ง ตวั ทำละลำย สำรละลำย
(ตวั ถกู ละลำย)
รปู ที่ 3.1 กำรเตรยี มสำรละลำยจำกตัวถกู ละลำยท่มี สี ถำนะเปน็ ของแขง็
36
▶ กำรเตรยี มสำรละลำยจำกสำรละลำย
- กำรนำสำรละลำยท่ีมอี ยแู่ ล้วมำทำให้เจือจำง
C1V1 = C2V2 C1, C2 = ความเขม้ ข้นของสารละลายเดิมและสารละลายใหม่ (M) ตามลาดบั
V1, V2 = ปริมาตรของสารละลายเดมิ และสารละลายใหม่ (หน่วยเดยี วกัน) ตามลาดบั
ตัวทำ
ตัวถกู ละลำยสถำนะของเหลว สำรละลำย
รูปท่ี 3.2 กำรเตรียมสำรละลำยจำกกำรเจือจำงสำรละลำยเดิม
- กำรนำสำรละลำยท่ีมคี วำมเขม้ ขน้ ตำ่ งกนั มำผสมกัน
CรวมVรวม = C1V1 + C2V2 + CnVn
Cรวม = ความเขม้ ขน้ ของสารละลายผสม
C1, C2, Cn = ความเข้มข้นของสารละลายตวั ท่ี 1, 2 ตามลาดบั
Vรวม = ปริมาตรของสารละลายผสม
V1, V2, Vn = ปรมิ าตรของสารละลายตัวที่ 1, 2 ตามลาดบั
สำรละลำย 1 สำรละลำย 2 สำรละลำยผสม
รูปที่ 3.3 กำรเตรียมสำรละลำยจำกสำรละลำยทีม่ ีควำมเขม้ ข้นตำ่ งกัน
37
ตัวอยำ่ งกำรคำนวณ
ตัวอยำ่ งที่ 1 ถา้ ตอ้ งการเตรียมสารละลายทีม่ คี วามเขม้ ข้น 0.05 โมลต่อลิตร ปริมาตร
50 มลิ ลิลิตร ต้องใช้โพแทสเซียมเปอรแ์ มงกาเนตกกี่ รัม
KW D L
โจทยบ์ อกอะไรบ้ำง โจทยใ์ หห้ ำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบท่ีไดค้ อื อะไร
ตอ้ งการสารละลาย ตอ้ งใช้ KMnO4 กี่ 1. หามวล KMnO4 จากสูตร ตอบ ตอ้ งใช้ KMnO4
เข้มข้น 0.05 mol/L กรมั g =C1C00V0 0.395 กรัม
ปรมิ าตร 50 mL ( Mw )ตวั ถูก
โดยตัวถูกละลายคอื
KMnO4 มี Mw = 158 g = 0.05 ×50
158 1000
g = 0.395 กรมั
ตวั อย่ำงที่ 2 ถา้ ตอ้ งการเตรยี มสารละลายแมกนีเซยี มคลอไรด์ 100 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร
โดยใหม้ ีคลอไรด์ไอออน 0.5 โมลต่อลูกบาศก์เดซเิ มตร จะต้องใช้แมกนเี ซยี มคลอไรด์กี่กรัม
K W D L
โจทยบ์ อกอะไรบำ้ ง โจทย์ให้หำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบทีไ่ ดค้ ืออะไร
จะต้องใช้ MgCl2
เตรียมสารละลาย กกี่ รมั 1. หาโมลของ Cl- ในสารละลาย ตอบ สารละลาย มี
MgCl2 100 cm3 ให้ ป ริ ม า ณ ก ร ด
มี Cl- 0.5 mol/dm3 MgCl2 ใช้สูตร ซั ล ฟิ ว ริ ก 1766.4
CV 0.5 × 100 กรัม
มี Mw = 95 mol = 1000 = 1000
mol = 0.05
2. หาโมล MgCl2 ท่ีให้ Cl- 0.05
