45 8.ข้อความตอ่ ไปนี ้มสีาระสา คญัเกีย่วกบัเรือ่งใด ขา้พเจา้ใครจ่ะกล่าวแก่ทุกท่านว่า การท านุบ ารุงประเทศชาตนิ ั ้น มิใชเ่ ป็นหนา้ทีข่องผูห้นึ ่งผูใ้ด โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรบัผดิ ชอบของคนไทยทุกคนทีจ่ะตอ้งขวนขวายกระท าหนา้ทีข่องตนใหด้ี ทีส่ดุเพือ่ธา รงรกัษาบา้นเมอืงใหเ้จรญิมั ่นคงและผาสุกร่มเย็น 1. ความรับผิดชอบของผู้น า 2. ความสามัคคีของคนในสังคม 3. ความเจรญิมัน่คงของประเทศ 4. ความสา นึกรหู้นา้ทีข่องคนไทย 5. การธ ารงรักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็น 9. ขอ้ความตอ่ ไปนี ้สว่นใด เป็นใจความสา คญั 1) การบรหิารเวลาในชวีติ ประจ าวนัเป็นสิ ่งส าคญัทีส่ ุด/ 2) ท าให้การจัดการวางแผนในการท า กจิกรรม ต่าง ๆราบรืน่/ 3) เราสามารถบริหารเวลากับทุกกิจกรรมในชีวิต/ 4) เช่น การแบ่งส่วนการเรียน กับการเล่น การแบ่งสัดส่วนเวลาท างานกับเวลาพักผ่อน/ 5) นอกจากนั ้นเรายงับรหิารเวลากบัการ สร ้างสรรค์ความดีได้เช่นกัน 1. สว่นที ่1 2. สว่นที ่2 3. สว่นที ่3 4. สว่นที ่4 5. สว่นที ่5 10. ขอ้ความสว่นใด เป็นใจความสา คญัของขอ้ความตอ่ ไปนี ้ 1) ต่อมไทรอยดม์ลีกัษณะเหมอืนรปูผเีสือ้อยตู่รงสว่นหนา้ของลา คอ / 2) ทา หนา้ทีห่ลั ่งฮอรโ์มนที ่ไป กระตุ้นอัตราการสร ้างพลังงานของเซลล ์ใหส้งูขึน้/ 3) ถ้าต่อมไทรอยด์ขยันท างานมากเกินไปร่างกายจะร ้อน คนผนู้ั ้นจะรบั ประทานอาหารมากแตก่ย็งัคงผอม / 4) สว่นตอ่มไทรอยดท์ีข่ี ้ เกยีจจะทา ใหร้า่งกายเย็นชดืและ ไม่อยากรับประทานอาหารอะไร แต่ร่างกายกลับอ้วน / 5) ต่อมไทรอยดท์ีท่า งานผดิ ปกตเิกดิขึน้กบัผูช้าย 1 ใน 1,000 คน แต่จะเกิดในผู้หญิงมากกว่า 1. สว่นที ่1 และสว่นที ่2 2. สว่นที ่2 และสว่นที ่3 3. สว่นที ่3 และสว่นที ่4 4. สว่นที ่4 และสว่นที ่5 5. สว่นที ่1 และสว่นที ่5
46 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 อ่านพัฒนาปัญญาเพิ่มพูน แผนการจัดการเรียนรู้ที่3 การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ท 1.1 ม.4-6/4 การคาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อ่าน และประเมินค่าเพื่อน าความรู้ความคิดไปใช้ ตัดสินใจแก้ปัญหาในการด าเนินชีวิต ภาระงานที่ 5 1.การอนุมานจากเรื่องที่อ่าน 2.TGAT(Thai General Aptitude Test) Part 2 Critical and Logical Thinking (การคิดอย่างมีเหตุผล) การอนุมานจากเนือ้หาของขอ้ความทีอ่า่น 1.ความหมาย การอนุมาน คือการคาดคะเนตามหลักเหตุผล หรือ กระบวนการคิดในการหาข้อสรุปจากเหตุผล ทีม่อียู่ 2.ประเภทของการอนุมาน การอนุมาน ที ่ใชใ้นวชิาภาษาไทยมี2 รูปแบบ คือ 1.การอนุมานแบบนิรนัย (deductive inference) เป็นการสรปุผลจากขอ้ตั ้งหรอืขอ้อา้งที ่ เป็น จริงหรือสมมุติว่าจริง โดยเหตุผล โดยหลักทางตรรกศาสตร ์หรือเป็นการสรุปผลว่าเป็นจริง อาศัยประพจน์ หรอืการประเมนิที ่ เป็นจรงิ หรือ การแสดงเหตุผลจากส่วนรวม ไปหาส่วนย่อย กล่าวคือ การอนุมาน จากหลกัความจรงิทั ่วไปกบั กรณีเฉพาะกรณีหนึ ่ง แลว้อนุมาน ไดข้อ้สรปุ "แน่นอน" คือ ข้อสรุป “ตอ้งเป็นเชน่นั ้น” ไม่มีข้อโต้แย้ง 1.ตัวอย่างตวัอยา่งทีส่มเหตผุล 1.มนุษยท์ั ้งหมดตอ้งตาย (จริง) 2.โสกราตสีเป็นมนุษยค์นหนึ ่ง (จริง) 3.ดงันั ้น โสกราตสีจงึตอ้งตาย (จริง) 2.ตัวอยา่งที ่ไม่สมเหตผุล 1.ลกูแอปเปิลทั ้งหมดเป็นผลไม้(จรงิ) 2.ลกูกลว้ยทั ้งหมดเป็นผลไม้(จรงิ) 3.ดงันั ้น ลกูกลว้ยจงึเป็นลกูแอปเปิล (เท็จ) 3.ตวัอยา่งสมเหตผุล แตบ่ทตั ้งเป็นเท็จ 1.คนสงูทั ้งหมดเป็นชาวกรกี (เท็จ) 2.จอห์น เลนนอน เป็ นคนสูง (เท็จ) 3.ดงันั ้น จอหน เลนนอน จึงเป็ นชาวกรีก (เท็จ) ์ 1.คนสงูทั ้งหมดเป็นนักดนตรี(เท็จ) 2.จอห์น เลนนอน เป็ นคนสูง (เท็จ) 3.ดงันั ้น จอหน์เลนนอน จงึเป็นนักดนตรี(จรงิ)
47 ตัวอย่างการสรุปเหตุผลแบบนิรนัย หลกัทั ่วไป (บทตั ้ง) ๏รัฐบาล ประกาศวา่จะจา่ยเงนิ ชดเชยแกบ่า้นทีถ่กูน ้าทว่มเกิน 7 วัน ครัวเรือนละ 5,000 บาท กรณีเฉพาะ ๏บ้านของปริญญาถกูน ้าทว่มตั ้งแตว่นัที ่19 ตุลาคม 2554 -29 พฤศจิกายน 2554 ข้อสรุป ๏ปริญญามสีทิธิ ์ไดร้บัเงนิ ชดเชยจา นวน 5,000 บาท 2. การอนุมานแบบอุปนัย (inductive inference) เป็นการสรปุนัยทั ่วไปจากขอ้มลูทีส่งัเกตได้ หรือจากสัจพจน์ หรือ การแสดงเหตผุลจากสว่นยอ่ยไปหาสว่นรวมแบบทีผ่ลลพัธ์ข้อสรุป “ไม่จ าเป็นตอ้งเป็นอยา่งนั ้น” หรือ “ น่าจะเป็นเชน่นั ้น” และขอ้สรปุจะน่าเชือ่ถอืเพยีงใด เป็นไปไดม้ากนอ้ยแคไ่หน ขึน้อยกู่บัน ้าหนักและ ปริมาณของเหตุผล การอนุมานแบบอุปนัย มี3 ประเภท คือ 2.1 การอนุมานจากเหตุไปหาผล 2.2 การอนุมานจากผลไปหาเหตุ 2.3 การอนุมานจากผลไปหาผล 1. การอนุมานจากเหตุไปหาผล คอืกระบวนการคดิที ่ใชค้วามรคู้วามเขา้ใจทีม่อียหู่าขอ้สรปุวา่เหตทุีป่รากฏนั ้นจะทา ให้เกิดผลลัพธ ์ อะไรตามมา โดยแยกออกมาก่อนว่าส่วนใดเป็นเหตุ ( A) ส่วนใดเป็นผล (B) ตัวอย่าง พลอยตั ้งใจเรยีนและขยนัอา่นหนงัสอื(เหต)ุ-การอนุมาน-สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้(ผล) 2. การอนุมานจากผลไปหาเหตุ คือ กระบวนการคิดใช ้ความรู ้ความเข้าใจข้อสรุปทีม่อียู่ ไปหาเหตทุีป่รากฏนั ้น ตัวอย่าง นักเรียนชายได้ผลการเรียนพอใช ้(ผล)-การอนุมาน--ไม่เอาใจใส่ในการเรียน(เหตุ)
48 3. การอนุมานจากผลไปหาผล คือ กระบวนการคิดพจิารณาเหตกุารณอ์ยา่งหนึ ่งวา่เป็นผลของเหตใุดเหตหุนึ ่ง แลว้พจิารณา ตอ่ ไปวา่เหตนุั ้นอาจจะกอ่ ใหเ้กดิผลอืน่ ใดไดอ้กีบา้ง ตัวอย่าง ตกคณิตศาสตร ์(ผล)-----การอนุมาน----------ตกฟิสิกส์(ผล) สรุป การอนุมาน ( Inference) น. การอนุมาน,การสรุป,สิ ่งทีส่อ่ ใหเ้ห็น,ข้อสรุป,ข้อวินิจฉัย หมายถงึคอืการสรปุหรอืขอ้สรปุที ่ เราไดม้าตามความรคู้วามเขา้ใจของเราถงึสิ ่งทีผ่พู้ดูหรอืผเู้ขยีนบอกเรา โดยอ้อม การอนุมาน เป็นสิ ่งทีผ่พู้ดูหรอืผเู้ขยีนไมไ่ดบ้อกเราอยา่งชดัเจน หรอืโดยตรง แตจ่ากสิ ่งทีผ่พู้ดูหรอื ผเู้ขยีนบอกเรา เป็นสิ ่งทีม่ เีหตใุหเ้ราอนุมานหรอืน่าจะเขา้ใจไดว้า่เป็นเชน่นั ้น 3.ข้อปฏิบัติในการอนุมาน 3.1 ควรแน่ใจว่า ข้อสรุปของเราได้มาจากค าพูดของผู้เขียนหรือผู้พูดเป็นหลัก ไม่ใช่ความรู ้สึกหรือ ประสบการณ์ของเรา 3.2 เป้าหมายของเราคือการอ่านใจให้ได้ว่าผู้พูดหรือผู้เขียนคิดอย่างไร 3.3 ตรวจสอบดวูา่ขอ้สรปุของเรานั ้นขดัแยง้กบัคา พดูใดๆในสิ ่งที ่ เราไดอ้า่นหรอืไดฟ้ ังหรอืไม่ 3.4 หากมีข้อขัดแย้ง แสดงว่าข้อสรุปของเรายังไม่ถูกต้องนัก 3.5 เราควรจะบอกได้ว่า ค า ประโยค หรอืขอ้มูลสว่นไหนทา ใหเ้ราไดข้อ้สรปุเชน่นั ้น 4.ตัวอย่างการอนุมาน การไม่กินอาหารเช ้าจะท าให้ร่างกายขาดพลังงาน และจะมีผลต่อการเรียนรู ้และความจ า เพราะ สารอาหารหลกัที ่ใหพ้ลงังานคอืกลโูคสจากอาหาร ดงันั ้น การกนิอาหารเชา้จงึทา ใหส้มองทา งานไดด้ี โดยเฉพาะเด็กนักเรียนจะช่วยให้มีสมาธิในการเรียน ข้อใดไม่อาจอนุมานไดจ้ากขอ้ความนี ้ ก. นักเรยีนควรกนิอาหารเชา้เพราะจะชว่ยใหเ้รยีนหนังสอืไดด้ขี ึน้ ข. ผู้ใหญ่อาจงดอาหารเช ้าได้เพราะไม่ได้อยู่ในวัยเรียน ค. ทุกคนควรกินอาหารเช ้าเพราะจะช่วยการท างานของสมอง ง. อาหารเช ้ามีประโยชน์เพราะท าให้ร่างกายได้รับพลังงาน คา ตอบทีถ่กูคอื ข้อ ข (เหตุผล คือ อาหารเชา้สา คญัตอ่ทกุคน ทั ้งเด็ก ผใู้หญต่อ้งใชพ้ลงังานในการทา กจิกรรมของตนทั ้งนั ้น เป็น การอนุมานแบบนิรนัย)
49 แบบทดสอบทักษะการอนุมาน (การคิดอย่างมีเหตุผล Critical and Logical Thinking) 1. อ่านคา ประพนัธน์ี ้แลว้พิจารณาเหตุผล แลว้ทา เครือ่งหมาย √ ในช่อง ◊ อนุมานได้ ◊ อนุมานไม่ได้ โคลง พิศพรรณปลายว่ายเคล้า คลึงกัน ถวิลสุดาดวงจันทร ์ แจ่มหน้า มัตสยาย่อมพัวพัน พิศวาส ควร ฤ พรากน้องช ้า ชวดเคล้าคลึงชม กาพย์ พิศพรรณปลายว่ายเคล้า คิดถึงเจ้าเศร ้าอารมณ์ มัตสยายังรู ้ชม สมสาใจไม่พามา นวลจันทร ์เป็นนวลจริง เจา้งามพริ ้งยิ ่งนวลปลา คางเบือนเบือนหน้ามา ไม่งามเท่าเจ้าเบือนชาย เพยีนทองงามดั ่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย กระแหแหห่างชาย ดั ่งสายสวาทคลาดจากสม แกม้ช ้าช ้าใครต้อง อนัแกม้นอ้งช ้าเพราะชม ปลาทุกทุกข์อกกรม เหมอืนทกุขพ์ ีท่ีจ่ากนาง น ้าเงนิคอืเงนิยวง ขาวพรายช่วงสีส าอาง ไม่เทียบเปรียบโฉมนาง งามเรอืงเรือ่ เนือ้สองสี ปลากรายว่ายเคียงคู่ เคล้ากันอยู่ดูงามดี แตน่างหา่งเหนิพี ่ เห็นปลาเคล้าเศร ้าใจจร หางไก่ว่ายแวกว่าย หางไก่คล้ายไม่มีหงอน คิดอนงค์องค์เอวอร ผมประบา่อา่เอีย่มไร ปลาสร ้อยลอยล่องชล ว่ายเวียนวนปนกันไป เหมือนสร ้อยทรงทรามวัย ไม่เห็นเจ้าเศร ้า บ่ วาย เนือ้ออ่นออ่นแตช่ ือ่ เนือ้นองฤาออ่นทั ้งกาย ใครต้องข้องจิตชาย ไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง ปลาเสอืเหลอืทีต่า เลือ่มแหลมกวา่ ปลาทั ้งปวง เหมือนตาสุดาดวง ดแูหลมล ้าขา เพราคม แมลงภู่คู่เคียงว่าย เห็นคล้ายคล้ายน่าเชยชม คดิความยามเมือ่สม สนิทเคล้าเจ้าเอวบาง หวเีกศเพศชือ่ปลา คิดสุดาอ่าองค์นาง หวีเกล้าเจ้าสระสาง เส้นเกศสลวยรวยกลิน่หอม ชะแวงแฝงฝั ่งแนบ ชะวาดแอบแปบปนปลอม เหมอืนพีแ่อบแนบถนอม จอมสวาทนาฏบังอร พิศดูหมู่มัจฉา ว่ายแหวกมาในสาคร คะนึงนุชสุดสายสมร มาดว้ยพีจ่ะดใีจ
50 ข้อความอนุมาน อนุมานได้ อนุมานไม่ได้ 1.กวีคิดถึงคนรัก 2.กวเีป็นผเู้ชีย่วชาญปลาทกชนิดุ 3.หญงิคนรกัเป็นสตรชี ัน้สงูมผีวิพรรณงดงาม 4.ปลาทีก่วกีลา่วถงึพบไดใ้นแม่น ้าลา คลองทั ่วไป 5.ในแม่น ้านีม้ปีลาชกุชมุ 2. อ่านคา ประพนัธน์ี ้แลว้พิจารณาเหตุผล แลว้ทา เครือ่งหมาย √ ในช่อง ◊ อนุมานได้ ◊ อนุมานไม่ได้ โคลง เรอืชายชมมิ ่งไม้ มีพรรณ ริมท่าสาครคันธ ์ กลิน่ เกลีย้ง เพล็ดดอกออกแกมกัน ชูช่อ หอมหืน่รืน่รสเพีย้ง กลิน่ เนือ้นวลนาง กาพย์ เรอืชายชมมิ ่งไม้ ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ เพล็ดดอกออกแกมกัน สง่กลิน่ เกลีย้งเพยีงกลิน่สมร ชมดวงพวงนางแย้ม บานแสล้มแย้มเกสร คิดความยามบังอร แย้มโอษฐยิม้พริม้พรายงาม จา ปาหนาแน่นเนื ่อง คลีก่ลบีเหลอืงเรอืงอรา่ม คิดคะนึงถึงนงราม ผิวเหลืองกว่าจ าปาทอง ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง เหมือนอุบะนวลลออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม พุดจีบกลีบแสล้ม พิกุลแกมแซมสุกรม หอมชวยรวยตามลม เหมอืนกลิน่นอ้งตอ้งตดใจ ิ สาวหยุดพุทธชาด บานเกลือ่นกลาดดาษดาไป นึกน้องกรองมาลัย วางใหพ้ ีข่า้งทีน่อน พิกุลบุนนาคบาน กลิน่หอมหวานซา่นขจร แม้นนุชสุดสายสมร เห็นจะวอนออ้นพีช่าย เต็งแต้วแก้วกาหลง บานบษุบงสง่กลิน่อาย หอมอยู่ไม่รู ้หาย คลา้ยกลิน่ผา้เจา้ตาตรู
51 มะลิวัลย์พันจิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู หอมมาน่าเอ็นดู ชชูืน่จติคดิวนิดา ล าดวนหวนหอมตรหลบ กลิน่อายอบสบนาสา นึกถวลิกลิน่บหุงา ร าไปเจ้าเศร ้าถึงนาง รวยรนิกลิน่รา เพย คดิพี ่ เคยเชยกลิน่ปราง นั ่งแนบแอบเอวบาง ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน ชมดวงพวงมาลี ศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณ วนิดามาด้วยกัน จะออ้นพีช่ีช้มเชย ฯ ข้อความอนุมาน อนุมานได้ อนุมานไม่ได้ 1.รมิฝั ่งแมน่ ้าอดุมสมบรูณด์ว้ยดอกไมน้านาชนิด 2.หญิงคนรักของกวีเป็นคนชอบงานประดิษฐ ์ดอกไม้ 3.พรรณไม้ทุกชนิดในค าประพันธ ์เป็นไม้ดอกหอม 4.ผู้เขียนนอกจากเป็ นกวีแล้วยังเป็นนักอนุรักษ์พรรณไม้ด้วย 5.คนไทยสมัยก่อนชอบเก็บดอกไม้หอมไว้ในห้องนอน 3. อ่านคา ประพนัธน์ี ้แลว้พิจารณาเหตุผล แลว้ทา เครือ่งหมาย √ ในช่อง ◊ อนุมานได้ ◊ อนุมานไม่ได้ โคลง รอนรอนสุริยโอ้ อัสดง เรือ่ยเรือ่ยลบัเมรลุง ค ่าแลว้ รอนรอนจิตจ านง นุชพี ่ เพยีงแม่ เรือ่ยเรือ่ยเรยีมคอยแกว้ คลับคล้ายเรียมเหลียว ฯ กาพย์ เรือ่ยเรือ่ยมารอนรอน ทพิากรจะตกต ่า สนธยาจะใกลค้ ่า ค านึงหน้าเจ้าตาตรู เรือ่ยเรือ่ยมาเรยีงเรยีง นกบนิเฉียงไปทั ้งหมู่ ตัวเดียวมาพลัดคู่ เหมอืนพีอ่ยผู่เู้ดยีวดาย เห็นฝูงยูงร าฟ้ อน คิดบังอรร่อนร ากราย สรอ้ยทองยอ่งเยือ้งชาย เหมือนสายสวาทนาดนวยจร สาลิกามาตามคู่ ชมกันอยู่สู่สมสมร แตพ่ ีน่ีอ้าวรณ์ ห่อนเห็นเจ้าเศร ้าใจครวญ นางนวลนวลน่ารัก ไม่นวลพักตร ์เหมือนทรามสงวน แกว้พีน่ีส้ดุนวล ดั ่งนางฟ้าหนา้ใยยอง นกแก้วแจ้วแจ่มเสียง จับไม้เรียงเคียงคู่สอง เหมอืนพีน่ีป้ระคอง รับขวัญน้องต้องมือเบา
