หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดุงราชกจิ เจรญิ
พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑
กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต ๑
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ
หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดุงราชกจิ เจรญิ
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน
พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
สำนกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครพนม เขต ๑
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
๑
ประกาศโรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจริญ
เรื่อง ให้ใช้หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนอนบุ าลนาแกผดุงราชกจิ เจริญ พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
******************
เพอ่ื ให้การจดั การศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรยี นอนุบาลนาแกผดงุ ราชกจิ เจรญิ สำนักงานเขตพน้ื ที่
การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต ๑ สอดคล้องกบั สภาพการเปลีย่ นแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ
สังคมและความเจรญิ ก้าวหนา้ ทางวทิ ยาการ สนองนโยบาย คณุ ธรรมนำความรู้ ตอบสนองความตอ้ งการ
ของผเู้ รยี น ชุมชน ทอ้ งถ่ินและสังคม ยดึ หลกั เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ
โรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดุงราชกจิ เจรญิ ได้ดำเนนิ การเพื่อให้เป็นไปตามตามคำสงั่ กระทรวงศึกษาธกิ าร
มคี ำสัง่ ใหใ้ ชม้ าตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ช้วี ัด กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๑ ลงวันท่ี ๑๑
กรกฎาคม ๒๕๖๐ เร่ือง ให้ใชม้ าตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชวี้ ดั กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ และสาระภมู ศิ าสตร์ในกล่มุ สาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมฉบบั ปรับปรงุ
พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงประกาศใหใ้ ช้หลกั สูตร
สถานศกึ ษาโรงเรียนอนบุ าลนาแกผดงุ ราชกิจเจริญ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษา
ขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ต้งั แตป่ ีการศึกษา ๒๕๖๑ ดังนี้
๑. ปกี ารศึกษา ๒๕๖๑ ให้ใชใ้ นชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ และ ๔
๒. ปีการศึกษา ๒๕๖๒ ให้ใชใ้ นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑, ๒ และ ๔, ๕
๓. ตงั้ แตป่ กี ารศึกษา ๒๕๖๓ เปน็ ตน้ ไป ให้ใช้ทกุ ชน้ั ปี
ทง้ั นี้ หลักสูตรสถานศกึ ษาได้รบั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐานเมอ่ื
วนั ท่ี 1๑ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงประกาศให้ใช้หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนอนุบาล
นาแกผดงุ ราชกิจเจริญ พทุ ธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน
พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ตง้ั แตบ่ ดั นเี้ ป็นตน้ ไป
ประกาศ ณ วันท่ี ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
(ลงชือ่ ) (ลงชอื่ )
(นายพรชัย ชวี ตานนท์) (นายหงษา วงค์จำปา)
ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พืน้ ฐาน ผอู้ ำนวยการโรงเรียนอนบุ าลนาแกผดุงราชกจิ เจรญิ
โรงเรียนอนบุ าลนาแกผดงุ ราชกจิ เจรญิ
๒
คำนำ
จากคำส่ังกระทรวงศกึ ษาธิการ ท่ี สพฐ. ๒๙๓/๒๕๕๑ เรอื่ ง ให้ใชห้ ลักสตู รแกนกลาง
การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ สงั่ ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และประกาศใช้
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ แทนหลักสูตรการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน
พทุ ธศักราช ๒๕๔๔ ในโรงเรยี นตน้ แบบการใช้หลกั สูตรและโรงเรียนที่มคี วามพร้อมตามรายชอ่ื ท่ี
กระทรวงศึกษาธิการประกาศ ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๒ และโรงเรยี นท่วั ไป ในปีการศึกษา ๒๕๕๓
ใหเ้ ปน็ ไปตามเงอื่ นไขและระยะเวลาการใชห้ ลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ นัน้
เพื่อให้การบริหารหลักสตู รและงานวชิ าการสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน เป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพสอดคล้องกบั
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และพระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพ่มิ เติม (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ หมวด ๔ มาตรา ๒๗ ท่กี ำหนดให้
สถานศึกษาขั้นพนื้ ฐาน มหี นา้ ทีจ่ ดั ทำสาระของหลกั สตู รให้ครอบคลุมสว่ นท่ีเป็นหลกั สตู รแกนกลาง
การศึกษาข้นั พืน้ ฐาน ตามกระทรวงศึกษาธิการไดป้ ระกาศให้ใช้ เพื่อพฒั นาผ้เู รยี นใหบ้ รรลถุ งึ คุณภาพ
ตามมาตรฐาน อนั เปน็ ความคาดหวงั ท่ีกำหนดไว้รว่ มกนั ในการพัฒนาเยาวชนของชาติ นอกจากนัน้ ยัง
สอดคล้องกบั สภาพปัญหาและความต้องการของชุมชนและทอ้ งถ่ิน เพื่อพฒั นาผู้เรียนใหเ้ ป็นสมาชิกทดี่ ี
ของชมุ ชนสามารถอยู่ในสังคมแวดล้อมได้อย่างมีความสุขและเกดิ ความผกู พันในบา้ นเกิดเมืองนอน
มีบทบาทในการเขา้ รว่ มพัฒนาชมุ ชน เพ่อื ความเปน็ ไทย ความเป็นพลเมืองท่ดี ีของชาติ การดำรงชีวติ
และการประกอบอาชพี ตลอดจนเพ่ือการศึกษาต่อ ในส่วนท่ีเก่ยี วกบั สภาพของปญั หาในชุมชนและสงั คม
ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ิน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เพื่อเป็นสมาชกิ ท่ีดีของครอบครัว ชุมชน สงั คมและ
ประเทศชาติ
โรงเรียนอนบุ าลนาแกผดุงราชกิจเจรญิ จึงไดพ้ ัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา
โรงเรยี นอนุบาลนาแกผดงุ ราชกิจเจรญิ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ ข้ึนเพอื่ เป็นกรอบและทิศทางในการจัดการเรยี นการสอน การวดั ผลประเมนิ ผล
เพื่อพัฒนาคุณภาพนักเรยี นให้เปน็ ผูม้ คี วามรคู้ วามสามารถ มสี มรรถนะจำเปน็ พื้นฐานทผ่ี เู้ รยี นพึงมี
มคี ณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์และประกาศให้เริ่มใช้ ในระดับช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑, 4 ในปกี ารศกึ ษา
๒๕61 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒, 5 ในปกี ารศกึ ษา ๒๕62 และทุกระดับชน้ั ในปีการศึกษา
๒๕63 ประกอบด้วยเอกสารหลกั สตู ร ดงั นี้
๑. หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจรญิ พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๒. หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจริญ พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
๓. หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจรญิ พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์
๔. หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกจิ เจริญ พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี
๓
๕. หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนอนบุ าลนาแกผดุงราชกจิ เจริญ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวฒั นธรรม
๖. หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนอนบุ าลนาแกผดุงราชกจิ เจริญ พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ
พลศึกษา
๗. หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนอนบุ าลนาแกผดุงราชกจิ เจรญิ พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ
๘. หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกจิ เจรญิ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชพี
๙. หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจริญ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ
๑๐. หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกจิ เจรญิ พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
๑๑. ระเบยี บโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดงุ ราชกิจเจริญ ว่าด้วยการวัดผลประเมินผลการเรียน
ตามหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนุบาลนาแกผดุงราชกจิ เจรญิ พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดุงราชกิจเจริญ พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เล่มน้ี
เป็นเอกสารประกอบหลักสตู รทีใ่ ชเ้ ปน็ กรอบขอบเขตและทิศทางในการจดั การเรียนการสอนใหค้ รูสอนหรอื
ผู้เกยี่ วข้องไดใ้ ช้พัฒนาผเู้ รยี นต่อไป
โรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดุงราชกิจเจรญิ ขอขอบคุณคณะกรรมการพัฒนาและปรบั ปรุงหลักสตู ร
คณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พนื้ ฐานโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดงุ ราชกจิ เจริญและสำนักงานเขตพ้ืนที่
การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต ๑ ทใี่ หค้ ำแนะนำและอำนวยความสะดวกด้านแหลง่ ความรู้ ขอ้ มลู
ขา่ วสาร ทำให้หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจริญ พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เล่มน้ี ใหม้ ีความสมบรู ณ์ สอดคล้อง
ตามเจตนารมณ์ของกระทรวงศึกษาต่อไป
(นายหงษา วงคจ์ ำปา)
ผู้อำนวยการโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดงุ ราชกจิ เจรญิ
๔
สารบัญ
เรื่อง หน้า
ประกาศใชห้ ลกั สตู รสถานศึกษา ………………………………………………………………………….
คำนำ .............................................................................................................................
สารบัญ .........................................................................................................................
ความนำ .........................................................................................................................
หลักการ ........................................................................................................................
จุดหมาย .......................................................................................................................
วสิ ยั ทัศนข์ องโรงเรยี น /วสิ ัยทัศน์ของหลกั สตู ร .............................................................
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ...........................................................................................
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ............................................................................................
มาตรฐานการเรียนรู้ ......................................................................................................
ตัวช้วี ัด ............................................................................................................................
สาระการเรียนรู้ ..............................................................................................................
การกำหนดรหสั วิชา .........................................................................................................
โครงสรา้ งหลักสตู ร (โครงสร้างเวลาเรยี น /โครงสร้างหลกั สูตรชัน้ ปี) ...............................
รายวชิ าของหลกั สตู ร ........................................................................................................
คำอธิบายรายวิชา .............................................................................................................
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง (อภธิ านศัพท์) .........................................................................
การจัดหน่วยการเรยี นรู้ .....................................................................................................
หลกั การจดั การเรียนรู้ ........................................................................................................
กระบวนการเรียนรู้ .............................................................................................................
การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ...........................................................................................
บทบาทของผู้สอนและผเู้ รยี น .............................................................................................
สือ่ การเรียนรู้ .......................................................................................................................
การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ........................................................................................
เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการเรียน ................................................................................
เอกสารหลกั ฐานการศึกษา ..................................................................................................
การเทยี บโอนผลการเรียน .....................................................................................................
การบรหิ ารจดั การหลักสูตร ...................................................................................................
ภาคผนวก .............................................................................................................................
