Research Article
Thirayu Inplaeng, Ph.D.(Candidate)
List of Research Article
Khawthung, T. and Inplaeng, T. (2017). Using the coorpulative
learning process to develope Chaineese skill for Grade 5
students. presented at Silapasardvijaiwalailuck national
conference,(pp.127-144), Nakhon Si Thammarat, 2017 :
Walailuck University Publishing.
Inplaeng, T. (2017). The Evaluating Coaching Process Of
Classroom Research For The Internship Chinese Teacher
School Of Sinology Mae Fah Luang University. presented at
The 1st CMU Annual Conference in Education, (pp.479-492),
Chiangmai, 2017 : Faculty of Education CMU Publishing.
Inplaeng, T. (2019). Developing Model of Attitude in Teacher
profession’s status of Chinese teacher student in school
of Sinology Mae Fah Luang University. presented at the
27th Thailand Measurement Evaluation and Research
conferecne 2019, (pp.217-232) Songkla : Art-work meadia
publishing.
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ “ศลิ ปศาสตรว์ ิจยั วลยั ลกั ษณ์” ครงั้ ที่ 3
ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบร่วมมอื ประกอบการใช้หนงั สอื แบบเรยี น Pop-up
เพ่อื พัฒนาการเรียนรทู้ างด้านคาศัพท์ภาษาจนี สาหรบั นกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4
ธญั พฒั น์ ขาวทงุ่ 1, ถิรายุ อินทรแ์ ปลง2
สาขาวชิ าการสอนภาษาจีน สานักวิชาจนี วทิ ยา มหาวิทยาลัยแม่ฟา้ หลวง
บทคัดยอ่
ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up เพ่ือพัฒนาการ
เรียนรู้ทางด้านคาศัพท์ภาษาจีน สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 มีวัตถุประสงค์การวิจัย 3 ประการคือ
(1) เพื่อศึกษาผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up
เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ทางด้านคาศัพท์ภาษาจีน สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 (2) เพื่อเปรียบเทียบ
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนระหว่างนักเรียนที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบปกติกับนักเรียนท่ีได้รับ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up และ(3) เพื่อศึกษาความ
พึงพอใจของนักเรียนจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up
เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ทางด้านคาศัพท์ภาษาจีน ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยในคร้ังนี้ประกอบไปด้วย นักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 4 หอ้ งเรียน รวมเป็นจานวน 165 คน โดยจัดห้องเรียนโดยคละความสามารถของ
นักเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ใน
การวิจัยในครั้งนี้ ประกอบด้วยนักเรียนจานวน 2 ห้องเรียน ประกอบไปด้วย กลุ่มทดลอง เป็นนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีท่ี 4/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จานวน 43 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบเป็นกลุ่ม
(Cluster Random Sampling) กลุ่มควบคุมเป็นนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4/1 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา
2560 จานวน 40 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบเป็นกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ใน
การวิจัย ประกอบไปด้วยเครื่องมือ 4 เคร่ืองมือคือ (1) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้
หนงั สอื แบบเรยี น Pop-up จานวน 1 ชุด ใชเ้ วลาสอน 3 ชวั่ โมง (2) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบรว่ มมอื
ประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up จานวน 1 แผน ใช้เวลาสอน 3 ช่ัวโมง (3) แบบทดสอบผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนก่อนกับหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up
เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ทางด้านคาศัพท์ภาษาจีน สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบทดสอบปรนัย
4 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ และ(4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
แบบร่วมมือประกอบการใชห้ นงั สือแบบเรียน Pop-up เพอื่ พฒั นาการเรียนรทู้ างด้านคาศพั ทภ์ าษาจีน สาหรับ
นกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณคา่ 5 ระดับ จานวน 10 ข้อ สถิติทใี่ ช้ใน
1 นักศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ิชาชีพครูชั้นปที ่ี 5 สาขาวิชาการสอนภาษาจนี สานักวิชาจนี วทิ ยา มหาวิทยาลยั แม่ฟา้ หลวง
2 อาจารยท์ ่ปี รกึ ษา, อาจารย์ประจาสาขาวชิ าการสอนภาษาจีน สานกั วชิ าจนี วทิ ยา มหาวิทยาลยั แมฟ่ า้ หลวง
127
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ “ศลิ ปศาสตร์วิจยั วลยั ลกั ษณ์” คร้งั ที่ 3
การวิเคราะหข์ ้อมลู ในการวจิ ยั ประกอบไปดว้ ย คา่ เฉลี่ย คา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน คา่ ร้อยละ และสถติ ิทดสอบ
ที (t-test แบบ Independent-sample)
ผลการวจิ ยั พบวา่
1. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up
เพือ่ พฒั นาการเรียนรู้ทางดา้ นคาศัพท์ภาษาจีน สาหรับนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 พบว่า คะแนนเฉลยี่ หลัง
เรียนของกลุ่มทดลองเท่ากับ 8.23 คะแนนเฉล่ียหลังเรียนของกลุ่มควบคุมเท่ากับ 6.18 คะแนนของกลุ่ม
ทดลองมีรอ้ ยละพัฒนาการมากกวา่ กล่มุ ควบคุมคิดเปน็ คะแนนเฉล่ียร้อยละ 21.74
2. ผลการเปรียบเทยี บผลการใช้ระหว่างนักเรียนท่ีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบปกติกับ
นักรยี นท่ีได้รบั การจดั กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบร่วมมือประกอบการใชห้ นังสอื แบบเรียน Pop-up พบวา่ คะแนน
เฉล่ียหลังเรียนของนักเรียนกลุ่มควบคุมเท่ากับ 6.18 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนกลุ่มทดลองเท่ากับ 8.23 มีค่าที
เท่ากบั 8.268 ดังนั้นคะแนนหลังเรียนของกลุ่มทดลองมีความแตกต่างจากคะแนนกลุ่มควบคุมแตกต่างอย่างมี
นัยสาคญั ทางสถติ ิท่รี ะดบั .05
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือ
แบบเรียน Pop-up เพื่อพฒั นาการเรยี นรู้ทางด้านคาศัพทภ์ าษาจนี พบว่านกั เรยี นมคี วามพึงพอใจโดยรวมอยูใ่ น
ระดบั มากทส่ี ุด (̅X= 4.56, S.D. = 0.06)
คาสาคัญ : การเรยี นแบบร่วมมอื ,หนังสอื เรยี นแบบ Pop-up,ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน,คาศัพทภ์ าษาจีน
ที่มาและความสาคญั ของปัญหา
ปัจจุบันในสังคมโลกได้ให้ความสาคัญกับภาษาจีนอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในประเทศไทยท่ีได้เกิด
กระแสนิยมการเรียนภาษาจีนเพ่ิมมากข้ึน ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้เล็งเห็นความสาคัญต่อการจัดการ
เรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทย โดยได้กาหนดนโยบายการปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาจีนระดับ
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ในปีพุทธศักราช 2557 เพ่ือมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถ และทักษะการใช้
ภาษาจีนอย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล โดยได้กาหนดให้เริ่มจัดการเรียนการสอนภาษาจีน
ภายในโรงเรียนโดยเร่ิมจากระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นต้นไป ทั้งน้ีหากโรงเรียนใดมีความพร้อมทางด้าน
ภาษาจีนเพียงพอก็จักสามารถจัดการเรียนการสอนภาษาจีนได้ต้ังแต่ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นต้น
(สานักงานเลขาธิการสภาศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2552 หน้า 56)
โรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนที่อยู่ในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา
เอกชน ( สช.) ต้ังอยู่เลขท่ี 6 / 1 ถนน ช้างเผือก ตาบล ศรีภูมิ อาเภอ เมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางโรงเรียน
มีความมุ่งหวังให้ผู้เรียนมีความสามารถทางด้านภาษาต่างประเทศ ท้ังภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ขณะน้ีเป็น
เวลากว่า 2 ปีที่ทางโรงเรียนเทพบดินทรว์ ทิ ยาเชียงใหม่ได้มกี ารเปิดการเรยี นการสอนรายวิชาภาษาจีนเพิม่ เติม
ขึ้น ในระดับชั้น อนุบาล 1 ถึง มัธยมศึกษาปีท่ี 2 อีกทง้ั ในอนาคตทางโรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่จะได้
ทาการเปิดการเรียนการสอนภาษาจีนในแต่ละช่วงชั้นเพิ่มข้ึนอีก ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าทางโรงเรียนได้
128
การประชมุ วิชาการระดับชาติ “ศิลปศาสตรว์ จิ ยั วลยั ลักษณ์” คร้ังที่ 3
ตระหนักถึงความสาคัญของภาษาจีนเพ่ิมมากข้ึน ทั้งน้ีอาจเป็นเพราะทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู
ผู้ปกครอง ตลอดจนตัวของนักเรยี นเองต่างกล็ ้วนเลง็ เหน็ ความสาคัญของการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาจีน
วา่ จะมีประโยชน์ต่อการนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันสบื ไป
ผู้วิจัยมโี อกาสได้เขา้ ฝึกประสบการณ์สอน ณ โรงเรียนเทพบดนิ ทรว์ ิทยาเชียงใหม่ โดยได้รับมอบหมาย
ให้เข้าสอนนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 – 4/4 จานวน 1 คาบต่อสัปดาห์ ในรายวิชาภาษาจีน
เบอื้ งตน้ ซง่ึ ตลอดระยะเวลาภาคเรยี นที่ 1 ทผี่ า่ นมาพบว่าพฤตกิ รรมการเรียนของนักเรียนในด้านตา่ งๆ มผี ลทา
ให้ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนไม่บรรลุวัตถุประสงค์เท่าท่ีควร เน่อื งจากเมอื่ ทาการทดสอบนักเรียนไม่
สามารถจดจาคาศัพท์ได้ นักเรียนส่วนใหญ่ไม่สามารถระบุความหมายของคาศัพท์ต่างๆได้ ทาให้ผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนของนักเรียนอยู่ในเกณฑ์ต่า จากปัญหาดังกล่าว ทาให้ผู้วิจัยตระหนักถึงความสาคัญของปัญหา
และเห็นว่าครูผู้สอนจาเป็นที่จะต้องสรรหาวิธี กลยุทธ์ และส่ือการเรียนรู้ท่ีน่าสนใจ เพื่อท่ีจะดึงดูดให้นักเรียน
จดจ่ออยกู่ ับบทเรยี นและสง่ เสริมใหน้ กั เรียนสามารถจดจาส่งิ ทีเ่ รียนรวมถงึ คาศัพทต์ า่ งๆได้
ผู้วิจัยได้เห็นความสาคัญของปัญหา จึงเลือกใช้ส่ือหนังสือแบบเรียน Pop-up เพื่อพัฒนาการเรียนรู้
ด้านคาศัพท์ภาษาจีน เนื่องจากภาคเรียนที่ผ่านมาการใช้สื่อมัลติมีเดียในการประกอบการเรียนการสอนนั้น
ผู้วิจัยสังเกตได้ว่าสื่อมัลติมีเดียในปัจจุบันไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนักเรียนได้เพียงพอ อาจเป็นเพราะ
สื่อมัลติมีเดียที่ใช้นั้นเป็นส่ือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลากหลายรายวิชา เม่ือนามาใช้กับนักเรียนเป็นประจา
นักเรียนจึงเกิดความเคยชิน ส่งผลให้มีพฤติกรรมการเรียนที่ไม่ค่อยตื่นตัวมากนัก อีกทั้งรูปภาพประกอบการ
เรียนการสอนที่ปรากฏบนสื่อมัลติมีเดียเป็นเพียงรูปภาพ 2 มิติเท่านั้น ไม่สามารถจับต้องหรือเข้าถึงได้ง่าย
ผู้วิจัยจึงอยากท่ีจะผลิตส่ือท่ีนักเรียนเห็นแล้วสามารถจับต้องได้ให้ออกมาในรูปแบบของภาพ 3 มิติ เพ่ือที่จะ
ดึงดูดความสนใจของนักเรียนได้ดีกว่า นอกจากน้ีข้อดีของหนังสือแบบเรียน Pop-up ยังมีคุณสมบัติท่ีพกพา
สะดวก สามารถนาไปใช้ได้กับห้องเรียนที่ไม่สามารถใช้สื่อมัลติมีเดียได้ อาทิเช่น ห้องเรียนที่มีปัญหา
สื่อคอมพิวเตอร์ชารุด ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอน หรือแม้กระท่ังโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารทุกแห่ง
เป็นต้น ท้ังนี้นักเรียนยังสามารถใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up ทบทวนบทเรียนด้วยตนเองได้โดยง่าย (กรุณา
เลิศพุฒิภญิ โญ , 2555, หน้า 69) นอกจากน้ีนักเรียนขาดความสนใจ ปฏสิ ัมพนั ธ์ในช้ันเรยี น จึงพัฒนานักเรียน
ดว้ ยกระบวนการจดั การเรยี นร้แู บบร่วมมือซง่ึ เป็นการจัดการเรียนการสอนท่เี น้นผู้เรยี นเป็นสาคญั คือ เปน็ การ
จัดการเรียนการสอนท่ีให้ความสาคัญกับผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนในเร่ืองที่
สอดคล้องกับความสามารถและความต้องการของตนเองและได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่
(วฒั นาพร ระงบั ทุกข,์ 2542, หนา้ 79)
ผู้วิจัยได้เลือกใช้ชุดคาศัพท์หมวดครอบครัว เพราะคาศัพท์เหล่าน้ีมีความเก่ียวข้องกับชีวิตประจาวัน
ของนักเรียนทุกคน เป็นคาศัพท์พื้นฐานท่ีนักเรียนคุ้นเคยมากที่สุด แต่เน่ืองจากชุดคาศัพท์หมวดครอบครัวน้ีมี
จานวนหลายคา จึงทาให้นักเรียนไม่สามารถจดจาคาศัพท์เหล่าน้ีได้ดีเท่าที่ควร เพราะเหตุนี้เองทาให้ผู้วิจัยไม่
สามารถละเลยปัญหาเหล่าน้ีได้ จึงได้จัดทาส่ือหนังสือแบบเรียน Pop-up ขึ้นมาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้
ด้านคาศัพท์ภาษาจีน สาหรับนักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่
ตาบลศรีภมู ิ อาเภอเมอื ง จงั หวัดเชยี งใหม่ โดยมวี ตั ถุประสงค์ในการวิจยั ดังนี้
129
การประชมุ วิชาการระดับชาติ “ศิลปศาสตรว์ จิ ยั วลยั ลักษณ์” ครงั้ ที่ 3
วัตถุประสงคก์ ารวิจัย
1. เพือ่ ศึกษาผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบร่วมมือประกอบการใชห้ นังสอื แบบเรยี น Pop-up เพือ่
พฒั นาการเรียนรู้ทางดา้ นคาศพั ทภ์ าษาจีน สาหรบั นกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4
2. เพ่อื เปรียบเทียบผลสัมฤทธิท์ างการเรียนระหวา่ งนกั เรียนที่จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ด้วยวธิ ีการสอนแบบ
ปกตกิ ับนักเรยี นทีไ่ ด้รบั การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบร่วมมือประกอบการใชห้ นงั สือแบบเรียน Pop-up
3. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนกั เรยี นจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใชห้ นงั สือ
แบบเรียน Pop-up เพอ่ื พฒั นาการเรยี นรทู้ างด้านคาศัพทภ์ าษาจีน สาหรบั นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4
สมมมตฐิ านการวจิ ัย
1. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบรว่ มมือประกอบการใชห้ นงั สือแบบเรียน Pop-up เพือ่
พัฒนาการเรยี นรู้ทางด้านคาศพั ทภ์ าษาจีน สาหรบั นกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 สูงกวา่ เกณฑ์รอ้ ยละ 70
2. ผลการเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรยี นที่จัดกิจกรรมการเรียนรดู้ ้วยวธิ ีการสอนแบบ
ปกติแตกต่างกับนักเรียนท่ีได้รบั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-
up
3. ผลการศกึ ษาความพงึ พอใจของนักเรียนจดั กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบรว่ มมือประกอบการใช้หนังสอื
แบบเรียน Pop-up เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ทางดา้ นคาศพั ท์ภาษาจีน สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 อยู่
ในระดับมากข้ึนไป
ขอบเขตการวจิ ยั
1. ขอบเขตดา้ นประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง
ประชากรท่ีใชใ้ นการวิจัย
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในคร้ังน้ีประกอบไปด้วย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 4
ห้องเรียน รวมท้ังส้ิน 165 คนโดยจัดห้องเรียนโดยคละความสามารถของนักเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา
2560 โรงเรียนเทพบดนิ ทรว์ ิทยา อาเภอเมือง จงั หวัดเชยี งใหม่
กลุ่มตวั อย่างทใี่ ชใ้ นการวิจัย
กล่มุ ทดลอง เป็นนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4/2 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2560 จานวน 43
คน ได้มาโดยวธิ ีการส่มุ แบบเป็นกลุ่ม (Cluster Random Sampling)
กลุ่มควบคุมเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4/1 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 จานวน 40
คน ได้มาโดยวธิ ีการสุม่ แบบเป็นกลมุ่ (Cluster Random Sampling)
130
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ “ศลิ ปศาสตรว์ ิจยั วลยั ลักษณ์” ครง้ั ท่ี 3
2. ขอบเขตด้านตัวแปรทีท่ าการวจิ ัย
ตัวแปรต้น ประกอบไปด้วย การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการใช้หนังสือแบบเรียน
Pop-up
ตัวแปรตาม ประกอบไปดว้ ย ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นร้คู าศัพท์ภาษาจีนและความพึงพอใจท่ีมีต่อ
การเรยี นรูค้ าศพั ท์ภาษาจนี
3. ขอบเขตด้านเน้อื หาท่ที าการวจิ ัย
汉字 Pinyin ความหมาย
คณุ ตา
外公 wàiɡōnɡ คุณยาย
คุณปู่
外婆 wàipó คณุ ยา่
คณุ พ่อ
爷爷 yéye คุณแม่
พ่ชี าย
奶奶 nǎinai น้องชาย
พีส่ าว
爸爸 bàba นอ้ งสาว
妈妈 māma
哥哥 ɡēɡe
弟弟 dìdi
