The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชาวิทยาการคำนวณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khrutos, 2022-06-09 21:39:38

แผนการจัดการเรียนรู้

รายวิชาวิทยาการคำนวณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผ้ทู ไี่ ดร้ บั มอบหมาย

ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ.......................................................... แลว้ มคี วามเหน็ ดังนี้
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้
 เน้นผู้เรยี นเป็นสําคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่
 นําไปใชไ้ ด้จริง
 ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ..................................................
( นางศรเี มือง บุญแพทย์ )
ตําแหน่งผู้อาํ นวยการโรงเรียน

วนั ที่........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 28

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ)

ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ปกี ารศกึ ษา 2565

เรอ่ื ง อย่าไวใ้ จทาง อยา่ วางใจขา่ ว เวลา 1 ชัว่ โมง

ครผู สู้ อน นายจกั รกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คํานวณในการแกป้ ญั หาทพ่ี บในชวี ิตจรงิ อย่างเปน็ ขน้ั ตอน

และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทํางาน และการแก้ปัญหา
ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมีจริยธรรม

ตวั ชวี้ ัด ป.4/3 ใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตคน้ หาความรู้ และประเมนิ ความน่าเชื่อถอื ของข้อมลู
ป.4/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิ

ของผู้อ่ืน แจ้งผเู้ กีย่ วขอ้ งเมอื่ พบขอ้ มูลหรอื บคุ คลทไี่ ม่เหมาะสม

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (ความรู,้ ทกั ษะ, เจตคติ)
1. นกั เรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมูล
2. นกั เรียนสามารถอา้ งองิ แหลง่ ทมี่ าของขอ้ มลู ได้
3. นักเรยี นมเี จตคติทด่ี ีตอ่ วิชาวทิ ยาศาสตร์และใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั

3. สาระสาคญั
การประเมินความน่าเชอื่ ถือของข้อมลู ในเว็บไซต์ สามารถพจิ ารณาไดจ้ ากหนว่ ยงานหรือเจ้าของ

เน้ือหาทีเ่ ผยแพร่ ผ้เู ขยี น วนั ทเ่ี ผยแพรข่ ้อมลู การอ้างอิงแหล่งขอ้ มูล การอา้ งองิ แหล่งขอ้ มลู ทาํ ใหข้ อ้ มลู ทีแ่ สดง
มคี วามนา่ เชอ่ื ถอื ชว่ ยใหผ้ ู้ใชข้ ้อมูลสามารถค้นควา้ เพม่ิ เติมจากแหลง่ ทีอ่ ้างอิง และเปน็ การแสดงสิทธแิ ก่ผู้เปน็
เจ้าของข้อมลู ด้วย ลกั ษณะท่สี ําคัญของขา่ วลวง คอื มกั จะกระต้นุ อารมณข์ องผู้อ่านใหเ้ กิดความรู้สกึ เชน่
ความกลวั ความโลภ ความเกลยี ดชัง การส่งตอ่ ขอ้ มลู ทผ่ี ดิ หรือข้อมลู ท่ีไม่เป็นความจริงจะทําใหเ้ กิดความ
วนุ่ วายและอาจมคี วามผดิ ตามกฎหมาย เมอ่ื ไดร้ บั ขอ้ มลู ข่าวสารทางสอ่ื สงั คม ควรตรวจสอบและปประเมนิ
ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมลู ทุกครั้ง สื่อสงั คมมีประโยชน์และโทษ ควรใชอ้ ยา่ งเหมาะสมและระมดั ระวัง

4. สาระการเรียนรู้
การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื และการอา้ งอิงแหลง่ ขอ้ มูล

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง
3. มุ่งม่นั ในการทาํ งาน

5. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน
ใบงาน เรอ่ื ง อย่าไวใ้ จทาง อยา่ วางใจข่าว

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผูเ้ รียนเป็นสําคญั ดาํ เนนิ การเรยี นการสอนดังตอ่ ไปน้ี

1. ข้ันสรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครนู าํ เขา้ สู่บทเรียนโดยการสนทนากบั นกั เรียนเร่อื งเกย่ี วกบั การรบั ข้อมลู ข่าวสารว่า

“ปจั จบุ ันนกั เรยี นไดร้ บั ข่าวสารจากแหล่งข้อมลู ใดบา้ ง” (โทรทศั น์ หนังสอื พมิ พ์ วทิ ยุ เวบ็ ไซต์ ส่ือสงั คม
ออนไลน์)

2. ครูใหน้ กั เรยี นยกตัวอยา่ งข่าว และให้นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายว่านักเรยี นเชื่อข่าวเหล่านี้
หรือไม่ เพราะเหตุใด

2. ขน้ั สารวจและค้นหา (exploration)
1. ครูนํานักเรียนศกึ ษาเนื้อหาในบทที่ 8 เรอ่ื งอยา่ ไวใ้ จทาง อยา่ วางใจข่าว แล้วรว่ มกัน

อภิปรายความรู้ทไ่ี ด้
3. ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายสรปุ ความรูท้ ่ีไดโ้ ดยอาจใช้ประเด็นตอ่ ไปนี้
- การประเมินความน่าเชอ่ื ถือของข้อมลู ในเวบ็ ไซต์ ทาํ ได้อยา่ งไร
- การอา้ งองิ แหล่งข้อมลู เพื่ออะไร
- ลักษณะท่ีสาํ คญั ของขา่ วลวง เปน็ อยา่ งไร
- การสง่ ตอ่ ข้อมูลท่ีผิด สง่ ผลอย่างไร
- เม่อื ไดร้ บั ขอ้ มูลข่าวสารทางสอื่ สงั คม ควรทําอยา่ งไร
- สื่อสังคมมีประโยชน์และโทษ ควรใช้อยา่ งไร
4. ข้ันขยายความรู้ (elaboration)
1. ครแู บ่งนกั เรยี นเป็นกลมุ่ 6 กลมุ่ ทาํ ใบงาน เรอื่ ง อยา่ ไวใ้ จทาง อยา่ วางใจขา่ ว ใหน้ ักเรยี นแต่

ละกลมุ่ ศึกษาขอ้ มูลเพิ่มเตมิ จากหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี
- การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู ในเว็บไซต์ ทาํ ได้อยา่ งไร

- การอา้ งอิงแหล่งขอ้ มลู เพอื่ อะไร
- ลกั ษณะทีส่ าํ คญั ของขา่ วลวง เปน็ อย่างไร
- การส่งตอ่ ขอ้ มลู ท่ผี ดิ สง่ ผลอยา่ งไร
- เมอื่ ไดร้ ับขอ้ มูลข่าวสารทางส่อื สงั คม ควรทาํ อยา่ งไร
- สื่อสังคมมีประโยชน์และโทษ ควรใช้อยา่ งไร
จากนนั้ ใหแ้ ต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนออกมานําเสนอหน้าชน้ั เรียน และสรุปความรจู้ ากการขอ้ มูลที่
เพ่อื นแตล่ ะกลุม่ นาํ เสนอเป็นแผนผงั ความคดิ
5. ขน้ั ประเมิน (evaluation)
1. ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนพิจารณาวา่ จากหัวข้อท่ีเรยี นมาและการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม มีจดุ ใดบ้าง
ท่ยี ังไม่เข้าใจหรอื ยังมขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพิ่มเตมิ ใหน้ กั เรียนเข้าใจ
2. นกั เรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรมวา่ มีปัญหาหรอื อุปสรรคใด และได้มีการแกไ้ ข
อยา่ งไรบ้าง
3. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
และการนาํ ความรทู้ ่ไี ด้ไปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล

การประเมินการเรียนรขู้ องนักเรียนทาํ ได้ ดงั นี้

1. ประเมินความรูเ้ ดิมจากการอภิปรายในชั้นเรียน

2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคาํ ตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจัดการเรยี นรแู้ ละจากแบบบันทกึ

