๔๔
การแบ่งสัดส่วนจดหมาย
ในการจ่าหน้าซอง
การสื่อสารแห่งประเทศไทย
๑. ช่องที่ ๑ เขียนชื่อ - สกุล และที่อยู่
ผู้ฝาก (ส่ง)
๒. ช่องที่ ๓ ใช้ผนึกดวงตรา
ไปรษณียากร
๓. ช่องที่ ๕,๖,๘,๙
ขนาดซองจดหมาย
ใช้ซองขนาดมาตรฐานปัจจุบันที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งจะมีซองจดหมาย
จำหน่าย เป็นซองที่มีขนาดเหมาะสม โด<ยทั่วไปมี ๒ แบบดังนี้
๑. ซองสั้น มีขนาด ๕×๖ นิ้ว หรือ ๕.๖ × ๗ นิ้ว
๒. ซองยาว มีขนาด ๔.๒๕ × ๙
การจ่าหน้าซอง
๑. มีชื่อ-ที่อยู่ผู้เขียน พร้อมรหัสไปรษณีย์
๒. มีชื่อ-ที่อยู่ผู้รับ พร้อมรหัสไปรษณีย์
๓. มีตราไปรษณียากร หรือแสตมป์ปิดประทับ
หลักการจ่าหน้าซอง
๑. เขียนชื่อ นามสกุลของผู้รับให้ถูกต้อง ชัดเจน อ่านง่าย ถ้าหากผู้รับมีคำนำหน้านาม
แสดงเกียรติยศหรือฐานันดรศักดิ์ ควรใช้ถ้อยคำพิเศษเหล่านั้นนำหน้าชื่อ คำนำหน้า
ชื่อควรเขียนเต็ม ไม่ควรใช้คำย่อ ถ้าทราบตำแหน่งควรระบุตำแหน่งลงไปด้วย
๒. ที่อยู่ของผู้รับ ต้องเรียงลำดับจากส่วนย่อยไปหาส่วนใหญ่ ได้แก่
๑) ชื่อ นามสกุลของผู้รับ ถ้าเป็นจดหมายสำคัญ เช่น มีธนาณัติสอดอยู่ด้วย
ต้องระบุคำนำหน้าชื่อผู้รับ
๔๕
๒) บ้านเลขที่ ซอย หรือตำบล
๓) ถนนที่ตั้ง
๔) ตำบลหรือแขวง
๕) อำเภอหรือเขต
๖) จังหวัดและรหัสไปรษณีย์
๓. ที่อยู่ของผู้ส่ง เรียงลำดับเช่นเดียวกับผู้รับ จะเขียนไว้ด้นบนซ้ายของตนเอง ระบุ
สถานที่ของผู้รับให้ถูกต้องชัดเจนและมีรายละเอียดพอที่บุรุษไปรษณีย์จะนำ
จดหมายไปส่งได้ไม่ผิดพลาด
๔. คำขึ้นต้น
๑) ถ้าเป็นจดหมายส่วนตัว อาจช้ำคำว่า กรุณาส่ง หรือ นามผู้รับ
๒) ถ้าเป็นจดหมายราชการหรือจดหมายธุรกิจนิยมใช้ เรียน
๓) จดหมายถึงพระสงฆ์ทั่วไปใช้ นมัสการ
๕. ติดดวงตราไปรษณียากรตามราคาที่กรมไปรษณีย์กำหนด เพราะถ้าหากติด
ไม่ครบ ผู้รับจะถูกปรับเป็น ๒ เท่าของราคาดวงตราไปรษณียากรที่ขาดไป
ตัวอย่างการจ่าหน้าซองจดหมาย
การจ่าหน้าซองจดหมาย
ชื่อและที่อยู่ผู้รับ
_______
________________
_______________________
_______________________
ชื่อและที่อยู่ผู้ส่ง
_______________________
_______________________
_______________________
๔๖
ชวนคิด ลองทำดู
กิจกรรมที่ ๑ " เรียนรู้ สู่ลงมือทำ"
คำชี้แจง : ให้นักเรียนศึกษารูปแบบและวิธีการเขียนจดหมายประเภทต่าง ๆ
พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนและปรึกษาเพื่อนเกี่ยวกับประเด็นที่จะใช้เขียนจดหมาย
แต่ละประเภท
๔๗
ชวนคิด ลองทำดู
กิจกรรมที่ ๒ "เรียงร้อยสาร สู่มิตร สำราญใจ"
คำชี้แจง : ให้นักเรียนฝึกการเขียนจดหมายให้ถูกต้องตามรูปแบบและ
วิธีการแล้วส่งไปยังเพื่อนต่างโรงเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับสถานที่
ที่น่าสนใจของชุมชนหรือหมู่บ้านของนักเรียน
๔๘
"สมเด็ จเจ้ าเป็ นศรี ผ้ าทอดี ล้ำค่ า
นานาผลไม้ หวาน ถิ่ นอาหารทะเล
เสน่ ห์ สะพานติ ณฯ สถาบั นทั กษิ ณลื อนาม
งดงามเรื อนทรงไทย"
(คำขวั ญตำบลเกาะยอ)
๔๙
บทที่ ๒
"พินิจความ
ตามถิ่นเมืองเกาะยอ"
๕๐
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ ๑ การอ่าน
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำ
ไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม.๑/๓ ระบุเหตุและผล และข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็นจากเรื่อง
ที่อ่าน
สาระการเรียนรู้แกนกลาง การจับใจความจากสื่อต่าง ๆ เช่น เรื่องเล่าจาก
ประสบการณ์ เรื่องสั้น บทสนทนา นิทานชาดก วรรณคดีในบทเรียน
งานเขียนเชิงสร้างสรรค์ บทความ สารคดี บันเทิงคดี เอกสารทางวิชาการ
ที่มีคำ ประโยค และข้อความที่ต้องใช้บริบทช่วยพิจารณางานเขียนประเภท
ชักจูงโน้มน้าวใจเชิงสร้างสรรค์
จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. นักเรียนสามารถบอกความหมายของเหตุและผลได้ (K)
๒. นักเรียนสามารถบอกความหมาย ลักษณะ และความแตกต่างของ
ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นได้ (K)
๓. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเหตุและผลได้ถูกต้อง (P)
๔. นักเรียนสามารถแยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นได้ถูกต้อง (P)
๕. นักเรียนเห็นคุณค่าของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และ
มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนเรื่อง เหตุ ผล ข้อเท็จจริง และข้อคิดเห็น (A)
แนวคิด
เหตุ ผล ข้อเท็จจริง และข้อคิดเห็น เป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน โดยที่
เหตุ จะเป็นสิ่งต้นกำเนิดและสิ่งที่ตามมาคือ ผล ซึ่งเหตุและผล
จะมีความสัมพันธ์ ๒ ลักษณะคือ ความสัมพันธ์จากเหตุไปหาผล และ
ความสัมพันธ์จากผลไปหาเหตุ ส่วนข้อเท็จจริง เป็นเนื้อหาที่แสดงถึง
ความจริง สามารถพิสูจน์และตรวจสอบได้ และข้อคิดเห็น เป็นเนื้อหา
ที่แสดงถึงการคาดคะเน และการแสดงความคิดเห็นของผู้เขียน
๕๑
บทที่ ๒
พินิจความ ตามถิ่นเมืองเกาะยอ
“กริ๊ง กริ๊ง” เสียงอันคุ้นเคยปลุกอารีให้ตื่น เขารีบลุกขึ้นจากเตียง และบิดตัวสลับ
ซ้ายขวา จากนั้นจึงพับผ้าห่มไว้อย่างเป็นระเบียบวางไว้บริเวณปลายเตียง แล้วดึง
ผ้าปูที่นอนจนตึงด้วยความเคยชิน เสมือนว่าถ้าหากโยนเหรียญลงบนที่นอน เหรียญ
คงจะเด้งได้
กลิ่นหอมกรุ่นลอยมาจากในครัวทำให้เจ้าท้องตัวแสบเผลอร้องออกมา จึงเป็น
สัญญาณเตือนให้เขาต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของมัน
“อารีออกมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงแม่ดังมาจากในครัว
อารีรีบออกมาจากห้องเพื่อมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว เมื่อมา
ถึงโต๊ะอาหารก็ได้เห็นใบหน้าสดใสของคุณตาคุณยายที่เบิกบานลูกหลานอยู่พร้อมหน้า
พร้อมตากัน ส่วนแม่และปรียากำลังยกกับข้าวมาวางบนโต๊ะ ส่วนพ่อกำลังจัดแจงช้อน
ให้แก่ทุกคน อารีเห็นดังนั้นจึงรีบไปช่วยแม่และน้องสาวยกอาหาร จากนั้นทุกคนจึงนั่ง
ประจำที่ พร้อมที่จะรับประทานอาหาร
อารีสำรวจกับข้าวทั้งหมดแล้วสะดุดตากับอาหารที่ดูแปลกตา
เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “กับข้าวจานนี้ดูแปลกตา ผมไม่เคยเห็น”
ยายจึงอธิบายให้หลานฟังว่า “กับข้าวในจานนี้เรียกว่า ยำสาหร่ายผมนาง หรือที่
คนเกาะยอเรียกว่า ยำสาย ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของชาวเกาะยอ”
“ยำสาย ชื่อแปลกมากเลยครับคุณยาย” อารีพูดด้วยท่าทางสงสัย
๕๒
แม่จึงอธิบายให้ลูกฟังว่า “ไม่แปลกหรอกลูก คนใต้นิยมพูดคำสั้น ๆ โดยการรวบ
คำให้เหลือพยางค์เดียวหรือพูดตัดคำให้สั้นลง เพื่อความสะดวกในการพูด พูดรวบคำ
เช่นคำว่า สาหร่าย คนใต้มักจะตัดส่วนที่ขีดเส้นใต้ออก เพื่อจะออกเสียงเป็นคำว่า
สาย”
“สาย” อารีและปรียาออกเสียงพร้อมกันด้วยความดีใจที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
ลักษณะของชาวใต้
แม่พูดต่อว่า “ส่วนการพูดตัดคำ เช่น เมื่อมีคนถามคนใต้ว่า “ไปไหน” “ใหญ่”
คำว่า ใหญ่ ในที่นี้หมายถึงคำว่าอะไร ไหนเจ้าตัวแสบของมี้ลองช่วยกันเดา”
“อืม... ใหญ่ต้องเป็นชื่อสถานที่ใช่ไหมคะ เพราะคนถามถามว่า ไปไหน”
ปรียาถาม
“ก็ใช่นะสิ ใหญ่จะเป็นชื่อคนรึไงเจ้าแม่” อารีพูด
“โอ้ยพี่อารี ทำไม่ต้องกวนน้องด้วยเนี่ย” ปรียาพูดด้วยความน้อยใจพี่ชาย
“เอ้า เจ้าตัวแสบสองพี่น้องทะเลาะกันซะแล้ว กำลังเล่นเกมกับมี้อยู่ไม่ใช่หรือ”
เสียงพ่อตักเตือนลูกด้วยความเอ็นดู
“ก็พี่อารีกวนหนูค่ะป๊า” ปรียาน้ำเสียงน้อยใจ
“โอ๋ ๆ ดีกันนะเจ้าแม่ผีเรือน เอ้ยเจ้าแม่ศรีเรือนของพี่” อารีเริ่มง้อน้องสาว
แสนงอน
(ทุกคนคงจะสงสัยว่า ทำไมผมจึงเรียกน้องสาวตัวแสบอย่างนี้ ก็เพราะว่า
เจ้าหล่อนชอบเข้าครัวทำอาหารกับมี้ แต่รสชาติที่ออกมาแต่ละที ไม่เค็มจนไตพัง
ก็หวานจนเบาหวานขึ้น แต่เจ้าหล่อนก็ไม่เคยยอมแพ้ พยายามฝึกฝนอยู่หลายปีจน
ทุกคนในบ้านเอ็นดูในความพยายาม แต่รสชาติก็ยังเหมือนเดิมนะ ฮ่า ๆ มี้จึงให้เจ้า
หล่อนมาช่วยหั่นผักแทนการปรุงรส ผมจึงมักจะแซวอยู่เสมอว่า เจ้าเจ้าแม่ศรีเรือน
