The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชาวิทยาการคำนวณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khrutos, 2022-06-09 21:39:38

แผนการจัดการเรียนรู้

รายวิชาวิทยาการคำนวณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ)

ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ปกี ารศึกษา 2565

เรือ่ ง หนทางหมืน่ ลี้ เริ่มต้นทธ่ี งเขยี ว ตอน บนิ ตามลูกโปง่ เวลา 1 ช่วั โมง

ครูผู้สอน นายจกั รกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คาํ นวณในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชวี ิตจริงอยา่ งเปน็ ขั้นตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทาํ งาน และการแกป้ ัญหา
ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมีจริยธรรม

ตัวช้วี ดั ป.4/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใชซ้ อรฟ์ แวรห์ รอื สื่อ ตรวจหาข้อผดิ พลาด
และแก้ไข

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (ความรู้, ทกั ษะ, เจตคต)ิ
1. นักเรียนมีความร้คู วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั การเขียนโปรแกรม Scratch อยา่ งง่าย
2. นกั เรียนสามารถตรวจหาข้อผิดพลาดโดยตรวจสอบการทํางานทีละคาํ สงั่ ได้
3. นักเรยี นมเี จตคติทด่ี ีตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์

3. สาระสาคญั
บล็อกคําสั่ง glide ใชใ้ นการเคล่ือนทต่ี วั ละครไปยังตําแหนง่ ท่กี ําหนดอย่างช้า ๆ
บลอ็ กคําสั่ง point in direction ใชใ้ นการกําหนดทศิ ทางการหันหนา้ ของตวั ละครไปยังทิศทางที่

กาํ หนด
บล็อกคาํ ส่งั move ใชส้ าํ หรับยา้ ยตาํ แหน่งตัวละครไปแนวเดียวกันกับทิศทางทต่ี วั ละครหันหน้าอยู่
บลอ็ กคําสั่ง pen down ใชใ้ นการจรดปากกาเพอ่ื เร่มิ ต้นการวาดเส้น
บล็อกคาํ สั่ง pen up ใช้ในการยกปากกาเมอื่ สิ้นสดุ การวาด
การแก้ไขขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม (debugging) ทําไดโ้ ดยการตง้ั ให้โปรแกรมทํางานและ

ตรวจสอบผลลพั ธ์ที่ละคาํ ส่ัง

4. สาระการเรยี นรู้
1. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย
2. การตรวจหาข้อผดิ พลาดจากโปรแกรม

5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ใฝเ่ รียนรู้
2. อย่อู ยา่ งพอเพียง
3. มุ่งมัน่ ในการทาํ งาน

5. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน
ใบกิจกรรมท่ี 3.1 เรื่อง บินตามลกู โป่ง

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผเู้ รียนเป็นสาํ คัญ ดาํ เนินการเรยี นการสอนดงั ตอ่ ไปน้ี

1. ขน้ั สรา้ งความสนใจ (engagement)

1. ครทู บทวนคําส่ังพนื้ ฐานของ Scratch ท่ีไดศ้ ึกษาจากบทท่ี 2 เร่ืองโปรแกรมแสนสนกุ

จากนั้นครใู หน้ ักเรียนชว่ ยกนั คิดวา่ สามารถนําความรู้จากบททีแ่ ลว้ ไปสรา้ งชิ้นงานใดได้บา้ ง (บทละครนทิ าน)

โดยครูอาจแนะนาํ เพิม่ เติมวา่ สามารถใช้โปรแกรม Scratch ในการวาดภาพตามจินตนาการไดอ้ ีกดว้ ย

2. ขัน้ สารวจและคน้ หา (exploration)

1. นกั เรยี นรว่ มกนั ศึกษาเน้อื หาในหนงั สือเรยี นบทท่ี 3 เรอ่ื งหนทางหมื่นสี่เริ่มตน้ ท่ีธงเขียวให้

นกั เรียนใชบ้ ล็อกคําส่ังตามเนือ้ หาในหนงั สือเรียนและร่วมกันตอบคาํ ถาม

3. ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)

1. ครนู ํานักเรยี นอภิปรายความรทู้ ีไ่ ดร้ ับในบทเรียน

2. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรุปกระบวนการคดิ หาคาํ ตอบทีละขน้ั ตอน

4. ข้ันขยายความรู้ (elaboration)

1. ครแู บง่ นักเรยี นเป็นกลมุ่ ใหน้ ักเรียนทาํ ในกจิ กรรมที่ 3.1 เรอ่ื ง บนิ ตามลกู โป่ง ซง่ึ ในข้อ 2.

และข้อ 3. แต่ละกลุม่ จะตอ้ งเขยี นโปรแกรมให้นกเคลื่อนท่ขี นลูกโป่งตามสที ่ีกําหนดแล้วกลบั มา มาหยุดท่ี

ตําแหน่งเดิมโดยอาจกาํ หนดโจทย์ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ดงั น้ี

กลุ่มท่ี 1 และกลุ่มท่ี 5 ทําขอ้ 1)

กลมุ่ ที่ 2 และกลุ่มท่ี 6 ทาํ ขอ้ 2)

กลุม่ ที่ 3 และกลมุ่ ที่ 7 ทาํ ข้อ 3)

กลุ่มท่ี 4 และกลมุ่ ท่ี 8 ทําข้อ 4)

2. ครูสุ่มนักเรียนแตล่ ะกล่มุ นําเสนอผลงานและรว่ มกันอภิปรายในประเดน็ ต่อไปนี้

- บล็อกคําสัง่ glide, move, point in direction เปน็ บล็อกคาํ สัง่ สําหรบั ทาํ อะไร

- กลมุ่ ท่ไี ดโ้ จทยเ์ ดียวกันมกี ารเขียนสคริปต์เหมือนกนั หรอื ไมอ่ ย่างไร

- การสง่ั ให้โปรแกรมทํางานแตล่ ะคร้ังผลลัพธ์เป็นไปตามทตี่ ้องการหรอื ไม่ ถ้าไมเ่ ป็นตามท่ี
ต้องการนกั เรียนมีวธิ กี ารแก้ปญั หาอย่างไร

3. ครูสุม่ ถามนกั เรียนเพอ่ื ทบทวนเกย่ี วกบั พิกัดและบล็อกคําสัง่ ต่าง ๆ เชน่ go to, set pen,
pen down, pen up

5. ข้นั ประเมนิ (evaluation)
1. ครใู ห้นักเรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม มีจดุ ใดบา้ ง

ที่ยังไมเ่ ข้าใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิม่ เตมิ ให้นกั เรยี นเข้าใจ
2. นกั เรยี นรว่ มกันประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรืออปุ สรรคใด และได้มกี าร

แกไ้ ขอยา่ งไรบ้าง
3. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับประโยชนท์ ี่ได้รบั จากการปฏิบตั กิ จิ กรรม

และการนาํ ความรทู้ ่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
การประเมินการเรียนร้ขู องนักเรยี นทําได้ ดังน้ี
1. ประเมนิ ความรู้เดิมจากการอภปิ รายในช้นั เรียน
2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคาํ ตอบของนักเรียนระหว่างการจดั การเรียนรแู้ ละจากแบบบันทึก

กจิ กรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทํากิจกรรม

ของนักเรยี น

การประเมนิ จากการทากิจกรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ

รหัส สง่ิ ที่ประเมนิ ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากขอ้ มูล

S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21

C4 การส่อื สาร

C5 ความรว่ มมือ

8. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
- หนงั สอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 สสวท.
- แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 สสวท.

