บทที่5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่ เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและ จำนวนคละ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผู้วิจัยนำเสนอการสรุปผล อภิปรายผล และ ข้อเสนอแนะ ดังนี้ วัตถุประสงค์ของการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบผสมผสาน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการ เรียนรู้แบบผสมผสาน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน สมมติฐานของการวิจัย 1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนด้วย รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวน คละ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ65 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนด้วย รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวน คละ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน วิธีดำเนินการวิจัย 1. ประชากร นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี จำนวนห้องเรียนทั้งหมด 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 33 คน
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 2.1 แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 6 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง รวม 12 ชั่วโมง 2.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง การบวก ลบ คูณ หาร ระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล การดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ซึ่งดำเนินการทดลองตามลำดับ ดังนี้ 3.1 ทำการทดสอบก่อนเรียน (Pre - test) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 3.2 ผู้วิจัยดำเนินการสอนกลุ่มตัวอย่างด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นจำนวน 6 แผน โดยให้นักเรียนเรียนและปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตามขั้นตอนการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ แบบผสมผสาน 3.3 เมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้ว ให้นักเรียนทำการทดสอบหลังเรียน (Post - test) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชุดเดิมกับการทำการทดสอบก่อนเรียน ไปทดสอบนักเรียนอีกครั้ง จากนั้นนำผลที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติต่อไป 4. การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ โดยการจัดการเรียนรู้แบบ ผสมผสาน ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผู้วิจัยดำเนินการโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสำหรับ ข้อมูลทางสังคมศาสตร์(SPSS for Window) ตามขั้นตอนดังนี้ 4.1 ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการหา คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ 4.2 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่าง คะแนนหลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 65 ด้วยการทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว (t – test for One Sample) 4.3 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่าง ก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for Dependent Sample)
สรุปผลการวิจัย การศึกษาวิจัยครั้งนี้สามารถสรุปผลได้ดังนี้ 1. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคน ของเศษส่วนและจำนวนคละ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 8.30 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 41.67 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 14.39 คิดเป็นร้อยละ 71.97 เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนกับเกณฑ์ พบว่า คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 65 2. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคน ของเศษส่วนและจำนวนคละ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่า คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน อภิปรายผลการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยมีประเด็นที่จะอภิปรายผลการวิจัย ดังนี้ 1. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคน ของเศษส่วนและจำนวนคละ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 8.30 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 41.67 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 14.39 คิดเป็นร้อยละ 71.97 เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนกับเกณฑ์ พบว่า คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 65 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เป็นไปตามสมมุติฐานข้อที่ 1 ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก การจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เป็นวัฏจักรการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามความถนัด พร้อมกับพัฒนาสิ่งที่ไม่ถนัด เข้าใจระบบการเรียนรู้ของสมองและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ ประสบการณ์เดิมที่มีสร้างประสบการณ์ใหม่ แล้วสร้างหรือค้นพบวิธีการแก้ปัญหาหรืองานด้วยตนเอง ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพแตกต่างจากการจัดการรเรียนการสอนคณิตศาสตร์ แบบปกติ สอดคล้องกับ ทิศนา แขมมณี ( 2556: 262 ) ที่กล่าวว่า การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้อย่างมี ประสิทธิภาพนั้น เกิดจากการที่คนเรารับรู้ข้อมูลแล้วนำข้อมูลเหล่านั้นไปจัดกระบวนการเสียใหม่ตาม ความถนัดของตนเอง ซึ่งการรับรู้ของบุคคลมี 2 ช่องทาง คือ ช่องทางที่หนึ่งผ่านทางประสบการณ์ ที่เป็นรูปธรรมหรือประสบการณ์ตรง (Concrete Experience) และช่องทางที่สองผ่านทางความคิด รวบยอดหรือมโนมติที่เป็นนามธรรม (Abstract Conceptualization) ซึ่งจะแทนด้วยแกนตั้ง (แกน Y) ส่วนกระบวนการจัดกระทำกับข้อมูลที่รับรู้นั้นมีลักษณะเช่นเดียวกัน คือการลงมือปฏิบัติจริง (Active Experimentation) และการสังเกตโดยใช้ความคิดอย่างไตร่ตรอง (Reflective Observation) ซึ่งจะแทนด้วยแกนนอน (แกน X) เมื่อลากเส้นตรงของช่องทางการรับรู้ 2 ช่องทาง และเส้นตรงของกระบวนการจัดกระทำข้อมูลเพื่อให้เกิดการเรียนรู้มาตัดกันแล้วเขียนเป็นวงกลม จะเกิดพื้นที่เป็น 4 ส่วนของวงกลม โดยปองภพ สุกิตติวงศ์ (2561) ได้เสนอว่า ได้ศึกษาการ