52 ไก่ฟ้ ามาตัวเดียว เดนิทอ่งเทีย่วเลีย้วเหลีย่มเขา เหมือนพรากจากนงเยาว ์ เปลา่ ใจเปลีย่วเหลยีวหานาง แขกเต้าเคล้าคู่เคียง เรียงจับไม้ไซ ้ปีกหาง เรียมคะนึงถึงเอวบาง เคยแนบข้างร ้างแรมนาน ดุเหว่าเจ่าจับร ้อง สนั ่นกอ้งซอ้งเสยีงหวาน ไพเราะเพราะกังวาน ปานเสยีงนอ้งรอ้งสั ่งชาย โนรีสีปานชาด เหมือนช่างฉลาดวาดแต้มลาย ไม่เท่าเจ้าโฉมฉาย ห่มตาดพรายกรายกรมา สัตวาน่าเอ็นดู คอยหาคู่อยู่เอกา เหมอืนพีท่ีจ่ากมา ครวญหาเจ้าเศร ้าเสียใจ ปักษีมีหลายพรรณ บ้างชมกันขันเพรียกไพร ยิ ่งฟังวงัเวงใจ ล้วนหลายหลากมากภาษา ๚ ข้อความอนุมาน อนุมานถูก อนุมานผิด 1.กวีมคีวามเชือ่ เกีย่วกบันรก สวรรค์ 2.นกในคา ประพนัธพ์บไดจ้รงิในพืน้ทีป่ ่าธรรมชาติ 3.กวีชมนกเวลายามเย็น 4.กวรีสู้กึสนุกสนานเมือ่พบเห็นนกแตละประเภท ่ 5.นกตวัสดุทา้ยทีก่วพีบเห็นพดูถงึจบัอยตู่วัเดยีว ผู้ประเมิน ( ) ตนเอง ( ) เพือ่น ( ) ผูป้กครอง ( ) ครู ระดับคุณภาพ เกณฑ์ ผลการประเมิน ดีมาก ตอบถูกทุกข้อ ดี ตอบผิด 1-2 ข้อ พอใช ้ ตอบผิด 3-4 ข้อ ปรับปรุง ตอบผิด 5 ขอ้ขึน้ไป
53 แบบทดสอบหลังเรียน เรือ่ง การอนุมานจากเนือ้หาทีอ่า่น คา ชี ้แจง วงกลม O คา ตอบทีถ่กูตอ้งทีส่ดุเพยีงขอ้เดยีว 1. ข้อใด ไม่ สามารถอนุมานไดจ้ากขอ้ความตอ่ ไปนี ้ จิ ้งหรดีเป็นสนิคา้ทีม่แีนวโนม้ทางการตลาดดขี ึน้ทั ้งในประเทศไทยและต่างประเทศ สหภาพยโุรปหรือ อยีูเป็นอกีตลาดหนึ ่งทีน่ ่าสนใจเพราะนอกจากจะมผีบู้รโิภคถงึ ๕๐๘ ล้านคนแล้ว อียูยังปรับปรุงกฎระเบียบว่า ด้วย “อาหารใหม่”(Novel Food) โดยยอมรบัอาหารพืน้บา้น เชน่แมลง และอา นวยความสะดวกในการ ขึน้ทะเบยีนดว้ย 1. อาหารประเภทแมลงเป็นทีน่ิยมมากในตลาดอยีู 2. ไทยกา ลงัจะมรีายไดส้งูจากการสง่ออกจิ ้งหรดีและแมลงอืน่ 3. อยียูอมรบัอาหารพืน้บา้นจากหลายประเทศเป็น “อาหารใหม่” 4. อาหารประเภทแมลงท ารายได้จากต่างประเทศมากกว่าในประเทศ 5. นอกจากประเทศในอยีแูลว้ไทยยงัสง่ออกแมลงไปขายยงัประเทศอืน่ๆ อกีดว้ย 2. ข้อใด ไม่ อาจอนุมานได้จากขอ้ความตอ่ ไปนี ้ เมือ่จะตอ้งปลกูบวัในภาชนะจา กดัจา เป็นตอ้งปรบั ปรงุดนิ ปลกูใหส้ามารถจธุาตุอาหารหลกัเพยีงพอ เมือ่แรกปลกูและพฒันาวธิกีารบา รงุรกัษาดว้ยการเสรมิธาตุอาหารใหแ้กบ่วัเพราะการปลกูในภาชนะจา กดั ทา ใหบ้วัไมส่ามารถเจรญิเตบิโตเหมอืนอย่างในหนองน ้าธรรมชาติจงต้องมีการพัฒนาผลิตดินส าหรับปลูก ึ บัวในภาชนะจ ากัดโดยตรงด้วย 1. บวัทีข่ึน้ตามแหลง่น ้าธรรมชาตสิามารถไดธ้าตอุาหารจากดนิในน ้านั ้น 2. การปลกูบวัอาจปลกูตามแหลง่น ้าตา่ง ๆ หรอืในภาชนะทีจ่า กดัขนาดกไ็ด้ 3. ผปู้ลกูบวัตอ้งหาแรธ่าตทุีจ่า เป็นผสมในดนิและใสล่งในภาชนะที ่ใชปลูก ้ 4. ดนิที ่ใชป้ลกูบวัในภาชนะจา กดัตอ้งมแีรธ่าตสุงูซึ ่งอาจหาไดจ้ากธรรมชาติ 5. ถา้หากเป็นการปลกูบวัในแหลง่น ้าธรรมชาติการพฒันาดนิ ปลกูบวัก็ไม่จา เป็น 3. ข้อใด ไม่ อาจอนุมานไดจ้ากขอ้ความตอ่ ไปนี ้ เมยีนมาเป็นตลาดทีห่อมหวานสา หรบันักลงทนุไทย นอกจากจะอดุมไปดว้ยทรพยากรธรรมชาติแล้ว ั ยงัเต็มไปดว้ยความตอ้งการสนิคา้และบรกิารอย่างมาก เนื ่องจากเพิ ่งเปิดประเทศไดไ้ม่นานและยงัเป็นเพือ่น บ้านในอาเซียนอีกด้วย 1. ประเทศไทยสนใจอยา่งมากทีจ่ะลงทนุทางธรุกจิในเมยีนมา 2. เมียนมาผลิตสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ 3. ทรัพยากรในเมียนมาหลายชนิดมีความน่าสนใจน าไปแปรรูป 4. เมยีนมาเพิ ่งเปิดประเทศจงึไมม่ ศีกัยภาพพอทีจ่ะพฒันาธรุกจิและบรกิาร 5. เมยีนมาอยใู่นกลมุ่อาเซยีนจงึชกัชวนใหป้ระเทศเพือ่นบา้นเขา้ไปลงทนุทางธรุกจิ
54 4. ข้อใด ไม่ อาจอนุมานไดจ้ากขอ้ความตอ่ ไปนี ้ ไตรภูมิพระร่วงเป็นพระราชนิพนธข์องพระมหาธรรมราชาที ่1 หรอืพญาลไิทย เมื ่อครั ้งทรงเป็น อุปราชครองเมืองศรีสัชนาลัย พระองค์เป็ นพระนัดดาของพ่อขุนรามค าแหงมหาราช ค าว่า “พระร่วง” ในทีน่ี ้ เป็นคา เรยีกพระมหากษตัรยิใ์นราชวงศส์โุขทยัพญาลไิทยทรงเป็นพระมหากษตัรยิอ์งคท์ี ่6 แห่งกรุงสุโขทัย จึงมีพระนามว่าพระร่วงด้วย 1. “พระร่วง” เป็นค าเรียกพระมหากษัตริย์ราชวงศ์สุโขทัยทุกพระองค์ 2. พญาลิไทยทรงสนพระทัยในการศึกษาค้นคว้าคัมภีร ์ของศาสนาพุทธ 3. พญาลิไทยทรงใช ้เวลาหลายปีในการพระราชนิพนธ ์ไตรภูมิพระร่วง 4. พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์สุโขทัยทรงด ารงตนอยู่ในทศพิธราชธรรม 5. พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์สุโขทัยจะพระราชนิพนธ ์ไตรภูมิพระร่วงทุกพระองค์ 5. ข้อใด ไม่ อาจอนุมานไดจ้ากขอ้ความตอ่ ไปนี ้ พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย กิ ่งแกว้แพรว้พรรณราย พายอ่อนหยับจับงามงอน นาวาแน่นเป็นขนัด ล้วนรูปสัตว ์แสนยากร เรอืริ ้วทวิธงสลอน สาครลัน่ครัน่ครืน้ฟอง 1. การเสด็จประพาสทางชลมารคของพระมหากษัตริย์ 2. ขบวนเรอืทีต่ามเสด็จประพาสมจีา นวนมาก 3. ขบวนเรอืทีต่ามเสด็จประดบั ประดาดว้ยรปูสตัว์ 4. เรอืในขบวนมโีขนเรอืเป็นรปูสตัวท์ีม่อีทิธฤิทธิ ์ 5. การเสด็จประพาสทางเรือมีพลพายจ านวนมาก 6. ข้อใด ไม่ อาจอนุมานไดจ้ากขอ้ความตอ่ ไปนี ้ “วนันี ้ไดร้บัคา สั ่งใหย้า้ยทีน่ ั ่งทา งานไปอยใู่กล้ๆ เจา้นาย คงตอ้งเหนื ่อยแน่เลย ถา้ตอ้งเกรง็อยู่ ตลอดเวลาท างาน” 1. ผู้พูดกลัวเจ้านาย 2. ผู้พูดไม่อยากท างานหนัก 3. ผพู้ดูเป็นที ่ไวว้างใจของเจา้นาย 4. ผู้พูดรู ้ว่าเจ้านายดุ 5. ผู้พูดไม่อยากเครียดเวลาท างาน 7. ข้อใด ไม่ อาจอนุมานไดจ้ากขอ้ความตอ่ ไปนี ้ ในงานวัน “สุขภาพดี” เชญิตรวจสุขภาพฟรีส าหรบั 4 โรคที ่ใกลต้วัคนเมืองกรุง คอื โรคหวัใจ โรคอ้วน โรคเครียด และโรคภูมิแพ้ 1. คนกรงุเทพฯ สว่นหนึ ่งเป็นโรคอว้น 2. คนกรุงเทพฯ เป็ นโรคเครียดได้ง่าย 3. คนกรงุเทพฯ เป็นคนทีม่ โีรคมากกวา่คนเมอืงอืน่ 4. คนเป็นโรคภูมิแพ้เพราะความแออัดในเมืองกรุง 5. กรุงเทพฯมีบริการด้านสุขภาพให้ประชาชน
55 8. ข้อใด ไม่ อาจอนุมานไดจ้ากขอ้ความตอ่ ไปนี ้ คุณแมม่กัพดูเสมอวา่มเีพือ่นดีทกุคนมนี ้าใจ เกือ้กูล ชว่ยเหลอืกนัคุณแม่พบปะสงัสรรค์นัดกนิ ขา้วกบัเพือ่น ๆ เป็นประจา ยิ ่งต่างคนต่างเกษียณแลว้ก็มเีวลาวา่งมากขึน้ 1. แม่เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ ์ดี 2. เพือ่นของแม่ไมต่อ้งทา งานประจา 3. เพือ่นของแม่ตา่งดแูลทกุขส์ขุกนัและกนั 4. แม่ไปทัศนาจรกับเพือ่น ๆ บอ่ย ๆ 5. เพือ่นของแม่มจีติใจเอือ้ เฟื ้อเผือ่แผ่ 9. ข้อใด ไม่ อาจอนุมานได้ว่าเป็ นบุคลิกภาพของกวี เนือ้ออ่นออ่นน่วมน่วม แม่รูปท้วมท่วมนาวา นิ ่มนุ่มชมุ่นัยนา เนือ้ออ่นแน่แม่งามพี 1. เจ้าส าราญ 2. เจ้าโวหาร 3. เจ้าคารม 4. มีอารมณ์ขัน 5. มีความคิดสร ้างสรรค์ 10. ขอ้ความตอ่ ไปนี ้ขอ้ใด ไม่ อาจอนุมานได้ สงัคมปัจจบุนัเป็นสงัคมทีต่อ้งดิน้รนเพือ่ความอยรู่อดของตนเองและครอบครวัความสมัพนัธข์อง สมาชกิในครอบครวัจงึไม่แน่นแฟ้นเทา่ทีค่วร 1. พ่อแม่ไม่มีเวลารับฟังปัญหาของลูก 2. สมาชิกในครอบครัวมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อย 3. ครอบครัวไม่มีกิจกรรมปฏิสัมพันธ ์ 4. ครอบครัวส่วนมากพ่อแม่ท างานนอกบ้าน 5. เวลาสว่นใหญข่องลกูอยกู่บัเพือ่นที ่โรงเรยีน
56 หน่วยการเรยีนรทู้ี ่1 อา่นพฒันาปัญญาเพิม่พนู แผนการจดัการเรยีนรทู้ี ่3 การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ มาตรฐาน/ตวัชี ้วดัท 1.1 ม.4-6/๕5 วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น โตแ้ยง้เกีย่วกบัเรือ่งทีอ่า่น และเสนอ ความคิดใหม่อย่างมีเหตุผล ภาระงานที ่6 การวิเคราะห์วิจารณ์และเสนอความคิดใหม่ ๏กาพย์เห่เรือ ๏หมาข้างถนน การวเิคราะหข์อ้คดิ / แนวคดิที ่ไดจ้ากการอา่นพินิจวรรณคดีวรรณกรรม 1. ความหมาย ทีมงานทรูปลูกปัญญา (19 ตุลาคม 2516) ให้ความหมายว่า การพินิจวรรณคดีและวรรณกรรม หมายถึง การศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมผ่านการ ตคีวาม การวเิคราะห์วจิารณ์พจิารณาเนือ้หา แนวคดิและประเมินองคป์ระกอบและวธิกีารประพนัธ์ เพือ่ ใหเ้ขา้ใจคณุคา่ของวรรณคดแีละวรรณกรรม ซึ ่งถอืเป็นแนวทางเบือ้งตน้ของการวจิารณว์รรณคดแีละ วรรณกรรม ประพนธ ์ เรืองณรงค์ สมเกียรติ สุขรัตน์ และสาวิสตรี สุขวัฒนากรณ์ (๒๕๔๕, น.๑๒๘) กล่าวไว้ว่า การพินิจวรรณคดีและวรรณกรรม หมายถึง การพิจารณาวิเคราะห์และประเมินค่าวรรณคดี และวรรณกรรมเพือ่ ไดท้ราบรายละเอยีดที ่ เป็นประโยชนใ์นดา้นต่าง ๆ อย่างสงัเขป เชน่ ใครเป็นผูแ้ต่ง เป็น เรือ่งเกีย่วกบัอะไร มีประโยชนต์่อใครบา้ง ทางดา้นใด คุณค่าในแต่ละดา้นสามารถน าไปประยุกตใ์หเ้กดิ ประโยชน์อย่างไรในชีวิตประจ าวัน สรุป การพินิจวรรณคดีและวรรณกรรม หมายถึง การวิเคราะห์ วิจารณ์ พจิารณาเนือ้หา แนวคดิและประเมนิองคป์ระกอบและวธิกีารประพนัธข์องวรรณคดแีละวรรณกรรม เพือ่ ใหเ้ขา้ใจคุณค่า ของวรรณคดีและวรรณกรรม และสามารถน าไปประยุกต์ใช ้ในชีวิตประจ าวันได้ 2. การพิจารณาองค์ประกอบของวรรณคดีและวรรณกรรม ประพนธ ์ เรืองณรงค์ สมเกียรติ สุขรัตน์และสาวิสตรี สุขวัฒนากรณ์ (2545, น.128) กล่าวว่า การพนิิจวรรณคดแีละวรรณกรรม ควรพจิารณาองคป์ระกอบ ดงันี ้ 1. ความเป็นมา หรือประวัติของหนังสือและผู้แต่ง 2. ลักษณะค าประพันธ ์ 3. เรือ่งยอ่ 4. เนือ้ เรือ่ง ประกอบดว้ย โครงเรือ่ง ตวัละคร ฉาก วธิกีารแตง่ลกัษณะการเดนิเรือ่ง การใชถ้อ้ยคา สา นวนในเรือ่ง ทว่งทา นองการแตง่วธิคีดิทีส่รา้งสรรค์มมุมองของผเู้ขยีน เป็นตน้ 5. แนวคิด จุดมุ่งหมาย เจตนาของผู้เขียน 6. คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม
57 3. การพินิจวรรณกรรมร ้อยแก้วและร ้อยกรอง ประพนธ ์ เรืองณรงค์ สมเกียรติ สุขรัตน์ และสาวิสตรี สุขวัฒนากรณ์ (2545, น.129) กล่าวว่า 3.1 การพนิิจวรรณกรรมรอ้ยแกว้มดีงันี ้ 3.1.1 การพนิิจนวนิยายและเรือ่งสัน้ควรพจิารณาดงันี ้ (1) โครงเรือ่ง และเนือ้ เรือ่ง (2) กลวธิใีนการดา เนินเรือ่ง (3) ตัวละคร (4) ฉาก (5) สารัตถะของเรือ่งหรอืแนวคดิทศันะของผแู้ตง่ 3.1.2 การพจิารณาสารคดีควรพจิารณาดงันี ้ (1) เนือ้หาสาระ (2) กลวิธีการเขียน (3) ส านวนภาษา (4) สว่นประกอบอืน่ๆ เชน่ภาพ ภาคผนวก บรรณานุกรม เป็นตน้ 3.2 การพินิจวรรณกรรมร ้อยกรอง ควรพิจารณาองค์ประกอบ 4 ประการ คือ 3.2.1 รูปแบบการประพันธ ์ 3.2.2 ธรรมเนียมนิยมในการแต่ง 3.2.3 ความไพเราะ 3.2.4 สาระของเนือ้หา 4.การพิจารณาองค์ประกอบของวรรณคดีหรือวรรณกรรม ทีมงานทรูปลูกปัญญา (19 ตุลาคม 2561) กล่าวว่า การพินิจวรรณคดีและวรรณกรรมจะต้องใช ้ มาพิจารณาองค์ประกอบของวรรณคดหีรอืวรรณกรรม ดงันี ้ 4. เนือ้หา คือ ใจความส าคัญของวรรณคดีและวรรณกรรมมีส่วนประกอบส าคัญ ได้แก่ 1.1 เนือ้ เรือ่ง จะบอกวา่มอีะไรเกดิขึน้กบัใคร ที ่ไหน เมือ่ ไร และอยา่งไร ซึ ่งวรรณคดแีละ วรรณกรรมบางเรือ่งอาจไมม่เีรือ่งราว 1.2 แกน่เรือ่ง คือ แนวคดิทีผ่แู้ตง่กา หนดเพือ่ เป็นกรอบของเรือ่ง 1.3 โครงเรือ่ง คอืเหตกุารณส์า คญัของเรือ่งทีผ่แู้ตง่คดิไวค้รา่ว ๆ ยงัไม่ลงรายละเอยีดยอ่ย เชน่ ชือ่ตวัละคร ชือ่สถานที ่ซึ ่งการพนิิจโครงเรือ่ง ผอู้า่นควรดกูารลา ดบัเหตกุารณใ์นเรือ่งวา่มกีารเรยีงรอ้ย เหตุการณ์ตา่ง ๆ ไวอ้ยา่งไร เชน่เลา่เรือ่งตามลา ดบัเวลา, เลา่เรือ่งยอ้นหลงัหรอืเลา่เรือ่งสลบัไปมา 1.4 ตัวละคร คอืผแู้สดงบทบาทในงานประพนัธ์อาจเป็นบคุคลทีม่ตีวัตนจรงิหรอืตวัละคร ทีส่มมตขิ ึน้จะเป็นมนุษยห์รอืไมก่ ็ได้ซึ ่งตวัละครแบง่ออกเป็น 2 ลักษณะได้แก่ 1.4.1 ตัวละครหลายลักษณะ คอืตวัละครทีม่อีารมณค์วามรสู้กึเหมอืนคนจรงิๆ สามารถเปลีย่นแปลงอารมณไ์ปไดต้ามเหตกุารณท์ี ่ เกดิขึน้ในเรือ่ง 1.4.2 ตัวละครลักษณะเดียว คอืตวัละครทีม่นีิสยัเพยีงอยา่งเดยีว ไมส่ามารถ เปลีย่นแปลงไปตามเหตกุารณท์ี ่ เกดิขึน้ในเรือ่งได้