姐姐 jiějie
妹妹 mèimei
วธิ กี ารดาเนินการวจิ ยั
แบบแผนการทดลอง
การวิจัยครั้งน้ี เป็นการวิจัยเชิงกึ่งการทดลอง (Quasi – Experimental Research Design) ใช้แบบ
แผนการทดลองแบบสองกลุ่มทดสอบหลังการทดลอง (Two group post-test only Design) มีแบบแผนการ
ทดลองดังภาพ
131
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ “ศลิ ปศาสตร์วิจยั วลยั ลกั ษณ์” ครง้ั ท่ี 3
Group Treatment Post-test
RE X O2
RC O2
แผนภาพท่ี 1 แสดงแผนการทดลองในการวิจัย
RE หมายถึง กลุ่มทดลอง เป็นกลุ่มที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้
หนงั สอื แบบเรยี น Pop-up เป็นนกั เรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4/2
RC หมายถึง กลุ่มควบคุม เป็นกลุ่มที่ได้รับการจัดกิจกรรมแบบปกติเป็นนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่
4/1
O2 หมายถงึ การทดสอบหลังเรียน
เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการวจิ ยั
1. การจัดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบรว่ มมอื ประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up จานวน 1 ชดุ
ใช้เวลาสอน 3 ชว่ั โมง
2. แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบรว่ มมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรยี น Pop-up จานวน 1
แผน ใชเ้ วลาสอน 3 ชวั่ โมง
3. แบบทดสอบผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนกอ่ นกบั หลงั เรยี นด้วยกิจกรรมการเรียนร้แู บบร่วมมือ
ประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up เพ่ือพัฒนาการเรียนรทู้ างดา้ นคาศัพทภ์ าษาจีน สาหรับนักเรียนชั้น
ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 เปน็ แบบทดสอบปรนัย 4 ตวั เลอื ก จานวน 10 ขอ้
4. แบบสอบถามความพงึ พอใจของนักเรียนท่ีมีต่อการจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบร่วมมือ
ประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up เพื่อพัฒนาการเรียนรูท้ างด้านคาศัพท์ภาษาจีน สาหรับนักเรียนชั้น
ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 เปน็ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณคา่ 5 ระดบั จานวน 10 ข้อ
การสรา้ งและหาคณุ ภาพเครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการวิจัย
การสร้างและหาคุณภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการสร้างหนังสือแบบเรียน
Pop-up มขี น้ั ตอนดังนี้
1. ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาต่างประเทศ
2. ศกึ ษาเอกสาร ตารา บทความเกยี่ วกบั รูปแบบของหนังสอื Pop-up
3. ศกึ ษาหลกั การแนวคิดทฤษฎีในการจัดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบรว่ มมือ
4. ศกึ ษาเกยี่ วกับ ภาพน่ิง เค้าโครงหนังสือ และสง่ิ ที่จะชว่ ยดึงดูดความสนใจของนักเรียนให้มีตอ่ การ
เรยี น
5. เลอื กชดุ คาศัพทห์ มวดครอบครัว จานวน 10 คา ได้แก่
132
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ “ศลิ ปศาสตร์วิจยั วลัยลกั ษณ์” ครั้งท่ี 3
爸爸、妈妈、外公、外婆、爷爷、奶奶、
姐姐、妹妹、哥哥、弟弟
6. กาหนดวัตถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม และขอบข่ายเนอ้ื หาการเรียน
7. กาหนดองค์ประกอบในหนังสือแบบเรียน Pop-up พร้อมกับจัดทา Model จาลองรายละเอียด
เนอ้ื หาภายในหนังสือ Pop-up และเสนออาจารยท์ ปี่ รกึ ษาและนามาปรับปรงุ แก้ไข
8. ทาการออกแบบบทเรียนตามโครงสร้างหนังสือ Pop-up และใช้แนวคิดตามทฤษฎีจิตวิทยาการ
เรยี นรู้ ซ่ึงจะชว่ ยให้หนงั สอื แบบเรียน Pop-up บรรลุวัตถปุ ระสงค์
9. นาหนังสือแบบเรียน Pop-up ที่ออกแบบเสนออาจารย์ท่ีปรึกษา ครูพี่เล้ียง และนามาปรับปรุง
แก้ไข และประเมินคุณภาพด้วยแบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่า พบว่ามีค่าเฉล่ีย 4.34
อยู่ในระดับมาก
10. นาหนังสือแบบเรยี น Pop-up ไปทดลองใช้ และใช้จริงกบั กลมุ่ ตวั อย่าง
การสร้างและหาคณุ ภาพแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ยกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบร่วมมือ
ประกอบการใชห้ นงั สือแบบเรยี น Pop-up
1. ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาต่างประเทศ และหลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนเทพบดนิ ทร์วทิ ยาเชียงใหม่
2. ศึกษาเอกสาร ตารา ท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้แบบรว่ มมือ
3. ดาเนินการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ทางด้านคาศัพท์ภาษาจีน หมวด
คาศัพท์ครอบครัว จานวน 1 แผน ตามลาดบั ขน้ั ตอนของแผนการจดั การเรียนรู้ ดงั น้ี
ขน้ั ที่ 1 มาตรฐานและตวั ชว้ี ดั
ขั้นที่ 2 สาระสาคญั
ขั้นท่ี 3 จุดประสงค์การเรยี นรู้ ซึ่งแบง่ ออกเปน็ 3 ด้าน คือ ด้านความรู(้ K) ด้านทักษะกระบวนการ
(P) และคณุ ลักษณะ(A)
ขนั้ ท่ี 4 สาระการเรียนรู้
ขนั้ ที่ 5 กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจดั การเรียนรแู้ บบร่วมมอื
ขั้นท่ี 6 ส่อื อุปกรณ์และแหล่งเรียนรู้
ขั้นที่ 7 กระบวนการวัดผลประเมินผล
ข้ันท่ี 8 การจดั ผลและประเมินผล
ขั้นที่ 9 บันทึกหลงั การจัดการเรยี นรู้
4. นาแผนการจัดการเรียนรู้ไปให้เสนออาจารย์ท่ีปรึกษา ตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม และ
นามาปรับปรุงแก้ไข และประเมินคุณภาพด้วยแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ พบว่า
แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรมู้ ีคณุ ภาพคิดเปน็ คา่ เฉลย่ี รวม 4.65 อยู่ในระดบั มากทสี่ ุด
133
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ “ศลิ ปศาสตร์วจิ ยั วลยั ลักษณ์” ครัง้ ที่ 3
5. เมอื่ ออกแบบปรบั ปรงุ แก้ไขตามข้อเสนอแนะ และจึงนาแผนการจัดการเรียนรู้ไปใชก้ ลุ่มตวั อยา่ ง
การสรา้ งและหาคุณภาพของแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
1. ศกึ ษารปู แบบวธิ ีการสร้างแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนออกแบบสร้างแบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนให้ครอบคลุมเนื้อหา เร่ือง ครอบครัวของฉัน (我的家庭) จานวน 10 ข้อ
แบง่ เปน็ 2 ตอน
1) โยงเส้นจบั คภู่ าพและคาศัพทใ์ ห้สัมพนั ธก์ นั
2) แปลประโยคจากจนี เป็นไทย
โดยแบ่งคา่ ระดับคะแนนออกเปน็ 5 ระดับ คอื ดีมาก ดี ปานกลาง พอใชแ้ ละไมด่ ี ดงั นี้
9 - 10 คะแนน หมายถึง การเรียนอยใู่ นระดับ “ดีมาก”
7 - 8 คะแนน หมายถงึ การเรยี นอยใู่ นระดับ “ด”ี
5 - 6 คะแนน หมายถงึ การเรยี นอยูใ่ นระดบั “ปานกลาง”
3 - 4 คะแนน หมายถึง การเรียนอยู่ในระดับ “พอใช้”
1 - 2 คะแนน หมายถงึ การเรยี นอยู่ในระดบั “ไม่ด”ี
2. นาแบบทดสอบท่ีออกแบบเสนออาจารย์ท่ีปรึกษา และครูพ่ีเลี้ยง ตรวจสอบความถูกต้อง
เหมาะสม และนามาปรับปรงุ แกไ้ ข
3. นากลับไปเสนออาจารยท์ ี่ปรึกษาและครูพี่เล้ียงและผเู้ ช่ยี วชาญทางด้านภาษาจนี อกี ครั้งเพอ่ื หาค่า
ดัชนีความสอดคล้องระหว่างเนื้อหาที่ต้องการวัดและตัวชี้วัดสาระการเรียนรู้แกนกลาง พบว่า
ขอ้ สอบมคี า่ ดชั นสี อดคล้องระว่าง .67-100 ซึง่ สามารถนาไปใชไ้ ดก้ บั นักเรยี นกลุ่มตัวอย่าง
4. นาแบบทดสอบไปใชก้ บั กลุ่มตวั อย่าง
การสรา้ งแบบประเมนิ ความพึงพอใจ
1. ศึกษาเอกสาร บทความเกี่ยวกับการออกแบบ เคร่ืองมอื และกระบวนการวัดแบบสอบถามความ
พึงพอใจ
2. ออกแบบสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ เป็นการประเมินแบบมาตราส่วน ประมาณค่า 5
ระดบั (Rating Scale) ของลเิ คิรท์ (Likert) (อา้ งอิงใน ปรยี าพร วงศอ์ นุตรโรจน์, 2546 หนา้ 255-
256) มีเกณฑ์การประเมิน ดังน้ี
5 หมายถงึ พึงพอใจมากท่สี ุด
4 หมายถงึ พงึ พอใจมาก
3 หมายถึง ปานกลาง
2 หมายถงึ พึงพอใจนอ้ ย
1 หมายถงึ พึงพอใจน้อยทสี่ ดุ
โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ดังน้ี
ดา้ นเนอื้ หาและการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ 5 ข้อ
134
การประชมุ วิชาการระดับชาติ “ศิลปศาสตร์วจิ ยั วลยั ลกั ษณ์” คร้งั ที่ 3
ด้านรปู แบบส่ือ 5 ข้อ
3. นาแบบสอบถามความพึงพอใจท่ีออกแบบเสนออาจารย์ท่ีปรึกษา ครูพี่เลี้ยงตรวจสอบความ
ถกู ต้องเหมาะสมทางดา้ นภาษา และนามาปรบั ปรุงแกไ้ ข
4. นาแบบสอบถามความพงึ พอใจไปใช้กับกลมุ่ ตัวอย่าง
การดาเนินการวิเคราะห์ข้อมลู
1. ทดสอบนักเรยี นกล่มุ ตวั อยา่ งดว้ ยแบบทดสอบก่อนเรยี นจานวน 10 ข้อ
2. นาการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนงั สือแบบเรียน Pop-up ดงั นี้
3. จัดกระบวนการเรียนการสอนกับกลุ่มทดลองด้วย การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ประกอบการใช้หนงั สือแบบเรยี น Pop-up
4. จัดกระบวนการเรยี นการสอนกับกลุม่ ควบคมุ ดว้ ย การจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ
5. ทดสอบผลสมฤทธิ์ทางการเรยี นหลังเรยี นกล่มุ ทดลองและกลุ่มควบคุม
6. สอบถามความพงึ พอใจกบั นกั เรยี นกลมุ่ ควบคุม
สถิติที่ใชใ้ นการวจิ ยั
ผวู้ จิ ยั ใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอรส์ าเรจ็ รปู ในการวิเคราะห์ขอ้ มลู ประกอบไปดว้ ย
สถติ ิบรรยาย
1. ค่าเฉลี่ย
2. คา่ รอ้ ยละ
3. คา่ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน
สถติ อิ ้างองิ
1. สถิตทิ ดสอบสถิติทดสอบที (t-test แบบ Independent-sample)
ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up เพื่อพัฒนาการเรียนรู้
ทางด้านคาศัพท์ภาษาจีน สาหรับนักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 มีผลการวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งออกเป็น 3 ตอน
ดังนี้
ตอนท่ี 1 ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรูแ้ บบรว่ มมือประกอบการใช้หนงั สือแบบเรียน Pop-up เพือ่
พฒั นาการเรียนรู้ทางด้านคาศัพท์ภาษาจนี สาหรบั นักเรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4
ตอนที่ 2 ผลการเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนระหวา่ งนกั เรียนทจ่ี ดั กจิ กรรมการเรียนรู้ดว้ ยวธิ ีการ
สอนแบบปกติกับนกั เรียนทไ่ี ด้รบั การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบร่วมมือประกอบการใชห้ นังสือแบบเรียน Pop-
up
135
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ “ศลิ ปศาสตร์วจิ ยั วลยั ลกั ษณ์” คร้ังท่ี 3
ตอนท่ี 3 ผลการศึกษาความพงึ พอใจของนักเรยี นจัดกจิ กรรมการเรียนร้แู บบรว่ มมือประกอบการใชห้ นังสอื
แบบเรยี น Pop-up เพ่ือพัฒนาการเรียนร้ทู างด้านคาศัพทภ์ าษาจนี สาหรับนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4
ตอนที่ 1 ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบร่วมมอื ประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up เพ่อื
พฒั นาการเรียนรู้ทางด้านคาศพั ท์ภาษาจนี สาหรับนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ผู้วิจัยขอนาเสนอผลเรียง
เป็นลาดบั ดงั น้ี
ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เร่ืองคาศัพท์ภาษาจีนสาหรับนักเรียนกลุ่มควบคุม เป็นนักเรียนชั้น
ประถมศกึ ษาปีที่ 4/1 ผลเป็นดังตาราง
ตาราง 1 แสดงผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรขู้ องนกั เรียนกลุ่มทดควบคุม
คนท่ี คะแนนก่อนเรียน(10) ระดบั คุณภาพ คะแนนหลังเรียน(10) ระดบั คุณภาพ ร้อยละพฒั นาการ
1 1 ไม่ดี 3 พอใช้ 20.00
2 2 ไมด่ ี 4 พอใช้ 20.00
3 2 ไมด่ ี 4 พอใช้ 20.00
43 พอใช้ 5 ปานกลาง 20.00
53 พอใช้ 6 ปานกลาง 30.00
62 ไม่ดี 6 ปานกลาง 40.00
74 พอใช้ 5 ปานกลาง 10.00
8 3 พอใช้ 8 ดี 50.00
9 5 ปานกลาง 7 ดี 20.00
10 4 พอใช้ 7 ดี 30.00
11 2 ไม่ดี 6 ปานกลาง 40.00
12 6 ปานกลาง 6 ปานกลาง 0.00
13 1 ไม่ดี 5 ปานกลาง 40.00
14 3 พอใช้ 4 พอใช้ 10.00
15 4 พอใช้ 8 ดี 40.00
16 5 ปานกลาง 8 ดี 30.00
17 2 ไม่ดี 4 พอใช้ 20.00
18 1 ไมด่ ี 6 ปานกลาง 50.00
136
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ “ศิลปศาสตร์วจิ ยั วลัยลักษณ์” ครั้งท่ี 3
ตาราง 1 (ต่อ)
คนที่ คะแนนกอ่ นเรียน(10) ระดับคุณภาพ คะแนนหลงั เรยี น(10) ระดบั คุณภาพ ร้อยละพัฒนาการ
19 3 พอใช้ 7 ดี 40.00
20 4 พอใช้ 8 ดี 40.00
21 2 ไมด่ ี 5 ปานกลาง 30.00
22 8 ดี 8 ดี 0.00
22 8 ดี 8 ดี 0.00
23 6 ปานกลาง 7 ดี 10.00
24 7 ดี 8 ดี 10.00
25 8 ดี 8 ดี 0.00
26 1 ไมด่ ี 4 พอใช้ 30.00
27 2 ไม่ดี 5 ปานกลาง 30.00
28 2 ไมด่ ี 5 ปานกลาง 30.00
29 3 พอใช้ 7 ดี 40.00
30 4 พอใช้ 8 ดี 40.00
31 5 ปานกลาง 6 ปานกลาง 10.00
32 5 ปานกลาง 6 ปานกลาง 10.00
33 5 ปานกลาง 5 ปานกลาง 0.00
34 6 ปานกลาง 8 ดี 20.00
35 4 พอใช้ 7 ดี 30.00
36 1 ไม่ดี 4 พอใช้ 30.00
37 2 ไมด่ ี 6 ปานกลาง 40.00
38 5 ปานกลาง 7 ดี 20.00
39 6 ปานกลาง 8 ดี 20.00
40 5 ปานกลาง 8 ดี 30.00
̅X 3.68 พอใช้ 6.18 ปานกลาง 25.00
S.D. 1.94 1.52
จากตารางพบว่า นักเรียนกลุ่มควบคุม มีคะแนนก่อนเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 3.68 อยู่ในระดับพอใช้ มี
คะแนนหลงั เรยี นเฉล่ียเทา่ กับ 6.18 อยู่ในระดับปานกลางมีพฒั นาการเฉล่ยี ร้อยละ 25.00
ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบรว่ มมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรยี น Pop-up เพือ่
พฒั นาการเรยี นรู้ทางดา้ นคาศัพท์ภาษาจนี สาหรบั นักเรยี นกลุ่มทดลอง ปรากฏผลดงั ตาราง
137
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ “ศิลปศาสตรว์ จิ ยั วลยั ลักษณ์” ครงั้ ท่ี 3
ตารางท่ี 2 แสดงผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบรว่ มมือประกอบการใช้หนงั สอื แบบเรียน Pop-up เพอ่ื
พัฒนาการเรียนรทู้ างด้านคาศัพท์ภาษาจนี สาหรบั นักเรยี นกลมุ่ ทดลอง
คน คะแนนกอ่ นเรยี น ระดบั คะแนนหลงั เรยี น ระดบั รอ้ ยละ
ที่ (10) คณุ ภาพ (10) คุณภาพ พัฒนาการ
12 6 ปานกลาง
22 ไมด่ ี 6 ปานกลาง 40.00
31 ไมด่ ี 7 40.00
43 ไมด่ ี 7 ดี 60.00
52 พอใช้ 8 ดี 40.00
63 ไมด่ ี 7 ดี 60.00
74 พอใช้ 8 ดี 40.00
83 พอใช้ 8 ดี 40.00
94 พอใช้ 10 ดี 50.00
10 5 พอใช้ 9 ดมี าก 60.00
11 2 ปานกลาง 7 ดมี าก 40.00
12 7 ไม่ดี 10 ดี 50.00
13 3 ดี 7 ดมี าก 30.00
14 3 พอใช้ 7 ดี 40.00
15 2 พอใช้ 10 ดี 40.00
16 4 ไมด่ ี 9 ดีมาก 80.00
17 1 พอใช้ 5 ดีมาก 50.00
18 2 ไม่ดี 8 ปานกลาง 40.00
19 4 ไม่ดี 9 ดี 60.00
20 3 พอใช้ 6 ดมี าก 50.00
21 7 พอใช้ 10 ปานกลาง 30.00
22 2 ดี 6 ดีมาก 30.00
23 5 ไมด่ ี 9 ปานกลาง 40.00
24 7 ปานกลาง 10 ดมี าก 40.00
25 1 ดี 8 ดมี าก 30.00
26 7 ไม่ดี 10 ดี 70.00
ดี ดีมาก 30.00
138
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ “ศิลปศาสตร์วิจยั วลยั ลกั ษณ์” ครง้ั ท่ี 3
ตารางท่ี 2 (ต่อ)
คน คะแนนก่อนเรยี น ระดบั คะแนนหลงั เรยี น ระดบั รอ้ ยละ
ท่ี (10) คุณภาพ (10) คณุ ภาพ พฒั นาการ
27 1 6 ปานกลาง
28 2 ไม่ดี 8 50.00
29 3 ไมด่ ี 9 ดี 60.00
30 5 พอใช้ 10 ดีมาก 60.00
31 4 ปานกลาง 10 ดมี าก 50.00
32 3 พอใช้ 8 ดีมาก 60.00
33 4 พอใช้ 9 50.00
34 4 พอใช้ 8 ดี 50.00
35 6 พอใช้ 10 ดีมาก 40.00
36 1 ปานกลาง 7 40.00
37 3 ไมด่ ี 9 ดี 60.00
38 4 พอใช้ 8 ดีมาก 60.00
39 7 พอใช้ 10 40.00
40 4 ดี 10 ดี 30.00
41 5 พอใช้ 10 ดีมาก 60.00
42 5 ปานกลาง 8 50.00
43 3 ปานกลาง 7 ดี 30.00
X̅ 3.56 พอใช้ 8.23 ดีมาก 40.00
S.D. 1.78 พอใช้ ดมี าก 46.74
ดมี าก
ดี
ดี
ดี
1.46
จากตารางพบว่า นักเรียนกลุ่มทดลอง มีคะแนนก่อนเรียนเฉล่ียเท่ากับ 3.56 อยู่ในระดับพอใช้ มี
คะแนนหลังเรยี นเฉล่ียเท่ากับ 8.23 อยใู่ นระดับดมี ีพัฒนาการเฉล่ยี ร้อยละ 46.74
จากผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับนักเรียนกลุ่มควบคุม ซ่ึงเป็นกลุ่มท่ีจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ
ปกติ และกลุ่มทดลองที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน
Pop-up เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ทางด้านคาศัพท์ภาษาจีน ผู้วิจัยขอสรปุ ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทั้ง 2 กลุ่ม
สรุปเปน็ ดังตาราง
139
การประชมุ วิชาการระดับชาติ “ศิลปศาสตรว์ จิ ยั วลยั ลกั ษณ์” ครง้ั ท่ี 3
ตารางที่ 3 แสดงสรุปผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรขู้ องกลมุ่ ทดลองและกลุ่มควบคุม
คะแนนก่อนเรยี น(10) คะแนนหลังเรียน(10) ความ
กลมุ่ X̅ S.D. ระดับ ̅X S.D. ระดบั แตกตา่ ง
คณุ ภาพ คณุ ภาพ ของ
คะแนน
ทดลอง 3.56 1.78 พอใช้ 8.23 1.46 ดี 21.74
ควบคุม 1.94 พอใช้ 1.52 ปานกลาง
3.68 6.18
จากตารางพบวา่ คะแนนเฉล่ียหลงั เรียนของกล่มุ ทดลองเท่ากบั 8.23 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนของกลุ่ม
ควบคุมเท่ากับ 6.18 คะแนนของกลุ่มทดลองมีร้อยละพัฒนาการมากกว่ากลุ่มควบคุมคิดเป็นคะแนนเฉล่ียร้อย
ละ 21.74
