โครงการส่งเสริมการอา่ นตามรอยพระราชจริยวัตร
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชดุ เสดจ็ พระราชดาเนนิ เยือนต่างประเทศ
สมเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจกั รีสริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิรกิ ิจการิณพี ีรยพัฒน
รัฐสมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
จดั ทาโดย
หอ้ งสมุดโรงเรียนนครพนมวิทยาคม
หนังสือพระราชนพิ นธ์
ชดุ เสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สริ กิ จิ การิณพี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
สมเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ
สยามบรมราชกมุ ารี โปรดการอา่ นหนงั สอื และการเขียน ตัง้ แตค่ รงั้ ยงั
ทรงพระเยาว์ ประกอบกับพระปรชี าดา้ นอกั ษรศาสตร์ และภาษา ทัง้
ภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ เป็นเหตใุ หท้ รงเริม่ งานพระราชนพิ นธ์
ทัง้ ร้อยแกว้ และร้อยกรองมากมาย งานพระราชนิพนธท์ เี่ ป็นทีร่ ู้จัก
โดยทวั่ ไป ได้แก่ หนงั สือพระราชนิพนธ์ ชุดเสด็จพระราชดาเนนิ เยือน
ต่างประเทศ งานพระราชนิพนธ์บทกวี และงานพระราชนิพนธแ์ ปล เป็นต้น
หนังสือพระราชนิพนธ์ชดุ เสดจ็ เยอื นไปตา่ งประเทศ
1. การเสด็จฯ เยอื นประเทศฝรงั่ เศส
2. เกลด็ หิมะในสายหมอก
3. แกะรอยโสม
4. ขอใหเ้ จา้ ภาพจงเจรญิ
5. ขา้ มฝ่ ังแหง่ ฝัน
6. ขา้ วไทยไปญีป่ นุ่
7. เขมรสามยก
8. คนื ถิน่ จนี ใหญ่
9. คืนฟา้ ใส
10. เจยี งหนานแสนงาม
11. เฉลมิ พระเกียรติและรวมพระราชนิพนธ์ (พ.ศ.
๒๕๑๐-๒๕๒๐) สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา เจา้ ฟา้ มหา
จักรสี ริ นิ ธร รัฐสีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
12. ชมชอ่ มาลตี
13. ชมดอกไม้ไกลบ้าน
14. ดอยตงุ เชยี งตงุ
15. แดรก๊ คลู ่าผนู้ ่ารกั
จัดทาโดย ห้องสมดุ แสงสงิ แกว้
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จังหวดั นครพนม
หนังสือพระราชนพิ นธ์
ชดุ เสด็จเยอื นไปต่างประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า
เจ้าฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สิริกจิ การิณพี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
หนงั สือพระราชนิพนธช์ ดุ เสดจ็ เยอื นไปตา่ งประเทศ
16. ต้นน้า ภผู า และปา่ ทราย
17. ใต้เมฆทเี่ มฆใต้
18. ทวภิ าคสญั จร
19. ทวั รน์ ้องโจ้
20. ทศั นะจากอนิ เดยี
21. ไทยเทีย่ วพม่า
22. เบอร์ลนิ สนิ้ กาแพง
23. เบิง่ บท่ ัน เบิง่ บ่หมด
24. ประพาสภาษา
25. ประพาสราชสถาน
26. ประพาสอุทยาน
27. ปริศนาดวงดาว
28. ปา่ สูงน้าใส
29. เปิดสะพานมติ รภาพไทย - ลาว
30. ฟ้ นื ภาษา ไดอ้ าหาร
31. มณพี ลอยร้อยแสง : รวมพระราชนพิ นธ์ใน
สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี
32. มนตร์ กั ทะเลใต้
33. มว่ นซืน่ เมืองลาว
34. มหัศจรรยท์ ุกวนั
35. มงุ่ ไกลในรอยทราย
36. เมอื่ ขา้ พเจ้าเป็นนักเรียนนอก
จดั ทาโดย ห้องสมุดแสงสงิ แก้ว
โรงเรยี นนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมอื ง จังหวัดนครพนม
หนงั สือพระราชนิพนธ์
ชดุ เสด็จเยอื นไปต่างประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สิริกิจการณิ พี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
หนังสอื พระราชนิพนธ์ชุดเสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
37. ยามลมหนาว
38. ย่าแดนมงั กร
39. เย็นสบายชายน้า
40. เยือนถิน่ อินเดียนแดง
41. รอยยมิ้ หมขี าว
42. โรมันสัญจร
43. ลดั ฟา้ ล่าวิชาหาอาจารย์
44. ลาวใกล้บ้าน
45. ลาวตอนใต้
46. ลาวเหนอื เมอื่ ปลายหนาว
47. ลยุ ปา่ ฝา่ ฝน
48. เล่าเรือ่ งเมอื งฝรงั่
49. สวนสมทุ ร
50. สิงคโปรส์ ญั จร
51. หวงเหออู่อารยธรรม
52. อนมั สยามมิตร
53. แอนตาร์กติกา : หนาวหน้าร้อน
54. ไอรกั คอื อะไร?
จดั ทาโดย ห้องสมุดแสงสิงแก้ว
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จงั หวดั นครพนม
หนงั สือพระราชนิพนธ์
ชดุ เสด็จเยอื นไปต่างประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า
เจ้าฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สิรกิ จิ การณิ พี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
การเสด็จฯ เยือนประเทศฝรงั่ เศส
สมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยาย เรอื่ ง "การเสด็จฯ เยือนประเทศ
ฝรงั่ เศส" ณ ศาลาศรนี คร สวนมะลิ เมอื่ วันที่ ๒ สิงหาคม
พุทธศกั ราช ๒๕๒๓ ตามคากราบบงั คมทลู เชญิ ของสมาคมครภู าษา
ฝรงั่ เศสแห่งประเทศไทย
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหพ้ ิมพ์
พระราชทานในงานพระราชทานเพลงิ ศพ นายหนว่ ง อนิ ทรสูต
ณ เมรุวัดโสมนสั วิหาร เขตปอ้ มปราบศตั รูพ่าย เมอื่ วนั ที่ ๒๙
ธันวาคม พุทธศกั ราช ๒๕๒๓
จัดทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสงิ แกว้
โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จังหวดั นครพนม
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชุดเสด็จเยอื นไปต่างประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณพี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
เกลด็ หมิ ะในสายหมอก
พระราชนิพนธ์ลาดับท่ี ๒๗ ทที่ รงบนั ทึกไวเ้ ม่ือครัง้ เสด็จพระราชดาเนิน
เยอื นสาธารณรัฐประชาชนจนี ระหวา่ งวนั ท่ี ๔-๑๗ มกราคม พุทธศกั ราช ๒๕๓๗
ซึ่งในพระราชนพิ นธก์ ล่าวนา ได้ทรงเล่าไวว้ า่
“ถึงแม้ขา้ พเจา้ จะเคยเดินทางไปสาธารณรฐั ประชาชนจนี หลายครงั้ แตค่ รง้ั ท่ี
ถอื ว่าเป็นการเดินทางเพื่อประโยชนใ์ นด้านจนี ศกึ ษาอยา่ งแทจ้ รงิ นัน้ คร้งั นถี้ ือว่า
เป็นครัง้ ที่สาม กลา่ วคอื ในครัง้ แรกเดนิ ทางเพ่ือทาความรจู้ ักกบั ประเทศจีน
โดยรวมในพ.ศ. ๒๕๒๔ คร้งั ทีส่ อง พ.ศ. ๒๕๓๓ เพื่อศกึ ษาภาคตะวันตกของจนี
หรือท่รี จู้ ักกันวา่ เส้นทางแพรไหมในสมยั โบราณ ครัง้ ที่สามคอื คร้ังนี้ ตงั้ ใจไป
ศกึ ษาเรอื่ งภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือของจนี คือ มณฑลเหลียวหนงิ จ๋หี ลนิ และ
เฮยหลงเจียง ซึ่งเป็นดินแดนถิ่นกาเนิดของพวกแมนจู ภาษาจนี เรยี กวา่ พวก
หมา่ นโจว ต่อมาไดร้ วมตวั กนั ตั้งราชวงศช์ ิง เขา้ บุกปักกง่ิ และใช้เป็นราชธานี
ต่อมาจนส้ินราชวงศ์ ดนิ แดนตะวนั ออกเฉียงเหนอื ยังเป็นดนิ แดนสาคญั ในประวัติ
การกอ่ ต้งั สาธารณรัฐประชาชนจีน ในปัจจบุ ันกม็ บี ทบาทในดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม
และการเมืองของจนี เนื่องจากมีทรัพยากรอย่มู าก เป็นแหลง่ อตุ สาหกรรมและ
เกษตรกรรม ท้ังยังมีทัศนยี ภาพที่งดงาม สภาพภมู ิศาสตร์ทีน่ า่ ศึกษาเป็นอย่าง
ย่ิง ...”
เกล็ดหมิ ะในสายหมอก จัดพิมพ์เป็นชุด ชุดหนง่ึ มี ๕ เล่ม ไดแ้ ก่
เล่ม ๑ ปักกง่ิ
เลม่ ๒ เหลียวหนิง
เล่ม ๓ จ๋ีหลิน
เล่ม ๔ เฮยหลงเจยี ง
เล่ม ๕ ภาคผนวก
จัดทาโดย ห้องสมุดแสงสิงแกว้
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จงั หวัดนครพนม
หนังสอื พระราชนิพนธ์
ชุดเสด็จเยอื นไปต่างประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกจิ การิณพี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
เกล็ดหมิ ะในสายหมอก
เลม่ ๑ “ปักกงิ่ ” วันที่ ๔-๖ มกราคม ๒๕๓๗
เสด็จพระราชดาเนนิ โดยเครอื่ งบนิ พระทีน่ ัง่ ไปยงั กรุงปักกงิ่ สาธารณรฐั ประชาชน
จีน เสด็จฯ ไปยงั เรอื นรับรองทปี่ ระทบั เตยี้ วหยวู ์ไถ อาคาร ๑๒ ในชว่ งค่า นายซง่ เจีย้ น
มนตรีแห่งรฐั และรฐั มนตรีวา่ การคณะกรรมาธิการวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จดั งาน
เลีย้ งพระกระยาหารค่าถวาย ณ เรอื นรับรองเตยี้ วหยวู ์ไถ อาคาร ๑๐
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรหอสมุดแหง่ ชาตปิ ักกิง่ เป็นทเี่ ก็บหนงั สอื เก่าทีส่ าคญั ของ
ประเทศ มีหนังสืออายถุ งึ ๓,๕๐๐ กวา่ ปี รวมทงั้ หนงั สอื ทีม่ คี ณุ คา่ ทางประวัติศาสตร์และ
วฒั นธรรมจีน หนงั สืออา้ งองิ จดหมายเหตทุ างประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถนิ่ ต่างจงั หวัดระดบั
อาเภอขนึ้ ไป ซงึ่ เป็นข้อมูลพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจนี ด้วย ทอดพระเนตรหนงั สือ
เกา่ และหนังสือหายาก งานซ่อมแซมหนังสอื โบราณ ภาพเขียนและเอกสารโบราณ แผนก
ไมโครฟลิ ม์ จากนนั้ เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรสวนจาลองนานาชาตปิ ักกิง่ เป็น
สวนสาธารณะใหญร่ วมสิง่ ก่อสร้างจากประเทศตา่ ง ๆ สรา้ งตามตาแหนง่ ในแผนทีโ่ ลก
ในชว่ งค่า นายหลีเ่ ผิง นายกรัฐมนตรีและภริยา จัดงานเลยี้ งพระกระยาหารค่าถวาย
เสด็จฯ ไปทรงร่วมงานแนะนาหนังสอื พระราชนพิ นธ์แปล ณ โรงแรมแชงกรีลา ผู้
จดั พิมพ์พระราชนพิ นธแ์ ปล คือ สานกั พิมพ์ซานเหลียน เป็นสานกั พิมพ์ทจี่ ัดตัง้ มากวา่
๖๐ ปีแลว้ มีหน้าทเี่ ชอื่ มความสัมพันธแ์ ละแลกเปลยี่ นวฒั นธรรมกับชาตติ า่ ง ๆ ในการ
ดาเนนิ การแปลไดท้ รงมอบหมายให้มาดามกู้หยา่ จงแปลเรอื่ งตา่ ง ๆ เช่น บันทึก
ประจาวนั ในขณะเสด็จฯ เยอื นประเทศจนี บทความเรอื่ งอนื่ ๆ ทไี่ ดท้ รงแสดงพระราช
ทัศนะไว้ เช่น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กบั การปฏริ ปู บ้านเมอื ง
การศึกษากบั การพัฒนาประเทศ มีพระราชดารวิ ่าการแปลและการพิมพ์หนงั สอื เล่มนเี้ ป็น
การสร้างสรรค์ทางปัญญา และเป็นการแลกเปลยี่ นวฒั นธรรมระหวา่ งกนั ด้วย
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรวดั เจดยี ์พระเขีย้ วแกว้ เรียกอีกชือ่ วา่ วดั หลิงกวง หมายถึง
แสงสว่างแห่งจติ วญิ ญาณหรอื แสงปาฏหิ าริย์ มีวิหารพระพุทธรูปทสี่ มเด็จพระสังฆราช
วดั ราชบพิธ ประทาน สมเดจ็ พระสังฆราชองค์ปัจจุบันเสดจ็ มาเบิกพระเนตร มีพระนามว่า
พระพุทธปฏมิ าวาสนมุนินทร์ หรอื หลวงพ่อปักกงิ่ มีเจดีย์ทองทปี่ ระดษิ ฐานพระเขีย้ วแก้ว
ต่อจากนัน้ เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรย่านการคา้ ในกรงุ ปักกิง่ และทรงซอื้ หนังสือทีร่ ้าน
หนงั สอื ถนนหวังฝูจงิ่ จากนนั้ ประทบั เครอื่ งบนิ พระทีน่ งั่ ของบรษิ ทั นอร์ธเธิรน์ ไชน่า
เสด็จพระราชดาเนนิ ไปยังทา่ อากาศยานเสิน่ หยาง มณฑลเหลยี วหนิง
จดั ทาโดย ห้องสมดุ แสงสิงแก้ว
โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จงั หวดั นครพนม
หนังสอื พระราชนิพนธ์
ชุดเสดจ็ เยอื นไปต่างประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สิรกิ จิ การณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
เกลด็ หมิ ะในสายหมอก
เล่ม ๒ “เหลยี วหนิง” วนั ที่ ๗-๘ มกราคม ๒๕๓๗
มณฑลเหลียวหนิง เป็นมณฑลขนาดกลางแต่อดุ มด้วยทรัพยากร มีการ
พัฒนาทางเศรษฐกิจสงู มีฝ่ ังทะเลยาวถึง ๒,๒๐๐ กิโลเมตร เป็นอันดบั ๒ ของ
จีน มเี มอื งสาคัญ เช่น ตา้ เหลียน หยงิ โข่ว ตานตง และจ่ินโจว มีนโยบายเปิด
ประตสู ู่โลก (ใช้ระบบเศรษฐกิจพิเศษ) คือมนี โยบายให้สทิ ธิประโยชนแ์ กผ่ ู้มาลงทุน
ในมณฑล และมีการลงทุนร่วมกบั ตา่ งประเทศมาก
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑ์ประวัตศิ าสตร์แหง่ มณฑลเหลียวหนิง เป็น
พิพิธภณั ฑท์ สี่ าคัญที่สุดของภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื สร้างต้ังแตค่ .ศ. ๑๙๓๐ เป็น
๑ ใน ๘ พิพิธภัณฑ์สาคญั ของจีน เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรสสุ านตงหลงิ ใกล้
เมอื งเส่ินหยาง สุสานน้ีมอี กี ชอ่ื หนงึ่ ว่า "ฝูหลงิ " ฝู แปลว่า โชคดี หรอื มคี วามสุข
เป็นสสุ านของพระเจ้าหนเู ออ่ ร์ฮาชื่อ ปฐมกษัตรยิ แ์ หง่ ราชวงศ์ชิงหรือเชง็ และพระ
มเหสีในราชนกิ ลู เย่เฮอ้ นาลาซือ สรา้ งในค.ศ. ๑๖๒๙ เสร็จในค.ศ. ๑๖๕๑ ไดท้ รง
เลา่ พระราชทานเร่อื งการเสด็จฯ เยอื นสุสานนี้ ความตอนหนึง่ ว่า
“...ข้ึนบันได เขาเรียกว่าบันไดรอ้ ยแปดข้ัน เท่าจานวนดาวสาคัญในท้องฟา้
(ดาวบนฟา้ ๓๖ ดวง ดาวบนพ้ืนดิน ๗๒ ดวง) แตพ่ ระเจา้ หนเู ออ่ รฮ์ าชอื่ ยังสูงกวา่
ดาวทัง้ หมดน้ี ทางเดินน้ีเรียกว่า ไต้เทยี นเฉยี ง แปลว่าสะพานสวรรค์ คนท่ีข้นึ ไปก็
จะเป็นเซยี น เป็นทางเฉพาะพระจักรพรรดิเช่นเดียวกัน เมื่อหลังการปฏิวัตจิ งึ ให้ใคร
ๆ ขึน้ ได้ เลข ๑๐๘ เป็นเลขมงคล ลกู ประคามักจะมี ๑๐๘ ลกู ...”