แต่ความจริงน่าจะเรียก เจ้าแม่ผีเรือน มากกว่านะ ฮ่า ๆ อย่าไปบอกเจ้าแม่เขาล่ะ เดี๋ยว
จะงอนผมไปอีกสามวันเจ็ดวัน)
เมื่อง้อพอเป็นพิธีแล้ว อารีจึงหันมาตอบแม่ว่า “คำว่า ใหญ่ ผมว่าต้องมาจาก
เขาใหญ่แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์”
๕๓
“มั่วแล้วพี่อารี เขาใหญ่น่ะอยู่นครราชสีมาโน้น แต่นี่เขาพูดสื่อสารกันระหว่าง
คนใต้” ปรียาทำหน้าล้อเลียนพี่ชาย เพราะได้โอกาสเอาคืน และพูดเสริมต่อว่า
“หนูคิดว่าต้องเป็นหาดใหญ่แน่เลยค่ะมี้”
“เก่งมากจ้ะหนูน้อยของแม่” แม่กล่าวชมปรียา และพูดต่อว่า “คำว่า หาดใหญ่
คนใต้มักจะพูดตัดคำเหลือคำว่า ใหญ่ พยางค์เดียวตามสไตล์ของคนใต้นั่นเอง”
เมื่อสนทนากันเรื่องลักษณะคำพูดของคนใต้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนในบ้านจึงรับ
ประทานอาหารด้วยความสำราญใจ
“ยำสาหร่ายอร่อยมากเลยครับมี้” อารีพูด
“ใช่ค่ะ รสชาติมัน ๆ เคี้ยวเพลินกรุบกรอบ หนูอยากกินอีกค่ะมี้ พรุ่งนี้มี้ซื้อมาอีก
นะคะ” ปรียาพูดเสริม
“พรุ่งนี้มี้กับป๊าต้องไปธุระให้คุณตาคุณยายน่าจะกลับถึงบ้านช่วงเย็น ไว้มี้จะซื้อ
มาฝากนะ แต่มี้ได้ยินแม่ค้าพูดว่า ร้านเขาสามารถสั่งในแอปพลิเคชั่นได้ ฟู้ด ๆ อะไร
นี่แหละ ถ้าลูกร้อนใจอยากจะกินก็สั่งมาได้เลยนะ”
“ค่ะ/ครับมี้” สองพี่น้องกล่าวตอบอย่างพร้อมเพรียง
“เกาะยอยังมีอาหารขึ้นชื่ออะไรอีกบ้างครับคุณยาย” อารีถาม
“นอกจากยำสายก็มีพวกอาหารทะเลจ้ะหลาน เนื่องด้วยเกาะยอเป็นตำบลที่มี
ลักษณะเป็นเกาะ มีทะเลล้อมรอบ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงทำอาชีพประมง อาหารทะเล
จึงเป็นอาหารขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของเกาะยอ” ยายตอบหลานด้วยความเอ็นดู
“นอกจากอาหารแล้วก็ยังมีสถานที่สำคัญที่น่าสนใจด้วยนะหลาน เช่น สะพาน
ติณสูลานนท์ วัดแหลมพ้อ วัดท้ายยอ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ตลาดสินค้าพื้นเมือง สถาบัน
ทักษิณคดีศึกษา เป็นศูนย์รวมของศิลปวัฒนธรรมภาคใต้ สวนสาธารณะเกาะยอ
เป็นสถานที่ที่มีประติมากรรมที่สวยงามเกี่ยวกับของดีเกาะยอ เป็นต้น”
“อู้หู น่าสนใจมากเลยครับ” อารีกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“หนูอยากไปเที่ยวเกาะยอค่ะคุณตาคุณยาย” ปรียากล่าว
“เราสองคนขอไปเที่ยวเกาะยอนะครับป๊า มี้ คุณตา คุณยาย” อารีขอร้องพร้อม
กับทำตาปริบ ๆ
๕๔
ทุกคนจึงอนุญาต เพราะสองพี่น้องรักการท่องเที่ยวจึงมักจะออกไปเที่ยวข้าง
นอกด้วยกันอยู่เสมอ โดยฉพาะสถานที่ที่มีความน่าสนใจและมีความหลากหลายทาง
ด้านมรดกภูมิปัญญา
“มี้กับป๊ามีธุระคงไปกับลูกด้วยไม่ได้นะ ช่วยดูแลกันด้วยนะลูก” แม่กล่าวด้วย
ความห่วงใย
พ่อกล่าวเสริม “ขับขี่ปลอดภัยต้องสวมใส่…..”
“หมวกกันน็อค” อารีและปรียากล่าวเสียงดังฟังชัดพร้อมกัน
ก่อนออกเดินทางสองพี่น้องประชุมกันเพื่อศึกษาข้อมูล
ก่อนออกเดินทาง “อากู๋ช่วยเราได้” ทั้งสองจึงค้นคว้าหา
ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่คุณตาคุณยายบอกมา เพราะสถานที่
ทุกแห่งต่างมีความน่าสนใจและมีมรดกภูมิปัญญาทาง
วัฒนธรรมที่โดดเด่น เมื่อได้ข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สองพี่น้องจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว
ทาครีมกันแดด และเตรียมหมวก และยังคงไม่ลืมอุปกรณ์
สำคัญคือ หมวกกันน็อค
สองพี่น้องออกมาจากห้อง สวัสดีคุณตา คุณยาย พ่อ และแม่ จากนั้นมุ่งตรงไปยัง
ลูกรักของคุณตาที่มีอายุเท่ากับอายุของแม่ แต่ยังดูดีเพราะได้รับการดูแลเอาใจใส่จาก
คุณตาเสมอมา
“โอ้โห รถคุณตาวินเทจมากเลยพี่อารี” ปรียากล่าว
“ใช่ รถคันนี้เป็นรถคันแรกของคุณตาคุณยายที่ช่วยกัน
เก็บหอมรอมริบริบมาหลายปีกว่าจะสามารถซื้อรถคัน
นี้ได้ มันเป็นรถที่พาคุณตาคุณยายไปท่องเที่ยวยัง
สถานที่ที่พวกท่านอยากไป และเป็นรถที่คอยรับส่งมี้
ไปโรงเรียนตั้งแต่เด็กจนโต จึงทำให้เป็นสมบัติที่มี
คุณค่าทางใจต่อคุณตา คุณยาย และมี้มาก” อารีเล่า
ให้น้องสาวฟัง
๕๕
“งั้นเราสองคนต้องช่วยกันดูแลรถคันนี้ให้ดีนะพี่อารี” ปรียาพูดกับพี่ชาย
“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าแม่ ไหนพี่ดูหน่อยสิว่าใส่หมวกกันน็อคดีหรือยัง” อารีพูด
พร้อมกับจัดหมวกันน็อคและใส่สายรัดคางให้น้องสาว
“เราไปกันเถอะพี่อารี น้องตื่นเต้นอยากจะไปเที่ยวไม่ไหวแล้ว” ปรียาพูดด้วย
ความตื่นเต้น
อารีสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์และออกรถด้วยความระมัดระวัง โดยมีปรียาทำ
หน้าที่ดู GPS (ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก)
วันนี้แดดค่อนข้างจ้า ในระหว่างนั่งรถลมร้อนค่อย ๆ ปะทะกับผิวของอารีและ
ปรียา และช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดคือ ช่วงรถติดไฟแดง แดดร้อนทำให้ผิวของอารี
และปรียาเริ่มแสบแดง ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเสียจริง ในระหว่างนั้นเห็นแม่ค้า
พ่อค้าต่างเดินขายขนมบ้าง นมเปรี้ยวบ้าง พวงมาลัยบ้าง พวกเขาเดินไปสอบถามรถ
คันแล้วคันเล่า แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจสินค้าของเขาเลย บ้างก็เล่นโทรศัพท์
บ้างก็คุยโทรศัพท์ บ้างก็คุยโทรศัพท์ บ้างก็พูดคุยกัน ทำให้แม่ค้าพ่อค้าหน้าตาเศร้า
หมอง เหงื่อไหลท่วมกาย
และแล้วก็มีรถเก๋งคันหนึ่งบีบแตรเพื่อส่งสัญญาณว่า ต้องการที่จะซื้อสินค้า
พ่อค้าที่อยู่ใกล้จึงรีบมุ่งหน้าไปยังรถเก๋งทันทีเขาหยิบพวงมาลัยให้เจ้าของรถ สีหน้า
ของพ่อค้าปรากฏรอยยิ้มขึ้น ทำให้ปรียารู้สึกเบิกบานใจไปกับพ่อค้าเช่นเดียวกัน
ปรียามองสำรวจไปรอบ ๆ เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บน
รถมอเตอร์ไซค์เธอแอบคิดในใจว่า “การหยุดเล่นโทรศัพท์สักครู่มันยากขนาดนั้นเลย
หรือ” เธอมองแล้วแอบถอนหายใจ โลกสมัยนี้เป็นสังคมก้มหน้ากันหมดแล้ว ผู้คน
ต่างสนใจแต่โทรศัพท์มือถือของตนมากกว่าสิ่งอื่นใดแม้แต่ความปลอดภัยของตัวเอง
การกระทำนี้ค่อนข้างอันตรายมากสำหรับการขับขี่บนท้องถนน เพราะต่างคนต่าง
ไม่สนใจไฟจราจร สัญญาณไฟเขียวที่บ่งบอกว่า สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้แล้ว
แต่ผู้ที่กำลังจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือก็ยังไม่สนใจ จนรถคันด้านหลังต้องบีบแตร
จึงจะมีสติและขี่รถออกไป ปรียาพยายามมองตามรถมอเตอร์ไซค์ด้วยความเศร้าใจ
๕๖
มอเตอร์ไซค์ลูกรักของคุณตาพาสองพี่น้องมุ่งตรงไปยังข้างหน้า รอบข้างเป็น
บ้านของผู้คนที่เรียงรายตามริมถนนใหญ่ มีรูปทรงและสีสันแตกต่างกันออกไป
บางหลังก็เป็นบ้าน ๒ ชั้น บางหลังก็ ๓ ชั้น บางหลังก็ ๔ ชั้น และเห็นรถวิ่งผ่านไปมาบน
ท้องถนน
ถึงห้าแยกเกาะยอ สะพานลอยกลับรถค่อนข้างซับซ้อน อารีและปรียาจึงต้องช่วย
กันดูป้ายแสดงเส้นทางไปยังเกาะยออย่างมีสติและลดความเร็วของรถมอเตอร์ไซค์ลง
จนสามารถขึ้นสะพานกลับรถได้สำเร็จจากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังเกาะยอ เดินทางมาระยะ
หนึ่งทางด้านขวามือก็คือ โรงเรียนนวมินทราชูทิศทักษิณ
“นั่นโรงเรียนนวมิน โรงเรียนสมัยมัธยมของมี้” ปรียาเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ถัดมาทางด้านขวามือเช่นกันคือ ศาลปกครอง ตัวอาคารเป็นสีขาว รูปทรงดูทัน
สมัย สะดุดตาแก่ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาเป็นอย่างมาก
ส่วนทางด้านซ้ายมือก็คือ โรงพยาบาลสงขลาเกาะยอ รถขี่ออกมาเรื่อย ๆ จนเห็น
องค์สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ (หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด)
ประดิษฐานอยู่บริเวณสวนประวัติศาสตร์พลเอกเปรมติณสูลานนท์ สวนประวัติศาสตร์
พลเอกเปรมติณสูลานนท์หรือที่ชาวสงขลาเรียกกันว่า สวนป๋าเปรม ซึ่งเป็นสถานที่ที่มี
ความร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และมองดูพระอาทิตย์ตกดิน
ได้อย่างสบายใจอยู่บริเวณริมทะเลสาบสงขลา
“ว้าวพี่อารี ดูนั่นสิ สะพานติณสูลานนท์
ที่คุณตาพูดถึง” ปรียาพูดด้วยความตื่นเต้น