ตอนท่ี 2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นระหวา่ งนักเรียนที่จัดกิจกรรมการเรียนรดู้ ว้ ยวธิ กี าร
สอนแบบปกติกับนักเรียนท่ีได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน
Pop-up
เพ่ือความเท่ียงตรงข้องงานวิจัยและข้อตกลงเบ้ืองต้นของการใช้สถิติทดสอ บที (t-test แบบ
Independent-sample) กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้จะต้องเป็นอิสระต่อกันและมีความสามารถที่ไม่แตกต่างกัน จึงขอ
ทดสอบความรู้ก่อนเรียนเพื่อทดสอบความแตกต่างความสามารถทางการเรียนรู้ภาษาจนี ก่อนเรียน ผลปรากฏ
ดงั ตาราง
ตาราง 4 แสดงการทดสอบความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนของนกั เรยี นกลมุ่ ทดลองและกลมุ่ ควบคมุ
การทดสอบก่อน X̅ S.D. t Sig. (2-tailed)
เรยี น 3.68 1.94
3.56
กลมุ่ ควบคมุ .507NS .615
1.81
กลุ่มทดลอง
NS=Non Significant
*p<.05
จากตารางพบว่า คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนของนักเรียนกลุ่มควบคุมเท่ากับ 3.68 คะแนนเฉลี่ยหลงั เรียน
เท่ากับ 3.56 มคี ่าทีเท่ากับ .507 คะแนนก่อนเรียนของกลุ่มควบคุมกับกลุ่มทดลองไม่มคี วามแตกต่างกัน แสดง
วา่ พ้ืนฐานทางด้านความรูข้ องนักเรียนกลมุ่ ควบคุมกับกลมุ่ ทดลองไมม่ ีความแตกต่างกัน
140
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ “ศิลปศาสตรว์ ิจยั วลัยลักษณ์” ครงั้ ท่ี 3
ผลวิ จัยได้ดา เนิ นกา รทด สอบ คว ามต่ างของคะแ นนห ลังเ รียน ของกลุ่ มท ด ลอง แล ะกลุ่ มคว บคุม
ผลปรากฎดงั ตาราง
ตารางที่ 5 แสดงการเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนทดสอบผลสัมฤทธ์ิหลังเรียนระหว่างนักเรียนกลุ่ม
ทดลองกับกลมุ่ ควบคมุ
การทดสอบหลงั ̅X S.D. t Sig. (2-tailed)
เรยี น 1.52
6.18
กลุ่มควบคมุ 8.23 8.268* .000
1.48
กลมุ่ ทดลอง
*p<.05
จากตารางพบวา่ คะแนนเฉลี่ยหลังเรยี นของนักเรยี นกลุม่ ควบคุมเทา่ กับ 6.18 คะแนนเฉลีย่ หลังเรียน
เท่ากับ 8.23 มคี า่ ทีเท่ากบั 8.268 ดงั น้นั คะแนนหลังเรียนของกล่มุ ทดลองสูงกว่าคะแนนกลมุ่ ควบคมุ แตกต่าง
อยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั .05
ตอนที่ 3 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนท่ีได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ประกอบการใช้หนังสอื แบบเรยี น Pop-up เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ทางด้านคาศัพท์ภาษาจีน สาหรับนกั เรยี น
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4
ตารางท่ี 6 แสดงผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ประกอบการใช้หนงั สอื แบบเรียน Pop-up
รายการประเมนิ X̅ S.D. แปลความหมาย
0.44 มากทสี่ ดุ
การใช้ “หนงั สือแบบเรียน Pop-up” ในการประกอบการเรยี นการสอน 0.14 มาก
1. “หนังสอื แบบเรียน Pop-up” เหมาะสมกับเน้ือหาของ 4.83
บทเรียน
2. “หนงั สือแบบเรียน Pop-up” ทาใหน้ กั เรยี นสามารถจา 4.31
คาศัพทภ์ าษาจีนไดด้ ยี ง่ิ ขึน้
141
การประชมุ วิชาการระดับชาติ “ศิลปศาสตร์วิจยั วลัยลกั ษณ์” ครงั้ ท่ี 3
ตารางที่ 6 (ต่อ)
รายการประเมิน ̅X S.D. แปลความหมาย
3. “หนงั สือแบบเรยี น Pop-up” ดึงดดู ความสนใจและตรงกับ
ความตอ้ งการของนักเรยี น 4.65 0.61 มากทสี่ ดุ
4. “หนังสือแบบเรยี น Pop-up” ทาใหน้ กั เรยี นสนกุ สนานไป
กับการเรยี นรคู้ าศัพท์ 4.61 0.60 มากทีส่ ดุ
5. “หนงั สือแบบเรยี น Pop-up” ทาให้นักเรียนร้สู กึ อยากเรียน
ภาษาจีนมากขนึ้ 4.46 0.63 มาก
รวมเฉลี่ยรายดา้ น 4.57 0.20 มากที่สุด
การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนแบบรว่ มมือ
6. กิจกรรมการเรียนการสอนแบบรว่ มมอื เป็นลาดบั ขนั้ ตอน 4.52 0.63 มากที่สดุ
7. กจิ กรรมการเรยี นการสอนแปลกใหม่ น่าสนใจ 4.61 0.54 มากทส่ี ุด
8. ผเู้ รียนมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.46 0.63 มาก
9. บรรยากาศการเรยี นการสอนมคี วามเหมาะสมต่อการเรียนรู้ 4.48 0.67 มาก
10. นกั เรยี นมคี วามชืน่ ชอบในการเรยี นร้แู บบรว่ มมือ 4.75 0.54 มากทสี่ ดุ
4.89 0.64 มากทีส่ ดุ
รวมเฉล่ยี รายด้าน 4.56 0.56 มากทส่ี ดุ
รวมเฉลีย่
จากตารางพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้
หนังสือแบบเรียน Pop-up เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ทางด้านคาศัพท์ภาษาจีน เฉล่ียรวม 4.56 อยู่ในระดับมาก
ทีส่ ดุ
อภปิ รายผล
1. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือแบบเรียน Pop-up
เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ทางด้านคาศัพท์ภาษาจีน สาหรับนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 พบวา่ คะแนนเฉลยี่ หลัง
เรียนของกลุ่มทดลองเท่ากับ 8.23 คะแนนเฉล่ียหลังเรียนของกลุ่มควบคุมเท่ากับ 6.18 คะแนนของกลุ่ม
ทดลองมีร้อยละพัฒนาการมากกว่ากลุ่มควบคุมคิดเป็นคะแนนเฉล่ียร้อยละ 21.74 เหตุที่เป็นเช่นนี้อาจเป็น
เพราะหนงั สือสามมิตเิ ปน็ ส่ือทนี่ กั เรียนจับตอ้ งได้ มีการจับและใช้ในการทากิจกรรมการเรยี นรแู้ บบร่วมมือสรา้ ง
ปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างเพอ่ื น สอดคล้องกับทศพร แสงสว่าง (ทศพร แสงสวา่ ง, 2555, หน้า17) ได้ใหค้ วามสาคัญ
ของหนังสือแบบเรียน Pop-up ไว้ว่า กล่าวว่า หนังสือสามมิติ (Pop-up) เป็นส่ือประกอบการเรียนการสอนท่ี
สามารถช่วยดึงดูดการเรียนได้มากข้ึน ใช้ได้แม้กระท่ังในเวลาเรียน คือเป็นส่ือประกอบการเรียนการสอนและ
142
การประชมุ วิชาการระดับชาติ “ศิลปศาสตรว์ จิ ยั วลยั ลกั ษณ์” ครัง้ ท่ี 3
ใช้ได้ในระหว่างท่ีนักเรียนมีเวลาว่าง ดังนั้นเพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนจึงควรจัดทาหนังสือสาม
มิติ (Pop-up) ขนึ้ มาเพอื่ เปน็ สงิ่ กระตนุ้ ใหน้ ักเรียนเกิดความสนใจในการเรยี นมากยิง่ ขึ้น
2. ผลการเปรียบเทยี บผลการใช้ระหว่างนักเรียนท่ีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบปกติกับ
นักรียนที่ได้รับการจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบร่วมมอื ประกอบการใชห้ นงั สือแบบเรียน Pop-up พบวา่ คะแนน
เฉลี่ยหลงั เรยี นของนกั เรียนกลุ่มควบคมุ เทา่ กับ 6.18 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากบั 8.23 มีค่าทีเทา่ กับ 8.268
ดังนั้นคะแนนหลังเรียนของกลุ่มทดลองมีความแตกต่างจากคะแนนกลุ่มควบคุมแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทาง
สถิติท่ีระดับ .05 เหตุที่เป็นเช่นน้ีอาจเป็นเพราะส่ือหนังสือสามมิติ (Pop-up) เป็นสื่อท่ีสร้างจินตนาการและ
ความคิดเช่ือมโยงในการเรียนรู้จดจาคาศัพท์และมีทักษะการจา นอกจากน้ันการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมแบบ
ร่วมมือยังสร้างเสริมการเรยี นรู้แบบเน้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ เรียนรู้ด้วยตัวเองตามหลักการเรียนรู้เน้นผู้เรยี นเป็น
สาคัญ ซ่ึงหนังสือสามมติ ิมีกระบวนการเรียนรู้ตามทฤษฏีการเรียนรู้ของกาเย่ตามลาดับขั้นตอนดังน้ี (1)การจูง
ใจ ( Motivation Phase) การคาดหวังของผเู้ รยี นเป็นแรงจูงใจในการเรยี นรู้(2) การรับรู้ตามเป้าหมายที่ต้ังไว้
(Apprehending Phase) ผู้เรียนจะรับรู้ส่ิงที่สอดคล้องกับความตั้งใจ(3)การปรุงแต่งสิ่งที่รับรู้ไว้เป็นความจา
( Acquisition Phase) เพื่อให้เกิดความจาระยะส้ันและระยะยาว(4)ความสามารถในการจา (Retention
Phase) (5)ความสามารถในการระลึกถึงส่ิงท่ีไดเ้ รยี นรู้ไปแลว้ (Recall Phase) (6)การนาไปประยุกต์ใช้กับส่ิงท่ี
เรยี นรไู้ ปแลว้ (Generalization Phase) (7) การแสดงออกพฤตกิ รรมท่ีเรียนรู้ (Performance Phase) (8)การ
แสดงผลการเรียนรู้กลับไปยังผู้เรียน (Feedback Phase) และ(9)เรียนได้รับทราบผลเร็ว จะทาให้มีผลดี และ
ประสทิ ธภิ าพสูง (กาเย่ อ้างถงึ ใน ศริ ิพร จันทศรี, 2550, หน้า 10)
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือประกอบการใช้หนังสือ
แบบเรียน Pop-up เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ทางดา้ นคาศพั ทภ์ าษาจีนพบวา่ นักเรียนมีความพึงพอใจโดยรวมอย่ใู น
ระดับมากท่ีสุด (̅X= 4.56, S.D. = 0.06) เหตุที่เป็นเช่นนี้ อาจเป็นเพราะหนังสือสามมิติแบบ Pop-Up
และการจัดกิจกรรมการเรียนร้สู ่งเสริมความอยากรู้อยากเรียน และส่งเสริมการเรียนรู้โดยผู้เรยี นตอบสนองด้ว
ตวั เอง สอดคล้องกบั สุวินัย มงคลธารณ์ ได้ให้ความสาคญั ของหนังสือสามมิตไิ ว้ว่า หนงั สือสามมติ เิ ป็นสิ่งทช่ี ว่ ย
พัฒนาในด้านของการใช้ภาษา จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ คุณค่าของหนังสือทามืออาจขึ้นกับ สีสันท่ี
สวยงาม รูปเล่มแปลกใหม่ มีเนื้อหาท่ีไม่จากัด เป็นหนังสือที่มีเล่มเดียวในโลก ซึ่งจุดนี้อาจทาให้ผู้เรียนมีความ
สนใจในเน้ือหาของหนังสือ มีนิสัยรักการอ่านมากข้ึน ซ่ึงการปลูกฝังจิตสานึกในการรักการอ่านให้กับเยาวชน
และคนรอบๆตวั เป็นการชว่ ยเปิดโลกทัศนห์ รอื มุมมองของเยาวชนใหก้ ว้างข้ึน นาไปสจู่ ินตนาการ และสามารถ
นาสง่ิ เหล่านัน้ กลับมาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวันให้มคี ณุ ภาพมากย่ิงข้นึ (สุวินยั มงคลธารณ์ , 2553, หน้า 68
- 70) นอกจากนี้ยงั สอดคล้องกับวัฒนาพร ระงับทุกขไ์ ด้ให้ขอ้ ดีของการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือไว้ว่า
เป็นวิธีการสร้างคุณลักษณ์และความพงึ พอใจของผู้เรียนวิธีการสาคัญท่ีสามารถสร้างและพัฒนาผู้เรียน ให้เกิด
คุณลักษณะตา่ งๆ ที่ต้องการในยุคโลกาภิวตั น์ เน่อื งจากเปน็ การจัดการเรียนการสอนทใ่ี หค้ วามสาคญั กบั ผูเ้ รยี น
ส่งเสริมใหผ้ ้เู รียนร้จู กั เรียนรูด้ ้วยตนเอง เรียนในเร่ืองที่สอดคลอ้ งกับความสามารถและความต้องการของตนเอง
และได้พัฒนาศกั ยภาพของตนเองอย่างเตม็ ท่ี ซ่งึ แนวคิดการจดั การศึกษานเี้ ป็นแนวคิดที่มีรากฐานจากปรัชญา
143
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ “ศลิ ปศาสตร์วจิ ยั วลัยลักษณ์” ครงั้ ที่ 3
การศกึ ษาและทฤษฎกี ารเรียนรตู้ ่าง ๆ ท่ีได้พฒั นามาอยา่ ง ตอ่ เนอื่ งยาวนาน และเป็นแนวทางทไ่ี ด้รับการพสิ ูจน์
วา่ สามารถพัฒนาผูเ้ รยี นใหม้ คี ุณลักษณะตามตอ้ งการอยา่ งไดผ้ ล (วฒั นาพร ระงบั ทกุ ข์, 2542, หน้า 95)
เอกสารอา้ งอิง
กรุณา เลิศพุฒิภิญโญ. (2555). ความสําคัญของการเรียนภาษาจีนตามความคิดเห็นของคนจีนใน
ประเทศไทย. (สารนพิ นธ์ศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ ). นครราชสีมา : มหาวิทยาลยั วงษช์ วลติ กุล
ทศพร แสงสว่าง. (2555). การสังเคราะหแ์ นวคดิ และทฤษฎีการเรียนรขู้ องกาเย่ (Gagne) คอนสตรัก
ติวิซึม Constructivism) และคอนสตรักชั่นนิซึม(Constructionism) สําหรับการเรียนรู้แบบการจัดฝึกอบรม,
กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ
วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2542). การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ : เลิฟ
แอนดเ์ ลฟิ เพรส
ศิริพร จันทศรี. (2550). การศึกษาแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนเอกชน สังกัดสํานัก
บริหารงานคณะกรรมการส่ งเสริมการศึกษาเอกชนท่ีมีระดับการรับรู้ความส ามารถของตนแตกต่ างกัน .
(ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยและสถิติทางการศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ
สานักงานเลขาธิการสภาศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). ทศวรรษท่ีสองของการปฏิรูป
การศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทยจากดั
สุวินัย มงคลธารณ์. (2553). สื่อการสอนสร้างสรรค์หนังสือทํามือ. กรุงเทพฯ : สถาบันส่งเสริมการ
สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
144
เอกสารหลงั การประชุม
การประชุมวชิ าการศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ครั้งที 1
08 UF (F 08 (
สศู่ าสตร์การสอนแนวใหม”่
)F ( F U 1 SSU F U F FF
วนั ที 2-3 กรกฎาคม 2561
ณ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ จงั หวดั เชียงใหม่
เอกสารหลังการประชุมวิชาการศึกษาศาสตร มหาวิทยาลยั เชียงใหม ครง้ั ที่ 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วันท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
รำยนำมผทู รงคุณวฒุ ิพิจำรณำบทควำม มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม
มหาวทิ ยาลยั กรงุ เทพ
รองศาสตราจารย ดร.ชูชีพ พุทธประเสรฐิ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม
รองศาสตราจารย ดร.บุบผา เมฆศรที องคา ขาราชการบานาญ
รองศาสตราจารย ดร.สมบตั ิ ทายเรอื คา ขาราชการบานาญ
รองศาสตราจารย ดร.เสริมศรี ไชยศร ขาราชการบานาญ
รองศาสตราจารยนราวลั ย พลู พพิ ฒั น มหาวิทยาลยั เชียงใหม
รองศาสตราจารยวไิ ลพร ธนสุวรรณ สถาบนั การพลศึกษา วทิ ยาเขตลาปาง
ผูชวยศาสตราจารย ดร.กรีฑา แกวคง มหาวิทยาลัยเชยี งใหม
ผูชวยศาสตราจารย ดร.จาตุรงค เหมรา จฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลยั
ผูชวยศาสตราจารย ดร.เชษฐภูมิ วรรณไพศาล มหาวิทยาลัยเชยี งใหม
ผูชวยศาสตราจารย ดร.ณฏั ฐภรณ หลาวทอง มหาวิทยาลัยเชียงใหม
ผูชวยศาสตราจารย ดร.บุญรอด โชตวิ ชิรา มหาวิทยาลัยเทพสตรี
ผูชวยศาสตราจารย ดร.ปรารถนา ใจผอง มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน
ผูชวยศาสตราจารย ดร.พัชรี รมพะยอม วิชัยดิษฐ มหาวิทยาลยั เชียงใหม
ผูชวยศาสตราจารย ดร.พัชรี จนั ทรเพ็ง มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร
ผูชวยศาสตราจารย ดร.ยงยุทธ ยะบุญธง มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ
ผูชวยศาสตราจารย ดร.ยุวรี ผลพนั ธนิ มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช
ผูชวยศาสตราจารย ดร.วธิ ัญญา วัณโณ มหาวทิ ยาลัยพะเยา
ผูชวยศาสตราจารย ดร.สังวรณ งดั กระโทก มหาวิทยาลยั เชยี งใหม
ผูชวยศาสตราจารย ดร.สนั ติ บูรณะชาติ มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ
ผูชวยศาสตราจารย ดร.สนุ ทรพจน ดารงคพานชิ มหาวิทยาลยั รามคาแหง
ผูชวยศาสตราจารย ดร.อจั ศรา ประเสรฐิ สิน มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
ผูชวยศาสตราจารย ดร.อัมพร วัจนะ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
ผูชวยศาสตราจารย ดร.อทิ ธพิ ัทธ สวุ ทนั พรกูล มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งราย
อาจารย ดร.กนษิ ฐ ศรเี คลอื บ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
อาจารย ดร.กิตตศิ กั ด์ิ นิวรัตน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
อาจารย ดร.ณัฎฐกาญจน อนนั ทราวัน มหาวิทยาลัยฟารอีสเทอรน
อาจารย ดร.ดารวุ รรณ ศรแี กว มหาวิทยาลยั เชียงใหม
อาจารย ดร.เดช สาระจันทร มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม
อาจารย ดร.ธารณ ทองงอก มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
อาจารย ดร.นัฐจิรา บุศยดี มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช
อาจารย ดร.นา้ ผ้งึ อนิ ทะเนตร มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม
อาจารย ดร.ปรารถนา พลอภิชาติ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชียงใหม
อาจารย ดร.ปรวิ ิทย ไวทยาชวี ะ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
อาจารย ดร.พมิ พทอง สงั สุทธิพงค วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครลาปาง
อาจารย ดร.มนตนภสั มโนการณ
อาจารย ดร.ศรปี ระไพ อนิ ทรชัยเทพ
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved v
เอกสารหลงั การประชมุ วิชาการศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม ครง้ั ท่ี 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วนั ท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
รำยนำมผทู รงคณุ วุฒิพิจำรณำบทควำม (ตอ) มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม
มหาวิทยาลัยเชียงใหม
อาจารย ดร.สมเกียรติ อินทสงิ ห มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม
อาจารย ดร.สราวฒุ ิ พงษพพิ ัฒน มหาวิทยาลัยเชียงใหม
อาจารย ดร.สายฝน แสนใจพรม มหาวิทยาลยั เชียงใหม
อาจารย ดร.สทุ ธดิ า จารสั มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
อาจารย ดร.สนุ ยี เงินยวง จฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลัย
อาจารย ดร.สุภทั ร ชปู ระดษิ ฐ ขาราชการบานาญ
อาจารย ดร.สรุ ศกั ดิ์ เกาเอีย้ น มหาวิทยาลัยเชยี งใหม
อาจารย ดร.อัญชลี ตนานนท
ดร.สุระศักด์ิ เมาเทือก
รำยนำมผจู ดั ทำเอกสำรกำรประชมุ วชิ ำกำร คณบดคี ณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม
ที่ปรกึ ษำ
รองคณบดฝี ายวิจัยและบณั ฑิตศกึ ษา
รองศาสตราจารย ดร.เกยี รติสุดา ศรสี ขุ คณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
บรรณำธกิ ำร
อาจารย ดร.น้าผ้งึ อนิ ทะเนตร
กองบรรณำธกิ ำร