๕
ความนำ
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคำส่ังกระทรวงศึกษาธิการท่ี
สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ท่ี ๓๐/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให้เปล่ียนแปลงมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) โดยมีคำสั่งให้โรงเรียนดำเนินการใช้หลักสูตรในปี
การศึกษา ๒๕๖๑ โดยให้ใช้ในช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ และ ๔ ต้ังแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต้นมา ให้เป็น
หลักสูตรแกนกลางของประเทศ โดยกำหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทาง
ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนมีพัฒนาการเต็มตามศักยภาพ มีคุณภาพและมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑
เพ่ือใหส้ อดคล้องกบั นโยบายและเป้าหมายของสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน
โรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจริญ จึงได้ทำการปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ
สาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพ่ือนำไปใช้ประโยชน์และเป็นกรอบ
ในการวางแผนและพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษาและจัดการเรียนการสอน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนา
คุณภาพผู้เรียน ให้มีกระบวนการนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ โดยมีการกำหนดวิสัยทัศน์ หลักการ จุดหมาย
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด โครงสร้างเวลาเรียน
ตลอดจนเกณฑ์การวัดประเมินผลให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถ
กำหนดทิศทางในการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละระดับตามความพร้อมและจุดเน้น โดยมีกรอบ
แกนกลางเป็นแนวทางที่ชัดเจนเพื่อตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ มีความพร้อมในการก้าวสู่สังคมคุณภาพ
มคี วามรู้อย่างแทจ้ รงิ และมีทกั ษะในศตวรรษที่ ๒๑
หลักการ จุดมาย วิสัยทัศน์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ โครงสร้างของ
หลักสูตร คำอธิบายรายวิชา มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และเกณฑ์การจบ
การศึกษาที่กำหนดไว้ในเอกสารนี้ ช่วยทำให้หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในทุกระดับเห็นผลคาดหวังที่ต้องการในการ
พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนท่ีชัดเจนตลอดแนว ซ่ึงจะสามารถช่วยให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องในระดับท้องถิ่นและ
สถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่างม่ันใจ ทำให้การจัดทำหลักสูตรในระดับสถานศึกษามีคุณภาพและมี
ความเป็นเอกภาพย่งิ ขนึ้ อกี ท้งั ยังชว่ ยให้เกิดความชัดเจนเรื่องการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ และช่วยแกป้ ญั หา
การเทียบโอนระหว่างสถานศึกษา ดังนั้นในการพัฒนาหลักสูตรในทุกระดับต้ังแต่ระดับชาติจนกระทั่งถึง
สถานศึกษา จะต้องสะท้อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งเป็นกรอบทิศทางในการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ และครอบคลุมผู้เรียนทุก
กลุ่มเป้าหมายในระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน และจะช่วยทำให้ผู้เกี่ยวข้องกับการใช้เป็นกรอบทิศทางในการนำ
หลกั สูตรลงส่กู ารปฏบิ ัติได้อย่างมีคณุ ภาพและมีความเปน็ เอกภาพอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขน้ึ
การจัดหลักสูตรสถานศึกษาจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายท่ีคาดหวังได้ ทุกฝ่ายที่เก่ียวข้อง
ท้ังระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว และบุคคลต้องร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกันทำงานอย่างเป็นระบบ และ
ต่อเน่ืองในการวางแผน ดำเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพ่ือพัฒนา
เยาวชนของชาติไปสูค่ ุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้ทก่ี ำหนดไว้
๖
หลักการ
หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจริญ พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มหี ลกั การสำคัญ ดังนี้
๑. เปน็ หลกั สูตรการศกึ ษาท่ีมจี ุดหมายและมาตรฐานการเรยี นรู้ เปน็ เป้าหมายสำหรบั พัฒนา
ผ้เู รยี นให้มคี วามรู้ ทกั ษะ เจตคตแิ ละคณุ ธรรมบนพน้ื ฐานของความเปน็ ไทยควบคู่กบั ความเป็นสากล
๒. เป็นหลกั สตู รการศกึ ษา ทผี่ ู้เรยี นทกุ คนมีโอกาสไดร้ บั การศึกษาอย่างเทา่ เทยี มและมีคุณภาพ
๓. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษาท่ีสนองการกระจายใหส้ งั คมมีส่วนรว่ มในการจดั การศึกษาให้สอดคล้อง
กับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น
๔. เป็นหลกั สตู รการศึกษาทีม่ ีโครงสร้างยืดหยุ่นท้ังด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัดการเรยี นรู้
๕. เป็นหลักสูตรการศกึ ษาท่เี นน้ ผู้เรียนเปน็ สำคญั
๖. เป็นหลกั สตู รการศึกษาสำหรบั การศกึ ษาในระบบ ระดับประถมศกึ ษา สามารถเทยี บโอน
ผลการเรียนรแู้ ละประสบการณ์
จุดหมาย
หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนอนบุ าลนาแกผดุงราชกจิ เจริญ พทุ ธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลกั สูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มงุ่ พัฒนาผเู้ รียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสขุ
มีศักยภาพในการศกึ ษาต่อและประกอบอาชีพ จงึ กำหนดจุดหมายเพ่ือให้เกิดกบั ผเู้ รียนเมอ่ื จบการศกึ ษา
ดงั นี้
๑. มคี ณุ ธรรม จริยธรรมและคา่ นยิ มทีพ่ ึงประสงค์ เหน็ คุณค่าของตนเอง มีวินยั และปฏบิ ัติตน
ตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
๒. มีความรู้ ความสามารถในการส่อื สาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใชเ้ ทคโนโลยแี ละมีทกั ษะชวี ติ
๓. มสี ุขภาพกายและสุขภาพจติ ท่ดี ี มสี ขุ นิสยั และรักการออกกำลงั กาย
๔. มีความรกั ชาติ มีจิตสำนกึ ในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยดึ มน่ั ในวิถีชวี ติ และ
การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข
๕. มีจิตสำนึกในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาส่งิ แวดลอ้ ม
มจี ติ สาธารณะที่ม่งุ ทำประโยชน์และสรา้ งสงิ่ ที่ดีงามในสังคมและอยรู่ ่วมกันในสังคมอย่างมีความสขุ
วสิ ยั ทัศน์ของโรงเรยี น
ภายในปี ๒๕๖๔ ผู้เรียนได้รับการพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา ดำรงชีวิตตาม
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมพัฒนาครูและบุคลากรให้มีศักยภาพในการปฏิบัติงาน
มีความเช่ียวชาญทางวิชาชพี สถานศกึ ษาเป็นสงั คมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายใน
ใหม้ ีประสทิ ธผิ ล
๗
วสิ ัยทัศน์ของหลกั สูตร
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจริญ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็น
มนุษย์ท่ีมีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพล
โลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และ
ทกั ษะพื้นฐาน รวมท้ัง เจตคติ ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวติ โดย
มงุ่ เน้นผูเ้ รยี นเป็นสำคญั บนพ้ืนฐานความเชอ่ื วา่ ทกุ คนสามารถเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้เตม็ ตามศักยภาพ
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
ในการพฒั นาผ้เู รยี นตามหลักสูตรโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดงุ ราชกจิ เจรญิ พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตาม
มาตรฐานทกี่ ำหนด ซง่ึ จะช่วยใหผ้ ูเ้ รียนเกดิ สมรรถนะสำคัญ ดงั นี้
๑. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้
ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
และประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสาร
ด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการส่ือสาร ท่ีมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึง
ผลกระทบทีม่ ีต่อตนเองและสงั คม
๒. ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ การคดิ สังเคราะห์ การคิด อย่าง
สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ
สารสนเทศเพ่ือการตัดสินใจเกยี่ วกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม
๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคตา่ ง ๆ ท่ีเผชิญ
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์
และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกัน
และแก้ไขปัญหา และมีกาตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบท่ีเกิดข้ึนต่อตนเอง สังคมและ
สง่ิ แวดลอ้ ม
๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ
ดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่ วมกันใน
สังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่าง
เหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยง
พฤติกรรมไม่พึงประสงคท์ ่ีสง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อน่ื
๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ
และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การ
ทำงาน การแกป้ ญั หาอยา่ งสร้างสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม
๘
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
หลักสูตรโรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจริญ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่ือให้สามารถ
อยู่ร่วมกบั ผู้อน่ื ในสงั คมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ ในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก ดงั น้ี
๑. รกั ษช์ าติ ศาสน์ กษัตริย์
๒. ซือ่ สัตย์สจุ รติ
๓. มวี นิ ัย
๔. ใฝเ่ รียนรู้
๕. อยูอ่ ย่างพอเพียง
๖. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มีจติ เป็นสาธารณะ
มาตรฐานการเรยี นรู้
หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดุงราชกจิ เจริญ พทุ ธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสตู ร
แกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ไดก้ ำหนดแนวทางการพฒั นาผู้เรียนให้เกิดความ
สมดลุ โดยคำนงึ ถงึ หลกั พัฒนาการทางสมองและพหปุ ญั ญา จงึ ไดก้ ำหนดใหผ้ ู้เรียนเรยี นรู้ ๘ กล่มุ สาระ
การเรยี นรู้ดังนี้
๑. ภาษาไทย
๒. คณติ ศาสตร์
๓. วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๔. สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม
๕. สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
๖. ศิลปะ
๗. การงานอาชพี
๘. ภาษาตา่ งประเทศ
ในแตล่ ะกล่มุ สาระการเรียนรูไ้ ดก้ ำหนดมาตรฐานการเรยี นรู้เปน็ เป้าหมายสำคญั ของการพัฒนา
คุณภาพผู้เรยี น มาตรฐานการเรียนร้รู ะบสุ ่ิงทผี่ ู้เรยี นพงึ เรียนรู้ ปฏบิ ัติได้ มคี ณุ ธรรมและค่านยิ มอนั พงึ
ประสงคเ์ มื่อจบการศึกษาตามหลกั สตู ร นอกจากนน้ั มาตรฐานการเรียนรยู้ ังเปน็ กลไกสำคัญใน
การขบั เคลื่อนพัฒนาการศกึ ษาทง้ั ระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบวา่ ต้องการอะไร
ต้องสอนอะไร จะสอนอย่างไรและจะประเมินอย่างไร รวมทัง้ เป็นเคร่ืองมอื ในการตรวจสอบเพ่ือการ
ประกันคุณภาพการศึกษาโดยใชร้ ะบบกรประเมนิ คุณภาพภายในและการประเมินคณุ ภาพภายนอก
ซ่ึงรวมถงึ การทดสอบระดบั เขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา วา่ สามารถพัฒนาผเู้ รียนให้มคี ณุ ภาพตามทม่ี าตรฐานการ