ในขณะที่อารีก็ตกตะลึงในความงดงามของ
สถานที่เช่นเดียวกัน
สะพานติณสูลานนท์ เป็นสะพาน
คอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และมี
ทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลสาบสงขลา มองเราไปยังทะเลอันกว้างใหญ่เห็นเครื่องมือ
หาปลาของชาวประมงจำนวนมากอยู่บนท้องทะเล มีทั้งโพงพางและไซ แสดงให้เห็นถึง
อาชีพของผู้คนชาวเกาะยอคือ อาชีพประมง และเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของ
ทะเลสาบสงขลา
๕๗
“พี่อารีเราถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันไหม” ปรียาเสนออารี
อารีพยักหน้าพร้อมกับมองกระจกดูรถข้างหลัง เปิดไฟเลี้ยว และจอดรถบน
สะพาน จากนั้นอารีจึงรีบหยิบกล้องถ่ายรูปออกมา เพื่อถ่ายภาพเก็บบรรยากาศ
ทิวทัศน์อันสวยงามบนสะพานติณสูลานนท์ ปรียาอ้อนพี่ชายให้ช่วยถ่ายรูปให้เธอ อารี
จึงหันกล้องมาพร้อมที่จะถ่ายปรียา เธอจึงเปลี่ยนท่าทางไปเรื่อย ๆ จากนั้นจึงขอดูรูป
จากฝีมือพี่ชายของตน แล้วสีหน้าของเธอก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อเห็นภาพถ่ายที่ไม่ค่อย
พอใจนัก
“พี่อารี ถ่ายน้องยังไงเนี่ยน้องดูอ้วนมาก ถ่ายให้ใหม่เลย เอาแบบผอม ๆ สูง ๆ
๑๖๐ อัพ” ปรียากล่าว
อารีรีบสวนกลับทันทีว่า “กล้องถ่ายรูปนะไม่ใช่ยาลดน้ำหนักจะทำให้ผอมได้ไง”
“ไม่รู้แหละ ถ่ายให้น้องใหม่เลย เอาแบบผอมสูง” ปรียากล่าว
“๑ ๒ ๓ แชะ”
“ลองดูว่าได้ไหม” อารีพูดกับน้องสาว
“สวยพี่อารีเอามุมอื่นอีกนะ” อารีพยักหน้า
จากนั้นสองพี่น้องจึงถ่ายรูปด้วยกันเป็นที่ระลึก "
“ไม่เอากล้องสดนะ จะเอาแบบนี้ฟิลเตอร์” ปรียาพูดในขณะที่อารีกำลังหยิบ
โทรศัพท์ออกมา
“เรื่องมาก มันก็เหมือนกันนั่นแหละ” อารีพูดพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนน้องสาว
“ไม่เหมือน ใส่ฟิลเตอร์แล้วสวยขึ้น สร้างความมั่นใจให้ผู้หญิงมากขึ้น ผู้ชายแบบ
พี่ไม่เข้าใจหรอก” พูดจบปรียาจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเข้า instagram หรือ
IG แล้วเลือกฟิลเตอร์ที่ต้องการคือ หน้าต้องขาว ปากแก้มต้องแดง เพราะถ้าปากไม่
แดงไม่มีแรงเดิน
สองพี่น้องยิ้มให้กล้อง
“สวยมากอีกรูปหนึ่งนะพี่อารี” ปรียากล่าวกับพี่ชาย (อีกรูปหนึ่งของปรียาก็คือ
อีกประมาณสิบกว่ารูปได้ ฮ่า ๆ )
๕๘
เมื่อถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อย สองพี่น้องขึ้น
รถมอเตอร์ไซค์และขับต่อไปยังสุดสะพาน
ติณสูลานนท์ เห็นพระนอนองค์ใหญ่สีทอง
อร่ามแสดงให้เห็นว่า สองพี่น้องถึง
จุดหมายปลายทางแรกแล้วก็คือ
วัดแหลมพ้อ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และวัดสำคัญ
วัดหนึ่งของจังหวัดสงขลา สองพี่น้องหาที่จอดรถและเดินตรงไปยังพระนอนซึ่งเป็น
พระนอนปางไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และแน่นอนสิ่งแรกที่พวกเขาจะทำ
ก็คือ การถ่ายรูปอารีเน้นการถ่ายรูปบรรยากาศ ส่วนปรียาหรือเซลฟี่
พวกเขาเดินสำรวจบริเวณพระอุโบสถ สองพี่น้องกราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง
ก่อนจะสำรวจบริเวณภายในอุโบสถซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ทั้งสองคนมาก
เพราะได้เห็นถึงความสวยงามของลวดลายตามผนัง อารีถ่ายภาพอย่างใจจดใจจ่อ
ส่วนปรียายังคงตื่นเต้น และมองดูภาพ เพื่อเก็บรายละเอียดของความสวยงามไว้ใน
ความทรงจำ
สองพี่น้องมุ่งตรงไปยังหอระฆัง อารีถ่ายภาพ ส่วนปรียายังคงเซลฟี่ เหมือนเดิม
จนอารีต้องห้ามปราม “พอได้แล้วเจ้าแม่ เราไปไหว้พระกันเถอะ” ปรียาพยักหน้า
พร้อมกับแลบลิ้นล้อเลียนพี่ชาย
อารีและปรียาเดินเข้าไปไหว้พระและเสี่ยงเซียมซีตามสไตล์คนสายมูเตลู
อารีเสี่ยงเซียมซีได้หมายเลข ๙ มีเนื้อความดังนี้
ใบที่เก้าจะสมปรารถนา ขอทายว่ามีคนอุปถัมภ์ เขาจะนำให้ได้สุขสมปอง
มีพวกพ้องคอยช่วยเหลือจุนเจือกัน ในเร็ววันจะได้เจอคู่สุขสม เป็นดั่งพรหมลิขิตให้พบพาน
ถามหาลาภใบนี้ว่าดีนัก ท่านว่าจะสมจิตรคิดประสงค์ ดังนี้จงตั้งมั่นในความดี
ที่เก้าคงว่าดีเท่านี้เอย ฯ
“ว้าวพี่อารี ดูเหมือนว่าโชคชะตาพี่ดีมากเลย แต่ตรงนี้สำคัญมาก ในเร็ววันจะ
ได้เจอสุขสม พี่อารีกำลังจะมีแฟนแล้ว” ปรียาพูดล้อเลียนพี่ชายจนลืมเสี่ยงเซียมซีของ
ตัวเองไปเลย
๕๙
เมื่อเดินชมวัดแหลมพ้อมาสักพัก ปรียาเริ่มหิวน้ำ จึงมองหาแหล่งขายอาหารและ
เครื่องดื่ม และรีบตรงเข้าไปสั่งไอติมกะทิโบราณ ๑ ถ้วยและสั่งน้ำมะพร้าว ๒ แก้ว เผื่อ
พี่ชาย ไอติมกะทิหวานเย็นชื่นใจและตบท้ายด้วยน้ำมะพร้าวทำให้ปรียารู้สึกสดชื่นและ
คลายร้อนไปได้บ้าง ส่วนอารีก็รู้สึกสดชื่นเช่นเดียวกัน จึงพูดคุยสนทนากับป้าแม่ค้า
เกี่ยวกับสะพานติณสูลานนท์
ป้าแม่ค้าเล่าว่า “สะพานติณสูลานนท์ เป็นสะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดใน
ประเทศไทยก่อสร้างขึ้นในสมัยพลเอกเปรมติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ชาวสงขลาจึงนิยมเรียกติดปากว่า สะพานติณ สะพานป๋าเปรม หรือสะพานเกาะยอ”
ป้าแม่ค้ายังเล่าถึงความเชื่อของคนสงขลาให้ฟังอีกว่า “ถ้าหากใครอธิษฐาน
พร้อมกับกลั้นหายใจข้ามสะพานติณได้จะทำให้สมหวังในสิ่งที่ขอ”
อารีจึงพูดขึ้นมาว่า “ไว้ตอนกลับ เราต้องลองกันหน่อยซะแล้ว ดีไหมเจ้าแม่”
ปรียาพยักหน้าแล้วหัวเราะ
จากนั้นสองพี่น้องจึงกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ลูกรักของคุณตา เพื่อเดินทางต่อไป
รถมุ่งหน้าไปตามถนนใหญ่ได้ระยะหนึ่ง เห็นร้านขายสินค้ามากมายทั้ง 2 ฝั่ งถนน
สองพี่น้องตัดสินใจที่จะแวะดูสินค้า ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลในอากู๋ สถานที่นี้เรียกว่า
ตลาดสินค้าพื้นเมือง
อารีและปรียาตื่นเต้นกับสินค้าแปลกตาต่าง ๆ และจะเห็นได้ว่า สินค้าส่วนใหญ่
มักจะเป็นอาหารทะเลแปรรูปมีทั้งกุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง ปลาเค็ม กะปิ มันกุ้ง กุ้งส้ม
เป็นต้น
ปรียาจึงพูดขึ้นมาว่า “อยากซื้อมันกุ้งกลับไปให้มี้ทำน้ำปลาหวานจัง น้ำปลา
หวานฝีมือมี้อร่อยที่ซู้ด” แล้วเธอก็ทำท่าทางซูดซาด อารีเห็นท่าทางของน้องสาวจึง
อดที่จะหัวเราะไม่ได้
“ได้สิ อยากกินอะไรขอให้บอก วันนี้เสี่ยรีเลี้ยงเอง”
๖๐
ป้าเจ้าของร้านบอกว่า “ผ้าที่นำมาตัดเย็บเป็นสิ่งของต่าง ๆ นี้เรียกว่า ผ้าทอเกาะ
ยอ ซึ่งเป็นผ้าที่มีลวดลายมากมาย เช่น ลายราชวัตรดอกเล็ก ลายราชวัตรดอกใหญ่
ลายลูกแก้ว ลายดอกพยอม ลายหางกระรอก เป็นต้น และเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปผู้คนไม่
ค่อยนิยม สวมใส่ผ้าถุง จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาทอเป็นเสื้อ กางเกง ผ้าพัน
คอเนคไท กระเป๋า และกล่องใส่ทิชชู่ เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้ามากขึ้น นอกจากนี้
ลูกค้าก็ยังสามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย”
“ว้าวน่าสนใจมากเลยค่ะคุณป้า” ปรียากล่าวชื่นชม จากนั้นปรียาและอารีกล่าว
ขอบคุณป้าเจ้าของร้านและมุ่งเดินทางต่อโดยมีจุดมุ่งหมายปลายทางก็คือ วัดท้ายยอ
ระหว่างทางที่เดินไปขึ้นรถ ทันใดนั้นก็มีเสียง “โครกคราก”
“เสียงอะไรน่ะดังเชียว เจ้าแม่ศรีเรือนของพี่จะท้องร้องเสียงดังกลางตลาดไม่ได้
นะ” อารีกล่าวพร้อมอมยิ้ม
“ก็น้องหิวนิ นี่ก็เที่ยงกว่าแล้วนะพี่อารี เราหาข้าวเที่ยงกินกันเถอะ” ปรียากล่าว
“น่าเอ็นดูเสียจริง ฮ่า ๆ” อารีกล่าวพร้อมใส่หมวกกันน็อคให้น้องสาว
“พี่ว่าเราขี่รถกันไปเส้นทางเดียวกับทางวัดท้ายยอดีกว่า แล้วถ้าหากสนใจจะกิน
ร้านไหนก็ค่อยแวะกันดีไหม” ปรียาพยักหน้า
ทั้งสองขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปตามถนนใหญ่ โดยมีปรียาคอยดู GPS ระหว่างนั้นก็ชม
ทิวทัศน์ของสองข้างทางเห็นทะเลอยู่ไกล ๆ ในอีกฝั่ งหนึ่งของถนน ริมข้างทางมีร้าน
ขายผลไม้เรียงแถวกัน มองเห็นผลไม้ที่หน้าร้านคือ ละมุด ปรียาดู GPS แล้วบอกเส้น
ทางให้พี่ชาย
“เลี้ยวซ้ายข้างหน้าเลย ตรงทางเข้าร้านอาหารน้ำเคียงดินน่ะ” อารีพยักหน้า
มองกระจก และเปิดไฟเลี้ยว และเลี้ยวตามเส้นทางที่น้องสาวบอก พอขี่รถกันมา