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑซ์ นิ เลอ่ เป็นท่ีเกบ็ โบราณวตั ถุสมัยก่อน
ประวตั ศิ าสตร์ทข่ี ุดพบในบริเวณหมบู่ า้ นซึ่งปัจจุบนั อยูใ่ นตาบลซินเลอ่ จากน้ัน
เสดจ็ ฯ ไปทรงรว่ มงานเล้ยี งพระกระยาหารค่า ผูว้ ่าราชการมณฑลเหลยี วหนงิ จัด
ถวาย นอกจากน้ี ณ มณฑลเหลยี วหนงิ เสดจ็ ฯ ไปยงั สถาบันแพทยศาสตร์แผนจนี
แห่งมณฑลเหลยี วหนงิ ทอดพระเนตรการรักษาโรคโดยวธิ ีการฝังเขม็ แผนกนวด
ห้องยา และเสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรวงั โบราณกูก้ ง และสสุ านเปย่ หลิง
จัดทาโดย ห้องสมุดแสงสิงแกว้
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จังหวัดนครพนม
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชุดเสดจ็ เยือนไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สิริกจิ การณิ พี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
เกล็ดหิมะในสายหมอก
เล่ม ๓ “จหี๋ ลิน” วนั ที่ ๙-๑๓ มกราคม ๒๕๓๗
ประทบั รถไฟพระทน่ี ่งั จากสถานีรถไฟเส่ินหยาง มณฑลเหลียวหนงิ เสดจ็ ฯ
ไปยงั สถานีรถไฟฉางชุน มณฑลจหี๋ ลิน ระหว่างทาง ทอดพระเนตรทวิ ทัศนฤ์ ดู
หนาวสองขา้ งทางรถไฟ สว่ นมากมหี มิ ะปกคลุม
มณฑลจหี๋ ลนิ ต้ังอยทู่ างภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจนี อยเู่ หนอื มณฑล
เหลียวหนิง มชี ายแดนตดิ ต่อกับประเทศเกาหลีและรัสเซยี มีพืชพันธธ์ุ ัญญาหาร
อดุ มสมบูรณ์ สามารถส่งออกได้ มธี รรมชาติทงี่ ดงาม เชน่ เทอื กเขาฉางไปซ๋ าน
ในปี ค.ศ. ๑๖๔๔ สมยั ราชวงศ์ชงิ เข้าสภู่ าคกลาง ได้สถาปนาภเู ขาน้ใี ห้เป็นเขา
เทวดาท่เี ทิดทนู บูชา เพราะเป็นแหล่งกาเนดิ ชาติแมนจู จึงเป็นสถานท่ีอนรุ กั ษ์มา
กว่า ๓๐๐ ปี สหประชาชาตปิ ระกาศเป็นมรดกโลก มที ะเลสาบเทียนฉอื บนเขา
เป็นทก่ี าเนดิ ของแมน่ ้าสาคญั ๓ สาย คอื ถูเหมนิ เจยี ง ยาลู่เจียง ซงฮัวเจยี ง มี
น้าไหลออกมาโดยน้าในทะเลสาบไม่แหง้ เลยตลอดปี มีทะเลสาบเซียงไห่ เป็น
ดินแดนแห่งนกน้าหลายชนิด พื้นทแ่ี ถบนีเ้ ป็นทร่ี าบลุ่มแม่น้าเพาะปลกู ไดด้ ี จงึ ถือ
ว่าเป็นฉางขา้ วของประเทศชาติ
ณ มณฑลจี๋หลิน เสดจ็ ฯ ไปยังเรือนรบั รองทปี่ ระทบั อาคาร ๑ ซ่ึงเป็นส่วน
หนงึ่ ของเรือนรับรองทมี่ ีขนาดใหญ่ทส่ี ุดในประเทศจีน คือมีพ้ืนทถี่ งึ ๘๐๐,๐๐๐
ตารางเมตร มี ๒๒ อาคาร ในช่วงค่า ผวู้ า่ ราชการมณฑลจีห๋ ลนิ และภริยา จดั
งานเลีย้ งพระกระยาหารค่าถวาย ณ เรือนรบั รอง อาคาร ๑๐
เสดจ็ ฯ ไปยงั พระราชวงั จกั รพรรดิหุ่นเชดิ ทอดพระเนตรนทิ รรศการจัด
แสดงภาพเกยี่ วกับชวี ติ ของจักรพรรดผิ ู่หยี หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่าพระเจ้า
ปยู ี ซึง่ เคยประทบั ท่วี งั นร้ี ะหวา่ งค.ศ. ๑๙๓๒-๑๙๔๕ จัดแสดงห้องที่เคยประทบั
และสง่ิ ของเครอื่ งใช้ตา่ ง ๆ ตอ่ จากน้ัน เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์
มณฑลจห๋ี ลนิ จัดแสดงเรอ่ื งประวัตศิ าสตร์ของมณฑลแต่คร้งั โบราณ
ทอดพระเนตรหนังสอื โบราณและภาพเขยี นสาคญั แลว้ เสด็จฯ ไปยงั มหาวทิ ยาลัย
ฉางชุน ทรงฟงั การบรรยายเกี่ยวกับกจิ การของมหาวทิ ยาลัย ทอดพระเนตร
กจิ การแผนกการสอนคนพิการ การแสดงดนตรขี องคนพิการ
จดั ทาโดย หอ้ งสมุดแสงสงิ แกว้
โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จงั หวัดนครพนม
หนงั สือพระราชนพิ นธ์
ชดุ เสดจ็ เยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สริ ิกิจการณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
เกล็ดหมิ ะในสายหมอก
เล่ม ๓ “จ๋ีหลนิ ” (ตอ่ )
ณ เมืองจี๋หลนิ ทรงพระดาเนนิ ทอดพระเนตร “อู้ซง”หรือชอื่ เตม็ ๆ ว่า อู้
ซงซ่กู ้วั คอื เกล็ดน้าแขง็ ท่ีเกาะบนตน้ ไม้ เกาะตน้ หลิวและต้นหยางบรเิ วณหน้า
เทศบาลเมืองจห๋ี ลิน เนอ่ื งจากอากาศหนาวจัดและอณุ หภูมลิ ดต่าลงมาก
ประมาณ - ๒๕ ถึง - ๒๐ องศาเซลเซยี ส ทาใหม้ ีเกลด็ น้าแข็งนาน ซง่ึ ชาวจีน
ถอื ว่าเป็นสิริมงคล เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑจ์ หี๋ ลนิ จัดแสดง
นิทรรศการเร่ืองลกู อกุ กาบาต ให้ชอ่ื ว่า “แขกที่มาจากสวรรค์” ทอดพระเนตร
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ศาลเจ้าบูชาขงจอ้ื ทเ่ี รียกวา่ เหวนิ เมย่ี ว เป็นศาลเจ้าท่ี
ใหญ่ทส่ี ุดในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื มีนิทรรศการชวี ประวตั ขิ งจ้อื ในชว่ งค่า
นายกเทศมนตรจี ัดงานเล้ยี งพระกระยาหารค่าถวาย ณ เรอื นรบั รอง อาคาร ๑
แล้วเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการแสดงโคมไฟน้าแข็ง
เช้าวันต่อมา ทรงพระดาเนินไปทอดพระเนตร “อู้ซง”เกล็ดหิมะท่ีเกาะตาม
ต้นไมบ้ ริเวณหน้าเรอื นรบั รองทีป่ ระทับ แล้วเสดจ็ ฯ ไปทรงเยี่ยมโรงไฟฟา้ พลัง
น้าเฟงิ หม่าน เป็นโรงไฟฟา้ เกา่ แก่ ๔๐ กว่าปีมาแล้ว เสดจ็ ฯ ไปยังทะเลสาบซงฮวั
หู น้าในทะเลสาบกลายเป็นน้าแข็ง เสดจ็ พระราชดาเนินกลับเมืองฉางชุน
ทอดพระเนตรการแสดงทางวฒั นธรรมและดนตรใี นโรงละครใหญข่ องเมอื งฉาง
ชุน ต่อมา เสด็จฯไปยงั โรงถา่ ยภาพยนตรเ์ มืองฉางชุน ทอดพระเนตรวงั โบราณ
จาลอง จากนน้ั เสดจ็ พระราชดาเนินไปยงั เมอื งฮารบ์ นิ มณฑลเฮยหลงเจยี ง
โดยรถไฟพระทน่ี ง่ั ท่ีรฐั บาลสาธารณรฐั ประชาชนจีนจดั ถวาย
จัดทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสงิ แก้ว
โรงเรยี นนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จังหวดั นครพนม
หนังสือพระราชนพิ นธ์
ชุดเสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สริ กิ ิจการณิ พี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
เกล็ดหิมะในสายหมอก
เลม่ ๔ “เฮยหลงเจยี ง” วนั ท่ี ๑๔-๑๗ มกราคม ๒๕๓๗
มณฑลเฮยหลงเจียง เป็นมณฑลที่อยเู่ หนือท่ีสุดของจีน มีพรมแดนตดิ กับ
ประเทศรสั เซยี มแี ม่น้าเฮยหลงเจียงกนั้ มณฑลนเ้ี ป็นฐานทสี่ าคัญท่ีสดุ ในดา้ น
อตุ สาหกรรมและเกษตรกรรมของจีน มอี ตุ สาหกรรมปิโตรเคมี เคร่ืองจกั ร
เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ถ่านหิน ปา่ ไม้ อาหารตา่ ง ๆ น้ามันดบิ ท่ีน่มี ีประมาณ
ครึ่งหนึ่งของน้ามนั ทวั่ ประเทศ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ ได้มีการพบมนษุ ย์ก่อน
ประวัตศิ าสตร์หลายแหล่ง เชน่ ทอี่ ง๋ั อ๋ังซี เมืองฉีฉีฮาเออ่ ร์ เป็นมนุษยด์ กึ ดาบรรพ์
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑเ์ ฮยหลงเจยี ง มีนิทรรศการเกยี่ วกบั
ประวตั ศิ าสตร์ วฒั นธรรม และแผนกสัตว์ ทอดพระเนตรวัดรสั เซยี มีชอื่ เรียก
เป็นภาษาจีนว่า ตงเจง้ิ เจี้ยว ภาษาองั กฤษว่า Eastern Orthodox Church
เหตุท่ีเมอื งฮาร์บินมีวดั รัสเซยี เนื่องจากมีชาวรสั เซยี อพยพมาอยมู่ าก ปัจจบุ ันคน
เชอ้ื สายรสั เซยี อยใู่ นบา้ นพักคนชราเป็นส่วนใหญ่ ทอดพระเนตรวดั จ๋ีเลอ่ แปลว่า
ความสขุ อย่างย่งิ ทอดพระเนตรวัดเหวินเมย่ี ว หรอื วัดขงจอื้ จดั แสดง
นิทรรศการพิพิธภณั ฑ์คนกลุ่มน้อยในมณฑลเฮยหลงเจยี ง ซงึ่ มที งั้ หมด ๔๘ ชน
เผ่า แตพ่ ิพิธภณั ฑ์จัดมาแสดง ๘ ชนเผ่า เช่น เผ่าหม่าน เผา่ มองโกล เผ่าตาเว่อร์
เป็นตน้ จากนนั้ เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรความเป็นอยูข่ องชาวตาบลยฉู่ วน
ประทบั เสวยพระกระยาหารกลางวันแบบพื้นเมือง รายการอาหารมีอาทิ ซปุ หู
กวาง หางกวาง เลอื ดกวาง หวั ใจกวาง ผัดกระต่ายปา่ นกไก่ฟา้ ยา่ ง เป็นต้น
ในชว่ งค่า เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการแสดงโคมน้าแขง็ และน้าแขง็ แกะสลักที่
อทุ ยานน้าแขง็ เจาหลนิ น้าแข็งทใ่ี ช้สลกั คัดมาจากแมน่ ้าซงหัว สลักเป็นรปู ตา่ ง ๆ
เชน่ รูปบคุ คลในประวัตศิ าสตร์ รปู อาคาร สถานทีส่ าคญั ต่าง ๆ มีการแขง่ ขัน
แกะน้าแขง็ นานาชาติ
จดั ทาโดย ห้องสมุดแสงสิงแกว้
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จงั หวดั นครพนม
หนงั สอื พระราชนิพนธ์
ชุดเสด็จเยอื นไปต่างประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ิรนิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิรกิ ิจการณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสมี าคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
เกล็ดหิมะในสายหมอก
เลม่ ๔ “เฮยหลงเจียง” (ตอ่ )
ตอ่ จากน้ัน ประทับเคร่อื งบินพระท่ีน่งั ไปยังเมอื งเฮยเหอ ตง้ั อย่รู ิมแม่น้า
เฮยหลงเจียง รมิ แม่น้าฝ่ ังตรงขา้ มเป็นประเทศรัสเซีย น้าในแมน่ ้ากลายเป็น
น้าแขง็ ไม่สามารถเดินเรือได้ แต่ผู้คนเดินข้ามมาจากฝ่ ังรัสเซยี ได้ เสด็จฯ ไป
ยงั หมูบ่ ้านคนุ เหอ ทอดพระเนตรความเป็นอย่ขู องชนเผา่ ตาเว่อร์ ชาวบา้ นสว่ น
ใหญ่ทานา ปลกู ผกั เลี้ยงสตั ว์ เชน่ เป็ด ไก่ หมู เสดจ็ ฯ ท่ีว่าการอาเภออ้ายฮุย
พวกแมนจเู รยี กชอ่ื เมืองอ้ายฮยุ ว่า ซาฮาเลยี นอูลาฮัวทง แปลวา่ เมืองแมน่ ้าดา
ตรงกับความหมายคาวา่ เมืองเฮยเหอในภาษาจีน ทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑ์
ประวัติศาสตร์เมอื งอ้ายฮุย
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑเ์ ฮยเหอ เขตพัฒนาความร่วมมอื ทาง
เศรษฐกิจ ทรงพระดาเนนิ ทอดพระเนตรตลาด มีการซอ้ื ขายสินค้าระหว่างชาว
จนี และชาวรัสเซีย จากนนั้ ประทบั เคร่ืองบินพระท่ีน่ังเสด็จฯ กลบั มายงั เมอื ง
ฮาร์บนิ เสด็จฯ ไปยังสวนสาธารณะสตาลิน มหาวิทยาลยั ปา่ ไม้
จดั ทาโดย ห้องสมุดแสงสิงแก้ว
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมอื ง จังหวัดนครพนม
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชุดเสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สิริกจิ การิณพี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
แกะรอยโสม
พระราชนพิ นธ์ลาดบั ที่ ๑๔ ทีท่ รงบันทกึ ไวเ้ มอื่ ครงั้ เสด็จพระราชดาเนินเยือน
สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรฐั ประชาชนจนี และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน
เกาหลี ระหว่างวนั ที่ ๑๘-๒๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๔ ทรงมพี ระราชทศั นะ
เกีย่ วกบั การเดินทางในครงั้ นีด้ งั ได้ทรงพระราชนพิ นธไ์ วใ้ นคานาวา่
“หลังจากเหตุการณก์ ารรวมเยอรมันในรอบปีทผี่ า่ นมา ขา่ วจากสอื่ มวลชนทเี่ รา
ได้ยนิ ได้ฟงั กันอยใู่ นช่วงนี้ ในบรรดาเรอื่ งราวอันยุ่งเหยิงทัง้ ปวง ก็จะมีเรือ่ งของ
การเจรจาเพื่อความเข้าใจกันระหวา่ งเกาหลีใต้และเกาหลีเหนอื ชนชาตเิ ดยี วกนั ทมี่ ี
ความจาเป็นทตี่ อ้ งแยกจากกนั ด้วยเหตุแห่งสงครามเยน็ อยู่ด้วยเรอื่ งหนงึ่ มคี นมา
ถามข้าพเจ้าหลายครงั้ วา่ มีความรสู้ ึกอย่างไร ทีไ่ ดม้ ีโอกาสไปเยอื นถงึ เกาหลีเหนือและ
เกาหลีใตใ้ นชว่ งเวลาเดยี วกนั เห็นว่าจะมแี นวโน้มทสี่ องประเทศนจี้ ะร่วมเป็นอนั หนงึ่
อันเดยี วกนั ได้หรือไม่
"เมอื่ ฟงั คาถาม ข้าพเจา้ กลับคิดถงึ ข้อวจิ ารณท์ ที่ ่านผใู้ หญ่ทา่ นหนงึ่ ไดเ้ คย
ปรารภกบั ขา้ พเจา้ ถึงเรอื่ งการเดนิ ทางของนักเดินทางหรอื นักสารวจในศตวรรษ
ก่อนทเี่ ขียนเรอื่ งเกยี่ วกับภมู ภิ าคของเรา วา่ เขยี นถกู บา้ งผดิ บ้าง จะเอาอยา่ งไรกับ
คนตา่ งวัฒนธรรมทีแ่ วะมาชวั่ ครู่ชวั่ ยาม ตวั ขา้ พเจา้ เมอื่ เติบโตมา ก็ไม่เคยพานักใน
ประเทศใดประเทศหนงึ่ เกินกวา่ สองสามสัปดาห์ ความรูเ้ กีย่ วกบั ต่างประเทศกม็ อี ยู่
คอ่ นขา้ งจะจากัด การเดนิ ทางไปเกาหลีเหนือ เกาหลใี ต้ ก็อยเู่ พียงประเทศละสามสี่
วนั กอ่ นไปกม็ ไิ ด้เคยคน้ ควา้ เกยี่ วกับประเทศทัง้ สองนอี้ ยา่ งละเอียดถีถ่ ้วน จึงไม่เป็น
การสมควรแตป่ ระการใดทจี่ ะใหข้ ้อคิด หรอื วิจารณ์เรอื่ งราวทลี่ กึ ซงึ้ ของประเทศเขา
สงิ่ ทตี่ ัง้ ใจเขยี นในหนงั สือ “แกะรอยโสม” เลม่ นจี้ งึ เป็นเพียงการเลา่ ถึงสิง่ ทไี่ ด้ไปพบ