เรียนรกู้ ำหนดเพยี งใด
๙
ตวั ชวี้ ดั
หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจริญ พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ ตามหลกั สตู ร
แกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ได้กำหนดตัวช้วี ัดไวใ้ นหลักสตู ร ซึง่ ตัวช้วี ดั จะระบุ
สง่ิ ทผ่ี ูเ้ รยี นพึงรู้และปฏบิ ตั ไิ ด้ รวมทัง้ คุณลกั ษณะของผเู้ รยี นในแตล่ ะระดับชน้ั ซ่ึงสะท้อนถึงมาตรฐาน
การเรียนรู้ มคี วามเฉพาะเจาะจงและมคี วามเป็นรูปธรรม นำไปใชใ้ นการกำหนดเนื้อหา จดั ทำหน่วย
การเรียนรู้ จดั การเรยี นการสอนและเปน็ เกณฑส์ ำหรับการวัดประเมินผลเพ่ือตรวจสอบคุณภาพผเู้ รยี น
ตวั ชว้ี ัดช้นั ปี เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผเู้ รียนแต่ละชนั้ ปีในระดับการศกึ ษาชนั้ ประถมศึกษา
ปที ่ี ๑ – ๖ ซงึ่ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดงุ ราชกิจเจริญ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตาม
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ไดม้ กี ารกำหนดรหัสกำกับมาตรฐาน
การเรยี นรู้และตวั ชว้ี ดั เพอ่ื ความเขา้ ใจและใหส้ อื่ สารตรงกัน ดังนี้
รหัสตัวช้วี ัด ว ๑.๑ ป.๑/๒ หมายถึง
ว คือ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
๑.๑ คือ สาระท่ี ๑ มาตรฐานข้อที่ ๑
ป.๑/๑ คือ ตวั ชี้วัดชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ขอ้ ๒
รหัสตวั ชีว้ ัด ท ๒.๑ ป.๕/๑ หมายถึง
ท คอื กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย
๒.๑ คอื สาระท่ี ๒ มาตรฐานข้อที่ ๑
ป.๕/๑ คอื ตวั ชี้วัดช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ ข้อ ๑
๑๐
สาระการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดุงราชกิจเจริญ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลกั สูตร
แกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ไดก้ ำหนดสาระการเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย องค์
ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรยี นรแู้ ละคุณลกั ษณะอันพงั ประสงค์ ซ่งึ กำหนดใหผ้ ู้เรียนทกุ คนในระดบั
ประถมศึกษาจำเปน็ ต้องเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น ๘ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ดงั น้ี
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : การนา
ความรู้และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
ไปใช้ในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ละ
แก้ปัญหาอย่างเป็ นระบบ การคดิ อย่าง
เป็ นเหตุเป็ นผล คดิ วเิ คราะห์ คิด
สร้างสรรค์ และการใช้เทคโนโลยี
๑๑
การกำหนดรหสั วชิ า
เพ่อื ใหเ้ กิดความสะดวกและความเขา้ ใจตรงกนั ในการส่ือสาร หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียน
อนบุ าลนาแกผดุงราชกจิ เจริญ พทุ ธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงได้กำหนดรหสั วิชาอย่างเปน็ ระบบ ไว้ดังนี้
ระบบรหัสวชิ า
การกำหนดรหัสวชิ าโดยใช้ตัวเลข เพื่อการส่ือสารและการจัดทำเอกสารหลักฐานการศกึ ษา
ระบบรหสั วิชา สำหรบั รายวชิ าพ้นื ฐานและรายวชิ าเพมิ่ เติม ประกอบดว้ ยตัวอักษรและตวั เลข ๖ หลัก ดงั น้ี
หลักท่ี ๑ เป็น รหัสตัวอกั ษรแสดงกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ซง่ึ กำหนดรหสั ตัวอกั ษรแสดงกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ดงั นี้
ท หมายถึง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ค หมายถึง กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์
ว หมายถึง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ส หมายถึง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
พ หมายถงึ กลมุ่ สาระการเรียนร้สู ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
ศ หมายถึง กลุ่มสาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ
ง หมายถงึ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
อ หมายถงึ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ)
หลกั ท่ี ๒ เป็น รหสั ตวั เลขแสดงระดับการศึกษา ใช้รหสั ตัวเลข ๑ หมายถึง รายวชิ าระดับประถมศึกษา
หลักที่ ๓ เป็น รหสั ตวั เลขแสดงปีท่ีเรยี นของรายวิชา ซึง่ สะทอ้ นระดับความร้แู ละทักษะในรายวิชาท่กี ำหนด
ไวใ้ นแตล่ ะปี ซึ่งมี ๖ ตวั ดงั น้ี
๑ หมายถึง รายวชิ าที่เรยี นในปที ่ี ๑ ของระดบั ประถมศกึ ษา (ป.๑)
๒ หมายถึง รายวชิ าทเ่ี รียนในปีท่ี ๒ ของระดบั ประถมศึกษา (ป.๒)
๓ หมายถึง รายวชิ าท่ีเรยี นในปที ี่ ๓ ของระดับประถมศกึ ษา (ป.๓)
๔ หมายถงึ รายวชิ าท่เี รยี นในปที ่ี ๔ ของระดบั ประถมศกึ ษา (ป.๔)
๕ หมายถึง รายวิชาทเ่ี รียนในปีที่ ๕ ของระดบั ประถมศึกษา (ป.๕)
๖ หมายถึง รายวชิ าทเ่ี รยี นในปที ี่ ๖ ของระดับประถมศกึ ษา (ป.๖)
หลักท่ี ๔ เป็น รหัสตวั เลขแสดงประเภทของรายวชิ า ซ่ึงกำหนดรหัสตัวเลขไว้ ๒ ตวั เหมอื นเดิม ดังนี้
๑ หมายถึง รายวิชาพน้ื ฐาน ๒ หมายถงึ รายวชิ าเพิม่ เตมิ
หลกั ที่ ๕ และ ๖ เป็น รหัสตัวเลขแสดงลำดบั ของรายวชิ าแต่ละกล่มุ สาระการเรยี นรใู้ นปี/ระดบั การศึกษา
เดียวกันในระดบั ประถมศึกษา มีจำนวนตั้งแต่ ๐๑ – ๙๙
๑๒
โครงสรา้ งหลกั สูตรโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดุงราชกิจเจริญ พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๑. โครงสร้างเวลาเรียน เวลาเรยี น(ชว่ั โมง/ปี)
กลุ่มสาระการเรียนร/ู้ กจิ กรรม ระดบั ประถมศกึ ษา
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
ภาษาไทย
คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐
สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
ประวตั ิศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
ศิลปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
การงานอาชพี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
ภาษาต่างประเทศ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
รวมเวลาเรยี น (พน้ื ฐาน) ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐
รายวิชาเพิม่ เตมิ
๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
ภาษาองั กฤษ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
รวมเวลาเรียน (เพ่ิมเติม) ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
กิจกรรมนักเรยี น ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐
- กจิ กรรมลูกเสือ/เนตรนารี ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐
- ชมุ นุม
กิจกรรมสาธารณประโยชน์ ๑,๐๔๐ ชวั่ โมง/ปี
รวมเวลาเรียนทง้ั หมด
๒. โครงสร้างหลักสตู รชัน้ ปี ๑๓
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑ เวลาเรยี น
(ชม./ป)ี
รหัส กลุ่มสาระการเรียนร/ู้ กิจกรรม (๘๔๐)
๒๐๐
ท ๑๑๑๐๑ รายวิชาพื้นฐาน ๒๐๐
ค ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑
ว ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑ ๘๐
ส ๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๑ ๘๐
ส ๑๑๑๐๒ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๑ ๔๐
พ ๑๑๑๐๑ ประวตั ศิ าสตร์ ๑ ๔๐
ศ ๑๑๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๑ ๔๐
ง ๑๑๑๐๑ ศิลปะ ๑ ๔๐
อ ๑๑๑๐๑ การงานอาชพี ๑ ๑๒๐
ภาษาองั กฤษ ๑ ๘๐
อ ๑๑๒๐๑ ๘๐
รายวิชาเพ่มิ เติม (๑๒๐)
ภาษาอังกฤษ ๑ ๔๐
กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ๔๐
แนะแนว ๓๐
กิจกรรมนกั เรยี น ๑๐
• ลูกเสอื เนตรนารี
• ชุมนุม
กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณะประโยชน์ ๑
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๒ ๑๔
รหัส กลมุ่ สาระการเรยี นรู/้ กจิ กรรม เวลาเรยี น
(ชม./ป)ี
ท ๑๒๑๐๑ รายวชิ าพ้นื ฐาน (๘๔๐)
ค ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒ ๒๐๐
ว ๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒ ๒๐๐
ส ๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๒
ส ๑๒๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๒ ๘๐
พ ๑๒๑๐๑ ประวัติศาสตร์ ๒ ๘๐
ศ ๑๒๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๒ ๔๐
ง ๑๒๑๐๑ ศิลปะ ๒ ๔๐
อ ๑๒๑๐๑ การงานอาชพี ๒ ๔๐
ภาษาองั กฤษ ๒ ๔๐
อ ๑๒๒๐๑ ๑๒๐
รายวิชาเพิม่ เติม ๘๐
ภาษาอังกฤษ ๒ ๘๐
(๑๒๐)
กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน ๔๐
แนะแนว
กจิ กรรมนกั เรยี น ๔๐
๓๐
• ลกู เสือ เนตรนารี ๑๐
• ชมุ นมุ
กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์ ๑
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ๑๕
รหัส กลมุ่ สาระการเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลาเรยี น
(ชม./ป)ี
ท ๑๓๑๐๑ รายวิชาพ้ืนฐาน (๘๔๐)
ค ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๒๐๐
ว ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๓ ๒๐๐
ส ๑๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๓
ส ๑๓๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๓ ๘๐
พ ๑๓๑๐๑ ประวัติศาสตร์ ๓ ๘๐
ศ ๑๓๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๓ ๔๐
ง ๑๓๑๐๑ ศิลปะ ๓ ๔๐
อ ๑๓๑๐๓ การงานอาชพี ๓ ๔๐
ภาษาองั กฤษ ๓ ๔๐
อ ๑๓๒๐๑ ๑๒๐
รายวชิ าเพิม่ เติม ๘๐
ภาษาอังกฤษ ๓ ๘๐
(๑๒๐)
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ๔๐
แนะแนว
กจิ กรรมนกั เรยี น ๔๐
๓๐
• ลกู เสือ เนตรนารี ๑๐
• ชมุ นมุ
กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์ ๑
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ๑๖
รหัส กลุ่มสาระการเรยี นรู้/กิจกรรม เวลาเรยี น
(ชม./ป)ี
ท ๑๔๑๐๑ รายวิชาพน้ื ฐาน (๘๔๐)
ค ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๔ ๑๖๐
ว ๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๔ ๑๖๐
ส ๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔ ๑๒๐
ส ๑๔๑๐๒ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๔
พ ๑๔๑๐๑ ประวัตศิ าสตร์ ๔ ๘๐
ศ ๑๔๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔ ๔๐
ง ๑๔๑๐๑ ศลิ ปะ ๔ ๘๐
อ ๑๔๑๐๑ การงานอาชีพ ๔ ๘๐
ภาษาอังกฤษ ๔ ๔๐
อ ๑๔๒๐๑ ๘๐
รายวชิ าเพ่ิมเติม ๘๐
ภาษาอังกฤษ ๔ ๘๐
(๑๒๐)
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๔๐
แนะแนว
กิจกรรมนกั เรยี น ๔๐
๓๐
• ลกู เสือ เนตรนารี ๑๐
• ชุมนุม
กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ ๑๗
รหัส กลุ่มสาระการเรยี นรู้/กิจกรรม เวลาเรยี น
(ชม./ป)ี
ท ๑๕๑๐๑ รายวิชาพน้ื ฐาน (๘๔๐)
ค ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๕ ๑๖๐
ว ๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๕ ๑๖๐
ส ๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕ ๑๒๐
ส ๑๕๑๐๒ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๕
พ ๑๕๑๐๑ ประวัตศิ าสตร์ ๕ ๘๐
ศ ๑๕๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๕ ๔๐
ง ๑๕๑๐๑ ศลิ ปะ ๕ ๘๐
อ ๑๕๑๐๑ การงานอาชีพ ๕ ๘๐
ภาษาอังกฤษ ๔ ๔๐
อ ๑๕๒๐๑ ๘๐
รายวชิ าเพ่ิมเติม ๘๐
ภาษาอังกฤษ ๕ ๘๐
(๑๒๐)
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๔๐
แนะแนว
กิจกรรมนกั เรยี น ๔๐
๓๐
• ลกู เสือ เนตรนารี ๑๐
• ชุมนุม
กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ๑๘
รหัส กลุ่มสาระการเรยี นรู้/กิจกรรม เวลาเรยี น
(ชม./ป)ี
ท ๑๖๑๐๑ รายวิชาพน้ื ฐาน (๘๔๐)
ค ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๖ ๑๖๐
ว ๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๖ ๑๖๐
ส ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๖ ๑๒๐
