The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และ 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย ก่อนและหลังการจัด การเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/7 จำนวน 43 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม (Cluster Random Sampling) และในห้องเรียนนั้นมีนักเรียนคละความสามารถ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 7 แผน ผ่านการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด และ 2) แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Yanisa Duangsuwan, 2024-06-14 02:41:46

การพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และ 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย ก่อนและหลังการจัด การเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/7 จำนวน 43 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม (Cluster Random Sampling) และในห้องเรียนนั้นมีนักเรียนคละความสามารถ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 7 แผน ผ่านการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด และ 2) แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ

42 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย และความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณสูงกว่านักเรียนที่ได้รับ การสอนแบบเดิมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นิภาพร ฟูใจ (2563) ได้ศึกษาเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามวิธีการสอนแบบ SQ4R ร่วมกับผังสัมพันธ์ทางความหมาย เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์วรรณคดี สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามวิธีการสอนแบบ SQ4R ร่วมกับผังสัมพันธ์ทางความหมาย เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์วรรณคดี สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์วรรณคดีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามวิธีการสอนแบบ SQ4R ร่วมกับผัง สัมพันธ์ทางความหมาย และ 3) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์วรรณคดีของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามวิธีการสอนแบบ SQ4R ร่วมกับ ผังสัมพันธ์ทางความหมายกับเกณฑ์ร้อยละ 70 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ห้อง 10 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวนนักเรียน 42 คน ซึ่งมาจากการสุ่มอย่างง่ายด้วย วิธีการจับสลาก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบวัดความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์วรรณคดี และ รูปแบบการเรียนการสอนตามวิธีการสอนแบบ SQ4R ร่วมกับผังสัมพันธ์ทางความหมาย สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการ พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามวิธีการสอนแบบ SQ4R ร่วมกับผังสัมพันธ์ทางความหมาย เพื่อส่งเสริม ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์วรรณคดี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความเหมาะสมระดับ มากที่สุด (X̄ = 4.54 , S.D. = 0.21) 2) ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์วรรณคดีด้วยรูปแบบการเรียน การสอนตามวิธีการสอนแบบ SQ4R ร่วมกับผังสัมพันธ์ทางความหมาย หลังการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการ จัดการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์วรรณคดีด้วย รูปแบบการเรียนการสอนตามวิธีการสอนแบบ SQ4R ร่วมกับผังสัมพันธ์ทางความหมาย หลังการจัดการเรียนรู้ สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 8.1.2 งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ นงเยาว์ เพียรชนะ (2556) ได้ศึกษาเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณกรรมร่วมสมัย โดยใช้คำถาม หมวกความคิดหกใบที่มีต่อความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและคุณลักษณะความพอเพียง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือ 1) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านการอ่านอย่างมี วิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณกรรมร่วมสมัยโดยใช้ คำถามหมวกความคิดหกใบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านการอ่านอย่างมี วิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณกรรมร่วมสมัยโดยใช้ คำถามหมวกความคิดหกใบระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อศึกษาคุณลักษณะความพอเพียงของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณกรรมร่วมสมัยโดยใช้คำถามหมวก ความคิดหกใบ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555 โรงเรียนหนอง หลวงประชาบำรุง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 จำนวน 21 คน เครื่องมือใน การศึกษาค้นคว้าได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณกรรมร่วมสมัยโดยใช้คำถามหมวกความคิดหกใบ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 7 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการอ่านอย่างมี วิจารณญาณ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และแบบประเมินคุณลักษณะความ พอเพียงแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย


43 ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วย One Sample t-test และ t-test (Dependent Samples) ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏดังนี้ 1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้วรรณกรรมร่วมสมัยโดยใช้คำถามหมวกความคิดหกใบมีความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณกรรมร่วมสมัยโดยใช้คำถามหมวกความคิดหกใบ มีความสามารถด้านการอ่าน อย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณกรรมร่วมสมัยโดยใช้คำถามหมวกความคิดหกใบ มีคะแนน คุณลักษณะความพอเพียงอยู่ในระดับมาก นิภา สมสอน (2558) ได้ศึกษาเรื่อง การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหมวกหกใบ เพื่อพัฒนา ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหมวกหกใบ เพื่อพัฒนาความสามารถใน การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนภาษาไทยของ นักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหมวกหกใบ สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้ เทคนิคหมวกหกใบ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 4 (วัดโพธาวาส) สังกัด สำนักการศึกษาเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 38 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหมวกหกใบ เพื่อพัฒนาความสามารถใน การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธย มศึกษาปีที่ 2 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อ การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหมวกหกใบ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบสมมุติฐาน t-test (Dependent Samples) ผลการวิจัยพบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหมวกหกใบ เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพ (E1/ E2) เท่ากับ 82.15/85.96 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ 2) นักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค หมวกหกใบ มีความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .01 และ 3) นักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหมวกหกใบ มีระดับ ความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก วัรดาตี มามะ (2562) ได้ศึกษาเรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การพัฒนาทักษะการอ่านอย่างมี วิจารณญาณด้วยวิธีสอนแบบ KWL-Plus กับวิธีสอนแบบหมวก 6 ใบ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสังคมอิสลามวิทยา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วย วิธีสอนแบบ KWL-Plus กับวิธีสอนแบบหมวก 6 ใบ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง ม.3/7 โรงเรียนสังคมอิสลามวิทยา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ที่ศึกษาในปีการศึกษา 2562 จำนวน 24 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้การอ่านอย่างมี วิจารณญาณวิชาภาษาไทยด้วยวิธีสอนแบบ KWL-Plus สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) แผนการ จัดการเรียนรู้การอ่านอย่างมีวิจารณญาณวิชาภาษาไทยด้วยวิธีสอนแบบหมวก 6 ใบ สำหรับนักเรียนชั้น


44 มัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 3) แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณก่อนเรียนและหลังเรียน สถิติที่ใช้ ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าสถิติที ผลการวิจัย พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้แบบหมวก 6 ใบ กับการจัดการเรียนรู้แบบ KWLPlus สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความแตกต่างกัน เนื่องจากนักเรียนที่เรียนด้วยการสอนด้วย วิธีการจัดการเรียนรู้แบบหมวก 6 ใบ มีการคิดวิเคราะห์สูงกว่านักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ KWL-Plus อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผลสัมฤทธิ์การอ่านอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนโดย วิธีการจัดการเรียนรู้แบบหมวก 6 ใบ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าประสิทธิผลของการอ่านอย่างมี วิจารณญาณวิชาภาษาไทยโดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ KWL-Plus แสดงให้เห็นว่าวิธีการสอนแบบหมวก 6 ใบ มีความเหมาะสมที่จะใช้พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายการจัดการเรียนรู้ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 8.2 งานวิจัยในต่างประเทศ ฮานี (Hani : 2016) ได้ศึกษาเรื่อง ผลกระทบของหมวกความคิดหกใบและการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการพูด ซึ่งต้องการให้นักเรียนคิดและอภิปรายปัญหาจากมุมมองที่ต่างกัน วัตถุประสงค์ของ การศึกษานี้คือ เพื่อค้นหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการพูดของนักเรียนหลังจากได้รับการสอนโดยใช้หมวก ความคิดหกใบ การคิดเชิงวิพากษ์ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การพูดของนักเรียน และผลสัมฤทธิ์ทางการพูด ของนักเรียนที่มีระดับการวิจารณ์สูง กลาง และต่ำ การศึกษานี้ใช้การออกแบบแฟกทอเรียล ซึ่งเกี่ยวข้องกับ กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ได้แก่ นักเรียน 48 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มทดลองและ กลุ่มควบคุมเท่า ๆ กัน ผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า กลุ่มทดลองมีผลสัมฤทธิ์ทางการพูดดีขึ้นกว่ากลุ่มควบคุม อย่างไรก็ตามมีผลต่อปฏิกิริยาที่มีนัยสำคัญบางส่วนจากหมวกความคิดหกใบ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการพูด ซึ่งอยู่ที่ด้านการออกเสียง นอกจากนี้ ผลการศึกษาค้นคว้ายังพบว่า ระดับการคิดเชิงวิพากษ์ของนักเรียนในกลุ่มทดลองมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในด้านความเข้าใจ การออกเสียง และความคล่องแคล่ว พุนโชและวังดี (Phuntsho & Wangdi : 2019) ได้ศึกษาเรื่อง ผลของการใช้กลยุทธ์การคิดแบบ หมวกหกใบต่อการพัฒนาทักษะการเขียนและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน EFL เกรดเจ็ด มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการใช้กลยุทธ์การคิดแบบหมวกหกใบต่อการพัฒนาทักษะการเขียนและความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียน EFL เกรดเจ็ด ใช้รูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง ก่อนการทดสอบและหลังการทดสอบ กลุ่มตัวอย่างที่ ใช้ ได้แก่ นักเรียน EFL เกรดเจ็ด จำนวน 65 คน (กลุ่มควบคุม 34 คน กลุ่มทดลอง 31 คน) กำลังศึกษาอยู่ใน โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นแห่งหนึ่งในสังกัดอำเภอตอซา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ แบบทดสอบความสามารถในการเขียนสำหรับทั้งสองกลุ่ม เพื่อกำหนดความแตกต่างในการเรียนรู้ ทดสอบทักษะการเขียนภาษาอังกฤษสำหรับกลุ่มทดลอง สอนโดยใช้การคิดแบบหมวกหกใบ ขณะที่ กลุ่มควบคุมเป็นการสอนโดยใช้วิธีการแบบเดิม การทดสอบค่า t สำหรับการทดสอบก่อนหน้า พบว่าไม่มี ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสองกลุ่ม แสดงถึงความสามารถในการเรียนรู้ในตอนเริ่มต้น (p = .78) อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์หลังการทดสอบเผยให้เห็นความแตกต่างที่มีนัยสำคัญทางสถิติระหว่าง คะแนนเฉลี่ยของทักษะการเขียนต่อกลุ่มทดลอง (M = 15.17 , S.D. = 2.23) มากกว่ากลุ่มควบคุม (M = 11.89 , S.D. = 2.46) ที่ p = .00 แสดงถึงพัฒนาการด้านการเขียนของนักเรียน ทักษะและความคิด สร้างสรรค์ เนื่องจากการใช้เทคนิคการคิดแบบหมวกหกใบ


