แหลง่ นนั ทนาการ เปน็ สถานทท่ี จ่ี ดั กจิ กรรมนนั ทนาการ ชว่ ยใหผ้ เู้ ขา้ รว่ ม
กิจกรรมได้รับความสุข สนุกสนาน และผ่อนคลายจากความตึงเครียด อีกทั้ง
ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ในชีวิต
โดยแหล่งนันทนาการนับว่าเป็นส่วนที่มีความสำ�คัญอย่างยิ่งต่อการดำ�เนินการ
จัดกิจกรรมนันทนาการเพื่อให้บริการประชาชน
แผนพัฒนานันทนาการแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564)*
ได้ให้คำ�จำ�กัดความของ “แหล่งนันทนาการ” หมายถึง สถานที่ อุปกรณ์
สิ่งอำ�นวยความสะดวกเกี่ยวกับนันทนาการ ที่มีการบริหารจัดการนันทนาการ
งบประมาณ กฎ ระเบียบ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ
*ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2562
50 แหล่งนันทนาการ
1 ชวยสงเสริมและกระตุนใหประชาชน
เกิดความสนใจกิจกรรมนันทนาการ
และใชเ วลาวา งใหเ กดิ ประโยชนม ากยง่ิ ขน้ึ
ประโยชน์ของ 2 เปน ศนู ยก ลางหรอื สถานทใ่ี นการ
แหล่งนันทนาการ พบปะพูดคุย สังสรรค และทำ
กจิ กรรมนนั ทนาการรว มกนั ทำให
ไดร บั ความรู ความบนั เทงิ รวมทง้ั
เกดิ การแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็
และเจตคติซง่ึ กันและกัน
3 เปนแหลง สง เสริมและพฒั นา
สขุ ภาพกาย สขุ ภาพจติ และ
คุณภาพชีวิตของประชาชน
ใหดยี ่ิงขน้ึ
4 เปนแหลงสงเสริมใหประชาชนเกิด
การเรียนรู ไดรับประสบการณใหม
ไดร บั ความสขุ สนกุ สนานและมติ รภาพ
ที่ดีระหวางผูเขารวมกิจกรรม
รอบรู้นันทนาการ 51
แหลงนนั ท15นลาำ�กดับารสสถาานมที่ทาี่ปรรถะชแาบชนงนไิยดมหปรละกาอกบหกิจลการรยมรนปูันทแนบากบาร อาทิ
1 ทบ่ี าน/หอพกั ทีโ่ รงเรยี น/มหาวทิ ยาลัย/
สถานศึกษา
2
3
ศนู ยก ฬี า/
SCHOOL ลานกีฬาออกกำลังกาย
ภาครฐั (ของชมุ ชน)
5 6 7
4 วดั สวนสาธารณะ สทถกุ าทน่ี ทีต่ ามโอกาส/
เลศลูนาน นยกอกสีฬอีฬนากาาภกม/าำกคลีฬเงั อากกาชยนลแ1มำ1หนว้ำย/ลำธา1ร0/ สถานทท่ี องเที่ยวตา งๆ 8
ทที่ ำงาน 9
หางสรรพสนิ คา
12
ศูนยน นั ทนาการ
ชุมชน
13ถนนในหมบู า น/ 14 15
สนามในหมบู าน
ทงุ นา/สวน ศนู ยน ันทนาการชมุ ชน
ที่มา : จากผลสำ�รวจข้อมูลด้านการออกกำ�ลังกาย กีฬา นันทนาการ
และวิทยาศาสตร์การกีฬา ของกรมพลศึกษา ประจำ�ปี พ.ศ. 2561
52 แหล่งนันทนาการ
แหล่งนันทนเพาื่อกกาารรเรียนรู้
จากผลส�ำ รวจขอ้ มลู ดา้ นการออกก�ำ ลงั กาย กฬี า นนั ทนาการ และวทิ ยาศาสตร์
การกีฬา ของกรมพลศึกษา ประจำ�ปี พ.ศ. 2561 จะเห็นได้ว่าประชาชน
ส่วนใหญ่นิยมประกอบกิจกรรมนันทนาการที่บ้านหรือหอพัก อาจมีสาเหตุจาก
ปัจจัยหลายประการ โดยในบทนี้จะขอแนะนำ�แหล่งนันทนาการอื่นๆ ที่ทุกคน
สามารถเขา้ รว่ มและประกอบกจิ กรรมนนั ทนาการตามความสนใจได้ ซึง่ นอกจาก
จะได้รับความสุข สนุกสนาน เพลิดเพลินแล้ว แหล่งนันทนาการเหล่านี้ยังช่วย
สง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมเกดิ การเรยี นรู้ และยงั เปน็ การเสรมิ สรา้ งประสบการณ์
ใหม่ๆ ในชีวิตอีกด้วย
รอบรู้นันทนาการ 53
1 ลศาูนนยอ์กอีฬกากสำ�นลาังมกกายีฬาแลละาสนถกาีฬนาออกกำ�ลังกาย
เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมนันทนาการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ในผู้ที่มีความสนใจด้านการกีฬาและการออกกำ�ลังกายเพื่อสุขภาพ ศูนย์กีฬา
สนามกีฬา และสถานออกกำ�ลังกาย มีให้บริการมากมายทั้งของภาครัฐและ
เอกชน ทั้งแบบไม่มีค่าใช้จ่ายซึ่งส่วนมากจะเป็นสถานที่ของภาครัฐ เช่น
สนามกีฬาแห่งชาติ (สนามศุภชลาศัย) สนามกีฬาประจำ�จังหวัด สนามกีฬา
องค์การบริหารส่วนตำ�บล ลานเอกประสงค์ในชุมชน โดยในสถานที่เหล่านี้
อาจมสี นามกฬี าชนดิ ตา่ งๆ ใหบ้ รกิ ารแตกตา่ งกนั ไป เพือ่ ตอบสนองความตอ้ งการ
ของประชาชนในพื้นที่นั้นๆ ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ
ได้อย่างหลากหลาย เช่น วิ่ง แอโรบิค ตะกร้อ วอลเลย์บอล เปตอง เป็นต้น
และแบบที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งส่วนมากเอกชนเป็นผู้ให้บริการ เช่น ฟิตเนส
สปอร์ตคลับ สนามฟุตซอล สนามแบดมินตัน และสนามกอล์ฟ เป็นต้น
54 แหล่งนันทนาการ
รอบรู้นันทนาการ 55
2 สวนสาธารณะ
เปน็ แหลง่ นนั ทนาการทมี่ คี วามส�ำ คญั ตอ่ คนในปจั จบุ นั เปน็ อยา่ งยงิ่ โดยเฉพาะ
ในเขตเมอื ง เนอื่ งจากเปน็ พนื้ ทสี่ เี ขยี วซงึ่ เปรยี บเสมอื นปอดของเมอื ง เปน็ สถานที่
สำ�หรับพักผ่อนหย่อนใจของคนทุกเพศ ทุกวัย และสามารถประกอบกิจกรรม
นันทนาการได้อย่างหลากหลาย เช่น เดินเล่น วิ่งออกกำ�ลังกาย ปั่นจักรยาน
พายเรือ รำ�ไทเก็ก นั่งอ่านหนังสือ วาดภาพ ถ่ายภาพ ปิกนิก เป็นต้น
สวนสาธารณะถือเป็นแหล่งนันทนาการที่เข้าถึงได้ง่ายเพราะมีอยู่ในทุกจังหวัด
มหี นว่ ยงานภาครฐั เปน็ ผดู้ แู ล และใหบ้ รกิ ารประชาชน เชน่ สวนลมุ พนิ ี สวนจตจุ กั ร
สวนสาธารณะพญาแถน จังหวัดยโสธร และสวนศรีเมือง จังหวัดระยอง เป็นต้น
56 แหล่งนันทนาการ
3 ศูนย์นันทนาการ ศูนย์เยาวชน
และศูนย์การเรียนรู้
เ ป็ น แ ห ล่ ง นั น ท น า ก า ร ที่ เ ปิ ด ใ ห้
ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ
ตามความสนใจ โดยในแต่ละศูนย์จะมี
การจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อ
ตอบสนองความต้องการของประชาชน
ในพื้นที่ เช่น กิจกรรมดนตรีไทย ดนตรี
สากล ร้องเพลง กิจกรรมเต้นรำ�
นาฏศิลป์ กิจกรรมศิลปะ หัตถกรรม
กิจกรรมทำ�อาหาร กิจกรรมทัศนศึกษา
แหล่งเรียนรู้ต่างๆ เป็นต้น มีเจ้าหน้าที่
และวทิ ยากรคอยใหบ้ รกิ ารและใหค้ วามรู้
โดยส่วนมากแล้วจะเป็นของภาครัฐ
หรือของชุมชน เช่น ศูนย์นันทนาการ
กรมพลศึกษา ศูนย์นันทนาการ
