The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by poonyawee041030, 2021-07-12 11:32:51

อาณาจักรอยุธยาชั้นม.2

อาณาจักรอยุธยา

ชุมชนไทยก่อนการสถาปนาอาณาจักรอยุธยา











สุพรรณบุรี

แคว้นสุพรรณภูมิ …………………







เคยเป็นที่ตั้งชุมชนโบราณหลายแห่ง เช่น เมืองอู่ทอง




มีอ านาจอยู่ด้านตะวันตกของแม่น้ าเจ้าพระยา และมีอิทธิพลจนถึง




ตอนใต้บริเวณเมืองนครศรีธรรมราช




มีการนับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทลัทธิลังกาวงศ์ และ




พระพุทธศาสนานิกายมหายาน เช่น พระปรางค์ที่วัดมหาธาตุ

ชุมชนไทยก่อนการสถาปนาอาณาจักรอยุธยา












ลพบุรี

แคว้นละโว้ …………………






ได้รับอิทธิพลของทวารวดี มีความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนา




นิกายเถรวาทรับวัฒนธรรมขอมในภายหลัง มีการยอมรับนับถือศาสนา




พราหมณ์-ฮินดูและพระพุทธศาสนานิกายมหายาน





มีอ านาจอยู่ด้านตะวันออกของแม่น้ าเจ้าพระยา

การสถาปนาอาณาจักรอยุธยา
















สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1



พระเจ้าอู่ทอง
……………………………………..






(พ.ศ. 1857 - พ.ศ. 1912)




พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก
เป็น………………………………………………





ในราชวงศ์อู่ทอง

ปัจจัยส าคัญในการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี












1. ท าเลที่ตั้งของ กรุงศรีอยุธยาที่เหมาะสม








2. การเสื่อมอ านาจของอาณาจักรเขมร






3. ความสะดวกในการค้าขายกับต่างชาติ อยู่ใกล้ปากแม่น้ า



และทะเล








4. ความสัมพันธ์กับแคว้นสุพรรณภูมิและแคว้นละโว้

1. แม่น้ าลพบุรี












2. แม่น้ าป่าสัก

















3. แม่น้ าเจ้าพระยา

ปัจจัยที่มีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักร
















ได้รับอารยธรรมเดิมก่อนมี สภาพภูมิประเทศตั้งอยู่





การตั้งอาณาจักรมาปรับใช้เข้า บริเวณที่ราบลุ่มมีแม่น้ าไหลผ่าน




กับอารยธรรมใหม่ที่อยุธยาสร้าง จึงเหมาะแก่การเพาะปลูกและ





ขึ้นมา ค้าขาย

ปัจจัยที่มีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักร
















สภาพภูมิอากาศตั้งอยู่ในเขต มีทรัพยากรธรรมชาติอุดม





ร้อนชื้นมีลมมรสุมพัดผ่าน ท าให้ สมบูรณ์ เช่น ผักผลไม้ ปลาน้ า




มีฝนตกชุก ส่งผลให้มีแหล่งน้ า จืดและปลาทะเล แร่ธาตุ ไม้หา





อุดมสมบูรณ์ ยาก ซึ่งเป็นที่ต้องการของพ่อค้า




ต่างชาติ

ปัจจัยที่มีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักร
















การตั้งอยู่กึ่งกลางเส้นทางเดินเรือ





ระหว่างอินเดียกับจีนจึงได้ พระปรีชาสามารถของ




ประโยชน์จากการค้าขายและรับ พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์





อารยธรรมจากจีนและอินเดีย

พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง















































กษัตริย์สมัยอยุธยา

พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง













กรุงศรีอยุธยามีการปกครองถือว่ากษัตริย์เป็นสมมติเทพ





ทรงไวซึ่งพระราชอ านาจสูงสุดเหนือทุกสิ่ง กรุงศรีอยุธยา



417
เป็นราชธานีถึง…………………..ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครอง




