The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรวิทยาศาสตร์64

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanitnicha.som, 2022-09-13 23:36:16

หลักสูตรวิทยาศาสตร์64

หลักสูตรวิทยาศาสตร์64

ลกั ูตร ถาน ึก า
โรงเรียนบา้ นมะเดื่อ านพุทธ ักราช 2564
ตาม ลกั ูตรแกนกลางการ ึก าขน้ั พ้ืนฐาน พุทธ ักราช 2551

(ฉบับปรับปรุง พุทธ กั ราช 2560)

กลุม่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี

ำนักงานเขตพ้นื ท่กี าร ึก าประถม ึก า ุรา ฎรธ์ านี เขต 1
ำนักงานคณะกรรมการการ ึก าข้นั พื้นฐาน
กระทร ง ึก าธกิ าร

คำนำ

ลกั ตู รกลุ่ม าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์ ฉบับน้ีเป็นฉบบั ปรับปรุง พทุ ธ ักราช ๒๕61 ซง่ึ
คณะครูภายในกลุ่ม าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์ โรงเรียนบ้านมะเด่ือ าน ได้ดำเนินการพัฒนา
ลัก ูตรกลุ่ม าระ โดยใช้ตั ชี้ ัดและ าระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่ม าระการเรียน ิทยา า ตร์
ฉบบั (ปรับปรุง พ. . 2560) ตาม ลัก ูตรแกนกลางการ กึ าขน้ั พ้นื ฐาน พุทธ ักราช 2551 เป็น
กรอบและทิ ทางในการพัฒนา ลัก ูตร และใช้โครง ร้างเ ลาเรียนของ ลัก ูตร ถาน ึก า
โรงเรยี นบ้านมะเดอ่ื านเป็นแน ทางในการจัดทำ

คณะอนกุ รรมการกลุ่ม าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์ ได้ กึ าเอก าร ตำราทเ่ี กยี่ ขอ้ งกับการ
จัดทำ ลัก ูตรแกนกลางการ ึก าขั้นพื้นฐาน พุทธ ักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ. .2560) มา
เป็นแน ทางในการจัดทำ ดังน้ันคณะผู้จัดทำ ังเป็นอย่างยิ่ง ่า ลัก ูตรกลุ่ม าระการเรียนรู้
ทิ ยา า ตร์ ของโรงเรียนบ้านมะเด่ือ านฉบับน้ีจะเกิดประโยชน์ต่อบุคคลท่ีต้องการนำ ลัก ูตร
ไป ูก่ ารปฏิบตั ิการ อนไดอ้ ยา่ งมปี ระ ทิ ธภิ าพ

กลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์
โรงเรยี นบา้ นมะเดื่อ าน

ารบญั

นา้

คำนำ

ค ามนำ..................................................................................................................... ๑

เปา้ มายของการเรยี น ิทยา า ตร์.......................................................................... 1

เรียนร้อู ะไรใน ทิ ยา า ตร์................................................................................................. 2

าระและมาตรฐานการเรยี นรู้............................................................................................ 2

คณุ ภาพผู้เรียน........................................................................................................... 3

ตั ชี้ ดั และ าระการเรียนรู้แกนกลาง........................................................................ 6

คำอธบิ ายราย ิชา...................................................................................................... 40

โครง ร้าง น่ ยการเรียนรู้......................................................................................... 47

ภาคผน ก

- คำ ่ังโรงเรียนบ้านมะเดือ่ าน ท่ี 44 / 2561 98

- คณะผูจ้ ัดทำ 99

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 1

ความนำ

กลุ่ม าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์ เปน็ กลมุ่ าระการเรียนรู้ทีม่ ีบทบาท ำคัญยิง่ ใน ังคมโลกปัจจุบัน

และอนาคต เพราะ ิทยา า ตร์เก่ีย ขอ้ งกับทกุ คนท้ังในชี ติ ประจำ ันและการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจน
เทคโนโลยี เครอ่ื งมือเครอ่ื งใช้และผลผลิตต่าง ๆ ท่มี นุ ย์ไดใ้ ช้เพื่ออำน ยค าม ะด กในชี ติ และการทำงาน

เ ล่าน้ีล้ นเป็นผลของค ามรู้ ทิ ยา า ตร์ ผ มผ านกับค ามคิด ร้าง รรค์และ า ตร์อ่ืน ๆ ิทยา า ตร์

ช่ ยใ ้มนุ ยไ์ ดพ้ ฒั นา ิธคี ดิ ทั้งค ามคดิ เปน็ เ ตุเป็นผล คิด รา้ ง รรค์ คดิ เิ คราะ ์ จิ ารณ์ มีทัก ะ ำคัญ
ในการค้นค ้า าค ามรู้ มีค าม ามารถในการแก้ปัญ าอย่างเป็นระบบ ามารถตัด ินใจโดยใช้ข้อมูลที่

ลาก ลายและมปี ระจกั พ์ ยานทตี่ ร จ อบได้ ิทยา า ตร์เปน็ ฒั นธรรมของโลก มัยใ ม่ ซึง่ เป็น งั คมแ ่ง
การเรยี นรู้ (K knowledge-based society) ดงั นน้ั ทุกคนจงึ จำเปน็ ตอ้ งไดร้ บั การพฒั นาใ ้รู้ ทิ ยา า ตร์ เพ่ือที่จะ

มีค ามรู้ค ามเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยที ี่มนุ ย์ รา้ ง รรค์ขึ้น ามารถนำค ามรูไ้ ปใช้อย่างมีเ ตุผล

รา้ ง รรค์ และมีคณุ ธรรม
โรงเรยี นบ้านพรรั้งได้จัดการเรียนรู้ โดยมี ลกั ูตรกลุ่ม าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์ เปน็ กลุ่ม าระ

การเรยี นรมู้ ุ่ง งั ใ ผ้ ู้เรียนผเู้ รยี นจำเปน็ ตอ้ งเรียนเปน็ พืน้ ฐาน เพอื่ ใ ้ ามารถนำค ามร้นู ี้ไปใชใ้ นการดำรงชี ิต
รือ ึก าตอ่ ใน ชิ าชีพที่ต้องใช้ ิทยา า ตรไ์ ด้ โดยจดั เรียงลำดบั ค ามยากง่ายของเนือ้ าแต่ละ าระในแต่ละ
ระดับช้ันใ ้มีการเชื่อมโยงค ามรู้กับกระบ นการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี ่งเ ริมใ ้ผู้เรียน
พัฒนาค ามคิด ทั้งค ามคิดเป็นเ ตุเป็นผล คิด ร้าง รรค์ คิด ิเคราะ ์ ิจารณ์ มีทัก ะที่ ำคัญทั้งทัก ะ
กระบ นการทาง ิทยา า ตร์และทกั ะใน ต รร ท่ี ๒๑ ในการคน้ ค ้าและ ร้างองคค์ ามรดู้ ้ ยกระบ นการ
ืบเ าะ าค ามรู้ ามารถแกป้ ัญ าอย่างเปน็ ระบบ ามารถตัด นิ ใจ โดยใช้ขอ้ มลู ลาก ลายและประจัก ์
พยานท่ีตร จ อบได้ เน้นการเช่ือมโยงค ามรู้กับกระบ นการ มีทัก ะ ำคัญในการค้นค ้าและ ร้างองค์
ค ามรู้ โดยใช้กระบ นการในการ บื เ าะ าค ามรู้ และการแก้ปัญ าท่ี ลาก ลาย ใ ้ผู้เรียนมี ่ นร่ มใน
การเรยี นรู้ทกุ ข้ันตอน มกี ารทำกจิ กรรมด้ ยการลงมอื ปฏิบัติจริงอย่าง ลาก ลาย เ มาะ มกบั ระดบั ชน้ั

เป้า มายของการเรียน ชิ า ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี

ในการเรียนการ อน ิทยา า ตร์มุ่งเน้นใ ้ผเู้ รยี นได้ค้นพบค ามรู้ด้ ยตนเองมากที่ ุด เพ่ือใ ้ได้ท้ัง
กระบ นการและค ามรู้ จาก ิธีการ ังเกต การ ำร จตร จ อบ การทดลอง แล้ นำผลทไ่ี ด้มาจัดระบบเป็น

ลกั การ แน คดิ และองคค์ ามรู้ การจัดการเรยี นการ อน ทิ ยา า ตรจ์ ึงมเี ปา้ มายที่ ำคัญ ดงั นี้
๑. เพ่อื ใ เ้ ขา้ ใจ ลกั การ ทฤ ฎี และกฎทเ่ี ปน็ พืน้ ฐานใน ชิ า ิทยา า ตร์
๒. เพ่ือใ เ้ ขา้ ใจขอบเขตของธรรมชาติของ ชิ า ิทยา า ตร์และข้อจำกดั ในการ กึ า ิชา ิทยา า ตร์

๓. เพื่อใ ม้ ที ัก ะท่ี ำคญั ในการ ึก าค้นค ้าและคดิ คน้ ทางเทคโนโลยี
๔. เพื่อใ ้ตระ นักถึงค าม ัมพันธ์ระ ่าง ิชา ิทยา า ตร์ เทคโนโลยี ม ลมนุ ย์ และ
ภาพแ ดล้อมในเชงิ ทม่ี อี ิทธพิ ลและผลกระทบซ่งึ กนั และกนั

๕. เพ่ือนำค ามรู้ ค ามเข้าใจ ใน ิชา ทิ ยา า ตร์ และเทคโนโลยไี ปใชใ้ ้เกดิ ประโยชน์ต่อ ังคมและ
การดำรงชี ติ

๖. เพ่ือพัฒนากระบ นการคิดและจินตนาการ ค าม ามารถในการแก้ปญั า และการจดั การ ทัก ะ

ในการ ่อื าร และค าม ามารถในการตดั ินใจ
๗. เพ่ือใ ้เป็นผู้ท่ีมีจิต ิทยา า ตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้ ิทยา า ตร์และ

เทคโนโลยอี ย่าง รา้ ง รรค์

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 2

เรยี นรูอ้ ะไรใน ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี

กลุ่ม าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรม์ งุ่ งั ใ ผ้ ู้เรียนไดเ้ รียนรู้ ิทยา า ตร์ ทีเ่ นน้ การเชอื่ มโยงค ามร้กู ับ

กระบ นการ มีทัก ะ ำคัญในการค้นค ้าและ รา้ งองค์ค ามรู้ โดยใช้กระบ นการในการ ืบเ าะ าค ามรู้

และแกป้ ญั าที่ ลาก ลาย ใ ้ผู้เรยี นมี ่ นร่ มในการเรยี นรทู้ กุ ข้ันตอน มกี ารทำกิจกรรมด้ ยการลงมือปฏบิ ัติ

จริงอยา่ ง ลาก ลาย เ มาะ มกับระดับชั้น โดยกำ นด าระ ำคัญ ดงั นี้

ทิ ยา า ตร์ชี ภาพ เรยี นรเู้ กยี่ กบั ชี ติ ใน ง่ิ แ ดลอ้ ม องคป์ ระกอบของ ง่ิ มชี ี ติ การดำรงชี ิตของ
มนุ ยแ์ ละ ตั ์ การดำรงชี ติ ของพืช พันธุกรรม ค าม ลาก ลายทางชี ภาพ และ ิ ัฒนาการของ ่ิงมชี ี ติ

ทิ ยา า ตรก์ ายภาพ เรียนรเู้ ก่ยี กบั ธรรมชาติของ าร การเปลี่ยนแปลงของ ารการเคลื่อนท่ี
พลังงาน และคลืน่

ทิ ยา า ตรโ์ ลกและอ กา เรียนรเู้ กย่ี กับ องคป์ ระกอบของเอกภพ ปฏิ มั พนั ธ์ภายในระบบ รุ ยิ ะ
เทคโนโลยีอ กา ระบบโลก การเปลย่ี นแปลงทางธรณี ิทยา กระบ นการเปลีย่ นแปลงลมฟา้ อากา และผล
ต่อ งิ่ มชี ี ิตและ ง่ิ แ ดล้อม

เทคโนโลยี
● การออกแบบและเทคโนโลยี เรียนร้เู กยี่ กับเทคโนโลยีเพ่อื การดำรงชี ติ ใน ังคมท่มี ีการ

เปลี่ยนแปลงอย่างร ดเร็ ใช้ค ามรู้และทัก ะทางด้าน ิทยา า ตร์ คณิต า ตร์ และ า ตร์อื่น ๆ เพ่ือ
แก้ปัญ า รอื พฒั นางานอยา่ งมคี ามคดิ รา้ ง รรคด์ ้ ยกระบ นการออกแบบเชงิ ิ กรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี
อย่างเ มาะ มโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชี ติ งั คม และ ่งิ แ ดลอ้ ม

● ิทยาการคำน ณ เรียนรู้เก่ีย กับการคิดเชิงคำน ณ การคิด ิเคราะ ์ แก้ปัญ าเป็น

ขน้ั ตอนและเป็นระบบ ประยกุ ตใ์ ชค้ ามร้ดู ้าน ิทยาการคอมพิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยี าร นเท และการ อื่ าร

ในการแก้ปญั าที่พบในชี ิตจริงไดอ้ ย่างมปี ระ ทิ ธิภาพ

าระและมาตรฐานการเรยี นรู้

าระที่ ๑ ทิ ยา า ตรช์ ี ภาพ
มาตรฐาน ๑.๑ เขา้ ใจค าม ลาก ลายของระบบนิเ ค าม มั พันธร์ ะ ่าง ่งิ ไมม่ ีชี ติ กบั งิ่ มีชี ติ และ

ค าม ัมพนั ธร์ ะ ่าง ง่ิ มชี ี ิตกับ ง่ิ มชี ี ติ ต่าง ๆ ในระบบนเิ การถา่ ยทอดพลังงาน
การเปลยี่ นแปลงแทนที่ในระบบนเิ ค าม มายของประชากร ปัญ าและผลกระทบที่
มตี ่อทรพั ยากรธรรมชาติและ ง่ิ แ ดล้อม แน ทางในการอนรุ ัก ท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
การแกไ้ ขปญั า ง่ิ แ ดลอ้ ม ร มทั้งนำค ามรู้ไปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ๑.๒ เข้าใจ มบตั ิของ งิ่ มีชี ิต น่ ยพนื้ ฐานของ ง่ิ มชี ี ิต การลำเลยี ง ารเขา้ และออกจาก
เซลล์ ค าม ัมพันธข์ องโครง รา้ ง และ นา้ ทข่ี องระบบตา่ ง ๆ ของ ัต แ์ ละมนุ ยท์ ่ี
ทำงาน มั พนั ธก์ ัน ค าม มั พันธข์ องโครง ร้าง และ น้าท่ีของอ ยั ะต่าง ๆ ของพชื ท่ี
ทำงาน มั พันธ์กนั ร มทงั้ นำค ามรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ๑.๓ เข้าใจกระบ นการและค าม ำคญั ของการถา่ ยทอดลัก ณะทางพันธุกรรม าร

พนั ธุกรรม การเปลย่ี นแปลงทางพันธกุ รรมทมี่ ผี ลตอ่ ง่ิ มชี ี ิต ค าม ลาก ลายทาง

ชี ภาพและ ิ ฒั นาการของ ิ่งมชี ี ติ ร มทง้ั นำค ามร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 3

าระที่ ๒ ิทยา า ตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ๒.๑ เขา้ ใจ มบตั ิของ าร องคป์ ระกอบของ าร ค าม มั พนั ธร์ ะ า่ ง มบัติของ ารกับ

โครง ร้างและแรงยึดเ น่ีย ระ ่างอนุภาค ลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลง
ถานะของ าร การเกิด ารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี
มาตรฐาน ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชี ิตประจำ ัน ผลของแรงท่ีกระทำต่อ ัตถุ ลัก ณะการ

เคล่อื นทแ่ี บบต่าง ๆ ของ ตั ถุ ร มทัง้ นำค ามร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ๒.๓ เข้าใจค าม มายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิ ัมพันธ์

ระ ่าง ารและพลงั งาน พลังงานในชี ิตประจำ ัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณท์ ่ี

เก่ีย ขอ้ งกับเ ยี ง แ ง และคลื่นแมเ่ ลก็ ไฟฟา้ ร มทง้ั นำค ามรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
าระท่ี ๓ ิทยา า ตรโ์ ลก และอ กา
มาตรฐาน ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ณะ กระบ นการเกิด และ ิ ฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดา

ฤก ์ และระบบ รุ ิยะ ร มทงั้ ปฏิ ัมพนั ธภ์ ายในระบบ ุริยะท่ี ่งผลต่อ ิ่งมชี ี ิต และการ
ประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีอ กา
มาตรฐาน ๓.๒ เขา้ ใจองคป์ ระกอบและค าม มั พันธ์ของระบบโลก กระบ นการเปล่ียนแปลงภายในโลก

และบนผิ โลก ธรณีพิบัตภิ ัย กระบ นการเปลยี่ นแปลงลมฟ้าอากา และภูมิอากา โลก
ร มทั้งผลตอ่ งิ่ มีชี ติ และ ่ิงแ ดล้อม
าระที่ ๔ เทคโนโลยี

มาตรฐาน ๔.๑ เข้าใจแน คิด ลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชี ิตใน ังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง
ร ดเร็ ใช้ค ามรู้และทัก ะทางด้าน ิทยา า ตร์ คณิต า ตร์ และ า ตร์อื่น ๆ เพ่ือ
แก้ปัญ า รือพัฒนางานอย่างมีค ามคิด ร้าง รรค์ด้ ยกระบ นการออกแบบเชิง

ิ กรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเ มาะ มโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชี ิต ังคม และ
่งิ แ ดลอ้ ม
มาตรฐาน ๔.๒ เข้าใจและใช้แน คดิ เชงิ คำน ณในการแกป้ ญั าทพ่ี บในชี ติ จริงอย่างเป็น ขน้ั ตอนและ

เปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยี าร นเท และการ ่อื ารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการ
แกป้ ัญ าไดอ้ ย่างมปี ระ ทิ ธิภาพ รูเ้ ทา่ ทนั และมีจริยธรรม

คณุ ภาพผ้เู รยี น
นักเรียนท่เี รียนกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์ เมอ่ื จบระดบั ช้นั ประถม กึ าปีท่ี 3 ของโรงเรียนบา้ น

มะเดื่อ านจะตอ้ งมีคณุ ภาพดงั นี้
1. เขา้ ใจลกั ณะทั่ ไปของ งิ่ มชี ี ติ และการดำรงชี ติ ของ ง่ิ มีชี ิตรอบตั
2. เขา้ ใจลัก ณะทป่ี รากฏ ชนดิ และ มบัติบางประการของ ั ดุทใี่ ชท้ ำ ตั ถุ และการเปลย่ี นแปลงของ

ั ดรุ อบตั
3. เข้าใจการดึง การผลกั แรงแมเ่ ล็ก และผลของแรงทม่ี ีต่อการเปล่ียนแปลง การเคลื่อนท่ีของ ตั ถุ

พลังงานไฟฟา้ และการผลิตไฟฟา้ การเกิดเ ยี ง แ งและการมองเ น็
4. เข้าใจการปรากฏของด งอาทิตย์ ด งจันทร์ และดา ปรากฏการณ์ข้ึนและตกของด งอาทติ ย์ การ

เกดิ กลาง ันกลางคืน การกำ นดทิ ลัก ณะของ ิน การจำแนกชนิดดินและการใช้ประโยชน์ ลกั ณะและ
ค าม ำคญั ของอากา การเกดิ ลม ประโยชน์และโท ของลม

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 4

5. ต้ังคำถาม รือกำ นดปัญ าเกี่ย กับ ่ิงท่ีจะเรียนรู้ตามท่ีกำ นดใ ้ รือตามค าม นใจ ังเกต
ำร จตร จ อบโดยใชเ้ ครือ่ งมืออยา่ งงา่ ย ร บร มขอ้ มูล บนั ทึก และอธิบายผลการ ำร จตร จ อบด้ ยการ
เขียน รือ าดภาพ และ อ่ื าร ง่ิ ท่ีเรยี นรูด้ ้ ยการเลา่ เรอ่ื ง รอื ด้ ยการแ ดงทา่ ทางเพ่อื ใ ้ผ้อู ืน่ เขา้ ใจ

6. แก้ปัญ าอย่างง่ายโดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญ า มีทัก ะในการใช้เทคโนโลยี าร นเท และการ
อื่ ารเบอื้ งตน้ รกั าขอ้ มูล ่ นตั

7. แ ดงค ามกระตือรือร้น นใจที่จะเรียนรู้ มีค ามคิด ร้าง รรค์เกี่ย กับเรื่องที่จะ ึก าตามท่ี
กำ นดใ ้ รือตามค าม นใจ มี ่ นร่ มในการแ ดงค ามคิดเ ็น และยอมรับฟังค ามคิดเ น็ ผู้อ่ืน

8. แ ดงค ามรับผิดชอบด้ ยการทำงานทีไ่ ด้รับมอบ มายอยา่ งมุ่งม่ัน รอบคอบ ประ ยดั ซอ่ื ัตย์
จนงานลลุ ่ งเป็นผล ำเรจ็ และทำงานร่ มกับผอู้ ื่นอยา่ งมีค าม ขุ

9. ตระ นักถงึ ประโยชน์ของการใชค้ ามรู้และกระบ นการทาง ิทยา า ตร์ในการดำรงชี ติ กึ า
าค ามรเู้ พ่มิ เตมิ ทำโครงงาน รือช้นิ งานตามทก่ี ำ นดใ ้ รอื ตามค าม นใจ

นักเรยี นทเ่ี รยี นกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์ เม่ือจบระดับชั้นประถม ึก าปที ี่ 6 ของโรงเรียน
บา้ นมะเดอื่ านจะต้องมีคณุ ภาพดังนี้

1. เขา้ ใจโครง รา้ ง ลัก ณะเฉพาะและการปรับตั ของ งิ่ มีชี ติ ร มทั้งค าม มั พันธข์ อง ่ิงมีชี ิตใน
แ ล่งทอี่ ยู่ การทำ นา้ ที่ของ ่ นตา่ ง ๆ ของพืช และการทำงานของระบบย่อยอา ารของมนุ ย์

2. เขา้ ใจ มบตั ิและการจำแนกกลุ่มของ ั ดุ ถานะและการเปลีย่ น ถานะของ ารการละลาย การ
เปล่ียนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงทผี่ ันกลบั ไดแ้ ละผันกลับไม่ได้ และการแยก ารอย่างงา่ ย

3. เขา้ ใจลัก ณะของแรงโนม้ ถ่ งของโลก แรงลัพธ์ แรงเ ยี ดทาน แรงไฟฟ้าและผลของแรงตา่ งๆ ผล
ท่ีเกิดจากแรงกระทำต่อ ัตถุ ค ามดัน ลักการท่ีมีต่อ ัตถุ งจรไฟฟ้าอย่างง่าย ปรากฏการณ์เบื้องต้นของ
เ ยี ง และแ ง

4. เข้าใจปรากฏการณ์การข้ึนและตก ร มถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของด งจันทร์
องค์ประกอบของระบบ ุริยะ คาบการโคจรของดา เคราะ ์ ค ามแตกตา่ งของดา เคราะ ์และดา ฤก ์ การ
ข้ึนและตกของกลุ่มดา ฤก ์ การใช้แผนท่ีดา การเกิดอุปราคา พฒั นาการและประโยชนข์ องเทคโนโลยอี กา

5. เข้าใจลัก ณะของแ ลง่ นำ้ ัฏจักรน้ำ กระบ นการเกิดเมฆ มอก น้ำค้าง น้ำค้างแข็ง ยาดน้ำ
ฟ้า กระบ นการเกิด ิน ฏั จักร ิน การใช้ประโยชน์ ินและแร่ การเกิดซากดึกดำบรรพ์ การเกดิ ลมบก ลม
ทะเล มร ุม ลัก ณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณีพบิ ัติภยั การเกดิ และผลกระทบของปรากฏการณ์
เรือนกระจก

6. ค้น าข้อมูลอย่างมีประ ิทธิภาพและประเมินค ามน่าเช่ือถือ ตัด ินใจเลือกข้อมูลใช้เ ตุผลเชิง
ตรรกะในการแก้ปญั า ใชเ้ ทคโนโลยี าร นเท และการ อื่ ารในการทำงานร่ มกนั เขา้ ใจ ทิ ธแิ ละ นา้ ที่ของ
ตน เคารพ ทิ ธขิ องผู้อน่ื