ผูชวยศาสตราจารย ดร.สุนทรพจน ดารงคพานิช
อาจารย ดร.สุนยี เงินยวง
อาจารย ดร.เจนสมทุ ร แสงพนั ธ
อาจารย ดร.ณัฐพล แจงอกั ษร
ดร.สุระศักดิ์ เมาเทือก
นางชศั วารี หมอยา
นายเทพธิทตั เขยี วคา
ออกแบบปกโดย
นายธนั วารกั ษ สวุ คนธ
หมายเหตุ เนอ้ื หาและขอมูลที่ตีพมิ พในเอกสารการประชมุ ถอื เปนขอคิดเหน็ และความรบั ผดิ ชอบของ
ผูเขยี นบทความโดยตรง ซึง่ กองบรรณาธกิ ารและคณะศึกษาศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม ไมจาเปนตอง
เห็นดวยหรอื รวมรับผดิ ชอบใด ๆ
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved vi
เอกสารหลงั การประชมุ วชิ าการศกึ ษาศาสตร มหาวิทยาลยั เชยี งใหม ครง้ั ท่ี 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วนั ท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
กำรประเมนิ ผลกำรใชระบบพเ่ี ลยี้ งในกำรกำกบั ตดิ ตำมนิเทศกำรทำวิจัยในช้ันเรียนของนกั ศกึ ษำฝก
ประสบกำรณวิชำชพี ครู สำขำวิชำกำรสอนภำษำจนี มหำวิทยำลยั แมฟำหลวง
The Evaluating Coaching Process of Classroom Research for the Internship Chinese
Teacher School of Sinology Mae Fah Luang University
ถิรายุ อินทรแปลง*
บทคดั ยอ
การวิจัยนี้มวี ัตถุประสงคในการวจิ ยั เพื่อประเมินผลการใชระบบพีเ่ ลี้ยงในการกากับตดิ ตามนเิ ทศการทาวจิ ยั ในชั้นเรียนของ
นกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู สาขาวิชาการสอนภาษาจีน มหาวทิ ยาลยั แมฟาหลวง โดยใชรูปแบบการประเมนิ ของ แมลคอลม
เอ็ม โพรวัส (Malcolm M. Provus) แหลงขอมลู ท่ีใชในการประเมินเปนแหลงขอมูลท่ีมีสวนเกี่ยวของกับการใชระบบพ่เี ล้ยี งจานวน 4
กลุม ประกอบไปดวย กลุมที่ 1 กลมุ ผูใหคาปรึกษาและตรวจสอบระบบพ่ีเลยี้ ง จานวน 3 ทาน กลมุ ท่ี 2 กลมุ พเ่ี ลีย้ งใหคาแนะนาการทา
วจิ ัยในช้ันเรยี น จานวน 28 ทาน กลมุ ที่ 3 ครูพเ่ี ลย้ี ง จานวน 42 คนและกลุมที่ 4 นักศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู สาขาวิชาการ
สอนภาษาจนี สานักวิชาจนี วิทยา มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ประจาปการศึกษา 2560 จานวน 96 คน ทั้ง 4 กลมุ ไดมาโ ดยวธิ กี ารเลอื ก
แบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครอ่ื งมอื ท่ีใชในการเก็บรวบรวมขอมลู ในการวิจัย ประกอบไปดวย 1) แบบประเมินคุณภาพและ
ความสอดคลองของระบบพี่เลี้ยงใน การกากับตดิ ตามนิเทศการทาวิจยั ในชนั้ เรยี นของนักศึกษาฝกประสบการณวิชาชีพครู จานวน 1
ฉบบั 2) แบบประเมินผล การดาเนินงานของระบบพ่ีเลี้ยงในการกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในช้ันเรียนของนักศึกษาฝก
ประสบการณวชิ าชีพครู แบงออกเปน 3 ฉบับคือ สาหรับกลุมพเี่ ล้ยี งกลุมพ่เี ล้ียงใหคาแนะนาการทาวิจัยในช้นั เรียน ครูพี่เลี้ยงและ
นักศึกษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู 3) แบบประเมนิ กระบวนการผลิตของระบบพ่ีเลยี้ งในการกากบั ติดตามนิเทศการทาวิจัยในชน้ั เรียน
ของนกั ศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู จานวน 1 ฉบับและ 4) แบบประเมนิ ผลผลติ ของระบบพ่ีเล้ียงในการกากบั ติดตามนิเทศการทา
วจิ ัยในชั้นเรียนของนักศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู จานวน 1 ฉบับ ซ่ึงเครื่องมือท่ี 4 ฉบับไดดาเนินการหาคณุ ภาพโดยการหาความ
ตรงเชิงเนื้อหาโดยใชดชั นีความสอดคลองระหวางกรอบการประเมินผลกับเนอื้ หาของเคร่ืองมือโดยผูเช่ียวชาญพบวา มีดชั นีความ
สอดคลองระหวาง 0.80 – 1.00 วธิ ีการดาเนินการวิจยั แบงออกเปน 3 ขน้ั ตอน ประกอบไปดวย ขั้นตอนท่ี 1 ยกรางระบบพี่เล้ียงในการ
กากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในชนั้ เรยี นของนกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู โดยการประเมนิ คุณภาพดาน ความถูกตอง ความ
สอดคลอง ความเหมาะสม ความเปนไปไดและความคมุ คาของระบบพีเ่ ล้ียงในการกากบั ตดิ ตามนเิ ทศการทาวจิ ัยในชั้นเรียนของนกั ศึกษา
ฝกประสบการณวชิ าชพี ครู ขน้ั ตอนที่ 2 ปรับปรุงระบบและทดลองใชระบบพ่ีเลี้ยงในการกากับตดิ ตามนิเทศการทาวิจัยในชน้ั เรียนของ
นกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู ข้ันตอนท่ี 3 ประเมนิ ระหวางการดาเนินการใชระบบพ่เี ลี้ยงในการกากับตดิ ตามนิเทศการทาวิจยั ใน
ชัน้ เรียนของนักศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู และข้นั ตอนท่ี 4 ประเมินผลการใชและปรบั ปรุงระบบพ่ีเลย้ี งในการกากับติดตามนิเทศ
การทาวิจัยในชัน้ เรยี นของนักศกึ ษาฝกประสบการณวิชาชีพครู วิธีวิเคราะหขอมูลการวิจยั และสถิตทิ ใ่ี ชในการวจิ ัย ประกอบไปดวย
วเิ คราะหขอมูลเชงิ คุณภาพในการวจิ ัยวเิ คราะหโดยวิธีวเิ คราะหเนือ้ หา (Content Analysis) และใชสถติ บิ รรยายพนื้ ฐานในการวิเคราะห
ขอมลู เชงิ ปรมิ าณทไ่ี ดจากการรวบรวมขอมูลดวยแบบประเมินแบบมาตราสวนประมาณคาและแบบตรวจสอบรายการโดยใช คาเฉล่ีย
คารอยละ คาสวนเบ่ียงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยเปนดังน้ี ผลการประเมินการใชระบบพีเ่ ล้ียงในการกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในช้ันเรียนของนักศึกษาฝก
ประสบการณวชิ าชีพครู สาขาวชิ าการสอนภาษาจีน มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง โดยใชรปู แบบการประเมนิ ของ แมลคอลม เอม็ โพรวัส
(Malcolm M. Provus) สวนใหญผานเกณฑการประเมนิ
คำสำคญั ระบบพ่ีเลย้ี ง การนเิ ทศการทาวิจยั ในชน้ั เรยี น การฝกประสบการณวชิ าชพี ครู รูปแบบการประเมินของ
แมลคอลม เอ็ม โพรวสั
* Corresponding author
อาจารย มหาวิทยาลยั แมฟาหลวง ([email protected])
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 479
เอกสารหลงั การประชุมวิชาการศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม ครง้ั ท่ี 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วนั ท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
บทนำ
การพัฒนาการผลิตวิชาชีพครู เปนกระบวนการท่ีสาคัญในการพัฒนาการศึกษาของชาติ ดังจะเห็นไดจากแผน
ยุทธศาสตรของชาติ ระยะ 20 ป(ปพุทธศักราช 2560-2575) ภายใตวิสัยทัศน “ประเทศมีความม่ันคงม่ันคั่ง ยั่งยืน”
ดานการศกึ ษา มีจุดเนน 6 จุดเนน ซง่ึ หน่ึงในหกจดุ เนนดังกลาวนั้นคือ การพัฒนาสงเสรมิ ศักยภาพคนมา (สานกั นายกรฐั มนตรี
, 2559 หนา 8) กระทรวงศกึ ษาธกิ ารจึงนามาใชเปนยทุ ธศาสตรหลัก โดยใหความสาคญั ในการผลิตพัฒนาครู คณาจารยและ
บคุ ลากรทางการศึกษา โดยกระทรวงศกึ ษาธิการจะเปนหนวนงานกลางในการพัฒนาการผลติ ครู คณาจารย บคุ ลากรทางการ
ศกึ ษาเชิงรกุ เพ่อื พัฒนาการผลิตครูอยางมีประสิทธิภาพ ไดครูท่ีมีคุณภาพ เกง รอบรู เปนครูยคุ ใหมภายใตการขับเคลื่อน
ไทยแลนด 4.0 นอกจากน้นั กระทรวงศึกษาธิการยงั มีนโยบายหลกั ดานการพัฒนาหลักสูตร ส่ือและครภู าษา โดยทกุ โรงเรียน
จะตองพัฒนาวิชาภาษาจีนใหนักเรียนมคี วามรเู ทียบเทาภาษาอังกฤษ โดยยกระดับภาษาจีนใหเปนภาษาหลกั เชนเดยี วกบั
ภาษาอังกฤษและจะตองจัดการเรียนการสอนภาษาจีนใหเด็กเล็ก โดยกระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดทาความรวมมือสนบั สนุนจาก
สถานทูตสาธารณรฐั ประชาชนจีน (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2560 หนา 4)
ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พุทธศักราช 2546 ไดกาหนดมาตรฐานวิชาชีพครู
ประกอบดวยมาตรฐาน 3 ดาน เมื่อพิจารณารายมาตรฐาน มาตรฐานความรูทางดานการวิจัยในช้ันเรียนมคี วามสาคัญเปน
อยางยิ่ง เน่อื งจากนักศึกษาจะตองมีความรูและสมรรถนะเก่ยี วกับการวิจัยในชนั้ เรียนแลว จะตองมปี ระสบการณวชิ าชพี ในการ
ปฏิบัติการวิจยั ในช้ันเรียนในการฝกวิชาชีพ ดังท่ีระบุไวในมาตรฐานความรู มาตรฐานท่ี 7 การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู
นกั ศึกษาจะตองมี ความรูในเรือ่ งของหลักการ แนวคดิ แนวปฏิบัติในการวจิ ยั การใชและผลิตงานวิจัยเพือ่ พัฒนาการเรยี นรู
และสมรรถนะสามารถนาผลการวจิ ยั ไปใชในการจัดการเรียนการสอน สามารถทาวจิ ัยเพือ่ พฒั นาการเรียนการสอนและพฒั นา
ผูเรียน นอกจากนั้นยังกาหนดมาตรฐานประสบการณวชิ าชีพครู ซึ่งนักศกึ ษาตองทาการฝกปฏิบัตวิ ชิ าชีพระหวางเรยี นและฝก
ปฏิบตั ิการสอนในสถานศึกษาในสาขาวิชาเฉพาะ โดยมีสาระการฝกดานการวิจัยแกปญหาผเู รียนเพอ่ื ใหนกั ศึกษามีสมรรถนะ
สามารถประเมิน ปรบั ปรุง และศึกษาวิจัยเพื่อพฒั นาผเู รียน (พระราชบัญญตั ิสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พุทธศักราช
2546, 2546 หนา 8)
มหาวทิ ยาลยั แมฟาหลวง เปนมหาวิทยาลยั ขนาดกลางทีด่ าเนนิ การจดั การเรยี นการสอนระดับอดุ มศกึ ษา มวี ิสัยทศั น
ในการดาเนกิ ารจะพฒั นามหาวิทยาลยั แมฟาหลวงเปนสถาบันอุดมศกึ ษาชั้นนาแหงอนุภมู ภิ าคลุมแมน้าโขง สานักวิชาจนี วทิ ยา
ไดนาวสิ ยั ทศั นของมหาวทิ ยาลัยมาใชเปนยทุ ธศาสตรหลักในการพัฒนาสานกั วชิ า โดยกาหนดยุทธศาสตรหลกั ไววา สานักวชิ า
จนี วิทยาจะจดั การศึกษาไรพรมแดนกาวไปสูความเปนสากลมีความเปนเลิศในดานการเรียนการสอนภาษาจนี ระดับประเทศ
มีผลงานทางวชิ าการ จดั การเรยี นรแู บบสหวทิ ยาการจากภาษากาวสูอาชพี จะเห็นไดวาสานกั วิชาใหความสาคัญในความเปน
เลศิ ในการสอนภาษาจนี สาขาวชิ าการสอนภาษาจีนไดเล็งเห็นถึงความสาคัญในการพัฒนาศักยภาพในการผลติ บัณฑิตวิชาชีพ
ครูที่มีคุณภาพ มีความรคู วามเขาใจและเปนผูนาแหงการสอนภาษาจีน เปนผูทีม่ สี มรรถนะหลักตามท่ีสภาครูและบคุ ลากร
ทางการศึกษาไดกาหนดไว (มหาวทิ ยาลัยแมฟาหลวง, 2559 หนา 56)
จากการดาเนินการฝกประสบการณวชิ าชีพครูนับจากการกอต้ังสาขาวิชาการสอนภาษาจนี และดาเนินการสง
นกั ศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครูเปนคร้งั แรกนบั ตั้งแตปการศึกษา 2556 พบวามรี ายงานการดาเนนิ การฝกประสบการณ
วชิ าชพี ครู 1 เลม ซ่งึ ไดดาเนนิ การรายงานในปการศกึ ษา 2557 และงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วกบั การดาเนนิ การฝกประสบการณวิชาชีพ
ครเู พยี ง 1 เลมเปนรายงานการวจิ ยั ท่ีทาในปการศึกษา 2558 พบวา สภาพปญหาในการสงนักศึกษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู
มปี ญหาหลกั ประกอบไปดวยการตดิ ตอประสานงานสถานศึกษาฝกประสบการณวิชาชีพครู ปญหาในการทาวิจยั ในชน้ั เรียน
ของนักศึกษา ปญหาในการปฏิบตั ิงานและพฤตกิ รรมของนกั ศึกษาในสถานศกึ ษา (สาขาวชิ าการสอนภาษาจีน, 2557 หนา 68)
นอกจากน้ี จากรายงานการวจิ ยั ของนภารัตน โลหเงนิ เร่ืองการดาเนินงานการฝกประสบการณวิชาชีพครปู การศึกษา 2558
ไดพบวา มีจานวนนักศกึ ษาท่ีสามารถฝกประสบการณวิชาชีพครูไดตรงตามเวลากาหนดเปนจานวน 38 คนจากนกั ศึกษา
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 480
เอกสารหลังการประชมุ วชิ าการศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม ครง้ั ท่ี 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วันท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม
ทั้งหมด 51 คน คิดเปนรอยละ 74.51 และเม่อื พจิ ารณาสาเหตุในการฝกประสบการณวิชาชพี ท่ีไมเปนไปตามกาหนดพบวา
สาเหตุหลกั คอื การทารายงานการวจิ ยั ในช้นั เรยี นไมเสร็จตามกาหนดการ การตดั สินผลการเรยี นไมเสรจ็ ตามกาหนดการและ
การขาดวนิ ัยในการเขาฝกประสบการณวิชาชีพครู พฤติกรรมชูสาว การขาดงาน การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน เปนตน
(นภารัตน โลหเงิน, 2558 หนา 54) นอกจากนี้ผูวิจัยไดทาการสารวจปญหาและศึกษาผลการประเมินกระบวนการฝก
ประสบการณวิชาชีพครูโดยใชแบบสอบถามอเิ ล็กทรอนิกสออนไลนแบบปลายเปดและมาตราสวนประมาณคาสารวจกับ
นักศกึ ษาปการศึกษา 2559 พบวาปญหาในการฝกประสบการณวชิ าชพี ครูที่สาคัญน้ันคืองานวจิ ัยในชน้ั เรียนขาดการนิเทศ
กากับดูแลงานวิจัยช้นั เรียน กระบวนการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูมีความลาชา การดาเนินการเอกสารการจบ
การศึกษาลาชา และผลการประเมินกระบวนการฝกประสบการณวชิ าชีพครูในดานกระบวนการนเิ ทศและการวิจัยชั้นเรยี นมี
คะแนนตา่ ท่ีสุด โดยคดิ เปนคะแนนประเมนิ กระบวนการดาเนนิ งานคิดเปนคาเฉล่ยี 2.84 อยใู นระดบั ปานกลาง
จากปญหาดังกลาว ผูวจิ ัยในฐานะอาจารยผรู บั ผิดชอบในการดาเนินการฝกประสบการณวิชาชีพครูของสานักวิชา
จีนวิทยา จึงเล็งเห็นความสาคัญของปญหาที่กลาวในขางตน ไดทาการศึกษาเอกสารตาราท่ีเก่ียวของกับกระบวนการนิเทศ
นักศกึ ษาฝกประสบการณวิชาชพี ครู และการฝกประสบการณวชิ าชพี อ่ืนเชน วชิ าชีพทางดานวทิ ยาศาสตรการแพทย วิชาชีพ
ทางดานวศิ วกรรม อีกท้ังยังศกึ ษากระบวนการสหกจิ ศึกษา การประเมินกระบวนการ พบวามวี ิธีการเพ่ิมประสิทธภิ าพการ
พัฒนาการฝกประสบการณวิชาชพี มากมาย เชน กระบวนการนเิ ทศแบบมีสวนรวม กระบวนการนิเทศแบบทมี กระบวนการ
นเิ ทศแบบผสมผสาน กระบวนการนิเทศแบบพีเ่ ลย้ี ง นอกจากนยี้ ังศกึ ษางานวิจยั ที่มีเนอ้ื หาในการพัฒนาระบบการนิเทศในรอบ
10 ป (พ.ศ. 2550-2560) พบวากระบวนการนเิ ทศแบบพ่เี ล้ียงไดถกู นามาใชพัฒนาในการฝกประสบการณวิชาชีพครูและ
วชิ าชีพอ่ืนอยางเปนจานวนมาก มีผลงานวจิ ัยท่ีพบวากระบวนการนิเทศแบบพ่ี เลย้ี งสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการฝก
ประสบการณวิชาชีพไดดี ดังผลงานวิจัยของศุภวรรณ สัจจพิบูลไดทาการวิจยั เร่ืองการพัฒนารูปแบบการนิเทศการฝก
ประสบการณวชิ าชีพครเู พอ่ื สงเสริมสมรรถนะการจัดการเรยี นรูของนิสติ ครู พบวากระบวนการนเิ ทศแบบพเ่ี ลย้ี งประกอบไป
ดวย (1) การกาหนดเปาหมายการนิเทศตามสภาพจริง และการฝกฝนทักษะจาเปนท่ีตองการพัฒนา (2) การสรางชมุ ชนแหง
การเรียนรู (3) การไตรตรองสะทอนความคิดเก่ียวกบั ผลการเรียนรูของผูเรยี นและ (4) การใชเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพ่ิม
ประสิทธิภาพในการนเิ ทศ และนสิ ติ ครูมีสมรรถนะการจดั การเรียนรหู ลังการทดลองสูงกวากอนการทดลองอยางมีนัยสาคัญ
ทางสถติ ิทีร่ ะดับ .01 (ศภุ วรรณ สจั จพิบลู , 2560 หนา 95)
ดงั นน้ั ผวู จิ ัยจึงนาระบบพเ่ี ล้ยี งมาใชในการฝกประสบการณวชิ าชีพครใู นปการศึกษา 2560 เพอื่ พัฒนาศกั ยภาพของ
นักศึกษาใหพรอมเปนครูท่ีมีศักยภาพสูง และมีความมุงหวังท่ีจะปรับปรุงระบบการฝกประสบการณวิชาชีพครูใหมี
ประสิทธิภาพเสมอ จึงไดศึกษาเอกสาร ตารา งานวิจัยที่เก่ียวของกับวิธีการประเมินกระบวนการนิเทศนักศึกษาฝก
ประสบการณวชิ าชพี ครู พบวามีวิธกี ารประเมนิ หลายรูปแบบ ซึ่งแตละรูปแบบมีเน้ือหา ระเบียบ วิ ธกี ารประเมนิ ท่ีแตกตาง
ผูวจิ ัยไดดาเนินการวิเคราะหเอกสาร พบวารูปแบบการประเมนิ ของ แมลคอลม เอม็ โพรวัส (Malcolm M. Provus) มีความ
เหมาะสมในการนามาใชการประเมนิ เน่ืองจากมเี น้ือหา วิธีการ ขั้นตอนท่ีสอดคลองกับกระบวนการฝกประสบการณวิชาชพี
อีกทง้ั มนี ักวิจยั หลายทานไดนาไปใชในการประเมนิ อยางแพรหลาย ดงั งานวจิ ัยของภทั รพล มหาขันธท่ีใชรูปแบบการประเมนิ
ของแมลคอลม เอม็ โพรวสั (Malcolm M. Provus) ในการประเมินหลักสูตรปรญิ ญาตรี คณะศึกษาศาสตร สาขาการศกึ ษา
ตลอดชวี ิต มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร ผลการวิจยั พบวา มผี ลการประเมินในรายวชิ าพื้นฐาน วิชาเอกบังคับ วิชาชพี ครูและการฝก
ประสบการณวชิ าชีพคครอู ยใู นระดบั มาก หมายถงึ ผานเกณฑการประเมนิ (ภทั รพล มหาขนั ธ, 2553 หนา 74)
จากท่ีมาและความสาคัญของการฝกประสบการณวชิ าชพี ครูและสภาพปญหาในการดาเนินการฝกประสบการณ
วชิ าชพี ครู สาขาวิชาการสอนภาษาจนี สานกั วิชาจนี วทิ ยา มหาวทิ ยาลยั แมฟาหลวง ผูวจิ ัยในฐานะอาจารยผูรบั ผิดชอบงานฝก
ประสบการณวชิ าชีพ จึงมีความมุงหวังในการพัฒนาบัณฑิตท่ีมีคุณภาพ ตอบโจทยและความตองการของการศึกษาในยุค
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 481
เอกสารหลังการประชมุ วิชาการศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม ครง้ั ท่ี 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วันท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
ปจจบุ ัน จงึ ไดดาเนนิ การวิจัยเพ่ือใหไดมาซึง่ สารสนเทศในการพัฒนากระบวนการฝกประสบการณวชิ าชีพครูใหประสทิ ธิภาพ
เสมอ จงึ มวี ัตถปุ ระสงคในการวิจัยเปนดังนี้
วัตถปุ ระสงคกำรวจิ ยั
เพือ่ ประเมินผลการใชระบบพเ่ี ล้ียงในการกากับติดตามนิเทศการทาวิจยั ในชั้นเรยี นของนกั ศึกษาฝกประสบการณ
วชิ าชีพครู สาขาวิชาการสอนภาษาจีน มหาวิทยาลยั แมฟาหลวง โดยใชรูปแบบการประเมินของ แมลคอลม เอ็ม โพรวัส
(Malcolm M. Provus)
นยิ ำมศัพทเฉพำะ
ระบบพเี่ ลี้ยง หมายถงึ ระบบที่ใหผทู ่มี ีประสบการณ มีความรคู วามเขาใจในการวจิ ัยในชั้นเรียน เปนผูใหคาปรกึ ษา
คาแนะนา ขอเสนอแนะ ความชวยเหลอื ใหองคความรใู หม กบั นกั ศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู
กำรกำกบั ติดตำมกำรนิเทศกำรทำวจิ ัยในชั้นเรยี น หมายถงึ กระบวนการตัดสินผลระหวางการดาเนินนวิจยั ในชั้น
เรียนของนกั ศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครตู ลอดทัง้ ชวงปการศึกษา
