The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปริศนาธรรม The New Pilgrim’s Progress จอห์น บันยัน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ChristianThai, 2023-08-11 12:12:03

ปริศนาธรรม กนกบรรณสาร

ปริศนาธรรม The New Pilgrim’s Progress จอห์น บันยัน

กนกบรรณสาร (OMF Publishers) 86/122-4 ซ.ทาขาม 28/1 ถ.พระราม 2 เขตบางขุนเทียน กทม. 10150 โทร. 0 2417 2511-3 แฟกซ 0 2417 2510 www.kanokbannasan.org E-mail: [email protected] จอห์น บันยัน เขียน อรณี ไผทสิทธิ์ ปฎิมา คงสืบชาติ เฮเลน ยังก์ ตรวจ กนกบรรณสาร เรียบเรียง แปล


C C เลขที่ 5750/4 พิมพ์ครั้งที่ 4 มกราคม 2015 จ�านวน 2,000 เล่ม พิมพ์ครั้งที่ 3 กันยายน 2003 จ�านวน 3,000 เล่ม พิมพ์ครั้งที่ 1 มกราคม 1993 จ�านวน 2,000 เล่ม 248 บันยัน, จอห์น ปริศนาธรรม / จอห์น บันยัน พิมพ์ครั้งที่ 4, กรุงเทพฯ : กนกบรรณสาร 2015 1. การด�าเนินชีวิตคริสเตียน 2. ชื่อเรื่อง ISBN 978-616-7860-07-7 Copyright 1992 by Kanok Bannasan (OMF Publishers) Copyright 1989 by Discovery House Publishers. This edition has been edited and published with the permission of Discovery House Publishers, Box 3566, Grand Rapids, Michigan 49546, U.S.A. ขอมูลหองสมุด จัดพิมพ์และจัดจ�าหน่าย โดย องค์การกนกบรรณสาร พิมพ์ที่ บริษัท ธรรมดาเพรส จ�ากัด


ค�ำน�ำ การเดินทางไปสู่เมืองบรมสุขเกษมนั้นเป็นเส้นทางแห่งพระพร แต่ ไม่ใช่เรื่องง่าย เหตุไฉนคนที่มีความตั้งใจแน่วแน่และใฝ่ฝันอยากไปถึงสวรรค์ จึงยอมปล่อยให้โอกาสอันงดงามนั้นหลุดมือไปเสีย! หนังสือ “ปริศนาธรรม” เล่มนี้ จะเปิดเผยถึงเคล็ดลับ ปัญหา อุปสรรค และ ประสบการณ์ต่างๆ ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจของคริสเตียนตั้งแต่ เริ่มออกจากเมืองแห่งความพินาศจนถึงประตูเมืองบรมสุขเกษม อีกทั้งยัง ช่วยให้คริสเตียนด�าเนินชีวิตบรรลุถึงจุดหมายปลายทางอย่างมีชัยชนะ เราเชื่อว่าท่านที่ก�าลังแสวงหาความจริง คงวางหนังสือเล่มนี้ไม่ลง จนกว่าจะพบความจริง ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าทรงประทานความเข้าใจ พร้อมกับ พระคุณแห่งความรอดให้ท่าน


สำรบัญ ปริศนาธรรม คุณค่าที่เป็นอมตะนิรันดร์กาล ค�าน�า 3 ตัวละคร 6 บทน�า 9 ชีวประวัติของจอห์น บันยัน 10 ตอนที่ 1 17 ตอนที่ 2 26 ตอนที่ 3 37 ตอนที่ 4 51 ตอนที่ 5 67 ตอนที่ 6 97 ตอนที่ 7 108 ตอนที่ 8 128 ตอนที่ 9 158 บทสรุป 172


ตัวเอก : คริสเตียน ตัวรอง : นายสัตย์ซื่อ นายมีหวัง ตัวประกอบ : ผู้ประกอบ นายดื้อดึง นายเชื่อง่าย ผู้ช่วยเหลือ ปราชญ์ฝ่ายโลก ผู้ปฏิบัติธรรม นายอารยธรรม นายหวังดี นักไขปริศนา ราคะ อดทน ชายสิ้นหวัง ชายสั่นเทา นายซื่อบื้อ นายเกียจคร้าน นายทะนงตน นายพิธีนิยม นายเสแสร้ง นายขี้ขลาด นายสงสัย นายเฝ้าระวัง นางสาวพินิจ นางสาวสุขุม นางสาวรู้คุณ นางสาวน�้าใจ อปอลลิโยน ชายแปลกหน้า นางราคี อาดัมคนแรก โมเสส นายไม่สงบอารมณ์ นายหยิ่งยโส นายจองหอง นายหลอกตัวเอง นายเกียรติยศแห่งโลก นายน่าละอาย นายเอาแต่พูด นายพูดดี เบเอลเซบูล กอง ท่านลอร์ดเกลียดความดี นายอิจฉา ตัวละคร


นายเชื่อผีเชื่อลาง นายประจบประแจง ท่านลอร์ดมนุษย์เก่า ท่านลอร์ดรักเนื้อหนัง ท่านลอร์ดหรูหรา ท่านลอร์ดปรารถนาชื่อเสียงอนิจจัง ท่านลอร์ดราคะ เซอร์ตะกละตะกลาม นายตาบอด นายไร้ความดี นายชั่วร้าย นายรักตัณหา นายเสรี นายหัวแข็ง นายหัวสูง นายคู่อาฆาต นายหลอกลวง นายหฤโหด นายเกลียดสว่าง นายไม่ยอมคืนดี นายเห็นแก่ลาภ ท่านลอร์ดหันเห ท่านลอร์ดปรนนิบัติเวลา ท่านลอร์ดวาจาเสนาะ นายนุ่มนิ่ม นายนกสองหัว นายอะไรก็ได้ นายสองลิ้น คุณหญิงประดิษฐ์ นายรักโลก นายรักเงิน นายหนืดเหนียว อ.เกาะไม่ปล่อย เดมาส นายวางใจตน ยักษ์หมดหวัง นางยักษ์แคลงจิต ผู้เลี้ยงแกะ นายรอบรู้ นายช�านาญ นายคอยเตือน นายจริงใจ นายป้อยอ นายไม่รับรู้ นายหันหนี อ.กิเลสหนา นายเชื่อน้อย นายใจปลาซิว นายไม่ไว้ใจ นายรู้สึกผิด


นายพระคุณยิ่งใหญ่ นายถือแส้ นายไม่เชื่อพระเจ้า นายชั่วคราว นายหันกลับ นายช่วยตัวเองให้รอด คนท�าสวน เอลียาห์ เอโนค นายความหวังอันไร้ค่า


บทน�ำ “ปริศนาธรรม คุณค่าอันเป็นอมตะนิรันดร์กาล” เป็นบทประพันธ์ ของจอห์น บันยันซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 1678 เป็นหนังสือที่เร้า ความคิดจิตใจและให้ก�าลังใจคริสเตียนจ�านวนมาก เนื่องจากเป็นบทประพันธ์ ที่เก่าแก่และภูมิหลังของผู้อ่านสมัยนั้นกับสมัยนี้ต่างกัน ภาษา สัญลักษณ์ และภาพเปรียบเทียบใช้นั้นท�าให้คนรุ่นใหม่เข้าใจได้ง่าย ในหน้าถัดไปจะมี “ประวัติของ จอห์น บันยัน” ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจ บทประพันธ์นี้ทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมดียิ่งขึ้น ถ้าหากท่านยังไม่ได้เป็น “นักแสวงหาความจริง” ผมเชื่อว่า บทประพันธ์นี้จะท�าให้ท่านเป็นผู้แสวงหาคนหนึ่ง และถ้าหากท่านเป็น นักแสวงหาความจริงอยู่แล้ว บทประพันธ์นี้ก็จะช่วยให้ท่านด�าเนินชีวิตตาม แนวทางของพระเจ้าง่ายขึ้นพร้อมด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ -วอร์เรน วีเอิร์สบี


ชีวประวัติของจอห์น บันยัน จอห์น บันยัน เป็นนักเทศน์และผู้ประพันธ์ปริศนาธรรม ซึ่งเป็น วรรณกรรมคริสเตียนอมตะที่สุดเท่าที่มีการจัดพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ เขากล่าวว่า “ปู่ย่าตายายของผมเป็นคนชนชั้นต�่าและไม่ส�าคัญอะไรเลย ครอบครัว ของคุณพ่อผมก็ต�่าต้อย และเป็นที่ดูถูกดูหมิ่นของพี่น้องร่วมชาติ” บันยันเกิดในเดือนธันวาคม ปีค.ศ. 1628 ที่ฮาโรว์เดน เบดฟอร์ดเชียร์ ได้รับบัพติศมาที่คริสตจักรในเอลสโทว์ในวันที่ 30 เดือนเดียวกันนั้นเอง ครอบครัวของบันยันอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเอลสโทว์ ซึ่งห่างจากเบดฟอร์ดไป ทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร พ่อของเขาเป็นช่างบัดกรีที่ต้อง เดินทางไปเมืองนั้นเมืองนี้เพื่อซ่อมหม้อ ซ่อมกะทะ ชีวิตวัยเด็กของบันยันไม่ค่อยราบรื่นนัก เขาฝันร้ายบ่อยๆ และมีความคิด ที่หมิ่นประมาทพระเจ้า แต่ภายหลังเขารู้ว่าพระเจ้าใช้ประสบการณ์เหล่านั้น เพื่อให้เขาได้รับความรอดจากพระเยซูคริสต์ เขาเข้าศึกษาในโรงเรียนส�าหรับ เด็กยากจน แต่ต้องหยุดเรียนกลางคันเพื่อไปช่วยพ่อหาเลี้ยงครอบครัว ชีวิตแม้จะไม่ราบรื่นนัก แต่ก็ไม่ขาดความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ บันยัน เหมือนเด็กทั่วไปในสมัยนั้นที่ชอบเล่นในสนามหญ้า เต้นร�า และดนตรี ถ้าเขาได้อ่านหนังสือก็คงเป็นแค่พระคัมภีร์ หรือไม่ก็หนังสือเกี่ยวกับผู้พลีชีพ เพื่อความเชื่อของฟอกซ์เท่านั้น


ปี 1644 เป็นปีวิกฤตของบันยัน แม่ของเขาเสียชีวิตในเดือนมิถุนายน และพี่สาวสุดที่รักก็มาตายจากไปในเดือนถัดมา เดือนสิงหาคมพ่อของเขา แต่งงานใหม่ ซึ่งท�าให้บันยันปวดร้าวใจมาก เมื่ออายุย่างเข้า 16 ปีในเดือน พฤศจิกายน บันยันถูกเกณฑ์เป็นทหาร เพื่อเข้าสู้รบในสงครามกลางเมือง ซึ่งปะทุขึ้นในเดือนสิงหาคม 1642 เขาอาจจะดีใจที่ได้ออกจากบ้านเสียที เราไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ฝ่ายกษัตริย์หรือฝ่ายรัฐสภา แต่คิดว่าคงเป็นฝ่ายรัฐสภา ภาพการต่อสู้ในหนังสือเล่มนี้ส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์สามปีที่อยู่ใน สนามรบ บันยันรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดหลายครั้งในวัยเด็ก นอกจากนั้น ตอนเป็นทหารมีเหตุการณ์หนึ่งที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจ�าของหนุ่มบันยัน คือ ขณะเลสเตอร์ถูกล้อม เพื่อนคนหนึ่งขอเปลี่ยนเวรกับบันยันและในการรบ ครั้งนั้นเพื่อนคนนั้นถูกยิงที่ศีรษะและเสียชีวิต เขาจึงตระหนักแก่ใจว่า พระเจ้า มีแผนการพิเศษส�าหรับเขา ทั้งที่ตอนนั้นเขายังไม่เป็นคริสเตียน เมื่อกลับไปเอลสโทว์ เขาท�างานเป็นช่างบัดกรี และหลงระเริงไปกับ ชีวิตที่เสเพลภายหลังเขาเขียนว่า “ผมเอาแต่สาปแช่ง ด่าทอ โกหก และ หมิ่นประมาทพระนามบริสุทธิ์ของพระเจ้าอย่างที่ไม่มีใครท�าได้” แม้เขาจะ บรรยายถึงชีวิตในช่วงนี้ว่าชั่วร้ายอย่างเหลือเกิน แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่แสดงว่า เขาเมาเหล้าหรือกระท�าผิดศีลธรรมแต่อย่างใด บันยันแต่งงานในปี 1649 ภรรยาของเขาก็ยากจนเหมือนกัน แต่เธอ มาจากครอบครัวที่ย�าเกรงพระเจ้า และได้น�าหนังสือติดตัวมาด้วยสองเล่ม คือ “ทางสู่สวรรค์ของคนธรรมดา” โดยอาเธอร์ เดนท์ และ “พฤติกรรมของ คนดี” ของหลุยส์ เบลี่ บันยันเขียนไว้ว่า “บางครั้งผมอ่านหนังสือสองเล่ม นั้นกับเธอ แต่ก็ไม่รู้สึกอะไร” อย่างไรก็ตามเขาพยายามจะปฏิรูปชีวิตของ ตัวเอง และเริ่มไปคริสตจักรเบดฟอร์ด ที่จอห์น กิฟฟอร์ด เป็นศิษยาภิบาล สามปีต่อมาบันยันต่อสู้กับความบาปและต่อสู้กับพระเจ้า เขาต้องการ จะหลีกหนีจากนรก แต่กระนั้นเขาก็ยังหลงระเริงอยู่กับความบาปและพบว่า