7. ตง้ั คำถาม รอื กำ นดปญั าเกยี่ กบั งิ่ ทจี่ ะเรียนรู้ตามท่กี ำ นดใ ้ รือตามค าม นใจ คาดคะเน
คำตอบ ลายแน ทาง ร้าง มมติฐานท่ี อดคล้องกับคำถาม รอื ปัญ าที่จะ ำร จตร จ อบ างแผนและ
ำร จตร จ อบโดยใช้เคร่ืองมอื อปุ กรณ์ และเทคโนโลยี าร นเท ทเ่ี มาะ ม ในการเก็บร บร มข้อมูลท้ัง
เชิงปรมิ าณและคุณภาพ

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 5

8. เิ คราะ ์ข้อมูล ลงค ามเ ็น และ รปุ ค าม ัมพันธ์ของข้อมูลท่ีมาจากการ ำร จตร จ อบใน
รปู แบบที่เ มาะ ม เพอื่ ่อื ารค ามรู้จากผลการ ำร จตร จ อบได้อย่างมเี ตผุ ลและ ลักฐานอ้างอิง

9. แ ดงถึงค าม นใจ มุ่งม่ัน ใน ่ิงที่จะเรียนรู้ มีค ามคิด ร้าง รรค์เกี่ย กับเร่ืองท่ีจะ ึก าตาม
ค าม นใจของตนเอง แ ดงค ามคิดเ ็นของตนเอง ยอมรับในข้อมูลที่มี ลักฐานอ้างอิง และรับฟังค าม
คิดเ น็ ผอู้ ืน่

10. แ ดงค ามรับผดิ ชอบด้ ยการทำงานที่ได้รับมอบ มายอย่างมุ่งมัน่ รอบคอบ ประ ยดั ซอื่ ัตย์
จนงานลุล่ งเปน็ ผล ำเรจ็ และทำงานร่ มกบั ผ้อู ื่นอยา่ ง ร้าง รรค์

10. ตระ นักในคุณค่าของค ามรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี ใช้ค ามรู้และกระบ นการทาง
ิทยา า ตร์ในการดำรงชี ิต แ ดงค ามช่ืนชม ยกย่อง และเคารพ ิทธิในผลงานของผู้คิดคน้ และ ึก า า
ค ามรู้เพม่ิ เติม ทำโครงงาน รือชิ้นงานตามท่กี ำ นดใ ้ รอื ตามค าม นใจ

12. แ ดงถึงค ามซาบซึ้ง ่ งใย แ ดงพฤตกิ รรมเกีย่ กบั การใช้ การดูแลรัก าทรัพยากรธรรมชาติ
และ ง่ิ แ ดล้อมอย่างรคู้ ุณคา่

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 6

ตั ชี้ ัดและ าระการเรียนรู้แกนกลาง

าระท่ี ๑ ิทยา า ตรช์ ี ภาพ
มาตรฐาน ๑.๑ เข้าใจค าม ลาก ลายของระบบนิเ ค าม ัมพันธ์ระ ่าง ่ิงไม่มีชี ิต

กับ ิ่งมีชี ิต และค าม ัมพันธ์ระ ่าง ิ่งมีชี ิตกับ ิ่งมีชี ิตต่าง ๆ ในระบบนิเ การถ่ายทอดพลังงาน

การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีในระบบนิเ ค าม มายของประชากร ปัญ าและผลกระทบ ที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและ ิ่งแ ดล้อมแน ทางในการอนุรัก ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญ า
งิ่ แ ดล้อมร มทั้งนำค ามรู้ไปใช้

ประโยชน์

ชน้ั ตั ช้ี ดั ที่ าระการเรยี นรู้แกนกลาง าระการเรียนร้ทู ้องถิ่น

ป.1 ๑. ระบุช่ือพชื และ ัต ท์ ่ีอา ัย • บรเิ ณตา่ ง ๆ ในทอ้ งถ่ิน เชน่ นาม ญ้า ใต้ตน้ ไม้ • พชื และ ตั ท์ ีอ่ า ัยอยู่บรเิ ณ

อยูบ่ ริเ ณต่างจากข้อมูลที่ น ยอ่ ม แ ล่งนำ้ อาจพบพชื และ ัต ์ ลายชนดิ ตา่ ง ๆ ในท้องถ่ินของตน เช่น

ร บร มได้ อา ยั อยู่ นาม ญ้า ใตต้ ้นไม้ น ยอ่ ม
๒. บอก ภาพแ ดล้อมที่ • บรเิ ณทแี่ ตกต่างกันอาจพบพืชและ ัต ์แตกตา่ งกนั แ ลง่ น้ำ ฯลฯ
เ มาะ มกบั การดำรงชี ิต เพราะ ภาพแ ดลอ้ มของแต่ละบรเิ ณจะมคี าม
ของ ตั ใ์ นบรเิ ณท่ีอา ัยอยู่ เ มาะ มต่อการดำรงชี ิตของพชื และ ัต ท์ อี่ า ยั อยู่ • ภาพแ ดลอ้ มในท้องถิ่นภายใน
ในแต่ละบรเิ ณ เชน่ ระน้ำ มีนำ้ เปน็ ทีอ่ ยูอ่ า ยั ของ เกาะพะงนั

อย ปลา า ร่าย เปน็ ที่ ลบภัยและมีแ ลง่ อา าร

ของ อยและปลา บรเิ ณตน้ มะม่ งมีตน้ มะม่ งเป็น

แ ลง่ ทอี่ ยูแ่ ละมอี า าร ำ รบั กระรอกและมด

• ถ้า ภาพแ ดล้อมในบริเ ณทีพ่ ืชและ ตั อ์ า ยั อยูม่ ี

การเปล่ียนแปลง จะมีผลต่อการดำรงชี ิตของพชื และ

ัต ์

ป.1 - - -

ป.2 - - -

ป.3 - - -

ป.4 - - -

ป.5 ๑. บรรยายโครง ร้างและ • ่งิ มชี ี ิตทั้งพืชและ ตั ์มีโครง ร้างและลัก ณะท่ี • ภาพแ ดลอ้ มในทอ้ งถนิ่

ลัก ณะของ ่ิงมชี ี ติ ที่ เ มาะ มในแต่ละแ ล่งทอ่ี ยู่ ซ่ึงเป็นผลมาจากการ ภายในเกาะพะงัน

เ มาะ มกับการดำรงชี ิต ซึง่ ปรับตั ของ ง่ิ มีชี ิต เพื่อใ ด้ ำรงชี ิตและอยู่รอด

เปน็ ผลมาจาก ไดใ้ นแต่ละแ ลง่ ที่อยู่ เชน่ ผักตบช ามีช่องอากา

การปรับตั ของ ิ่งมชี ี ติ ในแต่ ในก้านใบ ช่ ยใ ้ลอยน้ำได้ ตน้ โกงกางที่ขึ้นอยูใ่ น

ละแ ลง่ ทอี่ ยู่ ปา่ ชายเลนมีรากค้ำจุนทำใ ล้ ำต้นไม่ลม้ ปลามคี รบี

ช่ ยในการเคลอื่ นที่ในน้ำ

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 7

ชน้ั ตั ช้ี ัดท่ี าระการเรยี นร้แู กนกลาง าระการเรียนรทู้ อ้ งถนิ่

ป.5 2. อธบิ ายค าม ัมพันธร์ ะ า่ ง • ในแ ลง่ ที่อยู่ นง่ึ ๆ ่ิงมชี ี ติ จะมีค าม ัมพันธซ์ ึ่งกนั • ภาพแ ดลอ้ มในท้องถิ่นภายใน

่ิงมชี ี ติ กบั ิ่งมีชี ิตและ และกนั และ ัมพันธ์กับ ่งิ ไม่มชี ี ติ เพอ่ื ประโยชนต์ ่อ เกาะพะงัน

ค าม มั พันธร์ ะ ่าง ่ิงมชี ี ิตกับ การดำรงชี ติ เชน่ ค าม มั พนั ธก์ ันด้านการกินกนั เปน็

ง่ิ ไมม่ ชี ี ติ เพื่อประโยชน์ตอ่ การ อา าร เปน็ แ ล่งท่ีอยู่อา ัย ลบภัยและเลี้ยงดลู ูกออ่ น

ดำรงชี ิต ใชอ้ ากา ในการ ายใจ

๓. เขียนโซอ่ า ารและระบุบทบาท • ิ่งมชี ี ติ มกี ารกนิ กันเป็นอา าร โดยกินต่อกันเปน็

นา้ ท่ขี อง ิ่งมชี ี ิตท่ีเป็นผผู้ ลิต ทอด ๆ ในรูปแบบของโซ่อา าร ทำใ ้ ามารถระบุ

และผู้บริโภคในโซ่อา าร บทบาท น้าท่ีของ ิ่งมชี ี ติ เป็นผ้ผู ลิตและผบู้ ริโภค

๔. ตระ นักในคณุ ค่าของ

ง่ิ แ ดลอ้ มท่มี ีต่อการดำรงชี ิต

ของ ง่ิ มีชี ิต โดยมี ่ นร่ มในการ

ดแู ลรกั า งิ่ แ ดลอ้ ม

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 8

าระที่ ๑ ิทยา า ตรช์ ี ภาพ

มาตรฐาน ๑.๒ เขา้ ใจ มบตั ขิ อง ง่ิ มชี ี ติ น่ ยพน้ื ฐานของ ง่ิ มีชี ิต การลำเลยี ง ารเขา้ และออก

จากเซลล์ ค าม มั พนั ธข์ องโครง ร้างและ นา้ ทขี่ องระบบตา่ ง ๆของ ัต แ์ ละมนุ ย์ท่ที ำงาน มั พันธก์ ัน

ค าม ัมพนั ธข์ องโครง ร้างและ น้าทข่ี องอ ยั ะตา่ ง ๆ ของพืชที่ทำงาน ัมพันธก์ ัน ร มทั้งนำค ามร้ไู ปใช้

ประโยชน์

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิน่

ป.๑ ๑. ระบชุ ื่อบรรยายลกั ษณะ • มนษุ ยม์ ีสว่ นต่างๆท่ีมีลักษณะและหน้าที่ -

และบอกหนา้ ทข่ี องส่วนต่างๆ แตกตา่ งกันเพือ่ ใหเ้ หมาะสมในการดารงชวี ติ เชน่ ตามี

ของรา่ งกายมนษุ ยส์ ตั วแ์ ละพชื หนา้ ท่ีไวม้ องดโู ดยมหี นงั ตาและขนตาเพือ่ ปอ้ งกนั

รวมทง้ั บรรยายการทาหนา้ ที่ อนั ตรายใหก้ ับตาหมู หี นา้ ท่ีรบั ฟังเสียงโดยมีใบหูและ

รว่ มกนั ของส่วนตา่ งๆของ รูหเู พือ่ เป็นทางผ่านของเสยี งปากมหี นา้ ท่ีพดู กิน

ร่างกายมนษุ ยใ์ นการทา อาหารมีช่องปากและมีรมิ ฝีปากบนลา่ งแขนและมอื มี

กิจกรรมตา่ งๆจากขอ้ มลู ท่ี หนา้ ทยี่ กหยิบจบั มที ่อนแขนและนิว้ มือทขี่ ยบั ได้

รวบรวมได้ สมองมีหนา้ ท่คี วบคมุ การทางานของส่วนต่างๆของ

๒. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ร่างกายอยใู่ นกะโหลกศีรษะโดยส่วนต่างๆของ

ของสว่ นต่างๆของรา่ งกาย ร่างกายจะทาหน้าทีร่ ่วมกนั ในการทากจิ กรรมใน

ตนเองโดยการดแู ลสว่ นต่างๆ ชีวติ ประจาวนั

อยา่ งถูกตอ้ งใหป้ ลอดภยั และ •สตั วม์ ีหลายชนิดแตล่ ะชนิดมีสว่ นต่างๆทมี่ ีลกั ษณะ
รกั ษาความสะอาดอยู่เสมอ และหนา้ ท่ีแตกตา่ งกันเพอื่ ใหเ้ หมาะสมในการ

ดารงชีวติ เชน่ ปลามีครบี เป็นแผน่ ส่วนกบเต่าแมวมขี า

๔ขาและมเี ทา้ สาหรบั ใช้ในการเคลือ่ นท่ี

•พชื มสี ่วนตา่ งๆท่ีมีลกั ษณะและหนา้ ทแ่ี ตกต่างกนั

เพือ่ ใหเ้ หมาะสมในการดารงชวี ิตโดยท่วั ไปรากมี

ลกั ษณะเรียวยาวและแตกแขนงเป็นรากเล็กๆทา

หนา้ ทีด่ ูดนา้ ลาตน้ มีลกั ษณะเป็นทรงกระบอกตงั้ ตรง

และมกี งิ่ กา้ นทาหนา้ ท่ีชกู ง่ิ กา้ นใบและดอกใบมี

ลกั ษณะเป็นแผ่นแบนทาหนา้ ที่สรา้ งอาหาร

นอกจากนีพ้ ืชหลายชนดิ อาจมีดอกทม่ี ีสีรูปรา่ งตา่ งๆ

ทาหนา้ ท่ีสบื พนั ธุร์ วมท้งั มีผลทมี่ ีเปลือกมเี นือ้ ห่อหุ้ม

เมลด็ และมีเมล็ดซงึ่ สามารถงอกเป็นตน้ ใหมไ่ ด้

• มนุษยใ์ ชส้ ว่ นต่างๆของร่างกายในการทากจิ กรรม

ตา่ งๆเพือ่ การดารงชวี ิตมนุษยจ์ ึงควรใชส้ ว่ นต่างๆของ

ร่างกายอย่างถูกตอ้ งปลอดภยั และรกั ษาความ

สะอาดอยเู่ สมอเช่นใชต้ ามองตวั หนังสือในท่ีทม่ี แี สง

สวา่ งเพยี งพอดูแลตาใหป้ ลอดภยั จากอนั ตรายและ

รกั ษาความสะอาดตาอยู่เสมอ

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 9
าระการเรยี นรูท้ ้องถนิ่
ชนั้ ตั ช้ี ดั ท่ี าระการเรยี นรู้แกนกลาง
-
ป.๒ ๑. ระบุ ่าพชื ต้องการแ งและ • พชื ต้องการน้ำแ งเพ่อื การเจริญเตบิ โต
-
น้ำเพื่อการเจรญิ เตบิ โตโดยใช้

ข้อมูลจาก ลกั ฐานเชิงประจัก ์

๒. ตระ นกั ถงึ ค ามจำเปน็ ท่ี

พืชต้องไดร้ บั น้ำและแ งเพอื่

การเจริญเติบโตโดยดแู ลพืชใ ้

ไดร้ บั ิ่งดังกล่า อย่างเ มาะ ม

๓. รา้ งแบบจำลองท่ี •พืชดอกเมื่อเจรญิ เติบโตและมีดอกดอกจะมกี าร
บรรยาย ัฏจักรชี ติ ของพชื ดอก บื พนั ธเ์ุ ปลีย่ นแปลงไปเปน็ ผลภายในผลมีเมลด็ เมอื่
เมล็ดงอกต้นอ่อนท่ีอยภู่ ายในเมล็ดจะเจริญเติบโตเป็น
พชื ต้นใ มพ่ ชื ตน้ ใ มจ่ ะเจริญเติบโตออกดอกเพ่ือ
บื พนั ธุ์มีผลต่อไปได้อีก มนุ เ ยี นต่อเน่ืองเปน็ ัฏจักร
ชี ิตของพืชดอก

ป.3 ๑1.บรรยาย ิง่ ทจี่ ำเปน็ ต่อการ •มนุ ย์และ ตั ์ต้องการอา ารน้ำและอากา เพอื่ การ -
-
ดำรงชี ติ และการเจริญเตบิ โต ดำรงชี ิตและการเจริญเตบิ โต -

ของมนุ ย์และ ัต โ์ ดยใช้ขอ้ มูล •อา ารช่ ยใ ร้ ่างกายแขง็ แรงและเจริญเติบโตนำ้ ช่ ย

ท่รี บร มได้ ใ ้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติอากา ใช้ในการ ายใจ

๒. ตระ นกั ถงึ ประโยชนข์ อง

อา ารนำ้ และอากา โดยการ

ดแู ลตนเองและ ัต ์ใ ไ้ ดร้ ับ ิง่

เ ลา่ นี้อย่างเ มาะ ม

๓. ร้างแบบจำลองท่ี • ตั เ์ มอื่ เป็นตั เต็ม ัยจะ ืบพันธุ์มลี ูกเม่อื ลูก

บรรยาย ฏั จกั รชี ิตของ ตั ์ เจรญิ เตบิ โตเปน็ ตั เตม็ ัยก็ ืบพันธุ์มลี ูกต่อไปได้อีก

และเปรยี บเทียบ ฏั จกั รชี ติ มนุ เ ยี นต่อเนื่องเป็น ฏั จักรชี ิตของ ัต ์ซ่ึง ตั ์แต่

ของ ัต บ์ างชนดิ ละชนิดเชน่ ผีเ ื้อกบไกม่ นุ ย์จะมี ัฏจักรชี ิตที่เฉพาะ

๔. ตระ นักถงึ คณุ ค่าของชี ติ และแตกตา่ งกัน

ตั ์โดยไมท่ ำใ ้ ัฏจักรชี ิตของ

ัต ์เปลีย่ นแปลง

ป.4 ๑. บรรยาย น้าทข่ี องราก ลำ • ่ นตา่ ง ๆ ของพืชดอกทำ น้าที่แตกต่างกนั

ตน้ ใบ และดอกของพืชดอก - รากทำ น้าทีด่ ูดน้ำและธาตอุ า ารขน้ึ ไปยงั ลำตน้

โดยใช้ข้อมลู ทรี่ บร มได้ - ลำต้นทำ นา้ ทีล่ ำเลียงน้ำต่อไปยงั ่ นตา่ ง ๆ ของพชื

- ใบทำ นา้ ที่ ร้างอา าร อา ารท่ีพชื ร้างขึ้น คือ

น้ำตาลซึง่ จะเปลย่ี นเป็นแปง้

- ดอกทำ นา้ ที่ ืบพันธุ์ ประกอบด้ ย ่ นประกอบ

ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ กลีบเลีย้ ง กลบี ดอก เก รเพ ผู้ และ

เก รเพ เมยี ซ่ึง ่ นประกอบแตล่ ะ ่ นของดอกทำ

นา้ ทแ่ี ตกตา่ งกัน

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 10
สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ
ชนั้ ตวั ชีว้ ดั ที่ สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
-
ป.5 - -

ป.6 ๑. ระบุ ารอา ารและบอก • ารอา ารทอ่ี ย่ใู นอา ารมี ๖ ประเภท ไดแ้ ก่ คารโ์ บไฮเดรต -
-
ประโยชนข์ อง ารอา ารแต่ละ โปรตนี ไขมัน เกลอื แร่ ติ ามนิ และน้ำ
ประเภทจากอา ารทต่ี นเอง • อา ารแต่ละชนิดประกอบด้ ย ารอา ารท่ี

รับประทาน แตกต่างกนั อา ารบางอยา่ งประกอบด้ ย ารอา ารประเภท

๒. บอกแน ทางในการเลือก เดีย อา ารบางอย่างประกอบด้ ย ารอา ารมากก า่ น่งึ

รับประทานอา ารใ ไ้ ด้ ประเภท

ารอา ารครบถ้ น ใน ัด ่ น • ารอา ารแตล่ ะประเภทมปี ระโยชนต์ อ่ ร่างกายแตกตา่ งกนั

ที่เ มาะ มกบั เพ และ ยั โดยคารโ์ บไฮเดรต โปรตนี และไขมนั เป็น ารอา ารที่ใ ้

ร มทงั้ ค ามปลอดภยั ตอ่ พลังงานแกร่ ่างกาย ่ นเกลอื แร่ ิตามนิ และนำ้ เปน็

ขุ ภาพ ารอา ารท่ีไมใ่ ้พลงั งานแกร่ า่ งกาย แต่ช่ ยใ ร้ า่ งกาย
๓. ตระ นกั ถงึ ค าม ำคญั ของ ทำงานได้เป็นปกติ
ารอา าร โดยการเลอื ก • การรับประทานอา าร เพ่ือใ ้ร่างกายเจรญิ เตบิ โต มีการ
รับประทานอา ารทมี่ ี าร
อา ารครบถ้ นใน ดั ่ นท่ี เปลยี่ นแปลงของรา่ งกายตามเพ และ ัย และมี ขุ ภาพดี
เ มาะ มกบั เพ และ ยั ร มทงั้ จำเปน็ ตอ้ งรับประทานใ ไ้ ด้พลังงานเพียงพอกับค าม
ปลอดภยั ตอ่ ขุ ภาพ ต้องการของร่างกาย และใ ้ได้ ารอา ารครบถ้ น ใน ดั ่ น
ทีเ่ มาะ มกับเพ และ ัย ร มทั้งต้องคำนึงถงึ ชนดิ และ
ปริมาณของ ตั ถุเจอื ปนในอา าร

เพอ่ื ค ามปลอดภยั ตอ่ ุขภาพ

๔. ร้างแบบจำลองระบบย่อย • ระบบยอ่ ยอา ารประกอบด้ ยอ ยั ะตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ปาก

อา ารและบรรยาย น้าท่ีของ ลอดอา าร กระเพาะอา าร ลำไ เ้ ล็ก ลำไ ใ้ ญ่ ท าร นัก

อ ัย ะในระบบย่อยอา าร ตับ และตับอ่อน ซึ่งทำ น้าที่ร่ มกนั ในการยอ่ ยและดดู ซึม
ร มท้งั อธิบายการย่อยอา าร ารอา าร
และการดดู ซมึ ารอา าร - ปากมีฟันช่ ยบดเคยี้ อา ารใ ้มีขนาดเลก็ ลงและมีล้ินช่ ย
๕. ตระ นกั ถงึ ค าม ำคญั ของ คลกุ เคล้าอา ารกบั น้ำลายในนำ้ ลายมเี อนไซมย์ ่อยแปง้ ใ เ้ ป็น
ระบบยอ่ ยอา ารโดยการบอก น้ำตาล
แน ทางในการดแู ลรัก า - ลอดอา ารทำ น้าทลี่ ำเลยี งอา ารจากปาก
อ ยั ะในระบบยอ่ ยอา ารใ ้ ไปยงั กระเพาะอา าร ภายในกระเพาะอา าร
ทำงานเป็นปกติ มีการย่อยโปรตนี โดยกรดและเอนไซมท์ ี่ รา้ งจากกระเพาะ
อา าร

- ลำไ เ้ ลก็ มีเอนไซมท์ ่ี ร้างจากผนังลำไ เ้ ล็กเองและจากตบั

อ่อนทชี่ ่ ยยอ่ ยโปรตนี คาร์โบไฮเดรต และไขมัน โดยโปรตีน

คาร์โบไฮเดรต และไขมนั ทผี่ ่านการย่อยจนเปน็ ารอา ารขนาด

เลก็ พอทจี่ ะดดู ซึมได้ ร มถงึ น้ำ เกลือแร่ และ ิตามิน จะถกู ดูด

ซึมท่ีผนังลำไ ้เลก็ เขา้ ่กู ระแ เลอื ด เพือ่ ลำเลยี งไปยัง ่ นต่าง ๆ

ของร่างกาย ซ่งึ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมนั จะถูกนำไปใช้

เปน็ แ ล่งพลงั งาน ำ รบั ใช้ในกจิ กรรมตา่ ง ๆ

่ นน้ำ เกลือแร่ และ ติ ามนิ จะช่ ยใ ร้ า่ งกายทำงานได้เป็น

ปกติ

- ตบั ร้างนำ้ ดีแล้ ่งมายงั ลำไ เ้ ลก็ ช่ ยใ ไ้ ขมนั แตกตั

- ลำไ ้ใ ญ่ทำ น้าทีด่ ูดน้ำและเกลือแร่เป็นบรเิ ณทม่ี อี า ารท่ี

ย่อยไมไ่ ด้ รอื ยอ่ ยไม่ มดเปน็ กากอา ารซง่ึ จะถูกกำจัดออกทาง

ท าร นกั

•อ ยั ะตา่ งๆในระบบยอ่ ยอา ารมีค าม ำคัญจงึ ค รปฏิบัติ

ตนดูแลรัก าอ ัย ะใ ท้ ำงานเป็นปกติ

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 11
สาระท่ี๑วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ

มาตรฐาน ว๑.๓ เขา้ ใจกระบวนการและความสาคญั ของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมสารพนั ธกุ รรมการ
เปลี่ยนแปลงทางพนั ธกุ รรมที่มผี ลตอ่ สง่ิ มชี ีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและววิ ฒั นาการของสง่ิ มีชวี ติ รวมทงั้ นา
ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ท่ี สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิ่น

ป.1 - --

ป.2 ๑. เปรียบเทียบลกั ษณะของ • ส่ิงทอ่ี ยูร่ อบตวั เรามที ง้ั ทเี่ ป็นสง่ิ มชี วี ติ และสิง่ ไม่มชี ีวติ

ส่งิ มชี ีวิตและส่ิงไมม่ ชี วี ิตจาก สิง่ มีชวี ิตตอ้ งการอาหารมกี ารหายใจเจรญิ เติบโตขบั ถา่ ย

ขอ้ มลู ที่รวบรวมได้ เคลอ่ื นไหวตอบสนองตอ่ ส่งิ เรา้ และสบื พันธไุ์ ดล้ กู ทม่ี ี

ลกั ษณะคลา้ ยคลงึ กบั พอ่ แมส่ ่วนสิง่ ไม่มชี วี ติ จะไม่มีลกั ษณะ

ดงั กลา่ ว

ป.3 - - -
-
ป.4 ๑. จาแนกส่ิงมชี ีวิตโดยใชค้ วาม • สงิ่ มีชวี ิตมหี ลายชนดิ สามารถจดั กล่มุ ไดโ้ ดยใชค้ วาม
-
เหมอื นและความแตกตา่ งของ เหมือนและความแตกตา่ งของลกั ษณะต่างๆเช่นกล่มุ พชื -

ลกั ษณะของสิง่ มชี วี ิตออกเป็น สรา้ งอาหารเองไดแ้ ละเคลอ่ื นที่ดว้ ยตนเองไมไ่ ดก้ ล่มุ สตั วก์ นิ -

กล่มุ พชื กลมุ่ สตั วแ์ ละกลมุ่ ท่ีไม่ใช่ ส่งิ มชี วี ติ อื่นเป็นอาหารและเคลอื่ นที่ไดก้ ล่มุ ทีไ่ มใ่ ชพ่ ืชและ

พืชและสตั ว์ สตั วเ์ ช่น เหด็ ราจุลนิ ทรยี ์

๒. จาแนกพืชออกเป็นพชื ดอก • การจาแนกพชื สามารถใชก้ ารมีดอกเป็นเกณฑใ์ นการ

และพชื ไม่มีดอกโดยใชก้ ารมีดอก จาแนกไดเ้ ป็นพืชดอกและพืชไมม่ ีดอก

เป็นเกณฑโ์ ดยใชข้ อ้ มลู ท่ีรวบรวม

ได้

๓. จาแนกสตั วอ์ อกเป็นสตั วม์ ี • การจาแนกสตั วส์ ามารถใชก้ ารมีกระดูกสนั หลงั เป็น

กระดกู สนั หลงั และสตั วไ์ ม่มี เกณฑใ์ นการจาแนกไดเ้ ป็นสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั และสตั วไ์ ม่

กระดกู สนั หลงั โดยใชก้ ารมี มกี ระดกู สนั หลงั

กระดกู สนั หลงั เป็นเกณฑโ์ ดยใช้

ขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้

๔. บรรยายลกั ษณะเฉพาะที่ • สตั วม์ กี ระดกู สนั หลังมหี ลายกล่มุ ไดแ้ ก่กล่มุ ปลากล่มุ
สงั เกตไดข้ องสตั วม์ กี ระดูกสนั สตั วส์ ะเทนิ นา้ สะเทนิ บกกล่มุ สตั วเ์ ลอื้ ยคลานกล่มุ นก
หลงั ในกล่มุ ปลากล่มุ สตั วส์ ะเทนิ และกล่มุ สัตวเ์ ลีย้ งลกู ดว้ ยนา้ นมซ่งึ แต่ละกล่มุ จะมี
นา้ สะเทินบกกล่มุ สตั วเ์ ลอื้ ยคลาน ลกั ษณะเฉพาะทส่ี ังเกตได้
กลมุ่ นกและกล่มุ สตั วเ์ ลยี้ งลกู

ดว้ ยนา้ นมและยกตวั อย่าง

ส่ิงมชี ีวิตในแตล่ ะกลมุ่

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 12

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถ่นิ

ป.5 ๑. อธิบายลกั ษณะทาง • สิง่ มชี วี ติ ทง้ั พืชสตั วแ์ ละมนษุ ยเ์ มอ่ื โตเตม็ ทจี่ ะมีการ -

พนั ธกุ รรมที่มีการถ่ายทอดจาก สืบพนั ธเุ์ พ่ือเพ่ิมจานวนและดารงพนั ธโุ์ ดยลกู ทีเ่ กิดมาจะ

พ่อแมส่ ลู่ ูกของพืชสตั วแ์ ละ ไดร้ บั การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมจากพอ่ แม่ทาใหม้ ี
มนษุ ย์ ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีเฉพาะแตกต่างจากส่ิงมีชวี ติ ชนิด
อน่ื
๒. แสดงความอยากรูอ้ ยาก
เหน็ โดยการถามคาถาม •พชื มีการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมเชน่ ลกั ษณะของ
เก่ียวกับลกั ษณะทคี่ ลา้ ยคลงึ ใบสีดอก

กนั ของตนเองกับ •สตั วม์ ีการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมเช่นสขี น

ลกั ษณะของขนลกั ษณะของหู
พอ่ แม่

•มนุษยม์ ีการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมเช่นเชงิ ผมท่ี

หนา้ ผากลกั ยมิ้ ลกั ษณะหนังตาการห่อลิน้ ลกั ษณะของตง่ิ หู

ป.6 - --

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 13
สาระท๒่ี วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ

มาตรฐาน ว๒.๑ เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสารองคป์ ระกอบของสสารความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบตั ขิ องสสารกับโครงสรา้ งและแรง
ยึดเหนี่ยวระหว่างอนภุ าคหลกั และธรรมชาติของการเปลยี่ นแปลงสถานะของสสารการเกิดสารละลายและการ
เกิดปฏิกริ ิยาเคมี

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ท่ี สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.1 ๑. อธบิ ายสมบตั ทิ ่สี งั เกตไดข้ องวสั ดุ • วสั ดุทใ่ี ชท้ าวตั ถุทเี่ ป็นของเลน่ ของใชม้ หี ลายชนิดเช่น -

ทีใ่ ชท้ าวตั ถซุ ่ึงทาจากวสั ดุชนดิ เดียว ผา้ แกว้ พลาสตกิ ยางไมอ้ ิฐหินกระดาษโลหะวสั ดุแตล่ ะ

หรือหลายชนดิ ประกอบกันโดยใช้ ชนิดมสี มบตั ทิ ี่สงั เกตไดต้ า่ งๆเชน่ สีนุ่มแขง็ ขรุขระเรยี บใส

หลกั ฐานเชิงประจักษ์ ขนุ่ ยดื หดได้

๒. ระบุชนดิ ของวสั ดแุ ละจดั กล่มุ วสั ดุ บดิ งอได้

ตามสมบตั ิทสี่ งั เกตได้ •สมบตั ิท่ีสงั เกตไดข้ องวสั ดุแต่ละชนดิ อาจเหมือนกันซ่งึ

สามารถนามาใชเ้ ป็นเกณฑใ์ นการจดั กลมุ่ วสั ดุได้

•วสั ดบุ างอย่างสามารถนามาประกอบกันเพือ่

ทาเป็นวตั ถุตา่ งๆเชน่ ผา้ และกระดุมใชท้ าเสอื้ ไมแ้ ละโลหะ

ใชท้ ากระทะ

ป.2 ๑. เปรยี บเทียบสมบตั กิ ารดูดซบั นา้ • วสั ดุแต่ละชนดิ มีสมบตั ิการดดู ซบั นา้ แตกต่างกนั จงึ -

ของวสั ดุโดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ นาไปทาวตั ถเุ พ่ือใชป้ ระโยชนไ์ ดแ้ ตกต่างกนั เชน่ ใชผ้ า้ ท่ี

และระบุการนาสมบตั ิ ดูดซบั นา้ ไดม้ ากทาผา้ เชด็ ตวั ใชพ้ ลาสตกิ ซึง่ ไม่ดดู ซบั นา้

การดูดซบั นา้ ของวสั ดไุ ปประยกุ ตใ์ ช้ ทารม่

ในการทาวตั ถใุ นชีวติ ประจาวนั

๒. อธบิ ายสมบตั ิท่ีสงั เกตไดข้ องวสั ดุ •วสั ดุบางอยา่ งสามารถนามาผสมกนั ซึ่งทาใหไ้ ดส้ มบตั ทิ ่ี -
ท่เี กิดจากการนาวสั ดมุ าผสมกนั โดย เหมาะสมเพ่ือนาไปใชป้ ระโยชนต์ ามตอ้ งการเช่นแปง้
ใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์ ผสมนา้ ตาลและกะทใิ ชท้ าขนมไทยปนู ปลาสเตอรผ์ สม
เยือ่ กระดาษใชท้ ากระปุกออมสินปูนผสมหนิ ทรายและนา้
ใชท้ าคอนกรีต

๓. เปรยี บเทยี บสมบตั ทิ ่สี งั เกตไดข้ อง • การนาวสั ดุมาทาเป็นวตั ถใุ นการใชง้ านตาม -
วสั ดเุ พื่อนามาทาเป็นวตั ถุในการใช้ วตั ถปุ ระสงคข์ นึ้ อย่กู ับสมบตั ขิ องวสั ดุวสั ดทุ ีใ่ ชแ้ ลว้ อาจนา
งานตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละอธิบายการ กลบั มาใชใ้ หมไ่ ดเ้ ช่นกระดาษใชแ้ ลว้ อาจนามาทาเป็น
นาวสั ดทุ ใ่ี ชแ้ ลว้ กลบั มาใชใ้ หม่โดยใช้ จรวดกระดาษดอกไมป้ ระดิษฐถ์ ุงใส่ของ
หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
๔. ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ องการนา
วสั ดทุ ่ีใชแ้ ลว้ กลบั มาใชใ้ หมโ่ ดยการ
นาวสั ดทุ ่ใี ชแ้ ลว้ กลบั มาใชใ้ หม่

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 14

ช้ัน ตวั ชีว้ ดั ท่ี สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.3 ๑. อธบิ ายว่าวตั ถุประกอบขนึ้ จากชนิ้ • วตั ถุอาจทาจากชนิ้ สว่ นย่อยๆซงึ่ แต่ละชนิ้ มลี กั ษณะ -

ส่วนยอ่ ยๆซ่ึงสามารถแยกออกจาก เหมือนกันมาประกอบเขา้ ดว้ ยกนั เม่ือแยกชนิ้ สว่ นย่อยๆ
กันไดแ้ ละประกอบกันเป็นวตั ถชุ นิ้ แตล่ ะชนิ้ ของวตั ถอุ อกจากกนั สามารถนาชนิ้ ส่วนเหล่านนั้
ใหมไ่ ดโ้ ดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ มาประกอบเป็นวตั ถุชนิ้ ใหม่ไดเ้ ช่นกาแพงบา้ นมกี อ้ นอฐิ

หลายๆกอ้ นประกอบเขา้ ดว้ ยกนั และสามารถนากอ้ นอิฐ

จากกาแพงบา้ นมาประกอบเป็นพนื้ ทางเดินได้

๒. อธิบายการเปลี่ยนแปลงของวสั ดุ • เมอ่ื ใหค้ วามรอ้ นหรือทาใหว้ สั ดรุ อ้ นขนึ้ และเม่ือลด -

เมือ่ ทาใหร้ อ้ นขึน้ หรือทาใหเ้ ยน็ ลงโดย ความรอ้ นหรอื ทาใหว้ สั ดเุ ย็นลงวสั ดุจะเกดิ การ

ใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ เปล่ียนแปลงไดเ้ ช่นสีเปลี่ยนรูปรา่ งเปลีย่ น

ป.4 ๑. เปรียบเทียบสมบตั ทิ างกายภาพ • วสั ดุแตล่ ะชนดิ มสี มบตั ิทางกายภาพแตกต่างกันวสั ดุที่ -

ดา้ นความแขง็ สภาพยืดหยนุ่ การนา มคี วามแข็งจะทนต่อแรงขดู ขดี วสั ดทุ ม่ี ีสภาพยืดหยนุ่ จะ

ความรอ้ นและการนาไฟฟ้าของวสั ดุ เปลีย่ นแปลงรูปร่างเม่ือมแี รง

โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษจ์ ากการ มากระทาและกลบั สภาพเดิมไดว้ สั ดุท่ี

ทดลองและระบกุ ารนาสมบตั เิ รอ่ื ง นาความรอ้ นจะรอ้ นไดเ้ ร็วเมอ่ื ไดร้ บั ความรอ้ น

ความแขง็ สภาพยดื หยนุ่ การนาความ และวสั ดทุ ีน่ าไฟฟ้าไดจ้ ะใหก้ ระแสไฟฟา้ ผ่านได้

รอ้ นและการนาไฟฟา้ ของวสั ดไุ ปใช้ ดงั นนั้ จงึ อาจนาสมบตั ิต่างๆมาพิจารณาเพ่อื ใชใ้ น

ในชวี ติ ประจาวนั ผา่ นกระบวนการ กระบวนการออกแบบชนิ้ งานเพื่อใชป้ ระโยชน์

ออกแบบชนิ้ งาน ในชวี ิตประจาวนั

๒. แลกเปล่ียนความคิดกบั ผอู้ ่นื โดย

การอภปิ รายเกย่ี วกับสมบตั ิทาง

กายภาพของวสั ดอุ ยา่ งมีเหตผุ ลจาก

การทดลอง

๓. เปรียบเทียบสมบตั ิของสสารทงั้ ๓ • วสั ดเุ ป็นสสารเพราะมมี วลและตอ้ งการทีอ่ ยสู่ สารมี -
สถานะจากขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ ากการสงั เกต สถานะเป็นของแข็งของเหลวหรือแกส๊ ของแข็งมีปริมาตร
มวลการตอ้ งการท่อี ยรู่ ูปร่างและ และรูปรา่ งคงทข่ี องเหลวมปี รมิ าตรคงที่แตม่ รี ูปรา่ ง
ปรมิ าตรของสสาร เปลี่ยนไปตามภาชนะเฉพาะส่วนท่บี รรจขุ องเหลวสว่ น
๔. ใชเ้ ครอื่ งมือเพือ่ วดั มวลและ แก๊สมปี ริมาตรและรูปร่างเปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุ
ปริมาตรของสสารทง้ั ๓สถานะ

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 15

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.5 ๑. อธบิ ายการเปลย่ี นสถานะของ • การเปลยี่ นสถานะของสสารเป็นการเปล่ยี นแปลงทาง -

สสาร เมอ่ื ทาใหส้ สารรอ้ นขนึ้ หรือเยน็ กายภาพ เมือ่ เพิ่มความรอ้ นใหก้ บั สสารถงึ ระดบั หน่งึ จะ

ลง โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ทาใหส้ สารท่ีเป็นของแขง็ เปลยี่ นสถานะเป็นของเหลว

เรียกว่า การหลอมเหลว และเม่ือเพิ่มความรอ้ นตอ่ ไป

จนถึงอกี ระดบั หน่งึ ของเหลวจะเปล่ียนเป็นแกส๊ เรยี กว่า

การกลายเป็นไอ แต่เม่อื ลดความรอ้ นลงถงึ ระดบั หน่งึ

แกส๊ จะเปลย่ี นสถานะเป็นของเหลว เรยี กวา่ การควบแน่น

และถา้ ลดความรอ้ นตอ่ ไปอีกจนถึงระดบั หนงึ่ ของเหลว

จะเปล่ยี นสถานะเป็นของแขง็ เรยี กว่า การแข็งตวั สสาร

บางชนดิ สามารถเปลย่ี นสถานะจากของแข็งเป็นแกส๊ โดย

ไมผ่ ่านการเป็นของเหลว เรยี กวา่ การระเหิด ส่วนแก๊ส

บางชนิดสามารถเปล่ียนสถานะเป็นของแข็งโดยไมผ่ ่าน

การเป็นของเหลว เรียกวา่ การระเหดิ กลบั

๒. อธิบายการละลายของสารในนา้ • เมื่อใสส่ ารลงในนา้ แลว้ สารนนั้ รวมเป็น -

โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ เนอื้ เดยี วกันกับนา้ ท่วั ทกุ ส่วน แสดงวา่ สารเกิดการละลาย

เรยี กสารผสมที่ไดว้ ่าสารละลาย

๓. วิเคราะหก์ ารเปลี่ยนแปลงของสาร • เมอ่ื ผสมสาร ๒ ชนดิ ขนึ้ ไปแลว้ มสี ารใหม่เกดิ ขนึ้ ซ่ึงมี -

เมื่อเกิดการเปลย่ี นแปลงทางเคมี สมบตั ติ ่างจากสารเดิมหรือเมือ่ สารชนิดเดียว เกดิ การ

โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ เปลย่ี นแปลงแลว้ มสี ารใหม่เกิดขนึ้ การเปลยี่ นแปลงนี้

เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงทางเคมี ซึ่งสงั เกตไดจ้ ากมีสี

หรอื กล่นิ ตา่ งจากสารเดิม หรือมฟี องแก๊ส หรือมตี ะกอน

เกิดขนึ้ หรือมีการเพ่มิ ขนึ้ หรือลดลงของอณุ หภูมิ

๔. วเิ คราะหแ์ ละระบุการ • เมือ่ สารเกดิ การเปล่ียนแปลงแลว้ สารสามารถเปลย่ี น -

เปลีย่ นแปลงที่ผนั กลบั ไดแ้ ละการ กลบั เป็นสารเดิมได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงทผี่ นั กลบั ได้

เปลยี่ นแปลงที่ผนั กลบั ไมไ่ ด้ เชน่ การหลอมเหลว การกลายเป็นไอ การละลาย แตส่ าร

บางอยา่ งเกดิ การเปลีย่ นแปลง แลว้ ไม่สามารถเปลีย่ น

กลบั เป็นสารเดมิ ได้ เป็นการเปล่ียนแปลงทผ่ี นั กลบั ไม่ได้

เช่นการเผาไหม้ การเกดิ สนิม

ป.6 ๑. อธบิ ายและเปรยี บเทยี บการแยก • สารผสมประกอบดว้ ยสารตง้ั แต่ ๒ ชนดิ ขนึ้ ไปผสมกัน -

สารผสมโดยการหยบิ ออก การร่อน เชน่ นา้ มนั ผสมนา้ ขา้ วสารปนกรวดทราย วธิ ีการที่

การใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดูด การรนิ ออก การ เหมาะสมในการแยกสารผสมขนึ้ อยูก่ บั ลกั ษณะและ

กรอง และการตกตะกอน สมบตั ขิ องสารท่ีผสมกนั ถา้ องคป์ ระกอบของสารผสม

โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ รวมทงั้ เป็นของแข็งกบั ของแขง็ ท่ีมีขนาดแตกต่างกนั อยา่ งชดั เจน

ระบวุ ธิ แี กป้ ัญหาในชีวติ ประจาวนั อาจใชว้ ิธีการหยบิ ออกหรือการรอ่ นผ่านวสั ดุที่มีรู ถา้ มี

เก่ยี วกบั การแยกสาร สารใดสารหนง่ึ เป็นสารแมเ่ หลก็ อาจใชว้ ิธกี ารใชแ้ มเ่ หลก็

ดงึ ดดู ถา้ องคป์ ระกอบเป็นของแข็งทไ่ี มล่ ะลายใน

ของเหลว อาจใชว้ ิธีการรนิ ออก การกรอง หรือการ

ตกตะกอนซ่ึงวิธีการแยกสารสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 16

สาระท๒่ี วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ

มาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจาวนั ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวตั ถุลกั ษณะการเคล่อื นทีแ่ บบต่างๆของ

วตั ถุรวมทง้ั นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิ่น

ป.1 - --

ป.2 - --

ป.3 ๑. ระบผุ ลของแรงท่มี ีต่อการ • การดงึ หรอื การผลกั เป็นการออกแรงกระทาตอ่ วตั ถุ -

เปลี่ยนแปลง แรงมีผลต่อการเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุ แรงอาจทาใหว้ ตั ถุ

การเคล่ือนทีข่ องวตั ถุจากหลักฐาน เกดิ การเคลอ่ื นทโี่ ดยเปลยี่ นตาแหน่งจากทหี่ นงึ่ ไปยงั

เชงิ ประจกั ษ์ อกี ท่หี น่งึ

• การเปลยี่ นแปลงการเคลอ่ื นท่ีของวตั ถุ ไดแ้ ก่ วตั ถุ

ที่อยู่น่งิ เปลย่ี นเป็นเคลอ่ื นที่ วตั ถุที่กาลงั เคลอ่ื นท่ี

เปลี่ยนเป็นเคลือ่ นท่เี รว็ ขนึ้ หรอื ชา้ ลงหรอื หยดุ น่งิ หรือ

เปล่ยี นทิศทางการเคลอ่ื นที่

๒. เปรียบเทยี บและยกตวั อย่าง • การดงึ หรือการผลกั เป็นการออกแรงทีเ่ กิดจากวตั ถุ -
แรงสมั ผัสและแรงไม่สัมผัสทม่ี ีผล หนึง่ กระทากบั อีกวัตถหุ น่ึง โดยวตั ถุทงั้ สองอาจสมั ผสั
ตอ่ การเคลอ่ื นท่ขี องวตั ถโุ ดยใช้ หรือไม่ตอ้ งสัมผัสกัน เชน่ การออกแรงโดยใชม้ ือดึง
หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ หรือการผลกั โต๊ะใหเ้ คล่ือนทเ่ี ป็นการออกแรงทวี่ ตั ถุ
ตอ้ งสมั ผัสกัน แรงนีจ้ ึงเป็น
แรงสมั ผสั สว่ นการทแี่ ม่เหล็กดึงดูดหรอื ผลกั ระหว่าง
แมเ่ หลก็ เป็นแรงท่ีเกิดขนึ้ โดยแมเ่ หล็กไมจ่ าเป็นตอ้ ง
สมั ผสั กัน แรงแม่เหลก็ นีจ้ ึงเป็นแรงไม่สมั ผสั

๓. จำแนก ตั ถุโดยใชก้ ารดึงดดู กับ • แมเ่ ลก็ ามารถดึงดูด ารแม่เ ล็กได้ -
-
แม่เ ล็กเป็นเกณฑจ์ าก ลักฐานเชงิ • แรงแม่เ ล็กเป็นแรงทเ่ี กดิ ขึ้นระ า่ งแมเ่ ล็ก

ประจัก ์ กบั ารแม่เ ล็ก รือแม่เ ล็กกบั แมเ่ ล็ก

๔. ระบขุ ั้ แมเ่ ล็กและพยากรณ์ผล แม่เ ลก็ มี ๒ ขั้ คือ ขั้ เ นือและขั้ ใต้

ท่เี กิดขึ้นระ า่ งขั้ แมเ่ ล็กเม่ือ ขั้ แม่เ ล็กชนดิ เดยี กันจะผลกั กัน ต่างชนดิ กัน

นำมาเขา้ ใกลก้ ันจาก ลักฐานเชงิ จะดึงดดู กัน
ประจกั ์

ป.4 ๑. ระบผุ ลของแรงโน้มถ่ งท่ีมตี อ่ • แรงโนม้ ถ่ งของโลกเปน็ แรงดึงดดู ที่โลกกระทำต่อ

ตั ถจุ าก ลักฐานเชิงประจัก ์ ัตถุ มที ิ ทางเข้า ู่ นู ย์กลางโลก และเป็นแรงไม่ ัมผั