45 จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า การพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์วิจารณ์ วรรณคดีไทย โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ที่ส่งผลต่อความสามารถในการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีไทยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยของ นักเรียนให้อยู่ในระดับดี นักเรียนสามารถวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีไทยจากเรื่องที่เรียนได้ ผู้วิจัยจึงเลือกการ จัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบมาใช้ในการพัฒนาความสามารถการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีไทย ให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น ดังจะเห็นได้จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทยของกลุ่มที่ได้รับการ จัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบที่มีคะแนนหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการ จัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบเกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนในด้านทักษะการวิเคราะห์วิจารณ์และ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้เป็นไปในทางที่ดี


บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย การศึกษาวิจัย เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นการวิจัยเชิงทดลองเบื้องต้น (Pre-experimental Design) รูปแบบกลุ่มทดลอง กลุ่มเดียว, วัดผลก่อนและหลังการทดลอง (The single group, pretest - posttest Design) ผู้วิจัยได้กำหนด วิธีการในการดำเนินการวิจัยเป็นขั้นตอน ดังนี้ 1. การกำหนดประชากรและตัวอย่าง 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3. การสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล 5. การวิเคราะห์ข้อมูล 6. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1.การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1.1 ประชากร ประชากรได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/6 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/8 โรงเรียนกัลยาณวัตร จังหวัดขอนแก่น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 3 ห้องเรียน รวมนักเรียน 129 คน 1.2 ตัวอย่าง ตัวอย่างได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/7 โรงเรียนกัลยาณวัตร จังหวัดขอนแก่น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 43 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยใน การสุ่ม (Cluster Random Sampling) และในห้องเรียนนั้นมีนักเรียนคละความสามารถ 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ได้แบ่งการสร้างเครื่องมือออกเป็น 2 ชนิด คือ 2.1 แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ 2.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 ข้อ ซึ่งเป็นแบบทดสอบอิงเกณฑ์ ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก 3. การสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3.1 การสร้างและหาคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก 1. ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย และโครงสร้างรายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2


47 2. วิเคราะห์หลักสูตรเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ตัวชี้วัด จุดประสงค์เนื้อหา วิธีการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ และการวัดผลประเมินผล 3. ศึกษาองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้จากเอกสารและ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิด แบบหมวกหกใบ 4. ดำเนินการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก โดยใช้ การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ จำนวน 7 แผนการจัดการเรียนรู้ ใช้เวลาจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ 7 ชั่วโมง โดยมีส่วนประกอบดังนี้ 4.1 สาระสำคัญ 4.2 มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 4.3 จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.4 สาระการเรียนรู้ 4.5 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.6 สมรรถนะของผู้เรียน 4.7 กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ 4.8 สื่อ / แหล่งการเรียนรู้ 4.9 การวัดผลและประเมินผล 4.10 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ได้มีการกำหนดโครงสร้าง มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สาระสำคัญ และจำนวนชั่วโมงของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ดังตารางที่ 4 ตารางที่ 4 มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สาระสำคัญ และจำนวนชั่วโมงของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แผนที่ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สาระสำคัญ จำนวน ชั่วโมง 1 ท 5.1 ม.2/1 สรุปเนื้อหาวรรณคดี และวรรณกรรมที่อ่านในระดับที่ ยากขึ้น ความเป็นมาของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก (หมวกสีขาว) 1 2 ท 5.1 ม.2/1 สรุปเนื้อหาวรรณคดี และวรรณกรรมที่อ่านในระดับที่ ยากขึ้น เรื่องย่อของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทก (หมวกสีขาว) 1 3 ท 2.1 ม.2/7 เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโต้แย้งในเรื่องที่ อ่านอย่างมีเหตุผล เนื้อเรื่องของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทก (หมวกสีแดง) 1


48 แผนที่ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สาระสำคัญ จำนวน ชั่วโมง 4 ท 2.1 ม.2/7 เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโต้แย้งในเรื่องที่ อ่านอย่างมีเหตุผล เนื้อเรื่องของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทก (หมวกสีดำ) 1 5 ท 2.1 ม.2/7 เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโต้แย้งในเรื่องที่ อ่านอย่างมีเหตุผล เนื้อเรื่องของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทก (หมวกสีเหลือง) 1 6 ท 5.1 ม.2/2 วิเคราะห์และวิจารณ์ วรรณคดี วรรณกรรม และ วรรณกรรมท้องถิ่นที่อ่าน พร้อมยกเหตุผลประกอบ เนื้อเรื่องของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทก (หมวกสีเขียว) 1 7 ท 3.1 ม.2/3 วิเคราะห์และวิจารณ์ เรื่องที่ฟังและดูอย่างมีเหตุผล เพื่อนำข้อคิดมาประยุกต์ใช้ใน การดำเนินชีวิต คุณค่าและข้อคิดของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก (หมวกสีน้ำเงิน) 1 รวม 7 แผน 7 ชั่วโมง 5. นำแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก โดยใช้การจัดการ เรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบที่ได้สร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา สาระ ความสอดคล้องของจุดประสงค์การเรียนรู้ ความเหมาะสมของภาษา ความครอบคลุมของเนื้อหา สาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด กระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ และการวัดผล ประเมินผล รวมถึงข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ประกอบด้วย 5.1 อาจารย์ ดร.รัญชนีย์ ศรีสมาน ตำแหน่ง อาจารย์ภาควิชาภาษาไทยและ ภาษาตะวันออก (สาขาวิชาภาษาไทย) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาและการใช้ภาษา 5.2 อาจารย์เบญจสิริ เจริญสวัสดิ์ ตำแหน่ง อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ วิทยาลัยสันตพล ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอน 5.3 นางนิชานันท์ สีหาอินทร์ตำแหน่ง หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนกัลยาณวัตร ผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและประเมินผลการศึกษา โดยประเมินผลตามวิธีของลิเคอร์ท (Likert) แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ กำหนดคะแนนการประเมินระดับความเหมาะสมดังนี้ 5 หมายถึง เหมาะสมมากที่สุด 4 หมายถึง เหมาะสมมาก 3 หมายถึง เหมาะสมปานกลาง


49 2 หมายถึง เหมาะสมน้อย 1 หมายถึง เหมาะสมน้อยที่สุด 6. นำแบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ที่ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (X̄) แล้วนำไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ เพื่อหาระดับคุณภาพความเหมาะสม ดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2545) กำหนดไว้ดังนี้ ค่าเฉลี่ย 4.51 – 5.00 หมายความว่า มีคุณภาพความเหมาะสมระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 3.51 – 4.50 หมายความว่า มีคุณภาพความเหมาะสมระดับมาก ค่าเฉลี่ย 2.51 – 3.50 หมายความว่า มีคุณภาพความเหมาะสมระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.51 – 2.50 หมายความว่า มีคุณภาพความเหมาะสมระดับน้อย ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.50 หมายความว่า มีคุณภาพความเหมาะสมระดับน้อยที่สุด ผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ ปรากฏว่า ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.83 อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด 7. นำแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก โดยใช้การจัดการ เรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบที่ได้รับการตรวจสอบประสิทธิภาพและปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะ ของผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว ไปทดลองใช้(Try out) กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/8 โรงเรียนกัลยาณวัตร ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 43 คนที่ไม่ใช่ตัวอย่าง เพื่อดูความเหมาะสมของเนื้อหา ภาษา เวลา และกิจกรรมการเรียนรู้ 8. ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของแผนการจัดการเรียนรู้ และนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการวิจัย เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลกับนักเรียนที่เป็นตัวอย่างต่อไป 3.2 การสร้างและหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลัง เรียน เรื่อง รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก 1. ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. ศึกษาทฤษฎี หลักการ และวิธีการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3. วิเคราะห์เนื้อหา ตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบ นนทก เพื่อกำหนดจำนวนข้อสอบแบบปรนัย (Multiple Choice) ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ เพื่อจะเลือกไว้ใช้จริง 30 ข้อ ดังตารางที่ 5