กจิ กรรม

3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทํากิจกรรม

ของนกั เรียน

การประเมินจากการทากจิ กรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรบั ปรุง

รหัส ส่ิงทป่ี ระเมนิ ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มลู

S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรุป

ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

C4 การสื่อสาร

C5 ความรว่ มมือ

8. สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้
- หนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 สสวท.
- http://goo.gl/DjFPZH พรบ.ว่าด้วยการกระทาํ ความผดิ ทางคอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 (ฉบับ

การต์ นู )
- http://goo.gl/GxDefg ตวั อย่างเวป็ ไซต์ที่ใชต้ รวจสอบขอ้ มูลกอ่ นแชร์

9. ความเห็นของหวั หน้าสถานศึกษา/ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย

ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ.......................................................... แลว้ มคี วามเหน็ ดงั น้ี
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นาํ เอากระบวนการเรยี นรู้
 เน้นผ้เู รยี นเป็นสาํ คัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
 ยงั ไม่เน้นผู้เรียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป
3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี
 นําไปใชไ้ ด้จริง
 ควรปรบั ปรุงกอ่ นนําไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ..................................................
( นางศรีเมอื ง บญุ แพทย์ )
ตาํ แหนง่ ผู้อาํ นวยการโรงเรียน

วนั ที่........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 29

กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ)

ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 ปกี ารศึกษา 2565

เรื่อง อย่าไวใ้ จทาง อยา่ วางใจข่าว ตอน รูท้ นั สื่อ เวลา 1 ชว่ั โมง

ครผู สู้ อน นายจักรกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ดั
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คาํ นวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชวี ติ จรงิ อย่างเปน็ ข้นั ตอน

และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทํางาน และการแก้ปัญหา
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทนั และมจี ริยธรรม

ตวั ชว้ี ดั ป.4/3 ใช้อนิ เทอร์เนต็ ค้นหาความรู้ และประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมูล
ป.4/5 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เข้าใจสิทธแิ ละหน้าทข่ี องตน เคารพในสทิ ธิ

ของผ้อู ่นื แจ้งผู้เก่ียวขอ้ งเมือ่ พบขอ้ มลู หรอื บุคคลทไ่ี มเ่ หมาะสม

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ (ความรู,้ ทกั ษะ, เจตคติ)
1. นักเรยี นมคี วามร้คู วามเขา้ ใจเก่ียวกบั การประเมินความนา่ เช่ือถือของข้อมลู
2. นักเรยี นสามารถอา้ งองิ แหลง่ ท่ีมาของขอ้ มลู ได้
3. นักเรียนมเี จตคติทด่ี ีตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์และใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั

3. สาระสาคญั
การประเมินความนา่ เชอื่ ถอื ของข้อมลู ในเวบ็ ไซต์ สามารถพจิ ารณาไดจ้ ากหน่วยงานหรอื เจา้ ของ

เนอื้ หาที่เผยแพร่ ผูเ้ ขียน วนั ท่เี ผยแพรข่ อ้ มูล การอา้ งองิ แหลง่ ขอ้ มลู การอา้ งอิงแหล่งขอ้ มูลทําใหข้ ้อมลู ทแ่ี สดง
มีความนา่ เชอื่ ถือ ชว่ ยใหผ้ ้ใู ช้ขอ้ มลู สามารถคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ จากแหล่งท่อี า้ งอิง และเปน็ การแสดงสิทธิแกผ่ ู้เปน็
เจ้าของข้อมลู ด้วย ลกั ษณะที่สาํ คญั ของขา่ วลวง คือ มักจะกระตนุ้ อารมณข์ องผอู้ า่ นใหเ้ กดิ ความรู้สกึ เช่น
ความกลวั ความโลภ ความเกลียดชัง การสง่ ตอ่ ขอ้ มูลท่ีผดิ หรอื ขอ้ มลู ท่ไี มเ่ ป็นความจริงจะทําใหเ้ กิดความ
วนุ่ วายและอาจมคี วามผดิ ตามกฎหมาย เมอื่ ไดร้ บั ขอ้ มลู ข่าวสารทางสื่อสังคม ควรตรวจสอบและปประเมิน
ความน่าเชือ่ ถือของข้อมลู ทกุ คร้งั สื่อสังคมมีประโยชนแ์ ละโทษ ควรใชอ้ ยา่ งเหมาะสมและระมดั ระวงั

4. สาระการเรยี นรู้
การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื และการอ้างอิงแหล่งข้อมลู

5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ใฝ่เรยี นรู้
2. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง
3. มุง่ มัน่ ในการทาํ งาน

5. ชิ้นงานหรือภาระงาน
ใบกจิ กรรมท่ี 8.1 เร่อื ง รทู้ ันสอื่

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผ้เู รียนเป็นสาํ คัญ ดาํ เนนิ การเรียนการสอนดงั ตอ่ ไปนี้

1. ข้นั สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครูนําเข้าสูบ่ ทเรยี นโดยการสนทนากบั นกั เรียนเรือ่ งเก่ยี วกบั การรบั ข้อมูลขา่ วสารว่า

“ปจั จบุ ันนกั เรยี นไดร้ ับข่าวสารจากแหลง่ ข้อมูลใดบา้ ง” (โทรทศั น์ หนังสือพมิ พ์ วิทยุ เว็บไซต์ สือ่ สงั คม
ออนไลน์)

2. ครใู หน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งขา่ ว และให้นกั เรียนร่วมกันอภปิ รายว่านักเรยี นเชื่อขา่ วเหลา่ น้ี
หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด

2. ขัน้ สารวจและค้นหา (exploration)
1. ครูนาํ นักเรียนศกึ ษาเนื้อหาในบทท่ี 8 เรื่องอยา่ ไว้ใจทาง อยา่ วางใจข่าว แลว้ รว่ มกนั

อภิปรายความรทู้ ไ่ี ด้
2. ครูให้นกั เรียนยกตวั อยา่ งขอ้ มลู ทีไ่ ด้รบั ในส่อื สงั คมออนไลน์ แลว้ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปราย

วา่ ข้อมลู เหล่าน้มี คี วามนา่ เช่ือถือหรอื ไม่ เพราะอะไร
3. ขนั้ อธิบายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกีย่ วกบั แหลง่ ข้อมูลท่นี ่าเช่อื ถอื วา่ ควรมรี ายละเอยี ดใดบา้ ง

(แหล่งทม่ี าของข้อมูล วันท่ีเผยแพร่ข้อมลู หรอื การรับรองข้อมลู จากหนว่ ยงานของทางราชการ
2. ครตู ั้งคําถามเพือ่ ให้นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายวา่ “ผลเสยี ของการไดร้ ับขา่ วสารทไี่ ม่ถกู ต้องคือ

อะไรบา้ ง” จากนั้นให้นกั เรยี นในห้องร่วมกนั อภปิ รายและสรปุ ผลเสียของการได้รับขอ้ มูลขา่ วสารท่ไี มถ่ กู ต้อง
เพ่ือใหน้ กั เรยี นได้ตระหนกั ถึงผลกระทบท่ีจะเกดิ ขึ้นจากข่าวลวง

4. ขั้นขยายความรู้ (elaboration)
1. ครูแบ่งนักเรียนเปน็ กลุม่ กล่มุ ละ 4 คน เพื่อทาํ ใบกิจกรรมท่ี 8.1 เรือ่ ง รทู้ นั ส่ือ จากนั้นสุ่ม

นกั เรียนออกมานําเสนอคําตอบ และอภิปรายข้อคิดเห็นเพิ่มเตมิ
2. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายสรปุ เกยี่ วกบั ความรทู้ ไ่ี ดร้ บั จากการทาํ กิจกรรม เช่น

