สาระการเรยี นรู้
ประสบการณ์สำคญั สาระที่ควรเรยี นรู้
จะเกิดข้ึน ด้านสติปญั ญา ๑. สนทนาระหวา่ งฟังนิทาน หรือ
ามเห็น ๑.๔.๑ การใช้ภาษา เร่อื งเลา่ เพ่ือคาดเดาเหตุการณท่ี
(๓) การฟังเพลง นิทาน คำคล้องจอง อาจจะเกดิ ขน้ึ พรอมบอกเหตุผล
บทรอ้ ยกรองหรือเรอ่ื งราวตา่ งๆ ก่อนที่จะฟงเนอ้ื เรื่องตอไป
๑.๔.๒ การคดิ รวบยอด การคิดเชิง ๒. คาดคะเนหรอื ต้งั สมมติฐาน
เหตผุ ล การตัดสนิ ใจและแกป้ ัญหา กอ่ นทดลอง
(๑๗) การคาดเดาหรอื การคาดคะเน - คาดคะเนวาวตั ถุใดจะจมน้ำหรอื
ส่งิ ทอี่ าจเกดิ ขึน้ อยา่ งมเี หตผุ ล ลอยน้ำ
(๑๘) การมีส่วนรว่ มในการลง - คาดคะเนวาสตั วทีส่ นใจนาจะกิน
ความเหน็ จากข้อมลู อย่างมเี หตุผล อาหารชนิดใด
- คาดคะเนวา่ ถา้ ออกแรงในการ
ผลกั รถของเล่นดว้ ยแรงทแ่ี ตกตา่ ง
กันจะทำใหรถของเลน่ มีการ
เคลอื่ นที่เป็นอยา่ งไร
๓. บอกสงิ่ ท่สี ังเกตพบหรอื อธบิ าย
ข้อคน้ พบจากการสังเกต สํารวจ
หรอื ทำการทดลองอย่างงา่ ย
เกีย่ วกับสง่ิ ตางๆรอบตวั
- สนทนาและสรุปเก่ยี วกับสวน
ประกอบของไขท่ีไดจ้ ากการ
สังเกตไขของจริง
- สนทนาและอธิบายเกีย่ วกับ
รสชาติและสวนประกอบของ
อาหารท่ีไดจ้ ากการสงั เกตและชิม
มาตรฐานที่ 10 มคี วามสามารถในการคิดทเี่ ป็นพนื้ ฐานในการเรียนรู้ (ต่อ)
สภาพทีพ่ ึงประสงค์
ตวั บ่งชี้ ช้ันอนุบาลปที ี่ 2 ช้ันอนบุ าลปที ี่ ๓
อายุ 4-5 ปี อายุ ๕-๖ ปี
10.3 มี 10.3.1 ตดั สนิ ใจในเร่ืองงา่ ยๆ 10.3.1 ตดั สนิ ใจในเร่อื งง่าย
ความสามารถ และเริ่มเรียนรผู้ ลที่เกิดขน้ึ ยอมรบั ผลท่ีเกิดข้ึน
ในการคดิ
แก้ปัญหา
และตดั สินใจ
สาระการเรียนรู้
ประสบการณส์ ำคัญ สาระที่ควรเรยี นรู้
ยๆ และ ด้านสติปญั ญา อาหารของจรงิ
๑.๔.๒ การคิดรวบยอด การคิดเชิง - สงั เกตอากาศแต่ละวนั สนทนา
เหตผุ ล การตัดสินใจและแกป้ ัญหา และสรุปเกีย่ วกับสภาพอากาศใน
(๑๙) การตัดสนิ ใจและมีส่วนรว่ มใน แตล่ ะวนั
กระบวนการแก้ปัญหา - สํารวจตนไมใ้ นบรเิ วณโรงเรยี น
สนทนาและสรุปชนดิ ของตนไมท้ ่ี
พบในบรเิ วณโรงเรยี น
๑. ตดั สินใจและเลือกวธิ ีแกปญหา
ในระหวา่ งเลน่ หรือในชวี ติ
ประจำวัน หรอื ทำกิจกรรม
- เลน่ เกมการศึกษาตางๆ
- แกปญั หาในการเล่นกบั เพอ่ื น
- แกปญั หาในการแบ่งของเล่นให้
เพียงพอกบั จำนวนของเพื่อนใน
กลุ่ม
- แกปญหาในการจัดวางหรือเก็บ
สิ่งของใหเปน็ ระเบยี บร่วมกบั ครู
และเพ่ือน
- วางแผนและลงมอื แกปญั กา
เกีย่ วกบั การกาํ จัดหรือลดปริมาณ
ขยะหรือเศษวสั ดุเหลอื ใชการ
ประดษิ ฐ์สง่ิ ของหรือทำชิน้ งานให
ไดต้ ามเงอื่ นไข
มาตรฐานที่ 10 มีความสามารถในการคดิ ทีเ่ ป็นพ้นื ฐานในการเรยี นรู้ (ต่อ)
สภาพที่พึงประสงค์
ตัวบ่งชี้ ชนั้ อนุบาลปที ่ี 2 ชนั้ อนบุ าลปที ่ี ๓
อายุ 4-5 ปี อายุ ๕-๖ ปี
10.3.2 ระบุปัญหาและแก้ไข 10.3.2 ระบุปญั หา สรา้ งทา
ปัญหาโดยลองผิดลองถกู และเลอื กวธิ ีแกป้ ญั หา
สาระการเรียนรู้
ประสบการณ์สำคัญ สาระท่ีควรเรยี นรู้
างเลือก ดา้ นสตปิ ัญญา ๑. ต้ังคาํ ถามจากนทิ านที่ฟังเรื่องที่
๑.๔.๒ การคดิ รวบยอด การคิดเชงิ สนใจ เช่น ชอบตวั ละครใดมาก
เหตผุ ล การตดั สินใจและแก้ปัญหา ที่สุด ฉาก ลำดับเหตุการณ ปญหา
(๑๙) การตดั สินใจและมีส่วนรว่ มใน และวิธีแกไข
กระบวนการแก้ปัญหา ๒. ต้งั คําถามจากสงิ่ ท่พี บจากการ
๑.๔.๔ เจตคตทิ ี่ดีต่อการเรยี นรู้และ สังเกต การสาํ รวจ หรอื การทำ
การแสวงหาความรู้ กจิ กรรมตางๆ เชน การสงั เกตส่ิง
(๒) การตั้งคำถามในเรื่องทีส่ นใจ ต่างๆ รอบตวั
(๓) การสบื เสาะหาความรเู้ พื่อคน้ หา ๓. การไปทัศนศึกษา
คำตอบของข้อสงสยั ต่างๆ ๔. การทำอาหาร
๕. การเล้ียงสตั ว
๖. การปลกู พืช
๗. การทดลองอย่างง่ายๆ
๘. การสนทนากบั วิทยากร ภูมิ
ปัญญาทองถิ่น หรอื ผู้ปกครอง
๙. ระบหุ รอื เลือกคําถามท่ี
สามารถหาคําตอบได้ รว่ มกบั ครู
และเพ่ือนในการวางแผนและลง
มือสาํ รวจตรวจสอบเกบ็ รวบรวม
และบันทึกข้อมูลด้วยวิธีการตางๆ
ลงความเห็นจากขอมูลเพ่ืออธิบาย
ส่ิงทพ่ี บ และนําเสนอส่ือสารสิง่ ท่ี
พบ เพื่อตอบคําถามท่ตี ั้งเอาไว
มาตรฐานที่ 11 มีจินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์
สภาพที่พงึ ประสงค์
ตวั บ่งช้ี ช้ันอนุบาลปที ่ี 2 ชั้นอนบุ าลปที ่ี ๓
11.1 ทำงาน อายุ 4-5 ปี อายุ ๕-๖ ปี
ศิลปะ
ตามจินตนาการ 11.1.1 สร้างผลงานศลิ ปะเพื่อ ๑๑.๑.๑ สร้างผลงานศลิ ปะเ
และความคดิ
สรา้ งสรรค์ ส่ือสารความคดิ ความรสู้ กึ ของ ส่อื สารความคดิ ความรูสกึ ข
ตนเอง โดยมีการดดั แปลง และ ตนเอง โดยมกี ารดัดแปลงแป
แปลกใหม่จากเดิม หรือมี จากเดมิ และมรี ายละเอยี ดเพ
รายละเอียดเพิม่ ขน้ึ
11.2 แสดง ๑๑.๒.๑ เคลือ่ นไหวท่าทางเพื่อ ๑๑.๒.๑ เคล่อื นไหวท่าทางเ
ท่าทาง/ สอื่ สารความคดิ ความรู้สกึ ของ ส่อื สารความคิด ความรู้สึกข
เคลอื่ นไหวตาม ตนเองอยา่ งหลากหลายหรือแปลก ตนเองอยา่ งหลากหลายและ
ใหม่ ใหม่
สาระการเรยี นรู้
ประสบการณ์สำคัญ สาระทค่ี วรเรยี นรู้
เพื่อ ดา้ นร่างกาย ๑. ตอ่ บลอ็ กหรอื ประดิษฐ์สงิ่ ของ
ของ
ปลกใหม่ ๑.๑.๒ การใชก้ ลา้ มเนือ้ เลก็ ต่างๆและบอก หรือเล่าเรอื่ ง
พ่ิมขน้ึ
(๒) การเขยี นภาพและการเล่นกบั สี ถ่ายทอดความคิดความรูสึกจาก
เพื่อ
ของ (๓) การปนั้ จากชนิ้ งาน
ะแปลก
(๔) ประดิษฐส์ ิง่ ต่างๆ ดว้ ย เศษวัสดุ ๒. วาดภาพ ปั้นดินน้ำมัน เล่นสี
ด้านสตปิ ญั ญา น้ำและเลา่ เรื่องตอ่ เน่ือง และ
๑.๔.๓ จินตนาการและความคดิ ปรศิ นาคําทาย อยา่ งอิสระท่แี สดง
สรา้ งสรรค์ ถึงความแปลกใหม่
(๑) การรับรู้ และแสดงความคดิ
ความรู้สกึ ผา่ นสอื่ วัสดุ ของเล่น และ
ชนิ้ งาน
(๒) การแสดงความคดิ สร้างสรรค์
ผ่านภาษา ท่าทาง การเคล่ือนไหว
และศลิ ปะ
(๓) การสรา้ งสรรคช์ ิน้ งานโดยใช้
รูปร่างรปู ทรงจากวัสดทุ ห่ี ลากหลาย
ด้านสตปิ ัญญา ๑. แสดงทาทางเคล่ือนไหวอย่าง
๑.๑.๑ การใช้กล้ามเน้ือใหญ่ อสิ ระประกอบการเลา่ นิทาน
(๑) การเคล่ือนไหวอยูก่ ับที่ ๒. การเล่าเรอื่ ง
(๒) การเคล่ือนไหวเคลื่อนท่ี ๓. การรองเพลง รวมท้ังเพลง
(๓) การเคล่ือนไหวพร้อมวสั ดุ บรรเลง
อปุ กรณ์ ๔. เคลื่อนไหวประกอบสอื่ หรือ
๑.๑.๕ การตระหนกั รู้เกยี่ วกบั วสั ดุอน่ื ทเ่ี หมาะสม อยา่ งอสิ ระที่
รา่ งกายตนเอง แสดงถึงความแปลกใหม่
มาตรฐานท่ี 11 มีจนิ ตนาการและความคดิ สร้างสรรค์ (ต่อ)
สภาพท่พี งึ ประสงค์
ตัวบ่งชี้ ชัน้ อนุบาลปที ่ี 2 ชั้นอนุบาลปีท่ี ๓
อายุ 4-5 ปี อายุ ๕-๖ ปี
มาตรฐานท่ี 12 มเี จตคตทิ ่ดี ีตอ่ การเรียนรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้ไ
ตัวบง่ ช้ี สภาพท่ีพงึ ประสงค์
12.1 มีเจตคตทิ ี่ ช้นั อนบุ าลปที ี่ 2 ชนั้ อนุบาลปที ่ี ๓
ดีต่อการเรยี นรู้
อายุ 4-5 ปี อายุ ๕-๖ ปี
12.1.1 สนใจซักถามเกี่ยวกับ 12.1.1 สนใจหยิบหนังสือม
สัญลกั ษณ์หรือตัวหนงั สือท่ีพบเหน็ และเขียนสื่อความคดิ ด้วยตน
ประจำอยา่ งตอ่ เน่ือง
สาระการเรียนรู้
ประสบการณส์ ำคัญ สาระทคี่ วรเรยี นรู้
(๑) การเคลื่อนไหวโดยควบคุมตนเอง
ไปในทิศทาง ระดบั และพื้นที่
๑.๔.๓ จินตนาการและความคดิ
สรา้ งสรรค์
(๒) การแสดงความคดิ สร้างสรรค์
๑.๔.๑ การใชภ้ าษา
(๒) การฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำ
ได้เหมาะสมกับวยั
สาระการเรียนรู้
ประสบการณส์ ำคัญ สาระที่ควรเรยี นรู้
มาอ่าน ดา้ นสติปัญญา ๑. อา่ นภาพ นทิ าน อ่านปา้ ยและ
นเองเป็น ๑.๔.๑ การใชภ้ าษา สญั ลกั ษณท์ ่ีเด็กสนใจ
(๓) การฟังเพลง นิทาน คำคล้องจอง ๒. อา่ นนิทานใหเพ่ือนฟง
บทร้อยกรองหรือเร่อื งราวต่างๆ ๓. อ่านนทิ านหรอื หนังสือภาพท่ี
(๔) การพูดแสดงความคิด ความรสู้ ึก สนใจอยา่ งอสิ ระตามลำพังในมุม
และความต้องการ หนงั สอื
(๑๐) การอ่านหนังสือภาพ นิทาน ๔. อ่านรว่ มกนั โดยครูแนะนำส่วน
หลากหลายประเภท/รปู แบบ ต่างๆของหนังสอื ต้ังแตป่ กหนา
(๑๑) การอา่ นอิสระตามลำพัง การ จนถึงปกหลงั แลวเป็นผู้นาํ การ
อ่านร่วมกนั การอา่ นโดยมผี ู้ช้ีแนะ อ่านโดยชี้คําในหนงั สือจากซ้ายไป
(๑๒) การเห็นแบบอย่างของการอ่าน ขวา เดก็ ชแ้ี ละอานตามครู
มาตรฐานท่ี 12 มีเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ การเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความร้ไู
ตัวบง่ ชี้ สภาพท่พี งึ ประสงค์
ช้นั อนบุ าลปที ่ี 2 ชั้นอนบุ าลปที ่ี ๓
อายุ 4-5 ปี อายุ ๕-๖ ปี
12.1.2 กระตือรือร้นในการเขา้ 12.1.2 กระตือรือร้นในการ
ร่วมกจิ กรรม กจิ กรรมตั้งแต่ตน้ จนจบ
ไดเ้ หมาะสมกับวัย (ต่อ)
สาระการเรียนรู้
ประสบการณ์สำคัญ สาระทคี่ วรเรียนรู้
รเขา้ รว่ ม ทถี่ กู ต้อง พรอมกัน โดยมผี ชู แ้ี นะ โดยครู
(๑๓) การสังเกตทิศทางการอ่าน เป็นผู้นำการอา่ นกับเด็กกลุม่ ย่อย
ตัวอักษร คำ และข้อความ ๓ - ๕ คน
(๑๔) การอ่านและชข้ี ้อความ โดย
กวาดสายตาตามบรรทัดจากซ้ายไป ๑. สาํ รวจ สงั เกต และบนั ทึกส่ิง
ขวา จากบนลงล่าง ต่างๆ ทีพ่ บทง้ั ในหองเรียนและ
(๑๕) การสงั เกตตวั อักษรในชื่อของ นอกหองเรียน เชน สาํ รวจสง่ิ ของ
ตน หรอื คำค้นุ เคย เครือ่ งใชในหอง สาํ รวจของเล่นใน
(๑๖) การสังเกตตวั อักษรทีป่ ระกอบ มมุ ประสบการณ สํารวจหนงั สือ
เป็นคำผ่านการอา่ นหรอื เขยี นของ ในมมุ หนังสือ สาํ รวจเคร่ืองเล่นใน
ผู้ใหญ่ สนาม สาํ รวจขนม และอาหารที่
(๑๗) การคาดเดาคำ วลี หรือ ขายในโรงเรยี น สํารวจสิง่ มชี ีวิต
ประโยค ที่มีโครงสรา้ งซ้ำๆกัน จาก และไมม่ ีชีวติ ในโรงเรยี น สาํ รวจ
นิทาน เพลง คำคลอ้ งจอง ยานพาหนะ ไปทัศนศึกษาตาม
ดา้ นสติปญั ญา
๑.๔.๔ เจตคติทีด่ ีตอ่ การเรียนร้แู ละ
การแสวงหาความรู้
(๑) การสำรวจส่ิงตา่ งๆ และแหล่ง
เรียนรู้รอบตวั
(๒) การตั้งคำถามในเร่ืองทส่ี นใจ
(๓) การสบื เสาะหาความรูเ้ พื่อคน้ หา
คำตอบของข้อสงสยั ตา่ งๆ
(๔) การมีสว่ นรว่ มในการรวบรวม
ขอ้ มลู และนำเสนอขอ้ มลู จากการสืบ
มาตรฐานที่ 12 มีเจตคตทิ ีด่ ีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความร้ไู
ตัวบ่งชี้ สภาพทีพ่ ึงประสงค์