มันเลิกยาก วันอาทิตย์หนึ่ง ขณะก�าลังเล่นอยู่ในสนามหญ้าของหมู่บ้าน เขา ได้ยินเสียงถามในใจว่า “ท่านจะละความชั่วแล้วขึ้นสวรรค์ หรือท�าชั่วต่อไป แล้วลงนรก” เขาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเล่นต่อไป เพราะคิดว่าถ้าต้อง ลงนรกละก็เขาจ�าต้องตักตวงความสุขสนุกสนานใส่ตัวให้มากที่สุดในขณะที่ ยังมีชีวิตอยู่ วันหนึ่งขณะท�างานอยู่ที่เบดฟอร์ด เขาเห็นผู้หญิงยากจนกลุ่มหนึ่ง นั่งจับกลุ่มคุยกันกลางแดด เขานึกฉงนว่าพวกเธอก�าลังคุยอะไรกัน จึงขยับ เข้าไปเงี่ยหูฟัง ภายหลังเขาเล่าว่า “ผมได้ยิน แต่ไม่เข้าใจเลย ค�าสนทนานั้น มันเกินความเข้าใจของผม พวกเธอพูดถึงการบังเกิดใหม่ การที่พระเจ้า ท�างานในจิตใจ และเปิดเผยให้พวกเธอเห็นความบาปของตนเอง” แต่จากการได้ยินได้ฟังเช่นนั้น ความส�านึกว่าตนเป็นคนบาปแล่นเข้า เกาะกุมจิตใจของบันยันอย่างเหนียวแน่น และเขาพยายามท�าให้พระเจ้า นับถือผู้รับใช้พระเจ้าและเครื่องแต่งกายของผู้รับใช้พระองค์ตลอดจนการ ประชุมนมัสการ จนเกือบจะถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาเขียนว่า “ผมหลงใหลในชื่อ เครื่องแต่งกาย และงานของพวกเขามาก” ผู้คนเริ่ม สังเกตว่าชีวิตเขาได้เปลี่ยนแปลงไปราวฟ้ากับดิน แต่ก็สงสัยว่าเขาจะไป ได้สักกี่น�้า วันหนึ่งศิษยาภิบาลเทศนาเตือนที่ประชุมเรื่องการไม่รักษาวัน สะบาโต บันยันรู้สึกสะดุดและหมดความตั้งใจในการปฏิรูปตัวเอง จึงกลับไป ด�าเนินชีวิตอย่างเดิม และพยายามท�าหูทวนลมกับเสียงภายใน วันหนึ่งขณะบันยันยืนด่าทออยู่หน้าร้านค้าของเพื่อนบ้านตามปกติ วิสัยของเขา หญิงเจ้าของร้านได้ออกมาเตือนสติเขาอย่างตรงไปตรงมา ความจริงผู้หญิงคนนี้มีชื่อเสียงไม่ค่อยดี ค�าพูดของเธอจึงยิ่งทิ่มแทงจิตใจ ของบันยันมากยิ่งขึ้น เขาพยายามปรับปรุงตัวอีกครั้ง แต่มันได้ผลแค่ชั่ว ประเดี๋ยวประด๋าว เขาเขียนว่า “ผมภาคภูมิใจในความดีของผม” แต่กระนั้น เขาก็ไม่มีสันติสุขและความชื่นชมยินดี ยิ่งเขาพยายามเปลี่ยนแปลงภายนอก มากเท่าไหร่ ภายในเขายิ่งทุกข์ทรมานมากขึ้นเท่านั้น และประสบการณ์ มากมายเหล่านี้ได้ตีแผ่ออกมาในรูปแบบต่างๆ ในเรื่องปริศนาธรรม


พระเจ้าได้ใช้งานพันธกิจและมิตรภาพของจอห์น กิฟฟอร์ด เพื่อน�า บันยันมาถึงพระองค์และมั่นใจในความรอด บันยันรับบัพติศมาจากกิฟฟอร์ด ในปี 1653 และเป็นสมาชิกคริสตจักรเบดฟอร์ด เขาบรรยายว่า “การกลับใจ เชื่อพระเจ้าไม่ได้ง่ายและราบรื่นอย่างที่หลายคนคิด” และปริศนาธรรม ทั้งเรื่องก็ยืนยันถึงเรื่องนี้ ในปี 1654 หรือ 1655 ครอบครัวของบันยัน (เขามีลูกชาย 2 คน และลูกสาว 2 คน) ย้ายไปที่เบดฟอร์ด และบันยันได้รับใช้พระเจ้าอย่าง กระตือรือร้นในคริสตจักรมากขึ้น แต่ปี 1655 ชีวิตเขาตกอยู่ในภาวะวิกฤติ อีกครั้งหนึ่ง เพราะภรรยาของเขาและศิษยาภิบาลกิฟฟอร์ดเสียชีวิต ในปี เดียวกันนั้นสมาชิกคริสตจักรหนุนใจให้บันยันเทศนาและไม่นานทุกคนก็ได้ เห็นว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่เหนือช่างบัดกรีธรรมดาๆ คนนี้ ในปี 1656 หนังสือเล่มแรกของบันยันที่มีชื่อว่า “การเปิดเผยความจริงบางอย่างของ พระกิตติคุณ” ได้พิมพ์ออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นเล่มแรกของ 60 เล่มที่ได้พิมพ์ ออกมา เล่มที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ ปริศนาธรรม ในเดือนพฤษภาคม 1660 เครือจักรภพสิ้นสุดลงและพระเจ้าชาร์ล ที่สองกลับขึ้นครองราชย์ ตอนแรกพระองค์ตรัสว่า จะให้ความร่วมมือกับ ทุกนิกายของศาสนาในอังกฤษ แต่ไม่นานนโยบายนั้นก็เปลี่ยนไป พระองค์ เริ่มต่อต้านคริสตจักรที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อรัฐ ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 1660 บันยันไปเทศนาห่างจากเบดฟอร์ด 20 กม. มีคนเตือนเขาว่าเขาอาจถูกจับ และวันต่อมาเขาก็ถูกจับและถูกจ�าคุกของเมือง แม้ว่าภรรยา (เขาแต่งงาน อีกครั้งหนึ่ง) และมิตรสหายของเขาจะร้องอุทธรณ์ต่อรัฐในทุกวิถีทางอย่าง ไม่หยุดยั้ง แต่เขาก็ยังถูกจ�าคุกถึง 12 ปี บันยันไม่ได้ถูกจ�าจองอย่างทรมานเช่นคุกมืด เขามีอิสระบ้าง และ มาเยี่ยมครอบครัวได้บ้างเป็นครั้งคราว ขณะอยู่ในคุกเขาได้ศึกษาพระ คัมภีร์ เขียนหนังสือประกาศข่าวประเสริฐกับนักโทษ และท�าผ้าลูกไม้ขาย เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ในช่วงนั้นเขาเขียนหนังสือได้ถึง 11 เล่ม รวมทั้ง อัตชีวประวัติ “พระพรที่เอ่อล้นต่อคนบาปตัวเอ้”


ในปี 1670 คริสตจักรเมืองเบดฟอร์ดคิดจะเชิญบันยันเป็นศิษยาภิบาล ดังนั้นเมื่อได้รับการปล่อยตัวปี 1672 เขาจึงมาเป็นศิษยาภิบาลที่นั่นทันที และในวันที่ 9 พฤษภาคม 1672 เขาได้ใบอนุญาตในการเทศนา และในวัน ที่ 13 กันยายน เขาได้รับการยกโทษอย่างเป็นทางการ แต่ในปี 1675 มีการถอนประกาศพระราชทานอภัยโทษ เขาจึงต้อง เข้าไปอยู่ในคุกอีก 6 เดือน สันนิษฐานว่าเขาคงเขียนปริศนาธรรมเสร็จใน ช่วงนี้ หนังสือเล่มนี้ได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1678 โดยส�านักพิมพ์นาธันเอล พอนเดอร์ ที่ลอนดอน และติดตลาดทันที มีการ พิมพ์ถึง 3 ครั้งในปีแรก หลังจากได้รับการปล่อยตัวครั้งสุดท้าย บันยันก็ท�าหน้าที่ศิษยภิบาล และนักเทศน์ต่อไป พระเจ้าอวยพระพรเขาเป็นพิเศษ มีคนฟังเขามากมาย ทุกครั้งเมื่อเขาเทศนา (เหมือนพระเยซูคริสต์) และคนธรรมดาๆ ก็ชอบฟัง เขามาก ในเดือนสิงหาคม 1688 ขณะที่เดินทางไปลอนดอน เขาเจอพายุฝน และเริ�มล้มป่วย เขาเทศนาครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม และเสียชีวิต ในวันที่ 31 ในเดือนเดียวกัน ศพของเขาฝังอยู่ที่สุสานบันฮิล ซึ�งอยู่ตรงข้าม กับวิหารเวสเลย์ในลอนดอน


เ รื่องของ “นักแสวงหาปริศนาธรรม” เริ่มต้นที่ป่าใหญ่แห่งหนึ่งและจบลง ด้วยการข้ามแม่น�้าสายหนึ่ง ซึ่งเปรียบได้กับประวัติศาสตร์ชนชาติอิสราเอล ช่วงที่ต้องเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดาร 40 ปี ก่อนข้ามแม่น�้าจอร์แดนสู่ดินแดน พระสัญญา ตอนต้นบันยัน (ผู้เล่าเรื่อง) พูดถึงตัวเขาเองนอนอยู่ในถ�้า ซึ่งเกี่ยวโยง กับคุกในเบดฟอร์ด ที่เขาถูกจ�าขังอยู่หลายเดือนในปี ค.ศ. 1675 และ ช่วงนั้นเองเขาได้เขียน “นักแสวงหาปริศนาธรรม” เล่มนี้ขึ้น นักแสวงหาผู้มีชื่อว่า “คริสเตียน” ซึ�งหมายความว่าเป็นคนของ พระเยซูคริสต์ ก่อนที่เขาจะเริ่มเดินทางไปสู่เมืองบริสุทธิ์นั้นเขามีชื่อว่า “ไร้พระคุณ” พระคุณเป็นพระกรุณาที่พระเจ้าให้กับคนบาปทั้งที่ไม่สมควร จะได้รับ ก่อนที่ผู้ใดจะมาเชื่อพระเยซูคริสต์ เขาเป็นคนที่ไร้พระคุณ คริสเตียนออกเดินทางจากเมืองแห่งความพินาศไปยังประตูสวรรค์ เหตุที่บันยันเปิดฉากด้วยการอธิบายถึงเมืองสวรรค์ทันทีก็เพราะสง่าราศี ของอาณาจักรสวรรค์นั้นเป็นสิ่งหนุนใจคริสเตียน ผู้จะต้องก้าวผ่านความ ยากล�าบาก ทั้งเป็นมูลเหตุส�าคัญที่ผลักดันให้เขาเชิญชวนคนอื่นๆ ร่วม เดินทางไปกับเขาด้วย นอกจากนั้นสง่าราศีของสวรรค์นั้นยังช่วยให้คริสเตียน ควำมฝันถึงนักแสวงหำ


มองการณ์ไกลและอดทนต่อการทดลองต่างๆ ที่จะต้องเผชิญ (โรม 8:18; 2 โครินธ์ 4:16-18; 1 เปโตร 5:10) ส�าหรับคริสเตียนแล้ว การมุ่งหวังถึง สวรรค์เป็นแรงจูงใจให้เขาด�ารงชีวิตอย่างบริสุทธิ์และเสียสละเพื่อคนอื่น ให้เราเริ่มเดินทางไปกับบันยันได้ ณ บัดนี้


ขณะผ่านป่าใหญ่ ข้าพเจ้าพบถ�้าแห่งหนึ่ง ณ ที่นั่นข้าพเจ้าล้มตัวลงนอน แล้วงีบหลับไป แล้วข้าพเจ้าก็ฝัน ในความฝันนั้นข้าพเจ้าเห็นชาย คนหนึ่งสวมเสื้อผ้าขาดวิ่นก�าลังยืนหันหลังให้บ้าน ในมือของเขามีหนังสือ เล่มหนึ่ง ส่วนบนหลังมีภาระหนักแบกอยู่ ข้าพเจ้าเห็นชายคนนั้นอ่านหนังสือ แล้วเริ่มร้องไห้จนตัวสั่น คร�่าครวญออกมาว่า “ฉันจะท�ายังไงดี” ระหว่างทางกลับบ้าน เขาตั้งใจจะไม่บอกอะไรแก่ภรรยาและลูก เพราะไม่อยากให้ครอบครัวรู้ถึงความเศร้าโศกเสียใจที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ปิด ไม่อยู่ เพราะความระทมทุกข์แสนสาหัส ในที่สุดเขาเอ่ยกับภรรยาและลูกๆ ว่า “ฉันมีความทุกข์หนักใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับภาระบนตัวของฉัน ขณะเดียวกัน มีคนบอกฉันว่า เมืองที่เราอาศัยอยู่นี่จะถูกไฟสวรรค์เผาผลาญจนเป็นเถ้าถ่าน และทุกคนจะถูกท�าลายล้างด้วย เว้นเสียแต่ว่าจะหาทางรอดพบแต่ฉันยังมอง ไม่เห็นทางนั้นเลย” ครอบครัวของชายผู้นี้รู้สึกแปลกใจที่เขาพูดอย่างนั้น มิใช่เพราะ พวกเขาเชื่อในสิ่งที่ชายคนนี้พูด แต่พวกเขากลับคิดว่าชายผู้นี้เสียสติต่างหาก ภรรยาและลูกจึงน�าเขาไปพักผ่อนเพราะมืดค�่าแล้ว และหวังว่าเขาจะมีอาการ ตอนที่ 1


18 ปริศนาธรรม ดีขึ้น แต่ในคืนนั้นชายผู้นี้ยังหวาดกลัวเช่นเดิม เอาแต่ทอดถอนใจและร้องไห้ ทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเขากลับรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมและเริ่มพูดถึงเรื่องการท�าลายล้างอีก ภรรยากับลูกพยายามช่วยเหลือเขาด้วยการเล่นตลกบ้าง ดุด่าบ้าง และบางครั้ง ก็ปล่อยเลยตามเลย แต่ชายผู้นี้ยังคงมีท่าทีเหมือนเดิม เขาเริ่มอธิษฐานเพื่อ ครอบครัวและเศร้าโศกเสียใจในความผิดบาปของตนเอง บางทีเดินไปในทุ่ง หญ้ากว้างแต่ผู้เดียว อ่านหนังสือ หรืออธิษฐานอยู่หลายวัน ในความฝัน ข้าพเจ้าเห็นชายคนนี้เดินอยู่ในทุ่งหญ้าล�าพังผู้เดียว พร้อมกับอ่านหนังสือเล่มนั้นอยู่ และรู้สึกหนักใจเหลือทน จึงร้องคร�่าครวญ อีกว่า “แล้วฉันจะรอดได้อย่างไร” แล้วเขาหันรีหันขวางราวกับไม่รู้ว่าจะวิ่งไปทางไหนดี ข้าพเจ้าได้เห็น ชายอีกผู้หนึ่ง ชื่อว่า ผู้ประกาศ เดินตรงมาหาเขาแล้วถามว่า “คุณร้องไห้ ท�าไม” เขาตอบว่า “คุณรู้มั้ยหนังสือเล่มนี้บอกฉันว่า ฉันจะถูกลงโทษถึงตาย หลังจากนั้นจะมีการพิพากษาโทษแต่ฉันไม่อยากพบทั้งสองสภาพนั้น” ผู้ประกาศจึงถามว่า “ท�าไมคุณไม่อยากตายเล่า โลกนี้มีแต่ความชั่วร้าย ไม่น่าอยู่หรอก” เขาตอบว่า “ฉันกลัวว่าภาระหนักที่อยู่บนหลังฉันจะท�าให้ ฉันถล�าลึกเลยหลุมฝังศพไปถึงนรกอเวจี ฉันไม่พร้อมที่จะเข้าสู่การพิพากษา ลงโทษ สิ่งเหล่านี้แหละที่ท�าให้ฉันต้องคร�่าครวญอย่างที่คุณเห็น” ผู้ประกาศพูดว่า “เมื่อเป็นอย่างนี้ คุณมัวยืนชักช้าอยู่ท�าไมล่ะ” “ก็ฉัน ไม่รู้จะไปทางไหน” เขาตอบ ผู้ประกาศให้หนังสือที่เขียนไว้ในหนังสัตว์แก่ชายผู้นั้นม้วนหนึ่ง ซึ่งมี ค�ากล่าวว่า “จงหนีจากพระอาชญาซึ่งจะมาถึงนั้น” เขาอ่านอย่างละเอียดแล้วถามว่า “แล้วฉันจะไปทางไหน” ผู้ประกาศชี้ไปยังทางหนึ่งในทุ่งกว้างแล้วถามว่า “คุณเห็นประตูแคบ นั้นมั้ย” “ไม่เห็นหรอก” เขาตอบ