- ข่าวลวงมีผลกระทบอย่างไร
- การอา้ งอิงแหลง่ ข้อมูลควรแสดงขอ้ มลู อะไรบ้าง
- นกั เรียนจะนาํ ความร้ไู ปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั หรอื แนะนําคนใกล้ชิดในการ
พิจารณาขา่ วลวงอยา่ งไร
5. ขน้ั ประเมิน (evaluation)
1. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาวา่ จากหวั ขอ้ ทเ่ี รียนมาและการปฏิบัตกิ ิจกรรม มีจดุ ใดบ้าง
ที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มขี ้อสงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ
2. นกั เรยี นร่วมกันประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมวา่ มีปัญหาหรอื อุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อย่างไรบ้าง
3. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
และการนําความรทู้ ไ่ี ดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล

การประเมนิ การเรียนร้ขู องนักเรียนทาํ ได้ ดงั น้ี

1. ประเมินความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชัน้ เรยี น

2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคาํ ตอบของนกั เรียนระหว่างการจัดการเรียนรูแ้ ละจากแบบบันทกึ

กจิ กรรม

3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทาํ กจิ กรรม

ของนักเรยี น

การประเมินจากการทากจิ กรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรงุ

รหสั สงิ่ ท่ปี ระเมิน ระดับคะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล

S13 การตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การส่ือสาร

C5 ความรว่ มมือ

8. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
- หนังสอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 สสวท.
- http://goo.gl/DjFPZH พรบ.วา่ ด้วยการกระทาํ ความผิดทางคอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 (ฉบบั

การต์ ูน)
- http://goo.gl/GxDefg ตวั อยา่ งเว็ปไซต์ท่ใี ชต้ รวจสอบข้อมูลก่อนแชร์

9. ความเหน็ ของหวั หนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย

ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง.......................................................... แล้วมีความเห็นดังนี้
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรุง
2. การจดั กจิ กรรมไดน้ าํ เอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาํ คญั มาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สําคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาตอ่ ไป
3. เป็นแผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี
 นาํ ไปใชไ้ ด้จริง
 ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนําไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ..................................................
( นางศรเี มือง บญุ แพทย์ )
ตาํ แหนง่ ผอู้ ํานวยการโรงเรียน

วนั ที่........เดอื น...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 30

กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ)

ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ปีการศกึ ษา 2565

เรอื่ ง อย่าไวใ้ จทาง อยา่ วางใจขา่ ว ตอน รายงานระบบสรุ ยิ ะ เวลา 1 ช่ัวโมง

ครผู ู้สอน นายจกั รกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคํานวณในการแก้ปัญหาทพี่ บในชีวิตจรงิ อย่างเป็นขั้นตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรู้ การทํางาน และการแกป้ ัญหา
ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทันและมจี ริยธรรม

ตวั ช้วี ดั ป.4/3 ใชอ้ นิ เทอร์เน็ตคน้ หาความรู้ และประเมนิ ความน่าเชื่อถอื ของขอ้ มูล
ป.4/5 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เข้าใจสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องตน เคารพในสทิ ธิ

ของผ้อู ่นื แจง้ ผเู้ กย่ี วขอ้ งเมื่อพบข้อมูลหรอื บุคคลท่ีไม่เหมาะสม

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (ความรู,้ ทกั ษะ, เจตคต)ิ
1. นักเรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจเก่ียวกับการประเมินความนา่ เชือ่ ถอื ของข้อมลู
2. นักเรียนสามารถอา้ งองิ แหล่งทมี่ าของขอ้ มลู ได้
3. นกั เรยี นมเี จตคติทดี่ ีตอ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์และใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั

3. สาระสาคญั
การประเมินความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มลู ในเวบ็ ไซต์ สามารถพจิ ารณาไดจ้ ากหน่วยงานหรอื เจ้าของ

เน้ือหาที่เผยแพร่ ผู้เขียน วันท่เี ผยแพร่ข้อมลู การอ้างองิ แหลง่ ขอ้ มูล การอา้ งองิ แหล่งข้อมูลทาํ ใหข้ ้อมูลทแี่ สดง
มคี วามน่าเชื่อถอื ชว่ ยใหผ้ ูใ้ ช้ขอ้ มูลสามารถคน้ ควา้ เพ่ิมเติมจากแหล่งท่อี ้างองิ และเปน็ การแสดงสิทธแิ ก่ผู้เป็น
เจ้าของข้อมูลดว้ ย ลกั ษณะท่สี าํ คญั ของข่าวลวง คือ มกั จะกระต้นุ อารมณข์ องผ้อู ่านให้เกดิ ความร้สู กึ เชน่
ความกลวั ความโลภ ความเกลียดชงั การสง่ ตอ่ ขอ้ มลู ทผ่ี ดิ หรือข้อมลู ทไี่ มเ่ ป็นความจริงจะทําใหเ้ กิดความ
วุ่นวายและอาจมคี วามผดิ ตามกฎหมาย เม่ือไดร้ บั ขอ้ มลู ข่าวสารทางสือ่ สังคม ควรตรวจสอบและปประเมนิ
ความน่าเช่อื ถอื ของขอ้ มลู ทุกครงั้ สื่อสงั คมมีประโยชน์และโทษ ควรใชอ้ ยา่ งเหมาะสมและระมดั ระวงั

4. สาระการเรียนรู้
การประเมินความนา่ เชอื่ ถือ และการอ้างอิงแหลง่ ข้อมลู

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้
2. อยู่อยา่ งพอเพยี ง
3. มงุ่ มน่ั ในการทาํ งาน

5. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน
ใบกจิ กรรมที่ 8.2 เรือ่ ง รายงานระบบสรุ ิยะ

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผเู้ รียนเป็นสําคัญ ดาํ เนนิ การเรยี นการสอนดงั ต่อไปน้ี

1. ขัน้ สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครนู าํ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยการสนทนากบั นักเรียนเร่อื งเกี่ยวกับการรบั ข้อมลู ขา่ วสารว่า

“ปัจจบุ นั นักเรยี นได้รบั ข่าวสารจากแหลง่ ข้อมลู ใดบ้าง” (โทรทศั น์ หนังสือพิมพ์ วทิ ยุ เว็บไซต์ สอื่ สงั คม
ออนไลน์)

2. ครใู ห้นักเรยี นยกตวั อย่างข่าว และใหน้ ักเรียนรว่ มกนั อภิปรายวา่ นกั เรยี นเช่อื ขา่ วเหล่าน้ี
หรอื ไม่ เพราะเหตุใด

2. ขนั้ สารวจและคน้ หา (exploration)
1. ครูนํานกั เรยี นศกึ ษาเน้ือหาในบทท่ี 8 เรือ่ งอยา่ ไวใ้ จทาง อยา่ วางใจข่าว แล้วรว่ มกนั

อภิปรายความรูท้ ี่ได้
2. ครใู หน้ ักเรยี นยกตวั อย่างข้อมูลทไี่ ด้รบั ในส่ือสงั คมออนไลน์ แลว้ ให้นกั เรียนรว่ มกันอภปิ ราย

ว่าข้อมูลเหลา่ น้ีมคี วามนา่ เช่อื ถือหรือไม่ เพราะอะไร
3. ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกับแหลง่ ขอ้ มลู ท่นี ่าเชอื่ ถือวา่ ควรมรี ายละเอยี ดใดบ้าง

(แหล่งที่มาของข้อมูล วนั ท่เี ผยแพรข่ อ้ มลู หรือการรับรองขอ้ มูลจากหน่วยงานของทางราชการ
2. ครตู ง้ั คําถามเพอ่ื ให้นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายวา่ “ผลเสยี ของการไดร้ ับขา่ วสารที่ไม่ถกู ตอ้ งคือ