ชนั้ อนุบาลปีที่ 2 ชั้นอนบุ าลปีท่ี ๓
อายุ 4-5 ปี อายุ ๕-๖ ปี
ไดเ้ หมาะสมกบั วยั (ตอ่ )
สาระการเรยี นรู้
ประสบการณส์ ำคัญ สาระท่ีควรเรยี นรู้
เสาะหาความรู้ในรปู แบบต่างๆและ สถานทตี่ า่ งๆ เชน สวนสัตว์
แผนภูมิอยา่ งงา่ ย สวนสาธารณะ ตลาด พิพธิ ภัณฑ์
และแหล่งเรยี นรอู ื่นๆ
๒. รวบรวมขอมูลด้วยวธิ กี ารตงๆ
เชน สงั เกตโดยใชประสาทสัมผสั
หรือใชเคร่อื งมืออยา่ งง่าย เชน
แวน่ ขยาย เครื่องชง่ั สองแขน
อยแขนอย่างง่าย อปุ กรณใ์ นการ
วัดความยาว หรือตวง สาํ รวจ
จาํ แนก เปรียบเทียบ ทำการ
ทดลองอยา่ งง่ายๆ สืบคนขอมูล
สอบถามผรู้ ู้ และบันทึกขอมลู
ดว้ ยวธิ กี ารต่างๆ เชน วาดภาพ ทำ
สัญลักษณ ถ่ายภาพ นำตวั อย่าง
ของจรงิ มาติดลงในกระดาษ
๓. นาํ เสนอขอมลู ด้วยรูปแบบ
ตา่ งๆ เชน พูดบอกเลา่ หรอื
อธบิ ายประกอบภาพวาดหรอื
ภาพถ่ายทบี่ นั ทึกไว แสดงบทบาท
สมมติ เชน บทบาทสมมติแสดง
ทา่ ทางเลียนแบบพฤติกรรมของ
สัตวทไี่ ปสงั เกตพบ ทำแบบจําลอง
เชน แบบจําลองของสตั วหรอื พชื ที่
สังเกตพบ ร่วมกบั ครแู ละเพื่อนใน
มาตรฐานที่ 12 มเี จตคติที่ดีต่อการเรยี นรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความรูไ้
ตัวบ่งช้ี สภาพที่พึงประสงค์
ชั้นอนุบาลปที ี่ 2 ช้นั อนบุ าลปที ี่ ๓
อายุ 4-5 ปี อายุ ๕-๖ ปี
12.2 มี 12.2.1 ค้นหาคำตอบของข้อสงสยั 12.2.1 คน้ หาคำตอบของข
ความสามารถ
ในการแสวงหา ต่างๆ ตามวิธกี ารของตนเอง ตา่ งๆ ตามวิธีการที่หลากหล
ความรู้
ตนเอง
ได้เหมาะสมกบั วัย (ต่อ)
สาระการเรียนรู้
ประสบการณ์สำคัญ สาระทค่ี วรเรียนรู้
ข้อสงสัย ดา้ นสตปิ ญั ญา สงั เกตพบ ร่วมกบั ครแู ละเพ่ือนใน
ลายด้วย ๑.๔.๔ เจตคติทด่ี ีตอ่ การเรยี นรแู้ ละ การทำแผนผัง ผงั ความคดิ
การแสวงหาความรู้ แผนภูมอิ ยา่ งง่าย เชน แผนภมู ิ
(๑) การสำรวจสิ่งต่างๆ และแหล่ง รปู ภาพแสดงชนิดและจำนวน
เรยี นรู้รอบตวั ของยานพาหนะท่สี าํ รวจได้ใน
(๓) การสืบเสาะหาความรู้เพ่ือคน้ หา บริเวณโรงเรียน
คำตอบของข้อสงสยั ต่างๆ
๑. สํารวจ สงั เกต และบนั ทึกส่ิง
ตา่ งๆ ที่พบทัง้ ในหองเรยี นและ
นอกหองเรยี น เชน สํารวจสิ่งของ
เครอ่ื งใชในหอง สาํ รวจของเล่นใน
มุมประสบการณ สาํ รวจหนังสือ
ในมมุ หนังสือ สาํ รวจเคร่ืองเล่นใน
สนาม สํารวจขนม และอาหารที่
ขายในโรงเรียน สํารวจสงิ่ มีชีวติ
และไมม่ ชี ีวิตในโรงเรยี น สาํ รวจ
ยานพาหนะ ไปทัศนศกึ ษาตาม
สถานทตี่ ่างๆ เชน สวนสัตว์
สวนสาธารณะ ตลาด พิพธิ ภัณฑ์
และแหลง่ เรยี นรอู ่ืนๆ
๒. รวบรวมขอมูลด้วยวธิ ีการ
ต่างๆ เชน สงั เกตโดยใชประสาท
สัมผัสหรือใชเคร่ืองมอื อยา่ งง่าย
มาตรฐานท่ี 12 มีเจตคติท่ีดีต่อการเรยี นรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรไู้
ตัวบ่งช้ี สภาพท่พี งึ ประสงค์
ชั้นอนุบาลปีท่ี 2 ชัน้ อนุบาลปที ่ี ๓
อายุ 4-5 ปี อายุ ๕-๖ ปี
12.2.2 ใช้ประโยคคำถามว่า “ท่ี 12.2.2 ใช้ประโยคคำ
ไหน” “ทำไม” ในการค้นหา “เมื่อไร” “อย่างไร” ในก
คำตอบ คำตอบ
ไดเ้ หมาะสมกับวยั (ตอ่ )
สาระการเรยี นรู้
ประสบการณส์ ำคญั สาระทค่ี วรเรียนรู้
ำถามว่า ดา้ นสตปิ ัญญา ๑. พูดแสดงความคิดเห็น ความรู
ารค้นหา ๑.๔.๑ การใชภ้ าษา สึก ความตองการในสิ่งตางๆ ใช
(๔) การพูดแสดงความคิด ความรู้สกึ คําถาม ใคร อะไร ทําไม อย่างไร
และความตอ้ งการ ในส่งิ ทต่ี องการทราบ
๑.๔.๔ เจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และ ๒. ต้งั คาํ ถามจากนิทานท่ีฟังเร่ืองท่ี
การแสวงหาความรู้ สนใจ เช่น ชอบตัวละครใดมาก
(๒) การตั้งคำถามในเรือ่ งที่สนใจ ทสี่ ุด ฉาก ลำดบั เหตุการณ ปญหา
และวธิ ีแกไข
๓. ตั้งคําถามจากสิ่งที่พบจากการ
สังเกต การสํารวจ หรือการทำ
กิจกรรมตางๆ เชน การสังเกตสิ่ง
ตา่ งๆ รอบตัว
๔. การไปทัศนศกึ ษา
๕. การทำอาหาร
๖. การเลี้ยงสัตว
๗. การปลูกพชื
๘. การทดลองอยา่ งง่ายๆ
๙. การสนทนากับวิทยากร ภูมิ
ปัญญาทองถน่ิ หรือผู้ปกครอง
การจัดประสบการณ์
โรงเรียนอนุบาลสระบรุ ี ได้กำหนดการจัดประสบการณส์ ำหรับเด็กอายุ ๔ - ๖ ปี ชั้นอนุบาลปีที่
๒-๓ โดยไม่จัดเป็นรายวิชา แต่จัดในรูปของกิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่น เพื่อให้เด็กเรียนรู้จาก
ประสบการณ์ตรง เกดิ ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และสำนึกรักบา้ นเกดิ รวมทั้งเกดิ การพัฒนาทั้ง
ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยมีหลักการจัดประสบการณ์ แนวทางการจัด
ประสบการณ และการจัดกิจกรรมประจำวัน โดยสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช
๒๕๖๐ ดังน้ี
๑. หลักการจดั ประสบการณ์
โรงเรียนอนบุ าลสระบุรี มหี ลกั การจดั ประสบการณ์ ดังนี้
๑) จัดประสบการณ์การเล่น และการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงที่หลากหลายลักษณะ เพื่อ
พัฒนาเด็กโดยองค์รวมอย่างต่อเนือ่ ง
๒) เน้นเด็กเป็นสำคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคลและบริบท
ของชมุ ชนท้องถิน่
๓) จดั ให้เดก็ ไดร้ ับการพัฒนา โดยใหค้ วามสำคัญทงั้ ดา้ นกระบวนการและผลผลิตของการเรียนรู้
๔) จัดการประเมินพฒั นาการใหเปน็ กระบวนการอย่างต่อเนื่อง และเป็นสว่ นหน่งึ ของการจดั
ประสบการณ พรอมทงั้ นําผลการประเมินมาพฒั นาเดก็ อย่างต่อเน่ือง
๕) จัดประสบการณ์การปลูกฝังจิตสำนึกรักบ้านเกิด โดยให้ผู้ปกครอง ชุมชน และภูมิปัญญา
ทอ้ งถ่นิ มสี ว่ นร่วมในการพัฒนาเดก็
๒. แนวทางการจัดประสบการณ
การจดั ประสบการณ์สำหรบั เดก็ ปฐมวัย โรงเรยี นอนบุ าลสระบรุ ีดำเนนิ การตามแนวทาง ดังน้ี
๑) จัดประสบการณใหสอดคลองกบั จติ วทิ ยาพัฒนาการ และการทำงานของสมองท่ีเหมาะสม
กับอายุ วุฒภิ าวะ และระดับพัฒนาการ เพือ่ ใหเด็กทกุ คนไดพ้ ัฒนาเต็มตามศักยภาพ
๒) จัดประสบการณใหสอดคลองกับแบบการเรยี นรูของเด็ก เด็กได้ลงมอื ปฏิบตั ิ เรียนรูผ่าน
ประสาทสัมผสั ทั้งหา ได้เคลอ่ื นไหว สาํ รวจ เลน่ สงั เกต สืบคน ทดลอง และคดิ แกปญหาดว้ ยตนเอง
๓) จัดประสบการณแบบบรู ณาการ โดยบูรณาการทั้งกิจกรรม ทกั ษะ และสาระการเรียนรู
๔) จดั ประสบการณใหเด็กไดค้ ดิ รเิ รมิ่ วางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทำ และนําเสนอความคิด
โดยครผู สู้ อนเปน็ ผสู้ นบั สนุน อาํ นวยความสะดวก และเรียนรูรว่ มกบั เด็ก
๕) จัดประสบการณใหเด็กมปี ฏิสัมพนั ธ์กับเด็กอ่นื กบั ผู้ใหญ่ ภายใตสภาพแวดลอมที่เอ้ือตอ
การเรียนรูในบรรยากาศทอ่ี บอนุ มีความสขุ และเรียนรูการทำกิจกรรมแบบร่วมมอื มือในลกั ษณะตางๆ
๖) จัดประสบการณใหเด็กมปี ฏิสมั พนั ธกบั ส่ือและแหลง่ เรียนรทู ีห่ ลากหลาย และอย่ใู นวิถีชวี ิต
ของเดก็ สอดคลองกบั บริบทสงั คมและวัฒนธรรมท่ีแวดลอมเด็ก
๗) จดั ประสบการณท่ีสงเสรมิ ลักษณะนิสัยทีด่ แี ละทักษะการใชชีวิตประจำวัน ตามแนวทาง
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และการมีวินัย ให เป็นส่วน
หน่งึ ของการจดั ประสบการณการเรยี นรูอย่างต่อเนื่อง
๘) จดั ประสบการณท้งั ในลกั ษณะท่ีมีการวางแผนไวลวงหนา และแผนท่ีเกดิ ขนึ้ ในสภาพจรงิ
โดยไมไ่ ดค้ าดการณไว
๙) จัดทำสารนทิ ศั น์ดว้ ยการรวบรวมขอมูลเก่ยี วกบั พฒั นาการและการเรียนรูของเด็กเป็น
รายบุคคล นํามาไตรตรองเพอ่ื ใชใหเป็นประโยชนตอการพัฒนาเด็กและการวิจัยในชน้ั เรียน
๑๐) จดั ประสบการณโดยใหพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และชมุ ชน มสี วนร่วมทั้งการวางแผน
การสนับสนุนสือ่ และแหลง่ เรียนรู การเขาร่วมกิจกรรม และการประเมินพัฒนาการ
๓. การจดั กิจกรรมประจำวัน
โรงเรียนอนุบาลสระบรุ ี จัดกิจกรรมประจำวนั สำหรับเด็กอายุ ๔ - ๕ ปี และ ๕ - ๖ ปี จัด
หลากหลายรูปแบบ โดยคำนงึ ถงึ การจัดกิจกรรมใหค้ รอบคลุมพฒั นาการทุกด้าน ซึง่ มีหลกั การจัดกิจกรรม
ประจำวัน ขอบข่ายของกิจกรรมประจำวัน และรูปแบบการจดั กจิ กรรมประจำวัน ดังนี้
๓.๑ หลักการจัดกิจกรรมประจำวนั
โรงเรียนอนุบาลสระบุรี จัดกิจกรรมประจำวัน ให้เด็กเรียนรู้แบบบรู ณาการผา่ นการเลน่
โดยจัดกจิ กรรม ๖ กจิ กรรม ดงั นี้
๑. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจงั หวะ
๒. กจิ กรรมเสริมประสบการณ์
๓. กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์
๔. กิจกรรมเล่นตามมุม
๕. กจิ กรรมกลางแจ้ง
๖. กจิ กรรมเกมการศกึ ษา
จัดกจิ กรรมโดยคำนึงถึงอายุและความสนใจของเด็กในแต่ละช่วงวยั ดังนี้
๓.๑.๑ กำหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแตล่ ะกิจกรรมใหเหมาะสมกับวัย
ของเด็กในแตล่ ะวนั แตส่ ามารถยืดหยุนไดต้ ามความตองการและความสนใจของเด็ก ไดแ้ ก่
เด็กวัย ๔ - ๕ ป มีความสนใจประมาณ ๑๒ - ๑๕ นาที
เดก็ วยั ๕ - ๖ ป มคี วามสนใจประมาณ ๑๕ - ๒๐ นาท
๓.๑.๒ จดั กจิ กรรมทตี่ องใชความคิด ทัง้ ในกลุมเลก็ และกลุมใหญ่ โดยใชเวลาไม่
ต่อเนื่องนานเกินกวา ๒๐ นาที
๓.๑.๓ จัดกิจกรรมอิสระให้เด็กเลือกเล่น เพื่อช่วยใหเด็กเรียนรูการเลือก การ
ตัดสินใจการคิดแกปญหา และความคิดสรงสรรค ใชเวลาประมาณ ๔๐ - ๖๐ นาที ได้แก่ กิจกรรมเล่น
ตามมมุ ประสบการณ์ กิจกรรมกลางแจง กจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์
๓.๑.๔ จัดกิจกรรมให้มีความสมดุลกันระหว่างกิจกรรมในหองและนอกหอง
กิจกรรมทีใ่ ชกล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก กิจกรรมที่เปน็ รายบุคคล กลุ่มย่อย และกลุมใหญ่ กิจกรรม
ที่เด็กเป็นผู้ริเริ่ม และครูผู้สอนเป็นผู้ริเริ่ม กิจกรรมที่ใชกําลังและไม่ใชกําลัง จัดใหครบทุกประเภท ส่วน
กิจกรรมที่ต้องออกกําลังกาย มีการจัดสลบั กับกิจกรรมที่ไม่ตองออกกําลังมากนัก เพื่อเด็กจะได้ไม่เหนื่อย
เกนิ ไป
๓.๒ ขอบขา่ ยของกจิ กรรมประจำวัน
โรงเรยี นอนุบาลสระบุรี เลอื กจัดกิจกรรมในแต่ละวนั หลากหลายรปู แบบ เชน่ ครผู ้สู อน
นำนวัตกรรมการสอนแบบโครงการ (Project Approach) มาจัดประสบการณ์ทุกภาคเรียนๆ ละ ๑