mol จากสมกาCรเคมี
MgCl2 → Mg2+ + 2Cl-
0.025 mol 0.05 mol
3. หามวล MggCl2 จากสูตร
Mw
mol =
g = 0.025 x 95
= 2.375 กรมั
38
ตัวอย่ำงท่ี 3 ต้องเตรียมสารละลายซิลเวอร์ไนเตรตเข้มข้น 0.05 mol/dm3 จานวน
200 cm3 จากสารละลายเข้มข้น 0.2 mol/dm3 จะต้องใชส้ ารละลายน้ีเทา่ ใด
K W D L
โจทยบ์ อกอะไรบ้ำง โจทยใ์ ห้หำอะไร ทำอยำ่ งไร คำตอบทีไ่ ดค้ ืออะไร
ต้องการเตรยี ม ตอ้ งใชส้ ารละลาย ใชส้ ูตรเจือจางสารละลาย ตอบ จะตอ้ งใช้
สารละลาย AgNO3 AgNO3 เข้มขน้ 0.2 C1V1 = C2V2 สารละลาย AgNO3
0.05 mol/dm3 mol/dm3 กี่ cm3 V1 = 0C.050×.2 200 เขม้ ขน้ 0.2 mol/dm3
จานวน 200 cm3 V1 = 50 cm3 จานวน 50 cm3
ตัวอยำ่ งที่ 4 สารละลายโซเดยี มคลอไรดเ์ ขม้ ข้น 0.4 mol/dm3 จานวน 100 cm3 ถ้า
ต้องการทาใหเ้ ขม้ ข้นขนึ้ เป็น 0.9 mol/dm3 จะตอ้ งระเหยน้าออกไปเทา่ ไร
K W D L
โจทย์บอกอะไรบ้ำง โจทย์ให้หำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบท่ไี ด้คอื อะไร
สารละลาย NaCl ต้องระเหยน้าออก 1.ใช้สตู รเจอื จางสารละลาย ตอบ ต้องระเหยน้า
0.4 mol/dm3 เทา่ ใด สารละลาย ออกปริมาตร 55.56
จานวน 100 cm3 NaCl จงึ จะเข้มขน้ C1V1 = C2V2 cm3
0.9 mol/dm3 0.4 ×100
V2 = 0.9
V2 = 44C.44 cm3
2. หาปรมิ าตรน้าทต่ี ้อง
ระเหยออก
100 – 44.44 = 55.56 cm3
39
ตัวอย่ำงท่ี 5 ผสมสารละลายกรดซัลฟิวริกเข้มขน้ 0.2 mol/dm3 จานวน 50 cm3 กับ
สารละลายกรดซลั ฟวิ ริกเข้มขน้ 0.4 mol/dm3 จานวน 150 cm3 จะไดค้ วามเขม้ ขน้
ของสารละลายหลังผสมกี่ mol/dm3 D L
KW ทำอยำ่ งไร คำตอบทไี่ ดค้ ืออะไร
โจทย์บอกอะไรบ้ำง โจทย์ใหห้ ำอะไร
ผสมสารละลาย สารละลายหลัง ใชส้ ูตรผสมสารละลาย ตอบ สารละลาย H2SO4
H2SO4 0.2 ผสมเขม้ ข้นกี่ CรวมVรวม = C1V1 + C2V2
mol/dm3 จานวน mol/dm3 หลังผสมมคี วามเขม้ ข้น
50 cm3 กับ Cรวม = (0.2 xC50)2+0(00.4 x 150) 0.35 mol/dm3
สารละลาย H2SO4
0.4 mol/dm3 Cรวม = 0.35 mol/dm3
จานวน 150 cm3
ตัวอย่ำงท่ี 6 เม่ือเติมผลึก AgNO3 1.7 กรัมลงในสารละลาย AgNO3 0.1 mol/dm3
จานวน 250 cm3 คนจนสารละลายหมด สารละลายใหม่ที่เตรียมได้มีความเข้มข้นก่ี
mol/dm3
K W D L
โจทยบ์ อกอะไรบำ้ ง โจทยใ์ หห้ ำอะไร ทำอย่ำงไร คำตอบทีไ่ ดค้ อื อะไร