เห็นในชัว่ ระยะเวลาสนั้ ๆ และอาจจะสอดแทรกความรูส้ กึ ทีเ่ ป็น “ปฏิกริ ิยาอตั โนมัติ”
ต่อประสบการณด์ งั กล่าว เพื่อผูท้ ไี่ ดอ้ ่านจะได้เก็บเอาข้อมูลดิบเหล่านี้ ไปร่วมกับ
ข้อมลู ทที่ ่านมอี ยแู่ ล้ว ลงความคิดวิเคราะห์ต่อไป
"อนงึ่ ในการเดินทางไปเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ จาเป็นจะตอ้ งหยุดอยู่ที่
กรงุ ปักกิง่ ข้าพเจ้าจึงถอื โอกาสนี้ เพิ่มเตมิ ประสบการณ์เกยี่ วกับประเทศจีนให้แกต่ ัว
ขา้ พเจ้าเองและแกผ่ อู้ ่านทตี่ ดิ ตามการทอ่ งเทยี่ วในโลกกว้างของข้าพเจา้ มาตลอด”
จัดทาโดย หอ้ งสมุดแสงสิงแกว้
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จังหวดั นครพนม
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชดุ เสดจ็ เยอื นไปต่างประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สิริกจิ การณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
แกะรอยโสม
“เกาหลีใต้”
เสดจ็ พระราชดาเนนิ โดยเครอื่ งบนิ พระทนี่ ัง่ จากกรุงเทพ ฯ ไปยังกรงุ โซล
สาธารณรฐั เกาหลี เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติเกาหลี
ทอดพระเนตรงานศลิ ปะตา่ ง ๆ เชน่ ภาพศลิ ปะทางพุทธศาสนา ศิลปะจากเอเชยี
กลาง ซงึ่ ไดร้ บั อิทธพิ ลจากศิลปะสมัยราชวงศ์ถงั พระพุทธรูป เป็นต้น จากนัน้
เสดจ็ ฯ ไปทรงพบประธานาธิบดี โนห์ แต วู และเสวยพระกระยาหารกลางวนั มา
ดามชอย ธิดาประธานาธบิ ดีจดั ถวาย ณ ทาเนียบประธานาธบิ ดี ตอ่ จากนัน้ เสดจ็ ฯ
ไปยังมหาวทิ ยาลยั อีหวา่ เป็นมหาวทิ ยาลัยสตรที เี่ ก่าแกท่ สี่ ุด ทรงเยยี่ มโรงเรยี น
ประถมสาธติ โรงเรยี นอนบุ าล หอสมดุ กลางและพิพิธภณั ฑ์ของมหาวทิ ยาลัย ทรง
แสดงปาฐกถาเรอื่ ง การสอนวิชาเกษตรแกน่ กั เรียนในเมืองและในชนบท ณ หอ้ ง
ประชุมของมหาวทิ ยาลัย ในช่วงค่า เสวยพระกระยาหารค่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
การต่างประเทศจัดถวาย ณ ทาเนียบรัฐมนตรี
วันต่อมา เสด็จฯ ไปยังมหาวิทยาลยั จุงอัง เป็นมหาวทิ ยาลัยเอกชนทเี่ กา่ แกแ่ หง่
หนงึ่ ของเกาหลใี ต้ ทรงรับการทลู เกล้าฯ ถวายปริญญาดษุ ฎบี ัณฑติ กิตตมิ ศกั ดิ์
สาขาศกึ ษาศาสตร์ จากนัน้ เสดจ็ ฯ ไปยงั องค์การพัฒนาชนบท ทีเ่ มือง Suweon
เป็นหนว่ ยงานทีม่ ีหน้าทีใ่ นการพัฒนาชนบททัง้ หมด รวมทัง้ งานด้านการเกษตร การ
วิจยั การพัฒนาและสง่ เสริม กับการจัดตงั้ องค์การของเกษตรกร และร่วมมือกบั
ประเทศตา่ ง ๆ ให้มาศกึ ษาดงู าน แลว้ เสด็จฯ ไปยงั สถานวี จิ ัยหมอ่ นไหม
เสด็จพระราชดาเนนิ โดยรถไฟพระทนี่ ัง่ จากสถานรี ถไฟกรงุ โซลไปยงั เมอื งเคยี ง
จู ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๔ ชัว่ โมง จงึ เสวยพระกระยาหารกลางวนั บนรถไฟ ชอื่
เมอื งเคยี งจูมีความหมายในภาษาเกาหลีวา่ “Happy promise” ณ เมอื งเคยี งจู
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรวัดพุลกกุ ซา ชอื่ วดั มคี วามหมายวา่ ดนิ แดนของพระพุทธเจ้า
สรา้ งในครสิ ต์ศตวรรษที่ ๖ และได้รับการบูรณะใหมใ่ นครสิ ต์ศตวรรษที่ ๑๘-๒๐
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตเิ มืองเคียงจู สุสานราชวงศ์ Silla
เมอื งเคยี งจนู ีม้ ศี ิลปวัตถุมาก จงึ เรียกวา่ เป็นพิพิธภัณฑ์ทไี่ มม่ ีกาแพง เป็นแหลง่
ศกึ ษาทางดา้ นศลิ ปวฒั นธรรม มกี ารควบคมุ ความสงู ของอาคาร บรู ณะบา้ นเรอื นเก่า
ๆ และรกั ษาสงิ่ แวดล้อมอย่างดี ยูเนสโกจึงไดป้ ระกาศใหเ้ มอื งเคยี งจูเป็นวัฒนธรรม
ของโลก
จัดทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสิงแกว้
โรงเรยี นนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จงั หวัดนครพนม
หนังสอื พระราชนิพนธ์
ชดุ เสดจ็ เยือนไปตา่ งประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สริ กิ ิจการณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
แกะรอยโสม
“จีน”
เสดจ็ พระราชดาเนนิ โดยเครือ่ งบินพระทีน่ งั่ จากกรงุ โซล สาธารณรัฐเกาหลี ไป
ยงั กรงุ โตเกยี ว ประเทศญปี่ ุน่ แล้วประทบั เครือ่ งบนิ พระทนี่ งั่ ของสายการบินจีน
เสดจ็ ฯ ต่อไปยงั กรงุ ปักกงิ่ สาธารณรฐั ประชาชนจนี ณ กรุงปักกงิ่ เสดจ็ ฯ ไปยัง
สถาบันสารวจทรพั ยากรธรรมชาตดิ ้วยดาวเทยี ม ทอดพระเนตรนิทรรศการและ
โครงการศึกษาวจิ ยั เกยี่ วกับรโี มทเซนซงิ่ การสาธิตระบบขอ้ สนเทศทางภมู ิศาสตร์
เสด็จฯ ไปยงั สถาบันวิจัยภาวะแวดลอ้ ม ทอดพระเนตรศูนยค์ อมพิวเตอร์
ห้องปฏิบัติการทางวทิ ยาศาสตร์ เสด็จฯ ไปยงั ศนู ยก์ ีฬาและบันเทงิ คงั เลอ่ กง ศนู ย์
การค้าเปย่ ฉิง
วนั ต่อมา เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรกิจการของโรงงานเคมภี ัณฑท์ ี่ ๔ ซงึ่ ผลติ
สิง่ ของเครือ่ งใช้ประจาวันประเภทสบู่ ครมี มหี อ้ งปฏบิ ัติการทางดา้ นพืชสมนุ ไพร
แล้วเสดจ็ ฯ ไปยังโรงงานผลิตเสือ้ เชิต้ เสอื้ ผ้าสาเร็จรูป ส่วนใหญ่เป็นยีห่ อ้ จาก
ตา่ งประเทศ มีเครอื่ งคอมพิวเตอรช์ ว่ ยในการออกแบบ
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรสวนหยวนหมิงหยวน สรา้ งในสมยั ราชวงศ์ชิง ชอื่
อาคาร สวนและสระน้าในสวนแห่งนลี้ ้วนมคี วามหมายต่าง ๆ ทีไ่ พเราะ เชน่ ทะเลสาบ
ฟูไ่ ห่ คอื ทะเลแหง่ ความสุข ทอดพระเนตร “หมกี ง” แปลว่าวังหลงทาง มลี กั ษณะ
เป็นเขาวงกต มกี าแพงเป็นปูน ตรงกลางเป็นศาลา เป็นสัญลกั ษณ์ของสวรรค์
ทอดพระเนตรบริเวณทีเ่ คยเป็นทีต่ ัง้ พระราชวังเดิม ซงึ่ มลี กั ษณะทางสถาปัตยกรรม
แบบตะวนั ตก จากนนั้ เสดจ็ ฯ ไปยงั สถาบันวจิ ยั พฤกษศาสตร์เซยี งซาน ขนึ้ กับสภา
วจิ ยั วทิ ยาศาสตร์จีน มีการวจิ ยั เรอื่ งพืช และมีสวนพฤกษศาสตรท์ มี่ พี ืชกวา่ ๕,๐๐๐
ชนดิ ทอดพระเนตรสวนสนทสี่ ะสมสนพันธต์ุ ่าง ๆ เรือนกระจกทรี่ วบรวมพืชหลาย
ชนิด รวมทัง้ พืชเมืองรอ้ น สวนไม้ใบไม้ดอก เป็นต้น
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรการเรียนการสอนภาษาไทยทมี่ หาวทิ ยาลยั ปักกิง่
พระราชทานพระราชวโรกาสใหน้ ักศึกษาไทยเฝา้ ฯ จากนัน้ เสด็จฯ ไปยังถนนซโู จว
เป็นถนนเข้าสวนพระราชวังฤดูร้อนคือวังอีเหอหยวน ทรงพระดาเนินทอดพระเนตร
ร้านค้าต่าง ๆ แล้วเสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตร "โจวโข่วเตยี้ น" ซงึ่ เป็นทคี่ ้นพบมนษุ ย์
ปักกิง่ ทมี่ ชี ือ่ เสียง ทอดพระเนตรถ้ามนษุ ย์ปักกิง่ พิพิธภัณฑท์ จี่ ัดแสดงเรอื่ งมนษุ ย์
โบราณ เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรวดั หยุนจู มีชอื่ เรยี กอีกชือ่ ว่า วดั ซีหยูว เป็นทเี่ กบ็
แผ่นศิลาจารกึ พระไตรปิฎกภาษาจีนทีส่ มบรู ณม์ าก ในชว่ งค่า เสวยพระกระยาหารค่า
นายหลี่ เผิง นายกรฐั มนตรีจัดถวาย ณ เรือนรับรองเตยี้ วหยูวไถ อาคาร ๑๘
จัดทาโดย ห้องสมุดแสงสิงแก้ว
โรงเรยี นนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จงั หวัดนครพนม
หนังสือพระราชนิพนธ์
ชุดเสด็จเยือนไปต่างประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สริ ิกจิ การิณพี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
แกะรอยโสม
“เกาหลีเหนอื ”
เสด็จพระราชดาเนินโดยเครอื่ งบนิ พระทนี่ งั่ จากกรุงปักกงิ่ ไปยงั กรงุ เปียงยาง
สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนเกาหลี ประทับรถยนตพ์ ระทนี่ ัง่ ทอดพระเนตร
สถานทสี่ าคัญของกรุงเปียงยาง นครหลวงของสาธารณรัฐ เป็นเมืองทสี่ ร้างขนึ้ มา
ใหมเ่ พราะเมอื งเกา่ ถูกระเบิดเสียหายมากในระหว่างสงคราม เสด็จฯ ไปทรงพบนาย
Li Jong Ok รองประธานาธิบดี และเสวยพระกระยาหารค่า รองประธานาธิบดี จัด
ถวาย ณ ตึกรัฐสภามนั ซแู ด
วันต่อมา เสดจ็ ฯ ไปทรงพบนาย Yang Hyong Sop ประธานสภาประชาชน
สูงสุด รองประธานาธบิ ดี และรองนายกรฐั มนตรี ณ ตกึ รัฐสภามันซูแด ทรงรับการ
ทูลเกลา้ ฯ ถวายเครอื่ งอสิ รยิ าภรณส์ ูงสดุ ของประเทศ และปริญญาดุษฎีบณั ฑติ
กิตติมศักดิ์ สาขารฐั ศาสตร์ และสังคมศาสตร์
เสด็จฯ ไปยงั พิพิธภัณฑป์ ระวตั ศิ าสตร์ ทอดพระเนตรการจัดแสดงสงิ่ ตา่ ง ๆ ที่
น่าสนใจ อาทิ ววิ ฒั นาการของมนษุ ย์ตงั้ แตม่ นุษย์ Picanthrop ทพี่ บในเปียงยางเมอื่
ปี ๑๙๖๖ เครือ่ งมือหินเมอื่ ลา้ นปีมาแลว้ ซากดกึ ดาบรรพ์สมยั Paleolithic อายุราว
๑๐๐,๐๐๐ ปี พบทเี่ ปียงยางเมอื่ ปี ๑๙๗๗ เป็นต้น ในชว่ งบา่ ย เสดจ็ ฯ ไป
ทอดพระเนตรบา้ นเกิดประธานาธิบดี กมิ อิล ซงุ ที่ Mangyongdae ทยี่ งั รักษา
สงิ่ ของเครือ่ งใช้ทคี่ ณุ ปูค่ ณุ ยา่ และประธานาธบิ ดเี คยใช้ เชน่ เครอื่ งใช้ในการทาไร่ทานา
เครือ่ งทอผ้า เครอื่ งทาบะหมี่ เครอื่ งสบั หญ้าเลยี้ งสัตว์ โอ่งดองกิมจิ จากนัน้ เสดจ็ ฯ
ทอดพระเนตรเขือ่ นทะเลตะวนั ตก ทีเ่ มอื งนามโป เป็นเขือ่ นกัน้ ปากน้าแตดง ใช้เวลา
สร้างถึง ๕ ปี มปี ระโยชนห์ ลายด้าน ทงั้ ดา้ นการคมนาคม ปอ้ งกันอุทกภัย ชกั น้าเขา้ มา
ใชต้ ามไร่นาได้ และยังปอ้ งกันน้าเค็มขนึ้ มาในแมน่ ้า ในช่วงค่า เสด็จฯ ไปทอดพระเนตร
การแสดงทโี่ รงละครมนั ซแู ด
เสดจ็ ฯ ไปทรงพบประธานาธบิ ดีกิม อิล ซงุ และเสวยพระกระยาหารกลางวนั
ประธานาธิบดีจดั ถวาย ณ ทาเนยี บประธานาธิบดี จากนนั้ เสด็จฯ ไปทรงเยยี่ ม
โรงพยาบาลหญงิ หรือโรงพยาบาลสตู กิ รรม เป็นศนู ย์บริการแม่และเด็กสว่ นกลาง
ประสานงานกับศูนย์ทวั่ ประเทศ เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรสถานรี ถไฟใต้ดิน สถาบนั
ศิลปะมันซูแด วังเยาวชนมนั ซแู ด มีหอ้ งกจิ กรรมตา่ ง ๆ สาหรบั เยาวชน อาทิ สระวา่ ย
น้า ห้องกระโดดน้า หอ้ งดนตรี ห้องวาดภาพ หอ้ งคอมพิวเตอร์ หอ้ งวิทยาศาสตร์
ทอดพระเนตรการแสดงของเด็ก มกี ารแสดงดนตรี ระบาพื้นเมอื ง วงดนตรีพื้นเมือง
ระบาเตะฟุตบอล ระบาบัลเลต์ และการแสดงยิมนาสตกิ ประกอบเพลง
จัดทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสงิ แก้ว
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จงั หวดั นครพนม
หนงั สอื พระราชนิพนธ์
ชดุ เสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า
เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สิรกิ จิ การิณพี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ
พระราชนพิ นธ์ลาดบั ท่ี ๑๕ ท่ีทรงบันทึกไวเ้ ม่ือคร้ังเสด็จพระราชดาเนนิ
เยอื นสาธารณรัฐฟลิ ิปปินส์ ระหวา่ งวนั ที่ ๒๗ สิงหาคม ถึง ๒ กันยายน
พุทธศักราช ๒๕๓๔ เป็นการเสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรฐั ฟลิ ปิ ปินสค์ รงั้ แรกของ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจ้า กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราช
กมุ ารี ตามคากราบบงั คมทูลเชิญของรฐั บาลฟลิ ิปปินส์ และยงั ได้เสด็จฯ ไป
ทรงรบั รางวลั ของมลู นิธริ ามอน แมกไซไซ สาขาบรกิ ารชมุ ชน (Public
Service) ไดท้ รงเล่าพระราชทานเกย่ี วกับความเป็นมาของมลู นธิ ริ ามอน แมก
ไซไซไว้ในพระราชนิพนธ์ ความตอนหนึ่งวา่
“...ประธานาธบิ ดีแมกไซไซไดเ้ ขา้ ดารงตาแหน่งเมอื่ ปี ค.ศ. ๑๙๕๓ ท่าน
พยายามเสรมิ สรา้ งความม่ันคงและรกั ษาความสงบเรยี บร้อยของประเทศด้วย
การพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากทีท่ า่ นประสบอุบตั เิ หตทุ างเครอ่ื งบิน ถึงแก่
อนจิ กรรมได้ ๖ สปั ดาห์ จอห์น ด.ี รอ้ กกเ้ี ฟลเลอร์ ได้มจี ดหมายลงวนั ท่ี ๓๐
เมษายน ๑๙๕๗ ถงึ ประธานาธบิ ดีการ์เซียว่า ทรสั ตีของ Rockefeller
Brothers Fund ขอก่อต้งั มลู นิธิกองทุนรามอน แมกไซไซ เพื่อใหร้ างวลั แก่
ชาวเอเชียทเ่ี ป็นผู้นาซงึ่ มอี ุดมการณท์ ่จี ะสรา้ งสรรคป์ ระโยชน์สขุ ของปวงชน
ประดจุ ประธานาธิบดแี มกไซไซ (คาว่าเอเชยี หมายถึงดินแดนท่จี รดญ่ปี ุน่ ทาง
ทิศตะวันออก ทางใตถ้ งึ อนิ โดนีเซีย ตะวันตกถึงอัฟกานสิ ถาน รวมดนิ แดนใน
เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ และเอเชียใต้) ...”