รูปแบบกำรประเมินของแมลคอลม เอ็ม โพรวัส หมายถึง การนาหลักการ แนวคิด ทฤษฏีการประเมินของ
แมลคอลม เอ็ม โพรวสั (Malcolm M. Provus) มาใชในการประเมนิ ระบบพเ่ี ลยี้ งในการทาวจิ ัยในช้นั เรียนของนกั ศึกษาฝก
ประสบการณวิชาชีพครู โดยมุงเนนประเดน็ การประเมิน 4 ประเดน็ ดงั น้ี
กำรประเมินรำยละเอียด หมายถึง การพิจารณาความสอดคลองของเน้ือหาการประเมินกับมาตรฐานการฝก
ประสบการณวชิ าชีพครูตามคุรุสภาและการประเมินประสทิ ธภิ าพของระบบพเ่ี ลี้ยงในประเดน็ ความถูกตอง ความสอดคลอง
ความเหมาะสม ความเปนไปได ของระบบพเ่ี ลี้ยงจากการประเมนิ ของผใู หคาปรึกษาและผทู รงคุณวุฒิ
กำรประเมนิ กำรดำเนินกำร หมายถงึ การพจิ ารณา ตัดสนิ ความถกู ตองของการดาเนินการ วิธีการดาเนนิ การ ใน
กิจกรรมตางๆระหวางการดาเนินการของระบบพีเ่ ล้ียงในการกากับติดตามนเิ ทศการทาวิจัยในชั้นเรียนของนักศึกษาฝก
ประสบการณวชิ าชพี ครู
กำรประเมินกระบวนกำร หมายถงึ การประเมนิ ผลท่ีเกิดข้นึ จากกิจกรรมระหวางการดาเนนิ ของระบบพีเ่ ลี้ยงในการ
กากบั ตดิ ตามนิเทศการทาวจิ ัยในชั้นเรียนของนกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู
กำรประเมินผลผลิต หมายถึง การประเมนิ ผลผลิตขั้นสุดทายจากการดาเนินการของระบบพี่เล้ียงในการกากับ
ตดิ ตามนิเทศการทาวิจยั ในชนั้ เรียนของนกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู
กำรทบทวนวรรณกรรมและงำนวิจยั ท่เี กยี่ วของ
การประเมนิ ผลการใชระบบพี่เล้ียงในการกากับติดตามนเิ ทศการทาวจิ ยั ในชั้นเรยี นของนกั ศกึ ษาฝกประสบการณ
วชิ าชีพครู สาขาวิชาการสอนภาษาจีน มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ผูวจัยขอสรุปผลการสังเคราะหเอกสารและงานวิจัยท่ี
เกี่ยวของดังนี้
1) เนื้อหา ตัวบงชี้ ตวั ชวี้ ัดท่ใี ชประเมินการฝกประสบการณวชิ าชีพครู ผวู จิ ัยไดสงั เคราะหจากเอกสาร
เอกสารที่เก่ียวของกับมาตรฐานวิชาชีพครูและการฝกประสบการณวิชาชีพครู ขอสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา ป
พุทธศักราช 2546 โดยประเมินในเน้ือหาดังนี้ มาตรฐานความรมู าตรฐานความรแู ละประสบการณวิชาชีพม าตรฐานการ
ปฏบิ ตั ิงาน มาตรฐานการปฏบิ ตั ิตน (จรรยาบรรณของวิชาชพี ) (พระราชบัญญัตสิ ภาครูและบคุ ลากรทางการศึกษา,2546)
2) กระบวนการนเิ ทศ ผวู จิ ัยไดดาเนนิ การสังเคราะหเอกสารเพอื่ ออกแบบระบบการนเิ ทศ ขอเสนอในรปู แบบตาราง
วเิ คราะหรปู แบบนเิ ทศดังนี้
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 482
เอกสารหลงั การประชมุ วิชาการศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม คร้งั ที่ 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วันท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
ตำงรำง 1 แสดงการสังเคราะหเนอื้ หาที่ใชในการออกแบบการนเิ ทศ
นกั คดิ /ทฤษฎี จุดมุงหมำยระบบนเิ ทศ เน้อื หำที่ใชนิเทศ
อัญชลี ธรรมะวธิ ีกลุ (2558 หนา 54) A1 A2 A3 A4 B1 B2 B3 B4 B5
สงดั อุทรานนั ท (2531 หนา 51)
ตำงรำง 1 แสดงการสงั เคราะหเน้อื หาทีใ่ ชในการออกแบบการนเิ ทศ(ตอ)
นักคิด/ทฤษฎี จุดมุงหมำยระบบนเิ ทศ เน้อื หำท่ีใชนิเทศ
A1 A2 A3 A4 B1 B2 B3 B4 B5
แฮริส (Harris) (1995 page 24-49)
คณะกรรมการครสุ ภา (2549 หนา 12)
บริกสและจัสทแมน (Briggsand Justman) (1952
page 99-105)
หมายเหตุ A1 หมายถึง การนิเทศเพือ่ พฒั นาการสอน, A2 หมายถงึ การนเิ ทศเพื่อการประสานงานและความรวมมอื
, A3 หมายถงึ การนิเทศเพอื่ สรางขวัญกาลังใจ, A4 หมายถงึ การนิเทศเพื่อติดตาม, B1 หมายถงึ นิเทศการสอน, B2 หมายถึง
นิเทศหลกั สูตรและเอกสาร, B3 หมายถึง นิเทศสื่อและนวัตกรรม, B4 หมายถึง 1 หมายถึง นิเทศกระบวนการจดั การ, B5
หมายถึง นเิ ทศกระบวนการจดั การเรยี นรู จากการสังเคราะหตาราง ผวู จิ ยั ไดนาหลกั การมาเขยี นเปนนิยามศพั ทเฉพาะดังนี้
กรอบแนวคิดกำรประเมิน
กำรประเมนิ รำยละเอยี ด กำรประเมนิ กำรดำเนนิ กำร กำรประเมนิ กระบวนกำร ประเมนิ ผลผลติ
• ประเมินผลการ
• หาคณุ ภาพของเครอ่ื งมอื • ติดตามประเมนิ ผลการใช • ประเมนิ ผลการนาเสนอ
การประเมนิ โดย ระบบพ่ีเล้ียง การวจิ ยั ในช้ันเรยี น
ผูทรงคณุ วฒุ ิ
วิธดี ำเนนิ กำรวจิ ัย
ขอบเขตกำรวจิ ัย
ขอบเขตดำนแหลงขอมลู ทใ่ี ชในกำรประเมนิ ไดมำโดยวธิ กี ำรเลอื กแบบเจำะจง (Purposive Sampling) ดังนี้
กลุมที่ 1 กลุมผูใหคาปรึกษาและตรวจสอบระบบพี่เลยี้ ง เปนผูบริหารและผูทรงคุณวุฒิภายนอกจานวน 3 ทาน
ประกอบไปดวย คณบดีสานักวิชาจนี วิทยา มหาวิทยาลัยแมฟาหลวงจานวน 1 ทาน ประธานหลักสูตรสาขาวิชาการสอน
ภาษาจนี จานวน 1 ทาน และผทู รงคุณวฒุ ิภาพนอกจากผูประเมินหลกั สูตรจากสภาครูและบคุ ลากรทางการศึกษาจานวน 1
ทาน
กลุมที่ 2 กลมุ พี่เลยี้ งใหคาแนะนาการทาวิจยั ในชน้ั เรยี นเปนคณาจารยผนู ิเทศนักศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู
ประจาปการศกึ ษา 2560 สานักวชิ าจีนวิทยา มหาวทิ ยาลยั แมฟาหลวง ท่ีมีประสบการณการณนเิ ทศนักศึกษาอยางนอย 3 ป
ตามเกณฑมาตรฐานของครุ สุ ภา จานวน 28 ทาน
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 483
เอกสารหลงั การประชมุ วชิ าการศกึ ษาศาสตร มหาวิทยาลยั เชยี งใหม คร้งั ที่ 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วันท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม
กลุมที่ 3 ครูพี่เล้ียง เปนครูประจาการปฏิบัติการสอนภาษาจีนภายในสถานศึกษ าการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
ท่ีมีประสบการณเปนครูพ่ีเลยี้ งอยางนอย 3 ป ตามเกณฑมาตรฐานของครุ สุ ภา จานวน 42 คน
กลมุ ท่ี 4 นักศกึ ษาฝกประสบการณวิชาชีพครู ประจาปการศกึ ษา 2560 จานวน 96 คน
ขอบเขตดำนระยะเวลำในกำรประเมนิ ปการศึกษา 2560 เดอื น พฤษภาคม 2559 ถึง เดือนมีนาคม 2560
ขอบเขตดำนเน้อื หำทใี่ ชในกำรประเมนิ
การประเมนิ ระบบพี่เล้ยี งใชรปู แบบการประเมินของแมลคอลม เอม็ โพรวสั มขี อบเขตการประเมินดงั ตาราง
ตำงรำง 2 แสดงขอบเขตเน้อื หาในประเมินระบบพี่เลย้ี ง
ประเดน็ กำร เนื้อหำท่ใี ชในกำรประเมนิ
ประเมนิ
- ความสอดคลองเน้ือหาในระบบพี่เล้ียงและกระบวนการนิเทศการทาวิจัยในช้ันเรียนของ
การประเมนิ นักศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพ
รายละเอียด - มาตรฐานความรแู ละประสบการณดานการวจิ ยั เพ่ือพัฒนาการเรยี นรูของผูประกอบวชิ าชีพครู
- ความถกู ตอง ความเหมาะสม ความเปนไปได ความคมุ คา ของระบบระบบพี่เล้ยี งในการกากับ
ตดิ ตามนิเทศการทาวจิ ัยในชนั้ เรียนของนักศกึ ษาฝกประสบการณวิชาชพี ครู
- ประเมนิ การวางแผนการดาเนนิ การของระบบพเี่ ล้ยี งกากบั ติดตามงานวจิ ยั ในช้นั เรยี น
- ประเมินการดาเนนิ การใหคาแนะนาปรกึ ษาการกาหนดหวั ขอและโครงการการวจิ ยั ในช้ันเรยี น
การประเมิน - ประเมินการดาเนนิ การกากับตดิ ตามการสรางและหาคณุ ภาพเคร่ืองมอื และการดาเนินการวิจยั
การดาเนนิ การ ในชน้ั เรยี น
- ประเมินการดาเนินการกากับติดตามการเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียน การนาเสนอ
ผลงานวจิ ยั ในช้ันเรยี น
- ประเมินผลการดาเนนิ การแกไขรายงานการวิจยั ในช้ันเรียน การประเมนิ ตัดสินผลการวจิ ัยในชน้ั
เรยี น
การประเมิน - ผลการสอบหัวขอและโครงรางการวิจยั ในช้นั เรยี น
กระบวนการ - ผลการสอบการนาเสนอรายงานวิจัยในชนั้ เรยี น
- ผลการดาเนนิ งานในภาพรวม
การประเมิน - ผลการประเมินคุณภาพรายงานการวจิ ัยในช้นั เรยี น
ผลผลิต - จานวนนักศึกษาทส่ี าเร็จการศกึ ษาตรงตามระยะเวลาท่สี านักทะเบียนกาหนด
- ผลงานการวิจัยเปนทย่ี อมรบั ในเชงิ วิชาการ เชน การตอยอดการประกวดผลงานวิจัยในช้ันเรียน
ในเวทกี ารประกวดภายนอกหรอื จานวนการตพี มิ พผลงานการวจิ ยั
ข้นั ตอนกำรประเมนิ
ขนั้ ตอนท่ี 1 ยกรำงระบบพ่ีเล้ียงในกำรกำกับตดิ ตำมนิเทศกำรทำวิจัยในชน้ั เรยี นของนกั ศกึ ษำฝกประสบกำรณ
วิชำชีพครโู ดยกำรประเมนิ คณุ ภำพควำมสอดคลองของระบบโดยกลุมผูใหคำปรึกษำและตรวจสอบระบบพ่เี ลย้ี งมีข้ันตอน
กำรดำเนินกำรดังนี้
1) ศกึ ษาเอกสาร ตารา งานวิจยั ทเี่ กี่ยวของ มาตรฐานของผปู ระกอบวชิ าชีพครู กระบวนการนิเทศการฝก
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 484
เอกสารหลังการประชุมวชิ าการศึกษาศาสตร มหาวิทยาลยั เชียงใหม คร้งั ที่ 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วันท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
ปฏิบตั งิ าน กระบวนการนิเทศของวิชาชีพครูและวชิ าชีพอน่ื กระบวนการสหกิจศกึ ษา ระบบพี่เลย้ี งและกระบวนการประเมิน
และการสรางเครอื่ งมือในการประเมนิ และวดั ผลทางการศกึ ษา
2) สงั เคราะหเอกสาร รางระบบพ่ีเลย้ี ง และสรางเคร่อื งมอื ในการประเมนิ การกากับตดิ ตามนเิ ทศการทาวิจัย
ในช้ันเรียนของนกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู สาขาวชิ าการสอนภาษาจนี มหาวิทยาลยั แมฟาหลวง โดยมีเครื่องมือที่ใช
ในการประเมนิ ดังนี้
2.1) แบบประเมินคุณภาพและความสอดคลองของระบบพ่เี ล้ยี งในการกากบั ตดิ ตามนเิ ทศการทาวจิ ยั ใน
ชัน้ เรียนของนกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู เปนแบบประเมนิ ความสอดคลองและแบบประเมินแบบตรวจสอบรายการ
จานวน 1 ฉบบั
2.2) แบบประเมนิ ผลการดาเนนิ งานของระบบพ่ีเลีย้ งในการกากบั ตดิ ตามนิเทศการทาวิจัยในช้ันเรยี นของ
นกั ศึกษาฝกประสบการณวิชาชีพครู เปนแบบประเมินแบบตรวจสอบรายการประกอบกับมาตราสวนประมาณคา 5 ระดับ
แบงออกเปน 3 ฉบบั คอื สาหรับกลุมพเี่ ลย้ี ง ครูพี่เลย้ี งและนักศกึ ษาฝกประสบการณวิชาชพี ครู
2.3) แบบประเมินกระบวนการผลิตของระบบพ่ีเลีย้ งในการกากับติดตามนิเทศการทาวจิ ยั ในช้ันเรียนของ
นักศึกษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู เปนแบบตรวจสอบรายการประกอบกับมาตราสวนประมาณคา 5 ระดบั จานวน 1 ฉบบั
2.4) แบบประเมนิ ผลผลติ ของระบบพ่เี ลีย้ งในการกากบั ติดตามนิเทศการทาวจิ ยั ในชน้ั เรยี นของนักศกึ ษา
ฝกประสบการณวชิ าชีพครู เปนแบบตรวจสอบรายการประกอบกับมาตราสวนประมาณคา 5 ระดบั จานวน 1 ฉบบั
3) นารางระบบพ่เี ลีย้ งและเคร่ืองมือในการประเมนิ การกากับติดตามประเมนิ นเิ ทศการทาวจิ ัยในชน้ั เรียนของ
นักศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู สาขาวชิ าการสอนภาษาจีน มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ใหผทู รงคุณวุฒิจานวน 5 ทาน
ท่ีไมใชแหลงขอมูลกลุมท่ี 1 ประกอบไปดวยผูเช่ียวชาญทางดานการนิเทศและผูทรงคุณวุฒิจากคุรุสภาจานวน 3 ทาน
ผูเชยี่ วชาญทางดานการประเมิน 1 ทานและผูเชย่ี วชาญทางดานการสอนภาษาจนี จานวน 1 ทานประเมินคณุ ภาพในประเดน็
ของ ความถูกตอง ความเหมาะสม ความสอดคลอง ความคุมคา และความเปนไปไดของระบบ พบวามีผลการประเมินผานทกุ
ดาน แตมีขอเสนอแนะปรับปรุงเชน ระยะเวลาการประเมนิ เคร่อื งมอื และวธิ กี ารประเมนิ และข้ันตอนการดาเนนิ แผนการของ
ระบบพเ่ี ลีย้ ง
ขน้ั ตอนที่ 2 ปรบั ปรุงและทดลองใชระบบพ่ีเล้ียงในกำรกำกับติดตำมนเิ ทศกำรทำวิจัยในชั้นเรียนของนกั ศกึ ษำ
ฝกประสบกำรณวิชำชีพครู
1) นาระบบและเครือ่ งมือการประเมินมาปรบั ปรุงตามคาแนะนาของผูเช่ยี วชาญทั้ง 5 ทาน นารางระบบพ่ี
เลี้ยงและเคร่ืองมือในการประเมินเสนอตอเชย่ี วชาญชุดเดิมอกี คร้ัง เพื่อตรวจสอบความถูกตอง ความสอดคลอง ความ
เหมาะสม ความเปนไปไดของระบบและเครื่องมือการประเมิน
2) ยกรางอกี ครง้ั ตามคาแนะนาของผูช่ยี วชาญ นาระบบไปใชจรงิ กบั นกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู
3) นาระบบและเคร่ืองมือทีใ่ ชในการประเมินมาใชจริงกบั นกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู
ขั้นตอนที่ 3 ประเมินระหวำงกำรดำเนนิ กำรใชระบบพ่เี ล้ียงในกำรกำกับตดิ ตำมนิเทศกำรทำวิจยั ในช้นั เรียนของ
นักศกึ ษำฝกประสบกำรณวิชำชีพครู ผูวจิ ยั สรปุ ขนั้ ตอนกำรวิจยั ดังนี้
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 485
เอกสารหลงั การประชุมวิชาการศึกษาศาสตร มหาวิทยาลยั เชียงใหม คร้งั ท่ี 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วนั ท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม
ตำรำง 3 แสดงข้ันตอนการประเมนิ นักศกึ ษาระบบพีเ่ ลย้ี งในการกากับติดตามนเิ ทศการทาวิจัยในชนั้ เรียนของนกั ศึกษาฝก
ประสบการณวิชาชีพครู
ข้นั ตอนกำรประเมนิ เครอ่ื งมือท่ีใช ผปู ระเมนิ เกณฑกำรประเมนิ
กลุมท่ี
1. การประเมนิ แบบประเมินคุณภาพและความสอดคลองของระบบ 1 ดัชนีความสอดคลอง .80
รายละเอยี ด พ่เี ล้ียงในการกากับติดตามนิเทศการทาวจิ ยั ในช้นั ข้ึนไป หรือ คาเฉลี่ย 3.50
เรียนของนกั ศกึ ษาฝกประสบการณวิชาชพี ครู ขน้ึ ไป อยางใดอยางหนงึ่
2. การประเมนิ การ แบบประเมินผลการดาเนินงานของระบบพีเ่ ลี้ยงใน 1 มคี ุณลักษณะอยางนอยรอย
ดาเนนิ การ การกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในช้ันเรียนของ ละ 80 หรือคาเฉลี่ย 3.50
2.1 การวางแผน นกั ศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู ข้นึ ไป อยางใดอยางหนงึ่
2.2 การกาหนด แบบประเมินผลการดาเนินงานของระบบพี่เล้ียงใน 2,3,4 มีคุณลักษณะอยางนอยรอย
หัวขอและการเขียน การกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในช้ันเรียนของ ละ 80 หรือคาเฉล่ีย 3.50
โครงรางการวจิ ยั นักศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู ข้นึ ไป อยางใดอยางหนง่ึ
2.3 ก า ร ส ร า ง แบบประเมนิ ผลการดาเนินงานของระบบพ่เี ล้ียงใน 2,3,4 มคี ุณลักษณะอยางนอยรอย
แ ล ะ ห า คุ ณ ภ า พ การกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในชั้นเรียนของ ละ 80 หรือคาเฉลี่ย 3.50
เครือ่ งมอื ในการวิจัย นกั ศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู ขึ้นไป
2.4 ก า ร เ ขี ย น แบบประเมินผลการดาเนนิ งานของระบบพ่ีเลย้ี งใน 2,3,4 มีคุณลักษณะอยางนอยรอย
รายงานการวิจัยในช้ัน การกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในช้ันเรียนของ ละ 80 หรือคาเฉลี่ย 3.50
เรียน นกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู ขน้ึ ไป อยางใดอยางหนงึ่
2.5 ก า ร แ ก ไ ข แบบประเมินผลการดาเนนิ งานของระบบพ่เี ลี้ยงใน 2,3,4 มีคุณลักษณะอยางนอยรอย
และปรับปรุงรายงาน การกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในช้ันเรียนของ ละ 80 หรือคาเฉล่ีย 3.50
การวจิ ัย นกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู ข้ึนไป อยางใดอยางหนง่ึ
3. ก า ร ป ร ะ เ มิ น แบบประเมินผลการดาเนนิ งานของระบบพ่ีเลี้ยงใน 2,3 มคี ุณลักษณะอยางนอยรอย
กระบวนการ การกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในช้ันเรียนของ ละ 80 หรือคาเฉลี่ย 3.50
นกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครทู ้ัง 5 ขนั้ ตอน ขึ้นไป หรือมีคะแนนการ
ประเมนิ ผลอยางนอยรอยละ
80 ของคะแนนเต็ม
ข้นั ตอนท่ี 4 ประเมินผลกำรใชและปรับปรงุ ระบบพี่เลีย้ งในกำรกำกบั ติดตำมนเิ ทศกำรทำวจิ ัยในชั้นเรียนของ
นักศกึ ษำฝกประสบกำรณวชิ ำชพี ครู
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 486
เอกสารหลงั การประชุมวิชาการศึกษาศาสตร มหาวิทยาลยั เชยี งใหม คร้งั ท่ี 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วนั ท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
ตำรำง 4 แสดงการประเมินผลการใชและปรับปรุงระบบพีเ่ ล้ียงในการกากบั ติดตามนเิ ทศการทาวจิ ยั ในชั้นเรียนของ
นักศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู
ข้ันตอนกำร เคร่อื งมือท่ีใช ผู เกณฑกำรประเมนิ
ประเมิน ประเมิน
การประเมนิ ผล แบบประเมินผลผลิตของระบบพเ่ี ลย้ี งในการ 1,2 มีคุณลักษณะอยางนอยรอยละ 80 หรือ
ผลติ กากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในช้ันเรียน คาเฉลีย่ 3.50 ขึน้ ไป หรือ มีผลงานการวจิ ยั
ของนักศึกษาฝกประสบการณวิชาชีพครู ไดรับรางวัลหรือไดรับการตีพิมพผลงาน
อยางนอย 5 ผลงาน
**หมำยเหตุ กลมุ ท่ี 1 คอื กลุมผูใหคาปรึกษาและตรวจสอบระบบพเ่ี ลยี้ ง กลมุ ที่ 2 คอื กลุมพเ่ี ลย้ี งใหคาแนะนาการ
ทาวจิ ัยในชน้ั เรยี น กลมุ ท่ี 3 คอื ครูพเี่ ลีย้ ง กลมุ ที่ 4 คือนกั ศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู
สถิติที่ใชและวธิ กี ำรวเิ ครำะหขอมลู
ในการวิจัยน้ี ใชสถติ ิบรรยายพนื้ ฐานในการวิเคราะหขอมูลจากแบบสอบถามแบบตรวจสอบรายการ ใชคาความถี่
(Frequency) คารอยละ (Percentage) ในการวเิ คราะหขอมูล นอกจากนีใ้ ชคาเฉล่ีย (Mean) และคาสวนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน
(Standard Deviation) สาหรับประชากร ในการวิเคราะหขอมูลจากแบบสอบถามแบบมาตราสวนประมาณคา 5 ระดับ
ซึ่งสถติ ิในขางตนใชโปรแกรมคอมพิวเตอรสาเรจ็ รปู ในการวิเคราะหขอมูล ในสวนของขอมลู เชงิ คณุ ภาพ ใชวธิ วี เิ คราะหเน้อื หา
แลวสรุปสงั เคราะหพรรณนาเปนความเรยี ง(Content Analysis)
ผลกำรวิเครำะหขอมลู
