The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประเพณี -12- เดือน ไทใหญ่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ประเพณี -12- เดือน ไทใหญ่

ประเพณี -12- เดือน ไทใหญ่

101

ในขบวนมีรานก ราโต

ขบวนแห่ลอยกระทง

102

ลอยกระทงหนองจองคา
ลอยกระทงท่ีปางหมู
อธฐิ าน แลว้ ก็ลอยกระทง

103

บรรยากาศงานลอ่ งผ่องไตทช่ี มุ ชนบ้านปางหมู

งานประเพณี ปอยส่างการกฐิ่ง (การถวายผา้ กฐนิ )
ช่วงเวลาท่ีมกี ารจัดงาน
จะนยิ มจดั ตั้งแตวํ นั แรม 1 ค่าํ เดอื น 11 จนถงึ ข้นึ 15 คํา่ เดอื น 12

ประวัตปิ ระเพณปี อยสา่ งการกฐิ่ง (การถวายผ้ากฐนิ )
ภาษา ปุ่งนา (ปุโรหิต) เรยี กวํา “ปิกสาํ หยําส่ี” ภาษาพมํา เรียกวํา “ต๏ะสยํองมุง

ละ” อาโปธาตุประจําเดือน ดอกประจําราศี คือ ดอกคะจอย (ภาษาถ่ิน) หรือดอกบวบ เป็นฤดู
ถวายผ๎าจีวร นิทาน บํอเกิดประเพณีมีวํา สมัยพระพุทธเจ๎า ประทับอยํู ณ กรุงกบิลพัสด๑ นิคา
ธาราม แมํนาํ้ โคตรมี ปชาบดี จนิ ตนาการวํา บตุ รของเราเป็นพระพุทธเจา๎ แล๎ว ไทยธรรมทดี่ ีงามเปน็
พเิ ศษน้ัน ฉันยังไมํไดถ๎ วายสกั อยําง ฉันควรขวนขวายหาวิธีการทําบุญท่ียิ่งใหญํสักครั้งหน่ึง ดังนั้น
พอถึงฤดูกฐินเดือน 12 จึงพิจารณาจัดทําจีวรทองคํา โดยนําทองคําไปป่นเป็นผงผสมกับดินและ
ปุ๋ยบรรจุลงในอํางทองคําสําหรับเพาะฝ้าย หยอดเมล็ดฝ้ายลงในอํางทองคําท่ีเตรียมไว๎พร๎อมทั้ง
อธิษฐานให๎ฝ้ายออกดอกออกผลในวันเดียว และนําปุยฝ้ายมาป่๓นมาทอเป็นจีวรทองคําให๎เสร็จใน
วันขึ้น 14 ค่ํา เดือน 12 ได๎จีวร 2 ชุด พอถึงวันเพ็ญเดือน 12 ก็นําจีวรท้ัง 2 ชุด ไปน๎อมถวาย
พระพุทธเจ๎า พระพุทธเจ๎ารับไว๎ชุดหน่งึ อีกชุดหนึ่งได๎มอบถวายทํามกลางสงฆ๑ และคณะสงฆ๑ได๎ทํา
พิธีกรานกฐิน และมีมติถวายแดํอจินตสามเณร ซึ่งจะได๎ตรัสรู๎เป็นพระศรีอาริยเมตไตย๑
พระพุทธเจ๎าในโอกาสตํอไป อจินตสามเณร ก็นําผ๎าจีวรดังกลําวไปทําเป็นผ๎าเพดานมุงไว๎ที่พระ
คันธกฎุ ีของพระพทุ ธเจา๎ ด๎วยเหตุน้ีจึงมีประเพณีทําบุญทอดกฐินสืบตํอกันมาจนตราบเทําทุกวันน้ี
(โกศล ศรมี ณี มปป. : 27)

กฐิน แปลวํา กรอบหรือไม๎สะดึงสําหรับขึงเย็บจีวรของภิกษุ เป็นทานท่ีพระพุทธเจ๎าได๎ทรง
อนญุ าตใหพ๎ ุทธบรษิ ทั ถวายแดภํ กิ ษุท่จี ําพรรษาครบไตรมาส 3 เดอื น ณ อาวาสแหงํ น้ันๆ และมีเวลา