เรื่อย ๆ จึงเริ่มเห็นทะเล ประกายแดดส่องบนผิวทะเลระยิบระยับสวยงามมาก และ
เห็นร้านอาหารบริเวณนั้นมากมาย ทั้งสองจึงตัดสินใจแวะรับประทานเที่ยงที่
ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
อารีหาสถานที่จอดรถและพาน้องสาวเดินเข้าไปในร้านอาหารพนักงานกล่าว
ต้อนรับและสอบถามจำนวนที่นั่ง ปรียาเดินไปเลือกนั่งโต๊ะที่มองเห็นวิวทะเลได้ชัดเจน
๖๑
อารีก็กล่าวว่า “วันนี้สั่งได้เต็มที่เลย เสี่ยรีเลี้ยงเอง” ปรียาหัวเราะ แล้วจึงสั่ง
ข้าวผัดทะเล ๒ จาน ทอดมันกุ้ง หมึกไข่ทอดกระเทียม และต้มยำทะเลน้ำข้น ทั้งสอง
นั่งรออาหารครู่หนึ่ง พนักงานก็เริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟจนครบทุกรายการที่สั่ง กลิ่นหอม
ของอาหารทำให้ท้องของปรียาร้องมากขึ้น จากนั้นทั้งคู่จึงเริ่มรับประทานอาหารอย่าง
เอร็ดอร่อย ข้าวผัดทะเลหอมกรุ่นประกอบกับความสด กรอบ และเด้งของกุ้ง ทอดมัน
กุ้งร้อน ๆ กินคู่กับข้าวผัดช่วยเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น สลับกับการกินหมึกไข่ทอด
กระเทียม ความกรุบกรอบของปลาหมึกและความหนึบของไข่หมึก ทำให้รสชาติอาหาร
ถูกใจสองพี่น้องมากขึ้น ซดน้ำซุปต้มยำทะเลน้ำข้นรสชาติเผ็ดร้อนครบเครื่อง ช่วยให้
เจริญอาหาร
เมื่อทั้งคู่รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยจึงเรียกพนักงานเพื่อสอบถามของ
หวาน พนักงานบอกว่า “มีผลไม้คือ สะหวา”
อารีจึงถามว่า “สะหวาใช่ละมุดหรือเปล่าครับ”
พนักงานตอบว่า “ใช่ค่ะ”
อารีจึงถามต่อว่า “ถ้าสะหวาคือละมุด แล้วถ้าละมุดล่ะครับเรียกว่าอะไร” อารีพูด
แล้วอมยิ้ม
พนักงานก็อมยิ้มเช่นเดียวกันแล้วตอบว่า “ละมุดก็เรียกว่า ละมุด ค่ะ”
“อย่างนี้ไม่สับสนแย่หรือครับ สะหวาก็คือละมุด ส่วนละมุดก็คือละมุด งงดีนะ
ครับฮ่า ๆ ”
ทั้งพนักงาน อารี และปรียาต่างก็หัวเราะกับปัญหาโลกแตกนี้
“เอาละมุด ๑ จานค่ะ เอ๊ะ ละมุดก็คือสะหวานะคะ ฮ่า ๆ ” พนักงานตอบรับและ
หยิบผลไม้มาให้ลูกค้า
เมื่อกินผลไม้เสร็จเรียบร้อยจึงเรียกพนักงานมาเก็บเงิน จากนั้นสองพี่น้องจึงออก
จากร้านอาหารเดินไปยังที่จอดรถ สวมหมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัย และมุ่งตรงไป
ยังวัดท้ายยาวตาม GPS
๖๒
ขี่รถออกมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงพี่ผู้ชายตะโกนมาว่า “น้องบ่าว สแตน! ”
อารีและปรียายังไม่เข้าใจความหมายของพี่ชายคนนั้น จึงไม่ได้สนใจอะไร พี่ชายคนนั้น
จึงขี่รถมอเตอร์ไซค์ตาม และพยายามโบกมือเพื่อให้อารีหยุดรถก่อน พร้อมกับส่งเสียง
ว่า “หยุดก่อนน้องบ่าว” อารีจึงตัดสินใจหยุดรถ ทำให้เขาเห็นว่า ยังไม่ได้เอาขาตั้งรถ
มอเตอร์ไซค์ขึ้น
พี่ชายคนนั้นจึงพูดว่า “น้องบ่าวไม่เอาสแตนขึ้นที ระวังล้มนะ” ปรียาขมวดคิ้ว
ด้วยความงุนงง แต่อารีพอที่จะเดาได้จากสิ่งที่พี่ชายพูด สิ่งที่เขาไม่ได้เอาขึ้นก็คือ ขาตั้ง
ดังนั้นคิดว่าคำว่า “สแตน” ของคนใต้ จึงหมายถึง ขาตั้ง นั่นเอง
ปรียาไม่เข้าใจความหมายจึงถามออกไปว่า “สแตนคืออะไรคะ”
พี่ชายคนนั้นจึงชี้ไปยังขาตั้งและอารีจึงพูดเสริมว่า “สแตนก็คือขาตั้งนั่นเอง”
ปรียาพยักหน้าและคิดในใจว่า “วันนี้ได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาใต้เพิ่มขึ้นอีก ๒ คำก็คือ
คำว่า สะหวาและสแตน”
สองพี่น้องจึงไหว้และกล่าวขอบคุณพี่ชายใจดีคนนั้น หลังจากพี่ชายใจดีกลับไป
ปรียาจึงดุพี่ชายทันทีว่า พี่อารีน่าไม่ระวังซะเลย ถ้าเกิดรถล้มขึ้นมาจะทำยังไง”
“พี่สัญญาว่าจะระมัดระวังให้มากกว่านี้” พี่น้อง เกี่ยวก้อยสัญญากัน จากนั้นทั้งคู่
จึงเดินทางต่อไปเพื่อมุ่งตรงไปยังวัดท้ายยอ แต่ขี่รถมาได้สักพัก ลูกรักของคุณปู่ก็เริ่ม
งอแงเสียแล้ว รถเริ่มติด ๆ ดับ ๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ อารีกำลังจะโทรศัพท์หาพ่อ
แต่โชคดีที่มีชาวบ้านผ่านมาพอดี
“รถเป็นไอไหรลูกบ่าว” คุณลุงถาม
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ขี่มาอยู่ดี ๆ รถก็ดับครับ” อารีตอบ
“ไม่พรือ ข้างหน้ามีร้านซ่อมรถ เดี๋ยวลุงช่วยนำไป”
“ขอบคุณค่ะ/ครับคุณลุง” สองพี่น้องขอบคุณพร้อมกัน
จากนั้นอารีจึงเข็นรถมอเตอร์ไซค์ตามคุณลุง
ไป โดยมีปรียาคอยเดินตามหลัง และอารีจึงกล่าว
ชื่นชมน้องสาวที่รู้จักระมัดระวังตัวและรู้จักการ
พูดปฏิเสธอย่างเหมาะสม
๖๓
เมื่อถึงที่ร้านซ่อมรถเห็นคุณลุงกำลังพูดคุยกับช่างเรื่องรถของสองพี่น้อง ช่างพยัก
หน้า เดินมารับรถจากอารีไปซ่อม ช่างกล่าวว่าคงจะต้องใช้ระยะเวลาซ่อมนาน
พอสมควร คุณลุงจึงสอบถามสองพี่น้องว่าจะไปที่ใด เมื่อทราบจดหมายของทั้งคู่คือ
วัดท้ายยอ คุณลุงจึงอาสาจะไปส่ง แต่เนื่องจากคุณลุงขี่รถมอเตอร์ไซค์มา จึงไม่สามารถ
จะนั่งซ้อน ๓ ได้ เพราะค่อนข้างจะอันตราย พี่เจ้าของร้านซ่อมรถจึงอาสาไปส่งด้วยรถ
มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง สองพี่น้องจึงกล่าวขอบคุณคุณลุงอีกครั้งและขึ้นรถมอเตอร์ไซค์
พ่วงข้างของพี่เจ้าของร้าน ในระหว่างทางแม้ว่าแดดจะร้อนมาก เพราะเป็นเวลาเที่ยง
แต่ทิวทัศน์ของทะเลระหว่างทางทำให้สองพี่น้องรู้สึกเพลิดเพลินใจ จนลืมอากาศร้อน
ไปเสียสนิท เห็นโฮมสเตย์ริมน้ำลอยอยู่บนพื้นทะเล ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่
การพักผ่อนมาก นั่งรถกันมาพักหนึ่งก็ถึงวัดท้ายยอ
สองพี่น้องลงจากรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง กล่าวขอบคุณพี่เจ้าของร้านซ่อมรถ
ก่อนที่พี่เขาจะกลับไป ก็ถามด้วยความเป็นห่วงสองพี่น้องว่า “แล้วตอนหลบ จะหลบ
กับรถไหร”
อารีตอบพี่เจ้าของร้านซ่อมรถว่า “ผมคิดว่าจะนั่งบริการเรียกรถยนต์ส่วนตัว
(GrabCar) ครับ”
พี่เจ้าของร้านซ่อมรถทำหน้างงเล็กน้อยและก็ตอบกลับว่า “พี่ไม่รู้จักหรอกไอ้ที่
น้องบ่าวว่า แต่มีรถกลับก็ดีแล้ว พี่ไปก่อนนะ” สองพี่น้องไหว้ขอบคุณพี่เจ้าของร้าน
ซ่อมรถอีกครั้ง
จากนั้นทั้งคู่จึงเดินเข้าสู่วัดท้ายยอ ซึ่งเป็นวัดแห่งที่ ๒ ของเกาะยอที่มาสำรวจ
อารีเอ๋ยขึ้นมาว่า “ร้อนไหม” ปรียาตอบว่า “ร้อนสิ ร้อนมากเลย”
อารีอมยิ้มแล้วจึงพูดต่อว่า “แสดงว่าปรียาก็เข้าวัดไม่ได้น่ะสิ เข้าแล้วร้อน” ปรียา
จึงถลึงตาใส่พี่ชายและตีแขนพี่ชายเบา ๆ
“นี่แหนะมาว่าน้องได้ยังไง” ปรียาทำหน้างอใส่
“โอ๋ๆพี่รักหลอกจึงหยอกเล่น” อารีพูดพร้อมกับทำท่าทางโอ๋น้องสาว
๖๔
สองพี่น้องสงบคำพูดและท่าทางมากขึ้น เมื่อเดินเข้าสู่วัดอันเงียบสงบ ทั้งคู่เห็น
อุโบสถที่มีความเก่าแก่มีลักษณะเป็นหลังคาชั้นเดียว มุงด้วยกระเบื้องดินเผา และ
มีกำแพงล้อมรอบทั้ง ๔ ด้าน อารีหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาบันทึกความงดงามของ
สถานที่ ส่วนปรียาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเซลฟี่ ตามวิสัย
เมื่อเดินลึกเข้าไปในวัดพบกุฏิแบบเรือนไทยปั้ นหยา มีลักษณะเป็นอาคารไม้ใต้ถุน
สูง หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา มีลักษณะโดดเด่น และมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก
อารีได้เห็นความงดงามจึงหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายอีกเช่นเคย
เมื่อสองพี่น้องเก็บภาพบรรยากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปรียาจึงนึกขึ้นมาได้ว่า
“พี่อารีเราเรียก grab พลาง ๆ ไหมจะได้ไม่ต้องรอนาน” อารีพยักหน้าพร้อมกับหยิบ
โทรศัพท์ออกมาและเข้าแอปพลิเคชั่น เพื่อใช้บริการเรียกรถยนต์ส่วนตัว จากนั้น
สองพี่น้องจึงเดินสำรวจรอบ ๆ วัด และหาที่นั่งพักผ่อนในระหว่างที่รอรถประมาณ
๑๐ นาที รถที่สองพี่น้องเรียกไว้จึงมาถึง ทั้งคู่ขึ้นรถเก๋งสีดำเพื่อเดินทางต่อไปยังสถาบัน
ทักษิณคดีศึกษา เส้นทางที่นั่งรถไปเป็นเส้นทางเดิมกับตอนขามา และนั่งรถไม่นานมาก
จนถึงจุดหมายปลายทาง
สองพี่น้องเดินมาจ่ายค่าเข้าชมสถานที่คนละ ๓๐ บาท เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว
จึงเดินขึ้นไปยังพิพิธภัณฑ์ ทางขึ้นค่อนข้างลำบากและเหนื่อย เพราะพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่