เสดจ็ พระราชดาเนนิ โดยเครือ่ งบินพระทีน่ ่งั ออกจากกรงุ เทพฯ ไปยังกรงุ
มะนิลา สาธารณรัฐฟลิ ิปปินส์ เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรหนงั สอื ณ ร้านหนังสอื
ลา โซลิดาริดาด (La Solidaridad) เจ้าของรา้ นชือ่ นายโฮเซ่ (F. Sionil
Jose) เป็นหนง่ึ ในผูท้ เี่ คยไดร้ บั รางวลั แมกไซไซ รา้ นน้ยี งั เป็นสานกั พิมพ์ พิมพ์
วารสารวชิ าการทางประวัติศาสตร์และรฐั ศาสตร์ชอื่ โซลิดาริต้ี และเป็นท่ี
นักวิชาการมกั จะมาพบปะสงั สรรค์กนั จากนนั้ เสดจ็ ฯ ไปยังทาเนยี บมาลากนั
ยัง ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์เกบ็ เรอ่ื งราวส่งิ ของของประธานาธบิ ดฟี ลิ ปิ ปินส์
และมีสว่ นทเี่ กบ็ ทรพั ยส์ นิ ของประธานาธิบดีมารค์ อส และเสวยพระกระยาหารค่า
ประธานาธบิ ดี คอราซอน อาคิโน จัดถวาย ณ ทาเนียบมาลากันยงั
จดั ทาโดย ห้องสมดุ แสงสงิ แก้ว
โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จังหวดั นครพนม
หนังสือพระราชนิพนธ์
ชดุ เสด็จเยือนไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สิริกจิ การิณพี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
ขอให้เจา้ ภาพจงเจรญิ (ต่อ)
วนั ต่อมา เสดจ็ ฯ ไปยงั พิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ ทอดพระเนตร
นทิ รรศการตา่ งๆ อาทิ ภาพจิตรกรรมฝีมอื จติ รกรฟลิ ปิ ปินส์ซ่ึงไดร้ ับอิทธิพล
สกุลชา่ งสเปน เน้อื หาของภาพเล่าเรอื่ งประวัติศาสตรข์ องฟลิ ปิ ปินสใ์ นสมยั
ตา่ งๆ นิทรรศการแสดงวฒั นธรรมภาคพื้นทะเล อารยธรรมกอ่ นประวตั ิศาสตร์
เป็นต้น ต่อจากน้นั เสดจ็ ฯ ไปยงั กรมแผนท่ี (National Mapping and
Resource Information Authority, NAMRIA) อยู่ที่ Fort Bonifacio
ซึง่ เป็นปอ้ มของสเปนสมัยโบราณ ดาเนนิ งานจัดทาแผนทีแ่ ละโครงการศึกษา
ตา่ งๆ เชน่ โครงการศกึ ษาความเสียหายทีเ่ กิดจากการระเบดิ ของภเู ขาไฟพินาทู
โบ การทาแผนท่ีสาหรบั วางแผนการพัฒนาปา่ ไม้ เป็นต้น แล้วเสด็จฯ ไปยัง
ธนาคารพัฒนาเอเชยี (Asian Development Bank, ADB) จากนัน้ เสดจ็ ฯ
ไปยังจังหวัด Pampanga ทอดพระเนตรบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากภเู ขาไฟ
ระเบิด บรเิ วณหมบู่ ้านที่ถกู ปกคลุมด้วยโคลนปนเถ้าถา่ นจากภเู ขาไฟ
ทอดพระเนตรภเู ขาไฟทีย่ ังมีควันคกุ รนุ่ อยู่
เสด็จฯ ไปยงั สถาบนั วิจยั ขา้ วระหว่างประเทศ (International Rice
Research Institute, IRRI) ทรงฟงั การบรรยายเกยี่ วกบั กจิ การของสถาบัน
ความสมั พันธร์ ะหวา่ งประเทศไทยกบั IRRI ทรงเปิดปา้ ยฉลอง ๓๐ ปีแหง่
ความสมั พันธ์ระหว่างไทยกับ IRRI จากน้ัน เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรแปลงข้าวท่ี
เป็นโครงการศึกษาเก่ยี วกับการปลกู ขา้ ว ๗ โครงการ อาทิ โครงการขา้ วขึน้ น้า
(deep water rice) โครงการผลิตและปรบั ปรงุ สายพันธุข์ ้าว เป็นต้น
ทอดพระเนตรนทิ รรศการ หอ้ งปฏิบัตกิ ารทางวิทยาศาสตร์ หอ้ งเกบ็ เมล็ดพันธ์ุ
พืช เสดจ็ ฯ ไปยงั มหาวิทยาลยั แหง่ ฟลิ ิปปินส์ ทีเ่ มืองลอสบายอส
ทอดพระเนตรดอกดอนยา่ สองพันธ์ทุ ผ่ี สมข้นึ ดอกหน่งึ ตั้งชื่อตามพระ
นามาภไิ ธยสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ อีกดอกหนง่ึ ตัง้ ตามชือ่
Mrs Magsaysay ต่อจากน้ัน เสดจ็ ฯ ไปยงั สถาบัน SEARCA เป็นสถาบัน
คน้ คว้าเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชน รับผิดชอบงานเก่ยี วกบั การพัฒนาชนบท
อุตสาหกรรมการเกษตร และการพัฒนาอย่างยง่ั ยนื
จัดทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสิงแก้ว
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จังหวดั นครพนม
หนังสอื พระราชนพิ นธ์
ชดุ เสดจ็ เยือนไปตา่ งประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า
เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สิริกจิ การณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
ขอให้เจ้าภาพจงเจรญิ (ต่อ)
นอกจากนี้ ยงั ได้พระราชทานพระราชวโรกาสใหน้ ายเจมส์ รัช (Dr
James Rush) ขอพระราชทานสมั ภาษณเ์ ก่ยี วกบั พระราขประวัตแิ ละพระราข
กรณยี กิจ เพื่อการจัดทาเอกสารประวัตผิ ูไ้ ดร้ บั รางวลั แมกไซไซ ตอ่ มา เสด็จฯ
ไปเสวยพระกระยาหารกลางวนั ณ มลู นธิ ิรามอนแมกไซไซ และทรงแสดง
ปาฐกถาเก่ียวกบั พระราชกรณยี กิจประกอบสไลดใ์ หแ้ กส่ มาชิกกลุ่มสตรตี ่างๆ
เสดจ็ ฯ ไปทรงรว่ มพิธีมอบกุญแจเมือง และการวางพวงมาลาทีอ่ นสุ าวรยี ์
Rizal ณ Rizal Park เสดจ็ ฯ ไปยังสุสานเหนือ ทรงวางพวงมาลา ณ ทฝี่ งั
ศพประธานาธิบดีแมกไซไซ เสด็จฯ ไปยงั ศนู ย์วัฒนธรรมเพื่อทรงซอ้ มรับ
รางวัลแมกไซไซ ตอ่ จากนนั้ เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมมหาวทิ ยาลัย Santo Tomas
เป็นมหาวทิ ยาลัยท่เี ก่าแก่ท่สี ุดในฟลิ ปิ ปินส์ สงั ฆราชเมืองมะนิลาสรา้ งไวต้ ง้ั แต่
คริสต์ศตวรรษท่ี ๑๖ หรือ ๑๗ และทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑ์ศลิ ปะและ
วิทยาศาสตร์ พิพิธภณั ฑธ์ รรมชาติวิทยา พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์ ในชว่ งบา่ ย
เสด็จฯ ไปยังศนู ยว์ ฒั นธรรม เพื่อทรงรบั รางวลั แมกไซไซ จากนน้ั เสดจ็ ฯ ไป
ทรงรว่ มงานเลีย้ งของมลู นิธริ ามอนแมกไซไซ และทรงดนตรี
เสดจ็ ฯ ไปยงั Suncruises Pier ประทบั เรอื พระท่นี ่ังไปทอดพระเนตร
เกาะ Corrigidor เป็นเกาะผาหนิ อยคู่ มุ ทางเข้าอ่าวมะนลิ า เคยเป็นทต่ี งั้ กอง
ทหารสหรฐั ระหวา่ งสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ ทอดพระเนตรอโุ มงค์ Malinta ซง่ึ
เป็นกองบัญชาการของอเมรกิ ันแหง่ หนึง่ ในระหวา่ งสงคราม ภายในอุโมงค์มี
การแสดงแสงเสยี งเล่าประวัติศาสตร์ในชว่ งน้ี เสดจ็ ฯ ทอดพระเนตรนาฏศลิ ป์
ของคณะ Bayanihan Philippine Dance Company ณ ศูนยว์ ัฒนธรรม
และเสดจ็ ฯ ไปทรงมอบเงนิ รางวัลที่ทรงไดร้ บั จากมูลนิธิรามอน แมกไซไซให้แก่
ประธานาธิบดี เพื่อใชใ้ นสาธารณประโยชน์ ณ ทาเนยี บมาลากนั ยัง
จดั ทาโดย ห้องสมุดแสงสงิ แก้ว
โรงเรยี นนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมอื ง จังหวดั นครพนม
หนังสือพระราชนพิ นธ์
ชุดเสดจ็ เยอื นไปต่างประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สริ กิ ิจการณิ พี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
ขา้ มฝ่ ังแห่งฝัน
พระราชนิพนธล์ าดบั ท่ี ๓๔ เป็นบันทึกการเสด็จพระราชดาเนนิ เยือนส
หราชอาณาจกั ร ระหว่างวนั ที่ ๔ ถงึ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศกั ราช ๒๕๓๘
หลังจากทไี่ ดเ้ สดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรัฐฝร่ังเศส ตามรายละเอียดใน “สวน
สมุทร” พระราชนิพนธล์ าดับที่ ๓๓
การเสดจ็ พระราชดาเนนิ เยอื นสหราชอาณาจักรครั้งนี้ เสดจ็ ฯ ไปทรงเปิด
งานสาคญั ๒ งานในกรุงลอนดอน คอื งานด้านดนตรไี ทยศกึ ษาที่
มหาวทิ ยาลัยลอนดอน และนทิ รรศการเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระ
เจา้ อย่หู ัว ในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัตคิ รบ ๕๐ ปี ณ สมาคมภูมิศาสตร์
แหง่ ชาติ และเสด็จฯ เยอื นสถานที่สาคัญอน่ื ๆ ไดแ้ ก่ สวนพฤกษศาสตร์ควิ
พิพิธภณั ฑป์ ระวัติศาสตรธ์ รรมชาติ พิพิธภณั ฑด์ นตรี ตลาดปลาบลิ ลิงสเกต
พระราชวงั วินดเ์ ซอร์
นอกจากนี้ เสดจ็ ฯ เยือนเมอื งอะเบอรด์ ีน (สกอตแลนด์) ทอดพระเนตร
สวนพฤกษศาสตร์ครกุ แชงค์ หอพรรณไม้ และเสด็จฯ ไปทรงรบั การทลู เกล้าฯ
ถวายปรญิ ญาดุษฎบี ัณฑติ กิตตมิ ศกั ด์ิ สาขากฎหมาย ณ มหาวทิ ยาลยั อะเบอร์
ดนี จากนน้ั เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรปราสาท Crathes สร้างขึ้นในสมยั
ครสิ ต์ศตวรรษท่ี ๑๖ ซงึ่ นอกจากมีอาคารจดั แสดงสงิ่ ของมคี า่ เหมอื น
พิพิธภัณฑ์ ยงั มีสวนดอกไม้และปา่ ละเมาะทส่ี วยงาม และเสดจ็ ฯ ไป
ทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑด์ นตรี Balnain House ท่ีรวบรวมเครอ่ื งดนตรี
พ้ืนเมืองของสกอตแลนด์ และไดท้ รงพระดาเนินทอดพระเนตรภูมิประเทศใน
ชนบทสกอตแลนด์
จัดทาโดย ห้องสมุดแสงสิงแกว้
โรงเรยี นนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จงั หวัดนครพนม
หนังสือพระราชนพิ นธ์
ชดุ เสด็จเยือนไปต่างประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สิรกิ ิจการณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
ขา้ วไทยไปญปี่ ุน่
การเสดจ็ พระราชดาเนินเยอื นประเทศญปี่ ุน่ ตามคาเชญิ ของ
สถาบันวจิ ยั ข้าวนานาชาติ เพ่ือทรงร่วมงาน JAPAN-IRRI DAY ทนี่ คร
โตเกียว และทรงบรรยายพิเศษเร่อื งข้าวไทย โดยทรงบรรยายถงึ ประวตั ิ
ขา้ วไทย ต้ังแตส่ มยั โบราณ ความสาคัญของขา้ วตอ่ เศรษฐกจิ ของ
ประเทศพระราชกรณยี กจิ ดา้ นการเกษตรของพระบาทสมเด็จพระ
ปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 วิถีชีวิตประเพณี และ
วัฒนธรรมตา่ ง ๆ ของไทยทเ่ี กย่ี วข้องกบั ข้าว การบรรยายครัง้ น้ีทาให้
ขา้ วไทยเป็นทนี่ ่าสนใจและเป็นผลดีต่อการสง่ ออกข้าวของประเทศไทย
จัดทาโดย หอ้ งสมุดแสงสิงแก้ว
โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จังหวดั นครพนม
หนงั สือพระราชนพิ นธ์
ชดุ เสดจ็ เยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สิริกิจการิณพี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
เขมรสามยก
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ
สยามบรมราชกมุ ารี ทรงบนั ทกึ เรื่องราวในโอกาสเสด็จพระราชดาเนิน
เยอื นประเทศกัมพูชา ๓ ครัง้ ครง้ั แรกระหวา่ งวนั ที่ ๒๕-๒๗ สิงหาคม
พุทธศกั ราช ๒๕๓๕ คร้ังท่สี อง วนั ท่ี ๘ มกราคม พุทธศกั ราช ๒๕๓๖
และครัง้ ที่สาม ระหวา่ งวันท่ี ๑๒-๑๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๖ ด้วย
ความสนพระทัยศึกษาเรอ่ื งราวของประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะในเร่อื ง
อิทธิพลของศลิ ปวฒั นธรรมเขมรทม่ี ีตอ่ ไทย เช่น ด้านภาษาและวรรณคดี
รปู แบบทางศลิ ปกรรมและสถาปัตยกรรม
จดั ทาโดย ห้องสมุดแสงสงิ แกว้
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จังหวดั นครพนม
หนังสือพระราชนิพนธ์
ชุดเสด็จเยอื นไปต่างประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สริ กิ ิจการิณพี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
คืนถนิ่ จนี ใหญ่
พระราชนพิ นธล์ าดับท่ี ๔๑ ในชุดเสด็จพระราชดาเนินเยือนต่างประเทศ
และเป็นครงั้ ท่ี ๘ ของการเสดจ็ พระราชดาเนนิ เยอื นสาธารณรฐั ประชาชนจีน
ทรงบนั ทึกไวเ้ มื่อครั้งเสด็จพระราชดาเนินเยอื นสาธารณรฐั ประชาชนจีนและ
ฮ่องกง ระหว่างวนั ท่ี ๒๕ มิถุนายน – ๔ กรกฎาคม พุทธศกั ราช ๒๕๔๐
นอกจากจะเสด็จฯ เยือนสถานทสี่ าคัญต่างๆ ในมณฑลกวางตุ้งแล้ว ยงั เสด็จฯ
ไปทรงร่วมพิธีส่งมอบฮอ่ งกงคืนแก่จนี เมือ่ วันที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศกั ราช
๒๕๔๐ อนั ถือเป็นเหตกุ ารณ์ทางประวัตศิ าสตรท์ ่ีสาคญั ของโลกดว้ ย
วนั ที่ ๑ (วันพุธที่ ๒๕ มิถนุ ายน พุทธศักราช ๒๕๔๐)
เสดจ็ ฯ ถงึ ทา่ อากาศยานนครซานโถว เสดจ็ ฯ ไปยงั โรงแรม Golden Gulf
นายโจวรือ่ ฟาง นายกเทศมนตรีนครซานโถวจดั พระกระยาหารค่าถวาย ณ โรงแรม
ดงั กลา่ ว นครซานโถวหรือซวั เถาไดร้ ับการจดั ใหเ้ ป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษใน ค.ศ.
๑๙๘๒ แม้จะยังมีการลงทนุ นอ้ ยกว่าทเี่ สิน่ เจนิ้ และจไู ห่ แตเ่ ศรษฐกิจขยายตวั สูงมาก
ในทศวรรษ ๑๙๙๐ มกี ารสร้างโครงสรา้ งพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน รายได้
สาคญั มาจากการคา้ สนิ ค้าออกไดแ้ ก่ เคมภี ณั ฑ์ เครอื่ งไฟฟา้ เครือ่ งจกั รกล
เวชภณั ฑ์ การฝมี อื (เย็บปักถกั รอ้ ย เครอื่ งเซรามิก แกะสลกั หนิ และแกะสลกั ไม้)
อุตสาหกรรมอาหาร ทัง้ ยงั เป็นเขตเกษตรกรรมทีส่ าคัญ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เป็น
แหลง่ ผลิตข้าว นอกจากนยี้ ังมีความสาคญั ด้านศลิ ปวัฒนธรรม ทมี่ ีชอื่ เสยี งมากคือ
งวิ้ แตจ้ วิ๋ รวมทงั้ วฒั นธรรมอาหาร
วันที่ ๒ (วนั พฤหัสบดที ี่ ๒๖ มถิ นุ ายน พุทธศักราช ๒๕๔๐)
เสด็จฯ ไปยังสสุ านฝังฉลองพระองค์และพระมาลาของสมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ
มหาราช ทหี่ มู่บา้ นหัวฝู่ อาเภอเฉิงไห่ เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรบ้านต้นตระกูลหวงั่ หลี
ทหี่ มู่บา้ นเฉียนเหมย ตาบลหลงตู อาเภอเฉิงไห่ ต่อจากนัน้ เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตร
ท่าเรือโบราณจางหลงิ และศาลบรรพบุรษุ ตระกลู เฉิน นายกเทศมนตรีเมืองเท่งไฮ้
จดั พระกระหารกลางวันถวาย ณ โรงแรม Shantou International หลงั จากนัน้
เสดจ็ ฯ ไปท่าเรือซวั เถา และเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรมหาวิทยาลัยซัวเถา
จัดทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสิงแก้ว
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมอื ง จังหวดั นครพนม
หนงั สือพระราชนิพนธ์
ชดุ เสดจ็ เยอื นไปต่างประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สริ กิ จิ การิณพี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
คนื ถิน่ จนี ใหญ่ (ตอ่ )
วันท่ี ๓ (วันศุกร์ที่ ๒๗ มถิ ุนายน พุทธศกั ราช ๒๕๔๐)
เสด็จฯ ไปยงั เมอื งเฉาโจว (แตจ้ ิว๋ ) ซง่ึ “…เป็นเมอื งเก่าแก่ ตั้งขนึ้ เมอ่ื
ประมาณศตวรรษท่ี ๓ เป็นเขตหา่ งไกลลา้ หลงั ต่อมาในต้นคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๕
ตรงกบั ปลายราชวงศจ์ น้ิ ตะวันออก (ค.ศ.๓๑๗–๔๒๐) ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็น
ศูนย์กลางปกครองแห่งหนึ่งในดินแดนตะวนั ออกเฉยี งใต้ และมาเจริญรงุ่ เรอื ง
มากในราชวงศถ์ ัง (ค.ศ.๖๑๘–๙๐๗) … เมอื งแตจ้ ๋วิ เป็นถิน่ ฐานเดมิ ของชาวจีน
อพยพแตจ้ ๋ิวที่กระจายไปท่ัวเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้และอีกหลายประเทศ ชาว
จนี แต้จิว๋ เดินทางสโู่ พ้นทะเลด้วยเรอื สาเภอหวั แดงผ่านจางหลินหรือซวั เถา
ขน้ึ อยู่กับว่าอพยพออกมาในชว่ งเวลาใด…พ้ืนท่เี มืองเฉาโจวและนครซวั เถาทมี่ ี
ชาวจีนแตจ้ ๋วิ อาศยั อยมู่ ากน้ัน เรียกรวมๆ กนั วา่ เฉาซาน ใน ค.ศ.๑๙๘๖
รฐั บาลจีนไดป้ ระกาศใหเ้ มอื งเฉาโจวเป็นเมอื งประวัติศาสตร์…”
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรวัดไคหยวนไทย ศาลเจ้าหันเหวนิ คง และวดั ไค
หยวน รองนายกเทศมนตรีเมอื งเฉาโจว จดั พระกระหารกลางวันถวาย ณ
โรงแรมจนิ ม่าน ตอ่ จากนนั้ ประทับเครอื่ งบนิ พระท่ีน่งั เสดจ็ ฯ ไปยงั นครกวาง
โจว เสดจ็ ฯ ไปยงั มหาวทิ ยาลัยภาษาตา่ งประเทศและการคา้ ตา่ งประเทศกวาง
โจว รองผวู้ า่ ราชการมณฑลกวางโจว จัดพระกระยาหารค่าถวาย ณ โรงแรม
White Swan
วันที่ ๔ (วนั เสาร์ท่ี ๒๘ มถิ นุ ายน พุทธศกั ราช ๒๕๔๐)
เสด็จฯ ไปยงั พิพิธภณั ฑสถานสสุ านหนานเยว่ พิพิธภัณฑ์กวางโจว
อนุสาวรยี ์ ๕ แพะ พิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นเมืองกวางต้งุ (บ้านตระกูลเฉนิ ) ศาลเจ้า
จเู่ มย่ี ว เมืองโฝซาน ศูนยศ์ ิลปหัตถกรรมพ้ืนเมอื งโฝซาน และสานักงาน
ชลประทานลุม่ แมน่ ้าจูเจียง พระราชทานเลย้ี งอาหารค่าแก่เจา้ หน้าทฝี่ า่ ยจีน
ณ ภตั ตาคารผันซี
จัดทาโดย หอ้ งสมุดแสงสิงแก้ว
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จงั หวัดนครพนม
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชุดเสดจ็ เยือนไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สิริกจิ การณิ พี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
คนื ถนิ่ จีนใหญ่ (ตอ่ )
วันท่ี ๕ (วันอาทติ ย์ที่ ๒๙ มถิ นุ ายน พุทธศักราช ๒๕๔๐)
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑ์สงครามฝ่ นิ หรือเรียกอีกอย่างหนงึ่ วา่
อนสุ รณ์สถานหลนิ เจ๋อสู ต้งั อยทู่ ่ีตาบลหูเ่ หมิน เมืองตงก่วน ซึ่งเป็นเมอื ง
โบราณ มีอายุประมาณ ๑,๗๐๐ ปี มีประวตั ศิ าสตรย์ าวนานตั้งแตส่ มยั สามก๊ก
ประชาชนมรี ายไดส้ ูง เมืองพัฒนาอยา่ งรวดเร็วตั้งแต่ประเทศจีนใชน้ โยบาย
เปิดประเทศ ต่อจากนั้น เสด็จฯ ไปปอ้ มปืนเวยหยว่ น เสดจ็ ฯ ไปเขตเศรษฐกจิ
พิเศษเส่ินเจน้ิ รองประธานสภาผู้แทนประชาชนเมืองเสิ่นเจ้ิน จัดพระกระยาหาร