58 1.5 ฉาก คอื สภาวะแวดลอ้มหรอืบรรยากาศที ่ เกดิขึน้รอบตวัละคร อาจเป็นฉากทีม่อียจู่รงิ หรอืเป็นฉากในจนิตนาการ ซึ ่งครอบคลมุถงึชว่งเวลาที ่ เกดิเหตกุารณ์เชน่ ชว่งกลางวนัชว่งกลางคนื สมยั กรุงศรีอยุธยาตอนกลาง เป็นต้น การพินิจฉาก ผู้อ่านต้องสังเกตความถูกต้อง ความสมจริง และความสอดคล้องต่อเหตุการณ์ 2. รูปแบบ คอืลกัษณะของงานประพนัธท์ีผ่แู้ตง่เลอืกใชซ้ ึ ่งการพนิิจรปูแบบ ผอู้า่นควรพจิารณา รปูแบบและเนือ้หาวา่มคีวามสอดคลอ้งกนัหรอืไม่ 3. ภาษา คอืถอ้ยคา ที ่ เรยีบเรยีงขึน้ เพือ่สือ่ เรือ่งราวมาสู่ผู้รับสาร ผ่านภาษาพูดและภาษาเขียน โดยภาษาพูดจะใช ้กับวรรณคดีและวรรณกรรมมุขปาฐะ ส่วนภาษาเขียนจะใช ้กับวรรณคดีและวรรณกรรม ลายลกัษณ์ซึ ่งความไพเราะของวรรณคดแีละวรรณกรรมจะขึน้อยกู่บั ศลิปะทางภาษา ดงันี ้ 3.1 รสคา คอืความไพเราะที ่ เกดิจากการเลอืกใชถ้อ้ยคา ทีก่ระทบใจ ถา่ยทอดอารมณ์ ความรสู้กึของผแู้ตง่ได้ดงันี ้ 3.1.1 การใชเ้สยีงสมัผสัคอืการใชเ้สยีงทีค่ลอ้งจองกนัมี2 ชนิด คือ “สัมผัสนอก” และ “สัมผัสใน” เช่น “ดนู ้าวิ ่งกลิ ้งเชีย่วเป็นเกลยีวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวงเป็นกงเกวียน ดูเวียนเวียนคว้างคว้างเป็ นหว่างวง” (นิราศภูเขาทอง ของ สุนทรภู่) 3.1.2 การเลียนเสียงธรรมชาติ คือ การน าค าเลียนแบบเสียงจากธรรมชาติ เช่น ทีน่อ้ยตวัผวเมียลงลากฉุด ั นางเมียหยุดผัวโกรธเมียโทษผัว ดว้ยยากเย็นเข็นฝืดทั ้งมดืมวั พอตึงตัวเต็มเบียดเข้าเสียดแซะ ทั ้งยงุชมุรมุกดั ปัดเปรยีะประ เสียงผัวะผะพึบพับปุบปับแปะ ที ่ เข็นเรยีงเคยีงลา ขยา ขแยะ มันเกาะแกะกันจริงจริงหญิงกับชาย (นิราศเมืองเพชร ของ สุนทรภู่) 3.1.3 การเล่นค าและเล่นเสียง คือ การเล่นเสียงสระ-พยัญชนะ ค าพ้องเสียง ค าเสียงคล้าย เช่น ฝงูลงิไตก่ ิ ่งลางลงิไขว่ ลางลิงแล่นไล่กันวุ่นวาย ลางลงิชงิคา่งขึน้ลางลงิกาหลงลงกิ ่งกาหลงลง (ขนุชา้งขนุแผนของ รชักาลที ่๒) 3.2 รสความ คอืความไพเราะที ่ไดจ้ากความหมายของถอ้ยคา ผา่นการบรรยายหรอื พรรณนาในลกัษณะตา่ง ๆ ดงันี ้ 3.2.1 การพรรณนาความอยา่งตรงไปตรงมา คอืการใชถ้อ้ยคา ทีม่คีวามหมาย ตรงตัว ผู้อ่านสามารถเห็นภาพโดยไม่ต้องตีความ เช่น ครหู่นึ ่งถงึชวากชากลกูหญา้ ล้วนพฤกษายางยูงสูงไสว แต่ล้วนทากตะเละร าล าภูไพร ไต่ใบไม้ยูงยางมากลางแปลง กระโดดเผาะเกาะผับกระหยับคืบ ถีบกระทืบมิใคร่หลุดสุดแสยง ปลดทีต่นีตดิขาระอาแรง ทั ้งขาแขง้เลอืดโทรมชโลมไป (นิราศเมืองแกลง ของ สุนทรภู่)
59 3.2.2 การพรรณนาความโดยใชโ้วหารภาพพจน์คอืการใชถ้อ้ยคา ที ่ เป็นศลิปะ ทางภาษา ท าให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพมากกว่าการพูดอย่างตรงไปตรงมา ตัวอย่างโวหารภาพพจน์ ได้แก่ (1) อุปมา (Simile) คอืการเปรยีบสิ ่งหนึ ่งเหมอืนอกี สิ ่งหนึ ่งซึ ่งเป็นของ ตา่งจา พวกกนัมกัมคีา วา่เปรยีบวา่ดจุดงัดั ่ง แมน้เหมอืน ปาน ราวกบัฯลฯ เชน่ อสรุผีเีสือ้จะเหลอือด แค้นโอรสราวกับไฟไหม้มังสา ช่างหลอกหล่อนผ่อนผันจ านรรจา แม้นจะว่าโดยดีเห็นมิฟัง (พระอภัยมณี ของ สุนทรภู่) (2) อุปลักษณ์ (Metaphor) คือ การเปรยีบสิ ่งหนึ ่งวา่เป็นอกี สิ ่งหนึ ่งซึ ่ง เป็นของตา่งจา พวกกนัมกัมคีา วา่เป็น คอืหรอือาจจะละคา เหลา่นี ้ไวโ้ดยเป็นที ่ เขา้ใจตรงกนัเชน่ “มังกันจีมีปรีชาเฉียบแหลมปัญญาเป็ นเข็ม” (ราชาธิราช ของ เจ้าพระยาพระคลัง (หน)) (3) สัญลักษณ์ (Symbol) คอืการใชค้า คา หนึ ่งแทนอกีคา หนึ ่งซึ ่งเป็นที ่รู้ ทั ่วไป เชน่ “หงส ์” เป็นสญัลกัษณข์องคนชัน้สงู “กา” เป็นสญัลกัษณข์องคนชัน้ต ่า ตวัอยา่งคา ประพนัธ์เชน่ เมือ่แรกเชือ่วา่เนือ้ทบัทมิแท้ มาแปรเป็นพลอยหุงไปเสียได้ กาลวงว่าหงส ์ให้ปลงใจ ด้วยมิได้ดูหงอนแต่ก่อนมา (ขนุชา้งขนุแผนของ รชักาลที ่๒) (4) อติพจน์ (Hyperbole) คอืการกลา่วถงึสิ ่งเกนิจรงิเพือ่ เนน้อารมณ์ ความรู ้สึก เช่น ถงึมว้ยดนิ สิน้ฟ้ามหาสมุทร ไม่สิน้สดุความรกั สมคัรสมาน แม้เกิดในใต้ฟ้ าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา (พระอภัยมณี ของ สุนทรภู่) (5) บุคคลวัต (Personification) คอืการสมมุตใิหส้ิ ่งที ่ไมใ่ ชม่นุษย์ กระท ากริยาอาการหรือมีความรู ้สึกอย่างมนุษย์ เช่น จากมามาลิ ่วล ้า ล าบาง บางยี ่ เรอืราพลาง พีพ่รอ้ง เรือแผงช่วยพานาง เมียงม่าน มานา บางบ่รับค าคล้อง คลา่วน ้าตาคลอ (โคลงนิราศนรินทร ์ ของ นายนริทร ์ธิเบศร ์ (อิน)) (6) ปฏิปุจฉา (Rhetorical question) คือ การใช ้คา ถามที ่ไม่ตอ้งการ คา ตอบ เพือ่กระตนุ้ใหส้นใจหรอืเกดิความคดิเชน่ แล้วว่าอนิจจาความรัก พึ ่งประจกัษด์ั ่งสายน ้าไหล ตั ้งแตจ่ะเชีย่วเป็นเกลยีวไป ที ่ไหนเลยจะไหลคนืมา สตรีใดในพิภพจบแดน ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์ โอ้ว่าน่าเสียดายตัวนัก เพราะเชือ่ลิน้หลงรกัจงึช ้าจติ จะออกชือ่ลอืชั ่วไปทั ่วทศิ เมือ่พลั ้งคดิผดิแลว้จะโทษใคร (อเิหนา ของ รชักาลที ่2)
60 แบบทดสอบทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ คา ชี ้แจง อา่น เรือ่งสัน้“หมากลางถนน” นี ้แลว้เขยีนคา ตอบ ตามรปูแบบทีก่า หนด หมากลางถนน ก.ม.ที ่1 เสยีงวตัถสุองชนิดปะทะกนัดงัสนั ่นจนผมสะดงุ้ตืน่ ไฟหนา้รถสองดวงวบูไหวผา่นความมดืไปมา ใน ความสลวัของทางหลวงเบือ้งหนา้รา่งหนึ ่งกระดอนไปไกลหลายเมตร รถตคู้นัเกา่เฉออกนอกเสน้เบง่ถนนไป มาจนเราทกุคนตืน่จากความงวัเงยีผมไดย้นิเสยีงรอ้งโหยหวนดงัขึน้ โดยไม่อาจแน่ใจว่า มนัเป็นเสยีงใน ความฝันหรอืความจรงิคนขบัหกัพวงมาลยัรถยนตก์ลบัเขา้ทีแ่ละยดึเกรง็ไวเ้ชน่นั ้น เสยีงยางลอ้กรดีพืน้ ถนนยางมะตอยดงัเสยีดแกว้หูรา่งของผูโ้ดยสารบางคนกลิ ้งหลุดจากทีน่ ั ่งลงนอนบนพืน้รถตู้ในทีส่ ุด คนขบัก็ควบคุมสถานการณไ์ด้เบนรถกลบั สู่ลู่วิ ่งเดิม พาหนะคนัเก่าเคลือ่นต่อไปราวกบัว่าไม่มีอะไร เกดิขึน้หลายคนรอ้งออกมาพรอ้มกนั “เกดิอะไรขึน้?” “รถชนอะไร ชนคนหรือเปล่า ?” “ไม่ใช่คน” เสยีงลงุสมบญุคนขบัรถตอบในความมดืผมไดย้นิเสยีงหลายคนถอนใจโลง่อก เมือ่นั ้น ผมตืน่ขึน้ เต็มตวั สตหิายจากความสปัหงก ผมมองหนา้ลงุสมบุญขา้งกายผมผูซ้ ึ ่งท าหนา้ที ่ เป็นสารถมีา ตลอดทาง แสงจันทร ์จากนอกหน้าต่างรถสาดใบหน้าเขาซีดเล็กน้อย เสียงคุณชา นาญผอู้าวโุสทีส่ดุในกลมุ่ ของเราถามคนขับ “แล้วรถชนอะไร?” “ชนหมา” “เฮ้อ! ค่อยโล่งอก นึกว่าชนคนซะแล้ว” เสยีงผูห้ญงิดงัมาจากขา้งหลงัผม เป็นเด็กรุน่นอ้งผม ชือ่ สภุา เป็นขา้ราชการระดบั 5 และผูช้ว่ยของคุณชา นาญ หลอ่นเป็นคนรกัการสมาคม แมเ้พิ ่งมาทา งาน กับเราไดเ้พยีงสามเดอืน แตส่นิทสนมกบัคนอืน่ๆ ในกองมากกวา่ผมซึ ่งทา งานกอ่นหลอ่นสบิกวา่ ปีเสยีอกี “แล้วมันเป็ นอะไรหรือเปล่า?” คุณช านาญถามต่อ ยังมีร่องรอยงัวเงียบนหน้าของข้าราชการระดับ 10 วยัหา้สบิกวา่ผนู้ี ้ถา้ไมใ่ ชเ่พราะงานเรง่ดว่นวนัพรงุ่นี ้ เราคงไมม่วีนัเห็นเขานั ่งรถตูค้นันีม้ากบัเรา เขามี รถยนตส์ว่นตวัคนัหรมูากกวา่หนึ ่งคนัเนื ่องจากภรรยาของเขาเป็นเศรษฐนีีคนหนึ ่ง ลุงสมบุญว่า “ไม่รเู้หมอืนกนัเห็นนิ ่งไปแต่ก็ขยบัตวัได”้ “งัน้ก็ไมเ่ ป็นไร” ผูโ้ดยสารสตรดีา้นหลงัผมเสรมิขึน้ เป็นครั ้งแรก คุณสาวิตรีเป็ นข้าราชการระดับ ๑๐ เชน่กนัอาชพีผูต้รวจราชการทีต่อ้งเดนิทางออกต่างจงัหวดัเสมอไม่เปิดโอกาสใหห้ลอ่นมเีวลาสว่นตวั มากนัก นิสยั สว่นตวัทีช่อบเก็บตวัเงยีบทา ใหไ้ม่มใีครแปลกใจทีอ่ายุของหลอ่นเริม่ เขา้สเู่ลขสีส่บิหา้แลว้แต่ ยังเป็ นโสด แต่ผมไม่คิดว่าเป็ นเพราะการเก็บตัวเงียบเป็ นเหตุให้หล่อนยังหาคู่ไม่ได้มากกว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ ในโลกไมช่อบผหู้ญงิที ่ เจา้ระเบยีบ จจู้ี ้ในทกุรายละเอยีด (ผมอาจจะผดิก็ได)้แสงไฟของรถทีส่วนทางมาสอ่ง ใหเ้ห็นรอยคล ้าใตต้าของหลอ่น ทา่ทางหลอ่นเหมอืนไม่ไดพ้กัผ่อนมานาน “โลง่อกไปทีดที ี ่ เป็นแค่หมา” สายตาหล่อนคลา้ยมรีอยยิม้
61 “ท าไมเราไม่จอดดูมัน...” ผมเอย่ขึน้ เป็นครั ้งแรก สายตาทกุคู่หนัมาทีผ่มพรอ้มกนัและต่างคนต่าง เงยีบไปครหู่นึ ่ง “กลับไปดูมันดีกว่าครับ” ผมกล่าวต่อ ผู้ตรวจราชการหญิงว่า “ดูทา ไม? ก็มนัไม่เป็นไรนี ่คะ” “ไม่มีใครรู ้แน่หรอกว่ามันเป็ นอะไรหรือเปล่า จอดดูสักหน่อยคงไม่เสียเวลามาก” หล่อนมองหน้าผม “เราเสียเวลาไม่ได้ซักนาทีเดียว คุณก็รู ้ดี” “แต่มันอาจพิการ” คุณช านาญแทรกว่า “มันไม่ตายก็บุญแล้ว” ผมเริม่สบั สนในใจ “อ้าว ! เป็ นความรับผิดชอบของเรามิใช่หรือ ชนหมาแล้วก็ต้องจอดเอามันไปหา หมอ” “ช่างมันเหอะ แค่หมาตัวเดียว” สุภาว่าตามเจ้านาย “...อย่าว่าแต่แถวนีจ้ะไปหาสตัวแพทยไ์ดท้ ี ่ ไหน” “แต่...” ผมพูดไดเ้พยีงแค่นั ้น “ไปต่อเถอะ อย่าหยุดดว้ยเรือ่งไม่เป็นเรือ่งอย่างนี ้ เลย เสยีเวลาไม่เขา้ทา่ ” รถยนต์ยังคงแล่นต่อไป ลมเย็นตีหน้าผมจนชาด้าน เสียงใครคนหนึ ่งลอยมา “อย่าว่าแต่มันก็ยังไม่ตาย ยังเดินได้” “คุณเห็นหรือ?” ผมยังไม่หมดความพยายาม “สมบุญบอกเองว่าหลังถูกชนมันขยับตัวได้” “แต่...” “อย่าเสียเวลาเลย งานเราส าคัญกว่า” ผูต้รวจราชการตดับท ในใจผมเริม่ฝ่อลง รถตคู้นัเกา่วิ ่งตอ่ ไปในความมดื ไฟหนา้รถสองดวงพุ่งน าทาง แต่แสงจันทร ์หลบหายไปซ่อนในหมู่ เมฆแล้ว ก.ม.ที ่5 รถตวู้ิ ่งตอ่ ไปอยา่งเงยีบ ๆ นอกจากเสยีงเครือ่งยนตท์ีด่งัขึน้ลงเป็นจงัหวะแลว้ถนนทั ้งสายเงยีบสงดั สองขา้งทางเป็นป่าละเมาะ กลิน่ของชนบทลอยกรนุ่อยใู่นอากาศ เป็นกลิน่ทีผ่มคนุ้เคยแมว้า่จากมนัไปนาน หลายปีเต็มทีกลิน่ของป่าภาคเหนือ ผมใชช้วีติในแผ่นดนิแบบนีม้าตั ้งแต่เด็ก น่าแปลกทีส่สีนัเมอืงกรงุไม่ สามารถลบกลิน่อายบา้นนอกของผมออกไปได้จ ากลิน่ต่าง ๆ ทีค่ ุน้เคยมากบั สายลมได้กลิน่ ใบไมส้ด กลิน่หญา้กลิน่ฟาง พ่อของผมเชือ่วา่มแีต่คนในชนบทที ่ เตบิโตใกลช้ดิกบัธรรมชาตอิย่างนีท้ี ่ไม่มีวนัถูก กลนืหายไปในคลืน่ความเจรญิของเมอืง สา หรบัพ่อการออกจากชนบททา งานไปทา งานในกรงุก็เชน่ สตัวท์ี ่ ถูกบรรทกุขึน้รถไปขายในเมอืง ผมก็เคยเชือ่ เชน่นั ้น แต่ตอนนีผ้มไม่แน่ใจนัก หลายคนในรถเริม่หลบัอกีแลว้ ชา เลอืงเพือ่นรว่มทางทั ้งหลาย พวกเขาลวันเหนื ่อยมาดว้ยกนัทกุ คน ตอนนี ้ไมม่ ใีครอยากสนใจสิ ่งอืน่ ใด เพราะพรงุ่นี ้ เรายงัมงีานสา คญัรออยู่เรากา ลงับ่ายหนา้สเู่มอืงหลวง เพือ่ เป็นสว่นหนึ ่งของ “งานด่วน” ตลอดการรับราชการนานสิบหกปีของผม มี “งานด่วน” แบบนี ้ราวสบิครั ้ง สว่นใหญเ่มือ่มกีารเปลีย่นแปลงรฐับาลใหม่หรอืเมือ่มกีารโยกยา้ยขา้ราชการระดบั สงูค าสั ่งแต่งตั ้งรฐัมนตรี คนใหม่ออกมาเมือ่วานนีน้ี ่ เอง เราตอ้งไปพบ “ท่าน” กอ่นคนอืน่ ในตอนเชา้พรงุ่นี ้ เราพลาดไม่ได้
62 หนัไปมองคนขบัขา้ง ๆ ลงุสมบญุสบตาผมเงยีบเชยีบ เราทั ้งสองไม่พูดอะไรเลยสกัค า ในใจของเขา ก็คงนึกถงึหมาตวันั ้นเชน่เดยีวกบัผม ผมเขา้ใจเขาดีต าแหน่งขา้ราชการเล็ก ๆของเขาไม่เปิดโอกาสใหเ้ขา กลา้แสดงความรสู้กึใด ๆ ทีฝ่ืนความเห็นของเจา้นายออกมา มนัจะตายหรอืเปลา่ ? ผมอาจมองโลกในแง่รา้ย เกนิไปกไ็ด้ในเมือ่คนขบัรถยนืยนัเองวา่มนัขยบัตวัได้แสดงว่ามันยังไม่ตาย แต่มันอาจบาดเจ็บสาหัสและ ลากตวัเองไปตายที ่ไหนสกัแหง่ ชา่งมนัเถอะ! มนัเป็นเพยีงหมากลางถนนตวัหนึ ่ง มนัจะอยู่หรอืตายก็ไม่ได้ ทา ใหโ้ลกนีด้ขี ึน้หรอืเลวลง ทา ไมผมตอ้งเสยีเวลาคดิถงึมนัดว้ยในเมือ่คนอืน่ๆ ทั ้งหมดไม่เห็นจะเดอืดรอ้น ผมระบายลมหายใจเข้าออกอย่างช ้า ๆ ข่มจิตให้เป็ นสมาธิ มันตายไปแล้วหรือเปล่า? นานเท่านานผมไม่ สามารถข่มตาใหห้ลบัลงได้มองนาฬกิาขอ้มอืพรายน ้า ตหีนึ ่งสบิหา้นาทีดกึอย่างนีแ้ทนทีจ่ะนอนอุ่นอยู่ที ่ ไหนสกัแหง่มนัเสอืกวิ ่งออกมาใหร้ถยนตท์บับนทางหลวง ผมน่าจะสมน ้าหนา้มนัตายไดก้็ดีไอห้มาระย าที ่ ท าให้การเดินทางของเราช ้าลง ผู้ตรวจราชการอาจพูดไม่ผิด “งานเราส าคัญกว่า” ความจรงิเราทา เวลาไดด้ตีอนตน้ของการเดนิทางตั ้งแต่บ่ายสองโมง แต่โชครา้ยระหวา่งทางฝนตก ลงมาอย่างหนัก รถตูค้นัเกา่ตดิหลม่ โคลน เราใชเ้วลามากกวา่ สองชั ่วโมงเข็นรถขึน้มา ทา ความสะอาดหัว เทยีนทีช่ืน้และออกเดนิทางตอ่ ไม่มขีา้วเย็นตกถงึทอ้งเลยสกัเม็ด นอกจากกลว้ยน ้าวา้ทีค่ ุณชา นาญตดิตวั มาคนละสองลกูเทา่นั ้น เวลาของเราเหลอืนอ้ยเต็มที ลมเย็นนอกหนา้ตา่งพดัจดัขึน้ผมผลกับานหนา้ต่างใหช้ดิกนักวา่เดมิเหลอืเพยีงชอ่งวา่งเล็กนอ้ย พอไม่ให้อากาศในรถอบัพยายามขม่ ใจใหห้ลบัแตไ่มส่ามารถฝืนได้เสยีงรอ้งโหยหวนเมือ่ ไมถ่งึสบินาทกีอ่นยงั ก้องสองหู แต่ผมคนเดียวจะท าอย่างไรได้ ข่มตาข่มความรู ้สึก มันคงไม่ตายหรอก พ่อผมเคยสอนผมว่าสัตว ์มี สญัชาตญาณในการเอาตวัรอดสงูกว่าคนหลายเท่า ตราบใดทีม่นัไม่ตายมนั สามารถปรบัตวัใหอ้ยู่รอดได้ แน่นอนอยแู่ลว้แตถ่า้มนัตาย ผมยิ ่งไม่มอีะไรตอ้งเป็นหว่ง ผมไมจ่า เป็นตอ้งรสู้กึผดิพมึพ ากบัตวัเอง “กูไม่ใช่ คนขบัรถชนมนันี ่หวา่ ” ก.ม.ที ่14 พระจนัทรเ์ผยอรา่งออกจากกลมุ่เมฆอกีแลว้เงยีบสนิท ถนนทั ้งสายวงัเวงเหมอืนโลกทง้ใบเป็นของ เราเท่านั ้น นาฬิกาพรายน ้าบอกเวลาตีสองยี ่สบินาทีขยบัตวัอึดอดัผมนอนไม่หลบัรถตูก้ าลงัวิ ่งไปสู่ อนาคต แตผ่มกลบัรสู้กึวา่มนักา ลงัวิ ่งกลบั สอู่ดตีนึกถงึพอ่รวู้า่หากพอ่เป็นผมตอนนีพ้ ่อจะทา อย่างไร พ่อคง ไม่มีความลังเลอย่างผม ฤดูรอ้นปีนั ้นผมอายขุึน้สบิหก เพิ ่งแตกพานเป็นเด็กหนุ่มรา่งใหญ่คนหนึ ่ง เราสองคน ---พ่อกับผม เขา้ป่าหาน ้าผึ ้ง เมือ่ เทีย่งเราหยดุพกัที ่รมิหว้ย อากาศรอ้นระอุกลิน่หญา้คาแหง้ลอยกรนุ่ ในอากาศทกุครั ้งที ่ ลมรอ้นโชยมา น ้าในธารที ่ เหลอือยไู่มม่ากไหลเอือ่ยเฉื ่อยราวกบัมรีรูั ่วอยู่กลางธาร จนน ้าซมึหายไปจนเหอืด แห้ง แม้อากาศข้างนอกจะรอ้น แต่ก็ยงัมคีวามรม่รืน่ ในบรเิวณนั ้นอยู่มาก ผมก่อไฟหุงขา้วขณะทีพ่ ่อไปจบั ปลาในลา หว้ย ไม่นานพ่อก็กลบัมาพรอ้มปลากระสูบสามตวัพ่อว่าในฤดูรอ้นน ้าส่วนใหญ่แหง้ขอดท าให้ พวกสตัวน์ ้าหนีไปรวมตวักนัอยู่ในทีล่กึกวา่พ่อจงึจบั ปลาไดไ้ม่ยาก “ป่าแห้งเหลือเกิน” พ่อว่า “...รอ้นอยา่งนีน้ ่าเป็นหว่งไฟป่า ดดูา้นโนน้ สติน้ไมแ้หง้ตายเป็นทาง” “ปีกอ่น ๆ มนัไม่รอ้นอยา่งนีน้ะพอ่มนัรอ้นขึน้ทกุปี” “ถกูของแก อากาศมนัวปิรติลงไปทกุวนั สมยัพอ่ยงัเด็ก หว้ยบรเิวณนี ้ เป็นเขตน ้าลกึ ชืน้แฉะ ทาก กม็าก ไมม่ ใีครมา เดีย๋วนีน้ ้าตืน้ เดนิลยุสบาย”