ประยุกต์ใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบผสมผสานในการจัดการเรียนการสอนทางด้านทฤษฎีดนตรีสากลซึ่ง ผลสัมฤทธิ์ด้านทฤษฎีดนตรีสากลของนักศึกษาในการทดสอบหลังเรียนสูงขึ้นจากการทดสอบก่อน เรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการจัดการ เรียนการสอนอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่ง พิชญะ พรมลา และสรเดช ครุฑจ้อน (2563) ได้สรุปไว้ว่า การใช้แชทบอทช่วยในการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานสำหรับผู้เรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพใน สถานศึกษาสังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลการวิจัยพบว่าผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนและความจำขณะปฏิบัติงานของผู้เรียนกลุ่มทดลองสูงกว่าผู้เรียนกลุ่มควบคุม ซึ่งสอดคล้องกับ ลัดดาวรรณ จันทร์ใหม่ และคณะ (2562) ได้ศึกษาการพัฒนารูปแบบการจัดการ เรียนรู้แบบผสมผสานบนฐานการคิดออกแบบเกมที่สร้างเสริมความมุ่งมั่นแน่วแน่ของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ผลการวิจัยพบว่า1) องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ แนวคิด ทฤษฎี 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) เนื้อหา 4) กระบวนการจัดการเรียนรู้ 5) การวัดประเมินผล 6) บทบาท ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และรูปแบบ การจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานบนฐานการคิดออกแบบเกมที่สร้างเสริมความมุ่งมั่นแน่วแน่ของ นักเรียน พบว่า 5 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 ค้นคว้า ขั้นที่ 2 ขั้นสร้างแรงจูงใจ ขั้นที่ 3 ขั้นถ่ายโอนข้อมูล ขั้นที่ 4 ขั้นการเรียนรู้ ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 หลังได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานบนฐานการ คิดออกแบบเกมสร้างเสริมความมุ่งมั่นแน่วแน่ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) นักเรียนมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 จากการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานบนฐานการคิดออกแบบเกมสร้างเสริมความ มุ่งมั่นแน่วแน่ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอยู่ในระดับมาก และการวิจัยสุชัญญา เยื้องกลาง และคณะ (2562) ได้ศึกษาการพัฒนาระบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานโดยใช้เกมพลิเคชันเป็น ฐานเพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหา และทักษะการเชื่อมโยงคณิตศาสตร์สู่ชีวิตจริงระดับประถมศึกษา ผลการวิจัยพบว่า1. ระบบการเรียนการสอนที่พัฒนามี5 องค์ประกอบ คือ 1) ปัจจัยนำเข้า 2) กระบวนการ 3) การควบคุม4) ผลลัพธ์5) ข้อมูลป้อนกลับองค์ประกอบกระบวนการ แบ่งออก 2 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นเตรียมการก่อนการเรียนการสอนและขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งมี 6 ขั้น ได้แก่ ขั้นนำเสนอสถานการณ์ปัญหา ขั้นสอน มี4 กิจกรรม ได้แก่1) ค้นหาปัญหา 2) วางแผน 3) ดำเนินการแก้ปัญหา 4 )การนําเสนอผลและตรวจสอบการแก้ปัญหา ขั้นสรุปความคิด รวบยอด ขั้นฝึกทักษะ ขั้นประยุกต์ใช้และขั้นประเมินผล กระบวนการเกมฟิเคชัน ประกอบด้วย 1) แต้มสะสม (Points) 2) เหรียญตราสัญลักษณ์(Badges) 3) ลำดับขั้น (Levels) 4) ตารางอันดับ (Leaderboard) 5) ความท้าทาย (Challenges) 2. ผู้เรียนมีทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
ทักษะการเชื่อมโยงคณิตศาสตร์สู่ชีวิตจริง และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่าง มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคน ของเศษส่วนและจำนวนคละ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่า คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนโดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานข้อที่ 2 ทั้งนี้อาจ เป็นผลเนื่องมาจาก นักเรียนแต่ละคนได้รับโอกาสในการเรียนรู้ในหลายรูปแบบและพัฒนาตนเอง อย่างเท่าเทียมตามความถนัดของตนเอง จึงมีความสุขในการเรียนรู้ สอดคล้องกับสมร อุ่นผ่อง และ ผศ.ดร.ชาญชัย วงศ์สิรสวัสดิ์ (2563) ได้ศึกษาผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน แนวคิดแบบสมดุลภาษา(Balanced literacy) เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนมาตราไทย ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย และความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ผลการวิจัยพบว่า ผลการวิจัย พบว่า หลักการของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานแนวคิด เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนมาตราไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งสอดคล้องกับ ผลการวิจัยของสุธน วงค์แดง และ พรนภัส ทับทิมอ่อน (2563) ได้ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบ ผสมผสาน(Blended Learning)เพื่อส่งเสริมทักษะการพูดภาษาอังกฤษในการสื่อสารสำหรับครูระดับ ประถมศึกษา ผลการวิจัยพบว่า 1) ครูผู้สอนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบ ผสมผสานเพื่อส่งเสริมทักษะการพูดภาษาอังกฤษในการสื่อสารก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ย6.41 (ร้อยละ64.10)หลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ย8.12(ร้อยละ81.20)และเมื่อเปรียบเทียบความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานพบว่าหลังเรียนแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานสูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ0.05 2)คะแนนความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษพบว่า ครูผู้สอนมีความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ย10.42(52.10%)หลังเรียน