ส ๑๖๑๐๒ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๖
พ ๑๖๑๐๑ ประวัตศิ าสตร์ ๖ ๘๐
ศ ๑๖๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๖ ๔๐
ง ๑๖๑๐๑ ศลิ ปะ ๖ ๘๐
อ ๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ ๖ ๘๐
ภาษาอังกฤษ ๖ ๔๐
อ ๑๖๒๐๑ ๘๐
รายวชิ าเพ่ิมเติม ๘๐
ภาษาอังกฤษ ๖ ๘๐
(๑๒๐)
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๔๐
แนะแนว
กิจกรรมนกั เรยี น ๔๐
๓๐
• ลกู เสือ เนตรนารี ๑๐
• ชุมนุม
กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑
๑๙
รายวิชาของหลกั สตู รโรงเรยี นอนบุ าลนาแกผดงุ ราชกิจเจรญิ พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย จำนวน ๒๐๐ ช่วั โมง
รายวชิ าพน้ื ฐาน จำนวน ๒๐๐ ชั่วโมง
จำนวน ๒๐๐ ชัว่ โมง
ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑ จำนวน ๑๖๐ ชว่ั โมง
ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒ จำนวน ๑๖๐ ชว่ั โมง
ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๓ จำนวน ๑๖๐ ชว่ั โมง
ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๔
ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๕
ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๖
****************
กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ จำนวน ๒๐๐ ชั่วโมง
รายวชิ าพน้ื ฐาน จำนวน ๒๐๐ ชว่ั โมง
จำนวน ๒๐๐ ชว่ั โมง
ค ๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑ จำนวน ๑๖๐ ชั่วโมง
ค ๑๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๒ จำนวน ๑๖๐ ช่วั โมง
ค ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๓ จำนวน ๑๖๐ ชว่ั โมง
ค ๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๔
ค ๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๕
ค ๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๖
-
****************
กลมุ่ สาระการเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๘๐ ช่ัวโมง
รายวิชาพื้นฐาน จำนวน ๘๐ ชัว่ โมง
จำนวน ๘๐ ช่วั โมง
ว ๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๑ จำนวน ๑๒๐ ชัว่ โมง
ว ๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๒ จำนวน ๑๒๐ ชว่ั โมง
ว ๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๓ จำนวน ๑๒๐ ชัว่ โมง
ว ๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๔
ว ๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๕
ว ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๖
***************
๒๐
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จำนวน ๘๐ ชั่วโมง
รายวชิ าพน้ื ฐาน จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง
จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง
ส ๑๑๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๑ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง
ส ๑๒๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๒ จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง
ส ๑๓๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๓ จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง
ส ๑๔๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๔
ส ๑๕๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๕ จำนวน ๔๐ ช่วั โมง
ส ๑๖๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๖ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง
จำนวน ๔๐ ชัว่ โมง
**************** จำนวน ๘๐ ชัว่ โมง
กลุ่มสาระการเรียนร้สู ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา จำนวน ๘๐ ชั่วโมง
รายวชิ าพน้ื ฐาน จำนวน ๘๐ ชั่วโมง
พ ๑๑๑๐๑ สุขศกึ ษาฯ ๑
พ ๑๒๑๐๑ สขุ ศึกษาฯ ๒
พ ๑๓๑๐๑ สขุ ศกึ ษาฯ ๓
พ ๑๔๑๐๑ สุขศกึ ษาฯ ๔
พ ๑๕๑๐๑ สขุ ศึกษาฯ ๕
พ ๑๖๑๐๑ สุขศึกษาฯ ๖
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ****************
รายวชิ าพน้ื ฐาน
จำนวน ๔๐ ชั่วโมง
ศ ๑๑๑๐๑ ศิลปะ ๑ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง
ศ ๑๒๑๐๑ ศิลปะ ๒ จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง
ศ ๑๓๑๐๑ ศลิ ปะ ๓ จำนวน ๘๐ ชั่วโมง
ศ ๑๔๑๐๑ ศลิ ปะ ๔ จำนวน ๘๐ ช่ัวโมง
ศ ๑๕๑๐๑ ศิลปะ ๕ จำนวน ๘๐ ช่ัวโมง
ศ ๑๖๑๐๑ ศลิ ปะ ๖
****************
กลมุ่ สาระการเรียนร้กู ารงานอาชพี จำนวน ๔๐ ช่วั โมง
รายวิชาพื้นฐาน จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง
จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง
ง ๑๑๑๐๑ การงานอาชพี ฯ ๑ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง
ง ๑๒๑๐๑ การงานอาชีพฯ ๒ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง
ง ๑๓๑๐๑ การงานอาชพี ฯ ๓ จำนวน ๔๐ ชัว่ โมง
ง ๑๔๑๐๑ การงานอาชพี ฯ ๔
ง ๑๕๑๐๑ การงานอาชีพฯ ๕
ง ๑๖๑๐๑ การงานอาชพี ฯ ๖
**************** ๒๑
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ(อังกฤษ) จำนวน ๑๒๐ ชว่ั โมง
รายวิชาพืน้ ฐาน จำนวน ๑๒๐ ช่ัวโมง
จำนวน ๑๒๐ ชวั่ โมง
อ ๑๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑ จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง
อ ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๒ จำนวน ๘๐ ชัว่ โมง
อ ๑๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๓ จำนวน ๘๐ ช่ัวโมง
อ ๑๔๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๔
อ ๑๕๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๕ จำนวน ๘๐ ชัว่ โมง
อ ๑๖๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๖ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง
จำนวน ๘๐ ช่ัวโมง
รายวิชาเพิ่มเติม จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง
อ ๑๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑ จำนวน ๘๐ ช่ัวโมง
อ ๑๒๒๐๑ ภาษาองั กฤษ ๒ จำนวน ๘๐ ชัว่ โมง
อ ๑๓๒๐๑ ภาษาอังกฤษ ๓
อ ๑๔๒๐๑ ภาษาองั กฤษ ๔ จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง
อ ๑๕๒๐๑ ภาษาองั กฤษ ๕ จำนวน ๔๐ ชัว่ โมง
อ ๑๖๒๐๑ ภาษาอังกฤษ ๖ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง
****************
รายวิชาเพ่มิ เติม
จ ๑๔๒๐๑ ภาษาจีนเพื่อการส่ือสาร ๔
จ ๑๕๒๐๑ ภาษาจนี เพอื่ การส่อื สาร ๕
จ ๑๖๒๐๑ ภาษาจนี เพ่อื การสอ่ื สาร ๖
****************
รายชอื่ ชมุ นุม
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 1 รักการอ่าน
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 2 คณิตคิดสนกุ
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 เขียนสร้างสรรค์
ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาษาพาเพลิน
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 สะเต็มศึกษา
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 สะเต็มศึกษา
๒๓
คำอธิบายรายวิชา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
๒๔
คำอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน
ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑ กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ เวลา ๒๐๐ ชั่วโมง
คำอธิบายรายวิชา
ฝึกอ่านออกเสียงคำ คำคล้องจอง และข้อความสั้นๆ บอกความหมายของคำและข้อความ ตอบ
คำถาม เล่าเรื่องย่อ คาดคะเนเหตุการณ์ เลือกอ่านหนังสือตามความสนใจอย่างสม่ำเสมอ นำเสนอเรื่องท่ี
อ่าน บอกความหมายของเคร่ืองหมายหรือสัญลักษณ์สำคัญท่ีมักพบเห็นในชีวิตประจำวัน มีมารยาทในการ
อ่าน
ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนส่ือสารด้วยคำและประโยคง่ายๆ มีมารยาทในการ
เขียน
ฝึกทักษะในการฟัง ฟังคำแนะนำ คำสั่งง่ายๆและปฏิบัติตาม ตอบคำถาม เล่าเร่ือง พูดแสดงความ
คิดเห็นและความรู้สึกจากเร่ืองที่ฟังและดู พูดสื่อสารได้ตามวัตถุประสงค์ เน้นมารยาทในการฟัง การดูและ
การพูด
ฝกึ ทักษะการเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยกุ ต์ และเลขไทย เขยี นสะกดคำและบอกความหมายของ
คำ เรยี บเรียงคำเป็นประโยคงา่ ยๆ ตอ่ คำคล้องจองงา่ ยๆ
บอกขอ้ คดิ ท่ีได้จากการอ่านหรือการฟงั วรรณกรรมร้อยแกว้ และร้อยกรองสำหรบั เดก็ ฝกึ ทอ่ งจำบท
อาขยานตามที่กำหนดและบทร้อยกรองตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน
กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิด การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การต้ัง
คำถาม ตอบคำถาม ใช้ทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความคิดเห็น กระบวนการสร้าง
ความคดิ รวบยอด
เพือ่ ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รกั การเรียนภาษาไทย เหน็ คุณค่าของ
การอนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาข อง
เศรษฐกจิ พอเพียงและสามารถนำไปประยุกต์ใชก้ ับชวี ติ ประจำวนั ได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั
ท ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕, ป.๑/๖, ป.๑/๗, ป.๑/๘
ท ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓
ท ๓.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕
ท ๔.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔
ท ๕.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒
รวม ๕ มาตรฐาน ๒๒ ตัวช้ีวัด
๒๕
คำอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน
ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒ กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ เวลา ๒๐๐ ช่ัวโมง
คำอธิบายรายวชิ า
ฝึกอ่านออกเสียงคำ คำคล้องจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆ อธิบายความหมายของคำ
และข้อความที่อ่าน ต้ังคำถาม ตอบคำถาม ระบุใจความสำคัญและรายละเอียด แสดงความคิดเห็นและ
คาดคะเนเหตุการณ์ เลือกอ่านหนังสอื ตามความสนใจอยา่ งสม่ำเสมอและนำเสนอเรื่องท่ีอา่ น อ่านข้อเขยี น
เชิงอธิบาย และปฏิบัตติ ามคำส่ังหรือขอ้ แนะนำ มีมารยาทในการอ่าน
ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนเรื่องส้ันๆ เก่ียวกับประสบการณ์ เขียนเร่ืองส้ันๆ
ตามจนิ ตนาการ มีมารยาทในการเขยี น
ฝึกทักษะการฟัง ฟังคำแนะนำ คำส่ังท่ีซับซ้อนและปฏิบัติตาม เล่าเรื่อง บอกสาระสำคัญของ
เรื่อง ต้ังคำถาม ตอบคำถาม พูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก พูดส่ือสารได้ชัดเจนตรงตาม
วัตถปุ ระสงค์ มมี ารยาทในการฟัง การดแู ละการพดู
ฝึกทักษะการเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย เขียนสะกดคำและบอกความหมาย
ของคำ เรียบเรียงคำเป็นประโยคได้ตรงตามเจตนาของการส่ือสาร บอกลักษณะคำคล้องจอง เลือกใช้
ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิน่ ไดเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะ
ฝกึ จับใจความสำคญั จากเร่ือง ระบขุ อ้ คดิ ทไ่ี ด้จากการอา่ นหรอื การฟังวรรณกรรมสำหรบั เด็ก เพ่ือ
นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ร้องบทร้องเล่นสำหรับเด็กในท้องถิ่น ท่องจำบทอาขยานตามท่ีกำหนดและบท
ร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหา
ความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสื่อความ กระบวนการแก้ปัญหา การ
ฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การตั้งคำถาม ตอบคำถาม ใช้ทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดง
ความคิดเห็น กระบวนการสร้างความคดิ รวบยอด
เพือ่ ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ ส่ือสารได้ถูกต้อง รักการเรยี นภาษาไทย เห็นคุณค่าของ
การอนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียงและสามารถนำไปประยุกต์ใชก้ บั ชีวิตประจำวนั ได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั
ท ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕, ป.๒/๖, ป.๒/๗, ป.๒/๘
ท ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔
ท ๓.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕ ป.๒/๖, ป.๒/๗
ท ๔.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕
ท ๕.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓
รวม ๕ มาตรฐาน ๒๗ ตวั ช้ีวัด
๒๖
คำอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน
ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๓ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ เวลา ๒๐๐ ชั่วโมง
คำอธบิ ายรายวิชา
ฝึกอ่านออกเสียงคำ ข้อความ เรื่องส้ัน ๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ อธิบายความหมายของคำและ
ข้อความท่ีอ่าน ต้ังคำถาม ตอบคำถามเชิงเหตุผล ลำดับเหตุการณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ สรุปความรู้ ข้อคิด
จากเรื่องที่อา่ น เพอ่ื นำไปใช้ในชีวติ ประจำวัน เลือกอ่านหนงั สือตามความสนใจอย่างสมำ่ เสมอและนำเสนอเรือ่ งที่
อ่าน อ่านข้อเขียนเชิงอธิบาย และปฏิบัติตามคำสั่งหรือข้อแนะนำ อธิบายความหมายของข้อมูลจากแผนภาพ
แผนที่ และแผนภมู ิ มีมารยาทในการอ่าน
ฝกึ คัดลายมอื ด้วยตวั บรรจงเตม็ บรรทดั เขียนบรรยาย เขียนบันทึกประจำวัน เขียนเร่ืองตามจินตนาการ
มมี ารยาทในการเขียน
ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด เล่ารายละเอียด บอกสาระสำคัญ ต้ังคำถาม ตอบคำถาม พูด
แสดงความคดิ เหน็ ความรู้สกึ พูดส่อื สารไดช้ ดั เจนตรงตามวัตถปุ ระสงค์ มีมารยาทในการฟัง การดแู ละการพดู
ฝึกเขียนตามหลักการเขียน เขียนสะกดคำและบอกความหมายของคำ ระบุชนิด หน้าที่ของคำ ใช้
พจนานุกรมค้นหาความหมายของคำ แต่งประโยคงา่ ยๆ แต่งคำคล้องจองและคำขวัญ เลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐาน
และภาษาถ่นิ ไดเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะ
ระบุข้อคิดที่ได้จากการอ่านวรรณกรรม เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน รู้จักเพลงพ้ืนบ้าน เพลงกล่อม
เด็ก เพื่อปลูกฝังความชื่นชมวัฒนธรรมท้องถ่ิน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวรรณคดีที่อ่าน ท่องจำบทอาขยาน
ตามท่ีกำหนดและบทร้อยกรองท่มี คี ุณคา่ ตามความสนใจ โดยใชก้ ระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการ
แสวงหาความรู้ กระบวนการกล่มุ กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ กระบวนการส่อื ความ กระบวนการแกป้ ัญหา การฝึก
ปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การต้ังคำถาม ตอบคำถาม ใช้ทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความคิดเห็น
กระบวนการสรา้ งความคดิ รวบยอด
เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ส่ือสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ
อนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี งและสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้กบั ชวี ิตประจำวันไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม
มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด
ท ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖, ป.๓/๗, ป.๓/๘, ป.๓/๙
ท ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖
ท ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖
ท ๔.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖
ท ๕.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
รวม ๕ มาตรฐาน ๓๑ ตวั ชว้ี ัด
คำอธิบายรายวชิ าพืน้ ฐาน
ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๔ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ เวลา ๑๖๐ ช่ัวโมง
คำอธบิ ายรายวิชา
๒๗
ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง อธิบายความหมายของคำ ประโยคและสำนวน
จากเร่ืองท่ีอ่าน อ่านเรื่องสั้น ๆ ตามเวลาท่ีกำหนดและตอบคำถามจากเรื่องท่ีอ่าน แยกข้อเท็จจริงและ
ข้อคิดเห็นจากเรื่องท่ีอ่าน คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองท่ีอ่าน โดยระบุเหตุผลประกอบ สรุปความรู้และ
ข้อคิดจากเรื่องท่ีอ่าน เพ่ือนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เลือกอ่านหนังสือที่มีคุณค่าตามความสนใจอย่าง
สม่ำเสมอและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเร่ืองท่ีอ่าน มีมารยาทในการอ่าน ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็ม
บรรทัดและคร่ึงบรรทัด เขียนส่ือสารโดยใช้คำได้ถูกต้อง ชัดเจนและเหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเร่ือง
และแผนภาพความคิดเพื่อใช้พัฒนางานเขียน เขียนย่อความจากเรื่องส้ัน ๆ เขียนจดหมายถึงเพ่ือนและ
มารดา เขียนบันทึกและเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า เขียนเรื่องตามจินตนาการ มีมารยาท
ในการเขียน
ฝกึ ทกั ษะการฟัง การดูและการพดู จำแนกข้อเท็จจรงิ และข้อคิดเห็นเร่ืองทฟ่ี ังและดู พูดสรปุ จาก
การฟงั และดู พดู แสดงความรู้ ความคดิ เห็นและความรู้สึกเก่ียวกบั เร่ืองที่ฟงั และดู ต้งั คำถามและตอบ
คำถามเชงิ เหตผุ ลจากเรือ่ งทฟี่ ังและดู พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟงั การดูและการ
สนทนา มมี ารยาทในการฟัง การดูและการพดู ฝึกเขยี นตามหลักการเขยี น เขยี นสะกดคำและบอก
ความหมายของคำในบรบิ ทต่าง ๆ ระบุชนิดและหนา้ ท่ขี องคำในประโยค ใชพ้ จนานุกรมค้นหาความหมาย
ของคำ แตง่ ประโยคไดถ้ ูกต้องตามหลักภาษา แต่งบทร้อยกรองและคำขวัญ บอกความหมายของสำนวน
เปรยี บเทียบภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถนิ่ ได้
ระบุข้อคิดจากนิทานพ้ืนบ้านหรือนิทานคติธรรมอธิบายข้อคิดจากการอ่านเพ่ือนำไปใช้ในชีวิตจริง
ร้องเพลงพ้ืนบ้านท่องจำบทอาขยานตามท่ีกำหนดและบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้
กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิด
วิเคราะห์และสรุปความ กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการสื่อความ กระบวนการ
แก้ปัญหา การฝึกปฏิบัติอธิบาย บันทึก การต้ังคำถาม ตอบคำถาม ใช้ทักษะการฟัง การดูและการพูดพูด
แสดงความคิดเหน็ กระบวนการสรา้ งความคิดรวบยอด
เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ส่ือสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่า
ของการอนุรักษ์ภาษาไทยและตัวเลขไทย สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้วิธีการของ
เศรษฐกิจพอเพยี งและสามารถนำไปประยกุ ต์ใช้กบั ชวี ิตประจำวันได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
๒๘
มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด
ท ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘
ท ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘
ท ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖
ท ๔.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗
ท ๕.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔
รวม ๕ มาตรฐาน ๓๓ ตัวชี้วัด
๒๙
คำอธิบายรายวชิ าพนื้ ฐาน
ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๕ กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ เวลา ๑๖๐ ชั่วโมง
คำอธิบายรายวิชา
ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง อธิบายความหมายของคำ ประโยคและข้อความท่ี
เป็นการบรรยายและการพรรณนา อธิบายความหมายโดยนัย แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น วิเคราะห์ แสดง
ความคิดเห็น อ่านงานเขียนเชิงอธิบาย คำสั่ง ข้อแนะนำ และปฏิบัติตาม เลือกอ่านหนังสือที่มีคุณค่าตาม
ความสนใจ มีมารยาทในการอ่าน
ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดและคร่ึงบรรทัด เขียนสื่อสาร เขียนแผนภาพโครงเรื่อง
แผนภาพความคิด เขียนย่อความ เขียนจดหมายถึงผู้ปกครองและญาติ เขียนแสดงความร้สู ึกและความคิดเห็น
กรอกแบบรายการต่าง ๆ เขยี นเรอ่ื งตามจินตนาการ มีมารยาทในการเขยี น
ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นและความรู้สึก ต้ังคำถาม ตอบ
คำถาม วเิ คราะหค์ วาม พดู รายงาน มมี ารยาทในการฟัง การดูและการพูด
ระบุชนิดและหน้าที่ของคำในประโยค จำแนกส่วนประกอบของประโยค เปรียบเทียบภาษาไทย
มาตรฐานและภาษาถิน่ ใชค้ ำราชาศพั ท์ บอกคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย แต่งบท
รอ้ ยกรอง ใช้สำนวนได้ถูกต้อง
สรุปเรื่องจากวรรณคดหี รือวรรณกรรมท่ีอ่าน ระบุความรู้ ข้อคดิ จากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรม
ท่ีสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม ท่องจำบทอาขยานตามที่กำหนดและ
บทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้
กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์และสรุปความ กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการ
สื่อความ กระบวนการแก้ปัญหา การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การตั้งคำถาม ตอบคำถาม ใช้ทักษะการฟัง
การดูและการพูด พูดแสดงความคดิ เห็น กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด
เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของ
การอนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้วิธีการของเศรษฐกิจ
พอเพยี งและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชวี ติ ประจำวนั ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
มาตรฐาน/ตัวชี้วดั
ท ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗, ป.๕/๘
ท ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗, ป.๕/๘, ป.๕/๙
ท ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
ท ๔.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗
ท ๕.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔
รวม ๕ มาตรฐาน ๓๓ ตัวชี้วดั
๓๐
คำอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน
ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๑๖๐ ช่ัวโมง
คำอธบิ ายรายวชิ า
ฝกึ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรอง อธิบายความหมายของคำ ประโยคและข้อความ
ท่ีเป็นโวหาร อ่านเรื่องสั้น ๆอย่างหลากหลาย แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน วิเคราะห์
และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเร่ืองที่อ่านเพ่ือนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต อ่านงานเขียน เชงิ อธิบาย คำสั่ง
ข้อแนะนำ และปฏิบัติตาม อธิบายความหมายของข้อมูลจากการอ่านแผนผัง แผนที่ แผนภูมิและกราฟ
เลือกอา่ นหนงั สือตามความสนใจและอธบิ ายคณุ ค่าท่ีได้รบั มมี ารยาทในการอ่าน
ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัด เขียนส่ือสารโดยใช้คำได้ถูกต้อง ชัดเจน
และเหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพความคิดเพื่อใช้พัฒนางานเขียน เขียนเรียงความ
เขียนย่อความจากเรื่องอ่าน เขียนจดส่วนตัว กรอกแบบรายการต่าง ๆ เขียนเร่ืองตามจินตนาการและ
สร้างสรรค์ มมี ารยาทในการเขียน
ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความรู้ ความเข้าใจจุดประสงค์ของเรื่องที่ฟังและดู
ตั้งคำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผลจากเร่ืองท่ีฟังและดู วิเคราะห์ความน่าเช่ือถือจากเร่ืองท่ีฟังและดูสื่อ
โฆษณาอย่างมีเหตผุ ล พูดรายงานเร่ืองหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดูและการสนทนา พูด