63 “มันเป็นเพราะอะไรพ่อ ?” “จะวา่เรือ่งมนัยาวก็ได้จะวา่เรือ่งมนั สัน้กไ็ด้มนัอยทู่ ีค่น อยทู่ ีค่วามรบัผดิชอบ...” พ่อไมไ่ดพ้ดูตอ่ผมก็ไมไ่ดส้นใจทีจ่ะฟัง เมือ่กนิขา้วเทีย่งเสรจ็เราทั ้งสองก็จากทีน่ ั ้นกลบับา้น เราย ่า ไปบนผนืดนิทีป่กคลมุดว้ยหญา้แหง้เหลอืงกรอบ ทกุกา้วทีส่าวออกไปปรากฏเสยีงกรอบแกรบเป็นจงัหวะไม่ หยุดยั ้ง จนถงึชั ่วโมงทีส่ามพ่อหนัมาถามผม “เมือ่กีแ้กดบัไฟหรอืยงั?” “ไฟอะไรครับพ่อ?” “ไฟหุงข้าว” มองหนา้พอ่ครหู่นึ ่ง “ผมจ าไม่ได้ครับ” “ลองนึกให้ดี ถ้าแกยังไม่ได้ดับ มันอาจเกิดไฟป่าได้” ผมอยากตัดบทวา่ผมดบัแลว้เพราะไมต่อ้งการย ่าป่ากลบัไปทีน่ ั ่นอกีครั ้ง แตอ่ะไรบางอยา่งบอกให้ ผมพูดความจริง “ผมจ าไม่ได้...” พ่อว่า “งัน้ เราก็ตอ้งเดนิกลบัไปดบัไฟ” ผมพยกัหนา้รบัอยา่งฝืน ๆ นึกถงึระยะทางสบิกวา่กโิลเมตรทีต่อ้งเดนิทางกลบัไปเพยีงเพือ่ดบักองไฟ ทีผ่มอาจดบัไปแลว้ก็ได้แต่อย่าว่าระยะทางแค่นี ้ เลย ต่อใหม้นัไกลกว่านี ้สองสามเท่าเราก็ตอ้งกลบัไป ประสบการณไ์ฟป่าเป็นสิ ่งน่าสะพรงึกลวักวา่ภยัใด ๆ ในไพรทบึ จา ไดว้า่ตอนผมเป็นเด็กอายเุจ็ดขวบ ครอบครวัของเราเคยเจอไฟป่าครั ้งหนึ ่ง ตอนนั ้นเราตั ้งบา้นอยู่ ริมห้วย ในฤดูร ้อนหญ้าคาหญา้แพรกแหง้กรอบเต็มทงุ่มอียู่คนืหนึ ่งราวตสีี ่พ่อตืน่ขึน้ เพราะไดย้นิเสยีงชา้ง รอ้ง พ่อเลา่ภายหลงัว่าไดก้ลิน่ ไหมไ้ฟอ่อน ๆ มองออกไปทีท่ ุ่ง เห็นแสงไฟราง ๆ ทีป่ ่าขา้งหนา้พ่อปลุกเรา ทันที เราจัดการเก็บของพากันเลาะหนีไปตามริมห้วย โดยมีไฟป่าตามหลังมาติด ๆ อย่างรวดเรว็ ไม่น่าเชือ่ เสยีงเพลงิแตกสะเกด็ดงัเพยีะ ๆ ตลอดเวลา ควนั สเีทาทบึคลงุ้ตลบไปทั ่วผนืดนิระแหง ผมไมร่วู้า่ ไฟป่าครั ้งนั ้น เกดิขึน้ เพราะอะไร กนิเวลาไหมอ้ยู่นาสบิวนัเต็ม ทุ่งที ่ เคยมีชวีติเห็นซากสตัวใ์หญ่นอ้ยซึ ่งตายไปในเปลว เพลิงมากมายจนผมขนลุก ผมจ าภาพน่ากลัวนั ้นไดจ้นโต ความทรงจา เรือ่งนีม้กัผดุขึน้พรอ้มกบัการเดนิ ป่า ไปดบัไฟครั ้งนั ้นเสมอ เราทั ้งสองเดนิ ป่ากลบัไปที ่ เดมิ ไม่มใีครพดูอะไรตลอดเวลาสามชั ่วโมงนั ้น เราเดนิไปตามราวป่า กลิน่ ดอกเอือ้งป่าฟุ้งในอากาศ พ่อเดนิ ป่าอย่างชา นาญทาง แมว้ยัจะเกนิเลขหกมาแลว้สองสามฤดูฝน พ่อยัง แข็งแรงและมคีวามสขุทกุครั ้งทีย่ ่าไปบนป่าผนืนี ้มนัถิน่กา เนิดของพ่อ ของปู่ย่าตายาย พ่อเคยบอกลกูทกุ คนเสมอวา่พ่อยิ ่งรกั ป่าผนืนีม้ากขึน้หลงัจากกลบัมาจากเมอืงกรงุเมือ่สบิกวา่ ปีกอ่น ตอนนั ้นพ่อพาแม่ไป ทา งานในกรงุเทพฯ อยู่ครึ ่งปีกวา่กอ่นพาแมอ่พยพกลบับา้นเดม พ่อเล่าว่าพ่อไปท างานรับจ้างเทศบาลกวาด ิ ถนน “งานมนัง่ายอยู่หรอก แต่น่าเบือ่พ่อเลยเลกิ...” “ท าไมพ่อกลับมาครับ?” “มันแห้งแล้ง” ผมมองสภาพรอบตวั ป่าทั ้งป่าเปลีย่นสีตน้ไมใ้หญ่หลายตน้ใบรว่งกราวเพราะขาดน ้า หญา้แพรก ขึน้กระจายเหมอืนสิ ่งไรช้วีติเป็นภาพชนิตาของฤดูร ้อน “แหง้แลง้อย่างนีห้รอืพ่อ?” “ไม่ใช่มนัแลง้น ้าใจ...” พ่อหยุดครหู่นึ ่ง “...ครึ ่งปีทีท่า งานกวาดถนน พ่อเห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง การขบัรถ การขา้มถนน การทิ ้งขยะ เมอืง อะไรก็ไม่รู ้ มีขยะมากเหลือเกิน”
64 ผมไม่รวู้า่ตอนนั ้นพ่อพูดเป็นนัยหรอืไม่ผมคดิวา่ ไม่ เพราะพ่อไม่มีการศึกษาสูงอะไร “ทกุวนัมคีนทิ ้งอะไรแปลก ๆ เชน่...” “เช่นอะไร?” พอ่ สัน่หวั “แกอย่ารู ้เลย” มองหนา้พอ่นิ ่ง พอ่เงยีบครหู่นึ ่ง ในทีส่ดุก็วา่ “พอ่ ไม่อยากใหล้กู ๆ ของพอ่ โตในเมอืงแบบนั ้น” “ท าไมละพ่อ ?” “พอ่ ไม่อยากใหล้กูโตในหมู่คนที ่ไมม่คีวามรับผิดชอบ” เราทั ้งสองกา้วสวบ ๆ ตอ่ ไปขา้งหนา้ระยะทางหา้กโิลเมตรผา่นไปโดยผมไม่รสู้กึตวัอากาศแหง้แลง้ และอา้วเลก็นอ้ย ในทีส่ดุผมก็ถามขึน้ลอย ๆ “พ่อพบอะไรในกองขยะครับ” “ซากศพเด็กทารกคนหนึ ่ง” แล้วเราก็เงียบไป เราก้าวเดินต่อไป ระยะทางอีกสามกิโลเมตรผ่านฝ่าเท้าเราไปเงียบ ๆ เสียงนกร ้อง ดงัมาเพือ่ ไม่ใหค้วามเงยีบระหวา่งเราน่าอดึอดัไปกวา่นั ้น ผมครนุ่คดิอะไรบางอยา่งในใจแตไ่มพ่ดูออกมา ก.ม.ที ่22 ไฟรถสาดฝ่าความรางเลอืนเบือ้งหนา้ ทนัใดผมกโ็พลง่พรวดขึน้มา “จอดเถอะครับ” ผมแตะไหล่คนขับ รถตู้จอดลงทันที คนขับถามผม “เป็ นอะไรหรือคุณ ?” ทกุคนในรถตืน่ขึน้มา คณุชา นาญวา่ “จอดท าไม สมบุญ ?” คนขับรถมองหน้าผมไม่พูดอะไร ผมเอ่ยว่า “ผมเรียกลุงสมบุญจอดรถเองครับ” “จอดท าไม ?” “กลบัไปดหูมาตวันั ้นเถอะครบั” “จะบา้เรอะ เรามาตั ้งไกลจากจดุนั ้นแลว อย่าว่าแต่มันไม่เป็นอะไร ้ ” “ท าไม ?” อกีคนหนึ ่งถามผม “ผมคงนอนไม่หลับไปตลอดชีวิตแน่ ถ้าไม่รู ้ว่ามันตายหรือไม่” “ก็บอกแล้วไงว่ามันยังไม่ตาย” คณุชา นาญเริม่อารมณเ์สยีกบัผม “ไม่มีใครรู ้จริงหรอกว่า มันเป็นอะไรมากน้อยแค่ กลับเถอะครับ” คุณช านาญมองหน้าผมเขม็ง “คณุเกดิมนีโนธรรมอะไรขึน้มาตอนนี ้คณุก็รวู้า่เราตอ้งไปถงึทีน่ ั ่น ตอนเจด็โมงเชา้ตอนนี ้ เรามเีวลาไม่กีช่ ั ่วโมง อกีตั ้งหลายรอ้ยกโิล” “พรงุ่นี ้ เรามงีาน หากพลาดหมายถงึอนาคตราชการเราจบสิน้ทกุคน” ผมนึกถงึการเปลีย่นแปลงคณะรฐับาลเมือ่วานนี ้ผมอยากพดูวา่ “อนาคตของท่านต่างหาก...” แต่ ควบคุมตัวเองได้ สภุาพพยายามคลีค่ลายความตงึเครยีดระหวา่งเราโดยพดูเป็นกลาง ๆ วา่ “กลบัไปตอนนีก้ ็ไมท่นันะคะ อยา่วา่แตแ่ถวนีก้ลางป่าจะหาสตัวแพทยท์ี ่ไหนคะ” “มันอาจตายไปแล้วก็ได้ ถ้าเราไปพบว่ามันตายไปแล้วก็เสียเวลาเปล่า”
65 “คันหลังคงช่วยมันเองน่า” อีกคนว่า ผมมองทุกคนที ่ เกลีย้กล่อม ชา เลอืงดูดอกไมช้อ่ ใหญ่บนทีน่ ั ่งทีค่ ุณสาวติรเีตรยีมมา การท างาน ราชการแบผกูอนาคตของตวัเองกบักลมุ่หนึ ่งกลมุ่ ใดทา ใหเ้ราตอ้งวิ ่งไม่มวีนัหยุด และผมก็ตอ้งเป็นสว่นหนึ ่ง ของมนัเพราะผมไดร้บัคา สั ่งใหม้าดว้ย ผมถอนใจยาว เสยีงออ่นลงมาอยา่งเหนื ่อยหน่าย “พวกคุณว่าไงครับ” “ไม่กลับ” คุณสาวิตรีเอ่ยเด็ดขาด “ไม่กลับเหมือนกัน” คุณช านาญว่า คนที ่ เหลอืพยกัหนา้ รถยนตเ์ลน่ตอ่ ไปในความมดือกีครั ้งในความดา สนิทของทางเบือ้งหนา้ผมนึกถงึวนัเดนิ ป่ากบัพอ่ วนันั ้น... ราวห้าโมงเย็น เรากลับมาถึงจดุที ่ เราพกักนิขา้วเทีย่งอยา่งเหน็ดเหนื ่อย ผมเดนิตรงไปยงัจดุที ่ เรากอ่ ไฟก่อนเงยหน้ามองพ่อ “ผมไม่ได้ลืมดับไฟหรอกพ่อ...” ผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “...ทีน่ ่าแปลกก็คอื ทา ไมเรือ่งแค่นีผ้มกลบัจา ไม่ได”้ พ่อมองผมด้วยสีหน้าแปลก ๆ ผมหลบัตาหลง จา สายของพอ่ ไดจ้นบดันี ้ ตอนนีห้หา่งจากเหตกุารณน์ั ้นมานานสบิหา้ปีผมรสู้กึ เหนื ่อยเหมอืน เดนิทางมาไกลเหลอืเกนิ ในทีส่ดุผมกม็ ่อยหลบัไป คงสายเกนิไปทีจ่ะตดั สนิใจกลบัแลว้ ก.ม.ที ่31 ผมตืน่ขึน้มาอกีครั ้งเมือ่รถยนตห์ยดุกะทนัหนัรา่งของเราทกุคนกระเด็นตกจากทีน่ ั ่ง “เกดิอะไรขึน้ ?” คนขับบอก “รถชนหมาอีกแล้ว” ทั ้งหมดเงยีบไปครหู่นึ ่ง คุณสาวติรบีอกคนขบั “ขับต่อไป” ผมบอกน ้าเสยีงเฉียบขาด “ไม่ได้ ผมจะไปดูมัน” กา้วลงจากรถตรงไปยงัรา่งทีน่อนนิ ่งบนพืน้ถนน เจา้สตัวเ์คราะหร์า้ยเป็นหมาไทยตวัสดี าสนิท ผม เดนิใกลเ้ขา้ไปอกีนัยนต์ามนัหลบันิ ่ง ทั ้งรา่งไม่ไหวตงิผมเอามอืลบูหวัมนัแผ่วเบา บดัดลนัยตต์าคู่นั ้นก็เบกิ กวา้งเป็นประกายวาว หมาด าปากแสยะเขีย้วทั ้งสองวามวบัพรบิตานั ้นมนัก็กระโจนพรวดเขา้กดัคอผม เลอืดสแีดงทะลกัออกมาไม่ขาด ผมรอ้งลัน่สดุเสยีง “เกดิอะไรขึน้” ผมลมืตาโพลง เหงือ่ เย็นชมุ่แผน่หลงั สายตาหลายคู่จอ้งทีผ่ม ผมมองออกนอกหนา้ต่างรถตู้เห็น พระจนัทรก์า ลงัเคลือ่นต่อไปไม่หยุดยั ้ง รถไม่ไดห้ยุดจอดหรอืนี ่? ถา้อย่างนั ้น... “ผมฝันไปหรอืนี ่?” “ใช่ คุณฝันร ้าย” เอามอืลบูคอทีถ่กูหมาดา กดัทกุสว่นยงัอยคู่รบสมบรูณ์ผมเอย่ขึน้ขึน้แผว่เบา “โทษทที ีท่า ใหพ้วกคณุตกใจตืน่ผมฝนัวา่เจา้หมาตวันั ้น...” ใครบางคนเริม่หวัเราะ “ไม่อยากเชือ่ เลย...” ผมว่า “กลับไปเถอะครับ ผมทนไม่ได้” “ชา้ไปแลว้เราผา่นจดุนั ้นมาสามสบิกวา่กโิลแลว้”
66 คุณสาวิตรีหัวเราะ “คณุนี ่ใจออ่นกวา่ผหู้ญงิเสยีอกีกะอแีคช่นหมาตวันึ ่ง คณถึงกับฝันร ้ายุ” ผมใจออ่นอยา่งทีห่ลอ่นวา่จรงิๆ หรอื ? เอามอืลบูหนา้ตวัเองแรง ๆ แววตาของหลอ่นทา ใหผ้มนึก ถงึใบหนา้ของผูห้ญงิอกีคนหนึ ่ง พลนัอดตีเสีย้วหนึ ่งทีผ่มตอ้งการลมืก็ผุดขึน้ในใจผมอย่างระงบัไม่อยู่ ผมรจู้กัผหู้ญงิคนนั ้นมานานปีเศษ คนืนั ้นเราทั ้งสองกน็ ั ่งรถเวลากลางคนืเชน่กนัเบือ้งบนพระจนัทร์ ดวงเดมิทอแสงซดีคลา้ย ๆ กบัตอนนี ้รถประจา ทางสายกลางคนืแลน่ขา้มจงัหวดัตลอดทางผมนอนไม่หลบั ผมเชือ่วา่หลอ่นกน็อนไมห่ลบัเชน่กนั ไม่วา่ ใครกต็ามก็กา ลงัเดนิทางไปเพือ่จดุหมายเชน่นั ้นตอ้งนอนไม่หลบั แน่นอน แต่เราทั ้งสองเชือ่วา่มนัเป็นทางออกทีด่ที ีส่ดุเราตอ้งตดั สนิใจก่อนทีค่วามเปลีย่นแปลงในรา่งกาย หลอ่นจะมมีากวา่นี ้ รถประจา ทางจอดทีห่นา้สถานีสถานีขนสง่ตอนเจ็ดโมงเชา้เราทั ้งคจู่บัรถสองแถวอกีคนัหนึ ่งใหไ้ปสง่ เรา ณ จดุหมาย ตลอดทางเราทั ้งสองไม่พูดอะไร ผมเพยีงแค่สงสยัวา่หากสามารถยอ้นอดีตกลับไปได้อีก ครั ้ง ผมจะทา เชน่นั ้นอกีไหม ผมไม่รู้และน่าเสยีดายทีอ่ดตีก็เชน่ สายน ้าไม่เคยหวนกลบั สถานทีแ่ห่งนั ้น เป็นหอ้งแถวแคบกวา้งประมาณสามเมตรซอ่นตวัในซอยเล็กเงยีบสายหนึ ่ง สเีทา หม่นบนประตไูมแ้บบโบราณหลดุกะเทาะออกเป็นริ ้ว เราทั ้งคู่เดนิขึน้ชัน้สอง เสยีงบนัไดไมเ้ก่าโทรมลั ่นเอีย้ ดทกุครั ้งที ่ เทา้ของเราแตะ ผูห้ญงิรบัใชร้า่งทว้มวยั สีส่บิผูห้นึ ่ง เดนิมาเปิดประตูและพาเราเขา้ไปในหอ้งทีม่กีลิน่น ้ายาอบอวลจนฉุน ทีด่า้นหลงัมีชัน้ เหล็กวางขวดยาและ เครือ่งมอืต่าง ๆ ทีผ่มไม่เคยเห็นมากอ่นในชวีติมอีา่งลา้งมอืเกา่คร ่าคร่าบนเคาน์เตอร ์สีเทาหม่น บนพืน้มถีงัขยะขนาดใหญร่องดว้ยถุงพลาสตกิ สดี า ผูห้ญงิรบัใชบ้อกใหห้ลอ่นนอนบนเตยีงและให้ ผมรออยขู่า้งนอก ขณะทีห่ลอ่นไปตามชายอกีคนหนึ ่งมาทา งาน ผมนั ่งรออยู่ทีห่นา้หอ้งเงยีบ ๆ รสู้กึปวดหวั เล็กนอ้ย โถงเล็ก ๆ นั ้นสวา่งดว้ยแสงไฟจากหลอดไฟหกสบิวตัตเ์พยีงดวงเดยีว ผมนั ่งรออยู่อย่างทรุนทรุาย เมือ่ทกุอย่างจบสิน้ลง ผมก็พาหลอ่นกลบับา้น สหีนา้หลอ่นขาวซดีทรงตวัยนืแทบไมอ่ยู่ผมประคองหลอ่นออกทางประตูหลงัของหอ้งแถว เมือ่ถงึ ปากซอยเราทั ้งคู่นั ่งนั ่งบนมา้นั ่งรอรถสองแถว ผมรสู้กึเหนื ่อย มอืเย็นชืน้ดว้ยเหงือ่ผมกวาดสายตาไปทั ่ว บรเิวณ แลเห็นขยะเกลือ่นซอย เรารออยทู่ ีน่ ั ่นราวครึ ่งชั ่วโมงกวา่รถสองแถวคนัแรกจะมาถงึเราทั ้งสองกา้ว ขึน้รถพอดกีบัทีผ่มเห็นผหู้ญงิรบัใชค้นนั ้นแบกถุงขยะพลาสตกิ สดี าออกมา หลอ่นทิ ้งถุงขยะใบนั ้นกองทบั อยู่ข้างบนถังขยะ ผมพอเดาออกว่าภายในถุงใบนั ้นมีอะไร ผมหลบัตาลงขณะที ่รถสองแถววิ ่งหายไปจาก สถานทีน่ ั ้น กลนืกอ้นน ้าแข็งอะไรบางอย่างลงคอ นึกถงึพ่ออย่างบอกไม่ถูก วนันั ้นหลงัจากพบวา่ผมไมไ่ดล้มืดบัไฟ ผมกลา่วกบัพอ่วา่ “ผมไมไ่ดล้มืดบัไฟหรอกพ่อ ทีน่ ่าแปลก ก็คอืทา ไมเรือ่งแค่นีผ้มกลบัจา ไม่ได.้..” ผมหัวเราะ “...และพ่อก็จ าไม่ได้” สายตาพ่อมีแววแปลก ๆ “ใครบอกว่าพ่อจ าไม่ได้ ?” ผมอา้ปากคา้ง นึกถงึระยะทางสบิกวา่กโิลเมตรที ่ เราฝ่าป่ากลบัมา พ่อยอมเหนื ่อยยอมเสยีเวลา เพือ่อะไร สอนผมใหร้บัผดิ ชอบ ? เทา่นั ้นเองหรอื ? เราไม่ไดพู้ดอะไรตอนเดินกลับ ขณะที ่แสงสุดทา้ยของวนันั ้นก าลงัลบั ป่า แต่ผมไม่เคยลืม ประสบการณน์ั ้นเลยจนทกุวนันี ้ตอนนีผ้มเขา้ใจแลว้วา่หากวนันั ้นผมไม่ไดเ้ดนิกลบัไป ผมอาจนอนไม่หลบั ไปอีกหลายวันหรือหลายปีก็ได้