โครงการ (๑ ห้องเรียน ๑ โครงการ) ตามความต้องการและความสนใจของเด็ก รวมทั้งการจัดกิจกรรม
ตามแนวคิดมอนเทสซอริ การจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศ
ไทย การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดไฮสโคป การจัดประสบการณ์การเรียนรู้บูรณาการวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และคณติ ศาสตรใ์ นระดบั ปฐมวยั ตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช 2560 ท้งั นี้เมื่อ
จบสิ้นปีการศึกษา เด็กต้องเกิดการเรียนรู้ครบตามประสบการณ์สำคัญที่ได้กำหนดไว้ในหลักสูตร
สถานศึกษา
การกำหนดหน่วยการจัดประสบการณ์ จะเป็นการกำหนดแนวทางจัดการเรียนรู้อย่าง
กว้าง ๆ หน่วยการจัดประสบการณ์ละ ๑ - ๒ สัปดาห์ ครูผู้สอนสามารถปรับเปลี่ยนชื่อหน่วย สาระการ
เรียนรู้ ระยะเวลาได้ตามเหตุการณ์และความสนใจของเด็ก โดยใช้นวัตกรรมการสอน รูปแบบต่างๆ ใน
หน่วยการจัดประสบการณ์ตามความเหมาะสมของแตล่ ะหอ้ งเรียน
ทั้งน้ี โรงเรียนอนบุ าลสระบรุ ีไดจ้ ดั กิจกรรมประจำวนั โดยคำนึงถึงความเหมาะสมในการ
นาํ ไปใช้ในท้องถน่ิ และครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน ดังน้ี
๓.๒.๑ การพฒั นากล้ามเน้อื ใหญ่ เป็นการพัฒนาความแข็งแรง การทรงตวั การยดื หยุน
ความคลองแคลวในการใชอวัยวะต่างๆ การประสานสัมพันธ์ และจังหวะการเคลื่อนไหวในการใช
กล้ามเนื้อใหญ่ โดยจัดกิจกรรมใหเด็กได้เล่นอิสระกลางแจง เล่นเครื่องเล่นสนาม เล่นปีนป่ายอย่างอิสระ
และเคล่ือนไหวร่างกายตามจังหวะดนตรี
๓.๒.๒ การพัฒนากล้ามเนอื้ เล็ก เปน็ การพัฒนาความแขง็ แรงของกล้ามเน้ือมือ - นว้ิ มอื
และการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตาได้อย่างคลองแคลว โดยจัดกิจกรรมใหเด็กได้เล่นเครื่องเล่น
สัมผัส ฝช่วยเหลือตนเองในการแต่งกาย การหยิบจับสิ่งของและอุปกรณ์ต่างๆ เชน ชอน สอม สีเทียน
กรรไกร พูกนั ดินเหนียว
๓.๒.๓ การพัฒนาอารมณ จติ ใจ และปลกู ฝังคณุ ธรรม จริยธรรม เปน็ การปลูกฝงใหเด็ก
มีความรูสึกที่ดีตอตนเองและผู้อื่น มีความเชื่อมั่น กลาแสดงออก มีวินัย รับผิดชอบ ซื่อสัตย ประหยัด
เมตตากรุณา เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน มีมารยาท และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาที่นับถือ โดยจัด
กจิ กรรมตางๆ ผ่านการเล่น ใหเด็กได้มโี อกาสตดั สนิ ใจเลือก ไดร้ ับการตอบสนองตามความตองการ ได้ฝึก
ปฏิบตั ิโดยสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมอย่างตอ่ เนอ่ื ง
๓.๒.๔ การพฒั นาสงั คมนิสยั เปน็ การพฒั นาใหเดก็ มลี กั ษณะนิสยั ทด่ี ี แสดงออกอยา่ ง
เหมาะสม และอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข ช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรประจำวัน มีนิสัยรัก
การทำงานรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อ่ืน รวมทงั้ ระมดั ระวังอันตรายจากคนแปลกหนา ใหเด็ก
ได้ปฏิบัติกิจวัตรประจำวนั อยา่ งสม่ำเสมอ รับประทานอาหาร พักผอนนอนหลับ ขับถ่าย ทำความสะอาด
รา่ งกายเล่นและทำงานร่วมกบั ผู้อ่นื ปฏิบตั ิตามกฎ กตกิ า ขอตกลงของสวนรวม เก็บของเขาทเ่ี ม่ือเล่นหรือ
ทำงสานเสร็จ
๓.๒.๕ การพัฒนาการคิด เปน็ การพฒั นาใหเดก็ มคี วามสามารถในการคิดแกปญหา การ
คิดรวบยอด และการคิดเชิงเหตุผลทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โดยจัดกิจกรรมใหเด็กได้สังเกต
จําแนกเปรียบเทียบ สืบเสาะหาความรู สนทนา อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เชิญวิทยากรมาพูดคุย
กับเด็กศึกษานอกสถานที่ เล่นเกมการศกึ ษา ฝกแกปญหาในชีวิตประจำวัน ฝกออกแบบและสร้างช้นิ งาน
และทำกิจกรรมเป็นรายบุคคล กลมุ่ ย่อย และกลุมใหญ่
๓.๒.๖ การพัฒนาภาษา เป็นการพฒั นาใหเดก็ ใชภาษาในการสื่อสารถ่ายทอดความรูสึก
ความคิด ความเขาใจในสิ่งตางๆ ที่เด็กมีประสบการณ โดยสามารถตั้งคําถามในสิ่งที่สงสัยใครรู จัด
กิจกรรมทางภาษาใหมีความหลากหลายในสภาพแวดลอมที่เอื้อตอการเรียนรู มุ่งปลูกฝังใหเด็กได้กล้า
แสดงออกในการฟง การพดู การอา่ น การเขยี น มนี ิสยั รกั การอ่าน และบุคคลแวดลอมตองเป็นแบบอย่าง
ทดี่ ใี นการใชภาษาทัง้ น้ี ตองคำนงึ ถึงหลักการจัดกิจกรรมทางภาษาท่ีเหมาะสมกับเด็กเปน็ สำคญั
๓.๒.๗ การสงเสริมจนิ ตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ เป็นการสงเสริมใหเด็กมี
ความคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์ ไดถ้ ่ายทอดอารมณและความรูสึก และเหน็ ความสวยงามของสิง่ ตางๆ โดยจัด
กจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ การเคล่ือนไหวและจงั หวะตามจินตนาการ ประดิษฐ์ส่งิ ตางๆ อย่างอิสระ เล่น
บทบาทสมมติ เลน่ นำ้ เลน่ ทราย เลน่ บล็อก และเลน่ ก่อสร้าง
๓.๓ รปู แบบการจดั กจิ กรรมประจำวนั
ตารางกิจกรรมประจำวัน ตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๐
อายุ ๔ - ๕ ปี อายุ ๕ - ๖ ปี
ช่วั โมง : วนั
รายการพัฒนา ชั่วโมง : วัน (ประมาณ)
(ประมาณ) ๒ ๑/๔
๑. การพฒั นาทกั ษะพนื้ ฐานในชีวติ ประจำวนั ๑
๑
(รวมทั้งการช่วยเหลือตนเองในการแต่งกาย การรับประทาน ๒ ๑/๒ ๑
๓/๔
อาหาร สขุ อนามยั และการนอนพกั ผ่อน) ๑
๗
๒. การเลน่ เสรี ๑
๓. การคดิ และความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ๑
๔. กิจกรรมดา้ นสงั คม (การทำงานร่วมกับผอู้ ่นื ) ๓/๔
๕. กิจกรรมพฒั นากล้ามเนื้อใหญ่ ๓/๔
๖. กิจกรรมทีม่ ีการวางแผนโดยผสู้ อน ๑
เวลาโดยประมาณ ๗
จากตารางกจิ กรรมประจำวนั ครผู ู้สอนจะจดั กิจกรรมโดยคำนงึ ถึงประเด็นดังต่อไปน้ี
๑. การจดั สัดสว่ นของเวลาในแตล่ ะวนั ทเ่ี สนอไว้ สามารถปรับและยืดหย่นุ ได้ ขึน้ อยู่กับผู้สอนและ
สภาพการโดยยึดหลกั การจดั กิจกรรมประจำวัน
๒. การจดั กจิ กรรมประจำวันส่งเสริมทักษะพื้นฐานในชีวิตประจำวนั ของเด็ก เนื่องจากการศึกษา
ปฐมวยั เป็นการศึกษาขัน้ แรกทีท่ ำใหเด็กช่วยเหลือตนเองในการปฏิบัตกิ ิจวตั รประจำวนั
๓. การเลน่ เสรหี รอื เลน่ อสิ ระเป็นสิง่ สำคญั และจำเปน็ สำหรับเดก็ ปฐมวยั ชว่ ยฝึกเด็กให้รู้จักเลือก
ตดั สินใจ คดิ แก้ปัญหา คดิ สรา้ งสรรคใ์ นแต่ละวนั เดก็ ทุกวยั ควรมีโอกาสเล่นเสรี 1 ชั่วโมง : วัน
๔. การคิดและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เด็กเกิดความคิดรวบยอด การคิดเชิงเหตุผล มี
ความสามารถในการแก้ปญั หาและตดั สนิ ใจ มีจินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์
๕. กิจกรรมด้านสังคม เป็นกิจกรรมที่เด็กได้พัฒนาลกั ษณะนิสัยท่ีดี แสดงออกอย่างเหมาะสม มี
ปฏิสัมพนั ธแ์ ละอย่รู ว่ มกบั ผู้อื่นไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข
๖. การจัดกิจกรรมพัฒนากลา้ มเนือ้ เป็นกิจกรรมทีช่ ่วยให้เด็กมีร่างกายแขง็ แรง มีการทรงตัวท่ดี ี
มีการยืดหยุ่นและความคล่องแคล่วในการใช้อวัยวะต่างๆ ตามจังหวะการเคลื่อนไหวและการประสาน
สมั พนั ธ์กัน
๗. กิจกรรมท่ีตอ้ งมีการวางแผน โดยผู้สอนจะช่วยให้เดก็ เกิดทักษะ หรอื ความคิดรวบยอดในเร่ือง
ใดเรื่องหนึ่งตามสาระการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในหลักสูตร เช่น ผู้สอนต้องการให้เด็กเกิดความคิดรวบยอด
เกี่ยวกับผัก ผู้สอนต้องวางแผนกิจกรรมล่วงหน้า เวลาที่ใช้ในแต่ละวันที่กำหนดไว้ ¾ ชั่วโมง (45 นาที)
ไม่ได้หมายความว่าให้ผูส้ อนสอนต่อเนือ่ ง 45 นาที ในหนึ่งกิจกรรม เพื่อใหเด็กเกิดความคิดรวบยอด แต่
ต้องพจิ ารณาว่าเด็กมชี ่วงความสนใจสนั้ ตามพฒั นาการ จะต้องจัดแบ่งเวลาเป็นหลายชว่ งและหลากหลาย
กจิ กรรม ให้เหมาะกับเดก็ และเวลาที่เหลือเดก็ อาจถูกสอนความคิดรวบยอดเรื่องผักในกจิ กรรมอน่ื ๆ
รายการกจิ กรรม ระยะเวลา อนุบาล ๓ ขอ้ เสนอแนะ
อนุบาล ๒
การรับเด็กและการสนทนา
การเข้าแถว เคารพธงชาติ ๒๐ นาที ๒๐ นาที กิจกรรมประจำวันสามารถปรับให้
สวดมนต์
กจิ กรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ ๓๐ นาที ๓๐ นาที เหมาะสมกับเวลา เหตุการณ์
กิจกรรมศลิ ปะสร้างสรรค์
กิจกรรมเล่นตามมุม สถานการณก์ ารเรียนรู้ และ
กจิ กรรมเสริมประสบการณ์
กจิ กรรมเล่นกลางแจ้ง ๒๐ นาที ๒๐ นาที ความสนใจของเด็ก ทั้งนี้ทุกหน่วย
การรบั ประทานอาหาร
การนอนพกั ผ่อน ๖๐ นาที ๖๐ นาที การเรียนร้ตู ้องจดั ครบทุกกจิ กรรม
กิจกรรมเกมการศึกษา
๒๐ นาที ๒๐ นาที
เวลาโดยประมาณ ๔๐ นาที ๔๐ นาที
๖๐ นาที ๖๐ นาที
๑๕๐ นาที ๑๕๐ นาที
๒๐ นาที ๒๐ นาที
๖ ชัว่ โมง
จากตารางกิจกรรมประจำวัน โรงเรียนอนุบาลสระบุรี ได้มีการปรับรูปแบบกิจกรรมตามบริบทของ
โรงเรียน การจดั กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ และกิจกรรมเล่นตามมุม ครูผสู้ อนสามารถประยุกต์ใชเ้ วลาช่วง
การรับเด็ก และหลังเวลาเลิกเรียนมาจัดกิจกรรมเสริมให้ตามความสนใจของเด็ก ได้ตามความเหมาะสม
ของแต่ละห้องเรยี น
ตารากิจกรรมประจำวัน
เวลา กิจกรรม หมายเหตุ
๐๗.00 - ๐๘.๐๐ น. รับเดก็ และสนทนารายบุคคล
๐๘.๐๐ – ๐๘.๔๐ น. เคารพธงชาติ สวดมนตต์ รวจสขุ ภาพ ไปหอ้ งน้ำ
๐๘.๔๐ - ๐๙.๐๐ น. กิจกรรมเคล่อื นไหวและจังหวะ
๐๙.๐๐ - ๐๙.๒๐ น. กจิ กรรมเสริมประสบการณ์
๐๙.๒๐ - ๐๙.๓๐ น. รบั ประทานอาหารว่าง
๐๙.๓๐ - ๑๐.๓๐ น. กิจกรรมศลิ ปะสรา้ งสรรคแ์ ละเลน่ ตามมมุ
๑๐.๓๐ - ๑๑.๑๐ น. กิจกรรมเลน่ กลางแจง้
๑๑.๑๐ - ๑๒.๑๐ น. รบั ประทานอาหาร (ลา้ งหนา้ แปรงฟนั )
๑๒.๑๐ - ๑๔.๒๐ น. นอนพกั ผอ่ น
๑๔.๒๐ - ๑๔.๔๐ น. เกบ็ ท่นี อน ลา้ งหน้า ดมื่ นม
๑๔.๔๐ - ๑๕.๐๐ น. กจิ กรรมเกมการศึกษา
สรปุ เตรียมตวั กลบั บ้าน
หมายเหตุ : การจดั กจิ กรรมในแตล่ ะวัน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
การรับเด็กและการสนทนายามเช้า เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ครูได้ทักทายเด็กเป็น
รายบุคคลเพื่อให้ได้มีโอกาสใช้ภาษาสื่อสารถ่ายทอดความรู้สึก ความนึกคิด ความรู้ ความเข้าใจ ในสิ่ง