104

ท่ีจะกระทาํ ได๎เพียงหน่ึงเดือนหลังออกพรรษาเทํานั้น คือ ต้ังแตํแรม 1 คํ่า เดือน 11 ถึงกลางเดือน
12

กฐิน มี 2 ชนิด
1. จุลกฐิน หมายถึง กฐินท่ีอาศัยความเครํงครัดเรํงดํวน การทําจีวรพระพุทธเจ๎า
ทรงบัญญัติสิกขาบทจะละเลยมิได๎ ถือเป็นสําคัญที่ทุกฝ่ายต๎องชํวยกันทําให๎
เสรจ็ ภายในกาํ หนด 1 วนั ตงั้ แตํ ทําฝา้ ย ป่น๓ กรอ ทอ ตัด เยบ็ ยิอม ทําให๎เป็น
ขนั ธ๑ไดข๎ นาดตามพระวินัย และทอดถวายใหเ๎ สรจ็ ในวนั น้ัน
2. มหากฐิน หมายถงึ กฐินที่มปี ๓จจยั ไทยทานบริวาร หรือเคร่ืองกฐินจาํ นวนมาก ไมํ
รีบดวํ นเพอื่ จะไดส๎ ํวนหนงึ่ เปน็ ทุนบาํ รงุ วดั เพ่อื พฒั นาความเจรญิ คอื ทาํ นวกรรม
บ๎าง ซํอมแซมบูรณะของเกําบา๎ ง ทุกวนั นน้ี ิยมเรียกกันวํา กฐินสามัคคี

ประเทศไทยนิยมมีการทอดกฐินต้ังแตํสมัยกรุงสุโขทัย สําหรับการทอดกฐินในป๓จจุบันน้ี
นยิ มทอดกนั เปน็ 3 ประเภท คือ

1. พระกฐิน หรือกฐินต๎น คือกฐินท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวทรงมีพระ
ราชศัทธาพระราชทานทรัพย๑สํวนพระองค๑ เสด็จพระราชดําเนินไป
พระราชทานผ๎ากฐนิ ตามพระอารามท่ที รงพอพระราชหฤทัย จะเปน็ พระอาราม
หลวง หรืออารามราษฏร๑ก็สดุ แตํพระราชอธั ยาสยั

2. พระกฐนิ หลวง คือ พระกฐินท่ีเสด็จพระราชดําเนินไปพระราชทานเฉพาะพระ
อารามหลวงทก่ี าํ หนดไวเ๎ ป็นกรณีพเิ ศษ

3. กฐินราษฎร๑ ได๎แกํกฐินท่ีชาวบ๎านผ๎ูมีศัทธาพากันนําไปทอดตามวัดราษฎร๑
จดั เปน็ สวํ นเฉพาะบุคคลบ๎าง ถา๎ จดั เปน็ สวํ นรวมเรยี กวาํ คณะกฐินสามัคคี

พธิ กี รานกฐนิ
พธิ ีกรานกฐนิ เป็นพิธฝี ่ายภกิ ษุสงฆโ๑ ดยเฉพาะคือภิกษุผู๎ได๎รับมอบผ๎ากฐินนั้น นําผ๎า

กฐินไปทําเป็นไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่ง เย็บ ย๎อม แห๎ง เรียบร๎อยดีแล๎ว เคาะระฆัง ประชุมกันในโรง
พระอุโบสถ ภกิ ษผุ ู๎รบั ผ๎ากฐิน ถอนผา๎ เกําอธษิ ฐานผ๎าใหมํทีต่ นได๎รบั น้นั เขา๎ ชุดเป็นไตรจวี ร เสร็จแลว๎
ภกิ ษรุ ปู หนึ่ง ขึ้นสูธํ รรมาสน๑แสดงพระธรรมเทศนา กลาํ วคอื เรอื่ งประวัติกฐนิ และอานิสงส๑ เสร็จแล๎ว
ภิกษุผ๎ูรับผ๎ากฐิน น่ังคุกเขําต้ังนะโม 3 จบ แล๎วเปลํงวาจาในทํามกลางชุมนุมนั้น ตามลักษณะผ๎าท่ี
กรานดงั น้ี