อะไรบ้าง” จากนน้ั ให้นกั เรียนในห้องรว่ มกันอภิปรายและสรปุ ผลเสยี ของการไดร้ บั ขอ้ มูลข่าวสารที่ไม่ถกู ตอ้ ง
เพอ่ื ให้นกั เรียนไดต้ ระหนกั ถึงผลกระทบท่จี ะเกดิ ขึ้นจากข่าวลวง

4. ข้ันขยายความรู้ (elaboration)
1. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะกล่มุ ทาํ ใบกิจกรรมที่ 8.2 เร่ือง รายงานระบบสรุ ยิ ะ โดยแบ่งนักเรียน

เปน็ กลุม่ กลมุ่ ละ 4 คนจากน้ันสมาชกิ ในกลุ่มจับค่กู นั แบง่ เปน็ กลุ่มย่อยให้สมาชกิ 2 คนแรกพจิ ารณาและตอบ

คําถามของเว็บไซตท์ ่ี 1 และอีก 2 คนพจิ ารณาและตอบคําถามของเว็บไซต์ที่ 2 แล้วให้สมาชกิ ท้งั 4 คนรว่ มกัน
พิจารณาและตอบคาํ ถามของเวบ็ ไซต์ที่ 3 จากนนั้ สุ่มนักเรยี นนําเสนอและอภปิ รายร่วมกัน

5. ขนั้ ประเมนิ (evaluation)
1. ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหวั ขอ้ ทีเ่ รยี นมาและการปฏิบตั กิ จิ กรรม มีจดุ ใดบา้ ง

ทีย่ ังไมเ่ ข้าใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ
2. นักเรียนรว่ มกันประเมินการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมว่ามปี ญั หาหรืออปุ สรรคใด และได้มีการแก้ไข

อย่างไรบ้าง
3. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จากการปฏิบตั ิกจิ กรรม

และการนาํ ความรทู้ ไ่ี ดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
การประเมินการเรยี นรขู้ องนกั เรียนทําได้ ดงั น้ี
1. ประเมินความรู้เดมิ จากการอภปิ รายในชน้ั เรียน
2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาํ ตอบของนกั เรยี นระหว่างการจัดการเรียนรูแ้ ละจากแบบบนั ทึก

กจิ กรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทาํ กิจกรรม

ของนกั เรียน

การประเมินจากการทากจิ กรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรบั ปรุง

รหัส สงิ่ ทปี่ ระเมิน ระดบั คะแนน

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมลู

S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

C4 การสือ่ สาร

C5 ความรว่ มมือ

8. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
- หนังสอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 สสวท.
- http://goo.gl/DjFPZH พรบ.วา่ ด้วยการกระทาํ ความผิดทางคอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 (ฉบบั

การต์ ูน)
- http://goo.gl/GxDefg ตวั อยา่ งเว็ปไซต์ท่ใี ชต้ รวจสอบขอ้ มูลกอ่ นแชร์

9. ความเหน็ ของหวั หนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย

ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง.......................................................... แล้วมีความเห็นดังนี้
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรุง
2. การจดั กจิ กรรมไดน้ าํ เอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาํ คญั มาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
3. เป็นแผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี
 นาํ ไปใชไ้ ด้จริง
 ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนําไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ..................................................
( นางศรเี มือง บญุ แพทย์ )
ตาํ แหนง่ ผอู้ ํานวยการโรงเรียน

วันท่ี........เดอื น...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 31

กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ)

ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ปีการศกึ ษา 2565

เรื่อง อย่าไวใ้ จทาง อยา่ วางใจข่าว ตอน อ้างองิ แหลง่ ขอ้ มูล เวลา 1 ช่วั โมง

ครผู ู้สอน นายจักรกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคาํ นวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชวี ติ จรงิ อย่างเป็นขั้นตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทาํ งาน และการแกป้ ัญหา
ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมจี ริยธรรม

ตวั ชี้วดั ป.4/3 ใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ค้นหาความรู้ และประเมินความนา่ เชื่อถอื ของขอ้ มลู
ป.4/5 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั เข้าใจสิทธิและหน้าทีข่ องตน เคารพในสทิ ธิ

ของผอู้ ่ืน แจ้งผเู้ ก่ียวขอ้ งเม่ือพบขอ้ มูลหรือบุคคลทไี่ ม่เหมาะสม

2. จุดประสงค์การเรียนรู้ (ความร,ู้ ทักษะ, เจตคต)ิ
1. นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินความนา่ เช่ือถอื ของข้อมูล
2. นักเรยี นสามารถอ้างองิ แหล่งทม่ี าของขอ้ มลู ได้
3. นักเรยี นมเี จตคติทดี่ ีตอ่ วชิ าวิทยาศาสตร์และใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย

3. สาระสาคัญ
การประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมูลในเวบ็ ไซต์ สามารถพจิ ารณาไดจ้ ากหนว่ ยงานหรอื เจา้ ของ

เนอ้ื หาทเ่ี ผยแพร่ ผูเ้ ขยี น วันที่เผยแพรข่ ้อมลู การอ้างองิ แหลง่ ข้อมูล การอา้ งอิงแหล่งข้อมลู ทาํ ให้ข้อมูลท่แี สดง
มคี วามนา่ เชอื่ ถือ ชว่ ยใหผ้ ้ใู ชข้ อ้ มลู สามารถคน้ ควา้ เพมิ่ เติมจากแหล่งท่ีอา้ งอิง และเป็นการแสดงสิทธิแก่ผเู้ ป็น
เจ้าของข้อมูลด้วย ลักษณะทส่ี ําคัญของข่าวลวง คือ มักจะกระตุ้นอารมณข์ องผ้อู า่ นใหเ้ กดิ ความรู้สกึ เชน่
ความกลวั ความโลภ ความเกลยี ดชงั การสง่ ต่อขอ้ มูลที่ผิด หรือขอ้ มลู ทไี่ มเ่ ป็นความจริงจะทาํ ให้เกิดความ
ว่นุ วายและอาจมคี วามผดิ ตามกฎหมาย เม่ือไดร้ บั ขอ้ มลู ขา่ วสารทางส่อื สังคม ควรตรวจสอบและปประเมนิ
ความนา่ เช่อื ถอื ของขอ้ มูลทกุ ครัง้ ส่อื สงั คมมปี ระโยชน์และโทษ ควรใชอ้ ยา่ งเหมาะสมและระมัดระวงั

4. สาระการเรียนรู้
การประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถอื และการอา้ งอิงแหล่งข้อมูล

5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ใฝ่เรยี นรู้
2. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง
3. มุ่งม่นั ในการทาํ งาน

5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
ใบกิจกรรมท่ี 8.2 เร่ือง รายงานระบบสุริยะ

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผู้เรยี นเป็นสําคญั ดาํ เนนิ การเรียนการสอนดงั ตอ่ ไปน้ี

1. ข้ันสร้างความสนใจ (engagement)
1. ครูนําเขา้ สบู่ ทเรียนโดยการสนทนากับนักเรียนเร่อื งเก่ยี วกบั การรบั ข้อมูลข่าวสารวา่

“ปจั จุบันนักเรียนไดร้ ับข่าวสารจากแหล่งข้อมูลใดบา้ ง” (โทรทัศน์ หนังสอื พิมพ์ วทิ ยุ เว็บไซต์ สื่อสงั คม
ออนไลน)์

2. ครใู หน้ กั เรียนยกตัวอยา่ งข่าว และให้นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายวา่ นกั เรยี นเช่ือขา่ วเหล่าน้ี
หรือไม่ เพราะเหตใุ ด

2. ขน้ั สารวจและคน้ หา (exploration)
1. ครนู ํานกั เรียนศกึ ษาเนอ้ื หาในบทท่ี 8 เรือ่ งอยา่ ไว้ใจทาง อยา่ วางใจข่าว แลว้ รว่ มกัน