ต่างๆ ที่เด็กมีประสบการณ์ และตรวจสุขภาพโดยสัมผัสตัวเด็ก ดูแลความเจ็บป่วย ความสะอาดของ
รา่ งกายตลอดจนการแนะนำ / อบรมสัง่ สอน เรอื่ งการปฏบิ ัตติ นใจกจิ วัตรประจำวัน และคุณธรรมต่างๆ
การเขา้ แถว สวดมนต์ เคารพธงชาติ เปน็ กจิ กรรมที่ควรให้เด็กปฏบิ ัตทิ กุ วนั เพือ่ ฝกึ ความ
มีวินยั ในตนเอง และปลกู ฝงั ให้เด็กร้จู ักรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ตามวัฒนธรรมไทย
กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้เคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของ
ร่างกายอย่างอิสระ ตามจังหวะ โดยใช้เสียงเพลง คำคล้องจอง เครื่องเคาะจังหวะ และอุปกรณ์อื่น ๆ มา
ประกอบการเคลื่อนไหวเพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิดจินตนาการ พัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้ถ่ายทอด
อารมณ์ความรู้สึก และเห็นความสวยงามของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ตลอดจนเรียนรู้จังหวะและควบคุมการ
เคลื่อนไหวของตนเองได้ ลักษณะการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ จะจัดในรูปของกิจกรรม การ
เตรียมรา่ งกายเคลื่อนไหวพ้ืนฐานอยู่กับท่ี และเคลือ่ นท่ี การฝกึ จังหวะ การเคลื่อนไหวเชิงสร้างสรรค์ การ
ทำท่าทางตามจินตนาการและคำบรรยาย การปฏิบัติตามคำสั่ง และข้อตกลง การเป็นผู้นำ - ผู้ตาม เป็น
ตน้
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กแสดงอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด
จินตนาการ และเห็นความสวยงามของสิ่งต่างๆ รอบตัว โดยใช้ศิลปะเป็นสื่อ เช่น การวาดภาพระบายสี
การปั้น การฉีก ตัด ปะ การพิมพ์ภาพ การร้อย การประดิษฐ์ หรือวิธีการอื่นที่เด็กได้คิดสร้างสรรค์ และ
เหมาะกบั พฒั นาการ เชน่ การเล่น พลาสติกสร้างสรรค์ การสร้างรปู จากกระดานปักหมุด ฯลฯ
ลักษณะการจดั กิจกรมศลิ ปะสร้างสรรค์จะจัดในรปู ของกิจกรรมกลุ่มย่อยอย่างน้อย ๔ - ๕ กิจกรรมท่ีเด็ก
จะได้ทำงานและเล่นร่วมกันประมาณ ๔ - ๖ คน และกิจกรรมรายบุคคล โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้เลือก
ตดั สนิ ใจท่จี ะทำกิจกรรมตา่ งๆ ตามความสนใจอยา่ งนอ้ ย ๑ - ๒ กจิ กรรม
กิจกรรมเล่นตามมุม เป็นกจิ กรรมทเ่ี ปิดโอกาสใหเ้ ด็กเลน่ เรยี นรู้อย่างอิสระตามมุม
ประสบการณ์ ที่จัดไว้ภายในห้องเรียน เช่น มุมบ้าน มุมหนังสือ มุมวิทยาศาสตร์ มุมดนตรี มุมเกม
การศึกษา มุมเครื่องเล่นสัมผัส เป็นต้น มุมต่าง ๆ เหล่านี้เด็กมีโอกาสตัดสินใจเลือกเล่น และเรียนรู้ได้
อยา่ งเสรีตามความสนใจและความต้องการของเด็ก ทง้ั เป็นรายบุคคลและเป็นกลุม่ ยอ่ ย
กิจกรรมเสริมประสบการณ์เป็นกิจกรรมทมี่ งุ่ เนน้ ให้เด็กได้พฒั นาความคิดรวบยอด และ
ฝึกการทำงานและอยู่รว่ มกันเป็นกลุ่มทัง้ กลุ่มใหญ่ กิจกรรมที่จัดมุ่งฝกึ ให้เด็กได้มีโอกาสสนทนา อภิปราย
แลกเปล่ียนความคิดเห็น สงั เกต คิด ทดลอง ค้นคว้าแกป้ ัญหา และฝกึ ปฏิบัติ เพื่อให้เกดิ ความคดิ รวบยอด
เก่ยี วกบั เรือ่ งทเ่ี รยี น และได้ค้นหาคำตอบดว้ ยวฝิ กี ารท่ีหลากหลายในเร่อื งท่เี ดก็ สนใจอยากรู้
ลักษณะการจัดกจิ กรรมเสริมประสบการณ์ จะจดั ในรปู ของการสนทนา พดู คุย การอภิปราย ซกั ถาม การ
ค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ การสาธิต การทดลอง การทัศศึกษา การประกอบอาหาร การเล่านิทาน
การเลน่ บทบาทสมมติ การเชิญวทิ ยากรมาใหค้ วามรู้ เปน็ ตน้
กจิ กรรมเล่นกลางแจ้ง เป็นกจิ กรรมทจ่ี ัดใหเ้ ดก็ ได้มโี อกาสออกไปนอกห้องเรยี น เพือ่
พฒั นาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใหญ่ และความคล่องแคล่วในการใช้อวยั วะ ขณะเดียวกันช่วงเวลาของ
กิจกรรมกลางแจ้งนั้นเป็นเวลาที่เด็กได้เรียนรู้การระมัดระวังความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น และมี
โอกาสปฏิสมั พันธ์ทางสงั คมกบั กล่มุ เพ่อื น ทำใหร้ ้บู ทบาทของการอย่รู ่วมกนั
ลักษณะการจัดกจิ กรรมกลางแจ้ง จะจัดในรูปของการเลน่ อย่างอสิ ระ ไดแ้ ก่ การเล่นเคร่อื งเลน่ สนาม การ
เลน่ เกมทม่ี ีกตกิ า เกมการละเลน่ การเลน่ นำ้ – ทราย
การรบั ประทานอาหารทโ่ี รงเรยี น เป็นการจัดให้เดก็ ไดร้ ับประทานอาหารท่ีมีคุณคา่ ฝกึ
มารยาทในการรับประทานอาหาร การจัดเก็บภาชนะ / เครื่องใช้ และฝึกให้เด็กมีสุขนิสัยที่ดี รู้จัก
ระมดั ระวังความปลอดภยั ของตนเอง และผูอ้ นื่ ตลอดจนช่วยเหลือตนเองไดใ้ นกจิ วัตรประจำวัน
การนอนพักผ่อน เปน็ การนอนพักผ่อนในช่วงกลางวัน เปน็ การฝกึ ใหเ้ ดก็ รจู้ กั ควบคุม
ตนเองในการนอนพักผ่อนหรือนอนหลบั และรจู้ ักชว่ ยเหลือตนเองในการจัดเตรียม / เคร่ืองใช้ และฝึกให้
เด็กมีสุขนิสัยที่ดี รู้จักระมัดระวังความปลอดภัยของตนเอง และผู้อื่น ตลอดจนช่วยเหลือตนเองได้ใน
กจิ วัตรประจำวนั
กจิ กรรมเกมการศึกษา เปน็ กิจกรรมการเลน่ ท่ชี ่วยพัฒนาสติปัญญา มกี ฎเกณฑ์กติกา
งา่ ย ๆ เดก็ สามารถเล่นคนเดยี ว หรอื เล่นเป็นกลุ่มได้ ชว่ ยใหเ้ ดก็ ได้พฒั นาความคิดรวบยอด สงั เกต จำแนก
เปรียบเทยี บ จดั หมวดหมู่ เรยี งลำดบั เหตกุ ารณ์ แก้ปญั หาและหาความสัมพันธ์ของสิง่ ตา่ งๆ
ลกั ษณะเกมการศึกษาที่จัดให้เด็กเล่น ไดแ้ ก่ เกมจับคู่ แยกประเภท จัดหมวดหมู่ เรียงลำดับ โดมิโน ล็อต
โต ภาพตัดต่อ ตอ่ ตามแบบ เป็นต้น
กจิ กรรมเสรมิ การเรยี นรู้
โรงเรียนอนุบาลสระบุรี ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมพิเศษที่โรงเรียน
จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เดก็ เกิดการเรียนรู้เพิ่มเติมตามศักยภาพ นอกเหนือจากกิจกรรท่ีประกฎใน
กจิ กรรมประจำวัน ในแต่ละสัปดาห์จะมกี จิ กรรมเสรมิ การเรียนรู้ดังนี้
กจิ กรรมเสริมการเรยี นรู้ ระยะเวลา อนุบาล ๓ หมายเหตุ
อนบุ าล ๒ ๕๐ นาที
กิจกรรมห้องสมดุ ปฐมวยั ๕๐ นาที ๕๐ นาที กิจกรรมสัปดาห ์ล ะ ๑ คร้ัง
กิจกรรมเสรมิ ภาษาอังกฤษ ๕๐ นาที ๕๐ นาที สามารถปรับเปลี่ยนเวลาของ
กิจกรรมเสริมภาษาจนี ๕๐ นาที ๕๐ นาที กิจกรรมได้ตามความเหมาะสม
กิจกรรมเสริมคอมพวิ เตอร์ ๕๐ นาที ๕๐ นาที
กจิ กรรมดนตรีไทย (องั กะลุง) ๕๐ นาที ๖๐ นาที
กิจกรรมเลน่ น้ำเล่นทราย / ขี่จักรยาน ๖๐ นาที
กิจกรรมศนู ย์การเรียนเศรษฐกิจ ๖๐ นาที
พอเพียง ๖๐ นาที
การจดั สภาพแวดล้อม สอ่ื และแหล่งเรียนรู้
บรรยากาศการเรียนรู้
ภายในห้องเรยี น
จดั บรรยากาศท่ีเนน้ ความเป็นระเบยี บ สะอาด สวยงาม ปลอดภยั มมี ุมประสบการณ์
ตา่ ง ๆ เพ่อื ให้เออื้ ต่อพัฒนาการและการจัดการเรียนรู้ของเด็ก จดั ให้มที ่วี า่ งให้เดก็ ๆ สามารถทำกิจกรรม
ได้อยา่ งสะดวก เน้นใหห้ อ้ งเรียนมแี สงสวา่ งและสสี นั สบายตา มตี ้สู ำหรบั เก็บของใช้ส่วนตัวของเด็กแต่ละ
คนเพ่ือปลกู ฝังความมวี นิ ัย ความเปน็ ระเบยี บ และการรู้จักเก็บรักษาของใช้ของตนเอง
ภายนอกหอ้ งเรียน
จดั สภาพแวดลอ้ มภายนอกตามแนวโรงเรียนน่าดู น่าอยู่ นา่ เรียน มกี ารจัดสวนหย่อม
ประเภทสวนผกั สวนครัวเพอื่ เปน็ ตวั อยา่ งแกเ่ ด็กและชมุ ชน มแี ปลงเกษตรพืชสมนุ ไพร มีต้นไม้การเรยี นรู้
ฝาผนังพูดได้ มีมุมบ้านหลังน้อย สนามเด็กเล่น เพื่อสนับสนุนให้เด็กเรียนรู้อยู่กลางธรรมชาติ เรียนรู้
อย่างมีความสขุ สอดคลอ้ งกับพฒั นาการตามวัย
การสร้างบรรยากาศการเรยี นรู้
โรงเรียนอนุบาลสระบุรี เนน้ การจัดบรรยากาศ และสภาพแวดลอ้ มทั้งภายใจและ
ภายนอกห้องเรียน ที่สนับสนุนให้เด็กได้พัฒนาตนเองอย่างสอดคล้องกับหลักการ พัฒนาการ และ
ศักยภาพของเด็ก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากกิจกรรมประจำวันที่สนุกสนาน และมีความสุข โดยจัด
ดำเนินการดงั นี้
๑) จัดใหม้ ีสนามเด็กเลน่ และเครือ่ งเล่นสนามท่เี หมาะสมกับวยั ของเด็ก และมีการดูแล
ความปลอดภัยอยู่เสมอ เพื่อให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระ ออกกำลังกาย และพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อใหญ่ให้
แข็งแรงและใช้การได้อย่างคล่องแคล่ว โดยจัดให้มีเครื่องเล่นสำหรับเด็กได้เล่น ปีน – ป่าย ห้อย – โหน
ลน่ื – ไถล ลอด – มุด เช่น ไมล้ ืน่ ชิงช้า ไมห้ ก ราวไต่ บารโ์ หน ฯลฯ และทรี่ ่มสำหรบั พักผ่อน เชน่ บา้ นจำ
ลง ต้นไมท้ ม่ี ีร่มเงา ฯลฯ
๒) จดั ให้มมี ุมประสบการณ์ / มมุ การเลน่ ในห้องเรยี นอยา่ งน้อย ๔ – ๖มมุ เพ่อื เปิด
๓) โอกาสให้เด็กได้เลือกเล่นหรือทำกจิ กรรมตามความสนใจและความต้องการเป็น
รายบุคคล โดยเนน้ จดั ใหม้ มี ุมบ้าน มมุ บทบาทสมมติ มุมหนงั สอื มมุ วทิ ยาศาสตร์ ธรรมชาตศิ กึ ษา มุมเกม
การศึกษา มุมบล็อก และอาจเพิ่มเติมมุมประสบการณ์อื่น ๆ ได้ เช่น มุมศิลปะ มุมเครื่องเล่นสัมผัส มุม
ดนตรี ฯลฯ ทั้งนี้ต้องมีการจัดเปลี่ยนหมุนเวียนสื่อ เครื่องเล่นในแต่ละมุมประสบการณ์ให้สอดคล้องกับ
เหตกุ ารณ์ / สถานการณก์ ารเรียนร้ใู นแต่ละหน่วย / เร่ือง ตามโอกาสเหมาะสม
๔) ให้มีการจดั ปา้ ยนิเทศทเ่ี น้นการมีส่วนรว่ มของเดก็ โดยให้มีความสอดคลอ้ งกบั หน่วย
การจัดประสบการณ์ / โครงการ
๕) จดั ให้มีท่ีแสดงผลงานเด็ก และมมุ ผู้ปกครองบริเวณหน้าห้องเรียน เพ่อื สอื่ สารกบั
ผ้ปู กครองร่วมพัฒนาคณุ ภาพเดก็
๕) จดั ให้มีพน้ื ทจี่ ัดเกบ็ ของใช้สว่ นตัวอย่างเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย ด้วยการเอาใจใสด่ ูแล
เด็กทุกคนอย่างใกล้ชิด มีความเป็นกันเอง เพื่อให้เด็กเกิดความรู้สึกอบอุ่น ไว้วางใจ สบายใจ และมี
ความสขุ ในการมาโรงเรียน
สอื่ และแหลง่ เรยี นรู้
โรงเรียนอนุบาลสระบุรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้สื่อ และแหล่งการเรียนรู้
เพื่อพัฒนาคุณภาพรอบด้านของเด็กให้สอดคล้องกับหลักการ จุดหมายของหลักสูตรหรือมาตรฐาน
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ และสภาพที่พึงประสงค์ที่โรงเรียนกำหนด ช่วยให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง
ทำให้สิ่งท่ีเป็นนามธรรมเข้าใจยาก กลายเป็นรูปธรรมที่เด็กเข้าใจง่าย เรียนรู้ได้ง่าย รวดเร็ว เพลิดเพลิน
เกิดการเรียนรู้และค้นพบตนเอง การนำสื่อและแหล่งการเรียนรู้มาใช้ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก โรงเรียนมี
แนวทางดำเนินการ ดังน้ี
๑. ใช้สื่อทเ่ี ป็นของจริง สอ่ื ธรรมชาติ และสือ่ ภูมิปัญญาท้องถ่ิน
๒. ใช้สอื่ จากแหลง่ การเรยี นรทู้ ี่อย่อู ยา่ งหลากหลาย ท้งั ที่บา้ น โรงเรียน ชมุ ชน
๓. ใชส้ อื่ ที่คำนึงถึงความปลอดภยั ต่อตวั เด็ก
๔. ใช้ส่ือเพอ่ื พฒั นาเด็กในด้านต่าง ๆ ใหค้ รบทุกด้าน ทง้ั ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ
สังคม และสติปัญญา โดยบูรณาการผ่านการเล่น และเน้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้ด้วยการกระทำโดยใช้
ประสาทสมั ผสั ทง้ั ห้า
๕. ใช้สอ่ื และแหล่งเรียนรู้ให้สอดคล้องกับหน่วยการเรียนทรี่ ะบุไวใ้ นแผนการจัด
ประสบการณ์
๖. บรู ณาการกิจกรรมศึกษาแหลง่ เรียนรูใ้ นทอ้ งถ่นิ อยา่ งนอ้ ยภาคเรียนละ ๑ คร้งั
๗. เปดิ โอกาสให้เดก็ เรียนรู้จากส่อื เทคโนโลยตี ่างๆ เชน่ คอมพิวเตอร์ ซดี รี อม วีดีทัศน์
๘. เปดิ โอกาสให้ผู้ปกครองมีส่วนรว่ มในการพฒั นาเด็ก โดยรว่ มจัดหาสอ่ื และโรงเรียน
ใหบ้ ริการส่อื ต่าง ๆ ในหอ้ งสมดุ ของเลน่ ไปจัดกิจกรรมท่บี า้ นไดต้ ามความต้องการ
กำหนดการใชแ้ หล่งเรียนรใู้ นชุมชน / ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ระดับช้นั อนุบาลปีที่ ๒–๓ ของโรงเรียน
อนบุ าลสระบรุ ี มีดงั น้ี
วัดดาวเสดจ็
วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวหิ าร
สวนพฤกษศาสตรภ์ าคกลาง (พแุ ค)
ศูนย์การทหารมา้ คา่ ยอดิศร
ศนู ยว์ ฒั นธรรมไท-ยวน
ศนู ยท์ อผ้าตน้ ตาล เสาไห้
วัดพะเยาว์
วัดศาลาแดง
วัดพระพุทธฉาย
โรงเรียนอนุบาลสระบุรี จัดให้มีห้องศูนย์สื่อปฐมวัย ห้องสมุดปฐมวัย ห้องบ้านนักวิทยาศาสตร์
น้อย ห้องศูนย์การเรียนเศรษฐกิจพอเพียง ให้เด็กได้เรียนรู้จากสื่อที่มีความหลากหลายทั้งภายใน
ห้องเรยี น ภายนอกห้องเรียนและในชมุ ชน ให้เดก็ สร้างองคค์ วามรู้ที่เกดิ จากการได้ลงมอื ปฏิบตั ติ าม
ซึ่งเป็นสื่อที่ได้จากการจัดซื้อ จัดหา เช่น หนังสือนิทาน เกมการศึกษา ของเล่น เครื่องดนตรี เครื่อง
กฬี า ฯลฯ
สื่อประเภทที่ครูผู้สอนเป็นผู้จัดทำ เช่น สื่อประจำหน่วยการเรียนรู้ สื่อที่ได้รับจากการบรจิ าค
จากผู้ปกครอง เช่น ตุ๊กตา เครื่องมือ เครื่องใช้ เสื้อผ้า ที่เป็นของจริง สื่อวัสดุธรรมชาติจากชุมชน
นอกจากน้นั ยังจัดใหเ้ ดก็ มีโอกาสใช้ส่อื ประเภทเทคโนโลยีอาทิ เครอ่ื งเล่นเทป วดี ิทศั น์ โทรทศั นว์ งจรปดิ
คอมพิวเตอร์ และสอ่ื ที่เป็นภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ
การประเมนิ พัฒนาการ
การประเมินพัฒนาการเดก็ อายุ 3 – 5 ปี เป็นการประเมินพฒั นาการทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ์
จิตใจ สงั คม และสติปัญญาของเด็ก โดยถือเป็นกระบวนการต่อเนอ่ื งและเป็นส่วนหนง่ึ ของกิจกรรมปกติ
ท่จี ดั ใหเ้ ด็กในแตล่ ะวนั นำข้อมูลการประเมินมาพิจารณา ปรบั ปรงุ วางแผนการจดั กิจกรรมเพื่อส่งเสริม
ให้เดก็ แตล่ ะคนได้รับการพฒั นาตามจุดหมายของหลักสูตร การประเมนิ พฒั นาการควรยึดหลกั ดังน้ี
๑. ประเมินพฒั นาการของเดก็ ครบทุกดา้ นและนำผลมาพฒั นาเด็ก
๒. ประเมินเป็นรายบคุ คลอย่างสมำ่ เสมอตอ่ เน่อื งตลอดปี
๓. สภาพการประเมนิ ควรมีลกั ษณะเชน่ เดียวกบั การปฏิบตั กิ จิ กรรมประจำวนั
๔. ประเมนิ อย่างเป็นระบบ มีการวางแผน เลอื กใชเ้ ครือ่ งมอื และจดบนั ทึกไวเ้ ป็นหลกั ฐาน
๕. ประเมินตามสภาพจริงด้วยวิธีการหลากหลายเหมาะกับเด็ก รวมทั้งใช้แหล่งข้อมูลหลาย ๆ
ด้าน ไมค่ วรใชก้ ารทดสอบ
วธิ กี ารประเมิน
โดยใชก้ ารประเมินตามสภาพจรงิ ด้วยการสงั เกตการบนั ทกึ พฤติกรรม การสนทนา
การสมั ภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมลู จากผลงานเดก็ ทเี่ กบ็ อย่างมรี ะบบ ดังนี้
๑. การสงั เกตและบนั ทกึ พฤตกิ รรมของเด็ก
๒. การสมั ภาษณ์ สนทนา ซกั ถามเดก็
๓. การสมั ภาษณ์ สนทนา ซกั ถามผู้ปกครอง
๔. การตรวจผลงาน ประเมนิ ชิ้นงานอย่างตอ่ เนอื่ ง
๕. การจดั นทิ รรศการแสดงผลงาน
เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ในการประเมนิ
๑. แบบสำรวจจากพฤติกรรมของเด็ก
๒. แบบบันทกึ การเลอื กเล่นตามมมุ
๓. แบบบนั ทึกสขุ ภาพ
๔. แบบสมั ภาษณ์
๕. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
โรงเรียนอนุบาลสระบุรีให้ครูประเมินพัฒนาการเด็กตามความสามารถ ตามสภาพจริง ทั้งด้าน
ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาเป็นกระบวนการต่อเนื่อง และเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม
ประจำวันตามหน่วยการจัดประสบการณ์ ทั้งนี้นำข้อมูลการประเมินมาพิจารณาปรับปรุงวางแผนการจัด
กจิ กรรมเพื่อพัฒนาคณุ ภาพเด็กตามจุดหมายของหลกั สูตรอย่างต่อเนอ่ื ง มดี งั นี้
๑. นำสภาพที่พึงประสงคข์ องหลักสูตรสถานศึกษามาวิเคราะห์กำหนดเป็นจุดประสงค์การเรียนรู้
ในแตล่ ะหน่วยการจัดประสบการณโ์ ดยในแตล่ ะหน่วย ตอ้ งมีสภาพท่ีพึงประสงค์ครอบคลุมพัฒนาการทั้ง
๔ ดา้ น
๒. วัดและประเมนิ ผลระหวา่ งการจดั ประสบการณต์ ามกจิ กรรมประจำวัน โดยนำจุดประสงคก์ าร
เรียนรู้ของหน่วยการจัดประสบการณ์มาวิเคราะห์สอดแทรกในกิจกรรมแต่ละวันของแผนการจัด
ประสบการณ์ โดยใช้วธิ กี ารสงั เกตพฤติกรรมเป็นหลกั และใชก้ ารสนทนา การสัมภาษณ์ และการรวบ
รวมวเิ คราะหผ์ ลงานในบางโอกาสแล้วนำผลการวัดและประเมนิ มาวิเคราะห์พิจารณาปรับปรุง พัฒนาเด็ก
เป็นรายบุคคลหรอื รายกลมุ่ และปรับปรงุ พัฒนากจิ กรรมในโอกาสตอ่ ไป
๓. วิเคราะห์ผลการเรียนรู้หลังจากเด็กได้รับการจัดประสบการณ์ครบตามที่กำหนดไว้ในแต่ละ
แผนการจัดประสบการณ์ นำข้อมูลมาสรุป ประเมินพัฒนาการของเด็กแต่ละคนในสมุดบันทึกพัฒนาการ
เด็ก อบ.๒ ภาคเรียนละ ๒ คร้งั
การบริหารจดั การหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย
ครูผู้สอนและผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการนำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพตรงตามเจตนารมณ์ของหลักสูตร ที่มุ่งเน้นการอบรมเลี้ยงดู และการส่งเสริมการเรียนรู้
ตลอดจนการให้ทกุ ฝ่ายมีส่วนรว่ มในการจดั การศกึ ษา โดยสถานศึกษาได้ดำเนินการ ดงั นี้
๑. การเตรียมการใช้หลกั สูตร
๑.๑ ศึกษาทำความเข้าใจหลักสูตรสถานศึกษา และเอกสารประกอบหลักสูตรอื่น ๆ รวมทั้ง
ศึกษาขอ้ มลู เกี่ยวกับเด็กและครอบครวั สภาพปจั จุบัน ปัญหาความต้องการของชมุ ชนและท้องถน่ิ เพ่ือนำ
ข้อมูลมาใช้วางแผนการจัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจุดหมายของหลักสูตร และเหมาะสมกับสภาพ
พื้นฐาน และบริบทสงั คมแวดลอ้ มเดก็
๑.๒ วิเคราะห์หลักสูตร โดยศึกษามาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึง
ประสงค์ และสาระการเรียนรู้รายปี และแนวการจัดหน่วยการเรียนรู้ท่ีกำหนดไว้ในหลักสตู รสถานศึกษา
มาจัดทำกำหนดการจัดประสบการณ์ตลอดปีอย่างกว้าง ๆ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องเหมาะสมกับ
สภาพแวดล้อม เหตุการณ์ ฤดูกาล ธรรมชาติ เทศกาล วันสำคัญ สิ่งใกล้ตัว-ไกลตัว และความยาก- ง่าย
ของเรื่อง / กิจกรรม ทั้งนี้ครูผู้สอนสามารถยืดหยุ่น เรื่อง / เนื้อหาที่จัดการเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตามความ
สนใจและความต้องการของเดก็ แตล่ ะห้องเรยี น
๒. การใช้หลกั สตู ร
๒.๑ การสรา้ งบรรยากาศการเรยี นรู้
โรงเรยี นอนบุ าลสระบรุ ีไดจ้ ดั บรรยากาศ และสภาพแวดล้อมทงั้ ภายใจและภายนอกห้องเรียนที่
สนบั สนนุ ให้เด็กได้พัฒนาตนเองอย่างสอดคล้องกบั หลกั การ พัฒนาการ และศักยภาพของเด็ก เพ่ือให้เกิด
การเรียนร้จู ากกิจกรรมประจำวันทีส่ นุกสนานและมคี วามสขุ ดังนี้
๒.๑.๑ จดั ให้มสี นามเดก็ เลน่ และเคร่อื งเลน่ สนามที่เหมาะสมกบั วยั ของเดก็ และมี
การดูแลความปลอดภัยอยู่เสมอ เพื่อให้เด็กได้เล่นอิสระ ออกกำลังกาย และพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อใหญ่
ใหแ้ ข็งแรง และใช้การได้อยา่ งคลอ่ งแคล่ว โดยจดั ให้มีเครือ่ งเลน่ สำหรบั เดก็ ไดเ้ ล่น ปนี ปา่ ย ห้อยโหน
ลื่นไถล ลอดมุด เช่น ไม้ลื่น ชิงช้า ไม้หก ราวไต่ บาร์โหน ฯลฯ และที่ร่มสำหรับพักผ่อน เช่น บ้านจำลอง
ตน้ ไม้ท่ีมีรม่ เงา ฯลฯ
๒.๑.๒ จดั ใหม้ มี มุ ประสบการณใ์ นหอ้ งเรยี นอย่างนอ้ ย ๔ - ๖มุม เพื่อเปิดโอกาสให้เดก็
ได้เลือกเล่นหรือทำกจิ กรรมตามความสนใจและความตอ้ งการเปน็ รายบุคคล โดยเนน้ จัดให้มีมุมบา้ น
มุมบทบาทสมมติ มุมหนังสือ มุมวิทยาศาสตร์ มุมเกมการศึกษา มุมบล็อก และอาจเพิ่มเติมมุม
ประสบการณ์อื่น ๆ ได้ เช่น มุมศิลปะ มุมเครื่องเล่นสัมผัส มุมดนตรี ฯลฯ ทั้งนี้ต้องมีการจัดเปลี่ยน
หมุนเวยี นส่อื เครอื่ งเล่นในแตล่ ะมุมประสบการณ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การเรียนรู้ในแตล่ ะหน่วย
๒.๑.๓ สร้างปฏสิ ัมพันธท์ ี่ดีระหว่างครกู ับเด็ก และผูป้ กครอง ดว้ ยการเอาใจใส่ดูแลเด็ก
ทุกคนอยา่ งใกลช้ ดิ มคี วามเป็นกันเอง เพ่อื ให้เด็กเกิดความรูส้ ึกอบอุน่ ไว้วางใจ สบายใจ และมีความสุขใน
การมาโรงเรียน
๒.๒ การจดั ประสบการณ์และกจิ กรรมการเรียนรู้
ครูผู้สอนดำเนินการจัดประสบการณ์แบบหน่วยเป็นหลักโดยใช้กิจกรรมหลัก๖ กิจกรรม ได้แก่
กจิ กรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ กิจกรรมเลน่ ตามมุม กิจกรรมเสริประสบการณ์
กจิ กรรมกลางแจ้ง และกจิ กรรมเกมการศกึ ษา ตามท่ีระบุไวใ้ นแผนการจดั ประสบการณท์ ี่กำหนด โดยอาจ
ปรับเปลี่ยน ยืดหยุ่น หน่วยการจัดประสบการณ์ เนื้อหา และระยะเวลาได้ตามบริบท สถานภาพทั้งของ