กลางวนั ถวาย ณ โรงแรมแชงกริลา เสิ่นเจิ้นเป็นเขตเศรษฐกจิ พิเศษแหง่ แรก
ของจีน ห่างจากฮ่องกงเพียงแม่น้าเสิ่นเจิน้ กัน้ พ้ืนที่ ๒,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร
มโี ครงสร้างพ้ืนฐานดี ค่าแรงถกู การขนสง่ สะดวกรวดเรว็ การลงทุนจาก
ต่างประเทศ และปรมิ าณสนิ ค้าส่งออกเพ่ิมขน้ึ อย่างรวดเร็ว
หลังจากนน้ั เสด็จฯ ไปยงั ศนู ย์แสดงสินค้าอตุ สาหกรรมเมืองเสิ่นเจน้ิ และ
ดา่ นหวงกงั เมืองเส่ินเจ้ิน ทรงเปล่ยี นรถยนต์พระที่นัง่ และเสดจ็ ฯ ต่อไปยงั
ฮ่องกง ประทบั เฮลิคอปเตอร์พระทีน่ ัง่ ทอดพระเนตรทศั นียภาพฮ่องกง เสด็จฯ
ไปยังพิพิธภัณฑป์ ระวัติศาสตรฮ์ อ่ งกง ซ่ึงเป็นสถานทร่ี วบรวม ศึกษา รวมท้ัง
แสดงวัสดุโบราณ และวตั ถทุ ่ีแสดงถึงวฒั นธรรม โบราณคดี ประวตั ิศาสตร์
ชาตพิ ันธว์ุ ิทยาของเกาะฮอ่ งกง และบริเวณจีนใต้ นักโบราณคดพี บว่ามีการต้ัง
ถน่ิ ฐานครงั้ แรกของมนุษยบ์ นเกาะฮอ่ งกงประมาณ ๕,๐๐๐ ปีมาแลว้
นอกจากน้ียงั แสดงให้เหน็ ถึงสภาพของเกาะฮอ่ งกงนบั แต่อดตี จนถึงปัจจุบนั
เสวยพระกระยาหารค่าบนเรอื พระที่นงั่ บรติ าเนีย และทอดพระเนตรการแสดง
ของวงโยธวาทติ นาวิกโยธนิ อังกฤษ
จดั ทาโดย หอ้ งสมุดแสงสงิ แกว้
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จงั หวดั นครพนม
หนังสือพระราชนพิ นธ์
ชดุ เสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า
เจ้าฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สริ ิกิจการิณพี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
คืนถิน่ จีนใหญ่ (ต่อ)
วันที่ ๖ (วนั จันทร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๐)
เสด็จฯ ไปยงั ถนน Tai Tam Reservoir เพื่อทรงพระดาเนินตามเสน้ ทางเดนิ
ทางไกลวลิ สนั สว่ นที่ ๒ “เส้นทางวิลสันนเี้ ป็นเส้นทางเดนิ เขาทลี่ อรด์ เดวดิ วิลสัน
แห่งทลิ ยอรน์ อดีตผู้วา่ ราชการฮอ่ งกง เป็นผู้รเิ ริม่ ทา่ นผู้นีช้ อบการปีนเขาและเดนิ
ทางไกลมาก…เส้นทางวลิ สันนนั้ เชือ่ มเส้นทางเดนิ และอทุ ยานแห่งชาติเป็นแนวเหนือ
ใต้…ความยาวตลอดเสน้ ทาง ๗๘ กโิ ลเมตร สว่ นเสน้ ทางแมคเลโฮส เป็นเสน้ ทาง
เดินทางไกลเส้นแรกของฮ่องกง…ยาวกวา่ ๑๐๐ กโิ ลเมตร…”
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรกจิ การของ The Princess Alexandra Red
Cross Residential School กาชาดฮ่องกง หลังจากนัน้ เสดจ็ ฯ กลบั ทีป่ ระทับ
เสวยพระกระยาหารกลางวัน และพระราชทานพระราชวโรกาสใหศ้ าสตราจารย์
Wang Gang Wu และนาย Louis Cha (กิมยง้ ) เฝา้ ฯ ตามลาดบั ต่อจากนนั้
เสดจ็ ฯ ไปทรงร่วมพิธี Farewell Ceremony ที่ East Tamer และพิธีสง่ มอบ
ฮอ่ งกง ณ อาคาร Hong Kong Convention and Exhibition Centre
Extension
วนั ที่ ๗ (วันองั คารที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศกั ราช ๒๕๔๐)
เวลา ๐๐.๑๕ น. ของวนั ที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๙ ทรงรว่ มในพิธีประกาศตัง้ คณะ
ผบู้ รหิ ารเขตบรหิ ารพิเศษฮ่องกง และการสาบานตนเขา้ ดารงตาแหน่ง ซงึ่ มีชอื่ พิธี
เป็นภาษาอังกฤษว่า The Ceremony for the Establishment of the Hong
Kong Special Administrative Region of the People’s Republic of
China and the Inauguration of the Government of the Hong Kong
Special Administrative Region ในเวลา ๐๘.๓๐ น.เสด็จฯ ไปทรงรว่ มพิธี
เฉลิมฉลองการก่อตัง้ เขตบรหิ ารพิเศษฮ่องกง ณ Hong Kong Convention
and Exhibition Centre Extension ชว่ งบ่าย เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตร
ตึกเซน็ ทรลั พลาซา ซงึ่ เป็นอาคารสานักงานทนั สมยั อยูใ่ จกลางยา่ นธุรกจิ ทสี่ าคัญ
แห่งหนงึ่ ของฮอ่ งกง มรี ะบบสาธารณปู โภคพื้นฐานและเครอื ขา่ ยโทรคมนาคมที่
ทันสมยั หลงั จากนนั้ เสด็จฯ ไปทรงรว่ มงานเลยี้ งรับรอง เนอื่ งในโอกาสก่อตงั้ เขต
บรหิ ารพิเศษฮ่องกง ตอนค่า เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรดอกไมไ้ ฟทีต่ กึ Far East
Finance Centre
จดั ทาโดย หอ้ งสมุดแสงสิงแกว้
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จังหวัดนครพนม
หนังสือพระราชนิพนธ์
ชดุ เสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สิรกิ จิ การิณพี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
คนื ถิน่ จนี ใหญ่ (ตอ่ )
วนั ที่ ๘ (วนั พุธที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศกั ราช ๒๕๔๐)
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรสะพานแขวน ทอ้ งฟา้ จาลอง และยอดเขาวกิ ตอเรีย
(Victoria Peak)
วนั ที่ ๙ (วันพฤหัสบดที ี่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๐)
ประทับเรอื ยนต์พระทีน่ ัง่ ไปยงั มาเกา๊ หรอื ทีภ่ าษาจนี เรียกว่า โอวเหมิน ซงึ่ เป็นเกาะ
อยู่ติดแผ่นดินใหญ่ ทอดพระเนตรปอ้ มกีอา (Guia Fort) หรอื มชี อื่ เต็มวา่ The
Fortess of Our Lady of Guia คาว่า “กอี า” นภี้ าษาโปรตเุ กสแปลวา่ การนา
หรอื การเดนิ เรอื นายทหารโปรตุเกสเป็นผสู้ ร้างในปี ค.ศ.๑๖๓๗–๑๖๓๘ บนจุดทสี่ งู
ทสี่ ุดของมาเก๊า เพื่อปอ้ งกนั ชายแดนดา้ นทตี่ ดิ กับจีน และทอดพระเนตรซากโบสถ์
เซน็ ตป์ อล (Basilica of Sao Paulo) โบสถน์ เี้ รยี กอีกชือ่ หนงึ่ วา่ The Church of
the Mother of God (Mater Dei) ผ้กู ่อสรา้ งเป็นชาวญปี่ ุน่ ทนี่ บั ถือศาสนาครสิ ตผ์ ู้
หนมี าจากเมืองนางาซากิ สร้างในชว่ ง ค.ศ.๑๖๐๒–๑๖๓๗ ถอื เป็นศนู ยก์ ลางของ
ศาสนาโรมนั คาทอลกิ ทางตะวันออกไกล ต่อจากนนั้ เสด็จฯ ไปยงั ศาลาเทศบาล ทรง
พบนายกเทศมนตรี และทอดพระเนตรหอ้ งสมดุ เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑ์
ทางทะเล (Macao Maritime Museum) ซงึ่ แสดงวฒั นธรรมโปรตเุ กสและจนี ศาล
เจา้ เจ้าแมอ่ าม่า ทินเฮา่ หรอื หมาจู่ ซงึ่ เป็นเทพลทั ธเิ ต๋าผู้คมุ้ ครองคนเดนิ เรือ ตอ่ จากนัน้
ผ้วู า่ ราชการมาเก๊าจดั พระกระยาหารกลางวันถวาย ณ ทาเนยี บผู้วา่ ราชการ
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรบ้านเกิดของประธานาธบิ ดีซนุ ยดั เซน็ (ค.ศ.๑๘๖๖–
๑๙๒๕) หรือซนุ อีเ้ ซยี นในภาษาจีนกลาง หรอื ทเี่ รยี กกันอย่างยกย่องว่า ซนุ จงซาน ณ
เมืองจงซาน ปัจจบุ ันจดั เป็นพิพิธภณั ฑ์แสดงชีวประวัตขิ อง ดร.ซนุ ยัดเซ็น และ
วฒั นธรรมของชาวบา้ นซุ่ยเฮงิ เสดจ็ ฯ ไปยังเมืองจไู ห่ (หรือมฉี ายาว่าเมืองรอ้ ยเกาะ)
เพื่อทอดพระเนตรโรงงาน Asia Simulation & Control Engineering (Zhuhai)
Corporation Limited (ASC) ซงึ่ เป็นโรงงานสรา้ งแบบจาลองทใี่ หญ่ทสี่ ุดในจนี
และมสี ว่ นทาให้จีนสร้างโรงงานปรมาณูได้ เสดจ็ ฯ ไปยงั ทา่ เรอื จวิ่ โจว ประทับเรอื
Hydrofoil กลบั ฮอ่ งกง
วันที่ ๑๐ (วนั ศุกร์ที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศกั ราช ๒๕๔๐)
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรกิจการของมหาวทิ ยาลัยฮ่องกง หลงั จากนัน้ เสดจ็ ฯ
ไปยงั ทา่ อากาศยานไคตกั๊ ประทับเครอื่ งบนิ พระทนี่ ัง่ เสดจ็ ฯ กลบั สกู่ รงุ เทพมหานคร
จดั ทาโดย หอ้ งสมุดแสงสิงแก้ว
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จงั หวดั นครพนม
หนังสอื พระราชนพิ นธ์
ชุดเสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า
เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สริ กิ ิจการิณพี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
คนื ฟา้ ใส
พระราชนิพนธ์ลาดับที่ ๙ จากบนั ทึกการเสด็จพระราชดาเนนิ เยือน
ราชอาณาจกั รนอร์เวย์ และราชอาณาจักรเดนมารก์ ระหวา่ งวนั ที่ ๑๗- ๒๖ มิถนุ ายน
พุทธศกั ราช ๒๕๓๒ พระราชดารเิ กีย่ วกบั การเดินทางครัง้ นี้ ได้ทรงพระราชนิพนธไ์ ว้
ในคานาวา่
“หลงั จากเครง่ เครยี ดกับการดูงานวชิ าการ ดังทไี่ ด้พรรณนาไวใ้ นหนงั สือ
“ปริศนาดวงดาว” แลว้ ในปีเดียวกนั ยงั ไดไ้ ปประเทศนอร์เวย์ นบั เป็นประสบการณท์ ดี่ ี
คอื ไดศ้ กึ ษาพื้นทตี่ า่ ง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เหนือเสน้ อารก์ ตกิ ดินฟา้ อากาศช่วงนี้
สวา่ งกระจา่ งแจง้ จึงเป็นทมี่ าของชอื่ หนงั สือ “คืนฟา้ ใส”
ข้าพเจา้ ไดไ้ ปนอรเ์ วยค์ รัง้ นีเ้ ป็นครัง้ แรก ถงึ จะเป็นระยะเวลาอันสนั้ ก็พยายาม
สงั เกตความเป็นไปของประเทศเทา่ ทีจ่ ะเป็นไปได้ ทงั้ ในด้านกายภาพ สงั คม เศรษฐกิจ
การเมอื ง พอทจี่ ะเป็นบนั ทึกไว้ได้ เมอื งหลายเมืองทขี่ ้าพเจา้ ไปถึง เป็นเมอื งที่
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัวเคยเสดจ็ พระราชดาเนินเมอื่ ๘๐ ปีมาแลว้
ไดอ้ ่านในพระราชนิพนธ์ “ไกลบ้าน” จงึ ขออัญเชิญพระราชนพิ นธม์ าลงพิมพ์ไวด้ ว้ ย
เพื่อทา่ นผอู้ ่านจะได้เปรยี บเทยี บอย่างชัดเจนด้วยตนเองว่าในเวลาเกือบศตวรรษ มีสิง่
ใดทคี่ งอยู่อยา่ งเดมิ หรอื เปลีย่ นไปเช่นใด”
ในการเสด็จพระราชดาเนนิ ครงั้ นี้ ไดป้ ระทบั เครือ่ งบินพระทนี่ งั่ จากกรงุ เทพ ฯ
เสด็จฯ ไปยงั กรงุ โคเปนเฮเกน ราชอาณาจกั รเดนมารก์ จากนนั้ ประทบั เครือ่ งบินพระที่
นงั่ เสดจ็ ฯ ไปยงั กรงุ ออสโล ราชอาณาจกั รนอร์เวย์ เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรสถานที่
ทนี่ า่ สนใจต่าง ๆ ไดแ้ ก่ พิพิธภัณฑป์ ระวัตศิ าสตรธ์ รรมชาติ ทรงฟงั การบรรยายเกีย่ ว
ภมู สิ ัณฐานและธรณีวทิ ยาของนอร์เวย์ ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์แร่ ซากดกึ ดาบรรพ์
ตา่ ง ๆ ภเู ขาโฮลเมนคอลเลน ซงึ่ เป็นสถานทกี่ ระโดดสกที มี่ ชี อื่ เสียงและมพี ิพิธภณั ฑส์ กี
ศูนยก์ ารศึกษาเพื่อบุคคลตาบอดและสายตาไม่ปรกติ ทอดพระเนตรกิจกรรมการสอน
นักเรียน และการฟ้ นื ฟูสมรรถภาพผู้พิการ การฝึกงานซงึ่ เป็นส่วนของอาชวี บาบัด
บรษิ ัท นอรส์ ก์ ไฮโดร ซงึ่ มีกจิ การเกีย่ วกับการผลติ ปุย๋ กิจการน้ามันและกา๊ ซ
ธรรมชาติ
จดั ทาโดย หอ้ งสมุดแสงสิงแก้ว
โรงเรยี นนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมอื ง จงั หวัดนครพนม
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชุดเสด็จเยอื นไปต่างประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ิรนิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สิริกิจการณิ พี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
คนื ฟา้ ใส (ตอ่ )
เสด็จฯ ไปเฝา้ พระเจา้ โอลาฟ ณ พระราชวงั หลวง แลว้ โดยเสด็จฯ ไปยัง
พระราชวังฤดรู อ้ น ซงึ่ พระเจา้ โอลาฟพระราชทานเลีย้ งพระกระยาหารกลางวัน
ต่อจากนนั้ เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑเ์ รอื ไวกงิ้ พิพิธภัณฑพ์ ื้นเมอื ง (Folk
Museum) ทอดพระเนตรนิทรรศการภายนอกอาคาร มบี ้านชาวนาแบบต่าง ๆ ทนี่ ยิ ม
ปลกู หญา้ ไวบ้ นหลังคาเพื่อปอ้ งกันไม่ให้หลงั คาปลิว และบางครัง้ ชาวนากน็ าแพะขึน้ ไป
กินหญา้ บนนัน้ ทรงพระดาเนินทอดพระเนตรทศั นียภาพอาณาบริเวณโดยรอบซึง่ มที ุ่ง
หญา้ ภเู ขา ปา่ ไม้ มโี รงเรยี นโบราณ โบสถโ์ บราณสมยั ค.ศ. ๑๒๐๐
เสดจ็ ฯ ไปทรงเยยี่ มมหาวิทยาลัยเกษตรทเี่ มอื งออส ซงึ่ เมอื งนเี้ คยเป็นดนิ แดน
ใต้ธารน้าแข็งมาก่อน เมือ่ หมดยุคน้าแขง็ น้าทะเลเขา้ มาท่วม พอน้าแหง้ พื้นดนิ จงึ
กลายเป็นพื้นทเี่ กษตรทอี่ ุดมสมบรู ณม์ าแตย่ คุ โบราณ ทรงฟงั การบรรยายเกยี่ วกบั
ความเป็นมาของมหาวทิ ยาลยั และการพัฒนาการเกษตรของนอรเ์ วย์ ทอดพระเนตร
กจิ การโคนม แผนกสตั วบาล และภาควชิ าต่าง ๆ
เสดจ็ ฯ ไปยังเมอื งทรอนไฮม์ ระหว่างทาง ทรงแวะเยยี่ มพิพิธภณั ฑด์ นตรี
รงิ เว ซงึ่ เป็นแหลง่ สะสมเครอื่ งดนตรจี ากทัว่ โลก ทอดพระเนตรโบสถ์นดี ารอส ที่
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัวเคยเสดจ็ ฯ มาทอดพระเนตร โบสถ์นเี้ ป็น
สถานทสี่ าคัญหลายประการ คือเป็นทฝี่ งั ศพเซนต์โอลาฟ กษตั รยิ ์ไวกิง้ ทเี่ ขา้ รตี นบั ถอื
ครสิ ตศ์ าสนา เป็นสถานทปี่ ระกอบพิธีบรมราชาภเิ ษกกษตั ริยน์ อร์เวยห์ ลายพระองค์
เป็นทเี่ กบ็ และจดั แสดงเครอื่ งราชกกุธภณั ฑ์ และมอี อร์แกนทใี่ หญท่ สี่ ดุ ใน
สแกนดิเนเวีย คือมีทอ่ ถงึ ๙,๐๐๐ ท่อ เสด็จฯ ไปยังมูลนิธิการวจิ ยั ทางวิทยาศาสตร์
และการอตุ สาหกรรม ซงึ่ เป็นสถาบนั วิจยั ทใี่ หญท่ สี่ ดุ ในยุโรปเหนือและดาเนินงานโดย
ไมค่ ดิ หวงั ผลกาไร มขี อบข่ายงานศึกษาวจิ ัยดา้ นตา่ ง ๆ อาทิ สภาพแหลง่ น้า การ
กาจดั น้าเสีย การเพาะเลยี้ งสัตวน์ ้า การปอ้ งกนั น้าท่วมและการกัดเซาะ เป็นต้น
จากนนั้ ประทับเครือ่ งบินพระทนี่ งั่ จากเมืองทรอนไฮม์ ซงึ่ อยูใ่ นเขตอบอนุ่
(Temperate Zone) คอื บริเวณทีอ่ ยู่ระหวา่ งเส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ ๒๓ ๑/๒
องศาเหนือ) กับเสน้ อารก์ ติกเซอร์เคิล (๖๖ ๑/๒ องศาเหนอื ) เสดจ็ ฯ ไปยงั เมือง
ทรอมซอื ซงึ่ เป็นการบินขา้ มเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล (๖๖ ๑/๒ องศาเหนือ) เข้าสู่เขต
อารก์ ติก
จดั ทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสิงแกว้
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จงั หวัดนครพนม
หนังสอื พระราชนพิ นธ์
ชุดเสด็จเยือนไปต่างประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สริ ิกจิ การณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
คนื ฟา้ ใส (ต่อ)
ณ เมอื งทรอมซือ เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรทอ้ งฟา้ จาลอง (Planetarium)
ทอดพระเนตรการแสดงความเป็นมาของแสงเหนอื (Northern Lights) และชวี ิต
บรเิ วณขัว้ โลกเหนอื ทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑท์ รอมซอื ซงึ่ จัดแสดงชีวติ ในนอร์เวย์
ทางเหนอื สมัยก่อน และชวี ติ ความเป็นอยูข่ องชาวแลป้ (Lapps) ซงึ่ นยิ มเลยี้ งกวาง
เรนเดยี ร์ไว้เป็นสตั ว์เศรษฐกิจ และเป็นเครือ่ งแสดงฐานะความร่ารวยของเจา้ ของ
เสดจ็ ฯ ไปยังเมอื งโฮนนงิ สโว้ก ประทับเรอื ยนต์พระทีน่ ัง่ ทอดพระเนตรทวิ ทัศน์
มภี เู ขาหิน บางชว่ งมนี ้าตกเลก็ ๆ ไหลลงทะเล ทอดพระเนตรวิธีการตกปลาของชาว
นอรเ์ วย์ ซงึ่ ไม่ใช้คันเบด็ แตใ่ ชเ้ ชอื กพลาสติกหยอ่ นลงไปในทะเล ปลายเชือกมตี ะขอ
หลายตะขอ มีพลาสตกิ สีแดงอยเู่ หนือตะขอเพื่อลอ่ ปลาใหม้ างบั ตะขอ ส่วนใหญ่เป็น
ปลาค้อด และปลา Coal Fish หรอื มีอีกชือ่ ว่า Rock Salmon ทอดพระเนตรเกาะนก
ซงึ่ มีนกนางนวลจานวนมาก
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรโบสถ์ประจาเมืองทรอมซอื สร้างขนึ้ ใน ค.ศ. ๑๘๘๕
เสด็จฯ ไปทรงเยยี่ มบรษิ ทั FRIONOR ทากจิ การจบั ปลา แปรรูปเป็นปลาแช่แข็ง และ
ส่งขายทัว่ โลก เสด็จฯ ไปทรงเยยี่ มพิพิธภัณฑน์ อรด์ แคป ทอดพระเนตรนิทรรศการ
ท้องถิน่ ประกอบแผนที่ จัดแสดงวิธกี ารถนอมอาหารของทอ้ งถนิ่ คอื การทาปลาแห้ง
และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประมงสมยั กอ่ น
เสด็จฯ ไปทรงเปิดศาลาไทยที่ Nordkapp Plateau มหี อ้ งเกบ็ หินที่
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ทรงลงพระปรมาภไิ ธยไว้ และจดั แสดง
เอกสารต่าง ๆ เกยี่ วกับการเสดจ็ ฯ ในครัง้ นัน้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา้ กรม
สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงบนั ทกึ ถึงการเสดจ็ ฯ นอรด์
แคป ความตอนหนงึ่ ว่า
“...การเยอื นนอร์ดแคปของขา้ พเจา้ เป็นไปอย่างง่าย ๆ เพียงไดไ้ ปถงึ ทที่ สี่ ูงสดุ คอื
๗๑ องศา ๑๐ ลิปดา ๒๑ พิลิปดา ตัวเลขนเี้ ขยี นไวท้ ขี่ องทรี่ ะลึกทกุ ๆ อย่าง
โปสการ์ดกม็ เี ขียนไว้ ข้าพเจา้ ส่งการ์ดถึงใคร ๆ ทนี่ ี่ เพราะจะไดม้ ีป๊ ัมตรา Nordkapp
เขาออกตราป๊ ัมพิเศษวันเปิดศาลาไทยสาหรบั ซองจดหมาย
จดั ทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสิงแกว้
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมอื ง จังหวัดนครพนม
หนังสอื พระราชนิพนธ์
ชุดเสด็จเยือนไปตา่ งประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สิรกิ ิจการิณพี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
คืนฟา้ ใส (ตอ่ )
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัวเสดจ็ พระราชดาเนินทางเรือ แล้วปีน
หน้าผาขนึ้ มา การปีนตอ้ งทาได้ยากมาก เพราะหินรว่ น แตกกะเทาะง่าย ในพระราช
นิพนธ์ “ไกลบ้าน” ก็ได้มีพระราชวิจารณ์ในเรอื่ งนี้...”