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย

ไดท้ ําการตรวจแผนการจดั การเรียนร้ขู อง.......................................................... แลว้ มีความเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรงุ
2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาํ คญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยังไมเ่ น้นผเู้ รียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
3. เป็นแผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่
 นาํ ไปใชไ้ ดจ้ รงิ
 ควรปรับปรงุ ก่อนนาํ ไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ..................................................
( นางศรเี มอื ง บุญแพทย์ )
ตาํ แหน่งผอู้ าํ นวยการโรงเรียน

วนั ท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 11

กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ปกี ารศกึ ษา 2565

เร่ือง หนทางหม่นื ลี้ เริ่มต้นทธ่ี งเขยี ว ตอน วาดฝนั ใหถ้ ึงฝงั่ เวลา 1 ชวั่ โมง

ครูผสู้ อน นายจกั รกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคาํ นวณในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชวี ิตจรงิ อย่างเป็นขนั้ ตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทํางาน และการแกป้ ัญหา
ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมจี รยิ ธรรม

ตัวชี้วัด ป.4/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ซอรฟ์ แวรห์ รอื สอ่ื ตรวจหาข้อผิดพลาด
และแกไ้ ข

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (ความร,ู้ ทกั ษะ, เจตคต)ิ
1. นักเรียนมีความรูค้ วามเข้าใจเกย่ี วกบั การเขยี นโปรแกรม Scratch อยา่ งง่าย
2. นกั เรียนสามารถตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดโดยตรวจสอบการทาํ งานทลี ะคาํ สงั่ ได้
3. นักเรียนมเี จตคติทด่ี ีตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์

3. สาระสาคญั
บล็อกคาํ สัง่ glide ใชใ้ นการเคลื่อนท่ตี วั ละครไปยงั ตําแหนง่ ท่ีกาํ หนดอยา่ งชา้ ๆ
บล็อกคาํ สั่ง point in direction ใช้ในการกําหนดทิศทางการหันหนา้ ของตวั ละครไปยงั ทิศทางท่ี

กําหนด
บลอ็ กคําสั่ง move ใช้สาํ หรบั ย้ายตําแหนง่ ตวั ละครไปแนวเดียวกันกบั ทิศทางทต่ี วั ละครหันหนา้ อยู่
บล็อกคาํ สงั่ pen down ใช้ในการจรดปากกาเพอื่ เริม่ ตน้ การวาดเสน้
บลอ็ กคําส่งั pen up ใชใ้ นการยกปากกาเมือ่ สิ้นสดุ การวาด
การแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม (debugging) ทําไดโ้ ดยการตง้ั ใหโ้ ปรแกรมทํางานและ

ตรวจสอบผลลัพธ์ที่ละคาํ สั่ง

4. สาระการเรยี นรู้
1. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
2. การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรม

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้
2. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง
3. มุง่ มั่นในการทาํ งาน

5. ชนิ้ งานหรือภาระงาน
ใบกจิ กรรมท่ี 3.2 เร่ือง วาดฝนั ใหถ้ ึงฝ่งั

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผูเ้ รยี นเป็นสําคัญ ดาํ เนนิ การเรยี นการสอนดงั ต่อไปน้ี

1. ขัน้ สร้างความสนใจ (engagement)
1. ครูทบทวนคาํ สัง่ พืน้ ฐานของ Scratch ที่ได้ศกึ ษาจากบทท่ี 2 เรือ่ งโปรแกรมแสนสนกุ

จากน้นั ครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันคดิ วา่ สามารถนําความรจู้ ากบทที่แลว้ ไปสรา้ งชนิ้ งานใดได้บ้าง (บทละครนทิ าน)
โดยครอู าจแนะนาํ เพิ่มเติมว่าสามารถใชโ้ ปรแกรม Scratch ในการวาดภาพตามจนิ ตนาการไดอ้ ีกดว้ ย

2. ขั้นสารวจและคน้ หา (exploration)
1. นกั เรยี นรว่ มกันศกึ ษาเนอื้ หาในหนงั สอื เรยี นบทท่ี 3 เรอ่ื งหนทางหม่นื ส่เี รมิ่ ต้นที่ธงเขยี วให้

นักเรียนใช้บล็อกคาํ ส่งั ตามเนื้อหาในหนงั สอื เรียนและร่วมกนั ตอบคําถาม
3. ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครนู าํ นกั เรยี นอภปิ รายความรทู้ ไี่ ดร้ บั ในบทเรยี น
2. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายสรปุ กระบวนการคดิ หาคาํ ตอบทีละขั้นตอน
4. ขนั้ ขยายความรู้ (elaboration)
1. ครูแบง่ นักเรียนเป็นกล่มุ ใหน้ กั เรยี นทําในกิจกรรมท่ี 3.2 เรื่อง วาดฝันใหถ้ ึงฝง่ั โดยครูตัง้

คําถามวา่ “หากนักเรยี นตอ้ งการทอ่ งเทย่ี งหรอื ลอ่ งไปตามแม่น้ํา นักเรียนคิดว่าจะใชพ้ าหนะใด”
2. ครูใหน้ กั เรยี นออกแบบพาหนะในใบกิจกรรมท่ี 3.2 เน้นการวาดโดยใช้ เส้นตรง จากนัน้ ให้

นกั เรียนสรา้ งพาหนะตามทอ่ี อกแบบไวใ้ นโปรแกรม Scratch
3. ครสู ุ่มนักเรียนนําเสนอผลงาน และอภปิ รายเกย่ี วกับข้นั ตอนการสรา้ งชน้ิ งาน

5. ขน้ั ประเมนิ (evaluation)
1. ครูให้นกั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่เี รยี นมาและการปฏิบตั กิ ิจกรรม มีจดุ ใดบ้าง

ท่ียังไม่เข้าใจหรือยังมขี ้อสงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ
2. นักเรียนร่วมกันประเมนิ การปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรอื อปุ สรรคใด และได้มกี าร

แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง

3. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบัติกจิ กรรม
และการนําความรทู้ ่ีไดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมินการเรยี นรขู้ องนักเรียนทําได้ ดงั นี้
1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรียน
2. ประเมนิ การเรียนรจู้ ากคาํ ตอบของนกั เรียนระหว่างการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทึก

กจิ กรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทาํ กจิ กรรม

ของนกั เรยี น

การประเมนิ จากการทากจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรงุ

รหัส สง่ิ ทีป่ ระเมิน ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู

S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การสื่อสาร

C5 ความรว่ มมอื

8. สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้
- หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 สสวท.

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผ้ทู ไี่ ดร้ บั มอบหมาย

ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ.......................................................... แลว้ มคี วามเหน็ ดังนี้
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้
 เน้นผู้เรยี นเป็นสําคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่
 นําไปใชไ้ ด้จริง
 ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ..................................................
( นางศรเี มือง บุญแพทย์ )
ตําแหน่งผู้อาํ นวยการโรงเรียน

วนั ที่........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 12

กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 ปกี ารศึกษา 2565

เรือ่ ง หนทางหมนื่ ลี้ เร่ิมต้นท่ีธงเขยี ว ตอน ปักธงชาติไทย เวลา 1 ชัว่ โมง

ครูผูส้ อน นายจกั รกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คาํ นวณในการแก้ปญั หาทพี่ บในชวี ิตจริงอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอน

และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทาํ งาน และการแกป้ ัญหา
ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมีจรยิ ธรรม

ตัวชี้วดั ป.4/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใชซ้ อรฟ์ แวรห์ รอื สื่อ ตรวจหาข้อผดิ พลาด
และแก้ไข

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (ความรู้, ทกั ษะ, เจตคต)ิ
1. นักเรียนมคี วามรูค้ วามเข้าใจเก่ียวกบั การเขียนโปรแกรม Scratch อยา่ งง่าย
2. นกั เรียนสามารถตรวจหาข้อผดิ พลาดโดยตรวจสอบการทํางานทีละคาํ สงั่ ได้
3. นักเรียนมเี จตคติทดี่ ีตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์

3. สาระสาคัญ
บล็อกคาํ สั่ง glide ใชใ้ นการเคล่ือนที่ตวั ละครไปยังตําแหนง่ ท่ีกําหนดอย่างช้า ๆ
บล็อกคาํ ส่ัง point in direction ใชใ้ นการกาํ หนดทศิ ทางการหันหนา้ ของตวั ละครไปยังทิศทางที่

กาํ หนด
บลอ็ กคําส่ัง move ใชส้ าํ หรับยา้ ยตําแหนง่ ตัวละครไปแนวเดยี วกันกับทิศทางทต่ี วั ละครหันหน้าอยู่
บลอ็ กคาํ สั่ง pen down ใชใ้ นการจรดปากกาเพอื่ เร่มิ ต้นการวาดเส้น
บล็อกคาํ สง่ั pen up ใช้ในการยกปากกาเมอื่ สิน้ สดุ การวาด
การแก้ไขข้อผดิ พลาดของโปรแกรม (debugging) ทําไดโ้ ดยการตง้ั ให้โปรแกรมทํางานและ

ตรวจสอบผลลพั ธ์ทีล่ ะคาํ สงั่

4. สาระการเรยี นรู้
1. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
2. การตรวจหาข้อผดิ พลาดจากโปรแกรม

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝเ่ รียนรู้
2. อย่อู ยา่ งพอเพียง
3. ม่งุ ม่นั ในการทาํ งาน