การประเมินผลการใชระบบพี่เล้ียงในการกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในช้ันเรยี นของนักศึกษาฝกประสบการณ
วชิ าชีพครู สาขาวชิ าการสอนภาษาจีน มหาวทิ ยาลยั แมฟาหลวงมผี ลการวจิ ยั แบงออกเปน 4 ตอนดังน้ี
ตอนท่ี 1 ผลกำรประเมินรำยละเอียดของระบบพ่ีเลย้ี งในกำรกำกับติดตำมนิเทศกำรทำวิจัยในช้นั เรียนของ
นักศึกษำฝกประสบกำรณวชิ ำชพี ครู สำขำวิชำกำรสอนภำษำจนี มหำวิทยำลัยแมฟำหลวง
ผูวจิ ยั ไดดาเนินการนาแบบประเมินคุณภาพไปยังแหลงขอมูลในการประเมินกลุมท่ี 1 คือกลุมผูใหคาปรึกษาและ
ตรวจสอบระบบพ่เี ลย้ี ง เพ่อื พจิ ารณาและประเมนิ คณุ ภาพของระบบพเ่ี ล้ียงและเครื่องมอื ทีใ่ ชในการประเมิน โดยพจิ ารณาจาก
มาตรฐานวชิ าชพี ครุ ุสภา หลกั การนเิ ทศ หลกั การประเมิน ซ่ึงมรี ายการประเมนิ หลัก 8 รายการ แบงเปนรายการประเมินยอย
รายการละ 5 ขอ ซง่ึ ผูวจิ ัยขอนาเสนอเฉพาะผลสรุปเปนรายการหลกั ดังนี้
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 487
เอกสารหลังการประชุมวชิ าการศกึ ษาศาสตร มหาวิทยาลยั เชียงใหม คร้งั ที่ 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วนั ท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม
ตำรำง 5 แสดงผลการประเมินรายละเอียดของระบบพเ่ี ล้ยี งในการกากบั ตดิ ตามนิเทศการทาวจิ ยั ในชนั้ เรียนของนักศึกษาฝก
ประสบการณวิชาชพี ครู สาขาวิชาการสอนภาษาจีน มหาวทิ ยาลัยแมฟาหลวง
รำยกำรกำรประเมินหลัก ควำม ควำม ควำม ควำม ควำม
ถกู ตอง สอดคลอง เหมำะสม เปนไปได คมุ คำ
1. เนือ้ หาของระบบพ่ีเลีย้ ง
2. โครงสรางของระบบพีเ่ ลี้ยง *
3. ชวงเวลาในการดาเนนิ งานแตละขัน้ ตอนของระบบ *
พ่ีเลย้ี ง
4. ขน้ั ตอนของระบบพ่ีเล้ยี ง * *
5. วธิ กี ารนเิ ทศและเขาไปเปนพ่เี ลีย้ ง
6. รายการ ตัวชีว้ ดั ตวั บงช้ี ในการประเมิน * *
7. เครื่องมอื ทใ่ี ชในการประเมนิ * *
8. เกณฑท่ีใชในการประเมนิ *
หมายถงึ ใหนาไปใชกบั นักศึกษาฝกประสบการณวชิ าชพี ได
* หมายถึง ผูเช่ียวชาญใหผานเกณฑนาไปใชได แตตองแกไขตามคาแนะนาของผูเชยี่ วชาญกอนและกลับมา
นาเสนอตอผูเชย่ี วชาญอีกครง้ั
จากตารางพบวา ผลการประเมนิ รายละเอยี ดของระบบพีเ่ ลย้ี งในการกากับติดตามนเิ ทศการทาวจิ ยั ในชน้ั เรยี นของ
นกั ศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู สาขาวชิ าการสอนภาษาจนี มหาวิทยาลัยแมฟาหลวงสวนใหญผานเกณฑ
ตอนท่ี 2 ผลกำรประเมินกำรดำเนนิ กำรของระบบพี่เลย้ี งในกำรกำกับตดิ ตำมนเิ ทศกำรทำวจิ ยั ในชั้นเรียนของ
นักศกึ ษำฝกประสบกำรณวิชำชีพครู สำขำวิชำกำรสอนภำษำจนี มหำวทิ ยำลัยแมฟำหลวง
ในการประเมินการดาเนนิ การของระบบ ผูวจิ ัยไดดาเนินการประเมินโดยใชแบบประเมินแบบตรวจสอบรายการ
ประกอบกบั มาตราสวนประมาณคาซึ่งมีรายละเอียดการประเมินแยกยอยดานละ 10 ขอ ซง่ึ ขอนาเสนอเฉพาะสวนสรุปเปน
รายดาน โดยจาแนกผลการประเมินตามผูประเมนิ ผลปรากฏดังตาราง
ตำรำง 6 แสดงผลการประเมนิ การดาเนนิ การของระบบพเี่ ลีย้ งในการกากับติดตามการทาวจิ ัยในชน้ั เรยี น
กำรประเมินขั้นกำรดำเนินกำร
รำยกำรประเมนิ หลกั กำรกำหนดหวั ขอ กำรสรำงและหำ กำรเขยี นรำยงำน กำรแกไขและ
และกำรเขยี นโครง คุณภำพเคร่อื งมือใน กำรวิจยั ในชัน้ เรียน ปรับปรงุ รำยงำนกำร
รำงกำรวจิ ยั กำรวจิ ัย วิจัย
กลุมผูใหขอมูล กลุมผูใหขอมูล กลุมผูใหขอมลู กลุมผูใหขอมลู
234234234234
กำรวำงแผน
กระบวนกำรนเิ ทศ
กระบวนกำร
ดำเนนิ งำน
กำรใหคำปรกึ ษำ
กำรกำกับตดิ ตำม
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 488
เอกสารหลังการประชมุ วิชาการศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม ครง้ั ที่ 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วนั ท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม
หมายถึง ไมผานเกณฑการประเมนิ คิดคะแนนจากแบบประเมินแบบตรวจสอบรายการมีจานวนความถ่คี วาม
คดิ เห็นต่ากวารอยละ 80 และแบบประเมนิ แบบมาตราสวนประมาณคา 5 ระดบั มคี าเฉลยี่ ต่ากวา 3.50
หมายถึง ผานเกณฑการประเมิน คิดคะแนนจากแบบประเมินแบบตรวจสอบรายการมีจานว นความถี่ความ
คดิ เห็นสูงกวาหรือเทากับรอยละ 80 และแบบประเมินแบบมาตราสวนประมาณคา 5 ระดับ มีคาเฉลย่ี มากกวาหรอื เทากับ
3.50
**หมายเหตุ กลุมที่ 2 คือ กลุมพ่ีเล้ียงใหคาแนะนาการทาวิจัยในชั้นเรียน กลุมที่ 3 คือ ครูพี่เลี้ยง กลุมที่ 4 คือ
นักศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู
จากตารางพบวา ผลการประเมินการดาเนินการของระบบพ่ีเล้ียงในการกากับติดตามนิเทศการทาวจิ ัยในชั้นเรียน
ของนักศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู สาขาวิชาการสอนภาษาจีน มหาวิทยาลัยแมฟาหลวงสวนใหญผานเกณฑ เมื่อ
พิจารณาตามรายการประเมนิ พบวามี 7 รายการดาเนนิ การไมผานเกณฑ
ตอนที่ 3 ผลกำรประเมนิ กระบวนกำรของระบบพเ่ี ล้ียงในกำรกำกบั ตดิ ตำมนิเทศกำรทำวจิ ัยในชั้นเรียนของ
นักศึกษำฝกประสบกำรณวชิ ำชพี ครู สำขำวชิ ำกำรสอนภำษำจนี มหำวิทยำลัยแมฟำหลวง
ผวู จิ ัยไดดาเนนิ การเกบ็ รวบรวมคะแนนจากการผใู หขอมลู กลุมที่ 2 กลุมพีเ่ ลี้ยงใหคาแนะนาการทาวจิ ัยในชนั้ เรียน
กลุมท่ี 3 ครูพี่เลี้ยงซง่ึ ใชแบบประเมนิ แบบเดียวกนั เปนแบบประเมินแบบมาตราสวนประมาณคา 5 ระดับประกอบเกณฑการ
ใหคะแนน (Rubric Score) ประเมิน 4 กระบวนการหลัก ซึ่งแตละกระบวนการจะมีรายการประเมินยอยแบงออกไปอีก
รายการละ 5 รายการประเมนิ ซ่งึ ผวู จิ ัยขอนาเสนอในสวนสรุปผลหลกั เปนดงั น้ี
ตำรำง 7 แสดงผลประเมินกระบวนการของระบบพเี่ ลย้ี งในการกากบั ตดิ ตามนเิ ทศการทาวจิ ยั ในชน้ั เรยี น
กระบวนกำรหลกั คะแนนเตม็ X SD % ผลกำรประเมนิ
1. การกาหนดหวั ขอและการเขียนโครงรางการวิจัย 25 18.57 1.27 74.26 ไมผาน
2. การสรางและหาคุณภาพเครอ่ื งมอื ในการวจิ ัย 25 20.03 .96 80.13 ผานเกณฑ
3. การเขยี นรายงานการวจิ ยั ในช้ันเรยี น 25 20.87 .74 83.48 ผานเกณฑ
4. การแกไขและปรับปรงุ รายงานการวจิ ยั 25 21.41 .45 85.64 ผานเกณฑ
จากตารางพบวา สวนใหญผลการประเมนิ กระบวนการของระบบพีเ่ ลี้ยงในการกากับตดิ ตามการทาวจิ ัยในชั้นเรียน
ผานเกณฑการประเมิน แตมกี ระบวนการกาหนดหวั ขอและการเขียนโครงรางการวิจัย ไมผานเกณฑการประเมนิ
ตอนที่ 4 ผลกำรประเมินผลผลติ ของระบบพเ่ี ลีย้ งในกำรกำกบั ติดตำมนิเทศกำรทำวจิ ยั ในช้ันเรยี นของนักศึกษำ
ฝกประสบกำรณวิชำชีพครู สำขำวชิ ำกำรสอนภำษำจนี มหำวิทยำลัยแมฟำหลวง
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 489
เอกสารหลงั การประชมุ วิชาการศึกษาศาสตร มหาวิทยาลยั เชียงใหม ครง้ั ที่ 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วันท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม
ตำรำง 8 แสดงผลการประเมนิ ผลผลิตของระบบพีเ่ ลี้ยงในการกากบั ติดตามนเิ ทศการทาวจิ ยั ในช้ันเรยี น
รำยกำรประเมนิ ผลผลติ หลัก ผลกำรประเมนิ กำรตัดสินผลกำร
ประเมนิ
ผลการดาเนนิ งานในภาพรวม X = 4.21, SD = 0.72 อยใู นระดับมาก ผาน
ผลการประเมินคุณภาพรายงานการวจิ ัยใน X = 21.06, SD = 0.72, % = 84.23 ผาน
ภาพรวม (คะแนนเตม็ 25คะแนน)
การตดั สนิ ผลการเรียนและจานวนนักศกึ ษา คะแนนเฉล่ยี ในรายวิชาฝกสอน % = 73.17 ไมผาน
ท่ีสาเรจ็ การศกึ ษา (คะแนนเตม็ 100 ผาน
คะแนน) X= 73.17, SD=3.59
จานวนนกั ศึกษาทส่ี าเร็จตามกาหนด 79 คน คิดเปน
รอยละ 82.29
1 รางวัล
ผลงานวจิ ัยหรือรางวลั ท่ไี ดรบั ชนะเลศิ การนาเสนองานวิจัยในชนั้ เรยี น ไมผาน
ระดบั ปรญิ ญาตรี จากมหาวิทยาลัยวลัยลกั ษณ
จากตารางพบวา ผลการประเมินผลผลิตของระบบพ่ีเลี้ยงในการกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในชั้นเรยี นของ
นกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู สาขาวชิ าการสอนภาษาจีน มหาวทิ ยาลัยแมฟาหลวงสวนใหญผานเกณฑการประเมิน เมือ่
พจิ ารณารายดานพบวามี 2 รายการไมผานเน่ืองจากคะแนนเฉลี่ยในรายการวิชาการฝกประสบการณวชิ าชพี ครูไมผานเกณฑ
รอยละ 80 และมเี พยี งผลงานเดยี วท่ีไดนาไปเสนอผลงานวจิ ยั
อภปิ รำยผลกำรวิจัย
1) ผลการประเมนิ รายละเอียดของระบบพี่เล้ียงในการกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในช้นั เรียนของนักศึกษาฝก
ประสบการณวิชาชพี ครู สาขาวชิ าการสอนภาษาจีน มหาวิทยาลัยแมฟาหลวงสวนใหญผานเกณฑ เครอื งมอื สามารถนาเอาไป
ใชจริง เหตุท่ีเปนเชนนี้อาจเปนเพราะระบบพีเ่ ล้ยี งเปนระบบที่มีกระบวนการท่ีสอดคลองและตอบสนองกับลกั ษณะเฉพาะของ
การนิเทศการทาวิจยั ในช้นั เรยี น และมกี ระบวนการทม่ี รี ะบบที่คลายคลึงกับกระบวนการประเมินผลการฝกประสบการณ
วชิ าชีพครู ดังสอดคลองกับโสภณ ภูเกาลวนไดกลาวถึงกระบวนการเปนพ่ีเล้ียงมีข้ันตอนดงั น้ี 1)การวางแผนการเปนพเี่ ล้ียง
2)การสรางความสัมพันธภาพและทาขอตกลงในกระบวนพ่ีเล้ียงนน้ั ทั้งพ่เี ลย้ี งและผูเรียน 3) การพัฒนาผูเรียนและการักษา
ความสัมพันธอันดีในกระบวนการเปนพีเ่ ล้ียงท้ังสองฝายคือฝายพเี่ ลย้ี งและฝายผเู รียนตางก็จะไดการนาใหเลอื กการกาหนด
เปาหมายในกระบวนการเปาหมายในการพัฒนาทักษะ เปาหมายในการเพมิ่ พูนการเรียนร(ู โสภณ ภเู กาลวน, 2557 หนา 15)
ซ่ึงกระบวนการดังกลาวสอดคลองและเปนขั้นตอนท่ีมีความสัมพันธกับกระบวนการนิเทศ กากับ ติดตามนักศึกษาฝก
ประสบการณวชิ าชพี ครู จงึ สงผลใหผลการประเมนิ คุณภาพของระบบพเ่ี ลย้ี งมคี วาม ถูกตอง สอดคลอง เหมาะสม เปนไปได
และคุมคาในการนามาใชในการนเิ ทศกากบั ตดิ ตามการทาวิจยั ในชั้นเรียนของนกั ศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู
2) ผลการประเมินการดาเนนิ การของระบบพเี่ ล้ียงในการกากบั ติดตามนิเทศการทาวิจยั ในชั้นเรยี นของนกั ศึกษาฝก
ประสบการณวชิ าชีพครู สาขาวิชาการสอนภาษาจนี มหาวิทยาลยั แมฟาหลวงสวนใหญผานเกณฑ จะเหน็ ไดวา กระบวนการ
ระบบพ่ีเล้ียงมีการดาเนนิ การท่ีตอบสนองกบั การนิเทศ การประเมินนักศกึ ษาในการทาวิจัยในชน้ั เรียน และตอบสนองการ
นเิ ทศและประเมนิ ของผทู ีใ่ ชระบบประกอบไปดวย คณาจารยนิเทศ ครพู เ่ี ล้ียงและนกั ศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชพี วธิ ีการของ
โพรวสั น้ันจะเปนวิธกี ารทท่ี ราบหลกั สูตรท่ีสรางหรอื พฒั นาข้นึ น้ันมจี ุดดีหรอื จดุ เสยี ตรงไหน ซง่ึ จะเปนประโยชนในการวางแผน
ปรับปรุงไดถกู จุด สงผลใหหลักสูตรมีคุณภาพดีย่ิงขึ้น ชวยใหเกิดการวางแผนการพั ฒนาหลักสูตร เหตุท่ีเปนเชนนอี้ าจเปน
เพราะระบบพี่เล้ียงน้ัน สงเสริมการทางานและความรวมมือของผูที่เกี่ยวของ เกิดการประสานงานทาใหงานเปนไปตาม
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 490
เอกสารหลงั การประชมุ วชิ าการศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม ครง้ั ท่ี 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วันท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม
เปาหมาย ดังสอดคลองกบั เกรียงศกั ดิ์ วฒั นะรัตน ไดกลาวถงึ ระบบพี่เล้ียงจะสรางความสัมพันธระหวางผูปฏบิ ตั ภิ ายในองคกร
เพ่อื นาไปสูการพัฒนาคณุ ภาพเกิดประโยชนท้งั ตอผูไดรบั การสอนงานผูสอนงานและตอองคกรโดยการสอนงานจะชวยพฒั นา
ความรูความเขาใจทักษะในการทางานใหผรู ับการสอนงานสาหรับผสู อนงานน้นั การสอนงานถือวาเปนการมอบหมายงานทีม่ ี
ประโ ยชนแล ะชวยพั ฒนา สัม พันธภา พระหว างผู ปฏิบัติ งา นดวยกันสาหรับ ประโ ยช นตออง คกรแลว เมื่อพิ จา รณาในเ ร่ือง
คาใชจายกจ็ ะเห็นวามคี าใชจายนอยมากเม่ือเทยี บกับคาใชจายทีเ่ กิดข้ึนกับการจดั ฝกอบรมในลักษณะเตม็ รปู แบบการสอนงาน
ท่ดี จี ะมีความสาคญั และเอ้ือประโยชนตอองคกรและพนกั งานในองคกร (เกรียงศกั ด์ิ วฒั นะรตั น, 2558 หนา 92)
3) ผลการประเมินกระบวนการของระบบพ่เี ล้ยี งในการกากับตดิ ตามการทาวิจัยในชั้นเรยี นสวนใหญผานเกณฑการ
ประเมินเหตุท่ีเปนเชนนี้อาจเปนเพราะระบบพี่เลี้ยงมีประโยชนในการพัฒนาองคกร บุคลากร ดังสอดคลองกับอัญชลี
ธรรมะวิธกี ลุ ไดกลาวถงึ ประโยชนของระบบพเี่ ล้ยี งไววา 1) สรางกลุมคนท่ีมีความสามารถมศี ักยภาพไดเรว็ กวาพนักงานปกติ
2)จงู ใจใหผปู ฏบิ ตั ิงานทม่ี ีผลการปฏิบัติงานดีและมีศักยภาพในการทางานสูงใหคงอยูกบั หนวยงาน 3)กระตนุ ใหผปู ฏิบัตงิ าน
สรางผลงานมากขึน้ พรอมท่ีจะทางานหนักและทาทายมากขึน้ 4)สรางบรรยากาศการนาเสนองานใหมๆหรือความคิดนอกรอบ
มากขึ้นและ5)สรางระบบการสื่อสารแบบสองชองทาง ( Two Way Communication) ระหวาง Mentor และMentee
หวั หนางานในฐานะ Mentor เพอื่ เพ่ิมประสทิ ธิภาพในการทางานของทีมไดมากขึ้น (อัญชลี ธรรมะวธิ ีกุล, 2558 หนา 46)
สอดคลองกบั งานวจิ ยั ของประทบี นานคงแนบ ไดทาการศกึ ษาการนเิ ทศงานแบบผสมผสานสาหรบั นกั ศกึ ษาชางอตุ สาหกรรม
โดยการใชระบบพเี่ ล้ียงผสมผสานการการนเิ ทศงานออนไลน อีกทัง้ ยังมกี ารนเิ ทศงานดวยวธิ กี ารเผชญิ หนา ( Face to Face)
พบวา เปนประโยชนกบั หลายฝาย ไดขอมูลปอนกลบั ไปยงั สถานศกึ ษาในการปรับปรงุ พัฒนาหลกั สูตรและกระบวนการสอน ได
ความรวมมอื แบบสหวิทยาการระหวาง ครูพ่ีเล้ยี ง อาจารยนิเทศ นักศกึ ษา สามารถประหยดั เวลาในการสอนงานและผลการ
ประเมนิ การฝกปฏบิ ัตกิ ารเพิม่ ขึน้ รอยละ 25.35 (ประทบี นานคงแนบ, 2557 หนา 96)
4. ผลการประเมินผลผลิตของระบบพี่เล้ียงในการกากับติดตามนิเทศการทาวิจัยในชั้นเรียนของนักศึกษาฝก
ประสบการณวชิ าชพี ครู สาขาวิชาการสอนภาษาจีน มหาวิทยาลยั แมฟาหลวงสวนใหญผานเกณฑการประเมนิ เหตทุ ่ีเปนเชนนี้
อาจเปนเพราะระบบพีเ่ ลี้ยงไดเพิ่มใหครพู ่ีเล้ียง คณาจารยนิเทศและนักศึกษาไดมโี อกาสในการรับคาปรึกษา มีระเบียบ เวลา
กระบวนการกากับดูแลเปนระยะๆ ผลสอดคลองกับงานวิจัยของ สมเกยี รติ ทานอก ไดทาการวจิ ัยเรอ่ื งการพัฒนาครูโดยใช
กระบวนการสรางระบบพ่ีเล้ียง (Coaching and Mentoring) ผลการวิจัย พบวา 1)หลังเขารวมโครงการผูบริหาร
ศกึ ษานเิ ทศกและครูมีสมรรถนะดานความรูอยูในระดบั ดแี ละดานการปฏบิ ตั ิงานผูบริหารศึกษานิเทศกและครมู ีสมรรถนะดาน
การปฏิบตั งิ านอยูในระดบั ดี (สมเกยี รติ ทานอก, 2560 หนา 91)
ขอเสนอแนะในกำรวจิ ยั
ขอเสนอแนะจำกกำรวจิ ยั
1) การวิจยั นี้ เปนการใชแบบการประเมินท่มี เี ครอ่ื งมอื หลากหลาย และผูประเมิน นักศึกษา ครูพ่เี ล้ียง คณาจารย
นิเทศ จะตองศึกษาทาความเขาใจและใชเวลารวบรวมขอมลู มากตองมกี ระบวนการติดตามใหมีจานวนครง้ั ที่มากข้นึ
2) การวิจยั นม้ี กี ระบวนการนเิ ทศเปนลักษณะเฉพาะแตกตางกับกระบวนการนิเทศทั่วไปอีกทั้งลกั ษณะวิชาเปนวชิ า
ทางดานภาษาศาสตร ดังน้นั ในการประยกุ ตใชเคร่ืองมอื หรอื กระบวนการ ตองนามาวเิ คราะหและปรบั ใชใหเหมาะสมเปนราย
กรณไี ป
3)กระบวนการนีต้ องอาศัยการทาความเขาใจและความรวมมือระหวางคณาจารยนิเทศ ครูพ่ีเลย้ี ง และคณะผูวิจัย
ซ่ึงมีหลายขน้ั ตอนท่คี รพู ่เี ลยี้ งและคณาจารยนิเทศไมเขาใจในระบบพ่เี ลย้ี ง
ขอเสนอแนะในกำรวจิ ัยคร้ังตอไป
1) ควรมีการประชุมสัมนาเพอ่ื ทาความเขาใจซกั ซอมวิธีการใชเคร่ืองมอื ในการประเมินและวิธกี ารคานวณผลการ
ประเมิน เพอ่ื ลดความผิดพลาดในการคิดคะแนนเพือ่ ประเมินนกั ศกึ ษา
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 491
เอกสารหลงั การประชมุ วชิ าการศึกษาศาสตร มหาวิทยาลยั เชยี งใหม คร้งั ที่ 1 (Proceedings of ACE)
“50 ป ศึกษาศาสตร สูศาสตรการสอนแนวใหม”
วันท่ี 2-3 กรกฎาคม 2561 ณ คณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม
2) ควรมกี ารอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการเพื่อเพม่ิ ศกั ยภาพ และความรูเกย่ี วกับการวิจยั ในชน้ั เรยี น แก ครพู ่ีเลีย้ ง คณาจารย
นิเทศ เพอ่ื ใหกระบวนการกากบั ติดตามนิเทศและเปนพเ่ี ลีย้ งแกนักศึกษาอยางมปี ระสทิ ธภิ าพมากข้ึน
เอกสำรอำงองิ
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แผนพัฒนำกำรศกึ ษำของกระทรวงศกึ ษำธกิ ำรฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2560 – 2564).
กรงุ เทพมหานคร : สานกั นโยบายและยทุ ศาสตร กระทรวงศกึ ษาธิการ
เกรยี งศกั ดิ์ วฒั นะรตั น. (2558). กำรพฒั นำผสู อนงำนนักสงเสรมิ กำรเกษตร. รายงานการวจิ ัยฉบบั สมบรู ณ. สานักงาน
สงเสริมนโยบายเกษตร. กระทรวงเกษตรและสหกรณ
ประทบี นานคงแนบ. (2557). กำรนเิ ทศงำนแบบผสมผสำนสำหรับนกั ศึกษำชำงอุตสำหกรรม. รายงานการวิจยั ฉบบั
สมบูรณ. ภาควศิ วกรรมไฟฟา. มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลาพระนครเหนือ
นภารตั น โลหเงิน. (2558). กำรดำเนนิ งำนกำรฝกประสบกำรณวชิ ำชพี ครปู กำรศกึ ษำ 2558. รายงานการวิจัยฉบับสมบรู ณ.
สานักวชิ าจนี วทิ ยา มหาวทิ ยาลัยแมฟาหลวง
พระราชบัญญตั สิ ภาครแู ละบุคลากรทางการศึกษาพทุ ธศักราช 2546. (2546, 11 มถิ ุนายน). รำชกิจจำนุเบกษำ. เลม 120
ตอนที่ 52 ก หนา 1-30
มหาวทิ ยาลยั แมฟาหลวง. (2559). แผนพฒั นำยทุ ธศำสตรมหำวทิ ยำลยั แมฟำหลวงปกำรศกึ ษำ 2559 โดยอนมุ ัติสภำ
มหำวทิ ยำลัยครัง้ ที่ 3. เชียงราย : สวนบริหารแผนงานและการประกันคณุ ภาพ
ภทั รพล มหาขนั ธ. (2553). รำยงำนกำรประเมินหลักสูตรและกำรฝกประสบกำรณวิชำชีพสำขำวิชำกำรศึกษำตลอดชวี ิต.