67 ก.ม.ที ่39 ผมก าลังนอนไม่หลับ ก.ม.ที ่51 ลมพดัเย็นเขา้มาในชอ่งหนา้ตา่งทีแ่งม้ไว ้ผมมองทอ้งฟ้า กลางทางหลวงสายเปลีย่วมองไม่เห็นเสน้ ขอบฟ้า นอกจากผนืดาวมหมึาคลีค่ลมุแผ่นฟ้า พระจนัทรส์ซีดีนอกหนา้ต่างรถตูส้วยงามไปอกีแบบหนึ ่ง ผูโ้ดยสารทกุคนในรถหลบัไปหมดแลว้ยกเวน้ผม มองหนา้คนขบั สมบุญยิม้ใหผ้ม เขาเอย่ขึน้วา่ “ครั ้งนึ ่งผมเคยถกูรถชน...” ผมยงัจา มนัไดด้ีกระบะของผมถกูสบิลอ้ชนกระเด็นคว ่าอยู่รมิทาง สบิลอ้คนันั ้น หายวับไปเลย...” เขาหัวเราะแผ่ว ๆ “...เพือ่นผมทีน่ ั ่งคู่มาดว้ยกนัตายคาที ่สว่นผมเองบาดเจ็บขาหกัผมนอนนิ ่งในความมืดอยู่นาน ผมเห็นแสงไฟของรถยนต์หลายคันผ่านไปผ่านมา แต่ไม่มีคันไหนหยุด จอดลงเลย รมู้ัย๊ตอนนั ้นผมเพยีง นึกสงสยัวา่ทา ไมคนขบัรถทีผ่ ่านทางไม่ลงมาชว่ย ผมพยายามหาเหตุผลใหว้า่บางทคีนเหลา่นั ้นไม่เห็นรถ ของผม บางทคีนัต่อไปคงจะจอด บางทคีนัทีข่บัผ่านไปแลว้คงหวนกลบัมาชว่ย” “ในทีส่ดุผมกเ็ห็นชาวบา้นสามสีค่นมาชว่ย ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ขยับปากจะพูดแต่ก็ชะงัก เมือ่ เห็นชาวบา้นหลายคนนั ้นพากนั ปลดทรพัยส์นิบนรา่งกายของเรา ผมนอนนิ ่ง ๆ จนเมือ่ทกุอย่างจบสิน้ลง แลว้จงึลมืตาขึน้อกีครั ้ง เชือ่ ไหมวา่วนันั ้นผมรอ้งไห”้ ผมพยักหน้า เขาเงียบและขับรถต่อไป รถตูแ้ล่นต่อไปเบือ้งหนา้เขา้สู่เขตภาคกลาง ทุกกโิลเมตรทีม่นัผ่านพาเราไปสู่อนาคตทีก่ าลงัจะ กลายเป็นอดีต สายตาผมจบัที ่ เศษขยะตามทาง เมื ่อเราขบัผ่านไปทีขยะเหล่านั ้นก็ลอยว่อนขึน้มาที ความคดิความรสู้กึของผมตอนนีก้ ็คงไมต่า่งจากของพอ่เมือ่พบเห็นอะไรบางสิ ่งในถงัขยะเมอืงกรงุครั ้งนั ้น ผม ขบกรามแน่น คงไม่มีวนัตอบค าถามเหลา่นี ้ได้ บอกลุงสมบุญเบา ๆ “จอดรถเถอะลงุผมจะลงทีน่ี ่” รถตคู้นัเกา่หยดุลงทนัทีลงสมบญุยิม้ใหผ้ม ตบไหลผ่มเบา ๆ ไม่พดูอะไร ทกุคนในรถตืน่ขึน้อกีครั ้ง แตค่ราวนี ้ไมม่ ใีครพดูอะไรเมือ่ผมกา้วลงจากรถ ผมเดนิดมุ่ยอ้นกลบัไปทางเดมิขณะที ่รถตคู้นันั ้นแลน่หาย ลบัไปยงัอกีทศิทางหนึ ่ง พวกเราวิ ่งต่อไปยงัอนาคตเบือ้งหนา้ สว่นผมจะกลบัไปสานอดตีทีย่งัไม่จบของผม ระยะทางหา้สบิกวา่กโิลเมตรดยูาวไกลเหลอืเกนิถา้โชคดผีมอาจโบกรถไดส้กัคนัหนึ ่ง แต่ถงึจะไม่มรีถผมก็ ไม่เปลีย่นใจ ก.ม.ที ่52 ผมกา้วย ่าไปในความมดื พระจันทร ์โผล่ออกจากกลุ่มเมฆแล้ว
68 แบบบันทึกการอ่านอย่างมีวิจารญาณ ชือ่ผแู้ตง่..................................................ชือ่ เรือ่ง/หนังสอื............................................. สถานทีพ่มิพ.์...................................ส านักพิมพ์.................................................... ปีทีพ่มิพ.์..........................................จา นวนหนา้................................................... 1.ประเภท ……………………………………………………………………………………………………………………… 2.โครงเรือ่ง ................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………….……. 3.เหตกุารณใ์นเรือ่ง ................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………………………………………………………………………..………... ………………………………………………………………………………………………………….………………………………… 4.แกน่เรือ่ง ………………………………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 5.ฉาก …………………………………………………………………………………..……………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. 6.ตัวละคร …………………………………………………………………………………………………….…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. 7.บทสนทนา …………………………………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
69 8.กลวิธีในการแต่ง ………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 9.เนือ้ เรือ่งยอ่................................................................................................................................ …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. 10.ขอ้คดิที ่ไดจ้ากเรือ่งทีอ่า่น ……………………………………………………………………………………………… .……………………………………………………………………………………………………………………………………………. 11.สาระทีสามารถน าไปประยุกต์ใช ้ในชีวิตประจ า ่วัน …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 12.วรรคทองของฉัน …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชือ่ .........................................นักเรยีน ลงชือ่ .........................................ผปู้กครอง (..............................................) (..................................................) ลงชือ่ .........................................ครผูสู้อน (..................................................)
70 แบบทดสอบหลังเรียน เรือ่ง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ คา ชี ้แจง เลอืกคา ตอบทีถ่กูตอ้งทีส่ดุเพยีงขอ้เดยีว 1. ขอ้ใดเป็นจดุประสงคข์องผูเ้ขยีนขอ้ความตอ่ ไปนี ้ หญา้แมเ้ป็นพืชตน้เล็ก ๆ แต่เพราะมีความทรหดอดทน จงึสามารถแพรพ่นัธไุ์ปไดท้ ั ่วโลกฉันใด คนเราแม้ก าลังทรัพย์ ก าลงัความรคู้วามสามารถจะยงันอ้ย แต่ถา้มีความตั ้งใจจรงิและไม่ย่อทอ้แลว้ย่อม สามารถฝึกฝนตนเอง ใหป้ระสบความสา เรจ็ในชวีติไดฉ้ ันนั ้น 1. แนะน าวิธีการท างาน 2. อธิบายสัจธรรมของชีวิต 3. ชืน่ชมผทู้ีป่ระสบความส าเร็จ 4. สอนใหค้นมคีวามมุ่งมัน่อดทน 5. เปรียบเทียบต้นหญ้ากับชีวิตของคน 2. ขอ้ใดเป็นจดุประสงคข์องขอ้ความตอ่ ไปนี ้ บรษิทัน ้ามนั ปตท.เบนเข็มขยายธรุกจิ “นอนออลย์” (ผลติภณัฑแ์ละบรกิารที ่ไม่ใชน่ ้ามนั ) เพราะใน อนาคตสิ ่งเหลา่นีจ้ะเป็นตวัทา กา ไรชัน้แนวหนา้เพราะสนิคา้และบรกิารไมม่คีวามเสีย่งจากความผนัผวนของ ราคาเหมือนกบัน ้ามนัเชน่เพิม่จ านวนรา้นสะดวกซือ้ภายในปั ๊มน ้ามนั โดยจะเพิม่สนิคา้ประเภทอาหาร พรอ้มรบั ประทานและเครือ่งดืม่ ใหม้ากขึน้ตอบสนองความตอ้งการของลกูคา้นอกจากนั ้นยงัเพิม่บรกิารเพือ่ ความสะดวกสบายแกล่กูคา้เชน่หอ้งน ้าสะอาด สวนพกัผ่อน ฯลฯ 1. เปรียบเทียบผลก าไรของธรุกจิน ้ามนักบัธรุกจินอนออลย์ 2. ชีแ้จงสาเหตทุีป่ตท.เปลีย่นขยายและพฒันาธรุกจินอนออยล์ 3. โนม้นา้วใหเ้ห็นวา่ สนิคา้และบรกิารนอนออยลใ์หผ้ลตอบแทนทีน่ ่าสนใจ 4. ตั ้งขอ้สงัเกตวา่ธรุกจิน ้ามนัมคีวามเสีย่งสงูมากขึน้จากความผนัผวนของราคา 5. ทา นายอนาคตทีก่า ลงักา้วหนา้ของธรุกจินอนออยลป์ระเภทรา้นสะดวกซือ้หอ้งน ้า และสวน ใชข้อ้ความตอ่ ไปนี ้ตอบคา ถามขอ้ 3-4 เคยไดย้นิเรือ่งนี ้ไหม “ถา้ไมอ่ยากเสยีเพือ่นกอ็ยา่ทา ธรุกจิรว่มกบัเพือ่นเป็นอนัขาด” เลยอยากถาม กลับไปว่า “แลว้ในตอนเริม่ธรุกจิเราจะไวใ้จใครไดม้ากกว่าญาตแิละเพือ่น” จริงอยู่หลายคนบาดหมางกับ เพื ่อนที ่ เป็นหุน้ ส่วนจนไม่มีวนักลบัมามองหน้ากนัอีก ลองส ารวจดูเถิด ตน้เหตุมักมาจากการแบ่ง ผลประโยชนท์ี ่ไม่ยุตธิรรม ถา้เรารกัเพือ่นมากพอ ควรหนัมาจบัเข่าคุยกนัดไีหม แลว้ชว่ยกนัแกไ้ขตน้เหตุ ก่อนจะแตกหักกันไป 3. ผู้เขียนข้อความข้างต้นมีเจตนาอย่างไร 1. สั ่งสอน 2. เสนอแนะ 3. ตอบค าถาม 4. ตั ้งขอ้สงสยั 5. วิพากษ์วิจารณ์
71 4. ข้อใดเป็ นความคิดส าคัญของผู้เขียนข้อความข้างต้น 1. ถา้เลอืกไดค้วรหลกีเลีย่งการทา ธรุกจิกบัเพือ่นเพราะจะโกรธกนัในทีส่ดุ 2. ในการทา ธรุกจิควรเลอืกเพือ่นทีส่ามารถไว้ใจได้จริง ๆ มาเป็นหุ้นส่วน 3. คนเราจะไม่รจู้กันิสยัทีแ่ทจ้รงิของเพือ่นจนกวา่จะไดท้า งานรว่มกนั 4. ความรกัระหวา่งเพือ่นสามารถทา ลายอปุสรรคทกุอยา่งในการทา ธรุกจิ 5. เมือ่ เกดิ ปญัหากบัเพือ่นที ่ เป็นหนุ้ สว่นธรุกจิน่าจะหารอืกนัเพือ่กา จดัตน้เหตทุีอ่าจจะน าไป สู่ความบาดหมาง ใชข้อ้ความตอ่ ไปนีต้อบคา ถามขอ้ 5-6 ชาวบา้นชมุชนดอกลา โพงตั ้งบา้นเรอืนอยู่รมิคลองมาตั ้งแต่รชักาลไหนจา ไม่ได้สบืทอดลกูหลาน มาหลายสบิรนุ่ยงัมภีาพถ่ายเป็นหลกัฐาน พวกเขาจบั ปลากนัในคลองเพือ่ ไวก้นิเหลอืกนิก็ขาย มาในยุค การก่อสร ้างรุ่งเรอืง มีธรุกจิดูดทรายในคลองไปขาย บา้นเมืองเจรญิขึน้มีหลายคนใชเ้รอืวิ ่งเรว็เพือ่ความ สะดวก มกีระทั ่งพานักทอ่งเทีย่วเขา้ไปดวูถิีรมิน ้า ดว้ยเหตนุี ้ทา ใหน้ ้าเซาะตลิ ่งเขา้ไปถงึใตถ้นุบา้น เรือ่งราวนี ้ กลบัตาลปัตรเป็นชาวบา้นถูกกลา่วหาวา่ ปลกูบา้นรกุล ้าลา น ้า 5. ข้อใด เป็ นแนวคิดส าคัญของข้อความข้างต้น 1. บา้นดอกลา โพงเป็นชมุชนโบราณรมิน ้าทีค่วรอนุรกัษไ์วใ้หน้ักทอ่งเทีย่วไดช้ม 2. ธรุกจิและการดา เนินชวีติบางอยา่งที ่ เปลีย่นไปทา ใหว้ถิชีวีติดั ้งเดมิของชาวบา้นรมิน ้าประสบ ชะตากรรม 3. การกลา่วหาชาวบา้นทีม่บีา้นเรอืนรมิคลองมาแตโ่บราณวา่บกุรกุทางน ้าเป็นเรือ่งที ่ไม่เป็นธรรม 4. เวลานับรอ้ยปีกลนืกนิ ชวีติความเป็นอยแู่บบดั ้งเดมิของชาวบา้นจนไม่อาจยือ้ใหห้วนคนื 5. วถิชีวีติตลอดจนบา้นเรอืนของชาวบา้นรมิน ้าถกูทา ลายเพราะการกระทา ของคนบางกลมุ่ โดยไม่มีคนรับผิดชอบ 6. ข้อความข้างต้นมีเจตนาอย่างไร 1. บอกเล่า 2. เสนอแนะ 3. กระตุ้นให้คิด 4. ตั ้งขอ้สงสยั 5. เตือนให้ระวัง 7.ขอ้ความตอ่ ไปนี ้ เสนอแนวคดิเรือ่งใดเรือ่งใดเป็นสา คญั หนังสอืเป็นเครือ่งมอืสา คญัเพราะเป็นสิ ่งสามารถเพิม่ทรพัยส์นิทางปัญญาสา หรบัน าไปถ่ายทอดแก่ ผู้ประสงค์จะรับไว้โดยสะดวกกว้างขวางในระยะเวลาอันยาวนานไม่จ ากัด จึงถือว่าเป็ นหลักฐานแห่ง อารยธรรมของชาติ 1.เครือ่งมอืทีส่า คญั 2.คุณค่าของหนังสือ 3.ทรัพย์สินทางปัญญา 4.หลักฐานความเจริญรุ่งเรืองของชาติ 5.การถา่ยทอดเนือ้หาอยา่งกวา้งขวางและยาวนาน
72 8. ขอ้ใด เป็นแนวคดิของขอ้ความตอ่ ไปนี ้ ลกูสมยักอ่นบอกวา่พอ่แม่ใหก้า เนิดเรา เลีย้งเรามาตั ้งแตต่นีเทา่ ฝาหอย ทา อะไรใหท้า่นไดต้อ้งรบีทา ลกูสมยันีอ้าจจะบอกวา่พอ่แมม่หีนา้มตีาเพราะลกูจบดอกเตอรจ์ากเมอืงนอกตา่งหาก 1.พ่อแม่มีพระคุณต่3อลูกมาก 2. ลูกสมัยก่อนมีความกตัญญูต่อพ่อแม่ 3. ความกตญัญกูตเวทขีองลกูสมยันีล้ดลง 4.ความเห็นของลกูทีม่ตีอ่พอ่แม่เปลีย่นไปจากเดมิ 5. ความกา้วหนา้ของลกูทา ใหพ้อ่แมพ่ลอยมชี ือ่ เสยีงดว้ย 9. สารในขอ้ใด สอดคลอ้งกบั สารในขอ้ความตอ่ ไปนี ้ “เมือ่วานคอืเชค๊ทีย่กเลกิพรงุ่นี ้ เป็นเพยีงสญัญาบนแผน่กระดาษ แตว่นันีค้อืเงนิ สด” 1.เราไม่อาจมวีนัพรงุ่นีท้ีด่กีวา่ ไดถ้า้มวัแตค่ดิถงึวนัวาน 2.ถา้คนรวยคอืคนมเีงนิคนมั ่งคั ่งทีแ่ทจ้รงิคอืคนทีม่ เีวลา 3.เวลาของเรามนีอ้ยเกนิกวา่ทีจ่ะเสยีเวลาเดนิตามฝนัของคนอืน่ 4.สตูรความสา เรจ็ในอนาคตของเราซอ่นอยใู่นสิ ่งที ่ เราทา เป็นกจิวตัรประจา วนั 5.เราไม่อาจเปลีย่นแปลงอดตีได้สว่นอนาคนกย็งัมาไมถ่งึเราจงึควรทา วนันี ้ใหด้ที ีส่ดุ 10. ขอ้ใด เป็นแนวคดิของคา ประพนัธต์อ่ ไปนี ้ แมค้นโตเตบิเพีย้ง เขาเขิน สูงเจ็ดล าตาลเกิน กึ ่งฟ้า ไร ้ทรัพย์อับเผอิญ แลเล็ก ลงแฮ ดั ่งปลวกเตีย้ต ่าชา้ ชวดผู้เล็งเห็น 1.การทา ตนใหต้ ่าตอ้ยจะถกูหมิน่แคลน 2.คนทั ่วไปมกัตดั สนิคณุคา่ของคนจากภายนอก 3.ร่างกายใหญ่โตใช่ว่าจะได้เปรียบเสมอไป 4.คนเราถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีใครเห็นความส าคัญ 5.ผทู้ีม่รีปูรา่งบคุลกิดอีาจมนีิสยัต ่าชา้ก็ได้
73 หน่วยการเรยีนรทู้ี ่1 อา่นพฒันาปัญญาเพิม่พนู แผนการจดัการเรยีนรทู้ี ่4 การสังเคราะห์ความรู ้จากการอ่าน มาตรฐาน/ตวัชี ้วดัท 1.1 ม.4-6/7 อา่นเรือ่งตา่ง ๆ เขยีนกรอบแนวคดิผงั ความคิด บันทึก ย่อความและรายงาน ภาระงานที ่7 การเขียนผังความคิดจากการอ่าน TCASS การสังเคราะห์ความรู ้จากการอ่าน 1. ความหมาย ภาสกร เกิดอ่อน และคณะ (ม.ป.ป., น. 22) กล่าวว่า การอา่นเพือ่สงัเคราะหค์วามรู้หมายถงึการอา่นทีผ่ ูอ้า่นตอ้งรวบรวมสารจากการอา่นมา เรยีบเรยีงเป็นความคดิและเกดิความเขา้ใจเรือ่งราวทีอ่า่นตรงกบัเรือ่งราวทีผ่ ูเ้ขยีนตอ้งการสือ่และสามารถ น าความรคู้วามคดิหรอืสาระจากเรือ่งราวทีอ่า่นไปใชใ้หเ้กดิ ประโยชนไ์ด้ 2. แนวทางการอา่นเพือ่สงัเคราะหค์วามรู้ ภาสกร เกิดอ่อน และคณะ (ม.ป.ป. น. 23 – 24) กลา่ววา่แนวทางการอา่นเพือ่สงัเคราะหค์วามรู้ คือ 1.พิจารณาแหล่งข้อมูล พิจารณาถึงคุณภาพของข้อมูล ความถูกต้องของข้อมูล ความ น่าเชือ่ถอืและความทนั สมยัของขอ้มูล 2.จบัใจความส าคญัของเรือ่ง โดยพิจารณาจาก ชือ่ เรือ่ง ชือ่บท ชือ่ตอน ชือ่หวัขอ้ต่าง ๆ ขอ้ความทีพ่มิพต์วัหนา และการจบัใจความสา คญั ในแต่ละย่อหนา้เพือ่ ใหท้ราบถงึประเด็นสา คญัทั ้งประเด็น หลักและประเด็นรองทีป่รากฏในเนือ้หา 3.พจิารณารายละเอยีดทีอ่าจเป็นประโยชน ์คือ พิจารณารายละเอียดบางส่วนเช่น ข้อมูล สถติติวัเลข ตวัอย่าง กรณีศกึษา ทีป่รากฏในเนือ้หา ซึ ่งอาจเป็นขอ้มูลทีส่ามารถน ามาใชป้ระโยชนไ์ด้ 4.วิเคราะห์ข้อเท็จจริง คือวิเคราะห์ข้อมูล เหตุการณ์หรือเรือ่งราวทีส่ามารถพสิจูนแ์ละระบไุด้ อย่างชดัเจนวา่เป็นเรือ่งจรงิหรอืเท็จ โดยไม่มที ศันคตสิว่นบุคคลเขา้มาเกีย่วขอ้ง 5.วิเคราะห์ความคิดเห็นของผู้เขียน คือ วิเคราะหข์อ้มูลที ่ เกิดจากความรูส้ ึกนึกคิดและ ทศันคตขิองบุคคลซึ ่งอาจแตกต่างกนัออกไป ซึ ่งจะทา ใหเ้กดิแง่มุมทีห่ลากหลาย 6.พจิารณาความน่าเชือ่ถอืของสาร คอืพจิารณาความน่าเชือ่ถอืของผูส้่งสารว่ามีความรู้ ความชา นาญในเรือ่งดงักล่าวหรอืไม่และเนื ้อหามีความน่าเชือ่ถือหรอืไม่โดยดูจากขอ้มูลที ่ใชอ้า้งอิง เชิงอรรถ บรรณานุกรม เป็ นต้น 7.วิเคราะห์กลวิธีการน าเสนอ คือ วิเคราะหว์่ากลวธิกีารน าเสนอนั ้นเหมาะสมกบัเนือ้ เรือ่ง หรือไม่ และผู้ส่งสารสามารถเลือกใช ้กลวิธีการน าเสนอได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด 8.วิเคราะห์การใช ้ภาษา คือ พิจารณาถึงการใช ้ภาษา สังเกตความกลมกลืนระหว่างภาษากับ เนื ้อเรือ่ง และการใชโ้วหารภาพพจนว์่า มีความสอดคลอ้งประสานกบัเนื ้อเรือ่งมากเพียงใด พิจารณา ความถกูตอ้งของหลกัภาษา รวมทั ้งพจิารณาวา่ ใชภ้าษาเหมาะสมกบับรบิทและสถานการณห์รอืไม่อย่างไร