105

ถ๎าเปน็ ผ๎าสังฆาฏิ เปลํงวาจากรานกฐนิ วาํ "อิมายสงฆฺ าฏิยา กฐนิ ํ อตฺถราม"ิ แปลวํา
ขา๎ พเจา๎ กรานกฐนิ ดว๎ ยผ๎าสงั ฆาฎนิ ้ี (ไมํตอ๎ งวําคําแปล) 3 จบ

ถ๎าเป็นผ๎าอตุ ตราสงคเ๑ ปลํงวาจากรานกฐนิ วาํ "อิมินาอุตฺตราสงฺเคน กฐินํ อตฺถรามิ"
แปลวําข๎าพเจา๎ กรานกฐิน ด๎วยผ๎าอตุ ตราสงค๑น้ี 3 จบ

ถ๎าเป็นผ๎าอันตรวาสก (สบง) เปลํงวาจากรานกฐินวํา "อิมินา อนฺตรวาสเกน กฐินํ
อตถฺ ราม"ิ แปลวําข๎าพเจ๎ากรานกฐิน ดว๎ ยผา๎ อนั ครวาสกนี้ 3 จบ

ลําดับนั้น พระสงฆ๑น่ังคุกเขําพร๎อมกันแล๎วกรานพระกฐิน 3 หนเสร็จแล๎ว ต้ังนโม
พร๎อมกัน 3 จบ แลว๎ ทาํ นผไู๎ ดร๎ ับผ๎ากฐนิ หนั หน๎ามายงั กลํุมพระภกิ ษุกลาํ วคําอนโุ มทนาประกาศดังน้ี

"อตถฺ ตํ อาวโุ ส สงฆฺ สฺส กฐินํ ธมฺมิโก กฐนิ ตฺถาโร อนโุ มทาม"ิ 3 จบ (แปลวํา อาวุโส!
กฐินสงฆก๑ ราบแล๎ว การกรานกฐินเปน็ ธรรม ขา๎ พเจา๎ ขออนโุ มทนา)

คําวํา อาวุโส น้ัน ถ๎ามีภิกษุอื่นซ่ึงมีพรรษามากกวําภิกษุผู๎ครองกฐินแม๎เพียงรูป
เดียวกต็ าม ให๎เปล่ยี นเป็น ภนฺเต

ตํอจากน้นั สงฆ๑ทัง้ ปวงรับวํา สาธุ พรอ๎ มกนั แลว๎ ให๎ภกิ ษทุ ง้ั ปวง อนุโมทนาเรียงองค๑กันไปที
ละรูป ๆ วํา "อตฺถตํ ภนเฺ ต สงฺฆสฺส กฐินฺ ธมมฺ โิ ก กฐนิ ตฺถาโร อนุโมทาม"ิ 3 จบสงฆ๑ทั้งปวงรับวํา สาธุ
ทําดงั น้ี จนหมดภกิ ษผุ ู๎ประชุมอนุโมทนา(ถ๎าผ๎อู นโุ มทนา มพี รรษาแกกํ วําสงฆท๑ งั่ ปวง ใหเ๎ ปลยี่ นคาํ วํา
ภนเฺ ต เปน็ อาวุโส)

ในการวําคําอนุโมทนานี้พึงน่ังคุกเขําประนมมือเสร็จแล๎วจึงนั่งพับเพียงลง เมื่อ
เสร็จแลว๎ ให๎นั่งพร๎อมกนั คกุ เขําประนมมือ หันหน๎าตรงตอํ พระพุทธปฏิมา วําพรอ๎ มกันอกี 3 จบ แตํ
ใหเ๎ ปลยี่ นคาํ วํา อนุโมทามิ เป็น อนุโมทาม เป็นอันเสร็จไปข้ันหน่ึง จากนั้นกราบพระ 3 หน น่ังพับ
เพยี บ สวดปาฐะและคาถาเน่อื งด๎วยกรานกฐนิ จบแลว๎ ก็เปน็ เสร็จพิธกี ารกรานกฐนิ