33
ทั้งหมด………………………พระองค์ และราชวงศ์ที่ปกครอง






ทั้งหมด 5 ราชวงศ์

รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนต้น












ลพบุรี

การบริหารราชการแผ่นดินส่วนกลาง




กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีและ




เป็นศูนย์กลางการปกครอง มีการ อยุธยา




ก าหนดให้มีเมืองหน้าด่านทั้ง 4 ทิศ สุพรรณบุรี นครนายก




เพื่อป้องกันข้าศึกก่อนที่ข้าศึกจะจู่โจมตี




ราชธานี พระประแดง

รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนต้น








จตุสดมภ์



เขตราชธานีที่กรุงศรีอยุธยา มีเสนาบดี 4 ต าแหน่ง เรียกว่า…………………









ขุนเวียง (กรมเมือง) มีหน้าที่ ขุนวัง (กรมวัง) มีหน้าที่





ปกครองท้องที่รักษาความ เกี่ยวกับราชส านักและ





สงบ ปราบปรามผู้ร้าย พิจารณาพิพากษาคดีความ




แก่ราษฎร

รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนต้น








จตุสดมภ์



เขตราชธานีที่กรุงศรีอยุธยา มีเสนาบดี 4 ต าแหน่ง เรียกว่า…………………











ขุนคลัง (กรมคลัง มีหน้าที่ ขุนนา (กรมนา) มีหน้าที่ดูแลการ
)



ควบคุมดูแลรักษาผลประโยชน์ ท าไร่นาและรักษาเสบียงอาหาร




แผ่นดินตลอดรายรับรายจ่าย ส าหรับพระนคร




และเก็บรักษาราชทรัพย์

รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนต้น










การบริหารราชการแผ่นดินส่วนหัวเมือง





หัวเมืองชั้นใน อยู่ไม่ไกลจากราชธานี ทางราชธานีจะแต่งตั้ง “ผู้รั้ง” ไป


ปกครอง เช่น เมืองราชบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท





หัวเมืองชั้นนอก (เมืองพระยามหานคร)


อยู่ห่างไกลจากราชธานี มีเจ้าเมืองที่สืบทอดทางสายเลือดเป็นผู้ปกครอง




หัวเมืองประเทศราช มีการปกครองเป็นอิสระ แก่ตนเอง ต้องส่ง


เครื่องราชบรรณาการไปถวายพระมหากษัตริย์อยุธยา เช่น

ราชธานี
เมืองนครศรีธรรมราช สุโขทัย

รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนปลาย












การบริหารราชการแผ่นดินส่วนกลาง





สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงแบ่งส่วนราชการที่มีหน้าที่






บริหารราชการแผ่นดินและควบคุมก าลังคนออกเป็น 2 ฝ่าย



อัครมหาเสนาบดี
โดยมี………………………………………………………….รับผิดชอบ

รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนปลาย










การบริหารราชการแผ่นดินส่วนกลาง








พระมหากษัตริย์











สมุหพระกลาโหม สมุหนายก








ดูแลกิจการฝ่ายทหาร ดูแลฝ่ายพลเรือนทั่วราชอาณาจักร




ทั่วราชอาณาจักร รวมทั้งจตุสดมภ์

รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนปลาย












การบริหารราชการแผ่นดินส่วนหัวเมือง





หัวเมืองชั้นใน ยกเลิกเมืองลูกหลวงทั้ง 4 ทิศ และขยายขอบเขตการปกครอง


ของราชธานีให้กว้างออกไป โดยให้รวมเข้ากับเมืองในวงราชธานี เป็นเมือง


ชั้นจัตวา มีผู้รั้งกับกรมการเมืองปกครอง




หัวเมืองชั้นนอก (เมืองพระยามหานคร)


มีการจัดเมืองเป็นชั้นเอก ชั้นโท ชั้นตรี พระมหากษัตริย์จะแต่งตั้งขุน

นางชั้นสูงไปเป็นผู้ส าเร็จราชการเมือง





หัวเมืองประเทศราช ลักษณะการปกครองยังคงเป็นแบบเดียวกับ


สมัยอยุธยาตอนต้น เช่น เมืองทวาย ตะนาวศรี เชียงกราน เขมร

รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนปลาย












รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนปลาย







พระมหากษัตริย์










สมุหพระกลาโหม สมุหนายก








ดูแลหัวเมืองฝ่ายใต้ทั้งกิจการทหารและพลเรือน ดูแลหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งกิจการ ทหารและพลเรือน


รวมทั้งจตุสดมภ์ และให้กรมคลังดูแลหัวเมืองชายทะเล


ตะวันออกทั้งกิจการทหารและพลเรือน และกรมคลัง

พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ













ปัจจัยที่ส่งเสริมความเจริญทางเศรษฐกิจ







ท าเลที่ตั้งหัวเมืองต่างๆใกล้เคียง ซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูก





โดยเฉพาะการปลูกข้าว






การอยู่ใกล้อ่าวไทย ท าให้พ่อค้าต่างชาติติดต่อค้าขายกับ





อยุธยาได้สะดวก

พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ

















ปัจจัยที่ส่งเสริมความเจริญทางเศรษฐกิจ





พระบรมราโชบายของ





พระมหากษัตริย์ ช่วยดึงดูดให้พ่อค้า





ต่างชาติเข้ามาค้าขายกับอยุธยา

พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ










เกษตรกรรม

ลักษณะทางเศรษฐกิจ……………………………..