ข อ ง อ ง ค์ ก ร ป ก ค ร อ ง ส่ ว น ท้ อ ง ถิ่ น
ศูนย์เยาวชนของกรุงเทพมหานคร
ศนู ยก์ ารเรยี นรธู้ นาคารแหง่ ประเทศไทย
ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
บ้านของพ่อ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
และศูนย์การเรียนรู้เมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นต้น
รอบรู้นันทนาการ 57
4 พิพิธภัณฑ์ และหอศิลป์
เป็นแหล่งนันทนาการที่เก็บรวบรวม
สง่ิ ของทม่ี คี ณุ คา่ โบราณวตั ถุ และงานศลิ ปะ
เพื่อเปิดบริการให้ประชาชนได้เข้าชม
ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรใู้ นดา้ นตา่ งๆ ทส่ี นใจ
เช่น ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม
การเมืองการปกครอง ขนบธรรมเนียม
ประเพณี วิถีชีวิต รวมถึงพิพิธภัณฑ์
เฉพาะทาง เช่น พิพิธภัณฑ์ด้านการแพทย์
พพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตร์ พพิ ธิ ภณั ฑข์ องเลน่
และพิพิธภัณฑ์ของจิ๋ว เป็นต้น
58 แหล่งนันทนาการ
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์หลายแห่งมีการพัฒนาการจัดแสดงให้มี
ความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยใช้สื่อมัลติมีเดียเข้ามาช่วยสร้างสีสันและเสริม
ความน่าสนใจ เช่น นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์
ภูเวยี ง จงั หวดั ขอนแก่น เป็นตน้ ในสว่ นของหอศลิ ป์ เน้นใหผ้ ู้ทีช่ ืน่ ชอบงานศิลปะ
แขนงตา่ งๆ ไดเ้ ขา้ ชมและมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมทีจ่ ดั แสดง เชน่ หอศลิ ปวฒั นธรรม
แหง่ กรงุ เทพมหานคร หอศลิ ปร์ ว่ มสมยั ราชด�ำ เนนิ ฯ หอศลิ ปร์ มิ นา่ น จงั หวดั นา่ น
และขัวศิลปะ จังหวัดเชียงราย เป็นต้น
รอบรู้นันทนาการ 59
5 โแบลระาสณถาสนถทาี่สนำ�อคุทัญยทาานงปปรระะววัตัติศิศาาสสตตรร์ ์
แหล่งนันทนาการกลางแจ้งเพื่อการศึกษาประวัติศาสตร์ เป็นสถานที่เพื่อ
การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ศิลปกรรม และประวัติศาสตร์ที่มีความเป็นมา
อันยาวนาน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่สำ�คัญและมีคุณค่าอย่างยิ่งของประเทศ
โดยเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมและศึกษาหาความรู้ ทั้งด้านประวัติศาสตร์
โบราณคดี ตลอดจนศิลปะ วัฒนธรรม และอารยธรรมของคนในสมัยก่อน
ก่อให้เกิดการเรียนรู้และได้รับประสบการณ์ใหม่
60 แหล่งนันทนาการ
โดยส่วนมากแล้วสถานที่สำ�คัญทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ จะอยู่ในความดูแล
ของหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมศิลปากร ที่จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลและมีวิทยากร
บรรยายให้ความรู้แก่ประชาชนที่เข้าชม โดยสถานที่สำ�คัญทางประวัติศาสตร์
เหลา่ นีม้ อี ยูท่ กุ ภมู ภิ าคทัว่ ประเทศไทย เชน่ นครประวตั ศิ าสตรพ์ ระนครศรอี ยธุ ยา
และเมืองบริวาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและ
เมืองบริวาร จังหวัดสุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์
และอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น
รอบรู้นันทนาการ 61
6 อุทยานแห่งชาติ และวนอุทยาน
เป็นแหล่งนันทนาการทางธรรมชาติ ที่มีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไว้
ทั้งป่าไม้ พืชพันธุ์และสัตว์ป่าหายากให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์ อันเป็นประโยชน์
ต่อการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ และสร้างเสริมประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีกิจกรรมนันทนาการหลากหลายประเภทให้ประชาชน
ได้เข้าร่วม เช่น การเดินป่าศึกษาเส้นทางธรรมชาติ การดูนก ตั้งเต้นท์พักแรม
ล่องเรือ เล่นน้ำ�ตก สำ�รวจถ้ำ� ปีนหน้าผา เป็นต้น ปัจจุบันประเทศไทยมี
อุทยานแห่งชาติ และวนอุทยานหลายแห่งในทุกภูมิภาค เช่น อุทยานแห่งชาติ
เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
วนอุทยานถ้ำ�หลวง-ขุนน้ำ�นางนอน จังหวัดเชียงราย วนอุทยานปราณบุรี
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีอุทยานแห่งชาติทางทะเล เช่น
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอุทยานแห่งชาติ
หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เป็นต้น โดยหน่วยงานภาครัฐ
ทีม่ หี นา้ ทีค่ วบคมุ ดแู ล ไดแ้ ก่ กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธุพ์ ชื กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
62 แหล่งนันทนาการ
รอบรู้นันทนาการ 63
7 สวนสัตว์
เป็นแหล่งนันทนาการที่รวบรวมสัตว์นานาชนิด ทั้งสัตว์พื้นเมืองของไทยและ
สัตว์ของต่างประเทศ เปิดบริการให้ประชาชนได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตของ
สัตว์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงสัตว์ที่หายากหลายชนิด นอกจากนี้ ส่วนมากแล้ว
ภายในบริเวณสวนสัตว์จะมีพื้นที่สำ�หรับบริการกิจกรรมนันทนาการ เช่น
เครื่องเล่นต่างๆ เรือพาย เรือถีบ สนามเด็กเล่น เป็นต้น ถือได้ว่าสวนสัตว์เป็น
แหลง่ นนั ทนาการมชี วี ติ ทีม่ คี วามเหมาะสมกบั ทกุ เพศ ทกุ วยั เปน็ สถานทีส่ �ำ หรบั
พักผ่อนหย่อนใจ เหมาะสำ�หรับการประกอบกิจกรรมนันทนาการร่วมกันของ
ครอบครัว สวนสัตว์ในประเทศไทยมีอยู่ด้วยกันหลายแห่ง เช่น สวนสัตว์เปิด
เขาเขียว จังหวัดชลบุรี และสวนสัตว์เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น
64 แหล่งนันทนาการ
8 ทะเล และชายหาด
เปน็ แหลง่ นนั ทนาการกลางแจง้ ทางธรรมชาติ ทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มทง้ั จากชาวไทย
และชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นสถานที่ที่สามารถมาท่องเที่ยว
พักผ่อน และทำ�กิจกรรมนันทนาการได้เกือบตลอดทั้งปี มีกิจกรรมนันทนาการ
ที่หลากหลายเหมาะสมกับทุกเพศ ทุกวัย เช่น เล่นน้ำ� พายเรือคายัค ล่องเรือ
เล่นเจ็ทสกี เล่นบานาน่าโบ๊ท ดำ�น้ำ�ดูปะการัง ตกปลา หรือแม้แต่กิจกรรม
ริมชายหาด เช่น วอลเล่ย์บอลชายหาด ฟุตบอลชายหาด ก่อกองทราย
ปั่นจักรยาน และนั่งปิกนิก เป็นต้น
รอบรู้นันทนาการ 65
ทะเลและชายหาดถือได้ว่าเป็นแหล่งนันทนาการที่นอกจากจะช่วยให้ผู้ที่มา
ทำ�กิจกรรมได้พักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีของคน
ในครอบครัวอีกด้วย ทะเลและชายหาดในประเทศไทยมีทั้งในภาคกลาง
ภาคตะวันออก และภาคใต้ เช่น หาดพัทยา จังหวัดชลบุรี หาดชะอำ� จังหวัด
เพชรบุรี และหาดกะรน จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น
66 แหล่งนันทนาการ
9 ตลาดโบราณ ตลาดย้อนยุค และตลาดน้ำ�
“ตลาด” มีความผูกพันธ์กับวิถีชีวิตของคนไทย
ในทุกยุคทุกสมัย ปัจจุบันตลาดยังเป็นสถานที่
ท่องเที่ยวและแหลง่ นนั ทนาการทส่ี ามารถท�ำ กจิ กรรม
ได้หลากหลาย เช่น ตลาดโบราณ ตลาดย้อนยุค
ตลาดน�ำ้ เปน็ ตน้ ภายในตลาดเหลา่ น้ี ผทู้ �ำ กจิ กรรม
จะไดเ้ รยี นรวู้ ถิ ชี วี ติ ของทอ้ งถน่ิ นน้ั ๆ สมั ผสั ประสบการณ์
ใหมๆ่ สนกุ สนานไปกบั การถา่ ยภาพเกบ็ ความประทบั ใจ ตลอดจนไดพ้ บเหน็ สนิ คา้ หรอื
อาหารอนั เปน็ เอกลกั ษณพ์ น้ื ถน่ิ นบั วา่ เปน็ สถานทท่ี ส่ี ามารถท�ำ กจิ กรรมไดท้ กุ เพศ
ทุกวัย ตัวอย่างตลาดน่าชมในประเทศไทย เช่น ตลาดกองต้า จังหวัดลำ�ปาง
ตลาดสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ตลาดนำ�้ อโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตลาดบา้ นระจนั จงั หวดั สงิ หบ์ รุ ี ตลาดน�ำ้ อมั พวา จงั หวดั สมทุ รสงคราม ตลาดน�ำ้
ด�ำ เนนิ สะดวก จงั หวดั ราชบรุ ี และตลาดน�ำ้ คลองลดั มะยม กรงุ เทพฯ เปน็ ตน้
รอบรู้นันทนาการ 67
เครือข่าย
นันทนาการ
กรมพลศึกษา
เครือข่ายนันทนาการ คือ อะไร?
เครือข่ายนันทนาการ หมายถึง กลุ่มบุคคลในชุมชม หรือท้องถิ่นต่างๆ
ที่มีการรวมตัวกันเพื่อประกอบกิจกรรมนันทนาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ
หลากหลายกิจกรรมตามความสมัครใจ
เครือข่ายนันทนาการ มีความสำ�คัญอย่างไร?
เครือข่ายนันทนาการ เป็นเหมือนศูนย์รวมของทรัพยากรด้านนันทนาการ
ในท้องถิ่น ที่จะช่วยส่งเสริมและผลักดันให้สมาชิกเครือข่ายและประชาชนได้เห็น
ความสำ�คัญ และเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการตามความชอบ หรือความสนใจ
และสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ผู้สนใจนำ�มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน
เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา คือ ใคร?
เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา หมายถึง กลุ่มเครือข่ายนันทนาการ
ในชุมชน หรือท้องถิ่นต่างๆ ที่มีการรวมตัวกันเพื่อประกอบกิจกรรมนันทนาการ
โดยมโี ครงสรา้ งของเครอื ขา่ ยอยา่ งชดั เจนตามทก่ี รมพลศกึ ษาก�ำ หนด ซง่ึ เครอื ขา่ ย
นนั ทนาการกรมพลศกึ ษาจะด�ำ เนนิ งานสง่ เสรมิ นนั ทนาการในทอ้ งถน่ิ และบูรณาการ
งานดา้ นนนั ทนาการกบั กรมพลศกึ ษา และหนว่ ยงานอืน่ ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง ทัง้ นี้ ยงั ไดร้ บั
การส่งเสริม สนับสนุนการดำ�เนินงานในด้านต่างๆ จากกรมพลศึกษา
รอบรู้นันทนาการ 69
กรมพลศกึ ษา
เครอื ขา่ ยนนั ทนาการกรมพลศกึ ษา มคี วามเปน็ มาอยา่ งไร?
กรมพลศกึ ษา ใหค้ วามส�ำ คญั และด�ำ เนนิ งานดา้ นนนั ทนาการมาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
โดยสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เยาวชน และประชาชนทกุ กลมุ่ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ ตระหนกั ถงึ
คุณค่า และใช้เวลาว่างประกอบกิจกรรมนันทนาการเป็นประจำ�จนเป็นวิถีชีวิต
โดยมีกลยุทธ์สำ�คัญประการหนึ่งในการดำ�เนินงาน คือ การสร้าง “เครือข่าย
นันทนาการ” ในท้องถิ่น เพื่อขยายโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ
ของประชาชน ดังนั้น กรมพลศึกษา โดยสำ�นักนันทนาการ จึงได้ดำ�เนินงาน
โครงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์
ดังนี้
1 สร้างและพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายนันทนาการในท้องถิ่น
2 สนับสนุนการดำ�เนินงานของเครือข่ายนันทนาการ
3 เสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายนันทนาการด้านผู้นำ�และ
องค์ความรู้
4 เผยแพร่กิจกรรมของเครือข่ายนันทนาการให้กว้างขวางและ
เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
70 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
คณุ สมบตั ขิ องเครอื ขา่ ยนนั ทนาการกรมพลศกึ ษา มอี ะไรบา้ ง?
1. เป็นกลุ่มบุคคลที่รวมตัวกันเพื่อประกอบกิจกรรมนันทนาการในเวลาว่าง
ด้วยความสมัครใจ
2. มีกิจกรรมนันทนาการที่เป็นอัตลักษณ์ของตนเอง หรือเป็นกลุ่มชาติพันธุ์
3. สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจได้
4. มีความเป็นจิตอาสา
5. สมาชิกเครือข่ายเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ�
6. สร้างประโยชน์ให้สังคม พร้อมที่จะสนับสนุน ส่งเสริม และบูรณาการ
งานด้านนันทนาการกับกรมพลศึกษา และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่างๆ
ที่กรมพลศึกษากำ�หนด
เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา มีแล้วดีอย่างไร?
1. ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงประโยชน์ของกิจกรรม
นันทนาการ
2. เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา สามารถจัดกิจกรรมนันทนาการให้แก่
สมาชิกเครือข่ายและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ประชาชนผู้สนใจได้
3. เด็ก เยาวชน และประชาชนในท้องถิ่นมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ
อย่างทั่วถึง
4. ประชาชนในท้องถิ่นมีเครือข่ายนันทนาการเป็นต้นแบบในการใช้เวลาว่าง
ทำ�กิจกรรมนันทนาการที่เป็นประโยชน์
5. สร้างความเข้มแข็งและความสัมพันธ์อันดีของคนในท้องถิ่น
6. ช่วยส่งเสริมและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้มีการสืบทอดต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น
7. ช่วยเผยแพร่กิจกรรมนันทนาการวิถีไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
รอบรู้นันทนาการ 71
ในปง บประมาณ พ.ศ. 2562 มเี คร�อขายนนั ทนาการกรมพลศกึ ษา
จำนวน 67 เคร�อขา ย ใน 45 จังหวดั ทัว่ ประเทศ
ตัวอยา งเครอ� ขายนันทนาการกรมพลศึกษา
เคร�อขา ยนนั ทนาการ เคร�อขา ยนนั ทนาการ
ดนตรส� รา งสุข กลมุ หตั ถกรรมแมบ าน
ผูสงู อายพุ ะเยา ทอเส่อื กก หมู 7
(บานนาหมอมา)
เคร�อขา ยนนั ทนาการ เคร�อขา ยนันทนาการ
วา วไทย หนำเทพศิลป
อำเภอแกลง
จังหวดั ระยอง
72 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
เครือข่ายนันทนาการ
ดนตรีสร้างสุข
ผู้สูงอายุพะเยา
เกษียณ อย่างเกษม
เสียงเพลงอันไพเราะที่บรรเลงด้วยอังกะลุง ดังแว่วมาจากห้องเรียนเล็กๆ
ห้องหนึ่ง หากเข้าไปดูก็จะพบกับนักเรียนสูงวัยที่พร้อมใจกันเขย่าเครื่องดนตรี
ในมือ สายตาจดจ้องอยู่ที่ “ครูเอ๊ด” ผู้ควบคุมวง ซึ่งกำ�ลังแสดงท่าทางต่างๆ
ควบคุมการเล่นให้เกิดเป็นเสียงเพลง
“ครูเอ๊ด” นายพัฒนา สุขเกษม “ครเู อด๊ ” นายพฒั นา สขุ เกษม ไมไ่ ด้
ผู้อ�ำนวยการ
เป็นเพียงผู้ควบคุมวงอังกะลุงสูงวัยนี้
ศูนย์การดนตรีสร้างสุขผู้สูงอายุพะเยา
เท่านั้น แต่เขาคือผู้ก่อตั้ง “ศูนย์การ
ดนตรีสร้างสุขผู้สูงอายุพะเยา
(ศดสอ.)” ด้วยความตั้งใจที่ต้องการ
ใช้เวลาว่างหลังเกษียณให้เกิดประโยชน์
ทัง้ ตอ่ ตนเองและผูอ้ ืน่ ซึง่ กอ่ นทีจ่ ะมาเปน็
ศดสอ. ในปัจจุบัน ครูเอ๊ดได้จัดตั้งเป็น
โรงเรียนผู้สูงอายุ โดยใช้ชื่อว่า โฮงเฮียน
ผสู้ งู อายพุ ะเยา เรม่ิ ตน้ ควกั กระเปา๋ ตวั เอง
ซื้ออังกะลุง 6 ชุด เพื่อทำ�ตามสิ่งที่ตนเอง
ตั้งเป้าหมายไว้
“การที่เราจะทำ�อะไรสักอย่าง ต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เช่น จะตั้ง
โรงเรียนผู้สูงอายุ ก็ต้องศึกษาพรบ.ผู้สูงอายุ ข้อมูลประชากรผู้สูงอายุ ทำ�ให้
เกิดความสนใจเร่อื งปัญหาความเครียด และโรคความจำ�เส่อื ม จึงคิดถึงการใช้
ดนตรีบำ�บัด เพราะตัวเองก็ชอบเล่นดนตรีอยู่แล้ว เราจะทำ�อย่างไรให้ผู้สูงอายุ
ไดส้ มั ผสั จบั ตอ้ งเครือ่ งดนตรี และเลน่ ไดง้ า่ ย โดยไมต่ อ้ งคร่�ำ เครง่ กบั การทอ่ งจ�ำ
โน้ตดนตรี” ครูเอ๊ดกล่าว
74 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
ห้องเรียนดนตรีของครูเอ๊ดมีแต่
ความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ
เมื่อนักเรียนสูงวัยทั้งหลายมาถึง
ก็จะเริ่มจากกิจกรรมนันทนาการ
เล็กๆ น้อยๆ ให้ผ่อนคลายกันก่อน
ไม่ว่าจะเป็นการยืดเส้นยืดสาย
ทำ�ท่าทางต่างๆ ประกอบจังหวะ
ซึ่งนอกจากจะทำ�ให้ผู้สูงอายุมีจิตใจ
เบิกบานแล้ว ยังเป็นการวอร์ม
ร่างกาย นิ้วมือ แขน ขา ให้พร้อม
สำ�หรับการเล่นดนตรีอีกด้วย
อังกะลุงสูงวัย ได้ประโยชน์มหาศาล
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี
มี พ ร ะ ร า ช ดำ � รั ส ว่ า เ ค รื่ อ ง ด น ต รี ที่
เหมาะสมในการพัฒนาเด็กที่สุดคือ
อังกะลุง ครูเอ๊ดจึงสนใจเครื่องดนตรี
ชนิดนี้ และคิดว่าผู้สูงอายุก็ต้องการ
การพัฒนาเช่นเดียวกับเด็ก ยิ่งเมื่อ
ได้ค้นคว้าหาข้อมูล ยิ่งทำ�ให้มั่นใจ
ว่าอังกะลุงเป็นเครื่องดนตรีที่ช่วย
กระตุ้นความคิด การใช้สมอง และเป็น
สิ่งท้าทายซึ่งช่วยพัฒนาสมองได้อย่างดี
รอบรู้นันทนาการ 75
องั กะลงุ ท�ำ จากไมไ้ ผ่ ลกั ษณะนามขององั กะลงุ เรยี กวา่ ตบั องั กะลงุ หนง่ึ ตบั
จะมีอยู่ 1 เสียงเท่านั้น การบรรเลงอังกะลุงให้เป็นเพลงจึงต้องเล่นเป็นวง
ไมส่ ามารถเลน่ คนเดยี วได้ และจ�ำ เปน็ ตอ้ งใชค้ วามสามคั คขี องผรู้ ว่ มบรรเลงอยา่ งมาก
การเล่นอังกะลุงในผู้สูงอายุ สามารถส่งเสริมการประสานงานของร่างกายและ
ประสาทสงั่ งาน โดยเฉพาะการใชข้ อ้ มอื กลา้ มเนอื้ แขนในการเขยา่ องั กะลงุ รวมถงึ
ส่งเสริมด้านความจำ�และสมาธิ ทำ�ให้ผู้สูงอายุตื่นตัวไปกับจังหวะเพลง
เร่ิมเล่นต้ังแต่ปี 2553 เพราะป่วยเป็น เพิ่งเร่ิมเข้ามาเล่นได้ไม่ถึงปี
โรคพาร์กินสัน จึงลองมาเล่นดนตรี เพราะได้ยินเสียงเพลงแล้ว
ผลปรากฏว่าทรงตัวได้ดีขึ้น อาการส่ัน รู้สึกชอบ เมื่อได้มาเล่นแล้ว