วันต่อมา เสดจ็ ฯ ไปทรงสารวจพื้นที่ ซงึ่ อย่ใู นเขตภูมิอากาศแบบทนุ ดรา เสดจ็ ฯ
ผา่ นเส้น ๗๑ องศา ทอดพระเนตรทัศนยี ภาพทรี่ าบสูงนอร์ดแคป ลักษณะหินซงึ่ เป็นหิน
อายนุ ้อยคือ ๔๐๐ ลา้ นปี สว่ นใหญ่เป็นหนิ ปูน ระบบพืชบนหินปูนซงึ่ แตกตา่ งจากทอี่ นื่
ความเป็นอยแู่ ละกระโจมของชาวแลป้ หมู่บ้านประมงสการ์สโว้ก
เสดจ็ ฯ ไปยังเมอื งเบอร์เกน เป็นเมืองทา่ ใหญแ่ ละเมอื งการคา้ ทสี่ าคญั ของนอร์เวย์
ประทับรถยนต์พระทนี่ ัง่ ไปยงั เมือง Voss ผ่านเสน้ ทางทมี่ ีอโุ มงคเ์ จาะผ่านภเู ขามาก
ทรงแวะทเี่ มอื งฮาร์ดังเกอร์ ซงึ่ เป็นฟยอรด์ ใหญ่ มนี ้าตกสวยงามและน้าเย็นมากเพราะ
เป็นน้าทีม่ าจากหิมะละลาย เสน้ ทางทเี่ สดจ็ ฯ เลยี บทางรถไฟ ภูเขาสูงและลาธารน้าเชีย่ ว
ภูเขาสงู เกินเส้นหิมะ (Snowline) ไมม่ ีต้นไมข้ นึ้ เสดจ็ ฯ ไปยังโรงแรมสตาลไฮม์ ซงึ่
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จฯ มาทอดพระเนตรทศั นยี ภาพทมี่ ี
ลักษณะสวยงามแปลกตา สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน
ราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี จงึ ไดท้ รงวาดภาพไว้ ชอื่ วา่ “ทางวกวน, นอรเ์ วย์ ”
เมือง Voss นี้ เป็นทีแ่ บ่งน้าระหวา่ งน้าทีจ่ ะไหลไปออสโลและเบอรเ์ กน ดว้ ยบรเิ วณนีม้ ี
น้าและน้าตกมาก ภูมปิ ระเทศทีส่ วยงามจงึ มนี กั ท่องเทยี่ วมากมายมาตัง้ แตส่ มยั โบราณ
เสด็จฯ ต่อไปยังเมืองกุดวางเกน ขา้ มเขตมณฑลเขา้ เขตมณฑล Sogn og
Fjordane ทอดพระเนตรภูมิประเทศทีส่ วยงาม มีภเู ขา ลาธารน้าเชยี่ วเป็นแกง่ น้าตก
จานวนมากจนทรงมพี ระราชปรารภว่า “...กล่าวโดยสรปุ น้าตกทีเ่ ห็นวนั นวี้ ันเดยี วมี
จานวนมากกว่าน้าตกทขี่ า้ พเจา้ เคยเหน็ มาตลอดชวี ติ ...” ต่อมา เสด็จฯ ไปยังท่าเรือกุด
วางเกน ประทับเรือยนต์พระทนี่ งั่ ทอดพระเนตรทศั นียภาพ Naeroyfjord คาว่า
Naeroy มีความหมายวา่ แคบ สองฟากฟยอร์ดเป็นผาชนั และ Sogne fjord เป็นฟ
ยอร์ดทสี่ าคญั มีน้าลกึ นับพันเมตร และเป็นแหลง่ ผลติ ไฟฟา้ พลังน้าผา่ นแสงไฟแรงสูง
ยาวถึง ๖ กโิ ลเมตร ทอดพระเนตรธารน้าแข็งจากระยะไกล เสด็จฯ ถงึ โรงแรม
Kvikne’s Hotel อย่ทู เี่ มอื ง Balestrand เป็นโรงแรมเก่าแก่ ทรงพระดาเนนิ
ทอดพระเนตรตวั เมือง ซงึ่ ได้ทรงพระราชนพิ นธไ์ วว้ า่
จดั ทาโดย ห้องสมุดแสงสิงแกว้
โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จงั หวดั นครพนม
หนังสือพระราชนพิ นธ์
ชดุ เสดจ็ เยือนไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกจิ การณิ พี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
คนื ฟา้ ใส (ตอ่ )
“...ข้าพเจ้าชอบดูบ้านนอร์เวย์มาก เป็นบ้านไมท้ าสตี า่ ง ๆ มีสวนเล็ก ๆ อยู่
ขา้ งหนา้ เดินไปถงึ โบสถเ์ ล็ก ๆ ทาด้วยไม้ตามศิลปะนอรเ์ วย์ คือหลังคาเป็นชนั้ ๆ มีชอ่
ฟา้ ตอนกลบั มาเมอื งไทย ข้าพเจ้าให้เพื่อน ๆ ดรู ปู โบสถ์นอร์เวย์ เพื่อนคนหนงึ่ บอกวา่
ลักษณะคลา้ ย “จอง” โบสถ์ทมี่ มี ากทแี่ ม่ฮ่องสอน...”
วันตอ่ มา เสด็จฯ โดยเรือยนต์พระทีน่ ัง่ ไปยังเมอื ง Vangsnes ทอดพระเนตร
โบสถไ์ ม้โบราณในศาสนาคาทอลกิ ชอื่ Stave Church สรา้ งขึน้ ตงั้ แต่ ค.ศ. ๑๑๓๐ มี
อายมุ ากกวา่ ประเทศนอรเ์ วย์สองเทา่ มเี สาไมเ้ ป็นหลักในการประกอบไมข้ องอาคารทงั้
หลงั แล้วเสด็จฯ ไปยังเมือง Voss เพื่อประทับรถไฟพระทีน่ ัง่ ตอ่ ไปเมืองเบอรเ์ กน
เสดจ็ ฯ โดยเครอื่ งบนิ พระทนี่ ัง่ จากเบอร์เกนไปยังออสโล และเสด็จฯ ต่อไปเมืองคอง
สเบริ ์ก โดยรถยนต์พระทีน่ งั่ เสด็จฯ ไปยงั บรษิ ทั ซสิ สแกน มีระบบงานเกีย่ วกบั การผลติ
แผนทใี่ ห้มคี วามถกู ตอ้ งสูง การบรหิ ารใช้ระบบ LIS/GIS การศกึ ษาระบบสาธารณูปโภค
ต่าง ๆ และการเก็บขอ้ มลู โดยอตั โนมตั ิ เสดจ็ ฯ ไปทรงเยยี่ มโรงกษาปณ์ พิพิธภณั ฑ์
เหมืองเงนิ
เสด็จฯ โดยเครือ่ งบนิ พระทีน่ งั่ ไปยงั กรุงโคเปนเฮเกน ราชอาณาจักรเดนมาร์ก
ทอดพระเนตร พระราชวังครสิ เตยี นบอร์ก ซงึ่ สมเด็จพระบรมราชนิ ีนาถยงั ทรงใช้
รับรองแขก ทอดพระเนตรภาพเขยี นและห้องสมดุ ส่วนพระองค์
จดั ทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสงิ แก้ว
โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จงั หวดั นครพนม
หนงั สือพระราชนิพนธ์
ชุดเสด็จเยือนไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ิรนิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สิริกิจการณิ พี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
เจยี งหนานแสนงาม (ต่อ)
พระราชนิพนธล์ าดบั ที่ ๔๒ ในชดุ เสด็จพระราชดาเนินเยือนตา่ งประเทศ ทรง
บันทกึ ไวเ้ มอื่ คร้ังเสด็จพระราชดาเนนิ เยอื นสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหวา่ งวนั ที่
๒ เมษายน – ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๒ ทรงพระราชนพิ นธ์ใน “คานา”
เก่ยี วกบั การเสด็จพระราชดาเนินครงั้ นี้ ตอนหนงึ่ วา่
“…คนไทยคุ้นเคยกบั คาวา่ เจยี งหนาน หรอื ทีภ่ าษาจนี แตจ้ ๋วิ ออกเสียงวา่
กงั นม้ั และภาษาไทยออกเสียงเคลอ่ื นไปวา่ กงั หนา เพราะมีภาพยนตร์เกีย่ วกบั
จกั รพรรดเิ ฉียนหลงเสดจ็ ประพาสเจียงหนานมาฉายหลายเรือ่ ง ภาพยนตรจ์ ีน
กาลังภายในทฉ่ี ายกนั ทางโทรทศั น์กม็ อี ย่หู ลายเรื่องทีก่ ล่าวถงึ เจยี งหนาน เร่ือง
มังกรหยก ของกิมย้งกเ็ อาเจยี งหนานมาเป็นฉากส่วนหนง่ึ ของเร่ือง มีผกู้ ล้าหาญ
ทง้ั เจด็ แหง่ กังหนา อาจารยข์ องก๊วยเจ๋งเป็นตวั ละครในเรอื่ งด้วย เพลงใน
ภาพยนตรเ์ รื่องจอมใจจักรพรรดิ หรอื เจียงซานเหม่ยเหรนิ ก็ร้องบรรยายถงึ
เจียงหนานเช่นกนั จนคาวา่ เจียงหนานเห่า หรือ เจยี งหนานแสนงาม เป็นวลที ่ี
ชาวจนี พูดกันติดปาก
“เจียงหนาน ทีก่ ล่าวถึงในบทกวีของไปจ๋ วอี แ้ี ละทีข่ ้าพเจา้ ไปทอ่ งมาน้ันอย่ใู น
พื้นท่ีของมณฑลเจยี งซูและมณฑลเจ้อเจยี ง ข้าพเจ้าไปเยอื นจีนครั้งนี้ ๑๓ วัน อยู่
ท่ปี ักกิ่ง ๔ วัน (๒-๕ เมษายน ๒๕๔๒) เจยี งหนาน ๗ วนั (๖-๑๒ เมษายน) และ
คนุ หมงิ ๒ วนั (๑๓–๑๔ เมษายน) เม่ือกลบั มาแลว้ ได้เขียนเรอื่ งท่ไี ด้พบเห็น ได้
ยนิ มา รวมท้ังที่ไดต้ รวจสอบข้อมูลและค้นควา้ เพิ่มเตมิ เท่าทจ่ี ะหาไดม้ าเล่าให้ผู้อา่ น
ฟงั จะได้ไปทอ่ งโลกกวา้ งแสวงหาปัญญารว่ มกนั ไปท่องแดนเจยี งหนานแสนงาม
ว่า งามอะไร งามอยา่ งไร จนมบี ทกวมี ากมายของกวีหลายคนเขียนพรรณนาถึง
เจยี งหนาน…”
จดั ทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสิงแกว้
โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จงั หวดั นครพนม
หนังสือพระราชนิพนธ์
ชุดเสดจ็ เยือนไปต่างประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
เจียงหนานแสนงาม (ตอ่ )
วันที่ ๑ (วันศกุ รท์ ่ี ๒ เมษายน ๒๕๔๒)
เสดจ็ ฯ ถึงกรงุ ปักกิ่ง รองนายกรฐั มนตรหี ล่ีหลานชงิ และภริยา จดั งานเล้ียงพระ
กระยาหารค่าถวาย ณ เรือนรับรองเตย้ี วอว๋ไี ถ
วันท่ี ๒ (วันเสารท์ ี่ ๓ เมษายน ๒๕๔๒)
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑป์ ระวตั ธิ รรมชาตกิ รุงปักกง่ิ ชมุ ชนชาวไทยเฝา้
ฯ ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย เสวยพระกระยาหารค่าที่ภตั ตาคารทิงลี่ ใน
พระราชวังฤดรู ้อน
วันที่ ๓ (วนั อาทิตยท์ ่ี ๔ เมษายน ๒๕๔๒)
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ตอ่ ตา้ นญปี่ นุ่ สะพานหลูโกวเฉียว (สะพานมาร์
โคโปโล) เสวยพระกระยาหารกลางวนั ร่วมกับอดีตพระอาจารย์ภาษาจนี ณ เรือน
รบั รองท่ีประทับ หลงั จากน้ันเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรร้านหนงั สอื ศาสตราจารย์
เฉินซูเ่ ผงิ เฝา้ ฯ ณ เรอื นรบั รองทีป่ ระทบั เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรรา้ นน้าชาเหล่า
เซ่อ
วันท่ี ๔ (วันจันทรท์ ี่ ๕ เมษายน ๒๕๔๒)
เสดจ็ ฯ ไปมหาวิทยาลัยปักกง่ิ ทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑศ์ ิลปะและโบราณคดี อา
เธอร์ เอ็ม. แซคเกลอร์ มหาวทิ ยาลัยปักกง่ิ ทอดพระเนตรสถาบันไทยคดศี กึ ษา
มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และกจิ การของโรงเรียนประถมศกึ ษา หมายเลข ๒ ทรงพบ
รองประธานาธิบดหี ูจ่ินเทา ตอ่ จากนน้ั เสดจ็ ฯ ไปยงั นครนานกงิ มณฑลเจียงซู
จัดทาโดย หอ้ งสมุดแสงสงิ แกว้
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จังหวัดนครพนม
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชดุ เสด็จเยือนไปตา่ งประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณพี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
เจยี งหนานแสนงาม (ตอ่ )
วันท่ี ๕ (วนั อังคารท่ี ๖ เมษายน ๒๕๔๒)
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์เหมยหยวนซินชนุ (Meiyuan xincun
Museum) ซงึ่ เป็นหมบู่ า้ นทีพ่ รรคคอมมวิ นิสต์ซ่งึ มที ่านนายกรัฐมนตรโี จวเอนิ ไหล
เป็นหัวหน้ามาพักอาศยั อยู่และพยายามเจรจาหยา่ ศึกกบั พวกกก๊ มินตง๋ั ระหว่าง
เดือนพฤษภาคม ค.ศ.๑๙๗๖ – มีนาคม ค.ศ.๑๙๔๗ ด้านหนา้ ของหมบู่ ้านปัจจุบัน
ทาเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ ทอดพระเนตรบา้ นเลขที่ ๓๐ ซ่ึงเป็นบา้ นพักของผู้นา
คอมมวิ นสิ ต์ และบา้ นเลขที่ ๓๕ เป็นหอ้ งทางานของโฆษกคณะผแู้ ทนซงึ่ มีหน้าที่
โฆษณาพรรคด้วย
ต่อจากน้นั เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑน์ านกงิ สุสานของประธานาธบิ ดีซนุ
ยดั เซน็ สวนพฤกษศาสตรห์ นานจงิ และหอดดู าว Purple Moutain
Observatory ผ้วู า่ ราชการมณฑลเจยี งซูจัดงานเล้ียงพระกระยาหารค่าถวาย
หลงั จากน้นั เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรศาลเจา้ ขงจื๊อ
วันที่ ๖ (วนั พุธท่ี ๗ เมษายน ๒๕๔๒)
เสดจ็ ฯ ไปมหาวิทยาลยั นานกงิ ทรงบรรยายประสบการณเ์ ก่ียวกบั จนี ที่ศูนย์
Hopkins-Nanjing Center เสดจ็ ฯ ไปมหาวทิ ยาลยั โหไห่ ทรงพบเลขาธิการ
พรรคอมมิวนสิ ตม์ ณฑลเจียงซู ทอดพระเนตรบริษทั ผลิตเครอ่ื งรกั ณ เมอื ง
หยังโจว นายกเทศมนตรีเมอื งหยงั โจวจัดงานเลี้ยงพระกระยาหารค่าถวาย
วนั ท่ี ๗ (วนั พฤหสั บดีท่ี ๘ เมษายน ๒๕๔๒)
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑ์หยังโจว ประทับเรอื พระท่นี ั่ง ทอดพระเนตร
ทัศนียภาพทะเลสาบโซ่วซหี ู ซึ่งมที วิ ทศั น์ทงี่ ดงาม เป็นแหล่งทอ่ งเท่ียวทีม่ ชี ือ่ เสียง
เลื่องลือของหยังโจว ทอดพระเนตรสวนแบบเจียงหนาน ศาลาตกปลา ตาหนัก
ว่อชุนไถ บนเกาะซวหี ยวน และทอดพระเนตรวัดต้าหมิง เสด็จฯ ไปเมืองเจิ้นเจยี ง
ทอดพระเนตรสวนสาธารณะหมูบ่ ้านจินซาน หอฝูหรง วัดจนิ ซาน พระเจดีย์ ๗ ชน้ั
ตอ่ จากนน้ั นายกเทศมนตรเี มอื งเจิ้นเจียงจดั งานเลี้ยงพระกระยาหารค่าถวาย
จัดทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสงิ แก้ว
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมอื ง จงั หวัดนครพนม
หนังสือพระราชนิพนธ์
ชดุ เสด็จเยือนไปต่างประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สริ กิ ิจการณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสมี าคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
เจียงหนานแสนงาม (ตอ่ )
วนั ที่ ๘ (วนั ศกุ รท์ ่ี ๙ เมษายน ๒๕๔๒)
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑเ์ จ้ินเจยี ง เปย่ ก้ซู าน ซึ่งจักรพรรดเิ หลยี งอู่ตี้
(ค.ศ.๕๐๒–๕๑๙) เคยพูดถึงเขาเปย่ กซู้ านว่าเพิ่มความสงา่ งามให้แก่เมืองเจ้ิน
เจียง และมีศลิ าจารึกบนทางข้นึ เขาเปย่ กูซ้ านใกล้ถึงวดั กานลู่ ข้อความวา่ “เทยี น
เซยี่ ตี้อเี จยี งซาน” ซ่งึ แปลวา่ ทิวทัศน์เป็นท่หี น่ึงแห่งแผน่ ดิน ทอดพระเนตรวดั กาน
ลู่ หอเทียนเซยี่ ตี้อีโหลว และศาลาจเ้ี จยี งถงิ ซงึ่ เป็นศาลาที่นอ้ งสาวซนุ กวน
ขณะนนั้ อยู่เมืองกงั ตง๋ั สรา้ งเป็นทรี่ ะลึกถงึ เลา่ ป่ ีเมื่อได้ข่าวลอื ว่าเลา่ ป่ ีเสยี ชีวติ ในท่ี
รบ ก่อนท่ีนางจะกระโดดน้าตายตามไปด้วย
เสดจ็ ฯ ไปสวนอุตสาหกรรมซูโจว เมืองซูโจว ทอดพระเนตรโรงงานผลติ ชปิ ของ
บริษัทซมั ซุง และทอดพระเนตร Suzhou Industrial Park Institute of
Vocational Technology นายกเทศมนตรีเมอื งซโู จวจดั งานเลีย้ งพระกระยา
หารค่าถวาย
วันท่ี ๙ (วนั เสารท์ ี่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๒)
ทอดพระเนตรสวนจัวเจ้ิงหยวน ซง่ึ “…หนงั สือนาเทยี่ ว Lonely Planet ถอื วา่
สวนนี้เป็นสวนซูโจวที่ดที ่ี ๒ ตอ่ จากสวนหวัง่ ซอื แต่ทางการจนี ถือว่าเป็นหน่งึ ใน ๔
ของสวนสาคัญของประเทศ โดยประกาศใน ค.ศ.๑๙๖๑ พร้อมๆ กบั สวนอี้เหอห
ยวนในปักกิ่ง สถานตากอากาศเฉิงเตอ๋ และสวนซูโจวหลิวหยวน…” พิพิธภณั ฑ์
เมอื งซโู จว พิพิธภัณฑศ์ ลิ ปะไหมปัก สถาบนั วิจัยการปักผา้ ไหม วดั ซีหยวน หู่ชวิ
(เนนิ เสือ) และสวนหวัง่ ซอื
วันท่ี ๑๐ (วันอาทติ ยท์ ่ี ๑๑ เมษายน ๒๕๔๒)
เสด็จฯ ไปเมอื งหงั โจว ทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑม์ ณฑลเจอ้ เจยี ง และหม่บู า้ นเหมย
เจยี อู ผูว้ ่าราชการมณฑลเจ้อเจียงจัดงานเล้ียงพระกระยาหารค่าถวาย
จดั ทาโดย ห้องสมดุ แสงสงิ แกว้
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จังหวัดนครพนม
หนังสอื พระราชนิพนธ์
ชุดเสด็จเยือนไปต่างประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า
เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ิรนิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกจิ การิณพี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