ปริศนาธรรม 19 ผู้ประกาศ จึงถามอีกว่า “แล้วคุณเห็นแสงสว่างที่สาดส่องอยู่ตรงทาง นั้นมั้ยล่ะ” “ฉันคิดว่าฉันเห็นนะ” “ให้ติดตามแสงสว่างนั้นไป แล้วคุณจะพบประตูที่ว่านั้น จงเคาะเรียก ก่อนแล้วหลังจากนั้นคุณจะรู้ว่าควรท�าอย่างไรต่อไป” ในความฝัน ข้าพเจ้าเห็นชายคนนั้นเริ่มออกวิ่ง แต่ไปได้ไม่ไกลจาก ประตูบ้านของเขาสักเท่าไหร่ ภรรยาและลูกๆ ของเขาเริ่มร้องเรียกให้กลับมา แต่เขาอุดหูแล้ววิ่งต่อไปพลางร้องว่า “ชีวิต ชีวิต ชีวิตนิรันดร์” เขาไม่ได้หัน หลังกลับ แต่มุ่งหน้าวิ่งต่อไปตามทุ่งหญ้านั้น เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ บางคนก็เยาะเย้ย บ้างก็ขมขู่ บ้างก็ร้องเรียก ให้เขากลับมา ท่ามกลางคนเหล่านั้น มีชายสองคนพยายามอย่างยิ่งที่จะฉุด เขากลับมา คนหนึ่งชื่อนายดื้อดึง และอีกคนหนึ่งชื่อนายเชื่อง่าย เวลานั้นชายคนนี้วิ่งไปได้ไกลแล้ว แต่ชายทั้งสองยังคงวิ่งไล่ตามอย่าง ไม่ลดละ และในที่สุดก็คว้าตัวเขาไว้ได้ ชายผู้นั้นจึงถามว่า “นี่พวกคุณมาฉุด ฉันไว้ท�าไม” “ก็จะพาคุณกลับไปนะสิ” “กลับไปท�าไม ในเมื่อเมืองที่เราอยู่นั้น เป็นเมืองแห่งความพินาศ ถ้าคุณตายอยู่ที่นั่น ในไม่ช้าคุณจะจมอยู่ในหลุม ฝังศพลึก และถูกเผาผลาญด้วยไฟก�ามะถัน ฉะนั้น คุณควรตามฉันไปดีกว่า” นายดื้อดึงรีบถามขึ้น “อะไรนะให้เราละจากเพื่อนๆ และความสุขสบาย เหล่านี้นะหรือ” “ใช่” คริสเตียนตอบ (ชื่อของชายคนนั้น) “เพราะทุกสิ่งที่คุณจะละทิ้ง นั้นเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ฉันก�าลังแสวงหา คุณจะไปด้วยกันกับฉันก็ได้ เพราะ สถานที่ที่ฉันจะไปนั้นมีที่อีกมากมาย ตามมาสิ แล้วคุณจะรู้ว่าสิ่งที่ฉันพูด เป็นความจริง” นายดื้อดึงถามขึ้น “คุณก�าลังแสวงหาอะไร ในเมื่อคุณได้ละทิ้งทุกอย่าง หมดแล้ว”


20 ปริศนาธรรม คริสเตียนตอบ “ฉันแสวงหามรดกที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย ไม่เปื่อยเน่า สิ่งนั้นอยู่ที่สวรรค์และจะเป็นของผู้ที่แสวงหาเท่านั้น ลองอ่านดูในหนังสือ ของฉันสิ” นายดื้อดึง “เหลวไหล ฉันไม่สนใจหนังสือของคุณหรอก คุณจะกลับ ไปกับเรามั้ย” คริสเตียน “ไม่หรอก เพราะเมื่อจับคันไถแล้วฉันจะไม่หันกลับ” นายดื้อดึง “ถ้าเช่นนั้น คุณเชื่อง่าย ให้เรากลับบ้านกันเถอะ ปล่อย ให้คนบ้าอย่างเขาจมปลักอยู่กับความคิดโง่ๆ ของตัวเอง เขาคิดว่าเขาฉลาด กว่าคนทั้งเมืองแหละ นายเชื่อง่าย “อย่าพูดอย่างนั้นสิ ถ้าสิ่งที่คริสเตียนพูดมานั้นเป็น ความจริง ฉันก็อยากลองไปกับเขา” นายดื้อดึง “อะไรนะ แย่จริง เจอะคนโง่อีกคนแล้ว เชื่อฉันสิ คนบ้านี่ จะพาคุณไปไหนก็ไม่รู้กลับบ้านกันเถอะ” คริสเตียน “อย่าเลย คุณเชื่อง่ายมากับฉันเถอะ สิ่งที่ฉันพูดมานี้ก�าลัง รอคอยเราอยู่ ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ลองอ่านดูในหนังสือเล่มนี้ เลือดของผู้เขียน จะยืนยันได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริง” นายเชื่อง่าย “เฮ้อ คุณดื้อดึง ฉันคิดว่าฉันควรไปกับเขาและฝากชีวิต ของฉันไว้เป็นเดิมพันในการไปครั้งนี้ ว่าแต่ว่า คริสเตียนคุณรู้ทางไปที่นั่น แน่นะ!” คริสเตียน “ผู้ประกาศบอกฉันว่า ให้เดินไปยังประตูเล็กๆ บานหนึ่งที่ อยู่ข้างหน้าเรา จากนั้นเราจะรู้ว่าจะเดินต่อไปยังไงอีก” นายเชื่อง่าย “ถ้าอย่างนั้น ให้เราออกเดินทางเลย” แล้วทั้งสองก็เดินทางต่อไป นายดื้อดึง “ส่วนฉันจะกลับบ้านละ ไม่อยากตามพวกคนโง่ไปด้วยหรอก” ในความฝันนั้น ข้าพเจ้าเห็นนายดื้อดึงผละจากไป ในขณะที่คริสเตียน และนายเชื่อง่ายมุ่งหน้าเดินพลางคุยกันไปพลาง


ปริศนาธรรม 21 คริสเตียน “ฉันดีใจจังที่คุณตัดสินใจมาด้วยกัน ถ้าหากนายดื้อดึง เข้าใจถึงอ�านาจและความน่ากลัวที่ยังมองไม่เห็นที่ฉันรู้สึกนั้น เขาคงไม่กลับ ไปหรอก” นายเชื่อง่าย “เอาเถอะน่า ไหนๆ ก็เหลือเราสองคนแล้ว ลองเล่าให้ ฉันฟังถึงสถานที่ที่เราจะไปเสวยสุขร่วมกันซิ” คริสเตียน “ฉันคิดว่าสิ่งที่วาดภาพในความคิดนั้นจะดีกว่าการพูดหลายเท่า แต่เมื่อคุณอยากจะรู้ ฉันจะอ่านให้คุณฟังจากหนังสือเล่มนี้ก็แล้วกันนะ” นายเชื่อง่าย “แล้วสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือนั้นเป็นความจริงหรือ” คริสเตียน “อ๋อ แน่นอน เพราะหนังสือเล่มนี้เขียนโดยบุคคลที่ไม่มี วันพูดปดได้” นายเชื่อง่าย “อืม พูดได้น่าฟัง ลองเล่าเกี่ยวกับสถานที่ที่เราจะไปซิ” คริสเตียน “ที่นั่นเป็นอาณาจักรที่ไม่มีวันสูญสลาย เราได้รับชีวิตนิรันดร์ และอาศัยอยู่ที่นั่นตลอดกาล” นายเชื่อง่าย “อืม น่าสนใจ แล้วมีอะไรอีก” คริสเตียน “เราจะได้รับมงกุฎแห่งสง่าราศี และเสื้อผ้าที่เปล่งประกาย เจิดจ้าดุจดังแสงอาทิตย์ นายเชื่อง่าย “ดูดีไปหมดเลยนะ มีอะไรอีกมั้ย” คริสเตียน “ที่นั่นไม่มีการร้องไห้โศกเศร้าเสียใจ เพราะผู้ซึ่งเป็นเจ้าของ สถานที่จะเป็นผู้เช็ดน�้าตา ให้เราคลายความเศร้าโศก” นายเชื่อง่าย “แล้วที่นั่นมีใครอยู่บ้าง” คริสเตียน “เราจะได้อยู่กับเสราฟิมและเครูบซึ่งเป็นทูตสวรรค์ที่ ทอแสงระยิบระยับ นอกจากนั้นเราจะได้พบคนอีกมากมายที่ล่วงหน้ามา ก่อนเรา ทุกคนล้วนมีใจเมตตากรุณามีความรักและความบริสุทธิ์ ทุกๆ คน ล้วนอยู่ในสายพระเนตรของพระเจ้าและได้รับการยอมรับจากพระองค์ตลอด นิรันดร์ เราจะได้เห็นผู้อาวุโสสวมมุงกุฏทองค�า พวกพรหมจารีดีดพิณ ทองค�า และบรรดาชายหญิงที่ถูกฆ่าและตัดเป็นชิ้นๆ ถูกเผาด้วยไฟ ถูก


22 ปริศนาธรรม สัตว์ร้ายรุมฉีกทึ้งกัดกิน ถูกถ่วงให้จมลงในทะเล เพราะความรักที่พวกเขา มีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นเจ้าของสถานที่นั้น เขาเหล่านั้นต่างพบความสุข และมีชีวิตอมตะ” นายเชื่อง่าย “เมื่อได้ฟังคุณเล่าฉันรู้สึกเบิกบานใจมาก แล้วเราจะไป ร่วมสุขกับคนเหล่านี้ได้อย่างไร” คริสเตียน “เจ้าของสถานที่แห่งนั้น ได้บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้แล้ว ว่าควรท�าอย่างไร เพียงแต่เรามีใจมุ่งมั่นที่จะรับ ท่านก็จะประทานสิ่งเหล่า นั้นให้เราฟรีๆ” นายเชื่อง่าย “โอ้โฮ ถ้าอย่างนั้น เรารีบๆ ไปกันเถอะ” คริสเตียน “ฉันไปเร็วไม่ได้หรอก เพราะมีภาระหนักแบกอยู่” แล้วในฝันนั้นเอง ข้าพเจ้าเห็นชายสองคนนั้นเดินไปถึงบ่อโคลนใหญ่ ชื่อว่าบ่อโคลนแห่งความท้อแท้ใจ ทั้งคู่ไม่ทันระวังจึงพลัดตกไปในบ่อโคลน นั้น พวกเขาพยายามตะเกียกตะกายอยู่พักหนึ่ง แต่ด้วยภาระหนักบนหลัง ของคริสเตียน เขาเริ่มจมดิ่งลงในโคลนตม นายเชื่อง่าย “คุณอยู่ตรงไหนล่ะ” คริสเตียน “ก็ไม่รู้เหมือนกัน” แล้วในเวลานั้นเองนายเชื่อง่ายเริ่มไม่พอใจและโกรธคริสเตียน จึงพูด ว่า “นี่หรือที่ตลอดเวลาคุณเรียกว่า ความสุข ถ้าหากเราต้องพบความล�าบาก มากมายอย่างนี้เสียตั้งแต่แรกแล้ว เราจะคาดหวังความสุขอะไรในระหว่าง ทางและบั้นปลายของการเดินทางได้ ถ้าฉันไม่ตายซะก่อนออกจากที่นี่ ฉัน จะไม่ไปกับคุณแล้ว” นายเชื่อง่ายดิ้นรนออกจากบ่อโคลนนั้นอย่างสุดความ สามารถ แล้วก็ขึ้นฝั่งที่ใกล้บ้านของเขามากที่สุด ตอนนี้คริสเตียนยังคงตกอยู่ในบ่อโคลนแห่งความท้อแท้ใจแต่เพียง ผู้เดียว เขาพยายามดิ้นรนไปยังขอบบ่อด้านที่ไกลจากบ้านเดิมของเขา แต่


ปริศนาธรรม 23 ใกล้จุดที่จะไปให้ถึงประตูแคบมากที่สุด กระนั้นเขาก็ยังขึ้นจากบ่อโคลนนั้น ไม่ได้ เพราะภาระหนักบนหลังของเขา ในความฝัน ข้าพเจ้าได้เห็นชายอีกคนหนึ่ง ชื่อว่าผู้ช่วยเหลือ ได้เดินทาง มาพบคริสเตียนและถามว่า “นี่ คุณก�าลังท�าอะไรอยู่ในนั้นน่ะ” คริสเตียน “ผู้ประกาศคนหนึ่งได้บอกทางไปยังประตูแคบให้ฉัน เพื่อ พ้นจากการพิพากษาลงโทษที่จะมาถึง ขณะที่ฉันก�าลังเดินทางไปก็พลัด ตกลงมาในบ่อโคลนนี้แหละ” ผู้ช่วยเหลือ “อ้าว แล้วท�าไมคุณไม่ระวังให้ดีล่ะ” คริสเตียน “ฉันกลัวมากจนไม่ทันมองอะไรเลย” ผู้ช่วยเหลือ “ยื่นมือมาสิ” แล้วคริสเตียนยื่นมือให้ ผู้ช่วยเหลือก็ฉุด เขาขึ้นมา และบอกให้เขาเดินทางต่อไป