มีคะแนนเฉลี่ย17.21(86.05%)และเมื่อเปรียบเทียบความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษพบว่าหลัง เรียนคะแนนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ0.05 3) ผลการประเมินทักษะการพูด ภาษาอังกฤษในการสื่อสารของครูผู้สอนระดับประถมศึกษาก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับพอใช้ หลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับดีและเมื่อเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังเรียนพบว่าคะแนน ทักษะการพูดภาษาอังกฤษในการสื่อสารหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะสำหรับการนำผลการวิจัยไปใช้ จากการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะสำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบผสมผสานที่ มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ดังนี้ 1.1 ในการนำการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบผสมผสาน ครูผู้สอนควรศึกษาและทำความ เข้าใจขั้นตอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ชัดเจน เพื่อให้นักเรียนสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และไม่เกิดปัญหาในระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ 1.2 ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบผสมผสาน ควรเตรียมสื่อเครื่องมือและอุปกรณ์การ สอนให้พร้อมสำหรับ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละครั้ง และควรจดบันทึกหลังสอนเพื่อให้ทราบ ปัญหาสิ่งที่ต้องการแก้ไขเพื่อทำให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 1.3 ในขณะทำกิจกรรมครูต้องคอยกระตุ้น ส่งเสริม และเสริมแรง ให้นักเรียนช่วยเหลือ และปรึกษากัน เพื่อให้แต่นักเรียนแต่ละคนเกิดแนวคิด 1.4 ครูผู้สอนควรแจ้งผลการปฏิบัติกิจกรรมทุกครั้ง เช่น ผลการตรวจใบงาน การทำ แบบฝึกหัดและการทำแบบทดสอบย่อย เพื่อให้นักเรียนได้ตรวจสอบความรู้และความเข้าใจทำให้ ผู้เรียนมีความเข้าใจเนื้อหาที่ถูกต้องยิ่งขึ้น 2. ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป ในการวิจัยครั้งต่อไป ผู้วิจัยขอเสนอแนะประเด็นที่ควรนำมาศึกษาดังนี้ 2.1 ควรศึกษาเนื้อหาที่จะทำการวิจัยให้ชัดเจนก่อนการทำวิจัย เพื่อนำมาเป็นกรอบการ ออกแบบกิจกรรมที่นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง 2.2 ควรศึกษาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบผสมผสาน ในกลุ่มสาระคณิตศาสตร์ใน ระดับชั้นอื่น ๆ โดยปรับกิจกรรมการเรียนการสอน ให้เหมาะสมกับเนื้อหาในแต่ละระดับชั้นและวัย ของนักเรียนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของนักเรียน 2.3 ควรศึกษาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบผสามผสานกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ อื่น ๆ ในระดับชั้นต่าง ๆ
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย
รายนามผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ที่ประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีรายนามดังต่อไปนี้ รายชื่อผู้เชี่ยวชาญ 1. นางสาวรสสุคนธ์ อุดม ครูโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี 2. นายอภิชาต แซ่อึ้ง ครูโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 3. นางสาวณัฐรียา วันสา ครูโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
ภาคผนวก ข แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์(Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ
แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ คำชี้แจง ขอให้ท่านผู้เชี่ยวชาญได้กรุณาแสดงความคิดเห็นของท่านที่มีต่อแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวิชาคณิตศาสตร์ บทที่ 3 เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใส่เครื่องหมาย () ลงในช่องความคิดเห็นของท่านพร้อมเขียนข้อเสนอแนะ ที่เป็น ประโยชน์ในการนำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไป จุดประสงค์เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 1. นักเรียน สามารถ เปรียบเทียบ เรียงลำดับ เศษส่วนและ จำนวนคละ จาก สถานการณ์ต่าง ๆ ได้ 1. เศษส่วนในข้อใด มีค่าเท่ากับ 12 9 ก. 12 18 ข. 38 36 ค. 36 27 ง. 3 4 2. ตัวเลือกในข้อใด มีค่าเท่ากับ 6 3 1 ก. 3 2 1 ข. 2 1 1 ค. 9 6 ง. 6 1 2 3. ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง ก. 5 2 5 1 ข. 5 3 5 4 ค. 3 4 12 16 = ง. 4 9 9 4
จุดประสงค์เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 1. นักเรียน สามารถ เปรียบเทียบ เรียงลำดับ เศษส่วนและ จำนวนคละ จาก สถานการณ์ต่าง ๆ ได้(ต่อ) 4. กำหนด 30 ÷ 7 13 30 × 7 5 เครื่องหมายใน ช่องว่างคือเครื่องหมายใด ก. = ข. < ค. > ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง 5. ข้อใดเรียงลำดับเศษส่วนจากน้อยไปมาก ก. 5 1 5 2 5 3 15 5 ข. 8 7 8 5 8 9 8 1 ค. 12 1 12 8 12 7 12 9 ง. 4 3 4 5 4 7 4 8 2. นักเรียน สามารถหา ผลลัพธ์ของการ บวก ลบ คูณ หารระคนของ เศษส่วนและ จำนวนคละได้ 6. 4 3 ) 8 5 2 1 ( + − = ก. 8 2 ข. 8 3 ค. 8 5 ง. 8 7 7. ผลลัพธ์ของ 2 − 3 7 + 4 5 ตรงกับข้อใด ก. 1 3 35 ข. 1 13 35 ค. 2 3 35 ง. 2 13 35
จุดประสงค์เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 2. นักเรียน สามารถหา ผลลัพธ์ของการ บวก ลบ คูณ หารระคนของ เศษส่วนและ จำนวนคละ ได้(ต่อ) 8. 12 7 ) 12 13 12 12 ( + − = ก. 12 25 1 ข. 21 13 1 ค. 12 7 1 ง. 12 6 1 9. ตัวเลขที่หายไป 9 81 7 = คือข้อใด ก. 49 ข. 54 ค. 63 ง. 72 10. ผลลัพธ์ของ 2 1 8 − ( 3 4 + 1 2 ) ตรงกับข้อใด ก. 1 7 8 ข. 7 8 ค. 7 9 ง. 1 7 9 11. ผลลัพธ์ของ 4 5 24 − 2 9 × 27 32 + 1 12 ตรงกับข้อใด ก. 4 1 48 ข. 1 5 48 ค. 4 5 48 ง. 5 4 48 12. 5 2 2 4 2 1 + มีค่าเท่ากับข้อใด ก. 10 3 1 ข. 1 ค. 2 ง. 3