บนเขา เดินมาได้ครึ่งทางปรียาเริ่มเหนื่อยมาก จนต้องหยุดยาดมขึ้นมาดม
อารีหัวเราะน้องสาวแล้วพูดว่า “พี่บอกแล้วให้ออกกำลังกายบ่อย ๆ ร่างกายจะได้
แข็งแรง” ปรียาได้แต่ทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย เพราะไม่มีแรงที่จะเถียง พี่ชายเอ็นดูน้องสาว
จึงหยิบพัดออกมาจากกระเป๋า ช่วยพัดให้น้องสาวอีกแรง
ทั้งคู่เดินขึ้นมาถึงพิพิธภัณฑ์ สิ่งแรก
ที่เป็นเอกลักษณ์ของสถาบันทักษิณศึกษาก็คือ
รูปปั้ นมโนราห์ ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้าน
ที่นิยมของภาคใต้มาอย่างยาวนาน แม้ว่าจะ
เหน็ดเหนื่อย แต่ความงดงามของทิวทัศน์ที่อยู่
ตรงหน้า ทำให้สองพี่น้องรู้สึกถึงความคุ้มค่า
๖๕
นอกจากจะได้เห็นรูปปั้ นที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้แล้วยังเห็นทิวทัศน์อันงดงาม
ของทะเลสีครามอันกว้างใหญ่และท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม เห็นสะพานที่เชื่อมต่อกัน
ระหว่างเกาะสองด้านให้สามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น อารีหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา
ถ่ายเพื่อเก็บภาพ ความงดงาม
สองพี่น้องเดินไปตามลูกศรที่ชี้ไป เพื่อเข้าไปยังห้องจัดแสดงต่าง ๆ เริ่มกันที่ห้อง
แรกคือ ห้องมีดและศาสตราวุธ บรรยากาศในห้องค่อนข้างเย็น โดยมีดและศาสตราวุธ
ถูกจัดแสดงอยู่ในห้องกระจกเป็นสัดส่วนมีจำนวนมากมาย และหลายรูปแบบ เช่น มีด
กริช ปืน พร้า เป็นต้น อารีและปรียาเดินสำรวจจนทั่ว แล้วจึงเดินไปยังห้องต่อไปคือ
ห้องเครื่องมือดักสัตว์มีเครื่องมือดักสัตว์หลากหลายชนิดทำให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวใต้
ในสมัยก่อนที่มีอาชีพประมงเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเดินมาถึงมุมต่อมาได้ยินเสียงคำราม
“ว้าย! เสียงอะไรนะพี่อารี” ปรียาพูดด้วยความตกใจ พร้อมกับวิ่งไปหลบหลัง
พี่ชาย
อารีอมยิ้มท่าทางตกใจของน้องสาวแล้วพูดว่า “เสียงที่เปิดประกอบการจัดแสดง
รูปปั้ นการล่าเสือน่ะไม่ต้องตกใจ ขวัญเอ๋ยขวัญมานะเจ้าแม่ศรีเรือนของพี่” จากนั้นเอา
มือลูบหลังเพื่อปลอบโยนน้องสาว และจูงมือน้องเดินต่อไป ระหว่างทางเดินมีหุ่น
จำลองวิถีชีวิตการปั้ นเครื่องปั้ นดินเผาของชาวบ้าน หุ่นปั้ นตรงหน้ามีความสมจริงมาก
ปรียาจึงกระชับมือพี่ชายแน่นและรีบเดินตามพี่ชายไปจนถึงห้องเครื่องปั้ นดินเผา
ห้องเครื่องปั้ นดินเผา ในห้องมีการจัดแสดงเครื่องปั้ นดินเผารูปทรงและขนาด
แตกต่างกันออกไป ซึ่งเครื่องปั้ นดินเผาจะมีหลายลักษณะ ทั้งปั้ นขึ้นเพื่อความสวยงาม
และปั้ นขึ้นเพื่อการใช้สอย จะเห็นความแตกต่างคือ ปั้ นขึ้นเพื่อความสวยงามจะมี
ลวดลายงดงาม หลากหลาย และมีรูปทรงที่แปลกตา ส่วนปั้ นขึ้นเพื่อใช้สอยจะไม่ค่อย
มีลวดลาย และเป็นรูปทรงที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งาน ไม่เน้นทางด้านความสวยงาม
ห้องต่อมาเป็นห้องผ้าทอพื้นเมือง ห้องนี้ทำให้ปรียาตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ เพราะ
มีลวดลายของผ้าทอต่าง ๆ มากมายจนต้องร้อง “ว้าว สวยมากเลยพี่อารี ถ้าได้ใส่จะ
ต้องสวยมากแน่ ๆ ” ปรียายิ้มน้อยยิ้มใหญ่และเดินสำรวจภายในห้อง พบผ้าทอ
ลวดลายต่าง ๆ ของภาคใต้ เช่น ลายดอกโบตั๋น ลายดอกพิกุล ลายเครือวัลย์ลาย
ดอกล้อม เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีลวดลายผ้าปาเต๊ะ และมีแบบพิมพ์ลายที่สวยงาม
๖๖
ห้องถัดมาคือ ห้องกระต่ายขูดมะพร้าวที่มีรูปร่างแปลกตามากมาย เมื่อสองพี่น้อง
เดินสำรวจจนทั่วแล้ว จึงเดินไปยังห้องต่อไปคือ ห้องการจัดการศึกษามีการจัดแสดง
งานศิลปหัตถกรรมของชาวบ้าน เช่น ชื่อเรียกส่วนต่าง ๆ ของเรือกอ หัตถกรรมเครื่อง
หนัง กระจูด หมากรุก เป็นต้น ดูแล้วสวยงามละลานตา
ห้องถัดไปคือ ห้องวัฒนธรรมเครื่องประทีป เป็นห้องที่จัดแสดงตะเกียงลักษณะ
ต่าง ๆ ซึ่งมีความแตกต่างไปตามยุคสมัย
ห้องวัฒนธรรมเครื่องแก้ว ห้องนี้เป็นอีกห้องหนึ่งที่ปรียาชอบมาก เพราะมีการจัด
แสดงภาชนะที่ทำด้วยแก้วต่าง ๆ มีสีสันที่งดงามแตกต่างกันไป สีเขียวบ้าง สีฟ้าบ้าง สี
น้ำตาลบ้าง สีใสบ้าง ภาชนะที่ปรากฏ เช่นแจกัน ถ้วย จาน แก้วน้ำ ตลับใส่ของ เป็นต้น
ของทุกชิ้นล้วนมีลวดลายที่สวยงามและมีรูปทรงแปลกตาทำให้ปรียารู้สึกตื่นเต้นเป็น
พิเศษ อารีมองน้องสาวด้วยความเอ็นดู เพราะเข้าใจว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่ละเอียดอ่อน
ย่อมที่จะชอบของสวยงามเป็นธรรมดา
ห้องถัดไปคือ ห้องมุสลิมศึกษาเป็นห้องที่จัดแสดงเกี่ยวกับ สิ่งของ เครื่องใช้
เครื่องประดับ และคัมภีร์อัลกุรอานของศาสนาอิสลาม
หลังจากนั้นคือ ห้องการละเล่นพื้นเมือง ภายในห้องจัดแสดงเกี่ยวกับมโนราห์
ประกอบด้วย เครื่องแต่งกายของมโนราห์ เช่น เทริด หางหงส์ ปีกนกนางแอ่นหรือปีก
เหน่ง เล็บ เป็นต้น และมีการจัดแสดงเครื่องดนตรีที่ใช้เล่นประกอบการแสดงมโนราห์
เช่น โทน ปี่ ฆ้อง ฉิ่ง เป็นต้น
ถัดไปคือ ห้องเหรียญและเงินตรา จะแสดงเกี่ยวกับเงินและเหรียญในยุคต่าง ๆ
ของไทย รวมทั้งของประเทศใกล้เคียง เช่น ประเทศมาเลเซีย ลาว พม่า เป็นต้น
และห้องสุดท้ายคือ ห้องประเพณี เป็นห้องที่จัดแสดงเกี่ยวกับประเพณีต่าง ๆ
ของภาคใต้ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง
อารีพูดขึ้นมาว่า “แย่จัง ห้องสุดท้ายแล้ว ยังอยากเที่ยวต่ออยู่อีก ถ้าได้ไปเที่ยว
ที่อื่นอีกก็คงจะดี”
๖๗
เมื่อชมภายในห้องประเพณีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สองพี่น้องจึงเดินทางออกจาก
สถาบันทักษิณคดีศึกษา ด้วยการให้พ่อกับแม่มารับ เพราะพวกท่านเสร็จธุระพอดี
รถเก๋งสีขาวจอดหน้าสถาบันทักษิณคดีศึกษา สองพี่น้องกล่าวทักทายพ่อแม่ แล้ว
ขึ้นรถยนต์ รถผ่านหน้าสวนสาธารณะเกาะยอก เห็นประติมากรรมอันสวยงามและโดด
เด่น ซึ่งเป็นภาพของปลากะพงขาว จำปาดะ กระท้อน และละมุด หรือ ภาษาใต้เรียกว่า
สะหวา อีกทั้งยังมีสถานที่นั่งเล่นสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ
รถเคลื่อนที่ต่อไปจนถึงตลาดสินค้าพื้นเมือง แม่ อารี และปรียา ลงจากรถ และ
มุ่งหน้าไปซื้อยำสาหร่าย ขนมคบเคี้ยว มันกุ้ง และกุ้งแห้ง(เพื่อให้แม่ตำส้มตำ) เมื่อซื้อ
ของเสร็จเรียบร้อยจึงเดินทางกลับบ้านกันต่อ
ถึงสี่แยกไฟแดง รถจอด พ่อค้า แม่ค้าเริ่มทำหน้าที่ของตนด้วยการขายสินค้า
ต่าง ๆ จากคำสัญญาที่อารีให้ไว้กับน้องสาวว่า “จะช่วยอุดหนุนพ่อค้าแม่ค้า” จึงถาม
น้องสาวว่า “จะซื้อของอะไรบ้างเจ้าแม่”
ปรียายิ้มพร้อมกับตอบพี่ชายว่า “น้องอยากช่วยซื้อขนมและนมเปรี้ยว”
อารีพยักหน้า แล้วหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าตังส่งให้น้องสาว ปรียารับเงินจากพี่ชาย
แล้วจึงลดกระจกลง พ่อค้าแม่ค้าจึงเดินมาสอบถามสินค้าที่ต้องการซื้อ เมื่อซื้อขายกัน
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวพอดี
รถเดินทางออกจากสี่แยกไฟแดง ใช้ระยะเวลาไม่นานมากก็ถึงจุดหมาย
ปลายทางคือ บ้านของคุณตาคุณยาย
เมื่อสองพี่น้องมาถึงบ้านก็รีบมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของตน เพื่ออาบน้ำแต่งตัว
ก่อนที่จะพักผ่อน เมื่อหัวถึงหมอนได้ไม่นอน สองพี่น้องจึงเผลอหลับไปด้วย
ความเหนื่อยล้า
๖๘
เล่าเรื่อง เมืองเกาะยอ
ยำสาหร่ายผมนาง หรือยำสาย
สะพานติณสูลานนท์
ผ้าทอเกาะยอ
สถาบันทักษิณคดีศึกษา
วัดแหลมพ้อ
วัดท้ายยอ
ตลาดสินค้าพื้นเมือง
ประติมากรรมของดีเกาะยอ สวนสาธารณะเกายอ
๖๙
Fauget
Capital
ยำสาหร่ายผมนาง
หรือ ยำสาย
“ยำสาหร่ายผมนาง” ชาวเกาะยอเรียกว่า
“ยำสาย” สาหร่ายผมนางพบมากในทะเลสาบ
สงขลาและบริเวณรอบ ๆ เกาะยอ จะขึ้นใน
ความลึก ๑ - ๒ เมตร ต้นเป็นพุ่มแตกแขนงเป็นเส้นกิ่งก้านยาวมีสีน้ำตาล
คล้ายเส้นผมจึงเรียกกันว่า “สาหร่ายผมนาง”
สาหร่ายผมนางถือเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
ซึ่งคุณค่าทางอาหารที่ได้จากสาหร่ายผมนาง เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต
เกลือแร่ โดยเฉพาะธาตุไอโอดีนและวิตามินต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยป้องกัน
โรคหลายอย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง เป็นต้น
ยำสาหร่ายผมนาง หรือ ยำสายมีการผลิตเฉพาะตำบลเกาะยอ
ที่เดียว และเป็นสูตรลับเฉพาะ สาหร่ายผมนางสีดำทำให้เป็นสีขาว
ด้วยวิธีการธรรมชาติ คือ ตากน้ำค้าง แล้วล้างด้วยน้ำฝน จะทำให้เส้น
ของสาหร่ายผมนางเป็นสีขาวนุ่ม เส้นมีความกรอบ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ยำสาหร่ายผมนาง
หรือ ยำสายเป็นอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อ
ของเมืองเกาะยอมากว่า ๑๐๐ ปีแล้ว
ที่มา : HTTPS://KOHYOR.GO.TH/OTOP/DETAIL
๗๐
สะพานติณสูลานนท์
ที่มา : HTTPS://CBTTHAILAND. สะพานติณสูลานนท์ เป็นสะพานคอนกรีต
DASTA.OR.TH ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยอยู่ในอำเภอเมืองสงขลา
และอำเภอสิงหนคร โดยเชื่อมเกาะยอ ๒ ด้าน
ระหว่างฝั่ งบ้านน้ำกระจาย อำเภอเมืองสงขลา
และบ้านเขาเขียว อำเภอสิงหนคร
สะพานติณสูลานนท์ก่อสร้างขึ้นในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรง
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ชาวจังหวัดสงขลานิยมเรียกสะพานนี้ติดปากว่า
สะพานติณ สะพานป๋าเปรม สะพานเปรม หรือสะพานเกาะยอ และถือเป็น
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อของจังหวัด
จุดประสงค์ของการสร้างสะพานแห่งนี้ คือ การรองรับการคมนาคมทาง
รถยนต์ โดยไม่ต้องรอข้ามแพขนานยนต์ซึ่งมีไม่เพียงพอกับปริมาณรถยนต์ที่
เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การเดินทางต้องใช้เวลานาน ดังนั้น ในปี พ.ศ. ๒๕๒๔
รัฐบาลจึงมีนโยบายจะพัฒนาจังหวัดสงขลา และอำเภอหาดใหญ่ให้เป็นเมืองหลัก
โดยกรมทางหลวงเป็นเจ้าของโครงการและบริษัทจากประเทศไต้หวันเป็น
ผู้ดำเนินการก่อสร้าง เปิดให้ใช้เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๗
๗๑
ผ้าทอเกาะยอ
การทอผ้าเป็นงานศิลปวัฒนธรรมที่นิยมของชาวเกาะยอ
มาไม่น้อยกว่าสมัยรัตนโกสินทร์ สันนิฐานว่า ชาวจีนอพยพมาอยู่
เกาะยอและได้นำการทอผ้ามาด้วย จึงเกิดการทอผ้าในเวลาต่อมา
การทอผ้าเกาะยอในระยะแรกจะทอด้วยมือและใช้เครื่องมือ
ที่ชาวบ้านภาคใต้เรียกว่า “ตรน”นอกจากนี้ยังใช้ฝ้ายที่ปลูกกันเอง
และย้อมผ้าเองโดยใช้สีที่ได้จากธรรมชาติ เช่น สีแดงได้จากรากยอ
สีม่วงได้จากลูกหว้า เป็นต้น โดยทอเป็นผ้าพื้นบ้าง ผ้าดอกลวดลาย
ต่าง ๆ บ้าง ในยุคแรกนิยมทอผ้าเป็นลายเรียบ ต่อมาเมื่อประเทศ
ไทยมีการค้าขายกับต่างประเทศจึงได้ประดิษฐ์ลายขึ้นมามากกว่า
๔๐ ลาย เช่น ลายราชวัตรดอกเล็ก ลายราชวัตรดอกใหญ่ ลายลูก
แก้ว เป็นต้น สำหรับลายราชวัตรถือว่าเป็นผ้าลายดอกที่มีต้น
กำเนิดมาจากเกาะยอ ต่อมากลายเป็นผ้าทอลายนิยมของผ้าทอ
เมืองใต้และเป็นลายที่ได้รับพระราชทานนามพระบาทสมเด็จพระ
ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสร็จประทับ ณ สงขลา พ.ศ. ๒๕๔๙
"ยุคสมัยเปลี่ยนไปทำให้ผ้าทอเกาะยอในลักษณะของผ้าถุง
ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร จึงมีการดัดแปลงผลิตภัณฑ์โดยการ
ตัดเย็บเป็นกระเป๋า ชุด กล่องทิชชู่ และเนกไท ส่งผลให้ผู้คนกลับ
มานิยมใช้ผ้าทอเกาะยอกันอีกครั้ง"
(อรชุน ลิ่มเสรีตระกูล)
ผ้าทอเกาะยอได้รับพิจารณาและคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์เด่น
ของจังหวัดสงขลา และยังได้รับเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์
ชุมชน (มผช.) เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพและสร้างความมั่นใจให้
แก่ผู้ใช้ผ้าทอเกาะยอ
๗๒
สถาบันทักษิณคดีศึกษา
สถาบันทักษิณคดีศึกษาตั้งอยู่หมู่ที่ ๑ บ้านอ่าวทราย
ตำบลเกาะยอ บริเวณใกล้เชิงสะพานติณสูลานนท์ช่วงที่ ๒ สถาบัน
ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาศิลปวัฒนธรรมของภาคใต้
ลักษณะของอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบภาคใต้ แบ่งออกเป็น
๔ อาคาร โดยแต่ละอาคารจะแบ่งออกเป็นห้อง ๆ ได้แก่ ห้องแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
ชาติพันธุ์ และโบราณวัตถุที่เกิดจากภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น ห้องเครื่องประดับศาตราวุธ
ที่ใช้กันในภาคใต้ เช่น กริช มีดชายธง มีดหางไก่ ห้องแสดงผ้าทอพื้นเมือง เช่น ผ้าทอพุมเรียง
ผ้าทอปัตตานี ห้องแสดงกระต่ายขูดมะพร้าวรูปทรงต่าง ๆ ที่มีรูปแบบหาชมได้ยาก ห้อง
แสดงการละเล่นพื้นเมือง เช่น หนังตะลุง โนรา ลิเกป่า ห้องแสดงวิถีชีวิตชาวใต้ เช่น
การแสดงการละเล่นและของเล่นเด็ก เช่น การเล่นซัดราว การเล่นว่าว ลูกข่าง ห้องแสดง
ประเพณีและห้องแสดงการรักษาพยาบาลแบบโบราณ
ดังนั้น สถาบันทักษิณคดีศึกษาจึงเปรียบเสมือนศูนย์กลางวัฒนธรรมของภาคใต้ที่มี
พิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา ซึ่งจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับภาคใต้ทั้งแบบองค์รวมและแยกส่วน ทำให้
เป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมของแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจอีกแหล่งหนึ่งของตำบลเกาะยอ
วิดีโอเพิ่มเติม
๗๓
วัดแหลมพ้อ
วัดแหลมพ้อ ถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่ง
ในจังหวัดสงขลา จากหลักฐานสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่
ปี พ.ศ. ๒๓๖๐ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยมีท่านพระครูทิพวาสี และ
เนื่องจากพื้นที่บริเวณวัดเป็นแหลมยื่นออกไป อีกทั้งมีต้นพ้ออยู่เป็นจำนวนมาก
จึงเรียกชื่อวัดกันต่อมาว่า “วัดแหลมพ้อ”
วัดแหลมพ้อมีสถาปัตยกรรมที่นับเป็นโบราณสถานและปูชนียสถานที่
สำคัญของวัด ประกอบด้วย พระนอนปางไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุด พระอุโบสถ
ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยเริ่มสร้างวัด มีลวดลายหน้าบันด้านหน้าเป็นช้างสามเศียร
หน้าบันด้านหลังเป็นครุฑยุดนาค และมีที่โปรยทานของพระเจ้าแผ่นดิน
มีพระสถูปเจดีย์ ซึ่งสร้างพร้อมกับพระอุโบสถ ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกเป็น
เจดีย์ก่ออิฐถือปูนตั้งอยู่บนสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง และมีหอระฆังตั้งอยู่ด้านข้าง
ทางทิศตะวันออก โดยสร้างเป็นซุ้มทรงสี่เหลี่ยมประดับด้วยลวดลายปูนปั้ น
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานวัดแหลมพ้อเป็นโบราณ
สถานของชาติเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๐
วิดีโอเพิ่มเติม
๗๔
วัดท้ายยอ
วัดท้ายยอเป็นวัดแรกที่สร้างขึ้นในเกาะยอ และถือเป็นวัดที่เก่าแก่อายุกว่า
๒๐๐ ปี โดยมีโบราณสถานที่สำคัญภายในวัดได้แก่ เจดีย์บนเขาเพหาร อุโบสถ
กุฏิแบบเรือนไทยปั้ นหยา และสระน้ำโบราณ
เจดีย์บนเขาเพหาร มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงลังกาวัดหรือทรงระฆัง บริเวณ
เจดีย์มีการตกแต่งรอบ ๆ ฐานด้วยลายปูนปั้ นที่สวยงาม ด้านนอกมียักษ์ ๒ ตนเฝ้า
องค์เจดีย์ ตามคตินิยมของชาวบ้านจะเรียกยักษ์ ๒ ตนนั้นว่า พ่อแก่ยักษ์
อุโบสถ มีลักษณะเป็นหลังคาชั้นเดียว ไม่มีช่อฟ้าใบระกา หลังคามุงด้วย
กระเบื้องดินเผา ล้อมรอบด้วยใบเสมาและกำแพงแก้วทั้ง ๔ ด้าน
กุฏิแบบเรือนไทยปั้ นหยาอายุกว่า ๒๐๐ ปี หลังคาใช้กระเบื้องดินเผา เป็น
อาคารไม้ใต้ถุนสูง มีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์คือ เสาเรือนกุฏิจะไม่ฝังลงในดิน
แต่จะตั้งอยู่บนตีนเสา ซึ่งเป็นที่รองรับเสาอันเป็นลักษณะเฉพาะของบ้านชาวไทย
ในภาคใต้เท่านั้น
สระน้ำโบราณ ตั้งอยู่ติดเขาเพหารด้านทิศเหนือของวัด เป็นสระน้ำรูป
สี่เหลี่ยม ปากบ่อก่ออิฐหินขึ้นเป็นขอบรอบล้อมสูงประมาณ ๖๐ เซ็นติเมตร
วัดท้ายยอเป็นวัดที่ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมล้ำค่า
ควรค่าแก่การอนุรักษ์และหวงแหน
วิดีโอเพิ่มเติม
ที่มา : HTTPS://KOHYOR.GO.