74 3. แนวทางการอา่นสือ่สิ ่งพมิพ์ 3.1 การอ่านต าราวิชาการ ควรดรูายละเอยีดดงัตอ่ ไปนี ้ 3.1.1 พจิารณาดา้นเนือ้หา เนือ้หาจะตอ้งถูกตอ้งและสอดคลอ้งกบัชือ่หนังสอืและ หนังสอืวชิาการแขนงใด เนือ้หาก็ควรจะเนน้แขนงนั ้นโดยเฉพาะ 3.1.2 พิจารณาข้อมูลและภาพประกอบ ข้อมูลต้องถูกต้องชัดเจน ภาพประกอบต้อง ตรงกบัค าบรรยาย และเป็นภาพทีน่ ่าสนใจ เหมาะสมกบัวชิานั ้น ๆ 3.1.3 การใช ้ภาษา ภาษาที ่ใชเ้ป็นภาษาที ่ เหมาะสมกบัแขนงวชิานั ้น ๆ และสะกดค า ถูกต้อง มีรูปเล่ม ค าน า สารบัญถูกต้องเหมาะสม 3.2 การอ่านสารคดี ควรดูรายละเอยีดดงันี ้ 3.2.1 พจิารณาดา้นเนือ้หาสาระ เนือ้หาถูกตอ้งสมบูรณ์รวมทั ้งเสนอความคดิเห็นที ่ เป็ นประโยชน์ต่อผู้อ่านและสังคมส่วนรวม 3.2.2 พิจารณาวิธีการเขียน พจิารณาจากหลกัเกณฑต์อ่ ไปนี ้ (1) การวางโครงเรือ่งและการดา เนินเรือ่ง (2) เร ้าความสนใจ (3) ส านวนภาษา (4) สว่นประกอบอืน่ เชน่คา น า สารบญัเนือ้ เรือ่ง บรรณานุกรม 3.3 การอ่านบันเทิงคดี ควรดรูายละเอยีดดงันี ้ 3.3.1 โครงเรือ่งและเนือ้ เรือ่ง 3.3.2 การดา เนินเรือ่ง 3.3.3 ตัวละคร 3.3.4 แนวคดิของเรือ่ง 3.3.5 ส านวนภาษา 4.การอ่านสังเคราะห์ความรู ้ด้วย SQ4R SQ4R
75 4.1 การเรียนรู ้การเรียนรู ้แบบ SQ4R การเรียนรู ้แบบ SQ4R หมายถึง วิธีการเรียนรู ้การอ่านที ่ เป็นระบบ เป็นวธิการเรียนรู ้ลงมือ ี ปฏิบัติเพือ่พัฒนา ความเข้าใจในการอ่าน การตีความ ขยายความ สรุป และจับใจความส าคัญจากการอ่าน ด้วยตนเอง การเรียนรู ้แบบ SQ4R เนน้การอ่านซ้ ําๆ จนกว่าจะเขา้ใจและจดจ าเรือ่งราวทีอ่ ่านได้สามารถ พฒันาทกัษะสสู่มรรถนะการสือ่สารภาษาไทยไดด้วย การฟัง พูด อ่าน และเขียนและในชีวิตประจ าวัน ้ ได้ 4.2 ขัน้ตอนการเรยีนรู้ 4.2.1 Survey (S) ผูอ้า่นอา่นอย่างครา่วๆ เพือ่หาจดุสา คญัของเรือ่ง และการเรียบเรียง แนวคดิต่างๆ จากสิ ่งที ่ได้อ่านคร่าว ๆ 4.2.2 Question (Q) การตั ้งค าถาม กับ บทอ่าน 4.2.3 Read (R) การอา่นขอ้ความในบทหรอืตอนนั ้นซ ้าๆ อย่างละเอยีดและใน ขณะเดยีวกนัก็คน้หาค าตอบสา หรบัค าถามที ่ไดต้ ั ้งไว้ 4.2.4 Record (R) อ่านจดบนัทกึขอ้มูลต่างๆ ที ่ไดอ้า่นจาก ขัน้ตอนที ่๓ โดยมุ่ง บนัทกึในสว่นทีส่า คญัและสิ ่งทีจ่า เป็น โดยใชข้อ้มูลอย่างรดักุมหรอืย่อๆตามความเข้าใจของตน 4.2.5 Recite (R) อ่านและเขียนสรุปใจความส าคัญ สาระสา คญัของเรือ่ง โดยใช ้ภาษา ของตนเอง ถา้ยงัไม่แน่ใจในบทใดหรอืตอนใดใหก้ลบัไปอา่นซ ้าใหม่ 4.2.6 Reflect (R) วิเคราะห์วิจารณ์ บทอ่านได้ แสดงความคดิเห็นในประเด็นทีผ่ ูเ้รยีนมี ความคิดเห็นสอดคล้องหรือความคิดเห็นไม่สอดคล้อง หรือ เขียนสรุปสาระส าคัญเป็ นผังความคิด บันทึก ย่อ ความและรายงาน
76 ๏แบบทดสอบทักษะการอ่านสังเคราะห์ความรู ้(5 คะแนน)๏ คา ชี ้แจง อ่านเรือ่ง “การเปลีย่นแปลงของ (TCAS)” นี ้แลว้เขยีนผงัความคดิ อินโฟกราฟิก (Infographic) หรอืรปูแบบสรา้งสรรคอ์ืน่ๆ ตามศกัยภาพ การเปลีย่นแปลงของ (TCAS) • ปรบัรายวชิาสอบไมใ่หซ้ ้ ําซอ้นและเนือ้หาการสอบวดัความรเู้ชงิวชิาการ (A-Level) ไม่เกิน หลักสูตร • วัดความถนัด เป็น TGAT/TPAT จ านวน 6 วิชา เลือกสอบได้สูงสุด 6 วิชา • วัดความรู ้เชิงวิชาการ เป็น A-Level จ านวน 15 วิชา เลือกสอบได้สูงสุด 10 วิชา • แยกการสอบ 2 ชว่ง เพือ่ลดการกระจกุตวัของการสอบในชว่งเดยีวกนั โดยแยกการสอบวดัความ ถนัด (TGAT/TPAT)ในเดือนธันวาคม 2565 กับ การสอบวัดความรู ้เชิงวิชาการ (A-Level) ในเดือน มีนาคม 2566 • การสอบวัดความถนัด (TGAT/TPAT) สามารถเลือกสอบด้วยกระดาษ – PBT (โรงเรียนเป็ น สนามสอบ) หรอืดว้ยเครือ่งคอมพวิเตอร–์ CBT (มหาวิทยาลัยเป็ นสนามสอบ) ได้ตามความสมัครใจ • ค่าสมัครสอบเท่ากัน วิชาละ 140 บาท แต่ CBT ประกาศคะแนนสอบ 3 วันหลังการสอบ วิชาสุดท้ายเสร็จ • การสอบวัดความรู ้เชิงวิชาการ (A-Level) เป็ นการสอบด้วยกระดาษ – PBT เทา่นั ้น • ค่าสมัครสอบ วิชาละ 100 บาท • คะแนนสอบวัดความถนัด (TGAT/TPAT) สามารถใช ้ในการคัดเลือกรอบ Portfolio ได้ • วิชา TGAT และ TPAT2 มี3 ส่วน ประกาศคะแนนแยกส่วน น าไปใช ้แยกส่วนได้ • วิชา Math1 และ Math2 สามารถสมคัรสอบไดท้ ั ้ง 2 วชิา สอบคนละเวลา ◾รายวิชาสอบคัดเลือกกลาง (TCAS)◾ ◾รายวิชาสอบคัดเลือกกลาง 1.วดัความถนัด (ไม่เนน้เนือ้หาความรเู้ชงิวชิาการ) • ความถนัดทั ่วไป (General Aptitude Test: TGAT) • ความถนัดวิชาชีพ (Professional Aptitude Test: TPAT) เน้นการวัดความสามารถ เชิงทักษะในสายอาชีพ 2.วดัความรเู้ชงิวชิาการ (ไมส่อบเนือ้หาความรเู้ชงิวชิาการที ่ เกนิหลกั สตูร) • ความรู ้เชิงประยุกต์(Applied Knowledge Level: A-Level) = วิชาสามัญ เนน้การน าความรเู้ชงิวชิาการที ่ เรยีนในหลกั สตูรไปประยกุตใ์ชง้านได้ TGAT TPAT A-Level ◼การสือ่สารภาษาองักฤษ (English Communication) ◼การคิดอย่างมีเหตุผล (Critical & Logical Thinking) ◼สมรรถนะการท างาน การสร ้างคุณค่าและนวัตกรรม การแกไ้ขปญัหาทีซ่บซ ้อน ั การบริหารจัดการอารมณ์ การเป็นพลเมอืงทีม่สีว่นรว่มของ สังคม ◼กสพท ◼ศิลปกรรมศาสตร ์ ◼วิทยาศาสตร ์เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร ์ ◼สถาปัตยกรรมศาสตร ์ ◼ครุศาสตร ์/ศึกษาศาสตร ์ ◼คณิตศาสตร ์ประยุกต์1 ◼คณิตศาสตร ์ประยุกต์2 ◼วิทยาศาสตร ์ประยุกต์ ◼ฟิสิกส ์ ◼เคมี ◼ชีววิทยา ◼สังคมศึกษา ◼ภาษาไทย ◼ภาษาอังกฤษ ◼ภาษาตา่งประเทศอืน่ๆ
77 ◾เวลาในการสอบ และ คะแนนเต็ม◾ รายวิชา เวลาสอบ คะแนน TGAT (ความถนัดทั ่วไป) มี3 ส่วน 3 ชั ่วโมง (สอบทั ้ง 3 ส่วน) 100 คะแนน (ส่วนละ 100 คะแนน) TPAT1 (วิชาเฉพาะ กสพท) มี3 ส่วน 3 ชั ่วโมง 15 นาที (สว่นที ่ 1 = 1 ชั ่วโมง 15 นาที สว่นที ่ 2 & 3 @ 1 ชั ่วโมง) 100 คะแนน (ส่วนละ 100 คะแนน) TPAT2 (ความถนัดศิลปกรรมศาสตร ์) มี3 ส่วน (ทัศนศิลป์ดนตรีและ นาฎศิลป์) 3 ชั ่วโมง (สอบทั ้ง 3 ส่วน) 100 คะแนน (ส่วนละ 100 คะแนน) TPAT3 / TPAT4 / TPAT5 @ 3 ชั ่วโมง @ 100 คะแนน คณิตศาสตร ์ประยุกต์1 (พืน้ฐาน+เพิม่ เตมิ) 1.5 ชั ่วโมง 100 คะแนน คณิตศาสตร ์ประยุกต์2 (พืน้ฐาน) 1.5 ชั ่วโมง 100 คะแนน วิทยาศาสตร ์ประยุกต์/ ฟิสิกส์ / เคมี / ชีววิทยา / สังคมศึกษา/ ภาษาไทย / ภาษาอังกฤษ / ภาษาต่างประเทศ @ 1.5 ชั ่วโมง @ 100 คะแนน ◾ รูปแบบการจัดสอบ◾ TGAT/TPAT ในเดือนธันวาคม จดัทั ้งสองรปูแบบ ใหเ้ลอืกตามความสมคัรใจ ไดแ้ก่ A-Level ในเดือนมีนาคม จัดสอบเพียงรูปแบบเดียว ได้แก่ • การสอบด้วยกระดาษ (PBT) • ค่าสมัครสอบรายวิชาละ 100 บาท • การสอบดว้ยเครือ่งคอมพวิเตอร(์CBT) • เครือ่งคอมพวิเตอรท์ีสนามสอบจัดให้ (มหาวิทยาลัย ่ เป็ นสนาม สอบ) • ค่าสมัครสอบหลังหักส่วนลดแล้วเหลือรายวิชาละ 140 บาท • ทราบผลคะแนนเร็ว 3 วันหลังสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ • ชว่งเวลารบัสมคัรยาวนานกวา่ (กรณีมที ีน่ ั ่งวา่งเหลอื) • ยกเว้นการสอบ TPAT1 ของ กสพท • การสอบด้วยกระดาษ (PBT) • โรงเรียนเป็ นสนามสอบ • ค่าสมัครสอบรายวิชาละ 140 บาท - เลือกสนามสอบไม่เกิน 5 แห่ง - เรยีงลา ดบัตามความตอ้งการจากมากทีส่ดุเป็นลา ดบั 1 ไลไ่ ปเรือ่ย ๆ - จดัทีน่ ั ่งสอบตามลา ดบั สนามสอบที ่ เลอืก
78 ◾ก าหนดการสอบ TGAT/TPAT◾ รหัสวิชา ชือ่ยอ่ ชือ่ เต็ม เวลาสอบ คะแนนเต็ม ร่างวันสอบ ร่างเวลาสอบ 90 TGAT ความถนัดทั ่วไป สอบทั ้ง 3 สวน่ 100 -91 -TGAT1 การสือ่สาร ภาษาอังกฤษ 3 ชั ่วโมง -100 -92 -TGAT2 การคิดอย่างมี เหตุผล -100 -93 -TGAT3 สมรรถนะการท างาน -100 30 TPAT3 ความถนัดวิทยาศาสตร ์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร ์ 3 ชั ่วโมง 100 50 TPAT5 ความถนัดครุศาสตร ์- ศึกษาศาสตร ์ 3 ชั ่วโมง 100 20 TPAT2 ความถนัดศิลปกรรม ศาสตร ์ สอบทั ้ง 3 สวน่ 100 -21 -TPAT21 ทัศนศิลป 3 ชั ่วโมง -100 -22 - TPAT22 ดนตรี -100 -23 - TPAT23 นาฏศิลป์ -100 40 TPAT3 ความถนัดทาง สถาปัตยกรรม 3 ชั ่วโมง 100 10 TPAT1 วิชาเฉพาะ กสพท สอบทั ้ง 3 สว่น 100 -11 TPAT11 -เชาว$ปfญญา 1 ชม.15 นาที 100 -12 TPAT12 -จริยธรรมทาง การแพทย์ 1 ชั ่วโมง 100 -13 TPAT13 -ทกัษะการเชือ่มโยง 1 ชั ่วโมง 100 ◾ปฏิทินการสมัครสอบ A-Level◾ กิจกรรม ผู้รับผิดชอบ ก าหนดการ สมัครสอบรายวิชา A-Level (สอบด้วยกระดาษเท่านัน้ โดยเลอืก สนามสอบแบบเรียงล าดับ 5ล าดับ) ค่าสมัครสอบรายวิชาละ 100 บาท ผู้สมัคร พิมพ์บตัรทีน่ ั ่งสอบรายวชิา A-Level ผู้สมัคร จัดสอบรายวิชา Bio/Phy/Thai/Soc (สอบด้วยกระดาษเท่านัน้ ) ทปอ. จัดสอบรายวิชา Math1/Eng/Chem (สอบด้วยกระดาษเท่านัน้ ) ทปอ. จัดสอบรายวิชา Math2/Sci/Fre/Ger/Jap/Kor/Chi/Bal (สอบด้วยกระดาษเท่านั ้น) ทปอ. จดั สอบวชิาเฉพาะเพิม่ เตมิที ่ไมมีหน่ ่ วยงานใดจัดสอบให้ สถาบันอุดมศึกษา ประกาศผลคะแนนสอบวิชา A-Level ทปอ. ขอทบทวนผลคะแนนสอบวิชา A-Level ผู้สมัคร
79 ◾ก าหนดการสอบ A-Level◾ รหัสวิชา ชือ่ยอ่ ชือ่ เต็ม เวลาสอบ คะแนนเต็ม ร่างวันสอบ ร่างเวลาสอบ 66 Bio ชีววิทยา 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 64 Phy ฟิสิกส์ 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 81 Thai ภาษาไทย 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 70 Soc สังคมศาสตร ์ 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 61 Math1 คณิตศาสตร ์ ประยุกต์1 (พืน้ฐาน+ เพิม่ เตมิ) 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 82 Eng ภาษาอังกฤษ 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 65 Chem เคมี 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 62 Math2 คณิตศาสตร ์ ประยุกต์2 (พืน้ฐาน) 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 63 Sci วิทยาศาสตร ์ ประยุกต์ 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 83 Fre ภาษาฝรั ่งเศส 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 84 Ger ภาษาเยอรมัน 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 85 Jap ภาษาญีป่ ุ่น 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 86 Kor ภาษาเกาหลี 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 87 Chi ภาษาจีน 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 88 Bal ภาษาบาลี 1 ชั ่วโมง 30 นาที 100 ◾ปฏิทินการคัดเลือก 4 รอบของ TCAS◾ TCAS66 : 4 รูปแบบการคัดเลือก 4 รอบการสมัคร Portfolio ◼ เน้นความสามารถที ่โดดเดน่ ◼พิจารณาจากผลงาน ไม่มีการสอบวัดความรู ้เชิงวิชาการ หรือ สอบปฏิบัติ แต่อาจใช ้คะแนนวัดความถนัด: GPAX, TGAT, TPAT Quota ◼เน้นคนในพืน้ที ่คณุสมบตัเิฉพาะ เครอืขายความร่ ่ วมมือ ◼ใช ้คะแนนสอบส่วนกลาง หรือ มหาวิทยาลัยจัดสอบเอง: GPAX, TGAT, TPAT, A-Level Admission Ø เน#นการสอบส0วนกลาง (ทปอ. และ กสพท) Ø มหาวิทยาลัยก าหนดเกณฑUคัดเลือกอย/างเปVนอิสระ: GPAX, TGAT, TPAT, A-Level Direct Admission Ø เน#นคนทีย่งัไม0มที ี ่ เรยีน Ø มหาวิทยาลัยก าหนดเกณฑUคัดเลือกอย/างเปVนอิสระ: GPAX, TGAT, TPAT, A-Level
80 การเขียนแผนผังความคิดหรือ อินโฟกราฟิก (Infographic) TCAS ชือ่ ...................................สกลุ....................................เลขที ่ ...................หอ้ง.........................