๒. ใชเ้ ครอื่ งชงั่ ปริงในการ ดั แรงดงึ ดดู ทีโ่ ลกกระทำกบั ตั ถุ น่งึ ๆทำใ ้ ัตถุตกลง ู่
น้ำ นักของ ตั ถุ พื้นโลก และทำใ ้ ตั ถมุ นี ้ำ นัก ัดนำ้ นักของ ตั ถุได้
จากเครือ่ งชัง่ ปรงิ น้ำ นกั ของ ตั ถขุ ้นึ กบั ม ลของ ตั ถุ

โดย ตั ถุทม่ี ีม ลมากจะมีนำ้ นักมาก ัตถทุ ี่มมี ลน้อย

จะมนี ำ้ นักนอ้ ย

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 17

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

๓. บรรยายม ลของ ตั ถุท่ีมผี ลต่อ • ม ล คือ ปริมาณเนอ้ื ของ ารทัง้ มดทปี่ ระกอบ

การเปล่ียนแปลง กันเปน็ ัตถุ ซึง่ มผี ลต่อค ามยากง่ายในการ

การเคล่ือนทข่ี อง ตั ถจุ าก ลักฐาน เปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ของ ัตถุ ตั ถุที่มี

เชงิ ประจัก ์ ม ลมากจะเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนทไ่ี ดย้ ากก ่า

ัตถุทมี่ ีม ลน้อย ดงั นน้ั ม ลของ ัตถนุ อกจาก

จะ มายถึงเน้ือท้ัง มดของ ัตถุนัน้ แล้

ยงั มายถงึ การต้านการเปล่ยี นแปลง

การเคลื่อนท่ีของ ัตถนุ ้ันด้ ย

ป.5 ๑. อธิบาย ิธกี าร าแรงลัพธ์ของ • แรงลพั ธ์เป็นผลร มของแรงท่ีกระทำตอ่ ตั ถุ โดย -

แรง ลายแรงในแน เดยี กันที่ แรงลพั ธข์ องแรง ๒ แรงทก่ี ระทำต่อ ัตถเุ ดีย กันจะมี

กระทำต่อ ัตถใุ นกรณีท่ี ัตถอุ ยนู่ ิ่ง ขนาดเทา่ กบั ผลร มของแรงท้ัง องเม่ือแรงทง้ั องอยู่

จาก ลักฐานเชิงประจัก ์ ในแน เดยี กันและมที ิ ทางเดยี กันแตจ่ ะมีขนาด

๒. เขยี นแผนภาพแ ดงแรงท่ี เท่ากับผลต่างของแรงทั้ง องเมอ่ื แรงทง้ั องอย่ใู นแน

กระทำต่อ ัตถุท่ีอยูใ่ นแน เดยี กัน เดยี กันแตม่ ที ิ ทางตรงขา้ มกนั ำ รบั ัตถทุ ีอ่ ยู่น่งิ

และแรงลพั ธ์ทก่ี ระทำต่อ ัตถุ แรงลพั ธท์ ี่กระทำต่อ ัตถุมคี ่าเป็น ูนย์

๓. ใช้เคร่ืองชั่ง ปริงในการ ัดแรงที่ • การเขียนแผนภาพของแรงท่ีกระทำตอ่ ัตถุ ามารถ

กระทำตอ่ ัตถุ เขียนได้โดยใช้ลกู ร โดย ั ลูก รแ ดงทิ ทางของแรง

และค ามยา ของลูก รแ ดงขนาดของแรงทก่ี ระทำ

ตอ่ ัตถุ

๔. ระบุผลของแรงเ ียดทานทมี่ ีตอ่ • แรงเ ียดทานเปน็ แรงทเ่ี กิดขนึ้ ระ า่ งผิ ัมผั ของ -
การเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนท่ีของ ตั ถุ เพอื่ ตา้ นการเคล่อื นที่ของ ัตถุน้ัน โดยถา้ ออกแรง
ัตถุจาก ลักฐานเชิงประจัก ์ กระทำตอ่ ตั ถุท่อี ย่นู ่ิงบนพ้ืนผิ นึง่ ใ ้เคล่อื นที่ แรง
๕. เขียนแผนภาพแ ดงแรงเ ยี ด เ ยี ดทานจากพื้นผิ นนั้ ก็จะต้านการเคลอ่ื นทีข่ อง ัตถุ
ทานและแรงที่อยูใ่ นแน เดยี กนั ที่ แตถ่ า้ ตั ถุกำลงั เคลื่อนท่แี รงเ ียดทานก็จะทำใ ้ ัตถุ
กระทำต่อ ตั ถุ น้ันเคล่ือนที่ช้าลง รอื ยดุ น่ิง

ป.6 ๑. อธบิ ายการเกดิ และผลของแรง • ตั ถุ ๒ ชนดิ ที่ผา่ นการขัดถูแล้ เมอื่ นำเข้าใกล้กัน -

ไฟฟา้ ซ่งึ เกดิ จาก ตั ถทุ ี่ผา่ นการขัดถู อาจดึงดูด รอื ผลักกัน แรงทเ่ี กดิ ขนึ้ นี้เป็นแรงไฟฟา้ ซ่ึง

โดยใช้ ลักฐานเชงิ ประจัก ์ เปน็ แรงไม่ ัมผั เกดิ ขึน้ ระ ่าง ัตถุท่ีมีประจุไฟฟา้

ซง่ึ ประจุไฟฟา้ มี ๒ ชนดิ คือประจุไฟฟา้ บ กและประจุ

ไฟฟ้าลบ ตั ถทุ ่มี ี

ประจุไฟฟ้าชนดิ เดีย กันผลักกนั ชนดิ ตรงข้ามกัน

ดงึ ดดู กัน

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 18

สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ

มาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งานปฏิสมั พนั ธ์

ระหวา่ งสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ิตประจาวนั ธรรมชาติของคลนื่ ปรากฏการณท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกับเสยี ง แสง

และคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้ารวมทงั้ นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ท่ี สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิ่น

ป.1 ๑. บรรยายการเกิดเสียงและทิศ • เสียงเกิดจากการส่นั ของวตั ถุ วตั ถทุ ีท่ าใหเ้ กิดเสียง -

ทางการเคล่อื นที่ของเสยี งจาก เป็นแหลง่ กาเนิดเสียง ซึ่งมที ง้ั แหลง่ กาเนิดเสียงตาม

หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ธรรมชาตแิ ละแหล่งกาเนดิ เสยี งท่มี นษุ ย์

สรา้ งขนึ้ เสยี งเคล่อื นทอ่ี อกจากแหลง่ กาเนิดเสยี ง

ทกุ ทิศทาง

ป.2 ๑. บรรยายแนวการเคลอื่ นท่ขี อง • แสงเคลื่อนท่จี ากแหลง่ กาเนิดแสงทุกทิศทางเป็น -

แสงจากแหล่งกาเนดิ แสง และ แนวตรง เมอ่ื มีแสงจากวัตถุมาเขา้ ตาจะทาให้

อธบิ ายการมองเหน็ วตั ถุจาก มองเห็นวตั ถุนนั้ การมองเหน็ วตั ถุที่เป็นแหล่งกาเนิด

หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ แสง แสงจากวัตถนุ น้ั จะเขา้ สตู่ าโดยตรงสว่ นการ

๒. ตระหนกั ในคุณคา่ ของความรู้ มองเหน็ วตั ถุท่ีไมใ่ ช่แหลง่ กาเนิดแสง ตอ้ งมีแสงจาก

ของการมองเหน็ โดยเสนอแนะแนว แหลง่ กาเนิดแสงไปกระทบวตั ถุแลว้ สะทอ้ นเขา้ ตา ถา้

ทางการปอ้ งกันอนั ตรายจากการ มแี สงที่สวา่ งมาก ๆ เขา้ สตู่ าอาจเกิดอนั ตรายตอ่ ตา

มองวตั ถทุ อ่ี ยู่ในบรเิ วณที่มแี สง ได้ จึงตอ้ งหลีกเลี่ยงการมองหรอื ใชแ้ ผ่นกรองแสงท่ีมี

สวา่ งไม่เหมาะสม คณุ ภาพเมอ่ื จาเป็น และตอ้ งจดั ความสว่างให้

เหมาะสมกับการทากิจกรรมตา่ ง ๆ เชน่ การอา่ น

หนงั สือการดูจอโทรทศั น์ การใชโ้ ทรศพั ทเ์ คลื่อนที่

และแทบ็ เลต็

ป.3 ๑. ยกตวั อยา่ งการเปล่ียนพลงั งาน • พลงั งานเป็นปริมาณทีแ่ สดงถึงความสามารถใน ตวั อยา่ งการเปล่ยี นพลงั งาน

หนึ่งไปเป็นอีก การทางาน พลงั งานมีหลายแบบ เช่นพลงั งานกล หนงึ่ ไปเป็นอีกพลงั งานหนึ่ง

พลงั งานหน่ึงจากหลกั ฐาน พลงั งานไฟฟา้ พลงั งานแสงพลงั งานเสียง และ จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์

เชิงประจกั ษ์ พลงั งานความรอ้ น โดยพลงั งานสามารถเปลีย่ นจาก ในทอ้ งถิ่นของตน เชน่
พลงั งานหนึ่งไปเป็นอีกพลงั งานหนึ่งได้ เช่น การถมู อื โรงงานไฟฟา้ พลงั งาน
จนรูส้ ึกรอ้ นเป็นการเปล่ียนพลงั งานกลเป็นพลงั งาน แสงอาทติ ย์
ความรอ้ นแผงเซลลส์ รุ ยิ ะเปลีย่ นพลงั งานแสงเป็น ต. หนั ทรายอ.อรญั ประเทศ
พลงั งานไฟฟา้ หรอื เครื่องใช้ไฟฟา้ เปล่ียนพลงั งาน จ. สระแกว้
ไฟฟ้าเป็นพลงั งานอนื่ -โรงไฟฟา้ พลงั นา้ ชอ่ งหกลา่
บน อ.วฒั นานคร จ.สระแกว้

-กงั หนั วดิ นา้ จากพลงั งาน

ลม,

พลงั งานความรอ้ นจาก

แก๊สชีวภาพที่วทิ ยาลยั โพธิ
วชิ ชาลยั อ.วฒั นานคร

จ.สระแกว้

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 19

ชน้ั ตวั ชีว้ ดั ท่ี สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิ่น

ป.3 ๒. บรรยายการทางานของเครือ่ ง • ไฟฟา้ ผลิตจากเคร่อื งกาเนดิ ไฟฟา้ ซึ่งใชพ้ ลงั งาน • ไฟฟ้าผลิตจากเครอื่ ง

กาเนดิ ไฟฟา้ และ จากแหล่งพลงั งานธรรมชาติหลายแหล่ง เชน่ กาเนดิ ไฟฟา้ ซงึ่ ใชพ้ ลงั งาน

ระบแุ หลง่ พลงั งานในการผลิต พลงั งานจากลม พลังงานจากนา้ พลงั งานจากแก๊ส จากแหล่งพลงั งานธรรมชาติ
ในทอ้ งถ่ินเชน่ พลงั งานจาก
ไฟฟ้า จากขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้ ธรรมชาติ ลม พลงั งานจากนา้
๓. ตระหนกั ในประโยชนแ์ ละโทษ • พลงั งานไฟฟา้ มีความสาคญั ตอ่ ชวี ิตประจาวนั การ พลงั งานจากแก๊สธรรมชาติ
ของไฟฟ้า โดย ใชไ้ ฟฟา้ นอกจากตอ้ งใชอ้ ย่างถูกวธิ ี ประหยัดและ พลงั งานจากแสงอาทิตย์
นาเสนอวธิ ีการใชไ้ ฟฟ้าอยา่ ง คมุ้ คา่ แลว้ ยงั ตอ้ งคานึงถงึ ความปลอดภยั ดว้ ย เช่น
ประหยดั และ -โรงงานไฟฟ้าพลงั งาน

แสงอาทติ ย์

ต. หนั ทราย อ.อรญั ประเทศ

จ. สระแกว้

-โรงไฟฟา้ พลงั นา้ ชอ่ งกล่า

บน

อ.วฒั นานคร จ.สระแกว้

ป.4 ๑. จำแนก ตั ถุเป็นตั กลางโปรง่ ใ • เมือ่ มอง ง่ิ ต่าง ๆ โดยมี ตั ถตุ ่างชนดิ กันมากนั้ แ งจะ -
ตั กลางโปร่งแ ง และ ตั ถุทึบแ ง ทำใ ้ลกั ณะการมองเ ็น ่งิ นั้นๆ ชัดเจนตา่ งกัน จงึ
-
จากลกั ณะการ จำแนก ัตถทุ ี่มาก้ันออกเปน็ ตั กลางโปรง่ ใ ซึ่งทำใ ้ -

มองเ ็น งิ่ ต่างๆ ผ่าน ัตถุนั้นเป็น มองเ น็ ่ิงตา่ ง ๆ ได้ชดั เจนตั กลางโปร่งแ งทำใ ้

เกณฑโ์ ดยใช้ ลักฐานเชิงประจัก ์ มองเ ็น ิ่งต่าง ๆ ไดไ้ มช่ ดั เจน และ ัตถทุ บึ แ งทำใ ้

มองไม่เ น็ งิ่ ตา่ ง ๆ นั้น

ป.5 ๑. อธบิ ายการไดย้ นิ เสียงผ่าน • การไดย้ นิ เสียงตอ้ งอาศยั ตวั กลาง โดยอาจเป็น

ตวั กลางจากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ของแขง็ ของเหลว หรืออากาศ เสียงจะส่งผ่าน

ตวั กลางมายงั หู

๒. ระบุตวั แปร ทดลอง และ • เสียงที่ไดย้ ินมีระดบั สงู ต่าของเสียงต่างกนั ขนึ้ กับ

อธบิ ายลกั ษณะและการเกิดเสยี ง ความถี่ของการส่นั ของแหล่งกาเนิดเสียง โดยเมื่อ

สงู เสียงตา่ แหล่งกาเนดิ เสียงส่นั ดว้ ยความถี่ตา่ จะเกิดเสยี งต่า

๓. ออกแบบการทดลองและ แต่ถา้ ส่นั ดว้ ยความถี่สูงจะเกดิ เสยี งสงู ส่วน

อธบิ ายลกั ษณะและการเกิดเสียง เสยี งดงั คอ่ ยทไี่ ดย้ นิ ขนึ้ กบั พลงั งานการส่นั ของ

ดงั แหลง่ กาเนิดเสียง โดยเมอ่ื แหล่งกาเนิดเสียงส่นั ดว้ ย

เสียงค่อย พลงั งานมากจะเกิดเสียงดงั แต่ถา้ แหล่งกาเนดิ เสียง

๔. วดั ระดบั เสียงโดยใชเ้ ครื่องมอื ส่นั ดว้ ยพลงั งานนอ้ ยจะเกดิ เสียงค่อย

วดั ระดบั เสียง • เสียงดงั มาก ๆ เป็นอนั ตรายต่อการไดย้ นิ และ

๕. ตระหนกั ในคุณค่าของความรู้ เสยี งท่ีกอ่ ใหเ้ กดิ ความราคาญเป็นมลพษิ ทางเสียง

เรอื่ งระดบั เสียงโดยเสนอแนะ เดซิเบลเป็นหนว่ ยทบี่ อกถึงความดงั ของเสียง

แนวทางในการหลกี เล่ียงและลด

มลพษิ ทางเสยี ง

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 20

ชนั้ ตวั ชีว้ ดั ท่ี สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.6 1. ระบุสว่ นประกอบและบรรยาย • วงจรไฟฟา้ อย่างง่ายประกอบดว้ ย แหล่งกาเนดิ

หนา้ ที่ของแต่ละส่วนประกอบของ ไฟฟา้ สายไฟฟา้ และเครื่องใช้ไฟฟา้ หรอื อปุ กรณ์

วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจากหลกั ฐาน ไฟฟา้ แหล่งกาเนิดไฟฟา้ เชน่ ถ่านไฟฉาย หรือ

เชิงประจกั ษ์ แบตเตอรี่

๒. เขียนแผนภาพและตอ่ ทาหนา้ ท่ใี หพ้ ลังงานไฟฟ้า สายไฟฟ้าเป็นตวั นาไฟฟา้

วงจรไฟฟ้าอยา่ งง่าย ทาหนา้ ทีเ่ ชื่อมต่อระหวา่ งแหล่งกาเนิดไฟฟา้ และ

เครื่องใช้ไฟฟา้ เขา้ ดว้ ยกันเครื่องใช้ไฟฟ้ามหี นา้ ท่ี

เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลงั งานอนื่

ป.6 3. ออกแบบการทดลองและ • เมอ่ื นาเซลลไ์ ฟฟา้ หลายเซลลม์ าต่อเรยี งกนั โดยให้ -

ทดลองดว้ ยวธิ ีทเี่ หมาะสมในการ ขว้ั บวกของเซลลไ์ ฟฟ้าเซลลห์ นึง่ ต่อกบั ขว้ั ลบของอีก

อธบิ ายวิธกี ารและผลของการต่อ เซลลห์ น่ึงเป็นการต่อแบบอนกุ รมทาใหม้ พี ลงั งาน

เซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนกุ รม ไฟฟ้าเหมาะสมกบั เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าซึ่งการต่อ

๔. ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ อง เซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนกุ รมสามารถนาไปใชป้ ระโยชนใ์ น

ความรูข้ องการต่อเซลลไ์ ฟฟ้าแบบ ชวี ิตประจาวนั เชน่ การตอ่ เซลลไ์ ฟฟ้าในไฟฉาย

อนกุ รมโดยบอกประโยชนแ์ ละการ

ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั

5. ออกแบบการทดลองและ • การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนกุ รมเมอ่ื ถอด -

ทดลองดว้ ยวิธีที่เหมาะสมในการ หลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหน่ึงออกทาใหห้ ลอดไฟฟา้

อธิบายการต่อหลอดไฟฟ้าแบบ ท่เี หลอื ดบั ทงั้ หมด สว่ นการตอ่ หลอดไฟฟา้

อนกุ รมและแบบขนาน แบบขนาน เม่ือถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึง่ ออก

๖. ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ อง หลอดไฟฟ้าท่เี หลือก็ยงั สว่างได้ การตอ่

ความรูข้ องการต่อหลอดไฟฟ้า หลอดไฟฟ้าแตล่ ะแบบสามารถนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้

แบบอนุกรมและแบบขนาน โดย เช่น การตอ่ หลอดไฟฟา้ หลายดวงในบา้ นจึงตอ้ ง

บอกประโยชน์ ขอ้ จากดั และการ ต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนาน เพื่อเลือกใช้

ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั หลอดไฟฟา้ ดวงใดดวงหน่ึงไดต้ ามตอ้ งการ

๗. อธบิ ายการเกิดเงามืดเงามวั • เมอ่ื นาวตั ถุทบึ แสงมากนั้ แสงจะเกิดเงาบนฉาก -

จากหลักฐานเชิงประจักษ์ รบั แสงท่อี ยู่ดา้ นหลงั วัตถุ โดยเงามีรูปรา่ งคลา้ ย

๘. เขยี นแผนภาพรงั สขี องแสง วตั ถทุ ท่ี าใหเ้ กิดเงา เงามัวเป็นบรเิ วณท่ีมแี สง

แสดงการเกิดเงามืดเงามวั บางส่วนตกลงบนฉาก ส่วนเงามืดเป็นบรเิ วณ

ทไ่ี ม่มแี สงตกลงบนฉากเลย

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 21

สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ฒั นาการของเอกภพกาแล็กซี ดาวฤกษ์
และระบบสรุ ยิ ะ รวมทงั้ ปฏิสมั พนั ธภ์ ายในระบบสรุ ยิ ะทสี่ ่งผลต่อส่ิงมชี วี ติ และการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถ่ิน

ป.1 1. ระบดุ าวที่ปรากฏบน • บนทอ้ งฟา้ มดี วงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และดาวซ่ึงในเวลา • ระบบดวงดาวจาก
ทอ้ งฟ้าในเวลากลางวนั
และกลางคนื จากขอ้ มูลที่ กลางวนั จะมองเหน็ ดวงอาทิตยแ์ ละอาจมองเหน็ ดวง หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ใน
รวบรวมได้
๒. อธบิ ายสาเหตทุ ม่ี องไม่ จนั ทรบ์ างเวลาในบางวนั แต่ไม่สามารถมองเหน็ ดาว ทอ้ งถ่ินและชุมชนของตน
เหน็ ดาวส่วนใหญใ่ นเวลา
กลางวนั จากหลกั ฐานเชิง • ในเวลากลางวนั มองไมเ่ ห็นดาวส่วนใหญ่ เนือ่ งจาก • ระบบดวงดาวจาลองที่
ประจกั ษ์
แสงอาทิตยส์ วา่ งกว่าจึงกลบแสงของดาว ส่วนในเวลา ศนู ยว์ ิทยาศาสตรส์ ระแกว้
ป.3 ๑. อธบิ ายแบบรูปเสน้ ทาง
การขนึ้ และตก ของดวง กลางคืนจะมองเหน็ ดาวและมองเหน็ ดวงจนั ทรเ์ กอื บทกุ อ. เมืองสระแกว้
อาทิตยโ์ ดยใชห้ ลกั ฐานเชิง
ประจกั ษ์ คืน จ. สระแกว้
๒. อธบิ ายสาเหตุการเกิด
ปรากฏการณ์การขนึ้ • คนบนโลกมองเห็นดวงอาทิตยป์ รากฏขนึ้ ทางดา้ นหนึง่ • ปรากฏการณข์ องดวง
และตกของดวงอาทิตย์
การเกิดกลางวนั กลางคืน และตกทางอีกดา้ นหนงึ่ ทุกวนั หมนุ เวียนเป็นแบบรูปซา้ ๆ อาทิตยแ์ ละประโยชน์
และการกาหนดทิศ โดยใช้
แบบจาลอง • โลกกลมและหมนุ รอบตวั เองขณะโคจรรอบดวง ของดวงอาทิตยท์ มี่ ีตอ่
๓. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั
ของดวงอาทิตย์ โดย อาทติ ย์ ทาใหบ้ ริเวณของโลกไดร้ บั แสงอาทิตยไ์ ม่พรอ้ ม ส่ิงมีชีวิตจากหลกั ฐานเชิง
บรรยายประโยชนข์ อง
ดวงอาทิตยต์ อ่ ส่งิ มีชีวิต กัน โลกดา้ นท่ีไดร้ บั แสงจากดวงอาทิตยจ์ ะเป็นกลางวนั ประจกั ษใ์ นทอ้ งถ่นิ ของ

ส่วนดา้ นตรงขา้ มท่ไี มไ่ ดร้ บั แสงจะเป็นกลางคนื ตนและท่ีจาลองแบบและ

นอกจากนีค้ นบนโลกจะมองเห็นดวงอาทิตยป์ รากฏขนึ้ จดั แสดง ณ ศูนย์

ทางดา้ นหน่งึ ซึ่งกาหนดใหเ้ ป็นทิศตะวนั ออก และ วทิ ยาศาสตรส์ ระแกว้ อ.