5. ชิ้นงานหรือภาระงาน
ใบกจิ กรรมท่ี 3.3 เรอ่ื ง ปักธงชาตไิ ทย

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาํ คญั ดาํ เนินการเรยี นการสอนดังต่อไปนี้

1. ขั้นสร้างความสนใจ (engagement)
1. ครูทบทวนคําส่งั พ้นื ฐานของ Scratch ที่ไดศ้ ึกษาจากบทที่ 2 เร่ืองโปรแกรมแสนสนกุ

จากนั้นครูใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันคิดวา่ สามารถนําความรูจ้ ากบททีแ่ ลว้ ไปสร้างชนิ้ งานใดไดบ้ า้ ง (บทละครนทิ าน)
โดยครูอาจแนะนําเพ่มิ เติมว่าสามารถใชโ้ ปรแกรม Scratch ในการวาดภาพตามจนิ ตนาการได้อีกดว้ ย

2. ข้ันสารวจและค้นหา (exploration)
1. นักเรียนร่วมกันศกึ ษาเนอื้ หาในหนงั สือเรียนบทท่ี 3 เรอ่ื งหนทางหมน่ื สีเ่ รม่ิ ตน้ ท่ีธงเขยี วให้

นกั เรียนใช้บลอ็ กคาํ สง่ั ตามเน้ือหาในหนงั สอื เรียนและร่วมกนั ตอบคาํ ถาม
3. ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครูนํานักเรยี นอภปิ รายความรทู้ ไี่ ดร้ บั ในบทเรยี น
2. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายสรปุ กระบวนการคดิ หาคาํ ตอบทีละขัน้ ตอน
4. ข้นั ขยายความรู้ (elaboration)
1. ครใู ห้นกั เรยี นทาํ ใบกจิ กรรมที่ 3.3 เรอื่ ง ปกั ธงชาตไิ ทย โดยครตู ัง้ คาํ ถามว่า “ธงชาติไทยมีกี่

สี สีอะไรบา้ ง และมีการเรียงลําดับสอี ย่างไร สดั สว่ นแตล่ ะสเี ป็นเท่าไหร่” โดยครูอาจแนะนํารายละเอยี ดตา่ ง ๆ
เพม่ิ เติม

2. ครูสุ่มนักเรยี นนาํ เสนอผลงาน และอภิปรายเกย่ี วกบั ข้ันตอนการสรา้ งชน้ิ งาน
5. ขนั้ ประเมิน (evaluation)

1. ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหวั ข้อทีเ่ รียนมาและการปฏิบัตกิ ิจกรรม มจี ดุ ใดบา้ ง
ทีย่ ังไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพิม่ เตมิ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ

2. นกั เรียนร่วมกันประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรอื อปุ สรรคใด และได้มีการ
แกไ้ ขอยา่ งไรบ้าง

3. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบัติกจิ กรรม
และการนําความรทู้ ่ีไดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมินการเรยี นรขู้ องนักเรียนทําได้ ดงั นี้
1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรียน
2. ประเมนิ การเรียนรจู้ ากคาํ ตอบของนกั เรียนระหว่างการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทึก

กจิ กรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทาํ กจิ กรรม

ของนกั เรยี น

การประเมนิ จากการทากจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรงุ

รหัส สง่ิ ทีป่ ระเมิน ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู

S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C4 การสื่อสาร

C5 ความรว่ มมอื

8. สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้
- หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 สสวท.
- แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 สสวท.

9. ความเหน็ ของหวั หนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย

ไดท้ ําการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง.......................................................... แล้วมีความเหน็ ดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นาํ เอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผู้เรียนเปน็ สําคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยังไม่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
3. เป็นแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่
 นําไปใช้ไดจ้ ริง
 ควรปรบั ปรงุ ก่อนนาํ ไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ..................................................
( นางศรีเมอื ง บุญแพทย์ )
ตําแหน่งผูอ้ ํานวยการโรงเรียน

วนั ท่ี........เดอื น...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย



แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 13

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ)

ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2565

เร่ือง ลอยฟา้ ตะลยุ สวน เวลา 1 ช่ัวโมง

ครผู ู้สอน นายจักรกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคาํ นวณในการแกป้ ัญหาทพี่ บในชีวิตจรงิ อย่างเป็นขน้ั ตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทํางาน และการแก้ปญั หา
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทันและมีจริยธรรม

ตวั ชว้ี ดั ป.4/4 รวบรวม ประเมิน นาํ เสนอ ข้อมลู สารสนเทศ ตามวตั ถปุ ระสงค์โดยใช้ซอฟตแ์ วรห์ รอื
บรกิ ารบนอนิ เตอร์เน็ตทห่ี ลากหลาย เพ่อื แกป้ ัญหาในชีวิตประจาํ วัน

2. จุดประสงค์การเรียนรู้ (ความรู้, ทักษะ, เจตคต)ิ
1. นักเรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั การรวบรวมขอ้ มูลและประมวลผลขอ้ มลู
2. นักเรยี นสามารถรวบรวมข้อมลู และประมวลผลข้อมลู ได้
3. นักเรยี นมเี จตคติทด่ี ีตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์

3. สาระสาคญั
ขอ้ มลู หมายถงึ ลักษณะหรือรายละเอียดเก่ียวกับสง่ิ ใดสง่ิ หนง่ึ
วิธีการท่ใี ชใ้ นการสํารวจขอ้ มูล เชน่ การสังเกต การวดั การสมั ภาษณ์ การตอบแบบสอบถามด้วย

กระดาษหรอื ออนไลน์
อุปกรณ์หรือเคร่อื งมือทใี่ ช้สําหรบั บันทึกและรวบรวมขอ้ มลู เชน่ ปากกา ดนิ สอ สมุดบนั ทกึ เครื่อง

คอมพิวเตอร์
การประมวลผลขอ้ มูล เช่น การคาํ นวณ การเปรียบบเทยี บ การจาํ แนกประเภท

4. สาระการเรยี นรู้
1. การรวบรวมขอ้ มลู และการประมวลอยา่ งง่าย

5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝเ่ รียนรู้
2. อย่อู ยา่ งพอเพียง

3. มงุ่ ม่นั ในการทาํ งาน

5. ชน้ิ งานหรือภาระงาน
ใบงาน เร่อื ง ลอยฟา้ ตะลยุ สวน

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาํ คญั ดาํ เนินการเรยี นการสอนดังตอ่ ไปน้ี

1. ขน้ั สร้างความสนใจ (engagement)
1. ครูตง้ั คําถามวา่ “ถ้าตอ้ งการรวบรวมข้อมูลและเก็บบันทึกข้อมูลจํานวนนกั เรยี นในโรงเรียน

จะมวี ธิ กี ารดาํ เนินการอยา่ งไร”
2. ครแู บง่ นักเรียนเป็นกลุ่ม โดยอาจใชเ้ พลงและกิจกรรมเพื่อแบ่งกลมุ่ เช่น

เพลง รวมเงนิ
รวมกัน รวมกนั ให้ดี รวมกนั วนั นี้

อย่าให้มีผดิ พลาด
ผหู้ ญงิ นน้ั เป็นเหรยี ญบาท (ซา้ํ )
ผู้ชายเกง่ กาจเป็นห้าสิบสตางค์ (ซํ้า)

ครูบอกจาํ นวนเงนิ ที่ตอ้ งการ เชน่ สองบาทห้าสิบ เดก็ ๆ นักเรียนอาจรวมกลุม่ กันไดเ้ ป็น
ผู้ชาย 2 คน ผูห้ ญิง 1 คน หรอื ผชู้ าย 1 คน ผหู้ ญงิ 3 คน กไ็ ด้ (เด็กหญงิ /ชาย 1 คน แทน
ห้าสบิ สตางค์หรอื หนึง่ บาท หรืออาจจะกาํ หนดเปน็ จํานวนเงินอนื่ ก็ได้ ตามความเหมาะสม)
2. ขนั้ สารวจและคน้ หา (exploration)
1. นกั เรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาเน้อื หาในหนงั สือเรยี นบทที่ 4 เรื่อง ลอยฟา้ ตะลยุ สวน ให้นกั เรียน
ร่วมกันตอบคาํ ถาม หนา้ 57
3. ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครูนํานักเรยี นอภิปรายความรทู้ ่ีไดร้ บั ในบทเรียน
2. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายสรุปกระบวนการคดิ หาคําตอบทลี ะขนั้ ตอน
4. ข้ันขยายความรู้ (elaboration)
1. ครใู ห้นักเรยี นทําใบงาน เรอ่ื ง ลอยฟา้ ตะลยุ สวน โดยครตู ัง้ คาํ ถามวา่
- ข้อมลู หมายถึงอะไร
- วธิ กี ารใชใ้ นการสาํ รวจข้อมลู คืออะไร