เ มื่อคนบาปเริ่มแสวงหาความรอด เพื่อนที่หวังดีมักจะพยายามยับยั้ง เช่นเดียวกับนายดื้อดึงและนายเชื่อง่าย ซึ่งเป็นตัวแทนของบุคคล 2 ประเภท นายดื้อดึงนั้นมีความมุ่งมาดปรารถนาที่ดี แต่ขาดความเข้าใจและ ไม่รู้คุณค่าของสิ่งที่ควรแสวงหา นายเชื่อง่ายดูเหมือนมีความเข้าใจมากกว่า แต่ขาดก�าลังใจที่จะไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง บันยันเองเป็นเด็กดื้อดึงมา ก่อนที่จะกลับใจเชื่อพระเจ้า เขาเองเป็นเสมือนตัวแทนของนายดื้อดึง ส่วนนายเชื่อง่ายนั้นสนใจแต่งเรื่องความสุขสนุกสนาน ไม่อยากเผชิญ เรื่องน่าสะพรึงกลัว รีบร้อนอยากไปสวรรค์ แต่ไม่นึกถึงภาระบาปที่หนักอยู่ บนหลังของตน เขาเปรียบเหมือน “ดินตื้น” ในค�าอุปมาที่พระเยซูคริสต์ยก ขึ้นมากล่าว (มัทธิว 13:1-9) พวก “ดินตื้น” ตกลงไปในบ่อโคลนแห่งความ ท้อแท้ใจนั้น คนพวกนี้จะตัดสินใจหันหลังกลับ ไม่เดินหน้าต่อไป ก่อนจากไป นายเชื่อง่ายถามว่า “มีอะไรที่เราจะคาดหวังได้เล่า” เนื้อหาในตอนต่อไปจะตอบค�าถามนี้ได้ แต่น่าเสียดายที่นายเชื่อง่ายไปไม่ ถึงปลายทาง เช่นเดียวกับหลายๆ คนที่เริ่มต้นด้วยดี แต่เพราะไม่ส�านึกใน บาปจึงต้องเลิกกลางคัน นายเชื่อง่ายท�าให้คริสเตียนมัวเพลินกับการสนทนาเรื่องในอนาคตจน ไม่ระมัดระวังเรื่องในปัจจุบัน ภาระหนักบนหลังของเขาท�าให้เขาจมดิ่งลง ในบ่อโคลนนั้น จุดนี้เล็งถึงความท้อแท้ใจที่เกิดขึ้นเนื่องจากความเสียใจใน ความบาป ซึ่งเป็นสิ่งที่บันยันเคยประสบมาก่อน บทน�ำสู่ตอนต่อไป


คริสเตียนได้รับความช่วยเหลือจากผู้ช่วยเหลือ ซึ่งเปรียบเหมือนผู้เชื่อ ทั้งหลายที่คอยให้ความช่วยเหลือหนุนจิตชูใจคนอื่นให้หายท้อแท้ ไม่จ�าเป็น ต้องเป็นผู้รับใช้พระเจ้า แต่โปรดสังเกตว่า ผู้ช่วยเหลือไม่ได้ท�าทุกอย่างแทน คริสเตียน คริสเตียนต้องยื่นมือของเขาออกมา ถึงจะได้รับความช่วยเหลือ ถ้าอยู่เฉยๆ โดยไม่ท�าอะไรก็มีแต่จะท้อแท้หนักขึ้น ต่อจากนี้ไปคริสเตียนจะพบกับนักปราชญ์ฝ่ายโลก ซึ่งเป็นตัวละคร ที่บันยันแสดงถึงคนที่ไม่มีความเข้าใจในเรื่องของฝ่ายจิตวิญญาณ คนเหล่านี้ จะพยายามเยียวยารักษาที่ปลายเหตุมิใช่ต้นเหตุ ค�าแนะน�าของพวกเขา คือ ก�าจัดภาระหนักออกไป โดยไม่ได้จัดการกับความบาปอันเป็นสาเหตุที่ ก่อให้เกิดภาระหนัก นักปราชญ์ฝ่ายโลกนี้กล่าวโทษผู้ประกาศกับพระคัมภีร์ ด้วยว่าเป็นต้นเหตุท�าให้คริสเตียนมีภาระหนัก นักปราชญ์ฝ่ายโลกแนะน�าให้ คริสเตียนแก้ไขโดยศีลธรรม ปฏิบัติตามพระบัญญติของพระเจ้า เพราะเขา ไม่เข้าใจความหมายของความบาปอย่างถ่องแท้ การปฏิบัติภายนอกจะไม่มี วันเปลี่ยนแปลงจิตใจภายในได้


ต่ อมาข้าพเจ้าเข้าไปถามผู้ช่วยเหลือซึ่งได้ช่วยฉุดคริสเตียนขึ้นมาจาก บ่อโคลนว่า “คุณครับ ทั้งๆ ที่รู้ว่านี่เป็นเส้นทางที่ต้องใช้เพื่อออกจาก เมืองแห่งความพินาศไปยังประตูแคบ ท�าไมจึงไม่ซ่อมแซมให้มันดีสักหน่อย เพื่อนักเดินทางทั้งหลายจะปลอดภัยมากขึ้น” ผู้ช่วยเหลือตอบว่า “บ่อโคลนนี้ไม่มีทางซ่อมแซมได้ มันเป็นแหล่ง หมักหมมปฏิกิริยาของคนส�านึกผิด ผู้คนจึงเรียกว่าบ่อโคลนแห่งความ ท้อแท้ใจ เพราะเมื่อคนบาปได้ตระหนักว่าเขาหลงทาง จิตวิญญาณของเขา จะรู้สึกหวาดกลัว สงสัย และท้อแท้ ซึ่งทั้งหมดนี้รวมอยู่ในบ่อโคลน และยัง ผลให้สภาพดินเลวลงไปอีก จอมกษัตริย์แห่งแผ่นดินนี้ก็ไม่ปรารถนาให้ดิน อยู่ในสภาพนี้หรอก พระองค์ใช้คนงานของพระองค์ภายใต้การน�าของกอง ส�ารวจ พยายามซ่อมแซมเส้นทางนี้เป็นเวลากว่า 1,600 ปีแล้วนะ เท่าที่ ทราบ ได้ใช้ค�าแนะน�าที่ดีๆ อย่างน้อยก็ 20,000 เรื่อง โอ...ใช่ เป็นล้านๆ เล่มเกวียนเลยล่ะมาถมบ่อโคลนนี้ ซึ่งเป็นวัสดุชั้นเยี่ยมส�าหรับการซ่อมแซม แต่สิ่งเหล่านี้ถูกดูดกลืนหายไปหมด จนเวลานี้ก็ยังคงเป็นบ่อโคลนแห่งความ ท้อแท้ใจอยู่ดี ตอนที่ 2


ปริศนาธรรม 27 “จริงอยู่ ค�าแนะน�าของผู้ออกกฎบัญญัติก็ได้วางแนวทางเดินที่ดีไว้ ตรงกลางบ่อนั่นเพื่อช่วยเรา แต่บางครั้ง บ่อโคลนนี้ก็พ่นสิ่งปฏิกูลออกมา บดบังจนมองไม่เห็นทางเดิน ถึงเห็น คนก็ยังสับสนและเหยียบพลาด ถล�า ลงในโคลนนั้นอยู่ดีแหละ แต่เมื่อเขาเหล่านั้นก้าวพ้นจากบ่อไปถึงประตูแคบ จะเป็นทางเดินดินแข็ง” ในความฝัน ข้าพเจ้าเห็นนายเชื่อง่ายกลับไปถึงบ้าน และมีเพื่อนบ้าน มาเยี่ยมเยียนมากมาย บ้างก็ยกย่องชมเชยที่เขาฉลาดรู้จักกลับมา บ้างก็ ว่าโง่ที่เอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายกับคริสเตียน บ้างก็เยาะเย้ยว่าเขาไม่ควร ด่วนกลับมาเพียงเพราะความยากล�าบากเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเป็นขั้นต้นของการ ผจญภัยเท่านั้นเอง ตอนแรกนายเชื่อง่ายนั่งก้มหน้าด้วยความส�านึกผิด แต่เมื่อ เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้น ทุกคนก็เปลี่ยนเรื่องสนทนาไปเย้ยหยันคริสเตียนแทน ขณะที่คริสเตียนเดินไปตามล�าพัง เขาเห็นชายคนหนึ่งอยู่แต่ไกลก�าลัง เดินเข้ามาและแล้วเขาทั้งสองก็พบกัน ชายคนนั้นชื่อ ปราชญ์ฝ่ายโลก อาศัย อยู่ในเมืองที่ยึดนโยบายแบบชาวโลก เป็นเมืองใหญ่ใกล้กับเมืองที่คริสเตียน จากมา ปราชญ์ฝ่ายโลกรู้จักชื่อของคริสเตียนมาก่อน เพราะตอนที่คริสเตียน ออกจากเมืองแห่งความพินาศ มีคนพูดถึงเขามากมาย เรื่องราวของเขาจึง ลือกระฉ่อนไปยังเมืองใกล้เคียงด้วย ดังนั้นปราชญ์ฝ่ายโลกจึงเข้าใจสภาพของ คริสเตียนที่ก�าลังทุกข์ทรมานใจ และต้องเดินทางอย่างล�าบากยากเข็ญ แล้ว เขาก็เริ่มสนทนากับคริสเตียน ปราชญ์ฝ่ายโลก “คุณ คุณ แบกภาระหนักอย่างนี้ ก�าลังจะไปไหน หรือ” คริสเตียน “ใช่ มันเป็นภาระหนักจริงๆ ฉันก�าลังไปยังประตูแคบ ซึ่งเป็นที่ที่ฉันจะปลดเปลื้องภาระหนักนี้ออกไป” “คุณมีภรรยาและลูกมั้ย” “มีสิ แต่ภาระหนักนี้ท�าให้ฉันไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างชื่นชมยินดีกับ ภรรยาและลูกได้เหมือนเมื่อก่อน มันจึงเหมือนกับไม่มีนั่นแหละ”


28 ปริศนาธรรม “คุณจะฟังค�าแนะน�าของฉันมั้ยล่ะ” “ฟังสิ ถ้ามันเป็นค�าแนะน�าที่ดี” “คุณต้องปลดเปลื้องภาระหนักนี้ให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น คุณจะไม่มี โอกาสได้พักสงบหรือได้ลิ้มรสพระพรที่พระเจ้าประทานให้เลย” “นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ แต่ฉันจะท�าด้วยตัวเองไม่ได้ และคนอื่น ก็ช่วยฉันไม่ได้ด้วย ฉะนั้น ฉันจึงต้องไปตามทางนี้เพื่อจะหลุดพ้นจากภาระ นี้ไง” “ใครบอกคุณให้ไปทางนี้ล่ะ” “เขาชื่อ ผู้ประกาศ ซึ่งดูภูมิฐานและน่าเชื่อถือมาก” “แต่ค�าแนะน�าของเขาใช้ไม่ได้เลย ฉันอยากบอกคุณว่า ไม่มีทางไหน ที่อันตรายและยากล�าบากเท่ากับทางที่ผู้ประกาศบอกคุณ คุณเองก็คงได้ ลิ้มรสมาบ้างแล้วนี่เพราะฉันเห็นรอยสกปรกจากบ่อโคลนแห่งความท้อแท้ใจ บนตัวคุณ อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความยากล�าบากเท่านั้น ฟังนะ พ่อหนุ่ม ถ้าหากคุณเดินต่อไปคุณจะพบแต่ความเศร้าโศก เจ็บปวด หิวโหย อันตราย เปล่าเปลือย คมดาบ สิงโต มังกร ความมืด และท้าย ที่สุดก็คือความตาย หลายคนเป็นพยานได้นะ แล้วท�าไมเพียงแค่ค�าพูดของ ผู้ประกาศแปลกหน้าคนนั้น คุณถึงยอมทิ้งชีวิตง่ายๆ ล่ะ” คริสเตียน “คุณรู้มั้ย ภาระบนหลังของฉันมันน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า ภัยพิบัติที่คุณพูดมาเสียอีก ไม่รู้ล่ะ ฉันไม่สนใจว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ขอเพียงแต่ให้ภาระหนักนี้หลุดออกไปก็พอแล้ว” ปราชญ์ฝ่ายโลก “ภาระหนักนั่นมาตกอยู่กับคุณได้ยังไง” “ก็โดยการอ่านหนังสือที่อยู่ในมือนี่แหละ” “ฉันว่าแล้วเชียว เหตุการณ์อย่างนี้เคยเกิดขึ้นกับคนที่อ่อนแอ ชอบ ไขว่คว้าหาสิ่งที่อยู่สูงกว่า แล้วก็เกิดความสับสน ซึ่งน�าไปสู่ทางแห่งความ ผิดหวัง เพราะไม่รู้ว่ามันคือทางไหน”


ปริศนาธรรม 29 “ฉันรู้ว่าฉันแสวงหาอะไรอยู่ มันจะแบ่งเบาภาระหนักของฉันได้แน่” “แต่ท�าไมคุณต้องแสวงหาในทางที่อันตรายแบบนี้ล่ะ ถ้าเพียงแต่คุณ จะอดทนฟังหน่อย ฉันสามารถน�าคุณไปสู่สิ่งที่คุณปรารถนาโดยปราศจาก ภัยอันตรายได้ ใช่แล้ว! ค�าตอบมันอยู่ที่นี่แหละ ซึ่งคุณจะพบแต่ความ ปลอดภัย มิตรภาพ และความพอใจ” คริสเตียน “รีบบอกเคล็ดลับนี้เถิด” “เอาล่ะมีชายคนหนึ่งชื่อผู้ปฏิบัติธรรม อาศัยอยู่ในหมู่บ้านทรงศีล เขา เป็นคนเที่ยงธรรม มีเกียรติ และสามารถช่วยคุณปล่อยวางภาระหนักนี้ได้ บ้านของเขาอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึง 2 กิโลเมตร ถ้าเขาไม่อยู่ นายอารยธรรม ลูกชายของเขาก็ช่วยคุณได้เช่นกัน “ที่นั่นคุณจะเป็นอิสระจากภาระหนักได้ และถ้าหากคุณไม่อยากกลับ บ้านเดิม คุณก็สามารถน�าภรรยาและลูกๆ มาอยู่ร่วมกันในหมู่บ้านนี้ได้ ซึ่ง มีบ้านในราคาย่อมเยา และคุณสามารถแสวงหาความสุขในชีวิตได้ พร้อม กับเพื่อนบ้านที่แสนจะซื่อสัตย์” คริสเตียนนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วตัดสินใจว่า ถ้าค�าพูดของสุภาพบุรุษผู้นี้ เป็นความจริง สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ท�าตามค�าแนะน�านั้น คริสเตียน “แล้วฉันจะไปหาชายผู้นั้นได้อย่างไร” ปราชญ์ฝ่ายโลก “คุณเห็นภูเขาสูงนั่นมั้ย ให้เดินข้ามภูเขาลูกนั้นไป บ้านแรกที่คุณเจอนั่นแหละ คือบ้านของผู้ปฏิบัติธรรม” ดังนั้น คริสเตียนจึงเบนเข็มทิศไปหาผู้ปฏิบัติธรรมแทน แต่เมื่อเขาเดิน เข้าไปใกล้ภูเขาลูกนั้น ก็เห็นว่า ภูเขานั้นสูงมากและมีชะง่อนหินยื่นออกมา เหนือทางเดิน เขารู้สึกกลัวที่จะเดินต่อไปเพราะเกรงว่าชะง่อนหินนั้นอาจจะ หล่นลงมาทับศีรษะเขา ฉะนั้นคริสเตียนก็เลยหยุดเดินและไม่รู้จะท�าอย่างไร ต่อไป และภาระของเขายิ่งหนักอึ้งมากขึ้น ทันใดนั้น มีไฟเผาผลาญออกมา จากภูเขา เขากลัวมาก เหงื่อเริ่มแตก และสั่นสะท้านไปทั้งตัว