มองเห็นดวงอาทิตยต์ กทางอีกดา้ นหนึ่ง ซ่ึงกาหนดให้ เมอื งสระแกว้ จ.สระแกว้

เป็นทิศตะวนั ตกและเม่อื ใหด้ า้ นขวามืออยทู่ างทิศ

ตะวนั ออก

ดา้ นซา้ ยมอื อยทู่ างทศิ ตะวนั ตก ดา้ นหนา้ จะเป็นทศิ เหนือ

และดา้ นหลงั จะเป็นทิศใต้

• ในเวลากลางวนั โลกจะไดร้ บั พลงั งานแสงและพลงั งาน

ความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ ทาให้สง่ิ มชี ีวิตดารงชีวิตอยไู่ ด้

ป.4 ๑. อธิบายแบบรูปเสน้ ทาง • ดวงจนั ทรเ์ ป็นบริวารของโลก โดยดวงจนั ทรห์ มนุ รอบ • แบบรูปเสน้ ทางการขนึ้

การขนึ้ และตกของดวงจนั ทร์ ตวั เองขณะโคจรรอบโลก ขณะที่โลกกห็ มนุ รอบตวั เอง และตกของดวงจนั ทร์ โดย

โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ดว้ ยเชน่ กนั การหมนุ รอบตวั เองของโลกจากทิศตะวนั ตก ใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์

ไปทิศตะวนั ออกในทศิ ทางทวนเข็มนาฬิกาเม่อื มองจาก ในทอ้ งถิน่ ของตน และท่ี

ขว้ั โลกเหนอื ทาใหม้ องเห็นดวงจนั ทรป์ รากฏขนึ้ ทางดา้ น จาลองแบบและจดั แสดง

ทิศตะวนั ออกและตกทางดา้ นทิศตะวนั ตกหมนุ เวียนเป็น ณ ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์

แบบรูปซา้ ๆ สระแกว้ อ. เมืองสระแกว้

จ.สระแก้ว

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 22

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ท่ี สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.4 ๒. สรา้ งแบบจาลองท่อี ธิบาย • ดวงจนั ทรเ์ ป็นวตั ถทุ ่ีเป็นทรงกลม แตร่ ูปร่างของดวง •การเปล่ียนแปลงรูปรา่ ง

แบบรูปการเปล่ียนแปลง จนั ทรท์ มี่ องเหน็ หรอื รูปร่างปรากฏของดวงจนั ทรบ์ น ปรากฏของดวงจนั ทรแ์ ละ

รูปรา่ งปรากฏของดวงจนั ทร์ ทอ้ งฟา้ แตกต่างกนั ไปในแต่ละวนั โดยในแต่ละวนั ดวง การพยากรณร์ ูปรา่ ง

และพยากรณร์ ูปร่างปรากฏ จนั ทรจ์ ะมีรูปรา่ งปรากฏเป็นเสยี้ วที่มีขนาดเพิ่มขนึ้ อย่าง ปรากฏของดวงจนั ทรท์ ี่

ของดวงจนั ทร์ ต่อเนอื่ งจนเต็มดวงจากนนั้ รูปรา่ งปรากฏของดวงจนั ทร์ จาลองแบบและจดั แสดง

จะแหวง่ และมขี นาดลดลงอยา่ งตอ่ เนอื่ งจนมองไมเ่ ห็น ณ ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์

ดวงจนั ทร์ จากนน้ั รูปร่างปรากฏของดวงจนั ทรจ์ ะเป็น สระแก้ว อ. เมืองสระแกว้

เสยี้ วใหญ่ขนึ้ จนเตม็ ดวงอีกครงั้ การเปล่ยี นแปลงเชน่ นี้ จ.สระแก้ว

เป็นแบบรูปซา้ กัน

ทกุ เดอื น

๓. สรา้ งแบบจาลองแสดง • ระบบสุริยะเป็นระบบท่มี ดี วงอาทิตยเ์ ป็นศนู ยก์ ลาง • องคป์ ระกอบของระบบ

องคป์ ระกอบของระบบสรุ ิยะ และมบี ริวารประกอบดว้ ย ดาวเคราะหแ์ ปดดวงและ สรุ ิยะ และเปรียบเทียบ

และอธิบายเปรียบเทียบคาบ บริวาร ซงึ่ ดาวเคราะหแ์ ต่ละดวงมีขนาดและระยะห่าง คาบการโคจรของดาว

การโคจรของดาวเคราะหต์ ่าง จากดวงอาทติ ยแ์ ตกต่างกนั และยงั ประกอบดว้ ย ดาว เคราะหต์ ่าง ๆ จาก

ๆ จากแบบจาลอง เคราะหแ์ คระ ดาวเคราะหน์ อ้ ย ดาวหาง และวัตถขุ นาด แบบจาลองท่ีจดั แสดง ณ

เล็กอ่ืน ๆ โคจรอยู่รอบดวงอาทติ ย์ วตั ถุขนาดเล็กอืน่ ๆ ศูนยว์ ิทยาศาสตรส์ ระแกว้

เม่อื เขา้ มาในชน้ั บรรยากาศเนื่องจากแรงโนม้ ถว่ งของโลก อ. เมืองสระแกว้ จ.

ทาใหเ้ กดิ เป็นดาวตกหรือผพี ุ่งไตแ้ ละอกุ กาบาต สระแก้ว

ป.5 ๑. เปรียบเทียบความ • ดาวท่มี องเหน็ บนทอ้ งฟา้ อยูใ่ นอวกาศซึง่ เป็นบรเิ วณที่ ความแตกต่างของดาว

แตกตา่ งของดาวเคราะหแ์ ละ อยนู่ อกบรรยากาศของโลก มที ้งั ดาวฤกษแ์ ละดาว เคราะหแ์ ละดาวฤกษ์จาก

ดาวฤกษ์จากแบบจาลอง เคราะห์ ดาวฤกษ์เป็นแหลง่ กาเนดิ แสงจึงสามารถ แบบจาลองที่จดั แสดง ณ

มองเห็นได้ ส่วนดาวเคราะหไ์ ม่ใช่แหลง่ กาเนดิ แสง แต่ ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตรส์ ระแกว้

สามารถมองเหน็ ไดเ้ นื่องจากแสงจากดวงอาทิตยต์ ก อ. เมืองสระแกว้

กระทบดาวเคราะหแ์ ลว้ สะทอ้ นเขา้ ส่ตู า จ.สระแกว้

๒. ใชแ้ ผนทีด่ าวระบตุ าแหนง่ • การมองเหน็ กล่มุ ดาวฤกษม์ ีรูปรา่ งต่าง ๆ เกดิ จาก การใชแ้ ผนที่ดาวระบุ
และเสน้ ทางการขนึ้ และตก
ของกลมุ่ ดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟ้า จินตนาการของผสู้ ังเกต กล่มุ ดาวฤกษต์ ่าง ๆ ท่ปี รากฏใน ตาแหน่งและเสน้ ทางการขนึ้
และอธบิ ายแบบรูปเสน้ ทาง
การขนึ้ และตกของกล่มุ ดาว ทอ้ งฟ้าแตล่ ะกล่มุ มีดาวฤกษแ์ ต่ละดวงเรยี งกันที่ และตกของกลมุ่ ดาวฤกษ์
ฤกษ์บนทอ้ งฟา้ ในรอบปี
ตาแหนง่ คงที่ และมเี สน้ ทางการขนึ้ และตกตามเสน้ ทาง บนทอ้ งฟา้ และแบบรูป
เดมิ ทุกคนื ซึ่งจะปรากฏตาแหนง่ เดมิ การสงั เกตตาแหน่ง เสน้ ทางการขนึ้ และตกของ
และการขนึ้ และตกของดาวฤกษ์ และกลมุ่ ดาวฤกษ์ กล่มุ ดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟา้ ใน
สามารถทาไดโ้ ดยใชแ้ ผนท่ีดาว ซ่ึงระบุมมุ ทศิ และมมุ เงย รอบปีจากแบบจาลองและ
ทกี่ ลมุ่ ดาวนน้ั ปรากฏ ผู้สงั เกตสามารถใชม้ อื ในการ จัดแสดง ณ ศูนย์
ประมาณคา่ ของมมุ เงยเม่ือสงั เกตดาวในทอ้ งฟ้า วทิ ยาศาสตรส์ ระแกว้ อ.
เมืองสระแกว้ จ.สระแกว้

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 23

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ

ป.6 ๑. สรา้ งแบบจาลองท่อี ธิบาย • เมื่อโลกและดวงจนั ทร์ โคจรมาอยู่ในแนวเสน้ ตรง การเกิดและเปรียบเทยี บ

การเกิด และเปรียบเทยี บ เดียวกันกบั ดวงอาทิตยใ์ นระยะทางทเ่ี หมาะสมทาใหด้ วง ปรากฏการณ์สรุ ิยปุ ราคา

ปรากฏการณส์ ุริยปุ ราคา จนั ทรบ์ งั ดวงอาทิตย์ เงาของดวงจนั ทรท์ อดมายงั โลก ผู้ และจนั ทรุปราคาจาก

และจนั ทรุปราคา สงั เกตที่อยู่บรเิ วณเงาจะมองเห็นดวงอาทติ ยม์ ืดไป เกิด แบบจาลองและจดั แสดง

ปรากฏการณ์สรุ ยิ ปุ ราคาซ่งึ มที ง้ั สรุ ยิ ปุ ราคาเต็มดวง ณ ศนู ยว์ ิทยาศาสตร์

สรุ ิยุปราคาบางสว่ นและสรุ ิยุปราคาวงแหวน สระแก้ว อ. เมอื งสระแกว้

• หากดวงจนั ทรแ์ ละโลกโคจรมาอยู่ในแนวเสน้ ตรง จ.สระแกว้

เดียวกันกับดวงอาทิตย์ แลว้ ดวงจนั ทรเ์ คลื่อนท่ผี ่านเงา

ของโลกจะมองเห็นดวงจนั ทรม์ ืดไปเกิดปรากฏการณ์

จนั ทรุปราคาซ่ึงมที ง้ั จนั ทรุปราคาเตม็ ดวง และ

จนั ทรุปราคาบางส่วน

ป.6 ๒. อธบิ ายพฒั นาการของ • เทคโนโลยีอวกาศเริม่ จากความตอ้ งการของมนษุ ยใ์ น พฒั นาการของเทคโนโลยี

เทคโนโลยีอวกาศ และ การสารวจวตั ถทุ อ้ งฟา้ โดยใชต้ าเปล่ากลอ้ งโทรทรรศน์ อวกาศ และตวั อย่างการ

ยกตวั อยา่ งการนาเทคโนโลยี และไดพ้ ฒั นาไปส่กู ารขนสง่ เพื่อสารวจอวกาศดว้ ยจรวด นาเทคโนโลยอี วกาศมาใช้

อวกาศมาใชป้ ระโยชน์ และยานขนสง่ อวกาศและยงั คงพฒั นาอยา่ งต่อเน่อื ง ประโยชนใ์ น

ในชวี ิตประจาวนั จากขอ้ มลู ที่ ปัจจบุ นั มีการนาเทคโนโลยอี วกาศบางประเภทมา ชีวติ ประจาวนั จาก

รวบรวมได้ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั เช่น การใชด้ าวเทยี มเพ่อื แบบจาลองและการจดั

การสอ่ื สาร การพยากรณอ์ ากาศหรือการสารวจ แสดง ณ ศนู ย์

ทรพั ยากรธรรมชาติ การใชอ้ ปุ กรณว์ ดั ชพี จรและการเตน้ วิทยาศาสตรส์ ระแกว้

ของหวั ใจ หมวกนิรภยั ชุดกฬี า อ. เมืองสระแกว้ จ.

สระแก้ว

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 24

สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจองคป์ ระกอบและความสมั พนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายใน

โลกและบนผวิ โลก ธรณพี ิบตั ิภยั กระบวนการเปลีย่ นแปลงลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทง้ั ผลตอ่ ส่งิ มชี วี ิต
และสง่ิ แวดลอ้ ม

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.1 ๑. อธบิ ายลกั ษณะภายนอก • หนิ ท่ีอยใู่ นธรรมชาตมิ ีลกั ษณะภายนอกเฉพาะตวั ท่ี หินทอี่ ยูใ่ นธรรมชาตใิ น

ของหิน จากลักษณะเฉพาะ สงั เกตได้ เช่น สี ลวดลาย นา้ หนกั ความแขง็ และเนือ้ หนิ ทอ้ งถน่ิ ของตน

ตวั ทีส่ งั เกตได้

ป.2 ๑. ระบสุ ว่ นประกอบของดิน • ดินประกอบดว้ ยเศษหิน ซากพืช ซากสตั วผ์ สมอยู่ใน -

และจาแนกชนิดของดินโดย เนือ้ ดนิ มอี ากาศและนา้ แทรกอย่ตู ามชอ่ งว่างในเนือ้ ดิน

ใชล้ กั ษณะเนือ้ ดนิ และการจบั ดินจาแนกเป็น ดนิ ร่วน ดนิ เหนยี ว และดินทราย ตาม

ตวั เป็นเกณฑ์ ลกั ษณะเนือ้ ดินและการจบั ตวั ของดินซึ่งมีผลตอ่ การอุม้

๒. อธบิ ายการใชป้ ระโยชน์ นา้ ทแี่ ตกต่างกนั

จากดิน จากขอ้ มลู ท่รี วบรวม • ดนิ แต่ละชนิดนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ดแ้ ตกต่างกนั ตาม

ได้ ลกั ษณะและสมบตั ขิ องดนิ

ป.3 ๑. ระบุส่วนประกอบของ • อากาศโดยท่วั ไปไมม่ ีสี ไม่มีกลิ่น ประกอบดว้ ย -

อากาศ บรรยายความสาคญั แกส๊ ไนโตรเจน แก๊สออกซเิ จน แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ -
-
ของอากาศ และผลกระทบ แก๊สอื่น ๆ รวมทงั้ ไอนา้ และฝ่นุ ละออง อากาศมี

ของมลพษิ ทางอากาศต่อ ความสาคญั ตอ่ ส่งิ มีชวี ติ หากส่วนประกอบของอากาศ

สง่ิ มชี ีวิต จากขอ้ มลู ท่ีรวบรวม ไมเ่ หมาะสม เนื่องจากมแี ก๊สบางชนิดหรือฝ่นุ ละอองใน

ได้ ปรมิ าณมาก อาจเป็นอนั ตรายตอ่ ส่งิ มีชวี ิตชนิดต่าง ๆ

๒. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั จดั เป็นมลพิษทางอากาศ

ของอากาศ โดยนาเสนอแนว • แนวทางการปฏบิ ตั ิตนเพ่อื ลดการปลอ่ ยมลพิษทาง

ทางการปฏิบตั ติ นในการลด อากาศ เช่น ใชพ้ าหนะรว่ มกัน หรอื เลือกใชเ้ ทคโนโลยีที่

การเกิดมลพิษทางอากาศ ลดมลพษิ ทางอากาศ

๓. อธิบายการเกิดลมจาก • ลม คือ อากาศทเ่ี คลื่อนที่ เกิดจากความแตกต่างกัน

หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ของอณุ หภูมิอากาศบริเวณทอ่ี ยใู่ กลก้ ัน โดยอากาศ

บริเวณท่มี ีอุณหภมู ิสงู จะลอยตวั สงู ขนึ้ และอากาศ

บริเวณทมี่ อี ุณหภูมิต่ากว่าจะเคลือ่ นเขา้ ไปแทนที่

๔. บรรยายประโยชนแ์ ละโทษ • ลมสามารถนามาใชเ้ ป็นแหลง่ พลงั งานทดแทนในการ

ของลม จากขอ้ มลู ผลิตไฟฟ้า และนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการทากิจกรรมต่าง

ทีร่ วบรวมได้ ๆ ของมนุษย์ หากลมเคลอ่ื นท่ีดว้ ยความเร็วสงู อาจทาให้

เกิดอนั ตรายและความเสียหายต่อชีวิตและทรพั ยส์ นิ ได้

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 25

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ท่ี สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.5 ๑. เปรยี บเทียบปรมิ าณนา้ ใน • โลกมีทง้ั นา้ จืดและนา้ เค็มซึ่งอยใู่ นแหล่งนา้ ตา่ ง ๆ ทมี่ ี

แตล่ ะแหล่ง และระบุปริมาณ ทงั้ แหลง่ นา้ ผวิ ดิน เชน่ ทะเล มหาสมทุ ร บึง แม่นา้ และ

นา้ ที่มนุษยส์ ามารถนามาใช้ แหล่งนา้ ใตด้ ิน เชน่ นา้ ในดนิ และนา้ บาดาล นา้ ทง้ั หมด

ประโยชนไ์ ด้ จากขอ้ มลู ที่ ของโลกแบ่งเป็นนา้ เค็มประมาณรอ้ ยละ ๙๗.๕ ซ่ึงอยใู่ น

รวบรวมได้ มหาสมทุ ร

และแหลง่ นา้ อน่ื ๆ และที่เหลืออกี ประมาณรอ้ ยละ ๒.๕

เป็นนา้ จืด ถา้ เรียงลาดบั ปรมิ าณนา้ จดื จากมากไปนอ้ ย

จะอยู่ที่ ธารนา้ แขง็ และพืดนา้ แข็ง นา้ ใตด้ นิ ชน้ั ดินเยือก

แขง็ คงตวั และนา้ แข็งใตด้ ิน ทะเลสาบ ความชนื้ ในดิน

ความชนื้ ในบรรยากาศ บึง แม่นา้ และนา้ ในสิ่งมีชีวิต

๒. ตระหนกั ถึงคุณค่าของนา้ • นา้ จดื ที่มนษุ ยน์ ามาใชไ้ ดม้ ปี รมิ าณนอ้ ยมาก -

โดยนาเสนอแนวทางการใช้ จงึ ควรใชน้ า้ อย่างประหยดั และร่วมกนั อนุรกั ษ์นา้

นา้ อย่างประหยดั และการ

อนรุ กั ษ์นา้

๓. สรา้ งแบบจาลองทอ่ี ธบิ าย • วฏั จกั รนา้ เป็นการหมนุ เวียนของนา้ ทม่ี แี บบรูป ซา้ เดิม -

การหมนุ เวียนของนา้ ในวฏั และต่อเน่อื งระหว่างนา้ ในบรรยากาศ

จกั รนา้ นา้ ผิวดิน และนา้ ใตด้ ิน โดยพฤติกรรมการดารงชีวติ ของ

พืชและสัตวส์ ่งผลตอ่ วฏั จกั รนา้

๔. เปรียบเทยี บกระบวนการ • ไอนา้ ในอากาศจะควบแนน่ เป็นละอองนา้ เลก็ ๆ โดยมี -

เกิดเมฆ หมอก นา้ คา้ ง และ ละอองลอย เชน่ เกลือ ฝ่นุ ละออง ละอองเรณูของดอกไม้

นา้ คา้ งแข็ง จากแบบจาลอง เป็นอนุภาคแกนกลาง เม่ือละอองนา้ จานวนมากเกาะ

กล่มุ รวมกนั ลอยอยู่สงู จากพืน้ ดินมาก เรยี กวา่ เมฆ แต่

ละอองนา้ ทเี่ กาะกล่มุ รวมกนั อยู่ใกลพ้ ืน้ ดิน เรยี กว่า

หมอก สว่ นไอนา้ ทคี่ วบแนน่ เป็นละอองนา้ เกาะอยูบ่ น

พืน้ ผวิ วตั ถุใกลพ้ ืน้ ดิน เรียกว่า นา้ คา้ งถ้าอณุ หภมู ใิ กล้

พืน้ ดนิ ตา่ กว่าจุดเยอื กแขง็ นา้ คา้ งก็จะกลายเป็นนา้ คา้ ง

แขง็

ป.5 ๕. เปรยี บเทยี บกระบวนการ • ฝน หิมะ ลกู เหบ็ เป็นหยาดนา้ ฟ้าซึง่ เป็นนา้ ท่มี ีสถานะ -

เกิดฝน หิมะ และลกู เหบ็ จาก ต่าง ๆ ทีต่ กจากฟ้าถงึ พนื้ ดนิ ฝนเกิดจากละอองนา้ ใน

ขอ้ มลู ที่รวบรวมได้ เมฆท่รี วมตวั กันจนอากาศไม่สามารถพยงุ ไวไ้ ดจ้ ึงตกลง

มา หิมะเกิดจากไอนา้ ในอากาศระเหดิ กลบั เป็นผลึก

นา้ แขง็ รวมตัวกันจนมีนา้ หนกั มากขนึ้ จนเกินกวา่ อากาศ

จะพยุงไวจ้ ึงตกลงมา ลกู เหบ็ เกิดจากหยดนา้ ที่เปลย่ี น

สถานะเป็นนา้ แข็งแลว้ ถูกพายพุ ัดวนซา้ ไปซา้ มาในเมฆ

ฝนฟา้ คะนองที่มีขนาดใหญ่และอยู่ในระดบั สงู จนเป็น

กอ้ นนา้ แข็งขนาดใหญ่ขนึ้ แลว้ ตกลงมา

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 26

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิน่

ป.6 ๑. เปรียบเทยี บกระบวนการ • หนิ เป็นวสั ดแุ ขง็ เกิดขนึ้ เองตามธรรมชาติ ลกั ษณะของหนิ อคั นี

เกดิ หินอคั นี หินตะกอน และ ประกอบดว้ ย แรต่ ง้ั แต่หนง่ึ ชนิดขนึ้ ไป สามารถจาแนก หนิ ตะกอน และหินแปรท่ี

หินแปร และอธบิ ายวฏั จกั ร หนิ ตามกระบวนการเกิดไดเ้ ป็น ๓ ประเภท ไดแ้ ก่ หิน อย่ใู นบริเวณจงั หวัด

หนิ จากแบบจาลอง อคั นี สระแกว้ เช่น

หนิ ตะกอน และหินแปร -ถา้ เพชรโพธ์ิทอง

• หนิ อคั นเี กิดจากการเยน็ ตวั ของแมกมา เนือ้ หิน -ถา้ เขาฉกรรจ์
มีลกั ษณะเป็นผลึก ทง้ั ผลกึ ขนาดใหญแ่ ละขนาดเลก็ -อา่ งเก็บนา้ เขาสามสบิ

บางชนิดอาจเป็นเนือ้ แกว้ หรือมรี ูพรุน -นา้ ตกปางสดี า

• หนิ ตะกอน เกดิ จากการทบั ถมของตะกอนเมือ่ ถูกแรง -ปลอ่ งภเู ขาไฟแซรอ์ อ
กดทบั และมีสารเชื่อมประสานจึงเกิดเป็นหิน เนือ้ หนิ กล่มุ -ปราสาทสด็กก๊อกธม
นีส้ ่วนใหญม่ ีลกั ษณะเป็นเม็ดตะกอนมีทง้ั เนอื้ หยาบและ -ปราสาทเขานอ้ ยสีชมพู
เนือ้ ละเอียด บางชนดิ เป็นเนือ้ ผลึกทย่ี ึดเกาะกนั เกดิ จาก -ปราสาทห้วยพระใย
การตกผลกึ หรอื ตกตะกอนจากนา้ โดยเฉพาะนา้ ทะเล -ละลุ
บางชนดิ มีลกั ษณะเป็นชน้ั ๆ จึงเรียกอีกช่ือวา่ หินชนั้ ฯลฯ

• หินแปร เกดิ จากการแปรสภาพของหนิ เดมิ ซึ่งอาจเป็น

หนิ อคั นี หินตะกอน หรือหนิ แปรโดยการกระทาของ

ความรอ้ น ความดนั และปฏิกริ ิยาเคมี เนือ้ หินของหิน

แปรบางชนิดผลกึ ของแร่เรียงตวั ขนานกนั เป็นแถบ

แซะออกเป็นแผ่นได้ บางชนิดเป็นเนือ้ ผลกึ ท่ีมีความ

แข็งมาก

• หนิ ในธรรมชาติทง้ั ๓ ประเภท มีการเปล่ียนแปลงจาก

ประเภทหน่งึ ไปเป็นอกี ประเภทหน่ึง หรือประเภทเดิมได้

โดยมแี บบรูปการเปลี่ยนแปลงคงทแ่ี ละตอ่ เน่ืองเป็นวฏั

จกั ร

๒. บรรยายและยกตวั อยา่ ง • หินและแรแ่ ต่ละชนิดมีลกั ษณะและสมบตั ิแตกตา่ งกัน ลกั ษณะของหินและแรท่ ่ี

การใชป้ ระโยชนข์ องหินและ มนุษยใ์ ชป้ ระโยชนจ์ ากแรใ่ นชีวิตประจาวนั ในลกั ษณะ อยใู่ นบริเวณจงั หวดั

แรใ่ นชวี ิตประจาวนั จากขอ้ มูล ตา่ ง ๆ เชน่ นาแร่มาทาเครื่องสาอาง ยาสฟี ัน สระแก้วเช่น

ทร่ี วบรวมได้ เคร่ืองประดบั อุปกรณท์ างการแพทย์ และนาหนิ มาใชใ้ น -ถา้ เพชรโพธ์ิทอง

งานก่อสรา้ ง -ถา้ เขาฉกรรจ์

ตา่ ง ๆ เป็นตน้ -อา่ งเก็บนา้ เขาสามสบิ

-นา้ ตกปางสีดา

-ปล่องภูเขาไฟแซรอ์ อ

-ปราสาทสด็กกอ๊ กธม

-ปราสาทเขานอ้ ยสีชมพู

-ปราสาทห้วยพระใย

-ละลุ ฯลฯ

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 27

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ท่ี สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.6 ๓. สรา้ งแบบจาลองทีอ่ ธิบาย • ซากดึกดาบรรพเ์ กดิ จากการทบั ถมหรือการประทบั ซากดึกดาบรรพท์ ี่