อภิปรายความร้ทู ี่ได้
2. ครูให้นกั เรยี นยกตัวอย่างขอ้ มูลทไี่ ด้รับในส่อื สงั คมออนไลน์ แลว้ ให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย

ว่าข้อมูลเหล่านม้ี ีความนา่ เช่อื ถือหรือไม่ เพราะอะไร
3. ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกับแหลง่ ข้อมูลท่ีนา่ เชือ่ ถอื วา่ ควรมรี ายละเอยี ดใดบ้าง

(แหล่งทมี่ าของข้อมูล วันที่เผยแพรข่ อ้ มลู หรอื การรับรองขอ้ มูลจากหน่วยงานของทางราชการ
2. ครตู ง้ั คาํ ถามเพ่ือใหน้ ักเรียนร่วมกันอภปิ รายวา่ “ผลเสียของการไดร้ บั ข่าวสารทไ่ี มถ่ ูกตอ้ งคอื

อะไรบา้ ง” จากนั้นให้นักเรยี นในหอ้ งร่วมกันอภิปรายและสรุปผลเสยี ของการไดร้ ับขอ้ มูลขา่ วสารทไ่ี มถ่ ูกต้อง
เพ่ือใหน้ กั เรยี นไดต้ ระหนกั ถงึ ผลกระทบท่จี ะเกดิ ข้ึนจากขา่ วลวง

4. ขนั้ ขยายความรู้ (elaboration)
1. นักเรียนทําใบกิจกรรมท่ี 8.3 เรือ่ ง อ้างอิงแหลง่ ขอ้ มลู และออกมานาํ เสนอคําตอบครูและ

นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกับการอา้ งอิงแหลง่ ขอ้ มลู ซึ่งครูควรยาํ้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่าการเขียนอา้ งอิง
สามารถทาํ ได้หลายรูปแบบ

2. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรปุ เกยี่ วกบั ความรทู้ ไี่ ดร้ บั จากการทาํ กิจกรรม เชน่
- ข่าวลวงมีผลกระทบอยา่ งไร
- การอา้ งอิงแหล่งข้อมูลควรแสดงข้อมลู อะไรบ้าง
- นักเรียนจะนําความรู้ไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจําวนั หรือแนะนําคนใกลช้ ิดในการ

พจิ ารณาข่าวลวงอยา่ งไร
3. ครอู าจใหน้ กั เรียนอภปิ รายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้สอ่ื สังคมอยา่ งเหมาะสมและระมัดระวัง

เช่น ใชค้ าํ สุภาพ ไมว่ ่ากลา่ วหรอื ใหร้ ้ายผูอ้ ืน่
4. ครูควรสอนใหน้ กั เรยี นเขยี นอีเมลในรูปแบบที่ถูกตอ้ งตามหลักการกาลเทศะและใช้ภาษาใน

การสือ่ สารให้เหมาะสม
5. ข้นั ประเมิน (evaluation)
1. ครูให้นกั เรยี นแต่ละคนพจิ ารณาวา่ จากหวั ข้อท่ีเรยี นมาและการปฏิบตั กิ ิจกรรม มีจดุ ใดบา้ ง

ที่ยงั ไม่เขา้ ใจหรือยังมีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ
2. นักเรยี นรว่ มกันประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมวา่ มีปัญหาหรอื อปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไข

อย่างไรบา้ ง
3. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับประโยชนท์ ี่ได้รับจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม

และการนําความรทู้ ่ไี ด้ไปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมนิ การเรียนรขู้ องนกั เรยี นทําได้ ดังน้ี
1. ประเมนิ ความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในชัน้ เรียน
2. ประเมนิ การเรียนรจู้ ากคาํ ตอบของนกั เรยี นระหวา่ งการจัดการเรยี นรแู้ ละจากแบบบันทกึ

กจิ กรรม
3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทํากจิ กรรม

ของนกั เรียน

การประเมนิ จากการทากจิ กรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง

รหสั ส่งิ ทีป่ ระเมิน ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากขอ้ มูล

S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21

C4 การสื่อสาร

C5 ความรว่ มมอื

8. สือ่ และแหล่งการเรยี นรู้
- หนงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 สสวท.
- http://goo.gl/DjFPZH พรบ.วา่ ดว้ ยการกระทาํ ความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 (ฉบบั

การต์ ูน)
- http://goo.gl/GxDefg ตัวอย่างเวป็ ไซต์ทใ่ี ชต้ รวจสอบขอ้ มูลกอ่ นแชร์
- http://goo.gl/UHni4x สดุ ยอดขา่ วลวง
- http://goo.gl/qJ5Sq3 ข่าวลวงป่วนโลก

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผูท้ ี่ได้รบั มอบหมาย

ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง.......................................................... แล้วมคี วามเห็นดังนี้
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้
 เน้นผู้เรยี นเป็นสาํ คัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สําคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่
 นําไปใชไ้ ด้จริง
 ควรปรบั ปรุงกอ่ นนาํ ไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ..................................................
( นางศรีเมอื ง บญุ แพทย์ )
ตาํ แหน่งผอู้ าํ นวยการโรงเรยี น

วนั ท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 32

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2565

เรื่อง บ้ังไฟบปุ ผชาติ เวลา 1 ช่วั โมง

ครูผ้สู อน นายจักรกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คาํ นวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชีวติ จริงอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทํางาน และการแก้ปญั หา
ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ รเู้ ทา่ ทันและมจี ริยธรรม

ตวั ช้ีวัด ป.4/1 ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป้ ญั หาการอธิบายการทํางานการคาดการณผ์ ลลพั ธจ์ าก
ปัญหาอย่างง่าย

ป.4/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ยโดยใช้ขอฟตแ์ วรห์ รอื ส่ือตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด
และแกไ้ ข

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ความรู้, ทกั ษะ, เจตคต)ิ
1. นกั เรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั การทาํ นายผลลพั ธจ์ ากขน้ั ตอนการแก้ปญั หา
2. นักเรียนสามารถตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดและแก้ไขโปรแกรมได้
3. นกั เรียนมเี จตคติทด่ี ีตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์และใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย

3. สาระสาคญั
ผลลพั ธ์ของโปรแกรมข้ึนอยกู่ บั สถานะเร่ิมตน้ และคาํ สงั่ ของโปรแกรม การทํานายผลลพั ธท์ าํ ได้โดย

พจิ ารณาเงือ่ นไขของปญั หาและทําตามคาํ สง่ั ของโปรแกรมทีละขั้นตอนอยา่ งรอบคอบ เมอ่ื พบขนั้ ตอนที่ทาํ
ใหผ้ ลลพั ธข์ องโปรแกรมไมเ่ ป็นไปตามท่คี าดหวงั หรอื ไมส่ อดคลอ้ งตามเง่อื นไขของโจทย์ แสดงว่าอาจมี
ข้อผดิ พลาดเกดิ ขึ้นในขน้ั ตอนนค้ี วรทาํ การแกไ้ ขเพ่ือนําไปสผู่ ลลพั ธท์ ี่ถูกตอ้ ง

4. สาระการเรียนรู้
- การทาํ นายผลลพั ธจ์ ากข้ันตอนการแกป้ ญั หา
- การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรม

5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝเ่ รียนรู้
2. อยู่อยา่ งพอเพยี ง
3. มุ่งมัน่ ในการทาํ งาน

5. ชิน้ งานหรือภาระงาน
ใบงาน เร่ือง บั้งไฟบปุ ผชาติ

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาํ คัญ ดาํ เนินการเรยี นการสอนดงั ตอ่ ไปน้ี

1. ข้นั สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครตู ัง้ คําถามวา่ “ถ้ามบี ันได 10 ขนั้ นักเรยี นข้นึ ขัน้ ท่ี 1 ดว้ ยเท้าซ้าย เมอ่ื ถงึ ขน้ั สุดทา้ ยจะขน้ึ