เติมผลกึ AgNO3 สารละลายใหม่ที่ได้ ใชส้ ตู รผสมสารละลาย ตอบ สารละลาย
1.7 กรัมลงใน มีความเขม้ ข้นกี่ CรวมVรวม = Mgw+ C2V2 ใหมท่ ีเ่ ตรียมได้มี
สารละลาย AgNO3 mol/dm3 ความเข้มข้น 0.14
0.1 mol/dm3 117.70C+ mol/dm3
จานวน 250 cm3 Cรวม = (0.1 x 250)
250
Cรวม = 0.14 mol/dm3
การเตมิ ของแขง็ ลงในสารละลายถือเปน็ การผสมสารละลาย สามารถใชส้ ูตรเดยี วกบั
การผสมสารละลายได้ แต่ปรับแปลงสตู รให้เหมาะสมได้ คอื CรวมVรวม = Mgw+ C2V2 + CnVn
40
แบบฝึกทกั ษะท่ี 3
เรื่อง กำรเตรียมสำรละลำย
คำชีแ้ จง
1. แบบฝกึ ทกั ษะชดุ น้ีมที ้งั หมด 5 ขอ้ ขอ้ ละ 2 คะแนน (10 คะแนน)
2. ให้นักเรียนแสดงวิธีทำลงในชอ่ งว่ำงใหถ้ กู ตอ้ ง
1. ถ้าต้องการเตรียมสารละลายโพแทสเซียมไอโอไดด์ (KI) 2.0 โมล/ลิตร จานวน 250
มลิ ลิลติ ร จะตอ้ งใช้โพแทสเซียมไอโอไดด์ก่กี รัม (กาหนดมวลอะตอม K = 39., I = 126.9)
โจทย์บอกอะไรบ้ำง
L D WK โจทยใ์ ห้หำอะไร
ทำอย่ำงไร
คำตอบทไ่ี ดค้ ืออะไร
L D WK 41
2. สารละลายชนิดหน่ึงปริมาตร 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร เข้มข้น 3 โมลต่อลูกบาศก์
เดซเิ มตร ถ้าตอ้ งการทาให้ความเข้มข้นเป็น 2 โมล/ลูกบาศก์เดซิเมตร จะต้องเติมน้าจนมี
ปริมาตรเทา่ ไร
โจทย์บอกอะไรบ้ำง
โจทยใ์ หห้ ำอะไร
ทำอย่ำงไร
คำตอบทไี่ ด้คอื อะไร
L D WK 42
3. เมือ่ นาสารละลาย NaOH เข้มข้น 0.5 โมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตร ผสมกับสารละลาย
โซเดียมไฮดรอกไซด์ 0.15 โมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตร ต้องใช้ปริมาตรเท่าไร จึงจะได้
สารละลายเข้มขน้ 0.4 โมลต่อลกู บาศก์เดซเิ มตร จานวน 250 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร
โจทย์บอกอะไรบำ้ ง
โจทย์ให้หำอะไร
ทำอยำ่ งไร
คำตอบที่ได้คอื อะไร
L D WK 43
4. เม่ือละลายน้าตาลกลูโคส (C6H12O6) 360 กรัม ลงในน้า 1 ลูกบาศก์เดซิเมตร จะได้
สารละลายที่มีความเข้มข้นกี่โมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตร เม่ือความหนาแน่นของน้าตาล
กลูโคสเทา่ กบั 1.8 กรัมต่อลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร
โจทยบ์ อกอะไรบำ้ ง