คาถวายผา้ กฐิน
คาถวายผา้ กฐนิ แบ่งเปน็ 2 นกิ าย คอื
1) คําถวายผา๎ กฐิน อยาํ งมหานิกาย อมิ ํ สปริวารํ กฐินจีวรทุสฺสํ สงฺฆสฺส
โอโณชยาม (วาํ 3 หน) แปลวาํ “ขา๎ พเจ๎าทัง้ หลาย ขอน๎อมถวายผา๎ กฐนิ จวี รกับทงั้
บริวารน้ี แดํพระสงฆ๑”
2) คําถวายผ๎ากฐิน อยํางธรรมยุตติกนิกาย อิมํ ภนฺเต สปริวารํ กฐินน
ทุสฺสํ สงฺฆสฺส โอโณชยาม สาธุ โน ภนเฺ ต สงฺโฆ อิมํ สปริวารํ กฐินทุสฺสํ ปฏิคฺคณฺหา
ตุ ปฏิคฺคเหตฺวา จ อิมินา ทุสฺเสน กฐินํ อตฺถรตุ อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย

106

แปลวํา "ข๎าแตํพระสงฆ๑ผ๎ูเจริญ ข๎าพเจ๎าทั้งหลายขอน๎อมถวายผ๎ากฐิน พร๎อมทั้ง
บริวารน้ี ของข๎าพเจ๎าทั้งหลาย และครั้นรับแล๎วขอจงกรานกฐินด๎วยผ๎าน้ี เพ่ือ
ประโยชน๑และความสขุ แกขํ ๎าพเจา๎ ท้ังหลาย ส้นิ กาลนานเทอญ"
ขั้นตอนในการจดั งานการทอดกฐนิ ประกอบดว๎ ยดังน้ี
การเตรยี มงาน

1) ประชุมเพื่อกาํ หนดการทอดกฐนิ
2) ผูเ๎ ป็นเจ๎าภาพจองกฐนิ
3) จดั เตรยี มเครอื่ งกฐินเอาไว๎ ได๎แกํ ผ๎ากฐิน คือ ไตรจีวร พร๎อมท้ังเครื่อง
บริขารอื่นๆ ตามแตํศรทั ธา
4) ตกแตํงสถานที่ จัดเตรียมงาน และทําอาหารเล้ียงแขกที่มาทําการ
ทอดกฐิน
การจัดงานปอยส่างกานกฐิ่ง (การถวายผา้ กฐิน)
1) ตัง้ องคพ๑ ระกฐนิ ทีบ่ ๎านของเจา๎ ภาพก็ได๎ จะไปตัง้ ทีว่ ัดก็ได๎
2) กลางคืนมีการมหรสพครึกคร้ืนสนุกสนาน ญาติพี่น๎องและมิตรสหายก็
มักจะ มารํวมอนุโมทนา
3) รํุงขึน้ แหํขบวนผ๎ากฐินเพอ่ื ไปถวายท่วี ัด
4) ทําการถวายกฐนิ
5) เจ๎าภาพอุม๎ ผ๎ากฐินนงั่ หันหน๎าตรงตํอพระประธาน ต้ังนะโม 3 จบ แล๎ว
หันหน๎ามา ทางพระสงฆ๑ กลําวคาํ ถวายผา๎ กฐิน 3 จบ
6) ถา๎ เปน็ กฐินสามัคคีก็มักเอาด๎ายสายสิญจน๑โยงผ๎ากฐิน เม่ือจับได๎ท่ัวถึง
กัน แล๎ว หวั หน๎านําวําคาํ ถวาย ครัน้ จบแลว๎ พระสงฆ๑รบั วาํ สาธุ
7) เจ๎าภาพประเคนผ๎าไตรกฐินและเครื่องอัฐบริขารอ่ืนๆ แดํพระภิกษุ
พระเถระ เสร็จแล๎ว พระสงฆ๑ก็ทําพิธีมอบผ๎าให๎แกํภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ซ่ึงเป็นพระ
เถระ มจี ีวรเกํา รูธ๎ รรมวินัย ครัน้ เสร็จแลว๎ พระสงฆอ๑ นุโมทนา
8) เจ๎าภาพกรวดนํ้ารับพร ก็เป็นอนั เสร็จพธิ ีการทอดกฐิน