50 ตารางที่ 5 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เนื้อหา จุดประสงค์การเรียนรู้ จำนวนข้อสอบ ความรู้ ความจำ ความ เข้าใจ การ นำไปใช้ การ วิเคราะห์ การ สังเคราะห์ การ ประเมิน ค่า ทั้งหมด ใช้จริง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทก 13 6 1 14 1 5 40 30 อันดับ ความสำคัญ 2 3 5 1 5 4 4. สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก แบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ เสนออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ความสอดคล้อง ความครอบคลุมเนื้อหาจุดประสงค์การเรียนรู้และตัวชี้วัดตามแผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง 7 แผน แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะ 5. นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก ที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วนำเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญชุดเดิม จำนวน 3 ท่าน เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ความชัดเจน ของภาษา ความครอบคลุมเนื้อหา และประเมินความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยใช้สูตร IOC (Index of Item Objective Congruence) แล้วคัดเลือกข้อที่มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.50 ถึง 1.00 โดยใช้เกณฑ์การกำหนดคะแนนความคิดเห็น ดังนี้ (สมนึก ภัททิยธนี. 2546 : 220) ได้คะแนน +1 หมายถึง แน่ใจว่าแบบทดสอบนั้นสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ได้คะแนน 0 หมายถึง ไม่แน่ใจว่าแบบทดสอบนั้นสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ได้คะแนน -1 หมายถึง แน่ใจว่าแบบทดสอบนั้นไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 6. นำผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ค่าความสอดคล้อง ผลปรากฏว่าผู้เชี่ยวชาญ ประเมินค่า IOC แต่ละข้อมีค่าอยู่ระหว่าง 0.67 – 1.00 ถือได้ว่าข้อสอบสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 7. นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผ่านการประเมินความสอดคล้องมาปรับปรุง ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ แล้วคัดเลือกข้อสอบที่ต้องการนำไปใช้จริง จำนวน 30 ข้อ ตามความเหมาะสม กับเวลาและนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 8. นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ที่คัดเลือกแล้วไปทดลองใช้ (Try out) กับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2/8 โรงเรียนกัลยาณวัตร ปีการศึกษา 2566 จำนวน 43 คน ที่ไม่ใช่ตัวอย่าง แล้วนำผลมา วิเคราะห์หาคุณภาพของแบบทดสอบ ดังนี้ 8.1 วิเคราะห์หาค่าอำนาจจำแนก (r) เป็นรายข้อ โดยใช้วิธีของเบรนแนน (Brennan) (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 63-65) โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนก (r) 0.20 ถึง 1.00 ผลปรากฏว่ามีแบบทดสอบที่อยู่ในเกณฑ์มีค่าอำนาจจำแนก (r) 0.21 – 0.67 (ภาคผนวก ง หน้า 112)


51 8.2 วิเคราะห์หาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ โดยวิธีของโลเวทท์ (Lovett) (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 96) โดยใช้เกณฑ์ตั้งแต่ 0.70 ขึ้นไป ผลปรากฏว่าได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.73 (ภาคผนวก ง หน้า 113) 9. จัดพิมพ์แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบ นนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นฉบับสมบูรณ์ จำนวน 30 ข้อ แล้วนำไปใช้กับนักเรียนที่เป็นตัวอย่าง ในการวิจัยต่อไป 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ ปราบนนทก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/7 โรงเรียนกัลยาณวัตร ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 43 คน โดยผู้วิจัยจะดำเนินการทดลอง ด้วยตนเองตามขั้นตอน ดังนี้ 4.1 ออกแบบการทดลองโดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงทดลองเบื้องต้น (Pre-experimental Design) ซึ่งได้ดำเนินการทดลองตามแบบกลุ่มทดลองกลุ่มเดียว วัดผลก่อนและหลังการทดลอง (The single group, pretest – posttest Design) โดยมีแบบแผนการทดลอง ดังนี้ Ex T1 X T2 โดย Ex แทน การทดลอง X แทน การจัดกระทำตามการทดลอง (Treatment) T1 แทน การวัดผลก่อนการทดลอง (Pre-test) T2 แทน การวัดผลหลังการทดลอง (Post-test) 4.2 ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน (Pre-test) กับนักเรียนที่เป็นตัวอย่าง ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 30 ข้อ ใช้เวลาทดสอบ 1 ชั่วโมง 4.3 ผู้วิจัยชี้แจงและอธิบายกระบวนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ โดยอธิบายถึงความหมายของการคิดวิเคราะห์ในหมวกแต่ละสีให้นักเรียนเข้าใจและพร้อมที่จะศึกษาเรียนรู้ 4.4 ดำเนินการทดลองตามขั้นตอนของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก ใช้เวลาในการสอน 7 แผนการเรียนรู้ จำนวน 7 ชั่วโมง โดยใช้การ จัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ 4.5 ทำการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (Post-test) จำนวน 30 ข้อ ใช้เวลาทดสอบ 1 ชั่วโมง เมื่อสิ้นสุดการทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้ จากนั้นนำคะแนนที่ได้ไปวิเคราะห์ และแปลผลต่อไป 5. การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้นำผลการทดลองไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ ดังนี้ 5.1 วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ ปราบนนทก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้สูตร E1/E2 (ชัยยงค์ พรหมวงค์, 2556)


52 5.2 วิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลัง การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ โดยการทดสอบค่า t-test แบบ Dependent Samples (บุญชม ศรีสะอาด, 2553) 6. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. สถิติพื้นฐาน 1.1 ร้อยละ (Percentage) โดยใช้สูตร (บุญชม ศรีสะอาด, 2553) เมื่อ P แทน ร้อยละ f แทน ความถี่ที่ต้องการแปลงให้เป็นร้อยละ N แทน จำนวนข้อมูลทั้งหมด 1.2 ค่าเฉลี่ย (Mean) ของคะแนน (บุญชม ศรีสะอาด, 2553) เมื่อ X̄แทน ค่าเฉลี่ย ΣX แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมดในกลุ่ม N แทน จำนวนคะแนนในกลุ่ม 1.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ใช้สูตรดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2553) เมื่อ S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน X แทน คะแนนแต่ละข้อ N แทน จำนวนสมาชิกในกลุ่ม ΣX แทน ผลรวม


53 2. สถิติที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ 2.1 หาค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบ ตามวิธีการของ Brennan โดยใช้สูตร (สมนึก ภัททิยธนี, 2553) เมื่อ B แทน ค่าอำนาจจำแนกของข้อสอบ U แทน จำนวนคนรอบรู้ (หรือสอบผ่านเกณฑ์) ที่ตอบถูก L แทน จำนวนคนไม่รอบรู้ (หรือสอบไม่ผ่านเกณฑ์) ที่ตอบถูก N1 แทน จำนวนคนรอบรู้ (หรือสอบผ่านเกณฑ์) N2 แทน จำนวนคนไม่รอบรู้ (หรือสอบไม่ผ่านเกณฑ์) 2.2 หาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอิงเกณฑ์ โดยใช้ สูตรของ Lovett ดังนี้ (สมนึก ภัททิยธนี, 2553) เมื่อ rcc แทน ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบอิงเกณฑ์ K แทน จำนวนข้อของแบบทดสอบทั้งฉบับ Xi แทน คะแนนสอบของนักเรียนแต่ละคน C แทน คะแนนจุดตัด 2.3 ค่าดัชนีความสอดคล้อง IOC (Index of Item Objective Congruence) เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์กับเนื้อหา หรือระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์ ∑R แทน ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด


54 3. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 3.1 การหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้สูตร E1/E2 (ชัยยงค์ พรหมวงค์, 2556) ดังนี้ เมื่อ E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ ΣX แทน คะแนนรวมของแบบทดสอบย่อย A แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบย่อย N แทน จำนวนผู้เรียนทั้งหมด เมื่อ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ ∑F แทน คะแนนรวมของแบบทดสอบหลังเรียน B แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน N แทน จำนวนผู้เรียนทั้งหมด 4. สถิติที่ใช้ในการตรวจสอบสมมติฐาน 4.1 ทดสอบความมีนัยสำคัญทางสถิติโดยการทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยสอง กลุ่มที่ไม่เป็นอิสระแก่กัน เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการ คิดแบบหมวกหกใบ โดยใช้สูตร t-test (Dependent Samples) ดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2553) เมื่อ t แทน ค่าสถิติที่ใช้เปรียบเทียบกับค่าวิกฤตเพื่อทราบความมีนัยสำคัญ D แทน ค่าผลต่างระหว่างคู่คะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน N แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่างหรือจำนวนคู่คะแนน


บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยเรื่องการพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิด แบบหมวกหกใบ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และ เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ เพื่อตอบวัตถุประสงค์ของการวิจัย ผู้วิจัยจึงเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตามลำดับ ดังนี้ 1. สัญลักษณ์ที่ใช้ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 2. ลำดับขั้นตอนในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 1. สัญลักษณ์ที่ใช้ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้กำหนดสัญลักษณ์และความหมายของสัญลักษณ์ที่ใช้ในการแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ N แทน จำนวนนักเรียนในตัวอย่าง X̄แทน คะแนนเฉลี่ย S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ คะแนนเฉลี่ยร้อยละจากการทำกิจกรรม และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ คะแนนเฉลี่ยร้อยละจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก 2. ลำดับขั้นตอนในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลและการแปลผลการวิเคราะห์ข้อมูลของการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้ โปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ในการประมวลผลข้อมูล ซึ่งผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์และนำเสนอใน รูปแบบของตารางประกอบคำอธิบาย โดยเรียงลำดับหัวข้อการวิเคราะห์ข้อมูลเป็น 4 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) ในแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งได้จากคะแนนการทำกิจกรรม (50) และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (50) กำหนดสัดส่วนคะแนนเป็น 50 : 50 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิด แบบหมวกหกใบ