ค่อยๆ หาย มีความสุข อารมณ์ดี สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น
พัฒนาสมองให้คิดเร็วขึ้นได้ ได้เพื่อนจากหลากหลายอาชีพ
คุณป้าอนงค์ สมบัติวัฒนาเวศ คุณลุงอ�ำพล ยอดเมือง
จากคนที่ ไม่เคยเล่นดนตรี
หรือร้องเพลงเลย และมี
ปัญหาสุขภาพเช่นกัน
เป็นไทรอยด์ ใจส่ัน
น�้ำหนักลด เม่ือมาเล่น
ดนตรีบำ� บดั อาการทกุ อยา่ ง
ดีขนึ้ มเี พอื่ นเยอะ มคี วามสขุ
คุณป้าสันติสุข พ่อค้า
76 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
สัญลักษณ์มือนี้ มีเสียง
วงอังกะลุงของศูนย์การดนตรีสร้างสุขผู้สูงอายุพะเยามีวิธีการเล่น
ที่สร้างสรรค์แตกต่างจากที่อื่น โดยในช่วงแรกๆ นั้น ครูเอ๊ดยังคงใช้วิธีทั่วไป
ที่ทุกคนใช้กัน นั่นคือการเขียนโน้ตเพลงเป็นตัวเลขบนกระดาน แล้วชี้ให้ผู้เล่น
เขย่าอังกะลุงเมื่อถึงโน้ตของตนเอง แต่วิธีการนี้กลับไม่ตอบโจทย์ของครูเอ๊ด
ที่ต้องการให้ผู้เล่นมีสมาธิ คลายความเครียดและสามารถกระตุ้นสมองได้
เพราะเมอื่ ผเู้ ลน่ เหน็ โนต้ บนกระดาน พวกเขาจะไมจ่ ดจอ่ กบั การเลน่ เพยี งรอใหถ้ งึ
โน้ตของตนเองจึงกลับมาสนใจการเล่นอีกครั้ง ครูเอ๊ดจึงเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่
โดยได้แนวคิดมาจาก โซลตาน โคดาย (Zoltan Kodaly) นักดนตรีชาวฮังการี
ที่มีแนวคิดการใช้สัญลักษณ์ก่อนการเรียนรู้ตัวโน้ตจริง หนึ่งในเทคนิคนั้นคือ
การสอนดนตรีโดยใช้สัญลักษณ์มือ ครูเอ๊ดจึงได้นำ�แนวทางนี้มาประยุกต์
ใช้กับการสอนของตนเอง โดยก่อนจะนำ�มาใช้กับผู้สูงอายุ ได้ทดลองสอน
ให้กับนักเรียน 2 กลุ่ม ให้เปรียบเทียบทั้ง 2 วิธี ผลที่ได้คือ ผู้เรียนพอใจกับ
การใชส้ ัญลกั ษณ์มือมากกวา่ เพราะสนุกและทา้ ทาย รวมทั้งทำ�ใหม้ ีสมาธเิ พิม่ ขึน้
นับว่าเป็นนวัตกรรมที่แปลกใหม่ซึ่งครูเอ๊ดนำ�มาใช้ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา
รอบรู้นันทนาการ 77
นอกจากการใช้สัญลักษณ์มือเพื่อควบคุม
การเล่นอังกะลุงแล้ว เพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าใจ
ง่ายขึ้น ครูเอ๊ดยังใช้สีเป็นสัญลักษณ์แทน
โน้ตดนตรี เนื่องจากผู้สูงอายุไม่ค่อยคุ้นเคย
กบั โนต้ ดนตรนี กั ท�ำ ใหจ้ �ำ ผดิ จ�ำ ถกู โดยองั กะลงุ
แต่ละตัวจะมีสติกเกอร์สีต่างๆ ติดอยู่ ตัวละ
1 สี รวมทั้งหมด 7 สี (เรียงตามสีของวัน)
แทนโน้ตดนตรี 7 เสียง คือ โด เร มี ฟา
ซอล ลา ที
โด เร มี ฟา ซอล ลา ที
78 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
โด (ต่ำ�) ซอล
เร ลา
มี ที
ฟา โด (สูง)
รอบรู้นันทนาการ 79
ผู้เล่นจดจ่ออยู่กับสัญลักษณ์มือ
ช่วยกระตุ้นสมอง ท�ำให้เกิดสมาธิ
ความสนุกครบทุกแนว
ท้ังร้อง เล่น เต้นร�ำ
การพัฒนาการเล่นอังกะลุงของครูเอ๊ด ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนวิธีการให้ดีและ
เหมาะกับสถานการณ์มากขึ้น ดังนั้นเพื่อให้เล่นได้หลากหลายแนว รวมถึง
ให้นักเรียนสนุกสนานไปกับการร้องเพลงด้วย จึงได้ผสมตัวโน้ตเป็นคอร์ดขึ้น
แลว้ คดิ ประดษิ ฐเ์ ปน็ องั กะลงุ ราว คอื การน�ำ องั กะลงุ มาเชอ่ื มตอ่ กนั เปน็ แผงผสมกนั
เป็นคอร์ดต่างๆ ใช้ 1 คน สั่น 1 ครั้งก็จะได้ 1 คอร์ด แต่อังกะลุงราวกลับมี
ข้อจำ�กัดเรื่องขนาดซึ่งค่อนข้างใหญ่ ทำ�ให้ติดตั้งและขนย้ายลำ�บาก ครูเอ๊ด
จึงมีแนวคิดที่จะใช้ท่ามือเป็นสัญลักษณ์แทนคอร์ด โดยโครงสร้างของคอร์ด
จะประกอบด้วยโน้ตต่างๆ ดังนี้
80 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
คอร์ด C คอร์ด G
โด มี ซอล ซอล ที เร
คอร์ด Em คอร์ด F
มี ซอล ที โด ฟา ลา
คอร์ด Am คอร์ด Dm
ลา โด มี เร ฟา ลา
รอบรู้นันทนาการ 81
เครื่องดนตรีตามรอยพ่อ (ตรพ.)
ความตง้ั ใจของครเู อด๊ ทจ่ี ะใชด้ นตรชี ว่ ยบ�ำ บดั และพฒั นาดา้ นตา่ งๆ ใหก้ บั ผสู้ งู อายุ
ไมไ่ ดจ้ บเพยี งแคอ่ งั กะลงุ เทา่ นน้ั ครง้ั หนง่ึ หลงั จากน�ำ้ ทว่ มใหญผ่ า่ นไปจนในปีพ.ศ.2555
ครูเอ๊ดฝันถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์รับสั่งในฝันว่า ให้คิดใช้ขยะจากน้ำ�ท่วมมาทำ�
เป็นเครื่องดนตรี นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้ครูเอ๊ดนำ�สิ่งของเหลือใช้มาประดิษฐ์
เป็นเครื่องดนตรีแบบพอเพียง และตั้งชื่อว่า “เครื่องดนตรีตามรอยพ่อ
(ตรพ.)” ซึ่งปัจจุบันมีถึง 9 ตรพ. ถือเป็นต้นแบบสิ่งประดิษฐ์ที่ให้ประโยชน์
หลายด้าน ทั้งการรักษาสิ่งแวดล้อม สุขภาพกายและสุขภาพจิต ตัวอย่างเช่น
ตรพ.001
รักและห่วงใย
ท�ำจากท่อ PVC ลักษณะคล้ายขลุ่ย
โดย 1 เลา มโี น้ตตัวเดียว
เป็นอุปกรณ์พัฒนาความจุของปอด
ตรพ.002
ใส่ใจช่วยเหลือ
เป็นการน�ำ ตรพ.001 ไปเสียบเข้า
กับขวดน้�ำยาซักผ้าขาว จะท�ำให้เกิด
เสียงโดยการใช้มือบีบ สามารถน�ำไป
ใช้บริหารกล้ามเนื้อมัดเล็กได้
ใช้สีเป็นสัญลักษณ์แทนโน้ตต่างๆ เช่นเดียวกับในอังกะลุง
82 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
ตรพ.003