81 แบบประเมินการสังเคราะห์ความรู ้จากการอ่าน : .............................. รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน รวม 4ดีมาก 3 ดี 2 พอใช ้ 1 ปรับปรุง อักขรวิธี เขียนถูกต้อง ทุกค า เขียนผิด 1-3 ค า เขียนผิด 4-6 ค า เขียนผิด 7 ค าขึน้ไป เนือ้หา เนือ้หาถกูตอ้ง ทั ้งหมด เนือ้หาผดิ 1-3 แห่ง เนือ้หาผดิ 4-6 แห่ง เนือ้หาผดิ 7 แห่งขึน้ไป การใช ้ภาษา ใช ้ค าถูกต้อง ตามความหมาย และระดับภาษา ตลอดข้อความ ใช ้ค าไม่ถูกต้อง ตามความหมาย และระดับภาษา 1-3 แห่ง ใช ้ค าไม่ถูกต้อง ตามความหมาย และระดับภาษา 4-6 แห่ง ใช ้ค าไม่ถูกต้องตาม ความหมายและระดับ ภาษา 7 แห่งขึน้ไป ความเรียบร ้อย เป็ นระเบียบ ไม่มีรอยลบ ขีดฆ่า เป็ นระเบียบ มีรอยลบขีดฆ่า 1-3 แห่ง ไม่เป็นระเบียบ มีรอยลบขีดฆ่า 4-6 แห่ง ไม่เป็ นระเบียบ มีรอยลบขีดฆ่า 7 แห่งขึน้ไป สร ้างสรรค์ มีรูปแบบ สร ้างสรรค์ มองเห็นภาพ TCASS ชัดเจน มีรูปแบบ สร ้างสรรค์ มองเห็นภาพ TCASS ไม่ ชัดเจน มีรูปแบบไม่ สร ้างสรรค์ แต่ มองเห็นภาพ TCASS ชัดเจน มีรูปแบบไม่ สร ้างสรรค์ มองเห็น ภาพ TCASS ไม่ชัดเจน รวมคะแนน ผูป้ระเมนิ ( ) ตนเอง ( ) เพือ่น ( ) ผูป้กครอง ( ) ครู ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนน ผลประเมิน ดีมาก 18-20 ดี 14-17 พอใช ้ 10-13 ปรับปรุง 0-9
82 การบรรยาย 1.ความหมาย การบรรยาย (วัลลภา วิทยารักษ์,2537,น.67) การเลา่เรือ่ง การเลา่เหตกุารณท์ีต่อ่เนื ่องกนัทา ให้ ผู้รับสารทราบว่า ใคร ทา อะไร ที ่ไหน เมือ่ ไร อยา่งไร เพือ่อะไร 2.วิธีการบรรยาย การบรรยายทา ไดห้ลายวธิีดงันี ้ (1) บรรยายวา่ ใคร ทา อะไร ที ่ไหน เมือ่ ไร อยา่งไร เพือ่อะไร ใหผ้รู้บั สารรเู้รือ่ง (2) บรรยายโดยเนน้เหตกุารณต์ามลา ดบัเวลาที ่ เป็นจรงิ (3) บรรยายโดยสลับเหตุการณ์ (4) เลือกบรรยายเฉพาะเหตกุารณส์า คญัทีส่ง่ผลเกีย่วเนื ่องถงึเหตกุารณอ์ืน่ เลอืกใชว้ธิอีืน่ๆ แทรกในการบรรยาย เชน่ผกูเป็นบทสนทนา มกีารตั ้งคา ถาม 3.ตัวอย่างการบรรยาย 3.1 การบรรยายประเภทร ้อยแก้ว ขณะเมือ่ เลา่ ปี ่ควบมา้หนีไปนั ้น ทั ้งกลางวนักลางคนืไดท้างประมาณพนัเสน้ครัน้ถงึเมือง เซยีงจิ ๋วจึงบอกแก่นายประตูว่า เราจะเขา้ไปหาอว้นถ าเจา้เมืองซึ ่งเป็นบุตรอว้นเสีย้ว นายประตูก็เอา เนือ้ความเขา้ไปบอกแกอ่ว้นถ า (สามก๊ก,หน้า 61) 3.2 การบรรยายประเภทร ้อยกรอง หมืน่วเิศษรบัคา แลว้อา ลา รีบมาบ้านขุนช ้างหาช ้าไม่ ครัน้ถงึแอบดูอยู่แต่ไกล เห็นผคู้นขวกัไขวท่ ั ้งชานเรอืน (ขุนช ้างขุนแผน,หน้า 29) หน่วยการเรยีนรทู้ี ่2 เขียนดีมีประสิทธิภาพ แผนการจดัการเรยีนรทู้ี ่5 เขยีนสือ่สารรปูแบบอธบิาย บรรยาย พรรณนา มาตรฐาน/ตวัชี ้วดัท 2.1 ม.4-6/1 - การเขียนอธิบาย บรรยาย พรรณนา
83 การพรรณนา 1.ความหมาย พรรณนาโวหาร คือ โวหารที ่ใชก้ล่าวถึงเรือ่งราว สถานที ่บุคคล สิ ่งของ หรอือารมณอ์ย่าง ละเอยีด สอดแทรกอารมณ์ความรสู้กึลงไปเพือ่ โนม้นา้วใจ ใหเ้กดิอารมณค์ลอยตามไปด้วย ้ 2.จุดมุ่งหมาย พรรณนาโวหารมุ่งใหค้วามแจม่แจง้ละเอยีดลออ เพือ่ ใหผ้อู้า่นเกดิอารมณซ์าบซึ ้งเพลดิเพลนิไปกบั ขอ้ความนั ้นการเขยีนพรรณนา มุ่งใหภ้าพ และอารมณ์ดงันั ้น 1. มักใช ้การเล่นค า เล่นเสียง ใช ้ภาพพจน์ 2. ใชถ้อ้ยคา อธบิายหรอืบรรยายสิ ่งทีพ่บเห็นอยา่งละเอยีด โดยใชส้า นวนโวหารที ่ไพเราะสอดแทรก อารมณ์ความรู ้สึกของผู้เขียน 3. รจู้กัใชถ้อ้ยคา ทีป่ระณีตใหค้วามรสู้กึโดยหยบิยกลกัษณะสา คญัมากลา่ว 4. การใชถ้อ้ยคา ในการบรรยายลกัษณะจะใชถ้อ้ยคา ทีแ่สดงรปูธรรม เชน่บอกลกัษณะ สสีนั รปูรา่ง เวลาเพือ่ ใหผ้อู้า่นเห็นภาพชดเจน หรือใช ้ถ้อยค าท าให้เกิดความไพเราะ ั 3. หลักการเขียนพรรณนาโวหาร 1 ต้องใช ้ค าดีหมายถงึการเลอืกสรรถอ้ยคา เพือ่ ใหส้ือ่ความหมาย สือ่ภาพ สือ่อารมณเ์หมาะสม กบัเนือ้ เรือ่งทีต่อ้งการบรรยายควรเลอืกคา ที ่ใหค้วามหมายชดัเจน ทั ้งอาจตอ้งเลอืกใหเ้สยีงคา สมัผสักนั เพือเกิดเสียงเสนาะอย่างสัมผัสสระ สัมผัสอักษร่ ในงานร ้อยกรอง 2. ต้องมีใจความดีแม้จะพรรณนายืดยาว แต่ใจความต้องมุ่งให้เกิดภาพ และอารมณ์ความรู ้สึก สอดคลอ้งกบัเนือ้หาทีก่า ลงัพรรณนา 3. ต้องใช ้อุปมาโวหาร คอืการเปรยีบเทยีบเพือ่ ใหไ้ดภ้าพชดัเจน และมกัใชศ้ลิ ปะการใชค้ าที ่ เรยีกวา่ภาพพจนป์ระเภทตา่ง ๆ ทั ้งนี ้ เป็นวธิกีารทีจ่ะทา ใหพ้รรณนาโวหารเดน่ทั ้งการใชค้ า และการใชภ้าพ ทีแ่จม่แจง้อา่นแลว้เกดิจนิตนาการและความรสู้กึคลอ้ยตาม 4. ในบางกรณีอาจต้องใช ้สาธกโวหารประกอบด้วย คอืการยกตวัอย่างเพือ่ ใหเ้กดิความ แจ่มแจ้ง โดยยกตัวอย่างสิ ่งทีล่ะมา้ยคลา้ยคลงึกนัเพือ่ ใหเ้กดิภาพและอารมณเ์ด่นชดัพรรณนาโวหารมกัใช้ กบัการชมความงาม อืน่ๆ เชน่ ชมสถานที ่สรรเสรญิบคุคล หรอืใชพ้รรณนาอารมณ์ความรสู้กึเชน่รกั เกลียด โกธร แค้น เศร ้าสลด เป็ นต้น ตัวอย่าง “...สตรที ั ้งหลายทีอ่ยใู่นแผน่ดนินั ้นงามทกุคน รปูรา่งไม่สงูไม่ต ่าเกนิไป ไม่ผอมไม่อว้นเกนิไป ไม่ขาว ด าเกินไป มีรูปทรงสมส่วน ผวิพรรณงามดั ่งทองสกุเหลอืง เป็นทีพ่งึใจของชายทกุคน นิ ้วมอืนิ ้วเทา้กลมกลงึ มเีล็บสแีดงเหมอืนน ้าครั ่งทีท่าแตม้ไว้แกม้ใสนวลงามดั ่งผดัแป้ง ใบหนา้นั ้นเกลีย้งเกลาปราศจากมลทนิคอื ไฝ ฝ้ า มีดวงหน้าดุจพระจันทร ์วันเพ็ญ มีนัยน์ตาด าเหมือนนัยนต์าของเนือ้ทรายอายุ3 วนัทีข่าวก็ขาว เหมอืนสงัขท์ีพ่ึ ่งขดัใหม่มีรมิฝีปากแดงดงัลกูฟักขา้วทีส่กุงอม มลีา แขง้ขาเรยีวงาขาวเหมอืนลา กลว้ยทอง ฝาแฝด มทีอ้งที ่ราบเรยีบเสมอ ลา ตวัออ้นแอน้เกลีย้งกลมงาม มขีนและเสน้ผมละเอยีดออ่นยิ ่งนัก ...“
84 การอธิบาย ๏วิธีการอธิบาย 1. การอธบิายตามลา ดบัขัน้ คอืการบอกขัน้ตอนเรยีงไปตามลา ดบั (สงัเกตจากคา บอกลา ดบั ขัน้ตอน เชน่ขัน้ที ่1,ขัน้ที ่2 ,1.,2.,หรอืเริม่ตน้ดว้ย,จากนั ้น,ถดัไป,ตอ่ดว้ย,...ทา้ยทีส่ดุ ) ตัวอย่าง การกราบใชใ้นโอกาสทีแ่สดงความเคารพอยา่งสงูตอ่ผมู้อีาวโุส สว่นมากขณะนั ่งกบัพืน้การปฏบิตั ิ มดีงันี ้ 1.คกุเขา่ลงทั ้งสองขา้ง 2.นั ่งพบัเพยีบเก็บปลายเทา้ 3.กม้ตวัลงหมอบใหแ้ขนทั ้งสองขา้งอยขู่า้งเขา่ทีย่ืน่ออกมา 4.ประนมมอืใหอ้ยใู่นระดบัพืน้ 5.กม้ศรีษะลงจรดนิ ้วหวแม่มือ ั 2. การอธิบายโดยใช ้ตัวอย่าง คอืการอธบิายวธิกีารหรอืหลกัการที ่ เขา้ใจยาก มคีวามซบัซอ้น ตอ้งยกตวัอยา่งประกอบเพือ่ ใหเ้ขา้ใจไดช้ดัเจนยิ ่งขึน้ (สงัเกตคา วา่เชน่,อาท,ิไดแ้ก,่ตวัอยา่งเชน่และปิดทา้ย ด้วยค าว่า “เป็ นต้น”) ตัวอย่าง “การค้นพบบางอย่างในทางวิทยาศาสตร ์การแพทย์ และจิตวิทยาของตะวันตก ได้ให้หลักฐาน สอดคลอ้งกบัความเชือ่ทางพทุธศาสนาวา่ดว้ยชวีติในชาตปิางกอ่น ตัวอย่าง ผูห้ญงิถูกสะกดจติรายหนึ ่งได้ เลา่ยอ้นความทรงจา ของเธอไปหลายรอ้ยปีวา่เธอเคยเป็นแม่บา้นอยู่ในฝรั ่งเศสมากอ่น นักประวตั ศิาสตร์ ต่างยอมรับความถูกตอ้งของสถานที ่ภาษา และวถิ ชีวีติของคนสมยันั ้นที ่ เธอไดเ้ลา่ ใหต้อนนั ้น ...” 3. การอธิบายโดยการเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่าง คอืการอธบิายสิ ่งที ่ แปลกใหม่โดยยกสิ ่งหนึ ่งทีผ่ ูร้บั สารคุน้เคยหรอืรูจ้กัดีขึน้มาเทยีบเคียงเพื ่อใหเ้ขา้ใจไดง้่ายและชดัเจนขึน้ รวมถึงการเปรียบเทียบให้เห็นด้านดีและด้านเสียด้วย (สังเกตจากค าแสดงการเปรียบเทียบ เช่น “แตกต่าง กัน,เหมือนกัน,มากกว่า,น้อยกว่า,ดีกว่า,นุ่มกว่า,แข็งกว่า, ฯลฯ” หรือแสดงด้านดีด้านเสียง เช่น “ ข้อดี... ข้อเสีย...,ข้อดี...ข้อจ ากัด,ส่วนดี...ส่วนด้อย ฯลฯ) ตัวอย่าง “การแสดงพืน้ เมอืง จะมลีกัษณะตา่งกบัเพลงพืน้ เมอืงตรงที ่ เนน้ลกัษณะและลลีาการรา มากขึน้กวา่ การเล่นเพลง ความหมายของการใช ้ท่าทางจะมีมากกว่า การแต่งกายของผู้แสดงจะดูพิถีพิถัน ต้องการ ความสวยงาม เพือ่ ใหก้ารฟ้อนรา นั ้นดูงาม และเป็นเอกลกัษณใ์นการแสดงแต่ละชดุการแสดงพืนบ้านภาค้ กลางที ่ เลน่มาแต่โบราณ”
85 4. การอธบิายโดยการใชส้าเหตุและผลลพัธท์ีส่มัพนัธก์นัคอืการอธบิายใหเ้ห็นว่าสิ ่งใด เป็นสาเหตุและส่งผลใหเ้กิดสิ ่งใดเป็นไปตามล าดบั (สงัเกตจากค าเชือ่มแสดงเหตุผล เชน่ “จึง,เพราะ, เพราะฉะนั ้น,ดงันั ้นจงึ,ดว้ยเหตุนี ้ฯลฯ” ตัวอย่าง “ในระบบของธรรมชาตินั ้น น ้าจะเกดิขึน้ไดเ้พราะมีความชมุ่ ชืน้ของป่าไมแ้ห่งเทอืกขนุเขา ให้ กา เนิดตน้น ้า ลา ธาร และป่าไมส้ามารถสรา้งระบบความสมัพนัธอ์นัซบัซอ้นตั ้งแต่ตน้เล็กจนถงึไมใ้หญ่ไดก้็ ดว้ยมผีนืดนิ สรา้งธาตุอาหารไวใ้ห้ทั ้งป่าไม้ดนิและน ้า จงึมคีวามผูกพนัทีต่ ่างใหซ้ ึ ่งกนัและกนั...” 5. การอธิบายโดยการนิยาม คือ การใหค้วามหมายสิ ่งใดสิ ่งหนึ ่ง (สงัเกตจากค าแสดง ความหมาย เช่น “เป็ น,คือ,หมายถึง,แปลว่า ฯลฯ” ตัวอย่าง “สขุภาพจติหมายความถงึ สภาพความสมบูรณท์างจติใจของมนุษยซ์ ึ ่งจะด ารงชวีติอยู่ในสงัคมได้ อย่างเป็ นสุข ไม่มีอาการโรคจิต โรคประสาท หรือพฤติกรรมผิดปกติ ตลอดจนการปรับตัวในสังคมได้อย่าง เป็ นสุข” 6. การอธบิายโดยการกลา่วซ ้าดว้ยถอ้ยคา ทีแ ่ปลกออกไป เช่น “คนเราตา่งตอ้งการการยอมรบัจากสงัคมดว้ยกนัทั ้งสิน้/ ไมม่ ใีครทีพ่อใจกบัการทีถ่กูสงัคมรงัเกยีจ” “โรคอบุตัซิ ้า” เป็นโรคทีก่ลบัมาระบาดใหม่หลงัจากเคยเกดิขึน้แลว้หายไป หรอืพบหลงัจากที ่ไม่เคย มกีารระบาดในพืน้ที ่ เดมิมาเป็นเวลานาน เชน่ โรคเทา้ชา้ง ไขท้รพษิเป็นตน้
86 แบบทดสอบทักษะการเขียนบรรยาย เรือ่ง “ฉันคือใคร?” คา ชีแ้จง ให้นักเรียนเขียนบรรยาย ความเป็นตัวของนักเรียนเองตามความเป็นจริง (ลักษณะนิสัย อารมณ์ ความรู ้ ความคิด จินตนาการ ความใฝ่ฝัน เป้ าหมายชีวิต การประกอบอาชีพ พฤติกรรม ฯลฯ) ฉันคือใคร? ชือ่ .........................................สกลุ...........................................เลขที ่ .............................ห้อง.............................. ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................................
87 แบบทดสอบทักษะการเขียนพรรณนา คา ชีแ ้จง เลือกพันธุ์ไม้ในสวนพฤกษศาสตร ์โรงเรียน โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย คนละ 1 ต้น ศกึษา สงัเกต สภาพจรงิของพนัธไุ์มท้ ี ่ เลอืก แล้วเขียนสรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้ ตามเอกสาร ก 7-003 หน้า 8 สรุปลักษณะและข้อมูลพรรณไม้ (สรปุลกัษณะและขอ้มลูพรรณไมต้ ั ้งแตหน้า ่ 2-7 และขอ้มลูพืน้บา้นหนา้ 1 โดยเขียนเป็นเรียงความบรรยาย) ชือ่พนัธไุ์ม.........................................้ รหัสพรรณไม้………………………………….. ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................................
88 แบบทดสอบทักษะการเขียนอธิบาย คา ชีแ้จง 1. ให้นักเรียนอ่านเอกสารประกอบการเรียน และอ่าน “ไตรภูมิพระร่วง” 2. เขียนอธบิายตามขัน้ตอน และอธิบายเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่าง การเกิดของมนุษย์ ตามแนวไตรภูมิ และตามแนววิทยาศาสตร ์ ชือ่ .........................................สกลุ...........................................เลขที ่ .............................ห้อง.............................. ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................................