TH/TRAVEL/DETAIL/1046
๗๕
ตลาดสินค้าพื้นเมือง
ตลาดสินค้าพื้นเมือง เป็นแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์และสินค้า
จากชาวตำบลเกาะยอ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ ตำบลเกาะยอ โดยจะจำหน่าย
สินค้าที่ระลึกและของฝาก
สินค้าที่จำหน่ายทั้งหมดเป็นสินค้าจากผลผลิตในตำบล
เกาะยอและอำเภอใกล้เคียง เช่น กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง ปลาเค็ม
กะปิ มันกุ้ง กุ้งส้ม ขนมขบเคี้ยว ขนมพื้นบ้านจังหวัดสงขลา ผ้าทอ
เกาะยอ ผ้าขาวม้า ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าทอเกาะยอ เสื้อผ้า
ยำสาหร่ายผมนาง หรือ ยำสาย เป็นต้น
ดังนั้น ตลาดสินค้าพื้นเมืองจึงถือเป็นศูนย์รวมของสินค้า
พื้นเมืองชาวเกาะยอที่หลากหลายทั้งของกิน ของฝาก และของใช้
ซึ่งช่วยส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและเป็นแหล่งรายได้เสริมให้แก่
ชาวเกาะยอและอำเภอใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี
วิดีโอเพิ่มเติม
๗๖
ประติมากรรมของดีเกาะยอ
สวนสาธารณะเกายอ
ประติมากรรมของดีเกาะยอ สวนสาธารณะเกายอ ตั้งอยู่บริเวณสวน
สาธารณะเกายอ หมู่ที่ ๑ ตำบลเกาะยอ อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา
ซึ่งเป็นประติมากรรมรูปปั้ นที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของตำบล
เกาะยอ คือ ปลากะพงขาว ที่ได้รับความนิยมว่า เป็นปลากะพงที่อร่อยที่สุด
ของประเทศไทย เมื่อพูดถึงปลากะพงจะต้องนึกถึงตำบลเกาะยอด้วย เพราะ
ปลากะพงของเกาะยอเป็นปลากะพง ๓ น้ำที่เลี้ยงโดยธรรมชาติในทะเลสาบ
สงขลา นอกจากนี้ก็ยังมีประติมากรรมผลไม้เศรษฐกิจของตำบลเกาะยอ คือ
จำปาดะ กระท้อน และละมุด หรือ ภาษาใต้เรียกว่า สะหวา
วิดีโอเพิ่มเติม
๗๗
อ่านเสริม เพิ่มความรู้
เหตุและผล
ความหมายของเหตุและผล
เหตุ หมายถึง สิ่งที่เป็นต้นกำเนิด หรือสิ่งที่ทำให้เกิดสิ่งอื่นตามมา ซึ่งเรามักจะ
เรียกกันว่า สาเหตุ ส่วน ผล หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากเหตุ หรือที่เรามักจะ
เรียกกันว่า ผลลัพธ์ เช่น
เหตุ : ปรียายังไม่ได้รับประทานอาหารเช้า
ผล : ปรียารู้สึกหิว
การใช้ภาษาเพื่อแสดงเหตุและผลในภาษาไทยมักจะใช้คำสันธาน หรือคำเชื่อม
เช่นคำว่า จึง เพราะ เพราะว่า เพราะฉะนั้น ดังนั้น ส่งผลให้ เป็นต้น
ตัวอย่างประโยคแสดงเหตุและผลที่ใช้คำสันธานในการเชื่อมประโยค
อารีขับรถจักรยานยนต์ตากแดดทั้งวัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่ค่อยสบาย
ลูกตาลเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดี จึงมีแต่คนรักเธอ
ปรียาชอบรับประทานยำสาหร่ายผมนาง
เพราะเป็นอาหารที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
๗๘
ความสัมพันธ์ของเหตุและผล
ความสัมพันธ์จากเหตุไปหาผล เช่น
กุ้งส้มเป็นคนร่าเริง จึงสร้างรอยยิ้มให้รอบข้างได้เสมอ
เหตุ กุ้งส้มเป็นคนร่าเริง
ผล สร้างรอยยิ้มให้รอบข้างได้เสมอ
อารีและปรียาปิดเทอม ดังนั้นพ่อแม่จึงพามาเยี่ยมคุณตาคุณยาย
เหตุ อารีและปรียาปิดเทอม
ผล พ่อแม่พามาเยี่ยมคุณตาคุณยาย
ความสัมพันธ์จากผลไปหาเหตุ เช่น
เกาะยอเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของจังหวัดสงขลา
เพราะเป็นศูนย์รวมของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย
เหตุ เป็นศูนย์รวมของมรดกภูมิปัญญาทาง
วัฒนธรรมที่หลากหลาย
ผล เกาะยอเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
แห่งหนึ่งของจังหวัดสงขลา
๗๙
ผ้าทอเกาะยอได้รับความนิยม เพราะมีลวดลายที่โดดเด่นและสวยงาม
เหตุ ผ้าทอเกาะยอมีลวดลายที่โดดเด่นและสวยงาม
ผล ผ้าทอเกาะยอได้รับความนิยม
ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น
ความหมายของข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น
ข้อเท็จจริง หมายถึง เนื้อหาหรือเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ และแสดงถึง
ความจริง สามารถตรวจสอบ และพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง มีความน่าเชื่อถือและสมเหตุ
สมผล
ข้อคิดเห็น หมายถึง เนื้อหาที่แสดงถึงอารมณ์ความรู้สึก การคาดคะเน และ
การแสดงความคิดเห็นของผู้เขียน
๘๐
ลักษณะของข้อเท็จจริง
๑. ข้อเท็จจริงมักเป็นข้อความที่เป็นความจริงต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโลก
๒. ข้อเท็จจริงมีหลักฐานอ้างอิงและสามารถตรวจสอบได้ด้วยกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์
๓. ข้อเท็จจริงมักจะให้ข้อมูลอย่างชัดเจน เช่น มีการระบุวันเวลา การใช้ตัวเลข
การใช้สถิติ
ตัวอย่างของข้อความที่เป็นข้อเท็จจริง
๑. เจดีย์บนเขาเพหาร มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงลังกาวัดหรือทรงระฆัง บริเวณ
เจดีย์มีการตกแต่งรอบ ๆ ฐานด้วยลายปูนปั้ นที่สวยงาม
๒. สะพานติณสูลานนท์ เป็นสะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทยอยู่ใน
อำเภอเมืองสงขลา และอำเภอสิงหนคร
๓. กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานวัดแหลมพ้อเป็นโบราณ
สถานของชาติเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๐
ลักษณะของข้อคิดเห็น
๑. ข้อคิดเห็นมักเป็นข้อความที่แสดงความรู้สึก แสดงการคาดคะเน แสดง
การเปรียบเทียบหรืออุปมาอุปไมย และแสดงข้อเสนอแนะหรือความคิดของผู้พูดหรือ
ผู้เขียนเอง
๒. ข้อคิดเห็นมักมีข้อความว่า ควร ควรจะ น่าจะ อาจ ค่อนข้าง ปรากฏอยู่ใน
ข้อความ
๘๑
ตัวอย่างของข้อความที่เป็นข้อคิดเห็น
๑. การทอผ้าเป็นงานศิลปวัฒนธรรมที่นิยมของชาวเกาะยอน่าจะตั้งแต่สมัย
รัตนโกสินทร์
๒. กุฏิแบบเรือนไทยปั้ นหยาน่าจะสร้างขึ้นตั้งแต่ ๒๐๐ ปีที่แล้ว
๓. ผ้าทอเกาะยอค่อนข้างเป็นที่นิยมของชาวภาคใต้
ความแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น
ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น
๑. เป็นความจริงต่าง ๆ ที่มีอยู่ใน ๑. เป็นข้อความที่แสดงความรู้สึก
โลก แสดงการคาดคะเน การเปรียบเทียบ
และความคิดของผู้พูดหรือผู้เขียน
เอง
๒. มักจะให้ข้อมูลอย่างชัดเจน ๒. มักมีข้อความว่า ควร ควรจะ
เช่น มีการระบุวันเวลา การใช้ น่าจะ อาจ ค่อนข้าง ปรากฏอยู่ใน
ตัวเลข การใช้สถิติ ข้อความ
๘๒
กิจกรรม “ชวนคิด ลองทำดู”
ตอนที่ ๑ อ่านข้อความ ถามเหตุผล
คำชี้แจง : นักเรียนอ่านข้อความที่กำหนดให้ แล้วขีดเส้นใต้
สีน้ำเงินใต้ข้อความที่เป็นเหตุ และขีดเส้นใต้สีแดงใต้ข้อความ
ที่เป็นผล
๑. ตลาดสินค้าพื้นเมือง เป็นแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์และสินค้าจาก
ชาวตำบลเกาะยอ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ ตำบลเกาะยอ โดยจะจำหน่ายสินค้าที่
ระลึกและของฝาก เช่น กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง ปลาเค็ม กะปิ มันกุ้ง กุ้งส้ม
ผ้าทอเกาะยอ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าทอเกาะยอ ยำสาหร่ายผมนาง หรือ
ยำสาย เป็นต้น ดังนั้น ตลาดสินค้าพื้นเมืองจึงถือเป็นศูนย์รวมของสินค้า
พื้นเมืองชาวเกาะยอที่หลากหลายทั้งของกิน ของฝาก และของใช้
๒. วัดท้ายยอเป็นวัดแรกที่สร้างขึ้นในเกาะยอ และถือเป็นวัดที่เก่าแก่อายุ
กว่า ๒๐๐ ปี โดยมีโบราณสถานที่สำคัญภายในวัดได้แก่ เจดีย์บนเขาเพหาร
อุโบสถ กุฏิแบบเรือนไทยปั้ นหยา และสระน้ำโบราณ จึงเป็นสถานที่
ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของเกาะยอ
๓. สถาบันทักษิณคดีศึกษาเปรียบเสมือนศูนย์กลางวัฒนธรรมของภาคใต้
เพราะมีพิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา ซึ่งจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับภาคใต้ทั้งแบบ
องค์รวมและแยกส่วน ทำให้เป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมของแหล่งเรียนรู้ที่
น่าสนใจอีกแหล่งหนึ่งของตำบลเกาะยอ
๘๓
กิจกรรม “ชวนคิด ลองทำดู”
๔. สะพานติณสูลานนท์ก่อสร้างขึ้นในสมัยพลเอกเปรม
ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ชาวจังหวัด
สงขลาจึงนิยมเรียกสะพานนี้ติดปากว่า สะพานติณ
สะพานป๋าเปรม สะพานเปรม หรือสะพานเกาะยอ
และถือเป็น สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อของ
จังหวัด
๕. สาหร่ายผมนางเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งคุณค่า
ทางอาหารที่ได้จากสาหร่ายผมนาง เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่
โดยเฉพาะธาตุไอโอดีนและวิตามินต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคหลาย
อย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง เป็นต้น
๘๔
กิจกรรม “ชวนคิด ลองทำดู”
ตอนที่ ๒ เติมประโยค โลกเหตุผล
คำชี้แจง : นักเรียนเขียนประโยคในช่องว่างให้สัมพันธ์กับ
ประโยคที่ครูกำหนดให้ พร้อมกับระบุว่า ประโยคข้างต้นมี
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลอย่างไร
๑. ปรียาตั้งใจอ่านหนังสือ เพราะ..............................................
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลคือ....................................................
๒. ......................................................... ลูกตาลจึงร้องไห้
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลคือ....................................................
๓. อารีรู้สึกเหนื่อย เพราะ.....................................................
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลคือ....................................................
๔. ยำสาหร่ายเป็นอาหารที่อร่อย หอม หวาน และมัน
จึง.....................................................................................
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลคือ....................................................
๘๕
กิจกรรม “ชวนคิด ลองทำดู”
๕. ครูสั่งการบ้านเยอะ นักเรียนจึง.............................................
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลคือ....................................................
๖. พ่อออกกำลังกายเป็นประจำ ...........................................
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลคือ....................................................
๗. ............................................ รถจึงติด
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลคือ....................................................
๘. ปรียาชอบใส่ผ้าทอเกาะยอ เพราะ....................................
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลคือ....................................................
๙. ........................................ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลัน
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลคือ....................................................
๑๐. อารีชอบกินหมูกระทะ เพราะ.............................................
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลคือ....................................................