30 ปริศนาธรรม คริสเตียนหลงเชื่อค�ำปรำชญ์ฝ่ำยโลก จึงต้องโศกทุกข์ระทมไม่สมหวัง ออกทำงเก่ำมำยืนพะว้ำพะวัง ช่ำงผิดหวังเหลือที่จะพรรณนำ คริสเตียนเริ่มเสียใจที่หลงเชื่อค�าแนะน�าของปราชญ์ฝ่ายโลก ทันใดนั้น ก็เห็นผู้ประกาศเดินตรงมาหาเขา เขาอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ผู้ประกาศ “คริสเตียน คุณมาท�าอะไรที่นี่” เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่ยืนนิ่ง ผู้ประกาศ “คุณคือคนที่ร้องไห้ที่ฉันพบนอกก�าแพงเมืองแห่งความ พินาศใช่มั้ย” คริสเตียน “ใช่ ฉันเอง” ผู้ประกาศ “ฉันไม่ได้บอกคุณให้ไปทางประตูแคบหรอกหรือ” คริสเตียน “บอกครับ” ผู้ประกาศ “แล้วท�าไมคุณหันเหไปทางอื่นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ล่ะ คุณ ก�าลังไปผิดทางนะ” คริสเตียน “ทันทีที่ฉันออกจากบ่อโคลนแห่งความท้อแท้ใจ ก็พบชาย คนหนึ่งชักชวนว่า ฉันอาจจะพบผู้ที่สามารถปลดภาระหนักได้ในหมู่บ้านนี้” ผู้ประกาศ “เขาเป็นใคร” คริสเตียน “เขาดูเป็นคนดี พูดจาหว่านล้อมให้ฉันยอมเดินมาตามทาง นี้โดยดี แต่เมื่อเห็นภูเขาและชะง่อนหิน ฉันก็ต้องหยุดทันที เพราะกลัวว่า มันจะหล่นลงมาทับฉัน” ผู้ประกาศ “ชายคนนั้นพูดกับคุณยังไงบ้าง” คริสเตียน “เขาถามว่า ฉันจะไปไหน ฉันก็บอกไปตามตรง” ผู้ประกาศ “แล้วเขาพูดยังไงอีก” คริสเตียน “เขาถามถึงครอบครัวฉัน ซึ่งฉันก็บอกว่า ภาระหนักท�าให้ ฉันไม่มีความสุขกับครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน


ปริศนาธรรม 31 ผู้ประกาศ “แล้วยังไงต่อไป” คริสเตียน “ชายคนนั้นบอกให้ฉันปลดเปลื้องภาระหนักให้เร็วที่สุด ฉันก็บอกไปว่า ฉันก�าลังท�าอยู่โดยจะไปทางประตูแคบ เพื่อรับค�าแนะน�า ต่อไปจนถึงทางแห่งความรอดชายคนนั้นเลยแนะทางที่ดีกว่า สั้นกว่า และยากล�าบากน้อยกว่า โดยแนะน�าให้ฉันไปหาชายที่มีความสามารถใน การปลดเปลื้องภาระนี้ ฉันเชื่อตามนั้น แต่เมื่อมาถึงตรงนี้ ฉันก็กลัวจะได้รับ อันตราย ฉันไม่รู้ว่าจะท�ายังไงต่อไปดี” ดังนั้น ผู้ประกาศจึงบอกว่า “ยืนรอเดี๋ยวนะ ฉันจะอ่านพระค�าของ พระเจ้าให้คุณฟัง จงระวังให้ดี อย่าปฏิเสธไม่ยอมฟังพระองค์ผู้ตรัสอยู่นั้น ถ้าเขาเหล่านั้นไม่พ้นโทษเพราะปฏิเสธ ไม่ยอมฟังค�าเตือนของคนที่ในโลก เราทั้งหลายผู้เมินหน้าจากพระองค์ผู้ทรงเตือนจากสวรรค์ ก็จะไม่พ้นโทษ มากยิ่งกว่าเขาเหล่านั้นเสียอีก” เขาพูดต่อไป “คนชอบธรรมควรอยู่ด้วย ความเชื่อ ถ้าผู้ใดหันหลังกลับ พระเจ้าก็จะไม่พอพระทัยในผู้นั้น” จากนั้น ผู้ประกาศสรุปว่า “คุณได้วิ่งไปสู่ความทุกข์ยาก ปฏิเสธค�าแนะน�าของพระเจ้า ผู้สูงสุด ถอยหนีจากสันติสุข ซึ่งเกือบจะไปถึงความหายนะ” คริสเตียนทรุดลงกราบแทบเท้าของผู้ประกาศด้วยน�้าตา แล้วพูดว่า “ฉันตายแน่ หายนะเกิดกับฉันแน่” ผู้ประกาศประคองเขาลูกขึ้นแล้วปลอบว่า “ความผิดและค�าหมิ่น ประมาททุกอย่างจะทรงโปรดยกให้มนุษย์ได้ ขอแต่ให้มีความเชื่อเท่านั้น” คริสเตียนยังยืนตัวสั่นอยู่ ผู้ประกาศกล่าวต่อว่า “นี่ ฟังนะ ฉันจะบอกอะไรให้ ปราชญ์ฝ่ายโลกที่คุณพบนั้นเป็นคนที่นิยมชมชอบในค�าสั่งสอนของโลกเท่านั้น ซึ่งส่งผลให้เขาไปโบสถ์ที่เมืองทรงศีลอย่างสม�่าเสมอ ที่เขาหลงใหลใน ค�าสอนนั้น ก็เพราะนั่นท�าให้เขาไม่ต้องค�านึงถึงกางเขน เขาพยายามบิดเบือน แนวทางที่ฉันแนะน�าให้ผันแปรไป ค�าแนะน�าของปราชญ์ฝ่ายโลกนั้นมีอยู่ 3 ประเด็น ที่คุณพึงรังเกียจ


32 ปริศนาธรรม “ประการแรก เขาน�าคุณให้หลงเจิ่นจากทางที่ควรไป ประการที่สอง เขาพยายามแสดงว่ากางเขนเป็นสิ่งน่าเกลียดน่ากลัวอย่างยิ่ง และประการ สุดท้าย เขาน�าคุณไปสู่ทางแห่งความตาย” ผู้ประกาศพูดต่อไปว่า “ประการแรก คุณต้องขัดขืนการชักน�าของเขา เพราะไม่เช่นนั้นก็เท่ากับละทิ้งค�าสอนของพระเจ้า และเชื่อฟังค�าแนะน�าของ ปราชญ์ฝ่ายโลก พระเจ้าตรัสว่า จงพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเข้าไปทาง ประตูแคบ เพราะนั่นจะน�าท่านไปสู่ชีวิตและมีน้อยคนนักที่จะพบ ปราชญ์ ฝ่ายโลกได้น�าคุณหลงทาง และเป็นเหตุให้คุณเกือบจะถึงความพินาศ ดังนั้น จงรังเกียจและขัดขืนการชักน�าของเขา ประการที่สอง กางเขนไม่ใช่สิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัว คุณควรจะปรารถนา กางเขนมากยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติในโลก นอกจากนั้นกษัตริย์แห่งสง่าราศีก็ได้ บอกคุณแล้วว่า ‘ใครก็ตามที่รักชีวิตจะเสียชีวิต และบรรดาคนที่ไม่รักพระเจ้า มากกว่าบิดา มารดา ภรรยา และลูกๆ และพี่น้องชายหญิง แม้กระทั่งชีวิต ของตนเอง คนเหลานั้นไม่สามารถเป็นสาวกของเราได้’ ดังนั้นคุณต้องปฏิเสธ ค�าสอนที่จะชักจูงคุณออกจากความจริงที่น�าคุณไปสู่ชีวิตนิรันดร์ ไม่งั้นคุณก็ จะไปสู่ความตาย ประการสุดท้าย คุณต้องเกลียดชังทางที่จะไปสู่ความตาย ต้องรู้จัก พิจารณาให้รอบคอบว่าคนที่คุณจะไปพบ เขาจะปลดเปลื้องภาระหนักของ คุณได้จริงหรือไม่” ผู้ประกาศอธิบายต่อว่า “เขาก�าลังน�าคุณไปถึงผู้ปฏิบัติธรรมซึ่งเป็น ลูกของหญิงที่ตกเป็นทาสพร้อมกับลูกๆ และนี่คือความลี้ลับของภูเขาซีนายนี้ ซึ่งคุณกลัวว่ามันจะพังลงมาทับศีรษะของคุณ ในเมื่อหญิงนั้นกับลูกๆ ตกเป็น ทาสอยู่ คุณยังจะคาดหวังว่าพวกเขาจะช่วยคุณให้มีเสรีภาพได้อีกหรือ ด้วย เหตุนี้ ผู้ปฏิบัติธรรมจึงไม่สามารถช่วยคุณให้พ้นจากภาระหนักได้ ในอดีต ไม่มีใครสักคนที่เคยได้รับการปลดเปลื้องภาระหนักจากเขา และกาลข้างหน้า ก็เช่นกัน คุณไม่สามารถเป็นคนชอบธรรมโดยการประพฤติตามหลักธรรม ได้หรอก เพราะธรรมบัญญัติไม่สามารถปลดเปลื้องภาระของมนุษย์ได้ ดังนั้น


ปริศนาธรรม 33 ปราชญ์ฝ่ายโลกจึงเป็นเหมือนคนต่างด้าว ผู้ปฏิบัติธรรมก็เป็นเหมือนคน หลอกหลวง บุตรของเขาที่ชื่อ นายอารยธรรม ก็คือพวกหน้าซื่อใจคดที่ไม่ สามารถช่วยคุณได้ เชื่อฉันเถอะ สิ่งที่คุณได้ยินจากปราชญ์ฝ่ายโลกเป็นสิ่ง หลอกลวงเพื่อให้คุณหันเหออกจากทางที่ควรจะด�าเนินไป” หลักจากนั้น ผู้ประกาศประกาศก้องไปยังสวรรค์เพื่อเป็นการยืนยันใน สิ่งที่เขาได้กล่าวไปแล้ว จากนั้นมีพระสุรเสียงและไฟจากภูเขาที่คริสเตียนยืน อยู่ ซึ่งท�าให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว “บรรดาคนทั้งหลายที่พึ่งกฎบัญญัติก็อยู่ ภายใต้การแช่งสาป เพราะมีค�าเขียนไว้ว่า บุคคลที่ไม่ท�าตามกฎบัญญัติใน หนังสือเล่มนี้อย่างครบถ้วนจะถูกแช่งสาป” ตอนนี้ คริสเตียนเองก็ร้องไห้คร�่าครวญ เพราะคิดว่าความตายจะต้อง มาถึงเขาแน่ เนื่องจากเขาได้หลงเชื่อปราชญ์ฝ่ายโลก คริสเตียน “ฉันจะท�ายังไงดี ยังมีความหวังอยู่อีกหรือ ตอนนี้ฉันจะ กลับไปยังประตูแคบนั้นได้อีกมั้ย ฉันเสียใจที่หลงเชื่อปราชญ์ฝ่ายโลก ฉัน จะได้รับการยกโทษหรือเปล่าหนอ” ผู้ประกาศ “บาปของคุณนั้นหนักเอาการ เพราะว่าท�าผิดถึง 2 ประการ คุณได้ละทิ้งทางที่ถูกต้อง และหลงไปในทางต้องห้าม อย่างไรก็ดี ชายที่ประตูแคบนั้นจะรับคุณเพราะเขามีความปรารถนาดีต่อมนุษย์” จากนั้นคริสเตียนก็เตรียมตัวที่จะหันกลับไปทางเดิม ผู้ประกาศได้ จุบลาและอวยพรให้เขาประสบความส�าเร็จในการเดินทาง คริสเตียนรีบ เดินทางต่อโดยไม่พูดกับใครเลยระหว่างทางนั้น จนกระทั่งได้กลับไปยัง จุดที่เขาพบกับ ปราชญ์ฝ่ายโลก แล้วไปถึงประตูแคบทันเวลา ประตูนั้นมีค�า เขียนไว้ว่า “จงเคาะ แล้วจะเปิดให้แก่ท่าน” เขาเคาะอยู่หลายครั้งและร้องว่า ให้ฉันเข้ำไปได้มั้ย ฉันได้กบฏและไม่สมควรที่จะเข้ำไป ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ ถ้ำได้เข้ำไปก็จะไม่ลืมที่จะสรรเสริญองค์พระผู้สูงสุด


34 ปริศนาธรรม ในที่สุดมีชายคนหนึ่งชื่อนายหวังดีเดินมาถามว่า “คุณคือใคร มาจากไหน และต้องการอะไร” คริสเตียน “ฉันคือคนบาปที่แบกภาระหนัก ฉันเดินทางมาจาก เมืองแห่งความพินาศและก�าลังจะไปยังภูเขาศิโยน เพื่อจะรอดพ้นจากการ พิพากษาโทษที่จะมาถึง ฉันรู้มาว่านี่เป็นประตูไปสู่ทางแห่งความรอดนั้น คุณจะให้ฉันเข้าไปได้มั้ย นายหวังดี “ยินดีต้อนรับ เชิญเข้ามาสิ” แล้วเขาก็เปิดประตู