โจทยใ์ ห้หำอะไร
ทำอย่ำงไร
คำตอบทีไ่ ดค้ อื อะไร
L D WK 44
5. ตอ้ งการเตรยี มนา้ เช่อื มเข้มขน้ 0.75 โมลต่อลกู บาศก์เดซเิ มตร จะต้องเตมิ น้าตาล
ซโู ครส (C12H22O11) กกี่ รัม ลงในสารละลายนา้ เชือ่ มเข้มขน้ 0.25 โมลต่อลกู บาศก์
เดซเิ มตร ปรมิ าตร 50 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร
โจทยบ์ อกอะไรบำ้ ง
โจทย์ให้หำอะไร
ทำอย่ำงไร
คำตอบทีไ่ ด้คอื อะไร
45
ใบควำมรูท้ ่ี 4
เร่อื ง สมบัติของสำรละลำย
สารละลายจะมีสมบัติท่ีเรียกว่า สมบัติคอลลิเกทีฟ (Colligative property)
ซึ่งเป็นสมบัติทางกายภาพของสารละลาย ได้แก่ ความดันไอ จุดเดือด จุดเยือกแข็ง
และความดันออสโมซิส โดยเป็นสมบัติท่ีไม่ข้ึนอยู่กับชนิดของตัวถูกละลาย แต่ขึ้นอยู่
กับปรมิ าณของตวั ถูกละลายทมี่ ีอยใู่ นสารละลาย
สมบัตคิ อลลเิ กทีฟ
สำรละลำยท่มี ีตัวถูกละลำยเปน็ สำรระเหยยำกและไมแ่ ตกตัวเป็นไอออนจะมีสมบัติ
ท่ีเรยี กวำ่ คอลลิเกทีฟ ซึ่งในบทเรยี น จะกล่ำวถึงเฉพำะ จุดเดือดและจดุ เยือกแข็ง
▷ กำรเพ่ิมขึน้ ของจุดเดือดของสำรละลำย
สารละลายจะมีจุดเดือดสูงกว่าสารท่ีเป็นตัวทาละลายบริสุทธ์ิ ในกรณีสารละลายท่ี
ประกอบดว้ ยตัวถกู ละลายที่ไมแ่ ตกตวั เปน็ ไอออนในตัวทาละลาย และสารละลายที่มีตัวละลายต่าง
ชนดิ กนั แต่มีตัวทาละลายชนิดเดียวกัน ถ้าสารละลายมีความเข้มข้นในหน่วยโมล/กิโลกรัมเท่ากัน
ก็จะมีจดุ เดอื ดเท่ากนั ตวั อย่างดังตารางที่ 4.1
ผลต่างระหว่างจุดเดือดของสารละลายที่มีตัวถูกละลายต่างชนิดกัน แต่มีตัวทาละลาย
ชนิดเดียวกันเข้มข้น 1 โมล/กิโลกรัม กับจุดเดือดของตัวทาละลายบริสุทธิ์ (△Tb) จะมีค่าคงท่ี
เรยี กวา่ ค่าคงท่ขี องการเพมิ่ ขึ้นของจดุ เดอื ด (Kb)
46
เนื่องจากจุดเดือดปกติของของเหลว คือ อุณหภูมิที่ความดันไอของของเหลวมีค่าเท่ากับ
ความดันบรรยากาศ การเติมตัวละลายที่ระเหยยากลงไปจะทาให้ความดันไอของของเหลวลดลง
จุดเดือดของสารละลายจงึ สงู กวา่ จดุ เดอื ดของตวั ทาละลายบรสิ ทุ ธ์ิ
เน่อื งจากการเพม่ิ ข้ึนของจดุ เดือดแปรผันตรงกับความเข้มขน้ เปน็ โมแลลของสารละลาย
จงึ สามารถเขยี นเปน็ ความสัมพันธไ์ ด้ ดังน้ี
ผลต่างระหว่างจุดเดือดของสารละลายกับจุดเดือดของ
ตวั ทาละลายบริสทุ ธิ์ มีหน่วยเป็น องศาเซลเซยี ส (C)