56 ตอนที่ 2 การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) จากการทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 ข้อ ตอนที่ 3 การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพ (E1/ E2) ของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบตาม เกณฑ์ 80/80 ตอนที่ 4 การวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับขั้นตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) ในแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งได้จากคะแนนการทำกิจกรรม (50) และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (50) กำหนดสัดส่วนคะแนนเป็น 50 : 50 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิด แบบหมวกหกใบ จำนวน 7 แผนการจัดการเรียนรู้ดังตารางที่ 6 ตารางที่ 6 แสดงผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) ในแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 แผนการจัดการเรียนรู้ การวิเคราะห์ข้อมูล คะแนนการทำกิจกรรม (50) คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ (50) คะแนนรวม (100) X̄ 40.32 47.18 87.50 S.D. 0.54 1.80 4.28 ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) จากคะแนนการทำกิจกรรม (50) และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (50) = 87.51 จากตารางที่ 6 พบว่า การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) ในแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งได้จากคะแนนการทำกิจกรรม (50) และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (50) กำหนดสัดส่วนคะแนนเป็น 50 : 50 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิด แบบหมวกหกใบ จำนวน 7 แผนการจัดการเรียนรู้ได้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้ คะแนนการทำกิจกรรม คะแนนเต็ม 50 คะแนน มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 40.32 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.54 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนเต็ม 50 คะแนน มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 47.18 และส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน 1.80 สรุปว่า คะแนนรวม 100 คะแนน มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 87.50 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4.28 ดังนั้น ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) ในแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 87.51 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ประสิทธิภาพร้อยละ 80 ตามที่กำหนดไว้


57 ตอนที่ 2 การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) จากการทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 ข้อ ดังตารางที่ 7 ตารางที่ 7 แสดงผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) จากการทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 คะแนนเต็ม จำนวน นักเรียน คะแนนรวม X̄ S.D. ร้อยละ 30 43 1,041 24.21 4.24 80.69 ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) จากการทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบ นนทก = 80.69 จากตารางที่ 7 พบว่า การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) จากการทำแบบทดสอบ หลังเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 ข้อ คะแนนเต็ม 30 คะแนน มีนักเรียนผู้เข้าสอบ จำนวน 43 คน ได้คะแนนรวม 1,041 คะแนน คิดเป็นค่าเฉลี่ย 24.21 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4.24 และมีร้อยละ 80.69 ดังนั้น ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) จากการทำ แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก มีค่าเท่ากับ 80.69 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ ประสิทธิภาพร้อยละ 80 ตามที่กำหนดไว้ ตอนที่ 3 การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพ (E1/ E2) ของแผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบตาม เกณฑ์ 80/80 ผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยทำการทดลองกับตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2/7 โรงเรียนกัลยาณวัตร ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 43 คน ดังตารางที่ 8 ตารางที่ 8 แสดงผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ ตามเกณฑ์ 80/80 ประสิทธิภาพ คะแนนเต็ม X̄ S.D. ร้อยละ ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) 100 87.50 4.28 87.51 ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) 30 24.21 4.24 80.69 ประสิทธิภาพ (E1/ E2) ของแผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ = 87.51/80.69 จากตารางที่ 8 พบว่า ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) คะแนนเต็ม 100 คะแนน มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 87.50 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4.28 และมีร้อยละ 87.51 ส่วนประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) คะแนนเต็ม 30 คะแนน มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 24.21 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4.24 และมีร้อยละ 80.69 ดังนั้น ประสิทธิภาพของ


58 แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัด การเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ จึงมีประสิทธิภาพ (E1/ E2) เท่ากับ 87.51/80.69 ซึ่งเป็นไปตาม เกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80 ตามที่กำหนดไว้ ตอนที่ 4 การวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ดังตารางที่ 9 ตารางที่ 9 แสดงผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับ การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน N X̄ t df p-value ก่อนเรียน 43 16.84 10.99 42 .00 หลังเรียน 43 24.21 * มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากตารางที่ 9 พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนโดยการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิด แบบหมวกหกใบ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานในการวิจัยที่ตั้งไว้


บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้วิจัยได้นำเสนอการสรุปผลและอภิปรายผลการวิจัย รวมถึงมีข้อเสนอแนะหลังจากที่ได้วิเคราะห์ข้อมูล ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1. วัตถุประสงค์ในการวิจัย 2. สรุปผล 3. อภิปรายผล 4. ข้อเสนอแนะ วัตถุประสงค์ในการวิจัย 1. เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ สรุปผล ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้ การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบตามเกณฑ์ 80/80 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.51/80.69 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2. ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลัง การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ พบว่า มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05


61 อภิปรายผล ผลการวิจัยสามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ 1. แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้ การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบตามเกณฑ์ 80/80 พบว่า มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.51/80.69 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ หมายความว่า นักเรียนได้ค่าเฉลี่ยจากการทำกิจกรรม และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ คิดเป็นร้อยละ 87.51 และได้ค่าเฉลี่ยจากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 80.69 ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการวิจัย เนื่องมาจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีกระบวนการสร้างที่เป็นไปตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง โดยเริ่มดำเนินการจากการศึกษาหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และโครงสร้างรายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งได้วิเคราะห์หลักสูตรเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการเรียนรู้ตัวชี้วัด สาระ การเรียนรู้ จุดประสงค์เนื้อหา วิธีการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ และการวัดผลประเมินผล รวมถึงศึกษา องค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็น แนวทางในการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้จากนั้นดำเนินการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้วิธีการคิด แบบหมวกหกใบ และนำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจพิจารณา ความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ จากนั้นนำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้รับการตรวจพิจารณา ความเหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญแล้วมาปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญและวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย เพื่อหาระดับคุณภาพความเหมาะสม พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ มีความเหมาะสม ในการนำไปทดลองใช้เพื่อหาคุณภาพของเครื่องมือก่อนนำไปทดลองจริงกับนักเรียนที่เป็นตัวอย่าง จากนั้นปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของแผนการจัดการเรียนรู้ และนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการวิจัย เพื่อเก็บ รวบรวมข้อมูลกับนักเรียนที่เป็นตัวอย่าง ซึ่งได้แผนการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ และการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบเป็นวิธีการสอนที่เหมาะสมกับการใช้กระบวนการ คิดเชิงวิเคราะห์ของนักเรียน ทำให้นักเรียนมีทักษะความคิดอย่างเป็นระบบ โดยก่อนการจัดการเรียนรู้ผู้วิจัยได้ ชี้แจงและอธิบายกระบวนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ โดยอธิบายถึงความหมายของ การคิดวิเคราะห์ในหมวกแต่ละสีให้นักเรียนเกิดความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ได้ถูกต้อง นักเรียนได้ใช้ สมรรถนะของผู้เรียนด้านความสามารถในการคิดจากการทำใบกิจกรรมระหว่างเรียน และการร่วมกันตอบ คำถามหรือการแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ความมุ่งมั่นใ นการทำงาน ซึ่งแสดงออกถึงความตั้งใจ และรับผิดชอบในการทำหน้าที่การงานด้วยความเพียรพยายาม อดทน เพื่อให้งาน สำเร็จตามเป้าหมาย สอดคล้องกับงานวิจัยของ นงเยาว์ เพียรชนะ (2556) ที่ได้ศึกษาเรื่องการจัดกิจกรรม การเรียนรู้วรรณกรรมร่วมสมัย โดยใช้คำถามหมวกความคิดหกใบที่มีต่อความสามารถด้านการอ่านอย่างมี วิจารณญาณและคุณลักษณะความพอเพียง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณกรรมร่วมสมัยโดยใช้คำถามหมวกความคิดหกใบ มีความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เช่นเดียวกับงานวิจัยของ นิภา สมสอน (2558) ที่ได้ศึกษาเรื่อง การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหมวกหกใบ เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผลการวิจัยพบว่า แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหมวกหกใบ เพื่อพัฒนา