ดว้ ยเท้าใด เพราะเหตใุ ด
2. ขั้นสารวจและค้นหา (exploration)
1. ครูนาํ นกั เรยี นทบทวนความรเู้ ก่ียวกบั โปรแกรม Scratch อีกครงั้
2. ครตู ง้ั คาํ ถามว่า “นักเรยี นเคยเขยี นโปรแกรมแลว้ ผลลพั ธ์ไมเ่ ป็นไปตามท่ตี ้องการหรอื ไม่ มี

วธิ ีแก้อยา่ งไร
3. ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครตู ง้ั คําถามว่านักเรียนจะมวี ธิ ีการตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรมไดอ้ ย่างไรและ

นกั เรยี นสามารถบอกผลลพั ธข์ องโปรแกรมโดยไมต่ อ้ งใชค้ อมพิวเตอรใ์ นการตรวจสอบผลลัพธ์ไดห้ รอื ไม่และ
สามารถทาํ ได้อยา่ งไร

4. ขั้นขยายความรู้ (elaboration)
1. นักเรียนทาํ ใบงานท่ี 9 เรื่อง บัง้ ไฟบุปผชาติ และออกมานําเสนอคาํ ตอบครูและนกั เรียน

ร่วมกันอภปิ รายเก่ียวกับขนั้ ตอนการทํางานของโปรแกรมเปน็ อย่างไร
2. ใหน้ กั เรียนเขยี นโปรแกรมจาก ใบงาน เร่ือง บงั้ ไฟบุปผชาติ แล้วตรวจสอบผลลัพธ์ทไี่ ด้
3. ครสู มุ่ นักเรยี นนําเสนอโปรแกรมที่นักเรยี นเขียน แลว้ ใหช้ ว่ ยกนั ตรวจสอบหาข้อผดิ พลาด

หากมีข้อผดิ พลาดจะมีวธิ กี ารแก้ไขอย่างไร
5. ข้นั ประเมนิ (evaluation)
1. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาวา่ จากหัวขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบัตกิ ิจกรรม มีจดุ ใดบ้าง

ที่ยงั ไมเ่ ข้าใจหรือยงั มีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ

2. นกั เรยี นร่วมกันประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรมว่ามปี ญั หาหรืออปุ สรรคใด และได้มีการแก้ไข
อยา่ งไรบ้าง

3. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับประโยชน์ที่ได้รบั จากการปฏิบัติกจิ กรรม
และการนําความรทู้ ่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมินการเรยี นรู้ของนักเรียนทําได้ ดงั นี้
1. ประเมนิ ความรู้เดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรียน
2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคําตอบของนกั เรียนระหว่างการจดั การเรยี นรู้และจากแบบบันทกึ

กิจกรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทาํ กิจกรรม

ของนักเรยี น

การประเมนิ จากการทากิจกรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรุง

รหสั สิง่ ที่ประเมนิ ระดับคะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมลู

S13 การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การสอ่ื สาร

C5 ความรว่ มมือ

8. ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้
- หนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 สสวท.
- http://goo.gl/tE8cTm Maze : Debugging

9. ความเหน็ ของหวั หนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย

ไดท้ ําการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง.......................................................... แล้วมีความเหน็ ดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นาํ เอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผู้เรียนเปน็ สําคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยังไม่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
3. เป็นแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่
 นําไปใช้ไดจ้ ริง
 ควรปรบั ปรงุ ก่อนนาํ ไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ..................................................
( นางศรีเมอื ง บุญแพทย์ )
ตําแหน่งผูอ้ ํานวยการโรงเรียน

วนั ท่ี........เดอื น...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 33

กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ปกี ารศึกษา 2565

เรือ่ ง บัง้ ไฟบุปผชาติ ตอน สรา้ งตัวเลขดิจิทัล เวลา 1 ช่วั โมง

ครูผู้สอน นายจกั รกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คาํ นวณในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชีวิตจรงิ อย่างเปน็ ขั้นตอน

และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทาํ งาน และการแกป้ ญั หา
ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ รเู้ ทา่ ทันและมจี ริยธรรม

ตัวชีว้ ัด ป.4/1 ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ญั หาการอธบิ ายการทาํ งานการคาดการณผ์ ลลัพธจ์ าก
ปัญหาอย่างง่าย

ป.4/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ขอฟตแ์ วรห์ รอื ส่ือตรวจหาข้อผดิ พลาด
และแก้ไข

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (ความร,ู้ ทักษะ, เจตคต)ิ
1. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับการทาํ นายผลลพั ธจ์ ากขนั้ ตอนการแก้ปัญหา
2. นกั เรยี นสามารถตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไขโปรแกรมได้
3. นักเรียนมเี จตคติทด่ี ีตอ่ วชิ าวิทยาศาสตร์และใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั

3. สาระสาคัญ
ผลลพั ธ์ของโปรแกรมขน้ึ อย่กู บั สถานะเรมิ่ ตน้ และคาํ สง่ั ของโปรแกรม การทํานายผลลพั ธท์ าํ ไดโ้ ดย

พจิ ารณาเงือ่ นไขของปัญหาและทาํ ตามคาํ ส่ังของโปรแกรมทีละขัน้ ตอนอยา่ งรอบคอบ เมอื่ พบข้นั ตอนที่ทาํ
ให้ผลลพั ธข์ องโปรแกรมไมเ่ ป็นไปตามทีค่ าดหวังหรอื ไม่สอดคล้องตามเง่ือนไขของโจทย์ แสดงวา่ อาจมี
ขอ้ ผิดพลาดเกดิ ข้นึ ในขน้ั ตอนน้ีควรทาํ การแกไ้ ขเพื่อนาํ ไปสู่ผลลพั ธท์ ี่ถูกตอ้ ง

4. สาระการเรียนรู้
- การทาํ นายผลลพั ธ์จากขัน้ ตอนการแกป้ ญั หา
- การตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรม

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
3. ม่งุ ม่ันในการทาํ งาน

5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
ใบกิจกรรมท่ี 9.1 เรื่อง สร้างตวั เลขดจิ ทิ ลั

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผู้เรยี นเป็นสําคัญ ดาํ เนนิ การเรยี นการสอนดงั ต่อไปน้ี

1. ข้นั สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครตู ั้งคําถามว่า “ถา้ มบี นั ได 15 ขน้ั นักเรียนขึ้นขน้ั ท่ี 1 ด้วยเทา้ ซา้ ย เม่อื ถงึ ข้ันสุดทา้ ยจะขึ้น

ด้วยเท้าใด เพราะเหตใุ ด
2. ข้ันสารวจและค้นหา (exploration)
1. ครนู ํานกั เรยี นศกึ ษาเน้อื หาในบทท่ี 9 เรอ่ื งบัง้ ไฟบปุ ผชาติ จากนนั้ รว่ มกนั อภิปรายความร้ทู ่ี

ไดร้ ับ
3. ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครตู ้งั คําถามวา่ “นกั เรียนจะมวี ธิ กี ารตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรมได้อย่างไรและ

นักเรียนสามารถบอกผลลพั ธ์ของโปรแกรมโดยไมต่ ้องใช้คอมพวิ เตอรใ์ นการตรวจสอบผลลพั ธ์ได้หรอื ไม่และ
สามารถทาํ ไดอ้ ย่างไร”

4. ขนั้ ขยายความรู้ (elaboration)
1. ครใู หค้ วามรเู้ กีย่ วกบั ตวั เลขดิจทิ ัลซึ่งเป็นการแสดงความสวา่ งใหป้ รากฏบนตาํ แหน่งตา่ ง ๆ ท่ี