ไ ม่มีทางรอดอื่นใดที่ “เร็วและง่าย” ดังเช่นที่ ปราชญ์ฝ่ายโลกแนะน�า พวกพิวริทัน (Puritans) กล่าวถึง “งานในจิตใจ” ซึ่งหมายความว่า พระเจ้าท�างานในจิตใจของคนบาปเพื่อน�าเขามาถึงความสว่าง ซึ่งเป็นงาน ที่ละเอียดอ่อนและต้องใช้เวลา ตอนนี้ คริสเตียนมีความเชื่อแต่ไม่ใช่เชื่อในพระคริสต์ ความเชื่อเป็น สิ่งที่ดี แต่ความเชื่อในศาสนาที่พึ่งสติปัญญาของโลกไม่สามารถช่วยคนบาป ให้รอดได้ คริสเตียนได้ปฏิเสธการแนะน�าของพระเจ้าที่ผ่านทางผู้ประกาศ ที่สัตย์ซื่อเมื่อเขาหลงไปฟังค�าของปราชญ์ฝ่ายโลก ปราชญ์ฝ่ายโลกได้สัญญาว่าจะให้ชีวิตที่ดีในแง่ของศีลธรรมและ ธรรมบัญญติ แต่สิ่งเหล่านี้มีแต่จะน�าไปสู่ความตายเพราะมันท�าให้มนุษย์ ตกเป็นทาสมากกว่าจะรับความรอด เมื่อคริสเตียนตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ แล้วหันกลับมาเดินในทางที่ถูกต้อง เขาก็สามารถไปถึงประตูคับแคบแห่ง ความรอดนั้นได้ หลังจากเคาะประตูนั้น นายหวังดีถามเขาว่า “คุณเป็นใคร มาจากไหน และต้องการอะไร” คริสเตียนต้องตอบค�าถามเหล่านี้หลายครั้งระหว่างการ เดินทาง และนี่คือค�าถามที่พวกพิวริทันซักถามบรรดาผู้กลับใจใหม่และคน ที่ต้องการเป็นสมาชิกในคริสตจักร เพื่อให้แน่ใจว่าคนเหล่านั้นกลับใจอย่าง แท้จริง บทน�ำสู่ตอนต่อไป


36 ปริศนาธรรม คริสเตียนได้ถามว่า “จะให้ฉันเข้าไปได้มั้ย” ค�าถามเช่นนี้คอยรบกวน พวกพิวริทันเช่น “พระเจ้าเลือกฉันหรือเปล่า พระเจ้าจะให้ฉันได้รับ ความรอดหรือไม่” “ประตูนี้จะเปิดให้แก่บรรดาผู้ที่มีจิตใจชอกช�้า” ดังปรากฏ ในสดุดี 51:17


ขณะที่คริสเตียนก้าวผ่านประตูนั้นนายหวังดีรีบฉุดเขาเข้ามา คริสเตียน จึงถามว่า “ท�าไมคุณต้องท�าแบบนี้” นายหวังดีตอบว่า “ไม่ไกลจากประตูนี้มีปราสาทด�าทะมึนของเบเอล เซบูลตั้งตระหง่านอยู่ และลูกน้องของมันจะยิงศรใส่ผู้ที่ต้องการจะเข้าประตู เพื่อยับยั้งไม่ให้ผ่านเข้ามาได้” คริสเตียน “ฉันรู้สึกทั้งดีใจและหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน” นายหวังดี “ใครเป็นผู้แนะน�าคุณให้มาที่นี่” คริสเตียน “ผู้ประกาศท่านหนึ่งบอกว่าให้มาเคาะที่ประตูนี้ แล้วคุณจะ อธิบายให้ฟังว่าฉันต้องท�ายังไงต่อไป” นายหวังดี “ประตูนี้เปิดให้คุณแล้ว และจะไม่มีใครปิดได้” คริสเตียน “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็เริ่มเก็บเกี่ยวประโยชน์ที่ได้จากการ ฝ่าฟันภยันตรายได้แล้วสิ” นายหวังดี “เอ!.. แต่คุณมาคนเดียวได้ยังไงกันเนี่ย” คริสเตียน “เพราะว่าไม่มีใครเห็นถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตอย่าง ที่ฉันเห็น” ตอนที่ 3


38 ปริศนาธรรม นายหวังดี “มีใครรู้ไหมว่าคุณมาที่นี่” คริสเตียน “มีสิ ตอนแรกภรรยากับลูกๆ แล้วก็เพื่อนบ้านบางคน มาตามฉันให้กลับไป แต่ฉันอุดหูเสีย แล้วเดินต่อไปคนเดียว” นายหวังดี “มีใครอีกมั้ยที่พยายามติดตามมาและชักจูงให้คุณกลับไป” คริสเตียน “มีชาย 2 คนชื่อนายดื้อดึง และนายเชื่อง่าย คนแรกหาว่า ฉันเป็นคนโง่แล้วก็จากไปเมื่อรู้ว่าดึงฉันกลับไม่ส�าเร็จ ส่วนเจ้าคนที่สองนั่น ร่วมเดินทางมากับฉันได้หน่อยเดียว” นายหวังดี “ถ้าอย่างนั้น ท�าไมฉันไม่เห็นเขาล่ะ” คริสเตียน “เราร่วมเดินทางมาด้วยกัน จนกระทั่งพลัดตกลงไปในบ่อโคลน แห่งความท้อแท้ใจ เพื่อนของฉันรู้สึกหมดหวัง และไม่อยากเดินต่อไป เมื่อขึ้น จากบ่อโคลนได้ เขาจึงเดินกลับไปทางเดียวกับนายดื้อดึง ส่วนฉันก็มายังประตู นี่แหละ” นายหวังดี “อนิจจา มนุษย์ผู้น่าเวทนา หนทางสวรรค์ช่างมีค่าน้อย เหลือเกินในสายตาของเขา จนไม่กล้าเสี่ยงต่อความยากล�าบากเล็กๆ น้อยๆ นี้” คริสเตียน “ใช่ ฉันได้เล่าเรื่องของนายเชื่อง่ายให้คุณฟังแล้ว แท้จริง ฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาหรอก เพราะเมื่อเขากลับไปแล้ว ฉันเองก็หันเหไปสู่ หนทางแห่งความตายเช่นกัน คือเมื่อปราชญ์ฝ่ายโลกยกเหตุผลแห่งความสุข สบายทางกายมาล่อใจฉัน ฉันก็หลงเชื่อ” นายหวังดี “อ้าว! คุณพบเขาด้วยเหรอ เขาคงจะเชิญชวนคุณแสวงหา วิถีทางที่สุขสบายกับนักปฏิบัติธรรมใช่ไหมล่ะ ทั้งสองเป็นนักหลอกลวงนะ คุณท�าตามที่เขาแนะน�าหรือเปล่า” คริสเตียน “ท�าสิ ฉันเดินทางไปหานักปฏิบัติธรรม จนถึงภูเขาที่อยู่ ใกล้บ้านของเขาแต่เมื่อเห็นว่าชะง่อนหินนั้นอาจจะหล่นลงมาทับหัวฉัน ฉัน ก็เลยหยุดอยู่ตรงนั้น” นายหวังดี “รู้มั้ย ภูเขานั่นเป็นเหตุให้คนจ�านวนมากต้องตายไปและ จะเป็นอย่างนั้นต่อๆ ไปด้วย ดีนะที่คุณหลบหลีกออกมาได้”


ปริศนาธรรม 39 คริสเตียน “จริงๆ แล้ว ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่นั่น ความคิดมืดมัว ไปหมด ถ้าผู้ประกาศไม่ได้มาพบกันฉันอีก ฉันแย่แน่เลย นี่เป็นเพราะพระ เมตตาของพระเจ้าแท้ๆ ไม่เช่นนั้น ฉันคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่หรอก ฉันเองก็ สมควรตายที่ภูเขานั้นมากกว่าจะมายืนอยู่ที่นี่ โอ เป็นพระคุณจริงๆ ที่ยัง เข้ามาที่นี่ได้” นายหวังดี “เราไม่เคยละทิ้งใคร ไม่ว่าพวกเขาได้ท�าอะไรมาก่อน ฉะนั้น ขอให้คุณตามฉันมาทางนี้แล้วฉันจะบอกทางที่คุณจะต้องเดินต่อไป มองไปข้างหน้านั่นสิ คุณเห็นทางแคบๆ นั้นมั้ย นั่นแหละทางที่คุณต้องไป เป็นทางที่อัครปิตา ผู้พยากรณ์ พระคริสต์ และอัครทูตของพระองค์ได้ปู ไว้แล้วทั้งนั้น ทางที่คุณต้องไปนั้นเป็นทางที่ตรงที่สุด” คริสเตียน “แล้วมีจุดคดเคี้ยวที่อาจท�าให้คนที่ไม่รู้จักทางหลงไปมั้ย” นายหวังดี “มีสิ มีทางมากมายที่แอบแฝงอยู่ ทางกว้างก็มี คดเคี้ยว ก็มี อย่างไรก็ตาม คุณสามารถสังเกตเส้นทางที่ถูกต้องได้ เพราะมันเป็น ทางตรงและแคบเสมอ” ในความฝันนั้น ข้าพเจ้าเห็นคริสเตียนร้องขอให้นายหวังดีช่วยปลด ภาระหนักบนหลังออก เพราะเขาท�าเองไม่ได้ แต่นายหวังดีบอกว่า “จงอดทนเถิด จนกว่าคุณจะไปถึงทางแห่งการ ช่วยกู้ ณ ที่นั่น ภาระหนักจะหลุดออกเอง” ก่อนที่คริสเตียนจะจากมา นายหวังดีบอกเขาว่าเมื่อเดินทางไปอีก ระยะหนึ่ง จะพบบ้านของนักไขปริศนา ให้เคาะประตูเข้าไปเพื่อขอให้เขา ส�าแดงสิ่งที่ดีเลิศ ขณะที่คริสเตียนกราบลา นายหวังดีก็อวยพรให้เขา เมื่อคริสเตียนไปถึงบ้านของนักไขปริศนา เขาเคาะประตูอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดมีคนมาเปิดให้ แล้วถามว่า “ใครน่ะ” คริสเตียน “ฉันเป็นนักแสวงหาและมาที่น่�ตามค�าบอกของนายหวังดี ซึ�งคุ้นเคยกับเจ้าของบ้านน่้เป็นอย่างดี ฉันอยากจะแวะมาทักทายและพูดคุย ด้วยสักหน่อย”


40 ปริศนาธรรม ในที่สุด ชายเจ้าของบ้านออกมาซักถามว่าเขาต้องการอะไร คริสเตียน “ฉันมาจากเมืองแห่งความพินาศเพื่อจะไปยังภูเขาศิโยน เมื่อมาถึงประตูแคบ มีคนแนะน�าให้ฉันมาเยี่ยมเยียนคุณ เพื่อขอให้คุณบอก ถึงสิ่งที่ดีเลิศ จะได้ช่วยเหลือฉันในการเดินทางต่อไป” นักไขปริศนา “เชิญเข้ามาสิ ฉันจะพาไปดูสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับคุณ” นักไขปริศนาสั่งให้คนใช้จุดเทียน และบอกให้คริสเตียนตามมา เขา น�าคริสเตียนเข้าไปในห้องส่วนตัว คริสเตียนเห็นภาพของชายเอาการเอางาน คนหนึ่งแขวนอยู่บนฝาผนัง ชายคนนั้นจ้องมองไปที่สวรรค์และถือหนังสือ ล�้าค่าที่สุดไว้ในมือ ที่ริมฝีปากของเขามีกฎแห่งความจริงปรากฏอยู่และมี โลกอยู่เบื้องหลัง เขายืนอยู่ราวกับว่าก�าลังเรียกร้องให้มนุษย์มาหาเขา และ ที่ศีรษะของเขามีมงกุฏทองค�าสวมอยู่ คริสเตียน “ภาพนี้มีความหมายว่าอะไร” นักไขปริศนา “ชายผู้นี้เป็นหนึ่งในหลายพันคนที่สามารถให้ก�าเนิดลูก และอุ้มชูเลี้ยงดูลูกๆ เหล่านั้นด้วย งานของเขาคือเปิดเผยความจริงให้คนบาป ทั้งหลายเข้าใจเหมือนกับภาพที่คุณเห็นอยู่ เขายืนอยู่ท่ามกลางผู้คนโดยในมือ มีหนังสือที่ดีที่สุด และปากของเขาพูดถึงความจริงของพระเจ้า ส่วนมงกุฎ ที่อยู่เหนือศีรษะนั้น เป็นรางวัลที่เขามั่นใจว่าจะได้รับในวันข้างหน้า เพราะเขา ได้ละทิ้งสิ่งที่อยู่ฝ่ายโลกและรับใช้พระเจ้า” นักไขปริศนาพูดต่อว่า “เอาล่ะ ฉันได้พาคุณมาชมภาพนี้ก่อน เพราะ ชายคนนี้คือผู้เดียวที่เจ้าของสถานที่ที่คุณก�าลังจะไปนั้นอนุญาตให้เป็นผู้ ชี้น�าคุณในยามที่คุณพบกับความยากล�าบากขณะเดินทาง ฉะนั้น ตั้งใจฟัง สิ่งที่ฉันจะบอกและจดจ�าสิ่งที่คุณเห็นไว้ให้ดี ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะถูกชักน�า ไปสู่ทางแห่งความตาย” จากนั้นนักไขปริศนาได้น�าคริสเตียนไปยังห้องที่ใหญ่มากซึ่งเต็มไป ด้วยฝุ่นละออง นักไขปริศนาสั่งให้ชายคนหนึ่งกวาดห้องนี้ ฝุ่นละอองคลุ้ง ไปทั่วจนท�าให้คริสเตียนเกือบส�าลัก นักไขปริศนาจึงบอกหญิงสาวคนหนึ่ง