การเกิดซากดกึ ดาบรรพแ์ ละ รอยของส่งิ มีชีวติ ในอดีต จนเกิดเป็นโครงสรา้ งของซาก หลากหลายที่อยใู่ น

คาดคะเนสภาพแวดลอ้ มใน หรอื รอ่ งรอยของส่ิงมีชวี ติ ทป่ี รากฏอยู่ในหิน ในประเทศ บรเิ วณจงั หวดั สระแกว้

อดตี ของซากดึกดาบรรพ์ ไทยพบซากดกึ ดาบรรพท์ ีห่ ลากหลาย เช่น พชื ปะการัง เชน่

หอย ปลา เต่า ไดโนเสาร์ และรอยตีนสัตว์ -ถา้ เพชรโพธ์ทิ อง

• ซากดึกดาบรรพส์ ามารถใชเ้ ป็นหลกั ฐานหนึง่ ทช่ี ่วย -ถา้ เขาฉกรรจ์
อธบิ ายสภาพแวดลอ้ มของพนื้ ที่ในอดีตขณะเกิดสง่ิ มีชวี ติ -อ่างเกบ็ นา้ เขาสามสิบ

นน้ั เชน่ หากพบซากดกึ ดาบรรพ์ ของหอยนา้ จดื สภาพ -นา้ ตกปางสีดา

แวดลอ้ มบรเิ วณนน้ั อาจเคยเป็นแหลง่ นา้ จืดมากอ่ น และ -ปลอ่ งภเู ขาไฟแซรอ์ อ

หากพบซากดึกดาบรรพข์ องพืช สภาพแวดลอ้ มบริเวณ -ปราสาทสด็กกอ๊ กธม

นน้ั อาจเคยเป็นป่ามากอ่ น นอกจากนีซ้ ากดกึ ดาบรรพ์ ยงั -ปราสาทเขานอ้ ยสีชมพู

สามารถใชร้ ะบุอายุของหนิ และเป็นขอ้ มลู ในการศึกษา -ปราสาทห้วยพระใย

วิวฒั นาการของส่ิงมีชีวติ -ละลุ

๔. เปรยี บเทยี บการเกดิ ลมบก • ลมบก ลมทะเล และมรสมุ เกดิ จากพืน้ ดนิ และพืน้ นา้ -

ลมทะเล และมรสมุ รวมทงั้ รอ้ นและเย็นไมเ่ ท่ากันทาใหอ้ ุณหภูมิอากาศเหนอื พนื้ ดนิ

อธบิ ายผลทม่ี ตี ่อส่งิ มชี ีวติ และ และพืน้ นา้ แตกต่างกัน จึงเกิด การเคล่ือนท่ีของอากาศ

สิ่งแวดลอ้ ม จากแบบจาลอง จากบรเิ วณท่มี ีอุณหภูมิตา่ ไปยงั บริเวณทีม่ อี ุณหภมู ิสงู

• ลมบกและลมทะเลเป็นลมประจาถิน่ ทพ่ี บบรเิ วณ

ชายฝ่ัง โดยลมบกเกิดในเวลากลางคืน ทาใหม้ ีลมพดั

จากชายฝ่ังไปส่ทู ะเล ส่วนลมทะเลเกดิ ในเวลากลางวนั

ทาใหม้ ลี มพดั จากทะเลเขา้ ส่ชู ายฝ่ัง

๕. อธบิ ายผลของมรสมุ ต่อ • มรสมุ เป็นลมประจาฤดูเกิดบรเิ วณเขตรอ้ นของโลก -

การเกิดฤดขู องประเทศไทย ซง่ึ เป็นบรเิ วณกวา้ งระดบั ภมู ิภาค ประเทศไทยไดร้ บั ผล

จากขอ้ มูลท่รี วบรวมได้ จากมรสุมตะวนั ออกเฉยี งเหนือในชว่ งประมาณ

กลางเดือนตลุ าคมจนถึงเดอื นกุมภาพนั ธท์ าใหเ้ กิดฤดู

หนาว และไดร้ บั ผลจากมรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใตใ้ นช่วง

ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนตุลาคม

ทาใหเ้ กิดฤดูฝน ส่วนชว่ งประมาณกลางเดือนกุมภาพนั ธ์

จนถงึ กลางเดือนพฤษภาคมเป็นชว่ งเปลีย่ นมรสมุ และ

ประเทศไทยอยู่ใกลเ้ สน้ ศนู ยส์ ูตร แสงอาทิตยเ์ กอื บตง้ั

ตรงและตงั้ ตรงประเทศไทยในเวลาเท่ยี งวนั ทาใหไ้ ดร้ บั

ความรอ้ นจากดวงอาทติ ยอ์ ย่างเต็มท่ี อากาศจึงรอ้ นอบ

อา้ วทาใหเ้ กดิ ฤดูรอ้ น

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 28

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

๖. บรรยายลกั ษณะและ • นา้ ท่วม การกัดเซาะชายฝ่ัง ดินถล่ม แผน่ ดินไหวและ ลกั ษณะและผลกระทบ

ผลกระทบของนา้ ท่วมการกดั สนึ ามิ มีผลกระทบตอ่ ชีวติ และส่ิงแวดลอ้ มแตกต่างกนั ของนา้ ท่วม

เซาะชายฝ่ัง ดนิ ถล่ม • มนุษยค์ วรเรยี นรูว้ ิธีปฏบิ ตั ิตนใหป้ ลอดภยั เชน่ ติดตาม การกัดเซาะชายฝ่ัง ดิน

แผ่นดินไหว สนึ ามิ ขา่ วสารอย่างสม่าเสมอ เตรียมถงุ ยงั ชีพใหพ้ รอ้ มใช้ ถลม่ จากแหล่งนา้ ต่างๆ

๗. ตระหนกั ถึงผลกระทบของ ตลอดเวลา และปฏิบตั ิตามคาส่งั ของผปู้ กครองและ ในทอ้ งถิน่ ของตน เชน่

ภยั ธรรมชาติและธรณพี บิ ตั ิ เจา้ หนา้ ทอี่ ย่างเครง่ ครดั เม่ือเกิดภยั ธรรมชาติและธรณี -หว้ ยพรหมโหด

ภยั โดยนาเสนอแนวทางใน พบิ ตั ิภยั -หว้ ยพระใย

การเฝา้ ระวังและปฏิบตั ิตนให้ -อา่ งเก็บนา้ เขาสามสิบ

ปลอดภยั จากภยั ธรรมชาติ -อ่างเกบ็ นา้ พระปรง

และธรณพี บิ ตั ิภยั ทอ่ี าจเกิดใน -อ่างเก็บนา้ ท่ากระบาก

ทอ้ งถ่ิน -อ่างเกบ็ นา้ หว้ ยยาง

ป.6 ๘. สรา้ งแบบจาลองทีอ่ ธบิ าย • ปรากฏการณเ์ รอื นกระจกเกิดจากแก๊สเรือนกระจกใน -

การเกิดปรากฏการณ์ ชน้ั บรรยากาศของโลกกักเก็บความรอ้ นแลว้ คายความ

เรอื นกระจกและผลของ รอ้ นบางสว่ นกลบั สผู่ วิ โลก ทาใหอ้ ากาศ บนโลกมี

ปรากฏการณเ์ รอื นกระจก อุณหภมู ิเหมาะสมต่อการดารงชีวติ

ตอ่ สง่ิ มีชีวติ • หากปรากฏการณเ์ รอื นกระจกรุนแรงมากขนึ้ จะมีผลต่อ

๙. ตระหนกั ถงึ ผลกระทบของ การเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศโลกมนษุ ยจ์ งึ ควรร่วมกนั ลด

ปรากฏการณเ์ รือนกระจก กจิ กรรมท่ีกอ่ ใหเ้ กดิ แกส๊ เรอื นกระจก

โดยนาเสนอแนวทางการ

ปฏบิ ตั ติ นเพอ่ื ลดกิจกรรมท่ี

ก่อใหเ้ กิดแก๊สเรอื นกระจก

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 29

สาระที่ ๔ เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว ๔.๑ เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยเี พอื่ การดารงชีวติ ในสังคมท่ีมีการเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเร็ว
ใชค้ วามรูแ้ ละทกั ษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพ่ือแกป้ ัญหาหรอื พฒั นางานอยา่ งมคี วามคดิ
สรา้ งสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคานึงถึงผลกระทบตอ่ ชวี ิต สงั คม
และสง่ิ แวดลอ้ ม

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิ่น

ป.1 - --

ป.2 - --

ป.3 - --

ป.4 - --

ป.5 - --

ป.6 - --

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 30

สาระที่ ๔ เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาท่พี บในชีวิตจรงิ อยา่ งเป็นขนั้ ตอนและเป็น
ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ รูเ้ ท่าทัน
และมีจรยิ ธรรม-

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.1 ๑. แกป้ ัญหาอยา่ งง่ายโดยใช้ • การแกป้ ัญหาใหป้ ระสบความสาเรจ็ ทาไดโ้ ดยใช้ -

การลองผดิ ลองถูก การ ขนั้ ตอนการแกป้ ัญหา

เปรียบเทียบ • ปัญหาอยา่ งงา่ ย เช่น เกมเขาวงกต เกมหา

จุดแตกต่างของภาพ การจดั หนงั สอื ใส่กระเป๋ า

๒. แสดงลาดบั ขนั้ ตอนการ • การแสดงขนั้ ตอนการแกป้ ัญหา ทาไดโ้ ดยการเขียน -
ทางานหรอื การแกป้ ัญหา บอกเล่า วาดภาพ หรอื ใช้สญั ลกั ษณ์
อยา่ งงา่ ยโดยใชภ้ าพ • ปัญหาอย่างงา่ ย เช่น เกมเขาวงกต เกมหาจุด
สญั ลกั ษณ์ หรอื ขอ้ ความ แตกตา่ งของภาพ การจัดหนงั สือใสก่ ระเป๋ า

๓. เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย • การเขยี นโปรแกรมเป็นการสรา้ งลาดบั ของคาส่งั ให้ -
โดยใช้ซอฟตแ์ วร์ คอมพวิ เตอรท์ างาน
หรอื สื่อ • ตวั อยา่ งโปรแกรม เชน่ เขยี นโปรแกรมส่งั ให้
ตวั ละครย้ายตาแหน่ง ย่อขยายขนาด เปลีย่ นรูปร่าง
• ซอฟตแ์ วรห์ รือสือ่ ทีใ่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรม เช่น ใช้
บตั รคาส่งั แสดงการเขยี นโปรแกรม, Code.or

๔. ใชเ้ ทคโนโลยีในการสรา้ ง • การใชง้ านอุปกรณเ์ ทคโนโลยเี บอื้ งตน้ เชน่ การใชเ้ มาส์ -
จดั เก็บ เรียกใชข้ อ้ มูลตาม คยี บ์ อรด์ จอสมั ผสั การเปิด-ปิด อุปกรณเ์ ทคโนโลยี
วตั ถุประสงค์ • การใชง้ านซอฟตแ์ วรเ์ บอื้ งตน้ เช่น การเขา้ และออกจาก
โปรแกรม การสรา้ งไฟล์ การจัดเก็บการเรยี กใชไ้ ฟล์ ทาไดใ้ น
โปรแกรม เช่น โปรแกรมประมวลคา โปรแกรมกราฟิก
โปรแกรมนาเสนอ
• การสรา้ งและจัดเก็บไฟลอ์ ย่างเป็นระบบจะทาใหเ้ รียกใช้
คน้ หาขอ้ มลู ไดง้ า่ ยและรวดเร็ว

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 31

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ท่ี สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

๕. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ • การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั เช่น รูจ้ กั

อย่างปลอดภยั ปฏิบตั ติ าม ขอ้ มลู สว่ นตวั อนั ตรายจากการเผยแพร่ขอ้ มลู ส่วนตวั และไม่
ขอ้ ตกลงในการใช้ บอกขอ้ มลู สว่ นตวั กบั บคุ คลอืน่ ยกเวน้ ผูป้ กครองหรือครู
คอมพวิ เตอรร์ ว่ มกนั ดูแล แจง้ ผเู้ กยี่ วขอ้ งเมื่อตอ้ งการความชว่ ยเหลือเกีย่ วกับการใช้
รกั ษาอปุ กรณเ์ บือ้ งตน้ ใชง้ าน งาน
อย่างเหมาะสม • ขอ้ ปฏบิ ตั ิในการใชง้ านและการดแู ลรกั ษาอปุ กรณ์ เชน่ ไม่
ขดี เขยี นบนอุปกรณ์ ทาความสะอาดใชอ้ ุปกรณอ์ ยา่ งถกู วธิ ี

• การใชง้ านอยา่ งเหมาะสม เช่น จดั ทา่ น่งั ใหถ้ ูกตอ้ ง การพกั

สายตาเมอื่ ใชอ้ ปุ กรณเ์ ป็นเวลานาน ระมดั ระวงั อบุ ตั ิเหตจุ าก

การใชง้ าน

ป.2 ๑. แสดงลาดบั ขน้ั ตอนการ • การแสดงขน้ั ตอนการแกป้ ัญหา ทาไดโ้ ดยการเขียน บอก -

ทางานหรือการแกป้ ัญหา เลา่ วาดภาพ หรือใชส้ ญั ลกั ษณ์

อยา่ งงา่ ยโดยใชภ้ าพ • ปัญหาอย่างงา่ ย เช่น เกมตวั ต่อ ๖-๑๒ ชนิ้ การแต่งตวั มา
สญั ลกั ษณ์ หรือขอ้ ความ โรงเรยี น

๒. เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย • ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ เขยี นโปรแกรมส่งั ใหต้ วั ละคร -

โดยใช้ซอฟตแ์ วร์ ทางานตามทต่ี อ้ งการ และตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาด ปรบั แกไ้ ข

หรือสอื่ และตรวจหา ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธต์ ามทกี่ าหนด
ขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม • การตรวจหาขอ้ ผิดพลาด ทาไดโ้ ดยตรวจสอบคาส่งั ท่แี จง้
ขอ้ ผิดพลาด หรอื หากผลลพั ธไ์ ม่เป็นไปตามท่ีตอ้ งการให้

ตรวจสอบการทางานทีละคาส่งั

• ซอฟตแ์ วรห์ รือสื่อทใ่ี ชใ้ นการเขียนโปรแกรม เช่น ใชบ้ ตั ร

คาส่งั แสดงการเขียนโปรแกรม, Code.org

ป.2 ๓. ใชเ้ ทคโนโลยีในการสรา้ ง • การใชง้ านซอฟตแ์ วรเ์ บอื้ งตน้ เช่น การเขา้ และออกจาก -

จดั หมวดหมู่ คน้ หา จดั เกบ็ โปรแกรม การสรา้ งไฟล์ การจดั เกบ็ การเรยี กใชไ้ ฟล์ การ

เรยี กใชข้ อ้ มลู ตาม แกไ้ ขตกแตง่ เอกสาร ทาได้ ในโปรแกรม เช่น โปรแกรม
วตั ถปุ ระสงค์ ประมวลคา โปรแกรมกราฟิก โปรแกรมนาเสนอ
• การสรา้ ง คดั ลอก ยา้ ย ลบ เปลย่ี นชอ่ื จดั หมวดหม่ไู ฟล์

และโฟลเดอรอ์ ย่างเป็นระบบจะทาใหเ้ รยี กใช้ คน้ หาขอ้ มลู ได้

ง่ายและรวดเรว็

๔. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ • การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เชน่ รูจ้ กั -

อย่างปลอดภยั ปฏิบตั ติ าม ขอ้ มลู ส่วนตวั อนั ตรายจากการเผยแพร่ขอ้ มลู ส่วนตวั และไม่
ขอ้ ตกลงในการใช้ บอกขอ้ มลู ส่วนตวั กับบุคคลอื่นยกเวน้ ผูป้ กครองหรอื ครู แจง้
คอมพวิ เตอรร์ ่วมกนั ดูแล ผูเ้ ก่ียวขอ้ งเมือ่ ตอ้ งการความช่วยเหลอื เกยี่ วกับการ
รกั ษาอปุ กรณเ์ บือ้ งตน้ ใชง้ าน ใชง้ าน
อยา่ งเหมาะสม • ขอ้ ปฏบิ ตั ิในการใชง้ านและการดูแลรกั ษาอุปกรณ์ เช่น ไม่
ขดี เขียนบนอปุ กรณ์ ทาความสะอาดใชอ้ ปุ กรณอ์ ย่างถูกวิธี

• การใชง้ านอยา่ งเหมาะสม เชน่ จดั ทา่ น่งั ใหถ้ กู ตอ้ ง การพกั

สายตาเม่ือใชอ้ ุปกรณเ์ ป็นเวลานาน

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 32

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ท่ี สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.3 ๑. แสดงอลั กอรทิ ึมในการ • อลั กอรทิ ึมเป็นขนั้ ตอนท่ใี ชใ้ นการแกป้ ัญหา -

ทางานหรอื การแกป้ ัญหา • การแสดงอลั กอรทิ มึ ทาไดโ้ ดยการเขยี น บอกเลา่ วาดภาพ

อย่างง่ายโดยใชภ้ าพ หรอื ใชส้ ญั ลกั ษณ์
สญั ลกั ษณ์ หรอื ขอ้ ความ • ตวั อย่างปัญหา เชน่ เกมเศรษฐี เกมบนั ไดงูเกม Tetris
เกม OX การเดินไปโรงอาหารการทาความสะอาดหอ้ งเรียน

๒. เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย • การเขยี นโปรแกรมเป็นการสรา้ งลาดบั ของคาส่งั ให้ -

โดยใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รือส่อื และ คอมพวิ เตอรท์ างาน

ตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของ • ตวั อยา่ งโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมทีส่ ่งั ใหต้ วั ละคร
โปรแกรม ทางานซา้ ไม่สิน้ สดุ
• การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด ทาไดโ้ ดยตรวจสอบคาส่งั ทแ่ี จง้

ขอ้ ผิดพลาด หรอื หากผลลพั ธไ์ มเ่ ป็นไปตามทต่ี อ้ งการให้

ตรวจสอบการทางานทลี ะคาส่งั

• ซอฟตแ์ วรห์ รอื สื่อทีใ่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรม เช่น ใชบ้ ตั ร

คาส่งั แสดงการเขียนโปรแกรม, Code.org

๓. ใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตคน้ หา • อนิ เทอรเ์ น็ตเป็นเครอื ขา่ ยขนาดใหญช่ ่วยใหก้ าร -

ความรู้ ตดิ ตอ่ สอื่ สารทาไดส้ ะดวกและรวดเร็วและเป็นแหลง่ ขอ้ มลู

ความรูท้ ่ีช่วยในการเรยี น และการดาเนินชีวิต

• เว็บเบราวเ์ ซอรเ์ ป็นโปรแกรมสาหรับอ่านเอกสารบนเว็บ

เพจ

• การสืบคน้ ขอ้ มลู บนอินเทอรเ์ น็ต ทาไดโ้ ดยใชเ้ วบ็ ไซต์

สาหรบั สบื คน้ และตอ้ งกาหนดคาคน้ ทเ่ี หมาะสมจึงจะได้

ขอ้ มลู ตามตอ้ งการ

• ขอ้ มลู ความรู้ เชน่ วธิ ีทาอาหาร วธิ ีพบั กระดาษ เป็นรูปต่าง

ๆ ขอ้ มลู ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย(อาจเป็นความรูใ้ นวชิ าอนื่ ๆ

หรือเร่ืองทีเ่ ป็นประเด็นท่สี นใจในชว่ งเวลานนั้ )

• การใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ อยา่ งปลอดภยั ควรอยู่

ในการดูแลของครู หรือผูป้ กครอง

ป.3 ๔. รวบรวม ประมวลผล และ • การรวบรวมขอ้ มลู ทาไดโ้ ดยกาหนดหวั ขอ้ ทต่ี อ้ งการ -

นาเสนอขอ้ มูล โดยใช้ เตรียมอปุ กรณใ์ นการจดบนั ทึก

ซอฟตแ์ วรต์ ามวัตถุประสงค์ • การประมวลผลอย่างงา่ ย เช่น เปรียบเทียบจัดกล่มุ
เรยี งลาดบั

• การนาเสนอขอ้ มลู ทาไดห้ ลายลกั ษณะตามความ

เหมาะสมเชน่ การบอกเลา่ การทาเอกสารรายงาน การจัดทา

ป้ายประกาศ

• การใชซ้ อฟตแ์ วรท์ างานตามวตั ถุประสงค์ เชน่ ใชซ้ อฟตแ์ วร์

นาเสนอ หรอื ซอฟตแ์ วรก์ ราฟิก สรา้ งแผนภูมริ ูปภาพ ใช้

ซอฟตแ์ วรป์ ระมวลคา ทาปา้ ยประกาศหรือเอกสารรายงาน

ใชซ้ อฟตแ์ วรต์ ารางทางานในการประมวลผลขอ้ มลู

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 33

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิ่น

๕. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ • การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั เช่น ปกปอ้ ง ๕. ใชเ้ ทคโนโลยี

อยา่ งปลอดภยั ปฏิบตั ติ าม ขอ้ มลู สว่ นตวั สารสนเทศอย่างปลอดภยั
ขอ้ ตกลงในการใช้ • ขอความชว่ ยเหลอื จากครูหรือผูป้ กครอง เมื่อเกิดปัญหา ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลงใน
อินเทอรเ์ นต็ จากการใชง้ าน เมอื่ พบขอ้ มลู หรือบุคคลที่ทาใหไ้ ม่สบายใจ การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต
• การปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลงในการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตจะทาใหไ้ ม่

เกิดความเสยี หายตอ่ ตนเองและผูอ้ ืน่ เชน่ ไม่ใชค้ าหยาบ

ลอ้ เลยี น ด่าทอ ทาใหผ้ ูอ้ นื่ เสยี หายหรือเสียใจ

• ขอ้ ดีและขอ้ เสียในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ และการ

สื่อสาร

ป.4 ๑. ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการ • การใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะเป็นการนากฎเกณฑ์ หรอื เง่อื นไขที่ -

แกป้ ัญหา การอธิบายการ ครอบคลมุ ทกุ กรณีมาใชพ้ ิจารณาในการแกป้ ัญหา การ
ทางาน การคาดการณ์ อธิบายการทางาน หรือการคาดการณผ์ ลลพั ธ์
ผลลพั ธ์ จากปัญหาอย่างง่าย • สถานะเร่ิมตน้ ของการทางานทีแ่ ตกต่างกันจะใหผ้ ลลพั ธท์ ี่
แตกตา่ งกัน

• ตวั อยา่ งปัญหา เช่น เกม OX โปรแกรมทมี่ กี ารคานวณ

โปรแกรมท่มี ตี วั ละครหลายตวั และมีการส่งั งานท่แี ตกต่าง

หรอื มีการสือ่ สารระหวา่ งกัน การเดินทางไปโรงเรียน โดย

วธิ กี าร

ต่าง ๆ

๒. ออกแบบ และเขยี น • การออกแบบโปรแกรมอย่างง่าย เช่น การออกแบบโดยใช้ -

โปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยใช้ storyboard หรือการออกแบบอลั กอริทึม

ซอฟตแ์ วรห์ รือสอื่ และ • การเขยี นโปรแกรมเป็นการสรา้ งลาดบั ของคาส่งั ให้

ตรวจหาขอ้ ผิดพลาด คอมพวิ เตอรท์ างาน เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลลพั ธต์ าม ความตอ้ งการ

และแกไ้ ขคอมพิวเตอรท์ างาน หากมขี อ้ ผิดพลาดใหต้ รวจสอบ การทางานทีละคาส่งั เม่อื พบ
เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ตาม ความ จุดทีท่ า
ตอ้ งการ หากมีขอ้ ผิดพลาดให้ ใหผ้ ลลพั ธ์ ไมถ่ กู ตอ้ ง ใหท้ าการแกไ้ ขจนกว่าจะไดผ้ ลลพั ธท์ ี่
ถกู ตอ้ ง
ตรวจสอบ การทางานทีละ • ตวั อยา่ งโปรแกรมที่มีเรอ่ื งราว เชน่ นทิ านที่มีการโตต้ อบ
คาส่งั เม่อื พบจุดท่ีทาให้ผล กับผใู้ ช้ การต์ ูนสนั้ เลา่ กจิ วตั รประจาวนั ภาพเคล่อื นไหว
ลพั ธ์ ไม่ถกู ตอ้ ง ใหท้ าการ • การฝึกตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรมของผอู้ นื่ จะชว่ ย
แกไ้ ขจนกวา่ จะไดผ้ ลลพั ธ์ พฒั นาทกั ษะการหาสาเหตุของปัญหาไดด้ ีย่ิงขนึ้