จากท าเลที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยาเหมาะแก่การ




ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ผลิตผลทางการเกษตร




ที่ส าคัญ คือ ข้าว นอกจากนี้ยังมีผลิตผลจากป่า




เช่น ไม้ฝาง นอแรด งาช้าง ครั่ง หนังสัตว์ ยางสน




ไม้กฤษณา เป็นต้น

พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ










เกษตรกรรม

ลักษณะทางเศรษฐกิจ……………………………..






พระคลังสินค้า

เป็นรายได้ส าคัญของหลวง คือ ……………………….






ผูกขาดการจ าหน่ายสินค้า ต้องห้าม เช่น ไม้กฤษณา






ไม้สัก งาช้าง

พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ








เกษตรกรรม
ลักษณะทางเศรษฐกิจ……………………………..




การค้ากับต่างประเทศเป็นการค้าโดยใช้เรือส าเภา ซึ่ง




ด าเนินการโดยพระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์




ขุนนาง และพ่อค้าจีนที่เกี่ยวข้องกับการค้าส าเภา




นอกจากนี้อยุธยายังติดต่อค้าขาย




กับชาวตะวันตกด้วย ได้แก่




โปรตุเกสฮอลันดา อังกฤษ และฝรั่งเศส

รายได้ของแผ่นดินในสมัยอยุธยา














จังกอบ อากร






รายได้ที่เกิดจากการเก็บส่วน
รายได้ที่เก็บตามด่านขนอน




ทั้งทางบกและทางน้ าโดย ผลประโยชน์ในการประกอบอาชีพ




เก็บชักส่วนสินค้า ต่างๆของราษฎร เช่น การท านา


ท าไร่ ท าสวน

รายได้ของแผ่นดินในสมัยอยุธยา











ส่วย ฤชา







รายได้จากสิ่งของ เงินทองที่




ราษฎรน ามาให้กับทางราชการ รายได้จากค่าธรรมเนียมที่ทาง




แทนการถูกเกณฑ์แรงงาน เช่น ราชการเก็บจากราษฎร




ส่วยดีบุก

รายได้ของแผ่นดินในสมัยอยุธยา







เงินตรา






เงินด้วง

…………………………ประทับตราต่างๆ ซึ่งผลิต




จากทองค าและเงินและมีราคาต่างๆ ตามค่า




ของเงินตรง คือ ชั่ง ต าลึง บาท สองสลึง




สลึง เฟื้อง สองไฟและไพ มีเงินตราในระดับต่ า




สด คือ เบี้ย

พัฒนาการด้านสังคม













สังคมศักดินาสมัยอยุธยา





ศักดินา หมายถึง เครื่องก าหนดสิทธิและหน้าที่






ของบุคคลในสังคม






เช่น ผู้มีศักดินา 400 ขึ้นไปมีสิทธิเข้าเฝ้าได้ แต่ต่ ากว่า 400




ไม่มีสิทธิเข้าเฝ้า

พัฒนาการด้านสังคม












ชนชั้นปกครอง






พระมหากษัตริย์





สมมติเทพจากเขมรโบราณมา



เสริมสร้างเสถียรภาพของสถาบันกษัตริย์




กษัตริย์เป็นเจ้าชีวิตคือ เจ้าอยู่หัว เป็นเจ้า



แผ่นดิน คือ พระเจ้าแผ่นดิน

พัฒนาการด้านสังคม















ชนชั้นปกครอง







ราชวงศ์




เจ้านายในราชสกุลมีศักดิ์




ลดหลั่นตามหลักการสืบราชสกุล

พัฒนาการด้านสังคม












ชนชั้นปกครอง




ขุนนาง




ผู้รับนโยบายจากพระมหากษัตริย์มาด าเนินการบริหารราชการต าแหน่งหน้าที่



ต่าง ๆ ฐานะขุนนางจะอยู่ในระดับใดขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ส าคัญ คือ ศักดินา ยศ



บรรดาศักดิ์ ต าแหน่ง และราชทินนาม



พระภิกษุสงฆ์



บุคคลที่สืบทอดพระพุทธศาสนาซึ่งได้รับการยกย่องและศรัทธาจาก



บุคคลทุกชนชั้น

พัฒนาการด้านสังคม











ชนชั้นผู้ถูกปกครอง






ไพร่ ราษฎรที่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานให้กับทางราชการทั้งในยามปกติและ