107

การถวายกฐนิ กฐิน

ขบวนกฐนิ

108

หลสู่ ่างกานคา (การถวายผา้ จีวรทองคา)
สําหรับปอยหลูํสํางกานคํา ตามประเพณีของชาวไทใหญํ ได๎ยึดตามบํอเกิดประเพณีไต 12

เดือน ท่ีกลําววํา สมัยพระพุทธเจ๎าประทับอยูํ ณ นิโครธารามมหาวิหาร กรุงกบิลพัสด๑ุ แมํน๎า
ประชาบดีโคตรมีจินตนาการวํา บตุ รของเราเป็นพระพทุ ธเจ๎าแลว๎ ไทยธรรมท่ีดีงามเป็นพิเศษน้ันยัง
ไมํได๎ถวายสักอยําง ควรขวนขวายหาวิธีการทําบุญที่ย่ิงใหญํสักครั้งหน่ึง ดังนั้นพอถึงฤดูกฐินเดือน
12 จึงพิจารณาจดั ทาํ จีวรทองคาํ ให๎เสร็จภายในวนั ขึ้น 14 คาํ่ เดอื น 12 ไดจ๎ ีวรสองชดุ พอถงึ วนั เพ็ญ
เดือน 12 กน็ ําจวี รทง้ั สองชุดไปน๎อมถวายพระพทุ ธเจา๎ พระพทุ ธเจ๎ารับไว๎ชุดหน่ึง อีกชุดหน่ึงได๎มอบ
ถวายทํามกลางสงฆ๑ พระสงฆ๑กไ็ ด๎ทําการกรานกฐิน และมีมตถิ วายแดํ อจณิ ตสามเณร ซึ่งจะไดต๎ รัสรู๎
เปน็ พระศรีอรยิ เมตไตรพทุ ธเจา๎ ในยคุ ตํอไป อจณิ ตสามเณรก็นําผ๎าจีวรดังกลําวไปทําเป็นผ๎าเพดาน
มุงท่ีพระคันธกุฎิของพระพุทธเจ๎า ด๎วยเหตุนี้จึงมีประเพณีการทําบุญทอดผ๎ากฐิน และถวายจีวร
ทองคาํ สบื ตอํ กันมา

หากแตํวํา ในปจ๓ จบุ นั ประเพณีการหลูํสํางกานคาํ เกอื บจะหายไปจากวถิ ชี ีวติ ของชาวไทใหญํ
ในจังหวัดแมํฮํองสอน คงถือปฎิบัติและมีการฟ้ืนฟูเป็นบางชุมชน เชํน วัดพระนอน โดยการฟ้ืนฟู
ของปอ๊ กกาดเกาํ มกี ารจัดทําผ๎าจีวรทองคาํ เพ่ือถวาย โดยการนําผ๎าใยบัวหรือผ๎าฝ้ายจากพมํามาติด
ดิ้นทอง ด้ินเงิน และด้ินสีน้ําเงิน นิยมติดเป็นรูปส่ีเหลี่ยม ตรงกลางประดิษฐ๑และติดเป็นดอกพิกุล
เป็นการนําผ๎าสาํ เรจ็ รูปมาประดษิ ฐ๑ ไมํมกี ารทําฝ้าย ป่น๓ กรอ และทอในพธิ ีเชํนสมัยกอํ น ในสวํ นของ
รัฐฉาน เชํน ทหี่ นองอินเล เมอื งตองกี หรือทาํ ข้เี หล็กเมืองเชียงตุง ยังคงถือปฎิบัติเป็นงานประเพณี
ท่ียึดตามจารีตเดิม นั่นก็คือ การทําฝ้าย ป่๓น กรอ ทอ ตัด เย็บ ย๎อม ให๎แล๎วเสร็จภายในวันเดียว
คลา๎ ยจลุ กฐินของชาวไทย หากแตํการทอฝ้ายน้ัน ชาวไทใหญํจะใช๎กระดาษทอง กระดาษเงิน และ
กระดาษสีน้ําเงิน ตัดเป็นเส๎นเล็กๆทอสอดแทรกรํวมกับฝ้าย สําหรับถวายเพื่อหํมองค๑พระพุทธรูป
ซง่ึ เป็นตัวแทนของพระพุทธเจา๎ ตามวดั ท่ีทอดถวาย