62 ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพ (E1/ E2) เท่ากับ 82.15/85.96 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ 2. การเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลัง การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ พบว่า นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิจารณ์ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เนื่องมาจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีขั้นตอนการสร้างโดยการศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 รวมถึงศึกษาทฤษฎี หลักการ และวิธีการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จากนั้นได้ วิเคราะห์เนื้อหา ตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อกำหนดจำนวนข้อสอบให้มากกว่าจำนวนที่ต้องการใช้จริง และดำเนินการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก แล้วนำไปเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและความเที่ยงตรงของเนื้อหา แล้วนำมาแก้ไขปรับปรุงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น มีการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามของ แบบทดสอบกับมาตรฐานการเรียนรู้ ปรากฏว่าแบบทดสอบทั้งฉบับมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.73 ทำให้ได้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่สามารถนำไปใช้ทดสอบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์และวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ นักเรียนได้คะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นว่าการจัดการ เรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบสามารถพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้สูงขึ้นได้ เนื่องจากแบบทดสอบเป็นการพัฒนาความคิดของนักเรียนให้สามารถคิดได้อย่างรอบด้าน สอดคล้องกับงานวิจัยของ วัรดาตี มามะ (2562) ที่ได้ศึกษาเรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การพัฒนาทักษะ การอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยวิธีสอนแบบ KWL-Plus กับวิธีสอนแบบหมวกหกใบของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสังคมอิสลามวิทยา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้แบบหมวกหกใบกับการจัดการเรียนรู้แบบ KWL-Plus สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความแตกต่างกัน เนื่องจากนักเรียนที่เรียนด้วยการสอนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ หมวกหกใบ มีการคิดวิเคราะห์สูงกว่านักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ KWL-Plus อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 และผลสัมฤทธิ์การอ่านอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนโดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบหมวก หกใบ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าประสิทธิผลของการอ่านอย่างมีวิจารณญาณวิชาภาษาไทย โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ KWL-Plus แสดงให้เห็นว่าวิธีการสอนแบบหมวกหกใบ มีความเหมาะสมที่จะใช้ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น


63 ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะทั่วไป 1.1 ครูควรชี้แจงและอธิบายกระบวนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ ให้นักเรียนเข้าใจก่อนทำกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน 1.2 การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็น สำคัญ โดยครูมีหน้าที่คอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้เรียน ต้องมีการกระตุ้นให้ผู้เรียนทุกคนในแต่ละกลุ่มได้ มีส่วนร่วมในการทำงานและเสนอความคิดเห็นตามหมวกแต่ละสี 1.3 ครูควรปรับกิจกรรมการเรียนรู้ให้น่าสนใจมากขึ้น โดยใช้เกม เพลง สื่อหรือเทคโนโลยีที่ น่าสนใจ และสอดคล้องกับเนื้อเรื่องมาให้ผู้เรียนได้ทำกิจกรรมร่วมกันก่อนนำเข้าสู่บทเรียน 1.4 ครูควรมีการสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ เพื่อเป็นการ กระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งจะส่งผลให้การเรียนบรรลุวัตถุประสงค์ 2. ข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้าครั้งต่อไป 2.1 ควรมีการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบในเนื้อหาสาระอื่น หรือระดับชั้นอื่น ๆ 2.2 ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบกับรูปแบบการเรียนการสอนแบบอื่น และควรศึกษาตัวแปร อื่น ๆ ให้มากขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ต่อไป


บรรณานุกรม


65 บรรณานุกรม กรมวิชาการ. (2546). การจัดสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์, พระเจ้าวรวงศ์เธอ. (2518). ข้อคิดเกี่ยวกับภาษาและวรรณคดี. กรุงเทพฯ : สถาบันไทยคดีศึกษา. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด. กฤษฎา บุญวัฒน์. (2541). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนเตรียม ทหาร. กรุงเทพฯ : คณะพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. กุหลาบ มัลลิกะมาส. (2522). วรรณคดีวิจารณ์. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง. จิตต์นิภา ศรีไสย์. (2549). ภาษาไทยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ____________. ถนอม วิบูลย์พันธ์ และสนอง ค้าสิทธิ์. (2559). วรรณคดีและวรรณกรรม. กรุงเทพฯ : สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ. จีรวรรณ สรบุญทอง. (2563). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยและทักษะการร่วมมือของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคจิ๊กซอว์ 3 ร่วมกับการใช้คำถาม พัฒนาการคิด. (วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร. ชวลิต ชูกำแพง. (2551). การพัฒนาหลักสูตร. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ___________. (2553). การประเมินการเรียนรู้. (พิมพ์ครั้งที่ 3). มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ชัยชาญ วงศ์สามัญ. (2543). การวางแผนการสอน. ขอนแก่น : ขอนแก่นการพิมพ์. ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2556). การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน. (วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์ วิจัย, น. 5-20). เถกิง พันธ์เถกิงอมร. (2528). หลักการวิจารณ์วรรณคดี. (พิมพ์ครั้งที่ 2). นครศรีธรรมราช : โครงการตำรา และเอกสารทางวิชาการวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช. ทิศนา แขมมณี. (2540). การวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ธาริณี วิทยาอนิวรรตน์. (2542). ผลของการเรียนการสอนด้วยวิธีสตอรี่ไลน์ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ และความพึงพอใจต่อการเรียนการสอนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียน สาธิตสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. นงเยาว์ เพียรชนะ. (2556). การจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณกรรมร่วมสมัยโดยใช้คำถามหมวกความคิด หกใบที่มีต่อความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและคุณลักษณะความพอเพียง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. (วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต). มหาสารคาม : มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. นันทญ์ณภัค พรมมา. (2563). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ด้วยการใช้เทคนิคเพื่อนคู่คิด. (วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต). นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร.


66 นาฏยา ชมวิชา. (2547). ปัจจัยบางประการที่สัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านศิลปะของนักศึกษา หลักสูตรศิลปกรรม ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง วิทยาลัยช่างศิลปะสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กรมศิลปากร. (วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. นิตยา พืชเพียร. (2564). การพัฒนาชุดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านวิเคราะห์วรรณคดีไทยด้วยเทคนิค SQ4R กับเทคนิค KWL-Plus สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตร มหาบัณฑิต). จันทบุรี : มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี. นิภา สมสอน. (2558). การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหมวกหกใบ เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. สุราษฎร์ธานี : ม.ป.พ. นิภาพร ฟูใจ. (2563). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามวิธีการสอนแบบ SQ4R ร่วมกับผังสัมพันธ์ ทางความหมาย เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์วรรณคดี สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1. (วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต). พิษณุโลก : มหาวิทยาลัยนเรศวร. บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. บุญเหลือ เทพยสุวรรณ, หม่อมหลวง. (2517). แนะแนวทางการศึกษาวิชาวรรณคดี. กรุงเทพฯ : บัณฑิต การพิมพ์. บูรชัย ศิริมหาสาคร. (2545). แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ : บุ๊คพอยท์. ประคอง เจริญจิตรกรรม. (2556). หลักการเขียนวิจารณ์วรรณกรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 2). ปทุมธานี : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ประพนธ์ เรืองณรงค์ และคณะ. (2545). กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช่วงชั้นที่ 2 ประถมศึกษาปีที่ 4-6. กรุงเทพฯ : ประสานมิตร. ประภัสสร วงษ์ศรี. (2541). การรับรู้อัตตสมรรถนะความภาคภูมิใจในตนเองกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม. (วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต). มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ปริญญา ปั้นสุวรรณ์. (2553). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคจิ๊กซอว์ 2 กับแบบปกติ. (วิทยานิพนธ์ ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร. ปัญญา ชูช่วย. (2551). ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. (วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต). ปัตตานี : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. เผชิญ กิจระการ. (2544). การวิเคราะห์ประสิทธิภาพสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา. (วารสารการวัดผล การศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, น. 44-51). พนิตนันท์ บุญพามี. (2542). เทคนิคการอ่านเบื้องต้น. นครราชสีมา : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา. พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2540). การสร้างและพัฒนาและทดสอบผลสัมฤทธิ์. กรุงเทพฯ : สำนักทดสอบทาง การศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. พัฒจิรา จันทร์ดำ. (2554). การอ่านและการวิจารณ์เรื่องสั้น. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : สถาพรบุ๊คส์. ไพศาล หวังพานิช. (2543). การวัดและประเมินผลระดับอุดมศึกษา. กรุงเทพฯ : ทบวงมหาวิทยาลัย.