ทถ่ี กู ตอ้ ง • ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เช่น Scratch,

logo

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 34

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.4 ๓. ใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ คน้ หา • การใช้คาคน้ ท่ีตรงประเด็น กระชบั จะทาใหไ้ ด้ ผลลพั ธ์ -

ความรู้ และประเมนิ ท่รี วดเร็วและตรงตามความตอ้ งการ

ความน่าเช่ือถอื ของขอ้ มูล • การประเมนิ ความน่าเชื่อถือของขอ้ มลู เช่น พจิ ารณา

ประเภทของเวบ็ ไซต์ (หนว่ ยงานราชการ สานกั ข่าว

องคก์ ร) ผเู้ ขียน วนั ทเี่ ผยแพร่ขอ้ มลู การอา้ งองิ

• เมอื่ ไดข้ อ้ มลู ท่ตี อ้ งการจากเว็บไซตต์ า่ ง ๆ จะตอ้ งนา

เนือ้ หามาพจิ ารณา เปรียบเทียบ แลว้ เลอื กขอ้ มูลทมี่ ี

ความสอดคลอ้ งและสัมพนั ธก์ ัน

• การทารายงานหรอื การนาเสนอขอ้ มูลจะตอ้ งนาขอ้ มลู

มาเรียบเรียง สรุป เป็นภาษาของตนเอง ทีเ่ หมาะสมกับ

กลมุ่

๔. รวบรวม ประเมนิ นาเสนอ • การรวบรวมขอ้ มูล ทาไดโ้ ดยกาหนดหวั ขอ้ -

ขอ้ มลู และสารสนเทศ โดยใช้ ท่ีตอ้ งการ เตรยี มอุปกรณใ์ นการจดบนั ทึก

ซอฟตแ์ วรท์ หี่ ลากหลาย เพื่อ • การประมวลผลอย่างงา่ ย เชน่ เปรียบเทียบจดั กล่มุ

แกป้ ัญหาในชีวติ ประจาวนั เรยี งลาดบั การหาผลรวม

• วเิ คราะหผ์ ลและสรา้ งทางเลอื กทีเ่ ป็นไปได้ ประเมนิ

ทางเลือก (เปรียบเทยี บ ตดั สนิ )

• การนาเสนอขอ้ มลู ทาไดห้ ลายลกั ษณะตามความ

เหมาะสม

• การใช้ซอฟตแ์ วรเ์ พ่อื แกป้ ัญหาในชวี ิตประจาวนั เช่น

การสารวจเมนูอาหารกลางวนั โดยใชซ้ อฟตแ์ วรส์ รา้ ง

แบบสอบถามและเก็บขอ้ มลู ใชซ้ อฟตแ์ วรต์ ารางทางาน

เพื่อประมวลผลขอ้ มูล รวบรวมขอ้ มูลเกย่ี วกับคุณค่าทาง

โภชนาการและสรา้ งรายการอาหารสาหรบั ๕ วนั ใช้

ซอฟตแ์ วรน์ าเสนอผลการสารวจรายการอาหารที่เป็น

ทางเลอื กและขอ้ มลู ดา้ นโภชนาการ

๕. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ • การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เขา้ ใจสิทธิ -

อยา่ งปลอดภยั เขา้ ใจสิทธิ และหนา้ ทขี่ องตน เคารพในสิทธขิ องผอู้ น่ื เช่น ไม่สรา้ ง

และหนา้ ทีข่ องตน เคารพใน ขอ้ ความเทจ็ และสง่ ใหผ้ อู้ ่ืน ไม่สรา้ ง ความเดือดรอ้ นต่อ

สิทธิของผอู้ ื่น แจง้ ผเู้ กยี่ วขอ้ ง ผอู้ ื่นโดยการสง่ สแปม ขอ้ ความลกู โซ่ สง่ ตอ่ โพสตท์ ี่มี

เมือ่ พบขอ้ มลู หรือบคุ คลท่ี ขอ้ มลู ส่วนตวั ของผอู้ ่นื ส่งคาเชิญเลน่ เกม ไมเ่ ขา้ ถึงข้อมูล

ไม่เหมาะสม ส่วนตวั หรอื การบา้ นของบคุ คลอน่ื โดยไมไ่ ดร้ บั อนุญาต

ไมใ่ ชเ้ ครอื่ งคอมพิวเตอร/์ ช่อื บญั ชขี องผอู้ ่ืน

• การส่ือสารอย่างมมี ารยาทและรูก้ าลเทศะ

• การปกปอ้ งขอ้ มลู สว่ นตัว เชน่ การออกจากระบบเมือ่

เลิกใชง้ าน ไมบ่ อกรหสั ผา่ น

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 35

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ท่ี สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

ป.5 ๑. ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการ • การใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะเป็นการนากฎเกณฑ์ หรอื เงอื่ นไขท่ี

แกป้ ัญหา การอธบิ ายการ ครอบคลมุ ทุกกรณีมาใชพ้ จิ ารณาในการแกป้ ัญหา การ
ทางาน การคาดการณ์ อธิบายการทางาน หรอื การคาดการณ์ ผลลพั ธ์
ผลลพั ธ์ จากปัญหาอย่างง่าย • สถานะเรม่ิ ตน้ ของการทางานที่แตกต่างกันจะใหผ้ ลลพั ธท์ ่ี
แตกต่างกัน

• ตวั อย่างปัญหา เช่น เกม Sudoku โปรแกรมทานาย
ตวั เลข โปรแกรมสรา้ งรูปเรขาคณติ ตามค่าขอ้ มลู เขา้ การ

จดั ลาดบั การทางานบา้ นในช่วงวนั หยุด จัดวางของในครวั

ป.5 ๒. ออกแบบ และเขยี น • การออกแบบโปรแกรมสามารถทาไดโ้ ดยเขียน เป็น -
-
โปรแกรมท่มี ีการใชเ้ หตุผล ขอ้ ความหรือผงั งาน

เชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหา • การออกแบบและเขยี นโปรแกรมทมี่ ีการตรวจสอบเง่ือนไข
ขอ้ ผิดพลาดและแกไ้ ข ทคี่ รอบคลมุ ทุกกรณเี พ่อื ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์
ท่ถี กู ตอ้ งตรงตามความตอ้ งการ

• หากมขี อ้ ผิดพลาดใหต้ รวจสอบการทางาน

ทลี ะคาส่งั เมื่อพบจุดท่ที าใหผ้ ลลพั ธไ์ มถ่ ูกตอ้ ง

ใหท้ าการแกไ้ ขจนกวา่ จะไดผ้ ลลพั ธท์ ่ีถกู ตอ้ ง

• การฝึกตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรมของ

ผูอ้ ่ืน จะชว่ ยพฒั นาทกั ษะการหาสาเหตุของปัญหาไดด้ ยี ่งิ ขนึ้

• ตวั อยา่ งโปรแกรม เชน่ โปรแกรมตรวจสอบเลขคเู่ ลขคี่

โปรแกรมรบั ขอ้ มลู นา้ หนกั หรอื สว่ นสงู

แลว้ แสดงผลความสมสว่ นของรา่ งกาย โปรแกรมส่งั ใหต้ วั

ละครทาตามเงอ่ื นไขทก่ี าหนด

• ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch,

๓. ใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ คน้ หา logo
• การคน้ หาขอ้ มลู ในอนิ เทอรเ์ นต็ และการพิจารณาผล

ขอ้ มลู ตดิ ตอ่ สอื่ สารและ การคน้ หา

ทางานร่วมกัน ประเมินความ • การติดตอ่ สอื่ สารผ่านอินเทอรเ์ นต็
นา่ เช่อื ถือของขอ้ มูล • การเขียนจดหมาย (บรู ณาการกับวิชาภาษาไทย)
• การใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตในการตดิ ต่อส่ือสารและทางานร่วมกัน

เชน่ ใชน้ ัดหมายในการประชุมกล่มุ ประชาสมั พันธก์ จิ กรรม

ในหอ้ งเรียน การแลกเปล่ียนความรู้ ความคดิ เหน็ ในการเรียน

ภายใตก้ ารดแู ลของครู

• การประเมินความนา่ เชื่อถือของข้อมลู เช่น เปรียบเทียบ

ความสอดคลอ้ ง สมบูรณข์ องขอ้ มลู จากหลายแหล่ง แหลง่

ตน้ ตอของขอ้ มลู ผูเ้ ขยี น วนั ท่เี ผยแพรข่ อ้ มลู

• ขอ้ มลู ท่ีดตี อ้ งมรี ายละเอยี ดครบทกุ ดา้ น เชน่ ขอ้ ดีและ

ขอ้ เสยี ประโยชนแ์ ละโทษ

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 36

ชนั้ ตวั ชวี้ ดั ท่ี สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

๔. รวบรวม ประเมนิ นาเสนอ • การรวบรวมขอ้ มลู ประมวลผล สรา้ งทางเลอื ก ประเมินผล -

ขอ้ มลู และสารสนเทศ ตาม จะทาใหไ้ ดส้ ารสนเทศเพื่อใชใ้ นการแกป้ ัญหาหรอื การ
วตั ถุประสงคโ์ ดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ ตดั สนิ ใจไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
หรอื บริการบนอนิ เทอรเ์ นต็ ที่ • การใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รอื บรกิ ารบนอินเทอรเ์ น็ตที่หลากหลาย
หลากหลาย เพอ่ื แกป้ ัญหา ในการรวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลือก ประเมนิ ผล
ในชวี ิตประจาวนั นาเสนอ จะชว่ ยให้ การแกป้ ัญหาทาไดอ้ ย่างรวดเร็ว ถูกตอ้ ง
และแม่นยา

• ตวั อยา่ งปัญหา เชน่ ถา่ ยภาพ และสารวจแผนท่ี ใน

ทอ้ งถ่นิ เพื่อนาเสนอแนวทางในการจดั การพนื้ ท่ีวา่ งใหเ้ กดิ

ประโยชน์ ทาแบบสารวจความคดิ เห็นออนไลน์ และวเิ คราะห์

ขอ้ มลู นาเสนอขอ้ มลู โดยการใช้ blog หรอื web page

๕. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ • อนั ตรายจากการใชง้ านและอาชญากรรมทาง -

อยา่ งปลอดภยั มีมารยาท อินเทอรเ์ นต็

เขา้ ใจสิทธแิ ละหนา้ ที่ของตน • มารยาทในการตดิ ต่อสือ่ สารผ่านอินเทอรเ์ น็ต
เคารพในสทิ ธขิ องผอู้ ืน่ แจ้ง (บูรณาการกับวิชาท่ีเกี่ยวขอ้ ง)

ผเู้ กีย่ วขอ้ งเมอ่ื พบขอ้ มลู หรอื

บุคคลท่ีไม่เหมาะสม

ป.6 ๑. ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการ • การแกป้ ัญหาอย่างเป็นขนั้ ตอนจะชว่ ยใหแ้ กป้ ัญหาได้ -

อธิบายและออกแบบวธิ ีการ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

แกป้ ัญหาท่ีพบใน • การใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะเป็นการนากฎเกณฑ์ หรอื เง่อื นไขที่
ชีวติ ประจาวนั ครอบคลมุ ทกุ กรณีมาใชพ้ จิ ารณาในการแกป้ ัญหา
• แนวคดิ ของการทางานแบบวนซา้ และเงื่อนไข

• การพิจารณากระบวนการทางานท่มี ีการทางานแบบวนซา้

หรือเงอื่ นไขเป็นวิธกี ารที่จะชว่ ยใหก้ ารออกแบบวธิ ีการ

แกป้ ัญหาเป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ

• ตวั อย่างปัญหา เช่น การคน้ หาเลขหนา้ ท่ตี อ้ งการใหเ้ ร็ว

ทส่ี ดุ การทายเลข ๑-๑,๐๐๐,๐๐๐ โดยตอบใหถ้ ูกภายใน

๒๐ คาถาม การคานวณเวลาในการเดินทาง โดยคานงึ ถงึ

ระยะทาง เวลาจุดหยุดพกั

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 37

ชน้ั ตวั ชวี้ ดั ที่ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ

๒. ออกแบบและเขยี น • การออกแบบโปรแกรมสามารถทาไดโ้ ดยเขยี น เป็น -

โปรแกรมอยา่ งง่าย เพ่ือ ขอ้ ความหรือผงั งาน -
แกป้ ัญหาในชีวิตประจาวนั • การออกแบบและเขยี นโปรแกรมทม่ี ีการใชต้ วั แปร การวน -
ตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของ ซา้ การตรวจสอบเง่ือนไข
โปรแกรมและแกไ้ ข • หากมีขอ้ ผดิ พลาดใหต้ รวจสอบการทางานทีละคาส่งั เม่ือ
พบจดุ ที่ทาใหผ้ ลลพั ธไ์ ม่ถูกตอ้ งใหท้ าการแกไ้ ขจนกว่าจะได้

ผลลพั ธท์ ี่ถูกตอ้ งการฝึกตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรม

ของ

ผูอ้ น่ื จะชว่ ยพฒั นาทกั ษะการหาสาเหตุของปัญหาไดด้ ียิง่ ขนึ้

• ตวั อย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมเกม โปรแกรมหาค่า

ค.ร.น. เกมฝึกพิมพ์

• ซอฟตแ์ วรท์ ใ่ี ชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch,

๓. ใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตในการ logo
• การคน้ หาอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เป็นการคน้ หาขอ้ มลู ทไ่ี ด้

คน้ หาขอ้ มลู อย่างมี ตรงตามความตอ้ งการในเวลาทรี่ วดเร็ว จากแหล่งขอ้ มลู ที่
ประสทิ ธภิ าพ นา่ เช่อื ถอื หลายแหลง่ และขอ้ มลู มีความสอดคลอ้ งกนั
• การใชเ้ ทคนิคการคน้ หาขน้ั สงู เช่น การใชต้ วั ดาเนินการ

การระบุรูปแบบของขอ้ มลู หรือชนิดของไฟล์

• การจดั ลาดบั ผลลพั ธจ์ ากการคน้ หาของโปรแกรมคน้ หา

• การเรยี บเรียง สรุปสาระสาคญั (บรู ณาการกบั วชิ า

ภาษาไทย)

๔. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ • อนั ตรายจากการใชง้ านและอาชญากรรมทางอินเทอรเ์ น็ต

ทางานร่วมกันอย่างปลอดภยั แนวทางในการปอ้ งกนั

เขา้ ใจสิทธิและหนา้ ท่ขี องตน • วธิ กี าหนดรหสั ผ่าน
เคารพในสทิ ธขิ องผอู้ ืน่ แจง้ • การกาหนดสทิ ธ์กิ ารใชง้ าน (สิทธ์ใิ นการเขา้ ถงึ )
ผเู้ กยี่ วขอ้ งเมอ่ื พบขอ้ มลู หรอื • แนวทางการตรวจสอบและป้องกันมลั แวร์
บคุ คลทไี่ มเ่ หมาะสม • อนั ตรายจากการตดิ ตง้ั ซอฟตแ์ วรท์ ่อี ยบู่ นอนิ เทอรเ์ น็ต

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 38

กลุ่ม าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ระดบั ประถม กึ า

ราย ิชาพื้นฐาน

๑๑๑๐๑ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี จำน น 12๐ช่ั โมง

๑๒๑๐๑ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี จำน น 12๐ชั่ โมง

๑๓๑๐๑ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี จำน น 12๐ช่ั โมง

๑๔๑๐๑ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี จำน น 12๐ชั่ โมง

๑๕๑๐๑ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี จำน น 12๐ชั่ โมง

๑๖๑๐๑ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี จำน น 12๐ชั่ โมง

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 39

๑๑๑๐๑ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี

ราย ชิ าพื้นฐาน กล่มุ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ชน้ั ประถม ึก าปีที่ ๑ เ ลา 120 ช่ั โมง

_______________________________________________________________________

กึ าและเรียนรู้เก่ีย กบั ลัก ณะและ น้าที่ของ ่ นต่างๆ ของร่างกายมนุ ย์ ัต ์ และพืช ร มท้ัง

การทำ น้าที่ร่ มกันของ ่ นต่างๆ ของรา่ งกายมนุ ย์ ค าม ำคญั ของร่างกายตนเองและการดแู ลรัก าค าม

ะอาด ่ นต่างๆอยา่ งถูกต้องและปลอดภยั ชอื่ พชื และ ัต ท์ อี่ า ัยอย่บู ริเ ณต่างๆ ภาพแ ดล้อมที่เ มาะ ม

ในบรเิ ณท่พี ืชและ ตั อ์ า ัยอยู่ มบัตทิ ี่ ังเกตไดข้ อง ั ดุท่ีใชท้ ำ ตั ถุ ซ่ึงทำจาก ั ดุชนิดเดีย รอื ลายชนิด

ประกอบกันชนิดของ ั ดุและจัดกลุ่มตาม มบัติที่ ังเกต การเกิดเ ียงและทิ ทางการเคลื่อนที่ของเ ียง

ลกั ณะภายนอกของ ินจากลัก ณะเฉพาะตั ที่ ังเกต ดา ท่ีปรากฏบนท้องฟา้ ในเ ลากลาง ันและกลางคืน

และ าเ ตุที่มองไม่เ ็นดา ่ นใ ญ่ในเ ลากลาง ัน ร มท้ังการแก้ปัญ าอย่างง่ายโดยใช้ข้ันตอนการ

แกป้ ัญ า การแ ดงลำดับขน้ั ตอนการทำงาน รือการแกป้ ัญ าโดยใชภ้ าพ ัญลกั ณ์ รอื ข้อค าม ตลอดจน

การเขียนโปรแกรม ร้างลำดับของคำ ่ังใ ้คอมพิ เตอร์ทำงาน ึก าการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีเบ้ืองต้น

การใช้ซอฟต์แ ร์เบื้องต้น การ ร้างและจัดเก็บไฟล์อย่างเป็นระบบและการใช้เทคโนโลยี าร นเท อย่าง

ปลอดภัย

โดยมุ่ง ังใ ้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ิทยา า ตร์ที่ ามารถนำไปใช้อธิบาย แก้ไขปัญ า รือ ร้าง รรค์

พัฒนางานในชี ิตจริงได้ ซึ่งเน้นการเชื่อมโยงค ามรู้ทาง ิทยา า ตร์ คณิต า ตร์ และเทคโนโลยี กับ

กระบ นการทาง ิ กรรม า ตร์และใ ้มีทกั ะ ำคัญในการค้นค า้ และ ร้างองคค์ ามรู้ โดยใช้กระบ นการ

ืบเ าะ าค ามรแู้ ละการแก้ปัญ าที่ ลาก ลาย

เพื่อใ ้ผู้เรียนเกิดค ามรู้ ค ามเข้าใจ มีทัก ะการคิดเชิงคำน ณ การคิด ิเคราะ ์ แก้ปัญ าเป็น

ข้นั ตอนและเป็นระบบมีทัก ะในการใช้เทคโนโลยี และการ ือ่ ารเบอ้ื งต้นในการแก้ปัญ าท่ีพบในชี ิตจริงได้

อยา่ งประ ทิ ธภิ าพ และการดำรงชี ิตจน ามารถพัฒนากระบ นการคิดและจินตนาการ ค าม ามารถในการ

แก้ปัญ าและการจัดการทัก ะในการ ื่อ ารและค าม ามารถในการตดั ินใจ และเปน็ ผ้ทู ่ีมจี ติ ิทยา า ตร์

มคี ุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มในการใช้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยีอย่าง รา้ ง รรค์

ร ั ตั ช้ี ัด
๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒
๑.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒

๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒
๒.๓ ป.๑/๑
๓.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒

๓.๒ ป.๑/๑
๘.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕
ร มทงั้ มด ๑๕ ตั ช้ี ดั

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 40

๑2๑๐๑ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี

ราย ชิ าพนื้ ฐาน กลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ชน้ั ประถม ึก าปีท่ี ๒ เ ลา 120 ชั่ โมง

_______________________________________________________________________

ึก า เรียนรู้และเปรียบเทียบเกี่ย กับ ิ่งที่อยู่รอบตั ท้ังท่ีเป็น ิ่งมีชี ิตและ ิ่งไม่มีชี ิต ่ิงมีชี ิต
ตอ้ งการอา ารมีการ ายใจ เจริญเติบโต ขับถา่ ย เคล่ือนไ ตอบ นองต่อ ิ่งเร้า และ ืบพันธุ์ เปรียบเทียบ
มบตั ิการดูดซับนำ้ ของ ั ดุ ร มทั้งการนำ ั ดุบางอย่างมาผ มกันซ่ึงทำใ ้ได้ มบตั ิทเ่ี มาะ มเพ่ือนำไปใช้

ประโยชน์ โดย ามารถเลอื กนำ ั ดุมาทำเปน็ ตั ถุในการใชง้ านตาม ตั ถุประ งค์ข้นึ อยู่กบั มบตั ิ และตระ นัก
ถึงประโยชน์ของการนำ ั ดุที่ใชแ้ ล้ กลับมาใช้ใ ม่ การเคล่ือนที่ของแ งจากแ ล่งกำเนิด และอธิบายการ
มองเ ็น ัตถุเมื่อมีแ งจาก ัตถุมาเข้าตาจะทำใ ้มองเ ็น ัตถุน้ัน ร มท้ังตระ นักถึงคุณค่าของตาและมี

แน ทางปอ้ งกันอันตรายจากการมอง ตั ถุท่ีอยู่ในบริเ ณท่มี ีแ ง ่างไม่เ มาะ ม ระบุ ่ นประกอบของดิน
ชนิดของดิน โดยใช้ลกั ณะเนอื้ ดินเป็นเกณฑ์ และการใช้ประโยชน์ของดิน การแ ดงลำดับข้ันตอนการทำงาน
รือการแกป้ ัญ าอยา่ งง่ายโดยใช้ภาพ ัญลกั ณ์ รือขอ้ ค ามเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยใชซ้ อฟตแ์ ร์ รือ

ือ่ และตร จ าขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรมใชเ้ ทคโนโลยีในการ ร้าง จดั ม ด มู่ ค้น า จัดเกบ็ เรยี กใชข้ อ้ มูล
ตาม ัตถุประ งค์ใช้เทคโนโลยี าร นเท อย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้คอมพิ เตอร์ร่ มกัน
ดแู ลรกั าอปุ กรณ์เบอื้ งต้น ใชง้ านอย่างเ มาะ ม

โดยมุ่ง ังใ ้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ิทยา า ตร์ท่ี ามารถนำไปใช้อธิบาย แก้ไขปัญ า รือ ร้าง รรค์
พัฒนางานในชี ิตจริงได้ ซึ่งเน้นการเชื่อมโยงค ามรู้ทาง ิทยา า ตร์ คณิต า ตร์ และเทคโนโลยี กั บ
กระบ นการทาง ิ กรรม า ตร์และใ ้มที ัก ะ ำคัญในการค้นค ้าและ รา้ งองค์ค ามรู้ โดยใชก้ ระบ นการ

ืบเ าะ าค ามร้แู ละการแกป้ ญั าท่ี ลาก ลาย
เพ่ือใ ้ผู้เรียนเกิดค ามรู้ ค ามเข้าใจ มีทัก ะการคิดเชิงคำน ณ การคิด ิเคราะ ์ แก้ปัญ าเป็น

ขนั้ ตอนและเป็นระบบมีทัก ะในการใช้เทคโนโลยี และการ อื่ ารเบอ้ื งตน้ ในการแก้ปัญ าทีพ่ บในชี ติ จรงิ ได้

อยา่ งประ ทิ ธภิ าพ และการดำรงชี ิตจน ามารถพฒั นากระบ นการคดิ และจนิ ตนาการ ค าม ามารถในการ
แก้ปัญ าและการจดั การทัก ะในการ ่ือ ารและค าม ามารถในการตัด ินใจ และเปน็ ผทู้ ี่มีจติ ทิ ยา า ตร์
มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมในการใช้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยีอยา่ ง ร้าง รรค์