ยามสงคราม และต้องสังกัดมูลนายประชาชนที่เป็นไททั้งชายและหญิง




เป็นแรงงานของบ้านเมือง ไพร่แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ




1. ไพร่หลวง




2. ไพร่สมก าลังพล

ไพร่หลวง ไพร่ที่เป็นสมบัติของกษัตริย์ แต่มอบให้อยู่ภายใต้การ




ปกครองของเจ้านายหรือขุนนาง ส าหรับไพร่หลวงที่ผลิต




หรือจัดหาสิ่งของให้ทางการเรียก ไพร่ส่วย








ไพร่สมก าลังพล ไพร่ที่มีมูลนายเจ้าสังกัดของตนโดยเฉพาะ









ไพร่ อาจเปลี่ยนสถานภาพของตนให้สูงขึ้นได้โดยเป็นขุนนางหรือ




บวชเป็นภิกษุ และอาจมีฐานะต่ าลงเป็นทาส

พัฒนาการด้านสังคม












ชนชั้นผู้ถูกปกครอง







ทาส





บุคคลที่มิได้มีกรรมสิทธิ์ใน




แรงงานและชีวิตของตนเอง ต้องตกเป็น




ของนายจนกว่าจะได้ไถ่ตัว

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ













ความสัมพันธ์กับสุโขทัย







การใช้นโยบายการสร้างไมตรี การเผชิญหน้าทางทหาร (มาตั้งแต่




สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 และ สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1




(ขุนหลวงพงั่ว) และนโยบายการสร้างความสัมพันธ์ทางเครือญาติ




โดยอยุธยาใช้การเผชิญหน้าทางทหารกับสุโขทัย

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับสุโขทัย





สมัยสมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์) ทรงแก้ไขปัญหาจลาจลที่




สุโขทัย ท าให้สุโขทัยกลับมาอยู่ใต้อ านาจของอยุธยา และทรงสร้างความสัมพันธ์



ทางเครือญาติโดยให้พระราชโอรส คือ เจ้าสามพระยาอภิเษกกับเจ้าหญิงเชื้อสาย




ราชวงศ์พระร่วง

สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
…………………………………………………………….. ทรงผนวกรวมสุโขทัยเข้าเป็น



ส่วนหนึ่งของอยุธยา

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับล้านนา






ลักษณะการเผชิญหน้าทางทหาร สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1




เป็นต้นมา อยุธยาได้รบกับล้านนาเพื่อให้มาอยู่ในอ านาจแต่ไม่ประสบความส าเร็จ



สมัยสมเด็จพระชัยราชาธิราช อยุธยาได้ยึดล้านนาเป็นเมืองประเทศราช




แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นเมืองประเทศราชของพม่า

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับล้านนา





สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อยุธยาได้




ล้านนากลับมาเป็นเมือง ประเทศราช หลังจาก



สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นต้นไป ล้านนา




ก็เริ่มแยกตัวเป็นอิสระบ้าง เป็นประเทศราชของ



พม่าบ้าง ของอยุธยาบ้าง ตามการขยายอ านาจ

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับพม่า





ลักษณะความสัมพันธ์เป็นการเผชิญหน้าทางทหาร โดยเริ่มต้น





ในสมัยสมเด็จพระชัยราชาธิราช อยุธยาได้ช่วยเมืองเชียงกรานของ





มอญที่ขึ้นกับอยุธยารบกับพม่า สมัยสมเด็จพระมหาธรรม





ราชาธิราช พระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับพม่า





สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงท าสงครามยุทธหัตถีกับพระมหา




อุปราชาของพม่า หลังสมัยนี้ไปอยุธยาว่างเว้นสงครามกระทั่งภายหลังพม่า







ยกทัพมาอีกจนสามารถยึดครองกรุงศรีอยุธยาได้ใน




พ.ศ. 2310
………………………………………………………………………………….