จุดประสงค์เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 2. นักเรียน สามารถหา ผลลัพธ์ของการ บวก ลบ คูณ หารระคนของ เศษส่วนและ จำนวนคละ ได้(ต่อ) 13. ) 51 5 17 2 ( − = ข้อใดถูกต้อง ก. ผลลัพธ์มีค่ามากกว่า 51 1 ข. ผลลัพธ์มีค่าน้อยกว่า 51 2 1 ค. ผลลัพธ์มีค่าเท่ากับ 4 3 1 ง. ข้อ ก และ ข 14. ผลลัพธ์ของ ( 3 5 + 7 15) ÷ 3 1 3 ตรงกับข้อใด ก. 18 25 ข. 1 8 25 ค. 5 28 ง. 8 25 16. ผลลัพธ์ของ 1 2 3 + 4 ÷ 3 1 3 ตรงกับข้อใด ก. 1 13 15 ข. 2 13 15 ค. 1 13 25 ง. 2 13 25 17. ผลลัพธ์ของ 7 5 6 ÷ 2 1 3 − 5 18 × 9 25 ตรงกับข้อใด ก. 2 13 15 ข. 3 3 25 ค. 3 9 35 ง. 4 3 35
จุดประสงค์เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 2. นักเรียน สามารถหา ผลลัพธ์ของการ บวก ลบ คูณ หารระคนของ เศษส่วนและ จำนวนคละ ได้(ต่อ) 18.ผลลัพธ์ของ 2 3 − 1 4 × 3 5 ตรงกับข้อใด ก. 31 60 ข. 31 50 ค. 13 60 ง. 13 50 19.ผลลัพธ์ของ 7 36 + 1 18 ÷ 4 27 ตรงกับข้อใด ก. 14 27 ข. 11 27 ค. 41 72 ง. 44 72 20. 5 12 ÷ 6 25 + 2 7 ÷ 3 14 มีค่าเท่ากับข้อใด ก. 1 14 27 ข. 2 4 72 ค. 3 5 72 ง. 4 6 72 3. นักเรียน สามารถแสดงวิธี หาคำตอบของ ปัญหาเศษส่วน และจำนวนคละ 2-3 ขั้นตอนได้ 21. หนูนิดเก็บขยะรีไซเคิลได้ 6 2 กิโลกรัม หนูหน่อย เก็บขยะรีไซเคิลได้ 5 3 กิโลกรัม หนูนิดและหนูหน่อยเก็บ ขยะรีไซเคิลได้เท่าไร ก. 6 5 ข. 8 5 ค. 14 5 ง. 15 14
จุดประสงค์เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 3. นักเรียน สามารถแสดงวิธี หาคำตอบของ ปัญหาเศษส่วน และจำนวนคละ 2-3 ขั้นตอน ได้(ต่อ) 22. หอประชุมแห่งหนึ่งมีเก้าอี้อยู่ 850 ตัว เป็นเก้าอี้ พลาสติก 3 5 ของจำนวนเก้าอี้ทั้งหมด ที่เหลือเป็นเก้าอี้ไม้ หอประชุมแห่งนี้มีเก้าอี้ไม้กี่ตัว ก. 340 ตัว ข. 440 ตัว ค. 510 ตัว ง. 610 ตัว 23. แม่เตรียมเงินไว้ 800 บาท ซื ้อเนื ้อสัตว์ 1 4 ของเงินที่ เตรียมไว้ ซื ้อผักและผลไม้ 2 5 ของเงินที่เตรียมไว้ เงินที่ เหลือแบ่งให้ลูกทั ้ง 2 คน คนละเท่าๆกัน ลูกแต่ละคนจะได้ เงินคนละกี่บาท ก. 120 บาท ข. 140 บาท ค. 240 บาท ง. 280 บาท 24. แดงมีเงินอยู่ 125 บาท ใช้ไป 5 2 ของเงินที่มี แดงใช้เงินไปเท่าไร ก. 25 บาท ข. 40 บาท ค. 45 บาท ง. 50 บาท 25. “กาฟิ วซื ้อน ้าส้ม 2 1 2 ลิตร ราคาลิตรละ 90 บาท ซื ้อ กล้วยหอม 3 2 5 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 35 บาท กาฟิ ว จะต้องจ่ายเงินทั ้งหมดกี่บาท” โจทย์ดังกล่าวสามารถ เขียนเป็ นประโยคสัญลักษณ์ได้อย่างไร ก. (2 1 2 × 3 2 5 ) + (90 + 35) = ∎ ข. (2 1 2 × 35) + (3 2 5 × 90) = ∎ ค. (2 1 2 × 90) + (3 2 5 × 35) = ∎ ง. (2 1 2 ÷ 90) + (3 2 5 ÷ 35) = ∎
จุดประสงค์เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 3. นักเรียน สามารถแสดงวิธี หาคำตอบของ ปัญหาเศษส่วน และจำนวนคละ 2-3 ขั้นตอน ได้(ต่อ) 26. “ล้อมรักมีเชื่อฟอก 150 เมตร ตัดใช้ 2 5 เมตร เชือก ฟอกที่เหลือน าไปถักหมวกได้ 12 ใบ โดยหมวกแต่ละใบใช้ เชือกฟอกยาวเท่าๆกัน หมวกแต่ละใบใช้เชือกฟอกยาวกี่ เมตร” โจทย์ดังกล่าวสามารถเขียนเป็ นประโยคสัญลักษณ์ ได้อย่างไร ก. (150 − 2 5 ) ÷ 12 = ∎ ข. (150 − 2 5 ) × 12 = ∎ ค. (150 ÷ 2 5 ) ÷ 12 = ∎ ง. (150 ÷ 2 5 ) × 12 = ∎ 27. ล้อมรักมีเชื่อฟอก 150 เมตร ตัดใช้ 2 5 เมตร เชือกฟอก ที่เหลือน าไปถักหมวกได้ 12 ใบ โดยหมวกแต่ละใบใช้ เชือกฟอกยาวเท่าๆกัน หมวกแต่ละใบใช้เชือกฟอกยาวกี่ เมตร ก. 1 4 7 ข. 12 7 15 ค. 13 7 15 ง. 4 6 15 28. โรงเรียนอักษรวิทยามีนักเรียนทั ้งหมด 2,585 คน เป็ น นักเรียนหญิง 3 5 ของนักเรียนทั ้งหมด ต่อมามีนักเรียนเข้า ใหม่ 12 คน เป็ นนักเรียนชาย 7 คน และเป็ นนักเรียนหญิง 5 คน ปัจจุบันโรงเรียนอักษรวิทยามีนักเรียนชายน้อยกว่า นักเรียนหญิงกี่คน ก. 515 คน ข. 517 คน ค. 519 คน ง. 521 คน
จุดประสงค์เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 3. นักเรียน สามารถแสดงวิธี หาคำตอบของ ปัญหาเศษส่วน และจำนวนคละ 2-3 ขั้นตอน ได้(ต่อ) 29. ร้านขายข้าวมันไก่ ซื ้อแตงกวา 24 ผล หั่นเฉียงเป็ นชิ ้น เท่าๆ กันชิ ้นละ 1 6 ของผล น าแตงกวามาจัดใส่จาน จานละ 4ชิ ้น จะจัดแตงกวาใส่ข้าวมันไก่ได้กี่จาน ก. 33 จาน ข. 34 จาน ค. 35 จาน ง. 36 จาน 30. ภูมิมีเงินอยู่ 900 บาท ซื้อไม้ปิงปองราคา 7 12 ของเงินที่ มีอยู่ ซื้อลูกปิงปองแบบกล่องราคา 2 9 ของเงินที่มีอยู่ ภูมิซื้อ ไม้ปิงปองและลูปปิงปองรวมเป้นเงินกี่บาท ก. 724 บาท ข. 725 บาท ค. 726 บาท ง. 727 บาท +1 หมายถึง เหมาะสม, 0 หมายถึง ไม่แน่ใจ, -1 หมายถึง ไม่เหมาะสม ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ..................... (ลงชื่อ)..........................................................................ผู้เชี่ยวชาญ (.......................................................................)
แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ คำชี้แจง ขอให้ท่านผู้เชี่ยวชาญได้กรุณาแสดงความคิดเห็นของท่านที่มีต่อแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์ บทที่ 3 เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ ระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 โดยใส่เครื่องหมาย () ลงในช่องความคิดเห็นของท่านพร้อมเขียนข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ในการ นำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไป ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ เหมาะสม +1 ไม่แน่ใจ 0 ไม่เหมาะสม -1 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วนและสัมพันธ์กัน 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและสอดคล้องกับ ความสามารถผู้เรียน 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับระดับชั้น 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและจุดประสงค์ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถ ผู้เรียน 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และกิจกรรม 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจน ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ และ เจตคติ ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................... (ลงชื่อ)................................................................ผู้ประเมิน (.......................................................................)