89 แบบประเมินทักษะการเขียนบรรยาย พรรณนา อธิบาย รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน รวม 4 ดีมาก 3 ดี 2 พอใช ้ 1 ปรับปรุง อักขรวิธี เขียนถูกต้อง ทุกค า เขียนผิด 1-3 ค า เขียนผิด 4-6 ค า เขียนผิด 7 ค าขึน้ไป เนือ้หา เนือ้หาถกูตอ้ง ทั ้งหมด เนือ้หาผดิ 1-3 แห่ง เนือ้หาผดิ 4-6 แห่ง เนือ้หาผดิ 7 แห่งขึน้ไป การใช ้ภาษา ใช ้ค าถูกต้อง ตามความหมาย และระดับภาษา ตลอดข้อความ ใช ้ค าไม่ถูกต้อง ตามความหมาย และระดับภาษา 1-3 แห่ง ใช ้ค าไม่ถูกต้อง ตามความหมาย และระดับภาษา 4-6 แห่ง ใช ้ค าไม่ถูกต้องตาม ความหมายและระดับ ภาษา 7 แห่งขึน้ไป ความเรียบร ้อย เป็ นระเบียบ ไม่มีรอยลบ ขีดฆ่า เป็ นระเบียบ มีรอยลบขีดฆ่า 1-3 แห่ง ไม่เป็นระเบียบ มีรอยลบขีดฆ่า 4-6 แห่ง ไม่เป็ นระเบียบ มีรอยลบขีดฆ่า 7 แห่งขึน้ไป โวหารการ เขียน ใช ้โวหารการ เขียนถูกต้อง ตามรปูแบบที ่ ก าหนด ใช ้โวหารการ เขียนถูกต้อง 2 รูปแบบ ใช ้โวหารการเขียน ถูกต้อง 1รูปแบบ ใช ้โวหารการเขียน ไม่ถูกต้องตาม รปูแบบทีก่า หนด รวมคะแนน ผูป้ระเมนิ ( ) ตนเอง ( ) เพือ่น ( ) ผูป้กครอง ( ) ครู ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนน ผลประเมิน ดีมาก 18-20 ดี 14-17 พอใช ้ 10-13 ปรับปรุง 0-9
90 แบบทดสอบหลังเรียน เรือ่ง การเขยีนอธบิาย บรรยาย พรรณนา คา ชี ้แจง วงกลม O ค าตอบทีถ่กูตอ้งทีส่ดุเพยีงขอ้เดยีว 1. ขอ้ความตอ่ ไปนี ้ไม่ใช ้การอธิบายแบบใด “โรคอบุตัซิ ้า” เป็นโรคทีก่ลบัมาระบาดใหม่หลงัจากเคยเกดิขึน้แลว้หายไป หรอืพบหลงัจากที ่ไม่เคย มกีารระบาดในพืน้ที ่ เดมิมาเป็นเวลานาน เชน่ โรคเทา้ชา้ง ไขท้รพษิเป็นตน้ 1. นิยาม 2. ให้ตัวอย่าง 3. เปรียบเทียบ 4. กลา่วซ ้าโดยใชถ้อ้ยคา อืน่ 2. ขอ้ความตอ่ ไปนี ้ เป็นการอธบิายแบบใด การเดินทางในสมัยก่อน ใช ้เกวียนหรือช ้างหรือม้า ถ้าไปทางบก ถ้าเดินทางเรือก็ใช ้เรือพายหรือ เรอืแจว การเดนิทางกนิเวลานาน ผทู้ีม่นีิสยัทางกวจีงึแตง่คา ประพนัธพ์รรณนาหนทางทีผ่า่นไป 1. ใช ้ตัวอย่าง 2. กล่าวตามล าดับ 3. ชีส้าเหตแุละผลลพัธท์ีส่มัพนัธก์นั 4. เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่าง 3. ขอ้ความตอ่ ไปนี ้ใชว้ธิเีขยีนแบบใด กระดาษที ่ใชห้อ่หรอืใสอ่าหารโดยเฉพาะพวกกลว้ยทอด มนัทอด กลว้ยปิ ้งนั ้น ไม่ควรเป็นกระดาษที ่ มตีวัหนังสอืทั ้งนี ้ เพราะหมกึพมิพน์ั ้นจะมพีวกโลหะหนัก เชน่ตะกั ่ว โครเมยีม แคดเมียมเป็นส่วนประกอบ ถ้าหมึกพิมพ์ไปถูกอาหารก็จะติดอาหารไป เรารับประทานอาหารเข้าไปจะสะสมในร่างกายท าให้เกิดโรค ต่าง ๆ ได้ 1. การอธิบายโดยยกตัวอย่าง 2. การอธิบายตามล าดบัขัน้ 3. การอธบิายโดยชี ้ เหตแุละผลทีส่มัพนัธก์นั 4. การอธบิายโดยกลา่วซ ้า 4. ขอ้ความตอ่ ไปนี ้ใชก้ลวธิอีธบิายตามขอ้ใด ตุก๊ตาชาววงัเป็นตกุ๊ตาตวัเทา่นิ ้วมอืเด็ก รปูรา่งคลา้ยคนจรงิๆ โดยใชด้นิเหนียวปั ้นแลว้จดัใหอ้ยู่ใน ทา่ทางตา่ง ๆ เชน่นั ่งพบัเพยีบ เทา้แขน รอ้ยดอกไม้ที ่ไดช้ ือ่นี ้ เพราะคนแรกทีค่ดิทา ขึน้ เป็นชาววงัหลวงใน รชักาลที ่4 ชือ่คุณเถา้แกก่ลบี 1. นิยามและบอกทีม่า 2. ชีแ้จงตามลา ดบัขัน้ 3. นิยามและแนะแนวทางปฏิบัติ 4. กลา่วซ ้าดว้ยถอ้ยคา แปลกออกไป 5. ชีส้าเหตแุละผลลพัธท์ีส่มัพนัธก์นั 5. ขอ้ความตอ่ ไปนี ้ใชวิธีการอธิบายตามแบบใด ้ ฉลามหวับาตรเป็นปลาฉลามในวงศป์ลาฉลามครบีดา มชี ือ่ทางวทิยาศาสตรว์า่ Carcharhinus leases ถิน่อาศยัอยใู่นทะเลเขตอบอนุ่บรเิวณชายฝั ่ง นิสยัดรุา้ย รปูรา่งอว้นป้อม หวักลมป้านขนาดใหญ่มี ขนาดยาวได้ถึง 30 เมตร หนักได้ถึง 300 กิโลกรัม 1. ชีแ้จงตามลา ดบัขัน้ 2. นิยามและบอกลักษณะ 3. เปรียบเทียบและใช ้ตัวอย่าง 4. กลา่วซ ้าดว้ยถอ้ยคา ทีแ่ปลกออกไป 5. ชีส้าเหตแุละผลลพัธท์ีส่มัพนัธก์นั
91 6. ขอ้ความตอ่ ไปนี ้ใชว้ธิเีขยีนตามขอ้ใด คนน าทางพาพวกเราขึน้จากแพเดนิเขา้ไปในถ ้าซึ ่งค่อนขา้งมดืหลายคนจงึถอืตะเกยง บางคนถือ ี ไฟฉายไปดว้ย คนที ่ เป็นผูใ้หญ่คอยชว่ยเด็กๆใหผ้ ่านพน้ ชว่งทีล่ืน่และทีม่ีแง่งหนิแหลมคม เพือ่ ไม่ใหเ้กดิ อนัตราย เป้าหมายของเราอยู่ไม่ไกลนัก นั ่นคอืถ ้าคา้งคาวซึ ่งเป็นทีอ่าศยัของคา้งคาวจา นวนมาก 1. การอธิบาย 2. การบรรยาย 3. การพรรณนา 4. การอธิบายและการบรรยาย 5. การบรรยายและการพรรณนา 7. ขอ้ความตอ่ ไปนีส้ว่นใดเป็นพรรณนาโวหาร 1) รงุ่ สางแลว้ชยัแหงนมองใบไมเ้หนือศรีษะ เหมอืนผา้ลกูไมโ้ปรง่ดว้ยแสงแดด รา ไรทีส่าดลงมา / 2) เขากา้วออกไปสมทบกบัโชค ทั ้งสองเดนิ ชา้ๆไปพรอ้มกนั สกัพกั / 3) โชคเล่าถึงอาการของววัทอ้งแกท่ ีบ่า้น เขา/ 4) ถา้ไดลู้กววัก็อาจตอ้งขายใหเ้พือ่นบา้นหลงัจากหย่านมแลว้ / 5) เขาต้องการเงินไปลงทุนซ่อม โรงวัว ก่อนจะถึงฤดูฝน 1. สว่นที ่1 2. สว่นที ่2 3. สว่นที ่3 4. สว่นที ่4 5. สว่นที ่5 8.ข้อใด เป็ นบรรยายโวหาร 1.ชายหนุ่มเลีย้วลดออกจากถนนสายหลกั สวนทางกบัชาวบา้นทีต่อ้นฝงูววัอยู่ 2.พ้นเขตเมืองจะมองเห็นถนนลิบโล่ง ทอดยาวไปกลางอ้อมกอดของทิวไม้สองฟากทาง 3.ดวงตะวันโผล่พ้นโค้งทุ่งส่องแสงอ่อนอุ่นลูบโลมผืนดินและสรรพชีวิต 4.ลมเย็นโชยผ่านแนวไม้ กรายไปตามใบใหญ่ใบน้อยจนฟังเหมือนเพลงกล่อมอารมณ์ 5.บางตน้ใบไมแ้หง้ปลวิหลน่เกลือ่นเนินดนิทิ ้งกิ ่งกา้นเปลอืยเปลา่ยนืนิ ่งงนั 9.ข้อความส่วนใด เป็ นบรรยายโวหาร 1) โชตเิดนิตรงเขา้ไปในโบสถ์เพราะไดย้นิว่าทีน่ี ่มีจติรกรรมฝาผนังโบราณ/ 2) ภาพเหนือประตู ทางเขา้เป็นรูปแม่พระธรณีบีบมวยผมที ่งดงามเหลือบรรยาย/3) ถัดมาเป็นพญามารถูกคลืน่มหึมาชดั กระโชก/ 4) เหล่าบริวารมารต่างว่ายน ้าเอาตวัรอดอยา่งทลุกัทเุล/ 5) มารแตล่ะตนดิน้รนหนีตายดว้ยอาการ หวาดผวา 1.สว่นที ่1 2.สว่นที ่2 3.สว่นที ่3 4.สว่นที ่4 5.สว่นที ่5 10.ข้อความส่วนใด เป็ นบรรยายโวหาร 1) ปัง ! เห็นผู้คนในห้องโถงวิ ่งสบั สนอลหม่านจนโกลาหลไปหมด/ 2) เสยีงหวดีรอ้งดั ่งสนั ่นเหมือน ตั ้งใจประสานเสยีงกนั / 3) บางคนพยายามวิ ่งโครม ๆ หาทางออกจากพืน้ที ่ เพือ่ เอาตวัรอด/ 4) จนชนข้าว ของที ่วางเรยีงรายบนชัน้กระจกหล่นแตกกระจายเป็นชิน้ เล็กชิน้นอ้ยเกลือ่นพืน้/ 5) เจา้หนา้ทีอ่อกมา ประกาศดว้ยเครือ่งขยายเสยีงขอใหน้ั ่งลงและอยู่ในความสงบ ทกุคนทา ตาม 1.สว่นที ่1 2.สว่นที ่2 3.สว่นที ่3 4.สว่นที ่4 5.สว่นที ่5
92 หน่วยการเรยีนรทู้ี ่2 แผนการจดัการเรยีนรทู้ี ่6 เรือ่ง การเขียนเรียงความ มาตรฐาน/ตวัชี ้วดั ท 2.1 ม.4-6/2,ม.4-6/5 ภาระงานที ่9 การเขียนเรียงความ เรือ่ง อาชพีในอนาคต การเขียนเรียงความ คา ชี ้แจง 1. ศึกษา ตัวอย่าง การเขียนเรียงความ จากเอกสารประกอบการเรียน 2. อ่านบทความ “เมือ่ AI เขา้มาแทนทีแ่รงงาน 13 อาชพีมแีววตกงาน” 3. เขียนเรียงความ เรือ่ง “อาชีพในอนาคต” ในความคิดเห็นของนักเรียน ความยาว 20 บรรทดัขึน้ไป ๏เมือ่ AI และหนุ่ยนตเ์ขา้มาแทนทีแ่รงงาน 13 อาชพีมแีววตกงาน๏ เรือ่งราวโดย อจีนั 2 เมือ่กอ่นเทคโนโลยมีกัถกูควบคมุโดยมนุษย์แต่ตอนนี ้ไม่แน่วา่เรากา ลงัถูกควบคุมโดยเทคโนโลยีรึ เปล่า เพราะปัญญาประดิษฐ ์ หรือ AI ไม่ไดเ้กดิขึน้มาเพือ่ทา งานอย่างเดยีว แต่กา ลงัจะสรา้งกลุ่มคนใหม่ที ่ เรียกว่า คนไร ้ประโยชน์ หรือ Useless class มากขึน้ เรือ่ยๆทา ใหบ้างอาชพีจาก 13 ตวัอย่างอาชพีขอ้มูล จาก saviom.com ระบไุว้ตอ้งตกงานหรอืวา่งงานได้เพราะเทคโนโลยนีั ้นเขา้มาแทนที ่ ได้แก่ 1.ฝ่ายบริการลูกค้า ทีท่า งานโดยมนุษย์อาจมอีารมณห์รอืบุคลกิทีแ่ตกต่างกนัออกไป การตอบ ค าถามหรอืพูดคุยอาจมีความผดิพลาดอยู่บ่อยครั ้ง และต าแหน่งนี ้ไดถู้กแทนที ่ไปบา้งแลว้ดว้ยแชทบอท บรษิทัหลายแหง่พึ ่งพา AI ในการตอบคา ถามทีพ่บบอ่ย และแชทบอทยงัรองรบัการหาขอ้มูลโดยไม่จ ากัดอีก ด้วย 2.พนักงานบัญชีและกรอกข้อมูล ซึ ่งปัจจบุนัแทนทีจ่ะใชม้นุษยใ์นการป้อนขอ้มูลและทา บญัชี บริษัทใหญ่ๆ มักใช ้ระบบ AI และการใหร้ะบบไดเ้รยีนรูด้ว้ยตวัเอง (แมชชนีเลริน์นิ ่ง) ในการเก็บขอ้มูลกนั อย่างแพร่หลายแล้ว 3.พนักงานต้อนรับ ด้วยปัจจุบันโรงแรมขนาดเล็กหรือใหญ่ ต้องการพนักงานต้อนรับน้อยลง แมแ้ตใ่นรา้นอาหารฟาสตฟ์้ดูลกูคา้กส็ามารถสั ่งอาหารผา่นหนา้จอแท็บเล็ตได้และดว้ยการแนะน าของ AI มโีอกาสดที ีห่ ุ่นยนตจ์ะจดัการกบัการสั ่งซือ้และฟังกช์ ัน่อืน่ๆ ไดด้กีวา่มนุษยด์ว้ย 4.การพิสูจน์อักษร เพราะแม้การแก้ไขจะเป็นงานทีซ่บัซอ้นมากขึน้ ในแง่ของโทนเสยีง ความ เขา้ใจ และอื ่นๆ แต่การพิสูจนอ์กัษรก็ง่ายกว่ามาก การตรวจจบัขอ้ผิดพลาดทางไวยากรณ์การสรา้ง ประโยคและขอ้ผดิพลาดอืน่ๆ สามารถทา ไดโ้ดยอตัโนมตัผิ ่านแอปพลเิคชนัต่างๆ 5.งานการผลิตและเภสัชกรรม เมือ่กระบวนการผลติ สา หรบั สนิคา้โภคภณัฑส์ว่นใหญ่ทีผ่ลติใน ปัจจบุนัไดร้บัการใชเ้ครือ่งจกัรแลว้เอไอก็สามารถจดัการดา้นการปฏบิตังิานไดด้ไีม่แพม้นุษย์ แมแ้ต่ในหอ้งปฏบิตักิารเภสชักรรมหุ่นยนต์สามารถทา งานรว่มกบันักวทิยาศาสตร์เพือ่สรา้งการทดลอง ต่างๆ ทีป่ลอดภยัยิ ่งขึน้และแน่นอนวา่มโีอกาสทีห่นุ่ยนตจ์ะสามารถทา แทนนักวทิยาศาสตรไ์ดท้ ั ้งหมดโดยไม่ ตอ้งพึ ่งพามนุษย์
93 6.บริการขายปลีก เพราะการสั ่งซือ้ผ่านชอ่งทางอตัโนมตัติ่างๆ ไดเ้ขา้มาแทนทีก่ารซือ้โดยตรง กบัพนักงานขาย สงัเกตจากผูค้า้หลายรายที ่ เนน้ไปทีก่ารสั ่งซือ้ดว้ยตนเองและตวัเลอืกการชา ระเงนิเอไอ ขณะเดียวกนัหุ่นยนตก์็ก าลงัเขา้มาแทนพนักงานขายในกลุ่มธุรกจิชอ้ปปิ ้งหลายแห่ง นอกจากนี ้การ วเิคราะหข์อ้มูลขัน้สงูของเครือ่ง AI ยงัแสดงผลติภณัฑอ์ืน่ๆ ทีล่กูคา้อาจสนใจในอนาคตอกีดว้ย 7.บริการจัดส่ง เพราะเอไอไดน้ าเสนอการเปลีย่นแปลงทางสงัคมและเศรษฐกจิมากมายใหก้บั อุตสาหกรรมการจดั สง่ ไดป้รบั ปรงุการทา งานดา้นโลจสิตกิ ส ์และซพัพลายเชนต่างๆ ซึ ่งลา่ สดุเราก็ไดเ้ห็น โดรนและหุ่นยนตเ์ขา้มารบัชว่งต่อในบรกิารจดั ส่งแลว้ซึ ่งนอกเหนือจากอุตสาหกรรมการผลติภาคการ ขนสง่จะไดร้บัผลกระทบมากทีส่ดุเมือ่หุ่นยนตอ์ตัโนมตั ไิดร้บัความนิยมในปีต่อๆ ไป 8.แพทย์ซึ ่งเราจะเห็นไดว้า่ ศลัยแพทยห์นุ่ยนตด์า เนินการทีส่า คญัทั ่วโลกแลว้และเหลอืเวลาอกีไม่ นานก่อนที ่พวกเขาจะเขา้มาแทนที ่ เราโดยสมบูรณ์แพทยห์ุ่นยนตจ์ะท าการรกัษาที ่แม่นย าและมี ประสทิธภิาพมากขึน้ส าหรบัผูป้่วยเมื ่อเทยีบกบัการรกัษาในมนุษย์นอกจากนีย้งัมีโอกาสตดิเชือ้นอ้ยลง เนื ่องจากมาตรการปลอดเชือ้ทีม่ากขึน้และไม่มคีวามผดิพลาดของมนุษยเ์กดิขึน้อย่างแน่นอน 9.ทหาร โดยผเู้ชีย่วชาญทางทหารมั ่นใจวา่ สนามรบในอนาคตจะประกอบดว้ยหุ่นยนตท์ีส่ามารถ ปฏบิตัติามค าสั ่งไดโ้ดยไม่ตอ้งมีการควบคุมดูแล ซึ ่งขณะนี ้มีการใชหุ้่นยนต์ในการปฏิบัติการทางทหาร สา หรบังานตา่งๆ เชน่การสอดแนม ข่าวกรอง และอืน่ๆและเมือ่ เรว็ๆ นี ้หวัหนา้กองทพัองักฤษ กลา่ววา่ “ใน ไม่ชา้หุ่นยนตอ์สิระสามารถจดัตั ้งกองทพัองักฤษไดห้นึ ่งในสีภ่ายในปี2030” 10.คนขบัแท็กซี ่และรถบสัเพราะมโีอกาส 98% ทีแ่ท็กซีแ่ละรถบสัจะกลายเป็นแบบอัตโนมัติ ทั ้งหมด รถยนตไ์รค้นขบัไดม้าถงึแลว้และอกีไมน่านยานยนตท์ีข่บัเคลือ่นดว้ยตวัเองทั ้งหมดจะเขา้มาแทนที ่ อย่างแน่นอน ซึ ่งตามรายงานของลอสแอนเจลสิไทมส ์รถบรรทกุทีข่บัดว้ยตนเอง จะสามารถแทนทีค่นขบั รถบรรทุกอเมริกันได้ 1.7 ล้านคน ในอีก 10 ปีข้างหน้า 11. นักการตลาด ด้วยนักวิเคราะห์การวิจัยการตลาดมีความส าคัญต่อทุกองค์กร ปัจจุบันพวก เขาทา การวจิยัตลาดเพือ่ เพิม่ประสทิธภิาพของธรุกจิแตเ่อไอกก็า ลงัไดร้บัความนิยมเชน่กนัขอ้มูลหนาแน่น และครอบคลมุกวา่นักวเิคราะหแ์ละวจิยัตลาด แมข้ณะนีจ้ะมกีารใชค้วบคู่กนัไป แต่อนาคตเอไออาจทา หนา้ที ่ นีแ้ทนไดท้ ั ้งหมด 12.รปภ. หรือ ยาม เพราะ AI มีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านความปลอดภัยทางกายภาพ เช่น หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยของ Yelp สามารถตรวจสอบอาคารดว้ยกลอ้งความละเอยีดสงูได้นอกจากนี ้ ยงัมไีมโครโฟนแบบมที ศิทางและเซน็เซอรอ์นิ ฟราเรดทีส่ามารถตรวจจบักจิกรรมทีน่ ่าสงสยัได้ซึ ่งมีโอกาส 84% ที ่ เอไอจะทา ใหภ้าคนี ้ เป็นอตัโนมตัทิ ั ้งหมดในอนาคต 13.ผู้ประกาศข่าว ซึ ่งตอ้งยอมรบัวา่การท างานของเอไอเกดิขึน้แลว้ในวงการข่าวสาร ไม่ว่าจะ เป็นบทความที ่ เขยีนดว้ยเอไอ, การถอดเสียงบทสัมภาษณ์ทางเสียงและวิดีโอ, การแจ้งเตือนข่าวสารเร่งด่วน และส านักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีนได้ค้นพบความก้าวหน้าโดยการใช ้หุ่นยนต์เป็ น 'English AI Anchor' ซึ ่งแน่นอนว่าในอนาคตนักข่าวอาจถูกแทนทีด่ว้ยและยงัประกอบดว้ยเหตุผลที ่ว่าระบบ AI และหุ่นยนต์ ทั ้งหมดไม่มอีคตหิรอืความคดิเห็นทางการเมอืงใดๆ จงึเป็นขอ้ดขีองการน าเสนอข่าวในอนาคตอีกด้วย จรงิอยู่วา่เทคโนโลยเีขา้มาชว่ยชวีติมนุษยใ์หส้ะดวกสบายยิ ่งขึน้แต่ไม่ใชท่ ั ้งหมดทีจ่ะมาทดแทน สปัดาหห์นา้จะน าเสนอ อกีหลากหลายอาชพีที ่ เอไอหรอืหุ่นยนตแ์ละเทคโนโลยตี่างๆ ยงัไม่สามารถเขา้มา ทดแทนไดใ้นระยะเวลาอนัใกลน้ี ้
94 ๏16 อาชีพน่าสนใจ และเป็นทีต่อ้งการในโลกอนาคต๏ Posted By Plook Magazine | 14 ก.ค. 64 1. นักพัฒนาซอฟต์แวร ์ (software developer) งานด้านการพัฒนาซอฟต์แวร ์จึง เป็นทีต่อ้งการในตลาด และดว้ยแนวโนม้การพฒันาระบบซอฟตแ์วรใ์หม่ๆ ออกมาอยเู่รือ่ย ๆ 2. รักษาความปลอดภัยไซเบอร ์ (cybersecurity) การป้องกันการโจรกรรมข้อมูล ดจิติอลจงึเป็นสิ ่งสา คญัอยา่งยิ ่งทั ้งในระดบั ปจัเจกและองคก์ร 3. วิศวกรหุ่นยนต์ (robotics engineer) กจิกรรมทางเศรษฐกจิแตล่ะภาคสว่นตั ้งแต่ ระบบคลังสินค้า โลจิสติกส์ เกษตรอัจฉริยะ (smart farming) หรือภาคการผลิต (manufacturing) ฯลฯ ตา่งกม็แีนวโนม้ทีจ่ะประยกุตใ์ชร้ะบบหนุ่ยนตอ์ตัโนมตัดิว้ยกนัทั ้งสิน้ 4. ผู้จัดการโครงการ (project manager) เป็นหนึ ่งในอาชพีทีน่อกจากจะตอ้งใช ้ ทักษะด้าน hard skills แลว้ยงัตอ้งพึ ่งพาทกัษะดา้น soft skills อยา่งยิ ่ง 5. นักการตลาด (marketer) แพลตฟอร ์มการคา้ออนไลนไ์ดเ้อือ้ใหต้ลาดการคา้มผีู้ เลน่มากหนา้หลายตามากขึน้ 6. ผูเ้ชีย่วชาญดา้น e-commerce (e-commerce specialist) ผูเ้ชีย่วชาญดา้น e-commerce มีความโดดเด่นจนสามารถแยกออกมาเป็ นการเฉพาะได้ 7. นักพัฒนาแอปพลิเคชัน (mobile application developer) ชอ่งทางหนึ ่งในการ เขา้ถงึกลมุ่ลกูคา้ที ่ไดร้บัความนิยมเป็นอยา่งมากคอืแอปพลเิคชนับนมอืถอืแท็บเล็ต และ อปุกรณอ์เิล็กทรอนิกสเ์คลือ่นทีอ่ืน่ๆ 8. ผู้ผลิตคอนเทนต์ (content creator) นอกจากการบริหารจัดการและการตลาด แลว้เรือ่งราวของผลติภณัฑห์รอืแบรนดก์เ็ป็นอกีปัจจยัทีส่ามารถมดใจลูกค้าได้ ั 9. ผู้สร ้างสรรค์งานด้าน VFX (VFX/CGI) ทักษะในการผลิตงานด้าน Visual Effects (VFX) เป็นทีต่อ้งการมากขึน้ในแวดวงการสือ่สาร 10. ผู้อ านวยการฝ่ายสร ้างสรรค์ (creative director) บริหารจัดการและควบคุม คุณภาพงานด้าน creative มีบทบาทส าคัญต่อธุรกิจหรือโครงการทีต่อ้งเนน้งานดา้น creative 11. นักวิจัยประสบการณ์ลูกค้า (user experience (UX) researcher) 12. นักวิเคราะห์ (analyst) 13. ทีป่รกึษาทางธรุกจิ (business consultants) 14. ตัวแทนการขาย (sale representative) 15. นักบริบาล (care worker) 16. ทีป่รกึษาสขุภาพจต ( ิ mental health conselor)