กําหนดเพือ่ ให้อา่ นไดเ้ ปน็ ตัวเลขหรือตัวอกั ษรซ่งึ ในใบกจิ กรรมท่ี 9.1 เปน็ เพยี งการจาํ ลองการแสดงผลตวั เลข
หรอื ตัวอักษรดจิ ทิ ัล จากนนั้ ใหน้ ักเรียนทําใบกจิ กรรมท่ี 9.1 เรอื่ ง สรา้ งตวั เลขดิจทิ ัล และสุ่มนกั เรยี นนาํ เสนอ
คําตอบ

5. ขัน้ ประเมิน (evaluation)
1. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะคนพิจารณาวา่ จากหัวขอ้ ท่ีเรยี นมาและการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม มีจดุ ใดบ้าง

ท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือยังมขี อ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ กั เรียนเข้าใจ
2. นกั เรยี นรว่ มกันประเมินการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมว่ามีปญั หาหรืออุปสรรคใด และได้มกี ารแกไ้ ข

อยา่ งไรบ้าง

3. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชน์ท่ไี ด้รบั จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
และการนําความรทู้ ีไ่ ดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
การประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนทาํ ได้ ดงั นี้
1. ประเมนิ ความรู้เดมิ จากการอภปิ รายในชัน้ เรียน
2. ประเมินการเรยี นรจู้ ากคาํ ตอบของนักเรยี นระหว่างการจัดการเรยี นรูแ้ ละจากแบบบันทึก

กิจกรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทาํ กจิ กรรม

ของนกั เรยี น

การประเมินจากการทากิจกรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง

รหัส สง่ิ ทป่ี ระเมิน ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากขอ้ มูล

S13 การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

C4 การสือ่ สาร

C5 ความรว่ มมอื

8. สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้
- หนงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 สสวท.

- http://goo.gl/tE8cTm Maze : Debugging

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผ้ทู ไี่ ด้รบั มอบหมาย

ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ.......................................................... แล้วมคี วามเหน็ ดงั น้ี
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผู้เรยี นเป็นสําคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่
 นําไปใชไ้ ด้จริง
 ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่อื ..................................................
( นางศรีเมอื ง บุญแพทย์ )
ตําแหนง่ ผู้อํานวยการโรงเรยี น

วนั ท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 34

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ)

ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 ปีการศึกษา 2565

เรอื่ ง บัง้ ไฟบุปผชาติ ตอน เขียนโปรแกรมแบบไม่ใช้คอมพวิ เตอร์ เวลา 1 ชั่วโมง

ครูผ้สู อน นายจักรกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคํานวณในการแกป้ ญั หาทพี่ บในชีวติ จรงิ อย่างเปน็ ข้ันตอน

และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทํางาน และการแกป้ ัญหา
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทันและมีจรยิ ธรรม

ตวั ชวี้ ดั ป.4/1 ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ญั หาการอธิบายการทาํ งานการคาดการณ์ผลลัพธจ์ าก
ปญั หาอยา่ งง่าย

ป.4/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่ายโดยใชข้ อฟต์แวร์หรอื สอื่ ตรวจหาข้อผดิ พลาด
และแกไ้ ข

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (ความร,ู้ ทักษะ, เจตคต)ิ
1. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกับการทาํ นายผลลัพธจ์ ากข้นั ตอนการแก้ปัญหา
2. นักเรยี นสามารถตรวจหาขอ้ ผิดพลาดและแก้ไขโปรแกรมได้
3. นกั เรียนมเี จตคติทด่ี ีตอ่ วิชาวทิ ยาศาสตร์และใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั

3. สาระสาคัญ
ผลลพั ธข์ องโปรแกรมข้ึนอยูก่ บั สถานะเรม่ิ ตน้ และคําสง่ั ของโปรแกรม การทํานายผลลัพธท์ าํ ได้โดย

พจิ ารณาเง่ือนไขของปญั หาและทําตามคาํ ส่ังของโปรแกรมทีละขนั้ ตอนอย่างรอบคอบ เมอ่ื พบขนั้ ตอนทท่ี าํ
ใหผ้ ลลัพธข์ องโปรแกรมไม่เปน็ ไปตามทค่ี าดหวังหรอื ไม่สอดคล้องตามเงือ่ นไขของโจทย์ แสดงว่าอาจมี
ขอ้ ผดิ พลาดเกดิ ขน้ึ ในขั้นตอนนค้ี วรทาํ การแก้ไขเพื่อนาํ ไปสผู่ ลลพั ธท์ ่ีถกู ตอ้ ง

4. สาระการเรียนรู้
- การทาํ นายผลลพั ธจ์ ากขน้ั ตอนการแก้ปัญหา
- การตรวจหาข้อผดิ พลาดจากโปรแกรม

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้
2. อย่อู ยา่ งพอเพียง
3. มงุ่ ม่นั ในการทาํ งาน

5. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน
ใบกิจกรรมที่ 9.2 เร่อื ง เขยี นโปรแกรมแบบไมใ่ ชค้ อมพวิ เตอร์

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผเู้ รียนเป็นสําคญั ดาํ เนินการเรียนการสอนดังตอ่ ไปนี้

1. ขนั้ สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครตู ง้ั คาํ ถามวา่ “ถ้ามบี นั ได 15 ขน้ั นักเรยี นขนึ้ ขน้ั ที่ 1 ดว้ ยเท้าซา้ ย เม่ือถงึ ข้ันสุดท้ายจะขน้ึ

ดว้ ยเท้าใด เพราะเหตใุ ด
2. ข้ันสารวจและค้นหา (exploration)
1. ครูนาํ นกั เรียนศกึ ษาเนื้อหาในบทที่ 9 เรื่องบ้ังไฟบุปผชาติ จากนนั้ ร่วมกนั อภิปรายความร้ทู ่ี

ไดร้ บั
3. ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครูทบทวนเกย่ี วกับคําส่งั ในโปรแกรม Scratch เชน่ พิกดั say, glide, go to, pen down,

pen up
4. ข้ันขยายความรู้ (elaboration)
1. ให้นกั เรียนทําใบกจิ กรรมที่ 9.2 เรอื่ ง เขยี นโปรแกรมแบบไมใ่ ช้คอมพิวเตอร์ และสุ่ม

นักเรียนนําเสนอคําตอบ
2. ครนู าํ อภิปรายเก่ยี วกบั เหตุผลในคาํ ตอบของนักเรียนแต่ละคนเพื่อหาขอ้ สรปุ รว่ มกัน
3. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายในประเด็นต่อไปนี้
- นกั เรยี นไดร้ ับความรู้อะไรบ้าง
- สิ่งทน่ี กั เรยี นต้องพจิ ารณาในการออกแบบขนั้ ตอนการแก้ปญั หาคอื อะไร (ข้อมูลเง่ือนไข

ผลลัพธ)์
- การทาํ นายผลลพั ธม์ วี ธิ กี ารทาํ อย่างไร (พจิ ารณาขอ้ มลู เขา้ และคําส่ังทีละคาํ สง่ั )
- นักเรียนจะนาํ ความรูไ้ ปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจาํ วันอย่างไร

5. ข้นั ประเมนิ (evaluation)
1. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนพิจารณาวา่ จากหวั ข้อทเ่ี รยี นมาและการปฏิบตั กิ ิจกรรม มีจดุ ใดบ้าง

ทยี่ ังไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพิม่ เตมิ ให้นักเรียนเข้าใจ
2. นกั เรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด และไดม้ ีการแกไ้ ข

อยา่ งไรบา้ ง
3. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั ประโยชนท์ ไี่ ดร้ ับจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม

และการนาํ ความรทู้ ี่ไดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมนิ การเรียนร้ขู องนักเรยี นทาํ ได้ ดังน้ี
1. ประเมินความร้เู ดิมจากการอภิปรายในชนั้ เรยี น
2. ประเมินการเรยี นรจู้ ากคําตอบของนกั เรยี นระหว่างการจดั การเรียนรู้และจากแบบบันทกึ