ภาคผนวก ค ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนี ความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ
ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ ข้อที่ ผลการประเมินผู้เชี่ยวชาญ รวม IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1 0 0 +1 1 0.33 ใช้ไม่ได้ 2 0 0 +1 1 0.33 ใช้ไม่ได้ 3 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 8 0 +1 0 2 0.67 ใช้ได้ 9 0 +1 0 1 0.33 ใช้ไม่ได้ 10 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 11 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 12 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 13 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 14 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 15 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 16 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 17 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 18 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 19 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 20 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 21 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 22 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้
ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ(ต่อ) ข้อที่ ผลการประเมินผู้เชี่ยวชาญ รวม IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 23 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 24 +1 +1 3 3 1.00 ใช้ได้ 25 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 26 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 27 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 28 0 0 +1 1 0.33 ใช้ไม่ได้ 29 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 30 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ หมายเหตุการแปลผลค่า IOC ใช้เกณฑ์ ดังนี้ IOC < 0.5 หมายถึง ข้อสอบไม่สอดคล้องกับเนื้อหา ควรตัดข้อสอบข้อนั้นทิ้งไป IOC > 0.5 หมายถึง ข้อสอบข้อนั้นสอดคล้องกับเนื้อหา สามารถใช้ข้อสอบข้อนั้นได้
ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 เรื่อง การคูณเศษส่วนและจำนวนคละ ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้
ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 19 เรื่อง การหารเศษส่วนและจำนวนคละ ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้
ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 เรื่อง การบวก ลบ คูณหารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ 3 จำนวนแบบมีวงเล็บ ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้
ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21 เรื่อง การบวก ลบ คูณหารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ 3 จำนวนแบบไม่มีวงเล็บ ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้
ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้
ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 23 เรื่อง กิจกรรมเกมมหาสนุกและทบทวนบทเรียน ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้
ภาคผนวก ง ค่าความยากง่าย (p) และค่าอำนาจจำแนก (r) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ ผลการทดสอบค่าเฉลี่ยของสมมติฐานทางสถิติ (t – test for One Sample and t-test for DependentSample)
ผลการหาค่าความยากง่าย (p) และค่าอำนาจจำแนก (r) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ ข้อที่ ประสิทธิภาพของแบบทดสอบ ผลการวิเคราะห์ ค่าความยากง่าย (p) ค่าอำนาจจำแนก (r) 1 0.75 0.33 ใช้ได้ 2 0.79 0.42 ใช้ได้ 3 0.79 0.25 ใช้ได้ 4 0.79 0.25 ใช้ได้ 5 0.74 0.33 ใช้ได้ 6 0.79 0.25 ใช้ได้ 7 0.80 0.42 ใช้ได้ 8 0.63 0.25 ใช้ได้ 9 0.54 0.25 ใช้ได้ 10 0.58 0.33 ใช้ได้ 11 0.67 0.33 ใช้ได้ 12 0.63 0.42 ใช้ได้ 13 0.79 0.50 ใช้ได้ 14 0.63 0.25 ใช้ได้ 15 0.58 0.33 ใช้ได้ 16 0.79 0.25 ใช้ได้ 17 0.54 0.42 ใช้ได้ 18 0.68 0.33 ใช้ได้ 19 0.66 0.25 ใช้ได้ 20 0.71 0.25 ใช้ได้ หมายเหตุ การพิจารณาค่าความยาก (p) ที่พอเหมาะ ควรมีค่าตั้งแต่ 0.20 – 0.80 การพิจารณาค่าอำนาจจำแนก (r) ที่พอเหมาะ ควรมีค่าตั้งแต่ 0.20 ขึ้นไป
ผลการทดสอบค่าเฉ (Paired Samples t - test) ตารางที่ ง.3 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติทดสอ ก่อนเรียนกับหลังเรียนของผู้เรียน จากตารางที่ ง.3 พบว่า การทดสอบคะแนนของผู้เรียน มีคะ 14.39 คะแนน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนสอบทั้งสองครั้ง พบว
ฉลี่ยของสมมติฐานทางสถิติ อบที และระดับนัยสำคัญทางสถิติในการทดสอบเปรียบเทียบคะแนน ะแนนก่อนเรียนเฉลี่ย เท่ากับ 8.30 คะแนน และมีคะแนนหลังเรียนเฉลี่ย เท่ากับ ว่า คะแนนสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .0
(t – test for One Sample) ตารางที่ ง.4 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติทดส กับคะแนนสอบหลังเรียนของผู้เรียน จากตารางที่ ง.4 พบว่า การทดสอบหลังเรียนของผู้เรียนม เกณฑ์ร้อยละ 65 ผลปรากฏว่า คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนไม่ต่ำกว่าเก
สอบที และระดับนัยสำคัญทางสถิติในการทดสอบเปรียบเทียบเกณฑ์ร้อยละ 65 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 14.39 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 71.97 และเมื่อเทียบกับ ณฑ์ร้อยละ 65
ภาคผนวก จ ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ
1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการ ของจำนวน ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการ สมบัติของการดำเนินการ และนำไปใช้ 2. ตัวชี้วัด ค 1.1 ป.6/7 หาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คูณ หารระคน ของเศษส่วนและจำนวนคละ 3. สาระสำคัญ 3.1 การคูณจำนวนนับกับเศษส่วนทำได้ โดยนำจำนวนนับคูณกับตัวเศษ โดยตัวส่วนยังคง เดิม 3.2 การคูณเศษส่วนกับเศษส่วนใช้วิธีนำตัวเศษคูณกับตัวเศษและตัวส่วนคูณกับตัวส่วนหรือ ถ้าตัวเศษและตัวส่วนมีตัวประกอบร่วมให้นำตัวประกอบร่วมมาหารทั้งตัวเศษและตัวส่วนก่อน แล้ว จึงหาผลคูณ 3.3 การคูณเศษส่วนกับจำนวนคละอาจทำได้โดย เขียนจำนวนคละในรูปเศษเกิน แล้วจึงหา ผลคูณ 4. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 4.1 นักเรียนสามารถบอกวิธีการหาผลคูณของเศษส่วนและจำนวนคละได้อย่างถูกต้อง (K) 4.2 นักเรียนสามารถแสดงวิธีการหาผลคูณเศษส ่วนและจำนวนคละที ่กำหนดให้ได้อย ่าง ถูกต้อง (P) 4.3 นักเรียนกระตือรือร้น ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการเสาะแสวงหาความรู้(A) 5. สาระการเรียนรู้ การคูณเศษส่วนและจำนวนคละ 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้ 6.1 ขั้นเข้าสู่ระบบ 6.1.1 ครูและนักเรียนเจอกันผ่านโปรแกรมZOOM เนื่องจากเป็นการจัดกิจกรรมการ จัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค16101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยที่ 3 การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ เวลาเรียน 12 ชั่วโมง เรื่อง การคูณเศษส่วนและจำนวนคละ เวลา 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวสิดาพร อามาตมนตรี วันที่26 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2564