กูลเกื้อเอื้ออาทร
เป็นการน�ำ ตรพ.001 มาต่อกันเป็นแผง
ซงึ่ 1 ชนิ้ จะมโี นต้ 5 เสยี ง เลน่ โดยการเปา่
สามารถนำ� ไปใชบ้ ริหารปอดสำ� หรับผปู้ ว่ ย
ถุงลมโป่งพองได้
ตรพ.004 ไม่หย่อนสามัคคี
ท�ำจากขวดแก้ว ใส่น�้ำต่างระดับ
ก็จะได้เสียงโน้ตที่ต่างกัน
เป็นเคร่ืองเคาะใช้แทนหรือ
เล่นผสมกับอังกะลุงได้ดี
มีต้นทุนถูกท่ีสุด
ตรพ.005
มีจิตปรองดอง
มีลักษณะคล้ายกระดึงคอวัว ท�ำจากไม้ไผ่ ใช้เขย่าให้เกิดเสียง แต่ละอัน
จะมโี น้ต โดยต้ังเสียงจากความลึกของการเจาะลงไปตรงกลางกระบอก
ไม้ไผ่ (เสียงสูงคือความยาวน้อย เสียงต่�ำคือความยาวมาก)
รอบรู้นันทนาการ 83
ความภูมิใจ กระจายรอยยิ้ม
ด้วยความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการสอนดนตรีให้แก่ผู้สูงอายุ
มากว่า 10 ปี ทำ�ให้ครูเอ๊ดนำ�พาศูนย์แห่งนี้ได้รับรางวัลมากมาย โดยล่าสุด
ในปี พ.ศ.2561 ได้รับคัดเลือกให้เป็นโครงการต้นแบบระดับประเทศของ
การพัฒนาศักยภาพแกนนำ�การพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุด้วยดนตรี เพื่อรองรับ
การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ จากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ความสำ�เร็จเหล่านี้ยังเป็นแรงผลักดันให้ครูเอ๊ดพัฒนาและขยายความสุข
สู่ผู้สูงวัยต่อไป โดยหวังว่าอยากให้ที่แห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้การทำ�เครื่องดนตรี
ตามรอยพ่อ ศูนย์การสอนนวัตกรรมการเล่นดนตรีโดยใช้สัญลักษณ์มือ ให้ดนตรี
เป็นเพื่อน เสริมสร้างสมาธิ พัฒนาสมอง และสร้างความสุขให้แก่ผู้สูงอายุ
อย่างแท้จริง CONTACT ข้อมูลติดต่อ
เครอื ข่ายนันทนาการดนตรีสร้างสุขผู้สูงอายุพะเยา
อาคารธรรมราชานุวัตร ช้ัน 2
วัดศรโี คมค�ำ อ�ำเภอเมือง จังหวัดพะเยา 56000
นายพัฒนา สุขเกษม 087-659-6442
Edd Angklung
84 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
เครือข่ายนันทนาการ
กลุ่มหัตถกรรม
แม่บ้านทอเสื่อกก
หมู่ 7
(บ้านนาหมอม้า)
“กก” วัชพืชที่ไม่ควรมองข้าม
รถค่อยๆ แล่นผ่านต้นไม้หนาทึบริมสองฝั่งถนน ซึ่งค่อยๆ หายไป กลายเป็น
สะพานคอนกรีตสายสั้นๆ ปลายสะพานมีป้ายเล็กๆ บอกให้รู้ว่าที่นี่คือ บ้านนา
หมอม้า จังหวัดอำ�นาจเจริญ พื้นที่รอบๆ เต็มไปด้วยพืชพรรณสีเขียวชอุ่ม
เดาไม่ยากเลยว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดอาชีพเกษตรกรรม ทำ�นา ทำ�สวน ทำ�ไร่
แต่พวกเขาจะแบ่งพื้นที่เล็กๆ ไว้สำ�หรับใช้ “ปลูกกก" วัชพืชที่ดูเหมือนไร้ค่า
แต่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ชาวบ้านจะเตรียมแปลงปลูกโดยใส่ปุ๋ยคอก ไถคราดดิน เพื่อให้สารอาหาร
ในดินมีเพียงพอ จากนั้นจึงลงพันธุ์ หมั่นถอนหญ้าจนกว่ากกจะโต ไม่เช่นนั้น
พอหญา้ ขน้ึ อาจคลมุ ตน้ กกจนตายได้ ถา้ ดนิ แหง้ หรอื แตกจะเรง่ เตรยี มเครอ่ื งสบู น�ำ้
สูบน้ำ�ใส่ให้ปริ่มแปลง และยังไล่แมลงที่มากวนใจตลอดช่วงปลูกประมาณ 2-3
เดือน เมื่อมีดอกสีน้ำ�ตาลอ่อนบานสะพรั่งทั่วทั้งแปลง ชาวบ้านจะช่วยกัน
เก็บเกี่ยวและขนขึ้นรถไปไว้ที่ศาลาวัดบูรพา ก่อนบรรดาลุง ป้าจะเริ่มลงมือ
แปลงโฉม “กก” ให้เป็นผลิตภัณฑ์ตามแบบฉบับกลุ่มแม่บ้านทอเสื่อกกบ้านนา
หมอม้า
86 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
รวมกลุ่ม กันทอ
วัดบูรพาตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านเล็กๆ
พืน้ ทีภ่ ายนอกวดั รายลอ้ มดว้ ยบา้ นไมช้ ัน้ เดยี ว
หลายสิบหลังคาเรือน มีเพียงรั้วลวดหนาม
กั้นบ้านแต่ละหลังออกจากกัน ใครจะมาวัดก็
แสนสบาย เดินเท้าได้ เพราะระยะทางไม่ไกล
ภายในวัดมีศาลาไม้ทรงไทย ยกใต้ถุนสูง
ใ ห้ ไ ด้ ใ ช้ เ ป็ น จุ ด นั ด พ บ ข อ ง ส ม า ชิ ก ก ลุ่ ม
แม่บ้านทอเสื่อกก บ้านนาหมอม้า
หลังเลิกจากงานประจำ� และสร้างสรรค์
ผลติ ภณั ฑ์ “เสอื่ กก” จากภมู ปิ ญั ญาบรรพบรุ ษุ
ที่มีมานานกว่า 50 ปี
ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2518 ปู่ ย่า ตา ยายนำ�ต้นกก ริมนา มาลองจักเป็นเส้น
บางๆ สอดลงบนกี่ ทอตามลวดลายที่คิดไว้ ถูกบ้าง ผิดบ้าง ก็ปรับจนพอใจได้
เปน็ “เสอ่ื กกลายมดั หม”่ี ซง่ึ มเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะไมเ่ หมอื นใคร เมอ่ื เวลาผา่ นไป
วิชาที่มีก็ถูกถ่ายทอดสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน จนวันนี้ชาวบ้านนาหมอม้า หมู่ที่ 1 และ
หมู่ที่ 7 ทุกครัวเรือนสามารถสร้างรายได้เสริมจากการทอเสื่อกกได้อีกด้วย
พอ่ ใหญช่ โยดม จนั ทรล์ ทุ นิ ทป่ี รกึ ษาเครอื ขา่ ย
กลุ่มแม่บ้านทอเสื่อกก บ้านนาหมอม้า
กล่าวอย่างยิ้มๆ ว่า “คนรุ่นหลังอย่างเราได้
รับสมบัติที่ดี เพียงแค่เรารู้จักน�ำ สิ่งเหล่านั้น
มาแต่งองค์ทรงเครื่อง เขียนคิ้วนิด เติมปาก
หน่อย ต่อยอดลงบนผืนเสื่อ ให้ได้ลวดลาย
ใหม่ที่มีความสวยงามกว่า 200 ลาย”
พ่อใหญ่ชโยดม จันทร์ลุทิน รอบรู้นันทนาการ 87