เด็กและแหล่งเรียนรู้ ต้องสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ และสภาพที่พึงประสงค์ที่กำหนดไว้ในหลักสูตร
สถานศึกษา และนำสาระการเรียนรูเ้ กี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นมาจัดประสบการณ์ให้เด็กเรียนรูภ้ าคเรียน
ละอย่างน้อย ๑ - ๒ เรื่อง ตลอดจนนำนวัตกรรมการสอนแบบโครงการมาประยุกต์ใช้ได้ตามความ
เหมาะสมของแตล่ ะห้องเรียน อย่างนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ - ๒ โครงการ
๒.๓ การจัดทำแผนการจดั ประสบการณ์
โรงเรียนอนุบาลสระบุรีได้จัดทำแผนการจัดประสบการณ์โดยคำนึงถึงหลักการรูปแบบ
การจัดทำแผนการจัดประสบการณ์ตามคู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตลอดจน
นวัตกรรมทางการพัฒนารูปแบบการเขียนแผนการจัดประสบการณ์ของหน่วยงานต่าง ๆ และความ
ตอ้ งการของครผู ู้สอนจงึ กำหนดแนวทางการจดั ทำแผนการจดั ประสบการณช์ ัน้ อนบุ าลปีที่ ๒-๓ ดงั นี้
๒.๓.๑ ศึกษาทำความเข้าใจองคป์ ระกอบและโครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั
โรงเรียนอนุบาลสระบุรี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑ ตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ กำหนด
๒.๓.๒ ประชมุ รว่ มกันพจิ ารณากำหนดการจัดหน่วยการจัดประสบการณ์ตลอดปี
ให้ครอบคลุมสาระการเรียนรูท้ ี่กำหนดไว้ในหลักสตู รสถานศึกษา และยืดหยุ่นชว่ งเวลา เพิ่มในเรื่องที่เด็ก
สนใจโดยกำหนดเป็นหน่วย โครงการหนูอยากรู้ ทั้งนี้ครูสามารถยืดหยุ่นช่วงเวลาเพิ่มในเรื่องที่เด็กสนใจ
สาระการเรียนรูไ้ ดต้ ามความสนใจของเดก็ แต่ละห้อง
๒.๓.๓ ใหค้ รผู ู้สอนวิเคราะห์สาระการเรียนรู้ และสภาพท่ีพึงประสงค์ทีก่ ำหนดไว้ใน
หลักสูตรสถานศึกษา มาวางแผนกำหนดสาระที่ควรเรียนรู้ ประสบการณ์สำคัญ และจุดประสงค์ตาม
หน่วยการจัดประสบการณ์ของหลักสูตรสถานศึกษา เรื่องที่เดก็ สนใจ ทั้งนี้ครูผูส้ อนสามารถยืดหยุ่นสาระ
การเรยี นรไู้ ดต้ ามความสนใจของเด็กแต่ละหอ้ งเรียน
๒.๓.๔ ให้ครผู ู้สอนจดั ทำแผนการจดั ประสบการณ์โดยใช้รูปแบบบรู ณาการทัง้ สาระ
เรียนรู้ และกิจกรรมหลักโดยคำนึงถึงการพัฒนาเด็กให้ครบ ๔ ด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ
สติปัญญา โดยกำหนดองคป์ ระกอบของแผนการจดั ประสบการณ์ ดังน้ี
๑) ชอื่ หน่วยงาน/โครงการ ระยะเวลา และชน้ั ท่สี อน
๒) กำหนดจดุ ประสงค์และสาระการเรียนรรู้ ายหนว่ ยการจัดประสบการณ์ (๑ -๒
สัปดาห์) โดยนำสาระการเรียนรูท้ ั้งส่วนท่ีเป็นประสบการณ์สำคัญ และสาระที่ควรเรียนรู้ และสภาพที่พงึ
ประสงค์ของหลักสูตรสถานศกึ ษา มากำหนดให้ครบทกุ หนว่ ยการจดั ประสบการณ์
๓) วางแผนการจดั กจิ กรรมรายวันในแตล่ ะหน่วยการจดั ประสบการณ์ ตามกจิ กรรมหลัก
๖ กิจกรรมที่กำหนดไว้ ได้แก่ กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์กิจกรรมเล่นเสรี
กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ กิจกรรมเลน่ กลางแจ้ง และกจิ กรรมเกมการศึกษา
๔) เขยี นแผนการจดั ประสบการณ์รายวนั และรายกิจกรรม ประกอบดว้ ย จุดประสงค์
สาระการเรียนรู้ ซึ่งจำแนกเป็น ๒ ส่วน คือ ประสบการณ์สำคัญและสาระที่ควรเรียนรู้ กิจกรรม สื่อ /
แหล่งเรียนรู้ และการประเมินผลผลการสอน ปญั หา อุปสรรค / ขอ้ เสนอแนะ ความคิดเหน็ ผ้บู ริหาร
แนวการส่งเสริมและสนบั สนุนการจดั ประสบการณ์
โรงเรยี นอนุบาลสระบรุ ีมุ่งส่งเสรมิ สนบั สนุนใหเ้ ดก็ มีพฒั นาการทุกด้านเต็มศกั ยภาพ และเกิดการ
เรียนรู้ที่ผู้เรียนสำคัญที่สุด ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ จึงได้กำหนดแนว
ดำเนินการสนับสนุนและสง่ เสริมการจดั ประสบการณ์ ดังน้ี
๑. ประสานความรว่ มมือกบั ชุมชน และผปู้ กครอง ใหม้ สี ว่ นรว่ มในการจัดการศึกษา ดังน้ี
๑.๑ ส่งเสริม สนบั สนนุ ให้คณะกรรมการสถานศกึ ษา และชมรมครู –
ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาปฐมวัย โดยให้ความเห็นชอบและ
ข้อคิดเห็นตา่ ง ๆ เกี่ยวกับการบริหารจดั การหลักสูตร และแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาประจำปีในวาระ
การประชมุ ตามโอกาส
๑.๒ ส่งเสริม สนบั สนนุ ใหผ้ ูป้ กครองมีสว่ นร่วมในการวางแผนการจัดการ
เรียนรู้ โดยพิจารณาให้ความเห็นชอบและจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น ทัศนศึกษา ประกอบอาหาร ฯลฯ
ตลอดจนใหก้ ารสนบั สนนุ ในการจัดหาสอ่ื ประกอบการเรยี นรูต้ ่าง ๆ เป็นต้น
๑.๓ สนับสนุนใหผ้ ้ปู กครองมีส่วนรว่ มในการวางแผนการจดั การเรยี นรู้ โดย
พิจารณาให้ความเห็นชอบและข้อคิดเห็นตา่ ง ๆ เกี่ยวกับการจัดหน่วยการจัดประสบการณ์ โดยพิจารณา
ใหค้ วามเห็นชอบและข้อคดิ เหน็ ต่าง ๆ เก่ยี วกับการจดั หนว่ ยการจัดประสบการณ์ตลอดปี ตลอดจนมีส่วน
ร่วมในการประเมินผลการเรยี นรู้ และพัฒนาการของเด็ก
๒. ให้ความรูผ้ ปู้ กครองเก่ียวกบั การอบรมเล้ียงดูการส่งเสริมพฒั นาการ และการเรยี นรู้
เพื่อร่วมมือกันในการพัฒนาเด็กเต็มศักยภาพ และทิศทางเดียวกัน โดยเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ
เช่นปฐมนิเทศ / ประชุมผู้ปกครอง จัดป้ายนิเทศในมุมผู้ปกครอง จัดทำจุลสาร / แผ่นพับ จัดกิจกรรม
ครอบครัวศกึ ษาประจำหนว่ ยการจัดประสบการณ์ เป็นต้น
๓. สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหค้ รผู ู้สอนพฒั นาตนเอง มคี วามรกู้ ้าวหนา้ อยู่เสมอ เพอ่ื สามารถ
จัดประสบการณใ์ ห้กับเดก็ ได้สอดคลอ้ งกบั บรบิ ท และความเปลย่ี นแปลงของสังคม
๔. ส่งเสริม สนบั สนุนใหม้ ีการจัด และการใช้สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก
ห้องเรียน ตลอดจนสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น ที่สร้างเสริมให้เด็กทำกิจกรรมได้เต็ม
ศกั ยภาพ และความแตกต่างของเด็กแตล่ ะบุคคล
๕. นิเทศ กบั กับ ติดตาม ให้มีการประเมินคุณภาพในสถานศกึ ษา และนำผลจากการ
ประเมินไปใช้ในการพฒั นาคณุ ภาพเด็ก
๓. การนเิ ทศ กำกบั ติดตามการใช้หลักสตู ร
โรงเรียนอนุบาลสระบุรีจัดให้มีการนิเทศ ติดตาม การใช้หลักสูตรสถานศึกษา โดยฝ่ายวิชาการ
นิเทศภายในเป็นกลางอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยภาคเรียนละ ๑ ครั้ง ทั้งนี้ได้กำหนดแนวทางนิเทศ กำกับ
ติดตามในเรื่องการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกบั เด็ก พฤติกรรม ความสามารถของเด็กและพฤติกรรม
ของครูผู้สอน การจัดทำแผนการจัดประสบการณ์ วิธีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับเด็กโดยใช้เทคนิค
การนิเทศที่หลากหลาย เช่น การพัฒนาพฤติกรรมการสอนของครู และพฤติกรรมเด็ก การสนทนา ทำ
PLC การประชุมกลุ่มย่อย การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในสายชั้น การศึกษาแผนการจัดประสบ การณ์ และ
ผลงานเดก็
๔. การประเมิน สรุป รายงานการใช้หลักสตู ร
กลุ่มปฐมวัยจัดทำรายงานคุณภาพการศึกษาปฐมวัยประจำปี โดยประเมินการใช้หลักสูตรของ
สถานศึกษาในด้านคุณภาพผูเ้ รยี นตามมาตรฐานการเรยี นรูท้ ีก่ ำหนด และนำข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะของ
ครูผู้สอน เกี่ยวกับการใช้หลักสูตรสถานศึกษามาสรุป ประเมิน แล้วนำข้อมูลจากรายงานมาจัดทำ
แผนพฒั นาคุณภาพการศึกษาปฐมวยั ของสถานศึกษาตอ่ ไป
การสร้างรอยเชอื่ มตอ่ ระหว่างการศึกษาระดบั ปฐมวยั กับระดับชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๑
การสร้างรอยเชื่อมต่อระหว่างการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ มี
ความสำคัญอย่างยิง่ ส่งผลดตี อ่ การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในการปรับตัวรบั ความเปล่ียนแปลงได้เป็นอย่าง
ดี สามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างราบรื่น การเชื่อมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับชั้น
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ จะประสบผลสำเร็จได้ บคุ ลำกรทุกฝ่ายท่เี กย่ี วขอ้ งต้องดำเนนิ การ ดงั ตอ่ ไปนี้
๑. ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา
ผู้บริหารสถานศึกษา เป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทเป็นผู้นำในการสร้างรอยเชื่อมต่อ
ระหวา่ งหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั กบั หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ในระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี
ที่ ๑ โดยต้องศึกษาหลักสูตรทั้งสองระดับ เพื่อทำความเข้าใจและจัดระบบกำรบริหารงานด้านวิชาการท่ี
จะเออื้ ต่อการสรา้ งรอยเชอื่ มต่อการศกึ ษา โดยผู้บริหารสถานศึกษาควรดำเนนิ การ ดังน้ี
๑.๑ จัดประชุมผู้สอนระดับปฐมวัยและผู้สอนระดับประถมศึกษา ร่วมกันสร้างความ
เข้าใจรอยเชื่อมต่อของหลักสูตรทั้งสองระดับให้เป็นแนวปฏิบัติของสถานศึกษา เพื่อผู้สอนทั้งสองระดับ
จะได้เตรียมการสอนไดส้ อดคลอ้ งกับเด็กวัยน้ี
๑.๒ จัดหำเอกสารหลักสูตรและเอกสารทางวิชาการของทั้งสองระดับ มาไว้ให้ผู้สอน
และบคุ ลากรอนื่ ๆ ได้ศกึ ษาทำความเขา้ ใจ อย่างสะดวกและเพียงพอ
๑.๓ จัดกิจกรรมให้ผู้สอนทั้งสองระดับ มีโอกาสแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ความรู้ใหม่ๆ
ร่วมกนั
๑.๔ จัดหำสอื่ วัสดอุ ปุ กรณ์ และจัดสภาพแวดล้อมท่สี ่งเสรมิ การสร้างรอยเชื่อมต่อ
๑.๕ จัดกิจกรรมให้ความรู้ กิจกรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ และจัดทำเอกสารเผยแพร่
ใหก้ บั พอ่ แม่ ผ้ปู กครองอย่างสม่ำเสมอ เพือ่ ให้พอ่ แม่ ผู้ปกครองเข้าใจการศกึ ษาท้งั สองระดับ และใหค้ วาม
รว่ มมอื ในการช่วยเด็กให้สามารถปรับตัวเขา้ กับสภาพแวดล้อมใหม่ไดด้ ีในกรณีท่ีสถานศึกษาไม่มีระดับช้ัน
ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ในสถานศึกษาของตนเอง ผู้บริหารสถานศกึ ษา ควรประสานกับสถานศกึ ษาทีค่ าดว่า