ร ั ตั ชี้ ัด
๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓
๑.๓ ป.๒/๑

๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔
๒.๓ ป.๒/๑, ป.๒/๒
๓.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒

๔.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔
ร มทัง้ มด ๑๖ ตั ชี้ ัด

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 41

๑3๑๐๑ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ราย ิชาพ้ืนฐาน กลุม่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ชน้ั ประถม กึ าปีที่ ๓ เ ลา 120 ช่ั โมง

________________________________________________________________________

ึก าและเรียนรู้เก่ีย กับ ่ิงที่จำเป็นต่อการดำรงชี ิตและการเจริญเติบโตของมนุ ย์และ ัต ์

ตระ นักถงึ ประโยชน์ของอา าร น้ำและอากา โดยการดแู ลตนเองและ ตั ใ์ ไ้ ด้รบั งิ่ เ ล่าน้อี ย่างเ มาะ ม

ร้างแบบจำลอง ฏั จักรชี ิตของ ัต ์ ัตถุประกอบข้ึนจากช้ิน ่ นย่อยๆซ่ึง ามารถแยกออกจากกันได้และ

ประกอบกันเปน็ ัตถชุ ้นิ ใ มไ่ ด้ การเปลยี่ นแปลงของ ั ดเุ มอ่ื ทำใ ร้ อ้ นข้ึน รอื ทำใ เ้ ยน็ ลง ระบุผลของแรงทม่ี ี

ต่อการเปลี่ยนแปลง การเคลือ่ นท่ีของ ัตถุ เปรียบเทียบและยกตั อย่างแรง ัมผั และแรงไม่ ัมผั ที่มีผลต่อ

การเคลอื่ นท่ีของ ตั ถุ จำแนก ัตถุโดยใช้การดึงดดู กับแม่เ ล็กเป็นเกณฑ์ ระบุข้ั แม่เ ล็กและพยากรณ์ผลท่ี

เกดิ ขึ้นระ า่ งขั้ แม่เ ล็กเม่ือนำมาเข้าใกลก้ ัน ยกตั อยา่ งการเปลีย่ นพลงั งาน นึ่งไปเป็นอีกพลงั งาน นง่ึ การ

ทำงานของเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้าและ ระบุแ ล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้า ตระ นกั ในประโยชน์และโท ของ

ไฟฟ้า โดยนำเ นอ ธิ ีการใชไ้ ฟฟา้ อย่างประ ยดั และปลอดภัย อธบิ ายเ ้นทางการขึน้ และตกของด งอาทติ ย์

าเ ตุการเกิดปรากฏการณ์การขึ้นและตกของด งอาทติ ย์ การเกิดกลาง ันกลางคืนและการกำ นดทิ โดยใช้

แบบจำลอง ค าม ำคัญของด งอาทิตย์ โดยบรรยายประโยชน์ของด งอาทิตย์ต่อ ่ิงมีชี ิต ระบุ

่ นประกอบของอากา ค าม ำคัญของอากา และผลกระทบของมลพิ ทางอากา ต่อ ่ิงมีชี ิต โดย

นำเ นอแน ทางการปฏิบัติตนในการลดการเกิดมลพิ ทางอากา การเกิดลม ประโยชน์และโท ของลม

การแ ดงอัลกอริทึมในการทำงาน รือการแก้ปัญ าอย่างง่ายโดยใช้ภาพ ัญลัก ณ์ รือข้อค าม เขียน

โปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ซอฟต์แ ร์ รือ ่ือ และตร จ าข้อผิดพลาดของโปรแกรม ใช้อินเทอร์เน็ตค้น า

ค ามรู้ร บร ม ประม ลผล และนำเ นอข้อมูล โดยใช้ซอฟต์แ ร์ตาม ัตถุประ งค์และใช้เทคโนโลยี

าร นเท อยา่ งปลอดภยั ปฏิบัตติ ามขอ้ ตกลงในการใชอ้ ินเทอร์เน็ต

โดยมุ่ง ังใ ้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ิทยา า ตร์ที่ ามารถนำไปใช้อธิบาย แก้ไขปัญ า รือ ร้าง รรค์

พัฒนางานในชี ิตจริงได้ ซ่ึงเน้นการเช่ือมโยงค ามรู้ทาง ิทยา า ตร์ คณิต า ตร์ และเทคโนโลยี กับ

กระบ นการทาง ิ กรรม า ตรแ์ ละใ ้มีทัก ะ ำคัญในการค้นค า้ และ ร้างองค์ค ามรู้ โดยใช้กระบ นการ

บื เ าะ าค ามรู้และการแกป้ ญั าที่ ลาก ลาย

เพื่อใ ้ผู้เรียนเกิดค ามรู้ ค ามเข้าใจ มีทัก ะการคิดเชิงคำน ณ การคิด ิเคราะ ์ แก้ปัญ าเป็น

ข้ันตอนและเปน็ ระบบมีทัก ะในการใช้เทคโนโลยี และการ ือ่ ารเบือ้ งต้นในการแก้ปัญ าทพี่ บในชี ิตจรงิ ได้

อยา่ งประ ิทธภิ าพ และการดำรงชี ิตจน ามารถพฒั นากระบ นการคดิ และจินตนาการ ค าม ามารถในการ

แก้ปัญ าและการจดั การทัก ะในการ ่ือ ารและค าม ามารถในการตัด ินใจ และเปน็ ผูท้ ี่มีจิต ทิ ยา า ตร์

มคี ุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมในการใช้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยีอย่าง รา้ ง รรค์

ร ั ตั ช้ี ดั

๑.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒
๒.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔

๒.๓ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓
๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓
๓.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔

๔.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕
ร มท้งั มด ๒๕ ตั ชี้ ัด

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 42

๑4๑๐๑ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี

ราย ชิ าพนื้ ฐาน กลุม่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ชัน้ ประถม กึ าปีท่ี ๔ เ ลา 12๐ ชั่ โมง

________________________________________________________________________

ึก าและเรยี นรู้เกย่ี กับการจดั กลุ่ม งิ่ มชี ี ติ การจำแนกพชื เป็นพืชดอกและพืชไม่มดี อก น้าทขี่ อง

่ นต่างๆของพืช การจำแนก ัต ์มีกระดูก ัน ลังและ ัต ์ไม่มีกระดูก ัน ลัง ลัก ณะเฉพาะท่ี ังเกตได้

ของ ตั ์มกี ระดูก ัน ลัง ผลของแรงโน้มถ่ งของโลก การใชเ้ ครอ่ื งชงั่ ปริง ัดน้ำ นักของ ัตถุ ม ลของ ตั ถทุ ่ี

มผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงการเคลอ่ื นทข่ี อง ัตถุ การจำแนก ตั ถเุ ป็นตั กลางโปร่งใ ตั กลางโปรง่ แ ง และ ัตถุ

ทึบแ ง มบัติทางกายด้านค ามแขง็ ภาพยดื ยนุ่ การนำค ามรอ้ น และการนำไฟฟ้าของ ั ดุ การนำ มบตั ิ

ทางกายภาพของ ั ดไุ ปใช้ในชี ิตประจำ นั มบตั ขิ อง ารทั้ง 3 ถานะ จากขอ้ มูลท่ไี ด้จากการ ังเกต ม ล

ตอ้ งการที่อยู่ รูปร่างและปริมาตรของ าร ร มท้ังการใช้เครื่องมอื เพื่อ ัดม ลและปริมาตรของ ารทั้ง 3

ถานะ รา้ งแบบจำลองแ ดงองค์ประกอบของระบบ ุริยะ และคาบการโคจรของดา เคราะ ์ต่างๆ จาก

แบบจำลอง แบบรปู เ น้ ทางการขนึ้ และตกของด งจนั ทร์ ร้างแบบจำลองทอ่ี ธบิ ายแบบรูปการเปล่ียนรปู ร่าง

ปรากฏของด งจันทร์และพยากรณ์รูปร่างปรากฏของด งจันทร์ ึก าการใช้เ ตุผลเชิงตรรกะในการ

แก้ปัญ า มาใช้พิจารณาในการแก้ปัญ า การอธิบายการทำงาน รือการคาดการณ์ผลลัพธ์ ึก าการ

ออกแบบโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ storyboard รือ การออกแบบอลั กอริทมึ การเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย

โดยใช้ซอฟต์แ ร์ Scratch รือ logo ึก าการใช้อินเทอร์เน็ตค้น าค ามรู้ การใช้คำค้นที่ตรงประเด็น

กระชบั การประเมนิ ค ามนา่ เช่อื ถอื ของข้อมลู กึ าการร บร มขอ้ มลู การประม ลผลอย่างง่าย เิ คราะ ์ผล

และ ร้างทางเลือกท่ีเป็นไปได้ ตลอดจนประเมินทางเลือก พร้อมทั้งการนำเ นอข้อมูลในรูปแบบตามค าม

เ มาะ ม

โดยมุ่ง ังใ ้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ิทยา า ตร์ท่ี ามารถนำไปใช้อธิบาย แก้ไขปัญ า รือ ร้าง รรค์

พัฒนางานในชี ิตจริงได้ ซ่ึงเน้นการเชื่อมโยงค ามรู้ทาง ิทยา า ตร์ คณิต า ตร์ และเทคโนโลยี กับ

กระบ นการทาง ิ กรรม า ตร์ และใ ม้ ีทกั ะ ำคัญในการคน้ ค ้าและ ร้างองค์ค ามรโู้ ดยใช้กระบ นการ

บื เ าะ าค ามรู้และการแกป้ ัญ าท่ี ลาก ลาย

เพื่อใ ้ผู้เรียนเกิดค ามรู้ ค ามเข้าใจ มีทัก ะการคิดเชิงคำน ณ การคิด ิเคราะ ์ แก้ปัญ าเป็น

ขัน้ ตอนและเป็นระบบมีทัก ะในการใช้เทคโนโลยี และการ ือ่ ารเบือ้ งตน้ ในการแก้ปัญ าท่ีพบในชี ติ จรงิ ได้

อย่างประ ิทธิภาพ และการดำรงชี ิตจน ามารถพฒั นากระบ นการคิดและจนิ ตนาการ ค าม ามารถในการ

แก้ปัญ าและการจดั การทัก ะในการ ื่อ ารและค าม ามารถในการตัด ินใจ และเป็นผทู้ ่ีมีจิต ทิ ยา า ตร์

มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใช้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยอี ย่าง ร้าง รรค์

ร ั ตั ชี้ ัด

๑.๒ ป.๔/๑

๑.๓ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔

๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔

๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓

๒.๓ ป.๔/๑

๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓

๔.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕

ร มทงั้ มด 21 ตั ชี้ ัด

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 43

๑5๑๐๑ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี

ราย ชิ าพ้นื ฐาน กล่มุ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ชั้นประถม ึก าปีท่ี ๕ เ ลา 120 ชั่ โมง

________________________________________________________________________

ึก า ิเคราะ ์โครง ร้างและลัก ณะของ ่ิงมีชี ิต ค าม ัมพันธ์ระ ่าง ่ิงมชี ี ติ กบั ่งิ มชี ี ติ และ

ค าม มั พันธร์ ะ ่าง งิ่ มีชี ิตกับ ง่ิ ไม่มีชี ิต เขียนโซอ่ า าร และระบุบทบาท น้าท่ีของผูผ้ ลิตและผบู้ ริโภค

ในโซอ่ า ารโดยมี ่ นร่ มในการดูแลรกั า ่ิงแ ดล้อม การถ่ายทอดลัก ณะทางพนั ธกุ รรมของ ่งิ มชี ี ิตในแต่

ละรุ่น อธบิ ายการเปลีย่ น ถานะของ าร เขียนแผนภาพและ ิธีการ าแรงลัพธข์ องแรง ลายแรงในแน

เดีย กัน ใชเ้ ครอ่ื งช่ัง ปริงในการ ดั แรงทีก่ ระทำตอ่ ตั ถุ เขียนแผนภาพและระบุผลของแรงเ ยี ดทานทมี่ ี

ต่อการเปล่ียนแปลงการเคลอ่ื นท่ีของ ตั ถุ การได้ยินเ ียงผ่านตั กลาง เปรยี บเทียบค ามแตกต่างของดา

เคราะ ์และดา ฤก ์ ใช้แผนท่ีดา ระบุตำแ น่งและเ ้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดา ฤก ์บนท้องฟ้า

เปรียบเทียบและระบปุ ริมาณน้ำที่มนุ ย์ ามารถนำมาใช้ประโยชน์และการอนรุ ัก น์ ้ำ กระบ นการเกิดเมฆ

มอก น้ำค้าง นำ้ ค้างแขง็ ฝน มิ ะ ลูกเ ็บ และ ฏั จกั รน้ำ ออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้เ ตุผล

เชิงตรรกะอย่างง่าย ใช้เ ตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญ า การอธบิ ายการทำงาน การคาดการณผ์ ลลัพธ์ จาก

ปญั าอย่างง่าย ตร จ าข้อผิดพลาดและแกไ้ ข ใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตค้น าข้อมูล ตดิ ต่อ ื่อ ารและทำงานร่ มกัน

ประเมินค ามนา่ เชื่อถือของข้อมูล ร บร ม ประเมิน นำเ นอข้อมลู และ าร นเท ตาม ัตถุประ งค์โดยใช้

ซอฟต์แ ร์ รือบริการบนอินเทอรเ์ น็ตที่ ลาก ลาย เพื่อแก้ปัญ าในชี ิตประจำ ัน ใช้เทคโนโลยี าร นเท

อย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจ ิทธิและ น้าท่ีของตน เคารพใน ิทธิของผู้อ่ืน แจ้งผเู้ ก่ีย ขอ้ งเม่อื พบขอ้ มูล

รือบุคคลทไี่ ม่เ มาะ ม

โดยมุ่ง ังใ ้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ิทยา า ตร์ที่ ามารถนำไปใช้อธิบาย แก้ไขปัญ า รือ ร้าง รรค์

พัฒนางานในชี ิตจริงได้ ซึ่งเน้นการเช่ือมโยงค ามรู้ทาง ิทยา า ตร์ คณิต า ตร์ และเทคโนโลยี กับ

กระบ นการทาง ิ กรรม า ตรแ์ ละใ ้มีทกั ะ ำคัญในการค้นค ้าและ ร้างองคค์ ามรู้ โดยใช้กระบ นการ

บื เ าะ าค ามร้แู ละการแกป้ ัญ าท่ี ลาก ลาย

เพื่อใ ้ผู้เรียนเกิดค ามรู้ ค ามเข้าใจ มีทัก ะการคิดเชิงคำน ณ การคิด ิเคราะ ์ แก้ปัญ าเป็น

ข้ันตอนและเป็นระบบมีทกั ะในการใช้เทคโนโลยี และการ ่ือ ารเบ้ืองตน้ ในการแกป้ ัญ าทีพ่ บในชี ิตจรงิ ได้

อย่างประ ทิ ธิภาพ และการดำรงชี ิตจน ามารถพฒั นากระบ นการคิดและจนิ ตนาการ ค าม ามารถในการ

แก้ปัญ าและการจดั การทัก ะในการ ่ือ ารและค าม ามารถในการตดั ินใจ และเป็นผทู้ ่ีมีจติ ทิ ยา า ตร์

มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมในการใช้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยีอย่าง รา้ ง รรค์

ร ั ตั ช้ี ดั

๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔

๑.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒

๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔

๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕

๒.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕

๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒

๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕

๔.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕

ร มทัง้ มด ๓๒ ตั ชี้ ัด

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 44

๑6๑๐๑ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ราย ชิ าพ้นื ฐาน กลุ่ม าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี

ช้นั ประถม กึ าปีที่ ๖ เ ลา 120 ช่ั โมง

_______________________________________________________________________

ึก า เิ คราะ ์ ระบุ ารอา ารและบอกประโยชนข์ อง ารอา ารทต่ี นเองรบั ประทาน อภิปรายค าม

จำเปน็ ทร่ี ่างกายตอ้ งได้รบั ารอา ารใน ดั ่ นท่ีเ มาะ มกับเพ และ ยั ร้างแบบจำลองและบรรยาย นา้ ที่

และแน ทางในการดูแลรัก าอ ยั ะในระบบย่อยอา าร การแยก ารผ มโดยการ ยิบออก การรอ่ น การใช้

แม่เ ล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอน การเกิดและผลของแรงไฟฟ้าซ่ึงเกิดจาก ัตถทุ ี่ผา่ น

การขัดถู ระบุ ่ นประกอบ น้าที่ของแต่ละ ่ นประกอบของ งจรไฟฟ้าอย่างงา่ ย เขียนแผนภาพและต่อ

งจรไฟฟ้าอย่างง่าย การอธิบายการต่อ ลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนานและการประยุกต์ใช้ใน

ชี ติ ประจำ นั เขยี นแผนภาพรัง ีของแ ง การเกิดเงามืดเงามั ปรากฏการณ์ รุ ยิ ุปราคาและจันทรปุ ราคา

พัฒนาการของเทคโนโลยีอ กา และยกตั อย่างการนำเทคโนโลยีอ กา มาใช้ประโยชน์ในชี ิตประจำ ัน

กระบ นการเกิด ินอคั นี ินตะกอน และ นิ แปร และ ัฏจกั ร ินจากแบบจำลอง บรรยายและยกตั อย่างการ

ใช้ประโยชน์ของ ินและแร่ในชี ิตประจำ ัน การเกิดซากดึกดำ-บรรพ์และคาดคะเน ภาพแ ดล้อมใน

อดีตของซากดึกดำบรรพ์ การเกิดลมบก ลมทะเล และมร ุม ผลของมร ุมต่อการเกิดฤดูของประเท ไทย

ลัก ณะและผลกระทบของนำ้ ท่ มการกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่มแผ่นดินไ นึ ามิ ตระ นักถงึ ผลกระทบของ

ภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย โดยนำเ นอแน ทางในการเฝ้าระ ังและปฏิบัติตนใ ้ปลอดภัย การเกิด

ปรากฏการณ์เรือนกระจกและผลของปรากฏการณเ์ รอื นกระจกตอ่ งิ่ มชี ี ติ โดยนำเ นอแน ทางการปฏิบตั ิตน

เพอื่ ลดกิจกรรมท่กี อ่ ใ เ้ กิดแก๊ เรอื นกระจก ใชเ้ ตผุ ลเชิงตรรกะในการอธบิ ายและออกแบบ ิธีการแกป้ ัญ า

ท่ีพบในชี ิตประจำ ัน ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพื่อแก้ปัญ าในชี ิตประจำ ัน ตร จ า

ข้อผิดพลาดของโปรแกรมและแก้ไข ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้น าข้อมูลอย่างมีประ ิทธภิ าพ ใช้เทคโนโลยี

าร นเท ทำงานร่ มกนั อย่างปลอดภยั เขา้ ใจ ทิ ธิและ น้าท่ีของตน เคารพใน ิทธขิ องผู้อื่น แจง้ ผู้เกยี่ ข้อง

เม่ือพบข้อมูล รอื บุคคลที่ไมเ่ มาะ ม

โดยมุ่ง ังใ ้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ิทยา า ตร์ที่ ามารถนำไปใช้อธิบาย แก้ไขปัญ า รือ ร้าง รรค์

พัฒนางานในชี ิตจริงได้ ซึ่งเน้นการเชื่อมโยงค ามรู้ทาง ิทยา า ตร์ คณิต า ตร์ และเทคโนโลยี กับ

กระบ นการทาง ิ กรรม า ตรแ์ ละใ ม้ ีทัก ะ ำคญั ในการค้นค า้ และ ร้างองค์ค ามรู้ โดยใช้กระบ นการ

ืบเ าะ าค ามรแู้ ละการแก้ปัญ าท่ี ลาก ลาย

เพ่ือใ ้ผู้เรียนเกิดค ามรู้ ค ามเข้าใจ มีทัก ะการคิดเชิงคำน ณ การคิด ิเคราะ ์ แก้ปัญ าเป็น

ขั้นตอนและเป็นระบบมีทัก ะในการใช้เทคโนโลยี และการ ื่อ ารเบื้องต้นในการแก้ปัญ าที่ และการ

ดำรงชี ิตจน ามารถพัฒนากระบ นการคิดและจินตนาการ ค าม ามารถในการแก้ปัญ าและการจัดการ

ทกั ะในการ อ่ื ารและค าม ามารถในการตดั นิ ใจ และเปน็ ผู้ท่ีมจี ติ ทิ ยา า ตร์ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และ

คา่ นิยมในการใช้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยีอยา่ ง ร้าง รรค์

ร ั ตั ชี้ ดั
๑.๒ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓ ป.๖/๔,ป.๖/๕

๒.๑ ป.๖/๑
๒.๒ ป.๖/๑
๒.๓ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕,ป.๖/๖,ป.๖/๗,ป.๖/๘

๓.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒
๓.๒ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕,ป.๖/๖,ป.๖/๗,ป.๖/๘, ,ป.๖/๙

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 45
๔.๒ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔

ร มทั้ง มด ๓o ตั ชี้ ัด

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 46

โครง ร้างราย ิชาพ้ืนฐาน

11101 ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี 1 กลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ช้ันประถม ึก าปีที่ 1 เ ลา 120 ชั่ โมง

น่ ย ชื่อ น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคญั จำน น นำ้ นัก
ที่ )ช่ั โมง( คะแนน

1 ตั เรา พชื และ ัต ์ 1.2 ป.1/1 ระบุช่อื บรรยาย - การดำรงชี ติ ของพชื (8) (10)
ลัก ณะและบอก น้าที่ของ - ระบบรา่ งกายมนุ ยแ์ ละ 4 5

่ นตา่ งๆของรา่ งกายมนุ ย์ ตั ์
ัต ์ และพืช ร มท้ังบรรยาย

การทำ น้าทรี่ ่ มกันของ ่ น

ต่างๆ ของร่างกายมนุ ย์ใน

การทำกิจกรรมต่าง ๆ จาก

ขอ้ มูลทร่ี บร มได้

1.2 ป.1/2 . ตระ นักถงึ - ค าม ำคัญของ ่ นตา่ งๆ 4 5

ค าม ำคญั ของ ่ นตา่ งๆ ของร่างกาย (10)
5
ของร่างกายตนเองโดยการ - การดแู ล ่ นตา่ ง ๆ ของ 5
ดูแล ่ นต่างๆ อยา่ ถูกตอ้ งใ ้ ร่างกายอยา่ งถูกต้องและ
ปลอดภัย และรกั าค าม (15)
ปลอดภยั 5
ะอาดอยูเ่ มอ
5
2 พชื และ ัต ใ์ น 1.1 ป1/1 ระบุชอื่ พชื และ - พชื และ ตั ์ทีอ่ า ยั อยู่ (8) 5

ท้องถ่นิ ตั ์ท่อี า ยั อยบู่ ริเ ณต่างๆ บริเ ณตา่ งๆ 4

จากข้อมลู ที่ร บร มได้

1.1 ป.1/2 . บอก - การดำรงชี ิตของ ัต ์ 4

ภาพแ ดล้อมท่เี มาะ มกบั

การดำรงชี ติ ของ ัต ใ์ น

บรเิ ณท่ีอา ยั อยู่

3 ั ดแุ ละการเกดิ เ ียง 2.1 ป.1/1 อธบิ าย มบตั ทิ ี่ - มบัตขิ อง ั ดทุ ใ่ี ชท้ ำ ัตถุ (12)
งั เกตไดข้ อง ั ดุท่ีใชท้ ำ ัตถุ ซง่ึ ทำจาก ั ดุชนิดเดีย 4

ซึง่ ทำจาก ั ดุชนิดเดยี รือ รอื ลายชนดิ ประกอบ
ลายชนิดประกอบกัน โดยใช้ กัน
ลกั ฐานเชิงประจัก ์

2.1 ป.1/2 ระบชุ นิดของ - ชนิดของ ั ดุ 4

ั ดุและจดั กลมุ่ ั ดตุ าม - การจดั กลมุ่ ั ดตุ าม
มบตั ิที่ ังเกตได้
มบตั ิที่ ังเกตได้

2.3 ป.1/1 บรรยายการ - การเกิดเ ยี งและทิ 4

เกดิ เ ียงและทิ ทางการ ทางการเคล่ือนท่ขี องเ ยี ง

เคลื่อนที่ ของเ ียงจาก


Click to View FlipBook Version