โนม้ น้าวอย่างมีเหตผุ ลและน่าเช่อื ถือ มีมารยาทในการฟงั การดแู ละการพดู
ฝึกวิเคราะห์ชนดิ และหน้าท่ีของคำในประโยค ใช้คำได้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล รวบรวม
และบอกความหมายของคำภาษาต่างประเทศท่ีใช้ในภาษาไทย ระบุลักษณะของประโยค แต่งบทร้อย
กรอง วิเคราะห์เปรยี บเทียบสำนวนที่เปน็ คำพังเพยและสภุ าษติ
ฝึกแสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่อ่าน เล่านิทานพื้นบ้านท้องถิ่นตนเองและ
นิทานพ้ืนบ้านของท้องถ่ินอื่น อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่านและนำไปประยุกต์ใช้ใน
ชีวิตจริง ท่องจำบทอาขยานตามที่กำหนดและบทร้อย โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน
กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์และสรปุ ความ กระบวนการคิด
อย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการสื่อความ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการสังเกต กระบวนกรแยก
ข้อเทจ็ จริง กระบวนการค้นคว้า กระบวนการใช้เทคโนโลยีในการส่ือสาร กระบวนการใชท้ ักษะทางภาษา
การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การต้ังคำถาม ตอบคำถาม ใช้ทกั ษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความ
คิดเหน็ กระบวนการสรา้ งความคดิ รวบยอด
เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของ
การอนุรักษ์ภาษาไทย และตวั เลขไทย สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์โดยใช้วิธีการของเศรษฐกิจ
พอเพยี งและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กบั ชีวติ ประจำวนั ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
๓๑
มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
ท ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙
ท ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙
ท ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖
ท ๔.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖
ท ๕.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔
รวม ๕ มาตรฐาน ๓๔ ตัวชว้ี ดั
๓๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
ทำไมตอ้ งเรยี นภาษาไทย
ภาษาไทยเปน็ เอกลักษณข์ องชาตเิ ป็นสมบตั ทิ างวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเปน็ เอกภาพ
และเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติใหม้ ีความเป็นไทย เป็นเครอื่ งมอื ในการตดิ ตอ่ ส่ือสารเพอ่ื
สร้างความเขา้ ใจและความสมั พนั ธท์ ่ีดีตอ่ กนั ทำใหส้ ามารถประกอบกจิ ธรุ ะ การงาน และดำรงชีวิต
รว่ มกันในสงั คมประชาธิปไตยไดอ้ ย่างสันตสิ ขุ และเปน็ เครื่องมือในการแสวงหาความรู้
ประสบการณจ์ ากแหลง่ สารสนเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาความรู้ พฒั นากระบวนการการคิดวิเคราะห์
วิจารณ์ และสร้างสรรคใ์ หท้ ันตอ่ การเปลี่ยนแปลงทางสงั คม และความก้าวหน้าทางวทิ ยาศาสตร์
เทคโนโลยี ตลอดจนนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพใหม้ คี วามมนั่ คงทางเศรษฐกจิ นอกจากนี้ยังเป็นสือ่
แสดงภูมปิ ญั ญาของบรรพบรุ ุษด้านวฒั นธรรม ประเพณี และสุทรยี ภาพ เป็นสมบตั ลิ ำ้ คำค่าแกก่ าร
เรียนรู้ อนรุ ักษ์ และสบื สานใหค้ งอยู่คูช่ าติไทยตลอดไป
เรียนรูอ้ ะไรในภาษาไทย
ภาษาไทยเป็นทักษะท่ีต้องฝึกฝนจนเกดิ ความชำนาญในการใช้ภาษาเพื่อการส่ือสาร
การเรียนร้อู ย่างมปี ระสิทธภิ าพ และเพอ่ื นำไปใช้ในชวี ิตจรงิ
• การอ่าน การอ่านออกเสยี งคำ ประโยค การอา่ นบทร้อยแกว้ คำประพันธ์ชนดิ ตา่ งๆ
การอ่านในใจเพื่อสร้างความเข้าใจ และการคดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้จากสงิ่ ที่อา่ น เพ่อื นำไป
ปรับใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน
• การเขยี น การเขยี นสะกดตามอักขรวธิ ี การเขียนสื่อสาร โดยใช้ถอ้ ยคำและรูปแบบต่างๆ
ของการเขียน ซ่ึงรวมถงึ การเขยี นเรยี งความ ย่อความ รายงานชนิดตา่ งๆ การเขยี นตามจินตนาการ
วเิ คราะหว์ จิ ารณ์ และเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์
• การฟงั การดูแล และการพูด การฟงั และดอู ย่างมวี จิ ารณญาณ การพดู แสดงความคิดเห็น
ความรู้สึก พดู ลำดับเร่ืองราวต่างๆ อยา่ งเปน็ เหตเุ ป็นผล การพูดในโอกาสต่างๆ ทัง้ ท่เี ปน็ ทางการ
และไมเ่ ปน็ ทางการ และการพูดเพ่ือโน้มนา้ วใจ
• หลักการใช้ภาษาไทย ธรรมชาตแิ ละกฎเกณฑข์ องภาษาไทย การใชภ้ าษาให้ถูกตอ้ งเหมาะสม
กับโอกาสและบุคคล การแต่งบทประพันธ์ประเภทต่างๆ และอิทธิพลของภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย
• วรรณคดแี ละวรรณกรรม วิเคราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือศกึ ษาข้อมลู
แนวความคิดคุณคา่ ของงานประพนั ธ์ และความเพลิดเพลิน การเรียนรแู้ ละทำความเข้าใจบทเห่ บท
ร้องเลน่ ของเดก็ เพลงพน้ื บ้านทเ่ี ป็นภมู ปิ ัญญาที่มคี ุณค่าของไทย ซ่งึ ได้ถา่ ยทอดความรสู้ กึ นกึ คดิ
ค่านยิ ม ขนบธรรมเนยี มประเพณี เรอ่ื งราวของสงั คมในอดีต และความงดงามของภาษา เพอื่ ให้
เกดิ ความซาบซ้งึ และภมู ใิ จในบรรพบุรษุ ท่ีไดส้ งั่ สมสืบทอดมาจนถึงปจั จุบัน
๓๓
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ ๑ การอา่ น
มาตรฐาน ท ๑.๑ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคิดเพ่อื นำไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปญั หา
ในการดำเนนิ ชีวติ และมีนสิ ยั รักการอา่ น
สาระที่๒ การเขียน
มาตรฐาน ท ๒.๒ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอื่ งราว
ในรปู แบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นความอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
สาระที่ ๓ การฟงั การดแู ละการพดู
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดูอยา่ งมวี ิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด
และความรู้สกึ ในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ
สาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
มาตรฐาน ท.๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น
คุณค่าและนำมาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ
คุณภาพผู้เรียน
จบชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๓
• อ่านออกเสยี งคำ คำคลอ้ งจอง ขอ้ ความ เรื่องส้ันๆ และบทร้อยกรองงา่ ย ๆ
ได้ถูกต้องคล่องแคลว่ เข้าใจความหมายของคำและข้อความท่อี า่ น ต้ังคำถามเชิงเหตุผล ลำดบั
เหตกุ ารณ์ คาดคะเนเหตกุ ารณ์ สรปุ ความรขู้ ้อคดิ จากเรื่องทีอ่ ่าน ปฏิบัติตามคำส่งั คำอธิบายจาก
เรือ่ งท่ีอ่านได้ เขา้ ใจความหมายของข้อมลู จากแผนภาพ แผนที่ และแผนถมู ิ อ่านหนังสอื อยา่ ง
สม่ำเสมอ และมีมารยาทในการอา่ น
• มีทักษะในการคัดลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทัด เขียนบรรยาย บันทึกประจำวัน
เขยี นจดหมายลาครู เขยี นเร่ืองเกย่ี วกับประสบการณ์ เขียนเรอ่ื งตามจินตนาการและมีมารยาทใน
การเขียน
• เลา่ รายละเอยี ดและบอกสาระสำคญั ต้งั คำถาม ตอบคำถาม รวมทั้งพูดแสดง
ความคิดความรสู้ กึ เกยี่ วกับเรื่องท่ีฟังและดู พูดส่ือสารเลา่ ประสบการณ์และพูดแนะนำ หรือพูดเชิญ
ชวนใหผ้ ้อู ่นื ปฏิบตั ติ าม และมมี ารยาทในการฟงั ดู และพดู
• สะกดคำและเข้าใจความหมายของคำ ความแตกต่างของคำและพยางค์ หน้าท่ี
ของคำในประโยค มที กั ษะการใชพ้ จนานุกรมในการคน้ หาความหมายของคำ แตง่ ประโยคง่ายๆ
แตง่ คำคล้องจอง แตง่ คำขวัญ และเลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิน่ ไดเ้ หมาะสมกบั
กาลเทศะ
• เขา้ ใจและสามารถสรปุ ข้อคิดทไี่ ด้จากการอา่ นวรรณคดีและวรรณกรรมเพือ่
๓๔
นำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั แสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีทีอ่ ่าน รู้จกั เพลงพื้นบ้าน เพลงกล่อมเด็ก
ซงึ่ เปน็ วฒั นธรรมของทอ้ งถ่นิ ร้องบทรอ้ งเล่นสำหรับเด็กในท้องถนิ่ ทอ่ งจำบทอาขยานและบทรอ้ ย
กรองท่ีมีคุณคา่ จามความสนใจได้
จบชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๖
• อ่านออกเสยี งบทร้อยกรองและบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะได้ถูกต้อง อธบิ าย
ความหมายโดยตรงและความหมายโดยนยั ของคำ ประโยค ข้อความ สำนวนโวหาร จากเรื่องท่ี
อ่านเขา้ ใจคำแนะนำ คำอธิบายในค่มู ือตา่ งๆ แยกแยะข้อคดิ เหน็ และข้อเทจ็ จรงิ รวมทั้งจบั ใจความ
สำคญั ของเรือ่ งที่อ่านและนำความรคู้ วามคดิ จากเรื่องทีอ่ ่านไปตัดสินใจแก้ปัญหาในการดำเนนิ ชวี ติ ได้
มมี ารยาทและมีนสิ ัยรักการอ่าน และเหน็ คณุ ค่าสิง่ ที่อ่าน
• มที กั ษะในการคัดลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั และครึง่ บรรทดั เขียนสะกดคำ
แต่งประโยคและเขยี นขอ้ ความ ตลอดจนเขยี นส่ือสารโดยใช้ถอ้ ยคำชัดเจนเหมาะสม ใช้แผนภาพ
โครงเรือ่ งและแผนภาพความคดิ เพอ่ื พัฒนางานเขียน เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ จดหมายสว่ นตัว
กรอกแบบรายการต่างๆ เขียนแสดงความร้สู กึ และความคิดเหน็ เขยี นเรือ่ งตามจนิ ตนาการอยา่ ง
สรา้ งสรรค์ และมมี ารยาทในการเขียน
• พูดแสดงความรู้ ความคดิ เกี่ยวกบั เรอื่ งที่ฟงั และดู เล่าเรอ่ื งยอ่ หรอื สรุปจากเรื่องทีฟ่ งั และ
ดู ต้งั คำถามตอบคำถามจากเรื่องที่ฟงั และดู รวมท้งั ประเมินความนา่ เชื่อถือจากการฟังและดูโฆษณา
อย่างมีเหตุผล พูดตามลำดบั ขน้ั ตอนเรื่องตา่ งๆ อย่างชดั เจน พดู รายงานหรอื ประเด็นคน้ คว้าจาก
การฟงั การดู การสนทนา และพูดโน้มนา้ วไดอ้ ย่างมีเหตุผล รวมท้ังมีมารยาทในการดูแลและพดู
• สะกดคำและเขา้ ใจความหมายของคำ สำนวน คำพังเพยและสภุ าษิต รู้และเข้าใจชนดิ และ
หนา้ ทขี่ องคำในประโยค ชนิดของประโยค และคำภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย ใช้คำราชาศพั ท์
และคำสุภาพได้อยา่ งเหมาะสม แตง่ ประโยค แตง่ บทร้อยกรองประเภทกลอนสี่ กลอนสุภาพ และ
กาพยย์ านี ๑๑
• เข้าใจและเหน็ คณุ คา่ วรรณคดีและวรรณกรรมท่อี า่ น เลา่ นิทานพ้นื บ้าน ร้องเพลงพน้ื บ้าน
ของทอ้ งถิ่นนำข้อคดิ เหน็ จากเรอ่ื งท่ีอ่านไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ จรงิ และทอ่ งจำบทอาขยานตามที่
กำหมดได้
๓๕
ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
สาระท่ี ๑ การอ่าน
มาตรฐาน ท.๑.๑ ใช้ในกระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพือ่ นำไปใช้ตัดสนิ ใจ
แกป้ ัญหาในการดำเนนิ ชีวติ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน
ช้ัน ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ป.๑ ๑.อา่ นออกเสยี งคำ คำคลอ้ งจอง และ • การอา่ นออกเสยี งและบอกความหมาย
ขอ้ ความส้นั ๆ
ของคำ คำคล้องจอง และข้อความที่
๒.บอกความหมายของคำและขอ้ ความท่ี
ประกอบด้วยคำพ้ืนฐาน คอื คำท่ใี ช้ใน
อ่าน ชีวติ ประจำวนั ไมน่ อ้ ยกวา่ ๖๐๐ คำ
รวมท้ังคำที่ใช้ในกล่มุ สาระการเรยี นรอู้ ่ืน
ประกอบดว้ ย
- คำท่มี ีรูปวรรณยุกต์และไม่มรี ูปวรรณยุกต์
- คำท่มี ตี ัวสะกดตรงตามมาตราและไม่ตรง
ตามมาตรา
- คำทมี่ ีพยญั ชนะควบกลำ้
- คำทม่ี ีอักษรนำ
๓.ตอบคำถามเก่ียวกับเรอ่ื งที่อ่าน • การอา่ นจบั ใจความจากสอ่ื ต่างๆเช่น
๔.เล่าเรอื่ งย่อจากเรื่องท่ีอา่ น - นทิ าน
๕.คาดคะเนเหตุการณจ์ ากเรอื่ งทอี่ า่ น - เรื่องส้นั ๆ
- บทร้องเลน่ และบทเพลง
- เร่ืองราวจากบทเรยี นในกลุ่มสาระการ
เรยี นรู้ภาษาไทยและกลุ่มสาระการเรยี นรู้
อืน่
๖.อา่ นหนังสือตามความสนใจอยา่ ง • การอ่านหนังสือตามความสนใจ เช่น
สม่ำเสมอ - หนงั สอื ที่นกั เรียนสนใจและเหมาะสมกับ
วยั
- หนงั สือทค่ี รแู ละนกั เรียนกำหนดร่วมกัน
๗.บอกความหมายของเครื่องหมายหรือ • การอา่ นเครอ่ื งหมายหรือสญั ลกั ษณ์
สัญลักษณ์สำคัญทีม่ ักพบเห็นใน