กจิ กรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทํากิจกรรม

ของนกั เรียน

การประเมินจากการทากจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ

รหัส ส่งิ ท่ีประเมิน ระดบั คะแนน

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การสื่อสาร

C5 ความรว่ มมอื

8. ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้
- หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สสวท.
- http://goo.gl/tE8cTm Maze : Debugging

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผูท้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย

ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ.......................................................... แลว้ มีความเห็นดงั นี้
1. เป็นแผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรงุ
2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผ้เู รยี นเปน็ สาํ คญั มาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่
 นําไปใชไ้ ด้จรงิ
 ควรปรับปรงุ กอ่ นนาํ ไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ..................................................
( นางศรีเมอื ง บุญแพทย์ )
ตําแหน่งผ้อู ํานวยการโรงเรียน

วันที่........เดอื น...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 35

กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ)

ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ปกี ารศึกษา 2565

เรื่อง บงั้ ไฟบปุ ผชาติ ตอน ขนั้ ตอนการทาํ งาน เวลา 1 ชว่ั โมง

ครูผูส้ อน นายจักรกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คาํ นวณในการแกป้ ญั หาทพ่ี บในชวี ิตจริงอยา่ งเปน็ ขั้นตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทาํ งาน และการแก้ปญั หา
ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทันและมจี รยิ ธรรม

ตัวชี้วัด ป.4/1 ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หาการอธบิ ายการทํางานการคาดการณ์ผลลพั ธจ์ าก
ปัญหาอย่างงา่ ย

ป.4/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่ายโดยใชข้ อฟต์แวร์หรือสอื่ ตรวจหาขอ้ ผิดพลาด
และแก้ไข

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (ความรู้, ทักษะ, เจตคต)ิ
1. นกั เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกับการทาํ นายผลลพั ธจ์ ากขัน้ ตอนการแก้ปญั หา
2. นักเรยี นสามารถตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดและแก้ไขโปรแกรมได้
3. นักเรยี นมเี จตคติทดี่ ีตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์และใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย

3. สาระสาคญั
ผลลัพธ์ของโปรแกรมขน้ึ อยกู่ ับสถานะเร่ิมตน้ และคาํ สง่ั ของโปรแกรม การทาํ นายผลลพั ธ์ทาํ ไดโ้ ดย

พิจารณาเงอื่ นไขของปญั หาและทําตามคาํ สั่งของโปรแกรมทลี ะขั้นตอนอย่างรอบคอบ เมอื่ พบขั้นตอนท่ที าํ
ให้ผลลพั ธ์ของโปรแกรมไมเ่ ป็นไปตามที่คาดหวงั หรือไมส่ อดคลอ้ งตามเง่อื นไขของโจทย์ แสดงว่าอาจมี
ขอ้ ผดิ พลาดเกดิ ขนึ้ ในขนั้ ตอนนคี้ วรทาํ การแก้ไขเพอ่ื นําไปสู่ผลลพั ธท์ ถ่ี กู ตอ้ ง

4. สาระการเรียนรู้
- การทาํ นายผลลพั ธจ์ ากข้ันตอนการแก้ปญั หา
- การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรม

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ใฝเ่ รียนรู้
2. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง
3. มุ่งมน่ั ในการทาํ งาน

5. ชิน้ งานหรือภาระงาน
ใบกิจกรรมท่ี 9.3 เรอ่ื ง ข้ันตอนการทํางาน

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผเู้ รียนเป็นสาํ คญั ดาํ เนนิ การเรยี นการสอนดงั ตอ่ ไปน้ี

1. ขัน้ สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครตู ้ังคาํ ถามว่า “ถา้ มบี นั ได 15 ข้นั นักเรยี นขน้ึ ข้ันที่ 1 ดว้ ยเท้าซา้ ย เมอ่ื ถึงขนั้ สดุ ทา้ ยจะขึน้

ดว้ ยเท้าใด เพราะเหตุใด
2. ขน้ั สารวจและค้นหา (exploration)
1. ครนู าํ นักเรยี นศกึ ษาเนอ้ื หาในบทท่ี 9 เรือ่ งบ้ังไฟบปุ ผชาติ จากนัน้ ร่วมกนั อภิปรายความร้ทู ี่

ได้รบั
3. ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครทู บทวนเก่ียวกบั ลาํ ดบั อัลกอรทิ มึ หรอื ขั้นตอนการทาํ งาน โดยอาจยกตัวอยา่ ง กจิ กรรมใน

ชีวติ ประจาํ วันหรอื ใหน้ ักเรยี นยกตวั อยา่ งอลั กอรทิ มึ ที่นักเรยี นรจู้ ักแลว้
4. ข้นั ขยายความรู้ (elaboration)
1. นักเรียนทําใบกจิ กรรมท่ี 9.3 เรอื่ งข้นั ตอนการทาํ งาน จากนน้ั สุ่มนักเรยี นนําเสนอคําตอบซึ่ง

คําตอบของนกั เรยี นอาจไม่เหมอื นกนั ข้ึนอยู่กับเหตผุ ล แตผ่ ลลพั ธต์ ้องสอดคล้องกับเง่ือนไขและสถานการณท์ ี่
กาํ หนด

2. ครนู าํ อภิปรายเกย่ี วกบั เหตผุ ลในคาํ ตอบของนักเรยี นแต่ละคนเพ่ือหาขอ้ สรปุ รว่ มกัน
3. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายในประเด็นต่อไปน้ี

- นกั เรยี นไดร้ ับความรู้อะไรบ้าง
- ส่งิ ท่นี กั เรียนตอ้ งพิจารณาในการออกแบบขน้ั ตอนการแกป้ ัญหาคืออะไร (ข้อมลู เงื่อนไข
ผลลพั ธ์)
- การทาํ นายผลลพั ธม์ ีวธิ กี ารทาํ อยา่ งไร (พจิ ารณาข้อมูลเข้าและคาํ สัง่ ทีละคาํ สั่ง)
- นกั เรยี นจะนาํ ความรูไ้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาํ วันอยา่ งไร

5. ข้นั ประเมนิ (evaluation)
1. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนพิจารณาวา่ จากหวั ข้อทเ่ี รยี นมาและการปฏิบตั กิ ิจกรรม มีจดุ ใดบ้าง

ทยี่ ังไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพิม่ เตมิ ให้นักเรียนเข้าใจ
2. นกั เรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด และไดม้ ีการแก้ไข

อยา่ งไรบา้ ง
3. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั ประโยชนท์ ไี่ ดร้ ับจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม

และการนาํ ความรทู้ ี่ไดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมนิ การเรียนร้ขู องนักเรยี นทาํ ได้ ดังน้ี
1. ประเมินความร้เู ดิมจากการอภิปรายในชนั้ เรยี น
2. ประเมินการเรยี นรจู้ ากคําตอบของนกั เรยี นระหว่างการจดั การเรียนรู้และจากแบบบันทกึ

กจิ กรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทํากิจกรรม

ของนกั เรียน

การประเมินจากการทากจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ

รหัส ส่งิ ท่ีประเมิน ระดบั คะแนน

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การสื่อสาร

C5 ความรว่ มมอื

8. ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้
- หนังสือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สสวท.
- http://goo.gl/tE8cTm Maze : Debugging

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย

ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นรูข้ อง.......................................................... แลว้ มคี วามเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กจิ กรรมไดน้ าํ เอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผ้เู รยี นเปน็ สําคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
 นําไปใช้ไดจ้ รงิ
 ควรปรับปรุงก่อนนาํ ไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ..................................................
( นางศรเี มือง บุญแพทย์ )
ตําแหนง่ ผู้อาํ นวยการโรงเรยี น

วันท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรยี นเป็นรายบุคคล (ถา้ มี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่อื ..................................................ครผู ู้สอน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหนง่ ครูผชู้ ่วย


Click to View FlipBook Version