- อุปกรณห์ รอื เครือ่ งมือท่ีใช้สาํ หรับบันทึกและรวบรวมข้อมูล มีอะไรบ้าง
- การประมวลผลข้อมลู คืออะไร
โดยครูอาจแนะนาํ รายละเอียดตา่ ง ๆ เพิม่ เติม
2. ครูสุ่มนักเรียนนาํ เสนอผลงาน
5. ขน้ั ประเมนิ (evaluation)
1. ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหัวข้อทเ่ี รียนมาและการปฏิบัตกิ ิจกรรม มจี ดุ ใดบา้ ง
ทยี่ ังไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ
2. นกั เรยี นรว่ มกันประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุ่มวา่ มปี ัญหาหรอื อุปสรรคใด และไดม้ กี าร
แกไ้ ขอยา่ งไรบ้าง
3. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏบิ ัติกิจกรรม
และการนาํ ความรทู้ ไ่ี ด้ไปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมินการเรียนรขู้ องนักเรยี นทาํ ได้ ดงั น้ี
1. ประเมนิ ความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรียน
2. ประเมนิ การเรียนรจู้ ากคําตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจดั การเรยี นรู้และจากแบบบันทึก

กจิ กรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทาํ กิจกรรม

ของนกั เรียน

การประเมินจากการทากิจกรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง

รหัส ส่งิ ที่ประเมิน ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล

S13 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21

C4 การส่ือสาร

C5 ความรว่ มมือ

8. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
- หนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 สสวท.

9. ความเห็นของหวั หน้าสถานศึกษา/ผูท้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย

ได้ทําการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้ของ.......................................................... แลว้ มีความเห็นดงั น้ี
1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรงุ
2. การจดั กจิ กรรมได้นาํ เอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผ้เู รยี นเปน็ สําคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยังไมเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สําคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี
 นาํ ไปใช้ไดจ้ ริง
 ควรปรบั ปรุงกอ่ นนาํ ไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ..................................................
( นางศรีเมอื ง บุญแพทย์ )
ตาํ แหนง่ ผอู้ ํานวยการโรงเรยี น

วันที่........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย



แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 14

กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 ปกี ารศึกษา 2565

เร่อื ง ลอยฟา้ ตะลุยสวน ตอน อปุ กรณก์ ฬี าแสนสนกุ เวลา 1 ชั่วโมง

ครูผูส้ อน นายจักรกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คํานวณในการแกป้ ัญหาทพี่ บในชวี ติ จรงิ อยา่ งเป็นขั้นตอน

และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทาํ งาน และการแกป้ ญั หา
ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ รเู้ ทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม

ตวั ช้วี ัด ป.4/4 รวบรวม ประเมนิ นาํ เสนอ ข้อมลู สารสนเทศ ตามวตั ถุประสงคโ์ ดยใช้ซอฟตแ์ วรห์ รอื
บรกิ ารบนอนิ เตอรเ์ น็ตทหี่ ลากหลาย เพื่อแก้ปญั หาในชวี ิตประจาํ วนั

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (ความร้,ู ทกั ษะ, เจตคติ)
1. นักเรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกบั การรวบรวมข้อมลู และประมวลผลข้อมลู
2. นกั เรยี นสามารถรวบรวมขอ้ มูลและประมวลผลข้อมลู ได้
3. นกั เรยี นมเี จตคติทดี่ ีตอ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์

3. สาระสาคัญ
ข้อมูล หมายถึง ลกั ษณะหรือรายละเอยี ดเก่ยี วกบั สง่ิ ใดสิ่งหนง่ึ
วิธีการทใี่ ช้ในการสาํ รวจข้อมูล เชน่ การสงั เกต การวดั การสัมภาษณ์ การตอบแบบสอบถามด้วย

กระดาษหรือออนไลน์
อุปกรณ์หรอื เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชส้ ําหรับบันทกึ และรวบรวมขอ้ มูล เช่น ปากกา ดินสอ สมดุ บันทึก เครอ่ื ง

คอมพิวเตอร์
การประมวลผลขอ้ มลู เช่น การคํานวณ การเปรยี บบเทยี บ การจาํ แนกประเภท

4. สาระการเรยี นรู้
1. การรวบรวมขอ้ มูลและการประมวลอยา่ งงา่ ย

5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝ่เรยี นรู้
2. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง

3. มงุ่ ม่นั ในการทาํ งาน

5. ช้ินงานหรือภาระงาน
ใบกิจกรรมท่ี 4.1 เร่อื ง ลอยฟา้ ตะลยุ สวน

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผู้เรยี นเป็นสําคัญ ดาํ เนนิ การเรียนการสอนดังต่อไปน้ี

1. ขน้ั สรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครตู ั้งคําถามว่า “ถ้าตอ้ งการรวบรวมขอ้ มลู และเกบ็ บันทึกขอ้ มลู จํานวนนกั เรยี นในโรงเรยี น

จะมวี ธิ ีการดําเนนิ การอยา่ งไร”
2. ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่ม โดยอาจใชเ้ พลงและกิจกรรมเพ่อื แบง่ กลมุ่ เชน่

เพลง รวมเงนิ
รวมกัน รวมกนั ใหด้ ี รวมกนั วนั นี้

อยา่ ให้มีผดิ พลาด
ผหู้ ญิงน้ันเปน็ เหรยี ญบาท (ซ้าํ )
ผูช้ ายเก่งกาจเปน็ ห้าสบิ สตางค์ (ซาํ้ )

ครูบอกจาํ นวนเงินที่ตอ้ งการ เชน่ สองบาทหา้ สิบ เด็ก ๆ นักเรียนอาจรวมกล่มุ กนั ไดเ้ ป็น
ผ้ชู าย 2 คน ผู้หญงิ 1 คน หรอื ผู้ชาย 1 คน ผ้หู ญิง 3 คน กไ็ ด้ (เดก็ หญิง/ชาย 1 คน แทน
ห้าสบิ สตางคห์ รือหน่ึงบาท หรืออาจจะกาํ หนดเปน็ จาํ นวนเงินอื่นกไ็ ด้ ตามความเหมาะสม)
2. ขนั้ สารวจและคน้ หา (exploration)
1. ครนู าํ นกั เรยี นศกึ ษาเนือ้ หาในหนงั สือเรียนบทที่ 4 เรื่องลอยฟา้ ตะลุยสวน โดยครูอธิบาย
รายละเอยี ดระหวา่ งการศกึ ษาเนื้อหาเพ่อื ให้นกั เรียนเขา้ ใจการใชซ้ อฟตแ์ วร์ตารางทาํ งาน เชน่ การเรียกชอ่ื เซล
คอลัมน์ แถว วิธีการคํานวณ การใช้เคร่อื งหมาย +,-,*, / หรืออาจใหน้ ักเรยี นทดลองใชซ้ อฟต์แวรร์ ะหว่าง
การศกึ ษาเน้ือหา
3. ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครนู ํานกั เรียนอภปิ รายความรทู้ ี่ไดร้ ับในบทเรยี น
2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรปุ

4. ขั้นขยายความรู้ (elaboration)
1. นกั เรียนทําใบกจิ กรรมที่ 4.1 เรอื่ ง อปุ กรณก์ ฬี าแสนสนุก จากน้นั ครูสมุ่ นักเรยี นออกมา

นาํ เสนอคําตอบ
5. ขนั้ ประเมนิ (evaluation)
1. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหัวขอ้ ท่เี รยี นมาและการปฏิบัตกิ ิจกรรม มจี ดุ ใดบ้าง

ท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยังมีข้อสงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ
2. นกั เรียนรว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกลมุ่ ว่ามปี ัญหาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ีการ

แก้ไขอยา่ งไรบา้ ง
3. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ท่ีไดร้ ับจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม

และการนําความรทู้ ่ไี ดไ้ ปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
การประเมินการเรียนรขู้ องนักเรยี นทาํ ได้ ดังนี้
1. ประเมินความรูเ้ ดมิ จากการอภิปรายในชั้นเรียน
2. ประเมนิ การเรียนรจู้ ากคําตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจัดการเรียนรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ

กจิ กรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทาํ กจิ กรรม

ของนักเรยี น

การประเมินจากการทากจิ กรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรงุ

รหสั สงิ่ ทปี่ ระเมนิ ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู

S13 การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21

C4 การส่อื สาร

C5 ความรว่ มมือ

8. ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้
- หนังสือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 สสวท.
- แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 สสวท.
- http://goo.gl/c4uyxr เกมนบั จํานวนผลไม้
- http://goo.gl/Dpb7Bx เกมหาและนับจาํ นวนสตั ว์
- http://goo.gl.9bP31m เกมรวบรวมขอ้ มูล

9. ความเหน็ ของหวั หน้าสถานศกึ ษา/ผูท้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย

ได้ทําการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง.......................................................... แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี
1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรงุ
2. การจดั กิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้
 เนน้ ผู้เรียนเป็นสําคัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ นน้ ผ้เู รียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
3. เป็นแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี
 นําไปใช้ไดจ้ ริง
 ควรปรับปรุงก่อนนาํ ไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ..................................................
( นางศรีเมอื ง บุญแพทย์ )
ตาํ แหน่งผอู้ าํ นวยการโรงเรยี น

วนั ท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย



แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 15

กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ปีการศึกษา 2565

เร่ือง ลอยฟา้ ตะลยุ สวน ตอน สาํ รวจอวกาศ เวลา 1 ชว่ั โมง

ครผู ู้สอน นายจกั รกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คํานวณในการแกป้ ัญหาทพี่ บในชีวติ จริงอย่างเปน็ ขน้ั ตอน

และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทาํ งาน และการแกป้ ญั หา
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมีจริยธรรม

ตัวชว้ี ัด ป.4/4 รวบรวม ประเมนิ นาํ เสนอ ข้อมูลสารสนเทศ ตามวตั ถุประสงค์โดยใช้ซอฟตแ์ วรห์ รือ
บริการบนอนิ เตอร์เน็ตทห่ี ลากหลาย เพอื่ แกป้ ัญหาในชวี ติ ประจาํ วัน

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ (ความร,ู้ ทักษะ, เจตคติ)
1. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกบั การรวบรวมข้อมูลและประมวลผลข้อมลู
2. นกั เรยี นสามารถรวบรวมข้อมูลและประมวลผลข้อมลู ได้
3. นักเรยี นมเี จตคติทดี่ ีตอ่ วชิ าวิทยาศาสตร์

3. สาระสาคัญ
ขอ้ มูล หมายถึง ลักษณะหรอื รายละเอียดเกยี่ วกับส่งิ ใดสิ่งหนึ่ง
วิธีการทีใ่ ช้ในการสาํ รวจขอ้ มลู เชน่ การสังเกต การวดั การสมั ภาษณ์ การตอบแบบสอบถามดว้ ย

กระดาษหรือออนไลน์
อุปกรณห์ รือเครื่องมอื ทีใ่ ช้สําหรบั บันทกึ และรวบรวมข้อมูล เช่น ปากกา ดนิ สอ สมดุ บนั ทกึ เครอ่ื ง

คอมพวิ เตอร์
การประมวลผลขอ้ มูล เช่น การคํานวณ การเปรยี บบเทียบ การจาํ แนกประเภท

4. สาระการเรียนรู้
1. การรวบรวมข้อมลู และการประมวลอยา่ งง่าย

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ใฝเ่ รียนรู้
2. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง

3. ม่งุ มั่นในการทาํ งาน

5. ชน้ิ งานหรือภาระงาน
ใบกิจกรรมท่ี 4.3 เรือ่ ง สาํ รวจอวกาศ

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเนน้ ผู้เรียนเป็นสาํ คัญ ดาํ เนนิ การเรียนการสอนดงั ต่อไปน้ี

1. ขน้ั สร้างความสนใจ (engagement)
1. ครูตั้งคําถามว่า “ถา้ ตอ้ งการรวบรวมขอ้ มูลและเก็บบันทึกข้อมลู สิง่ มชี วี ิตในในโรงเรยี น จะมี

วิธกี ารดาํ เนนิ การอยา่ งไร”
2. ครูแบ่งนักเรยี นเปน็ กล่มุ โดยอาจใช้เพลงและกจิ กรรมเพอื่ แบ่งกลมุ่ เชน่

เพลง รวมเงิน
รวมกัน รวมกนั ใหด้ ี รวมกนั วันนี้

อยา่ ใหม้ ีผิดพลาด
ผหู้ ญงิ นัน้ เปน็ เหรยี ญบาท (ซาํ้ )
ผู้ชายเก่งกาจเป็นห้าสบิ สตางค์ (ซํ้า)

ครบู อกจาํ นวนเงนิ ทีต่ ้องการ เชน่ สองบาทหา้ สิบ เด็ก ๆ นกั เรยี นอาจรวมกลมุ่ กนั ไดเ้ ปน็
ผ้ชู าย 2 คน ผ้หู ญิง 1 คน หรือ ผ้ชู าย 1 คน ผหู้ ญงิ 3 คน กไ็ ด้ (เดก็ หญงิ /ชาย 1 คน แทน
ห้าสิบสตางค์หรือหนึง่ บาท หรืออาจจะกาํ หนดเปน็ จาํ นวนเงนิ อ่ืนกไ็ ด้ ตามความเหมาะสม)
2. ขนั้ สารวจและคน้ หา (exploration)
1. ครูนํานักเรยี นศกึ ษาเนอ้ื หาในหนงั สือเรยี นบทท่ี 4 เรอื่ งลอยฟ้าตะลุยสวน โดยครอู ธบิ าย
รายละเอยี ดระหวา่ งการศกึ ษาเน้อื หาเพอ่ื ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจการใชซ้ อฟต์แวรต์ ารางทาํ งาน เชน่ การเรียกชือ่ เซล
คอลัมน์ แถว วธิ กี ารคาํ นวณ การใชเ้ ครอื่ งหมาย +,-,*, / หรอื อาจให้นกั เรยี นทดลองใช้ซอฟต์แวรร์ ะหวา่ ง
การศกึ ษาเนื้อหา
3. ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครนู ํานักเรียนอภปิ รายความรทู้ ไ่ี ดร้ บั ในบทเรียน
2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรุป

4. ขัน้ ขยายความรู้ (elaboration)
1. นักเรียนทาํ ใบกจิ กรรมที่ 4.3 เรื่อง สาํ รวจอวกาศ จากนั้นใหน้ ักเรียนตอบคําถามในใบ

กจิ กรรม
2. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายในประเดน็ ตอ่ ไปนี้
- นักเรียนได้รับความรู้อะไรบ้างจาการทาํ กิจกรรมน้ี
- นกั เรยี นคดิ วา่ มกี ารรวบรวมข้อมลู เก่ยี วกับเร่ืองอะไรอีกบ้างและการรวบรวมขอ้ มลู

ดังกล่าวมีวธิ กี ารประมวลผลขอ้ มลู อยา่ งไร
- นกั เรยี นจะนาํ ความรไู้ ปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาํ วันอย่างไร

5. ขนั้ ประเมนิ (evaluation)
1. ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหัวขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบัตกิ ิจกรรม มจี ดุ ใดบ้าง

ทีย่ ังไมเ่ ขา้ ใจหรือยังมีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรยี นเขา้ ใจ
2. นักเรียนรว่ มกนั ประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปญั หาหรืออุปสรรคใด และไดม้ กี าร

แก้ไขอยา่ งไรบ้าง
3. ครูและนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับประโยชนท์ ไี่ ด้รับจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม

และการนาํ ความรทู้ ีไ่ ดไ้ ปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
การประเมินการเรียนร้ขู องนกั เรยี นทําได้ ดงั น้ี
1. ประเมนิ ความร้เู ดมิ จากการอภปิ รายในชั้นเรยี น
2. ประเมินการเรยี นรจู้ ากคาํ ตอบของนักเรียนระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และจากแบบบนั ทกึ

กิจกรรม
3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทํากิจกรรม

ของนักเรียน

การประเมนิ จากการทากิจกรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรงุ

รหสั สง่ิ ที่ประเมิน ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ

ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

C4 การส่ือสาร

C5 ความรว่ มมอื

8. ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้
- หนังสอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 สสวท.
- แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 สสวท.
- http://goo.gl/c4uyxr เกมนบั จํานวนผลไม้
- http://goo.gl/Dpb7Bx เกมหาและนบั จาํ นวนสัตว์
- http://goo.gl.9bP31m เกมรวบรวมข้อมูล