ประกอบดว้ ย
ชีวิตประจำวนั
- เครอื่ งหมายสัญลกั ษณ์ตา่ งๆท่ีพบเหน็ ใน
ชีวติ ประจำวัน
- เคร่ืองหมายแสดงความปลอดภยั และ
แสดงอันตราย
๘.มีมารยาทในการอา่ น • มารยาทในการอา่ น เชน่
- ไม่อ่านเสยี งดงั รบกวนผู้อ่ืน
- ไม่เล่นกนั ขณะท่ีอา่ น
- ไม่ทำลายหนงั สือ
๓๖
ชนั้ ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ป.๒ ๑.อา่ นออกเสยี งคำ คำคล้องจอง
• การอ่านออกเสยี งและบอกความหมาย
ข้อความและบทรอ้ ยกรองง่ายๆไดถ้ ูกตอ้ ง ของคำ คำคล้องจอง ขอ้ ความ และบท
๒.อธิบายความหมายของคำและข้อความ ร้อยกรองง่ายๆทีป่ ระกอบด้วยพื้นฐาน
ทอ่ี า่ น เพิม่ เติมจาก ป.๑ ไม่น้อยกว่า ๘๐๐ คำ
รวมทง้ั คำท่ีใชใ้ นกลุ่มสาระการเรยี นรู้อ่นื
๓.ตงั้ คำถามและตอบคำถามเกีย่ วกบั เรื่อง ประกอบด้วย
ทอ่ี ่าน
๔.ระบใุ จความสำคัญและรายละเอยี ด - คำที่มรี ปู วรรณยุกต์และไม่มรี ูปวรรณยกุ ต์
จากเรอ่ื งทอ่ี ่าน - คำทีม่ ีตวั สะกดตรงตามมาตราและไมต่ รง
๕.แสดงความคิดเหน็ และคาดคะเน
เหตุการณจ์ ากเรอื่ งทอ่ี ่าน ตามมาตรา
- คำทม่ี ีพยัญชนะควบกลำ้
๖.อ่านหนังสอื ตรงความสนใจอย่าง - คำที่มีอักษรนำ
สม่ำเสมอและนำเสนอเร่ืองที่อา่ น - คำทมี่ ตี วั การันต์
๗.อ่านขอ้ เขียนเชงิ อธิบาย และปฎิบตั ิ - คำท่ีมี รร
ตามคำส่ังหรือข้อแนะนำ - คำทมี่ ีพยญั ชนะและสระทีไ่ มอ่ อกเสียง
๘.มีมารยาทในการอ่าน • การอา่ นจบั ใจความจากสอ่ื ตา่ งๆเช่น
- นิทาน
- เรอื่ งส้นั ๆ
- บทรอ้ งเลน่ และบทเพลง
- เรอื่ งราวจากบทเรยี นในกลมุ่ สาระการ
เรยี นรู้ภาษาไทยและกลมุ่ สาระการเรียนรอู้ ่ืน
- ขา่ วและเหตุการณ์ประจำวัน
• การอ่านหนังสือตามความสนใจเชน่
- หนงั สือท่ีนักเรยี นสนใจและเหมาะสมกบั วยั
- หนังสอื ท่ีครแู ละนักเรยี นกำหนดรว่ มกนั
• การอา่ นข้อเขียนเชงิ อธิบายและปฎบิ ัติ
ตามคำสง่ั หรือข้อแนะนำ
- การใชส้ ถานทส่ี าธารณะ
- คำแนะนำการใชเ้ ครอ่ื งใชท้ จี่ ำเปน็ ในบ้าน
และในโรงเรียน
• มารยาทในการอา่ นเชน่
- ไม่อ่านหนังสอื เสียงดังรบกวนผอู้ ืน่
- ไม่เลน่ กันขณะท่ีอ่าน
- ไม่ทำลายหนังสือ
- ไมค่ วรแย่งอ่านหรือชะโงกหน้าไปอา่ น
ขณะท่ีผูอ้ ืน่ กำลังอ่านอยู่
๓๗
ชนั้ ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ป.๓ ๑.อา่ นออกเสยี งคำ ขอ้ ความ เร่ืองสั้น
• การอา่ นออกเสียงและบอกความหมาย
และบทร้อยกรองง่ายๆไดถ้ ูกต้อง ของคำ คำคล้องจอง ข้อความ และบท
คล่องแคลว่ รอ้ ยกรองงา่ ยๆที่ประกอบดว้ ยพ้นื ฐาน
๒.อธิบายความหมายของคำและข้อความ เพ่ิมเติมจาก ป.๒ ไม่น้อยกว่า ๑๒๐๐
ทอ่ี ่าน คำ รวมท้งั คำท่ีใชใ้ นกลุม่ สาระการเรยี นรู้
อ่นื ประกอบดว้ ย
๓.ตัง้ คำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผล
เกยี่ วกบั เรือ่ งทอ่ี ่าน - คำที่มตี วั การันต์
๔.ลำดบั เหตุการณ์และคาดคะเน - คำท่มี ี รร
เหตกุ ารณ์จากเรอื่ งท่ีอ่านโดยระบุเหตผุ ล - คำทีม่ ีพยญั ชนะและสระท่ไี ม่ออกเสยี ง
ประกอบ - คำพ้อง
๕.สรปุ ความรแู้ ละขอ้ คดิ จากเรอ่ื งที่อา่ น - คำพิเศษอื่นๆ เช่น คำที่ใช้ ฑ ฤ ฤา
เพื่อนำไปใช้ในชวี ิตประจำวัน
๖.อา่ นหนงั สอื ตามความสนใจอย่าง • การอ่านจบั ใจความจากสือ่ ต่างๆเชน่
สมำ่ เสมอและนำเสนอเรื่องท่ีอ่าน - นทิ านหรอื เรื่องเก่ียวกับทอ้ งถ่ิน
- เร่ืองเล่าส้นั ๆ
๗.อา่ นขอ้ เขยี นเชิงอธิบาย และปฏบิ ตั ิ - บทเพลงและบทร้อยกรอง
ตามคำสั่งหรือข้อแนะนำ - ข่าวและเหตกุ ารณ์ในชวี ติ ประจำวันใน
๘.อธบิ ายความหมายของข้อมูลจาก ท้องถิน่ และชมุ ชน
แผนภาพ แผนที่ และแผนภูมิ
• การอา่ นหนังสือตามความสนใจ เชน่
๙.มีมารยาทในการอา่ น - หนงั สือท่นี กั เรียนสนใจและเหมาะสมกบั
วยั
- หนงั สอื ที่ครูและนกั เรียนกำหนดรว่ มกัน
• การอา่ นขอ้ เขียนเชิงอธิบายและปฏบิ ัติ
ตามคำสัง่ หรือข้อแนะนำ
- คำแนะนำต่างๆ ในชวี ิตประจำวัน
- ประกาศ ปา้ ยโฆษณา และคำขวญั
• การอ่านข้อมลู จากแผนภาพ แผนที่
และแผนภมู ิ
• มารยาทในการอา่ นเชน่
- ไม่อ่านหนงั สือเสียงดังรบกวนผูอ้ นื่
- ไมเ่ ล่นกนั ขณะที่อ่าน
- ไมท่ ำลายหนังสือ
- ไม่ควรแย่งอา่ นหรือชะโงกหน้าไปอา่ น
ขณะทผ่ี อู้ ื่นกำลงั อ่านอยู่
๓๘
ชน้ั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ป.๔ ๑.อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และรอ้ ย
• การอา่ นออกเสยี งและบอกความหมาย
กรองได้ถูกต้อง ของบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองที่
๒.อธบิ ายความหมายของคำ ประโยค ประกอบด้วย
และสำนวนจากเร่ืองท่ีอ่าน
- คำที่มี ร ล เปน็ พยัญชนะตน้
๓.อ่านเรื่องสนั้ ตามเวลาทกี่ ำหนดและ - คำท่มี ีพยัญชนะควบกลำ้
ตอบคำถามจากเร่อื งที่อ่าน - คำทมี่ ีอักษรนำ
๔.แยกขอ้ เทจ็ จริงและข้อคิดเห็นจากเรื่อง - คำประสม
ทอ่ี ่าน - อกั ษรย่อและเคร่ืองหมายวรรคตอน
๕.คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่อื งทอ่ี า่ นโดย - ประโยคทม่ี สี ำนวนเปน็ คำพงั เพย
ระบเุ หตผุ ลประกอบ
๖.สรปุ ความรู้และขอ้ คดิ จากเรื่องท่ีอา่ น สภุ าษติ ปริศนาคำทาย และ
เพอื่ นำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน เคร่ืองหมายวรรคตอน
๗.อา่ นหนงั สือท่มี ีคุณค่าตามความสนใจ • การอ่านบทรอ้ ยกรองเปน็ ทำนองเสนาะ
อย่างสม่ำเสมอและแสดงความคิดเห็น
เก่ยี วกบั เร่ืองท่อี ่าน • การอ่านจับใจความจากสือ่ ตา่ งๆเช่น
- เรื่องสน้ั ๆ
๘.มีมารยาทในการอา่ น - เรอ่ื งเลา่ จากประสบการณ์
- นิทานชาดก
- บทความ
- บทโฆษณา
- งานเขียนประเภทโน้มนา้ วใจ
- ขา่ วและเหตกุ ารณป์ ระจำวนั
- สารคดีและบันเทิงคดี
• การอ่านหนงั สือตามความสนใจ เชน่
- หนังสอื ทีน่ กั เรียนสนใจและเหมาะสมกับ
วยั
- หนงั สอื ทีค่ รูและนักเรยี นกำหนดร่วมกัน
• มารยาทในการอา่ น
๓๙
ชน้ั ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ป.๕ ๑.อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ย • การอา่ นออกเสยี งและบอกความหมาย
กรองไดถ้ ูกต้อง ของบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองท่ี
๒.อธิบายความหมายของคำ ประโยค ประกอบด้วย
และข้อความท่ีเปน็ การบรรยายและการ - คำท่มี ีพยญั ชนะควบกลำ้
พรรณนา - คำท่มี ีอักษรนำ
๓.อธิบายความหมายโดยนัย จากเร่ืองท่ี - คำทีม่ ีตวั การนั ต์
อา่ นอยา่ งหลากหลาย - อักษรย่อและเครื่องหมายวรรคตอน
- ข้อความทเี่ ป็นการบรรยายและพรรณนา
๔.แยกข้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเหน็ จากเรือ่ ง - ขอ้ ความทม่ี ีความหมายโดยนัย
ที่อ่าน • การอ่านบทรอ้ ยกรองเป็นทำนองเสนาะ
๕.วเิ คราะหแ์ ละแสดงความคิดเหน็
เกย่ี วกับเรอื่ งทีอ่ ่านเพ่ือนำไปใช้ในการ • การอ่านจับใจความจากส่ือตา่ งๆ เช่น
ดำเนินชีวิต - วรรณคดใี นบทเรยี น
- บทความ
๖.อา่ นงานเขียนเชงิ อธิบาย คำสง่ั - บทโฆษณา
ขอ้ แนะนำ และปฏบิ ัตติ าม - งานเขียนประเภทโนม้ น้าวใจ
- ขา่ วและเหตกุ ารณ์ประจำวัน
๗.อ่านหนงั สอื ที่มีคุณค่าตามความสนใจ
อยา่ งสม่ำเสมอและแสดงความคดิ เหน็ • การอ่านงานเขยี นเชงิ อธิบาย คำสงั่
เก่ยี วกบั เรื่องท่อี ่าน ข้อแนะนำ และปฏิบัติตาม เชน่
๘.มีมารยาทในการอา่ น - การใชพ้ จนานุกรม
- การใช้วสั ดอุ ปุ กรณ์
- การอา่ นฉลากยา
- คู่มือและเอกสารของโรงเรียนเกี่ยวข้อง
กับนกั เรยี น
- ข่าวสารทางราชการ
• การอ่านหนงั สือตามความสนใจ เชน่
- หนงั สือทน่ี ักเรยี นสนใจและเหมาะสมกบั
วัย
- หนังสอื ท่คี รูและนักเรยี นกำหนดรว่ มกัน
• มารยาทในการอา่ น
๔๐
ช้นั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ป.๖ ๑.อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ย
• การอ่านออกเสียงและบอกความหมาย
กรองไดถ้ ูกตอ้ ง ของบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองที่
๒.อธบิ ายความหมายของคำ ประโยค ประกอบดว้ ย
และข้อความทเี่ ป็นโวหาร
- คำทมี่ ีพยญั ชนะควบกลำ้
๓.อา่ นเรอื่ งสั้นอย่างหลากหลาย โดยจับ - คำทมี่ ีอกั ษรนำ
เวลาแล้วถามเกีย่ วกบั เร่ืองท่ีอ่าน - คำทมี่ ตี วั การนั ต์
๔.แยกข้อเทจ็ จริงและข้อคิดเหน็ จากเรอ่ื ง - คำทม่ี าจากภาษาต่างประเทศ
ทอ่ี ่าน - อกั ษรย่อและเคร่ืองหมายวรรคตอน
๕.อธบิ ายการนำความรแู้ ละความคดิ จาก - วนั เดือน ปี แบบไทย
เรือ่ งท่ีอ่านไปตัดสนิ ใจแก้ปญั หาในการ - ขอ้ ความท่เี ปน็ โวหารต่างๆ
ดำเนินชีวติ - สำนวนเปรยี บเทียบ
• การอ่านบทรอ้ ยกรองเป็นทำนองเสนาะ
๖.อ่านงานเขียนเชิงอธิบาย คำสัง่
ขอ้ แนะนำ และปฏิบตั ิตาม • การอา่ นจับใจความจากส่อื ต่างๆ เชน่
- เรือ่ งสนั้ ๆ
๗.อธบิ ายความหมายของข้อมูล จากการ - นทิ านและเพลงพน้ื บา้ น
อา่ นแผนผงั แผนท่ี แผนภูมิ และกราฟ - บทความ
๗.อา่ นหนงั สือตามความสนใจและอธิบาย - พระบรมราโชวาท
คุณคา่ ที่ไดร้ บั - สารคดี
- เรอื่ งสั้น
๘.มีมารยาทในการอ่าน - งานเขียนประเภทโนม้ น้าว
- บทโฆษณา
- ขา่ วและเหตกุ ารณป์ ระจำวัน
• การอา่ นเร็ว
• การอา่ นงานเขียนเชิงอธิบาย คำสงั่
ข้อแนะนำ และปฏบิ ตั ิตาม เช่น
- การใชพ้ จนานุกรม
- การปฏิบตั ิตนในการอย่รู ่วมกันในสงั คม
- ขอ้ ตกลงในการอย่รู ่วมกันในโรงเรียน
และการใชส้ ถานทีส่ าธารณะในชุมชน
และท้องถ่นิ
• การอา่ นข้อมลู แผนผงั แผนท่ี แผนภมู ิ
และกราฟ
• การอา่ นหนงั สือตามความสนใจ เชน่
- หนงั สอื ทนี่ กั เรยี นสนใจและเหมาะสมกบั
วยั
- หนงั สอื ที่ครแู ละนักเรียนกำหนดร่วมกนั
• มารยาทในการอา่ น
๔๑
สาระที่ ๒ การเขียน
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขยี น
เรอ่ื งราวในรปู แบบต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมี
ประสทิ ธิภาพ
ช้ัน ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
ป.๑ ๑.คัดลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทดั • การคดั ลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทดั ตาม
รปู แบบการเขียนตัวอักษรไทย
๒.เขยี นส่อื สารด้วยคำและประโยคงา่ ยๆ • การเขียนสอ่ื สาร
- คำทใี่ ช้ในชีวติ ประจำวัน
- คำพ้ืนฐานในบทเรียน
- คำคลอ้ งจอง
- ประโยคง่ายๆ
๓.มีมารยาทในการเขยี น • มารยาทในการเขียน เชน่
- เขียนใหอ้ ่านง่าย สะอาด ไม่มขี ดี ฆา่
- ไม่ขดี เขียนในท่สี าธารณะ
- ใชภ้ าษาเขียนเหมาะสมกับเวลา สถานที่
และบุคคล
ป.๒ ๑.คดั ลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทัด • การคัดลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทัดตาม
รปู แบบการเขียนตัวอกั ษรไทย
๒.การเขียนเรอ่ื งสั้นๆเก่ียวกับ • การเขียนเร่ืองสนั้ ๆเกยี่ วกับประสบการณ์
ประสบการณ์
๓.เขียนเรื่องสั้นๆตามจนิ ตนาการ • การเขยี นเรื่องสน้ั ๆตามจนิ ตนาการ
๔.มีมารยาทในการเขยี น • มารยาทในการเขยี น เช่น
- เขียนใหอ้ า่ นง่าย สะอาด ไม่ขดี ฆ่า
- ไม่ขีดเขยี นในทส่ี าธารณะ
- ใช้ภาษาเขียนเหมาะสมกับเวลา สถานที่
และบคุ คล
- ไม่เขยี นล้อเลียนผอู้ ่ืนหรือทำใหผ้ ู้อื่น
เสียหาย
๔๒
ช้นั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ป.๓ ๑.คัดลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทัด
• การคดั ลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทดั ตาม
๒.เขยี นบรรยายเก่ยี วกับส่ิงใดสง่ิ หน่ึงได้ รูปแบบการเขียนตวั อกั ษรไทย
อย่างชดั เจน
๓.เขยี นบันทกึ ประจำวนั • การเขียนบรรยายเกยี่ วกบั ลักษณะของ
๔.เขียนจดหมายลาครู คน สัตว์ สิง่ ของ สถานที่
๕.เขยี นเรื่องตามจนิ ตนาการ
• การเขียนบนั ทึกประจำวนั
๖.มีมารยาทในการเขียน
• การเขยี นจดหมายลาครู
ป.๔ ๑.คดั ลายมอื ตัวบรรจงเตม็ บรรทดั และ
คร่ึงบรรทดั • การเขียนเร่ืองตามจนิ ตนาการจากคำ
ภาพ และหวั ข้อทีก่ ำหนด
๒.เขียนสอื่ สารโดยใชถ้ อ้ ยคำได้ถกู ต้อง
ชัดเจน และเหมาะสม • มารยาทในการเขียน เชน่
- เขียนให้อ่านงา่ ย สะอาด ไม่ขีดฆ่า
๓.เขียนแผนภาพโครงเรอ่ื งและแผนภาพ - ไม่ขีดเขยี นในทสี่ าธารณะ
ความคิดเพ่อื ใช้พัฒนางานเขยี น - ใช้ภาษาเขียนเหมาะสมกับเวลา สถานที่