ปริศนาธรรม 41 ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่า “เอาน�้ามาฉีดห้องนี้หน่อย” เมื่อเธอท�าอย่างนั้นก็สามารถ กวาดและท�าความสะอาดได้อย่างสะดวกสบาย คริสเตียน “แล้วนี่หมายความว่าอะไรกันน่ะ” นักไขปริศนา “ห้องนี้เปรียบเหมือนใจของชายคนหนึ่งที่ไม่เคย ช�าระล้างให้บริสุทธิ์ด้วยข่าวประเสริฐ ฝุ่นเปรียบเหมือนความบาปเริ่มแรก และความชั่วที่อยู่ภายในชีวิตของเขา ซึ่งท�าให้ทั้งชีวิตของเขาเป็นมลทิน ชายผู้ซึ่งกวาดห้องในตอนแรกนั้นคือ บทบัญญัติ หญิงสาวที่เอาน�้ามาฉีดก็ เปรียบเหมือนข่าวประเสริฐของพระเจ้า คุณได้เห็นแล้วว่าทันทีที่ชายคนแรก กวาดห้องนั้น ฝุ่นก็คลุ้งไปทั่วจนไม่สามารถท�าความสะอาดได้ และยังท�าให้ คุณเกือบจะส�าลักแทบหมดสติ นั่นหมายความว่า บทบัญญัตินั้นแทนที่จะ ช�าระจิตใจกลับยิ่งยุให้ท�าบาปหนักขึ้น แม้ว่าบทบัญญัติจะชี้ให้เราเห็นความบาป และคอยห้ามปรามบาปนั้น แต่บทบัญญัติไม่สามารถให้ก�าลังเราที่จะมีชัย เหนือความบาปได้และที่คุณเห็นหญิงสาวฉีดน�้าในห้องจนท�าความสะอาด ได้สะดวกนั้น แสดงว่าข่าวประเสริฐของพระเจ้าได้เข้ามามีอิทธิพลในจิตใจ แล้วจะขจัดความบาปออกได้จนจิตใจสะอาดซึ่งเป็นผลให้กษัตริย์แห่งสง่าราศี สามารถประทับอยู่ในจิตใจคนได้ไง” จากนั้นข้าพเจ้าฝันเห็นนักไขปริศนาน�าคริสเตียนไปยังห้องเล็กๆ ที่มี เด็กเล็กๆ 2 คนนั่งอยู่ที่เก้าอี้คนละตัว คนโตชื่อว่า ราคะ คนเล็กชื่อ อดทน ราคะท�าท่าไม่พอใจในขณะที่อดทนนั่งเงียบอยู่ คริสเตียนถามว่า “ท�าไม ราคะท�าท่าเหมือนไม่พอใจ” นักไขปริศนาตอบว่า “ผู้ปกครองที่ดูแลเด็ก สองคนนี้ให้เขารอคอยสิ่งที่ดีที่สุดจนถึงต้นปีหน้า แต่ราคะต้องการเดี๋ยวนี้ ส่วนอดทนนั้นเต็มใจรอคอย” จากนั้นข้าพเจ้าเห็นชายคนหนึ่งมาหาราคะ เอาถุงทรัพย์มาวาง ที่เท้าของเขา ราคะมองดูด้วยความดีใจ ซ�้ายังหัวเราะเยาะอดทนอย่าง เหยียดหยาม แต่ไม่นาน ราคะก็ผลาญทรัพย์สมบัติอย่างสุรุ่ยสุร่ายจนไม่ เหลืออะไรนอกจากผ้าขี้ริ้ว


42 ปริศนาธรรม คริสเตียน “ได้โปรดอธิบายเรื่องนี้ให้ฉันเข้าใจมากกว่านี้เถิด” นักไขปริศนาอธิบายเพิ่มว่า “เด็ก 2 คนนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ ราคะ หมายถึงคนของโลกนี้ เขาต้องการสิ่งที่ดีในโลกนี้ทั้งหมดและต้องการเดี๋ยวนี้ ด้วย เขาไม่สามารถรอคอยถึงปีหน้าได้ นี่เล็งถึงโลกหน้า คนประเภทนี้ยึด มั่นในภาษิตว่า มีนก 1 ตัวในมือก็มีค่ากว่านก 2 ตัวในพุ่มไม้ แทนที่จะเชื่อ ค�าพยานจากพระเจ้าว่า สิ่งที่ดีของโลกนี้ก�าลังจะมาถึง คุณเห็นมั้ยละว่าเขา ผลาญทรัพย์สมบัติอย่างรวดเร็วจนเหลือแต่ผ้าขี้ริ้ว และจะเป็นเช่นนั้นกับคน ประเภทนี้จนกว่าจะสิ้นโลก ส่วนอดทนเล็งถึงคนที่รอคอยโลกหน้า” คริสเตียน “ตอนนี้ฉันเห็นแล้วว่าอดทนนั้นฉลาดกว่า ประการแรก เขารอคอยสิ่งที่ดีที่สุด และประการที่สอง เขาจะได้รับสง่าราศีในขณะที่ ราคะไม่ได้อะไรเลย นอกจากผ้าขี้ริ้ว” นักไขปริศนา “คุณอาจจะเพิ่มอีกประการหนึ่งได้ว่า สง่าราศีของโลก หน้าเป็นสิ่งถาวรและไม่ดับสูญไป ในขณะที่สิ่งดีๆ ของโลกนี้จะเสื่อมสูญไป ในพริบตา ฉะนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่ราคะจะหัวเราะเยาะอดทน เพราะคนต้น จะกลายเป็นคนสุดท้าย และคนสุดท้ายจะกลายเป็นคนต้น เพราะว่าไม่มีใคร จะมาแซงหน้าเขาอีกได้ เขาผู้ซึ่งได้รับส่วนแบ่งแล้ว จ�าต้องมีเวลาใช้ส่วนแบ่ง นั้น แต่ผู้ซึ่งรับส่วนแบ่งตอนท้ายจะได้ใช้ตลอดนิรันดร์ เปรียบเหมือนเรื่อง เศรษฐีกับลาซารัสไง เมื่ออยู่บนโลกเศรษฐีได้รับสิ่งที่ดีตลอดชีวิตในขณะที่ ลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลวร้าย แต่บัดนี้ลาซารัสมีความสุขสบายในขณะที่เศรษฐี ได้รับความทุกข์ทรมาน” คริสเตียน “ถ้าเช่นนั้น ฉันคิดว่าเราไม่ควรโลภสิ่งต่างๆ ในตอนนี้ ควร จะรอสิ่งที่ดีกว่าที่จะมาถึงใช่ไหม” นักไขปริศนา “คุณพูดถูกแล้ว สิ่งที่คุณเห็นตอนนี้เป็นสิ่งชั่วคราว สิ่งที่คุณยังไม่เห็นนั้นสิเป็นเรื่องนิรันดร์ สิ่งที่คุณเห็นตอนนี้เป็นสิ่งที่ต้องตา ต้องใจความต้องการฝ่ายเนื้อหนังของเรา แต่สิ่งที่ก�าลังจะมานั้นเป็นที่น่า สะอิดสะเอียนส�าหรับความต้องการฝ่ายเนื้อหนัง ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นได้จึง เป็นมิตรกับคนฝ่ายโลกทันที แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นจะอยู่ห่างไกลคนฝ่ายโลก”


ปริศนาธรรม 43 ในความฝัน ข้าพเจ้าเห็นนักไขปริศนาพาคริสเตียนไปยังสถานที่ซึ่งมี ไฟก�าลังลุกโชติช่วงอยู่ข้างๆ ก�าแพง มีคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่นพยายามราดน�้า ดับไฟอยู่ กระนั้นก็ตามไฟยังคงลุกโชติช่วง โหมแรงขึ้น และร้อนขึ้น คริสเตียน “นั่นหมายความว่าอะไร” นักไขปริศนา “ไฟนั้นเปรียบเหมือนงานของพระคุณในจิตใจ ส่วนผู้ที่ ราดน�้าอยู่นั้นคือซาตาน ฉันจะอธิบายว่าท�าไมไฟจึงลุกโชติช่วงขึ้นและร้อน ขึ้นอยู่ตลอดเวลา” เขาพาคริสเตียนไปข้างหลังก�าแพง พบชายคนหนึ่งมีน�้ามันอยู่ในมือ เขาราดน�้ามันไปที่ก�าแพงอย่างเงียบๆ คริสเตียน “นี่หมายความว่าอะไรอีกล่ะ” นักไขปริศนา “ชายผู้นี้คือพระคริสต์ ท่านจะรักษาการงานในจิตใจ นั้นไว้อย่างสม�่าเสมอด้วยน�้ามันแห่งพระคุณ ด้วยเหตุนี้ไม่ว่ามารซาตาน จะท�าลายเราอย่างไร จิตใจของคนของพระองค์ก็ยังคงยึดมั่นอยู่ในคุณงาม ความดี แต่เนื่องจากผู้ที่ท�าหน้าที่ผดุงรักษาไฟให้ลุกโชติช่วงนั้นอยู่ข้างหลัง ก�าแพง จึงเป็นการยากส�าหรับคนที่ถูกทดลองจะเห็นงานของพระคุณที่ด�ารง อยู่ในจิตใจของเขา” จากนั้น ข้าพเจ้าเห็นนักไขปริศนาพาคริสเตียนไปยังสถานที่ สวยงามแห่งหนึ่งซึ่งมีปราสาทอันโอ่อ่าตั้งอยู่ ทันทีที่คริสเตียนเห็นก็รู้สึก ปลาบปลื้มใจมาก ผู้คนที่นั่นสวมเสื้อผ้าท�าด้วยทองค�าเดินไปมา คริสเตียนถามขึ้นว่า “เราเข้าไปในนั้นได้มั้ย” แล้วนักไขปริศนาพาคริสเตียนไปยังประตูของปราสาทนั้น ณ ที่นั่น เขาพบคนจ�านวนมากยืนรออยู่ แต่ไม่มีใครกล้าจะเข้าไป ไม่ไกลจากประตูนั้น มีสมุดและปากกาวางอยู่บนโต๊ะ และมีชายคนหนึ่งจดชื่อผู้ที่สามารถเข้าไปได้ นอกจากนั้นเขายังเห็นชายหลายคนยืนอยู่ตรงบริเวณทางเข้า พวกเขาสวม เสื้อเกราะเตรียมพร้อมจะท�าร้ายคนเหล่านั้นที่ก�าลังจะเข้าไป คริสเตียนรู้สึก ประหลาดใจมาก


44 ปริศนาธรรม ในขณะที่ทุกคนยืนอยู่ห่างๆ ด้วยความหวาดกลัวคนสวมเสื้อเกราะ คริสเตียนเห็นชายคนหนึ่งท่าทางบึกบึนและเด็ดเดี่ยวเดินเข้าไปหาชายที่นั่ง จดชื่ออยู่นั่น แล้วพูดว่า “จดชื่อของฉันลงไปด้วยสิ” หลังจากชายคนนั้น จดชื่อเสร็จ เขาก็ชักดาบออกแล้วสวมหมวกเหล็กบนศีรษะ แล้วพุ่งเข้าหา คนเหล่านั้นที่สวมเสื้อเกราะ การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือด และชายที่ถือดาบ ได้ฟาดฟันคนเหล่านั้นที่สวมเสื้อเกราะอย่างไม่สะทกสะท้าน แม้ว่าเขาจะ ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง แต่ในที่สุดก็สามารถผ่านเข้าไปในปราสาท โดยที่คน บนปราสาทนั้นพากันโห่ร้องต้อนรับด้วยความชื่นชมยินดี พร้อมกับตะโกนว่า “จงเข้ามาเถิด คุณจะได้รับสง่าราศีนิรันดร” เมื่อเข้าไปแล้วเขาก็ได้สวมเสื้อเหมือนคนเหล่านั้น คริสเตียนยิ้มแล้ว พูดว่า “ฉันคิดว่าฉันรู้ความหมายนี้แล้ว ให้ฉันไปจากที่นี่เถิด” “เดี๋ยว” นักไขปริศนาเอ่ยขึ้น “คุณต้องอยู่ที่นี่อีกสักครู่เพื่อจะได้เห็น อะไรอีกสักหน่อย แล้วฉันจะให้คุณไปตามทางของคุณ” เขาจูงมือคริสเตียน ไปยังห้องมืดซึ่งมีชายคนหนึ่งอยู่ในกรงเหล็ก ชายคนนั้นดูเศร้าสร้อย นั่งคอตก ดวงตาจับจ้องอยู่ที่พื้น สองมือ ประสานกันแล้วทอดถอนใจราวกับหัวใจจะแตกสลาย คริสเตียนถามว่า “นี่หมายความว่าอะไร” นักไขปริศนาบอกให้เขาถามชายคนนั้นเอง คริสเตียนจึงถามว่า “คุณเป็นใคร” ชายคนนั้นตอบว่า “ฉันเคยได้ชื่อ ว่าเป็นคริสเตียนทั้งในสายตาของฉันเองและคนอื่นๆ ด้วย ฉันเคยคิดว่าจะ ได้ไปอยู่เมืองบรมสุขเกษมและรู้สึกดีใจที่ได้คิดอย่างนั้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็น อย่างนั้นแล้ว” คริสเตียน “แล้วเดี๋ยวน่้คุณเป็นอะไรล่ะ” ชายสิ้นหวังคนนั้นตอบว่า “ฉันเป็นคนที่ตกอยู่ในความสิ้นหวังซึ่งถูก ขังในกรงเหล็กนี้ ฉันออกไปไม่ได้หรอก โธ่ ฉันไม่สามารถออกไปได้เลย” คริสเตียน “คุณตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร”


ปริศนาธรรม 45 ชายสิ้นหวัง “ฉันไม่ได้ระมัดระวังแต่ปล่อยให้ตัณหาควบคุมชีวิต ฉัน ท�าความผิดบาปต่อพระวจนะและความดีของพระเจ้า ท�าให้พระวิญญาณ บริสุทธิ์ต้องเสียพระทัย และพระองค์ก็จากชีวิตฉันไปแล้ว ฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยว กับผีมารและมันครอบง�าฉัน ฉันยั่วพระเจ้าให้เกิดโทสะและพระองค์ก็จากฉัน ไป จิตใจของฉันแข็งกระด้างจนไม่สามารถกลับใจใหม่ได้แล้ว คริสเตียนถามนักไขปริศนาว่า “ชายคนนี้ไม่มีความหวังอีกแล้วหรือ” นักไขปริศนาตอบว่า “ถามเขาดูสิ” คริสเตียนบอกว่า “ไม่เอา... คุณช่วยถามหน่อยสิ” นักไขปริศนา “คุณต้องอยู่ในกรงแห่งความสิ้นหวังโดยไม่มีความหวัง อะไรเลยหรือ” ชายสิ้นหวังรีบพูดขึ้นว่า “ไม่มีความหวังอะไรอีกแล้ว” นักไขปริศนา “ท�าไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ พระบุตรของพระเจ้าเปี่ยมล้น ด้วยความเมตตา” ชายสิ้นหวัง “ฉันได้ตรึงพระองค์อีกครั้ง ฉันดูถูกเหยียดหยามความ ชอบธรรมของพระองค์ ไม่เห็นคุณค่าของพระโลหิตของพระองค์ และหมิ่น ประมาทพระวิญญาณแห่งพระคุณ ฉันได้ปิดกั้นตัวเองจากพระสัญญาของ พระเจ้าอย่างสิ้นเชิง ไม่เหลืออะไรอีกแล้วส�าหรับฉัน นอกจากความน่ากลัว ของการพิพากษาและไฟที่เผาพลาญไม่รู้จบซึ่งเป็นศัตรูที่คอยกัดกินท�าลาย ล้างฉัน” นักไขปริศนา “เพราะเหตุใดคุณจึงปล่อยตัวให้อยู่ในสภาพนี้ล่ะ” ชายสิ้นหวัง “ก็เพื่อสนองตัญหา ความสุข ผลประโยชน์ในโลกนี้ไงล่ะ และสิ่งเหล่านี้เองหวนกลับมากัดกินฉันราวกับหนอนที่หิวโหย” นักไขปริศนา “คุณกลับใจใหม่และละทิ้งสิ่งเหล่านั้นไม่ได้หรือ” ชายสิ้นหวัง “พระเจ้าไม่อนุญาตให้ฉันกลับใจแล้ว พระองค์เป็น ผู้กักขังฉันไว้ และไม่มีใครจะช่วยปลดปล่อยฉันได้ โธ่เอ๋ย ฉันจะทนทุกข์ ทรมานเช่นนี้ตลอดชั่วนิจนิรันดร์ได้อย่างไร”