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผูท้ ี่ได้รบั มอบหมาย

ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง.......................................................... แล้วมคี วามเห็นดังนี้
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้
 เน้นผู้เรยี นเป็นสาํ คัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สําคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่
 นําไปใชไ้ ด้จริง
 ควรปรบั ปรุงกอ่ นนาํ ไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ..................................................
( นางศรีเมอื ง บญุ แพทย์ )
ตาํ แหน่งผอู้ าํ นวยการโรงเรยี น

วนั ท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 16

กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 ปกี ารศึกษา 2565

เรอ่ื ง แสบตอ้ งเสิรช์ เวลา 1 ชว่ั โมง

ครูผู้สอน นายจกั รกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคํานวณในการแก้ปัญหาทพี่ บในชวี ิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทํางาน และการแกป้ ญั หา
ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ รเู้ ท่าทันและมจี ริยธรรม

ตัวชีว้ ดั ป.4/3 ใช้อินเทอร์เนต็ คน้ หาความรู้ และประเมินความนา่ เชอื่ ถือของขอ้ มูล
ป.4/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เข้าใจสทิ ธแิ ละหนา้ ท่ีของตน เคารพในสทิ ธิ

ของผอู้ นื่ แจง้ ผู้เกย่ี วข้องเม่อื พบข้อมูลหรือบุคคลที่ไมเ่ หมาะสม

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (ความร,ู้ ทักษะ, เจตคติ)
1. นกั เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับการค้นหาข้อมลู จากอนิ เทอร์เน็ต
2. นักเรียนสามารถประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมลู ได้
3. นกั เรยี นมเี จตคติทด่ี ีตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์และใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั

3. สาระสาคัญ
- การค้นหาขอ้ มูลทาํ ได้โดยใช้โปรแกรมค้นหา (search engine)
- การระบุคําสาํ คญั (keyword) ในคาํ ค้นให้ชดั เจนและเฉพาะเจาะจงจะทาํ ใหไ้ ด้ข้อมลู ทตี่ รงตาม

ความตอ้ งการ
- การเลอื กใช้ขอ้ มูลควรเลือกจากแหล่งข้อมลู ที่มคี วามนา่ เช่อื ถือ โดยพิจารณาจากองค์ประกอบ

ต่าง ๆ เชน่ ยอู ารแ์ อล ชอ่ื ผูเ้ ขยี น วันที่เผยแพรข่ ้อมลู แหล่งท่ีมาของขอ้ มูล
- กอ่ นนําขอ้ มูลบนอินเทอร์เนต็ ไปใชต้ อ้ งประเมนิ ความนา่ เช่ือถือของข้อมลู และควรปรึกษา

ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะในเรื่องสขุ ภาพ
- การปกป้องขอ้ มลู ส่วนตวั ชว่ ยใหป้ ลอดภัยจากผไู้ มห่ วังดี

4. สาระการเรยี นรู้
- การใช้คาํ คน้
- การประเมนิ ความน่าเชอื่ ถอื ของขอ้ มูล

- การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัยการทาํ รายงานหรือการนําเสนอข้อมลู จะต้องนาํ ข้อมลู
มาเรยี บเรียงสรุปเป็นภาษาของตนเองทีเ่ หมาะสมกับกลมุ่ เป้าหมายและวิธกี ารนําเสนอ (บูรณาการกับวิชา
ภาษาไทย)

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้
2. อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง
3. มุ่งมั่นในการทาํ งาน

5. ชิน้ งานหรือภาระงาน
ใบงาน เรอ่ื ง แสบตอ้ งเสริ ช์

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผเู้ รียนเป็นสาํ คัญ ดาํ เนนิ การเรียนการสอนดังตอ่ ไปน้ี

1. ขน้ั สร้างความสนใจ (engagement)
1. ครูทบทวนเรอื่ งการใชอ้ นิ เทอร์เนต็ โดยสอบถามนกั เรยี นว่า “นักเรียนใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ในการ

ทาํ กิจกรรมใดบ้าง และจะใชอ้ ินเทอร์เนต็ เพ่ือประโยชนใ์ นการเรยี นอยา่ งไร”
2. ครทู บทวนนเก่ียวกับเว็บเบราว์เซอร์และโปรแกรมคน้ หา

2. ข้นั สารวจและคน้ หา (exploration)
1. ครูนาํ นักเรียนศกึ ษาเน้อื หาในหนังสอื เรยี นบทที่ 5 เรอ่ื ง แสบต้องเสิร์ช
2. ครตู ้ังคาํ ถามว่า “ถ้านกั เรียนเป็นโป้ง นกั เรยี นจะใชค้ าํ คน้ อะไร” จากนน้ั ครสู ุ่มนําคําตอบ

ของนักเรยี น 2-3 คาํ ตอบ มาใช้เป็นคําคน้ เพ่อื ให้นักเรียนได้อภิปรายผลลพั ธท์ ่ไี ด้
3. ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครนู ํานักเรียนอภปิ รายความรทู้ ีไ่ ดร้ ับในบทเรยี น
2. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายสรปุ
4. ขน้ั ขยายความรู้ (elaboration)
1. นกั เรียนทําใบงาน เรอื่ ง แสบต้องเสริ ช์ จากนน้ั ใหน้ ักเรียนตอบคาํ ถามในใบกจิ กรรม
2. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายในประเด็นต่อไปนี้
- นกั เรียนได้รบั ความรอู้ ะไรบา้ งจากการทาํ กจิ กรรมน้ี
- นกั เรยี นจะนําความรู้ไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจําวันอย่างไร

5. ข้ันประเมนิ (evaluation)
1. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่เี รียนมาและการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม มีจดุ ใดบ้าง

ทีย่ ังไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยังมีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพม่ิ เติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
2. นักเรยี นร่วมกันประเมินการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด และไดม้ ีการแก้ไข

อย่างไรบ้าง
3. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกบั ประโยชน์ท่ีได้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรม

และการนาํ ความรทู้ ีไ่ ด้ไปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
การประเมินการเรยี นรขู้ องนักเรียนทาํ ได้ ดังน้ี
1. ประเมนิ ความรู้เดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรียน
2. ประเมินการเรยี นรจู้ ากคาํ ตอบของนกั เรยี นระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และจากแบบบันทึก

กจิ กรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทาํ กจิ กรรม

ของนกั เรียน

การประเมนิ จากการทากจิ กรรม

ระดับคะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรบั ปรุง

รหัส สิ่งทีป่ ระเมิน ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสังเกต

S8 การลงความเห็นจากขอ้ มูล

S13 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

C4 การสอื่ สาร

C5 ความรว่ มมอื

8. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
- หนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 สสวท.
- http://goo.gl.8jU1Uf เทคนคิ การค้นหาขอ้ มลู

9. ความเหน็ ของหวั หนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย

ไดท้ ําการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง.......................................................... แล้วมีความเหน็ ดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นาํ เอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผู้เรียนเปน็ สําคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยังไม่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
3. เป็นแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่
 นําไปใช้ไดจ้ ริง
 ควรปรบั ปรงุ ก่อนนาํ ไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ..................................................
( นางศรีเมอื ง บุญแพทย์ )
ตําแหน่งผูอ้ ํานวยการโรงเรียน

วนั ท่ี........เดอื น...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 17

กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ)

ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ปกี ารศกึ ษา 2565

เรื่อง แสบต้องเสิร์ช ตอน ตามหาคําสาํ คญั เวลา 1 ช่ัวโมง

ครูผู้สอน นายจักรกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คาํ นวณในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชวี ิตจรงิ อย่างเป็นขน้ั ตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทาํ งาน และการแกป้ ญั หา
ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมจี รยิ ธรรม

ตัวชี้วดั ป.4/3 ใช้อนิ เทอร์เน็ตค้นหาความรู้ และประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล
ป.4/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เข้าใจสิทธิและหน้าทีข่ องตน เคารพในสทิ ธิ

ของผูอ้ ื่น แจง้ ผู้เกีย่ วขอ้ งเม่ือพบข้อมลู หรอื บุคคลท่ีไม่เหมาะสม

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (ความรู้, ทกั ษะ, เจตคติ)
1. นักเรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกบั การค้นหาข้อมูลจากอนิ เทอร์เนต็
2. นักเรียนสามารถประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของข้อมูลได้
3. นักเรียนมเี จตคติทด่ี ีตอ่ วิชาวทิ ยาศาสตร์และใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย

3. สาระสาคญั
- การคน้ หาข้อมลู ทําไดโ้ ดยใชโ้ ปรแกรมคน้ หา (search engine)
- การระบคุ ําสําคัญ (keyword) ในคาํ ค้นให้ชดั เจนและเฉพาะเจาะจงจะทาํ ให้ไดข้ อ้ มูลทต่ี รงตาม

ความต้องการ
- การเลอื กใชข้ อ้ มลู ควรเลือกจากแหลง่ ขอ้ มูลท่มี คี วามนา่ เชอ่ื ถือ โดยพิจารณาจากองคป์ ระกอบ

ต่าง ๆ เชน่ ยูอาร์แอล ชอ่ื ผเู้ ขียน วันทเี่ ผยแพรข่ ้อมลู แหลง่ ท่มี าของขอ้ มูล
- กอ่ นนาํ ข้อมลู บนอนิ เทอร์เน็ตไปใชต้ ้องประเมินความนา่ เชอ่ื ถอื ของข้อมูลและควรปรึกษา

ผู้เช่ียวชาญโดยเฉพาะในเรอื่ งสุขภาพ
- การปกป้องข้อมูลส่วนตวั ชว่ ยให้ปลอดภัยจากผไู้ ม่หวังดี

4. สาระการเรยี นรู้
- การใช้คาํ ค้น
- การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมลู

- การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัยการทํารายงานหรอื การนําเสนอข้อมูลจะต้องนําขอ้ มูล
มาเรยี บเรยี งสรุปเป็นภาษาของตนเองที่เหมาะสมกับกลมุ่ เปา้ หมายและวธิ ีการนาํ เสนอ (บูรณาการกับวชิ า
ภาษาไทย)

5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ใฝเ่ รียนรู้
2. อยู่อยา่ งพอเพียง
3. มงุ่ ม่ันในการทาํ งาน

5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน
ใบกจิ กรรมท่ี 5.1 เรื่อง ตามหาคาํ สําคัญ

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผเู้ รยี นเป็นสําคญั ดาํ เนินการเรียนการสอนดงั ตอ่ ไปนี้

1. ขน้ั สร้างความสนใจ (engagement)
1. ครูทบทวนเรื่องการใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ โดยสอบถามนักเรียนวา่ “นักเรยี นใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ในการ

ทํากจิ กรรมใดบ้าง และจะใช้อนิ เทอรเ์ นต็ เพื่อประโยชนใ์ นการเรียนอยา่ งไร”
2. ครูทบทวนนเกย่ี วกับเว็บเบราวเ์ ซอร์และโปรแกรมคน้ หา

2. ขน้ั สารวจและค้นหา (exploration)
1. ครูนํานักเรียนศกึ ษาเนอื้ หาในหนังสือเรยี นบทที่ 5 เรื่อง แสบตอ้ งเสิร์ช
2. ครตู ัง้ คําถามว่า “ถ้านกั เรยี นเปน็ โปง้ นกั เรยี นจะใชค้ าํ ค้นอะไร” จากนนั้ ครูสุ่มนําคําตอบ

ของนกั เรยี น 2-3 คาํ ตอบ มาใช้เป็นคาํ ค้น เพ่อื ใหน้ ักเรยี นได้อภปิ รายผลลพั ธท์ ่ีได้
3. ขนั้ อธิบายและลงข้อสรุป (explanation)
1. ครูอธิบายความสาํ คญั และประโยชนข์ องการใชค้ ําสาํ คัญ (keyword) ในการคน้ หาข้อมลู

ทางอินเทอรเ์ น็ต ยกตัวอยา่ งการใชค้ าํ สําคญั และโปรแกรมคน้ หาข้อมูลท่หี ลากหลาย (การใชค้ าํ คน้ ท่ีต่างกัน
อาจให้ผลลพั ธต์ า่ งกัน และการใช้คําค้นเดยี วกนั แตโ่ ปรแกรมค้นหาแตกตา่ งกันกอ็ าจไดผ้ ลลัพธท์ ่ตี า่ งกัน)

2. ครูอธิบายประโยชน์ของการกาํ หนดคาํ สาํ คัญทมี่ คี วามครอบคลุมและชัดเจนในการค้นหา
ข้อมูล เชน่ ในการค้นหาขอ้ มูลเก่ยี วกบั ไขห้ วัดใหญ่ ถ้าใชค้ าํ สาํ คัญว่า “ไขห้ วัดใหญ่” โปรแกรมค้นหาข้อมูลจะ
แสดงผลความรทู้ ่วั ไปเก่ยี วกับไขห้ วดั ใหญ่ แตถ่ ้าใช้คาํ สําคัญว่า “อาการของไข้หวัดใหญ่” โปรแกรมค้นหา
ขอ้ มลู จะแสดงผลเก่ยี วกับอาการของโรคไขห้ วดั ใหญ่ สาเหตุ การรกั ษาโรค จากนัน้ ให้นกั เรยี นทาํ ใบกิจกรรมท่ี
5.1 เรอ่ื ง ตามหาคาํ สําคญั และสุ่มนักเรียนนาํ เสนอคาํ ตอบ

4. ขั้นขยายความรู้ (elaboration)
1. ครสู ุม่ คําสาํ คญั ท่ีนกั เรยี นกําหนดในใบกิจกรรมที่ 5.1 และให้นกั เรยี นอภปิ รายเก่ียวกบั

เวบ็ ไซต์ทีเ่ ป็นผลลพั ธ์ของการคน้ หา และตั้งคาํ ถามวา่ เวบ็ ไซต์ใดทส่ี ามารถใช้เปน็ แหล่งอา้ งอิงไดเ้ พราะเหตุใด
2. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายในประเดน็ ตอ่ ไปนี้
- นักเรยี นไดร้ บั ความรอู้ ะไรบา้ งจากการทาํ กจิ กรรมน้ี
- นักเรียนจะนาํ ความรไู้ ปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจําวันอยา่ งไร
3. ครูจดั กจิ กรรมเกี่ยวกบั การเรยี บเรยี ง สรปุ ขอ้ มูลท่ไี ด้จากการคน้ หาโดยบรู ณาการกบั วชิ า

ภาษาไทย
5. ขั้นประเมิน (evaluation)
1. ครใู หน้ กั เรียนแต่ละคนพจิ ารณาวา่ จากหวั ขอ้ ทเี่ รียนมาและการปฏิบตั กิ ิจกรรม มีจดุ ใดบา้ ง

ท่ยี ังไม่เข้าใจหรือยงั มขี ้อสงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิม่ เตมิ ให้นักเรียนเขา้ ใจ
2. นักเรียนร่วมกันประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมวา่ มปี ัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแกไ้ ข

อย่างไรบา้ ง
3. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม

และการนาํ ความรทู้ ี่ได้ไปใช้ประโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมนิ การเรียนรู้ของนักเรยี นทําได้ ดงั นี้
1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภิปรายในชนั้ เรยี น
2. ประเมนิ การเรียนรจู้ ากคําตอบของนกั เรยี นระหว่างการจัดการเรยี นร้แู ละจากแบบบนั ทกึ

กิจกรรม
3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทาํ กิจกรรม

ของนกั เรยี น

การประเมินจากการทากจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ

รหัส สง่ิ ทป่ี ระเมิน ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

C4 การสอื่ สาร

C5 ความรว่ มมอื

8. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้
- หนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 สสวท.
- แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 สสวท.
- http://goo.gl.8jU1Uf เทคนิคการค้นหาขอ้ มลู

9. ความเหน็ ของหวั หนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย

ไดท้ ําการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง.......................................................... แล้วมีความเหน็ ดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นาํ เอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผู้เรียนเปน็ สําคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยังไม่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
3. เป็นแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่
 นําไปใช้ไดจ้ ริง
 ควรปรบั ปรงุ ก่อนนาํ ไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ..................................................
( นางศรีเมอื ง บุญแพทย์ )
ตําแหน่งผูอ้ ํานวยการโรงเรียน

วนั ท่ี........เดอื น...............พ.ศ. ...........