6.1.2 ครูทักทายนักเรียนและให้นักเรียนทักทายกันเบื้องต้นเพื่อเป็นการรอนักเรียนคน อื่นๆที่ยังไม่เข้าระบบ 6.1.3 ครูใช้Application ClassDojo ในการเช็คชื่อนักเรียน โดยกระบวนการในการเช็ค ชื่อนักเรียนคือ กิจกรรมตอบรับด้วยการขานจากโจทย์ที่ครูสร้างขึ้น เช่น ให้นักเรียนขานรับด้วยเสียง อารมณ์ความรู้สึกในวันนี้ เช่น แฮปปี้ เบื่อ เหนื่อย สดชื่น (จะได้รู้ว่านักเรียนรู้สึกยังไงในตอนนี้) 6.2 ขั้นออนไลน์ให้ความรู้แบบผสานเวลา 6.2.1 ครูเปิดเพลงเกี่ยวกับการคูณเศษส่วนให้นักเรียนฟัง โดยแจ้งว่าให้ตั้งใจและช่วยกัน ฟังหลังจากนั้นครูจะถามว่าเพลงดังกล่าวมีเนื้อเพลงว่าอย่างไร 6.2.2 ให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เนื้อเพลงดังนี้ 6.2.3 เมื ่อนักเรียนเข้าใจในหลักการคูณเศษส ่วนแบบคร ่าวๆจากเนื้อเพลงแล้วนั้น ครูนำเสนอpower point ขึ้นหน้าจอ และอธิบายเนื้อหาและยกตัวอย ่างโจทย์การคูณเศษส ่วน โดยเนื้อหาในสไลด์คือ - การคูณจำนวนนับกับเศษส่วน (ให้นำจำนวนนับมาคูณกับตัวเศษ โดยตัวส่วนคงเดิม หรือ ถ้าตัวส่วนหารจำนวนนับลงตัว ให้นำตัวส่วนหารจำนวนนับแล้วจึงคูณกับตัวเศษ) -การคูณเศษส่วนกับเศษส่วน (ให้นำตัวเศษคูณกับตัวเศษ และนำตัวส่วนคูณกับตัวส่วน) -การคูณเศษส่วนและจำนวนคละ (ต้องแปลงจำนวนคละให้เป็นเศษเกินก่อน จากนั้นจึงจะ สามารถนำตัวเศษคูณกับตัวเศษ และนำตัวส่วนคูณกับตัวส่วนได้) 6.1.4 ครูให้นักเรียนสังเกตข้อความที่ครูฉายผ่านหน้าจอ ความความเป็นโจทย์ตัวอย่าง ซึ่งมีคำว่า “ของ”อยู่ระหว่างการคูณเศษส่วน ครูอธิบายเกี่ยวกับคำว่า “ของ”นี่ว่าหมายถึง คูณ พร้อม ทั้งยกตัวอย่างเพิ่มเติม เช่น 1 6 ของ 18 หมายถึง 1 6 × 8
6.1.5 โดยระหว่างที่ครูได้อธิบายครูจะถามให้นักเรียบช่วยตอบเรื่อยๆเพื่อเป็นการเช็ค ความเข้าใจของนักเรียน 6.3 ขั้นตรวจสอบความรู้ความเข้าใจ 6.3.1 เมื่อนักเรียนได้เรียนรู้ในเรื่องการคูณเศษส่วนและจำนวนคละแล้ว หลังจากนั้น เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในจุดต่างๆที่ยังไม่เข้าใจ 6.3.2 ครูให้นักเรียนแข ่งขันกันคูณเศษส ่วน โดยแบ ่งนักเรียนออกเป็น 2 ฝ ่าย (ชาย-หญิง) ให้นักเรียนชายคิดเศษส่วนหรือจำนวนคละคนละ 1 จำนวน นักเรียนหญิงคิดเศษส่วนหรือ จำนวนคละคนละ 1 จำนวน หลังจากนั้นครูสุ ่มชื ่อนักเรียนผ ่าน Application ClassDojo โดยให้ นักเรียนบอกจำนวนที่นักเรียนคิดไว้ 6.3.3 ครูนำจำนวนที่นักเรียนบอกเขียนเป็นโจทย์การคูณเศษส่วนผ่านทางหน้าจอ แล้ว ให้นักเรียนแข่งขันกันหาคำตอบ สมาชิกฝ่ายที่สามารถหาคำตอบได้ถูกต้องก่อน ได้รับคะแนนสะสม 1 คะแนน ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม 4-5 รอบ ฝ่ายที่ได้คะแนนสะสมมากที่สุดเป็นฝ่ายชนะ 6.4 ขั้นฝึกฝนและประเมิน 6.4.1 ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด โดยให้นักเรียนร่วมกันลงความคิดเห็นใน เรื่องของข้อที่ต้องการจะทำส่งครู 6.4.2 ให้เวลานักเรียนทำแบบฝึกหัด กติกาของช่วงทำแบบฝึกหัดคือ - ถ้านักเรียนคนใดทำเสร็จแล้วให้พิมพ์แชทแจ้งครูเพื่อเป็นสัญญาณว่าตนเองได้ทำแบบฝึกหัดเสร็จ แล้ว - ถ้าจำนวนนักเรียนที่ทำเสร็จถึงครึ่งห้องถึงจะสามารถเฉลยได้ - ระหว่างที่ทำแบบฝึกหัดอนุญาตให้นักเรียนสอบถามส่วนที่ไม่มั่นใจหรือสงสัยได้ - นักเรียนที่ทำแบบฝึกเสร็จแล้วสามารถพักผ่อนระหว่างการรอเพื่อนๆได้ 6.4.3 สำรวจคำตอบของนักเรียน หลังจากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัด 6.4.4 นักเรียนคนใดตรวจสอบความถูกต้องของแบบฝึกหัดของตนเองแล้วให้เปิดกล้อง และชูแบบฝึกหัดที่ตนเองทำให้ครูดูเพื่อเป็นการเช็คงานนักเรียน หลังจากนั้นนักเรียนสามารถออกจาก ห้องเรียนzoomได้ 6.4.5 ครูแจ้งสรุปการเรียนในแต ่ละวันลงในกลุ ่มไลน์และสร้างไฟล์google drive ไว้ สำหรับแปะวิดีโอและPowerPoint ไว้ให้สำหรับนักเรียนที ่ไม ่สะดวกเรียนOnlineหรือนักเรียนที่ ต้องการศึกษาเพิ่มเติม ***** เพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองสามารถทบทวนตามความต้องการได้ (On demand) *****
7.สื่อการเรียนรู้ และแหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 7.1.1 แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่ม1 อจท. 7.1.2 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่ม1 อจท. 7.1.3 Zoom Application 7.1.4 คลิปวิดีโอเพลง การคูณเศษส่วน 7.1.5 ClassDojo Application 7.1.6 PowerPoint เรื่อง การคูณเศษส่วนและจำนวนคละ 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 7.2.1 ห้องสมุด 7.2.2 เว็บไซต์ www.google.com พิมพ์ค ำว่ำ การคูณเศษส่วนและจำนวนคละ ป.6 7.2.3 เว็บไซต์ www.youtube.com พิมพ์ค ำว่ำ การคูณเศษส่วนและจำนวนคละ ป.6
8. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัดผล เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ (K) บอกวิธีการหาผลคูณของ เศษส่วนและจำนวนคละได้ อย่างถูกต้อง ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด วัดและประเมินผล การทำแบบฝึกหัด ได้ ระดับ ดี ขึ้นไปถือว่า ผ่านเกณฑ์ ด้านทักษะ/ กระบวนการ (P) แสดงวิธีการหาผลคูณ เศษส่วนและจำนวนคละที่ กำหนดให้ได้อย่างถูกต้อง ด้านคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ (A) กระตือรือร้น ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการเสาะ แสวงหาความรู้ การสังเกตพฤติกรรม จากการทำกิจกรรม ต่างๆในห้องเรียน แบบสังเกต พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ระดับ ดีขึ้นไป
บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ - ด้านความรู้ (K) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… - ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… - ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. แนวทางการแก้ไข ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………..…………………………….. (นางสาวสิดาพร อามาตมนตรี) นักศึกษาปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา วันที่ ……เดือน………..…….…….. พ.ศ. 2564
ความคิดเห นของครูพี่เลี้ยง ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ลงชื่อ ........................................ (นางสาว ) ครูพี่เลี้ยง ............./............../........... ความคิดเห นของผู้บริหาร ............................................................................................................................. .................................... ................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................... ลงชื่อ ........................................ (รองศาสตราจารย ศิริพร พัสดร) ผู้อำนวยการ ............./............../...........
แบบประเมินผลการทำแบบฝึกหัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค16101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยที่ 3 การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ เวลาเรียน 12 ชั่วโมง เรื่อง การคูณเศษส่วนและจำนวนคละ เวลา 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวสิดาพร อามาตมนตรี วันที่26 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2564 เลขที่ ชื่อ-สกุล ประเด็น คะแนนรวม คะแนนรวม 1. หมายเหตุ ความถูกต้อง ของเนื้อหา 2.ความครบถ้วน 3.ความเป็น ระเบียบ 4.เสร จตามเวลา ที่กำหนด 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 เด็กชายกริญจ์ตภัทร บุญจันทร์ 2 เด็กชายคณิน พุทธรักษ์ 3 เด็กชายฐากร ภัทรชื่นดำรงกุล 4 เด็กชายณัฐนนท์ ผดุงสันต์ 5 เด็กชายณัฐพัชร์ สิริจิตวานิช 6 เด็กชายธนปรัชญ์ ธรรมขันธ์ 7 เด็กชายธนรินทร์ นภามาศ 8 เด็กชายธนวรรธน์ สีหนาท 9 เด็กชายปาลวริษฐ์ ไพบูลย์ 10 เด็กชายพชรคุน โพธิไหม 11 เด็กชายรัชพล สิงห์คำ 12 เด็กชายวชิราวุธ น้อยลา 13 เด็กชายธัชธรรม์ โคตรภักดี 14 เด็กชายจีรัชญ์พัฒน์ มาลาพันธ์ 15 เด็กชายณัฐพงษ์ แจ้งกำพี้ 16 เด็กชายนวพล ดีนาน
17 เด็กหญิงจันทร์เจ้า ทัศคร 18 เด็กหญิงชนัญชิดา โพธิญาณ์ 19 เด็กหญิงชลิตา ลีพฤติ 20 เด็กหญิงฐิตากร บัวกนก 21 เด็กหญิงณัฏฐา มะลิซ้อน 22 เด็กหญิงณัฐษา ฐิติรัตน์สานนท์ 23 เด็กหญิงดีดี ไขลายหงษ์ 24 เด็กหญิงแทนใจ อ่อนศรี 25 เด็กหญิงธารปภัสร์ บุญเมือง 26 เด็กหญิงนภัสนันท์ ปุญญพัฒน์เดชาชาญ 27 เด็กหญิงปราณณิชา อินทรประเสริฐ 28 เด็กหญิงธรรมชนพร วงษ์ดี 29 เด็กหญิงสาริศา สาริมา 30 เด็กหญิงสิรยากร เฟสูงเนิน 31 เด็กหญิงณัชชา ภูมิพันธ์ 32 เด็กหญิงศรัญญา กุลธรวณิชย์ 33 เด็กหญิงสมพรชนก บำรุงภักดี
เกณฑ์การประเมินผลการทำแบบฝึกหัด ประเด น 3 2 1 1. ความถูกต้องด้าน เนื้อหา เนื้อหาสาระของ แบบฝึกหัดถูกต้อง ครบถ้วน เนื้อหาสาระของ แบบฝึกหัดถูกต้องเป็น บางประเด็น เนื้อหาสาระของ แบบฝึกหัดไม่ถูกต้อง เป็นส่วนใหญ่ 2. ความครบถ้วน ทำแบบฝึกหัดได้ ครบถ้วน ทำแบบฝึกหัดได้ มากกว่าครึ่งของ จำนวนทั้งหมด ทำแบบฝึกหัดได้น้อย กว่าครึ่งของจำนวน ทั้งหมด 3. การเขียนสื่อ ความหมาย เขียนสื่อความได้ ถูกต้องตามอักขรวิธี ตรงประเด็นและเข้าใจ ง่าย เขียนสื่อความไม่ ถูกต้องตามอักขรวิธี 2-3 แห่ง ตรงประเด็น เขียนสื่อความได้น้อย ไม่ตรงประเด็น 4. เสร็จตามเวลาที่ กำหนด ส่งแบบฝึกหัดตาม เวลาที่กำหนด ส่งแบบฝึกหัดช้ากว่า เวลาที่กำหนด 1 วัน ส่งแบบฝึกหัดช้ากว่า เวลาที่กำหนด 3 วัน เกณฑ์การประเมินผลการทำแบบฝึกหัด 9 - 12 ดีมาก 5 – 8 ดี 0 - 4 พอใช้
แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค16101 ชั้นประถมศึกษาปีที่6 หน่วยที่ 3 การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ เวลาเรียน 12 ชั่วโมง เรื่อง การคูณเศษส่วนและจำนวนคละ เวลา 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวสิดาพร อามาตมนตรี วันที่26 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2564 เลขที่ ชื่อ-สกุล ประเด็น คะแนนรวม หมายเหตุ รวม 1.กระตือรือร้น 2.ใฝ่เรียนรู้ 3.ความรับผิดชอบ ในงาน 4.การแสดงความ คิดเห น 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 เด็กชายกริญจ์ตภัทร บุญจันทร์ 2 เด็กชายคณิน พุทธรักษ์ 3 เด็กชายฐากร ภัทรชื่นดำรงกุล 4 เด็กชายณัฐนนท์ ผดุงสันต์ 5 เด็กชายณัฐพัชร์ สิริจิตวานิช 6 เด็กชายธนปรัชญ์ ธรรมขันธ์ 7 เด็กชายธนรินทร์ นภามาศ 8 เด็กชายธนวรรธน์ สีหนาท 9 เด็กชายปาลวริษฐ์ ไพบูลย์ 10 เด็กชายพชรคุน โพธิไหม 11 เด็กชายรัชพล สิงห์คำ 12 เด็กชายวชิราวุธ น้อยลา 13 เด็กชายธัชธรรม์ โคตรภักดี 14 เด็กชายจีรัชญ์พัฒน์ มาลาพันธ์ 15 เด็กชายณัฐพงษ์ แจ้งกำพี้ 16 เด็กชายนวพล ดีนาน
17 เด็กหญิงจันทร์เจ้า ทัศคร 18 เด็กหญิงชนัญชิดา โพธิญาณ์ 19 เด็กหญิงชลิตา ลีพฤติ 20 เด็กหญิงฐิตากร บัวกนก 21 เด็กหญิงณัฏฐา มะลิซ้อน 22 เด็กหญิงณัฐษา ฐิติรัตน์สานนท์ 23 เด็กหญิงดีดี ไขลายหงษ์ 24 เด็กหญิงแทนใจ อ่อนศรี 25 เด็กหญิงธารปภัสร์ บุญเมือง 26 เด็กหญิงนภัสนันท์ ปุญญพัฒน์เดชาชาญ 27 เด็กหญิงปราณณิชา อินทรประเสริฐ 28 เด็กหญิงธรรมชนพร วงษ์ดี 29 เด็กหญิงสาริศา สาริมา 30 เด็กหญิงสิรยากร เฟสูงเนิน 31 เด็กหญิงณัชชา ภูมิพันธ์ 32 เด็กหญิงศรัญญา กุลธรวณิชย์ 33 เด็กหญิงสมพรชนก บำรุงภักดี
คุณภาพการประเมินแบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ประเด น 3 2 1 1. ความกระตือรือร้น เข้าเรียนตรงเวลา เข้าเรียนไม่ตรงเวลา ไม่เข้าเรียน 2. ใฝ่เรียนรู้ ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ และมีความพากเพียร พยายามในการเรียนรู้ ตลอดเวลา ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ และมีความพากเพียร พยายามในการเรียนรู้ บางเวลา ไม่ตั้งใจเรียน ไม่เอาใจ ใส่และไม่มีความ พากเพียรพยายามใน การเรียนรู้ตลอดเวลา 3. ความรับผิดชอบใน การทำงาน ปฏิบัติหน้าที่ของ ตนเองอย่างมี ประสิทธิภาพ ตลอดเวลา ปฏิบัติหน้าที่ของ ตนเองอย่างมี ประสิทธิภาพบางเวลา ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของ ตนเอง 4. การแสดงความ คิดเห็น ตอบคำถามได้และ แสดงความคิดเห็น ตอบคำถามไม่ได้แต่ แสดงความคิดเห็น ตอบคำถามไม่ได้และ ไม่แสดงความคิดเห็น เกณฑ์การประเมินผลแบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 9 - 12 ดีมาก 5 – 8 ดี 0 - 4 พอใช้
1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการ ของจำนวน ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการ สมบัติของการดำเนินการ และนำไปใช้ 2. ตัวชี้วัด ค 1.1 ป.6/7 หาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คูณ หารระคน ของเศษส่วนและจำนวนคละ 3. สาระสำคัญ การบวก ลบ คูณหารระคน ในโจทย์จะมีเครื่องหมายดำเนินการทางคณิตศาสตร์อย่างน้อย 2 เครื่องหมาย เช่น การบวก ลบ คูณ หาร ซึ่งข้อตกลงเกี่ยวกับลำดับขั้นการคำนวณ มีดังนี้ ขั้นที่ 1 คำนวณในวงเล็บ (ถ้ามี) ขั้นที่ 2 คูณ หรือ หาร โดยคำนวณจากซ้ายไปขวา ขั้นที่ 3 บวก หรือ ลบ โดยคำนวณจากซ้ายไปขวา 4. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 4.1 นักเรียนสามารถบอกขั้นตอนการทำโจทย์การบวก ลบ คูณ หารระคน ของเศษส่วนและ จำนวนคละได้(K) 4.2 นักเรียนสามารถหาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คูณ หารระคน ของเศษส่วนและจำนวนคละ ได้(P) 4.3 นักเรียนกระตือรือร้น ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการเสาะแสวงหาความรู้(A) 5. สาระการเรียนรู้ การบวก ลบ คูณ หารระคน ของเศษส่วนและจำนวนคละ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค16101 ชั้นประถมศึกษา หน่วยที่ 3 การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ เวลาเรียน 12 ชั่วโมง เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ (2) เวลา 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวสิดาพร อามาตมนตรี วันที่3 เดือน กันยายน พ.ศ. 2564
6. กระบวนการจัดการเรียนรู้ 6.1 ขั้นเข้าสู่ระบบ 6.1.1 ครูและนักเรียนเจอกันผ่านโปรแกรม ZOOM เนื่องจากเป็นการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้แบบออนไลน์ 6.1.2 ครูแจ้งนักเรียนว่า ใครที่เข้ามาในระบบแล้วให้รายงานตัวโดยพิมพ์ชื่อตนเองลงใน แชทผ่าน Zoom 6.1.3 ครูนำเสนอเกมส์เปิดแผ่นป้ายทายภาพสัตว์เพื่อให้นักเรียนได้รู้สึกผ่อนคลายก่อนที่ จำเข้ากิจกรรมการเรียนการสอน 6.2 ขั้นออนไลน์ให้ความรู้แบบผสานเวลา 6.2.1 ครูเปิดคลิปวิดีโอการสอนเรื่องการบวก ลบ คูร หารระคนของเศษส่วนและจำนวน คละเพื่อเป็นการทบทวนความรู้นักเรียน 6.2.2 ครูอธิบายเพิ่มเติมจากคลิปวิดีโอที่นักเรียนได้ดูไปโดยเน้นจำให้นักเรียนได้เข้าใจ ในหลักการและขั้นตอนของการบวก ลบ คูณ หารระคน คือ ถ้ามีจำนวนในวงเล็บที่ต้องหาค่าจะต้อง ทำในวงเว็บก่อน แต่ถ้าโจทย์ไม่มีวงเล็บเลย ต้องทำคูณกับหารก่อนแล้วจึงทำการบวกกับลบภายหลัง 6.3 ขั้นตรวจสอบความรู้ความเข้าใจ 6.3.1 ครูให้นักเรียนฝึกตั้งโจทย์การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวน คละ และแสดงวิธีหาคำตอบ 6.3.2 สุ ่มนักเรียน 1 คน ให้นำเสนอโจทย์และวิธีทำที ่ตนเองได้สร้างขึ้น ระหว ่างที่ นักเรียนนำเสนอครูคอยตรวจสอบความถูกต้องและอธิบายเพิ่มเติมในจุดที่ยังมีข้อบกพร่อง พร้อมทั้ง เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยต่างๆ 6.4 ขั้นฝึกฝนและประเมิน 6.4.1 ครูให้นักเรียนทำใบงานออนไลน์เรื่องการบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและ จำนวนนับ เป็นรายบุคคล 6.4.2 แจ้งนักเรียนว่าเมื่อนักเรียนทำเสร็จและกดส่งใบงานในระบบแล้ว จึงจะสามารถ ออกจากระบบ Zoom ได้ 6.4.3 ครูแจ้งสรุปการเรียนในแต ่ละวันลงในกลุ่มไลน์และสร้างไฟล์google drive ไว้ สำหรับแปะวิดีโอและ PowerPoint ไว้ให้สำหรับนักเรียนที่ไม่สะดวกเรียน Online หรือนักเรียนที่ ต้องการศึกษาเพิ่มเติม ***** เพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองสามารถทบทวนตามความต้องการได้ (On demand) *****