รายงานวิจัยฉบบั สมบูรณ. ภาควชิ าการศึกษาตลอดชีวติ คณะศกึ ษาศาสตร มหาวิทยาลยั ศิลปากร
ศภุ วรรณ สจั จพบิ ูล. (2560). กำรพฒั นำรปู แบบกำรนเิ ทศกำรฝกประสบกำรณวิชำชีพครูเพื่อสงเสริมสมรรถนะกำรจัดกำร
เรียนรขู องนิสติ ครู. รายงานการวจิ ัยฉบับสมบรู ณ. ภาควชิ าหลักสูตรและการสอน คณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั
ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ
สาขาวชิ าการสอนภาษาจนี . (2557). รำยงำนกำรดำเนนิ กำรฝกประสบกำรณวิชำชีพครูประจำปกำรศึกษำ 2557. รายงาน
การประเมนิ ผลรายป. สานักวิชาจีนวทิ ยา มหาวทิ ยาลัยแมฟาหลวง
สงดั อทุ รานันท. (2531). กำรนเิ ทศกระบวนกำรทำงกำรศกึ ษำ. กรุงเทพฯ : ภาควชิ าบรหิ ารการศกึ ษา คณะครศุ าสตร
จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลยั , 2531
สมเกยี รติ ทานอก. (2560). กำรพัฒนำครโู ดยใชกระบวนกำรสรำงระบบพเ่ี ล้ียง (Coaching and Mentoring). รายงาน
การวจิ ยั ฉบบั สมบูรณ. คณะครุ ศุ าสตร มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสีมา
สานกั นายกรฐั มนตรี. (2559). แผนยุทธศำสตรชำติ ระยะ 20 ป (พทุ ธศกั รำช 2560-2575). กรงุ เทพมหานคร : สานกั
เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี
โสภณ ภูเกาลวน. (2557). ระบบพเ่ี ลย้ี งในกำรทำงำนโครงกำรกำรเพิ่มศกั ยภำพกำรบรหิ ำรทนุ มนุษย. รายงานการวจิ ัยฉบบั
สมบรู ณ. กรมสงเสริมอตุ สาหกรรมสานกั พฒั นาผปู ระกอบการ
อัญชลี ธรรมะวิธีกลุ . (2558). ควำมรเู บื้องตนในกำรนิเทศกำรศกึ ษำ. พิจติ ร. สานกั งานสงเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและ
การศึกษาตามอธั ยาศยั
Harris, J. R., & Liebert, R. M. (1991). A contemporary view of development (3rd ed.). Englewood Cliffs, NJ:
Prentice Hall
Briggs, Thomas H. and Justman, Joseph. (1952). Improving Instruction Through Supervision. New York :
McMillan
Copyright © 2018 by the ACE. All rights reserved.reserved 492
เอกสารประกอบการประชมุ สมั มนาว�ชาการ
การวดั ผล ประเมนิ ผล และว�จยั สมั พนั ธ แหง ประเทศไทย ครั้งที่ 27
The 27th Thailand Measurement Evaluation and Research Conference 2019
มหาวท� ยาลยั ทกั ษณิ รวมกบั มหาว�ทยาลยั สงขลานคร�นทร ว�ทยาเขตปต ตานี มหาวท� ยาลัยราชภฏั สงขลา และ มหาว�ทยาลัยราชภฏั ยะลา
ME T M ET
ผทู้ รงคุณวุฒพิ ิจารณาบทความ
ผูชว่ ยศาสตราจารย ดร.วรรณะ บรรจง มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสรุ าษฏรธานี
ผูชว่ ยศาสตราจารย ดร.นิลรัตน นวกจิ ไพฑูลย มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครศรีธรรมราช
อาจารย ดร.อารี สารปิ า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
อาจารย ดร.กสุ มุ า ใจสบาย มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครศรธี รรมราช
รองศาสตราจารย ดร.วรี ะยทุ ธ ชาตะกาญจน มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครศรีธรรมราช
ผูชว่ ยศาสตราจารย ดร.สนุ ทร เทยี นงาม มหาวทิ ยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบรุ ี
รองศาสตราจารย ดร.ฉัฐวีณ สิทธ์ศิ ริ อรรถ มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ
ผชู ว่ ยศาสตราจารยดร.วลั นิกา ฉลากบาง มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร
อาจารย ดร.นงนภัส มากชชู ติ มหาวทิ ยาลยั หาดใหญ่
ผูชว่ ยศาสตราจารย ดร.ประภาศ ปานเจยี้ ง มหาวทิ ยาลยั หาดใหญ่
อาจารย ดร.ศกั ด์ชิ าย เพชรช่วย มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏภูเกต็
อาจารย ดร.อดุล นาคะโร มหาวิทยาลัยราชภฏั ภูเก็ต
ผูชว่ ยศาสตราจารย ดร.เมษา นวลศรี มหวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณฯ
อาจารย ดร.สกุ ญั ญารัตน คงงาน มหาวิทยาลยั ราชภัฏเพชรบุรี
ME T M ET
ผลพัฒนาโมเดลโครงสรางเจตคติของนักศกึ ษาสาขาวิชาการสอนภาษาจนี
มหาวิทยาลัยแมฟา้ หลวงทีม่ ีตอสถานภาพวชิ าชีพครู
ผูวจิ ัย ถิรายุ อินทร์แปลง1 Thirayu Inplaeng1
บทคัดยอ
ผลพัฒนาโมเดลโครงสรางเจตคตขิ องนกั ศึกษาสาขาวิชาการสอนภาษาจีนมหาวิทยาลยั แมฟาหลวงท่ีมี
ตอสถานภาพวชิ าชพี ครูมวี ัตถุประสงคก์ ารวจิ ัย 2 ประการคอื (1) เพ่อื พัฒนาตรวจสอบความตรงเชงิ โครงสรางของ
โมเดลโครงสรางเจตคติของนักศกึ ษาสาขาวิชาการสอนภาษาจนี มหาวทิ ยาลัยแมฟาหลวงทีม่ ตี อสถานภาพวิชาชพี ครูและ
(2) เพอ่ื ศึกษาและเปรยี บเทยี บเจตคติท่มี ีตอสถานภาพวิชาชีพครูระหวางปจจยั ภูมหิ ลังและการต้ังเปาหมายในวชิ าชพี ครู
ประชากรที่ใชในการวจิ ัยคือนักศึกษาสาขาวชิ าการสอนภาษาจีน สานกั วิชาจีนวทิ ยา มหาวิทยาลยั แมฟาหลวงชั้นปที่ 1-5
ประจาปการศึกษา 2561 จานวน 738 คน เครือ่ งมือทใี่ ชในการวิจัยคือแบบวัดเจตคติสถานภาพวชิ าชพี ครูแบบ
มาตราสวนประมาณคา 5 ระดบั จานวน 25 ขอ การวิเคราะห์ขอมูลเพ่ือตรวจสอบความตรงเชิงโครงสรางดวย
วธิ ีการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันโดยพิจารณาคาไคแสควร์ chi-square statistic) เพ่ือตรวจสอบความ
สอดคลองกลมกลนื ของโมเดล และคาประมาณพารามิเตอร์ความคลาดเคลื่อนของโมเดล (root mean square
error of approximation : RMSEA และวิเคราะห์เจตคติดวยสถติ บิ รรยายและวิเคราะห์เปรยี บเทียบระหวางตวั
แปรดวยวธิ วี เิ คราะหค์ วามแปรปรวนพหุคณู 3 ทาง (three-way-MANOVA ผลการวจิ ยั พบวา
ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันขององค์กอบเจตคติสถานภาพวิชาชีพมีความสอดคลอง
กลมกลืนกับขอมูลเชงิ ประจกั ษ์ทง้ั 2 โมเดล แตโมเดลที่ 2 โมเดลที่ 2 มีความสอดคลองกลมกลืนกับขอมูลเชิง
ประจักษ์มากกวาโมเดลท่ี 1 ผลการทดสอบไคแสควร์เทากับ χ 2 905, p-value 0 0883, df 4, RMR
0 014
ระดับผลการเรียนของนกั ศึกษามีความแปรปรวนรวมเกิดปฏิสัมพนั ธ์กับระดับรายไดของครอบครัว
อยางมีนัยสาคญั ทางสถิติทรี่ ะดับ .05
คาสาคัญ เจตคตวิ ิชาชพี ครู, สถานภาพวิชาชพี ครู, การวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบเชงิ ยืนยัน
This research aimed to 1) developed and analyzed structural validity of model of
Chinese teacher student attitude in teacher profession and 2) compared teacher student
attitude in teacher profession within difference teacher student background. The sampling is 738
Chinese teacher students who studied in first semester in 2018 academic year. The instruments
that are used in the study are 5 points scales the factor of the student attitude in teacher
profession 25 questionnaires. The collected data were analyzed using confirmatory factor
analysis to analyzed the factor of the teacher student attitude in teacher profession and three-
way-MANOVA
1อาจารย์ประจาสาขาวชิ าการสอนภาษาจนี สานักวิชาจีนวทิ ยา มหาวทิ ยาลัยแมฟาหลวง
นสิ ติ ระดบั ปรญิ ญาเอก สาขาวิชาการวดั และประเมินผลการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย
ME T M ET
χ
ME T M ET
ความเปน็ มาและความสาคัญ
วิชาชีพครูเปนวิชาชพี ชนั้ สงู เปนวชิ าชีพทีใ่ ชวธิ กี ารแหงปญญาและมลี ักษณะเฉพาะดานในการใหบริการ
แกสังคมท่ีตางจากวชิ าชีพอ่ืน เปนวิชาชีพที่ตองผานการศึกษาอบรมในสถาบันการศึกษามาอยางดี และมีการ
กาหนดมาตรฐานจรรยาบรรณแหงวิชาชีพเพ่อื ควบคุมความประพฤติ มาตรฐานการปฏิบัตงิ านวชิ าชีพและคณุ ภาพ
ในการประกอบวิชาชพี วชิ าชีพครเู ปนวชิ าชีพหนึ่งที่จาเปนตองมกี ารปรับตัวใหทันกับการเปล่ียนแปลง เพ่ือเตรียม
ความพรอมของประชากรในชาติ อีกท้งั สามารถตั้งรบั และปรับตวั ใหเขากบั สถานการณของโลกในยุคศตวรรษท่ี 21
และการเปดเสรีของประชาคมอาเซียนไดอยางมีศักดิศ์ รี สามารถอยรู วมกบั สังคมโลกไดอยางมีความสุขการพฒั นา
ครูและบคุ ลากรทางการศึกษา นบั วารัฐบาลใหความสาคญั ในเร่อื งดงั กลาวอยางตอเน่อื ง นโยบายการพฒั นาครขู อง
พลเอกประยุทธ จนั ทรโอชานายกรัฐมนตรปี จจบุ ัน มอบนโยบายการพฒั นาระบบการผลิตและพัฒนาวชิ าชีพครูทม่ี ี
คุณภาพและมีจิตวิญญาณของความเปนครู เนนสงเสริมใหโรงเรียนมีครูผูสอนใหมีวุฒิตรงตามวชิ าที่สอน มี
มาตรฐานวิชาชีพช้ันสูง มีคุณธรรมจริยธรรม ศรัทธาวิชาชีพครู และมีคานิยมที่ดี (สานกั นายกรัฐมนตรี 2560
และนอกจากน้ีทป่ี ระชุมคณะกรรมการคุรุสภา เม่ือวันที่ 19 พฤศจกิ ายน 2561 มีมติเห็นชอบตามท่ีคณะกรรมการ
มาตรฐานวิชาชพี ครู (กมว.) ที่เสนอปรบั ปรงุ กระบวนการผลิตครู โดยปรับระยะเวลาการผลิตครูใหลดลงจาก 5 ป
เปน 4 ป นอกจากนนั้ มกี ารปรับมาตรฐานวิชาชีพครูจากเดิม 11 มาตรฐานเปน 4 ดาน ไดแก (1) ดานคานยิ มและ
ลักษณะความเปนครู เชน ประพฤติตนเปนแบบอยางท่ีดีมีคุณธรรมและจรยิ ธรรม ปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณ
วชิ าชพี ครู (2) ดานความรูและศาสตรการสอน เชน ติดตามการเปล่ียนแปลงบริบทของโลกและรูเทาทันสังคม
บูรณาการความรู เนื้อหาวิชา หลักสูตร ศาสตรการสอนและเทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนรู (3) การ
ปฏิบตั ิงานในหนาท่คี รู เชน พัฒนาหลกั สูตรการจดั การเรยี นรู ส่ือ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู การวางแผน
และการจัดการเรียนรูทีพ่ ัฒนาผูเรียนใหมปี ญญารูคดิ และการสรางและพัฒนานวตั กรรมและ (4) ความสมั พันธกบั
ผูปกครองและชมุ ชน เชน รวมมือกับผูปกครองในการพัฒนาและแกปญหาผเู รียนใหมีคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค
สรางเครือขายความรวมมอื ผปู กครองและชุมชน เปนตน (สานักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2561)
จะเหน็ ไดวา จากนโยบายของรัฐบาลท่ีมกี ารปรบั ปรุงอยางฉับพลนั และพลิกมติ กิ ารผลติ ครูตางจากเดิม
อยางสิ้นเชิง ซ่ึงการเปลยี่ นแปลงดังกลาวมีผลตอทัศนคติ ความคิด ความรูสึกท่ีมีตอสถานภาพวิชาชีพครูและ
นกั ศึกษาที่กาลังศึกษาอยู ดวยเหตุผลดังกลาว ผูวิจัยจึงสนใจท่ีศึกษาเกย่ี วกับเจตคติที่มีตอวิชาชีพครูในดาน
สถานภาพของครูหลังจากการประกาศการเปล่ียนแปลงกระบวนการผลติ ครูของนักศึกษาสาขาวิชาการสอน
ภาษาจีน สานักวิชาจนี วิทยา มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ซงึ่ เปนนักศึกษาท่ีอยูในการกากับดแู ลของตัวผนู กั วจิ ัยเอง
และเพ่อื ใหไดสารสนเทศนาไปใชในการปรบั ปรุงพัฒนากิจกรรมท่ีสงเสริมวิชาชพี ครูซึ่งจะนาพาไปสกู ารผลติ ครูท่มี ี
คณุ ภาพ เปนครูทีส่ มบูรณท้ังเปนผทู ี่มีความรคู วามเชยี่ วชาญในการสอนภาษาจีนและเปนครทู ่ีมีคณุ ลักษณะอนั พงึ
ประสงคและมีประสทิ ธิภาพในการปฏิบัตงิ าน โดยมคี าถามในการวจิ ัยขอที่ 1 ดงั นี้
คำถำมกำรวิจัยข้อท่ี 1 โมเดลโครงสรางของเจตคติของนักศึกษาสาขาวิชาการสอนภาษาจีน
มหาวทิ ยาลัยแมฟ่ า้ หลวงในสถานภาพวชิ าชพี ครมู ีพฒั นาการและโครงสรางเป็นอยา่ งไร
วิชาชีพครูในประเทศไทย มีการพัฒนายกระดบั เปนวิชาชีพช้ันสูง ตามแนวทางการพัฒนาการศึกษา
นับตั้งแตการการใชพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติปพุทธศกั ราช ซึ่งเปนกฎหมาย อกี ท้งั พระราชบญั ญัติ
ครูและบุคลากรทางการศึกษาไดกาหนดมาตรฐานของวิชาชีพครูใหเปนวิชาชีพควบคุม รัฐธรรมนูญแหง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช มาตรา ) ใหความสาคัญตอการพัฒนาคณุ ภาพและมาตรฐานการจัด
การศกึ ษาไทยในทกุ ระดับและทกุ รูปแบบเพือ่ สอดคลองกบั การเปล่ยี นแปลงทางเศรษฐกจิ และสังคม โดยการจดั ให
มีแผนการศึกษาแหงชาติ กฎหมายเพ่ือพัฒนาการศึกษาแหงชาติ ใหมีการพัฒนาคุณภาพครู คณาจารย และ
บุคลากรทางการศึกษา ใหกาวหนาทันการเปล่ียนแปลงของสังคมโลก ซ่ึงสอดคลองกับเจตนารมณของ
พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหงชาติ (ฉบบั ที่ ) พ.ศ. เกี่ยวกบั ครู คณาจารย และบคุ ลากรทางการศกึ ษา โดย
ได ให ค วาม ส าคั ญ กั บ การ พั ฒ นา วิชา ชี พ ค รู ใน ฐา น ะท่ี เป น ก ลไ กส าคัญ ใน ก า ร ปฏิ รู ปก ารศึ กษ าข องช าติ ให
กระทรวงศึกษาธิการสงเสริมใหมีระบบการพฒั นาครู ใหมคี ุณภาพตามมาตรฐานสอดคลองกับกัมปนาท ศรเี ชอ้ื ได
ME T M ET
กลาวถงึ สถานภาพและบทบาทครใู นดานท่ัวไปคือการพฒั นาตนเองอยเู สมอประพฤตปิ ฏิบัตติ นอยใู นกรอบศีลธรรม
จรรยาและประกอบอาชพี เพือ่ หารายไดเลี้ยงชีพพอสมควรแกอัตภาพบทบาทตอนกั เรยี นคือสนบั สนุนใหนกั เรียนมี
บทบาทสาคญั ในกระบวนการเรียนรโู ดยมคี รูเปนเพียงผูชวยและผูแนะนาเพ่ือใหนักเรียนสามารถใชความคิดได
อยางอิสระฝกใหนกั เรยี นสามารถทางานรวมกับผูอืน่ และยอมรับฟงความคดิ เห็นของผูอื่นใหความสนใจในความ
แตกตางของนักเรียนแตละคนและสงเสริมใหนักเรียนมีคุณธรรมจริยธรรมบทบาทตอสังคมคือการสงเสริมการ
ดาเนินชีวติ ตามวถิ ปี ระชาธิปไตยโดยการประพฤติตนเปนแบบอยางและชักนาใหผูอื่นปฏิบัติตามยึดมนั่ ในความ
ยุติธรรมและกลาหาญท่จี ะตอสูเพ่อื ความเปนธรรมของสังคมและตองอุทศิ ตนเปนที่ปรึกษาหรอื ชวยแกปญหาของ
ทองถ่ิน(ราชกิจจานุเบกษา กัมปนาท ศรีเชื้อ ) ดังน้ันผูวิจัยศึกษาเกี่ยวกับเจตคติที่มีตอ
สถานภาพวิชาชีพครู ดานคอื ( ) อดมุ การณ์ทมี่ ตี อวชิ าชพี ครู ( ) ความภาคภูมใิ จในวชิ าชพี ครู ( ) ความยดึ มัน่ ใน
วชิ าชพี ครู ( ) ความสาคัญของวชิ าชีพครูและ ( ความกาวหนาในวชิ าชีพครูจึงมีวตั ถุประสงคใ์ นการวจิ ัยขอที่
คอื
วตั ถปุ ระสงค์กำรวิจัยข้อท่ี 1 เพ่อื พัฒนาตรวจสอบความตรงเชิงโครงสรางของโมเดลโครงสรางเจตคติ
ของนักศกึ ษาสาขาวิชาการสอนภาษาจนี มหาวิทยาลยั แมฟ้าหลวงท่ีมตี อสถานภาพวิชาชีพครู
มีนกั วิชาการหลายทานไดใหมโนทัศน์ของเจตคติท่ีมีตอวิชาชีพครูสรุปไดวาเจตคติ หมายถงึ ความคิด
ความรูสึก และทาทีท่ีมีตองานอาชพี ของบุคคลเปนส่ิงสาคัญประการหนึ่งทมี ีผลตอการปฏิบัตงิ าน หรอื ความเช่อื
ความรูสกึ ทบี่ ุคคลมีตออาชีพของตนซ่ึงสงผลตอพฤติกรรมท่ีแสดงออกมาในรูปของผลการปฎิบัติงาน อันเปน
แนวโนมของแตละบุคคลหรือกลมุ บุคคลที่มตี ออาชีพของตน ตามความคดิ เหน็ และตัวบคุ คลคอื โดยมีความสมั พันธ์
กับแรงจงู ใจ คุณธรรม คานิยม บุคคลิกภาพ และอารมณ์ (โสรฌา เครือเมฆ ลลนา เลิศพฤกษ์, 2546) จะ
เห็นไดวา เจตคติ เปนปจจยั ที่สงผลตอการปฏบิ ัตงิ าน ดงั นนั้ เจตคติจึงมีผลตอการปฏิบตั งิ านวิชาชพี ครู และสามารถ
สรปุ ความหมายของ เจตคติวชิ าชพี ครไู ดวาความรูสึกนึกคดิ พฤติกรรมทแี่ สดงออกทางตรงทางออมท่ีมีตอวิชาชีพ
ครู และมีนกั วชิ าการหลายทานไดใหเสนอแนะในงานวิจัยหลายเลมวาความสัมพันธ์เชิงสาเหตพุ บวาเจตคติทดี่ ีสงผล
ตอพัฒนาการ การทางานทีด่ ีของคน การท่ีบคุ คลแตละคนจะประสบความสาเรจ็ ในกจิ การใดกิจการหน่ึงมากนอย