๔.เขยี นยอ่ ความจากเรือ่ งสนั้ ๆ
และบุคคล
๕.เขียนจดหมายถงึ เพ่ือนและบดิ ามารดา - ไมเ่ ขยี นล้อเลยี นผ้อู นื่ หรือทำใหผ้ ูอ้ ืน่
๖.เขยี นบนั ทึกและเขยี นรายงานจาก เสียหาย
การศึกษาค้นควา้
๗.เขียนเร่ืองตามจนิ ตนาการ • การคดั ลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทดั และ
๘.มีมารยาทในการเขยี น คร่งึ บรรทัดตามรูปแบบการเขียนตวั
อกั ษรไทย
• การเขยี นส่อื สาร เช่น
- คำขวัญ
- คำแนะนำ
• การนำแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพ
ความคิดไปพฒั นางานเขียน
• การเขยี นย่อความจากสอ่ื ตา่ งๆ เชน่
นิทาน ความเรียงประเภทตา่ งๆ
ประกาศ จดหมาย คำสอน
• การเขียนจดหมายถงึ เพื่อนและบดิ า
มารดา
• เขยี นบันทกึ และเขยี นรายงานจาก
การศึกษาค้นควา้
• การเขียนเร่ืองตามจนิ ตนาการ
• มารยาทในการเขยี น
ชน้ั ตวั ชี้วดั ๔๓
ป.๕ ๑.คดั ลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทัดและ
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
คร่ึงบรรทัด • การคัดลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทดั และ
๒.เขียนสือ่ สารโดยใชถ้ อ้ ยคำไดถ้ กู ต้อง คร่ึงบรรทัดตามรูปแบบการเขียนตวั
ชัดเจน และเหมาะสม อกั ษรไทย
๓.เขียนแผนภาพโครงเรอ่ื งและแผนภาพ • การเขียนสอื่ สาร เชน่
ความคิดเพอ่ื ใชพ้ ฒั นางานเขยี น - คำขวญั
๔.เขยี นยอ่ ความจากเร่ืองท่อี ่าน - คำอวยพร
- คำแนะนำและอธิบายแสดงขั้นตอน
๕.เขียนจดหมายถงึ ผูป้ กครองและญาติ
๖.เขียนแสดงความรู้สกึ และความคิดเห็น • การนำแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพ
ไดต้ รงตามเจตนา ความคดิ ไปพฒั นางานเขยี น
๗.กรอรกแบบรายการต่างๆ
• การเขียนย่อความจากส่อื ตา่ งๆ เช่น
๘.เขียนเรอ่ื งตามจินตนาการ นิทาน ความเรียงประเภทต่างๆ
๙.มมี ารยาทในการเขียน ประกาศ แจ้งความ แถลงการณ์
จดหมาย คำสอน โอวาท คำปราศรัย
• การเขียนจดหมายถึงผ้ปู กครองและญาติ
• การเขยี นแสดงความร้สู กึ และความ
คดิ เห็น
• การกรอกแบบรายการ
- ใบฝากเงนิ และใบถอนเงิน
- ธนาณัติ
- แบบฝากส่งพัสดุไปรษณยี ภัณฑ์
• การเขยี นเรื่องตามจิตนาการ
• มารยาทในการเขยี น
๔๔
ชน้ั ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ป.๖ ๑.คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดและ
• การคัดลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทัดและ
ครึง่ บรรทัด ครึ่งบรรทัดตามรูปแบบการเขียนตวั
๒.เขยี นส่อื สารโดยใชถ้ อ้ ยคำได้ถกู ต้อง อักษรไทย
ชดั เจน และเหมาะสม
• การเขียนส่ือสาร เช่น
๓.เขยี นแผนภาพโครงเร่อื งและแผนภาพ - คำขวัญ
ความคดิ เพอ่ื ใช้พฒั นางานเขยี น - คำอวยพร
๔.เขียนเรียงความ - ประกาศ
๕.เขยี นยอ่ ความจากเรอ่ื งท่อี ่าน
• การนำแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพ
๖.เขยี นจดหมายสว่ นตัว ความคิด
๗.กรอกแบบรายการต่างๆ • การเขยี นเรียง
๘.เขียนเรอื่ งตามจินตนาการ • การเขียนย่อความจากส่ือต่างๆ เชน่
๙.มีมารยาทในการเขียน นทิ าน ความเรยี งประเภทตา่ งๆ
ประกาศ แจ้งความ แถลงการณ์
จดหมาย คำสอน โอวาท คำปราศรัย
สุนทรพจน์ รายงาน ระเบยี บ คำส่งั
• การเขยี นจดหมายสว่ นตัว
- จดหมายขอโทษ
- จดหมายแสดงความขอบคณุ
- จดหมายแสดงความเห็นใจ
- จดหมายแสดงความยนิ ดี
• การกรอกแบบรายการ
- แบบคำรอ้ งตา่ งๆ
- ใบสมัครศึกษาต่อ
- แบบฝากสง่ พัสดุและไปรษณีย์ภัณฑ์
• การเขยี นเรื่องตามจนิ ตนาการ
• มารยาทในการเขยี น
๔๕
สาระท่ี ๓ การฟงั การดู และการพดู
มาตรฐาน ท.๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวิจารญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และ
ความรูส้ กึ ในโอกาสตา่ งๆ อย่างมวี จิ ารญาณและสรา้ งสรรค์
ชั้น ตัวชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ป.๑ ๑.ฟังคำแนะนำ คำสง่ั ง่ายๆ และปฏิบัติ
• การฟงั และปฏิบัติตามคำแนะนำ คำสง่ั
ตาม ง่าย
๒.ตอบคำถามและเล่าเรื่องที่ฟงั และดทู ้งั • การจับใจความและพดู แสดงความคดิ เห็น
ทเ่ี ปน็ ความรแู้ ละความบนั เทงิ ความรู้สกึ จากเร่ืองที่ฟงั และดู ทง้ั ทเี่ ปน็
๓.พดู แสดงความคดิ เห็นและความรูส้ กึ ความรู้และความบนั เทงิ เชน่
จากเรอ่ื งทฟี่ งั และดู
- เร่อื งเล่าและสารคดสี ำหรบั เด็ก
- นิทาน
- การต์ นู
- เรอ่ื งขบขนั
๔.พูดสอ่ื สารไดต้ รงตามวัตถุประสงค์ • การพดู สื่อสารในชีวิตประจำวัน เช่น
- การแนะนำตนเอง
- การขอความชว่ ยเหลอื
- การกล่าวคำขอบคณุ
- การกลา่ วคำขอโทษ
๕.มมี ารยาทในการฟัง การดู และการ • มารยาทในการฟัง เชน่
พดู - ต้งั ใจฟงั ตามองผู้พดู
- ไม่รบกวนผอู้ นื่ ขณะที่ฟัง
- ไม่ควรนำอาหารหรือเครือ่ งด่ืมไป
รับประทานขณะทฟ่ี ัง
• มารยาทในการดู เช่น
- ตัง้ ใจดู
- ไม่ส่งเสยี งดังหรือแสดงอาการทร่ี บกวน
สมาธขิ องผู้อ่นื
• มารยาทในการพดู เช่น
- ใชถ้ ้อยคำและกิรยิ าทีส่ ภุ าพ เหมาะสม
กับกาลเทศะ
- ใช้นำ้ เสียงนุม่ นวล
- ไมพ่ ูดสอดแทรกในขณะที่ผู้อ่ืนกำลงั พูด
๔๖
ชนั้ ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ป.๒ ๑.ฟังคำแนะนำ คำสั่งที่ซบั ซ้อนและ
• การฟงั และปฏิบัตติ ามคำแนะนำ คำสงั่ ท่ี
ปฏิบัตติ าม ซับซ้อน
๒.เล่าเร่อื งที่ฟังและดูทง้ั ทเี่ ปน็ ความร้แู ละ
ความบนั เทิง • การจบั ใจความและพดู แสดงความคดิ เหน็
๓.บอกสาระสำคัญของเรื่องที่ฟังและดู ความรสู้ ึกจากเร่ืองที่ฟังและดู ทัง้ ที่เปน็
๔.ตง้ั คำถามและตอบคำถามเก่ยี วกับเรื่อง ความรูแ้ ละความบันเทงิ เชน่
ท่ฟี งั และดู
๕.พูดแสดงความคิดเหน็ และความร้สู กึ - เร่ืองเล่าและสารคดสี ำหรับเด็ก
จากเรือ่ งทฟี่ ังและดู - นทิ าน การ์ตนู และเรื่องขบขนั
- รายการสำหรบั เด็ก
๖.พูดสอื่ สารไดช้ ัดเจนตรงตาม - ขา่ วและเหตกุ ารณป์ ระจำวัน
วัตถุประสงค์ - เพลง
๗.มีมารยาทในการฟงั การดู และการ • การพดู ส่ือสารในชีวติ ประจำวัน เชน่
พดู - การแนะนำตนเอง
- การขอความชว่ ยเหลือ
- การกลา่ วคำขอบคุณ
- การกล่าวคำขอโทษ
- การพดู ขอร้องในโอกาสตา่ งๆ
- การเล่าประสบการณใ์ นชีวิตประจำวัน
• มารยาทในการฟัง เช่น
- ตัง้ ใจฟงั ตามองผู้พดู
- ไมร่ บกวนผูอ้ ื่นขณะที่ฟงั
- ไม่ควรนำอาหารหรอื เคร่ืองดื่มไป
รบั ประทานขณะท่ีฟัง
- ไม่พูดสอดแทรกขณะที่ฟงั
• มารยาทในการดู เช่น
- ตง้ั ใจดู
- ไมส่ ่งเสียงดังหรือแสดงอาการทีร่ บกวน
สมาธขิ องผู้อ่ืน
• มารยาทในการพูด เชน่
- ใชถ้ ้อยคำและกิรยิ าท่ีสภุ าพ เหมาะสม
กบั กาลเทศะ
- ใช้นำ้ เสียงนุม่ นวล
- ไม่พูดสอดแทรกในขณะทีผ่ ู้อ่ืนกำลงั พูด
- ไม่พูดล้อเลยี นให้ผู้อ่ืนไดร้ ับความอบั อาย
หรือเสียหาย
-
๔๗
ชน้ั ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ป.๓ ๑.ฟังคำแนะนำ คำสั่งที่ซับซ้อนและ
• การจับใจความและพูดแสดงความคิดเห็น
ปฏิบตั ติ าม ความรสู้ กึ จากเรื่องท่ีฟงั และดู ท้ังที่เปน็
๒.บอกสาระสำคัญของเรอื่ งท่ีฟังและดู ความร้แู ละความบันเทิง เชน่
๓.ต้งั คำถามและตอบคำถามเกย่ี วกับเรือ่ ง
ทฟี่ งั และดู - เร่ืองเล่าและสารคดสี ำหรับเด็ก
๔.พดู แสดงความคดิ เห็นและความรู้สึก
จากเรื่องท่ฟี ังและดู - นทิ าน การ์ตูน และเรื่องขบขนั
๕.พูดสอ่ื สารได้ชดั เจนตรงตาม - รายการสำหรบั เดก็
วตั ถปุ ระสงค์
- ขา่ วและเหตุการณป์ ระจำวนั
๖.มีมารยาทในการฟงั การดู และการ
พูด - เพลง
• การพูดส่ือสารในชวี ิตประจำวัน เช่น
- การแนะนำตนเอง
- การแนะนำสถานที่ในโรงเรียนและชุมชน
- การแนะนำ/เชิญชวนเกี่ยวกับการปฏิบัติ
ตนในดา้ นตา่ งๆเชน่ การรักษาความ
สะอาดของร่างกาย
- การเลา่ ประสบการณใ์ นชีวติ ประจำวนั
- การพูดในโอกาต่างๆ เชน่ การพูด
ขอร้อง การพูดทักทาย การกลา่ วคำ
ขอบคุณและขอโทษ การพดู ปฏิเสธ
และการพดู ซักถาม
• มารยาทในการฟัง เชน่
- ตั้งใจฟัง ตามองผู้พูด
- ไมร่ บกวนผูอ้ ่ืนขณะที่ฟงั
- ไม่ควรนำอาหารหรอื เคร่อื งดื่มไป
รบั ประทานขณะท่ฟี ัง
- ไม่แสดงกริ ิยาท่ีไม่เหมาะสม เช่น โห่ ฮา หาว
- ใหเ้ กยี รติผพู้ ดู ด้วยการปรบมือ
- ไมพ่ ูดสอดแทรกขณะท่ีฟัง
- มารยาทในการดู เชน่ ตั้งใจดู
- ไม่ส่งเสยี งดงั หรือแสดงอาการทรี่ บกวน
สมาธขิ องผู้อ่นื
• มารยาทในการพดู เช่น
- ใช้ถ้อยคำและกริ ิยาท่ีสภุ าพ เหมาะสม
กบั กาลเทศะ
- ใช้น้ำเสียงนุม่ นวล
- ไมพ่ ูดสอดแทรกในขณะที่ผู้อื่นกำลังพดู
- ไมพ่ ูดลอ้ เลียนใหผ้ ู้อ่นื ได้รับความอับอาย
หรือเสยี หาย
๔๘
ช้นั ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ป.๔ ๑.จำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเหน็ จาก • การจำแนกขอ้ เท็จจรงิ และขอ้ คดิ เห็นจาก
เรอ่ื งที่ฟังและดู เร่ืองที่ฟงั และดู ในชวี ิตประจำวนั
๒.พดู สรปุ ความจากการฟังและดู • การจับใจความและพดู แสดงความรู้
๓.พดู แสดงความรู้ ความคิดเหน็ และ
ความร้สู กึ เกย่ี วกับเรอื่ งที่ฟังและดู ความคิดในเรื่องท่ีฟงั และดู จากสื่อต่างๆ
๔.ตงั้ คำถามและตอบคำถามเชงิ เหตผุ ล เชน่
จากเรอื่ งท่ฟี งั และดู - เร่ืองเล่า
- บทความส้นั ๆ
๕.รายงานเร่ืองหรอื ประเดน็ ที่ศกึ ษา - ข่าวและเหตกุ ารณ์ประจำวัน
ค้นควา้ จากการฟัง การดู และการ - โฆษณา
สนทนา - สือ่ อิเล็กทรอนิกส์
๖.มีมารยาทในการฟงั การดู และการ - เรือ่ งราวจากบทเรียนกลุ่มสาระการ
พดู เรียนรูภ้ าษาไทย และกลมุ่ สาระการ
ป.๕ ๑.พดู แสดงความรู้ ความคิดเห็น และ เรยี นรอู้ ื่นๆ
ความรู้สกึ จากเรื่องท่ีฟงั และดู • การรายงาน เช่น
๒.ตงั้ คำถามและตอบคำถามเชิงเหตผุ ล - การพดู ลำดบั ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน
จากเรอ่ื งทฟ่ี ังและดู - การพูดลำดับเหตุการณ์
๓.วเิ คราะหค์ วามนา่ เชอื่ ถือจากเรอ่ื งท่ีฟงั • มารยาทในการฟัง การดู และการพูด
และดอู ย่างมเี หตุผล
• การจับใจความและพดู แสดงความรู้
๔.พดู รายงานเรอ่ื งหรือประเด็นทีศ่ ึกษา ความคิดในเร่ืองที่ฟังและดู จากสื่อตา่ งๆ
ค้นควา้ จากการฟัง การดู และการ เช่น
สนทนา
- เรื่องเลา่
๕.มมี ารยาทในการฟงั การดูและการพูด - บทความ
- ขา่ วและเหตุการณป์ ระจำวัน
- โฆษณา
- สื่อสิ่งอเิ ลก็ ทรอนิกส์
• การวเิ คราะห์ความน่าเชอ่ื ถอื จากเร่ืองที่
ฟังและดูในชวี ติ ประจำวนั
• การรายงาน เชน่
- การพดู ลำดับขัน้ ตอนการปฏิบตั ิงาน
- การพดู ลำดบั เหตกุ ารณ์
• มารยาทในการฟัง การดู การพูด
๔๙
ช้ัน ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ป.๖ ๑. พูดแสดงความรู้ ความเข้าใจ • การพดู แสดงความรู้ ความเข้าใจใน
จดุ ประสงค์ของเรื่องท่ีฟงั และดู จุดประสงค์ของเรื่องที่ฟงั และดูจากส่ือต่างๆ
๒. ตั้งคำถามและตอบคำถามเชิงเหตผุ ล ได้แก่
จากเรือ่ งท่ีฟังและดู - สอ่ื ส่ิงพิมพ์
- สอื่ อิเลคทรอนิกส์
๓.วิเคราะหค์ วามนา่ เช่อื ถอื จากการฟงั • การวิเคราะห์ความนา่ เช่อื ถอื จากการฟงั และ
และดสู ือ่ โฆษณาอยา่ งมีเหตผุ ล ดสู ่ือโฆษณา
๔. พดู รายงานเรื่องหรือประเดน็ ทศี่ กึ ษา • การรายงาน เช่น
ค้นควา้ จากการฟัง การดู และการ - การพดู ลำดับขน้ั ตอนการปฏิบตั งิ าน
สนทนา - การพูดลำดบั เหตุการณ์
๕. พูดโนม้ นา้ วอย่างมีเหตุผล และ • การพดู โน้มน้าวในสถานการณ์ต่างๆ เชน่
นา่ เชื่อถือ - การเลอื กตัง้ กรรมการนักเรยี น
- การรณรงค์ด้านต่างๆ
- การโตว้ าที
๖. มมี ารยาทในการฟงั การดู และการ • มารยาทในการฟัง การดู และการพูด
พดู
สาระท่ี ๔ หลักการใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษา การเปลยี่ นแปลงของภาษาและ
หลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของ
ช้นั ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกรกลาง
ป.๑ ๑. บอกและเขียนพยญั ชนะ สระ • พยัญชนะ สระ และวรรณยกุ ต์
วรรณยกุ ต์ และเลขไทย • เลขไทย
๒. เขยี นสะกดคำ และบอกความหมาย • การสะกดคำ การแจกลูก และการอ่านเป็น
ของคำ คำ
• มาตราตัวสะกดที่ตรงตามาตราและไมต่ รง
ตามมาตรา
• การผันคำ
• ความหมายของคำ
๓. เรยี บเรียงคำเปน็ ประโยคต่างๆ • การแตง่ ประโยค
๔.ต่อคำคล้องจองงา่ ยๆ • คำคล้องจอง