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมท่มี ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..................................................ครูผ้สู อน
( นายจกั รกฤษ มาโต)
ตําแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 18

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ปกี ารศึกษา 2565

เรื่อง แสบตอ้ งเสิร์ช ตอน เลือกอะไรดี เวลา 1 ชว่ั โมง

ครูผู้สอน นายจักรกฤษ มาโต

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคํานวณในการแก้ปัญหาทพี่ บในชวี ิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทํางาน และการแกป้ ญั หา
ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ รเู้ ท่าทันและมีจริยธรรม

ตัวชว้ี ัด ป.4/3 ใชอ้ ินเทอร์เนต็ คน้ หาความรู้ และประเมินความนา่ เชอื่ ถือของขอ้ มูล
ป.4/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เข้าใจสทิ ธแิ ละหนา้ ท่ีของตน เคารพในสทิ ธิ

ของผอู้ ืน่ แจง้ ผู้เก่ียวข้องเมือ่ พบขอ้ มูลหรือบุคคลที่ไมเ่ หมาะสม

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (ความร,ู้ ทักษะ, เจตคติ)
1. นกั เรยี นมีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับการค้นหาข้อมลู จากอนิ เทอร์เน็ต
2. นักเรยี นสามารถประเมินความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมลู ได้
3. นักเรยี นมเี จตคติทด่ี ีตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์และใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั

3. สาระสาคญั
- การค้นหาขอ้ มูลทาํ ได้โดยใช้โปรแกรมค้นหา (search engine)
- การระบคุ าํ สาํ คญั (keyword) ในคาํ ค้นให้ชดั เจนและเฉพาะเจาะจงจะทาํ ใหไ้ ด้ข้อมลู ทตี่ รงตาม

ความต้องการ
- การเลอื กใช้ข้อมูลควรเลอื กจากแหล่งข้อมลู ที่มคี วามนา่ เช่อื ถือ โดยพิจารณาจากองค์ประกอบ

ต่าง ๆ เชน่ ยอู าร์แอล ชอ่ื ผ้เู ขียน วนั ทีเ่ ผยแพรข่ ้อมลู แหล่งท่ีมาของขอ้ มูล
- กอ่ นนําขอ้ มูลบนอินเทอร์เนต็ ไปใชต้ อ้ งประเมนิ ความนา่ เช่ือถือของข้อมลู และควรปรึกษา

ผ้เู ชี่ยวชาญโดยเฉพาะในเรอ่ื งสขุ ภาพ
- การปกปอ้ งข้อมลู ส่วนตวั ช่วยใหป้ ลอดภัยจากผไู้ มห่ วังดี

4. สาระการเรยี นรู้
- การใชค้ าํ คน้
- การประเมินความน่าเชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล

- การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั การทํารายงานหรือการนําเสนอขอ้ มลู จะต้องนําข้อมลู
มาเรยี บเรียงสรุปเป็นภาษาของตนเองที่เหมาะสมกับกลมุ่ เป้าหมายและวิธกี ารนาํ เสนอ (บูรณาการกับวิชา
ภาษาไทย)

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ใฝเ่ รียนรู้
2. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง
3. มงุ่ มน่ั ในการทาํ งาน

5. ชน้ิ งานหรือภาระงาน
ใบกิจกรรมที่ 5.2 เร่อื ง เลือกอะไรดี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

โดยเน้นผู้เรยี นเป็นสาํ คัญ ดาํ เนนิ การเรียนการสอนดงั ตอ่ ไปนี้

1. ขั้นสรา้ งความสนใจ (engagement)
1. ครูทบทวนเร่ืองการใชอ้ นิ เทอร์เนต็ โดยสอบถามนกั เรยี นว่า “นกั เรียนใช้อนิ เทอรเ์ น็ตในการ

ทํากิจกรรมใดบ้าง และจะใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตเพ่อื ประโยชนใ์ นการเรยี นอยา่ งไร”
2. ครูทบทวนนเกย่ี วกบั เวบ็ เบราวเ์ ซอร์และโปรแกรมค้นหา

2. ขัน้ สารวจและคน้ หา (exploration)
1. ครูนาํ นกั เรยี นศกึ ษาเนือ้ หาในหนังสือเรยี นบทที่ 5 เร่ือง แสบตอ้ งเสริ ์ช
2. ครตู ัง้ คําถามวา่ “ถา้ นกั เรยี นเป็นโป้ง นกั เรียนจะใช้คาํ ค้นอะไร” จากนนั้ ครูสุ่มนําคาํ ตอบ

ของนักเรียน 2-3 คําตอบ มาใช้เปน็ คําคน้ เพือ่ ให้นักเรียนได้อภิปรายผลลพั ธท์ ี่ได้
3. ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. ครูอธิบายความสาํ คัญและประโยชน์ของการใชค้ ําสําคัญ (keyword) ในการค้นหาข้อมลู

ทางอนิ เทอร์เนต็ ยกตวั อย่างการใชค้ าํ สาํ คัญและโปรแกรมคน้ หาขอ้ มลู ทหี่ ลากหลาย (การใชค้ าํ ค้นที่ต่างกัน
อาจใหผ้ ลลัพธต์ า่ งกนั และการใช้คําค้นเดียวกันแต่โปรแกรมคน้ หาแตกตา่ งกันก็อาจได้ผลลัพธท์ ่ตี า่ งกนั )

2. ครูอธิบายประโยชน์ของการกาํ หนดคําสาํ คัญทมี่ ีความครอบคลมุ และชัดเจนในการคน้ หา
ข้อมลู เช่น ในการคน้ หาข้อมูลเกี่ยวกบั ไข้หวัดใหญ่ ถา้ ใช้คําสาํ คญั ว่า “ไขห้ วดั ใหญ่” โปรแกรมค้นหาข้อมลู จะ
แสดงผลความรูท้ ่ัวไปเกยี่ วกับไขห้ วดั ใหญ่ แตถ่ า้ ใช้คําสาํ คญั วา่ “อาการของไขห้ วัดใหญ่” โปรแกรมคน้ หา
ข้อมูลจะแสดงผลเก่ียวกบั อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ สาเหตุ การรกั ษาโรค

4. ขน้ั ขยายความรู้ (elaboration)
1. นกั เรียนทาํ ใบกจิ กรรมที่ 5.2 เร่ืองเลอื กอะไรดจี ากนัน้ สุ่มนักเรียนออกมานาํ เสนอคําตอบ

โดยให้นักเรยี นบอกเหตุผลในการเลือกเว็บไซต์ โดยครเู ปดิ โอกาสใหเ้ พ่อื น ๆ ได้เสนอความคิดเห็นเพิ่มเตมิ
2. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายในประเด็นตอ่ ไปน้ี
- นกั เรียนได้รับความรอู้ ะไรบา้ งจากการทาํ กจิ กรรมน้ี
- นักเรยี นจะนําความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจําวันอยา่ งไร
3. ครูควรเน้นยํา้ ให้นกั เรยี นเขา้ ใจวา่ หากมปี ญั หาเกย่ี วกบั เรื่องสขุ ภาพควรไปพบแพทย์ ไม่ควร

ค้นหาขอ้ มลู จากอนิ เทอรเ์ นต็ และรกั ษาดว้ ยตนเอง
5. ขน้ั ประเมนิ (evaluation)
1. ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ทีเ่ รียนมาและการปฏิบตั กิ จิ กรรม มีจดุ ใดบา้ ง

ท่ียงั ไม่เข้าใจหรือยังมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ
2. นักเรยี นร่วมกันประเมนิ การปฏิบัตกิ จิ กรรมวา่ มีปญั หาหรอื อปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไข

อยา่ งไรบา้ ง
3. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม

และการนําความรทู้ ีไ่ ด้ไปใชป้ ระโยชน์

7. กระบวนการวดั และประเมินผล
การประเมินการเรยี นรขู้ องนกั เรียนทําได้ ดังนี้
1. ประเมนิ ความร้เู ดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรยี น
2. ประเมินการเรยี นรจู้ ากคาํ ตอบของนักเรียนระหวา่ งการจัดการเรียนรู้และจากแบบบนั ทกึ

กจิ กรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทํากจิ กรรม

ของนกั เรียน

การประเมินจากการทากจิ กรรม

ระดบั คะแนน

3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ

รหัส สง่ิ ทป่ี ระเมิน ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสงั เกต

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

C4 การสอื่ สาร

C5 ความรว่ มมอื

8. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้
- หนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ)

ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 สสวท.
- แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ)

ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 สสวท.
- http://goo.gl.8jU1Uf เทคนิคการค้นหาขอ้ มลู

9. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผ้ทู ไี่ ดร้ บั มอบหมาย

ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ.......................................................... แล้วมคี วามเหน็ ดงั น้ี
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผู้เรยี นเป็นสําคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่
 นําไปใชไ้ ด้จริง
 ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่อื ..................................................
( นางศรีเมอื ง บุญแพทย์ )
ตําแหนง่ ผู้อํานวยการโรงเรยี น

วนั ท่ี........เดือน...............พ.ศ. ...........


Click to View FlipBook Version