ในการทาํ ฝ้าย ป๓น่ กรอ ทอ ตัด เย็บ ย๎อม น้นั จะปฎิบตั เิ ป็นพธิ ีกรรม มกี ารกาํ หนดขอบเขต
การทาํ โดยล๎อมดว๎ ยร้ัวราชวัตร จัดทําซ๎ุมสําหรับทําพิธี มีการร๎องรําทําเพลงที่เรียกวํา เฮดกวามไต
เพือ่ ยกยอํ งงานบุญอยํางสนุกสนานครึกคร้ืน ชาวบ๎านจะชํวยกันทํางานตามหน๎าที่อยํางสุดกําลัง
ด๎วยความอิ่มเอิบเบิกบานใจ อาจจะลํวงเลยไปถึงค่ํามืด ดึกด่ืนจนกวําจะแล๎วเสร็จเพื่อเตรียมถวาย
ในวันรํงุ ข้ึน บางแหงํ อาจมีการถวายซอมตํอ 108 บอํ นํา้ 108 กองมู 108 ตุง 108 ดนิ 108 รํวมด๎วย
ขน้ึ อยํกู บั ธรรมเนยี มปฎิบัติตามความเชือ่ ของชุมชนนน้ั ๆ (ประเสริฐ ประดษิ ฐ๑)

109

ขบวนการแหส่ ่างกานคา

ประเพณีเดือน สบิ สอง ของชาวไทใหญ่ ได้แก่ ปอยสํางกานกฐ่ิง ปอยสํางกานคํา ปอยหว่ังกะป่า
ปอยสบิ สองมนลํองผํองไต ปอยลอยกระทง ปอยปา๋ ยหลอย

110

บรรณานุกรม
-รายงานวจิ ัยฉบบั สมบูรณ๑. โครงการนารอ่ งการพฒั นาฐานข้อมลู สาหรบั การสร้างเมืองมรดกทาง
วฒั นธรรมจงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน : ๒๕๕๐
- ประเสรฐิ ประดษิ ฐ๑ . สืบสานตานานไต. สํานักงานการประถมศึกษาจังหวดั แมํฮํองสอน : ๒๕๔๒
- โกศล ศรมี ณี. บอํ เกิดประเพณีไต
- ชุมชนปอ๊ กกาดเกาํ . ประเพณปี อยสา่ งลอง : ๒๕๕๒
เอกสารโรเนียว : ปอยป๋ายหลอย, กฐิน หลํูสํางกานคํา,ตํานานลํองผํองไตและพิธีลอยกระทง,
ปอยหวงั่ กะป่า,หลูเํ ตนเหง,ปอยเหลินสบิ เอ็ด,ประวตั ิความเป็นมาเจา๎ พอํ ขอ๎ มอื เหล็กและเจา๎ เมืองแขํ,

ผเู้ ช่ียวชาญ/ปราชญช์ าวบ้าน

ประเสริฐ ประดิษฐ์
-เพชรราชภัฎเพชรล้านนา ดา๎ นมนุษยศาสตร๑ ปี ๒๕๕๙ สาขาประวัติศาสตร๑ท๎องถิ่น มหาวิทยาลัย
ราชภฎั เชียงใหมํ
-ครภู ูมิปัญญาไทย รุํน ๖ ปี ๒๕๕๒ สาขาภาษาและวรรณกรรมไทใหญํ สํานักงานเลขาธิการสภา
การศึกษาแหงํ ชาติ
นักคดิ นกั เขยี น ปราชญช์ าวบ้าน ผูร๎ อบร๎ดู า๎ น วิถีชีวิต ภมู ิปญ๓ ญา ศลิ ปวัฒนธรรมไทใหญํ
บา๎ นเลขท่ี ๑๒๓ หมํทู ่ี ๓ บ๎านหว๎ ยเดือ่ ตําบลผาบอํ ง อําเภอเมือง จังหวดั แมฮํ อํ งสอน
๕๘๐๐๐


Click to View FlipBook Version