46 ปริศนาธรรม นักไขปริศนาบอกคริสเตียนว่า “ขอให้ความทุกข์ทรมานของชายคนนั้น เป็นเครื่องเตือนใจคุณก็แล้วกัน” คริสเตียน “น่ากลัวจริงๆ ขอพระเจ้าช่วยฉันให้ระมัดระวังและตื่นตัว อธิษฐานอยู่เสมอ เพื่อว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ�้ารอยในชีวิตฉัน เอ...ถึงเวลา ที่ฉันต้องไปตามทางของฉันแล้วหรือยังนะ” นักไขปริศนา “รอดูอีกอย่างหนึ่งสิ แล้วคุณก็ไปได้” ทั้งสองเข้าไปในห้องนอนของชายคนหนึ่งซึ่งก�าลังลุกจากเตียง ขณะ ที่เขาสวมเสื้อผ้า เขาตัวสั่นและหวาดกลัว คริสเตียน “ท�าไมดูเขาสั่นเทาอย่างนี้ล่ะ” นักไขปริศนาบอกชายคนนั้นอธิบายให้คริสเตียนฟัง ชายคนนั้นเล่าว่า “เมื่อคืนนี้ ฉันฝันเห็นท้องฟ้าด�ามืดไปหมด แถมมี เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบอย่างน่าสะพรึงกลัว เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นก้อนเมฆมากมาย เคลื่อนตัวไปมาอย่างรวดเร็วจากทุกทิศทางเต็มท้องฟ้า ต่อมาฉันได้ยิน เสียงแตร มีชายผู้หนึ่งนั่งอยู่บนก้อนเมฆพร้อมด้วยชาวสวรรค์หลายพันคน ห้อมล้อมอยู่ ทุกคนอยู่ในเปลวเพลิงที่ก�าลังเผาผลาญ จากนั้นมีเสียงหนึ่ง ดังขึ้นว่า ‘คนตายทั้งหลายจงลุกขึ้นมาเพื่อรับการพิพากษา’ และด้วยเสียงนั้น หินผาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หลุมฝังศพเปิดกว้าง พร้อมกันนั้นคนตายทั้งหมด ก็ลุกขึ้นมา บางคนดูสดชื่นและมองขึ้นสู่เบื้องบน บางคนพยายามหลบซ่อนตัว ใต้ภูเขา ชายผู้ที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆเปิดหนังสือขึ้นพร้อมกับสั่งให้ชาวโลก ทั้งหมดเข้ามาใกล้ แต่ระยะทางระหว่างผู้ที่อยู่บนก้อนเมฆกับชาวโลก ทั้งหลายห่างกันมาก เหมือนผู้พิพากษากับจ�าเลย เพราะว่ามีเปลวเพลิงพุ่ง ออกจากชายผู้นั้น ชายที่นั่งบนก้อนเมฆนั้นสั่งผู้ที่ห้อมล้อมว่า ‘จงรวบรวม บรรดาข้าวละมาน ฟางข้าว โคนต้นข้าวเข้าด้วยกันแล้วทิ้งลงไปในบึงไฟนรก’ จากนั้นช่องบาดาลตรงที่ฉันยืนอยู่ก็เปิดออกพร้อมกับมีควันไฟพลุ่งออกมา รวมทั้งเสียงที่น่าเกลียดน่ากลัว ชายบนก้อนเมฆบอกทูตสวรรค์อีกว่า ‘ให้รวมข้าวสาลีของเราเข้าไปในยุ้งฉาง’ จากนั้น ฉันเห็นหลายคนถูกรับ


ปริศนาธรรม 47 ขึ้นไปบนท้องฟ้า ส่วนฉันถูกทิ้งไว้ข้างล่าง ฉันพยายามซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่ สามารถหลบพ้นสายตาชายที่อยู่บนก้อนเมฆนั้นไปได้ และในเวลานั้นฉันก็ ส�านึกถึงความผิดบาปของตนเองซึ่งจิตส�านักผิดชอบได้กล่าวฟ้องทุกๆ ด้าน หลังจากนั้นฉันก็ตื่นขึ้น” คริสเตียน “อะไรท�าให้คุณหวาดกลัวถึงขนาดนี้” ชายสั่นเทา “เพราะฉันคิดว่าวันแห่งพิพากษามาถึงแล้ว แต่ฉันยัง ไม่พร้อมส�าหรับสิ่งนั้น แต่ที่น่ากลัวมากกว่านั้นก็คือ บรรดาทูตสวรรค์ที่ออกมา รวบรวมคนได้ทิ้งฉันไว้คนเดียว และหลุมนรกก็เปิดออกใกล้ๆ กับที่ฉันยืนอยู่ แม้แต่จิตส�านึกผิดชอบของฉันเองยังฟ้องถึงความพินาศของฉันอีกด้วย แล้ว ชายบนก้อนเมฆซึ่งเป็นผู้พิพากษานั้นมองดูฉันราวกับไฟที่เผาผลาญไม่รู้สิ้นสุด” นักไขปริศนา “คุณมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร” คริสเตียน “มันท�าให้ฉันรู้สึกถึงความหวังและความหวาดกลัวในเวลา เดียวกัน” นักไขปริศนา “อืม... คุณควรจดจ�าสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ดีเพื่อคุณจะเดิน ในทางที่ควรไป” จากนั้นคริสเตียนเตรียมพร้อมที่จะเดินทางต่อ แล้วนักไขปริศนา พูดอีกว่า “ขอให้พระผู้ปลอบประโลมใจสถิตอยู่กับคุณและน�าคุณไปยัง เมืองบรมสุขเกษมนั้น” คริสเตียนออกเดินทางต่อไปพร้อมกับพูดว่า ฉันได้เห็นสิ่งที่อัศจรรย์และเป็นประโยชน์มำก ไม่ว่ำจะเป็นสิ่งที่น่ำยินดีหรือน่ำหวำดกลัวก็ตำม ล้วนท�ำให้จิตใจของฉันมั่นคงยิ่งขึ้น และยังท�ำให้ฉันเข้ำใจและรู้จักคิดใคร่ครวญ ขอบคุณนักไขปริศนำที่ท�ำให้ฉันได้เห็นสิ่งเหล่ำนี้ ในฝันนั้น ข้าพเจ้าเห็นทั้งสองข้างทางที่คริสเตียนเดินผ่านไปมีก�าแพง ที่เรียกกว่า ก�าแพงแห่งความรอดทอดยาวไปตลอดทาง คริสเตียนวิ่งขึ้นไป อย่างยากล�าบากเพราะภาระหนักบนหลังเขา


48 ปริศนาธรรม เขาวิ่งขึ้นไปถึงยอดเขาซึ่งมีกางเขนปักอยู่ที่นั่น ส่วนเชิงเขานั้นมีหลุม ฝังศพ เสี้ยวนาทีที่คริสเตียนไปถึงกางเขนนั้น ภาระหนักบนหลังของเขา ก็หล่นกลิ้งลงมาถึงปากหลุมศพ และจมหายเข้าไปในนั้นจนลับตา คริสเตียนดีใจและโล่งใจมาก จึงตะโกนก้องด้วยความลิงโลดว่า “พระเจ้าได้ประทานการพ�านักโดยความทุกข์ของพระองค์ และประทานชีวิต โดยความตายของพระองค์” คริสเตียนยืนนิ่งอยู่ที่นั่นพักหนึ่ง และประหลาดใจ ที่เพียงมองกางเขนก็สามารถปลดเปลื้องภาระหนักได้อย่างง่ายดาย เขายืน เฝ้าดูอยู่จนน�้าตาไหลอาบแก้ม ระหว่างนั้นเองมีชายสามคนซึ่งรอบกายทอแสงเป็นประกายเจิดจ้า เดินเข้ามาหาและกล่าวว่า “สันติสุขจงมีแก่ท่านเถิด” ชายคนแรกกล่าวว่า “บาปของท่านถูกยกออกไปแล้ว” ชายคนที่สองถอดเสื้อผ้าที่ดูเหมือนผ้าขี้ริ้ว ของคริสเตียนออกแล้วสวมเสื้อผ้าที่สะอาดใส่ให้เขา และชายคนที่สามท�า เครื่องหมายบนหน้าผากของคริสเตียน แล้วให้หนังสือม้วนที่มีตราประทับแก่ เขา พร้อมกับบอกให้เขาอ่านหนังสือม้วนนั้นขณะวิ่งไปที่เมืองบรมสุขเกษม และให้ยื่นหนังสือนั้นที่ประตู แล้วชายทั้งสามก็จากไป ถ้ำผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นเป็นคนที่ถูกสร้ำงใหม่ สิ่งสำรพัดที่เก่ำๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะ กลำยเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น จากนั้นคริสเตียนกระโดดขึ้นด้วยความยินดีถึงสามครั้งแล้วร้องเพลง อย่างเปรมปรีดิ์ว่า ไม่มีใครสำมำรถไถ่ถอนควำมทุกข์ระทมของฉัน จนฉันได้มำถึงที่นี่ เป็นที่เริ่มต้นแห่งควำมผำสุก ภำระหนักบนหลังนั้นได้หล่นหำยไป ลวดรัดภำระหนักก็ถูกท�ำลำยไป


ปริศนาธรรม 49 โอ...กางเขนที่เลิศประเสริฐ สุสานที่ดีเลิศ ยิ่งกว่านั้น ขอสง่าราศีจงมีแก่ชาย ผู้ซึ่งได้รับความอับอายแทนฉัน


คริสเตียนได้รับการปลดเปลื้องภาระหนักแห่งความบาปเพราะเขาเชื่อ พระคริสต์ นี่เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับบันยันเองเช่นเดียวกัน เขาเขียนไว้ในหนังสือ พระพรที่เอ่อล้น ว่า “ข้าพเจ้าจ�าได้ว่า วันหนึ่ง ขณะที่ ร�าพึงถึงความชั่วร้ายในจิตใจ พระค�าของพระเจ้าเข้ามาว่า โลหิตที่กางเขนนั้น น�ามาซึ่งสันติสุข ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้ประสบเช่นนี้อยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า คือ พระเจ้า กับจิตวิญญาณของข้าพเจ้าเป็นมิตรสนิทกันโดยโลหิตของพระองค์ นี่เป็นวันดี ส�าหรับข้าพเจ้าซึ่งจะไม่มีวันลืมเลย” มีกางเขนอันหนึ่งท�าด้วยหินแกะสลัก ที่เมืองเอลสโทว์ใกล้กับบริเวณที่บันยันไปเล่นเกมกีฬาบ่อยๆ และโคนของ กางเขนนั้นยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ หลังจากคริสเตียนได้ผละจากชายสามคนที่มีแสงส่องเป็นประกายอยู่ รอบตัวแล้ว เขาเดินทางไปพบชายอีกสามคนที่ไม่ระมัดระวังตัว คริสเตียน อยากเป็นพยานถึงประสบการณ์แห่งความรอดให้ชายทั้งสามฟังเพื่อช่วย พวกเขา เพราะจิตใจเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดีในความรอดที่เขาได้รับ นั้น บันยันเขียนไว้ว่า เขากระหายจะกล่าวถึงความรักและความเมตตาของ พระเจ้าแม้แต่กับนกกาที่อยู่ในทุ่มนานั้น ชายทั้งสามในฉากต่อไปหมายถึง ความเฉยเมยต่างๆ ต่อศาสนาคือ นายซื่อบื้อ นายเกียจคร้านที่พึ่งพาความ มั่นคงและสันติสุขแบบจอมปลอม และนายทะนงตนที่ด�าเนินชีวิตโดยพึ่งพา ตนเองแบบจอมปลอมเช่นเดียวกัน บทน�ำสู่ตอนต่อไป


ใ นความฝันนั้น ข้าพเจ้าเห็นคริสเตียนเดินต่อไปด้วยความชื่นชมยินดี จนกระทั่งมาถึงที่ราบแห่งหนึ่ง เขาพบชาย 3 คนนอนหลับอยู่ริมทาง โดยเท้ามีโซ่ตรวนล่ามอยู่ ชายคนแรกชื่อ นายซื่อบื้อ คนที่สองชื่อ นาย เกียจคร้าน และคนที่สามชื่อ นายทะนงตน คริสเตียนตรงเข้าไปปลุกพวกเขา “พวกท่านน่ะเป็นเหมือนคนที่นอนอยู่บนเสากระโดงเรือกลางทะเลตาย ไม่รู้ว่า ความตายจะมาเยือนเมื่อไหร่ ตื่นเถอะ ฉันจะช่วยปลดโซ่ตรวนให้ถ้าท่าน ต้องการ ถ้ามารร้ายซึ่งมาอย่างสิงโตค�ารามพบท่านเข้า ท่านต้องกลายเป็น เหยื่ออันโอชะของมันแน่” ชายทั้งสามงัวเงียลุกขึ้นและมองเขาด้วยสายตา ไม่พอใจ แล้วนายซื่อบื้อตอบว่า “ฉันไม่เห็นว่าจะมีอันตรายอะไรเลย” นาย เกียจคร้านสวนขึ้นมาว่า “ปล่อยให้ฉันหลับต่ออีกหน่อยเถอะ” ส่วนนายทะนงตน พูดขึ้นว่า “ฉันช่วยตัวเองได้ไม่ต้องไหว้วานท่านหรอก” จากนั้นพวกเขาก็ หลับต่อ คริสเตียนจึงผละจากไป ถึงกระนั้น คริสเตียนรู้สึกหนักใจเพราะเขาเหล่านั้นมองไม่เห็นความ ตั้งใจดีและความช่วยเหลือที่ตนหยิบยื่นให้ในภาวะวิกฤตนั้น ทั้งปลุก ทั้งให้ ตอนที่ 4


Click to View FlipBook Version