๘๖
กิจกรรม “ชวนคิด ลองทำดู”
ตอนที่ ๓ ยอดนักสืบ
คำชี้แจง : นักเรียนอ่านข้อความที่กำหนดให้ แล้วตอบ
คำถามว่า ข้อความนั้นเป็นข้อเท็จจริงหรือข้อคิดเห็น
๑. ........................... ปลากะพงของเกาะยอเป็นปลากะพง ๓ น้ำที่เลี้ยง
โดยธรรมชาติในทะเลสาบสงขลา
๒. ........................... วัดท้ายยอ ประกอบด้วยโบราณสถานที่สำคัญภายใน
วัดได้แก่ เจดีย์บนเขาเพหาร อุโบสถ และกุฏิแบบเรือนไทยปั้ นหยา
๓. ........................... วัดท้ายยอเป็นวัดที่ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมล้ำค่า
ประชาชนจึงควรจะอนุรักษ์และหวงแหนให้คงอยู่ต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน
๔. ........................... ผ้าทอเกาะยอได้รับพิจารณาและคัดสรรให้เป็น
ผลิตภัณฑ์เด่นของจังหวัดสงขลา
๕. ........................... สาหร่ายผมนางพบมากในทะเลสาบสงขลาและ
บริเวณรอบ ๆ เกาะยอ จะขึ้นในความลึก ๑ - ๒ เมตร ต้นเป็นพุ่มแตกแขนง
เป็นเส้นกิ่งก้านยาวมีสีน้ำตาล
๖. ........................... ลายของผ้าทอเกาะยอ น่าจะมีมากกว่า ๔๐ ลาย
๗. ........................... กุฏิแบบเรือนไทยปั้ นหยาน่าจะสร้างขึ้นตั้งแต่ ๒๐๐
ปีที่แล้ว
๘. ........................... เจดีย์บนเขาเพหาร มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงลังกาวัด
หรือทรงระฆัง
๙. ........................... ผ้าทอเกาะยอ เป็นงานหัตถกรรม
๑๐. ........................... ละมุด หรือ ภาษาใต้เรียกว่า สะหวา
๘๗
"เปิดใจ มองดู
ย้อนสู่ประเพณี"
๘๘
บทที่ ๓
เปิดประตู สู่โลกประเพณี
๘๙
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ประจำบท
สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพุด
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างวิจารณญาณและพูดแสดง
ความรู้ ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและ
สร้างสรรค์
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
ตัวชี้วัด ท๓.๑ ม.๑/๓ พูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับ
เรื่องที่ฟังและดู
ตัวชี้วัด ท๓.๑ ม.๑/๕ พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจาก
การฟัง การดู และการสนทนา
จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. นักเรียนสามารถบอกความหมาย หลักการ และข้อควรปฏิบัติของ
การพูดรายงานจากเรื่องที่ฟังและดูได้ (K)
๒. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายและหลักการพูดแสดงความคิดเห็น
ได้ (K)
๓. นักเรียนสามารถพูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจาก
การฟัง การดู และการสนทนาได้ (P)
๔. นักเรียนสามารถพูดแสดงความคิดเห้นอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่
ฟังและดู (P)
๕. นักเรียนเห็นคุณค่าของประเพณีในท้องถิ่นและมีเจตคติที่ดีต่อการเรียน
เรื่องพูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้า และพูดแสดงความคิด
เห็นอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู (A)
แนวคิด
การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า คือ การบอกเล่า ชี้แจง แสดงผลจาก
เรื่องที่ไปศึกษาค้นคว้า การพูดรายงานมีความสำคัญในฐานะที่เป็น
การเผยแพร่ความรู้ความคิด และ เมื่อเราได้รับสารจาการฟัง หรือการดู
เราอาจมีความคิดบางอย่างต่อสารนั้น เรียกว่า ความคิดเห็น ซึ่งหมายถึง
ความรู้สึกนึกคิด และข้อสันนิษฐานที่เรามีต่อข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ ส่วน
การแสดงความคิดเห็น คือ การแสดงความรู้สึกนึกคิด และข้อสันนิษฐาน
นั้นออกมาให้ผู้อื่นรับรู้อีกที
๙๐
บทที่ ๓
เปิดประตูสู่โลกประเพณี
แสงดวงอาทิตย์ยามบ่าย กำลังเปล่งแสงเจิดจ้า วันนี้อากาศร้อนกว่าทุก ๆ วัน
โชคดียังมีสายลมพัดแผ่วเบามาเป็นระยะ ๆ พอคลายความร้อนสำหรับวันนี้ไปได้
บ้าง อารี และ ปรียา พี่น้องคู่หูกำลังนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนสีขาวหลังบ้านซึ่งอยู่ใกล้ๆ
กับแปลงผักกาดของคุณพ่อสองพี่น้องคู่หูที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดซึ่งตอนนี้
ทุกคนกำลังครุ่นคิดอยู่กับเรื่องบางเรื่องเนื่องจากที่ผ่านมาทั้งสองได้ไปเที่ยวที่บ้าน
คุณยายซึ่งอยู่ที่จังหวัดสงขลาได้รู้เกี่ยวกับสถานที่ของสงขลาและฟังเรื่องเล่าย้อน
ความทรงจำของคุณยายกันอย่างสนุกอีกทั้งได้เดินทางไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ใน
ตำบลเกาะยอกันหลายที่ทำให้ช่วงนี้ทั้งสองรู้สึกประทับใจกับที่สงขลากันอย่างมาก
เลยสนใจที่จะอยากรู้ในส่วนของประเพณีที่น่าสนใจของจังหวัดสงขลาในตำบล แล
พอำเภออื่นบ้าง
“พี่อารีคะ น้องปรียาประทับใจที่สงขลามากเลยค่ะ แต่ตอนนี้น้องปรียากำลัง
คิดว่าเราสองคนก็รู้เกี่ยวกับเรื่องสถานที่และอาหารกันหลากหลายแล้ว เหลือด้าน
ประเพณีที่ยังไม่ได้ทราบของสงขลาเลยค่ะ เราจะทำยังไงดีคะ” เสียงปรียาผู้เป็น
น้องกำลังเปิดประเด็นเพื่อให้อารีผู้เป็นพี่ช่วยคิด
“พี่ว่าเราคงต้องจัดทริปกันอีกสักทริปดีมั้ยปรียาแต่ว่าไปมหาวิทยาลัยของ
เราทั้งสองคนก็จะเปิดแล้วคงจะจัดทริปไปสงขลาไม่ได้
แล้วล่ะ”เสียงอารีกำลังเสนอแนวทางแต่ก็ต้องหยุดชะงัก
เพราะใกล้ถึงกับเวลาเปิดภาคเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว
“ใช่ค่ะพี่อารี มหาวิทยาลัยของปรียาก็จะเปิด
อีกไม่กี่วันแล้วค่ะ เราคงต้องหยุดทริปตะลุย
สงขลาไว้ไปรอบหน้ากันแน่ๆสินะ”เสียงปรียาพูด
ด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ ที่รู้ว่าทั้งสองคงไม่ได้ไปสงขลาอีกครั้ง
๙๑
ทั้งอารีและปรียากำลังนั่งเศร้าอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนสีขาวหลังบ้าน
โดยมีเจ้าส้มแดงแมวน้อยกำลังเดินวนไปมาเหมือนสื่อให้รู้ว่ากำลัง
ปลอบใจสองพี่น้อง
ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุในบ่ายวันนั้น เวลาผ่านไปไม่นาน อยู่ ๆ
อารีก็เห็นแสงสีส้มที่ลงมาคล้ายเกลียวคลื่นกำลังส่องแสงอยู่ที่ข้างแปลงผัก
กาดของคุณพ่อ
“ปรียา ปรียา ดูนั่นสินั่นแสงอะไร ” อารีรีบบอกให้ปรียาดูแสงสีส้มที่
ส่องแส่งเจิดจ้า
“นั่นแสงอะไร ทำไมเป็นประกายระยิบนะยับเลยคะ ” ปรียารีบบอกพี่
ชายด้วยความมหัศจรรย์ใจ
“นั่นสิ แสงอะไรกันนะ เดินเข้าไปดูกันเถอะ ” อารีตอบน้องสาวพร้อม
ค่อยสอดส่องสายตาและเดินเข้าไปดูอย่างตื่นเต้น
สองพี่น้องต่างรีบเดินเข้าไปดูกันอย่างตื่นเต้นว่าแสงดังกล่าวนั้นคือ
แสงอะไร แม้ภายในใจจะกล้า ๆ กลัว ๆ แต่อีกใจหนึ่งก็ตื่นเต้นอยู่ไม่
น้อย เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ แสงประกายสีส้มก็ค่อยแผ่รังสีเข้ามาใน
รัศมีที่กว้างมากขึ้นเมื่อแสงประกายสีส้มไปโดนตัวอารีและปรียา
อยู่ ๆ ทั้งสองก็ค่อย ๆ หลุดเข้าไปในเกลียวคลื่นสีส้มนั้น แล้วค่อย ๆ
หมุนวนเป็นเกลียวไปอย่างรวดเร็ว
๙๒
อารีและปรียาก็ได้ทะลุมิติมายังสงขลาอีกครั้ง ในการทะลุมิติ
ครั้งนี้เพื่อให้ทั้งสองได้มาเรียนรู้ประเพณีในอำเภอสงขลานับว่าเป็น
ความโชคดีของสองพี่น้องคู่นี้
ยินดีต้อนรับเข้าสู่จังหวัดสงขลา เสียงอารีค่อย ๆ อ่านป้ายหลัง
จากหลุดออกมาจากแสงประกายสีส้ม อย่างงุนงง พร้อมหันไปหาน้อง
สาวที่กำลังเดินตามมาติด ๆ “ปรียานี่เรากลับมาอยู่สงขลาอีกครั้งเหรอ
เนี่ย เราทะลุมิติกันมาได้เหรอเนี่ย ” อารีค่อย ๆ บอกน้องสาวของตน
อย่างตื่นตาตื่นใจว่าทั้งสองสามารถทะลุมิติมาได้อีกครั้ง “ใช่ค่ะพี่อารี
เราทะลุมิติได้จริง ๆ ด้วย ช่างโชคดีนะที่เราอยากจะมาสงขลาอีกครั้ง
แล้วนี่พวกเราสองคนทะลุมิติมาใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ก็มาถึงเมือง
สงขลาแล้วค่ะ” ปรียาบอกพี่ชายของตนด้วยความตื่นเต้น ที่จะได้มา
สงขลาอีกครั้งสมความตั้งใจ อีกทั้งการมาสงขลาครั้งนี้ได้มาแบบทะลุ
มิติที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
๙๓
อารีและปรียาค่อย ๆ เดินมุ่งหน้าไปตามเส้นทาง โดยดูป้ายเป็นระยะ
เมื่อผ่านตลาดขายของสินค้าพื้นเมืองอารีและปรียาได้แวะเลือกซื้อของ
ซึ่งตลาดสินค้าพื้นเมืองขายผ้าทอเกาะยอที่มีลวดลายสวยงาม ทั้งผ้าซิ่น
เสื้อ กางเกง กระโปรง รวมไปถึงผ้าพันคอลายสวย ๆ แขวนโชว์ดึงดูดลูกค้า
เดินถัดมาก็จะพบกับร้านยำสาหร่าย ซึ่งชาวบ้านจะเรียกว่ายำสาย ดูน่ารับ
ประทาน อารีรู้สึกอยากลองชิมเลยซื้อมา ๑ กล่องพร้อมกับซื้อผ้าทอเกาะ
ยอไว้ไปฝากคุณพ่อและคุณแม่ที่บ้าน เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าเดินไปเรื่อย ๆ
ซึ่งเดินทางไปก็เจอกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กำลังเดินอยู่ด้วย อารีและปรียา
เลยเข้าไปทักทายทำความรู้จัก เลยได้รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ชื่อว่า กุ้งส้ม บ้าน
อยู่อำเภอสิงหนคร และกำลังเดินทางมุ่งหน้ากลับบ้านที่สิงหนคร เช่นกัน
ทำให้อารีและปรียารู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้เจอเพื่อนระหว่างทาง
“ผมชื่ออารี ส่วนนี่น้องสาวผม
ชื่อปรียาครับ”เสียงอารีทักทายกุ้งส้ม
พร้อมทั้งแนะนำตัวให้กุ้งส้มได้รู้จัก
ทั้งสามคนจึงได้เดินทางมุ่งหน้าไปยัง
อำเภอสิงหนครระหว่างทางได้มีรถสอง
แถวผ่านมาพอดี ซึ่งระแวกนี้ว่าจะมีรถสอง
แถวหรือรถโดยสารผ่านมาสักคันนั้นต้อง
รอนาน บางครั้งอาจจะต้องรอเกือบชั่วโมง
กุ้งส้มเมื่อเห็นรถสองแถวจึงรีบ
โบกมือเรียกรถอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้
ล่นระยะเวลาการเดินทางให้เร็ว
ขึ้นสองแถวค่อย ๆ ชะลอจอด
แล้วทั้งสามก็ก้าวเท้าขึ้นไปนั่ง
บนรถสองแถวอย่างรวดเร็ว
“โชคดีจังเลยค่ะมีรถสองแถวผ่านมาพอดี เราจะได้ไปถึงสิงหนครกันเร็ว ๆ
” เสียงปรียาพูดอย่างดีใจแล้วค่อย ๆ นั่งลงบนเบาะอย่างช้า ๆ
“ใช่แล้ว ถ้าหากเดินคงใช้เวลานานเป็นชั่วโมงเลยล่ะ” กุ้งส้มรีบบอกปรียา