เจียงหนานแสนงาม (ตอ่ )
วันท่ี ๑๑ (วันจนั ทร์ท่ี ๑๒ เมษายน ๒๕๔๒)
ประทับเรือพระทน่ี ง่ั ทอดพระเนตรทศั นียภาพทะเลสาบซหี ู ทอดพระเนตรโคมหนิ
บนเกาะซานถานอ้ินเยว่ ์ (เกาะโคมหนิ สะทอ้ นเงาจนั ทร์) ทอดพระเนตรสวนท่า
ดอกไม้ (ฮวากงั่ ) เสด็จฯ ไปเมอื งเซา่ ซิง นายกเทศมนตรีเมืองเซ่าซงิ จัดพระ
กระยาหารกลางวนั ถวาย เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรบา้ นเกดิ หล่ซู วน่ิ (หลู่ซนุ่ )
ทอดพระเนตรโรงเรยี นซานเว่ย ซึง่ เป็นโรงเรียนทีห่ ลูซ่ วนิ่ เคยเรียน ทอดพระเนตร
บา้ นวรี สตรีชิวจน่ิ และบ้านบรรพบรุ ุษของนายกรฐั มนตรีโจวเอนิ ไหล รองผวู้ า่
ราชการเมอื งเซ่าซงิ จัดงานเล้ยี งพระกระยาหารค่าถวาย
วันท่ี ๑๒ (วนั อังคารที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๔๒)
เสด็จฯ ไปเมอื งคุนหมิง มณฑลยูนนาน ทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑช์ นกลุม่ น้อย ผู้ว่า
ราชการมณฑลยูนนานจดั งานเลย้ี งพระกระยาหารค่าถวาย
วนั ท่ี ๑๓ (วันพุธท่ี ๑๔ เมษายน ๒๕๔๒)
เสดจ็ ฯ ไปท่ีงาน Expo ‘๙๙ (World Horticultural Expo Garden)
ทอดพระเนตรสวนบอนไซ สวนสมนุ ไพร เรอื นกระจก ศาลาไทย สวนชา
พิพิธภัณฑแ์ สดงเรือ่ งราวเกย่ี วกบั ชา และศาลาจีน นักธรุ กิจไทยในคนุ หมงิ เฝา้ ฯ
ณ โรงแรมทีป่ ระทบั
เสดจ็ ฯ นิวัตกรุงเทพมหานคร
จดั ทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสิงแกว้
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จังหวัดนครพนม
หนังสือพระราชนพิ นธ์
ชดุ เสดจ็ เยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สิรกิ ิจการณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
เฉลมิ พระเกยี รติและรวมพระราชนพิ นธ์
(พ.ศ. ๒๕๑๐-๒๕๒๐) สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจกั รีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
ในหนังสือ "เฉลมิ พระเกียรติและรวมพระราชนพิ นธ์ (พ.ศ. ๒๕๑๐-
๒๕๒๐) สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา เจา้ ฟา้ มหาจกั รีสิรินธร รฐั สมี า
คณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี" ได้รวบรวมพระราชนิพนธส์ ารคดีชุด
เสด็จ ฯ เยอื นต่างประเทศไว้ ๓ เร่อื ง ไดแ้ ก่
- การเดนิ ทางไปรว่ มพิธีพระบรมศพพระเจา้ กุสตาฟท่ี ๖ อดอลฟ์
- การเดนิ ทางไปประเทศอสิ ราเอลและอิหรา่ น
- ไปห้องสมดุ เยาวชนทอ่ี ิหรา่ น
จัดทาโดย ห้องสมุดแสงสงิ แกว้
โรงเรยี นนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จังหวัดนครพนม
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชดุ เสดจ็ เยือนไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สริ กิ จิ การิณพี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
ชมช่อมาลตี
ชมชอ่ มาลตี (บนั ทกึ การเดินทางไปอินโดนเี ซีย) พระราชนพิ นธ์ ในสมเดจ็
พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ท่เี สด็จพระราชดาเนินไปประเทศ
อินโดนีเซยี ระหว่างวันท่ี 2-16 ตลุ าคม ๒๕๒๗ ตามคากราบบังคมทลู อญั เชิญ
ของรฐั บาลอนิ โดนเี ซีย แลว้ ทรงมีพระราชดาริ ท่ีจะถ่ายทอดสิ่งทีไ่ ดท้ อดพระเนตร
มาแลว้ เพ่ือประโยชน์ในการศกึ ษาและส่งเสรมิ ความเขา้ ใจอันดรี ะหวา่ งประเทศ
การเสดจ็ ฯ ครงั้ น้ี พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวสง่ เสดจ็ ฯ ถงึ บนเครอ่ื งบิน
พระทีน่ ั่ง สมเดจ็ พระเทพรตั น์ ทรงคุกพระชานโุ อบกอด ซึ่งพระองคท์ า่ นทรงโอบ
พระราชธิดา วางพระหตั ถ์ทั้งสององคบ์ นพระอังสะลงมาทางพระปฤษฎางค์ เป็น
ภาพงดงามนา่ รักเป็นทส่ี ุด ฉลองพระองคง์ ดงามมาก ในวนั ท่ี ๑๒ และวนั ท่ี ๑๔ ที่
ประทับอยู่ ทรงฉลองพระองคด์ ว้ ยผ้าปาเตะ๊ ตัดแบบพระราชนิยม ไม่ทราบผ้ใู ดตดั
ถวาย เพราะวันแรก ๆ ทรงชุดผ้าไหมไทย ผ้าไทยท่งี ดงาม
วันเสด็จฯ กลบั ทรงฉลองพระองค์สูทสงี าชา้ งแกมชมพู ช่วงบน้ั พระองค์มี
กระดมุ ห่วงที่เป็นแบบกุญแจจีนแต่ไม่ใช่ ขดคลา้ ยเลขแปดต่อเนื่องทางตั้ง ทกุ ภาพ
ทเี่ ห็น แสดงถึงทรงพระสาราญ มีรอยแยม้ พระสรวล ผู้คนรบั เสดจ็ ฯ รอบข้างยม้ิ
แย้มแจ่มใส ทรงเป็นทูตสนั ถวไมตรีท่ยี อดเยยี่ มทีส่ ดุ
จดั ทาโดย ห้องสมดุ แสงสิงแกว้
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จงั หวัดนครพนม
หนงั สือพระราชนิพนธ์
ชุดเสดจ็ เยือนไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สิรกิ จิ การณิ พี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
ชมดอกไมไ้ กลบา้ น
“ชมดอกไมไ้ กลบา้ น” เป็นพระราชนิพนธท์ ่ีสบื เนอ่ื งจากการเสด็จฯเยอื น
ประเทศญี่ปนุ่ ระหว่างวันที่ ๑๙-๓๐ มิถนุ ายน ๒๕๓๐ นอกเหนือจากกาหนดการ
สาคัญคอื การเสด็จฯไปทรงรว่ มพิธีเปิดสปั ดาหแ์ หง่ ประเทศไทยในงานแสดง
พฤกษชาติ และ การจัดสวนนานาชาติโอซากา หรอื งานเอก็ ซโ์ ป ๑๙๙๐ แล้ว
ยังได้เสด็จฯไปเขา้ เฝา้ สมเด็จพระจกั รพรรดิ และสมเดจ็ พระจักรพรรดนิ แี หง่
ญี่ปนุ่ และทรงร่วมในพิธเี ศกสมรสของเจ้าชาย Fumihito (Aya) และ
นางสาว Kiko Kawashima อกี ด้วย
จัดทาโดย ห้องสมุดแสงสิงแกว้
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จงั หวัดนครพนม
หนังสอื พระราชนิพนธ์
ชุดเสดจ็ เยือนไปต่างประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดี สิรกิ ิจการิณพี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
ดอยตงุ เชยี งตงุ
บันทกึ การเสดจ็ พระราชดาเนนิ เยือนเชียงตงุ สาธารณรฐั พม่า เม่ือ
วันที่ 1-4 มีนาคม 2537 ในวนั ที่ 1 และ 2 มีนาคม เป็นพระราชกรณยี กจิ
ตรวจเย่ยี มความเป็นอยขู่ องราษฎร และความกา้ วหน้าของโครงการ
สาหรับโรงเรยี นและศูนย์ฝกึ อาชีพของชาว เขา ท่อี ยู่ในจังหวัดเชยี งราย
สว่ น 2 วนั หลัง เป็นการเสด็จฯ เยือนเชยี งตงุ "เป็นเวลาสัน้ เพียง 2
วนั ไม่เตม็ " วันที่ 1 มนี าคม เสดจ็ ฯ จากกรงุ เทพฯ มาดอยตุง วนั ท่ี 2
มนี าคม เสด็จฯ ทอดพระเนตรกจิ การของโรงเรยี นตระเวนชายแดนเจ้าพ่อ
หลวงอุปถัมภ์ 3 โรงเรียนบ้านเทอดไทย โรงเรยี นตารวจตระเวนชายแดน
กลมุ่ ค้าวัสดกุ ่อสรา้ ง ศูนยฝ์ ึกอาชีพสตรีดอยตงุ โรงขยายพันธพ์ุ ืช โดย
การเพาะเนื้อเย่ือทีบ่ า้ นห้วยน้าขนุ่ หม่บู ้านอีก้อปา่ กลว้ ย และสวนสมเด็จย่า
วนั ที่ 3 มนี าคม เสดจ็ ฯ จากดอยตุงไปแม่สายเพ่ือเดินขา้ มสะพานไปต่อรถ
เข้าเชยี งตงุ โดยมผี ู้วา่ ราชการจังหวดั เชยี งตุง รบั เสด็จฯ และรว่ มใน
ขบวนเสด็จ ทรงถวายขอพระพร และทอดพระเนตรการแสดงของ
ชาวบา้ นท่ีวัดพระเจา้ ลา้ นทอง แล้วเสดจ็ ฯ ไปสบตาแจว่ บอ่ น้าพุรอ้ น วดั
พระธาตุจอมทอง วัดมหามุนี ประทบั แรมทโี่ รงแรมเชยี งตงุ วันท่ี 4
มีนาคม เสดจ็ ฯ ดอยเหมย กองพัน 226 ตึกเก่าขององั กฤษซ่งึ พันเอก
Rubel เป็นเจา้ ของ จากนัน้ เสดจ็ ฯ ทอดพระเนตรกุหลาบพันปี ซึ่งฝา่ ย
พม่าจะถวายสมเด็จพระศรนี ครินทราบรมราชชนนี สุดทา้ ยเสด็จฯ
นมัสการ พระธาตุดอยเหมย แลว้ เสด็จฯ กลบั เชยี งตุง ไปดูตน้ ยาง อายุ
242 ปี โรงเรยี นพัฒนาเดก็ กาพร้าตามแนวชายแดน วดั ยางลอ และ
สถานฝึกอาชีพสตรชี ายแดน เป็นแหง่ สดุ ท้ายก่อนเสดจ็ ฯ กลับเชียงราย
ท้ายเลม่ เป็นภาคผนวก สงั เขปเร่ืองเมืองเชียงตงุ
จดั ทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสิงแกว้
โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จังหวัดนครพนม
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชุดเสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สริ กิ จิ การณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสมี าคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
แดร๊กคลู ่าผูน้ ่ารัก
พระราชนพิ นธ์ลาดบั ที่ ๒๕ จากบนั ทึกการเสด็จพระราชดาเนนิ เยือนกลุ่ม
ประเทศในทวปี ยโุ รป คอื โรมาเนยี สาธารณรฐั ฮงั การี สาธารณรฐั ออสเตรีย
ราชอาณาจกั รเบลเยียม และสมาพันธรัฐสวสิ ระหว่างวนั ท่ี ๑๓-๒๕ มนี าคม
พุทธศกั ราช ๒๕๓๗
“ภาค ๑ โรมาเนยี ”
ณ กรงุ บูคาเรสต์ สาธารณรัฐโรมาเนยี เสดจ็ ฯ ไปทรงพบนายนิโคลาเอ
วาเคอโรยู (Mr. Nicolae Vǎcǎroiu) นายกรฐั มนตรี ณ ทาเนยี บรฐั บาล
และเสวยพระกระยาหารค่า รัฐบาลแหง่ โรมาเนยี จัดถวาย วันตอ่ มา ประทบั
เคร่อื งบนิ พระท่นี ่ังจากกรงุ บูคาเรสต์ไปยงั เมืองซูจาวา ซง่ึ เป็นเมอื งเก่าแก่ที่สดุ
ในแคว้นโมลดาเวีย และเป็นราชธานีทีเ่ กา่ แก่ท่สี ุดของประเทศ ทอดพระเนตรวัด
โวโรเนต มีลกั ษณะพิเศษ คือมีภาพเขียนอยภู่ ายนอก และมสี ีท่ีเป็นสญั ลักษณ์
วัดนีค้ อื สฟี า้ โวโรเนต ซ่ึงเป็นสีฟา้ ท่ีไมม่ ีทใ่ี ดเหมอื น เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรวดั
โมลโดวติ า พิพิธภณั ฑ์ประวัตศิ าสตรภ์ าคเหนอื โมลดาเวยี แล้วเสด็จ ฯ กลบั
บคู าเรสต์ จากน้นั เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรรฐั สภา เป็นอาคารขนาดใหญม่ าก
มีห้องมากกวา่ ๒,๐๐๐ หอ้ ง นายเชาเชสกเู ป็นผรู้ เิ ริ่มสร้างข้ึน
วนั ตอ่ มา เสดจ็ ฯ ไปยงั เมอื งบราซอฟ ทอดพระเนตรปราสาทบราน สร้าง
ขึน้ ราว ค.ศ. ๑๓๗๗ เพ่ือเป็นปอ้ มคมุ เสน้ ทางการค้าระหว่างบราซอฟกับวาลา
เซยี มองเห็น Bran Mountain Pass ไดช้ ัดเจน และยังมีเร่ืองเล่ากนั ว่าเป็น
‘ปราสาทแดร๊กคูลา่ ’ อีกด้วย จากน้ัน เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรปราสาทเปเรส
สร้างโดยพระเจ้าคารอลท่ี ๑ เป็นเจา้ ชายเยอรมันราชวงศโ์ ฮเฮนเซลเลนมา
ครองโรมาเนยี แลว้ สร้างพระราชวงั เป็นที่พักตากอากาศฤดูร้อน เสด็จ ฯ ไป
ทอดพระเนตรวงั เปรชิ อร์ ซ่ึงพระเจ้าคารอลทรงสรา้ งพระราชทานเป็นตาหนกั
พักผอ่ นแกพ่ ระเจ้าเฟอร์ดนิ านด์
จัดทาโดย ห้องสมดุ แสงสิงแกว้
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จังหวดั นครพนม
หนงั สือพระราชนิพนธ์
ชุดเสด็จเยอื นไปต่างประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า
เจ้าฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สริ กิ จิ การิณพี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
แดร๊กคลู ่าผู้น่ารัก (ตอ่ )
ประทับเฮลคิ อปเตอรพ์ ระที่นั่งไปยังเมืองคอนสแตนซา เป็นเมืองท่าตดิ
ทะเลดา ทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑ์ของเมอื ง ซ่งึ จดั แสดงวตั ถุโบราณทขี่ ุด
ค้นไดจ้ ากเมืองโบราณ สสุ านโบราณสมยั โรมัน และสมัยไบแซนไทน์ รปู เทพ
เจ้ากรีก-โรมัน ซงึ่ เป็นท่นี ับถือของคนสมัยนน้ั แสดงอาณาจกั รตา่ ง ๆ ริม
แม่น้าดานูบและทะเลดาในคริสตศ์ ตวรรษที่ ๑๓-๑๔ ทาใหไ้ ดเ้ ข้าใจลักษณะ
พื้นฐานของชาวโรมาเนีย ทรงพระดาเนินทอดพระเนตรทัศนยี ภาพชายฝ่ ัง
ทะเลดา ซงึ่ ทางด้านซา้ ยมอื เป็นประเทศรสั เซยี ขวามือเป็นตุรกี ใกลช้ อ่ งแคบ
บอสฟอรัส แลว้ เสด็จ ฯ กลับบคู าเรสต์ ตอ่ มา เสดจ็ ฯ ไปทรงพบ
ประธานาธิบดีโรมาเนยี ณ ทาเนียบประธานาธิบดี จากนัน้ เสดจ็ ฯ ไป
ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑป์ ระวัตศิ าสตรแ์ ห่งชาติ ทอดพระเนตรเสา
ประวตั ิศาสตร์ของจกั รพรรดทิ ราจาน ซึ่งถอดแบบมาจากโรมันฟอรมุ ในกรุง
โรม และหอ้ งแสดงประวัติศาสตรโ์ รมาเนียสมยั ตา่ ง ๆ เสดจ็ ฯ ไปยังสถาบัน
ราชบณั ฑิตโรมาเนยี ทอดพระเนตรตน้ ฉบับตวั เขยี น หนังสอื เกา่ ฉบบั ทพ่ี ิมพ์
ครัง้ แรก และภาพพิมพ์
“ภาค ๒ ฮงั การี”
ณ กรุงบูดาเปสต์ สาธารณรฐั ฮงั การี เสด็จ ฯ ไปทรงพบประธานาธบิ ดี
Apad Gonaz และภริยา ณ รฐั สภา ทรงรว่ มพิธรี บั เสด็จอยา่ งเป็นทางการ
ณ จัตรุ ัสรฐั สภา จากน้ัน ทอดพระเนตรรัฐสภาซ่ึงสรา้ งขึ้นโดยมลี กั ษณะทาง
ศลิ ปะผสมผสานระหว่างศิลปะแบบโกธคิ เรอเนสซองส์และบาร็อค แล้วทรง
พระดาเนนิ ทอดพระเนตรบ้านเมืองของบูดาเปสต์ เสดจ็ ฯ ไปยงั สถาบนั
ดนตรีฟรานซ์ ลิสต์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในชว่ งค่า เสวยพระกระยาหาร
ค่า ประธานาธบิ ดจี ัดถวาย
จดั ทาโดย หอ้ งสมดุ แสงสิงแกว้
โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อาเภอเมอื ง จังหวัดนครพนม
หนงั สือพระราชนพิ นธ์
ชุดเสดจ็ เยือนไปต่างประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สริ กิ ิจการิณพี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
แดร๊กคลู ่าผนู้ า่ รัก (ต่อ)
วันต่อมา เสด็จ ฯ ไปยังเมอื งเอสเตอร์กอม เมืองหลวงด้งั เดิมของ
ฮงั การี ต้ังอยู่ชายแดนสโลวกั เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรมหาวหิ ารเอสเตอร์
กอม ซึ่งเป็นมหาวหิ ารแห่งแรกของประเทศ และเป็นวหิ ารใหญ่ที่สดุ ในฮังการี
เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภณั ฑ์ภาพเขียนและศิลปะคริสต์ศาสนา ในชว่ ง
บา่ ย เสดจ็ ฯ ไปยังเมอื ง Visigrad ทอดพระเนตรซากพระราชวงั โบราณชอื่
Riralyi Palata ทรงพระดาเนินขน้ึ ไปยังบรเิ วณปราสาทบนยอดเขา สร้าง
ในสมยั ครสิ ต์ศตวรรษที่ ๑๑ โดยพระเจา้ คอนสแตนตินมหาราชแห่งกรุงโรม
ทอดพระเนตรแม่น้าดานูบบรเิ วณค้งุ น้าทีแ่ ม่น้าไหลโค้งเป็นรูปตวั S เรยี กวา่
Danube bend ประทับเรอื ยนต์พระท่ีน่งั ทอดพระเนตรทัศนียภาพแมน่ ้า
ดานูบ จากน้นั เสด็จ ฯ กลับบดู าเปสต์ แลว้ เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตร
อุปรากรเรอ่ื ง Das Rheingold ของรชิ ารด์ วากเนอร์ พรอ้ มด้วย
ประธานาธบิ ดีและภรยิ า ณ โรงละครฮังกาเรียน โอเปร่า เฮาส์
เสด็จ ฯ เมืองโฮโลโก้ ซง่ึ เป็นเมืองท่อี นุรักษ์บ้านเกา่ ๆ ไว้มาก ในค.ศ.