เดก็ จะไปเข้าเรียน เพ่อื สร้างความเข้าใจให้พ่อแม่ ผ้ปู กครองในการชว่ ยเหลือเด็กให้สามารถปรับตัวเข้ากับ
สถานศกึ ษาใหมไ่ ด้
๒. ผสู้ อนระดับปฐมวยั
ผู้สอนระดับปฐมวัยตอ้ งศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน การจัดการเรียน
การสอนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ และสร้างความเข้าใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคลำกรอื่นๆ
รวมทง้ั
ช่วยเหลือเด็กในการปรับตัวก่อนเลื่อนขึ้นระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ โดยผู้สอนระดับปฐมวัยควร
ดำเนนิ การ ดงั น้ี
๒.๑ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กเป็นรายบุคคล เพื่อส่งต่อผู้สอนระดับช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ ๑ ซึง่ จะทำให้ผสู้ อนระดับประถมศึกษาสามารถใช้ข้อมูลน้ันช่วยเหลือเด็กในการปรับตัว
เขา้ กับการเรยี นรูใ้ หม่ต่อไป
๒.๒ พูดคุยกับเด็กถึงประสบการณ์ที่ดีๆ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในระดับช้ัน
ประถมศึกษาปที ี่ ๑ เพื่อให้เดก็ เกดิ เจตคตทิ ด่ี ีตอ่ การเรียนรู้
๒.๓ จดั ให้เด็กได้มโี อกาสทำความรจู้ กั กบั ผสู้ อน ตลอดจนการสำรวจสภาพแวดลอ้ มและ
บรรยากาศของห้องเรยี นระดบั ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑
๒.๔ จัดสือ่ วัสดุอปุ กรณ์ หนงั สอื ทเี่ หมาะสมกับวยั เดก็ ที่สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรู้และ
มปี ระสบการณพ์ ืน้ ฐานทสี่ อดคล้องกบั การสร้างรอยเช่ือมต่อในการเรียนระดับชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑
๓. ผสู้ อนระดบั ประถมศึกษา
ผู้สอนระดับประถมศึกษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพัฒนาการเด็กปฐมวัย และมีเจต
คติที่ดีต่อการจัดประสบการณ์ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เพื่อนำมาเป็นข้อมูลการพัฒนาการจัดการ
เรียนรู้ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ให้ต่อเนื่องกับการพัฒนาเด็กในระดับปฐมวัย โดยผู้สอนระดับ
ประถมศกึ ษาควรดำเนนิ การ ดังนี้
๓.๑ จัดกิจกรรมให้เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง มีโอกาสได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับผูส้ อน
และหอ้ งเรียนระดับชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ กอ่ นเปดิ ภคเรียน
๓.๒ จัดสภาพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดให้มีมุม
ประสบการณ์ภายในห้อง เพ่อื ใหเ้ ด็กได้มโี อกาสทำกจิ กรรมได้อย่างอสิ ระ เช่น มุมหนังสอื มุมของเล่น มุม
เกมการศึกษา เพอื่ ชว่ ยให้เดก็ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ได้ปรบั ตัวและเรยี นร้จู ากการปฏิบัตจิ ริง
๓.๓ จดั กจิ กรรมรว่ มกันกบั เดก็ ในกำรสรา้ งข้อตกลงเก่ียวกบั การปฏิบตั ิตน
๓.๔ จดั กิจกรรมชว่ ยเหลือ ส่งเสริมการเรยี นรูใ้ ห้กับเด็กตามความแตกต่างระหวา่ งบุคคล
๓.๕ เผยแพรข่ า่ วสารด้านการเรยี นรู้และสร้างความสัมพันธท์ ี่ดกี ับเด็ก พ่อแม่ ผปู้ กครอง
และชมุ ชน
๔. พ่อแม่ ผู้ปกครอง
พ่อแม่ ผู้ปกครอง เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในกำรอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมการศึกษาของ
บตุ รหลานและเพื่อช่วยบุตรหลานของตนเองในการศึกษาต่อชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ พอ่ แม่ ผู้ปกครองควร
ดำเนินการ ดังน้ี
๔.๑ ศึกษาและทำความเข้าใจหลกั สูตรของการศึกษาท้ังสองระดบั
๔.๒ จัดหาหนังสอื อุปกรณท์ ่เี หมาะสมกับวยั เด็ก
๔.๓ มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับบุตรหลาน ให้ความรัก ความเอาใจใส่ ดูแลบุตรหลานอย่าง
ใกล้ชิด
๔.๔ จัดเวลาในการทำกิจกรรมร่วมกับบุตรหลาน เช่น เล่านิทาน อ่านหนังสือร่วมกัน
สนทนาพดู คยุ ซักถามปญั หาในการเรียน ให้การเสรมิ แรงและใหก้ ำลังใจ
๔.๕ ร่วมมือกับผู้สอนและสถานศึกษาในการช่วยเตรียมตัวบุตรหลาน เพื่อช่วยให้บุตร
หลานของตน ปรบั ตัวไดด้ ขี ้นึ
การกำกับ ตดิ ตาม ประเมินและรายงาน
การจัดสถานศึกษาปฐมวัยมีลักการสำคัญในการให้สังคม ชุมชน มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
และกระจายอำนาจการศกึ ษาลงไปยังท้องถน่ิ โดยตรง โดยเฉพาะสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
ซึ่งเป็นผู้จัดการศึกษาในระดับนี้ ดังนั้น เพื่อให้ผลผลิตทางการศึกษาปฐมวัยมีคุณภาพตามมาตรฐาน
คุณลักษณะที่พึงประสงค์และสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและสังคมจำเป็นต้องมีระบบการ
กำกับ ติดตาม ประเมนิ และรายงานท่ีมีประสิทธภิ าพ เพอ่ื ให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายท่ีมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการ
จัดการศึกษา เห็นความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค ตลอดจนการให้ความร่วมมือช่วยเหลือ ส่งเสริม
สนบั สนนุ การวางแผน และดำเนินงานการจัดการศกึ ษาปฐมวัยให้มคี ณุ ภาพอย่างแทจ้ รงิ
การกำกับ ติดตาม ประเมินและรายงานผลการจัดการศึกษาปฐมวัยเป็นส่วนหนึ่งของ
กระบวนการบริหารการศึกษาและระบบการประกันคุณภาพที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่
การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาปฐมวัย สร้างความมั่นใจให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยต้องมีการ
ดำเนนิ การท่ีเป็นระบบเครือขา่ ยครอบคลมุ ทง้ั หน่วยงานภายในและภายนอกตง้ั แต่ระดบั ชาติ เขตพื้นท่ีทุก
ระดับละทุกอาชีพ การกำกับดูแลประเมินผลต้องมีการรายงานผลจากทุกระดับให้ทุกฝ่ายรวมทั้ง
ประชาชนทว่ั ไปทราบ เพือ่ นำขอ้ มลู จากรายงานผลมาจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา
หรอื สถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยตอ่ ไป
ภาคผนวก
รายงานผลการตรวจสอบหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย
โรงเรยี นอนบุ าลสระบุรี ดำเนินการติดตามการใชห้ ลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวัย โดยการประเมิน
การนำหลักสตู รไปใชข้ องครูผู้สอนปฐมวยั และผทู้ ่เี กีย่ วขอ้ ง ในการจดั การเรียนรู้ระหวา่ ง เดือน กรกฎาคม
- ตลุ าคม 256๒ ปีการศกึ ษา 256๒ จำนวน 14 ห้องเรยี น มีผลการประเมินตามตาราง 1 ดงั น้ี
ตาราง 1 การตรวจสอบหลกั สตู รสถานศกึ ษาระดับปฐมวัยกอ่ นการนำหลกั สตู รไปใช้ คดิ เปน็ ร้อยละ
ที่ รายการ คดิ เป็นร้อยละ
มี ไมม่ ี
๑ ปรชั ญาการศึกษาปฐมวยั ของสถานศึกษา 100
๑.๑ แสดงแนวคิดและความเชื่อในการจดั การศึกษาเพือ่ พัฒนาเดก็ ปฐมวยั
ชัดเจน ครบถว้ น
๑.๒ มคี วามสอดคลอ้ งกบั หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ 100
๑.๓ มคี วามเช่ือมโยงกบั ความเช่อื ในการจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาเดก็ 100
ปฐมวยั
๑.๔ ผูม้ ีส่วนเกยี่ วข้องทกุ ฝา่ ยมสี ว่ นรว่ มในการกำหนดปรชั ญาการศึกษา 100
๒ วิสยั ทัศน์ พนั ธกจิ เปา้ หมาย
๒.๑ มีความชดั เจนและสอดคลอ้ งกับปรชั ญาการศึกษาปฐมวัยของ 100
สถานศกึ ษา
๒.๒ แสดงความคาดหวังและวธิ รการพัฒนาเดก็ ปฐมวัยในอนาคตได้ 100
ชัดเจน
๒.๓ แสดงถึงจุดเน้น อตั ลักษณ์ เอกลักษณ์ ที่ต้องการของสถานศกึ ษา 100
๒.๔ มีการกำหนดเป้าหมายท่ีตอ้ งการในเชงิ ปริมาณหรือเชิงคุณภาพ 100
๓ จุดหมาย
๓.๑ มีความสอดคลอ้ งและครอบคลมุ จุดหมายของหลกั สูตรการศกึ ษา 100
ปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๐
๓.๒ มคี วามสอดคลอ้ งกับปรัชญา วิสัยทศั น์ การศึกษาปฐมวยั ของ 100
สถานศกึ ษา
๓.๓ มคี วามเป็นไปได้ในการนำไปสกู่ ารปฏบิ ัติตามจุดหมายทก่ี ำหนดใน 100
หลกั สูตร
๔ มาตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์
๔.๑ นำมาตรฐานคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์และสภาพท่ีพึงประสงค์ มา 100
กำหนดในหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั ครบถ้วน
๔.๒ นำมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์และสภาพที่พึงประสงค์มาจัด 100
แบง่ กล่มุ อายุเด็ก และระดับชั้นเรยี นไดช้ ัดเจน ครบถว้ น
๕ การจัดเวลาเรียน 100
๕.๑ มีการกำหนดเวลาเรยี นต่อ ๑ ปกี ารศึกษาไมน่ ้อยน้อยกว่า ๑๘๐ วัน
๕.๒ มกี ารกำหนดเวลาเรียนแตล่ ะวนั ไม่น้อยกว่า ๕ ชว่ั โมง 100
ท่ี รายการ คดิ เปน็ รอ้ ยละ
มี ไมม่ ี
5 ๕.๓ มกี ารกำหนดชว่ งเวลาการจัดกจิ กรรมประจำวนั เหมาะสมกับวัยและความสนใจ 100
ของเด็ก
๖ สาระการเรียนรูร้ ายปี 100
๖.๑ มีความสอดคล้องกับมาตรฐาน ตวั บง่ ชี้ สภาพทพ่ี ึงประสงคใ์ นแตล่ ะชว่ งวัย
๖.๒ มกี ารกำหนดครอบคลมุ ประสบการณ์สำคญั และสาระท่คี วรเรียนรู้ ตาม 100
หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐
๖.๓ มกี ารจัดแบง่ สาระการเรียนรูเ้ หมาะสมกบั ช่วงเวลาในการจัดหน่วย 100
ประสบการณ์
การจดั ประสบการณ์
๗.๑ มกี ำหนดการจัดประสบการณโ์ ดยใชห้ ลกั การ 100
บรู ณาการผ่านการเลน่ ท่สี อดคลอ้ งกับพัฒนาการตามวยั ของเด็ก
๗.๒ มีรปู แบบการจดั ประสบการณ์สอดคลอ้ งกบั ปรชั ญา วิสยั ทัศน์ และจุดหมายของ 100
การจัดการศึกษาปฐมวยั
๗.๓ มกี ำหนดการจัดประสบการณแ์ ตล่ ะช่วงอายุทเ่ี หมาะสมกับวยั และความสนใจ 100
ของเด็ก
๗ ๗.๔ มีกำหนดการจดั ประสบการณ์เนน้ ใหเ้ ด็กลงมือปฏบิ ัติ รเิ รม่ิ และมีส่วนร่วมใน 100
การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้
๗.๕ มกี ำหนดการจดั ประสบการณ์เปดิ โอกาสให้เด็กมปี ฏสิ ัมพนั ธ์กับบุคคล สื่อ และ 100
ใชแ้ หล่งการเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย
๗.๖ มกี ำหนดการจดั ประสบการณส์ ่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ มีทักษะชีวิตและการปฏิบตั ิตนตาม 100
แนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