ที่ปรึกษาเครือข่ายนันทนาการกลุ่มหัตถกรรม
แม่บ้านทอเส่ือกก หมู่ 7 (บ้านนาหมอม้า)
ความโดดเด่นของเสื่อกกอีกอย่างหนึ่ง
คือ สีสัน ชาวบ้านเริ่มเรียนรู้วิธีการย้อมสี
ธรรมชาติจากการให้ความรู้ของหน่วยงาน
ภาครฐั โดยใช้วัตถดุ บิ ในชุมชน เช่น เปลอื ก
ต้นเค็ง ต้นแดง ต้นขี้เหล็ก ซึ่งจะให้สีเข้ม
ติดทนนาน ไม่ขึ้นราและไม่เกิดสารตกค้าง
กบั ผใู้ ช้ ส�ำ หรบั ลวดลายบนผนื เสอ่ื สว่ นหนง่ึ
ประยุกต์มาจากลายผ้าไหม และบางส่วนก็
บอกเลา่ เอกลกั ษณท์ อ้ งถน่ิ เชน่ ลายสายฝน
ลายกระเช้าสีดา นอกจากนี้ยังมีลายที่
สร้างสรรค์จากจินตนาการของคนใน
หมู่บ้าน เช่น ลายหงส์ ลายนกยูง เป็นต้น
จากความใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต ประกอบกับความประณีตบรรจง
ผสมผสานกับความแปลกใหม่ของลวดลาย ทำ�ให้ “เสื่อกก” กลายเป็น
หนึ่งในอัตลักษณ์ของบ้านนาหมอม้า สมกับคำ�กล่าวที่ว่า “บ้านนาหมอม้า
ถิ่นโบราณพันปี ฝีมือหัตถกรรมเลิศ บ้านเกิดนักปราชญ์” นั่นเอง
88 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
เนรมิต เสื่อกก
1 ตัดต้นกกที่มีดอกสีน้ำ�ตาลลักษณะใกล้แห้ง
สูงประมาณ 1-2 เมตร ตัดดอกและคัดแยก
ต้นกกที่มีขนาดเท่ากัน
2 ใช้มีดกรีดลำ�ต้นกกเป็น 4-6 เส้น และดึงฟองน้ำ�ด้านในออก วิธีนี้
ชาวบ้านจะเรียกกันว่าการจักเป็นเส้น พอดึงฟองน้ำ�สีขาวออก
เส้นกกที่ได้จะมีขนาดเล็ก นำ�ไปทอจะได้เสื่อที่แน่นและคงทน
3 ตากแห้งประมาณ 7 วัน กกจะเปลี่ยนสีและบีบตัวเป็นเส้นเล็กๆ
วันท่ี 1 วันท่ี 3 วันท่ี 7
สียังไม่เปลี่ยนแปลง กกเร่ิมเปลี่ยนจากสีเขียวเข้ม กกเปลี่ยนเป็นสีขาว
เป็นสีเขยี วอ่อน พร้อมใช้งาน
รอบรู้นันทนาการ 89
4 คิดลวดลายและวาดลงบนกระดาษกราฟขนาด A4
5 ใช้เชือกฟางมัดเส้นกกให้แน่น
ตามแบบที่วาดลงบนกระดาษกราฟ
6กกที่มัดจะถูกนำ�ไปแช่น้ำ�ให้นิ่มก่อนลงต้ม
ในสีธรรมชาติหรือสีสังเคราะห์ เมื่อสีติดทั่ว
ทั้งเส้นจะยกกกไปตากแดดแรงๆ ประมาณ
2 วัน หรือจนกว่ากกจะแห้งสนิท
7 การทอจะใช้ 2 คนต่อการทอเสื่อ 1 ผืน ผู้ทอจะต้องทำ�ความเข้าใจ
ลวดลายตามภาพบนกราฟก่อนเริ่มลงมือทำ�
ผู้สอดเส้นกกจะแยกเส้นกกแต่ละสีออก มัดที่ 2 คือ นกยูง สังเกตจากเส้นที่มีสีขาว
เป็นกลุ่ม เช่น เส้นกกส�ำหรับท�ำลายนกยูง ธรรมชาติและเส้นที่มีสีอื่นนอกเหนือจาก
จะแบ่งเป็นมัดท่ี 1 คือ สีน้�ำตาลเข้มใช้ สีน�้ำตาล
ส�ำหรับท�ำพน้ื
90 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
8 ผสู้ อดจะเลอื กกก 1 เสน้ มว้ นปลายกกไวท้ ป่ี ลายไมไ้ ผ่
สอดผ่านเชือกไนลอน กระตุกให้กกหลุดและดึงไม้ไผ่
กลับมา
ผู้กระทบฟันหวจี ะ
ตรวจความถูกต้อง
ของลวดลาย
ฟันหวี
9 ผู้กระทบฟันหวีจะดึงฟันหวีเข้าหาตัวอย่างแรงและดันฟันหวีเป็นมุม
45 หรือ 135 องศา สำ�หรับให้ผู้สอด สอดเส้นกกเส้นถัดไป
วิชา “ทอเสื่อกก” บรรจุอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนตั้งแต่
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ถงึ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ของโรงเรยี นบา้ นนาหมอมา้ จดั สอน
ทกุ วนั ศกุ รใ์ นชือ่ วชิ าการงานอาชพี เพือ่ มุง่ ใหล้ กู หลานไดเ้ รยี นรูแ้ ละสบื สานฝมี อื
หัตถกรรม คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชุมชน จากการสอนแต่วัยเยาว์ เด็กๆ จึงเห็น
คุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่น และร่วมกันแสดงความหวงแหนอัตลักษณ์ของชุมชน
ผ่านท่ารำ�ประกอบจังหวะในการแสดงชุด “การทอเสื่อกก” ที่สื่อความหมาย
ทุกขั้นตอนของการทอเสื่อ
รอบรู้นันทนาการ 91
ต่อยอดไปไกล ไม่รู้จบ
เมื่อมีคำ�ถามว่า “ทำ�ไมเสื่อถึงใช้ได้แค่รองนั่ง?” กลุ่มแม่บ้านทอเสื่อกก
บ้านนาหมอม้าจึงไม่นิ่งเฉย เรียกสมาชิกมารวมความคิดเปลี่ยนเสื่อกก
ผืนสี่เหลี่ยมให้กลายเป็นผ้าคลุมเก้าอี้ในพริบตา การต่อยอดผลิตภัณฑ์ได้รับ
ความร่วมมืออันดีจากพัฒนาชุมชนและศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7
จังหวัดอุบลราชธานี เข้ามาให้ความรู้ ผลักดันสินค้า เช่น กระเป๋า โคมไฟ
กล่องใส่กระดาษทิชชู่ สู่ OTOP ระดับ 4 ดาว ของจังหวัดอำ�นาจเจริญ
“โคมไฟนเี้ กิดจากวัสดุที่หาได้จากหมู่บ้าน ไม้ไผ่ ต้นกกเรามี คิดว่า
น�ำ 2 อย่างมารวมกันท�ำโคมไฟเป็นสิ่งท่ีเราท�ำได้ ใช้ส�ำหรับให้แสงสว่าง
ในยามค�่ำคืนแต่งบ้านหรือโฮมสเตย์”
ปล้องไม้ไผ่
ด้านในใช้เส่ือกกท�ำเป็นฐานรอง
น�ำเส้นกกถักเป็นเกลียวติดรอบๆ ท่อนไม้ไผ่
92 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
ผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกช้นิ ต้องมี
เส่ือกกเป็นส่วนหนึ่งในชน้ิ งาน
เม่อื พัฒนาผลิตภัณฑ์จนมีรูปแบบไม่เหมือนใคร
ได้แล้ว มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจึงร่วมกับ
มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ และศนู ยส์ ง่ เสรมิ อตุ สาหกรรม
ภาคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี ออกแบบโลโก้
ที่แสดงถึงประวัติอันยาวนานกว่า 200 ปี ของ
บ้านนาหมอม้า ผ่านรูปนายพรานขี่หลังม้า
สกรีนลงบนกระดาษสีเขียวบอกเล่าเรื่องราว
ของพรานอัศดร ผู้มีวิชาอาคม ขี่ม้าจากแดนไกล เพื่อต่อสู้กับวัวป่า
ทีก่ �ำ ลงั ท�ำ ลายพชื พรรณของชาวบา้ น ทัง้ คูไ่ ดจ้ บชวี ติ ลงในการตอ่ สูค้ รัง้ นี้ ชาวบา้ น
จงึ สดดุ พี รานอศั ดรเปน็ หมอมา้ ใหช้ ือ่ พืน้ ทีแ่ หง่ นีว้ า่ “หมอมา้ ” ตามทีเ่ รยี กขาน
ในปัจจุบัน และยังไม่ลืมใช้เป็นชื่อผลิตภัณฑ์ “บ้านนาหมอม้า” ให้คนรู้จักไกล
ยังต่างแดน
รอบรู้นันทนาการ 93
คุณพ่อธงชัย จันลุทิน
ประชาสัมพันธ์เครอื ข่ายนันทนาการ
กลุ่มหัตถกรรมแม่บ้านทอเส่ือกก หมู่ 7
(บ้านนาหมอม้า)
คุณแม่สังเวยี น จันลุทิน
ประธานเครือข่ายนันทนาการกลุ่มหัตถกรรม
แม่บ้านทอเส่ือกก หมู่ 7 (บ้านนาหมอม้า)
“ทุกชิ้นงานถูกท�ำขึ้นอย่างประณีต “ข้ันตอนการท�ำเสื่อกกเป็น
เพราะเรารักในสิ่งท่ีท�ำ และเรายัง ภูมิปัญญาของบ้านเรา เราคิดและ
ชื่นชมในความสามัคคีของสมาชิก ลงมือออกแบบจนได้เอกลักษณ์
ท่ีช่วยกันพัฒนาจนผลิตภัณฑ์เรามี ของตน ทุกคนในกลุ่มภาคภูมิใจ
ช่ือเสียงไปไกล” ในผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น เกิดแรงผลักดัน
ให้สามารถเติบโตและอยู่ได้ถึง
ทุกวันน”ี้
CONTACT ข้อมูลติดต่อ
เครอื ข่ายนันทนาการกลุ่มหัตถกรรมแม่บ้านทอเสื่อกก หมู่ 7 (บ้านนาหมอม้า)
เลขท่ี 35 หมู่ 1 ต�ำบลนาหมอม้า
อ�ำเภอเมือง จังหวัดอ�ำนาจเจรญิ 37000
087-2391918
94 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
เครือข่ายนันทนาการ
ว่าวไทย
อ�ำเภอแกลง
จังหวัดระยอง
ว่าวไทย จากอดีตสู่ปัจจุบัน
“วา่ ว ถอื เปน็ กฬี าประเภทหนง่ึ ทค่ี นไทยทกุ ชนชน้ั นยิ มเลน่ กนั ประวตั ศิ าสตร์
เล่าขานว่า การเล่นว่าวมีตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา มาจนถึงรัตนโกสินทร์
ในช่วงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อกำ�แพง
พระบรมมหาราชวังด้านทิศเหนือ โดยร่นเขตพระบรมมหาราชวังให้มีพื้นที่
เล็กลง เพื่อเพิ่มพื้นที่สนามหลวง ทำ�ให้สามารถเล่นว่าวสะดวกยิ่งขึ้น และ
พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แข่งขันว่าวพนันที่ท้องสนามหลวงได้
เมือ่ ถงึ ฤดแู ขง่ ขนั วา่ วพนนั ประชาชนจะไปชมกนั ทกุ เพศทกุ วยั ทอ้ งสนามหลวง
จึงเป็นที่ชุมนุมของนักเล่นว่าวพนันจากหลายๆ แห่ง” ข้อความนี้เป็นข้อความ
ในภาพที่แขวนไว้ในศาลามุงจาก จุดศูนย์รวมของชาวบ้าน หมู่บ้านบ้านนา
จังหวัดระยอง
96 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
“คุณลุงก่ำ� สุพรรณวงศ์” ผู้นำ�กลุ่มนันทนาการว่าวไทย มักจะนึกถึง
ความทรงจำ�ในวัยเด็กที่เคยเล่นว่าว จึงใช้เวลาว่างไปพร้อมผู้เฒ่าผู้แก่ใน
ชุมชนบ้านนา เรียนรู้เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการทำ�ว่าว จนเกิดความหลงใหล
ต่อการละเล่นพื้นบ้านแบบไทยๆ กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณลุงก่ำ�ตั้งกลุ่ม
นนั ทนาการวา่ วไทยในปีพ.ศ.2543เพอื่ รวบรวมคนรกั วา่ วกวา่ 120คนมาเลน่ วา่ ว
ในวันที่ลมดี ณ ลานกว้างในหมู่บ้านบ้านนา
“ว่าวจะลอยข้ึนฟ้าได้น้ัน หัวใจส�ำคัญคือ
โครงว่าวจะต้องมีน�้ำหนักเบา โค้งมนและ
สมดุล เพราะไม่สามารถบังคับลมให้เป็น
ด่ังใจได้”
คุณลุงก่�ำ สุพรรณวงศ์
ผู้น�ำเครอื ข่ายนันทนาการว่าวไทย
อ�ำเภอแกลง จังหวัดระยอง
รอบรู้นันทนาการ 97
อวดโฉม ว่าวไทย
ในวันว่างๆ สมาชิกกลุ่มนันทนการว่าวไทยจะมาพบปะกัน ณ ลานกว้างของ
หมู่บ้าน ใครที่มีว่าวอยู่แล้ว ก็จะนั่งคุย ทานอาหาร รอเวลาให้ลมพัดผ่านมา
พอจะขึน้ วา่ วได้ แตใ่ ครทีอ่ ยากไดว้ า่ วตวั ใหมก่ จ็ ะถอื อปุ กรณส์ �ำ หรบั ท�ำ วา่ วตดิ ตวั
มาด้วย จากนั้นก็เริ่มลงมือเหลาไม้ไผ่ ประดิษฐ์เป็น “ว่าวจุฬา ว่าวดุ๊ยดุ่ย
และว่าวนก”
“ว่าวจุฬา” ว่าวเอกลักษณ์ประจ�ำชาติไทย “ว่าวดุ๊ยดุ่ย” ดูเผินๆ คล้ายว่าวจุฬา
ลักษณะเหมือนดาว 5 แฉก โบยบินได้อย่าง แต่มักติดอุปกรณ์เสริมท่ีเรียกว่า
พล้วิ ไหวกว่าว่าวอ่ืนเมื่อโดนลม ลูกร้อง สร้างเสียง ดุ๊ย ดุ่ย ดุ๊ย ดุ่ย
เวลาลอยไปมาอยู่ในอากาศ
“ว่าวนก” เน้นออกแบบให้ลายและสีสัน
เหมือนตัวนกในธรรมชาติ
98 เครือข่ายนันทนาการกรมพลศึกษา
เตรียมอุปกรณ์ ทำ�ว่าว
ไม้ไผ่ต้องมีอายุ 5-6 ปี
เลือกใช้ต้นท่ีมีบรเิ วณข้อสีด�ำ “ยง่ิ ด�ำย่งิ ดี”
เพราะไม้จะไม่แข็งและไม่อ่อนเกินไป
กาวยาง เชือกไนลอนตามขนาดตัวของว่าว
กาวร้อน ถุงด�ำ ผ้าร่ม หรอื กระสอบปุ๋ย
กรรไกร (เลือกใช้วัสดุที่ค่อนข้างเหนียว
เม่ือกระทบกับลมจะไม่ขาด)
โครงว่าวจุฬา ต้องเบาถึงบินได้
1 เหลาไม้ไผ่สีสุข 5 ชิ้น เพื่อใช้เป็นโครงว่าวจุฬา
เทคนคิ เล็กๆ... ต้องเหลาให้ว่าวได้สมดุล
ไม่อย่างน้ันว่าวจะไม่ขึ้นไปโต้ลมแน่นอน
รอบรู้นันทนาการ 99