ความเขม้ ข้นของสารละลาย มีหนว่ ยเป็น โมแลล (m)
หรอื โมลตอ่ กิโลกรมั (mol/kg)
ค่าคงที่ของการเพ่ิมข้ึนของจุดเดือด มีหน่วยเป็น
องศาเซลเซียส/โมแลล (C/m)
▷ กำรลดลงของจุดเยอื กแข็งของสำรละลำย
จุดเยือกแข็ง (หรือจุดหลอมเหลว) ของสารละลายจะมีค่าต่ากว่าตัวทาละลายซ่ึงเป็นสาร
บริสุทธ์ิสารละลายที่ประกอบด้วยตัวถูกละลายท่ีไม่แตกตัวเป็นไอออนในตัวทาละลาย และ
สารละลายท่ีมีตัวถูกละลายต่างชนิดกัน แต่มีตัวทาละลายชนิดเดียวกัน ถ้าสารละลายมี
ความเข้มขน้ ในหน่วยโมล/กโิ ลกรัมเท่ากนั ก็จะมจี ดุ เยือกแขง็ เท่ากนั ตัวอย่างดังตารางที่ 4.2
จากตาราง จะเหน็ ว่า ผลตา่ งระหว่างจดุ เยือกแขง็ ของสารละลายท่ีมตี ัวละลายตา่ งชนดิ
กนั แต่มีตวั ทาละลายชนดิ เดยี วกนั เขม้ ขน้ 1 โมล/กโิ ลกรมั กับจดุ เยอื กแข็งของตวั ทาละลาย
บรสิ ทุ ธิ์ (△Tf) จะมคี า่ คงท่ี เรยี กว่า ค่าคงทีข่ องการลดลงของจุดเยอื กแข็ง (Kf)
47
การลดลงของจุดเยือกแข็งก็แปรผันตรงกับความเข้มข้นเป็นโมแลลของสารละลายจึง
สามารถเขยี นเป็นความสัมพนั ธไ์ ด้ ดงั น้ี
ผ ล ต่างร ะหว่างจุ ดเยือกแ ข็งของส าร ล ะล า ยกับจุดเ ยือก แข็ ง
ของตัวทาละลายบรสิ ทุ ธิ์ มีหน่วยเป็น องศาเซลเซียส (C)
ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย มหี น่วยเปน็ โมแลล (m)
หรือโมลต่อกิโลกรมั (mol/kg)
ค่าคงท่ีของการลดลงของจุดเยือกแข็ง มีหน่วยเป็น
องศาเซลเซียส/โมแลล (C/m)
สรปุ ลักษณะสำคัญของสำรละลำยท่ีมีสมบตั คิ อลลิเกทีฟ
1. สารละลายต้องประกอบด้วยตัวถูกละลายที่ไม่แตกตัวเป็นไอออนในตัวทาละลาย
และตัวถูกละลายต้องเปน็ สารทีร่ ะเหยยาก
2. สมบัติคอลลิเกทีฟของสารละลายจะข้ึนอยู่กับควำมเข้มข้นเป็นโมล/กิโลกรัมของ
สารละลายแต่ไม่ข้ึนอยู่กับชนิดของตัวถูกละลำย “สารละลายที่มีตัวทาละลายชนิด
เดียวกันแต่ตัวถูกละลายต่างกัน ถ้าความเข้มข้นในหน่วยโมล/กิโลกรัมมีค่าเท่ากัน
จุดเดือดและจดุ เยอื กแข็งของสารละลายจะมคี า่ เท่ากันเสมอ”
3. สารละลายท่ีมีตัวทำละลำยและตัวถูกละลำยชนิดเดียวกัน แต่มีควำมเข้มข้น
ต่ำงกนั จะมีจุดเดอื ดและจุดเยือกแขง็ ต่างกนั “สารละลายที่มีความเข้มข้นมากกว่าจะ
มีการเปลีย่ นแปลงค่าจุดเดอื ดและจุดเยอื กแขง็ มากกว่า”