๗.๗ มีกำหนดการจดั ประสบการณ์ส่งเสริมการพฒั นาการใหเ้ ดก็ เป็นเด็กดี มวี นิ ยั 100
และมีความเป็นไทย
๘ การจดั สภาพแวดล้อม สือ่ และแหล่งเรยี นรู้ 100
๘.๑ ระบแุ นวการจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกทีเ่ ออ้ื ต่อการเรียนรู้ของเดก็
๘.๒ มสี ่ือทีห่ ลากหลาย เหมาะสมและเพียงพอ 100
๘.๓ มีแหลง่ เรยี นรูใ้ นและนอกสถานศึกษาทส่ี ง่ เสรมิ พัฒนาการและการเรยี นรู้ของเดก็ 100
๙ การประเมนิ พฒั นาการ 100
๙.๑ มีการประเมินพฒั นาการเด็กครอบคลุมมาตรฐานคณุ ลักษณะพึงประสงค์
๙.๒ มีการประเมินพฒั นาการตามสภาพจริง 100
๑๐ การบรหิ ารจัดการหลกั สูตร 100
๑๐.๑ มีความพร้อมด้าน ครู บคุ ลากร และข้อมูลสารสนเทศ
๑๐.๒ มงี บประมาณและทรัพยากรสนบั สนนุ เพยี งพอ 100
๑๐.๓ มีการวางแผนการประเมนิ หลกั สูตรสถานศึกษา (กอ่ น-ระหวา่ ง-หลังการใช้) 100
๑๐.๔ มีแผนการนเิ ทศ ติดตามการนำหลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั สู่การปฏิบตั ิ 100
ที่ รายการ คิดเป็นร้อยละ
มี ไมม่ ี
๑๑ การเชอ่ื มต่อของการศึกษา
๑๑.๑ ผบู้ ริหารมกี ารวางแผนและสร้างความเขา้ ใจแก่ ผูส้ อนปฐมวยั ผสู้ อน 100
ประถมศกึ ษา ที่เกย่ี วข้อง พ่อแม่ ผปู้ กครอง และชุมชน ในการสรา้ งรอยเช่อื มต่อของ
หลกั สูตรทง้ั สองระดับ
๑๑.๒ ครผู สู้ อนปฐมวยั และประถมศกึ ษา มีการแลกเปลี่ยนและกำหนดแนวทางการ 100
ทำงานรว่ มกนั
๑๑.๓ มีแนวทางการจดั กจิ กรรมให้เดก็ ปฐมวยั มีความพร้อมในการเรียนชั้น 100
ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ของครผู ู้สอนรว่ มกนั ดว้ ยวิธกี ารหลากหลาย
๑๑.๔ มกี ารจัดเตรียมขอ้ มลู สารสนเทศของเด็กปฐมวยั รายบคุ คลสง่ ตอ่ ชั้น 100
ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ เพ่ือการวางแผนพฒั นาเด็กร่วมกนั
จากตาราง 1 การตรวจสอบหลกั สตู รสถานศกึ ษาระดับปฐมวัยก่อนการนำหลักสตู รไปใช้โดยผบู้ รหิ าร
ผู้ทรงคณุ วุฒิ ผูป้ กครอง ผ้แู ทนชมุ ชน ครูผสู้ อนปฐมวยั และผูแ้ ทนคณะกรรมการสถานศึกษา ระดบั
คุณภาพมากทีส่ ุด คิดเป็นรอ้ ยละ โดยภาพรวมสรปุ ได้วา่ หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวัย ของโรงเรยี น
อนุบาลสระบุรี มที ุกรายการตรวจสอบ คดิ เปน็ ร้อยละ 100
ตารางท่ี 2 การตรวจสอบหลักสตู รสถานศึกษาระดับปฐมวัยก่อนการนำหลักสตู รไปใช้
ตอนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไป
จำนวนผตู้ อบแบบสอบถามทั้งหมด 432 คน
สถานภาพ ผ้บู ริหาร 3 คน
ผทู้ รงคุณวฒุ ิ 5 คน
ผปู้ กครอง 400 คน
ผู้แทนชมุ ชน 5 คน
ครูผสู้ อนปฐมวยั 14 คน
ผู้แทนคณะกรรมการสถานศึกษา 5 คน
มคี ิดเปน็ ร้อยละ
ที่ รายการ
ผู้บริหาร
ู้ผทรงคุณ ุวฒิ
ูผ้ปกครอง
ูผ้แทนชุมชน
ครูผู้สอนปฐม ัวย
ผู้แทนคณะกรรมการ
สถาน ึศกษา
ปรชั ญาการศึกษาปฐมวยั ของสถานศกึ ษา
๑.๑ แสดงแนวคดิ และความเชือ่ ในการจัดการศึกษา 100 100 100 100 100 100
เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย ชดั เจน ครบถ้วน
๑.๒ มีความสอดคลอ้ งกับหลักสูตรการศึกษา 100 100 100 100 100 100
๑ ปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐
๑.๓ มีความเชื่อมโยงกบั ความเชือ่ ในการจัด 100 100 100 100 100 100
การศึกษาเพอื่ พัฒนาเด็กปฐมวยั
๑.๔ ผู้มสี ว่ นเกี่ยวขอ้ งทกุ ฝา่ ยมสี ่วนร่วมในการ 100 100 100 100 100 100
กำหนดปรชั ญาการศึกษา
วสิ ยั ทัศน์ พนั ธกจิ เป้าหมาย
๒.๑ มีความชดั เจนและสอดคลอ้ งกบั ปรัชญา 100 100 100 100 100 100
การศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา
๒.๒ แสดงความคาดหวังและวธิ รการพัฒนาเดก็ 100 100 100 100 100 100
๒ ปฐมวยั ในอนาคตไดช้ ัดเจน
๒.๓ แสดงถึงจุดเน้น อัตลักษณ์ เอกลักษณ์ ท่ี 100 100 100 100 100 100
ต้องการของสถานศึกษา
๒.๔ มีการกำหนดเป้าหมายท่ีตอ้ งการในเชิงปริมาณ 100 100 100 100 100 100
หรอื เชิงคณุ ภาพ
จดุ หมาย
๓ ๓.๑ มคี วามสอดคล้องและครอบคลมุ จุดหมายของ 100 100 100 100 100 100
หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐
มีคดิ เป็น รอ้ ยละ
ท่ี รายการ ผู้บริหาร
ผู้ทรงคุณ ุวฒิ
ผู้ปกครอง
ผู้แทนชุมชน
ครูผู้สอนปฐม ัวย
ผู้แทนคณะกรรมการ
สถานศึกษา
๓.๒ มีความสอดคล้องกบั ปรัชญา วสิ ัยทศั น์ 100 100 100 100 100 100
การศกึ ษาปฐมวัยของสถานศึกษา
๓.๓ มคี วามเป็นไปได้ในการนำไปสูก่ ารปฏบิ ตั ติ าม 100 100 100 100 100 100
จุดหมายทกี่ ำหนดในหลกั สูตร
มาตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์
๔.๑ นำมาตรฐานคุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงคแ์ ละ 100 100 100 100 100 100
๔ สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ มากำหนดในหลกั สูตร
สถานศึกษาปฐมวยั ครบถ้วน
๔.๒ นำมาตรฐานคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์และ
สภาพท่ีพงึ ประสงค์มาจดั แบ่งกลุ่มอายเุ ด็ก และ 100 100 100 100 100 100
ระดบั ชนั้ เรยี นได้ชดั เจน ครบถ้วน
การจดั เวลาเรยี น
๕.๑ มกี ารกำหนดเวลาเรียนต่อ ๑ ปกี ารศึกษาไม่ 100 100 100 100 100 100
นอ้ ยน้อยกว่า ๑๘๐ วัน
๕ ๕.๒ มกี ารกำหนดเวลาเรียนแต่ละวันไม่น้อยกว่า ๕ 100 100 100 100 100 100
ชั่วโมง
๕.๓ มีการกำหนดช่วงเวลาการจดั กจิ กรรม 100 100 100 100 100 100
ประจำวนั เหมาะสมกบั วยั และความสนใจของเดก็
สาระการเรยี นรู้รายปี
๖.๑ มคี วามสอดคล้องกับมาตรฐาน ตัวบง่ ช้ี สภาพ 100 100 100 100 100 100
ทพ่ี ึงประสงคใ์ นแตล่ ะชว่ งวยั
๖ ๖.๒ มกี ารกำหนดครอบคลมุ ประสบการณส์ ำคญั 100 100 100 100 100 100
และสาระท่ีควรเรียนรู้ ตามหลักสูตรการศึกษา
ปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐
๖.๓ มกี ารจัดแบง่ สาระการเรียนรเู้ หมาะสมกับ 100 100 100 100 100 100
ช่วงเวลาในการจัดหน่วยประสบการณ์
การจดั ประสบการณ์
7 ๗.๑ มีกำหนดการจดั ประสบการณ์โดยใช้หลัก 100 100 100 100 100 100
การบรู ณาการผ่านการเลน่ ที่สอดคล้องกับ
พฒั นาการตามวยั ของเดก็
มีคิดเป็น ร้อยละ
ที่ รายการ ผู้บริหาร
ผู้ทรงคุณ ุวฒิ
ผู้ปกครอง
ผู้แทนชุมชน
ครูผู้สอนปฐม ัวย
ผู้แทนคณะกรรมการ
สถานศึกษา
๗.๒ มรี ปู แบบการจดั ประสบการณ์สอดคล้องกบั
ปรชั ญา วสิ ัยทศั น์ และจุดหมายของการจดั 100 100 100 100 100 100
100 100 100 100 100
การศกึ ษาปฐมวยั 100 100 100 100 100
๗.๓ มกี ำหนดการจดั ประสบการณ์แตล่ ะชว่ งอายทุ ่ี 100 100 100 100 100 100
เหมาะสมกบั วัยและความสนใจของเด็ก
100 100 100 100 100
๗.๔ มีกำหนดการจดั ประสบการณ์เน้นใหเ้ ด็กลงมือ
100 100 100 100 100
ปฏบิ ัติ รเิ ร่มิ และมีสว่ นร่วมในการออกแบบกจิ กรรม 100
100 100 100 100 100
การเรียนรู้ 100 100 100 100 100
100 100 100 100 100
7 ๗.๕ มีกำหนดการจดั ประสบการณเ์ ปดิ โอกาสให้ 100 100 100 100 100
100 100 100 100 100
เด็กมปี ฏิสมั พันธ์กบั บคุ คล ส่อื และใช้แหลง่ การ 100 100 100 100 100 100
100 100 100 100 100
เรียนรทู้ ี่หลากหลาย
มคี ดิ เป็น รอ้ ยละ
๗.๖ มกี ำหนดการจัดประสบการณ์สง่ เสริมใหเ้ ด็กมี
ทกั ษะชวี ติ และการปฏบิ ัติตนตามแนวทางหลัก 100
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
๗.๗ มีกำหนดการจดั ประสบการณส์ ่งเสริมการ
พัฒนาการให้เด็กเป็นเด็กดี มีวินยั และมคี วามเป็น 100
ไทย
๘ การจัดสภาพแวดลอ้ ม สอื่ และแหล่งเรียนรู้
๘.๑ ระบุแนวการจดั สภาพแวดล้อมภายในและ 100
ภายนอกทีเ่ อ้ือต่อการเรียนรขู้ องเดก็
๘.๒ มีสอื่ ที่หลากหลาย เหมาะสมและเพียงพอ 100
8 ๘.๓ มีแหล่งเรยี นรู้ในและนอกสถานศึกษาทสี่ ่งเสรมิ 100
พฒั นาการและการเรียนรู้ของเดก็
๙ การประเมินพฒั นาการ
๙.๑ มีการประเมนิ พัฒนาการเด็กครอบคลมุ 100
มาตรฐานคณุ ลักษณะพงึ ประสงค์
๙.๒ มกี ารประเมินพัฒนาการตามสภาพจรงิ 100
๑๐ การบรหิ ารจัดการหลักสตู ร
๑๐.๑ มคี วามพร้อมดา้ น ครู บุคลากร และข้อมลู 100
สารสนเทศ
๑๐.๒ มงี บประมาณและทรัพยากรสนับสนนุ 100
เพียงพอ
รายการ
ที่ ผู้บริหาร
ผู้ทรงคุณ ุวฒิ
ผู้ปกครอง
ผู้แทนชุมชน
ครูผู้สอนปฐม ัวย
ผู้แทนคณะกรรมการ
สถานศึกษา
๑๐.๓ มกี ารวางแผนการประเมนิ หลักสูตร 100 100 100 100 100 100
สถานศกึ ษา (ก่อน-ระหวา่ ง-หลงั การใช)้
๑๐.๔ มีแผนการนิเทศ ติดตามการนำหลักสูตร 100 100 100 100 100 100
สถานศกึ ษาปฐมวัยสกู่ ารปฏบิ ัติ
๑๑ การเชือ่ มต่อของการศึกษา
๑๑.๑ ผบู้ รหิ ารมีการวางแผนและสร้างความเขา้ ใจ
แก่ ผูส้ อนปฐมวัย ผสู้ อนประถมศึกษา ท่ีเกยี่ วข้อง 100 100 100 100 100 100
พอ่ แม่ ผู้ปกครอง และชุมชน ในการสรา้ งรอย
เชอ่ื มตอ่ ของหลกั สูตรทัง้ สองระดับ
๑๑.๒ ครผู ้สู อนปฐมวยั และประถมศกึ ษา มีการ 100 100 100 100 100 100
แลกเปลยี่ นและกำหนดแนวทางการทำงานรว่ มกัน
๑๑.๓ มีแนวทางการจดั กิจกรรมให้เด็กปฐมวยั มี
ความพร้อมในการเรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ของ 100 100 100 100 100 100
ครูผ้สู อนรว่ มกันดว้ ยวธิ กี ารหลากหลาย
๑๑.๔ มกี ารจัดเตรยี มขอ้ มูลสารสนเทศของเด็ก
ปฐมวัยรายบุคคลสง่ ตอ่ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ เพ่ือ 100 100 100 100 100 100
การวางแผนพัฒนาเดก็ ร่วมกัน
จากตาราง 2 การตรวจสอบหลักสตู รสถานศึกษาระดับปฐมวัยกอ่ นการนำหลักสตู รไปใช้โดยผบู้ รหิ าร
ผทู้ รงคณุ วุฒิ ผู้ปกครอง ผแู้ ทนชุมชน ครผู ้สู อนปฐมวัย และผู้แทนคณะกรรมการสถานศึกษา ระดับ
คณุ ภาพมากที่สุด คดิ เป็นรอ้ ยละ โดยภาพรวมสรุปได้ว่า หลักสตู รสถานศึกษาปฐมวยั ของโรงเรยี น
อนุบาลสระบรุ ี มีทุกรายการตรวจสอบ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100
หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวัย โรงเรยี นอนุบาลสระบรุ ี พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