67 รัชชานนท์ เฟื่องบุญ. (2564). การพัฒนาทักษะการอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์วรรณคดีไทยของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้บทบาทการโค้ช. (วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร. ราเชน มีศรี. (2544). การพัฒนาทักษะการคิดด้วยเทคนิคหมวกเพื่อการคิด 6 ใบ : แนวคิดของเอ็ดเวอร์ด เดอโบโน การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ : แนวคิดวิธีการและเทคนิคการสอน 2. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุ๊ป แมเนจเม้นท์. รื่นฤทัย สัจจพันธุ์. (2549). ความรู้ทั่วไปทางภาษาและวรรณกรรมไทย. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง. รุจิร์ ภู่สาระ. (2545). การพัฒนาหลักสูตรตามแนวปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ : บุ๊คพอยท์. ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2536). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 3 ). กรุงเทพฯ : ศูนย์ส่งเสริมวิชาการ. ลินจง จันทรวรทิตย์. (2542). เอกสารคำสอนรายวิชาการอ่านเพื่อชีวิต. นครปฐม : มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครปฐม. วนิดา พรมเขต. (2559). เอกสารประกอบการสอนรายวิชาการพัฒนาทักษะการอ่าน. อุดรธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. วรางคณา ชั่งโต. (2559). ผลของการใช้รูปแบบการสอน 7E ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย และความสามารถฝนการอ่านอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. (วิทยานิพนธ์ ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2542). การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ : เลิฟ แอนด์ เลิฟเพรส. วัรดาตี มามะ. (2562). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การพัฒนาทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยวิธี สอนแบบ KWL-Plus กับวิธีสอนแบบหมวก 6 ใบ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสังคม อิสลามวิทยา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา. สงขลา : มหาวิทยาลัยหาดใหญ่. วัลลภ กันทรัพย์. (2539). ครูกับการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว. วิภา กงกะนันท์. (2556). วรรณคดีศึกษา (ว่าด้วยหลักการอ่าน). กรุงเทพฯ : องค์การค้าของสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา. วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. (2545). เอกสารประกอบการเรียนการสอนวิชาพัฒนาการเรียนการสอน. (พิมพ์ครั้งที่ 3). มหาสารคาม : ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. _______________. (2550). นวัตกรรมตามแนวคิดแบบ Backward Design. กรุงเทพฯ : ช้างทอง. วิไลลักษณ์ คีรินทร์. (2548). การสอนและส่งเสริมการอ่าน. นครปฐม : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม. ศรีวิไล ดอกจันทร์. (2529). การสอนวรรณคดีวรรณกรรมไทย. เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ศุภวรรณ์ เหล็กวิไล. (2549). การพัฒนารูปแบบการสอนอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยกลวิธีการเรียนภาษา โดยใช้หลักการเรียนรู้แบบร่วมมือ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. (วิทยานิพนธ์ปริญญา ครุศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. (2564). รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2564 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. เข้าถึงได้จาก https://www.niets.or.th.


68 สมนึก ภัททิยธนี. (2553). การวัดผลการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 7). มหาสารคาม : ภาควิชาวิจัยและพัฒนา การศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สมบัติ จำปาเงิน และสำเนียง มณีกาญจน์. (2548). กลเม็ดการอ่านให้เก่ง. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ : ผ่องพัฒน์การพิมพ์. สมสุข ศรีสุก. (2542). ผลของการเรียนการสอนด้วยกิจกรรมบทบาทสมมติที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขดัชนี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตร มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สันต์ ยอดพุดซา. (2542). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ เรียนกลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต เรื่อง สิ่งแวดล้อมทางสังคม โดยวิธีสอนแบบเทคนิคศึกษา กรณีตัวอย่างกับการสอนแบบปกติ. (วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). ชลบุรี : มหาวิทยาบูรพา. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. กรุงเทพฯ : บริษัท พริกหวานกราฟิก จำกัด. สำลี รักสุทธิ. (2544). เทคนิควิธีการจัดการเรียนและเขียนแผนการสอน โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ : พัฒนาศึกษา. สุชารัตน์ ศศิพัฒนวงษ์. (2557). วรรณกรรมไทยสมัยปัจจุบัน. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ. สุนันทา สุนทรประเสริฐ. (2544). การผลิตนวัตกรรมการเรียนการสอน การส้รางแบบฝึก. ชัยนาท : ชมรม พัฒนาความรู้ด้านระเบียบกฎหมาย. สุวัฒน์ วิวัฒนานนท์. (2550). ทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และเขียน. นนทบุรี : ซี.ซี.นอลลิดจ์ลิงส์. สุวิทย์ มูลคำ. (2549). การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิด. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. _________ และคณะ. (2551). การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิด. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัดภาพพิมพ์. อริยา คูหา และบัญญัติ ยงย่วน. (2547). รายงานการวิจัย เรื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนใน ภาวะรอพินิจของนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. ปัตตานี : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. อลงกรณ์ พลอยแก้ว. (2563). การวิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิ่น. เข้าถึงได้จาก http://www.trueplookpanya.com. อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2546). หลักการสอน. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์. อำภาพร รินปัญโญ. (2561). วัจนภาษาคำสอนในวรรณคดีไทย เรื่อง พระอภัยมณี. (วิทยานิพนธ์ปริญญา ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต). เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่. De Bono, E. (1992). Six Thinking Hats for Schools : Resource Book 4. Melbourne, VIC : Hawker Brownlow Education. Prescott, D.A. (1961). Educational Bullentine. Bangkok : Faculty of Education. Ugyen Phuntsho & Dumcho Wangdi. (2019). The Effect of Using Six Thinking Hats stratrgy on The Development of writing skills and creativity of Seventh Grade EFL Students. I-manager’s Journal on English Language Teaching. (p. 27-35). Ummu Hani. (2016). The Effect of Six Thinking Hats and Critical Thinking on Speaking Achievement. (Ed.D.Thesis). Sriwijaya University.


ภาคผนวก


ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญและหนังสือขอความอนุเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญ


71 รายชื่อผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ลำดับ ชื่อ - สกุล ตำแหน่ง 1 อาจารย์ ดร.รัญชนีย์ ศรีสมาน อาจารย์ภาควิชาภาษาไทย และภาษาตะวันออก (สาขาวิชาภาษาไทย) คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา และการใช้ภาษา 2 อาจารย์เบญจสิริ เจริญสวัสดิ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชา ภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ วิทยาลัยสันตพล ผู้เชี่ยวชาญ ด้านหลักสูตรและการสอน 3 นางนิชานันท์ สีหาอินทร์ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทยโรงเรียนกัลยาณวัตร ผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและ ประเมินผลการศึกษา


72 หนังสือขอความอนุเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญ


73 หนังสือขอความอนุเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญ (ต่อ)


74 หนังสือขอความอนุเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญ (ต่อ)


ภาคผนวก ข ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง รามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบหมวกหกใบ


76 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท 22101 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง กลอนไพเราะเสนาะความ จำนวน 15 ชั่วโมง เรื่อง ความเป็นมาของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก จำนวน 1 ชั่วโมง ครูพี่เลี้ยง : นางนิชานันท์ สีหาอินทร์ ครูผู้สอน : นางสาวญาณิศา ดวงสุวรรณ สาระสำคัญ วรรณคดี เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ได้รับเค้าเดิมมาจากวรรณคดี เรื่อง มหากาพย์ รามายณะของอินเดีย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นผู้พระราชนิพนธ์ แต่งด้วย ลักษณะคำประพันธ์ 3 ชนิด ได้แก่ ร่ายดั้น (เปิดเรื่อง) กลอนบทละคร (ดำเนินเรื่อง) และโคลงกระทู้กับ โคลงสี่สุภาพ (ปิดเรื่อง) มีจุดประสงค์ในการแต่งเพื่อให้ความบันเทิงและปลุกใจประชาชนให้กล้าหาญ หากผู้เรียนได้เรียนรู้จะสามารถนำข้อคิดที่สะท้อนสังคมไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐานการเรียนรู้ ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างมีคุณค่าและนำมา ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัดการเรียนรู้ ม.2/1 สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านในระดับที่ยากขึ้น จุดประสงค์การเรียนรู้ เมื่อนักเรียนได้ศึกษาและทำกิจกรรม เรื่อง ความเป็นมาของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก แล้ว นักเรียนสามารถ 1. บอกความเป็นมาของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทกได้(K) 2. สรุปข้อมูลเบื้องต้นของตัวละครที่สำคัญในเรื่องได้ (P) 3. ให้ความร่วมมือต่อกิจกรรมการเรียนรู้ (A) สาระการเรียนรู้ ความเป็นมาของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก สามารถจำแนกเนื้อหาได้ ดังนี้ 1. ความเป็นมา


77 2. ผู้แต่ง 3. ลักษณะคำประพันธ์ 4. ข้อมูลเบื้องต้นของตัวละครในเรื่อง คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มุ่งมั่นในการทำงาน หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความตั้งใจ และรับผิดชอบในการทำหน้าที่ การงานด้วยความเพียรพยายาม อดทน เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย สมรรถนะผู้เรียน ความสามารถในการคิด หมายถึง มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ผลงานที่ต้องการ - การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นของตัวละครในกระดาษปรู๊ฟ (งานกลุ่ม) - ใบกิจกรรมหมวกสีขาว (งานเดี่ยว) กิจกรรมการเรียนรู้ มีลำดับการจัดการเรียนรู้ 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 : ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ( 5 นาที ) 1. นักเรียนและครูทักทายกัน เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีและเริ่มต้นชั่วโมงเรียน 2. นักเรียนฟังเพลง RAP ทศกัณฐ์ VS พระราม ผ่านทาง https://youtu.be/53qEgL5KFGk ความยาว 3.21 นาที 3. ครูตั้งคำถามหลังจากที่นักเรียนได้ฟังเพลง RAP ทศกัณฐ์ VS พระรามว่า “จากเพลงที่เราได้ฟังไป เมื่อสักครู่ เป็นการปะทะกันระหว่างใครกับใคร” (แนวคำตอบ : ทศกัณฐ์และพระราม) 4. ครูถามนักเรียนต่อว่า “มีใครเคยรู้เรื่องราวมาก่อนไหมว่าทศกัณฐ์และพระราม เขามีเรื่องอะไรกัน ถึงต้องมาสู้กัน” (แนวคำตอบ : เหตุการณ์เริ่มต้นมาจาก ตอน นารายณ์ปราบนนทก) (ถ้ามีนักเรียนที่รู้ ให้นักเรียนได้ลองอธิบาย แต่ถ้าหากนักเรียนไม่รู้ ครูจึงบอกว่าเรามาเรียนรู้ไปพร้อมกัน) ขั้นที่ 2 : ขั้นดำเนินการสอน ( 45 นาที ) 1. นักเรียนเรียนรู้ความเป็นมา ผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ของเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบ นนทกที่ครูได้อธิบายผ่านสื่อประกอบการสอน Canva เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก


78 2. นักเรียนรับชมสื่อแอนิเมชันผ่านทาง https://youtu.be/euwa4Iv_Jzg ความยาว 8 นาที เพื่อให้ เกิดการเรียนรู้ในเรื่องราวของวรรณคดี เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก อย่างเข้าใจได้ง่าย 3. นักเรียนตอบคำถามหลังจากที่ได้รับชมสื่อแอนิเมชันว่า “จากสื่อแอนิเมชันที่นักเรียนได้รับชมไป ปรากฏตัวละครใดบ้าง” (แนวคำตอบ : พระอิศวร , พระนารายณ์ , นนทก , เหล่าเทวดา , พระอินทร์ , นางสุวรรณอัปสร) 4. นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 6 กลุ่ม จะได้กลุ่มละ 7 คน จำนวน 6 กลุ่ม และ 8 คน จำนวน 1 กลุ่ม จากนั้นครูใช้วงล้อสุ่มตัวละคร เพื่อให้นักเรียนทำกิจกรรมการใช้ความคิดด้านหมวกสีขาวในการวิเคราะห์ ข้อเท็จจริงหรือข้อมูลเบื้องต้นของตัวละครที่สำคัญในเรื่อง ประกอบด้วย 6 ตัวละครสำคัญ ได้แก่ พระอิศวร นนทก พระนารายณ์ พระอินทร์ นางสุวรรณอัปสร และเหล่าเทวดา โดยครูให้แนวคำถามการวิเคราะห์ว่า - ตัวละครนี้มีลักษณะทั่วไปเป็นอย่างไร ? - ตัวละครนี้มีหน้าที่ / บทบาทอะไรในเรื่อง ? โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มจะได้รับบัตรภาพตัวละครที่แต่ละกลุ่มได้รับผิดชอบและกระดาษปรู๊ฟเพื่อเขียนวิเคราะห์ ข้อมูลเบื้องต้นของตัวละครกลุ่มละ 1 แผ่น ซึ่งครูให้เวลานักเรียนสำหรับทำกิจกรรมเป็นเวลา 10 นาที 5. เมื่อครบเวลาในการทำกิจกรรมกลุ่ม ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอการวิเคราะห์ข้อมูล เบื้องต้นของตัวละครที่ได้รับผิดชอบ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลร่วมกัน ขั้นที่ 3 : ขั้นสรุป ( 5 นาที ) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปองค์ความรู้ที่ได้รับ เรื่อง ความเป็นมาของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทก และข้อมูลตัวละครที่สำคัญในเรื่อง เพื่อเป็นการทบทวนให้เกิดความเข้าใจและจดจำได้ ด้วยคำถามดังนี้ - บทละคร เรื่อง รามเกียรติ์ ได้รับเค้าเรื่องมาจากเรื่องใด และของประเทศใด ? (แนวคำตอบ : บทละคร เรื่อง รามเกียรติ์ ได้รับเค้าเรื่องมาจาก “มหากาพย์รามายณะ” ของ “ประเทศอินเดีย”) - คำว่า “รามเกียรติ์” มีที่มาจากอะไรและหมายความว่าอย่างไร ? (แนวคำตอบ : รามเกียรติ์ มาจาก คำว่า ราม + เกียรติ หมายถึง เกียรติของพระราม) - ใครคือผู้แต่งบทละคร เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ? (แนวคำตอบ : พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือรัชกาลที่ 1) - บทละคร เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ใช้คำประพันธ์ชนิดใดในการแต่งบ้าง ? (แนวคำตอบ : ร่ายดั้น กลอนบทละคร และโคลง)


79 - ถ้าจะกล่าวถึง “พระนารายณ์” ควรใช้คำใดในการขึ้นต้นกลอนบทละคร เพราะเหตุใด ? (แนวคำตอบ : ใช้คำว่า “เมื่อนั้น” เพราะคำว่า “เมื่อนั้น” ใช้กับตัวละครเอกของเรื่องหรือตัวละครที่เป็น พระมหากษัตริย์) - ถ้าจะกล่าวถึงตัวละครสามัญหรือตัวละครที่มีบทบาทรองควรใช้คำใดในการขึ้นต้นกลอน บทละคร ? (แนวคำตอบ : บัดนั้น) - ในการขึ้นต้นกลอนบทละครคำว่า “มาจะกล่าวบทไป” ใช้ในกรณีใด ? (แนวคำตอบ : ใช้ในกรณีที่ ขึ้นต้นเรื่องหรือการเปลี่ยนฉากใหม่) ขั้นที่ 4 : ขั้นประเมินผล ( 5 นาที ) นักเรียนทำใบกิจกรรมรายบุคคล เพื่อสรุปการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นของตัวละครที่สำคัญในเรื่องทั้ง 6 ตัวละคร หลังจากที่ได้ฟังการนำเสนอและอภิปรายถึงองค์ความรู้ร่วมกัน สื่อการเรียนรู้/ แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน้าที่ 53 - 57 2. สื่อประกอบการสอน Canva เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก 3. เพลง RAP ทศกัณฐ์ VS พระราม ผ่านทาง https://youtu.be/53qEgL5KFGk ความยาว 3.21 นาที 4. สื่อแอนิเมชันรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ผ่านทาง https://youtu.be/euwa4Iv_Jzg ความยาว 8 นาที 5. บัตรภาพตัวละครที่สำคัญในเรื่อง ได้แก่ พระอิศวร นนทก พระนารายณ์ พระอินทร์ นางสุวรรณอัปสร และเหล่าเทวดา กลุ่มละ 1 ภาพ 6. กระดาษปรู๊ฟที่ตัดแบ่งครึ่ง จำนวน 6 แผ่น การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือที่ใช้ เกณฑ์การประเมิน บอกความเป็นมาของ รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทกได้(K) การตอบคำถามในชั้นเรียน แบบบันทึกการตอบคำถาม ของนักเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป สรุปข้อมูลเบื้องต้นของ ตัวละครที่สำคัญในเรื่องได้ (P) การประเมินใบกิจกรรม หมวกสีขาว แบบประเมินใบกิจกรรม หมวกสีขาว ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป


80 การวัดและประเมินผล วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือที่ใช้ เกณฑ์การประเมิน ให้ความร่วมมือต่อ กิจกรรมการเรียนรู้(A) การสังเกตการให้ ความร่วมมือต่อกิจกรรม การเรียนรู้ แบบสังเกตการให้ ความร่วมมือต่อกิจกรรมการ เรียนรู้ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป คุณลักษณะ มุ่งมั่นในการทำงาน การสังเกตคุณลักษณะ มุ่งมั่นในการทำงาน แบบสังเกตคุณลักษณะ มุ่งมั่นในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป สมรรถนะ ความสามารถในการคิด การประเมินสมรรถนะ ความสามารถในการคิด แบบประเมินสมรรถนะ ความสามารถในการคิด ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป บันทึกผลหลังสอน 1. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนมีความรู้พื้นฐานในเรื่องรามเกียรติ์เป็นอย่างดี สามารถบอกความเป็นมาและสรุปข้อมูล เบื้องต้นของตัวละครในเรื่องได้ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ อีกทั้งสื่อแอนิเมชัน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทกที่นำมาให้นักเรียนได้รับชมนั้น นักเรียนตั้งใจดูมาก และทำให้เข้าใจเนื้อเรื่องได้ง่าย 2. ปัญหาและอุปสรรค ไม่มี 3. ข้อเสนอแนะและวิธีการแก้ไขปัญหา ไม่มี 4. ผลที่ได้จากการแก้ไขปัญหาหรือคาดว่าจะได้รับ ไม่มี ลงชื่อ.............................................................ผู้สอน (นางสาวญาณิศา ดวงสุวรรณ) นิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู


81 แบบบันทึกการตอบคำถามของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/......... (K) คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนทำเครื่องหมาย ✓ ลงในแบบบันทึกการตอบคำถามของนักเรียน : บอกความเป็นมา ของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทกได้(K) รายการคำถาม ตอบถูกต้อง ตอบไม่ถูกต้อง 1. บทละคร เรื่อง รามเกียรติ์ ได้รับเค้าเรื่องมาจากเรื่องใด และของประเทศใด ? (แนวคำตอบ : บทละคร เรื่อง รามเกียรติ์ ได้รับเค้าเรื่องมาจาก “มหากาพย์รามายณะ” ของ “ประเทศอินเดีย”) 2. คำว่า “รามเกียรติ์” มีที่มาจากอะไรและหมายความว่า อย่างไร ? (แนวคำตอบ : รามเกียรติ์ มาจากคำว่า ราม + เกียรติ หมายถึง เกียรติของพระราม) 3. ใครคือผู้แต่งบทละคร เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ ปราบนนทก ? (แนวคำตอบ : พระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือรัชกาลที่ 1) 4. บทละคร เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ใช้คำประพันธ์ชนิดใดในการแต่งบ้าง ? (แนวคำตอบ : ร่ายดั้น กลอนบทละคร และโคลง) 5. ถ้าจะกล่าวถึง “พระนารายณ์” ควรใช้คำใดในการ ขึ้นต้นกลอนบทละคร เพราะเหตุใด ? (แนวคำตอบ : ใช้ คำว่า “เมื่อนั้น” เพราะคำว่า “เมื่อนั้น” ใช้กับตัวละคร เอกของเรื่องหรือตัวละครที่เป็นพระมหากษัตริย์) 6. ถ้าจะกล่าวถึงตัวละครสามัญหรือตัวละครที่มีบทบาท รองควรใช้คำใดในการขึ้นต้นกลอนบทละคร ? (แนว คำตอบ : บัดนั้น) 7. ในการขึ้นต้นกลอนบทละครคำว่า “มาจะกล่าวบทไป” ใช้ในกรณีใด ? (แนวคำตอบ : ใช้ในกรณีที่ขึ้นต้นเรื่องหรือ การเปลี่ยนฉากใหม่) เกณฑ์การผ่าน : ตอบคำถามได้ถูกต้องร้อยละ 80 ขึ้นไป (นักเรียนตอบถูกต้อง 5 ข้อ จาก 7 ข้อ ถือว่าผ่าน) ลงชื่อ ……........................................... ผู้ประเมิน (………..……….……..........................………........……) วันที่........เดือน..............................พ.ศ. ............


82 แบบประเมินใบกิจกรรมหมวกสีขาว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/......... (P) คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนประเมินใบกิจกรรมหมวกสีขาวของนักเรียน แล้วเขียนตัวเลขระดับคะแนนตามเกณฑ์ การประเมิน จากนั้นทำเครื่องหมาย ✓ ลงในการสรุปผล เลขที่ ระดับ คะแนน สรุปผล เลขที่ ระดับ คะแนน สรุปผล เลขที่ ระดับ คะแนน สรุปผล ผ่าน ไม่ ผ่าน ผ่าน ไม่ ผ่าน ผ่าน ไม่ ผ่าน 1 16 31 2 17 32 3 18 33 4 19 34 5 20 35 6 21 36 7 22 37 8 23 38 9 24 39 10 25 40 11 26 41 12 27 42 13 28 43 14 29 15 30 เกณฑ์การประเมิน ตัวชี้วัด ระดับคะแนน 3 2 1 สรุปข้อมูลเบื้องต้นของ ตัวละครที่สำคัญในเรื่องได้ (P) นักเรียนสามารถสรุป ข้อมูลเบื้องต้นของ ตัวละครที่สำคัญในเรื่องได้ ถูกต้องครบถ้วนทั้งหมด นักเรียนสามารถสรุป ข้อมูลเบื้องต้นของ ตัวละครที่สำคัญใน เรื่องได้ถูกต้องครบถ้วน เป็นบางส่วน นักเรียนสามารถสรุป ข้อมูลเบื้องต้นของ ตัวละครที่สำคัญในเรื่อง ได้ถูกต้องครบถ้วนเป็น ส่วนน้อย เกณฑ์การผ่าน : ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป (ได้ระดับคะแนน 2 ขึ้นไป ถือว่าผ่าน) ลงชื่อ ……........................................... ผู้ประเมิน (………..……….……..........................………........……) วันที่........เดือน..............................พ.ศ. ............


83 แบบสังเกตการให้ความร่วมมือต่อกิจกรรมการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/......... (A) คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนสังเกต การให้ความร่วมมือต่อกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนในระหว่างเรียน - หากนักเรียน ให้ความร่วมมือต่อกิจกรรมการเรียนรู้ ให้เขียนเครื่องหมาย ✓ ในช่อง ผ่าน - หากนักเรียน ไม่ให้ความร่วมมือต่อกิจกรรมการเรียนรู้ให้เขียนเครื่องหมาย ✓ ในช่อง ไม่ผ่าน เลขที่ การให้ความร่วมมือต่อ กิจกรรมการเรียนรู้ เลขที่ การให้ความร่วมมือต่อ กิจกรรมการเรียนรู้ เลขที่ การให้ความร่วมมือ ต่อกิจกรรมการเรียนรู้ ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน 1 16 31 2 17 32 3 18 33 4 19 34 5 20 35 6 21 36 7 22 37 8 23 38 9 24 39 10 25 40 11 26 41 12 27 42 13 28 43 14 29 15 30 เกณฑ์การประเมิน ตัวชี้วัด สรุปผล ผ่าน ไม่ผ่าน ให้ความร่วมมือต่อ กิจกรรมการเรียนรู้(A) นักเรียน ให้ความร่วมมือ ต่อกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียน ไม่ให้ความ ร่วมมือต่อกิจกรรมการ เรียนรู้ สรุปผลการสังเกต การสังเกตการให้ความร่วมมือต่อกิจกรรมเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/...... คาบที่ ........ วันที่ ........... เดือน ...................................................................พ.ศ. ................ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป มีนักเรียน ผ่าน เกณฑ์ จำนวน .......................... คน มีนักเรียน ไม่ผ่าน เกณฑ์ จำนวน .......................... คน ลงชื่อ ……........................................... ผู้ประเมิน (………..……….……..........................………........……) วันที่........เดือน..............................พ.ศ. ............


84 แบบสังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์: มุ่งมั่นในการทำงาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/......... คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนสังเกต คุณลักษณะมุ่งมั่นในการทำงาน ของนักเรียนในระหว่างเรียน - หากนักเรียน มีความมุ่งมั่นในการทำงาน ให้เขียนเครื่องหมาย ✓ ในช่อง ผ่าน - หากนักเรียน ไม่มีความมุ่งมั่นในการทำงาน ให้เขียนเครื่องหมาย ✓ ในช่อง ไม่ผ่าน เลขที่ ความมุ่งมั่นในการ ทำงาน เลขที่ ความมุ่งมั่นในการทำงาน เลขที่ ความมุ่งมั่นในการ ทำงาน ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน 1 16 31 2 17 32 3 18 33 4 19 34 5 20 35 6 21 36 7 22 37 8 23 38 9 24 39 10 25 40 11 26 41 12 27 42 13 28 43 14 29 15 30 เกณฑ์การประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ สรุปผล ผ่าน ไม่ผ่าน มุ่งมั่นในการทำงาน ตั้งใจและรับผิดชอบในการ ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมายให้สำเร็จ ไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่การ งานที่ได้รับมอบหมาย สรุปผลการสังเกต การสังเกตคุณลักษณะความมุ่งมั่นในการทำงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/...... คาบที่ ........ วันที่ ........... เดือน ...................................................................พ.ศ. ................ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป มีนักเรียน ผ่าน เกณฑ์ จำนวน .......................... คน มีนักเรียน ไม่ผ่าน เกณฑ์ จำนวน .......................... คน ลงชื่อ ……........................................... ผู้ประเมิน (………..……….……..........................………........……) วันที่........เดือน..............................พ.ศ. ............


85 แบบประเมินสมรรถนะผู้เรียน : ความสามารถในการคิด ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/......... คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนประเมินสมรรถนะ ความสามารถในการคิด ของนักเรียนในระหว่างเรียน จากนั้นทำ เครื่องหมาย ✓ ตามเกณฑ์การประเมิน เพื่อมาสรุปผลการประเมินต่อไป เลขที่ ความสามารถ ในการคิด สรุปผล เลขที่ ความสามารถ ในการคิด สรุปผล เลขที่ ความสามารถ ในการคิด สรุปผล 3 2 1 ผ มผ 3 2 1 ผ มผ 3 2 1 ผ มผ 1 16 31 2 17 32 3 18 33 4 19 34 5 20 35 6 21 36 7 22 37 8 23 38 9 24 39 10 25 40 11 26 41 12 27 42 13 28 43 14 29 15 30 เกณฑ์การประเมิน สมรรถนะผู้เรียน ระดับคุณภาพ 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ควรปรับปรุง) ความสามารถในการคิด นักเรียนมีความสามารถ ในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์อย่างสม่ำเสมอ นักเรียนมีความสามารถ ในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์เป็นบางครั้ง นักเรียนมี ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์น้อยครั้ง สรุปผลการประเมิน การประเมินสมรรถนะความสามารถในการคิดของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/...... คาบที่ ........ วันที่ ........... เดือน ...................................................................พ.ศ. ................ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป มีนักเรียน ผ่าน เกณฑ์ จำนวน .......................... คน มีนักเรียน ไม่ผ่าน เกณฑ์ จำนวน .......................... คน ลงชื่อ ……........................................... ผู้ประเมิน (………..……….……..........................………........……) วันที่........เดือน..............................พ.ศ. ............


86 สื่อประกอบการสอน Canva เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก


87 สื่อประกอบการสอน Canva เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก (ต่อ)


88 สื่อประกอบการสอน Canva เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก (ต่อ)


89 สื่อประกอบการสอน Canva เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก (ต่อ)


90 สื่อประกอบการสอน Canva เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก (ต่อ)


91 สื่อประกอบการสอน Canva เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก (ต่อ)


92 สื่อการเรียนรู้ : บัตรภาพตัวละครที่สำคัญในเรื่อง


Click to View FlipBook Version