๑๙๗๗ ทางยเู นสโกได้ประกาศใหเ้ ป็นเมืองมรดกโลก ทอดพระเนตรความ
เป็นอยู่ของชาวเมอื งโฮโลโก้ จากนนั้ เสด็จ ฯ ไปยงั เมือง Eger เป็นเมอื ง
ศูนย์กลางการศกึ ษา ทอดพระเนตรห้องสมดุ สมัยโบราณ พิพิธภัณฑไ์ วน์
เสด็จ ฯ เมือง Aggtelek ทอดพระเนตรถ้าซึ่งอย่ใู นเขตหินปูน (Karst
Landform) ทใี่ หญม่ าก เป็นถ้าขนาดใหญย่ าวถงึ ๒๔ กโิ ลเมตรทะลุ
พรมแดนระหว่างฮงั การีกบั สโลวกั
เสดจ็ ฯ ไปยงั สถาบนั วิจัยด้านการเกษตรทีเ่ มือง Martonvásar อยู่
ในเขตปราสาทของตระกลู บรุนสวิก ทรงดูงานทดลองปลกู พืชและเพาะพันธ์ุ
พืชชนิดต่าง ๆ ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์เบโธเฟน จากนนั้ เสดจ็ ฯ ไปยงั
บริษทั IKARUS โรงงานผลิตรถบสั ท่ีเมอื ง Szekesfehervar ประทบั รถ
บัสพระท่ีน่งั ทอดพระเนตรทัศนยี ภาพของเมือง ซงึ่ สรา้ งขน้ึ ในค.ศ. ๙๗๒
เสดจ็ ฯ ทอดพระเนตรศาลาเทศบาล ในชว่ งบ่าย เสดจ็ ฯ กลบั บูดาเปสต์
และเสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรมหาวทิ ยาลยั เทคนคิ โบสถ์ Matthias
พระราชวงั หลวงซงึ่ ใช้เป็นหอสมุดแห่งชาติ และพิพิธภณั ฑช์ าตพิ ันธวุ์ ทิ ยา
จดั ทาโดย ห้องสมุดแสงสิงแก้ว
โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จงั หวดั นครพนม
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชุดเสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สริ ิกจิ การณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
แดร๊กคลู ่าผู้น่ารัก (ตอ่ )
“ภาค ๓ ออสเตรีย เบลเยยี ม สวิตเซอรแ์ ลนด์”
ณ กรงุ เวียนนา สาธารณรฐั ออสเตรยี เสด็จ ฯ ไปยังหอสมุดแหง่ ชาติ
ทอดพระเนตรหอ้ งเก็บหนงั สือห้องใหญท่ ีเ่ รยี กว่า Sprunksaal มีหนังสือ
มากกวา่ ๒๐๐,๐๐๐ เล่ม ตอ่ จากนนั้ ประทับเครื่องบินพระท่นี งั่ สายการบิน
Tyrolean ไปยังเมอื งอนิ สบรกุ เสดจ็ ฯ เยอื นมหาวทิ ยาลัยอินสบรกุ ทรง
รว่ มพิธเี ฉลมิ ฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ ๑๐ ปี ระหวางจฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัยและมหาวทิ ยาลัย Leopold-Franzens เมอื งอนิ สบรกุ ทรง
เปิดนทิ รรศการเก่ยี วกบั ความสัมพันธท์ างวิชาการสาขาต่าง ๆ ระหว่างไทย-
ออสเตรยี
วนั ต่อมา เสด็จ ฯ ไปยังพิพิธภณั ฑเ์ หมืองเงนิ ที่เมอื งชวาซ แลว้ เสดจ็ ฯ
ไปทอดพระเนตรภาควชิ ากายวภิ าคศาสตร์ ทรงฟงั การบรรยายเรื่องมนษุ ย์
น้าแขง็ (Iceman) ซงึ่ มีชอ่ื วา่ Otzi
เสด็จพระราชดาเนินโดยเครอื่ งบินพระท่นี ง่ั ไปยังกรุงบรัสเซลส์
ราชอาณาจักรเบลเยียม เสดจ็ ฯ ไปเฝา้ สมเดจ็ พระราชนิ ีฟาบโิ อลา ณ
พระราชวงั ลาเก้น แล้วโดยเสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรนิทรรศการ ๓ เรอื่ ง
ได้แก่ เรือ่ ง “5 millard d’ Hommes, tous parents, tous
differents” จัดทพ่ี ิพิธภัณฑ์ของ l’Institute royal des Sciences
naturelles de Belgique นิทรรศการเร่ือง “Les Sages et les
Dieux” จดั ที่ Brussels Lambert Bank และนทิ รรศการเรอื่ ง “Au
temps de Shogun” จัดท่ีหอญ่ีปนุ่ ใกล้พระราชวังลาเก้น ในช่วงบ่าย
เสดจ็ พระราชดาเนินโดยเครอื่ งบนิ พระท่ีนั่งไปยังเมืองเจนวี า สมาพันธรฐั
สวิส เสด็จ ฯ ทอดพระเนตรการเรยี นการสอนของ Geneva English
School และสวนพฤกษศาสตร์ (Jardin Botanique)
จัดทาโดย ห้องสมดุ แสงสิงแกว้
โรงเรยี นนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จงั หวัดนครพนม
หนังสอื พระราชนิพนธ์
ชดุ เสดจ็ เยือนไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สริ ิกิจการณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
ตน้ น้า ภูผา และปา่ ทราย
การเสด็จพระราชดาเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันท่ี 13
ถึง 27 สิงหาคม 2544 ทอดพระเนตร 3 พื้นทส่ี าคญั ไดแ้ กม่ ณฑลชิงไห่
เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย เขตปกครองตนเองทเิ บตมหานครปักกง่ิ และมณฑล
เหอเปย่ ในพระราชนพิ นธ์ทรงกลา่ ววา่
“…พ้ืนทีท่ งั้ 3 แห่งท่เี ป็นจุดหลักของการไปเยย่ี มเยือนครั้งนี้มลี กั ษณะทาง
ภูมิศาสตร์ท่โี ดดเด่นเรอ่ื งภูเขาและทรี่ าบสงู ทีร่ าบสูงชงิ ไห่ – ทเิ บตอยูเ่ หนือกวา่
ระดบั น้าทะเล 4,000-5,000 เมตร มีพื้นท่ี ประมาณ 2.3 ล้านตารางกิโลเมตร
เป็นท่ี ราบสงู ท่ีสูงสดุ ในโลก จนไดส้ มญาว่า
“หลงั คาโลก” นอกจากนนั้ ยังมพี ื้นท่ที ะเลทราย มปี า่ ทราย และโอเอซิส
เขยี วขจใี นบางแห่ง ส่วนทหี่ นงิ เซ่ยี นน้ั มีทร่ี าบสูงดินเหลือง พ้ืนทด่ี ังกล่าวจงึ เป็น
ดนิ แดนแห่งสสี ันทางวฒั นธรรมท่นี ่าสนใจ
จัดทาโดย ห้องสมุดแสงสงิ แกว้
โรงเรยี นนครพนมวิทยาคม อาเภอเมือง จังหวดั นครพนม
หนงั สือพระราชนิพนธ์
ชดุ เสดจ็ เยือนไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สริ กิ จิ การิณพี ีรยพัฒน
รฐั สีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
ใตเ้ มฆทเี่ มฆใต้
การเสด็จพระราชดาเนนิ เยอื นมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจนี
ระหว่างวนั ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ถึง ๖ มนี าคม ๒๕๓๘ เสดจ็ พระราชดาเนิน
ไปยงั มณฑลยนู นาน ซึง่ มีความหมายว่า “เมฆใต้” มปี ระชากรหลากหลาย
เช้อื ชาตอิ าศัยอยูร่ ่วมกันเป็นจานวนมาก และทอดพระเนตรสถานท่ี
ท่องเทย่ี วต่าง ๆ ทรงเยี่ยมสถาบนั วิชาการที่นา่ สนใจ อาทิพิพิธภัณฑย์ ูนนาน
โรงงานผลิตยานครคุณหมงิ มหาวิทยาลยั ยูนนาน สวนพฤกษศาสตรส์ มุนไพร
สวนพฤกษศาสตร์เขตรอ้ นสบิ สองปันนา ฯลฯ ซึง่ เป็นแหลง่ รวบรวมความรู้
ทสี่ าคญั ยง่ิ
จัดทาโดย ห้องสมดุ แสงสงิ แก้ว
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมอื ง จังหวดั นครพนม
หนงั สอื พระราชนพิ นธ์
ชดุ เสดจ็ เยือนไปตา่ งประเทศ
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สริ ิกจิ การณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสมี าคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
ทวภิ าคสญั จร
พระราชนิพนธ์ในสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ เรือ่ งทวิภาคสญั จร เมอ่ื
คร้งั เสดจ็ พระราชดาเนินเยือนประเทศฝรั่งเศสและสเปน ระหว่างวนั ท่ี 16-31
พฤษภาคม 2535 ทรงเสด็จทอดพระเนตรสถานทีส่ าคัญของฝร่งั เศสหลาย
แหง่ อาทิ หอไอเฟล ประสาทแวงแซน รา้ นหนงั สือ FNAC และเสด็จไปยัง
สานักงานใหญ่องคก์ ารยเู นสโกเพ่ือทรงรว่ มงานฉลองวันพระราชสมภพ
ครบรอบ 100 ปี สมเดจ็ พระบรมราชชนก นอกจากน้ยี ังทรงเสดจ็ ฯ
ทอดพระเนตรสถานทีส่ าคญั ของสเปน เชน่ โบสถ์ใหญท่ ส่ี ุดในสเปน วัง
Alcazar เป็นตน้
จดั ทาโดย หอ้ งสมุดแสงสงิ แกว้
โรงเรียนนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมอื ง จงั หวดั นครพนม
หนังสือพระราชนพิ นธ์
ชดุ เสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า
เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ิรนิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สริ กิ จิ การณิ พี ีรยพัฒน
รัฐสมี าคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
ทัวรน์ ้องโจ้
พระราชนพิ นธบ์ นั ทึกการเสดจ็ พระราชดาเนินเยอื นเครอื รัฐออสเตรเลีย
ระหว่างวนั ที่ ๑๗-๒๙ ตลุ าคม พุทธศักราช ๒๕๒๗
ในบทนาของ “ทวั รน์ ้องโจ้” ไดท้ รงเลา่ พระราชทานไว้เกยี่ วกบั พระราชดาริ
ในการเสดจ็ ฯ เยอื นเครือรัฐออสเตรเลีย ความตอนหนง่ึ ว่า
“...ประเทศออสเตรเลียนนั้ ขา้ พเจา้ เคยได้ศึกษาทราบว่าเป็นประเทศกว้าง
ใหญ่ แตม่ ีพลเมอื งนอ้ ย เมือ่ ไดไ้ ปเห็นจึงได้ทราบวา่ ในบริเวณท่กี ว้างขวางนั้น
ส่วนหนึง่ เป็นดนิ แดนแห้งแล้ง ลาบากในการดารงชวี ิต ผู้ท่ีไปบกุ เบกิ ดนิ แดนจน
เป็นทที่ ากนิ ไดจ้ งึ ตอ้ งมคี วามมานะอดทนอย่างนา่ สรรเสริญ ขา้ พเจ้าจงึ คดิ ว่า
ชีวติ ความเป็นอย่ขู องเขานัน้ นา่ สนใจศกึ ษาอย่างย่งิ สง่ิ ท่ขี า้ พเจ้าไปดูสว่ นใหญ่
เป็นเรอื่ งเทคนคิ วชิ าการท่ีข้าพเจา้ ไมไ่ ด้เชี่ยวชาญจนกระทั่งนามาเขียนเป็น
เรอื่ งราวได้สละสลวยราบร่ืน จึงต้องใช้เวลาเขยี นนานกวา่ เรือ่ งก่อน ทาให้
หนังสือออกช้ากวา่ ทค่ี วร...”
หลังจากการเสดจ็ ฯ เยอื นสาธารณรัฐอนิ โดนเี ซยี เป็นระยะเวลา ๑๖ วัน
เสดจ็ ฯ ต่อไปยงั เครอื รัฐออสเตรเลีย โดยในวนั แรกของการเสด็จพระราช
ดาเนนิ ประทับเครอื่ งบินพระท่นี ่งั สายการบนิ การูด้าจากเมืองเดนปาซาร์ เกาะ
บาหลี สาธารณรฐั อินโดนเี ซีย ไปยงั ท่าอากาศยานคิงสฟอร์ด-สมิธ เมอื งซิดนยี ์
รัฐนวิ เซาทเ์ วลส์ เครอื รฐั ออสเตรเลีย และประทับเคร่ืองบนิ พระทน่ี ่ังที่
กองทัพอากาศออสเตรเลยี จดั ถวาย เสดจ็ ฯ ไปยงั กรงุ แคนเบอรร์ า ประทับ
แรม ณ ทาเนยี บขา้ หลวงใหญ่ของสหราชอาณาจกั รประจาเครอื รัฐออสเตรเลยี
ในช่วงบ่าย เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรหอสมุดแห่งชาติออสเตรเลีย และหอศลิ ปะ
แห่งชาติ
จัดทาโดย หอ้ งสมุดแสงสิงแกว้
โรงเรยี นนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมือง จงั หวัดนครพนม
หนังสือพระราชนิพนธ์
ชดุ เสด็จเยอื นไปตา่ งประเทศ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา
เจ้าฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สริ ิกิจการิณพี ีรยพัฒน
รฐั สมี าคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี
ทวั รน์ ้องโจ้ (ตอ่ )
วนั ตอ่ มา เสดจ็ ฯ ไปทรงเยย่ี มกจิ การของสถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตร์
แห่งชาติของออสเตรเลีย (Commonwealth Scientific and Industrial
Research Organization) ทอดพระเนตรแผนกวิจัยปา่ ไม้ แผนกกฏี วทิ ยา
โรงพิมพ์หนังสอื Koomarri Printery and Industries ท่ฝี ึกใหค้ นปัญญา
ออ่ นทางาน ในชว่ งบ่าย เสดจ็ ฯ ไปยงั School of Asian Studies เป็น
สถาบันของมหาวทิ ยาลยั แห่งชาติออสเตรเลีย
ประทบั รถยนตร์พระที่นั่งเสด็จ ฯ ไปยังเมอื งคูมา่ เสดจ็ ฯ ไป
ทอดพระเนตรกิจการของศูนยข์ อ้ มลู Snowy Mountains Hydro-electric
Authority เป็นโครงการเก่ยี วกับการพิจารณาการใช้น้าในเทือกเขาสโนว์วใี่ ห้
เกิดประโยชน์สูงสุดทง้ั ทางชลประทานและไฟฟา้ ทอดพระเนตรอา่ งเกบ็ น้าและ
ทะเลสาบยคู ัมบีน และสถานสี บู น้าจินดาบีน จากนัน้ เสด็จ ฯ ไปยังเมืองทัลบงิ
โก มีทะเลสาบทใี่ ชใ้ นการชลประทาน ทอดพระเนตรเขื่อนทลั บงิ โก โรงไฟฟา้
พลงั น้า ในช่วงบ่าย ประทับเครอ่ื งบนิ พระท่นี ่งั เสดจ็ ฯ ไปยงั เมอื งกริฟฟธิ
วันตอ่ มา เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรงานด้านการเกษตรท่ี Biacom Division
สหกรณช์ าวนา (Ricegrowers’ Cooperative Mills Ltd.) ทอดพระเนตร
โรงงานทาอาหารสตั ว์จากเปลอื กและเยอ่ื ของส้มและมะนาว เสดจ็ ฯ ไปทรง
เยยี่ มพื้นท่ที าการเกษตรของเกษตรกรชาวออสเตรเลยี ได้แก่ นานอกเขต
ชลประทานของนายจิม เฟรเซอร์ ทเ่ี มอื ง Colarenabrie นาทม่ี ีการ
ชลประทานของนายพี. ฮินตนั ทเ่ี มอื ง Gogelderie และกิจการสวนสม้ ของนาย
เดวดิ มอร์รสิ ทเ่ี มือง Wamoon จากนนั้ ประทบั เครื่องบนิ พระท่ีน่ัง เสดจ็ ฯ
ไปยงั เมอื งซดิ นีย์
จัดทาโดย ห้องสมุดแสงสงิ แก้ว
โรงเรยี นนครพนมวทิ ยาคม อาเภอเมอื ง จงั หวัดนครพนม