ตัวอย่างสงครามระหว่างอยุธยากับพม่าครั้งส าคัญ


















































คราวสมเด็จพระสุริโยทัยขาดคอช้าง พ.ศ. 2091

ตัวอย่างสงครามระหว่างอยุธยากับพม่าครั้งส าคัญ



















































สงครามประกาศอิสรภาพ พ.ศ. 2127

ตัวอย่างสงครามระหว่างอยุธยากับพม่าครั้งส าคัญ






















































สงครามยุทธหัตถี พ.ศ. 2135

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับหัวเมืองมอญ





ความสัมพันธ์มีทั้งการค้า การผูกสัมพันธไมตรี และการเมือง




ผู้น าอยุธยาได้ขยายอ านาจเข้าครอบครองเมืองท่าของมอญแถบชายฝั่ง



ทะเลอันดามันเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า




อยุธยายังให้ที่พึ่งพิงแก่ชาวมอญที่อพยพหนีภัยสงครามจากพม่าด้วย ทั้งน ี้



เพื่อที่อยุธยาจะได้อาศัยมอญเป็นด่านหน้าปะทะกับพม่าก่อนจะยกทัพมาถึง



อยุธยา

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับเขมร





ลักษณะความสัมพันธ์มีทั้งการเผชิญหน้าทางทหาร การเมือง และ




วัฒนธรรม สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ยกทัพไปตีเขมร และกวาดต้อนชาว



เขมรบางส่วนมาไว้ในเขตไทย ท าให้อยุธยาได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมเขมรด้วย




สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ยึดราชธานีเขมรที่นครธม



และทรงแต่งตั้งพระนครอินทร์ พระราชโอรสไปครองเขมร ปกครองไม่นานก็ถูก



เขมรลอบปลงพระชนม์

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับเขมร





สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ไทยติดพันสงครามกับพม่า เขมรได้ถือ




โอกาสยกทัพมาตีไทย สมัยสมเด็จพระนเรศมหาราชทรงยกทัพไปตีเมืองละแวก



ราชธานีเขมรขณะนั้นได้ และหลังจากสมัยนี้ เขมรเริ่มตั้งตัวเป็นอิสระ และใน




ตอนปลายสมัยอยุธยา เขมรได้อ่อนน้อมต่ออยุธยาบ้าง ญวนบ้าง จนกระทั่ง



เสียกรุงใน พ.ศ. 2310 เขมรจึงเป็นอิสระ

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับล้านช้าง




ความสัมพันธ์เป็นการผูกสัมพันธไมตรี สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ




ไทยกับล้านช้าง เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งล้านช้างแต่งตั้งทูตมากราบทูล




ขอพระเทพกษัตรีไปเป็นพระอัครมเหสี แต่ถูกพระเจ้าบุเรงนองส่งทหารมาชิง




ตัวไปเสียก่อน อยุธยายังคงรักษาสัมพันธไมตรีอันดีเอาไว้ จนกระทั่งเสียกรุง




ศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่ 1 ท าให้ความสัมพันธ์ลดน้อยลงไป

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับญวน




เกิดในสมัยอยุธยาตอนปลายลักษณะความสัมพันธ์จะเป็นการเผชิญหน้า




ทางทหาร เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่เหนือเขมร




สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ เกิดเหตุการณ์แตกแยกภายในเขมร




อยุธยาและญวนต่างสนับสนุนแต่ละฝ่าย ท าให้ไทยกับญวนต้องท าสงคราม




ระหว่างกัน ในที่สุดอยุธยาชนะและได้เขมรมาอยู่ใต้อ านาจ ไม่นานญวนก็เข้าไป




มีอิทธิพลเหนือเขมรอีก อยุธยาจึงต้องยกทัพไปตีเขมร

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับหัวเมืองมลายู






ความสัมพันธ์มีทั้งการค้า การเผชิญหน้าทางทหาร และการผูกสัมพันธไมตรี




สมัยอยุธยาตอนต้น อยุธยาส่งกองทัพไปรบกับมะละกาซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้า



ส าคัญบริเวณคาบสมุทรมลายู ซึ่งอยุธยาควบคุมหัวเมืองมลายู ปัตตานี ไทรบุรี



ผ่านทางเมืองนครศรีธรรมราช ได้ผลประโยชน์ทางเครื่องราชบรรณาการแล้วยังได้ผล




ประโยชน์ทางการค้าขายอีกด้วย

พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ












ความสัมพันธ์กับจีน




แบบรัฐบรรณาการ
ความสัมพันธ์เป็น…………………………………………….




และด้านการค้า ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ที่ทรง




ขึ้นครองราชย์มักจะแต่งตั้งคณะทูตน าเครื่องราช




บรรณาการไปยังจีน เพื่อให้จีนรับรองเพื่อผลประโยชน์




ทางการค้าและเพื่อความชอบธรรมในการเสด็จขึ้น




ครองราชย์


Click to View FlipBook Version