เพียงใดขึ้นอยูกบั ปจจยั หลายอยาง อาทิ เชาวนป์ ญญา ไหวพริบ แรงจูงใจ และเจตคติ ในบรรดาปจจัยเหลาน้ี เจต
คตินับวาเปนปจจัยประการหน่ึงที่สงผลตอพฤตกิ รรม นอกจากน้ี เจตคติและความพงึ พอใจในการทางานวา ถา
คนทางานมเี จตคตทิ ดี ตี องานท่ีทาก็จะสะทอนใหเห็นถึงความพึงพอใจในการทางานและชีวติ การทางานของคน
เหลาน้ัน ซึ่งสงผลตอความมีประสทิ ธภิ าพและความผกู พนั ตอองค์การเปนอยางมาก ผูปฏบิ ัติงานมีเจตคตทิ ่ีดตี องาน
จะกอใหเกิดความรสู กึ พอใจและเต็มใจที่จะทางานใหสาเรจ็ ตามความมุงหมาย งานมคี ณุ ภาพ จงึ สรุปไดวาเจตคติที่
มีตองานน้ันจะมผี ลตอระดับการทางานของบุคคล ( , 123 อางถึงในบัญญตั ิ ใจบรรจง
18 พงศ์ หรดาล, 2540 : 41 ลัดดาวลั ย์ หม่ืนแกว, 2543 : 10) นอกจากน้ี เม่ือพจิ ารณาองคป์ ระกอบของเจต
คตทิ มี่ ตี อวิชาชีพครดู ังท่ี สิริอร วิชชาวุธ มีแนวคิดวา องคป์ ระกอบของเจตคตทิ ่ีมีตอวิชาชีพครู ประกอบไปดวย
ความรู และความเชื่อของบุคคลท่ีมีตองาน ซึ่งเปนไปตามการรบั รูและประสบการณ์ของบคุ คลที่อาจตรงกบั ความ
เปนจริงหรือไมก็ได ความรูสึกชอบหรือไมชอบ พอใจหรือไมพอใจในงานและแนวโนมของการเกิดพฤติกรรม”
สอดคลองกบั สมเกียรติ ทานอก ไดกลาวถึง องค์ประกอบของเจตคติท่ีมีตอวิชาชีพครูประกอบไปดวยอารมณ์
ความรูสึกและแนวโนมที่จะแสดงพฤติกรรมตอวิชาชีพครูที่อาจเปนไปในทางท่ีดี ( ) ขัดแยง ( )
หรอื เปนกลาง ( ) ซง่ึ เปนผลเนื่องมาจากการเรยี นรูและประสบการณ์ ซึง่ ครอบคลุมองคป์ ระกอบเจตคตติ อ
วชิ าชีพครู ความรูความเชื่อและความรูสกึ เหลานั้น” (สิริอร วิชชาวธุ , : 199 200 สมเกียรติ ทานอก,
: ) ดังนั้นพอสรุปไดวา การจดั การศึกษาและคุณภาพของการสอนจะเปนไปในแบบใดน้ันขึ้นอยูกับเจตคติตอ
อาชีพของครผู ูสอน หากครูไมเห็นคุณคาและความสาคัญของวชิ าชีพและไมคดิ จะปรบั ปรุงวชิ าชีพใหกาวหนาและไม
ปฎิบัตติ นใหดีในสายตานกั เรียนแลว สิ่งเหลาน้ีจะกลายเปนอปุ สรรคในการเรยี นการสอนได ดงั น้ันผวู จิ ัยจงึ ไดนิยาม
เจตคตที่มีตอวิชาชีพไว ผูวจิ ยั จงึ มคี าถามการวิจยั ขอท่ี 2 ดงั นี้
คำถำมกำรวจิ ัยข้อที่ 2 เจตคตทิ ม่ี ีตอสถานภาพวิชาชีพครขู องนักศกึ ษาสาขาวิชาการสอนภาษาจีนทม่ี ี
ภมู หิ ลังตางกัน มเี จตคตแิ ตกตางกนั หรอื ไม
ME T M ET
เจตคตเิ กิดจากประสบการณเรยี นรูในสังคม แหลงที่มีอิทธพิ ลตอการเกิดเจตคติของบุคคลในสังคมจึงมี
หลายประการท้ังทางตรงและทางออม ซ่ึงแหลงที่มีอิทธิพลตอการเกิดการเปลี่ยนแปลงเจตคติ ผูวิจัยพอสรุป
เฉพาะที่สาคญั ๆจากนักวชิ าการหลายทานสามารถอธบิ ายได แหลง ดังนี้ 1) อทิ ธพิ ลจากพอแมหรือการยึดถือสิง
ท่ีเปนแบบอยาง ( ) เปนแหลงท่ีมีอิทธิพลตอพัฒนาการเจตคติต้ังแตวัยเด็กเปนเจตคติท่ีเกิดจากการ
ลอกเลียนแบบบุคคลอ่ืนทมี ีอิทธิพลตอความรสู กึ และความเช่ือของบคุ คล ซ่ึงแหลงอิทธิพลน้ีเปนแหลงทมี อี ทิ ธพิ ล
สูงสุด โดยเฉพาะในวยั เด็ก ซ่ึงพฒั นาคานิยม ความเชื่อและความรูสึกนกึ คดิ ข้ึนในกรอบของครอบครัวที่มีพอแมเปน
ผูมีอานาจ เมื่อทาความดีและมีอานาจใหโทษเมื่อทาส่ิงที่ไมดหี รือสิ่งที่พอแมไมเห็นดวย ซึ่งมีงานวจิ ยั ของ ชนดิ า
ยอดดที าการศึกษาถึงปจจัยที่มีอิทธพิ ลตอเจตคติในการประกอบอาชพี อิสระของนักเรยี นระดับประกาศนียบัตร
วชิ าชีพ วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาในกรุงเทพมหานคร พบวา ปจจัยทางครอบครวั ในดานที่บิดา มารดา ช่ืนชมยกยอง
บุคคลทีประสบความสาเร็จในการประกอบอาชีพอิสระกบั บุตรเสมอหรือพาบุตรไปชมนทิ รรศการหรือจัดงาน
เก่ียวกับวงการธรุ กิจ และนาปญหาทางเศรษฐกจิ ตาง ๆ มาคยุ กับบตุ รเสมอน้ัน เปนตัวพยากรณท่ีมอี ทิ ธพิ ลสงผลให
นักเรยี นมเี จตคตติ อการประกอบอาชีพอสิ ระสงู ขึ้น (บหุ งา วัฒนะ ธรี ะพร อวุ รรณโณ
ชนิดา ยอดดี ) อิทธิพลจากกลุมตาง ๆ หรอื องคประกอบท่ีเก่ียวของกบั สถาบัน (
) เปนเจตคติทีเกิดจากสถาบันหรือกลุมตาง ๆ ในสถาบัน เชน โรงเรียน กลุมเพ่ื อนในโรงเรียน สถาบัน
ศาสนา ตางก็มีอทิ ธิตอการสรางเจตคติ ดังท่ี เกติฉกาจ นิลประดับที่ศกึ ษาความคาดหวังในวิชาชีพตารวจ พบวา
นกั เรียนนายรอยตารวจในโรงเรียนนายรอยตารวจที่มีสัมพันธภาพกบั เพื่อนแตกตางกันมีความคาดหวงั ในวิชาชพี
ตารวจตางกัน (เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ) อิทธิพลจากแหลงประสบการณเฉพาะอยาง (
ประสบการณวัยเด็กมีอิทธิพลตอพัฒนาการของบุคคล รวมทั้งพัฒนาเจตคติของบุคคลดวย
โดยเฉพาะอยางยงิ ประสบการณที่รนุ แรงหรือสะเทือนใจจะสงผลกระเทอื นใจไดนานและคอนขางคงทน (ปาวีณา
ฉิงกังวาลชยั และ(4) อิทธิพลจากการติดตอสื่อสารกับบุคคลอ่ืนหรือส่ือมวลชน (
) ส่ือเหลาน้ีจะมกี ลวิธีตาง ๆท่ีสามารถเขาถึงตวั ผรู ับเพอ่ื กอใหผรู ับจะมเี จตคติคลอยตามไดท้ังทางบวก
และทางลบ เชน ส่ือที่เผยแพรขอมลู ขาวสารไปยงั ผรู ับดวยการโฆษณาประชาสัมพนั ธตาง ๆ ท่ีจะเปล่ียนเจตคตขิ อง
บคุ คลใหหนั ไปนิยมผลติ ภัณฑตาง ๆ ดังน้นั ผวู จิ ัยจึงกาหนดอิทธิพลทจี่ ะสงผลตอเจตคตทิ ่ีตอวชิ าชพี ครูประกอบไป
ดวย ขอมูลสวนบุคคล คือ เพศ ชั้นป การศกึ ษาของผูปกครอง รายไดของผปู กครอง ขอมูลเกี่ยวกบั การเรียน คอื
ผลการเรียนเฉลีย่ การตงั้ เปาหมายการเรยี นและการทางาน จึงมวี ัตถุประสงคการวจิ ยั ขอที่ ดงั น้ี
วัตถปุ ระสงค์กำรวิจัยข้อท่ี 2 เพ่ือศึกษาและเปรียบเทียบเจตคตทิ ่มี ีตอสถานภาพวิชาชีพครูระหวาง
ปจจยั ภมู หิ ลังและการตงั้ เปาหมายในวิชาชีพครู
กรอบแนวคิดในการวจิ ัย
จากทม่ี าความสาคัญและการทบทวนเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวของผูวิจัยจึงสังเคราะหเปนก รอบ
แนวคิดการวจิ ัยเปนดงั น้ี
ME T M ET
ขอบเขตการวิจัย
ประชากรท่ีใชในการวิจัยคอื นักศึกษาสาขาวิชาการสอนภาษาจนี สานกั วิชาจนี วทิ ยา มหาวิทยาลัยแมฟา
หลวง ประจาปการศึกษา 2561 จานวน 738 คน ผูวิจัยสุมตัวอยางไดจานวน คน ไดมาโดยวิธีการสุม
แบบอยางงาย(4 3 4 ) ตัวแปรท่ีสนใจในการวจิ ัยไดแก ตัวแปรอิสระจานวน ตัวแปร
ประกอบไปดวย ( ) ระดับผลการเรียน((1) ( ) การต้ังเปาหมายการประกอบอาชีพ (( และ ( ) รายได
ครอบครัว( ) ตัวแปรตามจานวน ตัวแปร ( ) อดุมการณ์ที่มตี อวชิ าชีพครู (ขอ ) ( ) ความภาคภูมิใจใน
วิชาชีพคร(ู ขอ ) ( ) ความยึดม่ันในวชิ าชีพครู(ขอ ) ( ) ความสาคัญของวิชาชพี ครู (ขอ ) และ ( )
ความกาวหนาในวชิ าชพี ครู (ขอ ) ซงึ่ ตัวอยางที่ใชในการวจิ ยั แสดงดังตาราง
ตารางที่ แสดงตัวยางทใ่ี ชในการวิจยั การตง้ั เปาหมาย
อาชีพ
ระดบั เพศ รวม รายไดของครอบครัว รวม รวม
ผลการ กาลังซ้อื กาลงั ซ้อื อาชพี ครู อาชพี อนื่
เรยี น ชาย หญิง ทั่วไป สงู
ตา่ กวา ( ( ((( (((
(
(( ( ( ( ( ( ( (
ME T M ET
ระดบั เพศ รายไดของครอบครัว การตงั้ เปาหมาย
ผลการ อาชพี
เรยี น ชาย หญิง รวม รวม รวม
มากกวา กาลังซ้ือ กาลังซอ้ื อาชีพครู อาชพี อ่ืน
ทว่ั ไป สูง
วธิ ดี าเนนิ การวจิ ยั
เคร่ืองมือทีใ่ ชในการวิจยั
แบบวดั เจตคตสิ ถานภาพวิชาชีพครูแบบมาตราสวนประมาณคา 5 ระดับ จานวน 25 ขอ มีการสราง
และหาคณุ ภาพดงั นี้
1. ศึกษาเอกสาร ตารา งานวิจยั ท่ีเกีย่ วของกับการวัดเจตคติ เคร่อื งมือท่ใี ชในการวัดเจตคติ เจตคติท่มี ี
ตอวิชาชีพครู ปจจยั และสถานภาพท่ีมีตอวิชาชีพครู
2. สงั เคราะหเอกสารและงานวจิ ยั ออกแบบวดั เจตคติสถานภาพวิชาชพี ครู โดยแบบเปนแบบวดั มาตรา
สวนประมาณคา 5 ระดบั มีการใหคะแนนคอื 5 คะแนน หมายถึงเห็นดวยมากท่ีสดุ 4 คะแนนหมายถึง เหน็ ดวย 3
คะแนน หมายถึงเห็นดวยปานกลาง 2 คะแนน หมายถึงเห็นดวยนอยและ 1 คะแนน เห็นดวยมากทสี่ ดุ โดยสวนท่ี
1 เปนการสอบถามขอมูลทั่วไปของนักศึกษาประกอบไปดวย เพศ ช้ันป การศึกษาของผปู กครอง รายไดของ
ผูปกครอง ขอมูลเกีย่ วกับการเรียน คือ ผลการเรียนเฉล่ีย การตั้งเปาหมายการเรียนและการทางาน และสวนที่ 2
เปนการวัดเจตคติ โดยมโี ครงสรางการวดั เจตคติเปน 5 ดาน ดังน้ี
ตารางท่ี แสดงโครงสรางเนื้อหาของแบบวัดเจตคติทีม่ ีตอสถานภาพวชิ าชีพครู
เนอื้ หา เชงิ ลบ เชงิ บวก รวม
อุดมการณท่มี ีตอวิชาชพี ครู (ขอ 1 5) 2 3 5
ความภาคภูมิใจในวชิ าชีพครู (ขอ 6 3 2 5
ความยึดมน่ั ในวชิ าชีพคร(ู ขอ 11 15) 3 2 5
ความสาคญั ของวชิ าชีพครู(ขอ16 20) 2 3 5
ความกาวหนาในวชิ าชพี ครู(ขอ 21 25) 3 2 5
. สรางขอคาถามจากโครงสราง โดยการนาขอคาถามจากรายงานการวิจัยท่ีนาเชอ่ื ถือ เปนรายงานการ
วจิ ยั ระดับบัณฑติ ศกึ ษาขน้ึ ไปจานวน 2 เลม (จันทนา เร่มิ สทิ ธ,ิ์ 2553 สมเกียรติ ทานอก ) ท่ีมีคาดัชนคี วาม
สอดคลอง ) 1.00 เทาน้ัน อีกทั้งพิจารณาคา ทีย่ อมรับไดจะตองมีคา
เกิน . ขึน้ ไป ( : ) มาใชในการวิจัย
. นาแบบสอบถามมาทดลองใชกับนักศึกษาท่ีไมใชกลุมตัวอยางคือนักศึกษาสาขาวิชาการสอน
ภาษาจนี มหาวิทยาลยั ราชภัฎเชยี งรายจานวน 30 คน เพื่อหาคา และคาความเที่ยงตรง
พบวาแบบสอบถามมคี ณุ ภาพ เปนไปตามตารางท่ี
. พจิ ารณาคา ที่ยอมรบั ไดจะตองมีคา เกิน .20
ข้ึนไป ( 1986: 69) มาใชในการวจิ ัย นาแบบวัดฉบับสมบูรณ เปนแบบสอบถามแบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส นาไปใช
กบั นกั เรียนกลุมตวั อยาง
ME T M ET
การวิเคราะหข์ ้อมูล
การวิเคราะห์ขอมูลเพ่อื ตรวจสอบความตรงเชงิ โครงสรางดวยวิธีการวิเคราะห์องคป์ ระกอบเชิงยืนยนั
โดยพจิ ารณาคาไคแสควร์ ( ) เพ่อื ตรวจสอบความสอดคลองกลมกลืนของโมเดล ซึ่งควรมคี า
เขาใกล 1 พิจารณาคาประมาณพารามิเตอร์ความคลาดเคล่ือนของโมเดล (
: . ) เพื่อบงบอกความไมกลมกลืนของโมเดลที่สรางขึ้นกบั เมทรกิ ซ์ความแปรปรวนของ
ประชากรควรมคี าต่ากวา แสดงวาโมเดลมีความสอดคลองกลมกลืนเชงิ ประจักษ์ (นงลักษณ์ วริ ัชชยั และคน
อืน่ ๆ , 2548)
การวิเคราะห์ขอมูลเพื่อศึกษาเจตคติท่ีมีตอสถานภาพวิชาชีพครูวิเคราะห์โดยการใชสถติ ิบรรยาย
พืน้ ฐานและวเิ คราะห์เปรียบเทยี บระหวางตัวแปรดวยวิธีวิเคราะห์ความแปรปรวนพหุคูณ ทาง (
.0
ผลการวจิ ยั
ตอนท่ี 1 ผลการศึกษาพัฒนาโมเดลโครงสรางเจตคติของนักศึกษาสาขาวิชาการสอนภาษาจีน
มหาวิทยาลยั แมฟาหลวงที่มตี อสถานภาพวชิ าชพี ครแู ละผลการศกึ ษาระดับเจตคติของนกั ศึกษาสาขาวชิ าการสอน
ภาษาจีนมหาวทิ ยาลยั แมฟาหลวงท่มี ตี อสถานภาพวชิ าชีพครูเป็นดังน้ี
ตารางท่ี แสดงผลการวเิ คราะห์ความสัมพันธ์ คาความเที่ยงและระดับเจตคติองนักศึกษาสาขาวิชาการสอน
ภาษาจนี มหาวทิ ยาลยั แมฟาหลวง
ตัว . แปลผล .
แปร
มาก (∝
1 ปานกลาง (∝
( นอย (∝
( มาก (∝
1. ปานกลาง (∝
1 1∝
จากตารางท่ี ตัวแปรทส่ี นใจศึกษาสวนใหญมคี วามสัมพนั ธไ์ ปในทางลบอยางมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ่ี
ระดับ . และวเิ คราะห์คาความเทยี่ งพบวาแบบวดั เจตคตขิ องนกั ศกึ ษามคี าระหวาง .710 .894 ผลการศกึ ษาเจต
คติเกี่ยวกบั สถานภาพวชิ าชีพครหู ลังการประกาศการเปลยี่ นแปลงกระบวนการผลิตครู ของนกั ศึกษาสาขาวิชาการ
สอนภาษาจนี สานกั วิชาจนี วิทยา มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง มเี จตคติในระดบั มากในดานอุดมการณท์ มี่ ตี อวชิ าชพี ครู
ในระดบั มาก (. % และความสาคัญของวชิ าชพี ครู (.=3.981 % ) นอกจากนน้ี ักศกึ ษามี
เจตคตใิ นระดับนอยในดานความยึดมัน่ ในวชิ าชพี ครู (.=2.039 %
ME T M ET
ตารางที่ แสดงตารางการเปรียบเทยี บการวิเคราะห์ความตรงเชงิ โครงสรางของโมเดลโครงสรางเจตคติของ
นกั ศึกษาสาขาวชิ าการสอนภาษาจนี
ตวั แปร R2
(
(
χ. M .
R2
ตวั แปร
(
χ. M .
หมายเหตุ ** * อุดมการณ์ท่ีมีตอวิชาชีพครู ความภาคภูมิใจในวชิ าชพี ครู ความยึดมั่นในวิชาชีพครู
ความสาคัญของวิชาชพี ครู . ความกาวหนาในวิชาชพี ครู
จากตารางที่ พบวา ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันขององค์กอบเจตคติสถานภาพวชิ าชพี มี
ความสอดคลองกลมกลืนกับขอมูลเชิงประจักษ์ โมเดลที่ 1 มีตัวแปรที่สังเกตไดจานวน 2 ตัวแปรคือ ความ
ภาคภมู ใิ จในวชิ าชีพครู ( ) และความยดึ ม่นั ในวิชาชีพครู ( สามารถอธบิ ายเจตคติที่มตี อสถานภาพวชิ าชีพครู
ไดเพยี งรอยละ 5.5 และ 3.5 ตามลาดบั จึงทาการพัฒนาโมเดลโดยนาเอาตวั แปรทง้ั 2 ออกจากโมเดล โมเดลที่ 2
มีความสอดคลองกลมกลืนกับขอมลู เชิงประจกั ษ์มากกวาโมเดลท่ี 1 โดยพิจารณาการเปรียบเทียบคา * ของ
โมเดลท่ี 2 มีนอยกวาโมเดลที่ 1 ผลการทดสอบไคแสควร์เทากบั χ .
เม่ือพิจารณาคุณภาพของตัวแปรพบวา โมเดลที่ 2 ตัวแปร ความสาคัญของวิชาชีพครู ( ) สามารถ
อธบิ ายไดมากกวาโมเดลท่ี ซงึ่ การวิเคราะหไ์ ดพารามิเตอร์ของ กบั เปน็ อิสระจากกัน (
โดยเขยี นเปน็ แผนภาพเปรียบเทยี บไดดังนี้
ME T M ET
χ.2 M M .
χ2Model2 M .
ภาพที่ ผลการวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบเชงิ เชงิ ยนื ยันเจตคตเิ กย่ี วกับสถานภาพวชิ าชีพครู
ตอนที่ 2 ผลศึกษาและเปรยี บเทียบเจตคติท่ีมีตอสถานภาพวชิ าชีพครรู ะหวางปจจัยภูมิหลังและการ
ตั้งเปาหมายในวิชาชพี ครู
ตารางท่ี แสดงผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบปจจัยสวนบุคคลดวยวิธวี ิเคราะห์ความแปรปรวนพหุคูณ ทาง
.
.
1 MM
M
1 ) MM
1 MM
M
1* ) MM
* 1 MM
ME T M ET
.
8 5
33
15
1* 8
5
33
54
5 χ4
31 1
1
การเปรียบเทียบคาเฉล่ียเจตคติเจตคตคิ วามยึดม่ันในจิตวิญญาณกับเจตคติยึดมั่นทางวชิ าการ เมื่อ
ตรวจสอบขอตกลงเบอื้ งตนของสถิติวิเคราะห์ พบวา เมทรกิ ซ์ความแปรปรวน ความแปรปรวนรวมของตัวแปร 1
และ 1 * ตางกันระหวางกลุมอยางมีนัยสาคัญทางสถิติ ( . 4 .=.000) ไมเป็นไปตาม
ขอตกลงเบ้ืองตน และผลการตรวจสอบความสมั พันธ์ระหวางตัวแปรโดยใช 4 พบวา
ตัวแปรมีความสัมพันธ์กันอยางมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 (4 .=.000) ผูวิจัยจึงทาการคานวณคา
ข อง เม ท ริ กซ์ค วา มแ ป รป รว นของตั วแป รพ บ วา มี คว าม แป รป รว น เท ากั บ จึงทาการ
วเิ คราะห์ความแปรปรวนพหุนาม พบวา ระดับผลการเรียนของนกั ศึกษามคี วามแปรปรวนรวมเกิดปฏิสัมพนั ธ์กับ
ระดับรายไดของครอบครัวอยางมีนัยสาคัญทางสถติ ิทรี่ ะดบั .05 ผวู ิจยั จึงทาการวเิ คราะห์อทิ ธิพลอยางงายดังตาราง
ตารางที่ แสดงผลการเปรียบเทยี บระหวางกลมุ นกั ศกึ ษาทีม่ ผี ลการเรยี นกับรายไดกับเจตคตทิ ีม่ ตี อวชิ าชีพครู
.
<
41
>
<
>
จากตารางที่ พบวานกั ศกึ ษามีผลการเรียนระดับ 2.51 3.00 ในกลุมท่ีครอบครัวมีรายท่ีมีกาลังซื้อ
ทัว่ ไปมีเจตคติความยึดมั่นในจิตวิญญาณครูสูงกวานักศึกษาที่มีรายไดครอบครัวที่มีกาลังซ้ือสูงแตกตางอยางมี
นัยสาคัญทางสถติ ทิ ่รี ะดบั .05 และนกั ศึกษาท่มี ผี ลการเรยี นระดบั ตา่ กวา 2.50 ที่อยใู นครอบครวั ทม่ี ีรายไดทีม่ กี าลงั
ซ้อื สงู มเี จตคติความยดึ มั่นในวิชาการครูต่ากวานักศกึ ษาที่ครอบครวั ท่มี ีกาลงั ซื้อทัว่ ไปแตกตางอยางมีนยั สาคัญทาง
สถิตทิ ี่ระดบั .05 ซึ่งผวู ิจยั สรปุ ไดเปน็ กราฟแสดงความสมั พนั ธ์ไดดงั ดานน้ี